เหนือมนุษย์ อวสาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหนือมนุษย์ อวสาน  (อ่าน 23571 ครั้ง)

ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
«ตอบ #30 เมื่อ30-08-2016 14:46:21 »

ตายแล้ว สัตรู ความรัก ก็มาอีกคน 5555 เคลียร์กันให้หมดล่ะ คาดอส #ทีมคาดอส

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
«ตอบ #31 เมื่อ30-08-2016 15:47:43 »

ตอนที่ 14



           ขั้นตอนการเข้ารับตรวจดีเอ็นเอดำเนินไปจนจบ แต่เพราะผลการตรวจดีเอ็นเอต้องใช้เวลาพอสมควร หนุ่มตี๋จึงต้องพาพิคเจอร์กลับมายังที่พักก่อน ระหว่างเดินทางกลับ ฟ่านหยางเฟยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ร่างเล็กกว่าที่นั่งอยู่ด้านข้างชำเลืองมองมาหลายครั้งเป็นพักๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้


“คุณหยางเฟย! คุณไม่สบายใจใช่ไหม?”


“ทำไมคุณถามแบบนั้น” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ


“ก็...ผมเห็นคุณทำสีหน้าอมทุกข์แบบนี้ตั้งแต่รอเจาะเลือดที่โรงพยาบาลแล้ว”


“ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงเลยนะ” หยางเฟยเปรยบอกเบาๆ พร้อมกับฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ


“สรุปคุณจะบอกผมได้รึยังครับว่าเราตรวจดีเอ็นเอกันไปทำไม?”


“แล้วคุณคิดว่า การตรวจดีเอ็นเอเขาตรวจไปเพื่ออะไรล่ะ?” ฟ่านหยางเฟยย้อนถาม มันอาจจะดีกว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ด้วยตัวเองโดยที่เขาไม่ต้องปริปากบอก เพราะเขาก็กำลังทำใจหนักอยู่เหมือนกัน


“ก็...ส่วนใหญ่ตรวจหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาจจะมีตรวจเพื่อตามจับคนร้ายในคดีอาชยากรรม ฆาตกรรมบ้าง”



              ประมุขเสือแดงหันไปจ้องมองพร้อมตั้งตาฟังความเข้าใจของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ หัวใจของเขาตอนนี้มันเต้นตุ๊บตุ๊บ สั่นดังไปทั่วเรือนร่างแล้ว


“เดาได้รึยัง?”


“จะให้ผมเดาแบบไหนล่ะครับ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้ตรงเงื่อนไขที่พูดมาเลย”


“เราตรวจไปเพื่อ...ความสัมพันธ์ทางสายเลือด พิคเจอร์!”


       สุดท้ายเขาก็ต้องตัดสินใจบอกไป พิคเจอร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เรื่องส่วนตัวที่หยางเฟยเคยเล่าให้เขาฟังที่เซี่ยงไฮ้กำลังวนกลับมา และมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ


“คุณคงไม่ได้คิดว่าผมเป็นน้องชายของคุณที่หายไป 20 ปีหรอกใช่ไหม?” หยางเฟยปิดเปลือกตาลงช้าๆ


“ผมยังตอบอะไรคุณไม่ได้หรอกนะพิคเจอร์ ทุกอย่างต้องรอผลการตรวจซะก่อน”


“ฮึก ฮึก ฮือออ...ต้องไม่ใช่สิ ต้องไม่ใช่พี่น้องกันสิ ฮือออออ”



                  เสียงสะอึกสะอื้นนั้นกำลังดังขึ้น  เป็นครั้งแรกที่ฟ่านหยางเฟยได้ยินได้เห็นได้สัมผัส น้ำตาของพิคเจอร์ หนุ่มชาวไทยอันเป็นที่รัก แต่จะให้เขาทำยังไงได้ มันไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้องพิสูจน์คำพูดของคาดอสให้แน่ชัด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงแต่เพื่อความสบายใจในอนาคต เขาจำเป็นต้องทำ



              ความเจ็บปวดตอนนี้กำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างขาวใหญ่  เขาก็ไม่ต่างอะไรกับร่างบางที่ร้องไห้ฟูมฟายหรอกนะ แต่เพราะเขาเป็นผู้นำเสือแดงความเสียใจแค่นี้จะมาทำให้หวั่นไหวจนต้องร้องไห้ออกมาต่อหน้าพิคเจอร์ไม่ได้



“ฟังนะพิคเจอร์ ไม่ว่าผลตรวจจะเป็นยังไง ให้คุณรู้เอาไว้ว่า...คุณคือคนสำคัญในชีวิตผม”



           หยางเฟยพูดพร้อมกับดึงผ้าเช็ดหน้าสีดำจากกระเป๋าเสื้อสูทมาซับน้ำตาให้อีกฝ่าย พิคเจอร์ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือดึงร่างบางมาโอบไว้เพื่อคลายความเศร้านี้


“แต่ผมรักคุณนะ ฮึก ฮึก หยางเฟย ฮืออออ”


“เราจะรักกัน ถ้าผลออกมานั้นไม่ใช่อย่างที่ผมคิดพิคเจอร์”


“แล้วถ้า ฮือออ  ผลมันใช่ล่ะ! ฮึก ฮึก”


“คุณก็จะเป็นน้องชายที่พี่รักที่สุดในชีวิตไงครับ” หยางเฟยพูดอย่างอ่อนโยน พร้อมกับซับตาอีกฝ่าย


“แต่ผมต้องการความรักแบบไม่ใช่พี่น้อง!!!” พิคเจอร์ร้องไห้ฟูมฟาย เหมือนสติหลุด เจียนเหมิงที่นั่งขับรถด้านหน้าได้แต่มองผ่านกระจกหลังดูเจ้านายกับนายน้อย ช่างเป็นภาพที่หดหู่จริงๆ


“พิคเจอร์...ไม่มีพี่น้องคนไหนเขารักกันแบบที่คุณต้องการได้หรอกนะ”


“ทำไม...ฮือ ฮือ...ทำไมเป็นแบบนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งผม ฮึก ฮึก”


“ถึงที่พักแล้วพิคเจอร์ ผมจะพาคุณขึ้นไปส่งบนห้องนะ”



           ร่างบางไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จนหยางเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วช้อนตัวอีกฝ่ายอุ้มออกจากรถ คนแถวนั้นหลายชีวิตหันมามองกรูเป็นตาเดียว ซึ่งมันก็คงจะแปลกดี ที่เห็นร่างสูงใหญ่ผิวขาวหน้าตี๋ดูดีทุกมุมทุกองศาคนนี้กำลังช้อนอุ้มผู้ชายร่างบางอีกคนไว้ในวงแขนกำยำ



          พิคเจอร์เอาแต่สะอึกสะอื้น หันหน้าร้องไห้มุดเข้าหน้าอกหยางเฟย คราบน้ำตาซึมซับเข้าไปในชุดสูทสีเทาจนสังเกตเห็นรอยเปียกชื้นนั้นได้ชัดเจน


         พอมาถึงหน้าห้องกลับผิดคลาด เพื่อนสนิทของเจ้าของห้องไม่อยู่ แถมล็อคกุญแจเอาไว้เสียด้วย


“พิค! กุญแจห้องคุณอยู่ไหน?”


“ในกระเป๋า ฮึก ฮึก กางเกง” ตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


    อินจือพยักหน้ารับทราบ ทำหน้าที่ล้วงมือค้นหากุญแจตามที่บอก ไม่นานก็ได้สิ่งนั้นมา ประตูห้องถูกไขเข้าไป ร่างสูงอุ้มอีกคนจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่เตียง แล้วค่อยๆวางร่างนั้นลงอย่างเบามือ  แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดคอฟ่านหยางเฟยเอาไว้



“พิค! อย่างอแงสิครับ ปล่อยมือได้แล้วนะ” หยางเฟยเปรยอย่างอ่อนโยนและมันได้ผลดีอีกฝ่ายค่อยๆคลายมือออก


“ผมรักคุณนะฟ่านหยางเฟย” พิคเจอร์ยังยืนยันความชัดเจนของหัวใจที่มีให้หนุ่มตี๋ไม่มีไหวเอน


“ฟังผมนะพิค!...ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง แต่ให้รู้ไว้ว่าชีวิตและร่างกายของคุณมีค่าที่สุดสำหรับผม”


“ครับ ฮึก ฮึก”


“ผมต้องกลับเซี่ยงไฮ้ก่อน ผมจะกลับมาอีกทีตอนที่ผลการตรวจเสร็จแล้ว คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”


“คุณหยางเฟย อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหมครับ?”


              คำอ้อนวอนขอด้วยน้ำตานั้นมันทำให้ประมุขเสือแดงทำใจลำบาก จริงๆเขามีนัดประชุมธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้เย็นนี้เสียด้วยสิ เห็นทีว่าจะทำตามความต้องร่างลางไม่ได้จริงๆ


“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้อินจืออยู่เป็นเพื่อนคุณ”


“งั้นไม่เป็นไรครับ เดินทางปลอดภัยนะ”

 
               พิคเจอร์ทำท่าทางผิดหวัง จะพูดให้ถูกคือกำลังงอนและน้อยใจต่างหาก พอเอ่ยอวยพรอีกฝ่ายเสร็จก็รีบพลิกตัวหันหน้าหนี พร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวแทน หยางเฟยมองภาพนั้นอย่างอ่อนใจแต่ก็คงต้องตัดใจ



              คนของเหลาสู่หงเซ่อทั้งหมดเดินออกจากห้อง ร่างสูงทำได้แค่เพียงทำใจและปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไป พิคเจอร์กำลังเจ็บปวด เขาเองก็ยิ่งปางตายไม่ต่างกัน แต่จะให้จะทำยังไงได้ในเมื่อความจริงยังไม่ปรากฏ
           


               ตอนนี้ทางเดียวที่ต้องทำและเป็นสิ่งถูกต้องที่สุดคือพยายามอยู่ห่างพิคเจอร์เอาไว้ ถ้าหาเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเขาเผลอทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับพิคเจอร์ขึ้นมา แล้วผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นพี่น้องกัน เมื่อนั้นเขาจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต



“เราจะทำยังไงกันต่อครับนาย” เจียนเหมิงเอ่ยถาม ในขณะที่กำลังเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ


“ก็คง...ต้องรอผลการตรวจอย่างเดียว”


“แล้วนายคิดว่าคาดอสจะหลอกเราไหมครับ?” อินจือถามต่อทันที


“ฉันว่าไม่! หมอนั่นฉันรู้จักนิสัยมันดี ฉันถึงต้องมาที่นี่เพื่อตรวจให้รู้ๆกันไป  แต่เหตุผลที่มันสืบเรื่องคดีครอบครัวของเราและเรื่องฟ่านหยางอี้ฉันพอเข้าใจ”

          ถึงจะไม่มีพลังงานวิเศษหรือกลยุทธ์ทางการต่อสู้ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นประมุขที่อ่านเกมคนเหล่านั้นออกได้ดีที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน

 
“เหตุผลหรอครับนาย?” จอมกระบี่ยังไม่เข้าใจพร้อมกับมองหยางเฟยผ่านกระจกหลัง


“ใช่! ถ้าผลการตรวจ พิคเจอร์กลายเป็นฟ่านหยางอี้จริงๆแล้วล่ะก็ มันจะเป็นคนแรกที่ดีใจ เพราะไม่มีใครเป็นมารหัวใจแข่งกับมัน
แล้วยังไงล่ะ!”



“อย่างนี้นี่เอง ถ้านายไม่บอกว่าคาดอสชอบพิคเจอร์ ผมดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันก็มีรสนิยมไม่ต่างอะไรกับพวกเรานัก” เจียนเหมิงแสยะยิ้ม


“พูดอย่างกับพวกนาย สองผัวเมีย ฉันจะดูออกอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ถูกจับได้เมื่อปีก่อนที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน... ”


“นายครับ อย่าพูดถึงอีกเลย วันนั้นผมจำต้องยอมเจียนเหมิงก็เท่านั้น” อินจือรีบพูดแทรกแก้ตัว


“แต่ฉันก็เห็นนะว่า นายตอบรับรอยจูบอันดูดดื่มของเจียนเหมิง อย่างชนิดที่ว่าถอนตัวไม่ขึ้นและดูไม่ออกเลยว่านายกำลังขัดขืนหรือไม่พอใจ” ฟ่านหยางเฟยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่ได้แซวคนสนิทของตัวเอง ส่วนเจ้าตัวตอนนี้หน้าแดงเท่าลูกตำลึงสุกไปเสียแล้ว


“บอสครับ ผมกับอินจือก็อยู่คบกันมาได้เกือบสองปีแล้ว จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากขอนายเรื่อง บุตร!!! น่ะครับ”


“เฮ้ย! เจียนเหมิงมาขอฉันแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จริงๆนายควรจะไปถามด๊อกเตอร์บารอนด้วยตัวเองจะดีกว่า ได้ข่าวแว่วๆว่า เขา
ทำงานวิจัยทำให้ผู้ชายท้องได้สำเร็จแล้วไม่ใช่รึไง!”


“ก็ใช่ครับ!  แต่ว่า...ผมไม่เคยเข้าไปคุยกับด๊อกเตอร์เป็นการส่วนตัวซักครั้งเลยนะครับ ”


“โอเคๆ เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะถามไถ่ให้แล้วกัน เฮ้อสุดท้ายลูกน้องของฉันก็จะมีลูกสืบนามสกุลก่อนซะนี่”


“นายท่านอย่างไปฟังเจียนเหมิงมากนะครับ เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่มีทางตั้งท้องแน่!”


“อ้าวอะไรกัน คนเป็นเมียก็ต้องตั้งท้องสิครับ” เจียนเหมิงหันไปยิ้มให้จอมอาวุธอาบยาพิษผู้หน้ามุ่ย


“เจียนเหมิง!” อินจือแยกเคี้ยวใส่คนขับรถที่ทำสีหน้าทะเล้น


“เอาล่ะๆ ไปคุยกันให้ดี ชีวิตน้อยๆที่จะเกิดมา มันมีค่ามากนะอย่าทำเล่น ทุกวันนี้ข่าวก็มีให้เห็น ทำแท้งบ้าง คลอดแล้วทิ้งลงถังขยะบ้าง คลอดแล้วฆ่าทิ้งบ้าง ฉันเห็นแล้วทุเรศคนเป็นพ่อแม่สิ้นดี”


“ครับนายท่าน!” สองคนเอ่ยขานรับอย่างหนักแน่น


             หวังว่าสักวันอาณาจักรเสือแดงจะมีเจ้าตัวน้อยวิ่งเล่นซุกซนพอให้ได้คลายความเครียดบ้าง ทั้งชีวิตของเขาสำหรับองค์กรแบบนี้นั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องฆ่าฟันกัน ก็ทำธุรกิจและสอดแนมความเคลื่อนไหวของศัตรูอยู่อย่างนี้ ถ้ามีเจ้าตัวเล็กให้ดูก็พอทำให้อารมณืดีขึ้นได้บ้าง





มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน



            ยามเย็นพลบค่ำเช่นนี้ ที่อาณาจักรอินทรีทอง คาดอสเคร่งครัดเรื่องนี้มาตลอด ถึงความสามัคคีการร่วมรับประทานข้าวร่วมกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติไม่ว่าที่พักทั้งในจีนและนอกประเทศ ห้องรับประทานอาหารจะถูกสั่งทำโต๊ะเซตใหญ่สำหรับให้ลูกน้องของเขาได้นั่งทานร่วมกัน


            และวันนี้พิเศษสุดคือด๊อกเตอร์บารอนได้เดินทางจากเวียดนามบินมาลงที่ปักกิ่งด้วยความตั้งใจ เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ แต่ในใจของคาดอสกลับรู้ดีว่า อีกฝ่ายไม่ได้มาเรื่องแค่นี้แน่นอน


             การทานอาหารดำเนินไปเรื่อยๆจนทุกคนอิ่มกันหมด คาดอสไม่รีรอที่จะเอ่ยปากถามชายร่างท้วมที่กำลังเอามือลูบท้องบวมตึงนั้นไปมา


“ด๊อกเตอร์มีอะไรอยากจะบอกผมไหม?”


“แหม หลานชาย ทำไมถามเซ้าซี้อย่างนี้”


“ด๊อกเตอร์ นี่ผมเกรงใจอยู่นะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะแอบอ่านใจอ่านความคิดด๊อกเตอร์เดี๋ยวนี้เลย”


“โถ่ พ่อคนหล่อโหด ก็ไม่มีอะไรหรอก งานวิจัยของลุงจบเรียบร้อยสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”


“ไม่น่าเชื่อ!” คาดอสยังแอบอึ้งอยู่ไม่น้อย


“นี่!!! ไม่เชื่อก็อย่าคิดดูถูกกันสิ พลังงานของหลานที่มีใช้อยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะฝีมือของลุงเองหรอกหรอ”


“มันก็ใช่ครับ แต่งานวิจัยที่ทำให้ผู้ชายท้องได้แบบนี้มันไม่ดีนะครับด๊อกเตอร์”


“ไม่ดียังไง นี่ลุงเตรียมการอนาคตให้หลานเลยนะ เห็นได้ข่าวแอบชอบพิคเจอร์ แล้วพิคเจอร์ก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายนั้นตั้งครรภ์ไม่ได้ ลุงไม่ยอมให้วิญญาณป๊ากับม๊าของหลานหัวเราะเยาะหรอก หลานต้องมีลูกสืบสกุลต่อไปเข้าใจไหม?”


“พูดได้ดีนะครับ” คาดอสยิ้มมุมปาก


“ว่าแต่ เรื่องความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้วล่ะ” ด๊อกเตอร์บารอนถามด้วยรอยยิ้ม


“ยังไม่คืบหน้าหรอกครับ ฮึ จะให้คืบหน้าได้ไง ในเมื่อเขาไมได้รักผม” คาดอสพูดอกมาอย่างไม่ลังเล ทั้งที่มีคนสนิททั้งสี่คนนั่งร่วมตะอยู่ด้วย


“เท่าที่ลุงรู้จักประมุขของอินทรีทองมา ทั้งป๊าละตัวหลานเองไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆไม่ใช่หรอ”


“แต่เรื่องความรักมันละเอียดอ่อน ผมไปบังคับใจใครให้รักผมไม่ได้หรอก”


“เฮ้อ ไม่ลองก็ไม่รู้ ถึงพิคเจอร์จะไม่ชอบหลานของลุง แต่ที่แน่ๆพิคเจอร์ก็ไม่มีทางรักกับฟ่านหยางเฟยพี่ชายของตัวเองแน่”


“ผมจะทำเท่าที่สิทธิ์ผมทำได้ ผมว่าเรื่องนี้เราหยุดเอาไว้ดีกว่า  สิ่งที่ผมวิตกอยู่ตอนนี้คือ เราจะเริ่มตามหา ถิ่นของเบญจพิษได้ยังไง?” คาดอสเอ่ยขึ้น


“บอสครับ แกริคมีพลังงานพิเศษมองเห็นอดีตปัจจุบันและอนาคต บางทีถ้าให้แกริคได้สัมผัสปลอกกระสุนปืนลองดู อาจจะได้เบาะแสเพิ่มก็ได้นะครับ”


“จริงด้วยสิ บอสครับให้แกริคลองดูสักครั้งก็ดีนะครับ” เรนเดลทำตาโตเหมือนเพิ่งคิดออก


         คาดอสครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้ไดนาดินนำของสิ่งนั้นที่เก็บเอาไว้อย่างดีมาให้คนสนิทผมสีบอร์นทองได้เห็น
         

         มือขาวสะอาดของแกริคนั้นแตะลงที่ปลอกกระสุนเบาๆ อดีตกาลที่เกี่ยวข้องกับปลอกกระสุนปืนนี้แล่นปี๊ดอย่างรวดเร็วเพียงไม่ถึงนาทีแกริคก็ได้คำตอบ พร้อมละมือออกจากสิ่งนั้น


“ว่าไงแกริค?” คาดอสเอ่ยถามอย่างลุ้นระทึก


“ปลอกกระสุนนี้ถูกนำมาวางเอาไว้ไม่ถึงเดือนเท่านั้นครับ แต่สภาพปลอกกระสุนที่ดูเหมือนเก่าแก่หลายปีอาจเป็นเพราะอายุจริงๆของปลอกกระสุน ส่วนคนที่นำมาวางไว้ในที่เกิดเหตุเป็นชายหรือหญิงผมบอกไม่ได้ เพราะเขาเอาผ้าปิดหน้า รู้แต่ว่าตัวบางไม่สูงนัก และที่สำคัญผมเห็นกำไลเงินที่เขาใส่ด้านขวามือด้วยนะ”


               กำไลเงิน! ไดนาดินขมวดคิ้วทันที ภาพเหตุการณ์บางอย่างที่ผ่านมาไม่กี่วันก่อนนั้น มันทำให้ถูกนำมาโยงกับคำพูดของแกริคเมื่อครู่อัตโนมัติ ทำไมทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องคนของเบญจพิษ  มันช่างตรงกับครั้งที่อยู่สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย 


               วันนั้นเขาซุ่มซ่ามเดินชนผู้ชายคนหนึ่งจนล้มลงไปกองที่พื้น ตัวเขาบอบบาง และใบหน้าเนียนใสน่ารักแถมตอนนั้นที่เขาเอื้อมมือเพื่อไปช่วยให้อีกฝ่ายลุกขึ้นจากพื้น ร่างบางกลับยื่นมือขวาส่งมาแทน และภาพที่เห็นและอยู่ในความทรงจำก็คือ...กำไลเงิน

 
               ชายหนุ่มผู้นั้น ผู้เป็นเพื่อนสนิทของพิคเจอร์  เขาคือ...ฟิน ผู้สวมใสกำไลเงิน  แต่เขาต้องเก็บข้อมูลเอาไว้ เขาไม่มั่นใจนักว่าจะใช่กำไลเดียวกันกับภาพที่แกริคเห็นในอดีตรึเปล่า เพราะฉะนั้นไดนาดินเองคิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...



:L2:


มาถึงจุดนี้ จุดที่ด๊อกเตอร์บารอนเพิ่มความน่ารักให้กับนิยายเรื่องนี้ไปอีก นั่นคือ งานวิจัยสำเร็จแล้ว เย้!!!  :katai2-1: :katai2-1:

เรื่องนี้พอเดาได้ไหมครับว่ามีกี่คู่ ลองเดาดูนะ   :hao7: :hao7:



:L1: :L1: :L1: :L1:


ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
«ตอบ #32 เมื่อ30-08-2016 17:57:59 »


:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
«ตอบ #33 เมื่อ30-08-2016 19:14:30 »

ยกด็อกเตอร์เป็นเทพเจ้าเลยค่ะ

ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
«ตอบ #34 เมื่อ30-08-2016 19:20:57 »

ทายไม่ถูกว่ามีกี่คู่ 555 แต่มีหลายๆคู่ ก็ดีนะ เวลาอ่าน ก็น่าอ่านไปอีกแบบด้วยค่ะ มาต่อนะค่ะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
«ตอบ #35 เมื่อ31-08-2016 12:32:58 »

ตอนที่ 15



           สามวันผ่านไป หนุ่มผิวขาวใสใบหน้าเนียนนั่งอมทุกข์อยู่นอกระเบียบห้องพัก วันนี้เขาต้องอยู่เฝ้าห้องคนเดียว เพราะ ฟิน เพื่อนสนิทต้องออกไปทำงานตามปกติ พิคเจอร์มองดูตึกแถว ชุมชนแน่นขนัดตรงหน้าตั้งแต่เช้า จวบจนตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว 



           ท้องฟ้าวันนี้ไม่สดใสเหมือนจิตใจคน กลุ่มเมฆบางสีเทาฉาบคลุมสีฟ้าอย่างที่เคยปรากฏอยู่ทุกวันจนมิด ความหนาวเย็นค่อยๆจางไป อุณหภูมิกลางวันกำลังเพิ่มสูงขึ้น  ฝูงนกพิราบบินมาเกาะอยู่จานดาวเทียมของตึกพาณิชตรงหน้าไม่ไกลนัก


            สีขนของมันดูเทา ธรรมดาไม่น่าดึงดูดใจ แต่ทว่าเวลาเศร้าแบบนี้แล้วได้จ้องมองมันเป็นเวลานานสองนานกลับรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มากทีเดียว เจ้านกที่ปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งในป่าและในเมืองหลวงแบบมัน หานกที่มีนิสัยคล้ายมันได้ยาก หากจะให้ลองนึกอีกชนิด เห็นทีคงไม่พ้น นกกระจอก...คุณว่าไหม



ครืดดดด ครืดดดดด



      เสียงโทรศัพท์สั่นดังบนโต๊ะพลาสติกในห้อง ทำให้ร่างบางได้สติ ละสายตาจากเหล่าวิหคตรงหน้า ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้อง หน้าจอปรากฏเบอร์แปลก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาฉงนใจ บางทีอาจจะเป็นคนติดต่อให้ไปรับงานสอนศิลปะพิเศษก็ได้


“สวัสดีครับ”


“ใช่คุณพิพัฒน์ รึเปล่าคะ?”


“ใช่ครับ!”


“คือว่านี่เป็นเบอร์จาก บริษัทอินทรีทอง นะคะ พอดีตำแหน่งหัวหน้าแผนกดีไซน์ตกแต่งบ้านและสถานที่ ย้ายอกไป แล้วทางเราได้ยินชื่อเสียงคุณเกี่ยวกับงานศิลปะ คุณพอจะว่างเข้ามาพบประธานบริษัทวันไหนได้บ้างคะ?”



           แปลกจริงๆ แทนที่จะหาคนที่จบจากสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมโดยตรง แต่ทำไมถึงได้ทาบทามมาที่เขา แล้วเธอผู้นี้ไปสรรหาเบอร์ติดต่อเขาได้จากที่ไหนกัน?  แต่...ช่างเถอะนะ


“วันนี้บ่ายก็ได้ครับ ผมขอที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อสำนักงานได้ไหมครับ” พิคเจอร์ไม่ปฏิเสธ บางทีตกลงไปลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรมากไม่ใช่หรอ


             จะว่าไปแล้วจริงๆตอนนี้เงินในบัญชีเริ่มร่อยหรอเรื่อยๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครทาบทามเชิญให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษเหมือน
เดิมเท่าไหร่นัก ภาพวาดตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาทำ เลยตัดสินใจยังไม่รับงานว่าจ้างให้วาดรูปตามที่ต้องการนั้นได้ แต่โอกาสมาแล้ว...ถ้าหากเขารับทำงานที่นี่มันน่าจะค่อนข้างมั่นคงพอสมควร


             ร่างบางรีบสละความทุกข์ใจแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวหันหน้าเข้าห้องน้ำไปทันที จะได้เตรียมตัวไปยังบริษัทดังกล่าว



             ผ่านไปราวสองชั่วโมง กว่าจะเดินทางไปถึงบริษัทอินทรีทองที่ว่านั่น...กินเวลามากพอสมควรและมันค่อนข้างอยู่ไกลจากที่พักและไม่ค่อยคุ้นชินทางเท่าไหร่นัก เพราะไม่ค่อยได้เข้ามาใจกลางมหานครแบบนี้บ่อยนัก 


          พอลงจากแท็กซี่ได้ บริษัทดังกล่าวก็ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าติดถนนหลัก สายด่วนซ้อนกันวุ่ยวายเสียงแตรรถเอย กลิ่นควันท่อไอเสียเอย ทุกอย่างดูชวนคลื่นไส้น่าปวดหัวที่สุดสำหรับพิคเจอร์  เขาละความสนใจจากสิ่งรอบกาย หันมาพิจารณาสำรวจตึกรูปทรงแปลกๆตรงหน้านี้ต่อ มันเหมือนกล่องทรงสี่เหลี่ยมแต่มีดีเทล ลวบลายรายล้อมตึก ออกแบบให้มันดูไม่เชยและมันสวยมาก แน่นอนว่ามันทั้งใหญ่และกว้างขวางมากจนตอนนี้ทำให้เขาชักหวั่นใจกับตำแหน่งที่ถูกเชิญชวนมาที่นี่แล้วสิ



          เขาชักจะไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน กับตึกใหญ่ขนาดนี้จะให้เขาเริ่มเดินไปตรงไหน  คิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกก็รีบควานหาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย โทรหาเลขาสาวเสียงหวานคนเดิม ไม่นานนักเธอก็กดรับ


“ผมมาถึงแล้วนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มเข้าไปที่ไหน ยังไงบ้าง?”


“ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าคุณเดินเข้ามาด้านในชั้นแรก ให้เดินตรงเข้าไปลึกๆเลย แล้วขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสอง จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย ไม่ไกลนักจะเห็นลิฟต์ 4 ตัวเรียงติดกันขวามือคุณ ให้คุณเลือกตัวแรกที่ใกล้คุณที่สุด แล้วกดขึ้นมาชั้นที่ 25 เลยค่ะ”



“อ่อ โอเคครับ ขอบคุณมาก ผมจะรีบไป”



          ร่างเล็กวางสายแล้วเดินเข้าไปตามทางที่บอกทันที พอรู้ทางทุกอย่างมันก็ดูง่ายและไม่ตกเป็นเป้าสายตาเหล่าพนักงานอื่นๆ จะว่าไปที่นี่มันเป็นบริษัทที่ใหญ่มากขนยืนยันอีกครั้ง แอร์เย็นฉ่ำ นี่ต้องเสียค่าไฟฟ้ามากขนาดไหนเชียวไม่อยากนึก



           แต่เอ๊ะ..พอร่างบางกวาดสายตามองไม่ว่าจะชำเลืองไปทางซ้ายหรือมองไปทางขวา กลับเห็นคนใส่สูทสีดำ กระจายอบู่เป็นจุดๆ บางสิ่งบางอย่างเหมือนกระตุ้นภาพความทรงจำที่ผ่านมาเหลือเกิน นึกไปนึกมามันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบทีเดียว   หวังว่าจะไม่ใช่องค์กรบ้าอำนาจปลิดชีวิตคนเป็นว่าเล่นหรอกนะ



           ติ้ง! เสียงลิฟต์ดัง พร้อมกับเลื่อนเปิดออก เพราะถึงชั้น 25 ตามที่เลขาสาวบอก จะว่าไปมุมนี้สูงใช้ได้เลยทีเดียว มองเห็นทัสนียภาพเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะยืนงงต่อจากนี้ กลับปรากฏใครบางคนเป็นตัวช่วยนำทาง โผล่มาหาเขาพอดี


“สวัสดีค่ะ คุณพิพัฒน์ ใช่ไหมคะ?” เธอถามเสียงหวานเป็นมิตร ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นเลขาประธานบริษัทแน่ สวยสูงหุ่นดีแบบนี้


“ใช่ครับ”


“ท่านประธานรออยู่ด้านในแล้วค่ะ!” เธอบอกพร้อมผายมือไปยังประตูที่ปิดสนิทด้านหลัง


“ครับ!”


          เลขาสาวเดินไปยังที่ทำงานของเธอหน้าประตูห้องเช่นเดิม ก่อนลงมือทำอะไรสักอย่างกับโทรศัพท์วางหูบนโต๊ะเธอ เสียงสนทนาของเธอเบามากจนพิคเจอร์ไม่มีทางได้ยิน



“ท่านประธานให้เข้าไปได้เลยค่ะ” เธอยิ้มหวานพร้อมกับผายมืออีกรอบ ร่างบางก้มหัวรับทราบนิดนิดก่อนจะเคาะที่ประตูบานใหญ่นั่น



ก๊อกๆๆๆๆ  แกร๊ก!!!


          ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป สิ่งแรกที่พิคเจอร์เห็นคือรูปปูนปั้นอินทรีทองตัวใหญ่  กำลังแผ่ปีกดวงตาสีแดงมองมาที่เขา ใครคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นประธานบริษัทนั่งบนเก้าอี้พนักพิงสูงใหญ่กำลังหันหลังให้เขา


“สวัสดีครับ”


“นั่งก่อนสิ” เสียงทุ้มนั้นเปรยบอก ทั้งๆที่ยังนั่งหันหลังให้ แต่ร่างเล็กก็ทำตามแต่โดยดี


...


“เห็นกระดาษนั่นไหม อ่านรายละเอียดซะ ถ้าคุณสนใจ ผมอยากให้คุณเซ็นต์ตกลงซะ”



     พิคเจอร์มองตามที่เขาบอก มันมีกระดาษสีขาวราวสามแผ่นวางบนโต๊ะ มือเรียวขาวหยิบมันขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจ ใช้เวลาพอสมควร ก่อนพิคเจอร์จะวางมันลงที่เดิม


“ผมไม่ขอตกลงแล้วกันนะครับ”


“ผมขอเหตุผล!!!” น้ำเสียงปนตกใจนั้นเปล่งออกมา



“คือ...ค่าตอบแทนเยอะเกินไปครับ”


“เดือนละหนึ่งแสนบาท ผมว่ามันพอดีกับตำแหน่งของคุณแล้วนะ พิพัฒน์”


“ผม...มีเรื่องอยากเรียนถามครับ”


“ว่ามา....”


“ทำไมคุณถึงได้ทาบทามผม จริงๆคนที่เก่งและจบสายงานนี้โดยตรงมีอีกมากมาย”


“เป็นคำถามที่ดี แต่รู้อะไรไหม ผมชอบอะไรที่ท้าทาย อีกอย่างคุณก็มีชื่อเสียงมากทีเดียวในด้านงานศิลป์ ถ้าได้คุณมาดำรงตำแหน่งนี้ผมคิดว่าธุรกิจดีไซน์ภาพตามผนังบ้าน หรือโทนสีต่างๆตามที่ลูกค้าต้องการ ผมว่าเงินหนึ่งแสนบาทมันยังน้อยไป” คำพูดอธิบายนั้นทำให้พิคเจอร์ยิ้มอ่อน



“แต่ผมยังไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน คุณอย่าวางใจผมมากนักเลยนะ”


“ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ผลงาน คุณจะลองทำงานดูซักหนึ่งเดือนก่อนไหมล่ะ...คุณพิพัฒน์!”



       พิคเจอร์ลังเล การตัดสินใจนี้จะไม่ลำบากเลยถ้าเขจบตรงกับที่บริษัทนี้ต้องการตัวเขา แต่เอาเถอะ ไม่ลองไม่รู้ ไหนๆโอกาสก็มาแล้ว ลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ในเมื่อประธานบริษัทเองก็ดูเหมือนอยากจะให้เขาตอบตกลงขนาดนั้น


“ตกลงครับ”


“ดี! เซ็นต์ลงใบสัญญาซะ พรุ่งนี้เริ่มทำงานวันแรก  ทำงานที่นี่ อย่าเลท! อย่าสาย! ตายได้อย่างเดียว!”


“ครับ”

 
         มันก็ไมได้แปลกอะไร เขาคิดว่าทุกบริษัทก็ต้องมีอุดมการณ์แบบนี้เหมือนกันหมดอยู่แล้ว พิคเจอร์หยิบปากกาที่วางข้างๆใบสัญญาฉบับนั้น ละเลงเขียนลายเซ็นตัวเองลงไปตรงช่องมุมขวาล่างใบสุดท้าย และไม่ลืมเขียนจำนวนเงินลงไปในช่องที่ว่างเอาไว้ พร้อมกับใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัยน์



“ผมเซ็นต์เสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ” พิคเจอร์บอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน


“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะ” ประธานหนุ่มเปรยบอก


“ครับผม สวัสดีครับ”


     ในใจของคนร่างเล็กอยากจะเห็นหน้าประธานบริษัทบ้าง แต่เขากลับนั่งหันหลังให้แบบนี้ แถมผนังพิงเก้าอี้ก็ใหญ่โตจนปิดตัวร่างใหญ่นั้นไปหมด แต่...ไม่มีอะไรที่คนอย่างเขาอยากรู้และไม่รู้



      ปัง! ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทดังกล่าวก็รีบหมุนเก้าอี้กลับมา

      แต่ทว่า กลับต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ยังคงอยู่ในห้อง...แสดงว่าเมื่อครู่ พิคเจอร์หลอกเขา แต่ช่วยไม่ได้เขาอ่านจิตใจและความคิดพิคเจอร์ไม่ได้อย่างแล้ว


 
“เป็นคุณจริงๆด้วย คุณคาดอส ”

          แววตาที่เหมือนกำลังสืบความจริงนั้น ดูมีความสุขปนอยู่อย่างกับได้ชัยชนะหลังจากที่ทายถูก คาดอสไม่ได้ตกใจแสดงออกบนสีหน้า แม้หัวใจจะใจเต้นรัวมากก็ตาม สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ...เก็บใบสัญญาฉบับนั้นที่อีกฝ่ายเซ็นต์เรียบร้อยเข้าลิ้นชักทันที



“ฮึ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆนะ”


“รูปปั้นอินทรีทอง ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้ามาเห็น มันไม่ต่างอะไรกับไอ้ตัวที่อยู่ในห้องนอนบ้านของคุณหรอกนะ”


“ฉลาดดี ความจำเป็นเลิศ พอรู้แบบนี้อยากลาจะออกไหมล่ะ?”


“ไม่ครับ! พอรู้ว่าเป็นคุณ!!! ผมยิ่งอยากอยู่...” คำพูดนั้นทำให้ร่างใหญ่ฉงนใจนิดๆ เพราะมันฟังดูแปลกดี


“อยู่เพื่อผลาญเงินเดือนคุณไงล่ะ เสียใจด้วยนะ พอดีผมเผลอเขียนจำนวนเงินเดือนใหม่ในช่องว่าง บังเอิญว่าหนึ่งแสนบาทมันคงน้อยไป”



   คาดอสถอนหายใจ เขาว่าแล้วไม่มีผิด พิคเจอร์ไม่มีทางพูดเพราะอยากอยู่กับเขาจริงๆหรอก แต่ความอยากรู้ในใบสัญญานั้นมีมากกว่า คาดอสรีบดึงลิ้นชัก เอากระดาษสัญญาฉบับเดิมขึ้นมาดู


“หนึ่งล้าน?”


“ใช่ครับ! หนึ่งล้าน หวังว่าคุณคงขนหน้าไม่ร่วงนะ อวดรวยดีนัก”


“ฮึ ร้ายใช่เล่นเลยนะ แต่รู้อะไรไหม ว่าผมชอบ! จ้าง! ให้สมกับราคาที่จ่ายไป”


“ผมรับรองว่าจะทำงานสมกับเงินค่าของคุณแน่นอน”


“สิ่งที่คุณเขียนลงไป ผมบอกเอาไว้เลยว่า...คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะครบหนึ่งเดือน”


“ผมรู้ครับ คุณไม่ต้องห่วง ผมลาแล้วนะครับท่านประธาน!” พิคเจอร์เค้นเสียงพร้อมกับยิ้มมุมปากไหว้ลาอย่างบรรจง ออกจากห้องไป ทิ้งเอาไว้แต่ความหมั่นไส้ให้คาดอสปวดใจเล่นๆ


....


“นายพลาดแล้วฟ่านหยางอี้ รู้นิสัยของพี่น้อยเกินไป ถ้านายทำงานไม่สมค่าจ้าง พี่ว่านายได้เปลี่ยนตำแหน่งจากหัวหน้าดีไซน์ไป
เป็นอย่างอื่นแน่!”

          คาดอสเผยรอยยิ้มออกมาในรอบสามเดือนที่ผ่านมาอย่างสุขใจ  ในใจเขาอยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆเหลือเกิน เพราะจะได้เจอหน้าคนคนนี้ตลอดทั้งวัน




มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



“เจียนเหมิง เอาเหล้ามา!!!”


          จอมกระบี่ก้มหัวรับคำสั่ง เดินเข้าไปหยิบของดังกล่าวในตู้เย็น วันนี้ค่อนข้างวุ่นวายเพราะธุรกิจในเซี่ยงไฮ้เอง มีปัญหาหลายจุด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย  เวลาที่หยางเฟยเหนื่อยกับงานเขาจะระบายโดยการดื่มแอลกอฮอล์สักนิด แล้วตามด้วยออกกำลังกายในมุมส่วนตัว  ปล่อยร่างกายและจิตใจไปเรื่อยๆ สักพักเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง


“ได้แล้วครับนาย!”


“ขอบใจ ดื่มด้วยกันไหมเจียนเหมิง”


“ไม่ดีกว่าครับ ”



       หนุ่มตี๋กระดกส่วนผสมแอลกอฮอล์ในแก้วเข้าปาก กลืนลงไปอึกเดียวราวกับดื่มน้ำเปล่า ไม่ทันจะได้รินเป็นแก้วที่สอง อินจือก็กลับเข้ามาในบ้าน ด้วยสีหน้าคร่าตาที่แสดงออกมา หยางเฟยมองแว๊บเดียวก็รู้ว่าจอมอาวุธลับต้องมีเรื่องบางอย่างอยากบอกเขาแน่นอน


“มีอะไร..ว่ามาเลยอินจือ”


“คาดอส บินไปประเทศไทยเมื่อเช้านี้เองครับนาย ”


“หรอ? มันไปกับใคร”


“ไปคนเดียวครับ”


“!!!”


       ฟ่านหยางเฟย วางแก้วแอลกอฮอล์ลง ความสงสัยผุดขึ้นในสมองของเขาทันที คาดอสไปไหนมาไหน ไม่เคยลุยคนเดียว ถึงแม้ว่าประมุขอินทรีทองจะมีพลังงานกระแสไฟฟ้าเทียบเท่าฟ้าผ่าก็ตาม


“หรือว่า...บางทีคาดอสอาจจะเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับนายน้อยหยางอี้ก็ได้นะครับ”


“เจียนเหมิง!!! อย่าพูดชื่อน้องชายฉัน จนกว่าผลการตรวจจะเสร็จสิ้น”


“ขอโทษครับนาย” หนุ่มจอมกระบี่รู้สึกผิด ก้มหน้ายืนนิ่งไปเหมือนเดิม


“แต่ที่นายพูดมันก็ถูกนะเจียนเหมิง ไอ้คาดอสมันคงกำลังทำแต้ม!”


“แล้วถ้าเขาทำสำเร็จล่ะครับ!” อินจือเอ่ยถามเพราะอยากรู้


“ไม่มีทาง!  แค่ลำพังทำให้พิคเจอร์ชอบมันยังยากเลย ถ้าสมมติว่าพิคเจอร์เป็นน้องชายฉันจริงๆ ฉันก็ไม่วันรับมันมาเป็นน้องเขยแน่ ถ้าหากยังจับตัวไอ้คนที่มันฆ่าป๊ากับม๊าไม่ได้!!!” หยางเฟยโกรธจัด เอามือกำแก้วเหล้าแน่นจนสังเกตเห็นได้ว่าเริ่มมีรอยร้าวรอบแก้วใบนั้น


“แล้วเรื่องคุณพิคเจอร์ นายท่านจะสานต่อไหมครับ?”


“ยังหรอกอินจือ ฉันกลัวว่าทำอะไรบุ่มบ่ามไป แล้วเกิดเรื่องภายหลัง หากพิคเจอร์เป็นน้องฉันจริงๆ ฉันจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ตอนนี้เราต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น!”


“ทราบแล้วครับนายท่าน” อินจือก้มหัวให้แล้วเดินจากไป


“เจียงเหมิง ไปเอาเหล้ามาอีก!”


“ครับนาย”


:L2:


เรื่อยๆมาเรียงๆๆ  ไม่รีบไม่เร่ง ยาวไปๆ อิอิ  ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด รักทุกคนทั้งบุคคลทั่วไป และคนล็อกอินเข้ามาเม้นตอบน้า     :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
«ตอบ #36 เมื่อ31-08-2016 13:10:49 »

:t2: :t2: :t2:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
«ตอบ #37 เมื่อ31-08-2016 18:08:04 »

ลุ้นให้พิคเจอร์เป็นฟ่านหยางอี้นะคะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
«ตอบ #38 เมื่อ01-09-2016 11:41:08 »

ตอนที่ 16


     ยามค่ำคืนไร้แสงอาทิตย์ แต่แสงจากไฟนีออนและหลอดไฟตามร้านอาคารระฟ้าก็ใช้ความสว่างชดเชยได้เป็นอย่างดี  เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งสำหรับคนชอบไฟเมืองหลวงยามค่ำคืน


    ชายหนุ่มวัยทำงานลงจากวินมอเตอร์ไซน์หน้าแมนชั่นด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ค่อนข้างหนักหน่วงมาก พลอยทำให้เลิกงานช้ากว่าวันอื่นๆ ขณะนี้ราวสามทุ่มแล้ว หากจะให้เดาอีกชีวิตที่อยู่บนห้องพักคงจะหาทานมื้อเย็นไปเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่จ่ายเงินเสร็จเขาเองก็ไม่คิดจะรีรอยืนทำอะไรอยู่หน้าแมนชั่น รีบเดินมุ่งไปที่ลิฟต์ชั้นแรกทันที



      แต่ทว่า...สัญชาตญาณความรู้สึกมันบอกเขาเป็นนัยๆ ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาจากด้านหลัง และเขามั่นใจด้วยว่าตอนนี้ใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลเขาแล้วสิ  ถ้าหากหันกลับไปตอนนี้เขามั่นใจว่าต้องปะทะเข้ากับใครบางคนแน่...



ขวับ!



ชายหนุ่มตาโตตกใจ หลังจากหันไปมองเห็นชายร่างสูงกว่าตัวเองยืนนิ่งท่าทีสุขุม เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคนคนนี้ที่นี่


“คุณไดนาดิน!”


“สวัสดีครับคุณฟิน ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”


“ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่คุณ...มาหาพิคเจอร์หรอ?”


              เขาถามร่างสูงไปตามความน่าจะเป็น เพราะไมมีเหตุผลอะไรที่ไดนาดินจะมาหาเขาอยู่แล้ว   


“เปล่าครับ ผมมาหาคุณ!”


“มาหาผม?” ฟินยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างแปลกใจ สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนหน้าผิดเพี้ยนไปหมด


“จะเป็นอะไรไหมครับถ้า...คุณจะให้เกียรติไปนั่งที่ศาลาไม้หลังนั้น” ไดนาดินเปรยบอกตามสไตล์  เขาผายมือไปยังสถานที่ดังกล่าวด้านซ้ายมือเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก


“โอเคครับ!”


พรึบ!!!



           ทันทีที่ร่างบางหันหลังให้ยังไม่ทันก้าวแม้แต่ก้าวเดียว ไดนาดินก็รีบตรึงร่างนั้นไว้ทันที พอเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่รับรู้สัมผัสทั้งห้าแล้ว  ร่างสูงก็รีบมุ่งตรงไปที่ข้อมือขวาของฟินทันที


            เพียงแค่เลิกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ก็พบสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ในใจ ถึงกำไลเงินเมื่อวันก่อน ใครคนหนึ่งที่ติดตามไดนาดินมาด้วย เดินออกจากที่ซ่อนตัว เผยให้เห็นผมบอร์นทองเรือนร่างสูงทันที


“แกริค!  กำไลนี่ใช่ไหมที่นายเห็นมันในภาพอดีตปลอกกระสุนปืน”


“ใช่! วงนี้แหละ แต่ถ้าจะให้มั่นใจขอฉันสัมผัสมันหน่อยจะได้ไหม?” แกริคเอ่ยถาม


“เอาเลย ก่อนที่ใครจะเดินมาทางนี้ซะก่อน”


               แกริค เอื้อมนิ้วไปแตะลง ภาพอดีตเกี่ยวกับกำไลนี้ฉายเข้าในสมองเขาทันที เขาเห็นหมดทุกอย่าง ทั้งเหตุการณ์ของเจ้าของกำไลนี้   ไม่ว่าจะเดินไปไหนหรือทำอะไรอยู่


            หนุ่มผมบอร์นทองใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ผละนิ้วออกจากวัตถุนั้น สีหน้าอึ้งไปชั่วขณะ ยิ่งทำให้ไดนาดินร้อยรนใจกลัวว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด


“สรุปว่ายังไงแกริค?”


“ใช่จริงจริงด้วย เขาคนนี้ก็คือ...ฟินกี้ น้องชายของเฟอกัล”


“เอาล่ะ ขอบใจนายมากนะแกริค เราจะต้องรีบไปบอกบอสที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลย”


“ไดนาดิน แล้วชายคนนี้ล่ะ”


     แกริคเบรคเพื่อนได้ทัน จะหนีไปโดยปล่อยให้ฟินยืนแข็งทื่อไม่รับรู้อะไรอยู่แบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของไดนาดิน นั่นก็คือ การลบความทรงจำตั้งแต่แรกหลังจากลงวินมอเตอร์ไซน์ไปซะ 


“ไปเร็ว! รถจอดอยู่ริมรั้วซอยด้านข้าง” แกริคบอกพร้อมกับวิ่งนำไปด้วยความเร็วออกจากพื้นที่ดังกล่าว


ฟิ้วววววว เพียงไม่กี่วินาที สถานที่ตรงนี้ก็มีเพียงฟินที่ยืนอยู่คนเดียว พร้อมกับความรู้สึกมึนงงแปลกๆ


“อ้าว? เรายัง...ไม่ได้ขึ้นห้องอีกหรอเนี่ย!” ฟิน พึมพำกับตัวเอง พร้อมกับสีหน้าฉงนใจ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ใต้ตึกไปไม่คิดใส่ใจอีก






               ที่คอนโดหรูใจกลางเมือง เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าให้เจ้านายใหญ่ฟังหมดแล้ว ถึงนี่จะเป็นเรื่องใหม่ที่เขาได้รู้ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้คาดอสตื่นเต้นหรือเป็นกังวลใจแม้แต่น้อย


“บอสครับ! เราพาคุณพิคเจอร์มาอยู่ที่นี่ดีไหมครับ” ไดนาดินแนะนำ


“ไม่จำเป็นหรอก ถึงเราจะรู้แล้วว่าเพื่อนของหยางอี้เป็นคนของเบญจพิษ แต่เราอย่าทำให้ไก่ตื่นจะดีกว่า” คำพูดของคาดอสทำให้คนรอฟังคำตอบไม่เข้าใจ


“ผมไม่เข้าใจครับบอส”


“ไดนาดิน สิ่งที่ฉันสงสัยก็คือ...ทำไมเฟอกัลต้องส่งฟินกี้มาดูแลหยางอี้  ”


“ไม่เห็นยากเลยครับ เขาอาจจะส่งมาเพื่อรอเวลาเหมาะสมแล้วฆ่าคุณพิคเจอร์ซะ”


“ถ้าคนอย่างเฟอกัลคิดจะทำ เขาสั่งให้ฟินกี้ฆ่าไปนานแล้ว คงไม่อยู่เป็นเพื่อนสนิทร่วมกันมาถึงเจ็ดปีหรอก จริงไหม?”


“แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะครับบอส” แกริคอยากรู้ต่อ


“ก็ไม่ยาก...สองพี่น้องนั้นไม่คนใดก็คนหนึ่งกำลังหลงเสน่ห์ของฟ่านหยางอี้แน่นอน”



     คาดอสเริ่มอ่านเกมออกแล้ว ถึงเหตุผลที่ปลอกกระสุนถูกแกะสลักเป็นรูปเบญจพิษเพื่อเย้ยหยันเขา จะมีซักกี่เหตุผลของคนในองค์กรแบบเขาที่จะละเว้นชีวิตใครคนหนึ่งให้อยู่มีชีวิตรอดหายใจบนโลกมนุษย์ใบนี้ ต่อไป


อย่างแรกคือคนคนนั้นมีประโยชน์กับพวกเขา


อย่างที่สองคือคนคนนั้นเป็นคนที่หัวใจต้องการ


    แต่จากสถานการณ์แล้ว น่าจะเป็นแบบหลังมากกว่า เพราะพิคเจอร์ไม่มีประโยชน์อะไรกับแก๊งเบญจพิษอยู่แล้ว อีกประการเพราะคาดอสรู้จิตใจและกมลสันดานของเฟอกัลดีตั้งแต่เด็ก ในแววตาของเด็กอายุเพียง 8 ขวบในตอนนั้น มันมีแต่ความอิจฉา ชิงชังที่คาดอสเหนือไปกว่าทุกอย่าง

       และที่สำคัญคือเฟอกัลคิดอะไรกับฟ่านหยางอี้เกินคนในองค์กรสนิทสนมกัน เหมือนอย่างที่เขารู้สึกในตอนนั้น


“อย่างนี้ก็เท่ากับว่าพักหลังที่เราพักสงครามกัน ก็เพราะว่าพิคเจอร์หรอครับ” แกริคดูจะอึ้งๆไปนิด


      เพราะคงไม่มีใครคิดมาก่อนว่าแค่ชายหนุ่มร่างบางผิวขาวนิสัยดีคนหนึ่งปรากฏที่ลอสแอนเจลิส จะทำให้ผู้นำที่มีอำนาจสามแก๊ง ต้องหยุดการศึกแล้วตั้งสงครามหัวใจแทน


“แล้วบอสคิดว่าเฟอกัล จะมาที่เมืองไทยไหมครับ?” ไดนาดินเริ่มหวั่นวิตก


“ฉันว่ามันมาแน่ หลังจากที่ตัดความสัมพันธ์ฟ่านหยางเฟยกับฟ่านหยางอี้ได้สำเร็จ”


“อย่างนี้บอสก็มีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมานะสิครับ” แกริคสรุปไปตามสถานการณ์ 


“แต่เฟอกัลไม่ใช่ศัตรูหัวใจที่น่ากลัว อย่าลืมสิว่าถ้าหยางอี้รู้เบื้องลึกว่าพ่อแม่ของเขาตายเพราะน้ำมือของเบญจพิษ ไอ้เฟอกัลกู้หน้าไม่กลับแน่” คาดอสยิ้มอ่อนราวกับเห็นชัยชนะอยู่ลางๆ


“แล้วบอสล่ะครับ มั่นใจแค่ไหนว่าคุณพิคเจอร์จะใจอ่อนให้บ้าง” แกริคถามขึ้นมาอีก


“ไม่รู้สิ แต่ฉันก็เดินหน้าเต็มกำลังแล้วนะ พรุ่งนี้เขาจะมาทำงานกับฉันวันแรก อีกอย่างหยางอี้มาทำงานใกล้ฉันแบบนี้ ก็หมดห่วงเรื่องความปลอดภัย”



          นึกถึงเวลานั้นมันช่างมีความสุขที่สุด ดีที่ช่วงนี้ธุรกิจต่างประเทศเขาล่วงทำงานและเข้าไปตรวจเช็คมาเกือบหมดแล้ว เวลาพักผ่อนหลายสัปดาห์ คาดอสจึงเลือกเมืองไทย เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดนั่งดูใครอีกคน





เช้าวันใหม่!


      ระหว่างร่างบางนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปทำงานตำแหน่งหัวหน้าดีไซน์บริษัทอินทรีทองวันแรก แต่ยังไม่ทันขับขึ้นทางด่วนได้ไกลนัก หน้าจอมือถือกลับปรากฏเป็นชื่อของฟ่านหยางเฟยโทรมาหาเขา


“สวัสดีครับคุณหยางเฟย”


“สวัสดีกระต่ายน้อย ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าให้มาฟังผลการตรวจได้ในวันพรุ่งนี้ ประมาณช่วงบ่ายถ้าไม่ติดธุระอะไรมาเจอกันที่โรงพยาบาลเดิมนะครับ ”


“คะ..ครับ”  พิคเจอร์สีหน้าหวั่นวิตก จริงสินี่ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้ว มันก็ควรจะเสร็จใช่ไหม? แล้วผลล่ะ ผลจะออกมาเป็นยังไง พิคเจอร์เริ่มกังวลใจ ทั้งๆที่ลืมเรื่องนี้ไปได้สักพัก!


“น้ำเสียงดูกังวลจังเลยนะ”


“ผมกลัวทำใจไม่ได้จังเลยครับ”


“อืม! ผมเข้าใจ แต่พอมานั่งคิดไปคิดมาแล้ว ผมเริ่มทำใจได้แล้วนะ คุณลองคิดดูนะพิค จริงๆการตรวจครั้งนี้มีประโยชน์กับพวกเราสองคนมาก ถ้าคุณไม่ใช่น้องผม ผมจะหมั้นคุณทันที แต่ถ้าคุณคือน้องของผม ผมถือว่านี่คือข่าวดีที่สุดในชีวิตของผมเลยล่ะ”



               คราวนี้ฟ่านหยางเฟยไม่ได้คิดจะพูดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆตอนนี้ของเขาต่างหาก แต่ก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะคิดได้เหมือนเขาไหม


“ครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกันครับ”


         ร่างบางกดตัดสาย มือที่จับมือถือสั่นเล็กน้อยและสั่นไม่หยุด หัวใจตอนนี้กำลังสูบฉีดเลือดไปทั่วเรือนร่างหนักมากทีเดียว



         พอไปถึงที่หมาย เขาก็รีบลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าบริษัทไปอย่างคุ้นเคย แม้จะมาเป็นครั้งที่สองก็ตาม  พอไปถึงชั้น 25 ดังเดิม ก็พบว่าเลขาสาวยังไม่มาทำงาน พอก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดก็พบว่าเหลือเวลาอีกตั้ง 30 นาทีกว่าจะถึงเวลาทำงาน



           มันไม่แปลกอะไรหรอกที่เขาจะมาก่อนเวลา อย่างน้อยก็เพื่อตอบสนองกับวาจาที่ให้ไว้ ว่าจะทำงานให้สมกับค่าจ้างเดือนแรกและเดือนสุดท้ายในจำนวนเงิน หนึ่งล้านบาท



แกร๊กๆ แอดดดด


                 
            พิคเจอร์ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เพราะมั่นใจว่าเจ้าของห้องยังไม่มาแน่นอน แต่ผิดคลาด เพียงแค่เข้ามาในห้องแล้วงับประตูลง เพียงแค่ชำเลืองมองด้วนหางตาไปทางด้านซ้ายกลับเห็นร่างสูงใหญ่กำลังยืนจิบกาแฟมองทิวทัศน์มหานครยามเช้าอยู่ก่อนแล้วอย่างสบายใจ ไม่คิดตกใจถึงการมาเยือนของร่างบางแม้แต่น้อย


“คะ...ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าจะมีคนอยู่” พิคเจอร์รีบเอ่ยบอก สีหน้าตอนนี้รู้สึกอายมาก


“คราวหลังอย่าเดา จะมีคนอยู่หรือไม่มี คุณควรจะเคาะประตูซะก่อน” คาดอสเปรยบอกแต่ไม่ยักกะหันหน้ามามอง ท่าทางขี้เก๊กมีมาดตลอดเวลาแบบนั้นมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหมั่นไส้เอามากๆ


“ผมเข้ามาดูความเรียบร้อย แต่ดูแล้วห้องคุณก็โอเคดี งั้นผมขอตัวแล้วกันนะ”


“เดี๋ยว! ตั้งใจฟังให้ดี ผมชอบพูดครั้งเดียวไม่อยากพร่ำเพื่อ โต๊ะทำงานของคุณผมจัดเอาไว้มุมห้องตรงนั้น และตำแหน่งของคุณคือหัวหน้าดีไซน์ เพราะฉะนั้นกรุณาสนใจเลขาของผมด้วย เมื่อเธอมาถึงเธอจะหอบงานเกี่ยวดีไซน์มาวางไว้ที่โต๊ะให้ทุกเช้า ”


“ผมเข้าใจแล้วครับ” พิคเจอร์ฟังรอบเดียวอย่างตั้งใจ และตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้จริงๆ


“ก็ดี...ก่อนมาทำงานคุณทานอะไรรึยัง?” คำถามของคาดอสทำให้อีกฝ่ายแปลกใจไม่น้อย


“ก็...ยัง!”


“พูดจากับประธานบริษัทให้มีหางเสียงด้วย อาหารรองท้องอยู่ในห้องนั้น ไส้กรอก แซนวิซ เครื่องดื่มอยู่ในตู้เย็นหมด  แล้วข้างๆก็มีไมโครเวฟ ได้ยินแล้วก็ไปทำกินซะ” คาดอสบอกเสียงเรียบ


“ไม่ดีกว่าครับ ของกินสำหรับประธานบริษัท ผมเป็นแค่ลูกจ้างไม่กล้าล่วงเกิน” พิคเจอร์ประชด


“แต่ผมสั่ง! ไปทำกินเดี๋ยวนี้ ข้อตกลงที่สิบเอ็ดในใบสัญญา ระหว่างการทำงานต้องเชื่อฟังประธานบริษัท!”



      คาดอสเปรยเสียงเรียบ  อีกฝ่ายได้แต่หงุดหงิดใจถอนหายใจฟืดฟัด เดินไปเข้าไปยังห้องเล็กๆดังกล่าว มองหาตู้เย็นที่ว่าแล้วหยิบเอาไส้กรอกม้วนด้วยเบคอนมาถุงหนึ่งแล้วเวฟทันที กลิ่นหอมนั้นค่อยๆโชยออกมาจากห้อง กระจายเข้าไปทั่วห้อง
ทำงาน แต่นั่นไม่ได้ทำให้คาดอสถือสา


“ทำให้ผมด้วย ผมจะรอในห้อง” ร่างสูงบอกพร้อมกับเดินหายเข้าไปอีกห้องด้านข้าง


              พิคเจอร์มองตามพร้อมกับแยกเขี้ยวให้ทีหนึ่งโดยที่คาดอสไม่รู้ตัว จะว่าไปห้องทำงานของคาดอสนั้นมันมีห้องแยกไปอีกสองห้อง ห้องแรกก็คือห้องที่พิคเจอร์ยืนอยู่ แต่อีกห้องที่คาดอสหายเข้าไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าคือห้องอะไร?


               ไส้กรอกรสเผ็ดซี๊ดสี่ชิ้นถูกหั่นพอดีคำให้เรียบร้อย ถูกวางลงในจานแบนลายสวย กับ แตงกวาที่หั่นสดๆจากตู้เย็นเมื่อครู่ วางเรียงไว้ที่ขอบจานสวยงาม  น้ำจิ้มซอสมะเขือเทศถูกเทลงในถ้วยใบเล็กแล้วเสร็จ ทั้งหมดทั้งมวลถูกยกนำไปในห้องดังกล่าวทันที  แต่คิดว่าคงไม่ต้องเคาะขออนุญาตเพราะประตูห้องไม่ได้ปิดเอาไว้



“เสร็จแล้วครับ” พิคเจอร์วางจานลงตรงโต๊ะ แต่พอมองที่ใบหน้าอีกฝ่ายกลับเรียบเฉย อะไรจะนิ่งได้ขนาดนี้ คำขอบคุณขอบใจนิดๆหน่อยๆไม่คิดจะปริปากเลยหรือไงกัน?


“อีกหนึ่งข้อที่คุณต้องรู้ ผมไม่ชอบทานแตงกวา!” คาดอสเปรยบอกพร้อมกับหยิบซ้อมเขี่ยแตงกวาทิ้งลงถังขยะด้านล่างข้างโต๊ะ


“นี่! นายร่างยักษ์ คุณไม่กินก็ไม่เห็นจะเททิ้งลงถังขยะหนิ ทำไมทำเหมือนของไม่มีค่าแบบนี้”


“ก็แค่แตงกวา ลูกละไม่กี่บาท?” คาดอสจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ


“อ้อ...ลืมไป คุณมันพวกล้นฟ้าหนิ ช่างมันเถอะ แตงกวาไม่กี่บาทเนี่ย คงไม่มีค่าอะไรหรอกจริงไหม! ผมขอตัวนะ”


หมับ!  มือหนาคว้าจับเข้าที่ต้นแขนไว้ทัน


“คุณโกรธผมหรอ?” คาดอสถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง


“ผมไม่กล้าโกรธท่านประธานหรอกครับ” พิคเจอร์ยิ้มกลบเกลื่อน


“อย่าโกหกผม!!! พูดออกมาจากใจ” คาดอสหงุดหงิดตัวเองอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่


“เก่งนักไม่ใช่หรอครับ อ่านความคิดผมสิ!” ให้ตายเถอะคำท้าทายที่แสนจะง่ายดาย แต่พอคนท้าเป็นอีกฝ่ายมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น


“คุณก็รู้...ว่าผมเดาใจคุณไม่ได้”


เพราะคุณมันกากไง? ปล่อยผมผมจะไปทำงาน”


“อีกสิบนาที สำหรับที่นี่ต้องทำงานตรงเวลาและเลิกเป็นเวลาเท่านั้น ”


“งั้นผมก็ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้วกัน อยู่กับคุณแล้วหงุดหงิด ปล่อยยยย!!!” ร่างบางเริ่มโวยวาย


“โอเค! ไปหั่นแตงกวาให้ผมที ผมจะลองกินดู ”


        คาดอสบอกด้วยน้ำเสียงอ่อน หัวใจของเขาตอนนี้ถึงจะดื้อรั้นแต่ก็ทนต่อต้านฟ่านหยางอี้ไม่ไหว เขาไม่อยากเป็นคนไม่ดีและไม่ได้เรื่องในสายตาของอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก ก็แค่แตงกวาลองกินดูมันคงไม่ทำให้เขาตายหรอกจริงไหม?


“ เพื่ออะไร ไหนบอกไม่ชอบไง?”


“ก็เพื่อคุณนั่นแหละ”


“…?”


:L2:


:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
«ตอบ #39 เมื่อ01-09-2016 13:55:28 »

เริ่มเห็นมุมน่ารักของคาดอสแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
« ตอบ #39 เมื่อ: 01-09-2016 13:55:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
«ตอบ #40 เมื่อ02-09-2016 02:46:30 »

คาดอสก็มีมุม แบ๊วๆน่ารักๆด้วย 555 คนแต่ง ก็แต่งได้เก่งมากๆ มาต่อนะค่ะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
«ตอบ #41 เมื่อ02-09-2016 07:19:38 »

คาดอส อ้อนได้น่ารักมาก หวังว่า พิคเจอร์จะใจอ่อนนะคะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
«ตอบ #42 เมื่อ02-09-2016 10:13:05 »

ตอนที่ 17



                และแล้วนายร่างยักษ์ใหญ่ก็ทานแตงกวาที่หั่นไปให้ใหม่นั้นทีละชิ้นๆ ร่างบางถูกบังคับให้นั่งทานร่วมโต๊ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรทำให้ชาวไทยน่าขำขันไปมากกว่า การที่เจ้านายคนใหม่ผู้ซึ่งไม่มีอารมณ์ทางสีหน้าใดๆกำลังหยิบแตงกวาเข้าปากชิ้น
แล้วชิ้นเล่า...



“ขำอะไรคุณ!” คาดอสเริ่มพาล


“เปล่า...เออนี่คุณ!” พิคเจอร์เพิ่งนึกนึกขึ้นได้ ว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องไปทำธุระที่โรงพยาบาล


“มีอะไร?”


“พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมขอหยุดงานนะ มีธุระต้องไปทำ แบบว่า...เลี่ยงไม่ได้อ่ะ มันเป็นเรื่องที่ใหญ่โต ใช่มันใหญ่มาก คือแบบไม่ไป
ไม่ได้อ่ะคุณ...”


        ร่างบางพยายามขอร้องทางอ้อมๆไม่อยากบอกไปตรงๆ จริงๆเรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าคาดอสนั้นรับรู้เรื่องนี้ดีแค่ไหน แต่ทว่า...ทำไมร่างใหญ่จะไม่เข้าใจ ถึงพิคเจอร์จะพยายามเลี่ยงไม่บอกเหตุผลก็ตามที สาเหตุที่ต้องมีการตรวจดีเอ็นเอก็เพราะคาดอสเองไม่ใช่หรือไง?


“ก็ไปซะสิ” คาดอสพูดสวนไม่ฟังอีกฝ่ายร่ายยาวไปกว่านี้


“!!!”



            พิคเจอร์ทึ่งไปนิด ไม่คิดว่าการขอร้องปราศจากหัวเรื่อง แล้วเจ้านายจะอนุญาตด้วย เขานึกว่าคาดอสจะไม่ให้ไปเพราะเงินค่าจ้างค้ำประกันตัวทั้งเดือนอยู่หนึ่งล้านซะอีก จะว่าไปนายร่างใหญ่ก็ใจดีนะ?



“ดะ...ได้เวลาทำงานแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะ!”


          ว่าแล้วก็รีบลุกจากเก้าอี้ เดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ แต่ว่าจนป่านนี้แล้ว แม่เลขาคนสวยก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเอาแฟ้มเอกสารงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเขามาวางที่โต๊ะซักที...พิคเจอร์ชักแปลกใจขึ้นมานิดๆ แต่ยังไม่คิดจะปริปากถามอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง




          ผ่านไปจนกระทั่งเลิกงาน ขณะนี้สิบหกนาฬิกาพอดีเป๊ะ สรุปวันทำงานวันแรก พิคเจอร์ทำหน้าที่เพียงแค่นั่งเฝ้าโต๊ะทำงานสุดหรูที่คาดอสจัดเอาไว้ให้ในห้อง อีกอย่างก็คือมีหน้าที่นั่งให้นายร่างยักษ์มองหน้าในขณะทำงาน  คิดดูว่าพิคเจอร์ต้องอดทนขนาดไหนถึงจะผ่านช่วงเวลาทำงานวันแรกนี้ไปได้



“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ”


“ผมไปส่ง!”


“ฮะ? ไม่ต้องหรอกคุณ จะไปทำไม ที่พักผมอยู่ไกลนะ” พิคเจอร์รู้สึกเกรงใจขึ้นมาจริงๆ ส่วนสูงกลับขมวดคิ้ว


“เปล่า! ที่ผมพูด ผมหมายถึง เดินไปส่งคุณขึ้นรถแท็กซี่หน้าบริษัท” ชายหนุ่มในชุดสูทตอบเสียงเรียบพร้อมกับทำหน้านิ่ง แต่อีก
คนที่คิดไปเองตั้งแต่ต้น ตอนนี้หน้าชาไปหมดแล้ว เขารู้สึกอับอายมากยังไงก็ไม่รู้



“ไม่ต้องหรอก เสียเวลาคุณเปล่า แค่เดินไปขึ้นรถ ผมทำเองได้!” พิคเจอร์เงยหน้าบอกคนตัวสูง


               ยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกยิ่งหงุดหงิด พิคเจอร์ไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไร พูดอะไร แม้แต่เมื่อกี้ก็อุตส่าห์เข้าใจว่าจะเป็นคนมีน้ำใจจะไปส่งที่แมนชั่น ที่ไหนได้ กลับพูดจากวนประสาทให้เข้าใจผิดซะนี่ 



            ไม่สิต้องเรียกว่ากวน...อย่างอื่นมากกว่า ไม่มีเหตุผลที่ต้องทนอยู่เห็นใบหน้านิ่งทื่อเป็นหุ่นปูนปั้นแบบนี้ ร่างเล็กรีบหันขวับกลับหลังไปทางประตูทันที แต่นั่นก็ช้ากว่าจะหนีคาดอสพ้น...



หมับ!


            เป็นครั้งที่สองที่ต้นแขนข้างเดิม ตำแหน่งเดิมของพิคเจอร์ถูกอีกฝ่ายคว้าจับเอาไว้ เพียงออกแรงไม่เท่าไหร่ ทั้งตัวของหนุ่มตัวเล็กก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แล้ว



“โกรธผมหรอ?” สาบานได้ว่านี่คือคำถาม? น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกเอามากๆ นายร่างยักษ์นี่เกิดมาเพื่อเปล่งคำพูดที่เป็นโมโนโทนอย่างเดียวสินะ?


“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะ ปล่อยได้แล้ว จะกลับแมนชั่น!” พิคเจอร์อิดออด


“งั้นผมไปส่ง!...ถึงที่พักเลย”



    ร่างใหญ่ไม่มั่นใจว่าก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรไม่เข้าหู แล้วทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดใจรึเปล่า แต่บอกตามตรงเขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้เขาไปส่ง ก็ทำไมไม่บอกกันแต่ทีแรกล่ะ?



“ก็บอกไม่ต้องไง!! ปล่อย!!! จะกลับแล้ว”


“อย่าขัดคำสั่งผม!” ไม่ได้ด้วยน้ำเย็น ก็ต้องประคบด้วยน้ำร้อน คาดอสแกล้งขู่ขึ้นมาทันที


“นายร่างยักษ์ แหกตาดูด้วยว่านี่มันเวลาเลิกงานแล้ว ปีศาจเจ้านายออกจากตัวไปได้แล้ว”



           คาดอสอึ้งไปนิด ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเอาเวลาทำงานปกติที่เขาเคยย้ำนักย้ำหนา มาอ้างเอาตัวรอดแบบนี้ ทำไมกัน?...ในเมื่อตอนนี้เขาก็ตัดสินใจจะไปส่งแล้วไม่ใช่หรอ ร่างบางตรงหน้าควรจะดีใจมากกว่าการง้องอนเขาแบบนี้นะ


“เอ้า! ไม่ได้ยินหรอ ปล่อยได้แล้ว จะต้องให้พูดกี่ครั้ง” สติคาดอสกลับมา เขายอมปล่อยต้นแขนพิคเจอร์ให้เป็นอิสระ


...



...


“ขอบคุณ ผมกลับละ”


        พิคเจอร์ทำหน้ามุ่ยเดินออกจากห้องไป เสียงประตูเปิดออกและปิดลงไป ตอนนี้คาดอสอยู่ในห้องคนเดียว แต่ไม่นานกลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากบนใบหน้าหล่อนิ่งนั้น



“น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ...นายเนี่ย!” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะโทรหาลูกน้องคนสนิท


“ไดนาดิน เตรียมรถ ฉันจะกลับคอนโดแล้ว”


“ครับบอส!”







ผ่านไปอีกหนึ่งวัน



               ตั้งแต่เช้ายันพักเที่ยง คาดอสและพิคเจอร์นั่งทำงานคล้ายทำสงครามความเงียบกัน ไม่มีใครคิดปริปากพูดก่อนเลย แต่คาดอสรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเขาตั้งแต่เรื่องเมื่อวาน แต่เอาไว้ก่อน...ตอนนี้เขามีงานที่ต้องเร่งมือทำเกี่ยวกับบริษัท ยังไม่มีเวลาไปง้ออีกฝ่ายให้หายเป็นปกติเหมือนเดิม



              พอเข็มสั้นเข็มยาวในนาฬิกาเรือนใหญ่ทับกันทำองศาตั้งฉาก  เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี พิคเจอร์รีบเก็บแฟ้มงานแล้วลุก
ออกจากห้องไปทันที  คาดอสมองตามอย่างไม่แปลกใจนัก...ไม่บอกก็รู้ว่าไปไหน ก็คงจะไปทำธุระที่ขอเอาไว้เมื่อวานนี้แน่



             แต่เอาตรงๆไม่เห็นจำเป็นต้องไปเลย เพราะเขามั่นใจมากทีเดียวว่า พิคเจอร์คือ ฟ่านหยางอี้ ไม่ผิดตัวแน่ แต่ช่างเถอะ เขาไม่อยากจะยุ่งอะไรกับเรื่องส่วนตัวของสองพี่น้องมากเกินไปถ้าไม่จำเป็น



           ที่โรงพยาบาลแห่งเดิม พิคเจอร์ รีบเดินทางมาตามนัด ช่วงกลางวันแดดร้อนๆแบบนี้ จิตใจของเขากลับไม่ได้แตกต่างกัน มันทั้งร้อนทั้งรนอยากจะรู้ผลการตรวจเร็วๆ



           เพียงไปถึงที่หมายและขึ้นไปตามทางที่โทรถามฟ่านหยางเฟยก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็ได้เจอหน้าคนที่เขารักตรงหน้านี้แล้ว



“สวัสดีครับคุณหยางเฟย”

         พิคเจอร์เอ่ยทักทั้งที่อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังหันหลังให้เขา และยืนคุยกับคุณหมออยู่ แต่แล้วหนุ่มตี๋ในชุดสูทสีน้ำเงินก็หันหน้ากลับมาจามเสียงเอ่ยทักเมื่อครู่  เขามองพิคเจอร์ด้วยแววตายิ้มแย้มแก้มแทบปริ



“เป็นอย่างที่คาดอสบอกจริงๆด้วย หยางอี้น้องพี่!!!”



     หยางเฟยรีบเดินโผเข้ามาโอบกอดด้วยความดีใจ สองมือหนาดึงร่างบางของน้องชายเข้ามาแนบชิดร่างกาย แต่อีกฝ่ายเมื่อได้ยินกลับไม่ได้ดีใจอย่างเขาเท่าไหร่นัก ถึงยังไงพิคเจอร์ก็ไม่มีทางทำใจได้ง่ายๆแน่


“นายครับ! นายน้อยสลบไปแล้ว!” อินจือรีบเปรยบอกหลังจากเห็นอีกฝ่ายในอ้อมกอด แน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงไปแล้ว


“คุณหมอ! ช่วยน้องผมด้วย!” หยางเฟยสีหน้าตื่นตระหนก


“เชิญทางนี้เลยครับ” 




           ผ่านไปเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง ร่างบางเริ่มฟื้นได้สติ ดวงตาค่อยๆลืมขึ้น ตอนนี้เขาอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย แต่คงจะเป็นห้องพิเศษที่หรูที่สุดก็ว่าได้ ถึงพิคเจอร์จะได้สติกลับคืนมาแต่คำพูดและผลการตรวจก่อนหน้าก็ยังดังก้องอยู่ในหัว มันทำให้เขายังเสียใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว



“ฮึก ฮือออออ ฮือออออ” เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ตามมาทันที ปลุกความนิ่งของเจ้านายและลูกน้องในห้องตามมุมต่างๆให้หันมาสนใจคนที่อยู่บนเตียง



“หยางอี้! ไม่ร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว” ฟ่านหยางเฟยสีหน้าคร่าตา ตื่นตระหนกรีบกรูเข้ามาดูน้องชายเป็นคนแรก 



“ฮืออออ ทำไม ครับ ฮึก ฮึก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ฮืออออ” พิคเอจร์ร้องไห้ฟูมฟายใหญ่



     อินจือกับเจียนเหมิงยืนมองดูความเศร้าใจนั้นอยู่ห่างๆ ความเจ็บปวดนั้นหากเกิดขึ้นกับพวกเขา เห็นทีคงไม่ต่างไปจากความรู้สึกของนายน้อยตอนนี้นัก  มือหนาของหยางเฟยลูบหัวพร้อมกับเอานิ้วโป้งปาดน้ำตาให้น้องชายอย่างอ่อนโยน ทั้งสองข้าง



“อย่าเศร้าอีกเลยนะ พี่บอกนายแล้วไง ถ้าหากนายเป็นน้องชายของพี่ พี่จะดีใจมาก เราไม่ได้เจอกันเลยตลอด 20 ปีนะ นายไม่คิดถึงพี่บ้างหรือไง...ฟ่านหยางอี้?”



“ฮือออออ ฮืออออออ” ดูเหมือนตอนนี้พูดอะไรไปก็มีแต่จะไปกระตุกความเสียใจของอีกฝ่ายเปล่าๆ ฟ่านหยางเฟยหยุดพูดไป  ได้แต่โอบกอดน้องชายเอาไว้อย่างเดียว เขาทำได้ดีที่สุดเพียงปลอบใจและอยู่ใกล้ๆฟ่านหยางอี้เท่านั้น



ก๊อกๆๆๆ


      เสียงเคาะประตูจากด้านนอก ดึงสติให้ทุกคนหันไปมอง เจียนเหมิงอาสาเดินไปเปิดประตูนั้น แทนที่จะเป็นคุณหมอแต่กลับกลายเป็น...



“นายครับ คาดอสมาครับ!” เจียนเหมิงรีบหันไปบอกเจ้านายทันที


      ฟ่านหยางเฟยผละออกจากร่างของน้องชาย ก่อนจะเดินไปที่ประตูเพื่อพบประมุขอินทรีทอง


“แกมาที่นี่ทำไม?” ประโยคไม่ต้อนรับยินดีที่เจอหน้าเปรยขึ้นทันที


“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย ไปคุยทางโน้นดีกว่า” คาดอสหันไปทางซ้าย ที่นั่นมีระเบียงลานกว้างพอสมควรยื่นออกจากตัวอาคารไป



              ชายหนุ่มร่างสูงพอกัน เดินหายออกไปจากหน้าประตู ฝ่ายคาดอสมีไดนาดินติดตามมาด้วย ส่วนเจียงเหมิงไปกับฟ่าน
หยางเฟย  ตอนนี้มีเพียงพิคเจอร์ที่ต้องอยู่กับอินจือภายในห้อง ความเสียใจเริ่มทุเลาลงแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าถ้าเห็นหน้าฟ่านหยางเฟยอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะทนรับความจริงได้อีกไหม



                ตอนนี้บทบาทตัวตนของพิคเจอร์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขากำลังจะเป็นทายาทเสือแดง ไม่สิต้องบอกว่าเขาเป็นอยู่แล้วแต่กำเนิด เป็นทายาทคนเล็กของแก๊งเหลาสู่หงเซ่อ แห่งมหานครเซี่ยงไห้ เขามีธุรกิจมากมาย มีบริวารให้คอยอารักขารับใช้


             และที่สำคัญเขากลับไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดสังคมแบบนี้ สังคมที่ต้องฆ่าฟันกันเป็นว่าเล่น แต่สุดท้ายก็วนเข้าคำพูดสุดคุ้นเคยคือ

เกลียดอะไร มักได้อย่างนั้น สินะ


 
            ด้านนอกสถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ สองสิงห์หนุ่มประมุขมหาอำนาจแห่งเมืองจีน กำลังเจรจาอะไรกันบางอย่าง แต่ดูเหมือนกับว่ามันไม่ค่อยจะลงเอยกันเสียเท่าไหร่นัก



“...ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมว่า นายไม่ควรชอบน้องชายฉัน!” หยางเฟยยื่นคำขาด ไม่มีเปลี่ยนแปลง


“หยางเฟย! นายคิดถึงน้องชายที่พลัดพรากไป แต่นายก็ได้ฟ่านหยางอี้กลับคืนมาแล้ว แต่ฉันที่รักหยางอี้ตั้งแต่ยังเด็ก จนป่านนี้ก็
ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน!”



               หนุ่มตี๋ไม่ตอบ แต่ชำเลืองมองดวงตาของอดีตเพื่อนรักแทน แต่เพราะเรื่องการตายของป๊าและม๊าเขามันยังไม่ชัดเจน สิ่งนี้จึงเป็นดั่งกำแพงหนาที่กั้นความเป็นเพื่อนของเขาเอาไว้ ถึงในใจลึกๆของฟ่านหยางเฟยจะเชื่อว่าคาดอสไม่ผิด


               แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อของคาดอสจะไม่ผิดไปด้วย เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทหลายเรื่องเมื่ออดีตกาลนั้น เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งพวกเขาในตอนเด็กไม่อาจรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ


              มันสรุปไม่ได้หรอกว่าอะไรจริงหรือเท็จ เขาต้องการหลักฐานพิสูจน์ ถ้าหากอินทรีทองบริสุทธิ์จริงๆจากคดีลอบฆ่าครอบครัวเขาแล้ว เมื่อนั้นเขาถึงจะยอมให้คาดอสสานต่อหัวใจกับน้องชาย



“หยางเฟย! ฟังฉันให้ดี เฟอกัลกำลังจะมาที่เมืองไทยนี้ ฉันเดาความคิดมันออกจากปลอกกระสุนปืนสลักข้างด้วยรูปเบญจพิษ และจะชัดเจนกว่านี้ถ้าหากมันปรากฏต่อหน้าฉัน ทุกอย่างที่มันคิดและรู้สึก ฉันบอกได้อย่างเดียวว่าคือ...ฟ่านหยางอี้ ”



“หมายความว่าไง?”



“ฉันยังไม่มั่นใจ แต่เชื่อว่าในสองพี่น้อง เฟอกัลและฟินกี้ กำลังแอบชอบน้องชายนายอยู่ และนั่น!!มันไม่ปลอดภัยต่อตระกูลฟ่านแน่ ถ้าหากวันข้างหน้าเฟอกัลหมดรักฟ่านหยางอี้”



“แล้วคิดหรอว่าการที่น้องชายฉันอยู่กับนายแล้วจะปลอดภัย นายยังมีสิทธ์ระแวงพวกเบญจพิษ ฉันเองก็มีสิทธ์ระแวงนายได้เหมือนกัน คาดอส!”



“ถ้างั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด! แต่ฉันอยากให้นายเชื่อฉันสักครั้ง...อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนกันมา”


“ความเป็นเพื่อน มันไม่มีทางเหมือนเดิมแล้ว  เสียใจด้วยคาดอส!”


“...”  หนุ่มลูกครึ่งร่างสูงรู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีอะไรจะพูดอีก ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าฟ่านหยางเฟย ปฏิเสธเขาแค่ไหน แต่ไม่เป็นไรเขาจะเร่งหาพยานหลักฐานมาเล่นงานเบญจพิษให้ได้



           คาดอสเดินจากไป มีเพียงสายตาไม่คิดสนใจว่าประมุขอินทรีทองนั้นจะเป็นยังไงตามส่ง เอาตรงๆฟ่านหยางเฟยคิดว่าตัวเขาเองไม่ผิด เพราะในฐานะผู้สูญเสียครอบครัวไป เขามีสิทธิ์จะเชื่อหรือไม่เชื่อใครก็ได้ ในเมื่อหลักฐานยังไงไม่มี แต่ตอนนี้การมาเตือนของคาดอสถึงผู้นำเบญจพิษ ที่เขาคิดมาตลอดว่าโดยตำรวจกวาดล้างฆ่าตายหมดแล้วนั้นกลับยังเหลือรอดและก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่ได้



           ไม่ว่ามันจะด้วยเหตุผลไหน จะมาดีหรือมาร้าย เขาก็พร้อมจะเผชิญหน้าและปกป้องน้องชายของเขาด้วยตัวเขาเอง ไม่จำเป็นต้องฝากชีวิตน้องชายไว้กับใครทั้งนั้น...อีกต่อไป



“นายครับ ที่คาดอสพูดมาผมว่าน่าเชื่อถือนะครับ นายก็รู้จักนิสัยเขาดีว่าเป็นยังไง คาดอสไม่มีทางพูดขึ้นมาลอยๆ โดยไร้เหตุผลและหลักฐานนะครับ อย่างเรื่องนายน้อยฟ่านหยางอี้ เราก็ได้เขาช่วยไม่ใช่หรอครับนาย”



“เจียนเหมิง! ฉันอยากกลับไปหาน้องชายฉันแล้ว” หยางเฟยทำท่าทีไม่สนใจคำพูดของลูกน้องคนสนิท ก่อนจะเดินนำลิ่วกลับไป
ยังห้องพักผู้ป่วย



   เจียนเหมิงได้แต่มองตามหลังเจ้านายอย่างหมดปัญญา เขาไม่รู้เลยว่าฟ่านหยางเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  แต่ที่แน่ๆเบญจพิษนั้นน่ากลัวจะดีไม่น้อยถ้าได้คนของอินทรีทองช่วย เขาไม่ได้ขี้ขลาดหวาดกลัวแต่เพราเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคนต่างหาก...



:L2:



เรื่อยๆๆ สบายๆ สไตล์ผู้แต่ง    เฟอกัลก็เฟอกัลเถอะ เดี๋ยวเจอคู่แท้ ฤทธิ์เดชหายเกลี้ยงแน่  :hao3: :hao3:


ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 17
«ตอบ #43 เมื่อ03-09-2016 01:23:34 »

เชียร์คาดอสนะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 17
«ตอบ #44 เมื่อ03-09-2016 15:19:01 »

ตอนที่ 18



           ผ่านเรื่องราวแห่งความจริงของตระกูลฟ่านไป แต่เรื่องหัวใจของคาดอสนั้นกลับครึกครื้นลุกโชนขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงแม้เขาจะต้องการเห็นหน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็ต้องจำทนยอมรับและให้เวลาสองพี่น้อง



          การเจรจาวันนั้นผ่านไปถึงห้าวันแล้ว ประธานบริษัทหนุ่มแห่งอินทรีทองยังคงใช้เวลาว่างพักผ่อนด้วยการทำงานที่ประเทศไทย เหตุผลเพียงเพราะต้องการอยู่ใกล้ฟ่านหยางอี้ให้มากที่สุด แม้ตอนนี้ร่างบางกำลังเสียใจและปรับตัวกับความจริงนั้นอยู่ก็ตาม



ก๊อกๆๆ แอดดดดด


“ขออนุญาตครับบอส” หนุ่มท่าทางสุขุมคนสนิทเดินเข้ามาในห้องอย่างเคยชิน


“ว่าไงไดนาดิน”


“เมื่อเช้าผมไปที่แมนชั่นคุณพิคเจอร์มา เขาฝากใบลาพักงานมาให้บอสครับ”



             คาดอสปรายตามองคนสนิทกับสิ่งนั้นเพียงหน่อยเดียว ความสงสัยผุดขึ้นในหัวของคาดอสทันทีว่าคนสนิทของเขานี้ไปทำอะไรที่แมนชั่นของพิคเจอร์ เพราะเขาไม่ได้สั่งให้ไป พอแกล้งแอบอ่านความคิดแต่ไม่มีสิ่งใดปรากฏในสมองของไดนาดิน  ยังไม่ทันที่คนสนิทจะเดินเอากระดาษแผ่นนั้นมาถึงโต๊ะทำงานเขา ร่างสูงก็รีบเปรยบอกให้ทิ้งลงถังขยะ



“ทิ้งไปซะ!!!”


“แต่บอสครับ!”


“ฉันเข้าใจพิคเจอร์ดี ให้เขาพักงานไปก่อน เขาคงอยากอยู่กับตัวเองให้มากกว่านี้”


“ครับบอส!”



          ไดนาดินจัดการตามที่คาดอสสั่ง แล้วหันเดินออกจากประตูไป  คาดอสเป็นห่วงคนตัวเล็กมาก แต่เพราะวาจาสั่งห้ามเขา
อย่างเด็ดขาดจากฟ่านหยางเฟยประมุขเสือแดง ไม่ให้ไปยุ่งกับฟ่านหยางอี้น้องชายของเขา คาดอสเลยได้แต่มองดูห่างๆเท่านั้น



          แต่จะให้พิคเจอร์เลิกทำงานที่นี่ เห็นทีคงจะไม่ได้ ใบสัญญาการทำงานนั้น ฟ่านหยางเฟยเข้าใจและรู้ดี ถึงยังไงก็ต้องจำยอมให้น้องชายของเขามาทำงานต่อให้ครบกำหนดวาระหนึ่งเดือนเช่นเดิม




จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงของวัน...


ก๊อกๆๆๆ


เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป หากเป็นไดนาดินถ้าเคาะแล้วจะเปิดเข้ามาทันที


“เชิญ!!!” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจตะโกนบอกคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น


แอดดดดด


      ประตูถูกเปิดเข้ามาช้าๆ พร้อมกับปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่เขาต้องการอยากเจอและอยากคุยด้วยในรอบห้าวันนี้มากที่สุด แต่ทำไมสีหน้าคร่าตาไม่สู้ดีเอาเสียเลย



“สวัสดีครับท่านประธาน” เสียงทักทายอ้อยอิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงนัยน์ตาเศร้าหม่นปรากฏ ค่อยๆเดินไปประจำตำแหน่งโต๊ะ


“นี่คุณโอเคแล้วหรอ? ถึงได้กลับมาทำงาน!” คาดอสเปรยถามเพราะเป็นห่วง รีบลุกจากเก้าอี้ มุ่งตรงมาหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีเดียว


“จะหายหรือไม่หาย แต่ความจริงมันก็คือความจริงไม่ใช่หรอครับ” ร่างเล็กยิ้มบางๆ


“อย่าฝืนตัวเองเลยนะ คุณไม่ไหวก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่ได้เร่งรัดกำหนดเวลาทำงานคุณขนาดนั้น”


“ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่า ผมอยู่ห้องไปก็ไมได้ช่วยอะไร สู้ซะหาอะไรทำไปพลางๆ มันน่าจะช่วยกลบความทุกข์นี้ได้”


“ตามใจคุณแล้วกัน เอ่อ...วันนี้หลังทำงานเสร็จ ให้ผมไปส่งคุณนะ” คาดอสเริ่มสานสัมพันธ์ทันที


“ไม่เป็นไรครับ พี่หยางเฟยให้อินจือมารับผมแล้ว”



          คาดอสรู้สึกเหมือนถูกกีดกัน ดักทางเอาไว้ก่อนหน้า  ฟ่านหยางเฟยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีให้ฟ่านหยางอี้เลยแม้แต่น้อย


“โทรบอกพี่ชายคุณว่าคุณจะให้ผมไปส่งที่แมนชั่นแทนอินจือ!” คาดอสเปรยบอก


“ผมไม่ได้คิดจะให้คุณไปส่งตั้งแต่แรก ทำไมต้องให้ผมโกหกพี่หยางเฟย” สายตัดพ้อมองมาที่เขาทันที


“โกหกที่ไหนกัน เพียงแค่คุณพูดไปตามนี้ ผมก็จะขับรถไปส่งคุณตามที่บอกไง? ผมไม่ได้หลอกพี่ชายคุณ”

...

...

...

“คุณคาดอส...เรื่องราวของเราตอนเด็ก พี่หยางเฟยบอกผมหมดแล้ว”

...

“รู้แบบนี้แล้ว...คุณรู้สึกยังไงกับผม”


           ช่วงเสี้ยววินาทีนี้มันเหมือนกับอากาศภายรอบกายคาดอสแทบจะไม่มีอยู่เลย ความกดดันถาโถมเข้ามาสู่ร่างสูงใหญ่ที่รอคอยคำตอบออกจากปากอีกฝ่ายอย่างใจจดจ่อ


“เมื่อก่อน คุณอาจจะรักผมเพราะผมคือฟ่านหยางอี้ แต่ว่า...20ปีที่ผ่านมา ผมเติบโตที่ประเทศไทย และมีชีวิตอยู่อย่างคนไทยคนหนึ่งในชื่อ พิคเจอร์ บอกตามตรงนะ ทั้งชีวิตของผม ผมเชื่อตัวเองไปแล้วว่าผมคือพิคเจอร์ ไม่ใช่ฟ่านหยางอี้ ถ้าหากคุณจะคิดแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมอยากให้คุณรักผมที่ผมเป็นพิคเจอร์ ไม่ใช่ฟ่านหยางอี้ที่คุณกำลังเฝ้ารอ”



“มันก็คนคนเดียวกันไม่ใช่หรือไง?” คาดอสงง ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าต้องการจะสื่ออะไร


“ที่ผมพูดคุณยังไม่เข้าใจอีกหรอครับ  ถ้าหากสถานการณ์พลิกล๊อก ผมกับฟ่านหยางอี้เป็นคนละคนกัน คุณก็จะเลือกฟ่านหยางอี้แทนที่จะเป็นผม!...ถูกไหมครับ?”


“คือ...เอ่อ...”



          ร่างสูงพูดไม่ออก มันก็จริงอย่างที่พิคเจอร์ว่ามา...ถ้าหากสองชื่อนี้ไม่ใช่คนคนเดียวกันล่ะ เขาจะเลือกใคร? แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขากำลังสับสน


“คุณตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราเอาตรงๆผมเองก็ไม่ได้รู้สึกรักหรือชื่นชอบคุณเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว แต่ผมแนะนำคุณได้นะ ถ้าหากคุณเลือกฟ่านหยางอี้ ผมอยากให้คุณตัดใจและคิดซะว่าเขาได้จากคุณไปแล้ว ความทรงจำเมื่ออดีต คุณเก็บมันเอาไว้ในใจเถอะ”


“ผมทำอย่างนั้นได้ที่ไหนกันพิคเจอร์! คุณพูดแบบนี้คุณรู้ไหมว่าคุณทรมานหัวใจผมขนาดไหน!”


“ที่คุณทรมานอยู่ ก็เพราะคุณรู้อยู่เต็มอกว่าผมเป็นฟ่านหยางอี้ไง แต่ฟ่านหยางอี้คนที่คุณรัก คนที่คุณอยากปกป้องคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ความทรงจำนั้นมันดูเด็กเกินไปสำหรับผม เกินที่ผมจะจดจำได้ครับ!”


“ไม่!!! ไม่นะ คุณอย่าให้ผมต้องเลือก ผมตัดใครคนใดคนหนึ่งไมได้ทั้งนั้น พิคเจอร์”



     คาดอสเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางตรงหน้าเอาไว้ ทำราวกับว่ากลัวพิคเจอร์จะหายไปจากชีวิตเขาอีกครั้ง แต่ทว่าอีกฝ่ายที่อยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนั้นกลับไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธเขา แต่พิคเจอร์กลับยืนนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่ต้องการอยู่อย่างนั้น


“ขอโทษนะ...ผมเป็นฟ่านหยางอี้ในแบบที่คุณต้องการไม่ได้แล้ว เพราะผมคือพิคเจอร์ นี่คือชีวิตที่แท้จริงในชีวิตผม”


“ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้” นี่เป็นครั้งแรกที่ประมุขอินทรีทองเอ่ยอ้อนวอนคนร่างเล็กในอ้อมกอด


“เก็บฟ่านหยางอี้ในความทรงจำคุณต่อไปเถอะนะครับ ผมก็จะจดจำคุณไว้เช่นกัน แม้ว่าความทรงจำนั้นผมกลับจำไม่ได้เลยก็ตาม” ผ่านไปนานหลายนาที คาดอสกอดพิคเจอร์เอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยไปไหน

...


...


...

“ผมเลือกได้แล้ว ผมเลือกคุณพิคเจอร์!!!”


“อย่าหลอกผม เพียงเพราะคุณจำใจ!”


“คุณถูกลักพาตัวไปที่เซี่ยงไฮ้ ตอนนั้นผมทั้งเป็นห่วงคุณและโมโหหยางเฟยมาก ผมไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำในตอนนั้นว่าคิดยังไงกับคุณ จนกระทั่งไดนาดินเตือนสติผม แต่ผมก็ยังไม่เชื่อว่าผมจะมีรักครั้งใหม่ได้ ครั้งที่สอง ผมช่วยคุณออกจากเซี่ยงไฮ้ได้ ผมก็ต้องตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีชีวิตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ผมรู้ว่าคุณจะต้องไม่พอใจผมที่ผมให้ด๊อกเตอร์บารอนฉีดสารกระตุ้นร่างกายคุณ ตอนนี้ผมสรุปได้แล้วว่าทำไมผมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย เพราะว่า...ผมรักคุณ รักที่เป็นคุณไม่ใช่เพราะฟ่านหยางอี้”


“...”



                  พิคเจอร์ยืนฟังอยู่นาน คำตอบที่เขาไม่เคยได้จากชายคนนี้มาตลอดหลายสัปดาห์ก่อน ตั้งแต่ครั้งเจอกับคาดอสที่สนามบินลอสแอนเจลิส จนกระทั่งตอนนี้เขาเข้าใจเจตนาของคาดอสหมดสิ้นแล้ว


“ทำไมคุณไม่เคยบอกผม?”


“เพราะผมยังสับสน แต่การกระทำของผม ผมสาบานได้ว่าผมทำไปตามความรู้สึกที่มันสั่งให้ทำไม่ใช่เพราะความสับสนแน่นอน  คุณเชื่อผมนะ”



“ผมไม่รับปากนะครับ ว่าผมจะเหลือหัวใจให้กับคุณรึเปล่า!”


“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นพิคเจอร์ ต่อไปนี้ผมจะทำให้คุณเห็นเองว่าผมจะเป็นคนที่ใช่สำหรับคุณ”


“แต่คนที่ใช่ มันไม่จำเป็นต้องพยายามไม่ใช่หรอครับ?”


“เรื่องนั้นผมรู้ แต่ผมจะลองทำดู และจะทำไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคุณจะเริ่มรักผมหรือไม่! ”


“คุณจะเอาเวลาชีวิตมาทิ้งเพราะผมไม่ได้นะ”


“ใครว่าล่ะ การที่ผมได้ทำอะไรเพื่อคนที่ผมรัก ผมว่ามันเป็นการมอบเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมแล้ว”


“...?”


“เชื่อผมเถอะนะ ความรักมันไม่ใช่การลงทุนทำธุรกิจ ผมไม่หวังว่าจะได้กำไรหรือได้ทุนคืนจากคุณ”


“คุณกำลังทำให้ผมลำบากใจ”


“ก็ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจสิครับคนดี”


“ทั้งๆที่ต้องทนเห็นความพยายามของคุณอย่างนั้นนะหรอ?”


“พิคเจอร์ ผมบอกแล้วไงผมไม่ต้องการทุนหรือกำไรคืน แต่มันจะวิเศษและมีค่ามากกว่านั้นหากคุณจะใจอ่อนและรับผมไว้ในหัวใจแทนฟ่านหยางเฟย ในฐานะคนที่คุณพร้อมจะมอบชีวิตให้ผมดูแล และสำคัญที่สุดคือ คุณรักผมจากใจจริง ไม่ใช่เพราะเห็นใจ”


“คุณนี่นะ...หาเรื่องให้ผมปวดหัวอยู่ตลอดเวลาเลย” พิคเจอร์ทำหน้ามุ่ย



ก๊อกๆๆๆ แอดดดด


“อุ้ย!!! ขอโทษค่ะท่าน ไม่นึกว่าท่านกับพิคเจอร์กำลัง....”


          แม่เลขาสาวตกใจมากทีเดียว เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเป็นชายหนุ่มเรือนร่างต่างกันสองคน โดยมีคนตัวเล็กกว่าถูกเจ้านายของเธอโอบกอดเอาไว้ แม้ตอนนี้เลขาสาวสวยจะยืนมองอย่างทึ่งทึ่ง แต่ใช่ว่าคาดอสสนใจซะที่ไหน เขายังคงกอดร่างเล็กต่อไป แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามดิ้นหนีเพราะเขินอายก็ตาม


“ไม่เป็นไร! ว่าแต่มีอะไร?” คาดอสไม่คิดถือสา แต่กำลังสนใจมากกว่า ว่าเธอมีธุระอะไรจำเป็นรึเปล่า


“คือ...มีคนเอาช่อดอกกุหลาบแดงมาให้ เอ่อ...”


“ให้ใคร!!!” คาดอสเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางอ้ำอึ้งของแม่เลาขาสาว แต่ลืมไปว่าเขาเองก็อ่านความคิดเธอได้


“ให้คุณพิคเจอร์ค่ะ”


          ถึงจะเก่งด้านการทำงาน แต่แม่เลขาสาวก็พอจะดูออกว่าตอนนี้ไม่เจ้านายก็คนที่เอาดอกไม้มาให้ ไม่คนใดก็คนหนึ่งกำลังเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านชัวร์ แต่ในใจของเธอ เธอภาวนาให้ท่านประธานบริษัทของเธอเป็นตัวจริงของคุณพิคเจอร์จะดีกว่า


“เอาออกไปได้แล้ว ถ้าเขาถามก็บอกเขาไปว่าดอกไม้ช่อนี้ คุณพิคเจอร์ไม่ต้องการ เพราะแฟนเขาหวงมาก!!!” คาดอสบอกเสียงดุจริงจัง แต่ไมได้ทำให้พิคเจอร์เกรงกลัวแม้แต่น้อย


“ได้ค่ะ!” เลขาสาวขานตอบหนักแน่น แต่อีกเสียงกลับตะโกนรั้งเธอเอาไว้เสียก่อน


“เดี๋ยวครับ!!! เสียน้ำใจคนเอามาให้แย่เลย ผมขอรับไว้ดีกว่านะครับ” ร่างบางเปรยบอกความจำนง


“ไม่ได้นะพิคเจอร์ ไปรับของ  ของคนที่เราไม่รู้จักเลยแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”


“แต่ถ้าจะให้ทิ้งก็เสียดายแย่ คุณคาดอสเข้าใจคำว่า...น้ำใจที่มีให้...ไหมครับ?”


“คำนี้ ผมไม่คิดจะใส่ใจ”


“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง คุณถึงได้มี นิสัยแย่ กวนประสาท โลกส่วนตัวสูงและมีความนิ่งเทื่อเป็นหุ่นปั้น กับโหดร้ายเกรี้ยวกราด
อย่างกับยักษ์ใหญ่”


“โถ่พิค ถ้าคุณอยากได้ ผมจะซื้อให้คุณสวยกว่าของใครที่ไหนก็ไม่รู้ให้มาเลย”


“คุณคาดอส คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ ผมต้องรับไว้เพราะความมีน้ำใจ ไม่ใช่เพราะอยากได้”



       ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเชียบอีกครั้ง ลมหายใจของคาดอสรดลงมาที่แก้มข้างซ้ายของอีกฝ่าย เลขาสาวยืนมองอยู่กลับรู้สึกใจไม่ดี หัวใจมันสั่นระรัวทุกครั้งเวลาที่เห็นคู่ชายชายกอดกันแบบนี้ และครั้งนี้เป็นหนังสดต่อหน้าต่อตาเธอขนาดนี้ มีหรอจะเก็บความรู้สึกนั้นอยู่

...

...

“เอ่อ...สรุปว่าดอกไม้ช่อนี้เอายังไงดีคะ?” เธอเอ่ยถามเสียงอ่อยพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ


“เอาไปทิ้ง/เอามาให้ผม”


     น้ำเสียงตะโกนตอบไป มันทั้งสวนทางกันและไม่มีใครยอมใคร คาดอสหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่เห็นร่างบางยังดื้ออยู่ ส่วนอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ต่างกันว่าการรับน้ำใจนั้น ไม่ได้หมายถึงความอยากได้


“คุณคาดอส คุณต้องใจกว้างกว่านี้นะ!!!”


“แฟนใคร ใครก็หวง ผมไม่ยอมใจกว้างแน่!”


“ผมบอกตอนไหนว่าผมยอมเป็นแฟนคุณ”


“ก็...ไม่ได้บอก”


“ขี้ตู่  ปล่อยผมได้แล้วคุณ ถ้าไม่ปล่อย ผมจะห้ามหัวใจไม่ให้รักคุณอีกเลย!”


“หมายความว่าไง? สรุปในหัวใจคุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่พิค”



     พิคเจอร์ปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกมาจนได้ ความกดดันและเริ่มอายมีมากขึ้น เมื่อครู่เขาเผลอพูดอะไรออกไป


“เอ่อ...คือ...”


“ตั้งแต่ตอนไหนพิค! คุณรู้สึกกับผมตั้งแต่ตอนไหน?” คาดอสคาดคั้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้านิ่งต่อหน้าร่างบางเป็นครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มนั้นจะทำให้ความรู้สึกพิคเจอร์เปลี่ยนไป

...

“คุณยิ้มแล้วดูดีนะ!” พิคเจอร์แกล้งชมไปอย่างนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่าย แต่มันกลับไมได้ผล!!!


“อันนั้นผมรู้อยู่แล้ว ว่ายังไง! จะตอบผมได้รึยัง” คนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า แต่นั่นมันก็จริงของเขา ตอนนี้พิคเจอร์อึดอัดมาก กล้ามเนื้อส่วนอกและท้องของคาดอส เขาแทบจะพรรณนาออกได้หมดทุกสัดส่วนโดยไม่จำเป็นต้องเห็นของจริงด้วยซ้ำในเวลานี้


“ขอไม่ตอบได้ไหม?”


“ผมยอมให้คุณรับช่อดอกไม้เน่าๆนั่น โดยการแลกกับคำตอบให้กับผม” ดอกไม้เน่าๆหรอ? สวยดีออก... ... ... ...


“ก็ตั้งแต่...อเมริกาโน่นมั้ง?”


“ทำไมต้องมั้งล่ะ? ผมต้องการความแน่นอน”


“นายร่างยักษ์ คุณกดดันผมเกินไปแล้วนะ ปล่อยผมได้แล้ว คำตอบคุณก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?”


“โอเค...ในเมื่อคุณไม่ยอมบอก ผมจะขอคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกัน”



                ประมุขอินทรีทองอารมณ์ดี คลายกอดร่างบางที่แสนแนบแน่นและเนิ่นนานที่สุดในชีวิตของสองคน   คาดอสเดินไปรับเอาช่อดอกไม้นั้นกับเลขาสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจให้กับดอกไม้ช่อนั้น เขาคงต้องให้แกริคช่วยเรื่องนี้ เขาต้องการรู้ว่าใครส่งดอกไม้ช่อนี้มากันแน่   



             ร่างเล็กกว่าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอย่างคาดอส ถึงมีท่าทีสีหน้ามีปัญหากับช่อดอกไม้ได้ด้วย มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี  แต่ทว่าเมื่อพินิจดูคนตรงหน้าอีกที นายร่างยักษ์ของเขาคนนี้กลับไม่ได้เลวร้ายอะไร คาดอสมีมุมที่อ่อนโยนเหมือนคนอื่นๆทั่วไป เพียงแต่เขาเลือกใช้แสดงออกเฉพาะต่อหน้าบุคคลเท่านั้นเอง...


:L2:


ประกาศ  วันที่ 4 กันยายน พรุ่งนี้น้านนนนนน   ไม่ได้มาอัพนิยายนาจา  ขอโทษด้วยน้า คือ...ต้องไปทำธุระอ่า  ถ้าคิดถึงคาดอสกับพิคเจอร์ ก็อ่านตอนที่ 18 นี้ไปก่อนน้า  วันจันทร์ที่ 5 กันยาเจอกัน ตอนที่ 19

:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:



ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 18
«ตอบ #45 เมื่อ03-09-2016 16:13:16 »

จะรอคนมาต่อนะค่ะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 18
«ตอบ #46 เมื่อ05-09-2016 12:12:10 »

ตอนที่ 19


“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”



          พิคเจอร์หันไปบอกเจ้าของรถที่นั่งนิ่งมาตลอดทาง จริงๆก็ไม่แปลกอะไร ปกติก็เห็นเขามักแสดงบุคลิกแบบนี้อยู่แล้ว



          สาเหตุที่ต้องมาส่งถึงที่บ้าน เพราะความคะยั้นคะยอไม่ยอมเลิกราของคาดอสต่างหาก ร่างบางตัดปัญหาไปด้วยการโทรบอกพี่ชายไม่ต้องให้อินจือมารับที่บริษัทหลังเลิกงาน


“พรุ่งนี้ผมจะมารับแล้วกันนะ” น้ำเสียงราบเรียบพูดเชิงสั่ง


“ไม่ต้องหรอกคุณ ผมไปเองได้ ที่พักผมกับคอนโดคุณอยู่คนละที่เลยนะ”


“พรุ่งนี้ผมจะมารับ รู้เท่านี้ก็พอ!”


“ทำไมคุณถึงชอบบังคับผมจังนะ!” พิคเจอร์ไม่เข้าใจ


“ถ้าบังคับแล้วคุณปลอดภัย ผมก็จำเป็นต้องทำ”


“แล้วอะไรที่คิดว่าผมไม่ปลอดภัย ศัตรูคุณก็มีแค่พี่หยางเฟยไม่ใช่หรอ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนพี่ชายผมเขาไม่ได้คิดเคียดแค้นอะไร
คุณเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย”


“ไม่ใช่หยางเฟยหรอก!”


“อะไรนะ? นี่คุณมีศัตรูอีกอย่างนั้นหรอ ผมชักจะไม่ไหวแล้วนะคุณ”


“เป็นคนของผมแล้วไม่ไหวก็ต้องไหว ถ้าหากคุณเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเอง”


“โอเคๆ ผมจะพยายามทำตามคุณบอกแล้วกัน  แต่...ห้ามขี้ตู่ว่าผมเป็นคนของคุณอีกนะ ผมไม่ชอบ”


     พิคเจอร์พูดไปก็เท่านั้น แต่เพื่อตัดปัญหา เขาคงต้องทำตามที่อีกฝ่ายต้องการจะดีที่สุด วันนี้เขาเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย ไม่มีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำกับนายร่างยักษ์นี่หรอก 



      พอลงจากรถไปแล้ว ก็ทำหน้าที่ยืนรอส่งเจ้านายผู้แสนดี มีน้ำใจมาส่งถึงหน้าแมนชั่น แต่แล้วกระจกฝั่งประตูที่เขาลงเมื่อครู่ก็ค่อยๆเลื่อนลดหลั่นลงมา จนทำให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายด้นาใน


“ถ้ามีอะไรไม่ปลอดภัย ให้ใช้เกาะกำบัง และการวิ่งเร็ว ถ้าหาจังหวะได้ให้โทรหาผม ผมจะมาหาคุณทันที”


“บอกตามตรงนะ ไอ้พลังเหนือมนุษย์ที่ผมมีอยู่ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะใช้มันยังไง?”


“ไม่ยาก แค่รวมจิตและพลังงานเป็นหนึ่งเดียว คุณก็ควบคุมมันได้แล้ว”


“นั่นแหละยาก! กลับได้แล้วคุณ บ้ายบาย”


“ไล่กันจังเลยนะ” คาดอสยิ้มมุมปาก


“เปล่า คุณจะได้รีบกลับไปพักผ่อนไง เห็นทำงานกองโตทั้งวันแล้วไม่ใช่รึไง”


“เป็นห่วงผมหรอ?”


“เปล่า! ผม...ผมว่าผมขึ้นห้องดีกว่า พรุ่งนี้ผมจะลงมารอคุณเจ็ดโมงเช้าแล้วกันนะ”


“...” ร่างสูงไม่ตอบอะไรนอกจากพนักหน้าให้เบาๆไม่กี่ครั้ง


      ล้อรถส่วนตัวคันหรู ค่อยๆหมุนจากช้าเป็นเร็ว ในที่สุดก็ลับตาหายไปจากตรงหน้าทางเข้าแมนชั่น เพียงแค่หนุ่มชาวไทยหัน
หลังจะเดินกลับเข้าแมนชั่น กลับต้องหยุดนิ่งหลายวินาทีเพราะความตกใจของใครบางคนดักขวางทางอยู่


“ฟิน! มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“พิคมากับเขา ไหนเคยบอกฟินไม่ใช่หรอว่า ไม่ได้คิดอะไรกับเขา” ฟินเริ่มหวงออกนอกหน้า


“ก็ไมได้คิดอะไรไง”


“แล้วทำไมไอ้หมอนั่น ต้องเป็นห่วงเป็นใยพิคด้วย”


“ใจเย็นนะฟิน วันนี้เป็นอะไรไป ทำไมอารมณ์ไม่ดี เรื่องที่ทำงานหรอ!”


      พอทักท้วงเข้าหน่อย พ่อหนุ่มเรือนร่างบางไม่ต่างกันก็เงียบไป ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่าเผลอทำอารมณ์ไม่ดีใส่พิคเจอร์โดยไม่รู้ตัว

...

...

...

“ก็แค่...ไม่อยากให้พิคไปสนิทสนมกับเขา ก็เท่านั้น” ฟินเลี่ยงเหตุผลบางอย่างไป


“เขาไม่ใช่แค่เจ้านายของพิคนะฟิน แต่เขากับพิครู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างที่พิคเล่าให้ฟินฟังแล้วไง มิตรภาพมันลบเลือนไปไม่ได้หรอกนะ”


“ทั้งๆที่พิคจำอะไรไมได้เลยตอนเด็กอย่างนั้นนะหรอ?”


“อื้มใช่! ขึ้นห้องกันเถอะ อ่อ..แล้วนี่ฟินทานอะไรมารึยัง”


“ยังหรอก รอทานพร้อมพิคนั่นแหละ หิวไปหมดแล้วเนี่ย” ฟินไม่ว่าเปล่าเอามือกุมท้องราวกับหิวมาก


“โอเค! งั้นยังไม่ขึ้นห้องตอนนี้ก็ได้ เดินไปหาร้านอาหารริมทางแถวนี้ทานแล้วกัน” พิคเจอร์ยิ้มให้พร้อมกับจูงมืออีกฝ่ายให้เดินไป
พร้อมกัน หารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้ฟินหลงรักพิคเจอร์มากขึ้นไปอีก







           บนคอนโดมิเนี่ยมหรู คาดอสเพิ่งกลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก่อนออกจากห้องทำงานเมื่อตอนเย็น เขาแอบหยิบกุหลาบมาดอกหนึ่งเหน็บเก็บไว้ด้านในเสื้อสูท ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้มาทั้งวัน กำลังจะประจักษ์ต่อหน้าเขาแล้ว!



“แกริค ช่วยฉันที ดอกไม้ดอกนี้เป็นของใครกันแน่” คาดอสยื่นมันให้กับคนของเขา


“สบายมากครับบอส!”


           แกริคยิ้มอ่อนแล้วแตะปลายนิ้วลงบนดอกตูมๆสีแดง เพียงไม่กี่วินาที เขาก็ทำสำเร็จ


“ว่ายังไง?”


“เป็นของเฟอกัลครับ เขามาถึงประเทศไทยแล้วด้วย”


“ว่าไงนะ!” คาดอสตกใจมาก

“แบบนี้ก็แสดงว่า...คนที่ชอบพิคเจอร์คือเฟอกัลอย่างนั้นหรอครับ” ไดนาดินตีความไปตามที่เห็น


“ไม่ใช่แค่เฟอกัลหรอก แต่รวมไปถึงฟินกี้น้องชายของมันด้วย” คาดอสพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น


       ทำไมเขาจะไม่รู้ก่อนหน้านี้ที่ไปส่งพิคเจอร์ถึงหน้าแมนชั่น เขารับรู้ได้จากใครบางคนที่แอบซ่อนตัวอยู่แถวๆนั้น ในจิตใจเหมือนจะเก็บความรู้สึกและความคิดไม่อยู่ มันชัดเจนมากยิ่งกว่าอะไร คาดอสสัมผัสได้ถึงความหึงหวงและไม่ชอบใจเขาเป็นอย่างมาก



“เบลซ โทรบอกคนของเหลาสู่หงเซ่อ ให้เขารู้ตัวไว้ว่าเบญจพิษกำลังคิดยังไงกับนายน้อยฟ่านหยางอี้”


“ครับบอส!”




            เช้าวันใหม่...เจ็ดโมงตามนัด ฟ่านหยางอี้ในวันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพู กับกางเกงแสลกดำ กำลังเดินมุ่งมาด้านหน้าแมนชั่น โดยมีรถหรูคันคุ้นตาจอดรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกับรถค่อยๆเคลื่อนตัวออกถนน


“สวัสดีครับ!”  ใบหน้ามุ่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีของอีกฝ่ายทำให้คาดอสเป็นห่วง


“คุณเป็นอะไร”


“เปล่าครับเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย”


“แต่ผมอยากรู้!”


“เอ๊ะ! คุณนี่เป็นคนยังไงนะ บอกว่าเรื่องส่วนตัวก็คือส่วนตัวสิ”


“พิค! มีอะไรไม่สบายใจก็บอกผมเถอะนะ ผมเป็นห่วงคุณ”


            คาดอสพูดเสียงอ่อนลง เขากำลังแสดงให้เห็นว่ากำลังไม่สบายใจกับท่าทีสีหน้าของพิคเจอร์มากแค่ไหน ร่างบางชำเลืองมองด้วยหางตา ก็เห็นอีกฝ่ายทำราวกับอยากรู้จริงๆ แต่ช่วยไม่ได้ คราวนี้ก็คงต้องบอกไปอีกเหมือนเดิม คิดเสียว่าสงเคราะห์คนอ่านความคิดเขาไม่ออกก็แล้วกัน



“เมื่อคืน พี่หยางเฟยโทรมา บอกว่าให้ผมย้ายไปอยู่ที่พักใหม่!”


          คาดอสยิ้มมุมปาก แต่ก็เก็บรอยยิ้มนั้นทันก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองหน้าเขาตรงๆ ไม่นึกเลยว่าคำเตือนจากเขา ฟ่านหยางเฟยจะเชื่อโดยไร้ข้อกังขาและทำตามอย่างว่าง่ายขนาดนี้


“ทำไมถึงย้ายหรอ?” คาดอสแสร้งถาม


“พี่หยางเฟยบอกว่าผมอยู่ที่แมนชั่นแล้วไม่ปลอดภัย พูดเหมือนคุณเลย!” ร่างบางหันมาแขวะร่างสูงทันที


“แล้ว...ตกลงจะย้ายไหม?”


“พี่ชายสั่งก็ต้องย้ายแหละ คุณก็ต้องเข้าใจนะ แต่ตอนผมตัวคนเดียว ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมมีพี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ผมทั้งแคร์
และรักเขามาก ผมจำเป็นต้องทำตามที่เขาบอกแหละ ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” 

        แต่ร่างบางจะไม่มีทางรู้ว่าการที่พิคเจอร์ทำตามที่พี่ชายบอก จะทำให้คาดอสหายห่วงด้วยเช่นกัน


“ก็ดีแล้ว! แล้วนี่หยางเฟยบอกไหมว่าไม่ปลอดภัยเรื่องอะไร?”


“จะไปรู้หรอ ขนาดคุณ...ผมถามกลับ ยังไม่ยักจะได้คำตอบเลย ไม่รู้ปิดบังอะไรผมกันนักหนา”



          เห็นท่าทางงอนง้ออีกฝ่ายแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ คราวนี้แหละจะเป็นครั้งแรกที่คาดอสกลั้นไว้ไม่อยู่


“ฮ่าๆๆๆ” พรึบ! เสียงหัวเราะดึงความตกใจและสนใจของทุกคนในรถหันมาที่คาดอสหมด ไม่เว้นแม้แต่คนสนิททั้งหลาย


“ขำอะไรคุณ?”


“อ้อ เออ เปล่า ขอโทษที แล้วนี่ได้ที่พักรึยัง?”


“ยังหรอก แต่คิดๆไว้ก็ไม่อยากได้ที่ไหนเลย ผมอยากกลับไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้กับพี่ชายแล้ว”


“คุณพูดจริงหรอ?”


“ก็จริงนะสิ ครอบครัวผมอยู่โน่น ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องอยู่เมืองไทยแล้ว”


“แล้วฟิน เพื่อนสนิทคุณล่ะ” คาดอสหยั่งเชิงถาม


“ก็...ผมบอกเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ แต่ดูเหมือนเขาจะเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาเข้าใจผมนะ”


“แล้วเขาสงสัยไหมว่าทำไมฟ่านหยางเฟยพี่ชายคุณถึงให้ออกจากแมนชั่นกะทันหัน”


“ไม่รู้สิ ไม่สงสัยมั้ง?”


“คนพวกนั้นอย่าไว้ใจไป บางทีมันอาจจะรู้แล้วก็ได้”


“คนพวกนั้น...พวกกันไหนคุณ?”


“เอ่อ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากกลับประเทศจีน ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้เลย” ข้อเสนอนั้นทำให้พิคเจอร์ตาโต ท่าทางดีใจ
มากเป็นพิเศษ


“จริงหรอคุณ แต่ว่า...ผมยังทำงานไม่ครบตามกำหนดในใบสัญญาเลยไม่ใช่หรอ?”


“ก็...อาจจะไม่ต้องทำงานที่ประเทศไทยต่อไง ไปทำงานให้ผมที่ปักกิ่งแทนก็ได้”


“แต่ที่ผมจะไปเมืองจีน ผมต้องการไปเซี่ยงไฮ้ ไปอยู่กับพี่ชายนะไม่ใช่อยู่กับคุณ?”


“มันจะไปต่างอะไร อีกอย่างคุณก็ได้ทำงานให้ผมจนครบ แถมพี่ชายคุณก็เดินทางมาหาคุณได้สะดวกขึ้นด้วย ไม่ต้องนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามภูเขามาหาคุณถึงที่ประเทศไทยนี่” พิคเจอร์ทำท่าคิดตาม



“แล้วพี่ชายผมจะยอมหรอ เขาประกาสออกปาวๆว่าไม่ให้ผมไปเหยียบถิ่นอินทรีทองอีก คุณจำไม่ได้รึไง”


“ก็ใบสัญญาไง พี่ชายคุณยอมอยู่แล้ว”



                 พอพูดถึงใบสัญญา มันก็จริงอย่างที่คาดอสบอกนั่นแหละ หยางเฟยต้องยอมแน่ กฎก็ต้องเป็นกฎ  แต่ให้เดาใจประมุขเสือแดงตอนนี้ ร้อยทั้งร้อย หากพิคเจอร์อยู่กับเขามันก็ปลอดภัยกว่าต้องอยู่ไกลตาและใกล้ชิดกับคนของเบญจพิษอย่างฟินกี้เป็นไหนๆ







            ใจกลางเมืองหลวงกรุงเทพมหานคร คอนโดมิเนี่ยมอีกที่หนึ่ง เป็นที่ของผู้นำเบญจพิษใช้พักผ่อนหลังจากเดินทางมาไกลมาได้ราวๆสองสามวันก่อนหน้านี้

             เรือนร่างสูงโปร่งกำลังนอนแช่น้ำ มีฟองสบู่บนผิวน้ำปกปิดส่วนล่างระหว่างต้นขา แต่แทนที่เขาจะเพลิดเพลินผ่อนคลายไปกับการอาบน้ำในอ่างอันแสนสบาย กลับกำลังทำสีหน้าทะมึงตึงไม่พอใจกับบางเรื่องที่ได้รับรู้จากน้องชาย  มือขวาที่ยกมือถือแนบหูกำลังกำแน่นอย่างไม่พอใจ โทรศัพท์แทบจะแยกชิ้นส่วนออกจากกัน



“แกว่าไงนะ? ไอ้หยางเฟยกับไอ้คาดอส กำลังรวมหัวกันขัดขวางฉันกับหยางอี้อย่างนั้นหรอ?”


“ครับพี่ แต่ผมไม่อยากห้ามอะไรพิคเจอร์มาก กลัวเขาจะรู้ว่าผมรู้เรื่องราวในองค์กรเหล่านี้มากไป”


“แกทำดีแล้ว วันนี้เห็นทีว่าฉันจะต้องบุกไปถึงบริษัทของไอ้คาดอสแล้วล่ะ!”



        เฟอกัลป์วางสายไป พร้อมกับแววตาไม่คิดจะยอมใครได้ง่ายๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าคาดอสเจอหน้าเขาแล้ว มันจะทำสีหน้ายังไง








          เวลาพักเที่ยง พิคเจอร์เคลียร์งานในช่วงเช้าจนเสร็จ หากแต่หันไปมองอีกคนบนโต๊ะใหญ่กลับตรงกันข้ามกับเขา คาดอสกำลังนั่งง่วนทำงานกับแฟ้มกองโตเช่นเดิม


“คุณ! เที่ยงแล้วนะ ไปทานข้าวกันเถอะ”


“ผมยังทำไม่เสร็จเลย คุณไปทานก่อนเถอะนะ” คาดอสบอกเสร็จ ก็ก้มหน้าทำต่อไป แต่แล้วปากกาในมือก็ถูกยึดไป จากร่างบาง
ที่เดินมาถึงตัวอย่างรวดเร็ว


“ทานข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวก็เจ็บท้องหรอก”


“ผมขอกาแฟกับไส้กรอกแล้วกัน ไปทำให้หน่อยสิ”


“ไม่ได้ คุณต้องทานข้าว ลุกได้แล้วเร็วๆ” พิคเจอร์เดินอ้อมไปด้านข้างเก้าอี้แล้วใช้แรงที่มีอยู่ฉุดแขน


“ก็ได้ๆ ไปร้านอาหารกัน เดี๋ยวผมจะให้เบลซเตรียมรถ”


“ไม่ต้องๆ ไปทานไกลทำไม ด้านหน้าบริษัทคุณก็มีร้านอาหาร เห็นมีส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียวอยู่นะ”


“ส้มตำ? ไก่ย่าง? ข้าวเหนียว?” คาดอสทวนคำพูดเหล่านั้นช้าๆ


“ใช่! อย่าบอกนะว่ามาประเทศไทย ไม่เคยไปลิ้มรสเลย?”


“คุณ!!! ผมไม่ชอบปลาร้านะ”


“จะไปไม่ไป!”


“โอเคๆ อย่าสั่งเผ็ดนะ ผมไม่ทานเผ็ด ” คาดอสรู้สึกหวั่นๆยังไงไม่รู้ อาหารประเทศไทยเครื่องเทศเยอะ รสชาติก็จัดจ้าน แต่ไหนๆ ร่างบางก็ชวนเขาขนาดนี้แล้ว ไม่ไปก็ไม่รู้จะว่ายังไง ช่วงนี้ต้องเก็บแต้มรักด้วย


แอดดดดด   คาดอสเปิดประตูห้องทำงานออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครคนนั้นยืนประชันหน้ากับเขา


“สวัสดีคาดอส” ผู้มาเยือนยิ้มอ่อน


“เฟอกัล!”


“คุณนี่เองที่เป็นคนเอาดอกไม้มาให้ผม” พิคเจอร์ประเมินจากช่อดอกไม้ในมือของชายร่างสูงโปร่งตรงหน้า


“แล้วชอบไหมครับคุณพิคเจอร์” เฟอกัลหว่านเสน่ห์ใส่ทันที


“พิคหลบไปอยู่หลังผม!” คาดอสสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนพิคเจอร์ทำตามอย่างว่าง่าย


“ฮึฮึ เป็นอะไรไป หวง!!! อย่างนั้นหรอ?” เฟอกัลยิ้มมุมปาก


“ดอกไม้ชั่วๆของแกไม่มีทางหว่านเสน่ห์พิคเจอร์ได้หรอก เพราะเขามีพลังปกป้องตัวเอง”


“หู้วววว ยิ่งยากยิ่งดีเลย ฉันชอบ!!!”


“คุณคาดอส เขาเป็นใครหรอครับ? ทำไมรู้จักผมล่ะ”


“พิค!!! อย่าเพิ่งถามเลยนะ หลบอยู่ข้างหลังผมไปก่อน”


“ผมแวะเอาดอกไม้มาให้คุณครับ คุณพิคเจอร์”


“เอากลับไปซะ แล้วแกก็ออกจากบริษัทฉันไปได้แล้ว” คาดอสเดือด ชี้มือสั่งให้อีกฝ่ายกลับไป



“บอส!!!”


     ไดนาดินเพิ่งไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำมา เห็นเหตุการณ์ด้านหน้าห้องเจ้านายกำลังมีแขกผู้น่ารังเกียจและไม่ได้รับเชิญประชันหน้าอยู่


“โอ้ววว ไดนาดิน ไม่เจอกันตั้งนาน ดูดีขึ้นนะ”


“กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะตรึงร่างแก!” ไดนาดินผู้สุขุมมาตลอด แต่พอได้เห็นเฟอกัลกลับเปลี่ยนไปอีกสไตล์


“ก็ได้!!! ฉันกลับก็ได้ ดอกไม้นี่ฉันจะวางเอาไว้ตรงนี้แล้วกันนะ ฮึฮึ ฮ่าๆๆๆ”



        เฟอกัลหัวเราะอย่างกับคนประสาทกลับ หายลับเข้าไปในลิฟต์ตัวเดิมทิ้งเอาไว้แต่ช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้น  บางทีเรื่องที่คาดอสต้องพาพิคเจอร์บินไปประเทศจีน คงต้องรีบหน่อยแล้ว ร่างบางอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้อยากจะให้พิคเจอร์มาพักอยู่กับเขาในคอนโดจะดีกว่าต้องไปหาที่พักใหม่เสียอีก...



:L2:


เรื่อยๆๆ  ไม่รีบไม่เร่ง   มาต่อให้แล้วน้า   :mew1: :mew1:



ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 19
«ตอบ #47 เมื่อ06-09-2016 08:08:58 »

ตอนที่ 20


          และแล้วความคิดของคาดอสก็เป็นจริง เขาเอาเหตุผลเข้าสู้และยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฟัง ร่างเล็กรับไว้พิจารณาผนวกกับท่าทางของเฟอกัล ประมุขเบญจพิษที่ได้เห็นตัวจริงเมื่อตอนกลางวัน ในตอนนี้ถ้าให้เลือกระหว่างคาดอสและฟินกี้ที่แมนชั่น  เขาขออยู่กับอินทรีทองจะดีกว่า


“คืนนี้คุณนอนกับผมในห้องก็แล้วกัน” ร่างสูงใหญ่เดินไปเปิดผ้าม่านออก ทำให้มองเห็นวิวมหานครยามค่ำคืน สว่างไสวระยิบระยับราวกับมีดวงดาวตกจากฟากฟ้ากระจายอยู่ในเมือง


“คอนโดคุณมีสามห้องนอนไม่ใช่หรอ?”


“ก็ใช่...แต่สองห้องนั้นลูกน้องผมเข้าไปอยู่แล้ว” พิคเจอร์พยักหน้ารับทราบ


“คอนโดคุณกว้างดี สิ่งของพวกนี้คุณตกแต่งเองหรอ?”



           พิคเจอร์ชื่นชมด้วยสายตา เขามองดูภาพบนผนัง แจกัน และของตกแต่งภายในห้องอีกมาก  มันดูลงตัวที่สุด และเข้ากับสีเทาขาวของผนังห้องเป็นอย่างดี



“เป็นไอเดียของเรนเดล เจ้านั่นมีหัวศิลป์คล้ายผู้หญิง ผมเลยวานให้เขาเข้ามาดูแลเรื่องนี้”


“จะว่าไปแล้ว คิดถึงเรนเดลจังเลย คุณน่าจะให้เขามาด้วยนะ”


“ไม่ได้หรอก ที่โน่นจะไม่มีคนเฝ้าดูแลบ้านแทนผม”


“อย่างนั้นสินะ! เอ่อ คุณ สรุปห้องคุณห้องไหนล่ะผมอยากจะอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวชะมัด”


“ห้องนี้ ส่วนผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำผมมีให้แล้วในห้องน้ำ ”


“ขอบคุณครับ” พิคเจอร์ยิ้มให้นิดนิดก่อนจะเปิดประตูห้องดังกล่าวเข้าไป


           คาดอสมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั้นไปด้วยรอยยิ้ม คืนนี้เขาจะได้ร่วมนอนกับฟ่านหยางอี้แล้วจริงๆหรอ? ทำไมหัวใจเขาถึง
ได้สั่นเต้นรัวขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นเหมือนเขารึเปล่า คงไม่หรอกเนอะ?



ครืดดดดด ครืดดดดด


           ไฟกระพริบพร้อมเสียงสั่นดังจากมือถือ แถมหน้าจอปรากฏชื่อของอดีตเพื่อนรักโทรมา คาดอสไม่รอช้ารีบหยิบขึ้นมาปัดหน้าจอรับสายทันที


“น้องฉันอยู่กับนายแล้วใช่ไหม!” ประโยคเปรยถามอย่างรวดเร็ว


“ใช่! คืนนี้คงต้องค้างที่นี่ เพื่อความปลอดภัย”


“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น แต่อย่าให้ฉันรู้เด็ดขาดนะว่าแกคิดทำอะไรน้องชายฉัน”


“แล้วถ้าฉันไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฟ่านหยางอี้เริ่มเองล่ะ” คาดอสแกล้งกวนประสาทหยางเฟย


“มันจะไม่มีวันนั้น!!! น้องชายฉันไม่ชอบแกแต่ไหนแต่ไรแล้ว”


“หลายวันมานี้ฉันว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่นายพูดแล้วสิ”


“แกหมายความว่าไง!”


“วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้วหยางเฟย เอาไว้อีกสองวันฉันกับหยางอี้จะบินไปประเทศจีนแล้วกัน”


“ฝากด้วยแล้วกัน แต่บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ แค้นก็ส่วนแค้น เสือแดงไม่มีวันลืมไปได้หรอก”


“ฮึฮึ ฉันเร่งมือให้เร็วที่สุด  แล้วนายจะรู้ว่าอินทรีทองเป็นผู้บริสุทธิ์”



              สิ้นเสียง คาดอสกดตัดสายไป เขาเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแล้วล็อกประตูห้อง หูที่มีพลังเกินมนุษย์รับรู้ได้ว่าใน
ห้องน้ำ ร่างบางกำลังทำอะไรอยู่ เสียงสายน้ำจากฝักบัวไหลรินไปตามสรีระนั้น มันทำให้เขาทำใจได้ยากทีเดียว แต่ถึงยังไงคืนนี้กับคืนพรุ่งนี้เขาต้องอดทนและผ่านมันไปให้ได้ พิคเจอร์ต้องบริสุทธิ์กายบริสุทธิ์ใจจนกว่าจะถึงปักกิ่ง



               ร่างสูงหนาถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เหลือเพียงกางเกงซ้อนบางสีดำเท่านั้น แก่นกายสีขาวสะอาดชวนให้ใครต่อใครคิดอยากจะเอามือมาลูบเล่นเสียเหลือเกิน หากแต่คนที่ทำสำเร็จหาได้ยาก ด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเวลาปกติคาดอสจะควบคุมมันอยู่



              แต่เมื่อไหร่ที่เขาโกรธ ตกใจ หรือกำลังรู้สึกวาบหวิว กระแสไฟฟ้าภายในตัวนั้นจะทวีคูณขึ้นทันที คงไม่มีใครอยากถูกไฟฟ้าช็อตหรือดูดในระหว่างร่วมกิจกรรมบนเตียงหรอกจริงไหม? ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดและจดจำไปจนวันตายเลยทีเดียว แล้วจะมีใครสักคนบนโลกใบนี้ที่จะเคียงคู่และเข้าไปอยู่ในหัวใจ เป็นตัวจริงของประมุขอินทรีทองได้ นอกจาก...



แกร๊ก แอดดดด 



        เรือนร่างบอบบาง ชำระล้างตัวสะอาดหมดจด กลิ่นแชมพู ครีมอาบน้ำยี่ห้อเดียวกับที่คาดอสใช้ ไม่ได้ต่างกัน แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าพิคเจอร์ใช้แล้วมันกลับมีกลิ่นหอมกว่าปกติ


“คุณ!!! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าดีดี” พิคเจอร์อุทานด้วยเสียงตกใจ จนลืมไปว่าตัวเองก็กำลังอยู่ในสภาพนั้นเช่นกัน แต่ดีหน่อยตรงที่ท่อนล่างมีผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดคลุมยาวจนถึงหัวเข่า


“ทำเป็นตกใจไปได้ ก็ผู้ชายเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!”



    แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ได้ทำให้แก่นกายกำยำกล้ามลอนท้อง ทุกสัดส่วนบนตัวของคาดอสทำให้เขาเบาใจแม้แต่น้อย มีแต่จะไปผลักดันให้หัวใจกลางหน้าอกเต้นตึกตึกแรงรัวหนักราวกับคนกำลังตีกลองอยู่ในนั้นก็ไม่เชิง


“คุณจะอาบน้ำใช่ไหม? เข้าไปอาบเร็วๆ ผมจะแต่งตัว” เดาได้ไม่ยากก็เห็นถอดเสื้อผ้าออกขนาดนี้ ถ้าไม่คิดจะไปอาบน้ำแล้วจะทำอะไร มันก็คงต้องเป็นอาบน้ำอยู่ดีถูกไหม?


“จะอายอะไรกัน ทำอย่างกับว่าผมไม่เคยเห็น....ของคุณอย่างนั้นแหละ”



            มาแซวต่อหน้าแบบนี้ มีหรือที่ความอายจะไม่มาเยือน ภาพความทรงจำเรื่องกล้องวงจรปิดในห้องพักที่ลอสแอนเจลิสโผล่ขึ้นมาทันตาเห็น แก้มเนียนสองข้างน่าเอาริมฝีปากกดจูบขยี้นั้นกำลังปรากฏสีแดงเรื่อชัดเจน


“ไม่สบายหรอพิคเจอร์!” คาดอสรู้ดีว่าอีกคนเป็นอะไรถึงหน้าแดง แต่ก็แค่อยากแกล้งก็เท่านั้น ร่างสูงไม่ว่าเปล่าแถมเดินเข้ามาหาเรื่อยๆ อีกไม่ถึงสามก้าวก็ประชิดตัวร่างบางแล้ว



“หยุด!!! ห้ามเดินต่อนะ ผมปกติดี คุณไม่ต้องมาดูอาการผมหรอก”


“แน่ใจหรอ? ให้ผมดูซักหน่อยสิ” คาดอสแกล้งยึกยักขยับร่างกาย ไม่คิดจะเดินไปจริงๆตามที่ว่า


“หยุดดดดดด ไม่ต้อง!!! มันไม่มีอะไรยากเลยถ้าคุณจะเข้าห้องน้ำไปตอนนี้เลยนะ ”


“จริงหรอ? หุ่นผมมันทำให้คุณเขินอายขนาดนั้นเลยหรอ ก็แค่ซิคแพ็คแปดลูกเรียงกันเป็นระเบียบ มีกล้ามเนื้อวีเชฟที่เอวแค่นี้เอง อ้อกล้ามอกที่แข็งแกร่งนี่ด้วย ” คาดอสแกล้งอีกฝ่ายต่อเนื่อง ทำเป็นก้มมองดูสรีระตัวเอง “แล้วของคุณล่ะ ไม่เห็นมีเลย” คาดอสแกล้งต่อ



“คุณคาดอส!!! เรียบๆเข้าห้องน้ำไปเร็วๆ ยืนแบบนี้ผมหนาวนะ เปิดแอร์เบอร์อะไรเนี่ย”


“ก็เปิดปกติสิบเก้าองศา” คาดอสตอบหน้าตาเฉย


“ฮะ!!! คุณว่าไงนะ”


“เลิกตกใจได้แล้วน่า ไปแต่งตัวได้แล้ว เสื้อผ้าของคุณผมเพิ่งเอาเข้าไปเก็บให้ในตู้ผมเมื่อกี้นี้เอง”


“นี่คุณก็เห็นเสื้อผ้าผมหมดแล้วสิ”


“ก็ใช่...แปลกตรงไหน ใส่เสื้อเบอร์เอ็ม กางเกงเอวสามสิบ กางเกงในไซต์เอส!!!” คาดอสเน้นหนักไปที่ท้ายประโยค


“คุณนี่นะมันน่าเอาแจกันทุบให้ตายดีไหม?” พิคเจอร์คว้าเอาแจกันตั้งโชว์ที่โต๊ะวางใกล้ๆมือขึ้นมาถือ


“อย่าขว้างนะ โอเคๆ ผมยอมแล้ว จะเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ”


              คาดอสยิ้มร่าหน้าตาสดใสเข้าห้องน้ำไป แต่เอาจริงๆพักนี้นายร่างยักษ์อารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ พิคเจอร์วางแจกันไว้ที่เดิมแล้วเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก แต่แล้วก็ต้องตกใจ คาดอสเป็นผู้ชายที่จัดข้าวของได้เรียบร้อยมาก ดูเป็นมุมเป็นสัดส่วนแยกกันดีจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ที่จัดไว้ให้เขาด้วย 



             พิคเจอร์ลังเลคิดไม่ตก ปกติเวลานอนอยู่แมนชั่นกับฟิน เขาจะไม่ชอบใส่กางเกงในนอน แต่ตอนนี้เขากำลังพักกับประมุขอินทรีทองผู้น่าเกรงขามเชียวนะ แถมนายคนนี้ก็ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองเท่า ไหนจะความน่ากลัวนั้นอีก พลังพิเศษเหนือมนุษย์ แถมพกปืนไว้ทุกซอกมุมของห้องอีกต่างหาก เห็นทีต้องใส่รัดกุมหน่อยแล้ว

...


...


             ผ่านไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง คาดอสอาบน้ำนานมาก จนอีกคนนอนหลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว เขาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดไฟ ค่อยๆก้าวไปยังเสื้อคลุมที่แขวนไว้กับเสาไม้สำหรับห้อยโดยเฉพาะ พอคลุมเสร็จก็หันหลังกลับมามองร่างบางบนเตียง สภาพที่เห็นคือชุดนอนที่เต็มยศสุดๆ ไม่รู้เพราะว่าปกติใส่แบบนี้ หรือใส่เพื่อปกป้องตัวเองเพราะกลัวเขากันแน่


               แสงไฟจากโคมข้างเตียงนอนเดี่ยว ให้แสงสว่างมองเห็นชัดเจนพอสมควร  คาดอสเดินอ้อมมาอีกฝั่งที่ยังเหลือพื้นที่ให้นอน พอร่างใหญ่ค่อยๆหย่อนตัวลงนอนขนาบร่างบางได้ที่ แสงจากโคมไฟก็ถูกปิดไป ความมืดผสมกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ มันทำให้คาดอสอดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้



            มือหนาค่อยๆดึงเลื่อนผ้าห่มจากปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้พิคเจอร์ ส่วนเขาไม่จำเป็นต้องใช้เพราะเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว


            ประมุขอินทรีทองผู้สง่าและสูงศักดิ์ประจักษ์ต่อสายตาสาธารชน แต่ในเวลานี้พิคเจอร์กลับรู้สึกว่าเขาก็ไม่แตกต่างอะไรกับผู้ชายสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่พร้อมจะดูแลและช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยเท่าไหร่ก็ตาม


            ท่ามกลางแสงสลัวฟ่านหยางอี้กลับลืมตาขึ้น ค่อยๆเอียงหัวหันไปมองอีกทาง ร่างใหญ่กำลังพักผ่อน แต่อากาศหนาวเย็นแบบนี้ทำไมถึงได้ใส่เพียงแค่เสื้อคลุมชั้นเดียว แถมนอนตากแอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้ได้อีก



พรึบ!    ร่างบางเผื่อแผ่ผ้าห่มไปให้อีกคนอย่างเบามือ แต่ถึงจะเบามือขนาดไหนอีกคนก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของเขาก็ได้




หมับ!!! คาดอสคว้าจับข้อมือเล็กๆนั้น ด้วยความอยากแกล้ง


“จะทำอะไรผม!”


“โอ้ย! คุณ ตัวใหญ่อย่างกับหมีขั้วโลกผมจะไปทำอะไรได้ ผมก็แค่จะเอาผ้า...ห่มให้คุณไง เดี๋ยวได้หนาวตายก่อนพอดี”


“ห่วงผมก็บอกดีดีสิ”


“ไม่ได้ห่วง แต่แอร์มันเย็นคุณก็รู้”


“ผมบอกแล้วไงว่าเป็นปกติของผม แล้วคุณล่ะ พักที่แมนชั่นกับฟินกี้ แต่งตัวรัดกุมหลายชั้นขนาดนี้เลยรึเปล่า?” คาดอสถามคืน
ด้วยความอยากรู้


“ไม่อ่ะ ไม่ชอบใส่อะไรหลายชิ้น”


“อ้าว! แล้วทำไมคืนนี้ถึงต้องใส่เยอะรัดกุมทั้งตัวแบบนี้ล่ะ หรือว่า...กลัวผมหรอ?” คาดอสกระซิบพูดท้ายประโยค


“ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว...จริงๆคุณก็เป็นคนดีนะคาดอส ผมหวังว่าการตายของพ่อกับแม่ผม จะไม่ใช่คุณ และไม่ทางเป็นคุณ”


“พูดไปก็หาว่าผมเอาดีเข้าตัวเอง อยากให้คุณอยู่รอดูให้เห็นกับตาจะดีกว่า”


“โอเค ผมจะรอดู แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณเปลี่ยนความคิดของพี่หยางเฟยไม่ได้”


“ผมรู้ดียิ่งกว่าคุณด้วยซ้ำ ผมโตมากับเขา เขามีนิสัยยังไงผมเดาออกหมดทุกทาง”


“เพราะคุณเหนือมนุษย์ไง เอาล่ะปล่อยมือผมได้แล้วผมจะห่มผ้าให้” 


“เดี๋ยวผมห่มเองดีกว่า ไม่อยากให้คุณแตะต้องตัวผม!!!”


“ทำไม! อ้อรึว่าคุณเป็นพวกถือตัวสินะ ขอโทษที ผมน่าจะถามคุณก่อน” พิคเจอร์บึนปากใส่


“เปล่าเลยพิค ผมกลัวกระแสไฟฟ้าในตัวผมช๊อตคุณต่างหาก”


“คุณควบคุมมันได้ไม่ใช่หรอ?”


“ในสภาวะปกติเท่านั้นแหละ”


“อ้าว!! แล้วตอนนี้ไม่ปกติหรือไง?”


“ตอนนี้คุณกำลังทำให้หัวใจผมมันวาบหวิว และซาบซ่านไปทั้งตัวรู้ไหม?”


“นี่คุณถ้าผมโดนช๊อต ผมเป็นไปนานแล้ว คุณจับข้อมือผมตั้งนาน กระแสไฟฟ้าคุณทำอะไรผมไม่ได้สักนิด”


“ก็มีแต่คุณคนเดียวนั่นแหละที่ทำได้”


“คุณกำลังจะบอกว่าเพราะผมมีพลังปกป้องตัวเองอย่างนั้นหรอ?”


“ใช่!”


“งั้นผมขอลองนี่หน่อยได้ไหม ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”


“อะไรหรอ?”


“เอาน่าอยู่นิ่งๆเป็นพอ”



   คาดอสไม่เข้าใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยอ่านความคิดร่างบางไม่ออก พิคเจอร์เอาแต่จ้องหน้าเขาและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่ง....




กระทั่ง...




จ๊วบบบบ



         ริมฝีปากเล็กประกบเข้าให้ เขาไม่มั่นใจหรอกว่าพิคเจอร์ไปเรียนรู้การจูบที่ละมุนแบบนี้มาจากไหน และไม่รู้ด้วยว่าทำไปทำไม แต่ที่แน่ๆ หัวใจของคาดอสกำลังเต้นแรงและกระแสไฟฟ้าหลายพันโวลล์กำลังวิ่งแล่นในตัวเขา พิคเจอร์ละริมฝีปากนุ่มนั้นออกไป มองดูเส้นสายฟ้าเป็นประกายหลากสีอยู่บนตัวไร้อาภรณ์(ท่อนล่างปิดอยู่)ของอีกฝ่ายอย่างอัศจรรย์


“ดูกระแสไฟฟ้าคุณสิ ทำอะไรผมไม่ได้เลย” ร่างบางยิ้มร่า แต่หารู้ไม่ว่าอีกคนแทบอยากจะดึงเข้ามาจูบอีกที


“อย่าบอกนะว่าจูบปากผมเพื่อทดลองสิ่งนี้”


“ก็ใช่นะสิ คุณ...ถามทำไมหรอ?”


           พอได้คำตอบ คาดอสเริ่มงอนทันทีจากความรู้สึกเมื่อครู่ สายฟ้าหายวับไปกับตา พิคเจอร์เริ่มได้สติกลับมาแล้ว ย้อนกลับไปทบทวน เขาไม่ควรทำแบบนี้กับคาดอสเลย ทั้งๆที่รู้ว่าร่างใหญ่ที่นอนหลบหน้าเขานั้นมีปมหลังอดีตที่แน่นแฟ้นกับตัวเขามากขนาดไหน



“คาดอส ผมขอโทษ! ผมคิดน้อยเกินไป ผมทำให้คุณเหมือนมีความหวังใช่ไหม?” เงียบ! ไม่มีเสียงทุ้มฟังนุ่มหูตอบกลับ มีเพียงเสียงแอร์กับความมืดนิดเท่านั้น


“โอเค พี่ฟู่ไป่เฉิง หายงอนน้องนะ น้องขอโทษ”



พรึบ!!!


        คาดอสพลิกตัวกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในความมืด พร้อมกับจับต้นแขนเล็กๆไว้แน่นด้วยความแปลกใจ ตกใจ และดีใจปะปนกัน



“คุณรู้จักชื่อเล่นผมได้ยังไง!”


:L2:


สวัสดีตอนเช้า  เช้าที่สุดที่เคยลงนิยาย ฮ่าๆๆๆๆใกล้มาแล้ว  ดำเนินเกินครึ่งเรื่องแล้ว  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนาจา 


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
«ตอบ #48 เมื่อ06-09-2016 16:51:34 »

พิคเจอร์ขี้อ๋อยแบบไม่รู้ตัวใช่มั้ยนิ

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
«ตอบ #49 เมื่อ06-09-2016 17:17:36 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
« ตอบ #49 เมื่อ: 06-09-2016 17:17:36 »





ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
«ตอบ #50 เมื่อ07-09-2016 10:07:15 »

ตอนที่ 21



“เงียบทำไม? ตอบผมสิ!” ร่างใหญ่ตื่นตระหนก แถมควานมือไปเปิดสวิซต์โคมไฟข้างเตียงนอนให้สว่าง


“ก็...พี่หยางเฟยเป็นคนบอก” ตัวเล็กกว่าตอบเสียงเบา



              คำตอบนั้นทำให้คาดอสนิ่งเงียบไปชั่วครู่ และไม่คิดจะหลบสายตาอีกฝ่าย เขาจ้องอยู่อย่างนั้นราวกับกำลังทำสงครามสบสายตา ท้ายที่สุดพิพัฒน์กลับกลายเป็นฝ่ายละสายตาแทน



             มือหนาแตะลงใต้แก้มใกล้กับคางเล็กนั้น แล้วออกแรงดันผลักใบหน้าอีกฝ่ายหันกลับมามองตาเขาเช่นเดิม


“เวลาคุณเรียกผมว่าพี่  รู้สึกว่ามัน...ดีไม่น้อยเลยนะ” คาดอสยิ้มอ่อน


“ตกลงเลิกงอนผมเรื่องเมื่อกี้แล้วใช่ไหม?” พิคเจอร์เอ่ยถามเพื่อความสบายใจ


“ผมจะหายงอนก็ต่อเมื่อ...เรียกผมว่าพี่ฟู่เฉิงซะก่อน”



        ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอิดออด ไม่ใช่ว่าคนตัวเล็กกว่าไม่มีทางเลือก แต่พิคเจอร์ต้องตกลงเงื่อนไขนี้ต่างหาก เขาเป็นคนเริ่มก่อนจะให้ทำยังไง ทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายหายงอนก็คงต้องทำตามความต้องการ 


“ครับ พี่ฟู่เฉิง”


“น่ารักมาก!” คาดอสเอ่ยชมอีกคนหน้าตาเฉย ไม่อยากจะเชื่อว่าพิคเจอร์จะว่าง่ายทำตามที่เขาบอก



...


“จริงๆพี่ก็ไม่ใช่คนนิ่งขรึม สุขุม  เยือกเย็นอะไรเลยนะผมว่า”


“นายคิดว่าพี่เป็นแบบนั้นหรอ?”


“ก็ใช่นะสิ ก่อนหน้านี้ พี่พูดน้อย ทำหน้านิ่ง แต่ดูตอนนี้สิพี่เหมือนคนละคนเลย”


“แล้วชอบแบบไหนล่ะ?” แววตาเป็นประกายราวกับกำลังสื่อสารบางอย่างนั้นออกมา รู้ไหมว่ามันได้ผลดีทีเดียวกับอีกฝ่ายที่กำลังตัดสินใจจะตอบ


“ชอบแบบที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านั่นแหละ”


“โอเค! นายต้องการแบบไหน พี่ก็จะเป็นให้แบบนั้น”


“อ้าว! ได้ยังไงกัน พี่ก็ต้องเป็นตัวของตัวเองสิครับ”


“ถ้าพี่เป็นตัวของตัวเอง นายไม่รอดแน่!” คาดอสยิ้มอ่อน


“หมายความว่าไง?”


“พี่เป็นพวกคิดปุ๊บ! ลงมีทำปั๊บ! แล้วตอนนี้พี่กำลังคิดอยากจะ...”



         มือหนาเอื้อมไปลูบไล่ตรงใบหน้า สองแก้มเนียนใสทั้งสองข้างของร่างบางอย่างเบามือ พิคเจอร์นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับต้องการอยากรู้ว่าชายร่างใหญ่นั้นกำลังจะทำอะไร


“...พี่ไป่เฉิง...จะทำอะไรครับ?”


“เด็กโง่ พี่ทำขนาดนี้ยังไม่รู้สึกอีกหรอ หืม?”


           เสียงแหบพร่า มันทำให้หัวใจของพิคเจอร์เบาหวิวตามด้วย ให้ตายสิหัวใจเจ้ากรรมมันกำลังตื่นตระหนก สูบฉีดโลหิตไปทุกส่วนของร่างกายแล้ว เขารู้สึกได้!


“ผมรู้...ว่าพี่ไม่ทำหรอก”



            ที่จริงร่างบางไม่ควรประมาทเขาเกินไป รึไม่ก็อาจจะไว้ใจเขาเกินไป เลยทำให้คิดและพูดออกมาแบบประโยคเมื่อครู่นั้น บอกตามตรงถ้าไม่เห็นแก่ตำแหน่งประมุขอินทรีทอง และการให้เกียรติฟ่านหยางเฟยแล้วละก็...ไม่อยากจะนึกเลยจริงๆว่าร่างบางที่นอนแผ่ราบใกล้กายเขาจะเป็นยังไง



“นายเข้าใจถูกแล้วพี่จะไม่ทำอะไรนาย” พิคเจอร์ยิ้มแฉ่งคลายความกังวลปนตื่นเต้นเมื่อครู่เมื่อได้ยินแบบนี้




“...ทั้งที่พี่อยากจะทำเหลือเกิน” คาดอสต่อประโยคจนจบ ทำให้อีกฝ่ายตื่นเต้นอีกรอบ


...


...

 
“พิคเจอร์ รู้ตัวไหมว่านายโตขึ้นมาแล้วน่ารักมากเลย นายสวยเหมือนแม่นาย ภรรยาประมุขเสือแดงคนก่อนไม่มีผิด” ร่างใหญ่
เปรยชมไปตามโครงหน้าที่เห็น



“พี่เฉิง! ผมเป็นผู้ชายต้องหล่อเหมือนป๊าสิ”


“ถ้าหล่อเหมือนป๊า ต้องยกให้ฟ่านหยางเฟยโน่น หมอนั่นหน้าเหมือนพ่อนายที่สุดแล้ว นายเองก็เห็นว่าใบหน้านายแตกต่างจากหยางเฟยขนาดไหน แล้วจะไปหล่อแบบพ่อนายได้ยังไง หืมมม!”



     มือใหญ่ยังซุกซนไม่ยอมหยุด ทั้งหน้ามือหลังมือปาดลูบไล่ไปมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว


“พี่เฉิงเลิกลูบหน้าผมได้แล้วครับ ผมไม่มีอารมณ์ร่วมหรอกนะ” พิคเจอร์รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทั้งที่ในใจจะเตลิดไปไกลตามเสน่ห์คาดอสแล้วก็ตาม



“ฮ่าๆๆ ขอโทษ พี่ไม่แกล้งแล้ว” ร่างสูงค่อยๆดันตัวลุกจากเตียง ดวงตากลมโตอีกคู่จ้องมองอย่างแปลกใจ


“พี่เฉิงจะไปไหนครับ!”



“ไปเข้าห้องน้ำ ทำไม?...อยากตามไปด้วยหรอ”



                พิคเจอร์หน้าแดงก่ำ รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้า เขาจะไม่อยากคิดเลยว่าคาดอสเข้าห้องน้ำไปเพื่ออะไร หากไม่เห็นแววตา สีหน้าที่หื่นกามสุดๆในตอนนี้ คงไม่คิดจะไปอาบน้ำหรือปลดทุกข์หรอกนะ 


“ไม่ครับ! ผมจะนอนแล้ว”



          พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอน หันหลังให้อีกฝ่าย เสียงประตูห้องน้ำปิดสนิท แสงไปจากหลังประตูห้องน้ำสาดเข้ามาในห้องนอน
พอให้เห็นลางๆ แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าเสียงที่ดังออกมาจากห้องน้ำ



เสียง!!!...ที่ไม่มีทางไม่รู้ว่ามันคืออะไร



ร่างใหญ่กำลังสำเร็จความใคร่ยังไงล่ะ!!!



“อึก..ซี๊ดดดดด..อ่า...”



“อ่ะ....อะ....อ่า...ซี๊ดดดดดด”





        เสียงนั้นดังต่อเนื่องนาน 10 นาที แล้วพิคเจอร์ต้องเอามือปิดหูเอาไว้ทั้งสองข้าง จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นห้องน้ำ พิคเจอร์ใช้ความอดทนสูงมากที่พยายามข่มตานอนหลับไม่อยากรับรู้



        ทันทีที่ทำธุระเสร็จ คาดอสก็รีบปิดไฟห้องน้ำ และโคมไฟจนห้องกลับมามืดสลัวเหมือนเดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างกายร่างบาง ความหนักของเรือนร่างนั้น ทำให้พื้นที่ทั้งเตียงยุบลงไป ส่วนฝั่งที่ร่างบางนอนกลับถูกดันเด้งขึ้นมาเล็กน้อยตามแรงกระโดดลงเตียง



“พี่เฉิง!  เตียงนอนนะครับ ไม่ใช่กระดานกระโดดเด้ง ”


“อ้าว! นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”


“เสียงดังขนาดนั้นใครจะไปหลับละครับ อุ๊บ!!!” เพิ่งนึกขึ้นได้ พิคเจอร์เอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน



“หืมมม! แอบฟังพี่เล่นมังกรอยู่สินะ”



    พิคเจอร์พลิกตัวกลับมาอีกทาง แต่กลับพบว่าอีกคนลุกขึ้นมาก้มหน้าคร่อมมองอยู่ก่อนแล้ว


“ใครจะบ้าไปแอบฟังครับ พี่เฉิง...เสียงดังเองต่างหาก คนบ้าอะไรไม่รู้จักอายรึไงนะ”


“ฮึฮึ เห็นแล้วใช่ไหมว่าพี่น่าสงสาร!”



      อะไรนะ น่าสงสารหรอ? เรื่องอะไรกันล่ะ พิคเจอร์ไม่เข้าใจความคิดคนตัวใหญ่เลยสักนิด



“สงสารเรื่องอะไรครับ?”


“อ้าว! ก็ช่วยตัวเองนี่ไง นี่ก็รอแล้วรออีก ไม่รู้ว่าปีไหนเดือนไหน ผ่านมาก็ผ่านไป ไม่เห็นจะมีใครใจดีสงเคราะห์ไม่ต้องให้พี่ช่วยตัวเองเล้ยยย”


“อ้าว! ก็สาวๆไงครับ สาวจีนหุ่นแซ่บเยอะแยะ ไม่รู้จักเลือกเอง”


“บังเอิญว่าพี่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจ ชอบใครแล้วก็คือชอบคนนั้น รักใครแล้วก็ไม่คิดจะแปรเปลี่ยน”


“พี่เฉิง!”



             คาดอสหยิบมือเรียวเล็กมากุมไว้ในมือตัวเอง แล้ววางแนบไปยังแก้มของเขา



“พี่รักนายนะ ไม่ว่าจะพิคเจอร์หรือฟ่านหยางอี้ สองชื่อนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจพี่เสมอ”



“ทำไมพี่พูดคำว่ารักง่ายจัง!”


“ง่ายหรอ? ตลอดเวลา 20 ปี โดยที่หัวใจพี่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนายเลยเนี่ยนะ นายว่ามันง่ายหนรอ?”


“นอนเถอะครับ...ดึกมากแล้ว”  พิคเจอร์เปลี่ยนเรื่อง เพราะเขากำลังเจอทางตันไปต่อไม่ได้แล้ว


“พิค! พี่พูดจริงๆนะ”


“ผมเชื่อพี่ครับ เชื่อมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา”



“พี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้” คาดอสยิ้มแย้มปริ ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือหยางอี้ออกจากแก้มเขา


“ฝันดีนะครับ”


“นายนอนอยู่ใกล้พี่ขนาดนี้ พี่ฝันดีแน่นอน”


“แต่ผมอาจจะฝันร้ายก็ได้นะ!” พิคเจอร์แกล้งกวนอีกฝ่ายเบาๆ


“หรออออ งั้นเพื่อไม่ให้นอนฝันร้ายพี่จะนอนกอดนายทั้งคืนแล้วกัน”




พรวด!!! 



      คาดอสไม่ว่าเปล่า กลับเอามือหนาสองข้างโอบกอดรัดอีกฝ่ายไว้ทันที ราวกับจงอางยักษ์ใหญ่ที่กำลังกกไข่หวงแหนสุดชีวิต
ก็มิปาน



“พี่เฉิง ไม่เอาครับ แบบนี้ผมนอนไม่หลับแน่!”


“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นพี่จะรัดให้แน่นกว่านี้อีก”


“อะ!!! พะ..พอแล้วครับ แน่นเกินไปแล้ว”


 คาดอสแสยะยิ้มอย่างซะใจ ก่อนค่อยๆคลายวงแขนที่กำยำออก



“ถึงตัวนายเล็ก แต่มันนิ่มมากเลยนะ”


“บ้าป่ะเนี่ย ร่างคนนะไม่ใช่หมอนข้างจะได้นิ่ม”


“พี่พูดจริง นายตัวนิ่ม แถมกลิ่นกายก็หอม หอมซะจน...พี่แทบจะอดใจไมให้หอมนายอยู่แล้ว”


“แล้วใครห้ามล่ะครับ!”


“หืมมมม! นายว่าไงนะ พี่ทำได้หรอ?”



             คาดอสทั้งแปลกใจ ตกใจและตื่นเต้น สับสนไปหมด เขาไม่มั่นใจนักว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำได้จริงๆ และไม่รู้อะไรดลใจให้หนุ่มร่างบางพูดแบบนั้น


“ผมว่า ผมนอนดีกว่า...”


“ไม่ได้! มาล่อเสือแล้วปฏิเสธแบบนี้ไม่ดีนะครับ ฟอดดดด”



   จมูกชันสันโด่งซุกซนซักไซ้ไปตามไรผม ซอกคอและหลังหูทันทีไม่รอช้า โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นแล้ว ปลายประสาทการสัมผัสและรับรู้ของหยางอี้เรียกความอ่อนไหวและคล้อยตามได้ดีทีเดียว



“พี่เฉิง ไม่เอาแล้วครับมันจักกะจี้ หวิวๆยังไงไม่รู้”


“เขาเรียกเสียวครับหยางอี้!” คาดอสยิ้มอ่อน แล้วทำต่อไป นี่กะจะแค่หยอกเล่นและตอบสนองตามคำอนุญาตที่อาจพลั้งเผลอพูดออกมาหรือตั้งใจก็ตาม เขาต้องเอาให้คุ้ม แต่เจ้าคาดอสน้องชายที่หลับใหลไปเมื่อครู่กลับกำลังพยศตื่นขึ้นมาอีกแล้วสิ


“พี่เฉิง อะไรมันดันต้นขาผมอ่ะ?”


“เอ่อ...มังกรน้อยพี่มั้ง?” คาดอสตอบหน้าตาเฉย จริงๆมันไม่น้อยแล้วมั้ง พอมั่นใจและได้คำยืนยันจากอีกฝ่ายมันทำให้พิคเจอร์สติหลุด



“เฮ้ยยยยยย ได้ไง บอกมันนอนเดี๋ยวนี้นะ!!!”


“ทำอย่างนั้นได้ไงเล่า มีนาจาตัวน้อยน่ารักถือลูกแก้วล่อมันแบบนี้มันไม่หยุดง่ายๆแน่”


“จะบ้าหรอผมไม่มีลูกแก้วอะไรทั้งนั้นแหละ พี่เฉิงพอก่อนเถอะนะ”


“ก็ได้ๆ พี่ไม่แกล้งนายแล้ว แต่พี่ขอนอนกอดนายแบบนี้แล้วกันนะ”



    ท้ายที่สุด ถึงจะรู้สึกไม่ดีว่ากำลังจะไม่ปลอดภัยจากอวัยวะใหญ่เมื่อครู่นั้น แต่ตอนนี้คาดอสก็ไม่ได้เอาจมูกมาซุกไซ้เล่นซนเหมือนเมื่อครู่แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขาสบายใจได้ อีกอย่างไอ้ที่กำลังตื่นๆนั่นก็ค่อยๆสงบไป ก็เพิ่งรู้ว่าคาดอสนอนไม่ใส่กางเกงในแถมใส่ชุดคลุมเนื้อผ้านุ่มตัวเดียวเท่านั้น


“ราตรีสวัสดิ์นะ ที่รัก?” คาดอสเปรยบอกพร้อมกับหลับตาลง


“ ขี้ตู่ชะมัดเลย”


“ลืมบอกนายอย่างนึง อินจือกำลังท้องนะ!”


“ฮะ? อินจือไหนครับ”


“จะอินจือไหนล่ะ ก็คนที่พี่ชายของนายส่งมาดูแลนี่ไง”


“แต่ผู้ชายท้องไม่ได้”


“ถ้าโลกนี้มีด๊อกเตอนร์บารอน ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ”


“...มันก็จริง” พิคเจอร์ทำเสียงเบาลง แต่ในใจก็อดตื่นเต้นไม่น้อย นี่เขาจะได้เห็นเด็กตัวเล็กๆอีกไม่กี่ปี วิ่งเล่นซุกซนที่บ้านพี่ชายแล้ว ว่าแต่จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ?


“คิดอะไรอยู่พิคเจอร์!”


“เดาสิครับพี่เฉิง”


“พี่ไม่อยากเดา เดาความคิดนายทีไรเป็นต้องหงุดหงิดตลอด พี่ให้นายพูดให้พี่ฟังดีกว่า”


“ผมกำลังคิดว่า จะตั้งชื่อลูกให้อินจือว่าอะไรดี!”


“ลูกของเขา พ่อแม่เขาตั้งชื่อเองได้ นายไม่ต้องไปคิดช่วยหรอก”


“ก็ผมอยากตั้งหนิ!”


“งั้นก็รีบมีลูกสิ พี่อยากได้ซัก 5 คน เลขมงคล เลขสวยและเป็นความต้องการของพ่อแม่พี่ด้วย”


“ไม่มีทางหรอก แค่คนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว”


“พูดแบบนี้แสดงว่ายังอยากมี  งั้นคนแรก ปั๊มคืนนี้เลยไหม?”


“หยุดคิดไปเลย มีพันธะติดตัวที่ต้องสะสางอยู่ไม่ใช่หรอ ผมไม่อยากให้ลูกเกิดมาโดยที่พี่หยางเฟยไม่ยอมรับหรอกนะ”


“แสดงว่านายยอมรับพี่และลูก”


“พูดบ้าๆ ทั้งสองอย่างนั่นแหละ พี่ชายไม่ปลื้ม ผมก็ไม่พร้อมมี บางทีอยู่เป็นโสดดีกว่าเยอะ”


“ไม่ได้! พี่หวง พี่ห่วงขนาดนี้ จะตอบแทนน้ำใจด้วยการรับรักพี่ตอบไม่ได้หรือไง?”

          คาดอสกอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิมอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่น่าเชื่อว่าประมุขอินทรีทองจะมีมุมนี้กับเขาด้วย ให้ตายเถอะ จะมีใครโชคดี เอ๊ะ หรือโชคร้ายกันแน่นะที่ได้มาเห็นตัวตนจริงๆของคาดอส


          แต่นึกไปถึงวันแรกที่เจอกัน เขายังสยองอยู่เลยเชียว! คนอะไรสูงใหญ่ หล่อเหลา กำยำ ใบหน้านิ่งดุ พูดเสียงห้วน ตอบสั้นๆ บางครั้งก็ไม่ตอบคำถามที่อยากรู้ ขี้เก๊ก หน้าหมั่นไส้ แบบนี้หรอจะเอามาเป็นพ่อของลูกได้



           พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เพราะตัวตนอีกมุมหนึ่งพิคเจอร์ก็เห็นแล้ว ยิ่งช่วงไม่กี่วันมานี้ยิ่งชัดเจนทีเดียว เขาดูเหมาะเป็นพ่อคน  เป็นพ่อที่ดีพร้อมทั้งอารมณ์ ความคิด และความรักเป็นอย่างดี เอาเถอะ ตอนนี้สะสางเบญจพิษและประกาศความบริสุทธิ์ใจให้ประมุขเสือแดงเห็นก็เป็นพอแล้ว เรื่องอื่นๆคงไม่ยากกว่านี้หรอก จริงไหม?



:L2:



เหอะๆๆ  อีกไม่นานเนื้อเรื่องหลักก็น่าจะจบแล้ว ส่วนตอนพิเศษไม่มีนาจา ความละมุนจะใส่ให้หมดหลังเรื่องราวร้ายๆผ่านไปอิอิ ฝากไปติดตามเรื่องใหม่ด้วยนาจา คู่รัก&คู่หรับ ฉบับฮาเฮ อิอิ




ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
«ตอบ #51 เมื่อ07-09-2016 13:01:34 »

กัสตลก คาดอสเอ้ย พี่ฟู่เฉิง เลยค่า ขำจนหัวเราะแทบท้องแข็งค่า 5555 มาต่อๆ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
«ตอบ #52 เมื่อ07-09-2016 21:57:49 »

ขอให้ปริศนาคลี่คลายเร็วๆ
หยางเฟยนี่เราขอได้มั้ย ปลื้มคุณพี่ชายจังเลย   :-[

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
«ตอบ #53 เมื่อ08-09-2016 10:51:02 »

ตอนที่  22



สองวันผ่านไป...


มหานครเซี่ยงไซ้ ประเทศจีน


             แป๊ง โป้ก เป้ก แป๊ง!

          เสียงคมกระบี่กระทบกันดังสนั่น ลานสนามหญ้าบ้านคฤหาสน์หลังคาสีเลือดไม่เคยเงียบสงบ เจ้าของบ้านผู้เป็นประมุขของเสือแดงคิดสรรหากิจกรรมฝึกทักษะและออกกำลังกายให้ตัวเองอยู่เสมอ และเช้าวันนี้เขาเลือกที่จะเล่นกระบี่ คู่กับเจียนเหมิง คนสนิทฝีมือดีคนเดิม


“นายท่านเก่งขึ้นมากเลยนะครับ” คู่ฝึกซ้อมฉายากระบี่ตะวันออกเอ่ยชมฟ่านหยางเฟยที่ผละตัวห่างออกไป


“แต่วันนี้ ฉันต้องชนะนาย เจียนเหมิง!”



             ชายร่างสูงหนาโชว์เปลือยท่อนบนกำลังยิ้มอ่อน แววตาแน่นิ่งมองดูคู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรง และไม่เกรงกลัวฉายาของลูกน้องคนสนิทเลยสักนิด



“ย๊ากกกก!” หยางเฟยอุทานลากเสียงยาว พุ่งเข้าใส่ทันที



               การท้าดวลฝึกซ้อมเป็นไปอย่างดุเดือด แต่เจียนเหมิงเองก็ยังคงอ่านเกมคนตรงหน้าออก และหลบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าโอบไปด้านหลัง ตอนนี้ปลายกระบี่จ่ออยู่ที่คอเจ้านาย จึงตัดสินใจละกระบี่ออกไป



“ดี ไม่ต้องออมมือแบบนี้ฉันชอบ!!!” หยางเฟยพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ปลายกระบี่หมุนวนรอบทิศซ้ายขวา หลอกล่อไม่ให้เจียนเหมิงดูออก พร้อมกับเดินเข้าประชันตัวเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็...



จึก!!!


“วันนี้เสมอกัน!”



                คมกระบี่จี้อยู่ที่คอของลูกน้อง แรงจากฝ่ามือกดปลายกระบี่กดเนื้อบุ๋มลงไป ก่อนที่ทั้งสองผละกันออกแล้วกลับมายืนตัวตรง โค้งคำนับให้กันตามประเพณี อินจือยืนมองดูเจ้านายกับสามีแข่งกันจนเสร็จ ก็รีบหยิบเสื้อคลุมไปให้หยางเฟยตามความเคยชิน



“อินจือ ออกมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกแล้วไงว่าอย่าเดิน” เจียนเหมิงรีบเข้ามาประชิดตัวร่าบางกว่า


“เจียนเหมิง นายโอเว่อร์ไปรึเปล่า ท้องยังไม่ถึงเดือน จะไม่ให้เดินเหินไปไหนเลยรึไง?”


“แต่ว่า...”


“เอาล่ะๆ ไปพักทั้งสองคนนั่นแหละ” ฟ่านหยางเฟยตัดสินใจแทน เพราะทนเห็นคนสนิทคู่รักสองคนทะเลาะกันไม่ไหว   อินจือและเจียนเหมิงคำนับประมุขใหญ่แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน



ครืดดดด   ครืดดดดด   


            เสียงสั่นบนโต๊ะไม้ใกล้ตัว  ปรากฏรายชื่อบนหน้าจอมือถือ หยางเฟยหยิบมันขึ้นมาพลางนึกได้ว่าวันนี้น้องชายและคาดอสกำลังจะบินกลับมาที่เมืองจีน แต่ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะพาน้องชายเขาไปที่ปักกิ่งรึเปล่า?


“ว่าไง?”


“หยางเฟย ตอนนี้ฟ่านหยางอี้หายตัวไป ”


“อะไรนะ!!! หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”


“เมื่อเช้า!”


“ทำไมแกไม่ดูแลน้องฉันให้ดีกว่านี้ไอ้คาดอส!” หยางเฟยโมโหมาก จนมือถือในมือแทบแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงบีบ


“ฉันโทรมาบอกนาย ให้รับรู้เอาไว้ในฐานะที่นายเป็นพี่ชายเขา  ส่วนการตามหาหยางอี้ปล่อยให้เเป็นหน้าที่ฉันเอง”


“ฉันจะไปเมืองไทยเดี๋ยวนี้!”


“ไม่ต้อง! นายรออยู่ที่เซี่ยงไฮ้นั่นแหละ”


“หยางอี้เป็นน้องชายฉันนะ แกจะให้ฉันไม่สนใจได้ยังไง”


“ฉันรู้ แต่นายมาที่นี่ก็มีแต่จะทำให้การตามหาล่าช้าไป พวกฉันมีพลังงานพิเศษจำไม่ได้รึไง?”


           ฟ่านหยางเฟยนิ่งเงียบไป  แต่ร้อยทั้งร้อยในใจของเขานั้นกลับเพ่งเล็งไปที่ เบญจพิษ ต้องเป็นฝีมือเฟอกัลแน่!


“นายรู้คนลักพาตัวไหม?”


“ฉันยังไม่มั่นใจ ขอไม่พูดอะไรแล้วกัน ตอนนี้กำลังให้ลูกน้องตามหา แค่นี้ก่อนนะคืบหน้ายังไงเดี๋ยวจะโทรไปบอกอีกที”


              ปลายสายตัดไป แต่หยางเฟยไม่อาจตัดใจได้ เขาเพิ่งพบน้องชาย แถมยังไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีก ถ้าหากฟ่าน
หยางอี้เป็นอะไรไป เขาจะฆ่าคนที่ทำกับน้องชายให้หมด!!!




กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย


                  เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นหลังจากที่อินทรีทองมาถึงสนามบิน แต่ด้วยพิคเจอร์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวก่อนขึ้นเครื่อง ทีแรกคาดอสไม่เอะใจอะไรเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กบอกว่าจะเข้าไปนานหน่อย



               แต่เพราะว่ามันนายเกินไป เกือบชั่วโมง คาดอสใจไม่ดี...กลัวว่าหยางอี้จะท้องเสียหมดแรงเป็นอะไรในห้องน้ำรึเปล่า  เลยตามเข้าไปดู แต่กลับปรากฏเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างบางใบหน้าคุ้นอยู่ในนั้นเลย   คาดอสพยายามโทรหาแต่กลับโทรไม่ติด เหมือนอีกฝ่ายจะปิดเครื่องไปด้วยซ้ำ ความร้อนรนใจจึงเกิดขึ้นมา แต่ก็ยังมีสติพอที่จะโทรไปหาฟ่านหยางเฟยให้รับรู้


“บอสครับ! ผมเชื่อว่าเป็นเบญจพิษแน่นอนครับ” ไดนาดินย้ำยืนยันคำก่อนหน้านี้อีกครั้ง


“เราไม่มีหลักฐานจะไปปรักปรำใครไม่ได้นะ ไดนาดิน” บอสใหญ่กำลังนึกและคิดอะไรบางอย่าง



              สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นมองไปบนเพดาน คำตอบที่เป็นดั่งทางสว่างประจักษ์อยู่บนนั้น กล้องวงจรปิดนั่นเอง


“เราจะไปขอเขาดูกล้องวงจรปิด!”



                คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มในชุดสูทหลายชีวิตก็เดินมุ่งตรงไปยังห้องควบคุม แต่สุดท้ายด้วยท่าทีแปลกๆทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานต้องตามไปด้วยเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย



“ไม่ได้จริงๆครับ ถ้าไม่ใช่ท่านประธานสั่ง คงให้ดูไม่ได้” เจ้าหน้าที่ห้องควบคุมปฏิเสธ


“แต่แฟนผมหาย! ยังไงพวกคุณก็ต้องทำตามที่ผมสั่ง!!! ”


“ไม่ได้จริงจริ......”



              เจ้าหน้าที่พนักงานกำลังปฏิเสธอีกรอบ แต่กลับเหลือบมองเห็นปืนที่ถูกเปิดโชว์หลายกระบอก ข้างเอว ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจหันหน้ากลับเข้าจอควบคุม




“ไม่ทราบว่าอยากดูช่วงไหนครับ”


“หนึ่งชั่วโมงก่อน! จอนี้?”


    คาดอสสั่งแล้วชี้ไปที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ มีลูกน้องเขาสองคนยืนแสตนอินรออยู่ เพื่อให้ง่ายต่อการดู  ภาพย้อนหลังค่อยๆไล่ไปช้าๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่คาดว่าจะมีการจับตัวพิคเจอร์ไป แต่แล้วภาพในจอสี่เหลี่ยมส่วนนั้นกลับมืดหายไป


“ทำไมภาพหาย!”


“มะ..ไม่ทราบครับ” เจ้าหน้าที่ตอบตะกุกตะกัก


“ทำไมไม่ทราบ แล้วช่วงนั้นคุณไม่ได้เฝ้าหน้าจอรึไง?”


“ช่วงนั้นผมไปเข้าห้องน้ำครับ พอดีท้องเสีย”



     คาดอสไม่พอใจคำตอบเท่าไหร่นักแต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อแก้ไขและค้นหาข้อมูลต่อไปไมได้อยู่แล้ว แต่พอหันหลังกลับไปดูคนของเขา กลับเห็น เบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่กว่าเขาเพียงคนเดียว


“ไดนาดิน กับ แกริค หายไปไหนเบลซ?”


“เห็นบอกว่าจะไปที่แมนชั่นฟินกี้ครับ”


“อะไรนะ! โทรบอกพวกเขา เราจะตัดสินใจเองโดยพลการไม่ได้”


“ครับบอส!”



       คาดอสร้อนรนใจไม่เป็นสุขเดินออกจากห้องควบคุมไป พร้อมกับเบลซ แต่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด กลับปรากฏบางอย่างที่น่าทึ่งกว่านั้น เพราะยังมีห้องเล็กๆอีกห้องแยกออกไป



       ทันทีที่เจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่มองตามคาดอสไปจนมั่นใจว่าสองคนนั้นกลับไปแล้วจริงๆ จึงลุกไปเปิดประตูเข้าไปด้านใน บริวเณความมืดกลับปรากฏร่างของพนักงานควบคุมหน้าจอ หลายชีวิตนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น และหนึ่งในนั้นคือใบหน้าที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่ผู้เปิดประตูเข้ามาดูไม่มีผิดเพี้ยน



“ฮึฮึ คิดจะขุดคุ้ยการตายของประมุขเสือแดงและฮูหยินคนก่อนอย่างนั้นหรอ? ฝันไปเถอะ!”



             น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ผนวกกับใบหน้าที่ชักจะไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ฝ่ามือหนาดึงหน้ากากเสมือนจริงนั้นออก ใบหน้าชาวตะวันออกชัดเจนเด่นปรากฏอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องยังเหมือนเดิม เบญจพิษจะต้องถูกขนานนามเป็นผู้ฆ่าสังหารกวาดล้างเสือแดงในอดีตต่อไป  ไม่มีการรื้อฟื้นหาหลักฐานอะไรทั้งนั้น






           ไดนาดินหมดคราบหนุ่มสุขุมใจเย็นไปแล้ว เพราะหยางอี้ว่าที่แฟนของเจ้านายกำลังตกอยู่ในอันตราย  ลูกน้องที่จงรักภักดีอย่างเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อไม่รู้ที่อยู่ของเฟอกัลผู้นำแห่งเบญจพิษแต่อย่างน้อยเขาก็รู้ที่อยู่ของฟินกี้น้องชายทางสายเลือดแล้วกัน


ปัง! ประตูถูกพังและผลักเข้าไปด้านในโดยไม่ขอรับอนุญาตด้วยความหุนหัน



             พอสองหนุ่มย่างก้าวเข้าไปด้านใน กลับผิดคลาด ห้องพักประจำที่เคยรู้จัก ตอนนี้มีแต่เพียงความว่างเปล่า! ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่ข้าวของเจ้าของห้องพักอย่างฟินกี้เลย


“เอาไงดี ฟินกี้คงย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว”  หนุ่มผมบอร์นทองมองหน้าเพื่อน



        ไดนาดินกวาดสายตามองทั่วห้องมั่นใจอีกครั้ง ฟินกี้หายไปไหน? หนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว ในใจกำลังขัดแย้งเพราะลึกๆในใจเขาไม่อยากให้ฟินกี้รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เพราะถ้าหากเป็นไปตามที่คิดไว้จะเป็นอะไรที่สบายใจไม่น้อย 



“แกริค กลับ!”



           สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ตอนนี้เบญจพิษถูกเพ่งเล็งเป็นตาเดียวของอินทรีทองและเสือแดง พวกเขาไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะหาตัวพิคเจอร์ได้จากที่ไหน



            บ่ายวันนั้นเองอินทรีทองกลับมาตั้งหลักใหม่ที่คอนโดกลางเมืองหลวง ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบไม่มีใครปริปากพูดใดๆเลย จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา



ครืดดดดด ครืดดดดด


“มีอะไรหรอครับบอส” ไดนาดินสงสัย เพราะเห็นท่าทีคาดอสไม่รับสาย


“เบอร์แปลก!”


“รับเถอะครับ เผื่อบางทีอาจจะเป็นพวกที่จับคุณหยางอี้ไปก็ได้” แกริคแนะนำ คาดอสพยักหน้าเห็นด้วยแล้วตัดสินใจรับสายนั้นซะ



“สวัสดีประมุขอินทรีทอง!”



                      ทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย คาดอสแทบอยากจะพุ่งไปบีบคอมันให้ตายต่อหน้าเขาเลยในตอนนี้ น้ำสียงแบบนี้จะเป็นใครไปได้อีก


“เฟอกัล!!! แกจับแฟนฉันไปไว้ที่ไหน?”


“ฮืมมมม จุ๊ๆๆๆๆ ใจเย็นๆก่อน ฟ่านหยางอี้ปลอดภัยดี เดี๋ยวฉันจะส่งคลิปไปให้ดู”


            คาดอสกดดูคลิปที่ถูกส่งมาให้ เผยโฉมหน้าเรือนร่างของพิคเจอร์ที่กำลังสลบเหมือดไม่ได้สติอยู่ที่ไหนสักแห่ง ดูจากสภาพแวดล้อมในนั้น มันเหมือนเป็นโรงแรมหรือบ้านหรืออะไรสักแห่งที่หรูหรามากที่เดียว


“แกต้องการอะไร?”


“ฉันต้องการพิคเจอร์...ฉันรักเขา และเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน”


“อย่าพูดจาไร้สาระบ้าๆแบบนี้นะ ผู้ชายด้วยกันจะมีลูกได้ยังไง?”


“เป็นคำถามที่ดี!!! คาดอส แต่บังเอิญฉันไม่ได้โง่!  แต่ดูอีกคลิปหน่อยเป็นไง?”


     คาดอสรีบกดดูคลิปใหม่ที่ส่งมา คราวนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือ ด๊อกเตอร์บารอน นั่นเอง


“แกทำแบบนี้ไปทำไม?”


“ก็เพราะฉันรักหยางอี้นะสิ รักมาก ชอบมาก อยาก!!!...มาก ประมุขเบญจพิษถ้าต้องการอะไรแล้วต้องได้”


“ด๊อกเตอร์ไม่มีวันช่วยแกหรอก”


“ก็ดี! ไม่ช่วยก็ตาย ” เฟอกัลพูดอย่างง่ายดายไร้ความเป็นมนุษย์


“อย่าทำอะไรพวกเขานะ!” คาดอสรู้สึกเป็นห่วงทั้งสองคนเหลือเกิน


“อันนี้แกไม่มีสิทธ์มาสั่งฉันนะคาดอส จงอยู่ต่อไปในฐานะแพะรับบาปฆาตรกรรมโหดเมื่ออดีตก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ  อ้อแต่ไม่ต้องห่วง
นะ  อะไรที่องค์กรแกทำกับครอบครัวฉันไว้ ฉันจะเล่าให้เขาฟังจนหมดเอง ความเลวของแกคราวนี้ดูซิ ถ้าพิคเจอร์รู้เขาจะยังรักแกอยู่ไหม? ฮ่าๆๆๆๆๆ”



“พูดโง่ๆ อย่างน้อยความเลวของฉันก็ทำเพื่อความถูกต้อง ก็พวกแกมันเลวเองไม่ใช่หรือไง สมควรแล้วที่ถูกอินทรีทองขับไล่ แต่ความเลวของพวกเบญจพิษคือ พวกแกฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา คิดหรอ?...ว่าหยางอี้จะรักแก ไม่มีทาง!!!”



“ไม่รัก ฉันก็จะทำให้รักเอง นายคอยดู”



           ปลายสายตัดไป คาดอสกำมือถือแน่น อย่างเจ็บแค้น เขาไม่น่าวางใจเลย จริงๆเขาควรเดินตามพิคเจอร์เข้าห้องน้ำไปด้วยแท้ๆเชียว






ฮ่องกง เขตบริหารพิเศษแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


“ทำได้ดีมาก หานเซียง  และขอต้อนรับการเข้าเป็นหนึ่งในเบญจพิษ”


                    เฟอกัลชื่นชมคนตรงหน้า  ที่เพิ่งเดินทางมาจากเมืองไทย ใบหน้าคร่าตาคล้ายกับใครคนหนึ่งก่อนหน้านี้ที่ปลอมตัวจับพิคเจอร์มาที่นี่ 



“ขอบคุณมากที่ใจกว้างรับสายเลือดหงส์ดำอย่างฉันเข้าแก๊ง แก๊งฉันล่มสลายไปนานเพราะฝีมืออินทรีทอง ตอนนี้ฉันใช้ชิวตอย่างยากลำบาก อยู่ตัวคนเดียว เรามีศัตรูคนเดียวกันแล้วนะ อะไรที่นายต้องการขอให้บอกถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ”



“ดีมากหานเซียง อินทรีทองขับไล่เบญจพิษกลุ่มในองค์กรที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา แต่เพียงเพราะว่าพ่อของฉันถูกจับได้เรื่องรีดไถเงินชาวบ้าน อินทรีทองผู้สูงศักดิ์ก็รักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่าความเป็นเพื่อน ท้ายที่สุดพวกเราก็ถูกทางการหมายหัว ต้องดิ้นรนไปหลบอยู่อิตาลี”



           เฟอกัล แค้นแทนพ่อ และจะไม่มีทางยกโทษนี้ให้อินทรีทองเด็ดขาด เขาจะเอาความยิ่งใหญ่กลับคืนมาให้ได้  แต่ท้ายที่สุด การปรากฏตัวของหานเซียงที่เสนอตัวยื่นมือมาช่วยเหลือ เฟอกัลไม่เห็นความผิดแปลกอย่างใด แต่กลับเห็นเพียงความอยากร่วมมือกำจัดอินทรีทองเท่านั้นเอง...


       แต่ในความคับแค้นใจของหานเซียง สุดยอดปลอมใบหน้านั้น กลับมีเรื่องราวบางอย่างที่กำลังตบตาสามองค์กรแห่งเมืองจีนเอาไว้อยู่หมัดเลยทีเดียว...



:L2:



คือว่า...ตอนนี้ ผลิกแพลง ใครปรับอารมณ์ไม่ทันกราบงามๆขอขมาโทษ ส่วน หานเซียง  ขอบอกเลยว่าไม่ต้องมีเงื่อนงำใดๆ

เลย มันนี่แหละไอ้เลว  ตัวร้ายของเรื่องเลย  มันโผล่มาแล้ว ส่วนเฟอกัลก็จมอยุ่ในความโง่ความเชื่อแบบผิดๆต่อไป


หากใครยังเดาไม่ออก  มาติดตามต่อไปว่า เฟอกัลโง่ยังไง บางทีสิ่งในอดีตที่เฟอกัลรู้มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่รับรู้มาก็ได้


เห็นทีใครคนนั้นจะต้องรีบมาทำให้ตาสว่างและเลิกหายซ่าและคิดติดลบแบบนี้ซักที  ว่าแต่ใครวะ?

ส่วนใครชื่นชอบฟ่านหยางเฟย อย่าเพิ่งตัดสินนาจา เพราะมีด้านมืดอยู่ แต่จะทำกับใครล่ะ?...


ขอโทษที่ต้องสปอย  แต่ถ้าเดาไม่ออก ตามติด เอ้ย ติดตามกันไปนาจา 


เฉลย เรื่องนี้มี 5 คู่นาจา  :hao3: :hao3: :hao3:



ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 22
«ตอบ #54 เมื่อ08-09-2016 12:44:48 »

ไม่ใช่ว่า ไอ้ตระกูลหงส์ดำ ยุแยงทุกตระกูลให้ตีกันเองหรอกนะ ห่วงก็แต่พิคเจอร์นี่ล่ะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 22
«ตอบ #55 เมื่อ09-09-2016 12:32:39 »

ตอนที่ 23





ฮ่องกง  มหานครเขตปกครองพิเศษภายใต้สาธาณรัฐประชาชนจีน



           ผ่านไปหนึ่งวัน ผู้ถูกลักพาตัวและคุมขัง กำลังฟื้นได้สติ  พิคเจอร์รู้สึกตัวเป็นคนแรก แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งที่ข้อมือ ข้อเท้า ถูกพันธนาการด้วยเชือกมัดไว้  คราวนี้ถึงฟื้นขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์



แกร๊ก แอดดดดดด



           เสียงประตูเปิดออกปราฏคนเข้ามาเยือนในห้อง ทำเอาอีกฝ่ายหงายเงิบไปทันที เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันนั้นอยู่ในบริษัทอินทรีทอง ไม่กี่วันมานี้เอง



“ตื่นแล้วหรอครับ!”

          ฝ่ายที่เดินเข้ามาหาพร้อมข้าวและน้ำเอ่ยทัก อาหารดูดีและหรูหราในถาดแต่คนเดินเข้ามากลับทำให้พิคเจอร์ไม่ไว้วางใจ เพราะเขาจำได้ว่าคาดอสสั่งย้ำนักย้ำหนาว่า อย่าเข้าใกล้ผู้นำเบญจพิษเด็ดขาด! แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ใกล้สิ่งต้องห้ามนี้มาขนาดไหน



“เฟอกัล! คุณจับผมมาที่นี่ทำไม?”


“ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งอารมณ์เสียใส่กันสิ ทานข้าวซะก่อน”


“ ที่นี่ที่ไหน?” พิคเจอร์ไม่สนใจสิ่งที่อยู่ในมือของเฟอกัล


“ฮ่องกง!”



                  ชายหนุ่มในชุดสูทสีเหลืองเปรยบอก ดูเหมือนเขาเพิ่งกลับมาจากไปไหนสักแห่ง เฟอกัลค่อยๆวางถาดข้าวข้างเตียงนอนที่มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง พิคเจอร์กวาดสายตาไปรอบๆกลับเจอใครอีกคน ร่างท้วมวัยห้าสิบปีใบหน้าคร่าตาคุ้นยิ่งกว่าคุ้น ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่ต่างจากเขานักที่พื้นห้อง



“ด๊อกเตอร์บารอน! นี่คุณทำอะไรเขา ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”


“ก่อนจะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองไม่ดีกว่าหรอ? หืม!”


“ถ้าอย่างนั้น ผมถามคุณอีกครั้ง จับ! ผม! มา! ทำ! ไม!”


“แก้แค้น!”



      คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้หนุ่มหัวใจศิลป์เข้าใจ หากแต่คำพูดนั้นมันทำให้เขางงขึ้นไปอีก ถ้าให้นึกย้อนกลับไป จะเป็นก่อนหน้าที่รู้จักกันก็ดีหรือรู้จักกันแล้วก็ตาม เขามั่นใจแน่ๆว่าไม่เคยมีเรื่องกับผู้ชายอย่างประมุขเบญจพิษแน่นอน



“ผมไม่เข้าใจ?”


“ก็...อะไรที่ทำให้ประมุขอินทรีทองอย่างไอ้คาดอสมันเจ็บปวดทุรนทุราย ผมยอมทำทุกอย่าง ตอนนี้เท่าที่คนของผมตามสืบมา คุณคือหัวใจอีกดวงของคาดอส รักมาก! หวงมาก! หึงมาก! ขนาดถึงขั้นที่ผมเชื่อว่าถ้ามันหาคุณเจอ มันพร้อมที่จะฆ่าผมจนตาย!”



“ฮึฮึ สารเลวอย่างคุณ อยู่ไปก็รกโลก จริงไหมล่ะ?”



"เฟอกัล อย่ายอมให้ใครมาด่านายได้ ถึงจะเป็นคนรักก็ตาม!" เสียงของใครบางคนดังอยู่ด้านหลังเฟอกัล


เพี๊ยะ!!!



         ฝ่ามือหนาประทับลงที่แก้มเนียนอย่างแรง พิคเจอร์หน้าหันไปตามแรงนั้น ไม่คิดจะเจ็บแสบสิ่งที่โดนกระทำแม้แต่น้อย น้ำตาของเขามันมีค่า คนเลวๆอย่างเฟอกัลเขาไม่สมควรจะได้เห็นเขาร้องไห้หรอก


“อยู่ไปก็รกโลกอย่างนั้นหรอ? ผมจะอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ รอดูความพินาศของไอ้คาดอส ไอ้มารชีวิตของผม แม้แต่คุณก็ปกป้องมันไม่ได้ แต่ผมมีทางเลือกให้คุณนะ มาเป็นเมียผมสิ!”พิคเจอร์อ้าปากค้างอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน


“ฮึก อือ...” เสียงอู้อี้ ของใครคนหนึ่งด้านล่างพื้นห้องกำลังได้สติ ดึงความสนใจของเฟอกัลและพิคเจอร์ให้หันไปมองเป้าหมาย


“ด๊อกเตอร์! ” ร่างบางเอ่ยเรียกตะโกน และดูเหมือนว่าตอนนี้ชายร่างท้วมจะลืมตาเต็มที่แล้ว และมันแฝงไปด้วยความแปลกใจและสงสัยอยู่ไม่น้อยในสถานที่แปลกตาหลังลืมตาขึ้น



“ด๊อกเตอร์บารอนครับ!” ฟ่านหยางอี้ตะโกนเรียกอีกครั้ง สุดท้ายบารอนก็หันมามองพิคเจอร์ สภาพนอนขดอยู่บนเตียง


“คุณฟ่านหยางอี้? ” บารอนละสายตาจากคนที่เรียกชื่อก่อนจะเหลือบไปเห็นอีกคนที่ยืนแสยะยิ้มยืนอยู่ใกล้เตียง “เฟอกัล! นี่นายเองหรอกหรอ ฉันจำได้ว่า ไปเดินจ่ายตลาดอยู่ดีๆ แต่ก็...” เหมือนความทรงจำจะขาดช่วงไปในตอนนั้น



“ผมจะปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระในห้องนี้  ทานเยอะๆนะภรรยาของผม  หานเซียงไปกันเถอะ ฮ่าๆๆๆ”

          ร่างสูงโปร่งหัวเราะลั่นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับใครอีกคนที่เป้นตัวชักนำให้ตบเขาเมื่อครู่  ตอนนี้พวกมันทิ้งไว้แต่ความงง ไม่เข้าใจอะไรเลยให้กับสองคนที่ตกเป็นเหงื่อ



          ไม่นานกลับมีลูกน้องหลายคนเดินเข้ามาปลดเชือกที่แขนและขาให้ เพียงแค่พิคเจอร์หลุดออกได้ ก็วิ่งไปหาด๊อกเตอร์บารอนทันที


“เป็นยังไงบ้างครับด๊อกเตอร์”


“ผมไม่เป็นไร ว่าแต่คุณเถอะเป็นอะไรรึเปล่า? ”


“ผมยังโอเคครับ ด๊อกเตอร์เรารีบหาทางออกจากที่นี่กันเถอะ”


“ที่นี่เป็นถิ่นของเบญจพิษ เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก อันตรายเกิดขึ้นเสมอ ดอกไม้มรณะอาจจะเล่นงานเราได้ทุกเมื่อ  ถึงตายด้วยซ้ำ!”



“ผมไม่เข้าใจ เขาจะทำแบบนี้ทำไม? ทั้งๆที่องค์กรเขาผิดเองไม่ใช่หรอ ถ้าจะแค้นที่พี่เฉิงไล่พวกเขาไป ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องโทษตัวเองด้วยสิที่ทำแต่เรื่องไม่ดีสารพัดให้อินทรีทองต้องแก้ไขตลอด”



“เราไม่มีทางออกใดๆอีกแล้ว คงต้องรอคอยวันที่คาดอสกับคุณฟ่านหยางเฟยมาช่วยเสียแล้วล่ะ”



      พิคเจอร์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ในใจพวกเขามีเพียงสิ่งเดียว คือหวังว่าสองคนนั้นจะตามหาพวกเขาจนเจอแล้วกัน





กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



               ไดนาดินเห็นบอสเป็นกังวลทุรนทุราย กินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เขาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องหาตัวฟินกี้ให้พบ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าพี่ชายตัวเองอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่



              แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้ไดนาดินต้องเดินทางไปที่แมนชั่นที่เดิมอีกครั้งเพียงลำพัง เพื่อหาข้าวของบางอย่างในห้องว่างเปล่านั้น เผื่อจะใช้มันติดตามหาฟินกี้ได้   



“มาหาใครคะคุณ!” ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าลิฟต์ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ร้องทักดังขึ้นเสียก่อน



          ไดนาดินหันขวับไปตามทิศทางของเสียง หากให้เดาดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของแมนชั่น ซึ่งเมื่อคราวก่อนที่เขามา เธอคงไม่อยู่   จอมสะกดจิตจำใจต้องเดินเข้าไปหาเธอ แทนที่จะลักลอบขึ้นไปยังห้องพักห้องเดิมของฟินกี้


“ผมมาหาฟินครับ ห้อง 508” ไดนาดินเปรยชื่อออกไปพร้อมกับเบอร์ห้องเดิม!


“น้องฟินนะหรอ เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องเขาก่อนนะว่าจะมีคนมาหา” เธอยิ้มให้ว่าพลางเดินไปหยิบโทรศัพท์
แต่คำพูดนั้นของเจ้าของแมนชั่น หมายความว่ายังไง ฟินยังอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรอ?  เขาเปรยถามไปแบบนั้นแทนที่จะได้คำตอบ ว่าย้ายออกไปแล้ว แต่กลับตรงกันข้าม? ประเด็นคือ ฟินกี้ย้ายห้องทำไม?



“เอ่อ ไม่ต้องโทรก็ได้ครับ คือ...ผมจะเซอไพร์เขา” ไดนาดินเฉไฉ


“...” เธอชะงักมือไป รู้สึกไม่เข้าใจกับคำว่าเซอไพร์ อีกอย่างวันนี้เขาใส่ชุดสูท แว่นดำ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก


“ผมมาเซอไพร์วันเกิดเขาครับ เขาเป็นเพื่อนผมเอง!” ไดนาดินขยายความ


“อ่อ อย่างนี้นี่เอง แต่ว่า ห้องที่คุณบอกไม่ใช่ห้องที่ฟินเขาอยู่ปัจจุบันหรอกนะ เขาย้ายไปอยู่ห้อง 812 จ๊ะ”


“อ่อ ขอบคุณครับ!”



     ไดนาดิน เดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นแปดตามข้อมูลใหม่ที่ได้มา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟินกี้ต้องย้ายไปห้องใหม่ที่อยู่
สูงกว่าเดิมด้วย



       ทันทีที่ไปถึง มือหนาเคาะตามมารยาททันที ไม่นานเสียงปลดล็อคประตูจากด้านในก็ดังขึ้น พร้อมแง้มบานประตูออกช้าๆ แล้วปรากฏเป็นใบหน้าของใครคนหนึ่งที่ไดนาดินต้องการตัวมากที่สุด



“สวัสดีครับคุณฟินกี้!”



               การทักทายชื่อเต็มของไดนาดิน ทำให้อีกคนที่ตัวเล็กกว่าไม่ค่อยจะชอบใจนัก เพราะเขาไมได้อยากเป็นทายาทเบญจพิษ แต่เขาอยากมีชีวิตอยู่เหมือนคนปกติ


“คุณไดนาดิน รู้ได้ไงครับว่าผมย้ายห้อง!”


“ผมขออนุญาตเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหมครับ” ร่างสูงไม่ตอบคำถามนั้น แต่ขออีกอย่างแทน แต่นั่นฟินกี้ก็ไมได้คิดจะขัดข้องหรือปฏิเสธอะไร


“เชิญครับ”



    ไดนาดินเดินก้าวเข้ามาข้างในหลังได้รับอนุญาต ความแปลกใจก็คือไม่มีความผิดปกติทางสีหน้าของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขา
ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนใบหน้าเนียนและใจคอใสซื่อไร้พิษภัยแบบฟินกี้จะร้ายลึกได้เหมือนกัน


“ห้องยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ยังไงรบกวนนั่งอยู่บนเตียงก่อนนะครับ” ฟินกี้เปรยบอกพร้อมรอยยิ้ม



             ไดนาดินตัดสินใจยืน...แทนที่จะนั่งบนเตียงนอนตามคำแนะนำ  เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่รู้จริงๆกันแน่ว่าเขามาถึงที่นี่ด้วยเรื่องอะไร กลับเอาแต่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แบบนั้น


“นี่น้ำครับ!” มือเรียวถือแก้วน้ำที่รินของเหลวใสไร้สีไร้กลิ่นให้ ร่างสูงรับมาถือไว้ไม่รีรอ


“ขอบคุณครับ!” ไดนาดินตอบเสียงเรียบยืนมองหน้าอีกฝ่าย


“จริงๆหลังจากที่พี่ชายผมไปป่วนบริษัทเจ้านายคุณ แล้วพิคเจอร์ก็ต้องย้ายออกไปอยู่ที่ใหม่ ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนของอินทรีทองจะมาที่นี่อีก”



“คุณไม่แปลกใจหรอครับว่าผมมาที่นี่ทำไม?” ไดนาดินเอ่ยถามอีกรอบ แต่ประโยคนั้นทำให้ฟินกี้ตงิดใจ


“มีอะไรรึเปล่าครับ? บอกผมมาเถอะ เรื่องเกี่ยวกับอะไร พี่ชายผม หรือว่าพิคเจอร์เป็นอะไร”


“แสดงว่าเฟอกัลไม่ได้บอกอะไรคุณเลยหรอ?”


“ไม่หนิครับ? เอ๊ะ! หรือว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับพิคเจอร์”


“ใช่ครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะถามคุณว่า พี่ชายของคุณอยู่ที่ไหน!”


“พี่เฟอกัล! ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่ที่ไหน” จะว่าไปพักนี้เฟอกัลป์ไม่ได้โทรมาหาเขาเลยด้วยซ้ำ หมับ!!!


“แต่คุณเป็นน้องชายเขา คุณต้องรู้สิว่าเฟอกัลไปที่ไหนบ้าง แล้วพักอยู่ที่ไหน!”



         คำตอบที่ไม่ได้ดั่งใจนั้นทำให้ร่างสูงกำลังกลายร่างเป็นคนขี้โมโห ปกติไดนาดินทนได้ แต่สถานการณ์กำลังเลวร้ายแบบนี้ คำตอบจริงๆเท่านั้นที่จะลดความร้อนรนใจแทนคาดอสบอสของเขาได้


“ผม...ไม่รู้จริงๆครับ” ฟินกี้เจ็บบริเวณที่ฝ่ามือหนาคว้าจะจับต้นแขนแน่น


“เลิกแกล้งเป็นคนดีตีหน้าสื่อได้แล้ว คุณรู้ดีอยู่แก่ใจดี ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่คิดหนีความผิดย้ายห้องมาอยู่ด้านบนชั้นแปดหรอก! ” ความน่ากลัวของไดนาดินปรากฏขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าดวงตาจะถูกแว่นสีดำปกปิดไว้ แต่ฟินกี้ก็รับรู้รังสีเจ็บแค้นแทนเจ้านายนี้ได้



      ยิ่งรู้ว่าตอนนี้พิคเจอร์ไม่ปลอดภัย เขาก็เป็นห่วงไม่ต่างกันหรอกนะ แต่เขาไม่รู้จริงๆว่าพี่ชายของเขาอยู่ไหน! แล้วไม่มั่นใจนักว่าครั้งนี้จะเป็นฝีมือพี่ชายเขาด้วย


“ผมไม่รู้จริงๆครับคุณไดนาดิน” ฟินกี้เริ่มเจ็บตรงแรงบีบนั้นขึ้นเรื่อยๆ แขนเขาก็เล็กแค่นั้น แต่มือหนากลับรวบแขนได้หมด ความชาไปถึงฝ่ามือมากขึ้นเรื่อยๆทีละนิด



“บอกความจริงมา ตอนนี้บอสผมแทบจะบ้าตายอยู่แล้วนะ! คุณคงรู้ดีใช่ไหมว่าเวลาคนที่เรารักกำลังมีอันตราย ความเจ็บปวดความทรมานมันมีมากขนาดไหน”



“ผมก็รู้สึกไม่ต่างจากคาดอสหรอก ผมเองก็รักพิคเจอร์เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างผมก็รักพี่ชายของผมมาก  จริงๆพี่ชายผมลงมือทำรึเปล่ายังไม่รู้เลย คุณกลับไปได้แล้ว” ฟินกี้ตอบด้วยความสั่นเครือ บริเวณดวงตากำลังมีน้ำใสใสเอ่อนองพร้อมไหลริน



“หลักฐานมีเป็นคลิป เมื่อคืนมันก็ส่งมาให้บอสผม แบบนี้จะไม่ใช่พี่ชายคุณได้ยังไง เลิกเห็นแก่ตัวได้แล้วฟินกี้ พิคเจอร์คือคนรักของบอสผม และคุณไม่ใช่คนที่พิคเจอร์เลือก ”


“ไม่จริง!!! พวกคุณแยกผมออกจากพิคเจอร์แล้วมาเหมารวมว่าพิคไม่ได้เลือกผมได้ยังไงกัน พวกคุณมันเอาแต่ได้ เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอย่างที่พี่เฟอกัลพูดไม่มีผิด”



“อย่าพูดถึงอินทรีทองให้แง่ลบแบบนี้อีก! ถ้าคุณไม่รู้อะไรดีพอ”


“ไม่!!! ผมจะพูด ความจริงก็เห็นๆกันอยู่”


“ผมบอกให้เลิกพูดไง!”


“ไม่เลิก ปล่อยผม!”


“คุณยั่วโมโหผมเองนะ อินทรีทองคือชีวิตของผม คุณกำลังย่ำยีองค์กรบ้านเกิดผม และผมรักเคารพบอสมากกว่าสิ่งอื่นใด ผมทำเพื่อบอสได้ทุกอย่าง!”



“คุณจะทำอะไร?”


“ในเมื่อเปลี่ยนความรักของคุณกับว่าที่นายน้อยแห่งอินทรีทองไม่ได้ ผมก็ต้องตัดสิทธิ์การเรียกร้องของคุณยังไงล่ะ”  ร่างสูงจับอีกคนเหวี่ยงลงเตียงนอน ด้วยความโมโห และใช้พลังงานตรึงร่างอีกคนให้แน่นิ่ง



“ไม่นะ! คุณไดนาดิน อย่าทำแบบนี้ อย่าตรึงร่างผม!!!”



   ร่างสูงไม่ฟังคำพูดทัดทานจากอีกฝ่าย เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เผยให้เห็นรอยสักอินทรีทองที่หน้าอกขวา  ไม่นานเสื้อผ้าหลายชิ้นของฟินกี้ก็หลุดออกจากลำตัวไปตามๆกัน




“ฮึก ฮือออ คุณไดนาดิน อย่าทำแบบนี้!!!!”



“ผมอดทนกับคุณมามากพอแล้ว บอสผมกำลังจะเป็นบ้า แต่คุณยังคิดปิดบังที่อยู่พี่ชายคุณอีก ผมจะทำให้คุณหมดสิทธิ์ไปเรียกร้องหรือความเห็นใจจากคุณพิคเจอร์ไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต”



            ความจงรักและภักดี กำลังเป็นแรงขับเคลื่อน ให้ไดนาดินชายหนุ่มผู้สุขุม เยือกเย็นต้องทำแบบนี้ เขาทำทุกอย่างเพื่อเจ้านายได้ ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำผิด ผิดที่ขัดคำสั่งโดยพลการจากเจ้านาย และผิดมากที่ต้องทำกับทายาทเบญจพิษคนเล็กอย่างฟินกี้ด้วย 


        แต่ลึกๆแล้ว ที่ไดนาดินต้องโมโหแบบนี้ เพียงเพราะอีกฝ่ายยืนยันยังรักและชอบพิคเจอร์ คนรักของเจ้านายอยู่ และเขาทนไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่เคยมองเขาเลย ทั้งๆที่ความรู้สึกแปลกไปและเอ็นดูฟินกี้นั้นเริ่มตั้งแต่ เดินชนกันที่สนามบิน



          แต่นั่นเป็นเหตุผลรอง ที่เขาไม่คิดบ้าบิ่นทำแบบนี้กับฟินกี้แน่ หากแม้นว่าฟินกี้ไม่ได้ชอบพิคเจอร์แต่เป็นเพียงเพื่อนสนิท ร่างสูงนี้ก็พร้อมที่จะเชยชมอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจและดูแลอยู่ห่างๆไม่บ้าห่ามทำแบบนี้


      เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลล้วนๆที่ไดนาดินโมโหขาดสติทำสิ่งที่ถูกต้องของหัวใจตัวเอง แต่ผิดมหันต์ที่กล้าทำแบบนี้กับทายาทเบญจพิษ ด้วยการตัดไฟเสียแต่ต้นลมซะ



“อะ...อย่า  ฮึก ฮืออออ”  เสียงร้องไห้ปางตายของอีกคน ที่กำลังเจ็บเรือนร่าง แทบจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งนั้นกำลังดันเข้าไปในจุดที่ไม่คิดว่าจะเป็นไดนาดินที่ทำแบบนี้กับเขา



             ร่างสูงแข็งใจมากที่ต้องทำแบบนี้ ทั้งทีอีกฝ่ายคือคนที่เขาอยากปกป้องแต่กลับต้องมาย่ำยีและทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่มีหัวใจขนาดนี้ แต่ขอโทษจริงๆ ตอนนี้มีเพียงความรักต่อเจ้านายและองค์กรเท่านั้น เขาต้องตัดไฟขัดขวางคนรักพิคเจอร์ไปหนึ่งคนให้ได้



:L2:


หานเซียง  คนดี พ่อคนหล่อพ่อพระ  ตอนที่ 24 กำลังอัพลงรอสักครู่  :m31: :m31:


ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
«ตอบ #56 เมื่อ09-09-2016 12:43:48 »

ตอนที่ 24



              ผ่านไปนานหลายสิบนาที กิจกรรมบนเตียงอันแสนขมขื่นใจก็จบลงด้วยดี ฟินกี้หมดสภาพ หมดเรี่ยวแรง และเผลอหลับใหลไปอยู่ในอ้อมกอดของไดนาดิน ความรู้สึกผิดของไดนาดินมากมายเหลือเกิน แต่อีกความรู้สึกมันก็ชัดเจนขึ้นมากเช่นกัน นั่นคือความรักที่มีต่อฟินกี้  แต่เขารู้ดีว่าต่อจากนี้ฟินกี้คงจะเกลียดและขยะแขยงเขาแน่แท้



ครืดดดดด ครืดดดดด 


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงเรือนกายเปลือยเปล่า เดิมไปรับสายนั้นทันที


“ว่าไงเบลซ!”


“ไดนาดิน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”


“มีอะไร?” ไดนาดินเลี่ยงตอบคำถามเพื่อน


“บอสให้นายมาที่สนามบินด่วน ตอนนี้เรนเดลกับเจียนเหมิงอยู่สถานที่เกิดเหตุ ที่ด๊อกเตอร์หายตัวไปแล้ว มันเป็นชายเสื้อที่ดูเหมือนจะถูกฉีกดึงตอนขัดขืน ”


“โอเค ฉันจะรีบไป!!!”



          ปลายสายตัดไป ไดนาดินหันมามองอีกคนที่หมดแรงหลับใหลหายใจสม่ำเสมอ จะให้เขาทิ้งฟินกี้ไปททั้งๆที่สภาพของฟินกี้ตอนนี้ยังไม่สู้ดีแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่...ยังไงเขาก็ต้องตัดใจอยู่ดี 



            เขากวาดมองดูรอบห้องเห็นกระดาษเปล่ากับปากกาวางไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ไดนาดินไม่รอช้าเขียนอะไรบางอย่างลงไปเพื่อลาและขอโทษอีกคน ความยาวหลายบรรทัด   และตอนนี้เขารู้ว่าอีกคนตื่นมาต้องเดินลำบากด้วยกิจกรรมทางเพศเพราะขนาดอวัยวะยืดหดส่วนนั้นของเขาแน่แท้



            ไดนาดินตัดสินใจ เปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบอาหารที่พอมีอยู่ แล้วเมนูง่ายๆที่อีกฝ่ายจะทานได้ดีนั้น นั่นก็คือข้าวต้มรวมมิตร เขาใช้เวลาไม่นานในการทำ โชคดีที่ห้องพักของฟินกี้มีอุปกรณ์ทำครัวเพียบพร้อมทุกอย่าง และสุดท้ายอาหารสุดธรรมดาก็เสร็จ แต่ไดนาดินแอบใส่ความรักและความเป็นห่วงใยลงไปด้วย หวังแต่เพียงว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมาลิ้มรสแล้วได้ซึมซับความรู้สึกนี้ไปด้วย



“ผมไปก่อนนะครับคุณฟินกี้ ผมสัญญาจะรีบมาหาคุณเพื่อรับผิดชอบให้เร็วที่สุด”



           ชายหนุ่มพูดเสร็จก็กระโดดลงจากชั้นแปดที่ระเบียงห้องอย่างไม่คิดกลัวตาย อาจจะมองน่าทึ่งและไม่น่ารอดในขณะเดียวกัน สำหรับคนทั่วไปไร้ซึ่งพลังงานพิเศษนี้



           เขาจำเป็นต้องใช้พลังงานที่เร็วที่เพื่อไปถึงสนามบินในทันเวลานัดของบอส โดยการวิ่งเร็วไปบนดาดฟ้าและตึกมากมาย การเคลื่อนตัวที่เร็วแบบนี้มันเร็วกว่ารถยนต์ในสภาวะรถติด หากใครไม่สังเกตไม่มีทางเห็นเขาแน่ แต่ถ้าหากเห็นเขาก็จะทำสิ่งที่ถนัดที่สุด คือการลบเลือนความทรงจำของคนคนนั้นซะ



“นายช้าไป 5 นาทีนะไดนาดิน!” ผู้เป็นเจ้านายเอ็ดลูกน้องทันทีที่โผล่หน้ามาถึงไร้ซึ่งอาการเหนื่อยหอบ
แต่จริงๆจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหากว่าการบินไปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนรักของคาดอส


“ขอโทษครับบอส” ไดนาดินก้มหัวให้เล็กน้อย


“แกริค! บอกฉันทีว่าไดนาดินไปไหนมา” คาดอสสั่งลุกน้องอีกคนที่ยืนด้านหลังทันที



      ไดนาดินหันไปมองเพื่อนผมสีบอร์นทองสบตากันเล็กน้อย  แกริคทำท่าทางตะกุกตะกัก แต่ก็ยอมเดินไปจับชายผ้าของอีกฝ่ายทันที เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกริคเห็นว่าไดนาดินไปทำอะไรที่ไหนมาก็ต้องอึ้ง  แทบบอกเจ้านายไม่ถูก


“ว่ายังไง!!!”


“บอสครับ ที่ไดนาดินหายไปนานก็เพราะไปเค้นหาความจริงกับฟินกี้ น้องชายของเฟอกัลที่แม่นชั่นครับ” แกริคตอบบอสไปตามความจริง เพียงแต่ไม่หมดทุกอย่างที่เห็นแค่นั้นเอง



        แต่ภาพการร่วมเพศของเพื่อนหนุ่มและทายาทเบญจพิษยังอยู่ในหัวของแกริค มันทั้งขมขื่นและดูเหมือนจะเป็นการปลุกปล้ำเสียบมากกว่า ทั้งภาพและเสียงนั่นชัดยิ่งกว่าชัดอีก แกริคพยายามจะลบมันออกไปจากความคิด แต่ลบยังไงก็ลบไม่ออก ดีหน่อยที่คาดอสไมได้คิดอยากจะอ่านความคิดเขาในตอนนี้ ส่วนไดนาดินเองก็โล่งใจ ที่อย่างน้อยแกริคก็ละเรื่องอื่นไป



“คราวหลัง จะทำอะไรให้บอกฉัน เข้าใจไหมไดนาดิน!”


“เข้าใจครับบอส”


“อืมดี เข้าไปเช็คอินกันได้แล้ว”


“เดี๋ยวผมกับไดนาดินไปเช็คอินให้แล้วกันนะครับ บอสกับเบลซไปยืนรอที่หน้าทางเข้าตรวจสแกนแล้วกัน”



         แกริคแนะนำ คาดอสหันไปมองที่ด้านหน้าบริษัทสายการบินที่จองเอาไว้ คนเยอะมากทีเดียว เห็นทีคงต้องทำตามที่แกริคแนะนำ



“โอเค!”ทันทีที่คาดอสเดียวไปได้ไกลพอสมควร แกริคก็เปรยถามอีกคนอย่างแผ่วเบา


“ไดนาดิน ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านาย...จะทำเรื่องแบบนั้น นายมีเหตุผลใช่ไหม?”


“มันเป็นความผิดฉันเองล่ะ”


“เฮ้ย จริงๆนายไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล แต่เอาเถอะ เรื่องนี้ยังไงถ้านายพร้อม...เล่าให้ฉันฟังด้วย หรือไม่ก็ลบความทรงจำที่ฉันเห็น
ภาพพวกนั้นไปซะ”



“ไม่! ฉันทำอะไรไว้ คนอื่นก็ควรรับรู้”


 “เออๆ ตามใจแก ถึงคิวเราพอดีแฮะ!” แกริคยิ้มหวานให้พนักงานประจำหน้าจอรอรับตั๋วจอง  ไดนาดินพ่นลมหายใจออกมา ตอน
นี้เขาไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องของเขา แต่เขากำลังห่วงอีกคนอยู่ต่างหาก ใจจริงถ้าเป็นไปได้ เขาอยากอยู่ดูแลฟินกี้เหลือเกิน






มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


              หนุ่มตี๋ผิวขาวสูง เดินวนกลับไปกลับมาภายในตัวบ้าน มีลูกน้องและคนสนิทอย่างอินจือ มองตามจนเริ่มจะเวียนหัวไปตามๆกันอยู่แล้ว


“นายท่าน ร้อนใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นนะครับ ผมว่า...”


“อินจือ...นายไปพักไป อย่างน้อยก็เพื่อลูกในท้อง ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก”


“ผมเป็นห่วงนายท่านพอๆกับลูกของผมแหละครับ นายท่านต้องใจเย็นๆ เดี๋ยวไม่นานคุณคาดอสและอินทรีทองก็มาถึงแล้ว”


“ก็ฉันอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้นี่นา ด๊อกเตอร์ก็อีกคน เขาอุตส่าห์มาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกของนาย แต่ฉันละเลยมากไป จนไม่คิด
ว่าพวกนั้นจะมาลักพาตัวด๊อกเตอร์ไปแบบนี้ ฉันควรจะดูแลและจัดแจงความปลอดภัยให้เขามากกว่านี้ ”



        ฟ่านหยางเฟยเอาแต่โทษตัวเอง นิสัยนี้เขาติดมาจากผู้เป็นพ่อ ที่สอนเขามา ถึงจะเป็นเพียงระเวลาสั้นๆในตอนเด็ก แต่คำสอนของพ่อเขานั้นจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว อย่างน้อยก็กฎเหล็กของผู้นำที่ว่า รักลูกน้องและผู้มีพระคุณเท่าความสามารถของตนที่จะทำได้ แต่นี่เขายังไม่ได้คิดจะปกป้องเลยด้วยซ้ำ



“นายท่านเป็นคนดี มีน้ำใจรักลูกน้อง แต่ตอนนี้นายท่านกำลังทำให้พวกผมเป็นห่วงนะครับ”


“ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามไม่คิดมาก ”


“อย่างแรกนายท่านต้องนั่งให้ติดเก้าอี้ก่อนนะครับ” อินจือแนะนำทันที หลังจากเห็นหยางเฟยยังคงเดินไปเดินมาอยู่เช่นเดิม


       ฟ่านหยางเฟยว่าง่าย ทำตามที่อินจือบอก เขาไม่อยากให้อินจือเป็นห่วงเขานัก เคยได้ยินมาว่าอย่าเพิ่มความเครียดให้กับคนกำลังท้องเพราะจะส่งผลต่อลูกได้


“นายท่านครับ เจียนเหมิงกับเรนเดล กลับมาแล้วครับ”


“ว่าไงบ้าง แล้วไหนล่ะ เศษผ้าที่พวกนายบอก” หยางเฟยดูไม่นิ่งเลยในตอนนี้เขาลุกลี้ลุกลนผิดปกติมาก


“อยู่นี่ครับ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไมได้  ต้องรอแกริคคนเดียวเท่านั้น” เรนเดลเปรยบอกพร้อมกับชูเศษผ้าที่พบในบริเวณการ
หายตัวไปของด๊อกเตอร์



   ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าด๊อกเตอร์หายตัวไปจุดไหนของตลาด แต่ทว่า...เท่าที่เดินดูและช่วยกันตามหาความผิดแปลกไป กลับกลายเป็นพบเจอเศษผ้าชนิดหนึ่งหล่นอยู่บริเวณมุมอับ แถมยังมีตัวอักษรที่ขาดบิ่นไปนิดๆตดชายผ้าด้วย แต่ก็พอรู้
ได้ว่าเป็นของพวกเบญจพิษ



“ฉันว่าแล้วไม่มีผิด น้องชายฉันหายตัวไปก็เพราะพวกเบญจพิษ ฉันเดาผิดซะที่ไหน!” หยางเฟยตวาดดังลั่น


“คอยดูเถอะ ไอ้เฟอกัล อย่าให้ได้เจอเชียว ฉันจะเล่นงานแกให้ถึงที่สุด”



ติ้ง!!!  เสียงข้อความเข้า  หยางเฟยรีบเปิดดู กลับกลายเป็นคลิปอะไรบางอย่าง เขาไม่ลังเลใจที่จะกดปุ่มดู


“ไงฟ่านหยางเฟย ไม่ต้องตกใจภาพที่เห็นนี้นะ ฟ่านหยางอี้ปลอดภัยดี ฉันดูแลเป็นอย่างดีเลย ไว้มั่นใจว่าไอ้คาดอสตายเมื่อไหร่ ฉันจะไปสู่ขอตามประเพณีตระกูลฟ่านนะ ฮ่าๆๆๆๆ” คลิปถูกตัดไปเหมือนจบแค่นั้น



         หยางเฟยกำมือถือแน่น เขากัดฟัน เสียงดังกืดกาด  ภาพที่เห็นคือเฟอกัลกำลังโอบกอดลูบไล่ใบหน้าหยางอี้น้องชายเขาอยู่อย่างสนุกลำพองใจ ถ้าได้เจอตัวเฟอกัล เขาจะไม่วันปล่อยมันแน่!


“คิดจะทำบัดสีกับน้องกู มันจะมากไปแล้ว”



เพล้ง! เสียงโทรศัพท์ถูกคว้างออกไปติดฝาผนังอย่างแรง



“ใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณหยางเฟย น้องชายของคุณมีพลังงานพิเศษอยู่ในตัว แถมได้รับการกระตุ้นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นพลังการปกป้องตัวเองและคนที่เขาอยากช่วยเหลือย่อมทำให้พิคเจอร์ปลอดภัยครับ”


“แต่มันป้องกันการลวนลามจากไอ้เฟอกัลไม่ได้!!!”


“นั่นเพราะความเกาะแกะรำคาญใจยังไม่ถึงจุดพีคยังไงล่ะครับ ก็เหมือนกับคราวที่แล้วคุณพิคเจอร์พยายามปกป้องคุณจากเปลว
ไฟของเบลซยังไงล่ะครับ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีด้วยเพราะกลัวว่าคุณจะไม่รอด”



  เรนเดลพยายามพูดให้อีกฝ่ายสงบสติ และตอนนี้ก็ดูเหมือนได้ผลดีด้วย ฟ่านหยางเฟยมองหน้าเรนเดลราวกับกำลังลดความโมโหลงก่อนจะนั่งลงติดเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมกับเอามือกุมหัวราวกับเก็บความรู้สึกไว้




ฮ่องกง! เขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน


“อย่าเข้ามานะ!!!”



              พิคเจอร์ตวาดเสียงดังลั่น ตอนนี้เขาถูกเฟอกัลพาตัวมาที่ห้องใหม่ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นห้องนอนของผู้นำเบญจพิษ และที่แน่ๆร่างสูงนั้นอยู่ในลักษณะเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงขาสั้นบางตัวเดียวเท่านั้นและมีอวัยวะใต้ร่มผ้านั่นกำลังดันออกมา พอจะกะขนาดนั่นได้(แต่ก็อดเทียบไม่ได้ว่าเล็กกว่าของคาดอส)



“ฉันทนรอความรักที่นายมีให้ฉันไม่ไหวแล้วพิคเจอร์ ช่อดอกไม้หลายช่อที่ให้ไป ไม่ช่วยอะไรเลย และที่สำคัญฉันต้องการให้ไอ้
คาดอสมันอกแตกตายไปเร็ว ฮ่าๆๆๆๆๆ”



“ผมบอกอย่าเข้ามาไง!!!”


ฟิ้วววววว  ด้วยความตกใจและคิดหนี พิคเจอร์หลบไปอยู่อีกฝั่งได้อย่างรวดเร็ว



“นี่อินทรีทองฉีดสารกระตุ้นให้นายแล้วอย่างนั้นหรอ? ไหนดูซิว่าจะวิ่งหนีเสน่ห์ของเบญจพิษได้ไหม”



          เฟอกัลแสยะยิ้มมุมปาก พร้อมกับหยิบดอกไม้สีม่วงสามดอก พิคเจอร์ชายตามองดูยังไงก็ไม่ใช่ดอกไม้แท้ มันเป็นดอกไม้
ปลอมที่ทำขึ้นเอง



“จะทำอะไร!!!”


“ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่เกสรนี้ถูกล่องลอยเข้าไปในจมูกของนาย ความรู้สึกอยาก!!! ที่จะร่วมเพศก็จะมากขึ้นแล้ว  จาก
นั้นฉันเองก็จะตอบสนองให้นายอย่างเต็มใจยังไงล่ะ”


“ไม่มีทางหรอก!!! ไอ้ทุเรศ!”


“ก็ลองดู”


  เฟอกัลป์สะบัดดอกไม้ในมืออย่างเร็ว พิคเจอร์มองเห็นละอองเกสรนั่นกระจายฟุ้งเต็มไปหมด ดอกไม้เล็กแค่นี้แต่ทำไมละอองถึงพ่นกระจายออกมาไม่ยอมหยุดเสียที ที่แน่ๆ มันกำลังพัดลอยมาใกล้ตัวเขาทุกทีแล้ว



วืดดดดดดดด



        ด้วยความตกใจกลัวและต้องการให้ตัวเองปลอดภัย เกาะปกป้องก็ปรากฏขึ้นมันมีลักษณะคล้ายวงกลมใหญ่และหนาครอบตัวเขาเอาไว้ ไม่มีละอองเกสรไหนเข้ามาได้ ตอนนี้พิคเจอร์ทำสำเร็จแล้ว จิตใต้สำนึกกับพลังงานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวตามที่คาดอสเคยบอก


“นี่มันอะไรกัน ไอ้ลูกกลมใสนี่คืออะไร? ”



         เฟอกัลไม่พอใจ เดินเข้ามาฟาดลูกกลมนั่น แต่กลับกลายเป็นว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่รอบเกาะกำบังนั้น พิคเจอร์เผยยิ้มออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่ากระแสไฟฟ้าของคาดอสจะมาช่วยเขาได้



“โอ้ยยยยยยย” มือหนาถูกกระแสไฟฟ้าเล่นงาน แทบจะผละมือออกมาไม่ทัน กลิ่นเหม็นไหม้บริเวณฝ่ามือตลบอบอวลไปหมด



“ปัดโถ่เว้ย!!!”



  เฟอกัลหัวเสียรีบเดินออกจากห้องไป ทั้งที่เปลือยเปล่ามีแต่กางเกงขาสั้นบางตัวเดียวเท่านั้น ร่างบางเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมา แต่ตอนนี้เขาไม่อยากให้ลูกกลมๆนี่หายไปเลย เพราะมันเหมือนเป็นตัวแทนที่คาดอสกำลังปกป้องและอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา




ปัง!!!  ประตูถูกถีบเข้ามายังห้องเดิม แต่ตอนนี้มีเพียงด๊อกเตอร์ที่ยังนั่งชันเข่าอยู่มุมห้อง เฟอกัลสีหน้าโมโหเดินตรงเข้าไปจับคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นอย่างแรง


“ลุกขึ้นมา!!!”


“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” บารอนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆร่างโปร่งก็พรวดพราดเข้ามาทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้


“พิคเจอร์มีพลังปกป้องตัวเอง! แต่ทำไมมีกระแสไฟฟ้าบรรลัยนั่นของไอ้คาดอสด้วย?”


“ว่าไงนะ?” ด๊อกเตอร์เองก็งงไม่แพ้กัน พิคเจอร์ไม่ได้มีความเด่นด้านพลังงานสายฟ้าเสียหน่อย


“ไอ้แก่เอ้ย!! เลิกตีหน้าเซ่อได้แล้ว บอกมาว่าทำไมพิคเจอร์มีกระแสไฟฟ้าปกป้องเขา”


“อาจเป็นไปได้ว่า พิคเจอร์อาจมีความสามารถดูดพลังงานตอนที่คาดอสปล่อยออกมาได้”


“ปัดโถ่เว้ยยยยย  ไปทำให้พิคเจอร์หมดฤทธิ์เดี๋ยวนี้” ร่างโปร่งสั่งเสียงดัง


“ไม่มียาแก้การกระตุ้น สิ่งเดียวจะทำได้คือ ความตายเท่านั้น”



            เฟอกัลเจ็บใจมากที่ได้ยินคำตอบแบบนี้ อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขาได้ตัวพิคเจอร์มาแต่ทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นหรอ?     
“ถ้าอย่างนั้นแกก็กระตุ้นให้ฉันบ้าง”



“คุณไม่มีพลังงานพิเศษติดตัวมาแต่เกิด ”


“ก็ทำให้กูมีสิวะ!!!”


“ไม่ได้!!! ยานั่น ถ้าหากฉีดซี้ซั้ว คนที่คิดอยากได้ แต่มันยังจะทำให้ชีวิตของคุณสั้นลง หรือเลวร้ายกว่านั้นคือคุณจะต้องตาย! แต่
คุณตายก็ดีเหมือนกันนะ ผมกับพิคเจอร์จะได้ออกไปจากที่นี่”



"เฟอกัล  ไอ้แก่นี่ด่านาย เดี๋ยวฉันจัดการเอง!!!"


เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! ตุ๊บ  เฟอกัลป์มองดูหานเซียงลงมือฟาดหน้าด้วยหน้ามือและหลังมือพร้อมกับชกเข้าท้องอีกครั้ง อย่างตกใจนิดๆ


“แช่งผู้นำเบญจพิษตายหรอมึง!  เดี๋ยวปัด!!!”

"พอแล้วๆ หานเซียง เดี๋ยวมันก็ตายพอดี"



      เฟอกัลรีบปราม แต่ตอนนี้เขาหงุดหงิดมาก ทำไมอินทรีทองต้องได้เปรียบเขาทุกอย่าง ทำไมกัน!!! นี่เขาคงไม่ได้มีโอกาสแก้แค้นให้กับชาวเบญจพิษที่ตายไปเลยใช่ไหม? แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยๆพวกนั้นก็ไม่มีวันหาเขาพบหรอก ส่วนไอ้แก่ด๊อกเตอร์นี่คงมีประโยชน์แค่เพียงทำให้พิคเจอร์ท้องกับเขาให้ได้เท่านั้น  ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะฆ่าด๊อกเตอร์ทิ้งซะ


         เพราะอะไรนะหรอ? ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้มารชีวิตอย่างไอ้คาดอสได้สืบลูกแพร่หลานกับใครได้อีก ไม่ว่าจะเป็นพิคเจอร์หรือใครอื่นก็ตามที่เป็นผู้ชาย แต่ถ้ามันชอบผู้หญิงคนไหน เขาก็จะตามไปฆ่าพวกเธอซะ เขาต้องการดูความเจ็บปวดของไอ้คาดอส ให้เหมือนกับที่มันทำให้เขาเจ็บช้ำใจเป็นแผลเป็นตราบาปตั้งแต่เล็กจนโต คอยดู!!!



      เมื่อไหร่ที่ไม่มีอินทรีทอง เมื่อนั้นเบญจพิษจะเป็นใหญ่และอยู่ยิ่งใหญ่คู่กับเสือแดงไปตลอดกาล



:L2:



ตอนนี้แถมให้นาจา อิอิ ชดชเยวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้อัพลง ใกล้จบแล้วล่ะนะ เห็นความโง่ของเฟอกัล และความเลวของหานเซียงชัดมั้ย  ตอนต่อๆๆไปจะชัดกว่านี้อีก

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
«ตอบ #57 เมื่อ09-09-2016 15:20:41 »

ฟังแล้ว กัสอยากจะหา ส้มตำ น้ำพริก และ น้ำมนต์ 19 ชุด อยากเอาไปราดใส่เฟอกัลเหลือเกิน แต่ เอาน้ำมนต์ เป็นถังดีกว่าเนาะ จะได้ปัดความชั่วออกจากเฟอกัลไง เห็นแล้ว อยากทำแบบนั้นแทนค่า

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
«ตอบ #58 เมื่อ09-09-2016 22:43:58 »

คิดว่าจะชนะคาดอสได้เหรอ แค่เข้าใกล้พิคเจอร์ยังไม่ได้เลยเฟอกัล
ปล.อ่านๆไปเหมือนยอดมนุษย์เข้าไปทุกที

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
«ตอบ #59 เมื่อ10-09-2016 18:13:12 »

ตอนที่ 25


              เวลาผ่านไป จนกระทั่งบอสใหญ่แห่งอินทรีทองมาถึงเซี่ยงไฮ้ พวกเขามุ่งตรงไปที่อาณาจักรของเสือแดงทันที และดูเหมือนว่าทั้งคนมาเยือนและคนเฝ้ารอกำลังร้อนรนใจไม่ต่างกัน


“คาดอส! ช่วยน้องฉันด้วยนะ ไอ้เฟอกัลมันจะข่มขืนหยางอี้แล้ว” ผู้เป็นพี่เอ่ยเป็นห่วงน้อง


“โอเค หยางเฟยใจเย็นๆก่อน  ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”  คาดอสร้อนใจไม่ต่างกับหยางเฟย แต่กลับเป็นฝ่ายต้องปลอบเพื่อนคนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้


“แกริค เริ่มสืบหาเลย!”



               คาดอสหันไปบอกลูกน้องผมบอร์นทอง ทุกคนมองไปที่แกริคเป็นตาเดียวกัน ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานแตะหลักฐานที่เป็นชายเสื้อหลุดรุ่ยนั้น และคำตอบทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏอยู่ในหัวเขาแล้ว


“บอสครับ! คุณพิคเจอร์อยู่ที่ฮ่องกงครับ ”


“ดี!!! งั้นไปกันเลย  ” คาดอสหันหลังจะออกจากคฤหาสน์ไป แต่กลับมีมือหนาอีกฝ่ายคว้าจับไหล่ไว้ก่อน


“คาดอส ฉันฝากด้วยนะ” หยางเฟยบอกด้วยความกังวลใจ แววตานั้นมีแต่ความห่วงใยฟ่านหยางอี้และเอาใจช่วยเพื่อนสนิทคนนี้มากทีเดียว


“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้ฟ่านหยางอี้เป็นอะไรไปหรอก”



           ประมุขเสือแดงพยักหน้าน้อยๆหลังจากได้ยินคำยืนยันนั้นออกจากปากคาดอส แล้วปล่อยไหล่อีกคนที่เป็นตัวแทนเขาไปทำหน้าที่ไป ตอนนี้ขอแค่เพียงน้องชายเขาปลอดภัย แค่นี้ก็ไม่ขออะไรมากแล้ว





ผ่านไปหลายชั่วโมง...

ฮ่องกง เขตปกครองพิเศษภายใต้สาธารณรัฐประชาชนจีน


“เฟอกัล! คาดอสมา ” หานเซียงเดินเข้ามาบอก ในขณะที่อีกคนกำลังนั่งดื่มไวน์อย่างใจเย็น แต่ตอนนี้คงไม่แล้วนิ่งนอนใจแล้ว เพราะชื่อนั้นมันทำให้เขาแปลกใจปนตื่นตระหนกในคราวเดียวกัน…



“มันมาได้ยังไง?”


“ไม่รู้ แล้วนี่คนของนายทำงานสะเพร่ารึเปล่า?”



           หานเซียงกำลังหมายถึงตอนที่เฟอกัลป์สั่งลูกน้องให้ไปจับตัวด๊อกเตอร์มาที่นี่ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ผู้นำเบญจพิษหงุดหงิดใจ หาว่าอีกฝ่ายกำลังตำหนิเขา



“อย่าโทษคนของฉันหน่อยเลย ลองถามแกเองดูซิว่า ตอนจับหยางอี้มาที่นี่แกทำงานเรียบร้อยรึเปล่า!”




        เฟอกัลสวนกลับไปด้วยความเหลืออดเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันเอง พวกเขาควรรับมือผู้มาเยือนเหนือมนุษย์เหล่านั้น



“โอเค นายไปรับหน้าพวกมันก่อน ส่วนฉันจะไปที่ห้องคุมขังไอ้ด๊อกเตอร์นั่นกับหยางอี้ก็แล้วกัน!”



      หานเซียงยื่นข้อเสนอ และดูเหมือนเฟอกัลจะเห็นด้วย ในความคิดของผู้นำเบญจพิษในตอนนี้ก็ไม่อยากให้พวกนั้นเจอหานเซียงเท่าไหร่นัก เพราะหงส์ดำเป็นกลุ่มแก๊งที่หายสาบสูญไปแล้วในความคิดของแก๊งอินทรีทอง  แต่ไม่ใช่เลย...พวกนั้นเข้าใจ
ผิด เหมือนกับที่คิดว่าเบญจพิษสาบสูญหายสิ้นไปนั่นเอง



“โอเค ฉันจะออกไปรับหน้าพวกคาดอสตามที่นายว่า ส่วนนายอย่าให้พวกคาดอสไปใกล้ฟ่านหยางอี้กับไอ้แก่อ้วนนั่นเด็ดขาด”



“อืม! เชื่อมือฉันเถอะ” 


      ร่างโปร่งสั่งงานหานเซียงเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที โดยหารู้ไม่ว่าเขาไว้ใจหานเซียงมากเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทายาทหงส์ดำอ้างว่าตน เป็นคนเหลือรอดเพียงคนเดียวของแก๊ง ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะอ้างอีกต่อไป




           เพราะพวกเขารู้ดีว่าคราวนี้ยังไงเฟอกัลก็ไม่มีทางรอดพวกอินทรีทอง มิหนำซ้ำเบญจพิษยังจะรู้ความจริงอีกว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนทำให้ความเลวของเบญจพิษถูกเปิดโปงเมื่ออดีต แล้วยังซุ่มฆ่าพ่อแม่ของฟ่านหยางเฟยอีกด้วย



               มือหนารีบกดโทรศัพท์หาใครบางคนทันที และเป็นคนที่คาดอสต้องตกใจเมื่อได้เจอ! 



“ป๊า! ผมว่าเราไม่น่ารอด ออกมาต่อรองกับไอ้คาดอสได้เลย ตอนนี้มันอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว ผมให้แผนที่ป๊าไปเมื่อวาน ป๊ามาตามนั้นได้เลย ส่วนตัวประกันนั้นเรามีพร้อมทุกอย่าง ฮึฮึ”



        หานเซียงยิ้มอ่อน โทรบอกผู้เป็นพ่อให้เดินทางมาที่นี่ ส่วนตอนนี้เขาต้องทำบางสิ่งเพื่อความเป็นธรรมให้กับแก๊งหงส์ดำและรอดจากการไล่ฆ่าของคาดอสรอบนี้  ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องจบปัญหานี้เสียที ไม่อย่างนั้นหงส์ดำก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีอินทรีทองอยู่แบบนี้ไม่จบสิ้น มันถึงเวลาแห่งความจริงแล้ว!



          บริเวณห้องโถงด้านล่าง คาดอสบุกมาถึงถิ่นตามที่แกริคพามา เขายังพอมีมารยาทที่จะนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างใจเย็น  แม้ในใจคิดอยากจะถลาไปฆ่าเฟอกัลให้ถึงตายด้วยซ้ำ



“เก่งดีนี่! ที่รู้ว่าฉันอยู่นี่” เฟอกัลเอามือสอดกระเป๋ากางเกงมองหน้าคาดอสอย่างไม่เกรงกลัวและท้าทายไม่น้อยทีเดียว


“ฉันจะไม่พูดอะไรมาก ถ้านายส่งฟ่านหยางอี้และด๊อกเอตร์มาให้ฉัน ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย”


“แกมีสิทธิ์อะไรที่มาสั่งฉัน ฉันต่างหากที่ต้องสั่งแก ฉันกำลังจะเอาคืนแก ที่แกกล้าขับไล่แก๊งฉันออกจากประเทศตัวเอง”


“นั่นมันเป็นเรื่องชั่วช้าสารเลวของพวกแกที่ทำเอง โดยขัดคำสั่งขององค์กรใหญ่อย่างเรา แท้ที่จริงพวกแกมีโทษถึงตายด้วยซ้ำ”


“ฮ่าๆๆๆๆ  ตายอย่างนั้นหรอ? ก็ได้นะคาดอสเอาที่นายสะดวก แต่คราวนี้เป็นไงเป็นกัน ฉันพร้อมตายและตายไปพร้อมกับฟ่านหยางอี้ด้วยเป็นไง ฮ่าๆๆๆๆๆ”



           พูดถึงความตายของสุดที่รักอย่างฟ่านหยางอี้ คาดอสจุดจะทนต่อไปได้อีกแล้ว เขาต้องสั่งสอนคนตรงหน้าให้สาสม


“ไดนาดิน! ทรมานมัน” คาดอสตะคอกสั่งลูกน้องอย่างเหลืออด ไดนาดินรู้หน้าที่ดีว่าหมายถึงอะไร?


“ทราบแล้วครับบอส!”



พรึบ!!!


        ไดนาดินเพ่งเล็งพลังงานไปยังเป้าหมาย ไม่นานเฟอกัลก็ขยับร่างกายไม่ได้แล้ว ร่างโปร่งรู้สึกเจ็บปวดออกมาจากกระดูกก็มิปาน




“เอื้ออออออ อ่า.......”  เฟอกัลทุกทรมานเจ็บปวดทันทีที่โดนไดนาดินเล่นงาน


“เรนเดล เบลซ ดูคนของเฟอกัลไว้ ระวังผงบุบผามรณะด้วย อย่าสูดดมเด็ดขาด ฉันกับแกริคจะขึ้นไปช่วยหยางอี้กับด๊อกเตอร์เอง”


“ทราบแล้วครับบอส!”



        คาดอส แกริค วิ่งเร็วไปตามทางบันไดในบ้านหลังใหญ่นี้ โดยมีแกริคนำทางไปเพราะรู้ว่าตัวประกันอยู่ที่ไหน ส่วนชั้นล่างที่เดิม เรนเดลกำลังสร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นป้องกันตัวเองจากกระสุนปืนและผงบุบผานั้นจากลูกน้องเบญจพิษอย่างหนาแน่น



“ใครอยากตายก็เข้ามา!” เบลซสั่งเสียงดัง มองคนของเบญจพิษอย่างไม่เกรงกลัว  แต่ก็ดูเหมือนพวกนั้นจะกลัวตายกันอยู่ไม่น้อย ทำท่าทียักยักไม่กล้าเข้ามาหาพวกเขาเลยสักคน เพราะเปลวไฟในมือเบลซมันพร้อมฆ่าชีวิตทุกคนที่กล้าลองดี



             ตอนนี้แกริควิ่งนำมาจนถึงห้องของด๊อกเตอร์ก่อน แต่ก็ต้องต่อสู้กับคนเฝ้าห้องหลายสิบคน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหนุ่มร่างสูงใหญ่ปล่อยสายฟ้าไปทั่วเรือนร่าง คนพวกนั้นรีบวิ่งกรูหนีหายกลัวตายไปหมด 



             หนุ่มผมบอร์นทองไม่รอช้าพังประตูห้องเข้าไป ปรากฏเห็นชายร่างท้วมคุ้นหน้าคร่าตากำลังทำตาโตดีใจที่เห็นพวกเขามาช่วย แต่เพราะปากถูกเทปดำปิดเอาไว้ เสียงร้องตะโกนให้ช่วยเลยเปล่งเสียงออกมาไม่ได้



“ใจเย็นๆนะด๊อกเตอร์ เรามาช่วยแล้ว” แกริคแกะเชือกที่ขาและมือออก ไม่นานด๊อกเตอร์บารอนก็เป็นอิสระ


“คาดอส ไปช่วยพิคเจอร์ก่อนเร็วเข้า ตอนนี้ไอ้หานเซียงมันอยู่ที่นั่นด้วย” ด๊อกเตอร์รีบบอกคาดอสทันที


“หานเซียง!!!!” คาดอสอุทานทวนชื่อนั้นออกมาอีกครั้งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง


“ใช่ รีบไปเถอะ ก่อนที่พิคเจอร์จะเป็นอันตราย”



ฟิ้ววววววว


        คาดอสบุกเดี่ยว ทิ้งแกริคละด๊อกเตอร์อยู่ในห้องสองคนไปก่อน ตอนนี้เขาต้องตามหาตัวหานเซียงให้เจอ ว่าแต่ไอ้หมอนั่นมันพาพิคเจอร์ไปที่ไหนกัน?



             ร่างสูงวิ่งเข้าวิ่งออกหลายห้องนับไม่ถ้วน  แต่ไม่ปรากฏเรือนร่างของหวานใจและคนร้ายเลยแม้แต่น้อย จนท้ายที่สุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดของหลังคาลักษณะคล้ายดาดฟ้าตามตึก เขามองหาเป้าหมายและก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขามองเห็นสองร่างที่มีขนาดแตกต่างกันแต่ตัวแนบชิดกันราวกับปาท่องโก๋



“อย่าเข้ามานะเว้ย! ไม่งั้นไอ้นี่สมองแตกแน่”



  หานเซียงขู่พร้อมกับจ่อปืนเข้าขมับซ้าย ดูก็รู้ว่ามันทำจริง เพราะคาดอสอ่านใจจากคนตรงหน้าออก 



“พี่เฉิงช่วยด้วย!!!” พิคเจอร์ตะโกนร้องบอก คาดอสได้ยินแล้วแทบขาดใจ


“หุบปากไปซะ!!!” หานเซียงตะคอกใส่


“หยางอี้ ตั้งสตินะ จิตวิญญาณและพลังรวมกันเป็นหนึ่งจำได้ไหม นายจะปลอดภัย?”



             คาดอสพยายามเกลี่ยกล่อม พิคเจอร์มีสิทธ์รอด ด้วยพลังงานปกป้องตัวเองจากอีกคนที่จ่อปืนอยู่ขยับซ้าย  ร่างบาง
ทำตามอย่างว่าง่าย ทันทีที่ทุกอย่างรวมกันเป็นหนึ่ง   เกาะกำบังขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นทันที แถมดันร่างอีกคนให้กระเด็นออก
จากรัศมีลูกกลมหนาใสนั้นไปด้วย




วืดดดดดดด



“ดีมากพิคเจอร์!” คาดอสยิ้มออกมา ก่อนจะเหลือบมองอีกคนด้วยความโมโห คราวนี้ถึงทีของทายาทหงส์ดำแล้ว


“ทำไมแก ยังมีชีวิตอยู่? แล้วมาอยู่กับเฟอกัลได้ยังไง?” คาดอสถามไปด้วยความสงสัย


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบแก! ”


“งั้นก็ตายซะเถอะมึง!” คาดอสเปรยบอกอย่างเหลืออดพร้อมกับง้างมือเพื่อฟาดสายฟ้าใส่หานเซียง แต่แล้วกลับไม่ง่ายอย่างที่
คิด...



แกร๊กๆ  เสียงชักปืนดังอยู่ทางด้านหลังหูร่างสูง ทำให้เขาต้องชะงักมือไป



“จะฆ่าลูกชายฉันหรอคาดอส!”   


“ป๊า!/ หานจู!”




         ไม่น่าเชื่อว่าผู้นำรุ่นคราวพ่อก็ยังไม่ตาย มันเรื่องอะไรกัน? คาดอสงงไปหมดแล้ว


“พวกแกระเบิดเรือตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง?” คาดอสถามด้วยความสงสัย


“ฮึฮึ คนอย่างฉันตายง่ายซะที่ไหน นั่นมันก็แค่เซ็ทฉากหลอกตาก็เท่านั้น แต่เอาเถอะ...ไหนๆก็มาถึงวันนี้แล้ว ก่อนแกจะตายฉัน
จะบอกให้เอาบุญก็ได้!”



     ปืนหลายกระบอกจ่ออยู่ที่หัวด้านหลัง คาดอสไม่กล้าขยับเขยื้อนมากนัก ด้วยระยะประชันชิดแบบนี้ ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีทัน



“...หลังจากที่หงส์ดำระเบิดเรือฆ่าตัวเอง ซึ่งจริงมันก็แค่ละครฉากหนึ่งอยู่ที่บอก แต่ไอ้พวกอินทรีทองหน้าโง่อย่างพวกแกก็เชื่อสนิทใจว่า พวกฉันตายหมดแล้ว  ฉันแอบหนีมาได้พร้อมลูกชาย และหนีขึ้นเรือไปยังอเมริกา รักษาตัวเองและสร้างสุมกำลังพลเอาไว้จากนั้นก็ตามหาตัวพ่อแกจนเจอที่นิวยอร์ก ไม่นานพ่อแกก็ต้องตายอย่างอนาถด้วยยาพิษของฉัน  แต่น่าเสียดายที่ฉันปกปิดหลักฐานได้ดี ทีมแพทย์เลยสรุปว่าพ่อแกเสียชีวิตเพราะโรคเครียดต่อเนื่องและอ่อนแอ”



“แก ไอ้เลว!” คาดอสตะคอดด่าทันที



“...ยังไม่หมดเท่านั้น ฉันวางแผนอยู่นานจนในที่สุดก็หาทางออกเจอ โดยการบอกธุรกิจเลวๆค้าอาวุธเถื่อนของเบญจพิษให้ตำรวจ ตำรวจเลยแห่มาตามจับพวกมัน  ส่วนเบญจพิษหน้าโง่ก็นึกไม่ถึงอีกว่าหงส์ดำเป็นคนทำ แต่กลับเข้าใจว่าต้องเป็นอินทรีทองแน่ๆ ทั้งทั้งที่ก็รู้ว่าอินทรีทองไม่รู้เห็นเกี่ยวกับธุรกิจนี้เลยนอกจากเบญจพิษและหงส์ดำเท่านั้น  ก็บอกแล้วว่ามันโง่!   และอินทรีทองก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องแบบนี้ในระบบองค์กรได้หรอก จริงไหม? เลยเป็นเหตุจำเป็นต้องขับไล่เบญจพิษออกจากการปกครองไป น่าสงสารจริงๆ”




    หานจู เดินไปมาตรงหน้าคาดอส อย่างสะใจ อีกอย่างก็ดูเหมือนกำลังประจานความเลวของตัวเองให้คาดอสฟังเป็นครั้ง
สุดท้ายด้วย




“...หลังจากนั้น  เสือแดงหน้าโง่แต่อวดฉลาดอย่างพ่อแม่ไอ้หยางเฟยก็สะเออะทำตัวเป็นคนดี หลังจากที่เบญจพิษถูกไล่ออกนอกประเทศแล้ว  ก็ยังอุตส่าห์บากหน้านัดเจรจาแทนอินทรีทองที่เมืองไทย  ฉันเห็นแล้วอุจาดตาว่ะ เลยยิงพวกเสือแดงทิ้งไปซะเลยในระหว่างเจรจากันอยู่ด้วยมุมตึกที่สูงมาก พอดีช่วงนั้นฉันจ้างมือสไนเปอร์มาได้พอดี ฮ่าๆๆๆ ไม่นึกเลยว่าจะแม่นและง่ายดายขนาดนี้  หลังจากนั้นฉันก็โทรแจ้งไปยังตำรวจสากลของประเทศไทยให้ตามล่าหาตัวคนผิด แพะรับบาปครั้งนี้ของฉันก็ตกเป็นเบญจพิษอีกนั่นแหละ แต่พ่อของไอ้เฟอกัลรีบหลบหนีไปพร้อมกับลูกน้อยของเสือแดง ถ้าจะให้ชัดคือไอ้เด็กในลูกกลมๆนี่ไง ฮ่าๆๆๆๆ โตมาหน้าเหมือนแม่มันจริงๆ” หานจูหันไปมองร่างบางอีกคนที่อยู่ในเกาะกำบังลูกกลมๆนั่น




“แกทำแบบนี้ต้องการอะไร?”



“ล้างแค้นไง?    อินทรีทองทำอะไรกับหงส์ดำไว้บ้าง องค์กรเราอยู่ได้ด้วยการขายอาวุธเถื่อน แต่พวกแกไม่ยอมเห็นด้วย ฉันจำเป็นต้องล้มอินทรีทองเพื่อเป็นใหญ่เอง เอาล่ะรู้ความจริงหมดแล้วก็ดี เตรียมตัวตายได้แล้ว”



“อย่า!!!!!”  ฟ่านหยางอี้ตะโกนสุดเสียง  ทันใดนั้นเกาะป้องกันอีกอันก็เข้าปกป้องร่างสูงคนที่เขารักทันที ทันเวลาที่กระสุนปืนพวกนั้นกดยิง



“ฉันเสียเวลากับพวกอินทรีทองมามากพอแล้ว”  หานจูทำสีหน้าไม่พอใจ ยิงปืนรัวใส่ลูกกลมๆครอบตัวคาดอสนั้นอย่างบ้าครั่ง 
แต่ลูกกลมๆนั่นก็ทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด




เจี๊ยดดดดเจี๊ยดดดดด 



         เสียงกระแสไฟฟ้าตอนนี้กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ พลังงานหลายหมื่นโวลล์กำลังทำงาน คาดอสกำลังโกรธมาก  และสิ่งที่เขาต้องการทำตอนนี้ก็คือ...ฆ่าหงส์ดำตายให้หมดซะ  เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมายทุกอย่าง


หมับ!!!!!!!!!!!!!



      คาดอสเอามือพุ่งจับคอหานจูยกสูงเหนือพื้นแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าช๊อตใส่ ร่างของหานจูเริ่มเหม็นไหม้ขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งแน่นิ่งไป  แต่ในระหว่างนั้นความเป็นมนุษยธรรมของคาดอสก็มีมากพอที่จะฆ่าคนด้วยกันเอง



“ป๊า!!!!!!!” หางเซียงวิ่งเข้าไปช่วยพ่อตัวเอง แต่กลับถูกบางอย่างเล่นงานใส่หน้าเต็มๆ นั่นคือกระแสลม มันคือผลพวงของพลังงานพิคเจอร์นอกจากมีการป้องกันร่างกายแล้ว ยังมีกระแสลมที่เขาเนรมิตขึ้นได้




       หานเซียงตาเบิกโต ถอยหลังกรูไปจนมุม ไม่ทันตั้งตัวว่าหมดทางไปแล้ว และหากเข้าถอยหลังไปอีกก้าวเดียวนั่นคือ จุดจบชีวิตของเขา



“หานเซียงอย่างถอยหลังนะ ไม่งั้นนายแย่แน่!” ร่างบางตะโกนบอก


“ป๊าฉันตายแล้ว แล้วฉันจะอยู่ทำไม แต่ก่อนที่ฉันจะตาย แกก็ต้องตายด้วย!!!”



         หานเซียงถลาเข้าจับแขนพิคเจอร์ กระโดดลงไปพร้อมกันทันที ความสูงของที่นี่มากถึงห้าชั้น  แน่นอนว่าถ้าหานเซียงตกลงไป ถ้ารอดก็เลี้ยงไม่โตแน่



หมับ!!!!



       มือเรียวเล็กคว้าจับขอบตึกดาดฟ้าด้วยความสามารถที่มีอยู่ หานเซียงเงยหน้าขึ้นไปมอง ปรากฏว่าพิคเจอร์คว้าจับขอบตำไว้ได้กลับรีบออกแรงดึงถ่วงตัวเองให้หนัก เพื่ออีกฝ่ายจะได้ทนรับแรงน้ำหนักไม่ไหว



“แกจะต้องตายไปกับฉัน ไอ้คาดอสมันจะได้ตายทั้งเป็นฮ่าๆๆๆๆ”


“พูดอย่างกับชีวิตตัวเองไม่มีค่าอย่างนั้นแหละหานเซียง ” พิคเจอร์ส่ายหัวก่อนจะดึงด้วยพลังที่เกินมนุษย์ช่วยอีกร่างขึ้นมาได้


 สุดท้ายก็มีใครอีกคนถลาเข้ามาหาอย่างเร็ว หลังจากจับการลูกน้องของหงส์ดำให้สลบไปจนหมด


“พิค! นายไม่เป็นอะไรนะ” คาดอสโผเข้ากอดอีกฝ่ายด้วยความถวิลหาอย่างมาก จนจะทำให้อีกฝ่ายหายใจไม่ออกแล้ว


“พะ...พี่เฉิง พะ...พอก่อน ผมไม่อะไรแล้ว  เพราะผมมีพี่เฉิงมาช่วยไง   ส่วนหานเซียงเขาจะตายไม่ได้ เขาต้องไปรับโทษตามกฎหมายต่อไป”


“นายทำถูกแล้วพิค ภรรยาฉันทำไมใจดีและฉลาดอย่างนี้นะ” คาดอสแซวอีกฝ่ายโดยไม่ได้ดูเวลาล่ำเวลา


"ใช่เวลามาพูดเล่นไหมเนี่ย!"



“ป๊า!!!!!  ป๊าอย่าตายนะป๊า”



       เสียงโวกเวกดังจากอีกทาง ทั้งสองคนหันไปมองกลับปรากฏเป็นหานเซียงที่กอดร่างไร้สติของผู้เป็นพ่อ คาดอสมองภาพนั้นอย่างหน่ายๆ


“พี่เฉิง พี่ฆ่าพ่อของหานเซียงรึเปล่า!”


“พี่เปล่า! แค่ทำให้น็อกไปเท่านั้นเอง” ร่างสูงแก้ตัวพร้อมกับยืนกอดอกเท่ห์ๆ


“งั้นพี่ก็เดินไปบอกเขาได้แล้ว จะยืนเก๊กอยู่ทำไม ไม่เห็นหรอว่าหานเซียงร้องไห้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”


“ให้มันบ้าไปเลย พวกเลวๆแบบนี้”


“พี่เฉิง!”


“คร้าบๆๆ พี่จะไปบอกเดี๋ยวนี้แหละครับ ”



     คาดอสเดินเข้าไปบอกอีกฝ่ายตามที่ร่างบางต้องการ สุดท้ายไม่นานตำรวจฮ่องกงก็เข้าจับตัวหงส์ดำไป เพราะทางการต้องการตัวอยู่แล้ว ร่างสูงจูงมืออีกฝ่ายไปที่ขอบตึกดาดฟ้า พิคเจอร์หายใจไม่ทั่วท้องและไม่เข้าใจว่าผู้นำอินทรีทองจะทำอะไร



“พี่เฉิง ผมว่าเรากลับไปชั้นล่างดีกว่านะครับ ไปทุกคนกัน”


“หยางอี้ไม่รู้หรอว่าพลังของเราทำอะไรได้บ้าง ที่แน่ๆคือกระโดจากที่สูงมันไวกว่าลงบันไดเยอะ”


“ไม่นะ ผมไมชอบความสูงงงงงงงงงงง”



พรึบ หมับ! วืดดดดดดดดดดด



        คาดอสไม่สนใจอีกฝ่ายเขากะจะแกล้งคนรักของเขาเท่านั้นด้วยการเข้าไปอุ้มอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาวพร้อมกระโดดลงจากความสูงหลายสิบเมตรลงมา  พิคเจอร์หลับตาปี๋มือเรียวก็ฟาดตีลงต้นแขนใหญ่ๆนั้นไปตลอดทางที่กระโดดลงมา  แต่มันกลับเป็นความสุขของร่างใหญ่มากไม่น้อยทีเดียว



:L2:




หว่ายยยยยยยยยยยยยย  ปมเรื่องหมดแล้วที่เหลือ รอดู ความร้อนแรงของหยางเฟยกับเฟอกัลได้เลย  ส่วนความรักพ่องี้แม่งอนของไดนาดินกับฟินกี้ก็รอได้เลย  ท้ายที่สุดครอบครัวตัวน้อย เจียนเหมิง อินจืออีก    ความรักแต่ละคู่นี่สู้ความละมุนของคาดอสกับพิคเจอรืไม่ได้หรอก อิอิ  ส่วนเรนเดลกับแกริคนี่จะเลิกกัดกันแล้วพูดดีบ้างไหมแน่ ใกล้จบแล้วล่ะ อิอิ ย้ำว่าไม่มีตอนพิเศษนาจา


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด