นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

พระเอกที่อยากให้เป็น (ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องที่จะแต่งนาจา)

คุณชายบอลคมเข้มสุดหล่อ
10 (45.5%)
บักห่าอิทธิพลหล่อเลว
10 (45.5%)
พี่แชมป์ทันตะสุดอินดี้ เฟรนลี่ ร่าเริง
2 (9.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 22

ผู้เขียน หัวข้อ: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59  (อ่าน 21273 ครั้ง)

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ซาดิสดีชอบถ้ามีเดือนมหาลัยหล่อๆมาเอาเรื่อยๆนะยอมเลย

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 16



          และแล้วเรื่องนี้ก็บานปลายในที่สุด  วันเสาร์สัปดาห์นั้นเอง ประทวนพ่อของเตชานุบุกไปถึงบ้านของธำมรงค์พ่อของอิทธิพล สีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างรุนแรง  พร้อมกับต้อม พี่ชายของเต้ยไปด้วยอีกคน เจ้าของบ้านเห็นเข้าโดยบังเอิญตกใจเล็กน้อย แต่ไม่คิดถือสาอะไร เห็นว่าเป็นคนสนิทกันเอง



“อ้าวไอ้ทวน จะมาทำไมไม่บอกก่อนวะ”


“ถ้าฉันบอกแกก่อนมา  ฉันจะได้เห็นหน้าไอ้ลูกชายตัวดีของแกอย่างนั้นหรอไอ้ธรรม  มันอยู่ไหน!!”


“ลูกชายฉันหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน” ธำมรงค์หุบรอยยิ้มนั้นไป


“ผมว่าคุณลุงน่าจะไปถามลูกชายของคุณลุงเองนะครับ ว่ามันทำอะไรไว้กับเต้ยบ้าง ”


“เต้ยหรอ?  นวล!!! ไปตามตาอิทมาพบฉันที” ตอนนี้จิตใจเขาเริ่มไม่เป็นสุขแล้ว


              สาวใช้รับคำสั่งแล้วขึ้นไปชั้นสองทันที  ดูจากอารมณ์ของเพื่อนคนนี้ ประทวนไม่ได้มาเล่นๆแน่ ต้องมีเรื่องบางอย่างที่ร้ายแรงแน่นอน



               ไม่นานนักชายหนุ่มร่างสูงลูกชายสุดหัวแก้วหัวแหวนของเขาก็เดินงัวเงียลงมาจากบันได ในสภาพชุดนอนเหมือนเพิ่ง
ถูกปลุกให้ตื่น ธำมรงค์รู้สึกระอากับการกระทำของลูกชายนัก


“อ้าว! คุณอาประทวน สวัสดีครับ ไม่นึกว่าคุณพ่อมีแขก”


              ตัวดีเปรยเสียงเรียบราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความผิดแปลกของสีหน้าคนมาเยือนถึงบ้านแม้แต่น้อย


“ฮึ ไม่ต้องมาสวัสดีฉันหรอก  แกทำร้ายลูกฉันมาตลอด ตอนนี้ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว  ทำไมแกเลวได้ถึงขนาดนี้ฮะ”


              ประทวนชี้นิ้วตวาดเสียงดังใส่หน้าอิทธิพลทันที ไม่เกรงใจธำมรงค์ผู้เป็นพ่อ  ที่กำลังยืนขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับบทสนทนาเท่าไหร่นัก


“แต่ผมพร้อมรับผิดชอบนะครับคุณอา” อิทธิพลยิ้มแสยะ ต่างจากสีหน้าพ่อของเขาที่กำลังมองมา


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีใครจะบอกฉันได้บ้างไหม” ธำมรงค์อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ ว่าสามหนุ่มคุยกันเรื่องอะไรกันแน่ เพราะ
เหมือนเขาไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวและกำลังกดดันมาก


“ลูกชายของคุณลุง เขาเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจและร่างกายของเต้ย ที่เต้ยต้องย้ายโรงเรียนเมื่อปีก่อนก็เพราะเขา และตอนนี้ยิ่งอยู่
มหา’ลัยเดียวกันอีก อิทธิพลก็ยิ่งตามราวีไม่เลิก  เต้ยร้องไห้โทรหาผมเมื่อวานผมถึงได้รู้ว่ามันยังทำเรื่องเลวทรามผิดมนุษย์อยู่
อีก  ผมว่าคุณลุงต้องจัดการกับลูกชายคุณลุงได้แล้วนะครับ”



                ธำมรงค์เศรษฐีหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องราวแบบนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีใครบอกเขาเลย แม้แต่อิทธิพลลูกชายตัวดีตัวต้นเรื่องทั้งหมดของเขา


“แกทำแบบนั้นทำไมอิท ทำไมแกไม่เคยบอกฉัน   แกวิปริตไปแล้วหรือยังไงกัน?”


“ผมไม่ได้วิปริตนะคุณพ่อ! แต่ไอ้เต้ยมันเป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมชอบจริงๆ” ตัวดียังยืนกราน ไม่เห็นความผิดของตัวเอง


“พูดมาได้ว่าชอบเต้ย  แต่แกทำให้น้องชายฉันเจ็บปวดมาตลอด กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนับไม่ถ้วนแล้ว” ต้อมด่าทอด้วยความอัดอั้นตันใจ
ทันที


“ก็ช่วยไม่ได้ ผมหวงของผม ไอ้เต้ยมันมีผู้ชายมาจีบเยอะแยะ และไอ้คนที่ผมกังวลที่สุดคือ ไอ้คุณชายบอล ของคุณอา ที่พยายามเปิดทางให้มันตีสนิทเต้ยตลอดไงครับ”



              อิทธิพลต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว เพราะเขาเห็นว่ามันเป็นความจริงที่ควรพูด


“หยุดทำร้ายลูกชายฉัน แล้วถอยห่างจากเขาซะ ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาโทษแก เห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะธำมรงค์ นายควรจะดูแลลูกชายนายให้ดีกว่านี้ เพราะครั้งหน้าฉันจะไม่ทนแล้ว ”


        ประทวนยื่นคำสั่งต่ออิทธิพลและหันไปเจรจาตกลงกับเพื่อนสนิทร่วมธุรกิจให้เรียบร้อย


“ขอโทษจริงๆนะไอ้ทวน ใจเย็นๆก่อนเถอะ  อิท!!! รับปากคุณประทวนซะ แล้วสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าแกจะไม่ไปราวีเต้ยอีก
แล้ว”


“ไม่ครับ! ผมไม่ฟังอะไรใครทั้งนั้น ผมก็รักของผม ถ้าจะคุยเรื่องสินสอดขันหมาก ผมถึงจะฟัง เรียกร้องเท่าไหร่ขอให้บอก จะกี่ล้าน หรือกี่สิบล้านว่ามาเลยครับ สำหรับลูกชายคนเล็กของคุณอา”


“หยุดได้แล้วอิท!!! ฉันไม่สนับสนุนหรือยกสินสอดอะไรเพื่อแกทั้งนั้น แกเลิกเพ้อเจ้อซักที เลิกสร้างเรื่องวุ่นวายให้ฉัน  ถ้าแกไม่เลิกยุ่งกับเต้ยอีก ฉันจะหาคู่ครองให้แกเอง จะได้จบเรื่องไปซะ ”


“ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น  พ่อบังคับผมไม่ได้หรอก ผมรักไอ้เต้ยคนเดียวมันเป็นของผมแล้ว มันไม่มีอะไรบริสุทธิ์
แบ่งไปให้คนอื่นแล้วครับ ”


“แกจะไม่มีวันได้แต่งงานกับลูกชายฉันอิทธิพล    สิ่งที่แกทำ ฉันอยากจะลากคอแกเข้าคุกเข้าตารางไปซะด้วยซ้ำ หวังว่าคำพูดเตือนสติของฉันจะทำให้แกเชื่อฟังและเกรงกลัวบ้างนะ เพราะฉันพูดจริงทำจริง ฉันเสียเวลามามากแล้ว ขอโทษด้วยนะไอ้ธรรม
ที่มาบุกถึงที่ แต่ฉันคงไม่ได้มาเยียบที่นี่อีกแล้ว  ต้อม!!! กลับ!”



“ลานะครับคุณลุง” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือไหว้ธำมรงค์ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นพ่อไป


“นวลส่งแขกให้ฉันที ”


“ค่ะคุณท่าน”



“ส่วนแกตามพ่อมานี่เลย”


“ถ้าจะเรียกผมไปตกลงอะไรละก็....ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น  ผมรักเต้ย  คนรักผมต้องเป็นไอ้เต้ยเท่านั้น ผมก็พูดจริงทำจริงไม่ต่าง
จากคุณอาประทวนหรอก อย่าคิดว่าผมจะหยุดแค่นี้”


“แกพูดว่าแกรักเขา?  แต่แกกำลังจะทำให้เขาตายแกรู้ตัวไหม  ไม่มีคนรักกันที่ไหนเขาทำร้ายกันแบบนี้ได้หรอกอิท แม้แต่สัตว์ที่
ดุร้ายแค่กับคู่ครองของมัน มันไม่ทารุณร่างกายจิตใจกันแบบนี้”


“ผมรู้ครับคุณพ่อ! ผมก็ลองทำดีแล้ว แต่แม่งเล่นตัวอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ ผมเป็นใคร ผมเป็นอิทธิพล นฤบดินทร์ คนอย่าง
ผมต้องเสียเวลาตามใจมันทั้งชาติขนาดนั้นหรอ ผมอยากได้มันเป็นเมีย ผมก็ทำ ผมเลวตรงไหน ผมก็เต็มที่และพร้อมรับผิดชอบ ผมไม่ได้ดกหกมันสักหน่อย”



                 คำพูดอธิบายของลูกชาย ทำให้ธำมรงค์สูดหายใจ หลับตาลงทั้งของข้าง ราวกับกำลังเก็บความอดทนนั้นเอาไว้   คนเป็นพ่อตอนนี้แทบอยากจะลืมทั้งยืน อิทธิพลจะเข้าใจเขาบ้างไหม

...

...

“ฉันผิดเอง ที่ฉันเลี้ยงดูแกให้เป็นคนไม่ยอมใคร เลี้ยงแกมาอย่างดีด้วยเงินทองและสิ่งของ  อยากได้อะไรก็หาให้ หวังจะทำให้สิ่งเหล่านั้นไปปิดช่องโหว่เรื่องที่แกไม่มีแม่ได้   แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันเลี้ยงดูแกมาแบบนี้ มันทำให้แกเสียคน ไม่ต่างอะไรไปจากพวกบ้าอำนาจ หลงตัวเอง ”


“คุณพ่อ....” อิทธพลอึ้งไป กับสิ่งธำมรงค์ตัดพ้อ


“ถ้าแกไม่เชื่อฟังฉัน  คนที่เป็นพ่อของแก แกก็ออกไปจากบ้านของฉันซะ  ฉันไม่มีลูกเลวๆอย่างแก”



           ธำมรงค์ฝืนใจพูดไป ทั้งที่ในจิตใจกลับผกผัน น้ำตากำลังตกในไหลริน ยากที่ลูกชายจะมองออก อิทธิพลเป็นคนแบบนี้ มันเหมือนภาพสะท้อนตัวเขาเอง ว่าเลี้ยงดูลูกเติบโตมาแบบผิดๆ  คิดว่าอิทธิพลจะแยกแยะได้ แต่ไม่เลยแม้แต่น้อย อิทธิพลเลวร้ายมากจนเขาไม่คิดว่านี่คือ วิจารณญาณของลูกชายตัวเอง



“ไม่ครับคุณพ่อ อย่าไล่ผมเลยนะ ผมจะเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ขอแค่คุณพ่ออย่าโกรธผม อย่าไล่ผมก็พอ!”


“ถ้าอย่างนั้น!!! แกจงฟังให้ดีๆ เลิกยุ่งกับลูกชายของประทวนซะ แล้วพรุ่งนี้ไปขอโทษและขอขมาเต้ย  ไปคุยค่าเสียขวัญให้
เรียบร้อย พ่อจะสบายใจที่สุด”


“ผมไม่ทำ เปลี่ยนจากเรื่องนี้ ให้โอกาสผมทำดีกับไอ้เต้ยอีกครั้งไม่ได้หรอครับ”


“มันจบแล้วไอ้อิท แกเห็นอารมณ์ของประทวนและครอบครัวของเต้ยเมื่อครู่ไหม ไม่มีใครเขามองแกเป็นคนดีอีกแล้ว  แม้แต่ฉัน!  อีกอย่างฉันมีแก เป็นลูกชายคนเดียว ฉันต้องการให้แกแต่งงานกับผู้หญิงสืบสกุลนฤบดินทร์ต่อไป แกเข้าใจที่ฉันพูดไหมตาอิท”



“ไม่!!! ผมรักเขา คุณพ่อเข้าใจผมบ้างสิ”


“แกนั่นแหละที่ต้องเข้าใจคนอื่นให้มากๆไอ้อิท! ฉันชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ”


“ถ้าไม่ได้แต่งงานกับไอ้เต้ย ผมขอตายดีกว่า”


“ตาอิท!!! แกโตขนาดนี้แล้วแกยังคิดได้แค่นี้เองหรอ ถ้าความตายเป็นทางออกของแก แกก็ไปตายซะไป”


“คุณพ่อ....”


“แปลกใจละสิ ที่ฉันเปลี่ยนไป ตอนนี้ฉันไม่ทำตามใจแกแล้ว แกรู้สึกยังไงบ้าง  กับตอนนี้ที่ฉันมีลูกชายที่นิสัยไม่ดีเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ฉันเสียใจมากขนาดไหน  มากซะจนอยากจะดัดนิสัยแกให้ไปติดคุกติดตารางเหมือนที่เขาด่าทอแกเมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ”


“คุณพ่อ ผมขอโทษ”



       อิทธิพลไหว้พ่อของตัวเองแทบเท้า ธำมรงค์เบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น สงสารลูกอยู่ลึกๆ แต่ก็ห่วงความถูกต้องไม่ได้ ทำไมอิทธิพลถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ



“ผมรักคุณพ่อนะครับ ผมมันเลว แต่ขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ผมขอไม่ทำตามคำสั่งของคุณพ่อ แต่จะไปทำให้ครอบครัวของเต้ยเห็นว่าผมเป็นคนเดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ชายของเต้ย”



“อิท!!! จนขนาดนี้แล้วแกยังจะทุลักทุเลตั้งความหวังอยู่อีกหรอ  ไอ้ลูกเลว!”


“ผมบอกแล้วไงครับ ผมขอเลวเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าผมไม่ได้ตัวและหัวใจของเต้ย  ผมจะไม่ขอกลับมาที่บ้านหลังนี้อีก ผมลานะครับคุณพ่อ”



“อิท!!! แกอย่าทำแบบนี้ ถ้าแกไป แล้วพ่อจะอยู่กับใคร?”


“ผมจะโทรมาหาตลอดนะครับคุณพ่อ พ่อเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงผมตลอด  แต่ผมปล่อยเรื่องนี้ให้จบแบบนี้ไม่ได้  ผมไปแล้วนะครับ”


“แกไม่เคยทำให้พ่อภูมิใจสักครั้ง”


“แต่ครั้งนี้พ่อจะต้องภูมิใจผม สัญญาผมจะกลับมา” อิทธิพลยืนยันแน่นแฟ้น


“คำพูดของฉันคงเปลี่ยนความคิด คนหัวแข้งแบบแกไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ฉันไม่อยากจะรับรู้เรื่องของแกอีกแล้ว ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลยนะ ”



            ธำมรงค์เดินหนีจากลุกชายขึ้นบันไดไป อิทธิพลมองตามตาละห้อย แต่เขาจะปล่อยเรื่องให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ รอก่อนเถอะ อาจจะหนึ่งปี สิบปี หรือตลอดชีวิต ต่อจากนี้เขาจะตั้งใจและชดใช้ความผิดสุดความสามารถ



          ทางครอบครับของเตชานุ ประทวนกลับมาถึงบ้านแล้วด้วยอารมณ์โมโหลดลง  พร้อมกับบอกเรื่องราวให้ภรรยาฟัง  เธอเองก็ตกใจไม่น้อยที่เหตุการณ์พลิกผันแบบนี้ คนผิดอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้ สุดท้ายก็ได้รู้ความจริงว่าเต้ยลูกชายคนเล็กนั้นต่างหากที่ปกปิดเก็บความรู้สึกเอาไว้



“พ่อต้องการให้ลูกชายของเราหมายหมั้นกับคุณชายบริรักษ์ แม่จะว่ายังไง”



            ประทวนปรึกษาภรรยาอย่างจริงจังภายในห้องนั่งเล่น หวังเพียงสิ่งนี้เท่านั้นจกีดกันคนอย่างอิทธิพลให้เลิกยุ่งกับเต้ยได้


“แม่ว่า ถามลูกก่อนเถอะนะคะ แม่สงสารลูก ลูกอาจจะชอบผู้หญิงอยู่ก็ได้ พ่อคลุมถุงชนแบบนี้ แม่ว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่”


“ใช่ครับคุณพ่อ ถามเต้ยก่อนเถอะนะครับ” ต้อมเสริมขึ้นมาอีกแรง


“เออๆ ก็ได้ แม่เป็นธุระให้หน่อยแล้วกัน ถ้าพ่อพูดกับลูก  ลูกอาจจะหาว่าพ่อบังคับอีก”


“ได้ค่ะ  ต้อมต่อสายหาน้องให้แม่ที”


“ครับคุณแม่”



            ทันตะแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาน้องชายของเขาทันที ไม่นาน ฝ่ายนั้นก็กดรับ


“เต้ย ตอนนี้ว่างรึเปล่า?”


“ว่างครับพี่ต้อม”


“แม่อยากคุยด้วย ถือสายรอแป๊บนึงนะ แม่ครับเต้ยอยู่ในสายแล้ว”


“เต้ยลูก!”


“ครับแม่”


“คุณพ่อกับพี่ชายเราไปคุยกับบ้านโน้นแล้วนะ แต่ดูเหมือนอิทเขายังไม่ลดละ เต้ยคิดแก้ปัญหานี้รึยังลูก”


“เต้ย...เต้ยคิดยังไม่ออกเลยครับแม่”


“พ่อเขาเสนอมา ว่าจะให้เต้ยหมายหมั้นกับตระกูลพิมลประชาทิศ ลูกโอเคไหม”


“กับบอลนะหรอครับ!!! ” เตชานุตกใจดวงตาเบิกโพง ทั้งที่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยิน


“ใช่ลูก พ่อเขาอยากให้เรื่องจบๆ ดูท่าทางคุณชายก็ชอบลูกมากเลยนะ”


“แล้วคุณแม่ไม่เสียใจหรอครับ”


“เสียใจเรื่องอะไรกัน ตอนนี้แม่รับฟังการตัดสินใจของลูกนะ ลูกจะชอบผู้หญิงก็บอกมา แม่จะคุยกับพ่อให้ แต่ถ้าตอนนี้ลูกชอบ
ผู้ชายมากกว่า เก็บคุณชายไว้พิจารณาก็ดีนะลูก”


“แต่....เต้ยยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ เต้ยต้องเรียนหนังสือนะครับ”


“แม่รู้ลูก แต่ปัญหาตั้งครรภ์ไม่มีปัญหาแน่นอน ลูกเป็นผู้ชายนะเต้ย อีกอย่างหมายหมั้นไว้ไม่เห็นจะผิดเลย คุณดำรงฤทธิ์พ่อของ
บอลก็เปิดทางให้แล้วด้วย แล้วเราเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรนะเต้ย”



“เต้ย ไม่ได้รักคุณชายแบบนั้นหรอกนะครับ แล้วเต้ยก็...ไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้วด้วยครับแม่”


“คุณคะ ลูกไม่อยากหมั้นกับคุณชาย และลูกก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้วด้วย”


“จะมีเหตุผลอะไรล่ะ ก็ไอ้อิทธิพลนั่นมันทำให้เต้ยเปลี่ยนรสนิยมนะสิครับ” ต้อมสวนขึ้นมาทันที


“เพราะมันคนเดียว พ่ออยากจะลากมันเข้าคุกเข้าตารางจริงๆเลย แม่บอกเต้ยให้พ่อทีว่าถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็อยู่ห่างๆอิทธิพล
เอาไว้ ถ้ามันยังยุ่มย่ามอีกให้โทรบอกพ่อหรือพี่ชายทันที”


“เต้ย ได้ยินที่คุณพ่อพูดไหมลูก”


“เสียงดังขนาดนั้น เต้ยได้ยินหมดแล้วครับแม่”


“อยู่กับคุณชายให้มากๆนะ หรือไม่ก็อยู่ใกล้พี่ชายเราเอาไว้”


“ครับแม่”


“คราวหลังมีอะไรให้บอกแม่เลยนะ เข้าใจไหมอย่าเก็บเอาไว้คนเดียว”


“ครับแม่”


“แค่นี้แหละลูก แม่รักลูกนะเต้ยบ้ายบายครับ ”


“บ้ายบายครับแม่”



           ตอนนี้สถานการณ์ของผู้เป็นพ่อไม่ได้ลดความกังวลน้อยลงเลย แต่จะทำยังไงได้ เขาไม่อยากบังคับลูกชายของเขาเท่าไหร่ เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทำให้ประทวนแทบจะมองหน้าธำมรงค์ไม่ติดแล้วในตอนนี้             


“เต้ยไม่ชอบบอล แต่ตอนนี้เพื่อนสนิทของผมเขาก็สนใจเต้ยอยู่นะครับคุณพ่อคุณแม่”


“เพื่อนแกคือใครต้อม?” ประทวนเปรยถามอย่างร้อนรน


“เพื่อนผมเขาหล่อครับ เป็นเดือนคณะด้วย นิสัยดี ร่าเริง ฐานะทางบ้านคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเลย ถึงไอ้แชมป์มันจะไม่ใช่ครอบครัวสายธุรกิจแต่มันเป็นเชื้อสายคนจีน ความมั่งคั่งค่อนข้างมาก ห้างทองมีมากมายหลายสาขา ”




          หนุ่มวัยวัยกลางคนนั่งคิดอะไรบางอย่างเงียบๆก่อนจะเปรยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม


“นี่คือไพ่ใบสำคัญ บอกเพื่อนสนิทแก ตามจีบน้องชายแกให้ได้ ถ้าทำได้ เรื่องสินสอดพ่อจะไม่คิดเลย บอกเพื่อนแกไปแบบนี้ด้วยนะ”


“เอาอย่างนั้นเลยหรอครับคุณพ่อ”


“ก็ต้องเอาอย่างนี้แหละ ไม่อย่างนั้นน้องชายแกจะเดือดร้อนเพราะไอ้อิทธิพลนั่น  มันต้องมาหาเต้ยอีก เชื่อพ่อสิ ”


“ทำแบบนั้นเหมือนบังคับลูกนะคะพ่อ” ผู้เป็นแม่เป็นห่วงลูกชาย


“พ่อบังคับที่ไหนกันแม่ แค่สนับสนุนเพื่อนของต้อมก็เท่านั้น เพื่อนลูกชอบเต้ย  พ่อก็แค่เชื่อมให้ เต้ยจะเอาไม่เอาก็อีกเรื่อง พ่อแค่เป็นห่วงลูกเหมือนแม่เท่านั้นแหละ ก็รู้อยู่ว่าดุด่าลูกชายคนเล็กได้ที่ไหนกัน  พ่อเองก็ห่วงเหมือนห่วงลูกสาวเลยนะจะบอกให้”


“แม่รู้แล้ว อธิบายซะยาวเลยพ่อนี่ สงสัยจะหิวข้าวเที่ยง เดี่ยวแม่ไปเตรียมอาหารให้ดีกว่า”


“อืม รู้ใจพ่อจริงๆ แบบนี้สิ พ่อถึงเลือกแม่ของแกไอ้ต้อม” ประทวนหันไปยิ้มให้ลูกชายคนโต


“ใครว่า พ่อใช้วิธีตามตื้อแม่ทุกวันต่างหากล่ะ” ภรรยาหันมาเขินเล็กน้อย


“แต่สุดท้ายแม่ก็เลือกพ่อไม่ใช่หรอจ๊ะ”


     ประทวนหยอกภรรยาของตัวเองอย่างอดไม่ได้  แต่ฟังๆดูแล้ว สิ่งนี้ทำให้ต้อมเป็นกังวลใจขึ้นมาแทน


“พ่อครับ ขนาดแม่ยังแพ้ความตื้อของพ่อ แล้วถ้าอิทธิพลมันทำแบบนี้กับเต้ยบ้างล่ะครับ?”


“จริงด้วย ไม่ได้แล้วๆ แกต้องอยู่ใกล้น้องตลอดเวลาเลยเข้าใจไหม วานขอแรงเพื่อนสนิทแกด้วยอีกคน ว่างๆพาเขามาที่บ้านบ้าง
พ่ออยากรู้จักมากขึ้น”


“ได้ครับพ่อ”


“เออ ยังไม่หมด บอกคุณชายด้วย ว่าให้ตามจีบเยอะๆอย่าลดละ อยู่ห้องพักด้วยกันไม่ใช่หรอ ไม่ต้องเกรงใจบอกว่าพ่ออนุญาต”


“ทำไมผมรู้สึกเหมือนคุณพ่ออยากให้เต้ยมีสามี  มากกว่าที่คุณพ่อกำลังเป็นห่วงเต้ยจังเลยนะครับ”


“จุ๊ๆ อย่าพูดดังไป คนอย่างพ่อวางแผนน้อยไปซะเมื่อไหร่ อย่าบอกแม่แกก็แล้วกัน จริงๆพ่อเป็นห่วงเต้ยมาก แต่ผลพลอยได้คือ
ความมั่งคั่งของธุรกิจ ดำรงฤทธิ์หวงลูกชายขนาดไหน ต้อมก็น่าจะรู้ แต่ตอนนี้เขาเปิดโอกาสให้เราแล้ว  แถมประจวบเหมาะกับ
คุณชายสนใจเต้ยน้องชายแกอีก พ่อไม่ยอมให้โอกาสปล่อยหายหลุดมือไปหรอก ที่เหลือก็อยู่ที่น้องชายแกแล้ว ว่าจะเลือกใคร แต่ที่แน่แน่ พ่อไม่มีทางยอมรับไอ้อิทธิพล ลูกชายของไอ้ธำรมงค์เด็ดขาด”



“ผมเห็นด้วยครับพ่อ ไอ้อิทธิพลไม่สมควรอีกต่อไป ไม่ว่าจะตลอดชาตินี้หรือชาติหน้า!”


:L2:


พ่อตากับลูกเขย ไม่มีใครยอมใคร  แต่พ่อตากำลังวางแผนอัดฉีดหาลูกเขยให้ลุกชายคนเล็ก ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ จะสำเร็จไหม

นะ งานนี้ใครเชียร์คนไหน ก็เชียร์เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องสนใจไปว่าสุดท้ายใครจะได้คู่กับใคร ศึกหัวใจครั้งนี้ ระหว่างคุณชายบอล

กับแชมป์ทันตะที่มีประทวนหนุนหลัง กับอิทธิพลหัวเดียวกระเทียมลีบใครจะชนะใจเต้ยไปครอง ตามต่อไป


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เราคนอ่านก็ตามต่อไป

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โหนี่จับปลา3มือเลยจะเอาๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ไม่ยอมกันเลย ..

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ขุ่นพ่อหาลูกเขย
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 17


ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆ


          เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเวลาร่วมสองสัปดาห์แล้ว ที่ทุกเช้าจะมีรุ่นพี่หนุ่มตี๋คณะทันตแพทย์ตั้งหน้าตั้งตามาที่หอพัก พร้อมกับกุหลาบสีขาวหนึ่งช่อต่อการมาเยือน


“สวัสดีครับพี่แชมป์”


“คร้าบบบผม  พี่เอาดอกกุหลาบช่อที่ 15 มาให้คนน่ารักครับ”


“ขอบคุณครับ”



          และทุกครั้งเตชานุจะยื่นรับเอาดอกไม้มาถือไว้ในมือ  และมักจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่กำลังจะตามมาเป็นเรื่องปกติทุกครั้ง



“เต้ย เอาดอกไม้มาให้บอลเร็ว”


         คุณชายผิวน้ำตาลอ่อนเดินโทงๆออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพผมเปียกปอนเปลือยท่อนบนโชว์รุ่นพี่หน้าเดิมเจ้าประจำ


“อ๊ะๆๆๆ อย่าเชียวนะน้องบอล ดอกนี้พี่ให้น้องเต้ยครับ คราวหลังอยากได้ก็บอกพี่แชมป์สิครับ เดี๋ยวจะซื้อมาเผื่อ ไม่ต้องมาคอยแย่งแบบนี้”



“ไม่แย่งไม่ได้หรอกครับพี่ เพราะผมก็หวงของผมเหมือนกัน” รุ่นน้องเปรยบอก


“พี่ว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบหรอกนะครับ  เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาและใจเท่านั้น”


“ผมทราบดีครับ เต้ย!...บอลขอช่อดอกไม้ในมือเถอะนะ”


“บอล แต่ดอกไม้นี่พี่แชมป์ให้เต้ยนะ ”


“แต่ว่า...”


“ไม่มีแต่...นะบอล  เต้ยอยากให้บอลมีเหตุผล  นะครับ”


         ลูกอ้อนของนักศึกษาแพทย์เตชานุ ใช้ได้ผล หัวใจของบริรักษ์ที่กำลังแข็งกร้าวอ่อนยวบลงไปทันที   ยิ่งเขายืนอยู่ตรงนี้ยิ่งหงุดหงิดรุ่นพี่ทันตแพทย์ปีสามขึ้นมาเรื่อยๆ  ขอหลบไปแต่งตัวคงจะดีกว่า



“วันนี้วันเสาร์ น้องเต้ยว่างไหมครับ”


“ว่างครับ ทำไมหรอ?”


“วันนี้คุณพ่อของน้องเต้ยนัดพี่ไปทานข้าวที่บ้าน พี่อยากให้น้องเต้ยเป็นตุ๊กตาหน้ารถบอกทางพาพี่ไปบ้านได้ไหมครับ”


                คุณชายกำลังแต่งตัวอยู่นั้น หูผึ่งทันทีที่ได้ยิน  เอาจริงๆเขาเริ่มไม่เข้าใจแผนการของคุณอาประทวน พ่อของเต้ยเสียแล้ว  คิดได้ยังไงหาผู้ชายตั้งสองคนมามัดใจลูกชายตัวเองทีเดียวพร้อมกัน ถ้ามีแค่เขาคนเดียวจะไม่ว่าและเอะใจเลยแม้แต่น้อย


“ได้สิครับ/ไม่ได้!!!”


              สองเสียงสวนทางกันชัดเจน  แชมป์เลิกคิ้วสูง เอียงหัวไปมองเรือนร่างได้สัดส่วนนั้นทันที เพราะกับคำว่า ไม่ได้!!! ของคุณชายบอลสุกขรึม มันหมายความว่ายังไงกัน?



“มีเหตุผลอะไรถึงบอกว่าไม่ได้ครับน้องบอล” แชมป์เปรยอย่างสุภาพ


“เพราะผมนัดเต้ยไปทานข้าว เดินห้าง ดูหนังแล้วครับ  หลังจากนั้นก็ต่อด้วยไปการไปติวหนังสือครับพี่”


“เห็นทีคงจะไม่ได้นะครับ น้องบอลคงจะเข้าใจดีว่าคำสั่งของคุณอาประทวน สำคัญที่สุด แล้วตอนนี้ว่าที่พ่อตาต้องการให้พี่ไปที่
บ้าน น้องเต้ยไปกับพี่นะครับ”



“แต่คุณอาประทวนก็ไม่ได้บอกว่าให้พี่แชมป์พาเต้ยไปบ้านด้วย ไม่ใช่หรอครับ?” บริรักษ์ยังไม่ยอมท่าเดียว


“เรื่องนั้นมันก็ใช่นะครับ แต่บังเอิญไอ้ต้อมเพื่อนพี่เนี่ย มันไม่ว่างพอดี พี่เลยไปบ้านของเต้ยไม่ถูก เพราะฉะนั้น....”


“ไม่ยากหรอกครับ ผมจะเขียนแผนที่ทางไปบ้านให้พี่แชมป์เอง  ไม่ต้องให้เต้ยพาไปด้วยหรอกนะครับ”


“พอเลย หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ เฮ้อ เต้ยยืนฟังอยู่นี่จะเป็นประสาทแล้วนะครับ”


            สองหนุ่มหยุดต่อล้อต่อเถียงกันทันที ร่างบางเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความเหนื่อยใจ เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณพ่อไม่เปิดทาง ชี้โพรงให้กระรอกแบบนี้ แต่จะทำยังไงได้ เขาเองก็หวั่นใจ ถึงยังไงถ้าให้เลือกสักทาง เขาต้องการทนเห็นสองหนุ่มเพื่อนรักกับเพื่อนพี่ชายทะเลาะกันทุกวัน  ดีกว่าเห็นอีกคนที่เขาทั้งเกลียดทั้งชังมาที่นี่



            ภายในห้อง ตอนนี้แชมป์นอนอยู่บนเตียงนอนของบริรักษ์อย่างสบายใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  หารู้ไม่ว่าเตียงนั้นเป็นของรุ่นน้องศัตรูหัวใจ แถมโชคร้ายกว่าเดิมคือ คุณชายบอลไม่ต้องการให้ใครเอาตัวไปกลิ้งเกลือกบนที่นอนส่วนตัวของตัวเองแบบนั้น



“พี่แชมป์ครับ ลูกจากที่นอนผมเดี๋ยวนี้เลย!!!” รุ่นน้องออกคำสั่งทันที


“อ้าว? นี่เตียงของบอลหรอกหรอ  เห็นสีฟ้าอ่อนหวานแหววแบบนี้พี่นึกว่าเป็นของน้องเต้ยซะอีก แต่กลิ่นหอมดีนะครับ”


“พี่แชมป์!!! ผมบอกให้ลุกเดี๋ยวนี้เลย” คุณชายหมดความอดทนเสียแล้วสิ


“ขอนอนหน่อยน่า ฆ่าเวลา กว่าน้องเต้ยจะอาบน้ำเสร็จ พี่ต้องการรอคำตอบ”


“ก็ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ดีๆไมได้หรอพี่ ทำไมต้องนอนเตียงผมล่ะ”


“อะไรกัน ใช่คุณชายมาดสุขุม พูดน้อยอย่างที่เขาว่ากันไว้รึเปล่าเนี่ย เท่าที่เห็น ไม่มีมาดสุขุมเลย แถมพูดมากอีกต่างหาก”


“พี่แชมป์!!!”


“พี่พูดตรงไปหรอครับ ฮ่าๆๆโทษที อย่าสนใจเลยนะ ก็นายเป็นแบบนั้นจริงๆไม่ใช่หรอหืม?”


“ผมบอกให้ลุกขึ้นจากเตียงไงครับ!”


             บริรักษ์ถลาตัวเข้าไปดึงแขนคนตัวใหญ่กว่านิดหน่อยให้พ้นจากเตียง แต่ไม่ไหวเลย รุ่นพี่คนนี้ทั้งตัวหนักและแรงดื้อดึงราวกับโคกระบือชะมัด


หมับ!!! พรวดดด


              ไอ้หยา!!! พลาดแล้วจริงๆ แทนจะแรงดึงรุ่นพี่ให้ลุกจากเตียงจะสำเร็จกลับกลายเป็นว่าแรงขัดขืนของแชมป์ได้ดึงร่างของคุณชายลงไปนอนทับแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



แกร๊ก แอดดด ไม่ได้การณ์แล้ว ประตูห้องน้ำกำลังจะถูกเปิดออกมา เต้ยต้องเห็นภาพนี้แน่ๆ


“บอล!!! พี่แชมป์!!! เล่นอะไรกันอยู่ครับ”


            เตชานุเบิกตากว้างเมื่อเห็นคุณชายในสภาพเปลือยท่อนบนกำลังทับบนตัวของรุ่นพี่ทันตแพทย์



“มะ...ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่เต้ยคิดนะครับ อย่าเข้าใจผิด” คุณชายกำลังปฏิเสธ


“เข้าใจผิด?...เต้ยยังไม่ได้คิดอะไรเลย แค่ถามว่าเล่นอะไรกัน ถึงได้ไปนอนทับกันบนเตียง”



                    เตชานุอธิบายให้บริรักษ์เข้าใจ แต่ใครอีกคนนั้นกลับค่อยๆเปลี่ยนทีท่าจากนอนอยู่บนเตียง  ลุกขึ้นมานั่งแทน แถมขำกลิ้งให้กับความร้อนตัวและตื่นตูมของรุ่นน้องเดือนคณะแพทย์คนนี้ที่สุด



“ขำอะไรพี่แชมป์” บอลทำเสียงไม่พอใจนิดๆ


“เปล๊า แค่กำลังขำใครบางคน ทำไมหรอ กลัวว่าเต้ยเขาจะคิดว่าพี่กับนายกำลัง...”


“เฮ้ย!!! บ้าน่าพี่ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น จริงๆนะเต้ย บอลไม่ได้คิดว่าเต้ยจะรู้สึกแบบนั้น”


“บอล บอลเป็นอะไร? เต้ยยังไม่ได้คิดไปไกลเลยนะ โอ้ย พอแล้วๆ เต้ยไปแต่งตัวดีกว่า”


                 หลังจากที่บุคคลที่สามเลี่ยงตัวเข้าไปห้องเล็กเพื่อแต่งตัว  คุณชายก็แอบถอนหายใจออกมา แถมยกมือขึ้นมาทาบบนอกซ้ายอีกต่างหาก แชมป์เห็นแล้วอดแซวไม่ได้



“เป็นอะไร? ใจเต้นแรงหรอ ฮ่าๆๆๆ”  ปัดโถ่เอ้ย! ทำไมยิ่งเห็นหน้ารุ่นพี่คนนี้บ่อยๆ ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


“ยุ่งน่าพี่!”


“โอเค ไม่ยุ่งแล้วก็ได้ ไปยุ่งน้องเต้ยแทนแล้วกัน”


“เฮ้ย!!! หยุด จะตามไปไหน เต้ยเขาแต่งตัวอยู่นะ”


“แล้วไง?” แชมป์แกล้งดื้อรั้น แต่ในใจก็รู้อยู่ว่าไม่ควรเข้าไปหรอก


“ก็เต้ยกำลังโป๊ไง มีมารยาทหน่อย”


“มารยาทพี่มีแน่นอนครับน้องบอล แต่คำสั่งของพ่อตาก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าอนุญาตให้พี่รุกเต้ยหนักๆเข้าไว้ พี่ก็ต้องทำตามคำ
แนะนำ”


“แหม ทีเรื่องแบบนี้ ทำตัวซื่อสัตย์ขึ้นมาเชียวนะ”


“ของมันแน่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ใครแถวๆนี้ก็งาบไปกินก่อนพี่สิ จริงไหม?”


“ผมมาก่อนพี่นะ พี่ให้เกียรติผมหน่อยเถอะ”


“เฮ้ย ไอ้น้อง ทีหลังดังกว่าเคยได้ยินป่าวววว”


              แชมป์ทำหน้าทำตากลิ้งกลอกหยอกเย้า คุณชายรุ่นน้องตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่อีกคนสิ ทำสีหน้าราวกับอยากจะเปิดศึกสงครามไปให้มันรู้แล้วรู้รอด


“ขอเถอะพี่เดี๋ยวค่อยตามเข้าไป ให้เต้ยแต่งตัวเสร็จก่อนเถอะนะ” บอลยังไม่ปล่อยวางใจ


“พี่ไมได้จะเข้าไป แค่ยืนขึ้นเฉยๆ  นี่เป็นห่วงเต้ย หรือว่าหวงเต้ยกันแน่ฮะ คุณชาย”


“ทั้งสองแหละพี่ ”



              สักพักใครคนหนึ่งที่สองหนุ่มต่างรอคอย ก็เดินออกมาจากห้องเล็กอีกหนึ่ง ด้วยเสื้อยืดสีชมพูพับแขนเสื้อขึ้น กับ
กางเกงยีนดำขาสั้น เห็นแล้วแทบตาถลน



“น่ารักจัง/โป๊มาก”


              เตชานุยิ้มให้กับทั้งสองคอมเม้นต์โดยไม่คิดจะใส่ใจอะไรมาก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะพาพี่แชมป์ไปหาคุณพ่อที่บ้าน 
นี่เป็นสิ่งที่ควรทำ



“ไม่โป๊หรอกบอล เอาล่ะ เราจะพาพี่แชมป์ไปหาคุณพ่อก่อนแล้วกัน ส่วนบอลรอเต้ยอยู่ที่หอนะ ไปไม่นานหรอก”


“อ้าว แต่เต้ยมีนัดกับบอลไว้ ก่อนไอ้พี่แชมป์นะ”


“แต่เรื่องของพี่แชมป์เป็นเรื่องของคุณพ่อเต้ย เต้ยขัดไม่ได้หรอก” ร่างบางให้เหตุผล


“ฮ่าๆๆๆ คุณชายอย่าทำหน้าจ๋อยดิ  แพ้บ้างสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอกน่า”


“ใครว่าผมแพ้ ผมไม่มีวันแพ้พี่หรอก! เต้ย เต้ยรอบอลอยู่ที่หอนี่แหละ เรื่องของพี่แชมป์ บอลจะพาไปหาคุณอาเอง”


“ไม่ได้!!!/จะดีหรอ”


“ต้องได้ครับพี่แชมป์  แล้วมันก็ดีด้วยครับเต้ย ตัดปัญหาไปเลย บอลไม่อยากแพ้เรื่องแบบนี้ให้กับพี่แชมป์เท่าไหร่หรอก เพื่อความเสมอภาค ไม่ต้องมีใครได้ใกล้ชิดเต้ยดีที่สุด”


“เต้ย ไปกับพี่นะครับ ช่วยพูดกับไอ้คุณชายนี่ทีเถอะ” แชมป์ก็ไม่คิดยอมความอีกเช่นกัน


       หนุ่มตี๋ผมทรงสินเฮดใช้ลูกอ้อนเอาแก้มไปถูกับแขนของเต้ยไปมาเบาๆ น่าแปลกที่เตชานุไม่คิดขัดขืน



“ไอ้พี่แชมป์ เอาแก้มออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”


“พอ!!! ได้!!! แล้ว!!!”


                   ร่างบางสติแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ในเมื่อไม่ลงรอยกันดีนัก ข้อเสนอของบอลนับว่าดีไม่น้อย ไม่ชอบกันนักก็ให้อยู่ใกล้กันมากๆน่าจะดี เผื่อจะหันมาใจเย็นยอมๆกันบ้าง



“เต้ยตัดสินใจแล้ว พี่แชมป์ไปบ้านเต้ยกับบอลนะครับ ตัดปัญหา เต้ยเบื่อที่ต้องเห็นสองคนทะเลาะกันเพราะเต้ยตลอดเลย”


“ให้พี่ไปกับคุณชายนี่  เผื่อตีกันตายในรถล่ะครับน้องเต้ย”


“บอลไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ วางใจได้ พี่แชมป์เลิกกังวลไปได้เลย” เต้ยเปรยบอก



              บอลยืนตีคิ้วซ้ายให้รุ่นพี่อย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยๆเขาก็เป็นฝ่ายชนะ ชนะด้วยเรื่องอะไรนะหรอ หึหึ หนึ่งคือข้อเสนอ
ของเขาได้ผล สองพอเสร็จธุระจากบ้านคุณอาประทวนแล้ว เขาก็จะมารับเต้ยไปกินข้าว เดินห้าง ดูหนัง คิดแล้วมันดีต่อใจขนาด
ไหน น่าจะรู้ดี อิอิ



“เชิญครับพี่แชมป์  ” คุณชายผายมือเชื้อเชิญ


“ก็ได้วะ! เต้ยนะเต้ย ไม่สงสารพี่เล๊ย”


           หนุ่มตี๋บ่นไปตามระเบียบ แต่ก็ยอมเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงเตชานุเพียงคนเดียวแล้ว เขาจะทำอะไรดีเพื่อรอเวลาบอลพาพี่แชมป์ไปทำธุระ  ดูละครย้อนหลังรอก็แล้วกัน นาคีกำลังดังเลย อิอิ



ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆ


             เสียงประตูดังขึ้นทันที ตั้งแต่ยังไม่เปิดโน๊ตบุ๊คเลย  ใครกันนะ ? หรือว่าสองคนนั้นจะลืมของ คิดได้แค่นั้นก็เดินไปเปิดประตูให้ทันที โดยไม่ได้คิดว่าจะเปิดประตูออกไปเพื่อเห็นใครคนหนึ่ง 

...

...


...

แต่แล้ว...กลับต้องตกใจขึ้นมาจริงๆ     เพราะภาพตรงหน้าคือ...ใครคนนั้น   เขาเปลี่ยนไปมากทีเดียว



“เต้ย! อิทขอโทษ”  ประโยคแรกที่ร่างสูงรูปลักษณ์เปลี่ยนไปทักทาย เขาช่างดูแตกต่างไปราวกับคนละคน


“ไปให้พ้นหน้าเราเดี๋ยวนี้”


พรึบ!!! หมับ!!!



       ฝ่ามือหนาของคนอิดโรยกำลังดันบานประตูเข้ามา ร่างเล็กพยายามออกแรงดันกลับแล้วแต่ไม่ได้ผล ให้ตายสิแรงจะเยอะไปไหน แล้วคนคนนี้ทำไมถึงยังมาที่นี่อีก ไม่กลัวคำขู่คุณพ่อหรือยังไงกัน



แอดดดด ปัง แกร๊ก!!!


      ประตูถูกล็อคเสร็จสรรพ  ร่างสูงตรงหน้าดวงตาดำคล้ำราวกับคนอดหลับอดนอน ผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่มันติดกับเสื้อโปโลสีดำนั่นตลบอบอวนคละคลุ้งไปหมด   ร่างบางถอยร่นกลับไปจนกระทั่งถึงประตูหลังห้อง โดยอัตโนมัติ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าชายร่างสูงคนนี้เป็นคนอันตรายแค่ไหน



“อย่าถอยหนีอิทเลยนะ” เสียงแหบพร่าดังขึ้น


“กลัว เกลียด รังเกียจ ขยะแขยงที่สุด  อย่าเข้ามาใกล้เรานะอิท”


“อิทขอโทษครับ”


“พูดอะไรของนาย อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเราแทงนายจริงๆด้วย”


“เอาเลยเต้ย ถ้าอิทจะต้องตาย ขอตายเพราะเต้ยแล้วกัน”


“เราไม่ได้พูดเล่นนะอิท ถอยออกไป”


          มือเรียวตวัดมีดปลอกผลไม้ไปมา ในจิตใจปั่นป่วนไปหมด เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากคนตรงหน้าเข้ามาเรื่อยๆจนประชิดตัวแล้ว ตัวเองจะกล้าเอาของมีคมนี้แทงและทำร้ายอิทธิพลไหม?



             แต่แล้ว...ดูท่าทางเหมือนร่างสูงไม่มีท่าทีที่จะหยุดเดินเข้ามาหา  อิทธิพลกำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆอย่างช้าๆ จนกระทั่งถึงระยะห่างเพียงแค่เมตรเดียวเท่านั้น ร่างสูงถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าเตชานุ


“อิท!!! จะทำอะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”


“อิทขอโทษนะ”


“อิท! บอกให้ลุก”


“อิทขอโทษ”


“อิทททททท!!! ฟังกันบ้างได้ไหม ลุกเดี๋ยวนี้”


“ยกโทษให้อิทนะเต้ย”


“เป็นบ้ามาแต่ไหนเนี่ย ถ้าไม่ลุก เราจะออกไปจากห้องนี้เอง จะเอายังไง!!!”


“อิทขอโทษนะเต้ย”


“พูดคำอื่นไม่เป็นหรือไงอิท!”


“อิทรักเต้ย”



“ฮะ!!!”


“อิทรักเต้ย ชัดไหมครับ”


“เราเป็นคนนะอิท ไม่ใช่ควาย เรามีสมอง เราไม่โง่เหมือนแต่ก่อนแล้ว คำพูดของนายไม่มีประโยชน์อีกต่อไป กลับไปใช้ชีวิตตาม
ทางเดินของนายซะไป!”



“จะให้อิทไปไหน ในเมื่อทางเดินชีวิตของอิท ก็มีแต่เต้ยเท่านั้น ตอนนี้อิทไม่เหลือใครแล้ว ”


“คุณลุงธำมรงค์ไง? ”


“อิทบอกพ่อไว้แล้วว่าถ้าหากมัดใจเต้ยไม่ได้ อิทจะไม่กลับไปที่บ้านอีก”


“โอ้ย!!! ก่อนจะทำอะไร ตัดสินใจอะไร เคยคิดบ้างไหมอิท นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


“ใช่ไง อิทไม่ใช่เด็ก อิททำอะไรไว้ อิทก็ต้องรับผิดชอบ ถูกต้องไหม”


“ฟังนะ  ถ้านายหาสิ่งที่อยากรับผิดชอบ ขอแค่นายกลับไปซะ  ไปไหนก็ได้ โดยที่ไม่ต้องกลับมาหาเราอีก เราเบื่อ เราเหนื่อย เรารำคาญ เราเหม็นขี้หน้า เรา....”


“อิทรักเต้ย”


“อิท!!! อย่าตื้อมากได้ปะ มันน่ารำคาญ”


“ก็อิทรักเต้ย รักก็คือรัก ความรักของอิทอาจจะไม่เหมือนคนทั่วไปเขาทำกัน  แต่อิทเองก็มีชีวิต และขึ้นชื่อว่าเป็นคนแล้ว  อิทก็รู้สึกรัก  เป็นเหมือนกัน”


“มาบอกเพื่ออะไร? บอกเลยนะว่าเราไม่ได้ซึ้งแม้แต่นิดเดียว กลับคอนโดนายไปซะ”


“อิทไม่ได้อยู่ที่คอนโดแล้วครับ อิทอยู่หอพักเก่าๆที่หลังมอ”


“อะไรของนายเนี่ย? อยู่กับคุณลุงธำมรงค์ก็สุขสบายอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้ ทำไมต้องทำให้พ่อตัวเองเป็นห่วง ผิดหวัง
เสียใจ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อิททำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันเราไม่เข้าใจ”


“ทุกอย่างที่เต้ยพูดมา อิทยอมเป็นคนเลวเพียงเพื่ออยากมาหา มาทำสิ่งที่ถูกต้องกับคนที่อิทรัก”


“ฟังให้ดีนะอิท เราไม่ได้รักนาย โอเคไหม?”


“แต่อิทรักเต้ย”


พรึบ!!!


         สองแขนโอบกอดเข้าที่ต้นขาของเตชานุทันที  ร่างสูงกอดเอาไว้แน่นราวกับรอคอยเวลาที่เต้ยจะอยู่คนเดียวมานานแสนนาน  รอคอยเวลาที่ไอ้คุณชายมันไม่คอยเฝ้าดูใกล้ชิดติดตัว และแล้ววันนี้ก็มาถึง


“เต้ยจะโกรธจะเกลียด จะรังเกียจอะไรอิทก็ตาม ขออย่างเดียว อย่าไล่อิทเลยนะ อิททิ้งทุกอย่างมาก็เพราะเต้ย อิทรักเต้ย” คำว่ารักนั้น เริ่มออกจากปากของอิทธิพลมากขึ้นๆ จนคนที่ได้ยินได้ฟังอยู่นี้เริ่มเอียน


“ยอมทิ้งทุกอย่างมา? จากที่ไม่เคยเป็นคน ตอนนี้สภาพของนายมันต่ำเตี้ยยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อีกนะอิท มีสติบ้าง นายเป็นคนนะ”


“ถ้าเป็นคนแล้วไม่มีเต้ย อิทไม่อยากเป็นหรอก”


“เอาสมองส่วนไหนมาคิด ก่อนพูดนี่เคยกลั่นกรองก่อนไหมอิท”


“สำหรับเต้ย อิทไม่อยากคิด ขออิทกอดเต้ยแบบนี้นานๆได้ไหม?” เสียงอ้อยอิ่งออดอ้อนนั้นไม่เหมือนคนเดิม


“ไมได้หรอก เดี๋ยวบอลก็กลับมาแล้ว” แทนที่จะผลักไส แต่ทำไม ร่างบางถึงปฏิเสธทางอ้อม ทำอย่างกับว่าหากบอลไม่กลับมา ก็จะให้กอดเขาอยู่อย่างนั้นหรอ?


“แต่มันยังไม่มาตอนนี้หรอก อิทขอแค่สิบนาทีก็ยังดี สงสารอิทเถอะนะครับ”


           อะไรกัน อิทธิพลคนโอหัง ตอนนี้เขาทิ้งนิสัยนั้นไปไว้ที่ไหน จากราชสีห์ไม่เคยโงหัวให้ใคร ท้ายที่สุดตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแมวเชื่องขี้อ้อนขี้น้อยใจ มาคลอเคลียขอความรักจากเจ้านายเท่านั้นเอง



           ถึงจะรู้สึกไปตามที่พูดมาก่อนหน้านี้ ว่าไม่ชอบอิทธิพล แต่การเห็นใครคนหนึ่งที่น่าสงสารกำลังรู้สึกผิดนั้น เต้ยก็อดใจอ่อนไม่ได้ นิสัยนี้เขาได้จากผู้เป็นแม่มาเต็มๆ แต่สิ่งที่เต้ยกังวลก็คือ อิทธิพลจะไม่หลอกเขาอีกครั้งใช่ไหม?


“อย่ามาหลอกเราอีกครั้งที่สอง มันไร้ประโยชน์”


“ไม่ ไม่ เต้ย  อิทไม่ได้หลอก อิทไม่ได้คิดหลอกอะไรเต้ยเลย ที่อิทเป็นคนเลวแบบนี้เพราะอิทรักเต้ยเกินไป รักจนอยากได้มา
ครอบครอง จนลืมไปว่าเต้ยก็มีจิตใจเหมือนกัน เชื่ออิทนะ อิทรักเต้ยจริงๆ”



          ร่างสูงอธิบายอย่างรวดเร็วราวกับคนเสียสติ ไม่รู้สิยิ่งเห็นสภาพของอิทธิพลตอนนี้เขาก็ยิ่งสงสารจับใจ จนลืมความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายทำกับเขาเอาไว้แทบหมดสิ้น อิทธิพลตอนนี้ดูไร้เรี่ยวแรง(แต่ก็ยังมีมากกว่าแรงของร่างเล็กกว่าตอนนี้อยู่ดี) เหมือนคนอดนอน ไม่กินข้าวกินน้ำ ลูกชายทายาทธรกิจอย่างเขาทำไมถึงยอมทิ้งทุกอย่างนาดนี้



          สองมือเรียวค่อยๆทาบแตะลงที่กลางกระหม่อมศีรษะ ผมยาวรุงรังกว่าแต่ก่อนดูก็รู้ว่าอิทธิพลปล่อยตัวหละหลวมขนาดไหน เต้ยลูบผมเบาๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าที่กำลังทำอยู่นี้คืออะไรกันแน่




“ลูบหัวอิทนานๆนะเต้ย ”


                 มันไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นความวิงวอนอ้อนขอและเตชานุก็ต้องการจะทำแบบนั้นด้วย (เพราะอะไรก็ไม่รู้)  อิทธิพลเอาหน้าแนบต้นขาเล็กนั้น  สองแขนอันแข็งแกร่งก็ยังคงกอดรัดขาของเตชานุเอาไว้อย่างนั้น ไม่คิดปล่อย ร่างบางจะทำยังไงได้ เขาไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร ตอนนี้มีแต่ความสงสาร เขาทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม  ความเกลียดความเคียดแค้นกันต่อไป มันจะใช่ทางออกที่ดีหรือเปล่า?



              ตอนนี้เขาเริ่มสับสนมากขึ้น คนที่ทำให้เขาเปลี่ยนมาชอบผู้ชายก็คืออิทธิพล คนที่เข้ามาอยู่ในหัวใจของเขาก็คือ
อิทธิพลอีก แต่ความรู้สึกนี้เขาจะบอกกับใครไม่ได้  ในเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มที่ยอมทิ้งลายเสือไร้ฤทธิ์เดชผู้นี้ถูกคนในครอบครัวและคนรอบข้างตราหน้าไม่ต้อนรับอีกต่อไปเสียแล้วนะสิ


:L2:


พี่แชมป์ทันตะกับน้องหมอบอล มีความเคมีเริ่มมา

ส่วนบักห่าอิทธิพลมาไม้ไหน ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้ไอติม หรือไม้ผุเน่าส่งกลิ่นเหม็น โด่ววว

ติดตามกันต่อไปนาจา นิยายของผู้แต่งนี้  ไม่เคยคิดจะแต่งเกิน 30 ตอน บวกลบไม่เกินสองตอน นาจา

เหตุผลก็เพราะ หนึ่ง เดี๋ยวเรื่องออกทะเล สองเดี๋ยวไม่มีเวลามาต่อให้จบนะสิ นี่เรื่องใหญ่สำหรับคุณผู้อ่าน อิอิ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มีความเมะชนเมะนะคะ  อิอิ บอล แชมป์

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อิทอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
เป็นใครก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้นแหละ
เต้ยเองก็เถอะ หวังว่าจะไม่อภัยให้ง่ายๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
มีความอยากได้เรื่องแชมป์บอล ดูเคมีเข้ากันจุง
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เชียร์บอล+แชมป์ ดีกว่า ..

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จะมาต่อให้อ่านอยู่ไม๊หง่ะ  นานแว่วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 18




       สารถีหน้าตี๋ ขับรถไปตามทางที่ตุ๊กตาหน้ารถบอก เลี้ยวซ้ายบ้าง เลี้ยวขวาบ้าง ขึ้นทางด่วนบ้าง สารพัด ราวๆครึ่งชั่วโมงจึงถึงบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่นี้



        การมาเยือนของรถยนต์ไม่คุ้นตา ทำเอาเจ้าของบ้านหญิงชายรุ่นใหญ่เดินออกมาดู  แต่ประทวนพอจะรู้คร่าวๆบ้างว่า  เพื่อนของต้อมลูกชายคนโตจะมาที่บ้าน ตามคำชักชวนของเขาเอง


“รถใครของคะคุณ?”


“ใจเย็น เดี๋ยวแม่ก็รู้เอง” ประทวนยิ้มให้ภรรยา


          ไม่นานนักเจ้าของรถก็เปิดประตูพร้อมกับก้าวออกมาจากรถ หนุ่มรูปร่างสมส่วน หน้าตี๋ ผมสกินเฮดยิ้มทักทายทั้งใบหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ผู้มีอายุสูงกว่า



          ประกอบกับใครอีกคนที่ลงจากประตูฝั่งตรงข้าม ใบหน้าคร่าตาคุ้นเสียยิ่งกว่าอะไรดี คุณชายบอล ตระกูลพิมลประชาทิศผู้สูงศักดิ์นั่นเอง


“สวัสดีครับคุณอาทั้งสอง”


“สวัสดีลูก ไม่นึกว่า ลูกเขยของพ่อทั้งสองคนจะมาด้วยกัน  รู้จักกันมาก่อนหรอ?” หนุ่มใหญ่ถามด้วยความดีใจปนแปลกใจ


“เอ่อ...” สองหนุ่มยึกยัก จะตอบคำไหนออกไปดีโดยที่ไม่ต้องโกหกและดูดีที่สุด  สุดท้ายคงจะเป็นหน้าที่ของบริรักษ์เสียแล้ว


“...ใช่ครับ นี่คือพี่แชมป์สุดหล่อเพื่อนพี่ต้อม ที่คุณอาอยากเจอไงครับ” หนุ่มผิวเข้มกัดฟันพูด แต่เจ้าของชื่อกลับเหล่สายตามามองนิดๆ


“บอล เข็ดฟันหรอลูก” ประทวนเปรยถามอย่างเป็นห่วงทันที แต่กลับมีเสียงขำเบาๆในลำคอของรุ่นพี่ซะได้


“ปะ...เปล่าครับ สบายดีครับ”


“งั้นเข้าไปนั่งในห้องลำลองก่อนนะ จะได้คุยเรื่องสำคัญกันเลย”


“ครับ!!!”


              ว่าที่คุณหมอหนุ่มสองคนตอบพร้อมกัน ก่อนจะเดินตามชายคนตรงหน้าไป จวบจนกระทั่งนั่งลงบนโซฟานุ่มนิ่มภายในห้องโถงครึ่งวงกลม


“เห็นตาต้อมบอกว่า ครอบครัวเปิดร้านทองหลายสาขาหรอลูก?” ประทวนถามแชมป์ทันที


“อ่อ ใช่ครับ”


“...แล้วก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน?”


“ใช่ครับ”


“ชอบลูกชายพ่อมากไหม?”


“ชอบมากครับ น้องเต้ยน่ารักดี ถึงแม้ว่าบางทีจะมีมารผจญบ้าง แต่ผมกำราบอยู่หมัดแน่นอนครับ” หนุ่มตี๋ขี้เล่น  พยายามพูดใส่
รุ่นน้องเดือนแพทย์ พร้อมแอบหันไปชำเลืองมอง  มีหรอที่คุณชายอย่างบอลจะไม่รู้


“เอ๋? นอกจากสุดหล่อสองหนุ่มแล้ว ยังมีคนอื่นมาจีบเต้ยอีกหรอ?” ประทวนเข้าใจผิดไปตามระเบียบ


“อ้อ เปล่าครับคุณพ่อ” แชมป์แก้ความเข้าใจให้


“โอเค ได้ยินแบบนี้พ่อค่อยเบาใจหน่อย” ประทวนเปลี่ยนอิริยาบถท่านั่งธรรมดาเป็นไขว้ห้างก่อนจะเปรยต่อ


“...ไหนๆก็มากันพร้อมหน้า พ่อไม่อ้อมค้อมแล้วกัน เจตนาและความประสงค์ของลูกทั้งสอง พ่อรู้ดี แต่สิ่งที่อยากให้ช่วยคือ ทำยังไงก็ได้ให้ลูกชายของพ่อมีความสุขและลืมอิทธิพลเขี่ยมันออกไปจากชีวิตเต้ยให้พ่อที”


“เรื่องนี้ผมทราบครับคุณอา แต่เต้ยเขาไมได้ชอบผมเหมือนที่ผมชอบเขาครับ” บริรักษ์พูดอย่างน้อยใจ


“รู้ก็ดีแล้ว เปิดทางให้คนอื่นเขาบ้าง” แชมป์พึมพำเบาๆแต่มันกลับดังสะท้อนชัดแจ๋วเข้าใบหูของบอลทั้งสองข้าง


“ไอ้พี่แชมป์!!!”


“เอาล่ะๆ พอก่อน! ดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่นะ แต่ไหงกลับมาด้วยกันได้ ตีกันไปกี่ยกแล้วในรถ”


“10 ยกครับ/นับไม่ถ้วนครับ!”


            ถึงคำตอบจะไม่เหมือนกัน แต่คำพูดเหล่านั้นล้วนแล้วสื่อไปให้รู้ว่า หลายยก เลยทีเดียว สองสามีภรรยาหันหน้ามาอมยิ้มนิดๆให้กับความน่ารักของชายหนุ่มรุ่นคราวลูกตรงหน้า


            นักศึกษาหนุ่มต่างชั้นปี หันหน้าเบือนหนีออกจากกันไปคนละทิศ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ที่บอกรู้จักและสนิทสนมกันนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ


“แม่ขอถามหน่อยนะ ตอนนี้เต้ยเป็นยังไงบ้าง แม่อยากได้ยินจากปากของบอลกับแชมป์ เต้ยเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้กับ
ตัวเอง แม่เป็นห่วงมาก” ผู้เป็นแม่พูดด้วยความเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก


“เต้ยสบายดีครับ” หนุ่มผิวสองสีเป็นฝ่ายตอบเธอไป


“ไม่มีท่าทีซึมเศร้าเสียใจที่โดนไอ้เด็กตระกูลนฤบดินทร์หลอกใช่ไหม?” ประทวนถามต่อ

“ไม่มีครับ เต้ยร่าเริงแล้วก็ไม่เคยพูดถึงอิทธิพลเลยครับ” แชมป์เป็นคนตอบคำถามบ้าง

“ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เอาล่ะ พ่อไม่มีอะไรแล้ว ขอบใจลูกๆทุกคนนะที่มาหา”


“ครับคุณอา งั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกัน พอดีผมนัดเต้ยไว้แล้วว่าจะพาไปเที่ยวผ่อนคลายครับ”


“ส่วนผม ก็มีนัดกับน้องเต้ยต่อ เพราะตั้งใจจะจีบน้องครับ” แชมป์พูดความประสงค์ตัวเองบ้าง สร้างความขุ่นเคืองในใจให้คุณชาย
มาดนิ่งได้เป็นอย่างดี


             และแล้วผู้ใหญ่สองคนก็ต้องหันมามองกันตาปริบๆ เกรงว่าจะเกิดศึกสองหนุ่มในช้านี้แน่  ไม่รู้ว่าประทวนคิดผิดหรือถูกที่เปิดทางให้สองหนุ่มในคราวเดียวกัน  แต่สุดท้ายทั้งบอลและแชมป์กลับกดอารมณ์ตัวเองได้อย่างดี


“ผมลาแล้วนะครับคุณอา สวัสดีครับ”


“ลาแล้วครับคุณพ่อคุณแม่” แชมป์ไหว้ตาม


“ขับรถกลับปลอดภัยนะ”


“ครับ”


                เมื่อทั้งสองเข้ามานั่งอยู่ในรถ บรรยากาศสงครามกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด ด้วยการที่แชมป์หันไปมองอีกฝ่ายก่อน บริรักษ์หันมามองโต้ตอบรุ่นพี่บ้าง ด้วยแววตาไม่พอใจประมาณหนึ่ง


“โห เวลาคุณชายกำลังโมโหไม่พอใจเนี่ย ตีนกาขึ้นเยอะเหมือนกันนะ” หนุ่มตี๋เม้มปากเลิกคิ้วขึ้นสูง พร้อมกับทำสีหน้าตั้งใจกวน
บาทาอีกฝ่ายสุดๆ


“ไม่ต้องมาไขสือเลยนะ ที่บอกคุณอาทั้งสองไปเมื่อกี้คืออะไรครับ?”


“บอก? บอกอะไรวะ”


“ไอ้พี่แชมป์ ก็ที่บอกว่ามีนัดกับเต้ยไง นั่นมันเป็นแพลนของผมที่คิดก่อนพี่นะ”


“อ้อออออออ ที่แท้ก็โมโหเรื่องนี้ ทำไมหรอ? กลัวว่าถ้าพี่มีนัดกับเต้ยบ้าง กลัวเต้ยเขาจะเลือกไปกับพี่รึไง?”


“กลัวตายล่ะ ผมหล่อสู้พี่ไม่ได้ตรงไหน ทำไมต้องกลัว อีกอย่างอย่าลืมสิว่าผมจีบเต้ยก่อนพี่นะ  ให้เกียรติกันหน่อยเห๊อะ”


“ฮ่าๆๆๆๆ  รู้สึกว่าความสุขุมและพูดน้อยของน้องบอล จะตบะแตกเพราะพี่ซะแล้ว”


“รีบๆขับรถจะดีกว่า   พี่ขับช้าเหมือนหอยทากป่วยแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง ผมมีนัดกับเต้ยต่อนะ”


“โอเคคร้าบบบ  ใจร้อนจริงๆเล๊ย”


     ฟืดดดดดดดด ไม่ทันไรรุ่นพี่ทันตแพทย์ก็เหยียบคันเร่งพรวดพราดไม่บอกไม่กล่าวซะงั้น ทำเอาตุ๊กตาหน้ารถหัวใจหล่นตุ๊บไปอยู่ข้างล่างตาตุ่ม


“ไอ้พี่แชมป์!!! จะฆ่ากันทางอ้อมรึไง ”


“ฮ่าๆๆๆๆ อ้าวก็เห็นบอกกำลังรีบอยู่ พี่ก็รีบให้อยู่นี่ไงครับคุณชายยยย”


“ถ้าผมตายมา รับผิดชอบชีวิตด้วยนะ” หลังจากปรับความตื่นกลัวไปได้ บอลก็เปรยประชดออกมาทันที


“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่ต้องรับผิดชอบสิ จริงมั้ย?”


               แต่แล้วแชมป์กลับค่อยๆผ่อนคันเร่งลงเรื่อยๆ  จนกระทั่งรถแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วปกติ ในรถเงียบสนิทไม่มีเสียงคุยกันอีกเลย จนกระทั่งคนขับรถเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นก่อน


“บอล!”


“ว่า...”


“ที่บอกว่าพี่หล่อพูดจริงป๊ะ?”


“อะไรของพี่อีกเนี่ย ผมไปพูดตอนไหน?”


“อ้าวววว ก็พูดตอนแนะนำพี่ให้คุณพ่อคุณแม่ของเต้ยรู้จักไง?” แชมป์พยายามเตือนความทรงจำ


         บริรักษ์ พยายามนึกย้อนกลับไป  สุดท้ายคำคำนั้นก็หวนลอยกลับมาจริงๆ


“อ้อ จำได้ล่ะ เปล่าหรอกพี่ พี่อ่ะหน้าขี้เหล่กว่าผมตั้งเยอะ ผมกลั้นใจพูดออกไปงั้นๆ ดูไม่ออกหรอ?”


“ขี้เหล่ตรงไหนวะ คนผิวขาวหน้าตี๋แบบนี้เนี่ย  ได้เปรียบคนผิวสองสีแบบนายเห็นๆ”


“อ้าวนี่ น้อยๆหน่อยพี่ อุดมคติพี่เป็นคนเหยียดสีผิวด้วยหรอ?”


“พี่ล้อเล่นน่า  แหมจริงจังไปได้ ถึงนายจะผิวสองสีแต่นายโคตรน่ากวนน่าแหย่ น่าเล่นด้วยสุดๆเลยล่ะ”


“???  ดูท่าทางจะสมองกลับนะพี่เนี่ย พูดอะไรขนลุกไปหมดแล้ว”


“ฮ่าๆๆๆๆ  มีขนลงขนลุกด้วย  ฮั่นแน่คิดอะไรกับพี่รึเปล่าครับคุณชายยยย ”


“เอาสมองส่วนไหนมาคิดครับ ถามจริงๆเรียนทันตแพทย์จริงรึเปล่า?”


“ก็จริงนะสิ ทำไมถามงั้นน่ะ?”


“เปล่า เหมือนคนพูดแบบไม่มีสมองอ่ะครับ”


“โห แรงว่ะ นี่ด่ากันแบบนี้เลยหรอ? จะไม่ให้พี่คิดได้ยังไง ดอกกุหลาบขาวเอาไปให้น้องเต้ย 15 ดอก นายก็แย่งเอาไปไว้ซะเอง
แบบนั้น...”


“ผมแย่งไปเพราะหวงเต้ยหรอกน่า ไม่ชอบให้ใครมาจีบ  อีกอย่างผมจะเอาไปทิ้งต่างหาก รู้ไว้ซะ”


“แต่สุดท้ายน้องบอลก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง  แถมเสียบไว้ในแจกันข้างเตียงนอนไม่ใช่หรือไงครับ? ”


“ก็....” บริริรักษ์พยายามจะสรรหาคำแก้ตัว แต่กลับถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน


“คราวหลังอยากได้ก็บอก จะซื้อมาเผื่อให้ นี่พูดจริงๆนะ”


“พูดอะไรของพี่วะเนี่ย เลี่ยนไปหมดแล้ว”


“เลี่ยนกับเขิน มันไม่ได้ต่างกันมากเลยนะ แยะแยะให้ออก ”


“โถ่เอ้ย มันก็ต้องเป็นเลี่ยนอยู่แล้ว พี่มีอะไรให้ผมเขิน”


“อยากรู้ไหมล่ะ คำตอบอยู่โน่นแล้ว!”


         แชมป์ชี้นิ้วออกไปนอกกระจก บอลหันไปมองตาม เป็นตึกสูงพร้อมกับมีป้ายบอกเอาไว้ติดถนนว่า ‘โรงแรม’


“เกี่ยวอะไรกับโรงแรมด้วยพี่?”


“อ้าว อยากรู้ไม่ใช่หรอว่าพี่มีอะไรให้คุณชายบอลเขินบ้าง กำลังจะให้คุณชายพิสูจน์นี่ไงล่ะ?”


“ไม่ตลกนะ รีบๆขับไปหอพักได้แล้ว เต้ยรออยู่ห้องคนเดียวมันอันตราย”


“อันตรายยังไง?”


“พี่ลืมไปแล้วหรอว่าคนที่ทำให้เต้ยเสียใจและหวาดกลัว คือใคร ไม่แน่มันอาจจะไปหาเต้ยแล้วก็ได้”


“อิทธิพล เดือนมหาวิทยาลัยนะหรอ?”


“ใช่นะสิปัดโถ่! พูดมาแล้วก็ชักเป็นห่วงแล้วสิ”


“โอเคๆ”


          หนุ่มตี๋ฉุกคิดขึ้นได้ เริ่มกังวลและเป็นห่วงตามบริรักษ์เสียแล้ว นี่เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าเต้ยอยู่หอคนเดียวอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่บอลสังหรณ์ใจก็ได้






          ภายในหอพัก สองแก่นกายนอนอยู่บนเตียงนอน หนึ่งคนนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ส่วนคนตัวใหญ่กว่าหลับตานอนหนุนหน้าขา ไร้พิษสงและความน่ากลัว ผิดต่างจากทุกครั้ง


          เตชานุใช้มือนุ่มลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างไม่เข้าใจตัวเอง  ตั้งแต่ถูกร้องขอให้ลูบหัวจากอิทธิพล ร่างบางก็ยังไม่ได้รามือ
เลยสักวินาทีเดียว


           ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี   ว่าลูกทายาทธุรกิจหลายร้อยล้านอย่างอิทธิพล จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาติดดินไม่มีอะไรเลยในชีวิตอีกต่อไป


“อิท! นายพูดจริงๆหรอ ว่าทิ้งทุกอย่างเพื่อเรา”


“เต้ยไม่ต้องเชื่ออิทก็ได้ อิทอยากทำให้เห็นมากกว่าลมปาก อยากให้เต้ยได้เห็นกับตาว่าอิทพูดจริง”


           ราชสีห์ผู้ไร้ฤทธิ์เดช หลับตาเปรยตอบ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเต้ยเอาไว้ ราวกับโหยหาเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดแบบนี้ยากนัก


“แต่เราเกลียดนาย เข้าใจใช่ไหม?” เตชานุบอกเสียงเรียบทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า


“อิทรู้ อิทรู้ดีเลยล่ะ และสิ่งที่อิทเพิ่งรู้หมาดๆ คือหัวใจของตัวเอง”


“คนโง่ๆที่ทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยความรุนแรงอย่างนาย รักใครเป็นนอกจากตัวเองด้วยหรอ?”


“สัตว์นรกอย่างอิท ก็มีหัวใจนะ อิทขอร้องเต้ยอีกอย่างหนึ่ง มันจะมากเกินไปไหม?”


“อะไร?”


“เป็นเทวดามาโปรดคนเลวๆแบบอิทได้ไหม มาเป็นแสงสว่างส่องทางให้อิทตลอดชีวิต ได้ไหมครับ”


         ทั้งที่เดือนมหาวิทยาลัยคนนี้จะเลวกับเขามามากขนาดไหน แต่ทุกคำพูดกลับมีบทบาทและอิทธิพลต่อจิตใจของเตชานุเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องตัดใจตอบไป


“ไม่ได้! อย่าโหยหาหรือเรียกร้องอะไรอีกเลยนะ แม้แต่การให้อภัย เราก็ให้นายได้ยากเย็นเหลือเกิน”


“เต้ย...อิทรักเต้ยนะ ”


“พอเถอะนะอิท เส้นทางนี้มันถึงทางตันแล้ว นายควรเดินกลับไปทางเดิมแล้วเลือกเส้นใหม่ซะ”


“ถ้าทางเส้นนี้มันจะตัน งั้นอิทก็จะก่อกำแพงขังตัวเองไว้ในทางเส้นนี้ต่อไป”


“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ความดื้อรั้นและความคิดโง่ๆเอาแต่ใจของนายก็ไม่เคยเปลี่ยน”


“เต้ยพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เคยรักอิทเลยใช่ไหม?”


            ร่างบางเจ็บสาหัสกับประโยคนั้น ความปวดร้าวในหัวใจโลดแล่นไปทั่วร่างกาย ใครบอกว่าเขาไม่เคยรัก ถ้าไม่รักแล้วจะเศร้าโศกเสียใจมานักต่อนักนับครั้งไม่ถ้วนได้หรอ?  แต่เพื่อทุกอย่างจะได้จบ เตชานุจำเป็นต้องพูด


“ไม่! เราไม่เคยรักนายเลย แม้แต่นิดเดียว” ร่างบางบอกไปอย่างยากลำบาก


“โอเค อิทเข้าใจแล้ว ขอโทษนะ ที่ทำให้ลำบากใจ ขอโทษที่ทำให้ชีวิตบริสุทธิ์ของเต้ยต้องแปดเปื้อน อิทคงจะมาหาเต้ยเป็น
ครั้งสุดท้าย และคงไม่มีหน้ากลับไปหาคุณพ่อได้อีกแล้ว   ไอ้คุณชายมันก็เหมาะสมกับเต้ยมากจริงๆ ขอให้เต้ยมีความสุขมากๆ
นะ”


            พูดจบ เรือนร่างที่หลับตาซุกหน้าบนขาเรียวก็ค่อยๆเหยียดกายลุกยืนและเดินไปยังประตูห้อง  เตชานุทำได้แค่เพียงนั่งดูการเดินจากไปของใครคนหนึ่งอย่างช้าๆ เขาตอบตัวเองในใจตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้องที่สุดแล้ว 


             หากนึกย้อนกลับไปมันยากเย็นเหลือเกินที่จะให้อภัยแก่คนคนนี้ได้ แม้จะรู้ว่าผิดต่อกรรม เพราะศาสนาสอนให้อภัยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอ เพื่อไม่ให้มีบ่วงกรรมติดไปในภพหน้า แต่สุดท้ายเต้ยก็ไม่อาจปลงและละจากกรรมนี้ได้ เพราะความเจ็บปวดในหัวใจที่ถูกทารุณ


              แอดดดดดด ปัง  เสียงประตูถูกงับปิดลง เหลือเพียงร่างบางอยู่ในห้อง ใครคนนั้นไปจากชีวิตเขาแล้วจริงๆ  คนที่เคยหล่อเหลาดูดีและเกือบเป็นเจ้าหัวใจของเตชานุได้สำเร็จ  ไปจากเขาแล้วจริงๆ


              บนทางเดินหน้าหอพักนักศึกษา อิทธิพลเดินเหม่อลอยไร้จิตใจ สองขาก้าวย่างไปเบื้องหน้าไม่มีจุดหมาย มันคงจบแล้วจริงๆ เขาไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่คำพูดตัดพ้อของคนที่เขารักนั้น มันทำให้เขาไม่อยากยื้อไว้อีก เขาไม่อยากให้เต้ยต้องเจ็บปวดอีก


             เต้ยบอกเขาว่า เขาชอบทำอะไรเพื่อความต้องการของตัวเอง จนไม่เห็นถึงความลำบากและจิตใจของผู้อื่น ฉะนั้น ต่อจากนี้เขาจะยอมปล่อยคนที่เขารักไปมีความสุข ดีกว่าที่ต้องทนทุกข์เมื่ออยู่กับเขา



“นึกไว้แล้วไม่มีผิดว่าแกต้องมาที่นี่!” เสียงขุ่นตะโกนกร่างใส่ร่างไร้ความรู้สึกนั้นทันที


             เป็นใครไปไม่ได้นอกจากบริรักษ์คุณชายที่แสนดี และเป็นคนที่อิทธิพลขืนใจหลีกทางรักให้ ดวงตาอิดโรยมองดูคุณชายผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งยังกำหมัดแน่นพร้อมเดินเข้ามาซัดใส่เขาได้ทุกเมื่อ


“กูมาลาเต้ย เท่านั้นเอง” อิทธิพลเปรยบอกเสียงเบา


“คิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นหรอ? อย่าอยู่เลยไอ้อิท!”


      หมับ!!! มือหนาของใครคนหนึ่งคว้าเข้าจับหมัดกลางอากาศไว้ได้ทัน แม้บริรักษ์จะพยายามสะบัดหลีกหนีเท่าไหร่ มือหนาและแน่นนั้นยิ่งบีบรัดเอาไว้


“พี่ ทำบ้าอะไร ปล่อยผม ผมจะต่อยมัน!” บอลต่อว่าคนรั้งหมัดเขาเอาไว้


“ยืนอยู่ทำไมอิทธิพล ไปเซ่!!!” หนุ่มตี๋รีบร้องสั่งรุ่นน้องเดือนมหาวิทยาลัยให้เดินหนีไป ก่อนที่เขาจะต้านแรงคุณชายไม่อยู่


           อิทธิพลพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆวิ่งหนีไป  ได้ผลอิทธิพลรอดจากการเป็นเหยื่อความโกรธของคุณชาย แชมป์ค่อยๆปล่อยหมัดนั้นให้เป็นอิสระ แต่ไหงกลับกลายเป็นเขาเองที่ซวยแทน


           หมับ!!!! คุณชายเปลี่ยนท่าทีมาเล่นงานอีกคนแทน มือขวาคว้าเข้าจับคอเสื้อรุ่นพี่อย่างไม่พอใจ


“ไอ้พี่แชมป์!!!”


“เอาสิ เอาเลย ถ้าคิดว่าความรุนแรงมันแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง”


“อย่าท้าผมนะ”


“พี่ไมได้ท้า แต่พี่แค่ไม่อยากเห็นคุณชายผู้สูงศักดิ์มีข่าวการชกต่อยกับเดือนมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น”


         สุดท้าย คนที่กำลังโมโห ก็ทุเลาความโกรธลงไปได้อย่างน่าประหลาดใจ แชมป์แอบยิ้มอยู่ในใจที่อย่างน้อยครั้งนี้บริรักษ์ก็ฟังเขาบ้าง


“ผมขอโทษ”


“ไม่เป็นไร    รีบขึ้นห้อง ไปดูเต้ยกันเถอะ”


“อืม!!!”


         สองคนรีบวิ่งไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปได้ กลับเห็นร่างบางนั่งพิงหัวเตียงนอนพร้อมด้วยคราบน้ำตาที่เหือดแห้ง


“เต้ย! เป็นยังไงบ้างครับ บอลเห็นไอ้อิทธิพลข้างล่างหอด้วย มันทำอะไรเต้ยรึเปล่า?”


“เปล่าหรอกบอล อิทเขาแค่มาลาเต้ยครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”


“คำพูดของมันเชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เต้ยอย่าเชื่อมันมากนะครับ”


“ไม่หรอก มันจบแล้วจริงๆ เฮ้ออออ...ขอโทษทีนะบอล เราต้องขอเลื่อนนัดไปก่อน เราอยากพักผ่อน”


“อืมๆได้ เต้ยพักผ่อนเยอะๆนะ ไม่ต้องไปคิดมาก เดี๋ยวบอลจะอยู่ดูแลเอง”


“พี่ด้วยนะครับ วันนี้พี่ว่างทั้งวัน เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน”


            ดูเหมือนทั้งสองคนจะสงบสงครามแย่งหัวใจเต้ยไปสักพัก สภาพของร่างบางตอนนี้ไม่เหมาะนักถ้าหากจะมาเห็นพวกเขาชิงดีชิงเด่นกัน


            สองหนุ่มนั่งขนาบข้างลงบนเตียงคนละฝั่ง แชมป์ประคองเต้ยลงนอนบนเตียง ก่อนที่บอลจะคลี่ผ้าห่มเพื่อห่มให้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นระบบระเบียบอัตโนมัติ


            ขณะที่สองคนกำลังปรนนิบัติดูแลคนหัวใจอ่อนแอนั้น ดวงตาทั้งสองคู่กลับปะทะกันโดยบังเอิญ ทั้งบอลและแชมป์มองแววตากันอยู่อย่างนั้นร่วมสามวินาที แม้แต่เต้ยเองก็เห็นการกระทำนั้น


“เห็นพี่แชมป์กับบอลรักกันแบบนี้ ก็เบาใจหน่อย”  เต้ยเปรยออกมาตามที่เห็น ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งสติได้ทัน


“ไม่มีทางหรอก/ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่”


         สองหนุ่มพูดออกมาในเวลาเดียวกันอีกครั้ง และสิ่งที่พูดก็ขัดแย้งภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้มากทีเดียว


“เต้ยว่า พี่แชมป์กับบอลเวลาไม่ทะเลาะกัน น่ารักออกนะ ”


“เอ่อ...” คุณชายไปไม่เป็นเลยทีเดียว ได้ยินแต่เสียงขำในลำคอของแชมป์ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง


“ขำอะไรพี่!”


“อ๊ะๆๆ น้องเต้ยเพิ่งบอกว่าอย่าทะเลาะกัน หรือจะขัดใจครับ” แชมป์ยักคิ้วกวนประสาทอีกฝ่ายอย่างเคยชิน บอลได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ


“สองคนนี้ทำไมต้องมาเสียเวลากับเต้ยด้วยนะ ถ้าจีบกันเองป่านนี้เป็นแฟนกันแล้ว ” ร่างบางพูดติดตลก


“อะไรนะ!!!” สองเสียงอุทานพร้อมกัน แต่ความรู้สึกต่างกัน


         สำหรับบอล รู้สึกขนลุกซู่ถ้าหากจะต้องไปชอบคนกะล่อนแบบรุ่นพี่ทันตะแพทย์  แต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องพิลึกนิดๆแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะพักหลังมานี้ เขารู้สึกอยากแกล้งคุณชายมากกว่าเต้ยเสียอีก ขึ้นอยู่กับพ่อคุณชายผิวเข้มแล้วล่ะว่ารู้สึกกับเขายังไง จะแข็งข้อไปได้สักกี่น้ำกันเชียว





ก่อนอื่น ขอโทษ  พอดีเพลิดเพลินกับการตามอ่านนิยายจบแล้วอยู่  อิอิ  ขอบคุณ คุณ nuttzier ที่ดึงสติให้ผู้แต่งกลับมาอัพต่อได้  :call: :call: :call: :call: :call:

มีใครคิดว่า อิทธิพล ต้องเจอหนักกว่านี้บ้าง  :katai1: :katai1: :katai1:  หรือว่ายังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไป อิอิ

แต่ว่าแชมป์บอลเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากจริงๆในตอนนี้  ขอบคุณที่ชอบคู่รองน้า อย่าโกรธกันเลยตัวเอง จุ๊บๆ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เย้ๆ  ในที่สุดก้มา

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 19


ก๊อกๆๆๆ 


        เสียงเคาะประตูดังขึ้น สองหนุ่มเจ้าของห้องหันไปมองทางเดียวกัน แต่คงไม่มีอะไรน่าหวือหวาหรือตกใจ เพราะคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...



“สวัสดีตอนเช้าครับน้องเต้ย กุหลาบขาวดอกที่ 16 จากพี่แชมป์ครับ”


          หนุ่มตี๋ยิ้มกว้างยื่นดอกไม้ในมือให้อีกฝ่าย เต้ยยิ้มนิดๆก่อนจะรับมา


“บอกเลยนะวันนี้ ห้ามขอดอกกุหลาบจากน้องเต้ยไปเด็ดขาด เพราะว่า...วันนี้พี่เอามาเผื่อรองเดือนมหา’ลัยด้วย ” แชมป์หันไปพูดอีกกับอีกคน


“เอาเก็บไว้เถอะ ดอกกุหลาบแดงแบบนั้น ตุ๊ดจะตาย” คุณชายบอล บอกไปตามรู้สึก


“ฮ่าๆๆ หรอ? งั้นพี่รบกวนน้องเต้ยเอาไปให้เด็กขี้อิจฉาแทนก็แล้วกัน”


“ใครเด็กขี้อิจฉา?”


“เอ้า ถามแปลก นายไง!”


“ให้ดอกไม้เสร็จแล้วใช่ไหม? เชิญกลับได้แล้วครับ” บริรักษ์เปรยบอก


“บอล ทำไมทำแบบนั้นล่ะ ไม่ดีเลยนะ” เตชานุหันกลับมาเอ็ดเพื่อน


“ช่ายยยย ไม่ดีเลย เด็กไม่ดีแบบนี้  พี่ว่าน้องเต้ยไม่ควรอยู่ใกล้นะครับ”


“แล้วรุ่นพี่ขี้เล่น กะล่อน เฟรนลี่ หว่านเสน่ห์ไปทั่วแบบพี่ เต้ยควรจะอยู่ใกล้มั้ย?” บอลพูดสวนบ้าง


“ฮ่าๆๆ หรือจะให้พี่หว่านเสน่ห์ใส่นายอีกคนดี หืมมมม? ”


“เปล่า.... เฮ้อ เอาล่ะไอ้พี่แชมป์ เรามาพูดจากันดีๆสักครั้ง วันนี้เต้ยไม่ว่างครับ เราสองคนจะไปเที่ยวกัน”


“จริงดิ? ไปที่ไหน ไปด้วยนะ พี่มีรถยนต์สะดวกสบาย” แชมป์เสนอแนะ


“NO NO พวกเราจะไปกันสองคนครับ”


“ให้พี่แชมป์ไปด้วยเถอะนะบอล” เต้ยฟังสองคนนี้ฉะกันมาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาต้องหยุดซะที


“แต่ว่า....”


“ขอบใจมากครับน้องเต้ย ช่างน่ารักและมีน้ำใจจริงๆ ไม่เหมือน...”


“ไม่เหมือนใคร!” บอลโผงผางไม่พอใจ


“เปล๊า พี่ว่าให้...ไอ้คนที่เดินผ่านห้องไปเมื่อกี้”


          เป็นเวลาทั้งวันที่ออกไปเที่ยว เปิดหูเปิดตา แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว บริรักษ์กลับไม่มีความสุขเลย ถูกแย่งซีนไปหมด รุ่นพี่ทันตแพทย์เอาแต่ดึงดูดความสนใจให้เต้ยหันไปพุดไปคุยด้วยตลอดเวลา ส่วนเขาพูดไม่ทันและไม่มีทักษะดีเทียมเท่าก็ต้องเป็นฝ่าย เดินตามประกบเฉยๆ

...

..

.

             พอกลับมาถึงห้องได้ ก็ทำหน้าหงิกเปิดห้องพักเข้าไปก่อนเป็นคนแรก และไม่ยอมพูดจาอะไรเลย


“ขอบคุณมากนะครับพี่แชมป์ที่เป็นธุระพาไปเที่ยว”


“ไม่เป็นไรเลยครับ พี่ทำตามความประสงค์ของพี่และคุณพ่อของเต้ย อยู่แล้ว”


“ครับ” เต้ยยิ้มให้


“เออ จริงสิ ฝากบอกอีกคนด้วยนะ ว่าขอโทษ”


“บอลนะหรอครับ”


“อืมใช่ คงจะโกรธที่พี่แย่งเต้ยคุยด้วยตลอดเวลา”


“บอลน่าจะมีเหตุผลพอ เขาไม่ถือหรอกครับ บอลเป็นคนดื้อเงียบ พี่แชมป์เองก็ระวังล่ะ”


“ระวังอะไรครับ”


“อืมไม่รู้สิครับ อาจจะระวังเรื่องหัวใจของพี่เองมั้ง?”


“ฮ่าๆๆๆๆ โอเคๆ พี่กลับก่อนแล้วกันครับน้องเต้ย อย่านอนดึกนะ”


“ครับพี่ บ้ายบายครับ”


      เสียงน้ำจากฝักบัวดังซ่าๆ บอลกำลังอาบน้ำอยู่ เตชานุพลางคิดว่ารอให้อีกฝ่ายเดินออกมาก่อนแล้วกัน ค่อยบอกเรื่องที่พี่แชมป์ฝากไว้ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกอยากจิบอะไรเย็นๆแล้วสิ เปิดดูตู้เย็นไม่เหลืออะไรเลย อย่างน้อยเดินไปซื้อของที่ร้านสวัสดิการก็ยังดี นี่ก็เพิ่งหกโมงเย็นเอง


“บอล! เดี๋ยวเต้ยลงไปหาซื้อของกินก่อนนะ”


“เดี๋ยวสิ รอบอลก่อน ใกล้อาบเสร็จแล้ว” คุณชายผิวสองสีตะโกนออกมา


“ไม่ต้องหรอก เต้ยไปแป๊บเดียว เอาเป็นว่า  ถ้าเต้ยขึ้นมาช้า บอลก็ตามไปแล้วกัน”


“โอเคๆ ”



           คำว่า ‘โอเค’ ก็ไม่ต่างจากอนุญาตให้ไปได้ เรือนร่างบางหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ลงไปด้วย ร้านค้าสวัสดิการอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเขาเท่าไหร่นัก เดินเลียบฟุตบาทไม่ถึงสองร้อยเมตรเอง







          เข้ามาในร้านได้ก็มุ่งตรงไปที่หน้าตู้กระจกเครื่องดื่มทันที กวาดสายตามองดูไม่นาน สิ่งที่ต้องการก็ผุดขึ้นในสมองเรียงรายการซื้อเลยทีเดียว


          ในระหว่างหยิบขวดเครื่องดื่มใส่ตะกร้า กลับมีสิ่งดึงดูดให้หันไปมองคนข้างๆเสียดื้อๆ 


“ดรีม หยิบเอาเลยครับ เราจ่ายให้”


            เสียงนั้นเหมือนหันมาพูดกับเขา มากกว่าจะพูดกับคนชื่อ ‘ดรีม’ ด้วยซ้ำไป


             เต้ยค่อยๆหันไปมอง ปรากฏเป็นนักศึกษาหนุ่มในสุดกีฬาสีดำ เสื้อชุ่มเหงื่อ แววตาแบบนั้นที่มองมา ทำไมเต้ยจะไม่รู้ แถมร่างสูงกว่านี้เหมือนกำลังจะเอามือโอบไหล่ผู้หญิงตัวพอๆกับเขาเอาไว้ ราวกับกำลังโชว์การแสดงเล่นละครให้ดูก็มิปาน


             เตชานุไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี กับภาพที่เห็นมันเสียดแทงใจลึกๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง  ทำได้แค่เพียงยืนตัวแข็งทื่อมองดูเสียอย่างนั้น


“อิท  มองหมอเต้ยทำไม?” ดรีมเปรยถามคนตัวสูง


            ไม่แปลกหรอกที่ใครๆก็รู้จักเต้ยไปทั่ว ตั้งแต่วันนั้น ที่ประกวดดาวเดือน อิทธิพลป่าวประกาศออกไมค์ขนาดนั้น จากนั้นมาเขากลายเป็นคนสาธารณะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปโดยปริยาย


“เปล่าหรอก แค่แปลกใจ ว่าทำไมนักศึกษาแพทย์ผู้มากผัว ถึงได้มาที่ร้านสวัสดิการคนเดียว”


      คำพูดเสียดสีใจเปรยขึ้น เต้ยได้แต่หลุบตามองต่ำ


“ไม่มีใครเอาแล้วมั้งคะ อิอิ  อิทไปเถอะอย่ามองเต้ยมากสิ ไหนบอกแค่เล่นๆกับเขาเองไม่ใช่หรอ?”


“แน่นอนที่สุดจ๊ะ ไปเถอะ เราไปหาความสุขกัน” อิทธิพลพูด พร้อมกับเค้นท้ายประโยคจงใจให้เต้ยรับรู้


            ตอนนี้เต้ยหน้าชาไปหมดแล้ว อับอายมาก แต่โต้ตอบไม่ได้ คนในร้านกำลังเพ่งมองมาที่เขาอยู่ เต้ยตัดสินใจเดินตามไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์ช้าๆ เขาใช้ความอดทนสูงมากในการทำตัวให้เข้มแข็งและไม่อ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น


             เพียงเวลาไม่นานคนคนนี้ก็มีแฟนใหม่จนได้ ที่พูดไม่ใช่เพราะรู้สึกหวงหรือหึงหรอกนะ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองด้อยค่าที่ถูกอีกฝ่ายปรากฏตัวให้เห็นพร้อมกับแฟนสาวสุดสวย และคำพูดถากถาง


            จนกระทั่งผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ อย่างทุลักทุเล ระหว่างทางเดินกลับหอ มันไม่ไกลมาก แต่ทำไมกลับช้ากว่าทุกวัน เต้ยเดินหิ้วของก้าวเท้าเดินช้าๆ ซ้ายขวา น้ำตาคลอเบ้า


ปี๊ดๆๆๆ


     เสียงแตรรถด้านข้างเขา ทำให้ต้องตื่นจากภวังค์ กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงต่ำ เขาคุ้นตารถคันนี้มาก แต่ในทางกลับกัน เขากลับแปลกใจมากเช่นกันที่ผู้หญิงคนเมื่อครู่ไม่ได้นั่งอยู่เบาะข้างๆคนขับ


“ขึ้นรถ!!!” คนขับเค้นเสียงขู่


“...”


    เต้ยไม่ตอบ แต่รีบเดินจ้ำอ้าวหนีจนเกือบจะวิ่งเสียด้วยซ้ำไป เสียงรถยนต์ขับตามมาติดๆ ขนาบข้างฟุตบาท


“หยุดเดินเดี๋ยวนี้แล้วขึ้นรถ!!!”


“อย่ามายุ่งกับกู!”


“ฮึ ทำอย่างกับกูอยากยุ่งนักหนิ ฮะ!!!” ร่างสูงเหลืออด ไมได้จงใจตะโกนไปแบบนั้น


“จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊!!!”


“ปากดีนักนะ!”


  เอี๊ยดดดด  เสียงล้อรถเสียดกับพื้นถนน อิทธิพลเหยียบเบรกจอดรถของตัวเองอย่างรวดเร็วเทียบข้างฟุตบาท ก่อนจะลงมาจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปลากคออีกฝ่ายขึ้นรถอย่างลืมตัว


“เจ็บนะ ปล่อยกู!!!”


“ปล่อยแน่ แต่ต้องขึ้นรถก่อน!!!”


ปัง!!!! เสียงประตูรถปิดลง เมื่อยัดอีกร่างเข้าไปได้อย่างทุลักทุเล พร้อมกับเอาผ้ามัดมือเอาไว้ อิทธิพลออกรถไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าหอพักแห่งหนึ่งที่ดูเก่าและโทรมหน่อยๆ


“ที่นี่ที่ไหน?”


“หอกูเอง ลงมาได้แล้ว”


“ไม่! บอกมาว่าจับกูมาที่นี่ทำไม”


“จับมาเพราะ...มึงไง!”


“????”


“ก็...ในร้านสวัสดิการ มึงทำให้กูเห็นแล้วว่า....มึงมีใจให้กู ”


“พูดเองเออเอง”


“มึงอย่าโกหกตัวเองดีกว่า ลงมาเถอะ กูหิวข้าวแล้ว ซื้อของมาเยอะไม่มีเพื่อนกิน”


“ฮึ สารเลวแบบนี้ สมควรที่จะอยู่คนเดียวแล้วล่ะ”


“ถ้าสารเลวแล้วมีมึงที่ไม่คิดทิ้งกูไปไหน กูก็ยอม”


“พูดอะไรของมึงเนี่ย”


“เต้ย ผู้หญิงเมื่อกี้กูก็แค่วานมาเล่นละครเฉยๆ เพราะกูอยากรู้บางอย่าง และสิ่งที่กูคิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ มึงหึงและเสียใจ ที่กูควง
สาวใหม่”


“กูไม่เคยคิดแบบนั้น และไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นด้วย”


“เต้ย กูต้องการมึงนะ กูยอมทิ้งทุกอย่างยอมอยู่แบบอนาถากว่าเดิม เพราะมึงนะเต้ย”


“กูเคยขอมึงหรอ ว่าให้ทิ้งทุกอย่างมา  มึงเลือกเองต่างหาก”


“เออ กูยอมรับ แต่กูรักมึงนะเว้ยเฮ้ย  กูรักมึงมาก อย่าทรมานกูอีกเลยนะ”


“กูสิต้องเป็นฝ่ายพูดว่า อย่ามาทรมานกู ทั้งร่างกายและจิตใจ”


“เอ้อ! เอาล่ะๆ กูแพ้ให้ก็ได้ กูจะไม่ทะเลาะกับมึงอีก แต่ขออย่างนึง เข้าไปในห้องกับกูก่อนเถอะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย พา
กูไม่ตัดผมด้วย”


“เรื่องอะไร? กูเป็นขี้ข้ามึงตอนไหน”


“เปล่า... มึงเป็นเจ้าหัวใจของกูต่างหาก เพราะฉะนั้นกูไปไหน ก็ต้องมีมึงด้วย”


“ไร้สาระ”


“มึงมองกูยังไงก็ได้ มองว่าเป็นปลิงควาย หรือว่าเห็บหมา ก็แล้วแต่มึง แต่อยากให้รู้ว่า...ไอ้คนที่มึงด่าฉอดๆอยู่เนี่ย ไม่มีวันทิ้งมึง
ไปได้เลยนะ ”


“....” เต้ยหลุบสายตามองไปทางอื่น เขาเกลียดตัวเองก็ตรงที่ชอบอ่อนไหวไปกับอิทธิพล สุดท้ายก็ต้องเดินลงรถตามเข้าไปในห้องพัก



           สิ่งแรกที่เห็นคือสภาพห้อง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย ตู้เย็น โทรทัศน์ ไม่มี มีแค่พัดลมตัวเดียวบนเพดานเท่านั้น  ราวตากผ้าราคาถูกมีเสื้อนิสิตและชุดใส่เล่นแขวนไว้ไม่กี่ตัว ทำหน้าที่แทนตู้เสื้อผ้า ไม่มีเตียงนอน มีเพียงที่นอนลูกฟูกปูบนพื้นเท่านั้น


“นาย...อยู่อย่างนี้หรอ?”


“อืมใช่ แต่มันสบายดีนะเว้ย เปลี่ยนฟิวอารมณ์ไปอีกแบบ แป๊บนะ กูเอากับข้าวเทใส่จานก่อน”


“อิท! นายเปลี่ยนตัวเองได้ขนาดนี้เลยหรอ?” เต้ยไม่อยากจะเชื่อสายตานัก


“มากกว่านี้กูก็ทำได้ ขอแค่มีมึงที่เข้าใจกู  ไม่ทิ้งกู ขอโทษนะที่กูบอกว่าจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก แต่กูก็ทำไม่ได้ว่ะ ไม่รู้ว่ากูสัญญาเรื่องนี้กับมึงกี่รอบแล้ว แต่กูไม่เคยทำได้สักที ครั้งนี้กูขอเถอะ อย่าไล่กูอีกเลยนะ ”


“...” ร่างเล็กกว่าถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยจัดแจงกับข้าวและข้าวสวยใส่จานแทน


“เต้ย! ”


“อะไร?”


“มึงไม่โกรธใช่ไหมที่กูเอาดรีมมาแสดงละครให้มึงเห็นอ่ะ”


“ถ้ากูโกรธได้ จะให้กูโกรธไหมล่ะ?”


“ไม่ๆๆๆๆครับ  กูแค่ถาม แต่มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”


“อืม!”


“มึงใจดีกับเสมอเลย ”


“อย่าพูดเพ้อเจ้อได้ไหม  กินข้าวได้แล้ว จะพาไปตัดผมต่อ จะได้กลับหอซะที”


“คืนนี้นอนกับกูไม่ได้หรอวะ?” ร่างใหญ่กว่าถามเสียงอ่อย


“ไม่ได้!!!”


“กูไม่น่าถามมึงเลยเนาะ” อิทยิ้มเจื่อนๆ ผิดหวังกับคำตอบนั้น แต่ก็เผื่อใจเอาไว้บ้างแล้ว   ก่อนจะตักกับข้าวใส่จาน แล้วตักเข้าปากไป


“อิท!”


“หืม?”


“กลับบ้านเถอะนะ เรื่องนี้เรายกโทษให้ ไม่อยากเห็นแกลำบากแบบนี้เลย”


“ฮ่าๆๆ พูดอะไรอย่างนั้น กูอยู่ได้ ไม่ลำบากอะไรหนิ มึงก็เห็นกูมีความสุขแค่ไหน โดยเฉพาะวันนี้ มีมึงนั่งกินข้าวกับกู   แต่ถ้าจะ
ให้กูกลับไป มีทางเดียวคือกูต้องกลับไปพร้อมกับมึง ตามที่ให้สัญญากับพ่อไว้”


“เรื่องนี้มันมาไกลจนกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”


“กูรู้ กูไม่ได้จะพามึงกลับไปทางเดิม กูจะพามึงเดินหน้า ไปเจอทางที่สว่างและสวยงาม ว่าแต่มึงเถอะ พร้อมจะเดินไปกับอิทธิพลคนใหม่ที่เปลี่ยนทั้งนิสัยและใจคอมั้ย?”


“คำพูดของนาย เชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว”


“100% กูรับรอง ฮ่าๆ”


“ตลกละ!!!”


“เต้ย คืนนี้นอนกับกูเถอะนะ”


“ไมได้หรอก บอลจะเป็นห่วง ไหนจะต้องบอกพี่ต้อม กับคุณพ่ออีก จะแก้ยังไง?”


“พูดแบบนี้... แสดงว่าใจมึงอยากอยู่  แต่เกรงใจคนอื่นใช่ไหม?”


“ไมได้อยากอยู่! กินข้าวต่อเลยไป เชื่อมโยงมั่วตลอด”


“ครับๆๆ”


              อดีตคนที่เคยอันตรายที่สุดกลับพุดง่ายว่าอะไรว่าตาม แทบไม่เหลือเค้าคนเดิมที่รู้จักเลย
ดูยังไงนิสัยก็ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน  เห็นสภาพตอนนี้ของอิทธิพลแล้วเต้ยอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ แต่เห็นรอยยิ้มและความมั่นใจของเจ้าของห้อง ก็คลายความกังวลลงไปได้บ้าง แสดงว่าเขาคงจะอยู่ที่นี่ได้จริงๆอย่างที่บอก



            ‘ทางเดินข้างหน้าอย่างนั้นหรอ มันจะสว่างไสวและสวยงามอย่างที่นายบอกจริงๆหรอ อิทธิพล’



:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ขอบคุณที่ติดตาม อิอิ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อิท รักเต้ย ยอมเต้ย
อิท จะดีกับเต้ย จนเต้ยใจอ่อนได้ยังไงนะ
พี่แชมป์ น่าจะชอบคุณชายบอล แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 20



“ติดต่อเต้ยได้รึยังบอล!”


          หลังจากระงับความโมโหของตัวเองลงได้ ‘ต้อม’ พี่ชายของคนที่ติดต่อไม่ได้ก็เปรยถามบอลอีกครั้ง


          คุณชายผิวเข้มหน้าเจื่อนพอสมควร ไม่กล้าสู้หน้ารุ่นพี่เท่าไหร่ จริงๆแล้วเขาไม่น่าปล่อยให้เต้ยออกไปซื้อของกินคนเดียวเลย  ครั้งนี้ถือว่าเขาตัดสินใจผิดมากทีเดียว



“ยังติดต่อไม่ได้เลยครับพี่”


“เฮ้ออออ นี่ก็สองทุ่มแล้วนะ ไปไหนของเขากันเนี่ย? ”  ต้อมเป็นห่วงน้องชายมากที่สุด และที่สำคัญเรื่องนี้ประทวน พ่อของพวกเขายังไม่รู้เลย ถ้ารู้ว่าน้องหายไปแบบนี้ ต้อมตายแน่ๆ



Rrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrr


“เต้ยโทรกลับมาแล้วครับพี่ต้อม!!” บริรักษ์บอกด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“หรอ!!  รีบกดรับเร็วเข้า!!!” บอลพยักหน้าก่อนจะทำตามคำบอก

...

..


“เต้ยครับ ตอนนี้เต้ยอยู่ไหน!!?”


“บอล เต้ยขอโทษด้วยนะ พอดีเต้ยไปทำธุระต่อนิดหน่อย ตอนนี้กำลังกลับหอ”


“ธุระอะไรหรอเต้ย แล้วทำไมถึงไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ บอลกับพี่ต้อมเป็นห่วงมากเ.....”


“บอลเอาไว้ก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง เดี๋ยวถึงห้องเต้ยจะเล่าให้ฟัง บอกพี่ต้อมด้วยว่าอย่าเพิ่งกลับ รอทานข้าวด้วยกันก่อน เต้ยซื้อไปกินด้วยกันเยอะเลย”เต้ยโกหกไปอย่างนั้นจริงๆเขายังไม่ได้ซื้ออะไรเลย


“โอเคๆ เออ จริงสิ ตอนนี้เต้ยอยู่ไหน? มีรถมารึเปล่า? แล้วทางเปลี่ยวมั้ย?  แล้ว...”

“บอล ใจเย็นๆนะ มีคนไปส่งเต้ยแล้ว เดี๋ยวถึงหน้าหอพักแล้วจะโทรบอก  เอาไว้เดี๋ยวเจอกันนะ”


“โอเคครับ บอลเป็นห่วงนะ”


“ครับ เต้ยรู้แล้ว”


          บทสนทนาจบลงไป แววตาของบอลกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างให้ต้อมรู้ แต่ไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อครู่ต้อมได้ยินหมดแล้ว และพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้  ร่างสูงกว่าได้แต่ถอนหายใจพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงนอน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากรออีกฝ่ายกลับมาเท่านั้น



              แต่ใครจะไปรู้ว่าในเวลานี้เต้ยกำลังอยู่กับอิทธิพล ไม่มีใครนึกถึงแน่ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอหน้าไอ้ตัวต้นเรื่องมานาน
พอสมควรแล้ว


              ตอนนี้ ภายในห้องพักราคาถูก และโทรมหน่อยๆ สองหนุ่มวัยนักศึกษาน้องใหม่สองคนกำลังนอนกกกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง มีเพียงส่วนอกจนถึงศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมา  และที่สำคัญพวกเขาเปลือยกายไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่กางเกงในด้วยซ้ำไป



            ภาพนี้สะท้อนให้เห็นว่า...ก่อนหน้านี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเตชานุกำลังเป็นฝ่ายเอาหัวหนุนกล้ามโตของอีกฝ่ายอยู่  ทุกครั้งที่ผ่านมา เต้ยยอมรับว่ามันมีแต่ความกลัว และไม่เคยไว้ใจอิทธิพลเลย แต่การร่วมกิจกรรมสนองตัณหาที่เพิ่งจบลงไปหมาด มันเป็นอะไรที่ดีและรู้สึกอบอุ่นมากทีเดียว


“อิท! เต้ยต้องกลับแล้ว”


“นอนหนุนแขนอิทไปอีกนิดไม่ได้หรอครับ?”


“ไมได้หรอก แค่นี้ก็มากพอแล้ว”


“แล้ววันหลัง อิทพาเต้ยมาที่นี่อีกได้ปะ?”


“เรา...ตอบไมได้”


“กลัวไอ้บอลกับไอ้รุ่นพี่ทันตะไม่ให้มาละสิ”


“ไม่ได้กลัวเรื่องนั้น แต่เรากลัวเรื่องของนายมากกว่า พวกเขาจะต้องเอาเรื่องแน่ถ้ารู้ว่ายังมายุ่งกับเราอีก”


“ฮึ! คนอื่นจะไปมีบทบาทอะไรกับอิทกันล่ะ ชีวิตอิทตอนนี้มีแค่เต้ยเท่านั้นที่มีอิทธิพลในชีวิตของอิท”


“เว่อร์ตลอด”


“ฟอดดดดดดด...เต้ยครับ อิทอยากให้เต้ยมาอยู่กับอิทที่นี่จัง” ร่างใหญ่กว่าออดอ้อน


“เป็นไปไม่ได้หรอก แค่เรื่องวันนี้ เราก็ไม่รู้จะบอกพี่ชายกับบอลยังไงแล้ว”


“ก็ไม่ต้องโกหกสิ บอกความจริงพวกนั้นไปเลย ครั้งนี้อิทไมได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นอิทไม่กลัวหรอก ”


“เราก็ไมได้คิดจะโกหกอยู่แล้ว ที่เรากำลังหนักใจเพราะเราจะแก้ต่างพูดช่วยนายยังไง  หลังจากเล่าความจริงให้พวกเขารู้แล้ว
ต่างหาก”  อิทธิพลฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินสุดหัวใจของเขาพูดแบบนั้น


“เต้ยเป็นห่วงอิทหรอ?”


“ไม่ขอตอบได้ไหม?”


“ฮึฮึ ไม่ต้องตอบหรอกครับ แค่นี้อิทรู้คำตอบแล้ว ขอบคุณที่ยังเลือกอิท!”


“ใครบอก!”


“อิทบอกตัวเอง เองแหละ ฮ่าๆๆ นี่รู้อะไรไหม?  อิทเชื่อมาตลอดเลยนะว่าเต้ยไม่เคยโกรธอิทได้จริงๆหรอก”


“อย่ามั่นใจให้มันมากนัก!”


“เอ้า อิทพูดตามความรู้สึกเลยนะเนี่ย ชีวิตของเต้ย  อิทเป็นคนพังมันกับมือ อิทเปลี่ยนผ้าบริสุทธิ์ให้มีความสกปรก แต่ผ้าที่
สกปรกด้วยความเลวของอิท กลับไม่เคยโกรธหรือเกลียดอิทเลย  ที่ผ่านมาเต้ยอ่ะรู้สึกเพียงแค่น้อยใจอิท เพราะไว้วางใจอิท แต่อิทกลับทำมันพังพินาศและทำลายหัวใจเต้ยทุกครั้ง...”


“พอ! อย่าพูดอีกเลย”


“...อีกอย่างหนึ่ง อิทมั่นใจว่าเต้ยยังรักอิท แม้แต่ครั้งนี้เต้ยก็ยอมให้เราสองคนมีอะไรกัน ทั้งที่ไอ้พวกคนดีอย่างคุณชายหล่อน้อยกับไอ้ตาตี่ทันตะเป็นคนดีขนาดนั้น แต่เต้ยก็ไม่เคยคิดเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใกล้ชิดตัวเท่าอิทเลย ”


“เราไปแต่งตัวดีกว่า”


      หมับ!!! วงแขนกอดรัดเอาไว้แน่นกว่าเดิม ไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปไหน และมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางดิ้นหลุด


“งืมๆๆ อย่าเพิ่งสิ ยังไม่หายคิดถึงเลย”


“อิท! ให้สิทธิเราด้วย”


“โอเคๆ อิทจะไม่ทำตัวแบบเดิม อิทปล่อยก็ได้ครับ แต่ว่า...”


“อะไร? พูดมาเลย”


“ขอจูบปากหน่อยดิ?”


           จ๊วบบบบบบบ ไม่รอให้อีกฝ่ายตกลง อิทธิพลก็โน้มหัวลงมาประกบริมฝีปากบางทันที ลิ้นสอดแทรกเข้าไปสำรวจภายในได้อย่างง่ายดายและละมุนละม่อมมากกว่าที่เต้ยคิด  แถมเต้ยตอบสนองได้ดีและเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยากเลย


           ผู้คุกคามกระทำอยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งนาที จนเกือบลืมปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจบ้าง


“อะแครกๆ”


            ทันทีที่ถอดลิ้นสากออกจากปาก เตชานุถึงกับลำลักน้ำลายทันที


“น่ารักที่สุด อิทจะเป็นคนใหม่ของเต้ยและจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเต้ยจะให้อภัยอิท และรักอิทโดยสนิทใจ ไร้ข้อกังวลใจ พอถึงวันนั้น อิทจะกลับบ้านไปหาพ่อพร้อมเต้ย ”


“แต่...พ่อเราคงไม่ยอมหรอก ”


“งั้นอิทจะพิสูจน์คุณอาประทวนเอง”


“พ่อเราเป็นคนไม่เปลี่ยนคำพูดง่ายๆนะอิท นายอย่าเสียเวลาเลย ดีไม่ดีนายได้ถูกฟ้องคดีแน่”


“ถ้าชะตาชีวิตอิทจะเหลวแหลกขนาดนั้น อิทก็ยอม ถ้ารู้ว่ายังมีเต้ยให้กำลังใจอิทอยู่”


“อย่าสร้างความลำบากให้เราอีกได้ไหม?”


“แต่อิทไม่อยากคบกับเต้ยแบบหลบๆซ่อนๆ คู่ครองของอิทธิพล นฤบดินทร์ ต้องมีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น”


“แต่...”


“ไม่ต้องคิดมากแทนอิทนะครับ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงอิทด้วย อิทเป็นคนก่อปัญหา อิทจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขอให้อิทได้ลองทำให้ถึงที่สุดก่อนนะ อีกหนึ่งสัปดาห์ก็ปิดเทอมภาคเรียนแรกแล้ว อิทจะเทียวไปหาที่บ้านบ่อยๆนะเต้ย”


“เอ่อ....กะ...ก็ได้ แต่ใจเรามันบอกว่า ไม่อยากให้นายไปเลย นายไม่ปลอดภัยแน่ๆ”

“ช่างอิทเถอะน่า บอกแล้วไง ขอแค่มีเต้ยคนเดียวที่ให้กำลังใจอิท แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่งตัวเถอะเดี๋ยวอิทขับรถไปส่งหอ”


“อืม!”

...


..


.

                  ไม่นานเตชานุก็มาถึงหอพัก แหงนหน้ามองขึ้นไปยังห้องพักติดฝั่งด้านหน้า ไฟสว่างไสวภายในห้องคุ้นเคยยังคงเปิดอยู่ ร่างบางถอนหายใจ เพราะทำใจยากนิดหน่อยถ้าหากต้องเล่าเรื่องนี้ให้บอลและพี่ต้อมฟัง



ก๊อกๆๆๆๆ แกร๊ก!!! มือเรียวเคาะประตูพร้อมกับเปิดผลักมันเข้าไปทันที ไม่รอให้สองคนในห้องเดินมาเปิด


          สิ่งแรกที่เต้ยมองเห็นคือ แววตาสองคู่ ส่งมาทางเขา ทั้งเป็นห่วง ตำหนิ ตัดพ้อ และอยากจะดุด่า แต่เต้ยเชื่อว่าสองคนนี้คงไม่ด่าหรือตำหนิเขาแน่ 


“พี่ต้อม บอล ทานข้าวกันเถอะ เต้ยซื้อข้าวมันไก่มาด้วย เจ้านี้อร่อยมาก”


“ก่อนจะกินข้าวมันไก่ บอกพี่มาก่อนว่าธุระของเต้ยคืออะไร?” ต้อมเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาหา


“พอดี...เต้ย เอ่อ...(กระแอมๆ) เต้ยไปหออิทมาครับ” เจ้าตัวบอกพลางก้มหน้ามองพื้นห้อง


“!!!!” ไม่มีเสียงอะไรดังเล็ดลอดออกมาจากพี่ชาย แต่เต้ยเชื่อว่าพี่ต้อมกำลังโมโหแทบบ้าคลั่งเป็นแน่


“พี่ต้อม...จะดุเต้ยก็ได้นะครับ แต่ครั้งนี้...อิทเขาไม่ได้รังแกเต้ยหรอกนะ”


“แล้วมันปล้ำเต้ยเหมือนที่เคยทำไหม?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเปรยถาม ราวกับข่มอารมณ์เอาไว้


“คือ เราสองคนเสร็จไปยกหนึ่งครับ” เต้ยบอกเสียงเบา แต่เชื่อว่าบอลก็ได้ยิน เพราะห้องเงียบเสียขนาดนั้น


“อะไรนะ??” สองหนุ่มผู้ฟังอุทานขึ้นพร้อมกัน

“เต้ยขอโทษ แต่อย่าไปเอาเรื่องอิทเลยนะ เต้ยคิดว่าครั้งนี้เขาสำนึกได้แล้วล่ะครับ”


“เต้ย!!! พี่ไม่สนหรอกนะว่าไอ้สัตว์นรกนั่นมันจะกลับตัวหรือกลับใจได้  แต่ที่พี่ไม่เข้าใจเลยก็คือ...ทำไมน้องของพี่ถึงได้พ่อพระ
ขนาดนี้ ทำไมถึงได้ลืมความเจ็บปวดเร็วขนาดนี้ ”

“เต้ยเปล่า...” เตชานุเริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือนิดหน่อยแล้ว ดูเหมือนเขากำลังเสียใจที่ทำให้พี่ชายผิดหวัง


“เอ่อ...พี่ต้อมครับ ผมว่าค่อยๆคุยกันดีกว่านะ เต้ยเองเขาก็คงกำลังกดดัน”


        บอลเริ่มไกล่เกลี่ยให้ จริงๆคุณชายเองก็ไม่พอใจเท่าไหร่นักกับเรื่องที่ได้ยิน แต่เพียงเพราะเต้ยยอมเล่าความจริง แถมความน่ารักของเต้ยที่บอลชอบพอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น อดไมได้ ถ้าหากต้องเห็นเต้ยร้องไห้


“เฮ้ออออออออออ ก็ได้!!! ไหน ไปใส่จานมาให้พี่กินซิ โมโหหิวแล้วเนี่ยรู้ไหม?”


            ต้อมเปลี่ยนอารมณ์ได้จริงจังเป็นหยอกล้อได้เท่านี้จริงๆ  ครั้งนี้ไม่สามารถปรับตัวเองได้อย่างรวดเร็วอีกแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะผ่อนคลายกับมุขของเขาได้รึเปล่า?


      พรวดดดดดดด  ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายตรงหน้าทันที โดยอีกฝ่ายไม่ได้คิดว่าน้องชายจะทำแบบนี้


“พี่ต้อม เต้ยขอโทษ ทั้งหมดที่พี่ต้อมพูดมา มันถูกทั้งหมด เต้ยมันอ่อนแอ เต้ยมันใจไม่แข็งพอ เพราะว่า...เต้ยรักเขาครับ”


“ฮะ!!!! อะ...อะไรนะ นี่พี่หูไม่ฝาดใช่ไหม?”


“เต้ย นี่เต้ยสับสนอะไรอยู่รึเปล่า? หรือมันโน้มน้าวอะไรเต้ยอีกบอกบอลนะครับ”


“เปล่าๆ เต้ยรู้สึกตัวทุกอย่าง ว่าตัวเองพูดอะไร และเต้ยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”


“บ้าไปแล้วเต้ย นี่รู้ไหมว่าพ่อได้ยินพ่อจะโกรธขนาดไหน?” ต้อมพูดใส่อารมณ์


“ฮึก ฮึก เต้ยรู้ แต่เต้ยไม่รู้จะทำยังไง เต้ยรู้ความรู้สึกตัวเองช้าไปใช่ไหมพี่ต้อม? ฮือออออ”


“โถ่เอ้ยเต้ย!”


          ต้อมหงุดหงิดใจ แต่มือหนาที่ว่างอยู่สองข้างก็ไม่วายยกขึ้นมาลูบหัวน้องชายตัวเองไปพลางๆ


“เอาไงดีครับพี่ต้อม?” บอลรู้สึกเสียใจมาก และอยากถามความคิดเห็นพี่ต้อม ที่เขาเคารพนับถือ


“พี่ว่า เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ เต้ยอาจจะถูกไซโคจากไอ้เลวนั่นมาก็ได้”


“ไม่ครับพี่ต้อม! เต้ยรักเขาจริงๆ   อิทเขาไมได้ไซโคเต้ยเลย”


“แต่ว่าเต้ย!...คนเลวๆขยะมนุษย์แบบนั้นไม่คู่ควรกับเต้ยเลยซักนิดนะ” ต้อมเอาโทสะเข้าสู้


“แต่เต้ยรักเขาพี่ต้อมมมมม” เตชานุเริ่มงอแง ทั้งที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แถมกอดเอวพี่ชายแน่นเข้าไปอีก


“ไปกันใหญ่แล้วนะพี่ ผมว่าให้เต้ยสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เต้นอาจจะกดดัน คงจะเป็นห่วงไอ้อิทตามเคย”


“โอเคๆ เรื่องนี้พี่จะยังไม่บอกพ่อแล้วกัน ส่วนเรื่องที่มันมาหาเต้ยวันนี้พี่จะหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่อง แค่นี้พอใจรึยัง?”


“ยังครับ ฮึก ฮึก เต้ยอยากขอร้อง พี่ต้อมอย่าไปทำร้ายอิทเลยนะ”


“เรื่องนี้มันบอกกันได้ที่ไหนกันล่ะเต้ย แค่พี่ได้ยินชื่อมันพี่ก็อยากเหยียบให้จมเท้าแล้ว” ต้อมบอกด้วยอารมณ์ภายในใจล้วน นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้คุณชายรู้สึกสะใจไปด้วยแต่ไม่เผยออกมาให้เต้ยเห็นก็เท่านั้น


“พี่ต้อมเต้ยขอนะครับ นะๆพี่”


“เฮ้ออออ เต้ย บอกตามตรงพี่ทำใจลำบาก แต่เต้ยก็ดูแคร์ดูห่วงมันขนาดนี้ พี่จะทำอะไรได้ เอาเป็นว่าเลิกร้องไห้ก่อน แล้วพี่จะคิดดูอีกที  เต้ยกำลังตั้งเงื่อนไขกับพี่ฝ่ายเดียวเยอะไปแล้วนะ”



      ได้ผล คนร้องไห้หยุดและเงียบไป แต่ยังคงเหลือความสะอึกสะอื้นนิดๆออกมา


“เต้ยไปนั่งเก้าอี้กับพี่ต้อมเถอะ เดี๋ยวข้าวมันไก่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่บอลเอง”


      บริรักษ์เอื้อมไปหยิบรับถุงข้าวมันไก่มาไว้กับตัวเอง ก่อนจะหันไปวุ่นง่วนกับข้าวมันไก่ใส่ลงจาน

...


...


..

.



ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ 


        เข้าสู่ช่วงปิดเทอมภาคเรียนแรก เตชานุไม่เป็นอันจะทำอะไร วันๆคอยลุ้นแต่ว่าใครคนนั้นจะมาที่บ้านตามคำกล่าวที่บอกไว้ก่อนหน้านี้รึเปล่า  สร้างความแปลกใจให้ผู้ปกครองมาก แต่สำหรับต้อม บอลและแชมป์รู้ดีว่าเต้ยกำลังกังวลอะไร


“เต้ย มานั่งทำอะไรตรงนี้ลูก”


“แม่!!!” เต้ยสะดุ้งตกใจเมื่อแม่ของเขาเดินเข้ามาทักถึงในสวนหย่อมหน้าบ้าน


“แม่เอง ทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้น ใครจะมาบ้านหรอลูก นั่งมองแต่หน้าประตูรั้ว” เธอชะเง้อมองตามลูก


“ปะ...เปล่าครับ ไม่มีใครมาหรอก เต้ยคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยครับแม่”


“หรอ? งั้นดีเลย เข้าบ้านเถอะ แม่ทำบัวลอยไข่หวานเสร็จแล้ว  พี่แชมป์กับคุณชายบอลมาบ้านทั้งที ไปนั่งร่วมโต๊ะหน่อยสิ ทำ
แบบนี้เสียมารยาทรู้ไหม?”


“ครับ”


                ร่างบางหน้าหง่อยเมื่อถูกตำหนิตรงประเด็น เขาเดินตามหลังแม่เข้าไปในบ้าน พร้อมกับตักของหวานใส่ถ้วยเล็กครบจำนวนคน แล้วยกใส่ถาดใหญ่ออกไป 


           กลิ่นหอมนั้นฟุ้งเข้าจมูกชวนอยากทานในตอนนี้เสียให้ได้  การปรากฏตัวของเต้ยในห้องรับแขก ทำให้แชมป์และบอลยิ้มแฉ่งออกมา


“บัวลอยมาแล้วครับ หนึ่งคนหนึ่งถ้วยเท่านั้น หมดแล้วเติมใหม่ได้ครับ มีอีกเยอะ”


“ขอบใจนะ/ ขอบคุณครับ ”


              เต้ยหยิบเอาถ้วยใบสุดท้ายในถาด ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ร่วมโต๊ะอาหาร 

              สีหน้าความกังวลเริ่มชัดเจนบนใบหน้า ทำให้บอลหันไปมองต้อมราวกับรู้กันว่า...วันนี้อิทธิพลต้องมาแน่


“มันจะมากี่โมง ได้บอกไว้ไหม?” ต้อมเดินเข้าไปกระซิบถามน้องชาย


“อิทไมได้บอกครับ”


“สองพี่น้องคุยอะไรกันจ๊ะ!” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาสมทบในห้องเป็นคนสุดท้าย และแล้วทุกคนก็สลายตัวแยกกันอย่างรวดเร็ว


“เปล่าครับคุณแม่ แค่คุยกันว่า คุณพ่อน่าจะกลับมาทานบัวลอยด้วยกัน”


“พ่อเรามาไมได้หรอก ติดธุระกับลุงดำรงฤทธิ์พ่อของคุณชายบอลอยู่นะสิ แต่แม่เผื่อเอาไว้ในถ้วย แช่ตู้เย็นเรียบร้อย”


“อ่อครับ” ต้อมยิ้มเจื่อนให้แม่ พลางโล่งอกที่ไม่ถูกจับได้


            ถ้าหากอิทธิพลปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้จริงๆ นับว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะประการแรก ประทวน พ่อของเต้ยและต้อ
มไม่อยู่บ้าน ประการที่สองคือ อมรรัตน์แม่ของพวกเขาทั้งสองนับว่าใจดีมาก และไม่ได้มีทีท่าเอาผิดอิทธิพลในทางตรงเสียแต่
แรก คาดว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง


             ที่เป็นห่วงจริงๆ ก็มีแค่ต้อม บอลและแชมป์เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะห้ามอารมณ์ตัวเองได้มากแค่ไหนถ้าหากได้เจอหน้าแขกไม่ได้รับเชิญซึ่งซึ่งหน้าอีกครั้งในถิ่นของตัวเอง!



ปี๊ดๆๆๆๆ


            เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นบริเวณหน้าบ้าน  เต้ยตอบสนองเร็วกว่าใครเพื่อน จนทุกคนวิ่งตามออกไปดูที่หน้าประตูบ้านตามเต้ยไป 


“รถใครกันน่ะลูก?” เธอถามขึ้นด้วยความสงสัย


           ทุกคนกระอักกระอวนและหนักใจที่จะตอบคำถามนี้ สุดท้ายหน้าที่นี้คงจะหนีไม่พ้นเต้ยซึ่งเป็นคนรู้ดีที่สุดตอบก็แล้วกัน


“เพื่อนสนิทของเต้ยเองครับแม่”


“เพื่อนสนิทหรอลูก? นอกจากบอลแล้ว เต้ยยังมีเพื่อนสนิทอีกหรอ?” เธอทำสีหน้าครุ่นคิด


            ประตูรั้วเหล็กดัดสองบานใหญ่ค่อยๆเปิดอ้ากว้างด้วยระบบรีโมท รถยนต์คันดังกล่าวขับเข้ามาข้างในแล้วจอดดับเครื่องสนิทตรงกับทางเดินขึ้นบ้านพอดีเป๊ะ


            สายตาสามหนุ่มจ้องมองใครอีกคนภายในรถ จ้องจะกินเลือดกินเนื้อ มีเพียงอมรรัตน์ผู้เป็นแม่เท่านั้นที่มีแววตาสงสัย ไม่กระจ่างในคำพูดลูกชายคนเล็กอยู่คนเดียว


            ประตูรถยนต์ฝั่งคนขับถูกเปิดออก ขาขวาของเจ้าของรถก้าวเหยียบพื้นคอนกรีต ในจังหวะเดียวกันต้อมเองยืนกำหมัดแน่นอัตโนมัติ พร้อมกับบอลและแชมป์ที่มีปฏิกิริยาไปในทางเดียวกัน


           และในเวลานี้ ใครคนนั้นยืนเหยียดกายเต็มตัวนอกรถเป็นที่เรียบร้อย แว่นกรองแสงราคาแพงถูกสวมใส่ แต่ไม่สามารถอำพรางใบหน้าอันหล่อเหลาแถมเคยมีนิสัยโหดร้ายเลวทรามราวสัตว์นรกได้


“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีทุกๆคนด้วยนะ” เสียงทุ้มเปรยบอกพร้อมกับยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่บัดนี้ยืนหน้าหวอไปแล้ว


“เต้ย หมายความว่าไงลูก?”


“เพื่อนของเต้ยก็คืออิทธิพลเองครับ”


            ร่างบางบอกพร้อมกับก้มหน้าก้มตา หันไปมองผู้มาเยือน แต่อิทธิพลก็เอาแต่ยิ้มแฉ่งไม่เกรงกลัวหรือสะทกสะท้ายอะไรเลยแม้แต่น้อย...



:L2: :L2: :L2:



อิทธิพลจะฝ่าด่านเหล้กแกร่ง ได้ไหมนะ ด่านแรกคือพี่ต้อม บอลและแชมป์ ด่านที่สอง แม่ของเต้ย และด่านสุดท้าย คุณพ่อของเต้ย   เป็นกำลังใจให้อิทผ่านด่านไปให้ได้นะ  หลังจากนี้ไป ทุกคนอาจจะเปลี่ยนจากไม่ชอบกลายเป็นความเห็นใจพระเอกก้ได้


 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
จะไปได้ซักกี่น้ำกันกลัวจะดีแตกน่ะสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด