ดีที่ไม่ได้บอกไปด้วยว่าใครบางคนก็ขอแต่งงานที่นี่ไม่ใช่หรอ
"คิดถึงโรงเรียนเนอะ ขุนพล...เดี๋ยวไปหาครูที่นั่นหน่อยมั้ย"ไม่ตอบความสงสัยของริวผมเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันหน้าไปคุยกับขุนพลแทน
"คิดงั้นอยู่พอดี...เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รีสอร์ทแล้วไปห้างกันจากนั้นแวะไปที่โรงเรียนเก่าของเรากันเนอะ โน"ขุนพลหันมายิ้มให้ผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อ
"พี่พลนอกใจผมซะแล้ว"เด็กข้างๆคนขับแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวแต่คำพูดที่สื่อออกมาดูจะล้อเล่นล้อเลียนเสียมากกว่า
"พี่รักใจคนเดียวนะ ถ้างอนเดี๋ยวคืนนี้พี่ง้อขอคืนดีนะครับ ตกลงมั้ย"
"ได้ครับ"สีหน้าของเป็นใจหวอขึ้นมาเมื่อตัวเองตกลงที่จะให้ความร่วมมือสำหรับคืนนี้ หนังสดก็มาเว้ยเห้ย
"มึงแน่ใจหรอว่าจะไม่ถูกหลอกอีก"เพื่อนรักผมถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมส่งสายตาไม่เชื่อใจให้ขุนพล
"ไม่ดีหรอ ถ้ามันหลอกกูมึงจะได้กระทืบมันได้เต็มที่ไง"
"เดี๋ยวกูช่วยยำด้วยอีกคน"เก้งสำทับ
"โห กูไม่กล้าหลอกมึงแล้วล่ะ ยังไม่อยากนับรอยตีนบนร่างกาย"
"ฮ่าๆๆ"หลังจากจบประโยคพร้อมหน้าแหยๆของขุนพล ทุกคนในรถก็หัวเราะออกมาดังลั่น
"ผมช่วยรุมด้วยๆ"
"เสือก!"ทั้งผม เก้ง ฟอกซ์ และขุนพลต่างร่วมด้วยช่วยกันพูดตอกหน้าคนขี้เสนอหน้าอย่างริว ทำเอามันเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงรีสอร์ทริมหาดที่อาของริวเป็นหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วย 60% เข้ามาถึงก็ถูกพนักงานต้อนรับเป็นอย่างดีและนำทางไปที่ห้องเหมือนกับว่าทุกอย่างเตรียมการมาแล้วล่วงหน้า เมื่อพนักงานสาวทำหน้าที่และแนะนำอะไรๆเสร็จเธอก็จากไป
ห้องที่พวกเราพักเป็นแบบห้องสวีท 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ นี่กะจะรวบหัวรวบหางให้นอนเป็นคู่ๆสินะ ฝันเถอะไอ้พวกหื่นโดยเฉพาะริว ถึงผมจะชอบมันนิดๆหน่อยๆแต่ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ แต่งงานก่อนค่อยว่ากัน ฮ่าๆ
"เดี๋ยวกูนอนกับเป็นใจ ริวกับโน ฟอกซ์กับเก้ง ตกลงตามนี้"
"ไม่ กูจะนอนกับเก้ง"คนที่ผมเอามาอ้างสะดุ้งแล้วมองหน้าผมอย่างงงๆ ผมเลยจ้องตามันอย่างคาดคั้น
"เออๆ กูจะนอนกับโน"
"ไม่ได้ มึงต้องนอนห้องเดียวกับกู"ผัวไอ้เก้งค้าน
"ผมขอนอนคนเดียวนะครับ"เป็นใจพูดออกมา เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าครั้งนี้คำพูดกับการกระทำตรงกัน
"ยังงอนพี่หรอครับใจจ๋า นอนห้องเดียวกันนะๆ ที่รัก"ขุนพลเข้าไปอ้อนจนน้องแกทำหน้าปุเลี่ยนๆ
"แบ่งเป็นคู่ผัวตัวเมียก็ถูกแล้วนี่โน"ริวเสนอแนะ
พวกเราเถียงเรื่องห้องกันจนน้ำลายฝอย เถียงไปเถียงมาผมเลยลากเก้งกับเป็นใจมาจับกลุ่มคุยกัน
"ถ้าคืนนี้มึงไม่อยากโดนไอ้ฟอกซ์เอาจนพวกกูได้ยินก็มานอนกับกูซะ ไม่ใช่ขอร้องแต่เป็นคำสั่ง"
'ผมไม่อยากนอนห้องเดียวกับไอ้พี่พล ผมไม่ได้ชอบมัน'โทรศัพท์ที่มีข้อความถูกยื่นมาให้ผมอ่าน แอบงงๆว่าทำไมน้องเป็นใจถึงไม่พูดแทนแต่ใช้ข้อความ แถมยังบอกว่าไม่ได้รักทั้งๆที่ออกจะหวานชื่นมื่นกัน เอ๊ะ มันยังไงๆ'ผมคิดว่าถ้าพวกเรานอนห้องเดียวกันจะปลอดภัยนะครับ ให้พวกนั้นเอาไปเลยสองห้อง'
ทั้งผมและเก้งต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเป็นใจ ประชุมลับกันอีกนิดหน่อยก็เป็นอันตกลงและเดินไปหาพวกผู้ชาย(ฝ่ายรุก)ที่นั่งจับกลุ่มเหมือนพวกเราบนโซฟาห้องรับแขก เมื่อพวกนั้นเห็นเราก็สลายม็อบทันที
"พวกเราตกลงกันว่าจะนอนห้องเดียวกัน กู เก้ง เป็นใจ ส่วนพวกมึงพวกกูให้ไปเลยสองห้อง...ไม่มีแต่ ไม่งั้นพวกกูจะกลับกรุงเทพฯ"หัวโจกอย่างผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง
เอาล่ะครับตอนนี้ฝ่ายรุกกำลังจ้องพวกผมด้วยสายขู่ฟ่อแต่ฝ่ายรับอย่างพวกเราก็จ้องกลับไปไม่แพ้กัน สมัยนี้ยุคทองของผู้ชายรุกมันเปลี่ยนไปแล้ว ฝ่ายรับอย่างเราๆก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแทนและแน่นอนว่าผัวก็ต้องกลัวเมีย ผลสรุปคือพวกผมชนะขาดลอย ใสๆ หุหุ
"ยอมๆ เห้อ...แยกย้ายเอาของไปเก็บแล้วมารวมตัวกันที่นี่อีก 20 นาทีนะ"ขุนพลยกมือเป็นเชิงว่ายอมแพ้ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินคอตกเข้าห้องไปเป็นคนแรก
ริวมองผมนิ่งๆด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แวบหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นนิ่งๆจากนั้นก็เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ส่วนฟอกซ์ไม่ได้เดินเข้าห้องไปไหนแต่ทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟา มันนั่งทอดสายไปมองที่วิวข้างนอกไม่พูดไม่จากับใครจนเพื่อนผมที่ยืนอยู่ข้างๆทำหน้าสลด
"มึงจะนอนนี่?"เมื่อเห็นว่าเก้งเอาแต่อ้าปากพะงาบๆผมที่รู้ใจเพื่อนเป็นอย่างดีก็ถามให้แทน
"เออ สมใจมึงแล้วนี่ แยกผัวแยกเมียกัน"ผมสะอึกไปกับคำพูดแทงใจของฟอกซ์ พอหันหน้าไปหาเก้งมันก็ส่ายหัวเชิงบอกว่าช่างมัน
ผมถอนหายใจออกมาดังๆแล้วสะพายกระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอน สิ่งแรกที่เห็นคือเตียงขนาดคิงส์ไซส์ ขนาดตัวของผม เก้ง เป็นใจ พอดิบพอดีกับเตียงเลยไม่เป็นปัญหา กระเป๋าสะพายใบใหญ่ถูกโยนไปที่ปลายเตียงจนเด้ง ผมจัดการของใช้เสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า สักพักเก้งกับเป็นใจก็เข้ามาในห้องและจัดการของส่วนตัวของตัวเองเหมือนกัน
เมื่อจัดของเสร็จเป็นคนแรกผมก็เดินออกจากห้องไปหน้าห้องสวีทที่เป็นพื้นหญ้าและสระว่ายน้ำ มีประตูรั้วกั้นระหว่างหาดทรายสีขาวสะอาดตากับผืนหญ้าสีเขียว สามารถเดินผ่านในรั้วลงไปที่หาดได้เลย ส่วนนี้เหมาะสำหรับจัดปาร์ตี้บาร์บีคิ้วอย่างมาก ซึ่งขุนพลก็ได้ออกความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้แล้ว และปาร์ตี้บาร์บีคิวจะจัดขึ้นในคืนพรุ่งนี้
"ทำไมถึงแยกห้องนอนล่ะ กลัวอะไร"ไม่รู้ว่ากี่นาทีที่ผมยืนเหม่อมองออกไปจนไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังได้สักพักแล้ว
"ไม่รู้สิ...ว่าแต่เรื่องของมึงเหอะ เป็นใจบอกกูว่าไม่ได้รักมึง"แอบสังเกตสีหน้าของขุนพล ผมเห็นมันทำหน้าเศร้าๆระคนสับสน สงสารจังแหะรักคนที่ไม่ได้รักมันเหมือน...ผม
"ใจน่ะเป็นเด็กที่ชอบพูดขวานผ่าซาก ถ้ามันไม่ได้รักกูก็ถูกแล้ว แต่...กูหลงรักมันตั้งแต่ตอนนั้น...กูตัดสินใจบอกรักมันและขอคบทั้งๆที่กูก็รู้ว่ามันต้องตอบปฏิเสธแน่ๆแต่...มันกลับตอบตกลง...กูก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนไป พูดจาหวานขึ้น ดีขึ้นแต่การกระทำมันไม่ใช่...กูสับสนว่ะ"ใบหน้าอมทุกข์ของเพื่อนทำให้ผมอดสงสารไม่ได้
"กูไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่...กรรมตามสนองมึงแล้วล่ะ ฮ่าๆ"จะให้ปลอบหรอ ฝันไปเถอะยิ่งคนอย่างโนแล้วไม่มีทาง ฮ่าๆๆ
"ไอ้เพื่อนเวร"จากสีหน้าอมขี้กลับกลายเป็นยักษ์ขมูขีแยกเขี้ยวใส่ ขุนพลยีผมที่ตรงสวยของผมจนฟู แล้วเราสองคนก็หัวเราะกันด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุขอย่างกับย้อนวัยไปเมื่อสมัยมัธยม
"ไปกันได้แล้ว"บุคคลที่สามขัดจังหวะการย้อนวัยของผม ริวเอื้อมมือมาโอบเอวผมแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
"ไม่ต้องหึงน่า มึงควรขอบคุณกูนะที่ได้มาเที่ยวกับโน"ขุนพลตบไหล่ริวเบาๆแล้วเดินเข้าห้องรับแขกไปจับกลุ่มรอกับคนที่เหลือ
"คุยอะไรกัน ทำไมถึงดูสนิทเกินเพื่อน ห้ะ"
"แล้วเราเป็นอะไรกันล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาถามอย่างนี้"ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร ดูจากสีหน้ากระอักกระอ่วนของริว ก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบ
เมื่อริวเดินตามมาพวกเราก็ออกจากรีสอร์ทนั่งรถโฟล์คคันงามคันเดิมไปห้างทันที บรรยากาศในรถต่างจากขามาหัวหินที่ครึกครื้น ตอนนี้ต่างคนต่างแข่งกันเงียบ ของที่เอาออกไปจากเบาะหลังรถที่ปรับขึ้นลงได้ไม่เกะกะอีกต่อไปทำให้ผมกับเก้งย้ายมานั่งข้างหลังแทน รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้ชิบ ผมว่าทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน นี่ผมทำเรื่องที่ผิดพลาดไปรึเปล่านะ
ถึงที่หมายพวกเราก็ลงจากรถกันอย่างเงียบๆอย่างกับเล่นสงครามเย็น ต่างคนต่างเดินเข้าห้างแต่ก็ยังจับกลุ่มกันไว้ ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้ ผมควรทำยังไงดีเพื่อให้ความครึกครื้นกลับมา
โครกกกกครากกก
ทุกคนพากันหันมาเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องดังลั่นกัมปนาท ผมเลยส่งยิ้มแหะๆไปให้ลูบวนท้องเบาๆให้มันสงบ ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินนี่นา นี่ก็ 9 โมงครึ่งแล้ว ปกติแล้วผมกินข้าวเช้าตอน 6 โมง ขุนพลเริ่มขำเป็นคนแรกจากนั้นทุกคนก็ขำตามอย่างช่วยไม่ได้ ขำอร่อยกันเลยทีเดียว
"มีคนประท้วงว่ะ"ขุนพลล้อเลียน
"ไปหาไรกินกันก่อนแล้วกัน"เก้งเสนอแนะ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกันยกใหญ่ อย่าว่าแต่ผมพวกมันก็หิวเหมือนกันนั่นแหละ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ท้องร้องบรรยากาศก็ดีขึ้นทันตาเห็น จากที่เดินแยกฝั่งแยกฝ่ายก็กลับมาเดินเป็นคู่ๆโชว์ความหวานให้ประชาชนเห็นแบบไม่แคร์สื่อ
อ่อ ผมยังเป็นโนที่ใส่แว่นหนาเตอะนะครับ แต่วันนี้ไม่ได้สวมเครื่องประดับระโยงระยางมากมายเพราะผมเป็นเด็กนักเรียนเขาห้ามใส่ครับ หุหุ
เราตกลงจะกินชาบูกัน ผมกับขุนพลที่รู้ทางก็เดินตีคู่นำทางไปด้วยกันและคุยเรื่องสมัยก่อนกันอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้สึกถึงสายตาไม่พอใจของใครบางคนมองมาอยู่เบื้องหลัง
ดีที่พวกเรามากันเช้าทำให้ไม่ต้องต่อคิวรอและเข้าไปกินได้เลย ผมที่หิวหนักมากเริ่มจ้วงก่อนใครเพื่อน หยิบทุกอย่างที่เห็นบนสายพานกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ทุกคนก็เริ่มโซ้ยอาหารตามผมมาติดๆ จานอาหารที่ว่างเปล่าเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสามกระทั่งมันพูนขึ้นอย่างน่าหวาดเสียวว่ามันจะเทกระจาดลงมา พนักงานเดินมาเก็บแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้วพวกเราก็พากันไปซื้อของสดสำหรับทำอาหารเที่ยงนี้และปาร์ตี้คืนพรุ่งนี้ เรื่องอาหารมีผมกับเป็นใจเท่านั้นที่ทำอาหารและเลือกของเป็น พวกที่เหลือก็แค่เดินตามและคว้าขนมนมเนยมาใส่รถเข็นกันอย่างมันส์มือ
เลือกของครบก็เข็นมาจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์หนึ่ง ระหว่างที่พนักงานคิดตังค์ สามหนุ่มสามมุมก็จับกลุ่มหันหน้าไปทางที่มีตะแกรงเล็กๆตั้งอยู่ใกล้เคาท์เตอร์ที่มีหมากฝรั่ง ขนมชิ้นเล็ก ยาดม ของจิปาถะ และถุงยางอนามัย ถ้าให้เดาผมว่าพวกมันต้องมองสิ่งนั้น
มองไม่พอขุนพลก็หยิบคอนดอมรสสตอเบอร์รี่มาจ่ายตังค์เป็นคนแรก ต่อมาก็ฟอกซ์ที่หยิบรสช็อกโกแลตมาสองกล่อง ผมนึกว่าไอ้ริวจะเอากับเขาด้วยแต่เปล่าเลยมันไม่ได้หยิบมา ริวรู้ว่าผมมองอยู่จึงหันมายักคิ้วให้แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ออกมาจากมันแถมยังพูดดังกว่าปกติด้วย
"แดกสไปร์ทต้องใส่ถุงแต่แดกมึงไม่ต้องใส่หรอก สดๆนี่แหละถึงเนื้อดี"
"ไอ้เหี้ย!!"ผมด่ามันด้วยความโกรธปนอายแต่อย่างหลังนี่ท่าจะมากกว่า คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆก็ได้ยินกันถ้วนหน้า อยากจะกระชากแว่นตาสีดำที่ปกปิดใบหน้านั่นออกแล้วตะโกนบอกชาวบ้านให้รู้ว่าอินี่มันเล่นชู้ให้อับอายขายขี้หน้าไปเลย
"เขินล่ะสิ หึหึ"ริวล้อเลียนด้วยใบหน้าทะเล้น ผมตบหัวมันฉาดใหญ่แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากเคาท์เตอร์ให้ไอ้ฟอกซ์จ่ายเงินเพราะเหตุผลง่ายๆคือมันรวย
สองขามาหยุดยืนอยู่หน้าร้านเค้กแล้วจ้องมองเข้าไปในร้านพลางนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนที่ผมกับแฟนสาวคนแรกเคยมากินเค้กด้วยกัน แถมเธอยังเป็นคนแรกของผมในเรื่องอย่างว่า แต่หลังจากนั้นเธอก็หายไปจากชีวิตผมหายไปจากโรงเรียน ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวจากเธออีกเลย ผมพยายามตามหาเธอ ไปหาเธอที่บ้านแต่ก็ไม่พบวี่แววเพราะครอบครัวเธอย้ายออกไปกันหมดแล้ว ในที่สุดผมก็เลิกพยายาม ถ้าเธอรักผมจริงๆเธอก็ต้องบอกอะไรผมบ้างสิแต่นี่ไม่มีเลย
"คิดถึงแตงโมหรอ"ไม่รู้ว่าขุนพลเดินมาอยู่ข้างๆผมตอนไหน รู้ตัวอีกทีทุกคนก็มายืนล้อมผมอยู่
"อืม"ผมตอบอือออในลำคอพลางสังเกตสีหน้าของริวไปด้วย"ไปโรงเรียนกันเถอะ กูไม่อยากโดดเรียนว่ะ ฺฮ่าๆ"ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อบรรยากาศดูท่าจะหมองลงเรื่อยๆ
ริวทำหน้าที่เข็นของด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นรุ่นน้องต้องเสียสละให้พี่ แล้วถ้าถามว่าทำไมเป็นใจไม่เข็นล่ะนี่ก็รุ่นน้องเหมือนกัน ก็ดูสิว่าใครแฟนน้องแก เป็นถึงเฮดว้ากวิศวะเชียวนะ ขุนพลดูแลประคบประหงมอย่างดีไม่ต้องออกแรงทำอะไร เดี๋ยวพี่จัดให้อะไรแบบนี้
เอาของใส่รถเสร็จขุนพลก็เคลื่อนรถออกจากห้างขับไปที่โรงเรียนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอหาที่จอดรถได้พวกเราก็ลงจากรถแบบสโลว์โมชั่น แต่ละคนก็ทำท่าทำทางเก๊กหล่อ เสยผม จัดคอปกเสื้อ ขยับแว่น ก็เกินไปครับนี่ไม่ใช่หนังสักหน่อย
เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงของเด็กๆพอดีทำให้ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาทางกลุ่มพวกเรา แอบเห็นสาวๆกรี๊ดกร๊าดกันด้วย ส่วนหนุ่มๆก็มองมาแล้วซุบซิบกันประหนึ่งพวกผมจะมายำตีนใคร
"เด็กที่นี่หน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย"เก้งมองคนนั้นทีคนนู้นทีน้ำลายแทบสอ ส่วนใหญ่มองผู้ชายทั้งนั้น เพื่อนใครวะแรดจัง ผัวมันแทบจะจับกระซวกไส้อยู่แล้ว
"ไปหาครูตากันมึง ต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ"ขุนพลเอ่ยอย่างตื่นเต้นพลางลากคอผมให้ไปด้วยกันแล้วทิ้งคนข้างหลังให้เดินตามโดยไม่สนใจ
ระหว่างทางก็มีสายตาของนักเรียนและคุณครูบางคนจับจ้องพวกเราตลอดทาง บางทีก็มีแวะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปด้วยเพราะรู้จักมักใคร่กันมาก่อน รุ่นน้องส่วนใหญ่ก็เข้ามาสวัสดี ทักทายแถมเหล่ตามองเพื่อนๆผมด้วย คนที่โดนจับตามองมากสุดเห็นจะเป็นริวที่หล่อโดดเด่นสะดุดตา
จนถึงห้องพักครูผมกับขุนพลเข้าไปกราบสวัสดีครูตาครูประจำชั้นตอน ม.6 และพูดคุยทักทายกันด้วยความคิดถึง ครูแกก็ดีใจที่เห็นผมกับขุนพลคืนดีกันได้ พวกเราขอตัวลาพร้อมอ้อมกอดสุดท้ายที่ให้ครูเพราะอีกไม่กี่วันท่านจะลาออกไปอยู่บ้านนอกกับพ่อแม่และสามี
"เดี๋ยวค่ะพี่โน"
พอจะขึ้นรถเพื่อกลับไปพักผ่อนที่รีสอร์ทพวกเราก็ถูกเรียกไว้ด้วยเสียงใสๆของเด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง
"อ้าว น้องดา น้องภัท มีอะไรรึเปล่า"ผมที่จำเด็กสองคนนี้ได้ก็ทักทายอย่างคนกันเอง
"คือขอรบกวนเวลาสักนิดนะคะ ดาทำรายงานความสัมพันธ์ของมนุษย์น่ะค่ะ อยากถามอะไรนิดๆหน่อยๆสักข้อสองข้อ"
"ได้สิ"
"ถ้างั้นพวกกูนั่งรอที่รถนะ"ฟอกซ์พูดขึ้นและทำท่าจะเข้าไปในรถ
"ดาขอสัมภาษณ์พี่ๆทุกคนด้วยนะคะ"
เมื่อเห็นสายตาวิงวอนของเด็กสาวตัวเล็กแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนต่างพยักหน้าเชิงตกลงทำให้เธอยิ้มร่าทันทีแล้วหันไปแท็กมือเพื่อนของเธออย่างดีใจ
"ข้อแรกพวกพี่มีความสัมพันธ์กันยังไงคะ"น้องภัทถามคำถามขึ้น
"ตอบได้เลยว่าเพื่อน"ผมตอบและทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
"ข้อสองพี่เป็นอะไรกับพี่โนหรอคะ"น้องดาหันไปหาริว และถามอย่างเจาะจงคู่ ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าน้องดาเป็นสาววายก็คงคิดไปแล้วว่าน้องแกเป็นหมอดู อะไรจะแม่นยำในการจิ้นขนาดนั้น
"เป็นสามีครับ"พูดแล้วกันหันมายักคิ้วหล่อ ผมก็ได้แต่ทำหน้าเหลอหลา ไม่คิดว่าริวจะตอบตรงๆขนาดนี้
"แล้วพี่ขุนพลกับพี่คนนี้ล่ะคะ"น้องดายังจับคู่ได้แม่นยำอีกคน ขอรางวัลโนเบลหมอดูหมอจิ้นให้น้องแกหน่อยครับ ซูฮกให้เลย
"คนรักครับ"ขุนพลตอบยิ้มๆแล้วยีผมเป็นใจจนฟู
"ใช่ครับ!"เป็นใจตะโกนออกมา ก็รู้นะว่าจะยืนยันคำพูดของขุนพลแต่ทำไมต้องโหวกเหวกด้วยวะครับ
"แล้วคู่พี่ล่ะคะ"คู่สุดท้ายจะเป็นใครไม่ได้นอกจากฟอกซ์กับเก้ง
"คู่นอน"ไอ้ฟอกซ์ตอบหน้าตายอย่างคนไม่คิดอะไรแต่เก้งเพื่อนผมนี่เบะปากจะร้องไห้อยู่แล้วน่ะ เห้อ เวรกงเวรกรรมอะไรของเพื่อนผมเนี่ย ได้คนขี้แกล้งมาเป็นผัว
"คิคิ"สาวน้อยทั้งสองต่างหัวเราะคิกคักกันใหญ่ หน้าเน่อบ่งบอกว่าฟินมาก เจอไม้ป่าเดียวกันเป็นแพ็คขนาดนี้
"คำถามสุดท้ายค่ะ ตอบทีละคนเลยนะคะ"ดาพูด
"พี่คิดว่าตัวเองเป็นเกย์มั้ยคะ"คำถามนี้สำหรับคู่อื่นคงตอบได้ง่ายมากแต่สำหรับผมที่ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนทำเอาไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว
"เป็นตั้งแต่ตอนมัธยมเนี่ยแหละ"เก้งตอบได้อย่างสบายๆพลางแคะเล็บไปด้วย ส่วนฟอกซ์ก็พยักหน้ายิ้มๆแล้วโอบเอวเก้ง สาวๆทั้งสองนี่บิดตัวด้วยความเขินอายแทน
"เป็นครับ"เป็นใจทึ้งหัวตัวเองหลังจากบอกคำตอบไปแล้ว ผมว่าผมเริ่มยินกับท่าทางแปลกๆของเป็นใจแล้วล่ะ
"พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกครับ..."คำตอบของขุนพลทำเอาคนที่ทึ้งหัวตัวเองอยู่หยุดชะงัก แววตาที่มองเพื่อนผมนั้นดูสับสน"...แต่พี่ชอบ ไม่สิ พี่รักผู้ชายคนนี้แค่คนเดียว พี่ไม่ได้รู้สึกรักชอบผู้ชายคนไหนมาก่อนและคงจะไม่มีใครทำให้พี่รู้สึกได้เท่าคนนี้"
เป็นใจเม้มปากแน่นพลางหลุบตาต่ำเหมือนพยายามจะกลั้นยิ้ม เป็นผมเจอคนมาพูดแบบนี้ก็เขินเหมือนกันแหละ ไอ้ขุนพลแม่งหล่อเลย
"พี่...ไม่แน่ใจ"ถึงทีผมต้องตอบคำถามที่กระทันหัน ผมก็คงตอบได้แค่นี้เพราะผมชอบผู้หญิงมาก่อนที่จะเจอริว ผมไม่แน่ใจ มันสับสน เอาเป็นว่าผมจะลองกลับไปนั่งคิดนอนคิดดูใหม่
มาถึงคนสุดท้ายท้ายสุดอย่างริว ผมจ้องมันอย่างรอคอยคำตอบ เพราะมันชอบสโนว์แต่มาเล่นจ้ำจี้จ้ำไชกับผมแถมยังแสดงตัวออกมานอกหน้านอกตาว่ามันเป็นผัวผม ผมอยากรู้ว่ามันจะตอบคำถามที่ง่ายแต่ก็ยากนี้ยังไง
☞To be continued
♀♂♀♂♀♂♀♂♀♂♀♂♀♂♀♂
Nekozaa :
ทำไมเรื่องมันอืดยั่งงี้ๆๆ บ่นตัวเองแป๊ป อยากให้แต่งงานกันสักทีค่ะ 5555 ขออีกนิดสักตอนเดี๋ยวจะให้แต่งงานแล้วนะคะ แม่ยกรอไม่ไหวแล้วค่ะ
ส่วนใครที่รอให้ริวหายโง่รอก่อนนะคะจะได้รู้ว่าโง่จริงๆหรือแกล้งโง่
ขอบคุณนะคะที่คอมเม้นต์แล้วก็ติดตามอ่าน น่ารักที่สู้ดด
เจอปืนค่ะ...