ตอนที่ 18 สารถีหน้าตี๋ ขับรถไปตามทางที่ตุ๊กตาหน้ารถบอก เลี้ยวซ้ายบ้าง เลี้ยวขวาบ้าง ขึ้นทางด่วนบ้าง สารพัด ราวๆครึ่งชั่วโมงจึงถึงบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่นี้
การมาเยือนของรถยนต์ไม่คุ้นตา ทำเอาเจ้าของบ้านหญิงชายรุ่นใหญ่เดินออกมาดู แต่ประทวนพอจะรู้คร่าวๆบ้างว่า เพื่อนของต้อมลูกชายคนโตจะมาที่บ้าน ตามคำชักชวนของเขาเอง
“รถใครของคะคุณ?”
“ใจเย็น เดี๋ยวแม่ก็รู้เอง” ประทวนยิ้มให้ภรรยา
ไม่นานนักเจ้าของรถก็เปิดประตูพร้อมกับก้าวออกมาจากรถ หนุ่มรูปร่างสมส่วน หน้าตี๋ ผมสกินเฮดยิ้มทักทายทั้งใบหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ผู้มีอายุสูงกว่า
ประกอบกับใครอีกคนที่ลงจากประตูฝั่งตรงข้าม ใบหน้าคร่าตาคุ้นเสียยิ่งกว่าอะไรดี คุณชายบอล ตระกูลพิมลประชาทิศผู้สูงศักดิ์นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณอาทั้งสอง”
“สวัสดีลูก ไม่นึกว่า ลูกเขยของพ่อทั้งสองคนจะมาด้วยกัน รู้จักกันมาก่อนหรอ?” หนุ่มใหญ่ถามด้วยความดีใจปนแปลกใจ
“เอ่อ...” สองหนุ่มยึกยัก จะตอบคำไหนออกไปดีโดยที่ไม่ต้องโกหกและดูดีที่สุด สุดท้ายคงจะเป็นหน้าที่ของบริรักษ์เสียแล้ว
“...ใช่ครับ นี่คือพี่แชมป์สุดหล่อเพื่อนพี่ต้อม ที่คุณอาอยากเจอไงครับ” หนุ่มผิวเข้มกัดฟันพูด แต่เจ้าของชื่อกลับเหล่สายตามามองนิดๆ
“บอล เข็ดฟันหรอลูก” ประทวนเปรยถามอย่างเป็นห่วงทันที แต่กลับมีเสียงขำเบาๆในลำคอของรุ่นพี่ซะได้
“ปะ...เปล่าครับ สบายดีครับ”
“งั้นเข้าไปนั่งในห้องลำลองก่อนนะ จะได้คุยเรื่องสำคัญกันเลย”
“ครับ!!!”
ว่าที่คุณหมอหนุ่มสองคนตอบพร้อมกัน ก่อนจะเดินตามชายคนตรงหน้าไป จวบจนกระทั่งนั่งลงบนโซฟานุ่มนิ่มภายในห้องโถงครึ่งวงกลม
“เห็นตาต้อมบอกว่า ครอบครัวเปิดร้านทองหลายสาขาหรอลูก?” ประทวนถามแชมป์ทันที
“อ่อ ใช่ครับ”
“...แล้วก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน?”
“ใช่ครับ”
“ชอบลูกชายพ่อมากไหม?”
“ชอบมากครับ น้องเต้ยน่ารักดี ถึงแม้ว่าบางทีจะมีมารผจญบ้าง แต่ผมกำราบอยู่หมัดแน่นอนครับ” หนุ่มตี๋ขี้เล่น พยายามพูดใส่
รุ่นน้องเดือนแพทย์ พร้อมแอบหันไปชำเลืองมอง มีหรอที่คุณชายอย่างบอลจะไม่รู้
“เอ๋? นอกจากสุดหล่อสองหนุ่มแล้ว ยังมีคนอื่นมาจีบเต้ยอีกหรอ?” ประทวนเข้าใจผิดไปตามระเบียบ
“อ้อ เปล่าครับคุณพ่อ” แชมป์แก้ความเข้าใจให้
“โอเค ได้ยินแบบนี้พ่อค่อยเบาใจหน่อย” ประทวนเปลี่ยนอิริยาบถท่านั่งธรรมดาเป็นไขว้ห้างก่อนจะเปรยต่อ
“...ไหนๆก็มากันพร้อมหน้า พ่อไม่อ้อมค้อมแล้วกัน เจตนาและความประสงค์ของลูกทั้งสอง พ่อรู้ดี แต่สิ่งที่อยากให้ช่วยคือ ทำยังไงก็ได้ให้ลูกชายของพ่อมีความสุขและลืมอิทธิพลเขี่ยมันออกไปจากชีวิตเต้ยให้พ่อที”
“เรื่องนี้ผมทราบครับคุณอา แต่เต้ยเขาไมได้ชอบผมเหมือนที่ผมชอบเขาครับ” บริรักษ์พูดอย่างน้อยใจ
“รู้ก็ดีแล้ว เปิดทางให้คนอื่นเขาบ้าง” แชมป์พึมพำเบาๆแต่มันกลับดังสะท้อนชัดแจ๋วเข้าใบหูของบอลทั้งสองข้าง
“ไอ้พี่แชมป์!!!”
“เอาล่ะๆ พอก่อน! ดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่นะ แต่ไหงกลับมาด้วยกันได้ ตีกันไปกี่ยกแล้วในรถ”
“10 ยกครับ/นับไม่ถ้วนครับ!”
ถึงคำตอบจะไม่เหมือนกัน แต่คำพูดเหล่านั้นล้วนแล้วสื่อไปให้รู้ว่า หลายยก เลยทีเดียว สองสามีภรรยาหันหน้ามาอมยิ้มนิดๆให้กับความน่ารักของชายหนุ่มรุ่นคราวลูกตรงหน้า
นักศึกษาหนุ่มต่างชั้นปี หันหน้าเบือนหนีออกจากกันไปคนละทิศ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ที่บอกรู้จักและสนิทสนมกันนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“แม่ขอถามหน่อยนะ ตอนนี้เต้ยเป็นยังไงบ้าง แม่อยากได้ยินจากปากของบอลกับแชมป์ เต้ยเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้กับ
ตัวเอง แม่เป็นห่วงมาก” ผู้เป็นแม่พูดด้วยความเป็นห่วงลูกชายคนเล็ก
“เต้ยสบายดีครับ” หนุ่มผิวสองสีเป็นฝ่ายตอบเธอไป
“ไม่มีท่าทีซึมเศร้าเสียใจที่โดนไอ้เด็กตระกูลนฤบดินทร์หลอกใช่ไหม?” ประทวนถามต่อ
“ไม่มีครับ เต้ยร่าเริงแล้วก็ไม่เคยพูดถึงอิทธิพลเลยครับ” แชมป์เป็นคนตอบคำถามบ้าง
“ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย เอาล่ะ พ่อไม่มีอะไรแล้ว ขอบใจลูกๆทุกคนนะที่มาหา”
“ครับคุณอา งั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกัน พอดีผมนัดเต้ยไว้แล้วว่าจะพาไปเที่ยวผ่อนคลายครับ”
“ส่วนผม ก็มีนัดกับน้องเต้ยต่อ เพราะตั้งใจจะจีบน้องครับ” แชมป์พูดความประสงค์ตัวเองบ้าง สร้างความขุ่นเคืองในใจให้คุณชาย
มาดนิ่งได้เป็นอย่างดี
และแล้วผู้ใหญ่สองคนก็ต้องหันมามองกันตาปริบๆ เกรงว่าจะเกิดศึกสองหนุ่มในช้านี้แน่ ไม่รู้ว่าประทวนคิดผิดหรือถูกที่เปิดทางให้สองหนุ่มในคราวเดียวกัน แต่สุดท้ายทั้งบอลและแชมป์กลับกดอารมณ์ตัวเองได้อย่างดี
“ผมลาแล้วนะครับคุณอา สวัสดีครับ”
“ลาแล้วครับคุณพ่อคุณแม่” แชมป์ไหว้ตาม
“ขับรถกลับปลอดภัยนะ”
“ครับ”
เมื่อทั้งสองเข้ามานั่งอยู่ในรถ บรรยากาศสงครามกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด ด้วยการที่แชมป์หันไปมองอีกฝ่ายก่อน บริรักษ์หันมามองโต้ตอบรุ่นพี่บ้าง ด้วยแววตาไม่พอใจประมาณหนึ่ง
“โห เวลาคุณชายกำลังโมโหไม่พอใจเนี่ย ตีนกาขึ้นเยอะเหมือนกันนะ” หนุ่มตี๋เม้มปากเลิกคิ้วขึ้นสูง พร้อมกับทำสีหน้าตั้งใจกวน
บาทาอีกฝ่ายสุดๆ
“ไม่ต้องมาไขสือเลยนะ ที่บอกคุณอาทั้งสองไปเมื่อกี้คืออะไรครับ?”
“บอก? บอกอะไรวะ”
“ไอ้พี่แชมป์ ก็ที่บอกว่ามีนัดกับเต้ยไง นั่นมันเป็นแพลนของผมที่คิดก่อนพี่นะ”
“อ้อออออออ ที่แท้ก็โมโหเรื่องนี้ ทำไมหรอ? กลัวว่าถ้าพี่มีนัดกับเต้ยบ้าง กลัวเต้ยเขาจะเลือกไปกับพี่รึไง?”
“กลัวตายล่ะ ผมหล่อสู้พี่ไม่ได้ตรงไหน ทำไมต้องกลัว อีกอย่างอย่าลืมสิว่าผมจีบเต้ยก่อนพี่นะ ให้เกียรติกันหน่อยเห๊อะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ รู้สึกว่าความสุขุมและพูดน้อยของน้องบอล จะตบะแตกเพราะพี่ซะแล้ว”
“รีบๆขับรถจะดีกว่า พี่ขับช้าเหมือนหอยทากป่วยแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง ผมมีนัดกับเต้ยต่อนะ”
“โอเคคร้าบบบ ใจร้อนจริงๆเล๊ย”
ฟืดดดดดดดด ไม่ทันไรรุ่นพี่ทันตแพทย์ก็เหยียบคันเร่งพรวดพราดไม่บอกไม่กล่าวซะงั้น ทำเอาตุ๊กตาหน้ารถหัวใจหล่นตุ๊บไปอยู่ข้างล่างตาตุ่ม
“ไอ้พี่แชมป์!!! จะฆ่ากันทางอ้อมรึไง ”
“ฮ่าๆๆๆๆ อ้าวก็เห็นบอกกำลังรีบอยู่ พี่ก็รีบให้อยู่นี่ไงครับคุณชายยยย”
“ถ้าผมตายมา รับผิดชอบชีวิตด้วยนะ” หลังจากปรับความตื่นกลัวไปได้ บอลก็เปรยประชดออกมาทันที
“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่ต้องรับผิดชอบสิ จริงมั้ย?”
แต่แล้วแชมป์กลับค่อยๆผ่อนคันเร่งลงเรื่อยๆ จนกระทั่งรถแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วปกติ ในรถเงียบสนิทไม่มีเสียงคุยกันอีกเลย จนกระทั่งคนขับรถเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นก่อน
“บอล!”
“ว่า...”
“ที่บอกว่าพี่หล่อพูดจริงป๊ะ?”
“อะไรของพี่อีกเนี่ย ผมไปพูดตอนไหน?”
“อ้าวววว ก็พูดตอนแนะนำพี่ให้คุณพ่อคุณแม่ของเต้ยรู้จักไง?” แชมป์พยายามเตือนความทรงจำ
บริรักษ์ พยายามนึกย้อนกลับไป สุดท้ายคำคำนั้นก็หวนลอยกลับมาจริงๆ
“อ้อ จำได้ล่ะ เปล่าหรอกพี่ พี่อ่ะหน้าขี้เหล่กว่าผมตั้งเยอะ ผมกลั้นใจพูดออกไปงั้นๆ ดูไม่ออกหรอ?”
“ขี้เหล่ตรงไหนวะ คนผิวขาวหน้าตี๋แบบนี้เนี่ย ได้เปรียบคนผิวสองสีแบบนายเห็นๆ”
“อ้าวนี่ น้อยๆหน่อยพี่ อุดมคติพี่เป็นคนเหยียดสีผิวด้วยหรอ?”
“พี่ล้อเล่นน่า แหมจริงจังไปได้ ถึงนายจะผิวสองสีแต่นายโคตรน่ากวนน่าแหย่ น่าเล่นด้วยสุดๆเลยล่ะ”
“??? ดูท่าทางจะสมองกลับนะพี่เนี่ย พูดอะไรขนลุกไปหมดแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆๆ มีขนลงขนลุกด้วย ฮั่นแน่คิดอะไรกับพี่รึเปล่าครับคุณชายยยย ”
“เอาสมองส่วนไหนมาคิดครับ ถามจริงๆเรียนทันตแพทย์จริงรึเปล่า?”
“ก็จริงนะสิ ทำไมถามงั้นน่ะ?”
“เปล่า เหมือนคนพูดแบบไม่มีสมองอ่ะครับ”
“โห แรงว่ะ นี่ด่ากันแบบนี้เลยหรอ? จะไม่ให้พี่คิดได้ยังไง ดอกกุหลาบขาวเอาไปให้น้องเต้ย 15 ดอก นายก็แย่งเอาไปไว้ซะเอง
แบบนั้น...”
“ผมแย่งไปเพราะหวงเต้ยหรอกน่า ไม่ชอบให้ใครมาจีบ อีกอย่างผมจะเอาไปทิ้งต่างหาก รู้ไว้ซะ”
“แต่สุดท้ายน้องบอลก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง แถมเสียบไว้ในแจกันข้างเตียงนอนไม่ใช่หรือไงครับ? ”
“ก็....” บริริรักษ์พยายามจะสรรหาคำแก้ตัว แต่กลับถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“คราวหลังอยากได้ก็บอก จะซื้อมาเผื่อให้ นี่พูดจริงๆนะ”
“พูดอะไรของพี่วะเนี่ย เลี่ยนไปหมดแล้ว”
“เลี่ยนกับเขิน มันไม่ได้ต่างกันมากเลยนะ แยะแยะให้ออก ”
“โถ่เอ้ย มันก็ต้องเป็นเลี่ยนอยู่แล้ว พี่มีอะไรให้ผมเขิน”
“อยากรู้ไหมล่ะ คำตอบอยู่โน่นแล้ว!”
แชมป์ชี้นิ้วออกไปนอกกระจก บอลหันไปมองตาม เป็นตึกสูงพร้อมกับมีป้ายบอกเอาไว้ติดถนนว่า ‘โรงแรม’
“เกี่ยวอะไรกับโรงแรมด้วยพี่?”
“อ้าว อยากรู้ไม่ใช่หรอว่าพี่มีอะไรให้คุณชายบอลเขินบ้าง กำลังจะให้คุณชายพิสูจน์นี่ไงล่ะ?”
“ไม่ตลกนะ รีบๆขับไปหอพักได้แล้ว เต้ยรออยู่ห้องคนเดียวมันอันตราย”
“อันตรายยังไง?”
“พี่ลืมไปแล้วหรอว่าคนที่ทำให้เต้ยเสียใจและหวาดกลัว คือใคร ไม่แน่มันอาจจะไปหาเต้ยแล้วก็ได้”
“อิทธิพล เดือนมหาวิทยาลัยนะหรอ?”
“ใช่นะสิปัดโถ่! พูดมาแล้วก็ชักเป็นห่วงแล้วสิ”
“โอเคๆ”
หนุ่มตี๋ฉุกคิดขึ้นได้ เริ่มกังวลและเป็นห่วงตามบริรักษ์เสียแล้ว นี่เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าเต้ยอยู่หอคนเดียวอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่บอลสังหรณ์ใจก็ได้
ภายในหอพัก สองแก่นกายนอนอยู่บนเตียงนอน หนึ่งคนนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ส่วนคนตัวใหญ่กว่าหลับตานอนหนุนหน้าขา ไร้พิษสงและความน่ากลัว ผิดต่างจากทุกครั้ง
เตชานุใช้มือนุ่มลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ตั้งแต่ถูกร้องขอให้ลูบหัวจากอิทธิพล ร่างบางก็ยังไม่ได้รามือ
เลยสักวินาทีเดียว
ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ว่าลูกทายาทธุรกิจหลายร้อยล้านอย่างอิทธิพล จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาติดดินไม่มีอะไรเลยในชีวิตอีกต่อไป
“อิท! นายพูดจริงๆหรอ ว่าทิ้งทุกอย่างเพื่อเรา”
“เต้ยไม่ต้องเชื่ออิทก็ได้ อิทอยากทำให้เห็นมากกว่าลมปาก อยากให้เต้ยได้เห็นกับตาว่าอิทพูดจริง”
ราชสีห์ผู้ไร้ฤทธิ์เดช หลับตาเปรยตอบ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดเต้ยเอาไว้ ราวกับโหยหาเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดแบบนี้ยากนัก
“แต่เราเกลียดนาย เข้าใจใช่ไหม?” เตชานุบอกเสียงเรียบทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า
“อิทรู้ อิทรู้ดีเลยล่ะ และสิ่งที่อิทเพิ่งรู้หมาดๆ คือหัวใจของตัวเอง”
“คนโง่ๆที่ทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยความรุนแรงอย่างนาย รักใครเป็นนอกจากตัวเองด้วยหรอ?”
“สัตว์นรกอย่างอิท ก็มีหัวใจนะ อิทขอร้องเต้ยอีกอย่างหนึ่ง มันจะมากเกินไปไหม?”
“อะไร?”
“เป็นเทวดามาโปรดคนเลวๆแบบอิทได้ไหม มาเป็นแสงสว่างส่องทางให้อิทตลอดชีวิต ได้ไหมครับ”
ทั้งที่เดือนมหาวิทยาลัยคนนี้จะเลวกับเขามามากขนาดไหน แต่ทุกคำพูดกลับมีบทบาทและอิทธิพลต่อจิตใจของเตชานุเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องตัดใจตอบไป
“ไม่ได้! อย่าโหยหาหรือเรียกร้องอะไรอีกเลยนะ แม้แต่การให้อภัย เราก็ให้นายได้ยากเย็นเหลือเกิน”
“เต้ย...อิทรักเต้ยนะ ”
“พอเถอะนะอิท เส้นทางนี้มันถึงทางตันแล้ว นายควรเดินกลับไปทางเดิมแล้วเลือกเส้นใหม่ซะ”
“ถ้าทางเส้นนี้มันจะตัน งั้นอิทก็จะก่อกำแพงขังตัวเองไว้ในทางเส้นนี้ต่อไป”
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ความดื้อรั้นและความคิดโง่ๆเอาแต่ใจของนายก็ไม่เคยเปลี่ยน”
“เต้ยพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เคยรักอิทเลยใช่ไหม?”
ร่างบางเจ็บสาหัสกับประโยคนั้น ความปวดร้าวในหัวใจโลดแล่นไปทั่วร่างกาย ใครบอกว่าเขาไม่เคยรัก ถ้าไม่รักแล้วจะเศร้าโศกเสียใจมานักต่อนักนับครั้งไม่ถ้วนได้หรอ? แต่เพื่อทุกอย่างจะได้จบ เตชานุจำเป็นต้องพูด
“ไม่! เราไม่เคยรักนายเลย แม้แต่นิดเดียว” ร่างบางบอกไปอย่างยากลำบาก
“โอเค อิทเข้าใจแล้ว ขอโทษนะ ที่ทำให้ลำบากใจ ขอโทษที่ทำให้ชีวิตบริสุทธิ์ของเต้ยต้องแปดเปื้อน อิทคงจะมาหาเต้ยเป็น
ครั้งสุดท้าย และคงไม่มีหน้ากลับไปหาคุณพ่อได้อีกแล้ว ไอ้คุณชายมันก็เหมาะสมกับเต้ยมากจริงๆ ขอให้เต้ยมีความสุขมากๆ
นะ”
พูดจบ เรือนร่างที่หลับตาซุกหน้าบนขาเรียวก็ค่อยๆเหยียดกายลุกยืนและเดินไปยังประตูห้อง เตชานุทำได้แค่เพียงนั่งดูการเดินจากไปของใครคนหนึ่งอย่างช้าๆ เขาตอบตัวเองในใจตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้องที่สุดแล้ว
หากนึกย้อนกลับไปมันยากเย็นเหลือเกินที่จะให้อภัยแก่คนคนนี้ได้ แม้จะรู้ว่าผิดต่อกรรม เพราะศาสนาสอนให้อภัยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสมอ เพื่อไม่ให้มีบ่วงกรรมติดไปในภพหน้า แต่สุดท้ายเต้ยก็ไม่อาจปลงและละจากกรรมนี้ได้ เพราะความเจ็บปวดในหัวใจที่ถูกทารุณ
แอดดดดดด ปัง เสียงประตูถูกงับปิดลง เหลือเพียงร่างบางอยู่ในห้อง ใครคนนั้นไปจากชีวิตเขาแล้วจริงๆ คนที่เคยหล่อเหลาดูดีและเกือบเป็นเจ้าหัวใจของเตชานุได้สำเร็จ ไปจากเขาแล้วจริงๆ
บนทางเดินหน้าหอพักนักศึกษา อิทธิพลเดินเหม่อลอยไร้จิตใจ สองขาก้าวย่างไปเบื้องหน้าไม่มีจุดหมาย มันคงจบแล้วจริงๆ เขาไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่คำพูดตัดพ้อของคนที่เขารักนั้น มันทำให้เขาไม่อยากยื้อไว้อีก เขาไม่อยากให้เต้ยต้องเจ็บปวดอีก
เต้ยบอกเขาว่า เขาชอบทำอะไรเพื่อความต้องการของตัวเอง จนไม่เห็นถึงความลำบากและจิตใจของผู้อื่น ฉะนั้น ต่อจากนี้เขาจะยอมปล่อยคนที่เขารักไปมีความสุข ดีกว่าที่ต้องทนทุกข์เมื่ออยู่กับเขา
“นึกไว้แล้วไม่มีผิดว่าแกต้องมาที่นี่!” เสียงขุ่นตะโกนกร่างใส่ร่างไร้ความรู้สึกนั้นทันที
เป็นใครไปไม่ได้นอกจากบริรักษ์คุณชายที่แสนดี และเป็นคนที่อิทธิพลขืนใจหลีกทางรักให้ ดวงตาอิดโรยมองดูคุณชายผู้สูงศักดิ์ อีกทั้งยังกำหมัดแน่นพร้อมเดินเข้ามาซัดใส่เขาได้ทุกเมื่อ
“กูมาลาเต้ย เท่านั้นเอง” อิทธิพลเปรยบอกเสียงเบา
“คิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นหรอ? อย่าอยู่เลยไอ้อิท!”
หมับ!!! มือหนาของใครคนหนึ่งคว้าเข้าจับหมัดกลางอากาศไว้ได้ทัน แม้บริรักษ์จะพยายามสะบัดหลีกหนีเท่าไหร่ มือหนาและแน่นนั้นยิ่งบีบรัดเอาไว้
“พี่ ทำบ้าอะไร ปล่อยผม ผมจะต่อยมัน!” บอลต่อว่าคนรั้งหมัดเขาเอาไว้
“ยืนอยู่ทำไมอิทธิพล ไปเซ่!!!” หนุ่มตี๋รีบร้องสั่งรุ่นน้องเดือนมหาวิทยาลัยให้เดินหนีไป ก่อนที่เขาจะต้านแรงคุณชายไม่อยู่
อิทธิพลพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆวิ่งหนีไป ได้ผลอิทธิพลรอดจากการเป็นเหยื่อความโกรธของคุณชาย แชมป์ค่อยๆปล่อยหมัดนั้นให้เป็นอิสระ แต่ไหงกลับกลายเป็นเขาเองที่ซวยแทน
หมับ!!!! คุณชายเปลี่ยนท่าทีมาเล่นงานอีกคนแทน มือขวาคว้าเข้าจับคอเสื้อรุ่นพี่อย่างไม่พอใจ
“ไอ้พี่แชมป์!!!”
“เอาสิ เอาเลย ถ้าคิดว่าความรุนแรงมันแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง”
“อย่าท้าผมนะ”
“พี่ไมได้ท้า แต่พี่แค่ไม่อยากเห็นคุณชายผู้สูงศักดิ์มีข่าวการชกต่อยกับเดือนมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น”
สุดท้าย คนที่กำลังโมโห ก็ทุเลาความโกรธลงไปได้อย่างน่าประหลาดใจ แชมป์แอบยิ้มอยู่ในใจที่อย่างน้อยครั้งนี้บริรักษ์ก็ฟังเขาบ้าง
“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร รีบขึ้นห้อง ไปดูเต้ยกันเถอะ”
“อืม!!!”
สองคนรีบวิ่งไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปได้ กลับเห็นร่างบางนั่งพิงหัวเตียงนอนพร้อมด้วยคราบน้ำตาที่เหือดแห้ง
“เต้ย! เป็นยังไงบ้างครับ บอลเห็นไอ้อิทธิพลข้างล่างหอด้วย มันทำอะไรเต้ยรึเปล่า?”
“เปล่าหรอกบอล อิทเขาแค่มาลาเต้ยครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”
“คำพูดของมันเชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เต้ยอย่าเชื่อมันมากนะครับ”
“ไม่หรอก มันจบแล้วจริงๆ เฮ้ออออ...ขอโทษทีนะบอล เราต้องขอเลื่อนนัดไปก่อน เราอยากพักผ่อน”
“อืมๆได้ เต้ยพักผ่อนเยอะๆนะ ไม่ต้องไปคิดมาก เดี๋ยวบอลจะอยู่ดูแลเอง”
“พี่ด้วยนะครับ วันนี้พี่ว่างทั้งวัน เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน”
ดูเหมือนทั้งสองคนจะสงบสงครามแย่งหัวใจเต้ยไปสักพัก สภาพของร่างบางตอนนี้ไม่เหมาะนักถ้าหากจะมาเห็นพวกเขาชิงดีชิงเด่นกัน
สองหนุ่มนั่งขนาบข้างลงบนเตียงคนละฝั่ง แชมป์ประคองเต้ยลงนอนบนเตียง ก่อนที่บอลจะคลี่ผ้าห่มเพื่อห่มให้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นระบบระเบียบอัตโนมัติ
ขณะที่สองคนกำลังปรนนิบัติดูแลคนหัวใจอ่อนแอนั้น ดวงตาทั้งสองคู่กลับปะทะกันโดยบังเอิญ ทั้งบอลและแชมป์มองแววตากันอยู่อย่างนั้นร่วมสามวินาที แม้แต่เต้ยเองก็เห็นการกระทำนั้น
“เห็นพี่แชมป์กับบอลรักกันแบบนี้ ก็เบาใจหน่อย” เต้ยเปรยออกมาตามที่เห็น ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งสติได้ทัน
“ไม่มีทางหรอก/ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่”
สองหนุ่มพูดออกมาในเวลาเดียวกันอีกครั้ง และสิ่งที่พูดก็ขัดแย้งภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้มากทีเดียว
“เต้ยว่า พี่แชมป์กับบอลเวลาไม่ทะเลาะกัน น่ารักออกนะ ”
“เอ่อ...” คุณชายไปไม่เป็นเลยทีเดียว ได้ยินแต่เสียงขำในลำคอของแชมป์ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ขำอะไรพี่!”
“อ๊ะๆๆ น้องเต้ยเพิ่งบอกว่าอย่าทะเลาะกัน หรือจะขัดใจครับ” แชมป์ยักคิ้วกวนประสาทอีกฝ่ายอย่างเคยชิน บอลได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ
“สองคนนี้ทำไมต้องมาเสียเวลากับเต้ยด้วยนะ ถ้าจีบกันเองป่านนี้เป็นแฟนกันแล้ว ” ร่างบางพูดติดตลก
“อะไรนะ!!!” สองเสียงอุทานพร้อมกัน แต่ความรู้สึกต่างกัน
สำหรับบอล รู้สึกขนลุกซู่ถ้าหากจะต้องไปชอบคนกะล่อนแบบรุ่นพี่ทันตะแพทย์ แต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องพิลึกนิดๆแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะพักหลังมานี้ เขารู้สึกอยากแกล้งคุณชายมากกว่าเต้ยเสียอีก ขึ้นอยู่กับพ่อคุณชายผิวเข้มแล้วล่ะว่ารู้สึกกับเขายังไง จะแข็งข้อไปได้สักกี่น้ำกันเชียว
ก่อนอื่น ขอโทษ พอดีเพลิดเพลินกับการตามอ่านนิยายจบแล้วอยู่ อิอิ ขอบคุณ คุณ nuttzier ที่ดึงสติให้ผู้แต่งกลับมาอัพต่อได้
มีใครคิดว่า อิทธิพล ต้องเจอหนักกว่านี้บ้าง หรือว่ายังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไป อิอิ
แต่ว่าแชมป์บอลเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากจริงๆในตอนนี้ ขอบคุณที่ชอบคู่รองน้า อย่าโกรธกันเลยตัวเอง จุ๊บๆ