ตอนที่ 43
ศรัทธา
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เล็กน้อย หลังจากทาคุมะพุงตัวตามร่างที่กระเด็นไปหลายกิโลเมตร พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากันอีกด้านหนึ่งของบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะ ใบหน้าอันคุณตาปรากฏหลังจากผ้าปิดปากหลุดลอยตามแรงปะทะเมื่อครู่
ทาคุมะจดจำใบหน้านั้นได้ดี แม้จะได้เห็นเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม ‘โนบุ อิเอยาสะ’ ผู้นำกลุ่มโนบุคนปัจจุบัน!
ปีศาจตนนี้ทำให้เขาครางแคลงใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเพียงคิดว่ามันอยู่ในส่วนของความทรงจำที่หายไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย ในความทรงจำที่ทาคุมะคิดว่ากลับมาครบถ้วนแล้วไม่ปรากฏส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับชายผู้นี้เลย
แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อนไม่น้อย ไม่เช่นนั้นแล้วชายผู้นี้จะสั่งให้สมุนของตนตามล่าเขาด้วยเหตุใด
ไม่พูดพร่ำทำเพลงฝ่ายที่ถูกจู่โจมจนรอยละลิ่วแต่หากหาได้ล้มลงอย่างสิ้นท่าก็พุ่งเข้าจู่โจมทาคุมะในทันที
เคว้ง!
ดาบคาตานะสีดำเรียวยาวปะทะเข้ากับดาบยักษ์ของทาคมะจนเกิดประกายดาบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หากไม่ได้หมายเอาชีวิต พวกเขาเพียงลองเชิงซึ่งกันและกันเท่านั้น
ดาบเล่มนั้นช่างแสนคุณตาเพียงแต่คิดเท่าใดทาคุมะก็คิดไม่ออกว่า เหตุใดดาบเล่มนี้จึงมาอยู่ในมืออิเอยาสะได้ หรือว่าชายผู้นี้จะช่วงชิงมาจากผู้เป็นเจ้าของ แต่ว่ามันก็เหลือเชื่อเกินไปในเมื่อชายผู้ที่เป็นเจ้าของดาบเล่มนี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้ง 4 ตน
“ไม่เลวๆ เลย ข้าก็คิดเสียว่าเมื่อหากสูญเสียความทรงจำแล้วเจ้าจะเป็นได้เพียงสวะผู้หนึ่ง แต่มาวันนี้ก็เข้าใจได้แล้วว่าเหตุใดเจ้าพวกนั้นจึงทำงานพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้ายังคงอาศัยสัญชาตญาณในการเคลื่อนไหวไม่เคยเปลี่ยน” ปีศาจทั้งสองถอยห่างเว้นระยะตรงกลางไว้ช่วงหนึ่ง หลังจากลองเชิงซึ่งกันและกันจบแล้ว
คำพูดวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่มีใบหน้าเรียบเฉยกวนโมโหทาคุมะไม่น้อย ด้วยไม่อาจทราบได้ว่าชายตรงหน้ากำลังชมเชยหรือเยอะเย้ยเขาผ่านคำกล่าวเหล่านั้นกันแน่
“อย่ามากล่าวสิ่งใดให้เหมือนรู้จักข้าดีนักเลย ข้าไม่ต้องการคำชมจากเจ้าแม้แต่น้อย” ทาคุมะเลือกที่จะระงับอารมณ์ให้สงบเข้าไว้ กล่าวโต้กลับอย่างไม่อ่อนข้อดังว่าคำกล่าวนั้นหาใช่คำถากถางแต่เป็นคำชมเชยต่างหาก เขาจะรับว่าโดนดูถูกไปเพื่อสิ่งใด
“หึ” เสียงนั้นทำให้ทาคุมะเส้นความอดทนแทบขาด ความกวนประสาทด้วยใบหน้านิ่งเรียบเช่นนี้มีอิทธิพลกับเขามากที่สุด มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ หรืออาจจะตั้งแต่ได้พบกับพวกเขาเหล่านั้น...
เพียงชั่วอึดใจอากาศรอบด้านก็เกิดการปรวนแปร คลื่นสังหารรุนแรงจนบรรยากาศสั่นไหว แม้แต่ผู้ที่แอบจ้องมองอยู่รอบด้านยังขนลุกเกลียว ดังกระแสอากาศสองสายกำลังเกิดการปะทะกันด้วยพลังที่ไม่ต่างกันแม้แต่น้อย จนกระทั่งคลื่นอากาศทั้งสองฝั่งเกิดการปะทุออกเมื่อเกินขีดจำกัดที่จะทนไหว
ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าปะทะกันด้วยความเร็วอันยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า เพียงชั่วพริบตาก็เกินเงาวิบวับไปมาทั่วบริเวณ
บทเพลงขยี้ยักษา!ดาบเล่มใหญ่ยักษ์ในมือทาคุมะทอประกายเกิดเงาร่างสีแดงครอบคลุมไปทั่วตัวดาบ ดังว่ามีดาบอีกเล่มซ้อนทับบนดาบในมือนั้น สิ่งนั้นเรียกว่า จิตวิญญาณแห่งดาบ
จิตวิญญาณแห่งดาบนั้นน้อยคนนักที่จะปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาได้ ด้วยต้องเชื่อในดาบของตนอย่างสุดหัวใจว่าสะบั้นทุกสิ่งให้ขาดลงได้ ทั้งรูปแบบแตกต่างกันไปตามภาพสะท้อนในจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ยิ่งจิตนั้นแน่วแน่ ดาบก็จะยิ่งคมกริบตามความเชื่อมั่นเหล่านั้น
ดังนั้นแล้วผู้ที่จะปลุกจิตวิญญาณแห่งดาบออกมาได้นั้นจึงต้องมีจิตใจแน่วแน่ไม่สั่นไหว สมาธิจดจ่อห้ามขาดห้วงแม้แต่น้อย ผู้ที่ใช้วิชานี้จึงต้องแบ่งแยกสมาธิได้อย่างชัดเจน ทั้งใช้วิชา ทั้งกระบวนท่าล้วนต้องสอดประสาน หากทำได้เพียงปลุกจิตวิญญาณแต่ขาดการควบคุมก็เป็นเพียงการเล่นปาหี่ของผู้ที่มีเพียงโชคเท่านั้น
ไม่ต่างจากการได้รับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่แต่กลับไม่รู้วิธีการใช้งาน ไร้ประโยชน์สิ้นดี ดังนั้นแล้วผู้ที่เข้าถึงแก่นแท้ของวิชาและใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วจึงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
แต่คู่ต่อสู้ของทาคุมะก็หาได้ด้อยกว่า ดาบสะท้อนสั่นไหว บิดเบี้ยวดังอสรพิษที่พร้อมจู่โจมอย่างไม่อาจคาดเดาทิศทาง สะท้อนภาพงูสีดำทมิฬพันเลื้อยบนตัวดาบ
คืนสู่ทมิฬ!สองเพลงดาบเข้าปะทะอย่างไม่มีใครยอมใคร ความรุนแรงของจิตวิญญาณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทำให้บ้านเรือนรอบข้างถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือเคล้าเดิม แต่เพียงชั่วพริบตาที่เข้าปะทะกระแสดาบของอิเอยาสะก็เกิดเป็นกระแสพลังสามสาย พุ่งเข้าโจมตีพร้อมกันจนทาคุมะต้องชะงักการจู่โจม
ความทรงจำสายหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว ร่ำร้องว่าการจู่โจมทั้งสามมีของจริงเพียงหนึ่ง เป็นกระบวนท่าที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง และน่าโมโหที่สุดตรงที่เขาไม่เคยมองออกแม้แต่ครั้งเดียวว่าอสรพิษตัวใดคือของจริง
ด้วยรูปแบบการจู่โจมซึ่งหน้าโดยทุ่มพลังปะทะในจังหวะเดียวทาคุมะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาจึงใช้จังหวะนั้นเปลี่ยนกระบวนท่าฉับพลัน จากจู่โจมเป็นตั้งรับกระแสพลังทั้งสามอย่างทันท่วงที แต่ก็ในจังหวะที่ชะงักไปนั้นศัตรูก็หาได้ชะงักตาม แต่กลับมองเห็นช่องว่างเฉือนเนื้อที่แขนของทาคุมะไปส่วนหนึ่ง
ทาคุมะเกร็งกล้ามเนื้อฉับพลันจนเลือดหยุดไหล แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ เนื้อส่วนที่หายไปนั้นใช่ว่าจะงอกกลับคืน
กระบวนท่าเมื่อครู่เขารู้จักดี เพียงแค่ในคราแรกที่เห็นเขาไม่คิดเอะใจ คิดว่าเป็นเพียงกระบวนท่าที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีประสิทธิภาพเท่ากับกระบวนท่าของชายผู้นั้น ทั้งยังมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างน่าเจ็บใจ การเคลื่อนไหวว่องไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ภายในใจทาคุมะเกิดระลอกคลื่นสายหนึ่งด้วยไม่อยากเชื่อในความคิดของตน แต่ก็หาได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เขายังคงต้องการพิสูจน์ ให้เห็นด้วยตาของตนเอง หากสุดท้ายแล้วความจริงเป็นเช่นไรเขาก็จะยอมรับมัน
และฝ่ายตรงข้ามเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดเจรจาพูดคุยสิ่งใดอีก ยังคงฟาดฟันดาบเข้าใส่ทาคุมะครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขากลายเป็นรองต้องคอยตั้งรับอยู่ร่ำไป
“ย้าก! ” ทาคุมะระเบิดพลังเผ่าพยัคฆ์ ดวงตาสีแดงวาววับ ส่องประกายกระจ่างใส ภายในนั้นปรากฏจุดสีทองเล็กๆ กลางวงกลมสีแดง เขาทุ่มพลังส่งไปยังดวงตาเพื่อเปิดใช้ความสามารถอันเป็นทักษะเฉพาะตัวของเขา
แดนปีศาจนั้นมีสภาพแวดล้อมมืดครึ้มกว่าแดนมนุษย์มากนัก เช่นนั้นแล้วพรที่พวกเขาได้รับจากโชคชะตาคือมีดวงตาที่มองเห็นแสงสว่างได้ดีกว่ามนุษย์ เพียงแต่หากจะดึงศักยภาพอย่างเต็มที่ออกมานั้นเป็นเรื่องยากเกินไป ทั้งปกติแล้วดวงตาของพวกเขาก็มองเห็นในความมืดได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่คิดใฝ่หาให้ลำบากโดยใช่เหตุ
ด้วยความสามารถการมองเห็นที่มากกว่ามนุษย์เพียงเท่านี้พวกเขาจึงพอใจ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาทุ่มเทที่จะดึงความสามารถอันเป็นขีดสุดของตนออกมา ทาคุมะก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นแล้วเมื่อเลือกส่วนที่ใช้พลังแปรเปลี่ยนให้ตนอยู่ในภาพกึ่งสัตว์ เขาจึงเลือกที่จะส่งพลังไปที่ด้วยตา
ความจริงความสามารถนี้เขาพึ่งรับมันเมื่อไม่นานมานี้ ในครั้งเก่าเขาก็พิเศษกว่าผู้ใดอยู่แล้ว ด้วยบ้าการฝึกฝนเขาจึงเปลี่ยนจุดที่ส่งพลังไปอยู่บ่อยครั้ง ไม่เหมือนปีศาจตนอื่นที่จะเลือกจุดเดิมเพื่อความชำนาญในการใช้
แต่ก็ใช่ว่าทาคุมะจะไม่ชำนาญ เพราะเขาบ้านั่นเอง จึงฝึกเป็นบ้าเป็นหลังจนสามารถเปลี่ยนจุดถ่ายพลังไปได้ทุกส่วน แล้วแต่ว่าในการต่อสู้นั้นๆ ส่วนใดของร่างกายจะเหมาะสมที่สุด จากปีศาจบ้าบอสุดโต่งไร้ประโยชน์ จึงต้องตาหัวหน้ากลุ่มโฮชิจนถูกฝึกฝนเพื่อเป็นผู้ที่คอยปกป้องท่านหัวหน้าที่เขายกย่องได้เช่นนี้
การใช้พลังของดวงตานั้นเรียกได้ว่ายากเสียยิ่งกว่ายาก เพราะทั้งเล็กและหลากหลายด้วยเส้นประสาทยิบย่อย เขาจึงพึ่งได้รับมันมาเท่านั้น หลังจากฝึกฝนมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งในตอนที่ความจำเสื่อมจิตสำนึกของเขายังสั่งให้ฝึกฝน เวลานี้ความสำเร็จจึงน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
เคว้ง!
ในที่สุดทาคุมะก็สามารถปัดป้องคมดาบที่ฟาดฟันเขาจนได้ ตามติดด้วยคมดาบที่พร้อมจู่โจมศัตรู เขากลับกลายเป็นฝ่ายรุกไล่อีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่คมดาบในมืออิเอยาสะฟาดฟันลงมา ทาคุมะก็ป้องกันได้ทุกครั้ง ทั้งยังโจมตีสวนกลับไปได้อย่างแม่นยำ
คมดาบสั่นไหวหักเลี้ยวฉวัดเฉวียนดังงูฉกวาดใส่คู่ต่อสู้ตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นดาบสามสายโจมตีจากสามทิศทาง เพียงไม่ถึงคืบก็จะกลืนกินฝ่ายตรงข้ามได้แต่ก็ถูกปัดป้องได้อีกครั้ง ทั้งตัวเขาเองยังต้องคอยหลบคมดาบอันมีพลังโจมตีมากมายมหาศาลนั้นอีกจึงต้องเป็นฝ่ายถอยหลังเสียเองช่างน่ารำคาญยิ่งนัก
จากโจมตีพร้อมกันสามทางแปรเปลี่ยนเป็นสายหนึ่งหลอกล่อ อีกสายหนึ่งเข้าจู่โจม ทาคุมะปัดป้องคมดาบสายที่สอง แต่หากก็กลายเป็นเงามลายหายไป ไม่ทันได้มองคมดาบอีกเล่มที่หายไป ก็ถูกความเจ็บกัดกินที่ปลายคางเสียแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เนื้อยังคงอยู่ บ่งบอกว่าทาคุมะหลบได้อย่างเฉียดฉิว
โจมตีในจุดบอด ที่ตนสร้างขึ้นจากการหลอกล่อครั้งแล้วครั้งเล่า ดังปิดผนึกความคิดให้ทาคุมาะคิดว่าดาบนั้นต้องจู่โจมพร้อมกันเท่านั้น เขาจึงเสียท่า แต่ยังดีที่มีสัญชาตญาณอีกอย่างหนึ่งที่เขาพึ่งพา ร่างกายที่ตอบสนองต่อความมุ่งร้ายจึงหลบได้เองโดยไม่ต้องสั่งการสิ่งใดให้มากมาย
แต่กระนั้นในใจของทาคุมะก็ร่ำร้องว่าแย่แล้ว ไม่ใช่แค่เขาที่พัฒนาขึ้น ฝ่ายนั้นเองก็เก่งขึ้นไม่ต่างกัน เวลานี้พวกเขาดังว่ามีพลังต่างขั้วที่คอยจ้องโจมตีให้อีกฝ่ายเสียท่าอยู่
ดวงตาของทาคุมะสามารถแยกเงา หรือที่นี้ก็คือภาพลวงตา ออกจากความจริงได้ส่วนหนึ่ง โดยมองเห็นภาพลวงตาเลือนรางกว่าของจริง แต่หากมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเขาก็แยกมันออกยากเช่นเดียวกัน เพราะความสามารถนี้เขาได้รับมานับว่ายังไม่นานมากจึงใช้ได้ไม่คล่องแคล่วเท่าที่ควร
ส่วน คืนสู่ทมิฬ เพลงดาบลำดับที่หนึ่งของเพลงดาบทมิฬนั้นก็ร้ายกาจจนหาจุดอ่อนได้ยาก ทั้งบาดแผลที่ได้รับนั้นยังร้ายแรงจนไม่อาจรับไว้ได้หลายๆ ครั้ง เพราะคืนสู่ทมิฬจะกัดกินร่างกายทุกครั้งที่โจมตี ส่วนใดถูกจู่โจมจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังถูกอสรพิษกลืนกินเนื้อส่วนนั้นจนร่างกายค่อยๆ หายไปทีละส่วนทีละส่วนในความมืด
เพลงดาบอันน่าหวาดกลัวที่ต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งทุกครั้งที่ถูกสัมผัสนั้นในความทรงจำของเขามีชายเพียงผู้เดียวที่มีวิชานี้
“ซาซากิ ฮาจิเมะ! ” ทาคุมะตะโกนขึ้นอย่างหวาดหวั่น ไม่เพียงคาสึกิที่ทรยศ แม้แต่ซาซากิที่เชื่อมั่นในหัวหน้าถึงเพียงนั้นก็เปลี่ยนไปได้เช่นเดียวกัน
ในความทรงจำของทาคุมะ ซาซากิ ฮาจิเมะ เป็นดังพี่ชายคนโตในบรรดาพวกเขาทั้ง 4 ทาคุมะ คาสึกิ และไดจิ พวกเขาต่างยกย่องว่าซาซากินั้นเก่งกล้า และยุติธรรม ทั้งยังศรัทธาในตัวหัวหน้ายิ่งกว่าผู้ใด เป็นไปไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวที่จะทรยศหักหลัง
“เป็นไปไม่ได้ ซาซากิ นั่น นั่นเจ้าจริงหรือ” ชายผู้สวมหนังหัวหน้ากลุ่มโนบุหยุดการโจมตีตั้งแต่ที่ทาคุมะเรียกชื่อออกมา และจ้องมองชายที่พูดคุยกับเขาด้วยเสียงอันสั่นเทาท่านั้น
“หึ ไม่เลวๆ ในบรรดาพวกเจ้าทั้งสามนับว่าเจ้าฉลาดมากที่สุดจริงๆ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงกล่าวชมเชยในตัวทาคุมะ เพราะสำหรับเขาแล้วทาคุมะรู้ตัวเร็วยิ่งกว่าใครจริงๆ
ต่างจากไดจิที่มาแจ้งข่าวเรื่องคาสึกิทรยศซึ่งโง่เง่าจนถึงวินาทีสุดท้าย เชื่อฝังใจว่าเขาถูกคาสึกิหลอกใช้ ทั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ถอนตัวแล้วกลับไปช่วยหัวหน้า ถูกโจมตีก็ไม่ยอมตอบโต้เพียงตั้งรับเช่นนั้นเขาจึงสังหารมันลงง่ายๆ ช่างโง่เขลา โง่จนเกินกว่าจะใช้งานใดๆ ไร้ค่าสิ้นดี
ส่วนคาสึกินั้นความหึงหวงบังตาเสียจนน่าสมเพช เพียงกล่าวโน้มน้าวเล็กน้อยเท่านั้นก็คิดลงมือสังหารคนที่ตนรักเสียได้ เช่นนั้นแล้วจะเรียกว่ารักได้จริงหรือ หึ แต่อย่างไรมันก็ดีต่อเขาไม่น้อยเลย
มีเพียงทาคุมะที่แม้จะไม่อยากเชื่อเพียงใดก็ไม่ได้ใจอ่อนลง ไขข้อคล่องใจจนกระจ่างชัดด้วยตนเอง แม้จะดูเหมือนจิตใจสั่นไหว แต่จิตวิญญาณแห่งดาบที่ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อยก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ายังคงมีจิตใจที่แน่วแน่ ถ้าเขาตอบรับแล้วคงลงมือแก้แค้นให้หัวหน้าทันที
เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ...เหมาะที่จะใช้ทดสอบพลังที่ได้รับมาใหม่
“ย้าก! ซาซากิ! ซาซากิ! เจ้า เจ้าผู้ที่ไม่ควรทรยศหัวหน้ามากที่สุดใยจึงกล้าทำเช่นนี้ ความศรัทธาที่มีต่อหัวหน้าตลอดมาคือของปลอมเช่นนั้นรึ เจ้ามันตลบตะแลงจนน่าสมเพช วันนี้ข้าจะเอาเลือดของเจ้าไปเซ่นแก่ท่านหัวหน้า! ” พลังระเบิดขึ้นตามความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นในดาบหรือสมาธิลดน้อยลง ซ้ำยังมากขึ้นจนคมดาบขยายใหญ่ขึ้นไปอีก
“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนั้นทาคุมะ จงใช้ทุกสิ่งที่มีสังหารฆ่า ฮ่าๆ ๆ” ซาซากิหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เพียงไม่นานใบหน้าก็คืนสู่ความสงบ มีเพียงริมฝีปากที่แย้มยิ้มอย่างพอใจเท่านั้น ทั้งจิตสังหารยังเฉียบคมขึ้นจนก่อนหน้านี้ไม่อาจเทียบได้
สสารสีดำถูกกระตุ้นจนหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณแห่งดาบ แม้แต่ทาคุมะก็ไม่อาจแยกออกได้ว่ากำลังมีพลังสายหนึ่งเพิ่มขีดจำกัดของคู่ต่อสู้ให้สูงขึ้น
ค่ำคืนที่จันทราลอยเด่นด้วยสีแดงเลือดเข้มข้นกว่าปกติ พวกเขาเองก็ย้อมพื้นล่างให้อาบกลิ่นคาวเลือดไม่ต่างกัน ศึกตัดสินของผู้ที่เป็นพวกพ้องกำลังเพิ่มความดุเดือดขึ้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จักสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหน้าให้จงได้!
************************50%**********************
ทาคุมะเป็นฝ่ายขยับก่อน ฟาดฟันจิตวิญญาณแห่งดาบที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กลงใส่คนเบื้องหน้า ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน เขาขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคมดาบก็ถึงจุดที่อดีตสหายของเขายืนอยู่ เสริมความรุนแรงด้วยการกระโดดพลังยิ่งรุนแรงเกินจะต้านทาน
บริเวณที่ซาซากิยืนอยู่ทรุดตัวลงกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ บ่งบอกได้ว่าอานุภาพของมันมหาศาลเพียงใด แต่กระนั้นฝ่ายตั้งรับก็ทำเพียงยืนเฉยควบคุมจิตวิญญาณแห่งดาบที่ใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อครู่ให้ป้องกันไว้เท่านั้น
พลังสองสายผลักกันไปมา วัดพลังของตนอย่างไม่มีใครยอมใคร เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบแต่เวลานี้พวกเขาทั้งสองต่างมีหยดเหงื่อไหลจากขมับ บ่งบอกได้ว่าการประลองของพวกเขาผ่านมายาวนานทีเดียว ทั้งร่างกายยังเริ่มสูญเสียพลังบางส่วนไปบ้างแล้ว
ดวงตาสีแดงประสานกัน แม้ไม่ต้องเอ่ยปาก เจตนาของพวกเขาก็ฉายชัด ค่ำคืนนี้ควรคุยกันด้วยดาบเท่านั้น
จนกระทั่งซาซากิเผลอผ่อนพลังลงเล็กน้อย ทาคุมะสัมผัสได้ถึงพลังที่อ่อนลง จึงเพิ่มพลังลงไปอีกหลายสวน จนซาซากิเสียท่าลอยเคว้งไปในอากาศอีกครั้ง และในตอนนั้นเอง
ทมิฬกลืนนภา!เงาร่างอสรพิษขยายใหญ่แบ่งแยกร่างเงามากขึ้นกว่าร้อยสาย ปกคลุมผืนนภาเบื้องหน้าทาคุมะ ทั้งใต้ฝ่าเท้ายังปรากฏคลื่นสีดำราวจะกลืนกินเขาเข้าไปในความมืด เพียงชั่วอึดใจรอบด้านก็เห็นเพียงเงามืด ปกคลุมร่างกายจนไร้ทางหนี ถูกห้อมล้อมเอาไว้ท่ามกลางความมืดเท่านั้น
กับดัก!
ทาคุมะตระหนักในใจ เขาพลาดท่าเสียแล้ว ซาซากิหาได้เสียสมาธิจนเปิดช่องว่าง แต่ฝ่ายนั้นจงใจเปิดช่องว่างให้เขาตกลงไปในหลุมกับดักต่างหาก
เพื่อหาทางหนีเขาจึงยกดาบยักษ์ฟันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงประกายดาบที่กระทบกันเท่านั้น รวมทั้งการโจมตีจากรอบด้าน ดังมีคมมีดมากมายโจมตีเข้าสู่กึ่งกลาง
“ซาซากิ มีพลังมากขนาดนี้เลยหรือ น่าเจ็บใจนัก” ทาคุมะเข่นเขี้ยว การโจมตีเกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า หากเขาไร้ซึ่งพลังของดวงตามีหรือจะรอดพ้นได้จนถึงตอนนี้
ในหัวขุดคิดถึงความทรงจำภายใน เคล็ดวิชาดาบทมิฬของซาซากิมีเพียง 3 ขั้น แต่กลับสามารถประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้หลากหลาย ยิ่งเสริมกับความสามารถทางด้านร่างกายและประสบการณ์แล้วนับว่าแทบจะไร้ผู้ต้าน ในกาลก่อนเขาเองก็ไม่เคยชนะซาซากิแม้แต่ครั้งเดียว
ประสบการณ์เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะยิ่งชำนาญก็ยิ่งดึงศักยภาพของตนออกมาได้มากขึ้น ในบรรดาพวกเขานับว่าซาซากิมีอายุมากที่สุด แม้แต่กลับหัวหน้าเองก็ยังอายุมากกว่าหลายปี ดังนั้นแล้วซาซากิจึงเป็นผู้มีประสบการณ์การต่อสู้มากที่สุดนั่นเอง
ขั้นที่ 1 คืนสู่ทมิฬ ทักษะที่ใช้กัดกินร่างกายของศัตรูทีละส่วนจนหายไปสู่ความมืด
ขั้นที่ 2 ทมิฬผสานกาย ทักษะที่หลอมรวมจิตวิญญาณแห่งดาบเข้ากับร่างกาย ช่วยเสริมการใช้ร่างครึ่งสัตว์ได้เป็นอย่างดี ทั้งเพิ่มพลัง ทั้งเพิ่มความคมกริบของคมเขี้ยว มีร่างสังหารจนแทบจะทัดเทียมกับหัวหน้าทีเดียว
แต่ซาซากิก็ไม่เคยชนะหัวหน้าด้วยร่างนี้เช่นกัน เพราะแม้จะใกล้เคียงแต่ก็ไม่มีทางเทียบเท่า ถ้าทางด้านพลังแล้วหัวหน้าย่อมเหนือกว่า
ขั้นที่ 3 ซาซากิเคยบอกว่ายังใช้ไม่ได้ เพราะเปลืองพลังมากเกินไป หากใช้งานแล้วเขาคงไม่อาจยืนหยัดต่อสู้ได้อีก ทั้งยังยากเกินกว่าจะคงรูปแบบนั้นไว้ในเวลานาน มันจึงถูกปิดผนึกไปโดยปริยาย
หรือว่า! ซาซากิทำมันสำเร็จแล้ว เขาหาวิธีการใช้งานโดยสูญเสียพลังน้อยที่สุดได้แล้วหรือ
ทาคุมะคิดอย่างตื่นตระหนก พลังที่สืบทอดมาจากรุ่นสู้รุ่นนั้นยากที่จะแก้ไข ดังนั้นแล้วถึงจะมีเวลาถึง 8 ปี เขาก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
ซึ่งทุกอย่างล้วนถูกต้อง ซาซากิไม่อาจหาวิธีใช้พลังโดยสูญเสียน้อยที่สุดได้ ด้วยผู้ที่คิดวิชานี้มีพลังมากมายจนยากจะหยั่งถึงทำให้ใช้งานมันได้เป็นปกติ ไม่เคยแม้จะแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้ เมื่อมันส่งต่อมาถึงเขาที่มีพลังน้อยกว่านั้นมาก การใช้งานขั้นที่ 3 จึงเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
จนกระทั่งได้พบกับชายผู้นั้น สสารสีดำที่มอบให้กลับมอบพลังที่มากมายมหาศาลให้แก่เขา เพียงแลกด้วยอายุขัยที่สั้นลงเมื่อเปิดใช้ นับว่าไม่ได้มากมายสำหรับเขาเลย เพราะสิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือพลังเท่านั้น
ซาซากิใช้พลังออกมาเพียงส่วนเล็กๆ แต่กลับกระตุ้นพลังได้ดีจนเขาไม่เหนื่อยหอบแม้แต่น้อย คลื่นพลังสีดำทรงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านับว่ามีประสิทธิภาพอันน่าพอใจ ทาคุมะที่ดิ้นรนอยู่ภายในนั้นยิ่งมองยิ่งเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์
มองเหล่าผู้อ่อนแอที่ดิ้นรนอย่างไร้ทางหนี จะมีสิ่งใดรื่นรมเท่านี้ได้อีก
ทางด้านทาคุมะเมื่อคิดได้ดังนั้นก็เหงื่อตกไม่น้อย ด้วยไม่เคยเห็นทักษะเช่นนี้ จึงมองไม่เห็นจุดอ่อน และหาทางหนีไม่เจอ
สิ่งที่เขาทำได้แทบจะเป็นศูนย์ สิ่งที่เหลืออยู่ คือ จิตใจที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น
“ย้าก!”
ทาคุมะระเบิดพลังอีกครั้ง ฟาดฟันเพลงดาบไปยังความมืดรอบด้านอย่างไม่ยอมแพ้
“ย้าก!”
“ย้าก!”
ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไร้ผล มันเปลืองแรงเปล่าเท่านั้น เวลานี้ร่างกายเขาสูญเสียพลังไปมาก ทั้งยังไม่อาจหยุดพักได้ เพราะคมมีดในเงามืดจู่โจมอย่างไม่หยุดหย่อน
แฮ่ก แฮ่ก
“บ้าจริง ข้าจะทำเช่นไรดี ยังแก้แค้นให้หัวหน้าไม่ได้ก็จะตายเสียแล้ว” เขานึกสมเพชตนเอง ทั้งที่ได้ความทรงจำกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากเดิม ไม่อาจปกป้องใครได้ แม้แต่ปกป้องเกียรติของหัวหน้าเขายังทำไม่ได้ แล้วเช่นนี้จะมีหน้าไปพบท่านได้อย่างไร...ท่านหัวหน้า
‘พลังหาใช่ทุกสิ่ง แม้เก่งกาจเพียงใดก็ย่อมมีจุดอ่อน ทาคุมะอย่าได้ยอมแพ้จนกว่าชีวิตจะดับลง’ในเวลาที่สิ้นหวัง คำสอนของหัวหน้าก็ปรากฏขึ้นในใจ หัวหน้าบอกเช่นนี้เสมอเมื่อต้องพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และเชื่อเช่นนั้นจิตใจจึงไม่ยอมแพ้ แม้ต้องสู้จนร่างกายแหลกเหลว พวกเขาก็สามารถคว้าชัยชนะมาครอบครองได้ทุกครั้งไป
สิ่งที่เขาควรมีคือ ศรัทธา ศรัทธาอันแรงกล้าที่เชื่อในตนเอง เชื่อว่าตนสามารถชนะได้
จุดสีทองในดวงตาขยายกว้างจนมีขนาดแทบจะเทียบเคียงกับดวงตาสีแดง มองสำรวจรอบด้านอย่างถี่ถ้วน แต่กระนั้นมือก็ตวัดต้านทานการโจมตีได้ทุกครั้งไป ปลดปล่อยสัญชาตญาณถึงขีดสุด หยุดสั่งการร่างกายปล่อยให้ตอบโต้โดยอาศัยสัญชาตญาณเท่านั้น
เงามืดมิดค่อยๆ จืดจางลงตามการมองเห็นของทาคุมะ หลังกวาดผ่านรอบแล้วรอบเล่าเขาก็ค้นพบ จุดจุดหนึ่งที่เงาเลือนรางกว่าจุดอื่นๆ
มือกระชับดาบมั่น ทุ่มแรงทั้งหมดลงในการจู่โจมครั้งเดียว เขามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะจุดเปราะบางตรงหน้า เคลื่อนไหวไปมาหลังผ่านไปเพียงชั่วพริบตา มันย้ายตำแหน่งไปเรื่อยๆ ดังนั้นการจู่โจมโดยไม่คิดชีวิตก่อนหน้านี้จึงไร้ความหมาย
และก่อนที่ซาซากิจะเอะใจทาคุมะก็ตัดสินใจใช้เพลงดาบที่มีพลังมากที่สุดของตน
บทเพลงสะบั้นมิติ!“ย้าก! แหละไปซะ” คมดาบเข้าปะทะกับจุดเลือนรางอย่างประจวบเหมาะ ไม่ทันจะได้เคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่น มันก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนเสียแล้ว
เปาะ เพล้ง!
คลื่นสีดำแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยคล้ายกระจก ก่อนจะเลือนหายไปในอากาศ
หลังเศษซากที่กระจายตัวอยู่ ร่างของทาคุมะก็พลันพุ่งจู่โจมซาซากิในทันที
“ตายซะ ซาซากิ!”To Be Continued...
__________________________________________________________
สวัสดีค่า ตามสัญญาอีกครึ่งมาแล้ว
การต่อสู้ของทั้งคู่จะจบลงยังไง ติดตามตอนหน้าน้า
แล้วเจอกันจ้า