Just you and I : Part Bae & Two [2]
[Two]
ผมแอบคุยกับพี่เบตลอด บางครั้งก็ไปกินข้าวกันบ้าง ทำไมต้องแอบนะเหรอ เพราะผมยังไม่พร้อมจะถูกกดดันทางสายตาจากทุกคน แต่แล้วเรื่องของผมก็ถูกลืมเมื่อไอ้กลอยเจอเรื่องโคตรเลวร้าย ผมกำลังนั่งกินไอศกรีมกับไอ้ม่านเพราะมันชวนให้ไปเป็นเพื่อนซื้อของ กินได้ไม่กี่คำไอ้ม่านก็รับโทรศัพท์ คนโทรเข้าคือพี่โชแฟนไอ้กลอย ผมก็มองอย่างไม่เข้าใจ จนไอ้ม่านทำหน้าตื่นแล้วบอกให้รีบลุก
ระหว่างทางไอ้ม่านมันเล่าเรื่องที่ได้ยินให้ฟังจนผมตกใจ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมเห็นแต่ในละครในนิยายเท่านั้นแบบนี้ ไม่พอใจก็พาพวกไปรุมทำร้าย ถ้าเกิดไอ้กลอยมันหนีไม่ได้ แล้วเพื่อนผมมันตายขึ้นมาล่ะ แค่คิดก็กลัวแล้ว
พี่โชมองพวกผมสองคนนิ่ง นัยน์ตาคู่นั้นมันน่ากลัว ตอนถูกจ้องเหมือนจะถูกเชือดคอแบบนั้น ก่อนพี่เขาจะออกจากห้องไปโดยฝากไอ้กลอยไว้กับพวกผม พอพี่โชไป ไอ้กลอยก็เริ่มเดินไปเดินมา เสื้อผ้าที่มันถอดทิ้งไว้สภาพย่ำแย่สุดๆ เสื้อถูกดึงจนฉีกขาด นี่กะจะฆ่ากันเลยหรือไง
“มึงได้ต่อยมันไปหรือเปล่าวะ” ไอ้ม่านถาม มันหยิบเสื้อให้กลอยขึ้นมาดูนิ่ง
“เออดิ่ แถมกูต่อยผู้หญิงด้วย โคตรแมนอะกู” น้ำเสียงมันเหมือนรู้สึกผิด แต่ผมว่ามันน้อยไปนะ พวกนั้นมันเกินจะเป็นมนุษย์ ทำอะไรไม่คิด
“มึงทำถูกแล้ว อย่าคิดมาก” ผมปลอบแต่ไอ้กลอยมันยังทำหน้าหงอย มันเป็นคนดี จิตใจดี เพราะแม่มันเลี้ยงและสอนมาดี “เอาน่ามึง” ตบบ่ามันไป
“เป็นกู กูจะทำยิ่งกว่าต่อยอีกไอ้สัด” ไอ้ม่านว่า มันเดินมาจากโซนห้องครัว ในมือมันถือถุงแอปเปิ้ลมาด้วย ก่อนมันโยนให้ผมด้วยหนึ่งลูก ไอ้กลอยมันเหล่มองแต่ก็ไม่ว่าอะไร
“นั่นผู้หญิงนะมึง” ไอ้กลอยมันว่า
“ผู้หญิงมีสิทธิ์ตอบโต้ได้เพศเดียวหรือไงวะ พวกเราก็ต้องป้องกันตัวสิ ไม่ทำก็ควายแล้ว” ไอ้ม่านว่าแต่ไอ้กลอยส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
พวกผมอยู่กับไอ้กลอยจนมันรำคาญ ก่อนจะเริ่มเฟสไทม์หาไอ้อัธเพราะอยากเห็นสภาพ พอได้เห็นก็แอบกลัว สภาพแต่ละคนเละยิ่งกว่าโจ๊กอีก ผมเห็นพี่จอมถือไม้เปื้อนเลือด พี่โชกำลังบีบคางไอ้คนเต็มไปด้วยเลือด คุยได้นิดหน่อยก็วางไป
และแล้วพวกที่ทำเพื่อนผมก็ได้บทเรียนที่สาสม กลุ่มผู้หญิงถูกบังคับให้ลากออกทันทีเพราะพี่ซันบอกป้าตัวเองที่เป็นอธิการบดีมหาลัย เล่นเส้นสุดๆ แม้พ่อของหัวหน้าสาวจะมียศใหญ่ แต่เจอยศใหญ่กว่าข่มเลยทำอะไรไม่ได้ โคตรสะใจ ส่วนคนอื่นๆ ก็ถูกตำรวจดำเนินคดี แต่มีอยู่คนหนึ่งที่รอด นั่นคือแฟนเก่าไอ้กลอย และไม่รู้ว่าหายไปไหนหลังจากถูกไล่ออก
เรื่องราวร้ายๆ ผ่านไป ดูพี่โชโคตรจะห่วงไอ้กลอยมากขึ้น เพราะไปรับไปส่งตลอด แถมยังโทรหาทุกชั่วโมงจนบางทีไอ้กลอยถูกอาจารย์ดุเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์ ส่วนผมถึงแม้จะเริ่มคบกับพี่เบ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการมาส่งที่มหาลัยทุกวัน ที่น่าแปลกคือ ทำไมต้องเปลี่ยนรถ
“ทำไมเอารถคันนี้มาส่งผมอ่ะ” คือปกติรถที่เขาใช้สีดำครับ แต่นี่เอาคันสีส้มมาใช้
“ก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอ นี่พี่ทำเพื่อทูเลยนะ” พี่เบยิ้มหวานจนผมเขิน “แล้วให้แทนตัวเองว่าอะไร”
“ทู”
“ใช่แล้ว”
ผมขยับหัวหนีเมื่อถูกมือใหญ่ขยี้จนผมเผ้ายุ่งเหยิง
“ถ้าทูถามเรื่องหนึ่ง พี่เบจะโกรธหรือเปล่า” ผมจ้องหน้า เพราะบางอย่างมันรบกวนจิตใจ
“อะไร ถามได้”
“ตอนพี่คบกับน้องของพี่จอม เขานิสัยยังไงเหรอ” ผมไม่อยากทำตัวซ้ำกับเขา เพราะกลัวจะถูกมองเป็นตัวแทน พอผมเริ่มมีคนรักก็อยากทำให้เขารักผมจริงๆ พี่เบเหลือบตามามองผมนิ่งๆ และคิดอยู่นานกว่าจะตอบออกมา
“จีนเป็นคนน่ารัก ขี้อ้อน” พี่เบยิ้ม คงกำลังคิดถึงหน้าเขาอยู่ แอบเสียใจเล็กน้อยถึงปานกลาง “แต่ก็เจ้าอารมณ์ หากไม่ถูกใจก็จะโมโหร้าย พี่เคยถูกไม้เบสบอลตีด้วย ตอนนั้นทำไมถึงยอมก็ไม่รู้” ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน โมโหแรงถึงกับต้องใช้ไม้ตีขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“ไม้เบสบอลตี แล้วพี่ไม่เป็นอะไรเหรอ” พี่เบหัวเราะก่อนจะยกมือสองข้างรองที่หัวด้านหลัง ดีที่ไฟแดงพอดี
“ก็หัวแตก เย็บตั้งสิบกว่าเข็ม” ผมลองยื่นมือไปด้านหลังที่มือพี่เบจับอยู่ “แต่ หายแล้วล่ะ ตอนนั้นเลือดชั่วก็ออกไปเยอะเหมือนกัน”
“พี่แม่งโง่ว่ะ ให้ตีได้ไง”
“พี่จะถือว่าเป็นคำชม” แล้วก็หัวเราะเฉย คือผมด่าตรงๆ เลยนะ
“ทูหน้าตาเหมือนพี่เขาเหรอ พี่เบถึงได้สนใจมากกว่าคนอื่น” ถามออกไปตรงๆ
“ตอนแรกก็ใช่นั่นแหละ ยังแอบตกใจที่เห็น แต่พอเริ่มสนิทถึงรู้ว่าโคตรซกมก” แล้วก็หัวเราะลั่นรถ
“นั่นทูก็จะถือว่าเป็นคำชม” ผมบอกออกไปพร้อมหน้ายู่ๆ
รถคันสีส้มขับเลยหน้าคณะผมมาอีกนิด มองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบเปิดประตูลงไป ได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังมาแต่ไม่สน กลัวไอ้กลอยมาก่อนแล้วแอบดู ไอ้นี่ยิ่งตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน แล้วมันช่างสังเกตมาก แถมเซ้นแรงสุดๆ
ผมเดินเข้ามาในตึก เจอพวกสาววายนั่งรวมกลุ่มอยู่ด้านหน้า พอเห็นผม พวกนั้นก็ยิ้มกริ่มจนแบบเสียวสันหลังเพราะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรกัน แค่เห็นเพจที่ทำให้ไอ้กลอยผมก็ยอมใจ รูปคู่รูปเดี่ยวเอามาตัดต่ออยู่ในรูปหัวใจ มีคนกดไลค์อย่างเยอะ
“แหม ตั้งแต่ไอ้กลอยมีผัวใหม่ ก็เลยปล่อยให้เมียเก่าเดินร่อนเร่ไปทั่ว” ดูปากพวกมันครับ ไม่อยากต่อปากต่อคำเลยเดินหนีแต่ถูกเลขากลุ่มสาววายรีบดึงแขนไว้
“อะไรของพวกมึงวะ” ถามอย่างโมโห
“เมื่อกี้ใครมาส่งมึงวะ” สายตาโคตรเจ้าเล่ห์ เห็นได้ยังไง
“อะไร” ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อย่าคิดว่าพวกกูไม่รู้ไม่เห็น อีเจนเดินเข้ามาบอกตอนมันจะขึ้นตึก” พยายามจ้องตาให้เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นค่ะ กูรู้ทุกอย่างไอ้ทู”
“ไร้สาระ” ผมบอกปัดแล้วรีบเดินหนี สาววายมักจะได้กลิ่นแรง (อีเข็มบอก)
พอเดินเข้ามาก็เห็นกลุ่มเพื่อนตัวเองนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะ ผมเอากระเป๋าวางกระแทกจนพวกมันปรือตาแล้วก็หลับลงอีก เชี่ยพวกนี้เมื่อกี้เอาแต่เล่นเกมส์แน่ เพราะสภาพแบบนี้ผมเป็นบ่อย
“ไอ้กลอยยังไม่มาเหรอวะ” ผมถาม ไอ้เคยกมือขึ้นส่ายไปมา ทำไมมาสาย แต่พอนั่งได้แปบเดียวไอ้กลอยก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“เชี่ย เกือบมาไม่ทัน” มันหอบหนัก คงวิ่งมาใกล้
“พี่โชไม่มาส่งมึงเหรอ” ผมถาม ไอ้กลอยส่ายหน้า แต่ยังอ้าปากหายใจอยู่ “มึงเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“ก็กูวิ่งมาจากสวน” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง ไปทำอะไรที่สวน
“อย่าบอกว่าเอาข้าวไปให้หมา?”
“เออสิ” มันตอบแล้วก็เงยหน้ามองผมแปลกๆ
“มองกูทำไม” เริ่มระแวงสิครับ ดูตามันกำลังจ้องจับผิดผมอยู่แน่ๆ
“มึงมากับใครวะ กูเห็นมึงลงจากรถสีส้ม” นั่นไง อุตส่าห์ดูทางเป็นอย่างดีแต่ก็ยังไม่รอดพ้นอีก
“คนรู้จัก” แถไปพร้อมกับปลุกไอ้พวกติดเกมส์ตื่นเพราะถึงเวลาไปเรียน
ผมรู้ว่าไอ้กลอยมันจับตามองผมอยู่ มันถามอยู่เหมือนกันเรื่องผมกับพี่เบ แต่ผมบอกปฏิเสธทุกอย่าง ท่าทางมันดูไม่เชื่อ
“พี่มึงพาไปเลี้ยงที่ไหนวะ” ไอ้กลอยมันกระซิบถามผม แต่ผมส่ายหน้าไป คือพี่รหัสผมไม่มีครับ พี่แกซิ่วไปเรียนคณะอื่น ผมเลยมีลุงรหัสแต่แกก็ทำงานพาร์ทไทม์ไม่มีเวลา รหัสผมเลยไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าไหร่
หลังจากเก็บของในโกดังเสร็จ (โกดังที่เก็บอุปกรณ์วาดเขียนของคณะ) ข้อความไลน์ก็ดังขึ้น ข้อความที่เห็นคือพี่เบมารออยู่แล้ว ผมเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ยังเอ้อระเหยไม่ขยับ ผมเลยบอกลาแล้วรีบวิ่งไป แม้จะรู้สึกว่าไอ้คนไร้ชีวิตชีวาวิ่งตามเป็นพรวนแต่ผมวิ่งเร็วกว่า มาถึงก็รีบเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งทันที
“ต้องทำถึงขนาดนั้น?” พี่เบขำผม เลยยักคิ้วตอบ “เพี้ยน”
“นั่นคือคำชม” ยิ้มอย่างอารมณ์ดี พอหันไปมองด้านนอก เห็นไอ้กลอยกับพวกไอ้เคยืดคอส่องเข้ามาในรถ ยังดีที่รถพี่เบติดฟิล์มมืดทำให้มองไม่ค่อยเห็นด้านใน
“อยากกินอะไร” พี่เบถามขณะหักเลี้ยวรถออกนอกมหาลัยสวนกับรถของพี่โช (เพราะพี่เบบอก) สงสัยจะมารับไอ้กลอย
“กินหมูกระทะ” ผมบอก
“จัดไปไอ้น้อง”
เวลายามเย็นกับการปิ้งหมูกระทะบนเตาถ่าน ควันลอยโขมงจนคืนนี้ต้องสระผมอีกรอบ ผมคีบหมูเข้าปากขณะพี่เบกำลังวางหมูลงบนเตา
“ทำไมไม่กินผัก กินแต่หมูเดี๋ยวก็ท้องอืดหรอก” พี่เบเอาตะเกียบชี้หน้า
“ทูไม่ใช่หมูนะจะได้กินผัก” ยักคิ้วไป “อะ พี่ก็กินเยอะๆ”
“เชี่ย ตักแค่ผักมาให้ เห็นพี่เป็นหมูเหรอวะ”
“อ่าห๊ะ” แล้วก็หัวเราะ พี่เบจ้องผมแล้วคีบหมูบนเตาที่ผมจองเข้าปากเฉย เคี้ยวๆ อย่างเย้ยหยัน
“หมูนั่นของทู” หน้ายู่มองคนเคี้ยวหมูอย่างอร่อย
“อ่าวเหรอ”
“เชี่ย”
รีบตะโกนเลยครับ พี่เบแม่งจะคายหมูที่เคี้ยวแทบละเอียดออกมา แล้วก็มาด่าผมซกมก ตัวเองโคตรสะอาดว่ะ แล้วดู หัวเราะจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง เศษหมูแอบกระเด็นออกจากปากด้วย โคตรโสโครกว่ะ
“อี๋” ทำหน้ารังเกียจ พี่เบไม่แคร์คีบผักในถ้วยกินต่อ
นี่ผมหลงชอบคนผิดหรือเปล่าวะ
กินจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ก็พากันกลับ ผมนั่งนิ่งเพราะมันอิ่มจนอืด ทั้งตัวมีแต่กลิ่นหมูกระทะ
“แวะร้านขายยาแป๊บได้หรือเปล่า” ผมสะกิดพี่เบเมื่อเห็นร้านขายยาเลยแยกที่กำลังติดไฟแดง พี่เบมองผมอย่างสงสัย
“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ” ผมรีบพยักหน้าทันที “กินเยอะไง บอกแล้วว่าให้กินผัก กินแต่หมูมันไม่ย่อย” ปกติก็กินทำไมไม่เป็นวะ ผมไม่เถียงไม่พูดอะไรเพราะหมูมันตีตื้นจุกมาแถวลำคอ
ไฟเลี้ยวกระพริบอยู่ข้างทาง ผมไม่ได้ลงไปซื้อ พี่เบเป็นคนเดินเข้าไปซื้อมาให้ ได้ยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะ ผมเปิดประตูรออยู่ พอพี่เบมาก็รีบรับถุงยามาถือ มือรีบฉีกซองยาลดกรดซองสีส้มแล้วเทเข้าปาก เสียงพี่เบโวยวายแต่ดูเหมือนไม่ทัน เพราะผมเทน้ำตามไปแล้ว...
ฟองเต็มปากเหมือนกินยาเบื่อหนู แถมสำลักจนหายใจไม่ทัน
“โง่เหี้ย” พี่เบมันด่า มือก็ตบหลังผมดังปึกๆ นี่จะฆ่ากันหรือเปล่าวะ
ฟองยังเหมือนจะเต็มปากอยู่เลย รสชาติที่เคลือบตามปากบ้วนน้ำก็ยังไม่หาย ท้องอืดเมื่อกี้หายวับเหมือนได้ยาดี ผมกินน้ำหมดไปหลายขวด
“รสชาติโคตรไม่อร่อยอ่ะ” ผมว่า พี่เบได้แต่ขำ
“ใครให้กินแบบนั้นวะ”
“ก็มันปวดท้องนี่หว่า ได้มาก็ต้องกิน เลยลืมคิดไป” บอกเสียงอ่อย “ว่าแต่ นี่ไม่ใช่ทางไปหอทูนี่” กว่าจะรู้ตัวรถก็แทบจะใกล้ถึงหอเก่าที่ผมเคยอยู่
“อืม” คำตอบสั้นๆ พร้อมรอยยิ้ม
“คิดอะไรไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย บอกก่อนนะ ไอ้ทูคนนี้ยังไม่พร้อม” รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“คิดได้เนอะ พี่ไม่ชอบบังคับใครหรอก แล้วก็ เราเพิ่งคบกัน รอนานกว่านี้ค่อยจิ้มก็ได้ พี่รอได้” หน้าตาโคตรเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้ใจ
“แล้วพี่พาทูมาทำไม” ตอนนี้รถเลี้ยวเข้าไปจอดชั้นล่างของคอนโด พี่เบแตะบัตรจอดไม้กั้นก็เปิด
“มาเอาของ”
“ของอะไร”
พี่เบไม่ตอบแต่เดินจูงมือผมขึ้นไปบนห้อง ผมเคยขึ้นมาบนนี้หลายครั้งสมัยยังอยู่หอพักข้างๆ พอนึกถึงก็รู้สึกไม่ดี เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้มาคือตอนผมด่าพี่เบในตอนนั้น ผมยืนนิ่งอยู่กลางห้องรอพี่เบหาของ แต่พี่แกก็ยังยืนนิ่งจ้องผมไม่ยอมขยับ
“พี่มาเอาของไม่ใช่เหรอ ไหนละ” ผมมองหาแต่ไม่เห็นของอะไรที่ต้องเอา แล้วผมก็ไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่นี่ พี่เบจ้องผมแล้วยกยิ้ม
“ของก็อยู่ตรงหน้านี้ไง”
“ไหน” ไม่เห็นมีเพราะหน้าพี่เบก็เป็นผม หรือพี่เขามองทะลุร่างของผมได้วะ
“นี่ไงเล่า” โดนนิ้วยาวจิ้มหน้าผากจนแทบหงายหลัง
“ทูเหรอ” มองตาโต ผมเป็นของอะไรวะ งงนะเว้ยเฮ้ย
“เออ” รอยยิ้มนิดๆ ยิ่งทำให้งง
“อะไรวะ ทูงงหมดแล้วนะพี่เบ”
“ของที่ว่าก็คือการย้อนเวลา” หา นี่พี่เบดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่าวะ
“ย้อนเวลา? พี่กินผักเยอะไปป่ะ”
“ก็ตอนที่ด่าพี่ตอนนั้นไง” ผมอ้าปากค้าง พี่เขายังจำได้สินะ ไม่สิ ต้องจำได้อยู่แล้ว อยู่ๆ ก็โดนด่าเฉย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ตอนนั้นผมคิดเองเออเองแล้วก็ด่าพี่เขา “ย้อนใหม่ แล้วให้พูดอีกที”
“ให้พูดอะไรอะ”
“พูดประโยคแรกไง บอกพี่อีกที” คิดย้อนไปในวันนั้น แม้ไม่อยากคิดก็เถอะ พอนึกได้หน้าก็แทบไหม้ “เร็วๆ” มีเร่งอีก ผมก้มหน้ารวบรวมความกล้าอีกที
“ผมชอบพี่ครับ” ตะโกนเสียงดังจนพี่เบผงะ “ขอโทษที่เสียงดัง” ผมหัวเราะแห้งๆ พี่เบก็เลยหัวเราะจนตัวงอ
“จริงใจดี ชอบว่ะ” พูดแล้วยกนิ้วโป้งให้
“ชอบผมแล้วใช่ป่ะ” ยิ้มแก้มปริ
“เออ ชอบก็ได้” เสียงตอบกลับดังเหมือนกันจนผมตกใจ
เสียงหัวเราะดังลั่นจากผมกับพี่เบ เหมือนกับวันวานที่ไม่ดีเลือนหายไปโดยมีภาพความสุขเข้ามาแทนที่
“ขอบคุณแล้วก็ขอโทษที่ทูด่าพี่ไปคราวที่แล้ว”
“รู้ก็ดี ตอนนั้นอยู่ๆ ก็โดนด่าเฉย ไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด โคตรแย่”
“ก็ขอโทษนี่ไงเล่า” ผมกระพริบตาปริบๆ “ยกโทษให้ได้ป่ะ”
“ก็ไม่ได้โกรธอยู่แล้ว”
ขนาดไม่โกรธนะ ผมยังโดนด่าด้วยสายตาแถมบอกเกะกะอีก ถ้าโกรธสภาพผมคงเละแน่ พี่เบผู้ชายอารมณ์ดี เกรียนหน่อยๆ บ้านิดๆ แต่โคตรใจดี รักสัตว์ และที่สำคัญ
พี่เขาชอบผมแล้วโว้ย
....TBCคู่นี้เหลืออีกตอนเดียวนะคะ เพราะความรักมันสุกงอมแล้ว ฮ่าๆๆๆ เป็นคู่ที่ไม่ค่อยมีอะไร (นอกจากความบ้าและเกรียน)
ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจค่ะ เจอกันตอนหน้าค่าาา
