No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]  (อ่าน 281231 ครั้ง)

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
พี่ฟล์อยมุ้งมิ้งน่ารักอะ :katai1: :katai2-1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เริ่มหวานแล้วนะนี่  :katai2-1:

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
ดีมากกก แบบนี่สิน่ารักพี่ฝอย

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ถือว่าเริ่มใหม่ได้ไม่เลว
พอเปลี่ยนวิธีเรียก อารมณ์เปลี่ยนทันที ดูมุ้งมิ้งอย่างบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เพิ่งเข้ามาเห็นว่ามีเรื่องของพี่ฝอยด้วย น่าร้ากกกกกกก

จะมีคู่อื่นแฝงด้วยมั้ย แอบคาดหวังถึงป่าน นางกวนมาก

ปล.เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบบุคลิก f t island  มากกกกกก

ส่วนตัวคิดว่าคนแต่งแต่งเรื่องนี้ได้รื่นมากขึ้น เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร เก่งๆๆๆ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เริ่มต้นใหม่ น่ารักเชียว

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ต้อมเจ๋งมาก
พี่ฝอยน่ารักขึ้นเยอะ

 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : 09




       ช่วงนี้ใกล้มีงานมหาลัย ทุกคนดูวุ่นวายในชีวิตมาก ผมก็เช่นกันเพราะต้องตามหาของมาให้คนกลุ่มอื่นๆ ตามคำสั่งหัวหน้าสวัสดิการนั่นคือไอ้นัว มันถือโอกาสใช้งานผมจนแทบไม่มีเวลาพัก ไอ้เชี่ยนี่คงอยากโดนกระทืบ เดี๋ยวรอจบงานนี่ก่อนเถอะ

   “ไอ้ต้อม มึงไปหา...” มาอีกแล้ว ผมมองตาขวางมันเลยอ้าปากพะงาบๆ แล้วหันไปสั่งคนอื่นแทน

   ผมเดินลงจากตึกมาก็เจอพวกไอ้ป่าน มันกำลังนั่งส่องเด็กปีหนึ่งของคณะ ที่จริงมันมีคนน่ารักหลายคน ผมก็แอบเหล่ๆ นิดหนึ่ง พอพวกมันเห็นผมก็กวักมือเรียก แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะ ผมก็ต้องเงยหน้ามองไอ้คนที่มาขวางทาง

   เคยเห็นครั้งหนึ่ง คนที่มาขวางทางจ้องหน้าเหมือนผมไปข่มขืนมันอย่างนั้น ดวงตาเรียวๆ มองอย่างหาเรื่อง ผมกำลังจะอ้าปากถามมันก็หลีกทางจนผมได้เจอคนที่รู้จัก

   “พี่มาทำไม” ผมถามคนที่ยืนซ้อนหลัง มันยกยิ้มนิดๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้สาวๆ ในคณะต่างยิ้มเพ้อฝัน

   “เลิกหรือยัง ไปดูหนังกัน” คำพูดที่ลดการเอาแต่ใจเริ่มน่าฟังขึ้นเยอะ ผมเม้มปากคิดก่อนจะหันไปชวนไอ้ป่านด้วย พอมันได้ยินก็หูตั้งหางกระดิกเข้ามาหา

   “เอาเพื่อนได้ด้วยนะ” ผมบอก มันก็พยักหน้าจ้องหน้าไอ้ป่านเขม็ง ส่วนเพื่อนมันก็ทำหน้าเบื่อหน่าย

   ไอ้นี่เคยด่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร

   ผมชวนไอ้ป่านมาขึ้นรถด้วย แต่เจ้าของรถชี้นิ้วให้ไปนั่งกับเพื่อนมันแทน ไอ้ป่านมองเลิกลักเพราะไม่รู้จัก แต่ก็ยอมขึ้น คงกลัวสายตาเรียวที่มองเหมือนนกเหยี่ยวนั่น

   พอขึ้นรถ ผมก็มองหน้าคนยิ้มอารมณ์ดี

   “จ้องหน้าพี่ทำไม” หันมาถามพร้อมรอยยิ้ม

   “พี่กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า” ถามออกไป มันก็หัวเราะลั่น

   “พี่มีความสุขต่างหาก” แม้ไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าส่งๆ “อยากดูหนังเรื่องอะไร”
 
   “อะไรก็ได้” ตอบไป “จะว่าไป เกือบปีแล้วมั้งที่ผมไม่ได้ดูหนัง”

   “นานขนาดนั้นเชียว”

   “อืม ก็มันไม่มีเวลา ไหนจะทำงาน ไหนจะเรียนอีก” ช่วงนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายตอนอยู่กับพี่ฟลอยด์ (ขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกันจะได้ติดปาก) หลายครั้งที่ผมมักจะบ่นหรือขอคำปรึกษา บางเรื่องผมไม่กล้าที่จะพูดกับเพื่อนตัวเองแต่กล้าจะพูดกับคนที่นั่งข้างผม

   “ไม่ได้พักผ่อนล่ะสิ หน้ากับมือถึงหยาบกร้านขนาดนั้น” พูดไปขำไป ผมไม่โกรธหรอกเพราะมันคือเรื่องจริง “เดี๋ยวหาซื้อครีมเพิ่มหน่อยดีกว่า พี่เห็นในกระปุกนั่นจะหมดแล้ว” ผมตาเหลือกหันไปมอง กระปุกครีมที่วางบนโต๊ะราคาครึ่งหมื่นเลยนะครับ ผมใช้แทบจะนับครั้งได้ กลัวมันหมด

   “ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้ มันยังเหลืออีกเยอะ” พอผมบอก พี่ฟลอยด์ก็หันหน้ามามอง

   “แสดงว่าไม่ค่อยทาครีมใช่มั้ย” อึกอักไม่กล้าตอบจนคนถามถอนหายใจออกมา “กลัวมันหมดสิท่า หมดก็ซื้อใหม่ไม่เห็นเป็นไร”

   “ตรรกะลูกคนรวยสินะ” ผมบอก พี่ฟลอยด์มันก็หัวเราะแล้วยื่นมือมายีหัวผมเล่น

   “นี่ก็ลดลงจนแทบจะเป็นคนจนอยู่แล้ว” ผมขำออกมา

   ช่วงก่อนพี่เขาใช้เงินโคตรเปลืองจนผมปวดหัว อาทิตย์หนึ่งใช้เกินหมื่นก็มี ผมเลยลากแขนมานั่งตกลงเรื่องการใช้เงิน แม้เจ้าของเงินจะบอกว่าเต็มใจ ประเด็นคือที่หมดเยอะเพราะเอาแต่ซื้อของให้ผม ทั้งที่ผมไม่เอาแต่สุดท้ายมันก็มานอนกองอยู่ในห้อง ผมออกคำสั่งให้ใช้เงินอาทิตย์ละไม่เกินห้าพันบาท นี่ก็ถือว่าเยอะแล้วสำหรับคนแบบผม แต่คนโดนสั่งหน้างอบอกไม่พอ ผมเลยให้สาธยายว่าต้องใช้อะไรบ้าง

   ค่ากินข้าวสามมื้อ ค่าเลี้ยงเหล้าเพื่อน ค่าเลี้ยงขนมเพื่อน สรุปคือพี่แกใจสปอร์ตเลี้ยงทุกอย่างที่เพื่อนบอก นี่รวยอย่างเดียวทำไม่ได้หรอกนะครับเนี่ย ผมด่าไปแบบนี้เลยโดนดีดหน้าผาก แต่จากนั้นพี่แกก็เริ่มปฏิเสธเป็นเพราะโดนผมสั่งห้าม อันที่จริงลับหลังผมก็ไม่รู้หรอก มันอยู่ความซื่อสัตย์มากกว่า และทุกเย็นผมจะได้รับการรายงานว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้บอกให้ทำ

   ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง รถหรูเลี้ยวเข้าจอดพร้อมๆ กับรถอีกคันที่หรูไม่แพ้กัน ผมออกจากรถมาก็แอบตกใจที่ไอ้ป่านรีบขยับมากอดแขนผมแน่น ดูได้จากสายตาเจ้าของรถที่มันนั่งมา เป็นผมก็แอบหวั่นเหมือนกัน เราสี่คนเดินเข้าไปด้านใน ผมกับไอ้ป่านเดินชี้ร้านนั้นร้านนี่ตามหลังลูกคนรวยสองคน

   “ไปซื้อตั๋วหนังก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” พี่ฟลอยด์หันมาบอก ผมก็พยักหน้า

   โซนโรงหนัง ผู้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านอาจเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของเหล่าเด็กมัธยม ผมยืนคุยกับไอ้ป่านเรื่องตัวอย่างหนัง ข้างๆ มีเพื่อนของคนที่ผมสนิทด้วยยืนกอดอกทำหน้าบึ้ง

   “มึงคบกับไอ้เชี่ยฟลอยด์แล้วเหรอวะ” อยู่ๆ คนข้างผมก็ถามขึ้นมา

   “คงงั้นมั้ง” ตอบแบบเรียบๆ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อเมื่อพี่ฟลอยด์เดินมาพร้อมกับตั๋วหนังสี่ใบ คราวนี้พี่แกก็เป็นเสี่ยใจดีสปอร์ตแบบเดิม

   “เหลือเวลาชั่วโมงกว่าว่ะ ไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน” พี่ฟลอยด์มันว่า

   เพราะความอยากกินของผมทำให้ต้องมากินพวกปิ้งย่าง ไอ้ป่านตาโตเพราะมันก็ชอบกินแบบผม พี่ฟลอยด์มันก็เฉยๆ แต่ดูเพื่อนมันจะไม่ค่อยชอบ คิ้วขมวดตลอดเวลา

   เลือกนั่งโต๊ะเสร็จ พี่ฟลอยด์ก็เอาเมนูให้ผมเลือก ชี้ๆ ไปแล้วลุกไปตักหมูเพิ่ม ไอ้ป่านตักซะเยอะจนโดนไอ้รุ่นพี่หน้านิ่งแขวะ แต่มันไม่แคร์ มันยังเดินไปตักเพิ่มต่อหน้าจนผมแอบขำ สงสัยจะเลิกกลัว กลับมาที่โต๊ะ พี่ฟลอยด์กำลังจัดแจงปิ้งของที่พนักนำมาเสิร์ฟ

   “พี่ไม่ไปตักอะไรเหรอ” ผมถาม พี่ฟลอยด์ส่ายหน้าแล้วขยับให้ผมนั่งด้วย ตอนแรกผมนั่งข้างไอ้ป่าน แต่ตอนนี้โดนสายตากดดันนิดๆ เลยต้องนั่งลง “เพื่อนพี่ชื่ออะไรอะ” ถามพร้อมกับคนที่ไม่รู้ชื่อเดินมานั่งพอดี

   “ถามชื่อกูก็ต้องถามกู จะไปถามไอ้ฟลอยด์ทำไม” เสียงโคตรเข้ม ผมเลยมองหน้าพี่เขาตรงๆ

   “แล้วพี่ชื่ออะไร” อย่าคิดว่าผมจะกลัว

   “เกน” บอกพร้อมจ้องหน้าผมแบบหาเรื่อง

   “อ่อ” ผมคีบหมูที่พี่ฟลอยด์เพิ่งวางในจานหลังเป่าให้คลายร้อนเข้าปากแล้วมองหน้ามัน
 
   “กวนตีน” ได้ยินมันว่า แต่ผมไม่แคร์ เพราะหมูในจานเริ่มเยอะ ไอ้ป่านมาพร้อมกับหมูอีกหลายจานจนโดนไอ้พี่เกนถามเสียงหลง “นี่มึงเอามากินหรือยัดวะ”

   “กินดิ่พี่” ไอ้ป่านว่า มือมันก็คีบหมูวางบนเตาย่าง ผมมองคนที่เริ่มแย่งที่ว่างบนเตาด้วยความขำ ก่อนจะมีกุ้งมาจ่อปาก

   “อ้า” เสียงบอกให้อ้าปาก แต่ผมส่ายหน้า คนคีบยังไม่ยอมจนต้องกิน เชี่ยเอ้ย คนมองเต็มเลย เห็นโต๊ะผู้หญิงกลุ่มนั้นขำด้วย

   “พี่กินเลย ไม่ต้องเอาให้ผมแล้ว” บอกไป พี่ฟลอยด์เลยคีบเข้าปากบ้าง

   “มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยว่ะไอ้ฟลอยด์” พี่เกนบอก ตะเกียบในมือยังวางหมูลงที่ว่าง

   “แบบนี้ก็ดี” พี่ฟลอยด์ตอบเพื่อนมันพร้อมยักคิ้ว เห็นเพื่อนมันส่ายหน้า แล้วทำตาดุใส่ไอ้ป่านที่แอบคีบหมูอีกฝั่งไป

   กว่ามื้อนี้จะสิ้นสุดก็เกือบจะมีสงครามแย่งกุ้งตัวสุดท้าย ผู้ชายสามคนต่างใช้ตะเกียบจิ้มกุ้งตัวสุดท้าย ยื้อกันไปมาสรุปกุ้งอีกด้านไหม้เลยอดกินกัน ผมหัวเราะจนท้องแข็ง ฮาสุดก็ไอ้ป่านที่มันมองค้อนพี่เกน เพราะมันถูกกล่าวหาว่าทำให้ไม่ได้กินกุ้ง

   เดินออกมา พี่เกนก็แยกออกไปดูของ ไอ้ป่านก็แยกไปดูหนังสือการ์ตูน ผมกับพี่ฟลอยด์เลยเดินเล่นไปรอบๆ อยู่ๆ ผมก็ถูกลากเข้าร้านขายรองเท้า

   “เลือกสิ” พาผมเข้ามาแล้วชี้ไปที่ตู้รองเท้าผ้าใบ

   “เลือกทำไม”

   “ก็ที่ต้อมใส่มันเก่าแล้ว” ผมก้มมองรองเท้าสภาพเยินๆ ของตัวเอง

   “เก่าแต่ยังใช้ได้ ไม่ต้องซื้อหรอก เปลืองเงิน” บอกพร้อมออกแรงดึงออกจากร้าน แต่อีกคนรั้นไม่ยอมขยับตาม จนมีพนักงานเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม พร้อมอธิบายว่ามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง พี่ฟลอยด์ตั้งใจฟังต่างจากผมที่อยากออกไปเต็มแก่

   ความดื้อและหัวรั้นทำให้ผมได้รองเท้ามาคู่หนึ่งครับ ราคาขนาดลดแล้วยังหลายพัน ผมไม่ใส่หรอก ซื้อไปเก็บไว้ เกิดใส่แล้วเปื้อนดินเปื้อนโคลนมันเสียดาย คนจ่ายเงินเดินยิ้มออกมาจากร้าน ผมหน้าบึ้งแต่ถูกดึงแก้มให้ยืด

   “ทำหน้าแบบนี้เสียดายเงินล่ะสิ” รีบพยักหน้า “นานๆ ซื้อทีไม่เป็นไรหรอก”

   “อาทิตย์ละห้าพันนะ” เตือนครับ คนถูกเตือนหัวเราะพร้อมยกแขนขึ้นมาพาดคอผมเดินต่อ

   ร้านเสื้อโปโลราคาแพง ผมยืนรออยู่ตรงหน้าร้านนี้ละครับ ไม่เข้าไป กลัวจะได้เสื้อมา เลยปล่อยให้คนอยากได้เข้าไปคนเดียว ยืนมองนั่นมองนี่ก่อนจะมีคนมาสะกิด พอหันไปมองผมก็รีบยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม

   “มาซื้อของเหรอ” พี่โชแฟนไอ้กลอยทักผมก่อนครับ โคตรตกใจ ผมรีบพยักหน้า แล้วมองหาไอ้เกรียน

   “ครับ แล้วไอ้กลอย...”

   “เข้าห้องน้ำ”

   “อ๋อ” ผมพยักหน้าเมื่อได้คำตอบ แล้วไม่รู้จะคุยอะไรต่อ คือความสนิทไม่ได้มากพอที่จะถามเรื่องต่างๆ จนเสียงเรียกผมดังขึ้น ไอ้เชี่ยกลอยนั่นเอง มันยิ้มแป้นแล้นเข้ามาหา

   “ไอ้ต้อมเพื่อนเลิฟ” ผมยิ้มให้มันไป “มึงมาทำไรวะ แล้วมากับใคร” สายตามองมันมองเข้าไปในร้าน ผมว่ามันน่าจะเห็นว่าผมมากับใครแต่แกล้งโง่ถามไปแบบนั้น

   “มาซื้อรองเท้าว่ะ ของกูแม่งขาดตอนลงแปลง” ผมตอบมันแค่อย่างเดียว แต่หน้าตามันบ่งบอกอยากรู้อีกอันมากกว่า ก่อนคนที่อยากได้เสื้อจะเดินออกมา ดูตกใจเล็กๆ เมื่อเห็นใครยืนอยู่กับผม

   “พี่ฟลอยด์มาซื้อเสื้อเหรอ” ไอ้กลอยทัก หน้าตามันโคตรเจ้าเล่ห์ พี่ฟลอยด์ก็ยิ้มๆ ให้ ก่อนตวัดสายตามองคนที่ยืนหน้าบึ้งข้างไอ้กลอยที่พูดแทรกขึ้นมา

   “มันเข้าร้านเสื้อก็ต้องซื้อเสื้อสิ จะให้ซื้อข้าวหรือไง” เสียงพี่โชโคตรนิ่ง

   “แล้วจะทำไม” พี่ฟลอยด์เดินผ่านหน้าผมไปยืนประชันหน้ากับพี่โช ผมเริ่มขมวดคิ้วกลัวจะมีเรื่อง จนไอ้กลอยรีบดึงแขนแฟนมัน

   “เอ่อพี่โช กลับเหอะนะ” พี่โชยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับ พร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมา

   “ไอ้ฝอยขัดหม้อ มึงไปจอดรถหน้าตึกคณะแฟนกูทำไม” หน้าตานิ่งๆ กับเสียงพูดทำให้ผมหลุดขำ นั่นคือฉายาเหรอวะ หัวเราะจนโดนสายตาดุจ้องเลยต้องกลั้นยิ้ม

   “เรียกใครวะ” พอผมกลั้นหัวเราะพี่ฟลอยด์ก็ตวัดสายตาไปมองคนเรียก ผมเลยพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมาอีกรอบ

   “พี่เขาเรียกพี่นั่นแหละ พี่ฝอยขัดหม้อ” หัวเราะหนักไปหน่อยเลยโดนเขกหัวจนเจ็บจี๊ด

   “กูชื่อฟลอยด์ ไม่ได้ชื่อฝอยขัดหม้อ” พี่ฟลอยด์เริ่มขึ้นเสียงจนผมต้องแตะแขนให้ลดเสียง คนที่เดินไปมาเริ่มมอง

   “กูจะเรียก มึงจะทำไม ไอ้ฝอยขัดหม้อ” พี่โชก็ไม่ยอม ใบหน้ากวนๆ ของพี่โชทำให้ผมหลุดขำออกมาอีกรอบ เมื่อพี่ฟลอยด์ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมจับศอกไว้ จนไอ้กลอยหน้าเสียดึงแขนแฟนมันออกไป

   เมื่อสองคนนั้นเดินไป ผมก็รีบหันหน้าหนี ไม่ใช่อะไร หันไปขำ ฝอยขัดหม้อ โคตรเหมาะว่ะ

   “หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะโมโหมึงด้วย” พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ขึ้นกูมึงแสดงว่าโกรธจริง

   “เอาน่าพี่ฟลอยด์ มันก็ไม่ได้เสียหาย” ผมตบบ่าปลอบ

   “ไม่เสียหายอะไร มันด่ากูอยู่ ถ้าเมื่อกี้ไม่เห็นแก่มึงนะ กูต่อยคว่ำไปแล้ว” พูดจบก็ฮึดฮัดเดินหนี ผมก็เดินตาม

   “จะรีบเดินไปไหน พี่ฝอย เอ้ยพี่ฟลอยด์” แล้วผมก็หัวเราะตามหลัง คนที่เดินผ่านพากันมองคงสงสัยว่าผมจะหัวเราะอะไร

   ถึงเวลาหนังฉาย ผมถูกผลักไสให้มานั่งริมสุดโดยมีไอ้ป่านนั่งคั้นระหว่างผมกับพี่เกน ส่วนพี่ฟลอยด์ก็นั่งริมอีกข้าง สงสัยจะงอน

   หนังที่ดูเป็นหนังทรีดี ดูไปก็ตื่นเต้นไป มือก็หยิบกินป๊อบคอร์น หนังจบผมกับไอ้ป่านก็รีบเดินมาเข้าห้องน้ำ กลั้นมาตั้งแต่หนังเข้ากลางๆ เรื่อง จะลุกออกมาก็กลัวเหตุการณ์ไม่ต่อเนื่อง พอสบายตัวก็เดินออกมาเจอพี่ฟลอยด์กับพี่เกนนั่งอยู่ในโซนสูบบุหรี่ ทั้งคู่คุยกันเงียบๆ แต่พอผมเดินเข้าไปหา พี่ฟลอยด์ก็ดับบุหรี่กับทรายที่ถัง

   “ป่านล่ะ” ผมชี้ๆ ไอ้ป่านที่เดินออกมาทีหลัง พอมาครบก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้ป่านจะมากับผม แต่พอมันจ้องหน้าพี่ฟลอยด์ก็เลยไปขอกลับกับพี่เกนแทน สงสัยจะอารมณ์เสียค้างจากการโดนว่าพี่ฝอยขัดหม้อ



   
   บนรถ เพลงถูกเปิดคลอเบาๆ การจราจรยังติดขัดจนผมคิดว่า มันจะมีสักวันมั้ยที่ถนนโล่งไม่มีรถวิ่ง

   “ไปนอนห้องพี่นะ” เสียงพูดที่ดังขัดการฮัมเพลงของผม หันหน้าไปมองคนที่กำลังมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว “นะ”

   “ห้ามทำอะไรผม” บอกเสียงนิ่ง พี่ฟลอยด์พยักหน้า ผมเลยตกลง

   คอนโดที่เคยถูกบังคับให้มาค้างหลายครั้งในตอนแรกๆ ตอนนี้แทบนับครั้งได้ที่ผมมาเหยียบ เจ้าของห้องเปิดไฟจนสว่างจ้าทั้งห้อง มุมห้องมีขวดเบียร์วางกองๆ อยู่

   “ซื้อกินคนเดียวเหรอ” ผมถาม พี่ฟลอยด์ส่ายหน้า

   “ไอ้เกนมันซื้อมา” พยักหน้ารับก่อนเดินไปนั่งที่โซฟา “ให้พี่อาบน้ำก่อนหรือต้อมจะอาบก่อน”

   “พี่อาบก่อนเลย” ยังมีหน้ามาถามผม ทั้งๆ ที่ตัวเองถอดเสื้อออกแล้ว พอเจ้าของห้องหายไปในห้องนอน ผมก็เริ่มเปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อย หน้าจอมือถือวาบขึ้นมาก็หยิบมาดู ไอ้ป่านครับ มันไลน์มาบอกว่าถึงห้องแล้ว และเกือบถูกฆ่าหมกป่าข้างทาง ผมหัวเราะข้อความที่มันพิมพ์รัวๆ เรื่องถูกพี่เกนด่า แต่ผมว่ามันคงไปกวนพี่เขานั่นแหละ

   “หัวเราะอะไร แล้วคุยกับใครอยู่” พี่ฟลอยด์เดินตัวหอมออกมา สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ร่างสูงสมส่วนเดินผ่านไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาเบียร์กระป๋องออกมา

   “ไอ้ป่าน” ผมบอก พี่ฟลอยด์ชะโงกหน้ามาดู “เพื่อนพี่แม่งดุเหมือนหมา”

   “มันก็เป็นแบบพี่นี่แหละ เอาแต่ใจ แต่มันเป็นคนดีนะ”

   “รู้ว่าเป็นคนดี กลัวผมหลอกกินเงินเพื่อนตัวเอง” ผมว่า พี่ฟลอยด์แม่งขำ

   “เพราะมันไม่สนิทกับต้อมเลยไม่รู้ไงว่าแฟนพี่นิสัยยังไง” มือยื่นมาบีบจมูกจนผมยกมือขึ้นปัด

   “มั่วละ ใครแฟน เราเพิ่งจะเริ่มคบกันใหม่นะ” ผมบอก อีกคนหน้ามุ่ยทันที

   “พี่เปลี่ยนเป็นคนดีขนาดนี้แล้ว ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ”

   “กลัวจะเปลี่ยนแค่ตอนนี้น่ะสิ”

   “แล้วอีกนานมั้ย”

   “ไปเรื่อยๆ”

   “โหย”

   ผมยิ้มส่งท้ายก่อนลุกไปอาบน้ำ เลือกหยิบเสื้อกับกางเกงที่ใส่ประจำเข้าไปด้วย แม้ผมจะไม่ค่อยได้มา แต่แปรงสีฟันยังมีสองอันเช่นเดิม ผ้าเช็ดตัวของผมก็ยังวางอยู่บนชั้น

   ออกมาจากห้องนอนหลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เจ้าของห้องนอนเหยียดยาวจิบเบียร์กระป๋องที่สาม ตาดูละครทีวี ผมเดินไปนั่งโซฟาอีกตัวแต่ถูกมือดึงไปให้นั่งตัวยาว คนดึงยกหัวขึ้นมาหนุนขา

   “ละครอะไรไม่รู้ นางเอกโคตรโง่ว่ะ” พี่ฟลอยด์มันบ่น ซึ่งผมก็เห็นด้วย

   “ไม่ชอบแล้วดูทำไม” พูดปนขำ

   “ก็มันไม่มีอะไรดู”

   “ไม่มีอะไรดูก็ไปนอนสิ”

   “ยังไม่ง่วง” พี่ฟลอยด์จ้องหน้าผม “มีต้อมมานอนด้วยแบบนี้นอนไม่หลับ”

   “งั้นผมกลับ” จะลุกจริงๆ จนโดนดึงนั่งเหมือนเดิม

   “ไม่เอาๆ” มองคนตัวโตงอแงเหมือนเด็ก “เดี๋ยวก็ง่วง”

   “พี่คิดถึงแม่ใช่มั้ย” พูดออกไปตามตรง พี่ฟลอยด์นิ่งไป ผมเลยลูบผมนุ่มเบาๆ “แม่พี่ก็อยู่กับพี่ตลอด ในนี้” ยกมือที่ลูบผมไปจับที่ตำแหน่งหัวใจ ความอุ่นของฝ่ามือใหญ่ยกมาทาบกับมือผม

   “ขอบคุณนะ” รอยยิ้มบางๆ ส่งให้ผม

   “อืม”

   อยู่ดีๆ คนที่นอนอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นจนผมตกใจ

   “ต่อไปไม่ให้มานอนด้วยแล้ว”

   “อะไรวะเนี่ย” มองคนที่โวยวาย

   “ก็ต้อมมานอนทีไรพี่ต้องห้ามใจตัวเองตลอด แตะไม่ได้แบบนี้” ผมหัวเราะมองคนที่โวยวายแล้วเดินเข้าห้องนอน เสียงเอะอะเหมือนเอาหมอนฟาดกับเตียงแบบเด็กเอาแต่ใจ พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องโวยวายแทน แม่ง นุ่นในหมอนปลิวเต็มห้อง

   “ไอ้พี่ฝอยขัดหม้อ แล้วคืนนี้จะนอนยังไงวะ” ตะโกนดังลั่นเมื่อบนเตียง บนพื้น แม้แต่บนหัวเจ้าของห้องเต็มไปด้วยนุ่นสีขาว นอนแบบนี้คงจามทั้งคืน


   แล้วคืนนั้น ผมก็ต้องออกมานอนที่พื้นด้านนอกแทน เพราะห้องเละไปหมด โดยเจ้าของห้องมันก็เดินหน้างอตามมานอนข้างๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านผ้าม่าน แขนยาวโอบกอดผมแน่น เสียงกระซิบบอกฝันดีดังข้างหู ผมไม่รู้หรอกว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะยอมเปิดใจแบบเต็มๆ ขอแค่คนที่กอดผมยังเป็นแบบนี้ตลอด ไม่แน่ เวลานั้นอาจจะใกล้เข้ามาแล้วก็เป็นได้


..TBC


ขอบคุณสำหรับการติดตามรับชม รับอ่านค่าาาา  :pig4: :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 10:24:15 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
พี่ฟลอยด์อย่างน่ารักอ่ะ พี่เกนนี่คู่กับป่านใช่ม่ะๆๆ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ฝอยมีรายงานด้วยว่าใชช้เงินอะไรไปเท่าไหร่ :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bluerose

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปเนอะน้องต้อม

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เกนป่านอีกคู่รึป่าววว

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มีคุมเรื่องการเงินด้วย ว่าที่ภรรยาที่ดีในอนาคต คิคิ
จะมีคู่รองด้วยใช่ป่าว


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ฟลอยด์ ต้อม  :mew1: :mew1: :mew1:
มีแววว่าพี่เกน จะสนใจป่านนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
พี่ฝอยขัดหม้อเฮ่ยพี่พล์อยน่ารักกับน้องต้อมตลอดเลย รักคู่นี้อะ  แต่คู่สองพี่เกนป่านกำลังจะพาทุกๆคนจิ้นฟินอีกแล้ว อิอิ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่ฝอยสู้ๆ  อย่าดีแตกก่อนล่ะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
พี่เกนคู่กับป่านใช่มั๊ย

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
น่ารักทั้งคู่เลย ฟลอย์ต้อม
เอาจริงแล้วเราชอบเรื่องนี้มากกว่า โชกลอยนะ (บอกเป็นข้อมูล)
รออ่านตอนต่อไปนะฮะ มีวี่แวว เกนป่านมาบางๆ  :mew3:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขอบคุณไรต์ที่จัดเนื้อคู่ใก้น้องป่านเกรียน 55555
ทำไมเราถึงไม่สามารถอ่านชื่อพี่พระเอกว่าฟรอยด์ได้อ่านเป็นฝอยตลอด

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : 10



       พรุ่งนี้ก็จะถึงงานของมหาลัยแล้วครับ ตอนนี้ผมแทบไม่ได้เจอหน้าพี่ฟลอยด์เลย นั่นเพราะพี่เขาต้องซ้อมดนตรี ส่วนผมก็ต้องหาข้าวของเพื่อจะใช้ในงาน ไอ้เชี่ยนัวมันไม่เกรงใจผมแล้วครับ ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ผมได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไป ให้มันพ้นๆ ช่วงนี้แล้วผมจะได้เป็นอิสระ

   “ไอ้เชี่ยต้อม มึงไปแบกน้ำมาสิวะ พวกทำซุ้มเหนื่อย” มองหน้าไอ้นัวนิ่ง แต่ก็ยอมเดินย้อนกลับไปเอาน้ำจากห้องเก็บของ เดินมาถึงก็แจกจ่ายพวกสาวๆ ที่ช่วยกันทำซุ้มต้อนรับ แต่ผมว่า เหมือนนั่งคุยกันมากกว่าเพราะทำเสร็จหมดแล้ว

   ปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับ วันนี้มันร้อนจริงๆ ผมนั่งลงกับขอบฟุตบาท เดินวันนี้หลายกิโลมาก ขึ้นๆ ลงๆ ตึกยังไม่พอ ต้องเดินไปซื้อของ ซื้อข้าว ซื้ออุปกรณ์ คือเหนื่อยมากจริงๆ

   “อะมึง” น้ำเย็นถูกยื่นมาให้ ผมเงยหน้ามองไอ้หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการแค้นๆ แต่ก็รับมาดื่ม “วันนี้โคตรร้อนเหี้ย”

   “มึงยืนอยู่เฉยๆ อย่ามาบ่นไอ้สัดนัว” ผมว่า ไอ้คนที่นั่งข้างผมมันก็ขำ

   “ไอ้เชี่ยดอยล่ะ หายหัวเลยสัด” นู้น ไปเตะบอลนู้น ไอ้นี่ก็สบายไม่ต้องทำอะไร พอมองไอ้ดอยก็เห็นไอ้ป่านเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาพร้อมกับน้องครีม จนไอ้นัวสะกิดผมยิกๆ คงหลงเสน่ห์ความน่ารักของสาวตรงหน้า

   “หวัดดีครับครีม มาเฝ้าแฟนเหรอ” ผมรีบสกัดเพื่อนข้างตัว ครีมก็หัวเราะ

   “พี่ต้อมพูดไปเรื่อย พี่ป่านเป็นพี่ชายค่ะ” ตาโตมองเพื่อนตัวเอง ไอ้ป่านก็ยิ้มๆ ไม่แก้ตัว

   “อะไรวะ” หันไปกระซิบถามไอ้ป่าน

   “เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”

   ครีมอยู่คุยกับผมอีกสักพักก็ขอตัวกลับ ไอ้ป่านจะเดินไปส่ง แต่ครีมบอกไม่ต้องเพราะมีคนมารับ เสียงเร่งของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งมาจอดเทียบ ครีมยกมือไหว้พวกผมแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแขนเรียวกอดเอวคนขี่แน่น พอสาวเจ้าขึ้นรถเรียบร้อยรถคันใหญ่ออกตัวไปอย่างเร็วตามความแรงของมัน ไอ้นัวเห็นผมจ้องกดดันมันเลยลุกออกไป

   “ยังไงวะ มึงเพิ่งคบกับครีมไม่ใช่เหรอ” ล็อกคอเพื่อนตัวเองแล้วรีบถาม ไอ้ป่านยิ้มแย้มไม่มีท่าทีเสียใจ

   “ตอนแรกก็คบแหละ แต่พอคุยไปคุยมา มันไม่ใช่ว่ะ ครีมก็รู้สึกเหมือนกู เราเลยตกลงเป็นพี่น้องกันดีกว่า” ไอ้ป่านมันว่า ผมยังจ้องมันอยู่จนโดนผลักจนหน้าหงาย “จ้องกูหาพ่องมึงสิ”

   “ไหนมึงบอกคนนี้จริงจังไงวะ” ยังจำตอนที่มันมาขอให้ผมช่วยได้อยู่เลย ดูมันกระตือรือร้นสุดๆ

   “ก็ตอนนั้นมันจริงจังจริงๆ นี่หว่า แต่ตอนนี้เป็นพี่น้องกันดีที่สุด” ไอ้ป่านว่า “แล้วครีมแม่งพากูไปเลือกซื้อชุดชั้นในด้วย กูโคตรอายเลยไอ้สัด”

   “เชี่ย” หัวเราะให้กับเพื่อนตัวเอง

   “แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ” ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ

   “เอาน่า เดี๋ยวมึงก็ได้เจอคนที่ใช่เอง”

   “พรุ่งนี้สาวๆ จะมาเยอะ กูจะเล็งเอาสักคน” ขำให้กับความคิดของไอ้ป่าน

   การเตรียมงานทุกอย่างเรียบร้อยเกือบๆ จะสามทุ่ม ผมติดรถของไอ้ป่านมาลงที่หน้าหอพัก เดินเอื่อยๆ ขึ้นห้อง วันนี้เดินทั้งวันจนปวดขาไปหมด หน้าห้องขณะกำลังควานหากุญแจในกระเป๋า ช่องประตูด้านล่างมีกระดาษแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ ผมก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู เป็นกระดาษสีขาวที่พับอย่างดี ด้านในมีข้อความบอกให้ผมไปที่เวทีหน้าตึกวิศวะ ยิ้มให้กับข้อความที่เห็นแล้วรีบเข้าห้องไปอาบน้ำ

   เดินสวมแต่กางเกงบอลตัวเดียวออกมานอกห้องพอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

   (ทำอะไรอยู่ ทำไมรับช้า)

   “ผมอาบน้ำอยู่ พี่มีอะไร”

   (อย่าลืมมานะ) เสียงย้ำทำให้ผมขำ

   “ถ้าไม่ติดธุระนะ” บอกกันไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าไอ้นัวจะใช้อะไรผมหรือเปล่า

   (ถ้าไม่มาพี่จะไปลากมาเอง) เสียงเหมือนจะพูดเล่น แต่ผมว่า พี่ฟลอยด์มันทำจริงแน่

   “อย่าโหดได้ป่ะ” ได้ยินเสียงขำจากปลายสายพร้อมๆ กับเสียงดีดกีต้าร์เบาๆ “พี่ยังซ้อมอยู่เหรอ”

   (อืม กลัวมันไม่เพราะ คนฟังจะไม่ประทับใจ)

   “ขนาดนั้นเชียว” ยิ้มจนปวดแก้ม “รีบๆ ไปซ้อมได้แล้ว ผมจะเข้านอนแล้ว”

   (ทำไมวันนี้นอนเร็ววะ) ผมได้ยินเสียงโวยวายจากปลายสาย คงจะเรื่องที่พี่ฟลอยด์ไม่ยอมซ้อมเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์

   “วันนี้เหนื่อยมาก พี่รีบไปซ้อมเถอะ ถ้าไม่เพราะนะผมเดินหนีจริงๆ ด้วย”

   (ไม่มีทางที่ต้อมจะเดินหนีพี่หรอก) มั่นใจซะจริงๆ

   “จะคอยดู”

   วางสายเสร็จผมก็ล้มตัวนอนพร้อมกับข้อความจากไอ้ป่าน มันโวยวายอะไรสักอย่าง ผมเปิดผ่านๆ เพราะตาใกล้จะปิด




   ตอนฟ้าสาง ผมถูกไอ้นัวโทรจิกตั้งแต่ตีสี่ ไอ้นี่บ้าพลังเหลือเกิน มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ งานมันก็มีเกือบทุกปียังมาตื่นเต้นอีก ปีที่แล้วมันแทบไม่อยากลุกจากเตียงจนไอ้ดอยต้องไปลากมันมา น้ำก็ไม่อาบ

   ปั่นสุดหวงมาตามทาง เจอไอ้เชี่ยนัวขี่มอเตอร์ไซค์มายกเท้าจะถีบ ดีที่ผมหลบทัน มันจอดรถแล้วหัวเราะเยาะ ผมเลยยกนิ้วกลางใส่ ไอ้เชี่ยนี่กวนขึ้นไปทุกวัน เดี๋ยวสั่งไอ้ดอยจัดการ เห็นแบบนั้นมันกลัวเพื่อนผมนะครับ เพราะเคยต่อยกันแล้วแพ้เพื่อนผม

   พอมาถึงหน้าคณะ บรรดาผู้คนก็เริ่มมาจัดเตรียมงานกัน บ้างก็เปิดซุ้มขายผักปลอดสาร บ้างก็ขายนมสดจากฟาร์ม แต่ผมไปสิงอยู่กับไอ้ดอยที่กำลังปั่นเครื่องทำไอศกรีมจากนมสด

   “มึง กูชิมหน่อยสิ” สะกิดไอ้ดอย มันทำหน้าเซ็งแต่ก็ตักไอศกรีมให้ผมถ้วยหนึ่ง อร่อยดีนะครับ ทำจากนมสด เดินกินไปดูความเรียบร้อยไป เห็นไอ้ป่านวิ่งวุ่นคงจะประสานงานกับคนอื่นๆ อยู่ หัวเราะสมน้ำหน้าที่มันวุ่นวายแต่สุดท้ายผมก็วุ่นวายไม่ต่างจากมัน

   สาเหตุจากไอ้นัวอีกตามเคย สั่งนั่นนี่จนผมต้องแตะมันไป มันเบิกตาโตแล้ววิ่งไล่เตะผมคืน กว่างานจะเปิดพวกผมก็หน้ามัน หน้าเยิ้มกันไป

   แปดโมงครึ่งงานเปิดอย่างเป็นทางการ ผู้คนมากมายเริ่มเดินเข้ามาเยี่ยมชมแต่ละคณะที่จัดเตรียม เห็นไอ้ชัยเพื่อนในคณะบอกว่าปีนี้คนเยอะมากโดยเฉพาะสาวๆ รู้เพราะมันไปดูพิธีเปิดมา ผมเดินไปประจำบูทขายไอศกรีมกับไอ้ดอย สาวหน้าตาจิ้มลิ้มเดินมาซื้อกันเป็นแถว นั่นเพราะเดือนคณะปีหนึ่งสองสามรวมตัวที่นี่กันหมด คงเพราะร้านนี้เย็นสุดละมั้ง เล่นเอาพัดลมไอน้ำมาเปิดซะขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ เย็นดี

   “ไอ้เชี่ย น่ารัก” ผมหันตามไอ้เสนสะกิด เด็กมัธยมน่ารักใสๆ ดัดฟันสไตล์ไอ้นี่เลยครับ

   “เอ่อ น่ารักดี” ให้ความเห็นมัน มันดูพอใจจนอยากจะขอเบอร์ แต่ผมว่า น้องเขาสนใจไอ้เดือนปีหนึ่งมากกว่า

   ผมเดินออกจากบูทไอศกรีมมาร้านขายผักปลอดสารพิษ โซนนี้คนจะน้อยหน่อย มีแต่บรรดาคนมีอายุนิดๆ ที่สนใจจะซื้อหรือดูวิธีการปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน เดินผ่านไปร้านขายนมต่อ แล้วก็ต้องรีบเดินกลับ เพราะร้านนี้มีแต่ผู้ชายมาต่อแถว เล่นคัดสาวสวยของคณะมาขาย แบบนี้ผู้ชายถึงเยอะ แต่ถ้าได้รู้จักท่าแท้ของสาวสวยทุกคนละก็ จะวิ่งหนีกันหมด

   แรงสะกิดจากแขนเสื้อทำให้ผมหันไปมอง สาววัยรุ่นสามคนยืนยิ้มให้ผม

   “พี่คะ คณะวิศวะไปทางไหนเหรอคะ” เสียงใสถาม ผมก็ชี้มือไปอีกด้าน “ทางนู้นเหรอคะ”

   “อ่าครับ” ยิ้มให้ จนน้องหนึ่งในสามตาโตแล้วรีบกดมือถือยิกๆ

   “พี่เอฟทีไอซ์แลนด์ใช่มั้ยคะ” น้องคนที่กดมือถือเงยหน้าขึ้นมาถาม เพื่อนอีกสองคนรีบหันขวับมามองผม “จริงๆ ด้วย ใช่จริงๆ” ท่าทางตื่นเต้นจนผมเริ่มกลัวนิดๆ น้องสามคนเริ่มคุกคามผมจนต้องถอยหลัง

   “งั้น...พี่ต้อมใช่มั้ยคะ” รู้จักชื่อผมอีก แล้วเพจนั่นไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มเพื่อนผมหรอกเหรอ

   “กรี๊ด พี่ต้อมจริงๆ ด้วย” น้องสามคนเกาะแขนผมแล้วกระโดดดีใจจนคนเริ่มมอง

   “เอ่อ” เริ่มประหม่า

   “คือทางเพจเขาประกาศว่าพี่ฟลอยด์จะร้องเพลงที่คณะวิศวะ พวกเราเลยมาค่ะ แต่ไม่รู้ร้องกี่โมง เจอพี่ต้อมก็พอดีเลย งั้นเราไปด้วยกันนะคะ” ยังไม่ได้รับปากก็ถูกดึง แต่ผมรั้งตัวเองไว้ทัน

   มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงเยอะ มาดูคนร้องเพลงนี่เอง

   “พี่ยังต้องดูแลคณะพี่อยู่ครับ” ตอบแบบเกร็งๆ รู้สึกวางตัวไม่ถูก

   “งั้นพี่รู้หรือเปล่าคะ ว่าเขาเล่นดนตรีกี่โมง”

   “ไม่รู้เหมือนกันครับ” ส่ายหน้าพร้อมกับตอบคำถาม

   “ทำไมไม่รู้อ่า แฟนพี่เล่นดนตรีนะคะ” เม้มปากกับคำว่าแฟน ผมจ้องดวงตาเป็นประกายของเด็กๆ กลุ่มนี้ คงคิดไปไกลมากทีเดียว

   “ลองไปถามที่คณะดูนะครับ เพราะพี่ก็ไม่รู้เวลาเหมือนกัน” บอกไปอีกที เด็กๆ หน้างอ แต่ก็พยักหน้าและบอกให้ผมรีบตามมา

   ฟู่ว ถอนหายใจหลังจากเด็กกลุ่มนั้นเดินไป ผมไม่ชินกับการถูกเข้าหาแบบนี้เลยให้ตาย

       จากนั้นผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วคณะ พอเบื่อของตัวเองก็เดินไปดูที่อื่นหลังจากหมดหน้าที่ ใจจริงอยากปั่นสุดหวงมากกว่าแต่ขี้เกียจวกไปเอาที่ลานจอด เดินไปเรื่อยๆ เจอคนรู้จักก็ทักทาย ส่วนคนไม่รู้จักถ้ายิ้มมาผมก็ยิ้มตอบ 

   ไปถึงคณะไอ้กลอย ผมเห็นมันยืนยิ้มให้คนถ่ายรูปมากกว่าทำงานซะอีก เดินดูรูปที่ถูกวาดมาตั้งขาตั้งโชว์ บางรูปก็สวย บางรูปก็อาร์ตไปจนผมดูไม่ออก จ้องแล้วจ้องอีก ยังไงมันก็เป็นรูปเหมือนวาดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่สี

   “มึงจ้องจนจะสิงรูปอยู่แล้ว” เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้หันไปมองพร้อมยิ้มให้

   “ก็กูดูไม่รู้เรื่อง” ผมตอบไอ้กลอย มันก็เดินอ้อมรูปไปด้านหลังแล้วโผล่หน้ามา

   “เพราะมึงยังไม่เข้าถึงหัวใจของศิลปะไง การดูรูปต้องใช้ใจดูเว้ย ใช้ตาดูไม่ได้” ผมเดินหนีมาดูรูปอื่นปล่อยให้มันบ้าคนเดียว ก่อนมันจะโวยวายแล้วเดินตามมา

   “ทิ้งกูให้พูดอยู่คนเดียวไอ้สัด” หัวเราะให้กับมัน แต่ก็เดินฟังมันอธิบายรูป “เอ่อ แล้วมึงไม่ไปดูดนตรีเหรอวะ เห็นเพื่อนกูบอกพี่ฟลอยด์จะเล่นดนตรีให้มึงฟัง”

   “เชี่ย เอาข่าวมาจากไหน” ตาโตสิครับ พูดมั่วๆ แบบนี้

   “จากเพจคู่มึงไง อีเข็มเพื่อนกูวี๊ดว๊ายเป็นปลาไหลถูกขี้เรื่อยตั้งแต่เช้า” ผมส่ายหน้าให้กับข่าวลือมัวๆ แม้พี่ฟลอยด์มันจะร้องเพลงจริง แต่ทำไมต้องร้องให้ผม คนเยอะออกขนาดนี้

   เดินกับไอ้กลอยจนรอบคณะ มันก็ชวนไปที่อื่น เราสองคนเดินเข้าออกคณะนั้นคณะนี้จนเมื่อย ได้น้ำเย็นๆ จากคณะบริหารมาคนละแก้ว คนที่เอาให้ก็เพื่อนพี่ฟลอยด์นั่นแหละครับ จำผมได้แถมยังลากไปเล่นเกมส์ทายปัญหา คนโง่ตัวเลขอย่างผมไม่มีทางรอดครับ

   “เกือบเที่ยงแล้วว่ะ ไปวิศวะกัน” มองไอ้กลอยพูดเหมือนขัดกันแปลกๆ หิวแต่ไปวิศวะ

   “หิวมึงก็หาข้าวกินสิวะ จะไปทำไมคณะนั้น” ไอ้กลอยมันจ้องผมเหมือนผมพูดผิดมาก

   “คณะนั้นก็มีข้าวไข่เจียวขาย อีเข็มอัพรูปเมื่อกี้ แล้วก็บอกดนตรีเริ่มแล้ว” พยักหน้าไปส่งๆ

   ผมกับไอ้กลอยเดินตามทางมาถึงคณะที่มีสาวๆ เยอะที่สุด อาจเพราะดนตรีที่กำลังเล่นสดๆ อยู่บนเวที สงสัยจะคัดหน้าตาคนเล่นมา ทั้งมือกลอง มือกีต้าร์ มือเบส หรือแม้แต่นักร้องนำ

   “ทำไมไม่เห็นพี่ฟลอยด์วะ” ไอ้กลอยบ่น ผมก็ส่ายหน้า “มึงลองโทรหาพี่เขาสิ”

   “เชี่ย ทำไมกูต้องโทร”

   “อ่าว มึงจะได้รู้ว่าพี่เขาเล่นตอนไหนไง โง่จริง” ตบหัวมันไปทีจนมันมองค้อน ผมส่ายหน้าก่อนเดินไปยังร้านขายข้าวไข่เจียวที่ไอ้กลอยบอก กลิ่นหอมชวนท้องร้อง แต่ยังไม่ทันได้สั่ง เสียงกรี๊ดบนเวทีก็ดังลั่น ขนาดแม่ค้าร้านขายข้าวยังกรี๊ดด้วย

   โดนดึงให้กลับมายืนดูที่เดิม ไอ้เชี่ยกลอยดูตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่เคยตามจีบมันยืนเด่นอยู่ตรงกลางแทนนักร้องที่ชื่อมอส แรงสะกิดด้านข้างจากไอ้ป่าน มันส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนต่างคณะ

   “มาดูไม่ชวนกูเลยนะมึง” ไอ้ป่านก้มมากระซิบ

   “กูไม่ได้ตั้งใจมา ถูกไอ้นี่ลากมา” กระซิบกลับ ไอ้ป่านก็พยักหน้าเบาๆ

   เสียงไมค์บนเวทีหอนเบาๆ ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ ผมละอยากขำ ขนาดยังไม่ได้พูดสักคำ

   “สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ ที่น่ารักทุกคน” เสียงพี่มอส นักร้องนำคนแรกที่ร้องทักทาย เสียงกรี๊ดมากมายจนต้องยกมืออุดหู “วงคิสมียินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานของคณะวิศวะของพวกเรา หากตอนนี้ใครเหนื่อย ใครหิว เชิญเข้ามาที่คณะเราได้ เรามีอาหารอร่อย ที่นั่งเย็นๆ และมีดนตรีให้รับชมรับฟัง แถมคนร้องยังหล่อมากอีกด้วย” พี่มอสเก๊กหล่อจนสาวๆ กรี๊ดอีกระลอก

   อยากกลับเหี้ยๆ

   “ผมขอแนะนำสมาชิกก่อนนะครับ ผมชื่อมอสเป็นนักร้องนำ ด้านหลังมือกลองชื่อไฉ ไอ้นี่หน้าตางั้นๆ” พี่มือกลองตีรับมุกเรียกเสียงฮา “ด้านซ้ายมือกีต้าร์ชื่อเบส แต่ดันมาเล่นกีต้าร์” พี่แกตลกได้อีก “ด้านขวามือเบสชื่อฮิปฮอป แต่ฉายาของเขา คือฮิปโป” ส่ายหน้าให้กับการแนะนำตัว จะเอาฮาใช่มั้ยวะเนี่ย คงมีผมคนเดียวที่เบ้ปาก เพราะคนอื่นๆ ดูจะชื่นชอบ ฟังได้จากเสียงกรี๊ดจนแก้วน้ำแทบแตก

   “คนสุดท้ายแล้ว” ไอ้กลอยกระซิบ ผมยืนจ้องคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่มอส ใบหน้าหล่อกับผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี เสื้อยืดคอวีสีดำกับกางเกงสีดำขาดๆ ดูเหมาะ “คนๆ นี้เขามาในวาระพิเศษของเขาครับ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ใช่มั้ยครับ”

   “ค่า” เสียงขานรับดังเซ็งแซ่

   “แล้วรู้มั้ยพี่เขาชื่ออะไร”

   “พี่ฟลอยด์” เสียงเรียกชื่อดังจนเจ้าของชื่อยิ้มเบาๆ

   “อ่า นั่นแหละครับชื่อของเขา เรามาฟังเขาพูดบ้างดีกว่า” พี่มอสเดินไปด้านหลัง พี่ฟลอยด์เลยเดินมายืนตรงไมค์โคโฟนที่ตั้งบนขาตั้งกลางเวทีแทน

   “สวัสดีครับ” รอยยิ้มแสนดูดีเรียกเสียงกรี๊ดได้ทั่วงาน ขนาดอาจารย์ที่ยืนอยู่แถวนั้นยังส่งเสียงให้ “ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เพราะคนๆ หนึ่งทำให้ผมอยากมายืนอยู่ตรงนี้ คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เขาทำให้ผมยิ้มแม้ผมจะทุกข์มาก แค่มีเขาอยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุข”

   “เชี่ย พูดซะกูขนลุก” เสียงไอ้กลอยดังขัดจนผมต้องเหล่ตามอง

   “นี่ไอ้ฟลอยด์เหรอวะ” เสียงอีกด้านทำให้ผมหันขวับ พี่เกนยืนกอดอกอยู่ข้างไอ้ป่านมองเพื่อนตัวเองบนเวที

   “เขาคนนั้นไม่ใช่คนอ่อนหวาน ไม่ได้พูดจาไพเราะ แต่ทุกคำที่พูดล้วนมาจากใจ ผมเลยมีเพลงๆ หนึ่งอยากจะร้องให้เขาฟัง เผื่อเขาจะยอมให้อภัยที่ผมเคยทำผิดพลาดและยื่นโอกาสให้กับผมใหม่อีกครั้ง” รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองจากเวที “ห้ามเดินหนีพี่นะ” แค่นี้เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกลองที่เริ่มนับจังหวะ
 
   “มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้” ดวงตาพราวของคนร้องกำลังจ้องมาทางผมจริงๆ “มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปกี่สักที แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้” เสียงนุ่มพร้อมแววตาอบอุ่นทำให้สาวๆ เริ่มเคลิ้ม

   “หวานมาก” เสียงไอ้กลอย

   “เลี่ยน” เสียงพี่เกน

   “ดีออก” เสียงไอ้ป่าน

   “ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”
แล้วผมต้องทำยังไง

   “ซึ้งมาก” เสียงไอ้กลอย

   “น้ำเน่า” เสียงพี่เกน

   “ดีออก” เสียงไอ้ป่าน

   “มันคงเป็นความรัก ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิต ให้ฟังดูมีความหมาย มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้การรอคอยเป็นเรื่องง่ายดาย แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย แต่ว่าการรอคอยนี่ก็คุ้มเพราะมีเธอเป็นจุดหมาย” พี่ฟลอยด์ชี้นิ้วมาที่ผม ทุกคนต่างก็หันตามมาพร้อมกับเสียงกรี๊ด

   เล่นแบบนี้เลยเหรอวะ ผมปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อถูกมอง บางคนถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโคตรน่ากลัว

   “จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน” เสียงโซโล่กีต้าร์ดังขึ้น ไอ้เชี่ยกลอยมันขอดอกกุหลาบของเด็กที่กรีดร้องมาหนึ่งดอกแล้วยื่นให้ผม ผมก็ทำหน้างงจนมันดันหลังให้ผมเดินฝ่ากลุ่มคนไปหน้าเวที

   ตอนนี้กล้องมือถือมากมายกำลังมุ่งมาทางผม ไอ้กลอยยังดันหลังให้ผมเดินต่อทั้งที่อยากจะวิ่งหนี ผมเงยหน้ามองไปบนเวทีเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า เห็นพี่ฟลอยด์ยิ้มตาหยีมองมา เชี่ยเอ้ย เกิดมาไม่คิดว่าจะต้องมาทำแบบนี้กับผู้ชาย

   เขินน่ะใช่ แต่ผมไม่ชิน

   หน้าเวที ไอ้กลอยกระซิบให้ผมยื่นดอกไม้ให้ ด้วยความลนผมก็ยื่นให้ตามที่ได้ยิน แล้วเสียงกรี๊ดก็แทบจะทำลายล้างแก้วหูเมื่อพี่ฟลอยด์ย่อตัวนั่งลงแล้วยื่นมือออกมารับ พร้อมกับเสียงคร่ำครวญที่ฟังไม่ได้ศัพท์
 
   “อีเหี้ย กูจะตายแล้วค่า”

   “รีบตายไปซะอีเข็ม”

   ได้ยินไอ้กลอยตะโกนด่าแข่งกับเสียงกรี๊ด คงจะเป็นเพื่อนของมัน ผมได้แต่ก้มหน้าเม้มปาก หน้ามันร้อนไปหมด หัวใจก็เหมือนจะออกมาเต้นอยู่ด้านนอก

   “ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป ในวันนั้นหันมามองเถอะ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้” พี่ฟลอยด์ขยิบตาให้ผมพร้อมยิ้มกว้าง “และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป ได้ยินมั้ย คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...”

   เมื่อเพลงจบแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดยังดังอยู่ต่อเนื่อง ยิ่งพี่ฟลอยด์กระโดดลงมาจากเวที ผู้คนก็แหวกออกเป็นวงกลมล้อมรอบผมกับพี่ฟลอยด์ ส่วนไอ้เชี่ยกลอยหายไปไหนไม่รู้

   พี่ฟลอยด์ย่อตัวคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นดอกกุหลาบที่ผมให้เมื่อกี้มาตรงหน้า ผมหันซ้ายหันขวาเห็นแต่มือถือหลากหลายยี่ห้อกับสายตาที่กดดันให้ผมรับดอกกุหลาบนั้น จ้องดอกไม้สีแดงตรงหน้าก่อนจะกลั้นใจยื่นมือไปรับพร้อมกับมีเสียงกีต้าร์ดีดเบาๆ รับตอนจบของเพลง

   “มันคงเป็นความรัก...” สบตาคู่นั้นแล้วเขินอย่างจริงจัง “ขอบคุณนะที่ไม่เดินหนีพี่”

   อยากจะตะโกนบอกว่า เพราะมันเดินหนีไม่ได้ต่างหาก

   นักดนตรีวงแรกที่ขึ้นร้องของพี่มอสเดินลงเวทีแล้วเปลี่ยนเป็นวงอื่นขึ้นแทน คงร้องหลายเพลงมาแล้ว พี่ฟลอยด์เลยจูงมือผมไปด้านหลังเวทีท่ามกลางกล้องมากมายมหาศาลที่กดถ่ายรัวๆ อีกเดี๋ยวรูปผมคงแพร่สะพัดไปทั่วเพจแน่
 
   “โห ไอ้เหี้ยฟลอยด์แม่งกล้าว่ะ” พี่ที่เล่นกลองตบบ่าพี่ฟลอยด์ดังปึก

   “มิน่าๆ” พี่ที่เล่นเบสจ้องหน้าผมพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์

   “มึงย้ายมาร้องนำเลยมั้ย” พี่ที่เล่นกีต้าร์ถูกตบหัวจากนักร้องนำตัวจริงของวงจนผมแอบขำ

   “หุบปากมึงเลยไอ้เชี่ยเบส” พี่มอสตะคอกเพื่อนตัวเองแล้วจ้องผมนิ่ง “มึงทำให้เพื่อนกูเพี้ยน”

   เสียงหัวเราะเฮฮาดังอีกระลอก ก่อนพวกไอ้กลอย ไอ้ป่านแล้วพี่เกนจะเดินมาสมทบ ผมล็อกตัวไอ้คนที่พาผมไปยืนจุดๆ นั้น ไอ้เชี่ยกลอยดิ้นพล่านแล้วรีบชี้มือชี้ไม้ไปทางพี่ฟลอยด์

   “มึงต้องลงโทษแฟนมึงนู้น พี่ฟลอยด์บอกให้กูทำ” ไอ้กลอยว่า พี่ฟลอยด์ตาโตแล้วขำ แปลว่ายอมรับ

   “แต่พี่แม่งเจ๋งสุดอะ” ไอ้ป่านยกนิ้วโป้งให้ แต่หันขวับไปมองคนที่พูดขัด

   “บ้ามากกว่า” พี่เกนกอดอกเบะปาก

   “ดีออก” ไอ้ป่านว่าจนพี่เกนถลึงตาใส่

   “มึงด่ากูใช่มั้ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” พี่มอสรีบพุ่งคว้าพี่เกนก่อนที่จะถึงตัวไอ้ป่าน นี่ก็โหดเกินไป ผมรีบดึงไอ้ป่านมาอยู่ด้านหลัง “มันกวนตีนกูเหี้ยๆ”

   “ใจเย็นมึงไอ้เชี่ยเกน ก็มึงปากหมานี่หว่า” พี่มอสว่าขำๆ

   “มึงด่ากูอีกไอ้เชี่ยมอส” คนถูกขำดูไม่ชอบใจ

   “เอาน่าๆ อย่าใจร้อนพวก” พี่มือเบสเดินมากอดคอพี่เกน “คืนนี้ร้านเดิม ไอ้ฟลอยด์เลี้ยง” ผมหันขวับทันที ใจสปอร์ตอีกแล้ว พี่ฟลอยด์ยิ้มนิดๆ ไม่เถียง แปลว่าจะเลี้ยงจริงสินะ

   “พวกน้องก็มาด้วยนะ คนเยอะสนุกดี” พี่มือกลองเอ่ยชวน “โดยเฉพาะเมียเพื่อน พามาด้วยนะเว้ย อย่ามัวแต่จู๋จี๋บนเตียง” ถ้าผมต่อยปากพี่ได้คงทำไปแล้วว่ะ

   “แล้วน้องก็มาด้วยนะ” พี่มอสขยิบตาให้ไอ้กลอย ไอ้เกรียนมันกระพริบตาปริบๆ คงจะหลงเสน่ห์เกรียนๆ ของมันละสิ ก่อนมันจะโวยวายเมื่ออ่านข้อความในมือถือ

   “ชิบหาย ผมขอตัวก่อนนะ กูไปก่อนนะมึง เกิดเรื่อง” ผมรีบคว้ามันไว้เพราะเป็นห่วง “พี่โชกำลังเผชิญหน้ากับเด็กปีหนึ่ง” ไอ้กลอยบอกรัวๆ แล้วรีบวิ่งไป...งานเข้ามันสินะ มัวแต่ยุ่งเรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองอาจจะเอาไม่รอดได้

   เก็บของทุกอย่างเสร็จ ผม พี่ฟลอยด์ ไอ้ป่านแล้วก็พี่เกนก็เริ่มเดินไปทั่วมหาลัย โดยเฉพาะคณะอักษรดูจะมีคนชอบมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับผมมันก็ไม่น่าเดินเที่ยวหรอก เพราะไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องหน้าเวทีเมื่อกี้ แต่พี่ฟลอยด์ดูไม่แคร์อะไร พี่แกยังไปเล่นโยนห่วงเอาตุ๊กตากับพี่เกนแล้วก็ไอ้ป่าน

   “เอ่อ” เสียงเรียกด้านหลังทำให้หันไปมอง “ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ”

   “ครับ?” ชุดศึกษามหาลัยอื่น แถมน่ารักซะด้วย

   “คือเราขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ” นี่ผมกำลังถูกจีบอยู่หรือเปล่า ขี้ตู่นิดๆ ช่างปะไร รีบพยักหน้าแล้วยิ้มหล่อหน้ากล้องมือถือ พอถูกถ่ายรัวๆ เสร็จ นักศึกษาน่ารักสองคนก็ยิ้มสวยแล้วบอกว่าเป็นแฟนคลับเพจเอฟทีไอซ์แลนด์อะไรนั่น

   “รักกันนานๆ นะคะ พวกเราเชียร์อยู่ค่ะ” รอยยิ้มน่ารักจากไป ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ


   ปิดตำนานความหล่อของไอ้ต้อมแล้วจริงๆ ผู้หญิงไม่มองเลยทีเดียวเชียว เปิดมาตอนแรกยังมีคนขอไลน์เพราะผมหล่ออยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นแฟนคลับคู่วายไปซะหมด เฮ้อ หมดกันสุภาพบุรุษชาวเกษตร


....TBC

พี่ฝอย เอ้ย พี่ฟลอยด์มาหวานแบบเงียบๆ ค่าาา >w<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 10:24:54 โดย aiaea83 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ถ้าจะหวานปานนี้ น้ำตาลก็สู้ไม่ได้แน่ อั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
พี่ฝอยคือดีงามมากกกกกกอะน้องต้อมใจอ่อนเร็วๆน้าา(ตามมาอ่านทันแคะ)55555

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยย เขินแทนนนนน  :L2:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
หวานมากๆๆๆ ตอนให้ดอกไม้นี่เขิลมากกกก 555+


แอบขำป่านอะ ดีออก นี่ด่าพี่เกนใช่ไหม 555+
มีลุ้นไหมนี่คู่นี้ ชอบๆๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
น่ารักมากเรื่องนี้
อ่านแล้วหายเครียด

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
วันนี้พี่ฝอยขัดหม้อน้ำเชื่อมใช่ไหมหวานมาก :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
กรี๊ดพี่ฟล์อยของเค้าเค้าจะเอาพี่ฟล์อยเค้าหลงรักผู้ชายคนนี้แล้ว ชั้นไม่ยกให้แกแล้วนางต้อม :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เราว่าหลังๆพี่ฝอยแกน่ารักนะ ชอบชื่อเอฟทีไอส์แลนด์มากใครหนอช่างคิด

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
No Sugar : 11




      งานโอเพ้นเฮ้าท์ปิดลงอย่างสวยงาม คณะผมขายของเอาเงินเข้าสโมสรนักศึกษาได้มากโข รายได้ส่วนนั้นจะนำไปจัดงานสิ้นปีที่ได้ประชุมและตกลงกันมาก่อนหน้า นั่นทำให้วันนี้ทุกคนพร้อมใจกันช่วยงาน ทั้งปีหนึ่งถึงปีสี่ คงจะมีแค่ผมที่โดดงานไปที่อื่นจนโดนไอ้นัวจ้องอย่างกับจะกินเลือด

   “หายหัวนะมึง” ไอ้นัวมันเหล่ตามองผม

   “ไอ้ป่านก็ไปกับกู” รีบหาพรรคพวก ไอ้ป่านเบิกตาโต ตบหัวผมจนหน้าคะมำ

   “กูไม่เกี่ยวไอ้สัดต้อม” รีบปฏิเสธเชียวนะเพื่อน

   “ไอ้ป่านมันอยู่ฝ่ายประสานงาน แต่มึงอยู่สวัสดิการแล้วหายหัว ได้ยินแต่ชื่อมึงเต็มมหาลัยไอ้สัดต้อม” โดนไอ้นัวตบหัวอีกรอบ คืนนี้ผมต้องฉี่รดที่นอนแน่ และที่ไม่ตอบโต้นั่นเพราะผมผิดจริง ตอนแรกกะจะเดินเล่นชิวๆ ไม่คิดว่าจะถูกไอ้กลอยหักหลังลักลอบเล่นงานผม มันตกลงกับพี่ฟลอยด์ว่าให้พาผมไปดูดนตรีตอนไหน ไอ้นี่มันร้าย ตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง จะโดนแฟนมันฆ่าหมกป่าแล้วหรือยัง ไม่ใช่ไอ้กลอยนะครับ เด็กปีหนึ่งที่ตามจีบมันนั่นน่ะ

   ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองเพื่อนๆ เริ่มกลับหลังจากเก็บของทุกอย่างเสร็จ ไอ้นัวได้แต่ชี้หน้าคาดโทษผมแต่มันก็ไม่ทำอะไร

   “มึงจะกลับยังไง” ไอ้ป่านถาม ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบทุ่ม

   “กูปั่นสุดหวงมา” ผมว่า ไอ้ป่านทำท่าจะกลับแต่ผมดึงมันไว้ “มึงไม่ไปกินเลี้ยงกับกูเหรอวะ”

   “กูไม่รู้จักใครเลยนอกจากมึง”

   “ก็พี่ฟลอยด์ไง ไปเถอะมึง ไม่อย่างนั้นกูจะไม่มีเพื่อน” พยายามหว่านล้อมจนไอ้ป่านมันตกลง

   ผมปั่นสุดหวงโดยมีไอ้ป่านขับรถมันตามมา มันตะโกนบอกให้ผมรีบปั่น แต่สภาพสุดหวงมันจำกัดความเร็วได้เท่านี้ กว่าจะปั่นถึงหอขาแทบลาก ปกติจะปั่นกินลมแต่วันนี้มีพวกมารบีบแตรเร่งตลอดทาง ความเมื่อยล้าแล่นตั้งแต่นิ้วเท้าลามมาถึงคอ ไอ้ป่านเดินตามผมขึ้นห้องเพราะต้องเปลี่ยนชุด ดีมันมีเสื้อผ้าในรถอยู่แล้ว

   “นวดขาให้กูหน่อย” ผมถอดกางเกงนักศึกษาออกเหลือแต่บ็อกเซอร์พาดขาไปทางไอ้ป่านที่นั่งบนพื้น

   “อย่ามาสำออยไอ้ต้อม” มันผลักขาผมออก ตาก็ดูทีวีรายการอะไรสักอย่าง

   “เพื่อนกูทำไมใจร้ายวะ”

   “ไปใช้แฟนมึงนู้น” ยกขาถีบไอ้ป่านแทน มันยืดตัวมาจะตบหัว แต่ผมลุกหนีไปก่อน

   เดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นพี่ฟลอยด์นั่งอยู่ข้างไอ้ป่าน คนมาใหม่หน้างอนิดๆ เพราะตอนแรกหลังเลิกงานพี่เขาชวนผมกลับมาด้วย แต่ผมต้องไปที่คณะก่อน พี่ฟลอยด์เลยต้องกลับห้องตัวเองแทน
 
   “มาแล้วเหรอ” ผมทัก พี่ฟลอยด์ก็พยักหน้า เดินไปเสริมหล่ออีกนิดที่หน้ากระจก “เสร็จแล้ว ไปยัง” ถามหลังจากแต่งตัวเสร็จ คนนั่งรอก็กินขนมไปดูทีวีไป

   “นานเป็นชาติไอ้ต้อม” ไอ้ป่านแขวะแต่ผมไม่แคร์

   “เสร็จแล้วก็ไปกัน” พี่ฟลอยด์ว่า ไอ้ป่านก็รีบเก็บถุงขนมไปทิ้งแล้วปิดทีวี


   เราสามคนมาถึงผับแห่งหนึ่งซึ่งดูหรูเกินที่คนอย่างผมจะใช้บริการ ก่อนเข้าจะต้องตรวจบัตร ผมกับไอ้ป่านกำลังจะยื่นให้แต่พี่ฟลอยด์กลับยื่นการ์ดสีดำให้แทน พนักงานก็รีบเปิดประตูให้ทันที เส้นใหญ่ไม่เบาพี่คนนี้

   พอเปิดประตูปุ๊บ เสียงเบสหนักๆ ก็ทำให้ต้องจับอกตัวเองแน่น เหมือนหัวใจมันจะหลุดออกมาเต้นด้านนอก เดินตามพี่ฟลอยด์เข้าไปด้านในจนเห็นกลุ่มเพื่อนพี่เขาที่เล่นดนตรีวันนี้กับเพื่อนที่คณะอีกสองสามคน หนึ่งในนั้นมีพี่เกนที่พอเห็นผมกับไอ้ป่านปุ๊บก็หน้าบึ้งทันที

   “ซวย” ไอ้ป่านสบถเบาๆ ซึ่งผมเห็นด้วย

   ผมนั่งข้างพี่ฟลอยด์ส่วนไอ้ป่านไปนั่งข้างพี่มอสที่พยายามมอมเหล้าไอ้ป่านเต็มที่ แต่มันคอแข็งครับ เด็กเกษตรคอแข็งไม่แพ้ใครนะครับ ส่วนของผมก็ยกขึ้นจิบๆ ส่วนมากจะมองดูบรรยากาศมากกว่า นานมากที่ผมไม่ได้มาเที่ยว นั่นเพราะมัวแต่ทำงาน อีกอย่าง ที่เที่ยวแพงๆ แบบนี้ไม่ได้กินเงินไอ้ต้อมหรอกครับ

   “ไม่สนุกเหรอ” พี่ฟลอยด์ก้มมากระซิบข้างหูเพราะเพลงดังมาก

   “มันก็ดีนะ” ผมกระซิบตอบ “แต่เหล้าโคตรแพง” พี่ฟลอยด์หัวเราะจนผมต้องถลึงตาใส่

   “เอาน่า นานๆ ที” นานๆ มาทีแต่ก็เสียหลักหมื่นนะครับเนี่ย

   ผมไม่ตอบแต่ยกเหล้าขึ้นจิบแทน มองเพื่อนตัวเองที่เริ่มเฮฮาไปกับกลุ่มรุ่นพี่วิศวะ บ่อยครั้งที่เพื่อนผมจะออกไปเต้นหาสาวกับพวกพี่มอส แต่มันไม่ได้ใครมาเหมือนกับคนอื่นๆ และเพราะพี่มอสได้สาวมาด้วย ไอ้ป่านเลยต้องกระเด็นไปนั่งข้างพี่เกนที่เหล่มันมานาน จะต่อยกันหรือเปล่าวะเนี่ย

       รีบสะกิดพี่ฟลอยด์ทันทีที่เห็นท่าไม่ค่อยดี

   “มีอะไร”

   “เพื่อนพี่จะต่อยเพื่อนผมแล้ว”

   “หืม” พี่ฟลอยด์หันไปมองเพื่อนตัวเองที่จ้องหน้าไอ้ป่านก่อนยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว “ไม่หรอก มันแค่มองเฉยๆ”

   จ้องจะกินหัวขนาดนี้นี่คือมองเฉยๆ เหรอวะ

   ยิ่งดึกยิ่งคึกคงพูดแบบนี้ได้ เหล้าเริ่มหมดเป็นขวด คอน้ำเมาก็เริ่มมีอาการ ยังดีที่พี่ฟลอยด์กินไม่กี่แก้วคงปล่อยให้เพื่อนสนุกให้เต็มที่ส่วนตัวเองรอจ่ายเงินทีหลัง

   ปวดหน่วงๆ จนต้องรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ ยืนทำธุระไม่นานก็เดินมาล้างมือ พี่เกนเดินเซนิดๆ เข้ามา ผมก็แค่มองแต่ไม่คิดจะช่วยพยุงหรอก รู้ว่าพี่เขาไม่ชอบผม ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด พอจะก้าวขาออกห้องน้ำ แขนผมก็ถูกกระชากจนหลังชนกับกำแพง

   “เชี่ยอะไรวะ” ผมสบถจนดังลั่น อยู่ๆ ถูกจับเหวี่ยงขนาดนี้มันตกใจนะครับ

   “มึงเลิกยุ่งกับเพื่อนกูซะ” เสียงไม่ได้ยานคางเลยสักนิด แสดงว่าเมาไม่มากสินะ

   “ทำไมต้องเชื่อด้วยวะ” จ้องหน้าอย่างท้าทาย

   “เพราะมึงไม่เหมาะกับเพื่อนกู” บอกพร้อมกับขยำคอเสื้อผมแน่น ใบหน้าโหดจนเหมือนจะฆ่าผมให้ตายตรงนี้ ชักเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ซะแล้วสิ ผมแสยะยิ้มออกมาจนรุ่นพี่ตรงหน้าตวาด “ขำพ่องมึงเหรอ”

   “หึงเพื่อนตัวเองเหรอครับ” ถามกลับพร้อมกับลอยหน้าลอยตา จนเกือบถูกมันต่อยหากไม่ได้พี่ฟลอยด์ที่กระชากตัวเพื่อนมันออกก่อน ไอ้ป่านรีบวิ่งมาจับตัวผมหมุนไปมาด้วยความเป็นห่วง

   “ไอ้เกน” พี่ฟลอยด์เรียกชื่อเพื่อนตัวเองเสียงดัง

   “ทำเพื่อนกูทำไมไอ้เหี้ย” ไอ้ป่านด่าครับ พี่เกนกัดฟันจนกรามนูนเป็นสัน

   “งั้นทำมึงแล้วกันไอ้สัด” ว่าแล้วก็พุ่งมัดเข้าเต็มหน้าไอ้ป่านจนมันล้มลงไปนั่งกับพื้น มุมปากแตกจนเลือดซึมออกมา

   “ไอ้เหี้ย” ไอ้ป่านตวาดลั่นจนคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำรีบวิ่งหนีเพราะกลัวถูกลูกหลง

   ผมผลักอกไอ้คนที่มันต่อยเพื่อนผมจนหลังมันไปชนกำแพง “ทำเพื่อนกูทำไมวะ”

   “มึงมันก็แค่พวกหนูที่อยากตกถังข้าวสาร หลอกเงินเพื่อนกูไปเท่าไหร่แล้ววะ” โมโหมากตอนนี้ เหมือนมีใครเอาไฟร้อนๆ มารนในอก

   “ไอ้สัด” ผมต่อยหน้าไอ้คนปากเสียเต็มโหนกแก้ม

   “หมัดตรง เจ๋ง” เสียงไอ้ป่านว่า มันปรบมือยิ้มตาพราว

   “ถึงกูจะไม่รวย แต่ไม่เคยเกาะใครกินจำไว้ แล้วเพื่อนกูก็ไม่ใช่กระสอบทรายที่มึงอยากต่อยก็ต่อยได้” ผมชี้หน้าด่าแล้วลากไอ้ป่านออกจากห้องน้ำ ผมบอกให้พี่ฟลอยด์ดูเพื่อนมันครับไม่ต้องตามออกมา เดี๋ยวหมาบ้าจะออกไปไล่กัดคนอื่นอีก

   ผมสองคนเลือกจะไม่กลับไปที่โต๊ะ แต่เปลี่ยนเป็นออกนอกผับแทน ด้านนอกบรรยากาศต่างกันลิบลับ ไอ้ป่านตบบ่าผมเบาๆ มันคงหายเมา ก็เจอหมัดหนักๆ ขนาดนั้น

   “เจ็บหรือเปล่าวะ” ผมถาม ไอ้ป่านเบ้ปาก

   “โคตรๆ หมัดหนักชิบหาย เมาแล้วโคตรเหี้ย” ผมขำเพื่อนตัวเองจนไอ้ป่านหน้างอ “ขำพ่อง เพื่อนมึงเจ็บเนี่ยเห็นป่ะ” มันยื่นปากตรงที่แตกมาให้ผมดูใกล้ๆ ผมเลยต้องผลักหน้ามันออกห่าง

   “กูเห็นแล้ว สายตาไม่ได้สั้น”

   “ว่าแต่ มันไม่ชอบมึงเรื่องอะไรวะ แค่เรื่องไปเกาะเพื่อนมันก็ไม่น่าใช่” ระหว่างยืนรอแท็กซี่ไอ้ป่านมันก็เริ่มวิเคราะห์

   “กูว่า มันน่าจะชอบเพื่อนตัวเองหรือเปล่าวะ” ผมออกความคิดเห็น ไอ้ป่านหันขวับมามองแล้วส่ายหน้ารัวๆ

   “ไม่น่าใช่นะมึง ถ้าชอบมันก็ต้องรุกแล้วสิวะ แต่มันจงใจหาเรื่องมึง หรือว่า...” มันตาโตจ้องหน้าผม

   “อะไร”

   “มันชอบมึง”

   “พ่องมึงสิ” ไอ้พี่เกนมันจะมาชอบผมได้ไง ด่าผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ หาว่าเป็นหนูตกถังข้าวสาร หรือว่ามันเคยโดนหลอกเลยฝังใจ “พี่เขาอาจเคยโดนหลอกหรือเปล่าวะ”

   ไอ้ป่านพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่แม่ง ไม่ควรมาพาลคนอื่นหรือเปล่าวะ ไอ้สัดเอ้ย ต่อยกูด้วย แต่หมัดมึงเมื่อกี้เจ๋งจริงๆ”

   “เออ”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะกันดัง รอแท็กซี่ก็ไม่มา สายนี้ไม่น่าจะมีรถเมล์ด้วย แสงไฟหน้ารถสาดมาทางพวกผมพร้อมกับเสียงบีบแตรดังลั่น พอมองดีๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นรถพี่ฟลอยด์ เจ้าของรถเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนออกมาให้ผมขึ้นรถ พอผมเปิดประตู ไอ้ป่านก็เปิดด้านหลังแต่พี่ฟลอยด์กลับไม่ให้มันขึ้นซะงั้น

   “ทำไมพี่ไม่ให้ไอ้ป่านไปด้วยล่ะ” ขมวดคิ้วถาม

   “ให้ไอ้เกนไปส่ง” คำตอบทำเอาผมกับไอ้ป่านตาโต

   “เมื่อกี้ต่อยกันขนาดนั้นพี่ยังจะให้ไปส่งไอ้ป่านอีกเหรอ” เจ้าของชื่อรีบพยักหน้าเห็นด้วย

   “มันทำผิดก็ต้องไปส่งเพื่อไถ่โทษ” เสียงพี่ฟลอยด์ดูนิ่งจนเพื่อนผมเริ่มลังเล

   “กูไม่เป็นไร มึงกลับเถอะ” ไอ้ป่านปิดประตูด้านหลัง ผมเลยปิดด้วย ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกันสิวะ

   “งั้นเดี๋ยวผมกลับกับไอ้ป่าน” บอกไป พี่ฟลอยด์ขมวดคิ้วแล้วเปิดประตูรถออกมาพอดีกับมีรถอีกคันขับมาจอดต่อท้าย “อะไรของพี่เนี่ย” ผมถูกจับยัดในรถ ส่วนไอ้ป่านถูกพี่ฟลอยด์ลากไปนั่งข้างคนขับรถคันหลัง ผมมองเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง “พี่ฟลอยด์”

   “ไม่เป็นไร มันรู้ความผิดของมันแล้ว” พี่ฟลอยด์ว่า แต่ผมยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เกิดมันโมโหฆ่าเพื่อนผมหมกป่าทำไงวะ “ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เกนมันปากหมาไปแบบนั้นเอง”

   “เหอะ ยิ่งกว่าปากหมาเหอะ” กอดอกแล้วเบ้ปาก “เพื่อนพี่เคยโดนเด็กหลอกเอาเงินเหรอ ถึงคิดว่าผมจะหลอกพี่น่ะ”

   “อืม” เสียงตอบรับเบาๆ “เคยถูกเด็กที่มันรักหลอกเอาเงินไปก็เลยเข็ดละมั้ง”

   “ทำไงถึงโดนหลอกล่ะ โง่เองนี่หว่า” เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป “ขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ” ว่าติดตลก “ไอ้เกนมันเป็นพวกขี้สงสาร เมื่อก่อนน่ะนะ เจอเด็กคนหนึ่งหน้าตาน่ารักออเซาะเก่ง บอกบ้านจนมันก็ให้ทุกอย่าง สุดท้ายขโมยทั้งรถทั้งคอนโดไปหมด” ร้ายแรงว่ะแบบนี้

   “ทำยังไงถึงขโมยคอนโดวะพี่” ไอ้รถผมรู้ว่ามันขโมยได้

   “แอบไปโอนชื่อเป็นของตัวเองไง” ผมพยักหน้าเมื่อได้รับคำตอบ แบบนี้จะโทษคนอื่นได้ยังไง ต้องโทษตัวเองที่หลงเชื่อเอง

   “พอเห็นผมจนเลยคิดว่าจะมาหลอกพี่น่ะเหรอ ปัญญาอ่อนเหี้ยๆ” อดที่จะด่าไม่ได้ พี่ฟลอยด์ก็หัวเราะ

   “เด็กมีปัญหาก็แบบนี้แหละ พี่เคยเป็น”

   “แล้วเพื่อนพี่จะไม่ทำร้ายเพื่อนผมแน่นะ ถ้าไอ้ป่านมันมีรอยขีดข่วนละก็ ผมตามไปเอาเรื่องถึงคณะแน่” ขู่ไว้ก่อน พี่ฟลอยด์ยื่นมือมาขยี้หัวผมซะเละ

   “ครับๆ”



   เส้นทางของรถไม่ได้มุ่งหน้ากลับหอพักผมแน่ เหลือบมองคนที่ตีเนียนพาผมกลับคอนโดด้วยเฉย

   “ไม่ส่งผมที่หอเหรอ” ถามทั้งๆ ที่เห็นอยู่

   “อยากนอนกอด” ขยิบตาเจ้าชู้ใส่ ผมเลยชูนิ้วกลางให้แทน คนโดนขำ “เดี๋ยวเจอของจริง”

   “ตลก”

   กว่าจะถึงห้องก็ดึกจนเห็นลุงยามนั่งงีบหลับอยู่ที่ป้อม ผมเดินตามเจ้าของห้องขึ้นไปด้านบนเช่นเคย มือใหญ่ยังจับมือผมไม่ยอมปล่อย ขนาดเข้ามาในลิฟต์ยังไม่ยอม

   “ปล่อยมือผมได้แล้ว” เหงื่อเต็มมือผมเลยให้ตาย

   “ไม่เอา” ไม่พูดเปล่า ยังยกมือผมขึ้นจูบด้วย ดวงตาคมช้อนมองผมจนหน้าโคตรร้อน

   “ห้ามรุ่มร่าม” บอกแก้เขิน พี่ฟลอยด์แม่งหัวเราะออกมาก่อนจะดึงผมให้เดินตามเข้าห้อง

   เข้ามาในห้อง ผมก็ทิ้งตัวนอนเหยียดยาวบนโซฟา วันนี้โคตรเหนื่อย แต่ยังน้อยกว่าเมื่อวาน นอนแล้วเหมือนจะเคลิ้มหลับก่อนรู้สึกอุ่นๆ ที่ปาก

   ปรือตาขึ้นมองก็เจอกับหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้จนปลายจมูกแตะกัน

   “พี่ฟลอยด์”

   “อยากจูบ”

   หน้าหล่อเลื่อนลงมาจนริมฝีปากประกบกัน อยากจูบก็จูบจริง แต่ถ้ามากกว่าจูบผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน มือที่ลูบไล้แถวสะโพกถูกมือผมจับแน่น พี่ฟลอยด์ค่อยๆ ผละออก ดวงตาพราวจ้องอย่างเสียดาย

   “ยังไม่ใช่ตอนนี้” บอกเสียงแข็ง

   “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” เสียงอ่อนถามพร้อมกับซบหน้าลงที่ซอกคอของผม “พี่ยอมทุกอย่างแล้วนะ”

   “ผมก็ยอมทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้” ผมว่า พี่ฟลอยด์ส่งเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะรีบดีดตัวนั่งตรงแล้วจ้องผม

   “เมื่อกี้บอกยอมทุกอย่างเหรอ” เบิกตากว้างถาม ผมก็เลยพยักหน้า

   “อืม”

   “ทุกอย่างที่ว่า รวมถึงยอมเป็นแฟนพี่แล้วใช่ป่ะ”

   “อืม”

   “ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย”

   “อืม”

   “พี่ไม่ได้เมาจนเบลอใช่มั้ย” ผมตบหน้าใส่แรงนิดหน่อยจนคนโดนตบลูบแก้มตัวเองเบาๆ

   “เจ็บป่ะ”

   “มาก” ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   ผมถูกคนดีใจกอดจนแทบจะจมหายไปกับอกแข็ง

   “หายใจไม่ออกแล้วเว้ย” ตีเข้าที่แขนหลายๆ ครั้ง

   “ดีใจเหี้ยๆ” ท่าทางดูดีใจจนผมขำ พี่ฟลอยด์หอมแก้มผมซ้ายทีขวาทีจนแก้มแทบช้ำเมื่อถูกหอมย้ำๆ “โอ้ยดีใจ คืนนี้นอนไม่หลับแน่”

   “อย่ามาเว่อร์ได้ป่ะ”

   “ไม่ได้เว่อร์สักนิด”

   “เหรอ” ลากเสียงยานคาง

   “ครับ” นี่ก็ลากตาม แล้วเราก็พากันหัวเราะลั่นห้อง “เป็นแฟนกันแล้วนะ”
 
   “อืม พูดมากจริง ไปอาบน้ำไป เหม็นเหี้ยๆ” ผมปิดจมูกแสร้งว่าเหม็น

   “ตัวหอมขนาดนี้มาว่าเหม็น แล้วเลิกพูดเหี้ยพูดเว้ยกับพี่ด้วย พี่ไม่ชอบ”

   “แล้วชอบแบบไหนล่ะ”

   “ชอบแบบหวานๆ อ่ะ” ดวงตาเป็นประกาย

   “แต่ผมเป็นคนไม่กินหวานว่ะ” บอกไปงั้น ที่จริงผมโคตรชอบของหวานเลย

   “ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”

   ผมยิ้มตาปิดเมื่อพี่ฟลอยด์กระโดดโลดเต้นเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำ ส่ายหน้าให้กับคนที่โตแต่ตัวก่อนหยิบมือถือโทรหาไอ้ป่าน รอสายไม่นานมันก็รับ น้ำเสียงเหมือนโวยวายจนผมตกใจ

   “มึงเป็นไรวะ โดนมันต่อยอีกเหรอ” ผมถามอย่างร้อนรน

   “เปล่า” เสียงตอบกลับนิ่งๆ “แต่แม่งยางรถแบน ไอ้สัดนั่น มันเปลี่ยนยางไม่เป็นอีก ซวยชิบหาย”
 
   “มึงก็เปลี่ยนสิวะ” ผมว่า

   “กูก็กำลังเปลี่ยนอยู่นี่ไง มือถือกูหนีบคอจนจะเคล็ดเนี่ย ไอ้เชี่ย มึงช่วยกูหน่อยได้มั้ยวะสัดเอ้ย” ประโยคแรกไอ้ป่านคุยกับผม แต่ประโยคหลังคงด่าคนที่จะพามันกลับนั่นแหละครับ

   “เอ่อๆ ไม่เป็นไรก็ดี ดูแลตัวเองด้วยนะเว้ย” สั่งเสียเพื่อนตัวเองก่อนจะไลน์ไปหาไอ้ดอยที่ช่วงนี้ติดเมียเกินไปจนลืมเพื่อน มันบอกแค่ว่า อาทิตย์นี้งดเรียน สบายสิผม

   รอพี่ฟลอยด์ออกมาผมก็เปลี่ยนไปอาบน้ำ น้ำอุ่นคลายความปวดเมื่อยได้เยอะ พอออกมาก็เห็นเจ้าของห้องนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงสีน้ำตาล พี่ฟลอยด์กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา พอไปถึงก็ดึงให้นั่งแล้วเอาขาผมไปวางบนตักตัวเอง จะชักกลับก็โดนยึดไว้แน่น

   “ทำอะไรเนี่ย” ผมโวยวาย

   “ทายาให้ไง เห็นเดินแปลกๆ” มือขาวชูหยอดยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะบีบลงบนขาผมแล้วออกแรงนวดเบาๆ บางจุดนี่เจ็บจี๊ดเลยนะครับ “ขาบวมหรือเปล่า เดินเยอะขนาดนั้น” นวดไปบ่นไปจนผมขำ

   “เหมือนพ่อเลยอ่ะ” พูดจบโดนหยอดยาเคาะหัวเบาๆ

   “เดี๋ยวเถอะ” ว่าไปงั้น มือก็ยังนวดขาผมอยู่ พอเริ่มเคลิ้มๆ มือมันก็นวดขึ้นมาซะสูงจนต้องรีบตะปบมือ

   “อย่ามาตีเนียนครับ เดี๋ยวจะโดนต่อย” พี่ฟลอยด์หัวเราะเสียงดัง แล้วโผเข้ามากอดผมให้นอนราบบนเตียง “คนหรืองูหลามวะ รัดโคตรแน่น”

   “ถึงเวลาจะรัดให้แน่นกว่านี้อีก คอยดูเถอะ” ว่าจบก็ฟัดแก้มผมจนแทบจะช้ำ

   “คงอีกนานกว่าจะถึงวันนั้นครับ” ยิกเข้าที่เอวจนพี่ฟลอยด์บ่น แล้วก็เริ่มคลายกอด

   “ขอบใจนะ ที่ยอมให้โอกาสพี่” เรานอนมองเพดานสีขาวพร้อมรอยยิ้มบางๆ

   “ถ้าทำผิดอีก ผมไม่มีให้แล้วนะ”

   “ครับ ไม่มีแน่นอน จะเชื่อฟังทุกอย่างเลยดีมั้ย”

   “เว่อร์ว่ะ” บอกขำๆ แล้วหันหลังให้เพราะผมชอบนอนตะแคงมากกว่า เมื่อสบโอกาสแขนแกร่งก็สอดเข้ามาโอบเอว ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอ “ฝันดีนะ”

   “ฝันดีครับ” ถูกจูบเบาๆ ที่ต้นคอ

         คืนนี้ผมคงจะนอนหลับฝันดี ไม่มีเรื่องในกวนใจ แล้วที่ผมให้โอกาสเพราะเห็นถึงความพยายามของพี่เขาที่จะทำเพื่อผม แค่นั้นก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาไปเยอะ ยังไงซะ คืนนี้ก็เป็นคืนที่ดี หลับฝันดี พรุ่งนี้ตื่นมาจะเจออะไรค่อยว่ากัน


...TBC


เป็นแฟนกันแล้วววว พี่ฝอยของเรา  :o8: :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 10:25:20 โดย aiaea83 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด