[เรื่องสั้น] Speed Limited ▽ จำกัดความเร็วไม่เกิน 4 กม./ชม. ▽ Ch.2 | 1.8.16
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Speed Limited ▽ จำกัดความเร็วไม่เกิน 4 กม./ชม. ▽ Ch.2 | 1.8.16  (อ่าน 4512 ครั้ง)

ออฟไลน์ flowering1226

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


_____________________________________________________________




▽ บทนำ ▽
   


   เข็มวินาทีขยับอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ

   3

   ผมนับถอยหลังในใจ แถบเส้นสีขาวถลอกๆบนพื้นถนนสีเทาอยู่ในสายตา จำได้ว่ามันมี 6 แถบจากการนับเล่นในบางครั้งที่มาถึงก่อนเวลา

   2

   หลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ ได้ยินเสียงรถยนต์ขับผ่านหน้าไป

   …1 คัน …2 คัน

   1

   ผมลืมตาขึ้นพร้อมกับได้ยินเสียงเป่านกหวีดให้ข้ามถนน รถยนต์ที่ขับเข้ามาค่อยๆชะลอลงก่อนจะหยุดห่างจากทางม้าลายประมาณ 1 เมตร เด็กผู้ชายปีหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเดินนำผมไปแล้ว เห็นว่าฝั่งตรงข้ามก็เริ่มเดินออกมาแล้วเช่นกัน

   เวลา 17:35 น.

   ผมเหยียบไปบนแถบสีขาวถลอกๆแถบแรก

   และเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างโปร่งบางในชุดนักศึกษาสะอาดสะอ้านปรากฏสู่ระยะสายตา

   ลมพัดผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติตัดสั้นระต้นคอของเขาจนเสียทรง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวสวยมองตรง ดูเรียบเฉยแต่กลับไม่เย็นชา อาจเพราะโดยรวมของใบหน้าขาวๆนั่นทำให้เจ้าตัวดูจะเป็นคนงงๆมึนๆซะมากกว่า ริมฝีปากบางๆแม้ไม่ได้ยกขึ้นแต่กลับดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจนน่าแปลกใจ แล้วผมก็แทบกลั้นหายใจเมื่อต้องเดินสวนกับเจ้าของดวงตาเรียวสวยนั่น

   พยายามเก๊กหน้านิ่งสุดชีวิตตอนที่ไหล่เกือบจะเฉียดกัน พยายามมองตรงไปข้างหน้าแต่ก็แอบเหลือบมองจนเห็นว่าลมพัดหน้าม้าของเขาจนแตก เผยให้เห็นใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อเหลานั่นชัดเจน ได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆจากผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาตินั่นด้วย คงเพราะเขาสูงเท่าปลายจมูกผม และตอนที่กำลังคิดว่านี่มันกลิ่นแชมพูยี่ห้ออะไรผมก็เดินถึงฟุตบาทของอีกฝั่งนึงแล้ว

   ถอนหายใจออกมา รู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าตอนแข่งบอลระหว่างคณะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆก็เหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งที่เดินสวนกันตรงทางม้าลาย หรือก็คือเวลา 17:35 น. ของทุกวันอังคาร ซึ่งเป็นวันที่ผมเลิกเรียนตอน 17:30 น. และเดาว่าเจ้าของร่างโปร่งบางก็คงจะเลิกเรียนเวลาเดียวกัน ผมหันกลับไปมองแผ่นหลังบางๆในชุดนักศึกษาที่ห่างออกไปเรื่อยๆจนลับตา กลิ่นแชมพูอ่อนๆยังติดอยู่ที่ปลายจมูก

   17:35 น. ของวันอังคารบนทางม้าลายอาจเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แค่กลิ่นท่อไอเสีย แสงรำไรจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน และคนที่มักจะเดินข้ามทางม้าลายในวันและเวลาเดียวกันเสมอๆคนนั้น

   
   แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่ช่วยต่อชีวิตผมจากกองงานมหาศาลไปได้อีกอาทิตย์นึงเชียวล่ะ




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2016 11:33:26 โดย flowering1226 »

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เป็นกำลังใจนะคะ รอมาต่อค่ะ

ออฟไลน์ flowering1226

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0



- 1 -





“มึงจะรีบวิ่งไปไหนวะ"

ได้ยินเสียงแว่วๆจากเพื่อนสักคนไล่หลังมาตอนที่พุ่งลงบันไดไปแล้ว วันนี้อาจารย์ปล่อยเลททั้งที่ปกติปล่อยก่อนเวลาตลอด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูตอนวิ่งลงมาถึงชั้นล่างแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น

แม่ง 17:35 แล้ว

ผมรีบวิ่งไปที่ทางม้าลายข้างคณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกเรียนรวม แปลกที่คนเยอะ นักศึกษาข้ามถนนกันชุลมุนทั้งที่ปกติวันนี้ เวลานี้คนจะค่อนข้างบางตา

ผมวิ่งเข้าไปในกลุ่มคนที่เดินสวนกันฉวัดเฉวียนบนฟุตบาทฝั่งคณะตัวเอง กวาดสายตาหาใบหน้าที่คุ้นเคย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังร้อนรนกับอะไรที่ไม่เป็นเรื่อง ได้แต่หันซ้ายหันขวาอยู่ในคลื่นมนุษย์ลูกใหญ่

"เชี่ย!" แล้วก็ชนเข้ากับใครสักคนอย่างจัง ข้าวของกระเด็นทั้งของผมและของเขา เงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีแล้วก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ

ลุงยามที่มาดูจราจรเริ่มโบกให้รถผ่านเมื่อบนถนนไม่มีใครแล้ว คนเดินผ่านพวกเราไปจนหมด ทำให้ข้างๆทางม้าลายเหลือแค่ผม...กับเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติที่กำลังโดนลมพัดจนหน้าม้าแตก

"โทษที" พูดเสียงเรียบ เก๊กหน้านิ่งสุดชีวิต ทั้งที่จริงๆแล้วเขินแบบหน้าเบี้ยวขดเป็นก้นหอย

"ขอโทษเหมือนกันครับ"

...เขาพูดกับกู

แล้วแค่พูดด้วยยังไม่พอ ผมได้สบตากับเขาเป็นครั้งแรก ดวงตาใสๆฉายแววรู้สึกผิด และเขายิ่งเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นว่าชีทของผมตกเกลื่อนอยู่เต็มพื้น

ในใจนี่จะดิ้นตายแล้ว แต่ในความเป็นจริงผมแค่ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร เขารีบก้มลงเก็บชีทเน่าๆของผมก่อนเป็นอันดับแรกทั้งที่ของตัวเองก็ตกเหมือนกัน ผมตามลงไปช่วยเก็บ แล้วตาก็ไปสะดุดกับโทรศัพท์ 2 เครื่องที่รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ตกอยู่ข้างๆ มีความเขินเข้ามาแว้บนึงที่ได้รับรู้ว่าโทรศัพท์เหมือนกันเป๊ะ ก่อนที่ความคิดเลวๆจะเข้ามาแทนที่

ผมมองหาเครื่องที่มีรอยบิ่นเล็กๆแถวๆปุ่มล็อคซึ่งนั่นเป็นเครื่องของผมเอง เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บชีท เก๊กหน้านิ่งเฉย

...แล้วยื่นเครื่องที่มีรอยบิ่นให้ ก่อนจะเก็บอีกเครื่องใส่กระเป๋าตัวเอง



△ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △



21:45 น.

ผมมองนาฬิกาข้อมือ เข็มสั้นเกือบจะชี้อยู่ที่เลข 10 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลายชั่วโมงมานี้ผมนั่งกระวนกระวายอยู่กับโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่วางอยู่ข้างตัว ได้ยินเสียงครืดทีก็หยิบขึ้นมาดูที แล้วก็พบว่าเป็นแค่แจ้งเตือนนิดๆหน่อยๆ

จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ที่ไปขโมยเขามา เริ่มสงสัยว่าเจ้าของไม่คิดจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้างเลยหรอ แอบเห็นว่ามีไลน์เด้งบ้าง น่าจะเป็นเพื่อน ประมาณว่า ‘มึงอ่านเจ๊อรยังวะ ติวกูด้วย’ และอื่นๆที่เกี่ยวกับเรื่องเรียน แต่ก็ไม่ได้เลวขนาดจะกดเข้าไปดู ถึงจะอยากเสือกว่าในไลน์คุยกับใครอยู่หรือเปล่าก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะเจ้าของล็อครหัสเอาไว้

“ไอ้ติว ไปเตรียมตัวได้แล้ว” พี่เจ้าของร้านเหล้าที่วันนี้เรียกวงผมมาเล่นดึงแขนผมให้ลุกขึ้น แล้วดันออกไปหน้าร้าน
 
ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง นั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ หยิบกีตาร์โปร่งขึ้นมาจูนสาย เพื่อนร่วมวงคนอื่นค่อยๆทยอยกันออกมานั่งประจำที่

วันนี้คนเยอะจนร้านต้องยกโต๊ะเสริมมาตั้งเลยไปถึงข้างนอก ข้างหน้าเวทีเริ่มเต็มไปด้วยผู้หญิงที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย บางทีมีแสงแฟลชจนแสบตา ผมเลยขยับไปหลบหลังไอ้ปอ นักร้องนำของวงที่กำลังนั่งฉีกยิ้มให้สาวๆหน้าระรื่นอยู่

“ติวมึงออกมานั่งดีๆดิ๊ น้องเขาจะถ่ายรูป” ไอ้ปอดันผมให้ออกมานั่งข้างๆอีกครั้ง “ยิ้มด้วย หน้ามึงเหมือนจะไปฆ่าใคร”

“ปล่อยแม่งเหอะ มันทำหน้านิ่งๆนั่นแหละผู้หญิงถึงชอบกรี๊ด” ไอ้ว่านมือกลองพูดขึ้นมา

“เดี๋ยวผู้หญิงก็เบื่อหมดหรอกลุคเดิมๆอ่ะ ไหนไอ้ติว มึงลองยิ้มดิ๊ ยิ้มเร็ว ยิ้มหน่อย”
 
“...” ผมรำคาญเลยพยายามแสดงสีหน้าที่เรียกว่ายิ้มออกไป และคิดว่ามันน่าจะเรียกว่าแยกเขี้ยวมากกว่า จากนั้นก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อโดนเสียงกรี๊ดดังสนั่นของผู้หญิงทั้งร้านอัดใส่ รู้สึกเหมือนหูดับไปครู่ แถมยังแสงแฟลชรัวๆนั่นอีก ไอ้ปอยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าทุกครั้ง มันแทบจะยื่นหน้าเข้าไปหาทุกเลนส์ ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้าหลบ

เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาชี้ไปที่เลข 10 เราถึงเริ่มเล่น วันนี้เลือกมาแต่เพลงสบายๆ เหมาะกับอากาศเย็นสบายของช่วงฤดูหนาวที่ไม่รู้ว่าปีนี้จะเย็นได้กี่วัน เงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปรอบๆร้านที่ตอนนี้ไม่มีใครกรี๊ดแล้ว คนกินเหล้าก็นั่งชงกันไป ฮัมเพลงตามบ้าง ดื่มดำกับบรรยากาศเหงาๆยามค่ำคืนพร้อมกับซึมซับเสียงดนตรีของพวกเรา และนั่นเป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุด

ครืด...ครืด...

รู้สึกว่ามีอะไรสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงตอนที่เล่นเพลงที่ 8 ทีแรกก็ไม่ได้สนใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าที่อยู่ในกระเป๋าไม่ใช่โทรศัพท์ตัวเองก็ชะงัก ผมเล่นผิดไปนิดนึงก่อนจะกลับมาตั้งสติอยู่กับกีตาร์อีกครั้ง แล้วกว่าจะเล่นจบเพลง มันก็หยุดสั่นไปแล้ว

กำลังจะหยิบขึ้นมาดู แต่ก็ต้องเบิกตาขึ้นเมื่อเห็นคนที่กำลังกระวนกระวายถึงตลอดหลายชั่วโมงมานี้เดินเข้ามาในร้าน! ที่สำคัญคือเขาถือโทรศัพท์ของผมไว้ในมือด้วย

ผมลุกลี้ลุกลน ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อดี แต่เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติที่มีกลิ่นแชมพูที่ผมยังคิดไม่ออกว่ายี่ห้ออะไรไม่ได้มองมาทางนี้เลย เขาเดินตรงไปรวมกลุ่มกับเพื่อนตรงโต๊ะมุมร้านที่ไกลลิบจากผม ไม่รู้ว่าแสดงอาการอะไรออกไปหรือเปล่า ไอ้ปอถึงมาสะกิดยิกๆบอกว่าจะเล่นเพลงต่อไปแล้ว ผมเลยต้องนั่งเล่นต่อ

ผ่านไปเพลงแล้วเพลงเล่า เขาก็ไม่มองมาทางนี้สักที เหมือนจะไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเพื่อนตัวเอง คิดว่าเขาไม่ได้กินอะไรสักอึก น่าจะมาดูเพื่อนที่เริ่มเมาเรื้อนกันเกือบทั้งโต๊ะแล้วมากกว่า

ผมทนเล่นต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่ ตาก็มองคนตรงโต๊ะหัวมุมไปด้วย กลัวว่าจะกลับก่อนที่จะหมดเวลางานของผม เพราะหลายๆโต๊ะเริ่มทยอยกันกลับแล้ว ตอนนี้จะตี 3 แล้ว เรากำลังเล่นเพลงสุดท้าย

แล้วโต๊ะตรงหัวมุมก็ลุกขึ้น

แทบโยนกีตาร์ทิ้งตอนที่เขากับเพื่อนพากันเดินออกไปนอกร้าน แต่ต้องทนเล่นต่อเพราะไม่อยากทำให้ชื่อเสียงของวงป่นปี้ และกว่าจะจบเพลงเขาก็เดินออกไปไกลแล้ว

“ขอบคุณทุกคนมากนะครั... เห้ยไอ้ติว ไปไหนของมึงวะ!” ไอ้ปอกล่าวขอบคุณตอนจบงานแล้วก็กลายเป็นตะโกนเรียกผมออกไมค์เมื่อผมวางกีตาร์แล้วรีบวิ่งออกไปนอกร้าน

เห็นเงาคุ้นๆเดินอยู่ลิบๆ ผมรีบวิ่งตามไป แล้วไม่รู้ว่าอีกคนเดินเร็วหรือผมวิ่งช้า กว่าจะมาถึงตัวก็เล่นเอาหอบ

“นี่” ผมวิ่งไปขวางหน้าเขา เหมือนเขาจะเหม่ออยู่เลยเดินชนผม แล้วกลิ่นแชมพูกลิ่นเดิมก็ลอยมาแตะจมูกอีกครั้ง

“ขอโทษครับ” ร่างบางๆรีบผละออกจากตัวผมแล้วกล่าวขอโทษ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเบิกตาขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นผม “เอ้อ...คือ...เราทำโทรศัพท์สลับกับติวอะ ที่ทำตกตอนเย็น”

“อ้าว หรอ” ผมทำเป็นหยิบโทรศัพท์ออกมาดูด้วยหน้านิ่งๆและเสียงเรียบๆอย่างพยายามเก็บอาการ อยากจะมอบรางวัลตอแหลอวอร์ดให้ตัวเอง “ไม่ใช่ของเราจริงๆด้วย โทษที” ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา เขาเองก็ยื่นคืนมาให้ผมเช่นกัน

แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาพูดชื่อกูหรอ

“รู้จักชื่อเราด้วยหรอ” ไม่รู้แล้วว่าหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง

“ระดับติวจะไม่รู้จักได้ไง” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ้มจนตาปิด

ถึงคนอื่นจะบอกว่าคนตรงหน้าหล่อยังไง
แต่สำหรับผม...ตอนนี้เขาโคตรน่ารักเลยว่ะ


“...”

“เอ่อ...เราปูนนะ”

“อือ” เรารู้แล้วล่ะ

คนตรงหน้าเลิกยิ้มแล้ว กลับมาเป็นหน้างงๆมึนๆเหมือนเดิม เขาเกาหัวเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

“งั้นเราขึ้นหอแล้วนะ” ผมพยักหน้าตอบ ปูนโบกมือให้ เดินไปอีกนิดนึงก็ถึงหอ ผมถอนหายใจตอนที่เขาลับตาไปแล้ว เกร็งหน้า เกร็งตัว เกร็งเสียงจนเหนื่อย แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวอะไรวิ่งเข้าใส่

“ไอ้ติว มึงมาหาเรื่องอะไรไอ้ปูนทันตะวะ มึงแย่งเมียกันหรอ” ไอ้ปอวิ่งมาหาพลางตะโกนถาม ผมขมวดคิ้ว

“ไม่ได้หาเรื่อง”

“ไม่ได้หาเรื่องเหี้ยอะไร มึงทำหน้าเหมือนกับจะจับเขาหักคอ”

“...หรอวะ”
 
“เออดิ โคตรน่าสงสาร เขาหน้าเจื่อนชิบหายอ่ะ”

ชิบหาย...

ปกติผมเป็นคนหน้านิ่งอยู่แล้ว พอเวลาทำตัวไม่ถูกนี่ยิ่งไปกันใหญ่ แล้วไม่รู้เมื่อครู่นี้จะแย่ขนาดไหน

เขาจะกลัวกูมั้ยวะ

แต่ก็ช่างเถอะ

“กูน่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ หล่อเลวนิ่งกับหล่อใสวิ้งๆมายืนอยู่ด้วยกัน น่าจะขายดี”

ไอ้ปอยืนพล่ามอะไรสักอย่าง ฟังไม่เข้าใจ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่โทรออกล่าสุด แล้วเมมชื่อไว้ว่า ‘ปูน’ แถมแอดไลน์เสร็จสรรพ ก่อนจะเอาสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นมาดู มันเป็นบัตรประจำตัวนักศึกษา แต่บนนั้นไม่ใช่ชื่อผม

รางวัลเหี้ยอวอร์ด

ตอนนี้ อย่างน้อยก็มีเบอร์ มีไลน์ แถมด้วยบัตรประจำตัวนักศึกษาของปูนที่เพิ่งฉกมาเมื่อครู่ ซึ่งจะกลายเป็นตัวช่วยในการหาเรื่องพบกันในครั้งต่อไปก็แล้วกัน...



△ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △



ผมสะลึมสะลือขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุก วันนี้มีเรียน 9 โมงครึ่ง ดันตัวลุกขึ้นนั่งแต่ตายังปิดอยู่ ผมชี้ไม่เป็นทรง ได้นอนไปแค่ 2 ชั่วโมง แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติในรั้วมหาลัย

ควานหาโทรศัพท์ ลืมตาขึ้นมาข้างนึง มองหาว่ามีแอพสีเขียวๆเด้งมั้ย แล้วก็แทบจะลงไปนอนดิ้นบนเตียงเมื่อเห็น
 
'Poon : ของเราเอง ขอบคุณที่เก็บไว้ให้นะ'

ผมรีบกดเข้าไปในไลน์ เมื่อคืนผมส่งรูปถ่ายบัตรนักศึกษาของเจ้าตัวไปให้ แต่ส่งไปแค่นั้นแหละ ผมไม่ได้พิมพ์อะไรต่ออีก เขาเพิ่งตอบเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้วนี่เอง คงจะมีเรียนเช้าเหมือนกัน

'T : เรียนตึกไหน'

'T : เดี๋ยวเอาไปให้'

ผมนั่งจุมปุ๊กหัวฟูพิมพ์ไลน์อยู่บนเตียง ไม่คิดจะลุกไปอาบน้ำ แล้วก็ขึ้น read ทันทีที่กดส่ง ผมรีบกดออกแทบไม่ทัน

'Poon : ตึกทันตะอะ'

'Poon : ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเราไปเอาเองดีกว่า'

'Poon : เกรงใจ55555'

'Poon : แล้วนั่นใครหรอ'

รู้สึกหน้าเริ่มเบี้ยวอีกแล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจที่เขาจะไม่รู้ว่าผมเป็นใคร เพราะรูปโปรไฟล์ผมเป็นรูปตัวการ์ตูนอะไรสักอย่างหน้าโง่ๆ น้องสาวเป็นคนสมัครไลน์ให้แล้วตั้งรูปโปรไฟล์เสร็จสรรพ ผมขี้เกียจเปลี่ยนเลยปล่อยไว้อย่างนั้น ส่วนรูปของปูนนั้นเห็นหน้าชัดเจน เหมือนกับนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเลคเชอร์ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองกล้องพอดี หน้าเขาเหวอๆงงๆ...และแน่นอนว่าผมแคปรูปนั้นเอาไว้แล้ว

'T : ติว ที่สลับมือถือ' ผมทำเป็นตอบช้าๆ รอเวลาอีกพักนึงถึงกดเข้าไปตอบ แล้วก็ขึ้น read ทันทีอีกแล้ว เหมือนเขาจะเปิดแชททิ้งไว้

'T : เดี๋ยวเอาไปให้ที่คณะนั่นแหละ'

'T : ผ่านอยู่แล้ว’

‘Poon : อ้าวติวหรอ’

‘Poon : รบกวนตลอดเลย ขอโทษด้วยนะ เราเอ๋อๆ ชอบทำของหายประจำเลยช่วงนี้ 5555’

อยากจะบอกว่าไม่ได้เอ๋อหรอก แต่ฝีมือกูเนี่ยแหละ

'T : ไม่เป็นไร’

‘Poon : ขอบคุณมากๆนะ’

บทสนทนาจบลงแค่นั้น เพราะผมอ่านแล้วไม่ตอบ รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว พยายามหาเสื้อนักศึกษาที่รีดแล้วแต่ก็ไม่พบ เลยจำใจใส่เสื้อยับๆ กลิ่นโอเค ไม่มีรอยรองเท้าถือว่าใช้ได้ แล้วใส่รองเท้าหนังไปเลยดีมั้ย แต่มองหาจนทั่วห้องก็ไม่เจอ นึกขึ้นได้ว่าไอ้ว่านยืมไปใส่ตั้งแต่ปี 1 ตอนนี้ปี 3 แล้วมันก็ยังไม่คืน เลยต้องใส่ผ้าใบโง่ๆคู่เดิม ปัดผมที่เริ่มแห้งให้เข้าทรง แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าทรงมันเป็นยังไง เพราะปกติสระผมเสร็จผมก็ปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้น

จัดการตัวเองเสร็จก็ลงจากหอ คิดว่าจะเดินทางไปยังไงดีให้ดูเท่ ปกติผมจะเดินเข้าม. แล้วต่อรถรางไปคณะ แต่วันนี้อารมณ์ดี อยากแตกต่าง เลยหาจักรยานที่ไม่ได้ล็อค แล้ววันนี้พระเจ้าก็เป็นใจ มีจักรยานที่ไม่ได้ล็อคอยู่ข้างหน้าผมเลย คิดในใจว่าขอยืมหน่อย ก่อนจะปั่นออกไป

ลมพัดปะทะใบหน้าเย็นสบาย แดดก็ไม่ร้อน ต้นไม้ใบหญ้าเสียดสีจากแรงลมส่งเสียงร้องเพลงให้ผมตลอดทาง สูดกลิ่นควันจากการเผาหญ้าอย่างมีความสุขทั้งที่ปกติผมจะด่าในใจเสมอว่ามึงจะเผาอะไรทุกวัน มีนกจิ๊บๆน่ารักบินผ่าน มันเกือบจะขี้โดนกลางกบาลผม แต่โทษทีสกิลพี่ดีจ้ะ ผมหักจักรยานหลบทัน รู้สึกภูมิใจ แล้วพอคิดว่ากำลังจะได้เจอปูน อาการบิดก็กำเริบอีก หน้านี่เบี้ยวทุกที ตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว พอปั่นมาถึงหน้าม. เหลือบไปเห็นไอ้ปอกับไอ้ว่านกำลังจะขึ้นรถราง มันหันมาเห็นผมพอดีเลยตะโกนเรียก
 
“ไอ้ติว ปั่นจักรยานก็น่ารักไม่เข้ากับภาพลักษณ์ดีอยู่หรอก แต่หน้ามึงนี่จะปั่นไปกระทืบใครป่าววะ” มันพูดอะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ และไม่สนใจพวกมันอีก รู้สึกเริงร่าเมื่อเห็นตึกคณะทันตะอยู่ลิบๆ มีหมาขี้เรื้อนมาวิ่งตามอยู่ข้างๆด้วย มันเหมือนจะยิ้มให้ผม ลิ้นนี่ห้อยน้ำลายยืดถึงพื้น พี่เอ็นดู

ผมจอดจักรยานที่หน้าคณะของปูน เห็นเจ้าตัวยกมือขึ้นโบกให้ เขาโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ ผมเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับพยายามเก๊กหน้าให้ไม่เบี้ยว ได้ยินเพื่อนของปูนซุบซิบกับเจ้าตัวว่า ‘มึงไปแย่งเมียไอ้เหี้ยนั่นป่าววะ แม่งเหมือนจะมากระทืบมึง ไอ้เหี้ย นั่นไง แม่งเดินมาทางนี้แล้ว สัสหนีเร็วววววววววววว’

ไอ้นั่นทำท่าเหมือนจะซุบซิบแต่แม่งพูดดังชิบหาย ได้ยินเต็ม 2 หูกูเนี่ยแหละ ผมไม่ได้สนใจ เดินตรงเข้าไปหาปูนที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนกับเห็นผี

“ขอบคุณมากๆนะ” เขาเอ่ยขอบคุณตอนที่ผมยื่นบัตรนักศึกษาให้ ในขณะที่เพื่อนของเขาทำหน้าเหมือนโล่งอก

“ไม่เป็นไร ไปแล้วนะ” ผมตอบเรียบๆด้วยหน้านิ่งๆ แล้วก็เห็นว่าสีหน้าเขาเจื่อนลง

“ขอโทษจริงๆนะถ้าทำให้ติวรู้สึกไม่ดี เรางงๆอะ ต้องมาทำให้ติวลำบากอีก”

...อ้าวเชี่ย

ปูนคงคิดว่าผมโกรธหรือรำคาญอะไรเขาประมาณนั้น หน้าเหมือนรู้สึกผิดมาก โคตรน่าสงสาร โอยทำไงดี อยากจะบอกว่าที่หน้ากูเป็นแบบนี้เพราะกูเขินหรอก ฮื่อ

“ไม่ได้ลำบาก ไปแล้วนะ”
 
...กูพูดอะไรออกไป เขายิ่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนผมพูดจบ ผมต้องรีบหันหน้าหนี

“...ไว้เราพาไปเลี้ยงน้ำไถ่โทษนะ”

“...”

...เขาจะให้อาหารกู

โอยน้ำตาคลอ แต่ต้องทำหน้านิ่ง ผมหันไปพยักให้เขาก่อนจะเดินกลับไปเอาจักรยาน แล้วก็ได้ยินปูนคุยกับเพื่อน

“ลืมเอาเครื่องคิดเลขมา จะมีใครให้ยืมมั้ยวะ”

“เอ๋ออีก ไม่มีหรอก ที่อยู่ตรงนี้เขาก็สอบเหมือนมึงกันหมด แต่จะกลับไปเอาที่หอก็ทันนะ เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง”
 
“...กลับไปเอาก็ได้” ได้ยินเสียงปูนพูดหงอยๆก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปรอรถราง ผมยังแอบด้อมๆมองๆอยู่แถวนั้น เห็นรถรางยังไม่มาสักที คนขี้ลืมก็เริ่มดูกระวนกระวายชะโงกหน้าดูสลับกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย

ผมตัดสินใจปั่นจักรยานไปจอดตรงหน้าเขา คนที่ยืนรอรถรางอยู่ชะงักไปเมื่อเห็นผม เขาดูหวาดผมแปลกๆ ปูนต้องคิดว่าผมเกลียดเขาแน่เลย และแล้วหน้าหล่อๆนั่นก็กลายเป็นหน้าเหวอๆเมื่อฟังผมพูดจบ




“จะกลับหอหรอ เดี๋ยวปั่นไปส่ง”

_________________________________________________

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า ฮื่อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2016 03:07:18 โดย flowering1226 »

ออฟไลน์ wawies

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมาก รออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้  :m1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
อิอิ  หน้าโหด  หน้าดุ  ทำเข้ม  จนเขากลัวไปหมด  อิอิ
รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ JeneJongwoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบติวอ่ะเขินหน้าดุ55555555555 รอติดตามอยู่นะคะ :mew1:

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ทำไมอ่านแล้วฮา 55555
ชอบแนวนี้ มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ Abbeynggn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ

ออฟไลน์ flowering1226

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

- 2 -



   ขี่จักรยานช้าที่สุดในชีวิตก็วันนี้

   สาเหตุไม่ใช่เพราะคนที่ซ้อนอยู่ตัวหนักหรืออย่างไร แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวผมเองต่างหาก ไม่เคยเห็นมหาลัยสวยเท่าวันนี้มาก่อน เหมือนกับเห็นสายรุ้งอยู่ลิบๆ โลกนี้เป็นสีชมพู พี่วินมอเตอร์ไซค์ขี่เข้ามาในเลนจักรยานยังไม่ด่า อารมณ์ดีหันไปยิ้มให้อีกต่างหาก สงสัยนิดหน่อยตอนพี่วินทำหน้าเหมือนกับตกใจกลัวอะไรบางอย่างก่อนจะรีบขี่กลับเข้าเส้นทางของตัวเอง แต่ก็เลิกให้ความสนใจไปเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสะกิดเบาๆที่แผ่นหลัง

   “...” หันหน้าไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า 'มีอะไร' ใส่คนที่ซ้อนอยู่

   “เอ่อ”

   “...” เงียบรอเขาตอบ ปูนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เหมือนกับอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด และขณะที่รอเจ้าตัวรวบรวมความกล้าอยู่นั้น ผมเองก็ยังคงมองหน้าเขาอยู่ จนผู้โดยสารจำต้องชี้ให้หันกลับไปมองทางดีๆ

   “คือ...เราสอบ 9 โมงครึ่ง แล้ว... แบบ..." คิดว่าคนด้านหลังต้องทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้อีกแล้วแน่ๆทั้งที่ได้ยินแค่เสียง และสมองผมก็ประมวลผลประโยคอึกๆอักๆนั่นได้ทันทีว่า 'มึงปั่นให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง กูจะเข้าห้องสอบไม่ทันแล้ว'

   “โทษที" เคยได้ยินว่าอัตราความเร็วในการเดินของมนุษย์จะประมาณ 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่ว่าการขี่จักรยานของผมในเวลานี้ก็คงจะประมาณนั้น น่าจะเป็นภาพแปลกๆที่ผู้ชาย 2 คนซ้อนจักรยานกันแล้วขี่ช้าเท่ากลุ่มนักศึกษาที่เดินอยู่ข้างๆ

   ก็อยากยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันอะทำไงได้

   อันที่จริงผมดูนาฬิกาตลอด กะเวลาไว้แล้ว แต่ก็จำต้องปั่นเร็วขึ้นเพื่อให้คนข้างหลังลดความกังวลลง ปูนนั่งตัวเกร็งมาตั้งแต่หน้าคณะ ตกหลุมตกบ่อก็ยังนิ่ง มือเกาะไปตามจุดต่างๆบนจักรยาน พยายามหลีกเลี่ยงการถูกตัวผมโดยสิ้นเชิง เห็นแล้วก็เมื่อยแทน จะบอกว่าเกาะเอวพี่ก็ได้นะจ๊ะแต่ก็ไม่กล้าอีก เขินจน

   “เดี๋ยวเรารีบลงมานะ” ผู้โดยสารกล่าวพร้อมกับวิ่งฉิวขึ้นหอไปทั้งๆที่ยังจอดไม่สนิทดี มองตามแผ่นหลังใต้เสื้อนักศึกษาเรียบกริบจนลับสายตา ปูนยังคงแต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะเหมือนกับตอนอยู่ปี 1 จะมีเปลี่ยนไปบ้างก็คือทรงผมกับไม่มีป้ายชื่อที่ต้องคล้องคอตลอดช่วงรับน้องเท่านั้น

   ผมเจอเขาครั้งแรกตอนเปิดเทอมปี 1 มาได้ 2 สัปดาห์ระหว่างปั่นจักรยานเล่นอยู่ในม. ช่วงเข้ามหาลัยปีแรกผมยังมีจักรยานของตัวเองอยู่ก่อนที่มันจะหายสาบสูญไป ด้วยเพราะใช้ที่ล็อคกะโหลกกะลา เต๊าะๆนิดนึงก็หลุด แต่หลังๆก็เริ่มจะปลงและกลายมาเป็นฝ่ายขโมยของชาวบ้านแทน

   วันนั้นมีจัดคอนเสิร์ตต้อนรับเฟรชชี่อะไรสักอย่างในสนามกีฬา งานเริ่มตั้งแต่ 2 ทุ่ม ผมขี้เกียจไปยืนเบียดกับคนอื่น เลยมาปั่นจักรยานรับลมเล่น อาศัยฟังเพลงที่ลอยมาตามลมแทนก็สบายดี ตอนนี้ทางค่อนข้างมืดและเปลี่ยว คนคงเข้าไปอยู่ในสนามกีฬากันหมดเพราะนี่ก็เริ่มงานมาได้ชั่วโมงครึ่งแล้ว อย่างกับม.ร้าง

   ได้ยินเสียงลมพัดยอดไม้หวีดหวิว กับเสียงเพลงที่ดังมาจากที่ไกลๆ เบื้องหน้ามีเพียงแสงสว่างรำไรจากไฟข้างทางริบหรี่ไม่กี่ดวงเท่านั้น รอบข้างไร้ผู้คน อาจดูเป็นบรรยากาศที่น่าขนลุกพิลึก แต่น่าแปลกที่ผมกลับชอบความสงบแบบนี้เอามากๆ

   ปั่นจักรยานเล่นได้พักนึงก็เห็นเงาตะคุ่มๆตรงหางตา หันไปมองบริเวณริมฟุตบาทฝั่งตรงข้ามก็พบกับร่างร่างหนึ่งในชุดนักศึกษาชายกำลังเดินตรงไปในทิศทางเดียวกันกับผม แปลกใจที่ยังมีคนมาเดินอยู่คนเดียวในม.เปลี่ยวๆแบบนี้ รูปร่างท่าทางมองผ่านๆดูดีทีเดียว ส่วนสูงกำลังดี เส้นผมสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติปลิวไปตามแรงลมดูนุ่มสลวย

   เพิ่งเห็นว่าเขาเอาโทรศัพท์แนบหูอยู่ด้วย แต่ปากไม่ได้พูดอะไร แอบเห็นว่าเขาคิ้วขมวดเล็กน้อย หันซ้ายหันขวาเหมือนกับหวาดระแวงอะไรบางอย่างในเงามืด ผมแอบขำท่าทางนั้นในใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาเครื่องมือสื่อสารลงมาจิ้มๆใหม่ แล้วก็เอาไปแนบหูอีก สลับไปสลับมาแบบนี้อยู่หลายรอบ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเก็บลงกระเป๋า

   ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจ้องเขาตอนที่เจ้าตัวหันมามอง รีบหลบตาแทบไม่ทัน ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ปั่นจักรยานเอื่อยๆต่อไป จนใบหน้าขาวๆหันกลับไปทางเดิม สีหน้าของมนุษย์ขี้กลัวดูผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่ายังมีสิ่งมีชีวิตเช่นผมอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

   ผมนำหน้าคนฝั่งตรงข้ามมาระยะนึง จะขี่จักรยานให้ช้าเท่าคนเดินเท้าก็ประหลาดอยู่ หรือจะให้เขาซ้อนท้ายแล้วพาไปส่งที่สนามดี แต่อยู่ๆจะไปให้คนไม่รู้จักซ้อนทำไม ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง

   แล้วก็เริ่มสงสัยว่าทำไมจะต้องมาพะวงกับมนุษย์ขี้กลัวแค่คนเดียวด้วย ปกติผมคงขี่ต่อไปโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง

   แต่สำหรับเวลานี้

   ...ผมคงชอบสีหน้าของเขาที่ผ่อนคลายลงตอนเห็นว่ามีผมอยู่ใกล้ๆล่ะมั้ง

   ตัดสินใจลงจากพาหนะสองล้อกากๆของตัวเอง เปลี่ยนมาเดินเข็นแทน ชะลอความเร็วลงจนเท่าคนอีกฝั่ง ทำเป็นเดินเอ้อระเหยแต่ก็แอบเหลือบมองคนบนอีกฟากฝั่งของถนนเป็นระยะ เป้าสายตาเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจผมเลยแม้แต่น้อย เอาแต่เดินจ้ำๆตรงไปข้างหน้า

   แต่ถึงยังไงผมก็พอใจกับการคอยดูเขาอยู่ห่างๆจากตรงนี้อยู่ดี

   เราก้าวเดินไปพร้อมๆกันแม้จะมีถนน 2 เลนขวางกั้นอยู่

   ...น่าแปลกที่หลังจากวันนั้นอีกตั้ง 2 ปีกว่า ผมถึงเพิ่งจะกล้าวิ่งข้ามถนนเส้นนั้นเพื่อไปหาเขา

   เสียงหอบกับเสียงฝีเท้าเรียกให้ต้องหันไปมอง เห็นคนที่ขึ้นไปเอาเครื่องคิดเลขกำลังวิ่งเข้ามาหา หน้าม้าของปูนแตกกลายเป็นแสกกลางเหมือนกับทุกครั้งที่เจอในช่วงปี 3 เหมือนเขาจะไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว ผมปั่นออกจากหน้าหอทันทีที่เขานั่งลงด้านหลัง ยังคงได้ยินเสียงหอบหายใจอยู่ แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกหนักแปลกๆ

   แม่ง...

   “มีอะไรหรอ” ปูนถามเมื่อผมจอดตรงข้างทาง

   “ลงมาก่อน” เขาทำตามที่ผมบอก ยืนอยู่ข้างๆในขณะที่ผมก้มลงดูล้อหลังที่แบนจนติดกับพื้น

   “ยางแตก?”

   “อือ” ยืนขึ้นเต็มความสูง ในใจคิดว่าอาจจะโดนเจ้าของจักรยานสาปแช่ง หันไปมองปฏิกิริยาของคนข้างๆแล้วก็ได้รับหน้าเหวอๆกลับมา ปูนหันไปมองรอบๆก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู

   “อีก 15 นาที น่าจะเดินไปทันนะ แล้วต่อรถราง ติวเรียนกี่โมงอะ”

   “9 โมงครึ่งเหมือนกัน” อีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะถึงประตูมหาลัย ผมเดินเข็นจักรยานล้อแบนๆไปตามทางโดยมีปูนเดินอยู่ข้างๆ แอบเกร็งนิดหน่อยที่ต้องเดินข้างกัน ยังไม่ได้เตรียมใจเลย เวลาแบบนี้ควรชวนคุยอะไรสักอย่างแต่ก็ตื่นเต้นจนสมองขาวโพลนไปหมด ทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมจนกลายเป็นบรรยากาศน่าอึดอัด ผมเงียบ เขาก็เงียบ

   แอบเหลือบมองใบหน้าของคนข้างๆ ยอมรับเลยว่าหน้าตาดี แต่ผมก็ไม่ได้เริ่มสนใจเขาเพราะเรื่องนี้ กลับกลายเป็นความมึนๆงงๆมากกว่าที่ทำให้ผมต้องกวาดสายตาหาเขาตลอดเวลาที่อยู่ในมหาลัย

   ปูนเม้มริมฝีปาก และทำท่าเหมือนว่าจะขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ขมวดซะงั้น  เสมองไปตามทางข้างๆ อธิบายความรู้สึกของเขาออกมาไม่ได้จริงๆ เหมือนกับเจ้าตัวกำลังคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว กระทั่งเขาหันมามองทางผม รีบหลบตาอย่างรวดเร็ว ปูนไม่น่าจะทันเห็นว่าผมก็แอบเหลือบเขาอยู่เหมือนกัน คนข้างๆหันกลับไปมองทางข้างหน้าพักนึงก่อนจะเป็นคนเริ่มทำลายความเงียบ

   “...เหมือนกับตอนนั้นเลยนะ”

   “?”

   “ตอนวันคอนเสิร์ตที่ม.จัด ช่วงที่เพิ่งเปิดเทอมปี 1 ใหม่ๆไง” ผมนึกตามคำพูดของคู่สนทนา

   “แล้ว?” สมองเริ่มประมวลผล ปูนน่าจะหมายถึงวันที่ผมเจอเขาครั้งแรกนั่นแหละ แล้ว...ยังไง… ทำไมถึงรู้สึกถึงความน่าหวาดระแวง

   “ตอนนั้นติวก็ยางแตกนี่ เห็นลงมาเดินเข็นจักรยาน”

   “...” ผมหันขวับไปมองหน้าคนข้างๆ ปูนเองก็มองผมอยู่เช่นกัน แสงแดดอ่อนๆกระทบใบหน้าขาวเนียนทำให้ยิ่งดูน่ามอง ดวงตาใสสะท้อนแสงเป็นประกาย และในระยะห่างเท่านี้ทำให้ปูนต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อพูดกับผม  ไม่รู้ทำหน้าแบบไหนอยู่จนเขาต้องหัวเราะออกมาก่อนจะพูดเสริม

   "พอดีเราเดินอยู่แถวนั้นเลยเห็นติวเดินเข็นจักรยานไปสนามกีฬาอะ"

   เชี่ย...

   ตกใจตรงเขาสังเกตด้วยว่าเป็นผม แล้วยังจำได้มาจนวันนี้อีก โอย... แล้วกูเนี่ยจะทำยังไง จะตอบยังไง

   เขารู้ด้วยอะแม่ ฮื่อ

   "...ไม่ได้ยางแตก อยู่ๆก็อยากเดินเฉยๆ" อยากจะตบกบาลตัวเอง พูดอะไรออกไป โคตรของคำตอบโง่เง่าไร้สติ แต่คิดอย่างอื่นไม่ทันแล้ว จะบอกตรงๆว่าไม่ได้ยางแตก แต่ตั้งใจจะเดินไปส่งก็ยังไงอยู่ ไม่กล้าบอกอะ เขิน ในใจนี่จะร้องไห้อยู่แล้วแต่รู้สึกตัวเองหน้านิ่งมาก มองปฏิกิริยาของคนข้างๆอย่างลุ้นๆ แล้วก็ได้รับกลับมาเพียงสีหน้าแปลกใจอย่างไม่ตะขิดตะขวงของปูนเท่านั้น

   "อ้าวหรอ" เขาเหมือนจะพูดอะไรอีกแต่ก็เงียบไป ก่อนจะละสายตาจากผมกลับไปมองทางข้างหน้า ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เลยกลายเป็นว่าเราเดินไปด้วยกันเงียบๆ

   จะว่าไปก็เหมือนกับวันนั้นจริงๆ ผมเดินเข็นจักรยาน ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกับเขา ที่แตกต่างคงจะเป็นระหว่างเราไม่มีถนนมากั้นแล้ว ถึงอย่างนั้นก็น่าแปลกที่แม้เขาจะมาเดินอยู่ข้างๆเหมือนอย่างที่ผมอยากให้เป็นมาตลอด 2 ปีกว่า

   แต่ผมก็ยังไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี

   ผมเอาจักรยานทิ้งแถวที่จอดตรงประตูม. เดี๋ยวเลิกเรียนค่อยเอาไปเปลี่ยนยางให้ ไม่นานรถรางก็มา ผมขึ้นไปนั่งข้างๆปูน ระหว่างทางรับรู้ได้เพียงลมที่ปะทะใบหน้า เสียงจากเครื่องยนต์ และกลิ่นข้าวเหนียวหมูปิ้งจากนักศึกษาหญิงที่กำลังจ้วงอยู่ข้างหน้า กระทั่งรถรางเริ่มชะลอเมื่อใกล้จะถึงคณะของคนข้างๆ ปูนเตรียมสะพายกระเป๋าพร้อมกับหันมามองผม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าถูกผมมองอยู่ก่อนแล้ว เห็นเขาทำตัวไม่ถูกอยู่พักนึงก่อนจะกลับมามีสีหน้าปกติ

   "ตอนเย็นว่างมั้ย"

   “...” ผมพยักหน้า

    "...งั้นเจอกันหน้าม. 6 โมง เดี๋ยวพาไปเลี้ยงไอติมเลยดีกว่า ไถ่โทษที่รบกวนหลายอย่าง ฮ่าๆ" เขายืนขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ แล้ววิ่งลงรถรางไป ทิ้งให้ผมนั่งพะงาบๆอยู่ข้างบนคนเดียว

   ขอโมเมว่าไปเดทได้มั้ยอะ งู้ย


△ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △ △



   พออาจารย์ปล่อยก็รีบเอาจักรยานไปให้ร้านซ่อม แล้วรีบแว๊นกลับไปจอดไว้หน้าหอตามเดิม วิ่งหัวฟูขึ้นไปอาบน้ำ สระผม แปรงฟัน บลาๆ จะหาเสื้อผ้าที่ดูเป็นผู้คนใส่แต่ก็หาไม่ได้ จำได้ว่ามีเสื้อเชิ้ตอยู่ตัวนึงแต่ไอ้เพื่อนหน้าโง่น่าจะจิ๊กไปอีกเหมือนกัน สรุปคือใส่เสื้อยืด กางเกงสามส่วนกับคีบแตะโง่ๆเหมือนเดิม

   ผมมาถึงหน้าม.ก่อนเวลานัด 10 นาที ตื่นเต้นเหมือนตอนก่อนจะขึ้นเวทีแสดงงานโรงเรียนครั้งแรกตอนอนุบาล 2 เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า และเริ่มหัวใจเต้นรัวตอนเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏในระยะสายตา

   ปูนแต่งตัวสภาพเดียวกับผม แต่ด้วยใบหน้าหมดจดกับรูปร่างกำลังดีของเขาทำให้ออร่าวิ้งๆพุ่งทะลุเสื้อผ้าใส่นอนอยู่หอออกมา ผมหน้าม้ายาวปรกตาจนเจ้าตัวต้องสะบัดและกลายมาเป็นแสกกลางในที่สุด ลมพัดแรงจนผมปลิวเข้าหน้าอีกครั้ง รอบนี้เขาดูจะรำคาญจริงๆถึงยกมือขึ้นทัดผมลงหลังหูไว้ข้างนึงก่อนจะเงยหน้ามาเห็นผมที่ยืนกอดอกพิงกำแพงรออยู่

   “รอนานหรือเปล่า โทษที”

   “พึ่งมา” เขาพยักหน้า

   “กินข้าวมายัง”

   “...” ผมส่ายหัว

   “งั้นไปกินข้าวก่อนดีกว่า ติวอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

   “กินอะไรก็ได้”

   แล้วเราก็ได้เข้ามานั่งในร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ตรงหน้านั่นเอง ปูนยกเมนูขึ้นมาอ่านจนบังหน้า เขาใช้เวลานานมากก่อนจะเอาลง แล้วก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ผมชี้ไปที่เมนูในมือเขา ปูนมองไปรอบๆโต๊ะแล้วก็พบว่ามันมีเมนูอยู่เล่มเดียว เขาเลยหัวเราะแหะๆแล้วยื่นให้ผม ก่อนจะก้มลงเขียนชื่ออาหารใส่กระดาษยุกยิก

   “กระเพราหมูสับไข่ดาว” ไม่ได้อ่านเมนูด้วยซ้ำ ผมบอกเมื่อคนฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นจากกระดาษมามองหน้าผม เขาก้มลงไปเขียนต่อก่อนจะลุกเอาไปให้เจ้าของร้าน ผมเองก็ลุกขึ้นเดินไปตักน้ำแข็งใส่แก้ว 2 ใบ ปูนเดินตามมา หยิบแก้วไปกดน้ำใส่ต่อ ผมหยิบหลอดใส่ เป็นอันเสร็จสิ้น เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ

   คนที่ทัดผมไว้ที่หลังหูข้างซ้ายยกโทรศัพท์ขึ้นมากดจนบังหน้าตัวเอง ทำไมจะต้องเอาอะไรมาบังหน้าตลอดด้วย คนจะมอง ฮือ ผมเอาหลอดคนน้ำในแก้วอย่างไม่มีอะไรทำ จนเจ้าของร้านยกข้าวมาวาง 2 จาน เห็นจานของคนตรงข้ามเป็นข้าวไข่เจียวแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมอ่านเมนูนานขนาดนั้น

   “ติวเล่นดนตรีที่ร้านเหล้าตรงใกล้ๆหอเราตลอดเลยป่ะ” ปูนถามออกมาตอนที่ผมกลืนข้าวคำสุดท้ายลงคอพอดี

   “แล้วแต่เขาจะเรียก ต้องดูด้วยว่าว่างหรือเปล่า แต่ช่วงนี้ก็ไปเล่นให้ทุกวันพุธ ...เคยเห็นเราด้วยหรอ” นึกสงสัยเพราะเมื่อวานที่เจอเขาที่ร้านเหล้า ปูนก็ไม่ได้มองมาทางผมเลย

   “เมื่อวานเห็นอยู่ เพื่อนเราไปกรี๊ดที่หน้าเวทีด้วยนะ” เขาพูดขำๆ ผมนั่งนิ่ง เริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าปูนเห็นผมทุกครั้งในขณะที่ผมแน่ใจว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจถึงการมีตัวตนอยู่ของผมเลย

   คงไม่ใช่ว่าเขารู้ตัวมาตลอดหรอกนะ

   ผมมองคนฝั่งตรงข้ามที่นั่งดูดน้ำด้วยสีหน้าที่ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเหมือนทุกครั้ง แล้วสลัดความคิดแปลกๆออกจากหัว ปูนไม่น่าจะรู้หรอก ยังไงผมก็ไม่เคยแสดงออกโจ่งแจ้งสักหน่อย   

   “เดี๋ยวเราเลี้ยง” ปูนเดินนำไปหาเจ้าของร้าน ผมยืนดูคนที่บอกจะเลี้ยงล้วงหากระเป๋าตัง แล้วก็เกือบจะหลุดขำแต่ก็ต้องเก๊กหน้านิ่งตอนที่เขาล้วงทุกกระเป๋าที่มีอยู่บนตัวแล้วก็ยังหากระเป๋าตังไม่เจอ ใบหน้าหมดจดเงยขึ้นพร้อมกับหัวเราะแหะๆให้ผม “ลืมเอากระเป๋าตังมาอะ”

   ผมควักแบงค์ยับๆออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เจ้าของร้าน ขณะที่คนข้างๆได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ

   “ขอโทษ” มนุษย์มึนพูดด้วยเสียงหงอยๆตอนเดินออกมานอกร้าน

   “ไม่เป็นไร แล้วยังจะกินไอติมอยู่หรือเปล่า”

   “...เอ่อ” พอพูดถึงไอติมแล้วเหมือนเห็นดวงตาของคนข้างๆเป็นประกายวาววับอย่างน่ากลัวก่อนจะกลับมาเป็นดวงตาหงอยๆเพราะลืมเอาเงินมาเหมือนเดิม

   “เดี๋ยวออกให้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืนทีเดียว” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ริมฝีปากสวยๆยกยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย ถ้าปูนเป็นหมาตอนนี้เขาคงกระดิกหางรัวๆอยู่

   สุดท้ายก็มานั่งอยู่ในร้านไอติมชื่อดังแถวม. คนเยอะมาก รู้สึกได้ถึงสายตาของผู้หญิงโต๊ะข้างๆที่มองมาแต่ก็ไม่ได้สนใจ นั่งมองปูนที่สั่งอะไรนักไม่รู้จนพนักงานจดไม่ทัน

   “ติวเอาอะไรอะ” คนฝั่งตรงข้ามถามผมเมื่อร่ายรายชื่อของกินใส่พนักงานเสร็จ

   “สั่งให้หน่อย” เขาหันไปสั่งให้ผมก่อนที่พนักงานจะเดินออกไป

   “พี่ติวกับพี่ปูนเขาสนิทกันหรอ” ได้ยินเสียงซุบซิบจากโต๊ะข้างๆ ผมเลื่อนสายตามามองคนฝั่งตรงข้าม ปูนนั่งดูดน้ำเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่น่าจะได้ยิน

   “ไม่นี่ ก็ไม่เคยเห็นอยู่ด้วยกันเลยนะ”

   “หรือเขาคบกันป่าววะ”

   “แค่กๆ” ปูนสำลักน้ำทันทีที่ผู้หญิงโต๊ะข้างๆพูดจบ รู้ได้ทันทีว่าเขาเองก็ฟังอยู่

   “พี่ปูนไม่ได้คุยกับมิ้น ดาวเภสัชปีก่อนอยู่หรอ”

   “เออว่ะ ได้ยินมาเหมือนกัน แต่เหมือนยังไม่ได้คบกันจริงจังนะ" หัวข้อบทสนทนาเม้มริมฝีปาก ก่อนที่จะเลื่อนสายตามามองผม ผมทำเป็นเล่นโทรศัพท์ไม่ได้สนใจ แอบใจแป้วนิดนึงเมื่อรู้ว่าเขามีคนคุยอยู่ เคยได้ยินชื่อมิ้น ดาวคณะเภสัชปีที่แล้วมาบ้าง ซึ่งก็จำหน้าไม่ได้อยู่ดี แต่ปกติผมก็ไม่เคยเห็นเขาเดินกับผู้หญิงเลย อาจจะยังไม่มีสถานะชัดเจนก็ได้ ปลอบใจตัวเองสุดๆ

   รอนานมากกว่าของกินจะมาครบ ปูนเล่นสั่งมาซะเต็มโต๊ะ แต่แป๊บเดียวเขาก็กินจนเกลี้ยง แอบกลัว ไม่รู้กินแล้วเอาไปเก็บไว้ตรงไหน เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ลุกไปเคาน์เตอร์จ่ายเงิน แน่นอนว่าเป็นผมที่ต้องควักกระเป๋า

   “หอติวอยู่ตรงไหนอะ” ปูนถามเมื่อออกมานอกร้าน ผมชี้ไปทางซ้ายซึ่งเป็นคนละทิศกับหอของคนข้างๆ “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราคืนเงินให้นะ” เขาโบกมือลาก่อนจะเดินไปทางหอของตัวเอง ผมมองตามแผ่นหลังบางๆของเจ้าตัวที่ห่างออกไปเรื่อยๆก่อนจะเลื่อนไปมองไฟข้างถนนฝั่งนั้นที่ติดๆดับๆตลอดแนว เปลี่ยวอีกต่างหาก ผมเลยตัดสินใจวิ่งตามเขาไป ปูนผงะเมื่อหันมาเห็นผมเดินอยู่ข้างๆ

   “เดี๋ยวไปเซเว่นก่อน” เลยหอของเขาไปนิดนึงมีเซเว่นอยู่ ผมตอบเครื่องหมายคำถามบนหน้าของปูนโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าตัว ปูนพยักหน้าหงึกหงัก ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ปูนทำหน้าเหมือนกับคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา รอบข้างไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงลมเย็นๆ ไฟถนนกากๆ

   กับเงายืดยาวของผมกับเขาที่ทาบไปบนพื้นถนนสีเทาข้างๆกัน

   “เดี๋ยวคืนเงินให้นะ” เขาพูดซ้ำอีกรอบเมื่อเราหยุดลงตรงหน้าหอของเจ้าตัว แต่ครั้งนี้ปูนไม่ได้หันหลังเดินออกไปดื้อๆ เขาเหมือนจะพูดอะไรต่อ ผมเลยยืนรอ

   ปูนยืนก้มหน้า เม้มริมฝีปาก ตามองบริเวณเสื้อของผม เริ่มสงสัยว่าบนเสื้อย้วยๆเก่าๆของตัวเองอาจจะมีรอยหนูแทะก็ได้เลยก้มลงมองตาม แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร กระทั่งคนตรงหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนกับกำลังเตรียมใจกับบางอย่าง แล้วเขาก็พูดออกมาในที่สุด

   “เรายังไม่ได้คบกับมิ้นนะ” แล้วเจ้าตัวก็วิ่งฉิวขึ้นหอไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม


   
   ปล่อยให้ผมยืนหาสาเหตุของการบอกข้อเท็จจริงนั้นอยู่คนเดียว


________________________________________________________

เกือบดอง งานเยอะมากเลยค่ะ อะเหื้อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2016 11:36:05 โดย flowering1226 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ติวดูมึน ๆ นะ ส่วนปูนก็ชอบติวเหมือนกันสินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iAlexiajang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คือติวแม่งงงงง น่ารักว่ะ มึน แบบน่ารักๆอ่ะ ชอบบบบบล ;3
เนี้ยยย เขาบอกแล้วว่าไม่ได้คบกัน แปลว่าให้รีบจีบ รีบขอคบเป็นแฟนนะรู้เปล่า
เขาอ่อยนายอยู่นะรู้ป่าววววว  :o8:

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เราว่านะ...... ปูนต้องกำลังอ่อยแน่นอน
งืมมมมมมม ต้องใช่แน่ๆ
แบบว่ามองมานานแล้วนะเออว์ เมื่อไหร่จะเข้ามาคุยซะทีปูนก็เลยจัดสถานการณ์ให้ซะเลย(มโน)
สนุกค่ะ ชอบการบรรยาย อ่านแล้วฮาแบบมึนๆ ดี
ถ้าบรรยายจากฝั่งปูนนี่คงไม่มีทางรู้เลยว่าพระเอกเรารั่วขนาดนี้ เขาถึงได้ว่าอย่าดูคนแค่ที่ภายนอก :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ หายไปสองเดือนแล้วนะ
 :hao5: :sad4: :monkeysad: :m15:

ออฟไลน์ iAlexiajang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ้าวว ถูกทิ้งไว้กลางทาง
;-;

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3

ออฟไลน์ ต้นไม้ใบหญ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรื่องนี้คือจบแล้วเหรอคะ จบได้ค้างคาแท้  :a5:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอเสมอนะค้าาาาา :hao5:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
แม่คะเค้าแอบเหล่กันอยู่ใช่มั้ยคะ แล้วประโยคสุดท้ายเค้าเรียกว่าเปิดทางให้ใช่ม้ายยยยยยย กรี๊ดดดดดด ค้างเด้ออออ  :katai1:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติวคนซึน โอ้ยย น่ารักไปหมด นอนบิดตัวไปมาสุดๆ :impress2:
คนเขียนรีบมาต่อนะคะ  :mew2:

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นุ้งปูนนนนนนน น่ารักกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คนเขียนวิ่งขึ้นหอพักหายไปพร้อมกับปูนเลยฮือออมาต่อนะคะพลีสๆๆ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนเขียนหายไปพร้อมกับปูน


มาต่อนะคะ ลุ้นมากกก
เค้าชอบกันแน่ๆ แต่ใครจะบอกก่อน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เอ็นดูปูน ฮาาาาา
เนี่ยติว คนเขาอุตส่าห์หลับตาโยนอ้อยใส่ขนาดนี้แล้ว ยังจะเฉยอยู่อีกหรอ?

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ Ujeen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ปูนก็ชอบติวเหมือนกันแน่เลยยยยย

ออฟไลน์ blugar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 ฮือ น่ารักจัง แต่คนเขียนหายไปไหนค้าบㅠㅠㅠㅠㅠ โอ้ยพระเอกเรื่องนี้ทุเรดมาก ขำความขโมยจักรยานคนอื่นมาขี่55555555555 เราว่าดูมึนทั้งคู่นั่นแหละ น่ารักดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด