EP 7
แผ่นหลังกว้างแนบพิงไปกับประตูยามทรุดลงนั่ง ขายาวทั้งสองข้างของปกรณ์ยืดออกไปด้านหน้า เขาหอบหายใจก่อนจะผ่อนลมหายใจเข้าออกและพยายามปรับให้มันเป็นปกติ ทว่าฝ่ามือใหญ่ของตัวเองนั้นกำลังขยับถี่อยู่กับส่วนกลางลำตัว...
ใบหน้าหล่อกำลังเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขาส่งเสียงทุ้มดังอู้อี้จับใจความไม่ได้ ก่อนที่สุดท้ายแล้วเขาก็เกร็งตัวปลดปล่อยความต้องการออกมา
“อึก...แฮ่กๆ”
ปกรณ์ยังคงหายใจหนักๆ อกกว้างนั้นขยับขึ้นลงช้าๆคล้ายต้องการที่จะผ่อนคลาย เขาเงยหน้าพิงศีรษะเข้ากับประตูอย่างอ่อนแรงและอ่อนใจกับตัวเอง ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเขาจะต้องมาแอบดูคนกำลังมีอะไรกันแล้วสำเร็จมันด้วยตนเองแบบนี้
ผิวเนื้อเนียนขาวที่สะท้อนแสงจันทร์ยามกอดก่ายกันและกัน ใบหน้าหวานกับดวงตาปรือปรอยยั่วเย้า ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อที่ผลัดกันป้อนจูบ แล้วไหนจะเสียงครางกระเส่าแบบนั้นอีก ร้อยทั้งร้อยก็ต้องตกม้าตายแบบเขา ไอ้ครั้นจะเข้าไปร่วมด้วยก็กลัวว่าสายฟ้าจะหลบหน้ากันไปอีกแบบคราวที่แล้ว เขาจึงเลือกที่จะยืนมองจากตรงนี้...ตรงที่สามารถเห็นการกระทำที่น่ารักของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน
ทิวหมอกของเขางดงามไปทั่วทั้งวงหน้าและเรือนร่าง ท่าทางที่ใจดี ใจเย็นและอ่อนหวานแบบนั้นแม้กระทั่งบนเตียงคนน่ารักก็ทำได้ไม่เคยบกพร่อง ทิวหมอกไม่เคยรู้ตัวหรอกว่าตัวเองออดอ้อนได้เก่งแค่ไหน และสามารถยั่วเขาได้จนหัวปั่นไปหมด...ยิ่งได้รักก็ยิ่งหลง ผิดกับลักษณะนิสัยของเด็กน้อยอีกคน
สายฟ้าแทบจะแตกต่างกับทิวหมอกอย่างสิ้นเชิง ทั้งขี้โวยวายและใจร้อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปกรณ์มองว่ามันไม่น่ารัก...ทุกอย่างที่สายฟ้าทำหรือแสดงออกกลับสามารถสะกดสายตาเขาให้เอาแต่จ้องมอง เขาสามารถยิ้มในเวลาที่เครียดได้ หรือแม้กระทั่งหัวเราะในตอนที่หงุดหงิดสุดๆ เขาไม่รู้ว่าสายฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างมาจากอะไร แล้วทำไมถึงทำให้เขารู้สึกเอ็นดูได้มากขนาดนี้
ปกรณ์ไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนเป็นเรื่องแปลก...เขาก็แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข ซึ่งมันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่เชื่อได้เลยว่าเขามีความสุขและเขาสามารถทำให้ทั้งสองคนมีความสุขได้เช่นกัน...
ร่างสูงจัดการกับคราบคาวของตัวเอง เขาลุกขึ้นมองบานประตูตรงหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะเสยผมลวกๆแล้วเดินเข้าอีกห้องไป ถึงอย่างไรวันนี้เจ้าเด็กขี้โมโหก็คงจะนอนอยู่กับทิวหมอก ไม่มีเวลามาโวยวายใส่เขาที่บังอาจยึดเตียงนอนกับหมอนนุ่มๆของเจ้าตัวไปหรอก อีกอย่างเขาก็รู้สึกหนักๆที่หัวชอบกล ถ้าได้พักผ่อนสักหน่อยก็คงจะดี
***
แสงแดดแผดเผาทะลุผ่านม่านหน้าต่างแม้ว่าภายในห้องจะเปิดเครื่องปรับอากาศก็ตาม ไอความร้อนจากภายนอกกระจกใสสามารถปลุกคนขี้เซาให้รู้สึกตัวตื่นได้ไม่ยาก สายฟ้าหรี่ตาลงเพื่อปรับภาพเบื้องหน้าแล้วก็ต้องเพ่งมองนาฬิกาตรงผนังห้องเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นกำลังจะเลยจากเลข 12 มาเป็นเลข 1 แล้ว
“อื้ดดดด โอ้ยยยยย”
ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งแช่อยู่บนเตียงนอน เขาบิดขี้เกียจ บิดลำตัวจนกระดูกลั่นแล้วส่งเสียงครางออกมาอย่างเต็มที่ ผ้าปูที่นอนสีเหลืองอ่อนแบบนี้ไม่ใช่ของเขา แน่นอนว่ามันเป็นของพี่ชายคนน่ารักที่หายตัวไปจากห้องนอนแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆให้กับความทรงจำเมื่อคืนก่อนจะรวบเอาผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ขึ้นมากอดแน่นอีกครั้งด้วยใบหน้าเพ้อฝัน
“หมอกนี่น่ารักชะมัดเลย”
แค่คิดถึงใบหน้าหวานกับท่าทางน่ารักๆแบบเมื่อคืน เด็กหนุ่มก็เกิดอาการหน้าแดงหูแดงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ...สายฟ้านั่งสงบจิตสงบใจตัวเองอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจลงมาจากเตียง เขามีเสื้อยืดย้วยๆของทิวหมอกใส่ติดกายพร้อมกับกางเกงบอลยางยืดอีกตัว ก่อนจะตัดสินใจกลับไปที่ห้องของตัวเองที่ปล่อยร้างมาร่วมสัปดาห์
หากแต่เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้เปิดประตูออก กระดาษโน้ตสีชมพูกลับแปะอยู่ในระดับสายตาให้เขาได้เห็น ก่อนจะดึงมันออกมาอ่านพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบานเต็มใบหน้า
‘เราไปช่วยออยทำขนมเค้ก เย็นๆจะรีบกลับมา ถ้าฟ้าหิวก็อุ่นข้าวผัดที่เราทำไว้ให้ในตู้เย็นกินก่อนนะ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง เราสบายดีเพราะเราแข็งแรง <3’
ข้อความประโยคสั้นๆแต่กลับทำให้คนเป็นน้องยิ้มแล้วยิ้มอีก อารมณ์ดีขึ้นมาอีกสิบเท่าก่อนจะฮัมเพลงเดินกลับไปห้องตัวเองในที่สุด...
สายฟ้าเปิดประตูห้องออกตามความเคยชิน เพียงแต่คราวนี้ห้องที่เขาควรจะเป็นเจ้าของกลับถูกยึดครองโดยใครก็ไม่รู้ที่ขดตัวกลมมุดอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา สิ่งที่เห็นมีเพียงแค่กลุ่มผมสีน้ำตาลโผล่ออกมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพอจะนึกออกว่าใครเป็นผู้บุกรุก
“ไอ้พี่ปกรณ์! เฮ้!”
เด็กหนุ่มมองก้อนกลมๆบนเตียงนอนแล้วก็ต้องถอนหายใจ บุคคลลึกลับที่ขดตัวอยู่ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ขยับไปไหนคล้ายกับเสียงที่เรียกเมื่อสักครู่ไม่ได้ผ่านเข้าสู่โสตประสาทเขาเลยสักนิด
“พี่กรตื่น! มานอนห้องเราได้ไง ลุกนะเว้ย”
“Zzz...”
ไร้สัญญาณตอบรับและมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเท่านั้นตอบกลับมา สายฟ้าคิดว่าช่วงเวลาที่อารมณ์ดีเมื่อสักครู่ของเขากำลังถูกบั่นทอนลงเรื่อยๆเมื่อเรียกเท่าไหร่คนแก่กว่าก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับรู้เลยสักนิด
“ไอ้พี่ปกรณ์!!!! ตื่น! สิ! โว้ย!!”
เด็กหนุ่มตัดสินใจตะโกนสุดเสียงพร้อมกับกระโจนขึ้นไปบนที่นอน สายฟ้าตะตบก้อนกลมๆนั้นผ่านผ้าห่มก่อนจะตะเกียกตะกายตัวเองคร่อมทับปกรณ์เอาไว้พร้อมทั้งกระชากผ้าห่มลง...เขาเห็นปกรณ์ที่กำลังขมวดคิ้วแน่น และไหนจะริมฝีปากบางที่เผยอออกรับอากาศ ใบหน้าหล่อตอนนี้ซีดเซียวจนเด็กหนุ่มต้องตกใจ
“เฮ้ย...พี่กร”
“อื้มม”
เสียงครางต่ำเรียกให้ฝ่ามือเล็กยื่นไปแตะแก้มสากเพื่อเรียกสติ แต่ก็ต้องชักมือออกเมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายตัวรุมๆอย่างคนเป็นไข้ แม้ว่าจะไม่ได้ร้อนจัดจนน่าใจหายแต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กขี้โมโหคลายความกังวลใจลงไปได้
“พี่กรตื่นก่อน...ตื่นดิ ได้ยินเสียงเราไหม...อย่าเพิ่งตายนะเว้ย”
สายฟ้าขยี้หัวตัวเองอย่างลนลานก่อนจะรีบคลานลงมาจากเตียง เด็กหนุ่มเดินวนไปรอบๆห้องหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเท่าที่จะหาได้ ก่อนจะนั่งแหมะลงบนเตียงข้างๆคนตัวโตที่ยังนอนขมวดคิ้วอยู่
“อย่ามาตายในห้องฟ้านะ”
“...พี่...ไม่ตายง่ายๆหรอก”
ปกรณ์ค่อยๆปรือตาขึ้นมองหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังตั้งใจใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดใบหน้าของเขาอยู่ ความจริงเขารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่สายฟ้ากระโดดทับแล้ว เพียงแต่เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนไม่สามารถเปิดขึ้นได้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย จนกระทั่งได้รับสัมผัสความเย็นจากผ้าขนหนูที่เจ้าตัวกำลังเช็ดหน้าเขาให้นี่ล่ะ ถึงพอจะกระตุ้นร่างกายให้ตื่นเต็มตาได้มากยิ่งขึ้น
“โหย ตื่นขึ้นมาแล้วเถียงเราเลยนะ...ป่วยจริงป่ะเนี่ย”
“ถ้าไม่จริงจะเลิกห่วงพี่หรือไง”
ปกรณ์จับข้อมือเล็กให้หยุด ก่อนจะมองดวงตากลมโตของเด็กตรงหน้าที่พยายามเสมองออกไปทางอื่นแล้วก็เผลอยกยิ้มมุมปากเมื่อสายฟ้ารีบชักมือออกจากการจับกุมของเขา
“ใครเขาห่วงกัน...หลงตัวเอง”
สายฟ้าเบะปากก่อนจะพับผ้าขนหนูเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วแปะลงบนหน้าผากของร่างสูงเอาไว้ ท่าทางของปกรณ์ดีขึ้นกว่าตอนแรกที่เขาเห็น แสดงว่าคงไม่ได้ป่วยหนักอะไร แต่ถ้าได้กินข้าวกินยาก็คงจะหายได้ไวยิ่งขึ้น เมื่อคิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนมองคนป่วยที่กำลังมองหน้าเขายิ้มๆอยู่ เท่านั้นปากก็ไปไวกว่าสมองอีกจนได้
“ยิ้มไร นี่ป่วยหรือเป็นบ้าเนี่ย”
“เอ้า ก็พี่ดีใจมีคนเป็นห่วง...ก็ต้องยิ้มสิ”
ว่าจบปกรณ์ก็ระบายยิ้มหล่อที่ดูอิดโรยนิดหน่อยก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้เด็กหนุ่มทำหน้าแหยแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที แต่สายฟ้าก็ยังไม่วายตะโกนเสียงดังลอดผ่านประตูมาให้ได้ยินว่าเจ้าตัวจะไปอุ่นข้าวกับเอายามาให้กิน เขาจะได้รีบหลับๆไปอีกครั้งเสียที
***
สายฟ้าหายไปอาบน้ำที่ห้องของทิวหมอกอีกครั้งก่อนจะออกมาด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ กลุ่มผมที่เปียกชื้นนิดหน่อยถูกมือเล็กปาดเสยขึ้นไปลวกๆพลางเดินถลกแขนเสื้อเข้าไปในครัว ข้าวผัดที่ทิวหมอกทำไว้อยู่ในกล่องถูกเด็กหนุ่มยัดเข้าใส่ไมโครเวฟทั้งอย่างนั้น ก่อนตัวเองจะเดินไปที่ตู้ยาเพื่อหายาให้คนป่วย
เด็กหนุ่มจัดการวางกล่องข้าวผัดที่เพิ่งอุ่นเสร็จไว้บนถาด ตามด้วยแก้วน้ำและยาลดไข้ที่คิดว่าใช้ได้สองเม็ด เขาเดินไปเตะประตูให้เปิดออกเพื่อเข้าไปในห้องของตัวเองที่ถูกปกรณ์ยึดครองอีกครั้ง...สายฟ้าคิดว่าไอ้พี่ปกรณ์นี่ต้องเป็นประเภทที่ป่วยแล้วไม่เจียมสังขารแน่ๆเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวโตกำลังนอนเปลือยท่อนบนท้าลมของเครื่องปรับอากาศทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีเสื้อยืดใส่ติดตัวอยู่
“ใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ ตัวเองป่วยอยู่ยังจะมาถอดเสื้อนอนอีก”
“พี่ร้อน...เสื้อตัวนั้นมีแต่เหงื่อ”
“งั้นใส่ตัวใหม่...ยังไงก็ต้องใส่เสื้อ! อย่ามาเถียงฟ้านะ”
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มทำหน้าตาขึงขัง ปกรณ์ก็ไม่นึกอยากต่อความยาวสาวความยืด เขาได้แต่พยักหน้าแกนๆแล้วตอบครับๆให้เด็กหนุ่มพอใจก่อนจะยื่นเสื้อตัวใหม่มาให้เขาใส่...สงครามน้ำลายสงบลงทันทีเมื่อสายฟ้ายื่นข้าวผัดมาให้ เจ้าตัวคะยั้นคะยอเมื่อปกรณ์ไม่ยอมรับไปถือเองสักที คนขี้โมโหจึงเป็นฝ่ายตักข้าวให้แล้วยื่นช้อนจ่อไปที่ปากแทน
“กินดิ หมอกทำไว้ให้อ่ะ”
“แล้วฟ้ากินยัง”
“ยัง...แต่เราไม่เป็นไร นายไม่สบาย...กินดิ กินข้าวแล้วจะได้กินยา”
“งั้นก็กินด้วยกันนี่ล่ะ พี่ไม่ค่อยหิว”
สายฟ้าไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขาป้อนข้าวปกรณ์หนึ่งคำ แล้วก็ตักเข้าปากตัวเองอีกหนึ่งคำ พวกเขาสองคนกินข้าวสลับกันไปเคล้ากับเสียงหัวเราะของปกรณ์บ้าง เสียงโวยวายของสายฟ้าบ้าง แต่สุดท้ายข้าวผัดในกล่องก็หมดลงอย่างน่าดีใจ...สายฟ้าส่งยาลดไข้ให้คนป่วยซึ่งปกรณ์ก็ไม่ได้อิดออด เขากลืนยาลงคอแล้วรับแก้วน้ำจากเด็กหนุ่มดื่มตามลงไป
“นอนพักไปแล้วกัน เราให้ยืมห้องก่อนก็ได้”
สายฟ้าพูดแบบใจกว้าง ก่อนจะตั้งใจเก็บภาชนะทั้งหลายออกไป ทว่า...คนป่วยกลับรั้งแขนเด็กหนุ่มเอาไว้ให้ได้แต่เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
“นอนด้วยกัน...เอ้ย! อยู่ด้วยกันก่อนสิ”
“ทำไมอ่ะ โตขนาดนี้แล้วยังต้องมีคนกล่อมอีกหรอ”
เด็กหนุ่มพูดติดจะขำแต่ก็ยอมวางถาดในมือลงแล้วทิ้งตัวนั่งบนเตียงนุ่มข้างๆคนป่วย น่าแปลกที่ปกรณ์ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้ และสายฟ้าก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจ พวกเขายังคงรู้สึกสบายๆต่อกันและนั่นทำให้สายฟ้ายอมทิ้งตัวลงนอนข้างๆปกรณ์ในที่สุด
“ขยับมาสิ”
ปกรณ์วาดแขนออกรั้งร่างเล็กของเด็กตรงหน้าเข้ามาใกล้ ไออุ่นจากร่างกายของคนป่วยพาให้สายฟ้าเผลอขยับเข้าใกล้จนสามารถหนุนอยู่บนหมอนใบเดียวกันได้ พวกเขากำลังนอนมองหน้ากัน ดวงตาของเขาทั้งคู่สบประสานกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่สุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน
“เราขอโทษนะ”
“เรื่องอะไรครับ?”
“เรารู้ว่าพี่กรรู้...แล้วเราก็รู้ว่าเราไม่ควรทำแบบนั้นกับหมอก...แต่...แต่เราทำไปแล้วอ่ะ เราผิดเอง”
ดวงตาหวานหลุบลงก่อนจะเสตาหลบหนี ยิ่งดวงตาของปกรณ์ที่มองมาอ่อนแสงลงมากเท่าไหร่เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น สายฟ้ารู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นเด็กไม่ดี แค่มีสัมพันธ์กับพี่ชายแท้ๆก็ว่าผิดแล้ว ซ้ำยังต้องมารู้สึกผิดกับปกรณ์อีก ทั้งๆที่เขาแคร์ปกรณ์มาก แต่ก็กลับเลือกให้ตัวเองมีความสุขโดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ
“มันไม่ใช่ความผิดของสายฟ้าหรอก แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของหมอก...พี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้เราเข้าใจ แต่รู้ไว้ว่าพี่ไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนั้น”
“แต่เรารักหมอกนะ...รักมากกว่าพี่ชาย”
“พี่ก็รักเรา เอ็นดูเรามากกว่าน้องชายของแฟนเหมือนกัน”
“เฮ้! แบบนี้ไม่ได้ดิ นายเป็นแฟนหมอกนะ”
“แฟนก็รัก...น้องชายแฟนก็รักเหมือนกันไงครับ”
เด็กหนุ่มอมลมเอาไว้เต็มแก้มก่อนจะถูกรั้งตัวเข้าไปจมอยู่กับอกกว้าง ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดบริเวณหน้าผากแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว...สายฟ้าไม่อยากปฏิเสธว่ามันรู้สึกดีเอามากๆที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรความรู้สึกไม่สบายใจก็ยังคงสุมอยู่ไม่หายไปไหน
“แต่เรากลัวหมอกกับนายจะเลิกกัน”
“ไม่มีใครเลิกกับใครทั้งนั้นแหละ!”เสียงหวานของบุคคลที่สามดังขึ้นก่อนที่ร่างของทิวหมอกจะเดินเข้ามา ร่างบางโน้มตัวลงแตะหน้าผากของคนป่วยที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง...ปกรณ์เป็นฝ่ายส่งข้อความไปบอกทิวหมอกเองว่าเขาไม่สบายและอยู่ที่นี่ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสายฟ้าจะสามารถช่วยหายามาให้กินได้หรือเปล่า เขาจึงส่งข้อความไปบอกทิวหมอกเองว่าให้หาซื้อยาเข้ามาให้ด้วย
“เลิกกังวลได้แล้วนะ เรากับกรรักฟ้ามากนะรู้เปล่า”
คนเป็นพี่ส่งยิ้มหวานออกมาอย่างจริงใจให้กับเด็กน้อยที่น้ำตาคลออยู่กับอกของปกรณ์ เด็กหนุ่มสูดจมูกเข้าเร็วๆเมื่อกลัวว่าทำนบน้ำตาจะทำลายความแมนของตัวเอง แต่มันก็อดไม่ได้เมื่อเสียงของปกรณ์กลับทำให้สายฟ้ายิ่งมุดหน้าลงกับอกของคนป่วยเพื่อซ่อนความร้อนผ่าวที่กระบอกตาไว้
“พวกเรารักกันได้...พระเจ้าไม่ได้กำหนดสักหน่อยว่าคนรักกันจะต้องมีแค่สองคนเท่านั้น พวกเราไม่ได้เล่นชู้นี่ แต่มันคือความเต็มใจของพี่กับหมอก...อย่าเพิ่งกลัวอะไรเลย ความรักเป็นสิ่งที่ดีนะครับ พวกเราจะเติบโตไปพร้อมกับมันแบบนี้ดีไหม หื้ม?”
ทิวหมอกยิ้มให้กับคำพูดนั้นของคนรัก ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายจุมพิตลงกับริมฝีปากสีซีดของคนป่วย ซึ่งแน่นอนว่าทิวหมอกไม่ได้ลืมที่จะกดจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มของสายฟ้าด้วย
“ฟ้าเข้าใจแล้ว”
ปกรณ์ยิ้มให้กับเจ้าเด็กขี้โมโหในอ้อมกอดที่พยักหน้ารับกับคำพูดเหล่านั้น เขากดจูบลงบนหน้าผากมนด้วยความเอ็นดู เช่นเดียวกับที่ทิวหมอกสอดตัวเข้ามาอยู่ในผ้าห่มผืนนั้นด้วยกัน ก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนกอดรัดกันแน่นพร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะออกมา...
“แต่หมอกเป็นของฟ้าแล้วนะ นายห้ามมารังแก”
“งั้นพี่ก็รังแกเราแทนแล้วกัน”
ทิวหมอกยิ้มจนตาหยีเมื่อปกรณ์ตั้งใจพลิกตัวคร่อมทับสายฟ้าเอาไว้ เสื้อยืดย้วยๆของเด็กหนุ่มเลิกขึ้นเผยรอยรักสีแดงตรงหน้าท้องที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของทิวหมอกเมื่อคืน โดยที่ปกรณ์ก็จงใจแนบจูบร้อนๆไปที่รอยนั้น ซ้ำยังฝังรอยเขี้ยวเอาไว้ให้สายฟ้าได้แต่ดิ้นโวยวาย
พวกเขานอนเล่นกันอยู่บนเตียงนั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปกรณ์ที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ก็ค่อยๆขยับกายโอบกอดสองพี่น้องเอาไว้ ไออุ่นที่ส่งผ่านให้แก่กันมันยิ่งทำให้หัวใจพองโตได้อย่างน่าประหลาด
พวกเขาคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันสักนิดกับจำนวนคนที่แตกต่างจากคู่รักคู่อื่นๆทั่วไป ทว่า...จำนวนของความสุขต่างหากที่ควรค่าแก่การนับเก็บเอาไว้
ตราบใดที่ความรักของพวกเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน...มันก็จะยังคงเป็นความรักที่ดี
END
ขอลง2ตอนรวดจบเลยนะคะ
เพราะว่าคอมเราไม่ไหวแล้ว จะพาไปซ่อมโดยด่วน
แล้วจะเอาตอนพิเศษอีก 2 ตอนมาลงให้หลังจากนี้น้า