Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.17#By : Cencer[01/07/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.17#By : Cencer[01/07/60]  (อ่าน 15120 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เย้...เป็นแฟนกันแล้ว

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
 o18  เป็นเเฟนกันเเล้ววววว 

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เป็นแฟนกันแล้ว :m1: :m1: :m1: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อื้อออออ เขาเป็นแฟนกันแล้ววววววววว

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
แล้วใครจะด้ามอกพี่อาร์มคนหล่อกันล่ะเนี่ย 555

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
11

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

น้ำเหนือ พาร์ท


“จะกลับแล้วหรอไอ้เหนือ”

“..อืม”

เมื่อคืนกว่างานจะเสร็จก็ตีสองตีสาม  ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว  ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้ากะจะกลับบ้านไปนอนต่อซักชั่วโมงสองชั่วโมงคอยกลับมารับข้าวไปเที่ยวด้วยกัน

“แล้วนี่มึงจะขาดเรียนไปเดทกันเนี้ยนะ?”

“อืม”

“ชั่วจริงๆ”

“ฝากเช็คชื่อด้วยแล้วกัน”

“สัส!”

 ผมไม่ได้สนใจอะไรในคำด่าขอไอ้ฮาร์ทหรอก  วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาแต่มีเรียนแค่ครึ่งวันวิชาก็ไม่ใช่วิชาเอกเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรถ้าจะโดด    ผมเดินนั่งลงข้างๆเตียงของคนที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง

“ข้าว” ผมเรียกเจ้าของชื่อเบาๆ

“...z Z”

“..ข้าว” ผมเรียกอีกครั้ง

“อื้มม” ข้าวขานรับทั้งๆที่หลับตาอยู่

“เหนือจะกลับบ้านแล้วนะ” ผมกระซิบบอกข้างหูคนหลับ

“อือๆ”  ข้าวพยักหน้าบอกส่งๆ  ผมได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางเด็กๆของอีกคน  ผมลูบหัวข้าวเบาๆ จูบซับบนหน้าผากเนียนก่อนจะผละออก


“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ” 


“อะไร?” ผมเลิกคิ้วถามเมื่อไอ้คินมันเบ้ปากใส่ผม

“เห็นแล้วมันหมั่นไส้”


“แล้ว..ยังไง?” ผมยังกวนมันต่อ

“โว๊ยยไอ้ห่า! เกลียดคนมีคู่เว้ย!” ไอ้คินมันโวยขึ้น

“มึงก็หาสิไอ้คิน  โวยวายไปก็ไม่มีคู่อย่างไอ้เหนือหรอก” ไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น  ไอ้คินถึงกับหันไปจ้องเขม็ง  ส่วนไอ้ฮาร์ทก็ทำหน้าเชิงถามว่า  ทำไม  มึงจะทำไม  หรือจะเอา?


“เบาหน่อยเดี๋ยวข้าวตื่น” ผมแทรกขึ้น


“หึ  อะไรมันจะเป็นห่วงกันขนาดน๊านนนน” ไอ้ฮาร์ทมันลากเสียงยาวล้อเลียน


“ยุ่ง!” ผมว่ามัน  มันหัวเราะหึออกมา


“เออพอได้กันก็แม่งมาทำหวานต่อหน้าเพื่อน  หัดเกรงใจนึกถึงบุญคุณกูหน่อย”

“บุญคุณ?”


“เออถ้าไม่ได้กูมึงคงไม่ได้คบกับไอ้ข้าว  มึงต้องขอบพระคุณกูซะ!” ไอ้คินมันว่าพร้อมกับตบที่ตัวตัวเอง  ผมส่ายหน้าขี้เกียจต่อสนทนากับมัน  จริงๆพวกมันก็ช่วยผมไว้ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้ผมกับข้าวได้พูดความในใจตรงๆต่อกัน  เพราะถ้าไม่ได้พวกมันผมเองก็คงไม่มีวันได้บอกว่าชอบข้าวออกไปแน่ๆ


“อืม  ขอบใจ”


“ไอ้ห่า!/ไอ้ห่า!”


“อะไรอีก” ผมกอดอกมองหน้าเพื่อนสองคนที่ด่าผมออกมาพร้อมๆกัน


“มึงขอบใจจากใจจริงไหมห้ะ !” ไอ้คินว่า  แล้วผมขอบใจมันไม่จากใจตรงไหนว่ะ

“ไม่ต้องมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชี้ยเหนือ”


“...” ผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆ  ต้องการอะไรกันแน่


“ไม่ต้องมาทำหน้าเซ็ง  สำนึกอ่ะสำนึก”


“ต้องการอะไร?” ผมถามเสียงนิ่ง


“ก็แบบ..มันมีเกมส์ตัวล่าสุดอออกมาเว้ย” ไอ้ฮาร์ทเป็นฝ่ายพูดขึ้น  เพราะไอ้คินมันโยนให้ไอ้ฮาร์ทพูด


“แล้ว?”


“ก็แบบราคามันสูงงงงงง” มันลากเสียงสูงยาวๆ


“อืม”


“อย่ามาอืมดิว่ะไอ้เหนือ” ไอ้คินแทรกขึ้นมาอีก  นี่ผมอืมแล้วผิดหรอวะ


“เออ”

“อย่าเออด้วย!”


“เอ้า!”


“ไม่องไม่เอ้า!”


“เหอะ !”  สองคำสั้นๆครับ กวน-ตีน ! 
 

“พอไอ้คิน  มึงออย่าไปกวนตีนมันนักดิว่ะ  เดี๋ยวกูพูดเอง”


“เอองั้นกูไปนอนต่อแล้วนะ” ไอ้คินมันเดินออกไปปล่อยผมกับไอ้ฮาร์ทคุยกันสองคน


“ว่ามา ..”


“ก็อย่างที่บอก”


“เรื่องเกมส์?”


“อืมๆ นะมึง  ครึ่งราคา” ไม่คิดเลยว่าเพื่อนตัวเองจะทำเพื่อหวังผล  สรุปผมต้องยอมช่วยมันครึ่งราคาของค่าเกมส์อะไรของมันใช่ไหม  กูพอรู้หรอกว่าไอ้ฮาร์ทมันเป็นพวกติดเกมส์ตัวไหนออกมาล่าสุดเป็นต้องคว้ามาครองให้ได้  จะอดตายมันก็ไม่สน  ราคาจะแพงแค่ไหนมันพร้อมเปย์


“เออก็ได้”

 
“เย้ ! ไอ้เหนือกูรักมึงที่สุดเลย  มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริงๆ  กูยกไอ้ข้าวให้ฟรีเลย  จะเอามันไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรก็ช่างมึงเลย  กูยกห้ายยยย”

 
“เวอร์!”  ผมส่ายหน้าให้กับความคิดบ้าบอของมัน

 
“ย๊า !!”

ตุบ !

 
“โอ๊ยยยยยยเชี้ย!!”

 
เสียงร้องโอดโอยดังลั่นห้อง  ผมหันไปมองยังที่มาของเสียงที่อยู่อีกด้าน  เห็นไอ้คินไปนอนแหมะอยู่ข้างเตียง มันทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด  ส่วนอีกคนยืนทำหน้ายักษ์อยู่บนเตียงตัวเองมองไอ้คินไม่วางตา  เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆนะครับ  เหมือนตอนนั้นที่ผมลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้น

 
“เหี้ย! ไฟไหม้ๆๆ”

 
“ห้ะ ! ไฟไหม้หรอ!! หนีเร็วว”  ผมหันไปมองไอ้เพื่อนสองคนที่ร้อนรนจะหนีจากไฟไหม้?  เห็นขนข้าวขนของเตรียมวิ่งหนีไฟ ซึ่งของที่มันขนออกไปก็เป็นของไอ้ฮาร์ทที่ยืนมองทำหน้าหน่ายอย่างเห็นได้ชัด

 
“ไฟไหม้พ่องดิ! ไอ้จิมเกมส์กูวางลง!!” ไอ้ฮาร์ท

 
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจออกมากับสิ่งที่เห็น  เพื่อนแต่ละคนนี่มันเกินบรรยาย

 
“มึงผลักกูทำไมห้ะไอ้ข้าว!”

 
“กูไม่ได้ผลัก!”

 
“มึงผลัก!”

 
“กูไม่ได้ผลักไงไอ้เหี้ย!”

 
“ถ้ามึงไม่ได้ผลักแล้วกูจะลงมานอนตรงนี้ได้ไงห้ะ!”

 
“กูถีบไงไอ้โง่! แล้วใครให้มึงมานอนบนเตียงกูห้ะ!!”

 
“ก็กูง่วง..”

 
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนที่อื่นมานอนบนเตียงกูทำไม”

 
“อยาก!”

 
“ไอ้..!!” ข้าวกระโจนใส่ไอ้คินที่ต่อล้อต่อเถียงด้วย  ผมจึงต้องรีบไปห้ามเอาไว้ไม่งั้นมีนองเลือดเช้าๆแน่

 
“ข้าวพอๆ” ผมจับตัวข้าวแยกออกจากไอ้คินที่นอนร้องโอดโอยอีกรอบเพราะโดนข้าวทั้งทึ่งทั้งตบใส่

 
“หึ่ย!”

 
“พอแล้วๆๆ” ผมจับขาฝั่งที่ข้าวใช้ถีบไอ้คินออก  ทำไมแรงเยอะแบบนี้ว่ะ ข้าวสบัดตัวออกแล้วเดินปึงปังไปหาพวกไอ้ฮาร์ทแทน

 
“เจ็บชิบหาย !”

 
“สมน้ำหน้า” ผมกอดอกมองเพื่อนนิ่งๆ

 
“กูเพื่อนมึงนะไอ้เหนือ  ช่วยเห็นใจเพื่อนหน่อย”

 
“ใช่เรื่อง” ผมว่าแล้วเดินออกมาจากมันไปหาคนที่นั่งหน้ามุ้ยอยู่บนโซฟาปล่อยให้ไอ้คินมันเห่าของมันไปเถอะ  ทำตัวเองก็สมควรแล้วละนะ

 
“เป็นอะไร หื้ม?” ผมถามเมื่อนั่งลงข้างๆอีกคน

 
“เปล่า!” ห้วนได้อีก

 
“เอาน่า  อย่าไปสนใจไอ้คินมันเลยนะ”

 
“ไม่สนได้ไงก็มันกวนข้าวอ่ะ”

 
“ ครับๆแล้วจะนอนต่อไหม?” ผมถามพร้อมกับลูบหัวคนที่ทำหน้างออยู่  ข้าวเพียงแค่ส่ายหน้า

 
“ไม่แล้ว”


“ครับ  งั้นเหนือกลับบ้านก่อนนะ” ผมบอก

 
“อ่าโอเค”

 
“อืม ไว้เจอกัน” ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้น


“ไม่ได้ลงไปส่งนะ” ข้าวบอกพร้อมกับโบกมือให้น้อยๆ  ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางให้

 
“พวกมึงกูกลับก่อนนะ” ผมบอกลาเพื่อนๆ พวกมันก็เออออกันแล้วก็หันไปสนใจเรื่องตัวเอง  ผมเดินผิวปากลงมา  วันนี้เป็นวันดีที่สุดสำหรับผม

 
“หึ”  ไม่อยากจะคิดว่าสิ่งที่ผมที่ฝันไว้ว่าซักวันจะได้คบกัน  มันกลับเป็นจริง

 

“...เป็นแฟนกันนะข้าว”

“อ..อืม”

 
แค่ได้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนใจผมก็เต้นรัว  สีหน้า  รอยยิ้ม หรือแม้แต่คำพูดของอีกคนมันทำให้ผมรู้สึกดีใจ  ข้าวไม่ปฎิเสธคำขอของผม  ถึงการขอเป็นแฟนมันอาจจะสุดวิสัยเกินไป  แต่สุดท้ายมันก็ออกมาดี  เอาเป็นว่าผมขอแก้ตัวทีหลังแล้วกัน

.

.

.

“แม่...”  เดินเข้าไปกอดท่านจากข้างหลัง  เมื่อมาถึงผมเห็นรถแม่จอดอยู่  วันนี้ท่านคงไม่ได้ทำงานเพราะปกติแม่จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า  แต่นี่สายแล้วยังเห็นแม่ทำอาหารอยู่ในครัวและชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา


“กลับมาแล้วหรอพ่อลูกชาย” แม่หันมาลูบหัวลูบแก้มผม  ผมจึงเข้าไปกอดท่าน

 
“แม่เหนือมีอะไรจะบอก”
 

“หืม  มีอไรละ?” ผมผละออกมองหน้าแม่  ท่านยิ้มอ่อนโยนให้ผม

 
“ก็..วันนี้แม่ไม่ได้ทำงานใช่ไหมครับ”
 

“ใช่จ้ะ  แล้วนี่มีอะไรละ  ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
 

“ผมยิ้มหรอแม่?” ผมถาม  ผมยังไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่

 
“ใช้จ้ะ”

 
“...”


“เหนือ.. แม่ไม่เคยเห็นเหนือดูมีความสุขเหมือนกับวันนี้เลยนะ  ลูกไม่เคยยิ้มได้อย่างวันนี้นานแล้วนะ แค่แม่เห็นลูกมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้วละ” แม่บอกพร้อมรอยยิ้มที่ท่านมักยิ้มให้ผมเสมอ

 
“...”
 

“ว่าแต่มีเรื่องอะไรละถึงทำให้คุณชายน้ำแข็งของแม่คนนี้ยิ้มได้ หื้ม?”


“ก็...เดี๋ยวเย็นนี้พาลูกสะใภ้มาหานะแม่”


“สะใภ้?”

 
“ครับ  วันนี้แม่ช่วยทำอาหารอร่อยๆต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ได้ไหม” ผมบอก  ท่านทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับยิ้มขำกับท่าทีของผมเสียมากกว่า


“จริงจัง?”

 
“จริงจังดิแม่”

 
“โอเค  จริงจังก็จริงจัง ชักอยากจะเห็นว่าที่ลูกสะใภ้แล้วสิ” แม่ว่าขำๆ

 
“แม่เคยเจอแล้วครับ  งั้นผมไปนอนก่อนนะง่วงมากก” ผมบอกแม่  ไม่อยากจะต่อบทสนทนาก่อน  อยากให้ท่านทราบเองว่าใครกันที่จะมาเป็นลูกอีกคน  เดี๋ยวตอนเย็นท่านคงทราบเองว่าใคร

 
“อ๋อแม่ครับ  คนนี้บอกเลยแม่ปลื้มมากแน่ๆ”

 


13 : 00 น.

 
“ฮัลโหลข้าวเหนือรออยู่ด้านล่างนะ” ผมโทรหาข้าวเมื่อมาถึงหอที่ข้าวพักอยู่


ก๊อก ๆ  เสียงเคาะกระจกรถอีก  ผมปลดล็อกประตูรถให้ข้าวเปิดเข้ามานั่งได้

 
“รอนานไหม” ข้าวถาม


“ไม่นานหรอก ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”

 
“อืม  เอาสิข้าวยังไม่ได้กินอะไรเลย  หิวมากๆๆๆ” ข้าวลูบท้องตัวเองทำท่าประกอบให้ดู

 
“โอเคครับ”

 
นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันจริงๆจังๆซักที่  เพราะครั้งก่อนก็กะจะไปแค่สองแต่ก็ดันพ่วงเพื่อนๆไปด้วย  แต่ครั้งนี้ไม่มารอย่างพวกมันมาผจญแล้ว  ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย  ผมแวะร้านอาหารไทยเพราะคนข้างๆบ่นว่าอยากกิน

 
“แล้วเราจะไปไหนหรอเหนือ”  ระหว่างรออาหารมาเสริฟข้าวก็ถามขึ้นมา  นั่นสิจะไปไหนดี

 
“แล้วข้าวอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมถาม


“อืม...ไปสวนสนุกไหม?” ข้าวทำท่านึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ  สวนสนุกหรอ ก็ดีนะผมเองก็ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน  นี่ก็เป็นเดทแรกของผมกับข้าวด้วย  วันนี้เป็นวันธรรมดาคนคงไม่เยอะเท่าวันหยุด  อากาศก็ไม่ร้อนมากเท่าไรไปก็ได้

 
“ตามใจข้าวเลย” เราคุยกันไปสองสามคำอาหารก็มาเสริฟ  เราสองคนลงมือทานกันไปเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน  โดยที่ผมเป็นคนพูดน้อยนิดๆ  หรือเปล่า เออนั่นละ  ผมเองก็ชวนคุยไม่เก่งด้วย  ถึงจะรู้ว่าข้าวเป็นคนร่าเริง พูดคุยด้วยได้ตลอด  แต่เวลาแบบนี้ข้าวมักจะเงียบและพูดน้อยหน่อยเมื่อเวลาอยู่กับผมแค่สองคน

 

 
“ว้าววว..ไม่ได้มาสวนสนุกนานแล้วนะเนี้ย” ข้าวพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในสวนสนุกแล้ว  อย่างที่คิดไว้จริงๆวันนี้คนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด

 
“ข้าว” ผมเรียกข้าวให้หันมามองทางผม  พอข้าวหันมาผมก็กดถ่ายภาพอีกคนเอาไว้
 

แชะ !  ข้าวทำหน้าเอ๋อใส่  ผมชูรูปที่ถ่ายให้ข้าวดู

 
“โห้ ! ลบได้ไหมอ่ะเหนือ  น่าเกลียดมากก” ข้าวบอกพร้อมกับมองหน้าผม  ผมส่ายหน้า  ผมว่าน่ารักออก เคยได้ยินไหมครับ  รูปที่เผลอๆมักจะดูดี  ผมคิดแบบนั้นนะ  ผมว่ารูปนี้ข้าวน่ารักมาก  ดูเอ๋อๆดีผมชอบ


“น่ารักออก”

 
“ดูส่วนไหนน่ารักเนี้ย” ข้าวชี้ให้ผมดูภาพ

 
“ก็ส่วนนี้ไง” ผมบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ข้าว  ผมเห็นหน้าข้าวแดงขึ้นด้วย  ข้าวเสมองไปทางอื่นแทน  ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน
 

“ไอ้บ้า!” ข้าวว่าแล้วเดินนำลิ่วไปก่อน

 
“อ่า...ข้าวรอด้วยดิ!” ผมรีบตามข้าวไป  เพราะรู้สึกว่าอีกคนจะไม่รอผมเลย

 
“ชักช้า”

 
“อ้าว...” สรุปผมผิดสินะ  ผมจึงคว้าเอามือข้าวมาจับไว้  ข้าวชะงักหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมและมองลงมาที่มือ  ผมเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไม

 
“เอ่อ..นี่อ่ะ” ข้าวชูมือที่ผมจับไว้ขึ้นมา


“ทำไม?”


“ไม่อายคนอื่นหรอ  คนมองเต็มเลย” ข้าวบอกพร้อมกับมองรอบข้างที่มีผู้คนมองมาที่เราอยู่

 
“ไม่  หรือข้าวอาย” ผมถามกลับเพราะเกรงว่าอีกคนจะเกิดอายขึ้นมา  ผมเข้าใจครับผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือถือแขนกันในที่สาธารณะแบบนี้มันก็ต้องมีคนมอง  สำหรับผม  ผมไม่ถือหรอกใครจะมองยังไงก็ช่างแต่กับข้าว...ผมจะยอมถ้าข้าวบอกว่าอาย

 
“เปล่า..ก็แค่มันไม่ชิน” ข้าวก้มหน้าพูดไม่ยอมสบสายตากับผมที่จ้องมองอยู่  ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วกระซิบบอก

 
“งั้นก็จับไว้แบบนี้ตลอดจะได้ชิน”

 
“อือ” ข้าวพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย


“ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ”


“...อือ”

 
ผมเดินจูงมือข้าวพาไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ  โดยที่ผมให้ข้าวเป็นคนเลือกว่าอยากเล่นเครื่องเล่นไหน  พอข้าวบอกอยากเล่นอันนี้ผมก็ตามใจ  แต่พอผมบอกว่า..

 
“ข้าวบ้านผีสิงไหม?”

“ไม่!!”


 
ข้าวตอบเสียงดังฟังชัดทันที  ไอ้เราก็อยากจะแกล้งอีกคนแต่ไม่เอาดีกว่ากลัวข้าวโกรธจึงยอมละถอยจากการไปบ้านผีสิง  เราเล่นเครื่องเล่นต่อกันอีกสักพักก็มานั่งหยุดพักกัน

 
“ไหวไหมข้าว” ผมถามเมื่ออีกคนกำลังทำหน้าพะอืดพะอม  หน้าก็ซีดเผือดจนเห็นได้ชัด

 
“ วะ ไหวๆ อ้วกก” จะไหวได้ไงละเนี้ย แต่ละอย่างที่เล่นก็มีแต่ทำให้ท้องไส้ป่นป่วนทั้งนั้น  เฮ้ออ  ยาดมก็ไม่มี  ผมได้แต่ใช้กระดาษแผนที่สวนสนุกพัดให้อีกคน

 
“ข้าวอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวเหนือจะไปหาน้ำกับยาดก่อน” ผมบอก  ข้าวพยักหน้ารับ ทำมือโอเค  ผมจึงลุกขึ้นไปเดินหาร้านน้ำที่แถวนี้น่าจะมีอยู่  ผมไม่อยากปล่อยให้ข้าวอยู่คนเดียวทั้งสภาพแบบนั้นจึงเดินมาเรื่อยๆก็เห็นร้านน้ำขาย  ไกลจากที่พวกผมนั่งพักกันอีกนะ  ผมซื้อน้ำสองขวดยาดมอีกหนึ่ง  พอกำลังเดินกลับก็ผ่านร้านเครื่องเล่นน่ารักๆ  หน้าร้านจะมีเครื่องคีบตุ๊กตาอยู่  ผมจึงแวะเข้าไปดู  มีเครื่องคีบตุ๊กตาหลายเครื่อง  ทั้งเครื่องเล็กและเครื่องใหญ่  มีตู้หนึ่งที่สะดุดตาผมมาก  เป็นตู้ตุ๊กตาหมาน่ารักๆ  เห็นแล้วนึกถึงคนที่นั่งหน้าซีดรอผมอยู่เลย  ผมวางของที่ซื้อมาลงข้างตัวแล้วแลกเหรียญกับเจ้าของร้านเพื่อมาหยอดตู้ตุ๊กตานี้  ผมเล่นอยู่หลายรอบก็ไม่ได้ซักที

 
“ทำไมมันยากงี้วะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ  แต่ก็ไม่ยอมละความพยายาม  ทั้งๆที่ผมจะไปหาซื้อเอาเลยง่ายกว่ามายืนหมุนปรับทิศทางอะไรแบบนี้ให้ยุ่งยาก  แต่ว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆมันมักไม่มีค่าไม่ใช่หรอครับ  ผมจึงต้องพยายามเอาไอ้หมาตัวเล็กๆนี่ให้ได้  ผมอยากให้ข้าวเก็บไว้และอยากให้ข้าวรู้ว่ากว่าผมจะได้มามันยากแค่ไหน

 
“เยส ! ได้แล้ว!!”

 
เฮ้ออ กว่าจะได้เล่นเอาไปหมดหลายบาทเลยนะเนี้ย  ผมยิ้มให้กับตุ๊กตาที่ตัวเองคีบมาด้วยความพยายาม  อยากเห็นหน้าข้าวตอนรับจริงๆ   ผมมองดูเวลาปรากฏว่าผมสิงสถิตอยู่ร้านคีบตุ๊กตาตั้งครึ่งชั่วโมง  ป่านนี้ข้าวจะเป็นยังไงบ้างน่ะ  อ่า..ผมเนี้ยจริงๆเลย  คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปยังที่ข้าวนั่งพักอยู่

 
“...ข้าว” ผมเรียกหาอีกคนเมื่อมาถึง  ข้าวหายไปไหน? ผมมองสำรวจรอบข้างก็ไม่มี

 
“ข้าว!” ผมตะโกนเรียกอีกครั้งพร้อมกับมองหา

 
“หรือจะไปห้องน้ำ?” ผมคิดแบบนั้น  จึงนั่งรอตรงเก้าอี้ที่เดิมที่เคยนั่งก่อนหน้านี้  ผมมองดูนาฬิกาข้อมือนี่ก็สิบนาทีเข้าไปแล้วข้าวก็ยังไม่มา  จะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ  ผมหยิบโทรศัพท์กดโทรหาก็ไม่รับสาย

 
“หายไปไหนนะ  ทำไมไม่รับสายข้าว” ผมใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้  โทรไปก็ไม่รับบางครั้งสายก็ถูกตัดไปซะดื้อๆ  ผมลุกขึ้นเคตรียมจะเดินออกไปหาที่ห้องน้ำถ้ามามัวรออยู่แบบนี้มีหวังไม่เจอแน่  แต่พอลุกขึ้นเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีตัวมาสคอตแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าผมไว้  พอผมเดินไปซ้ายมันก็ซ้าย  ผมหลีกไปทางขวามันก็มาขวา  พอผมหยุดมันก็หยุดตาม  จะเอายังไงกับกูวะเนี้ย  คนยิ่งรีบๆอยู่

 
“ขอโทษนะครับ ผมกำลังรีบ” ผมบอกแล้วจะเดินหนีไปอีกทาง  แต่มาสคอตนั้นก็ตามผมมาอีก  ผมหยุดและจ้องมองมาสคอตแมวนิ่งๆ

 
“...”

 
“ผมรีบ  ไม่มีเวลามาเล่นด้วยครับ” ผมบอกอีกครั้ง  แต่ตัวมาสคอตก็ยังตามและครั้งนี้ก็ดึงรั้งผมเอาไว้ด้วย


“..อ่ะ” ผมหันไปเลิกคิ้วมองตัวมาสคอตที่ยื่นเป็นกระดาษสีขาวที่พับอยู่มาให้ผม

 
“..อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย  แต่เจ้าตัวมาสคอตก็ไม่ตอบกลับดึงให้ผมเดินไปที่เก้าอี้เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู่  มันดันผมให้นั่งลงผมจะเปิดกระดาษออกมาดูก็มีเจ้าตัวมาสคอตมาห้ามไว้  เจ้าตัวมาสคอตแยกตัวออกไปกดโทรศัพท์แล้วสอดใส่ในถุงกระเป๋าตัวเอง  เสียงดนตรีคลอขึ้นเป็นเพลงจังหวะสนุกๆล้วเจ้าตัวมาสคอตก็เริ่มโยกไปตามจังหวะของเพลง...

 
“อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน

ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี

อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน

ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี”  พอถึงท่อนฮุคของเพลงเจ้าตัวมาสคอตก็เต้นๆแล้วชี้มาที่ผม  มันทำให้ผมอยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในชุดมาสคอตนี่  ... พอเพลงจบเจ้าตัวมาสคอตก็หยุดเต้นแล้วชี้บอกห้ผมเปิดกระดาษที่อยู่ในมือ

 
“เปิดได้แล้วใช่ไหม?” ผมถาม  เจ้าตัวมาสคอตพยักหน้า  ผมจึงเปิดกระดาษสีขาวออกก็พบกับประโยคที่เรียงกัน

 
“เป็นแฟนกันนะ.. ^^” ผมเงยหน้ามองเจ้าตัวมาสคอตตรงหน้าที่ตอนนี้มานั่งคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบสีแดงสดหน้าหนึ่งดอกต่อหน้าผม  นี่มันอะไรกันว่ะ  อยู่ๆก็มีเจ้าตัวมาสคอตแมวมาสารภาพรักหรอว่ะ

 
“รับไปสิ! เมื่อยแล้วนะ!”  เสียงคุ้นๆว่ะ  ผมจึงถอนหัวมาสคอตแมวนั้นออก

 
“ข้าว!!” ผมถึงกับอึ้ง  ข้าวมีสีหน้าแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด

 
“ก็เออไง  รับไหมเนี้ย  เมื่อยแล้วร้อนด้วย!” ข้าวบอกทั้งๆที่ยังนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมจึงรับดอกกุหลาบนั้นไว้แล้วหันมามองคนที่ใส่ชุดมาสคอตค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ  ทำไมถึงมาใส่ชุดนี้ได้  แล้วไหนจะเมื่อกี้นี้...มันอะไรกันว่ะ?

 
“สรุปจะเป็นไม่เป็น?” ข้าวดึงแผ่นกระดาษที่ผมเปิดอ่านเมื่อครู่ขึ้นมาชูต่อหน้า


“นี่อะไรกันข้าว” ผมถาม

 
“ก็ตามที่เห็นอ่ะ  จะเป็นไหมห้ะ!”

 
“แล้วตอนนี้เราไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ” ผมถาม

 
“ก็...เป็นไง” ข้าวตอบแล้วมองไปทางอื่น  “แต่ว่า...”

 
“แต่ว่า?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

 
“ข้าวอาจจะเป็นแฟนเหนือ  แต่เหนือยังไม่เป็นแฟนข้าวไง”

 
“ยังไง?” ผม งง ทั้งๆที่ข้าวเองก็ตอบตกลงว่าจะเป็นแฟนกับผม  หรือว่าข้าวจะเข้าใจอะไรผิด  หรือจริงๆผมเข้าใจผิดไปเอง

 
“ก็ตอนนั้นเหนือขอข้าวเป็นแฟน  ตอนนี้ข้าวเลยมาขอเหนือบ้างก็แค่นั้น”


“เอ่อ..”

 
“เป็นแฟนกันนะเหนือ..” แบบนี้ผมจะปฎิเสธลงหรือไง

 
“อืม   เป็นสิ”

 
“เย้ !” ข้าวกระโดดยิ้มดีใจ  ผมจึงหยิบตุ๊กตาที่ดั้นด้นเล่นมาได้เดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าอีกคน  ข้าวก้มมองผมตาโต  ผมยื่นตุ๊กตาหมาที่เล่นมาได้ตรงหน้าข้าว

 
“แก้ตัวใหม่นะข้าว”

 
“อ ..อะไร”

 
“เหนือชอบข้าว  เป็นแฟนกันนะครับ”

 
“อือตกลง..” ข้าวยื่นมือมารับตุ๊กตาผม  พร้อมกับยิ้มเขินส่งมา   ผมเองก็เขินไม่ต่างกัน  ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยทั้งชีวิต  เพราะเป็นข้าวผมถึงกล้าทำ

 
“...ข้าว” ข้าวเอาแต่ก้มหน้าลูบหัวตุ๊กตาเล่นโดยไม่ยอมหันมาสนใจผมเลย  นี่ผมโดนเมินทั้งๆที่เพิ่งขอเป็นแฟนหรอเนี้ย  ผมจึงเรียกข้าวให้หันมาหาผม  พอข้าวหันมาผมก็...

 
จุ๊บ !

ผมจุ๊บเข้าที่ปากบางของอีกคน  ข้าวผงะเล็กน้อยหน้าเริ่มขึ้นสีแดงด้วยอาการเขิน  ผมยิ้มออกมากับท่าทีเขินอายของอีกคน  เวลาแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักกว่าทุกครั้ง

 
“เขินหรอทำไมหน้าแดง” ผมแกล้งแซวข้าว


“ใครเขิน  ร้อนต่างหากดูชุดสิ!” ข้าวเชิดหน้าขึ้นแล้วตบเข้าที่ชุดตัวเองที่ใส่   ฮ่าๆๆ

 
“เป็นแฟนกันสมบูรณ์แล้วนะข้าว”  ไม่สมบูรณ์คงไม่ได้แล้วครับ  เพราะทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นชอบปลงใจไปในทางเดียวกัน ฮ่ะๆ  รู้สึกดีเป็นบ้าเลย

 
“อืม...ตุ๊กตาตัวนี้น่ารักเนอะ” ข้าวชูมันให้ดู  เห็นข้าวชอบผมก็ดีใจ

 
“กุหลาบดอกนี้ก็สวยหมือนกัน”

 
นี่อาจจะเป็นเดทครั้งแรกที่ผมไม่อยากให้มันจบลงเลย  อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ที่มีแค่ผมกับข้าว...แค่สองคน



(ตุ๊กตาที่เหนือให้ข้าว)

writer

อัพช้าไปนิดไม่โกรธเคืองเค้าน๊าาตัวเองง

หวังว่าจะชอบนะตอนนี้  ฮ่าๆๆ  คอมเม้นกันมาเยอะๆนะจ้ะ  ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  อย่าลืมไลค์ให้เค้าด้วยน๊าาา

แจ้งเรื่องซักนิด : คือว่าจะถามนักอ่านทั้งหลายว่าจะใช้ชื่อเรื่องเดิมหรือว่าจะเปลี่ยนดี

ชื่อเดิมBoyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

ถ้าเปลี่ยน Boyfriend เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟน

ยังไงก็บอกมานะคะ

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :o8: :o8: :o8: :o8:
นึกว่าข้าวจะงอนเหนือที่หายไปคีบตุ๊กตาซะอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
12

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

เกิดอาการเกร็งช่วงขณะ  บรรยากาศภายในบ้านเงียบกริบ  ไม่มีเสียงใครเล็ดลอดออกมาแม้แต่เสียงหายใจก็ยังแทบไม่ได้ยิน  มีคนสามคนกำลังนังคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน  ซึ่งเจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งมองลูกชายคนเดียวของตัวเองและผม  เออก็ผมนี่แหละ  ข้าวไง  ข้าวหอมคนหล่อคนนี้เลย



“อำแม่เล่นหรอน้ำเหนือ” คุณป้าท่านถามลูกชายตัวเอง  คนถูกถามยังคงใบหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านกับสายตาผู้เป็นแม่เลยซักนิด  มีแต่ผมที่นั่งเกร็งแทบตอนนี้ยังเกิดอาการปวดฉี่อยากจะเข้าห้องน้ำจริงๆ



“ไม่อำ  ผมคบกับข้าวจริงๆ”



“จริงหรอหนูข้าว”



“ค..ครับ”



ใครจะไปคิดว่าคนอย่างน้ำเหนือจะกล้าบอกแม่ตัวเองว่าคบกับผู้ชายซึ่งคนๆนั้นก็เป็นผม  นึกย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน  หลังจากขับรถออกมาจากสวนสนุกน้ำเหนือบอกว่าวันนี้กินข้าวที่บ้าน  พอถึงบ้านก็เห็นคุณป้ากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนหน้าบ้าน  ลงจากรถก็ถูกดึงให้เดินเข้าไปหาคุณป้าด้วยกันซะงั้น



“แม่” น้ำเหนือเรียกเมื่อเดินเข้ามาหา



“มาแล้วหรอลูก” คุณป้าท่านหยุดมือแล้วหันกลับมามองพวกผม



“สวัสดีครับคุณปะ...”



“แม่เหนือกับข้าวคบกัน” ผมยังไม่ท่านได้เอ่ยทักคุณป้าจบประโยคน้ำเหนือก็พูดแทรกขึ้นมา



“ห้ะ!/หืม?”  เสียงห้ะนั่นอ่ะผม  ส่วนอีกเสียงนั่นคุณป้า



“เหนือบอกว่าเหนือคบกับข้าว  เราสองคนเป็นแฟนกันครับแม่” น้ำเหนือพูดยาวยืดบอกคุณป้าที่ตอนนี้ยืนอึ้งกับประโยคที่ลูกชายตัวเองบอก



“นะ เหนือ” ผมเองก็อึ้งไม่ต่างกันหรอก  นี่เราเพิ่งจะตกลงคบกันเองนะ



“สรุปแล้วเราสองคนคบกันจริงๆใช่ไหม”



กลับมาที่ปัจจุบัน ณ ห้องรับแขก  คุณป้าท่านเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งและคำตอบที่ได้ก็ยังคงเดิมเหมือนกับครั้งแรก



“ใช่ครับ” เหนือเป็นคนตอบ  ส่วนผมแค่พยักหน้าช้าๆ  กลัวที่สุดว่าคุณป้าจะรับไม่ได้ที่เราสองคนคบกัน



“แล้วที่บอกว่าสะใภ้นี่ก็...”



“ครับ  ข้าวนี่แหละลูกใภ้แม่”



“ห้ะ ! ส..สะใภ้?” ผมทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินประโยคนั่นของอีกคนที่บอกกับแม่  เดี๋ยวนะ  สะใภ้อะไร  ทำไมคุณป้ากับ้ำเหนือต้องหันมามองที่ผมด้วยสายตาแบบเดียวกันด้วย  สายตาที่มองมาแบบว่า  เอ่อ..



“แม่ว่าเป็นไง?”  น้ำเหนือหันกลับไปถามคุณป้าต่อ



“อืม...” คุณป้าท่านทำท่าคิด  ส่วนผมนี่กลืนน้ำลายอึกๆเลยครับ



“เอ่อ..”



“แม่โอเค  คนนี้แม่ชอบ หึๆ” คุณป้าท่านยิ้มพอใจตอบน้ำเหนือ



“แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงถามเดิมๆละแม่”



“ก็เพื่อความมั่นใจไง  ว่าจริงรึเปล่า”



“เอ่อคือว่า...”  ผมยกมือขึ้นเพื่อให้สองแม่ลูกหันมาสนใจผมที่นั่งเงียบบื้อเป็นใบ้อยู่  คือแบบเห็นสองแม่ลูกคุยกันก็ไม่กล้าขัดถึงเรื่องที่คุยกันจะมีผมอยู่ในนั้นด้วยก็เถอะ



“ว่าไงจ้ะ..ลูกสะใภ้” คุณป้าท่านหันมาถามพร้อมกับยิ้มเอ็นดูให้ผม



“คือแบบคุณป้ารับที่ผมกับ เอ่อ..น้ำเหนือได้หรอครับ”



“ได้สิจ้ะ  หรือหนูข้าวคิดว่าป้ารับความรักแบบนี้ไม่ได้”



“เปล่าครับ แค่..”



“ความรักไม่เกี่ยงเรื่องเพศหรอกจ้ะ  ป้าไม่ได้หัวโบร่ำโบราณอะไรขนาดที่จะไม่รู้ว่าสมัยนี้มีรักร่วมเพศกันเยอะแค่ไหน  ความรักไม่จำเป็นต้องชายหญิง  ทุกเพศล้วนแต่มีความรักเป็นของตัวเองอยู่แล้ว  แค่เป็นคนดีก็พอแล้วจ้ะ”



“ขอบคุณครับที่เข้าใจเรา” ผมยกมือไหว้ขอบคุณท่านที่ยอมเข้าใจและไม่นึกรังเกียจรักร่วมเพศ  ซึ่งหาได้น้อยมากที่คนในครอบครัวจะรับได้ในสิ่งที่ลูกเป็น



“คิดมากหรอข้าว หืม” น้ำเหนือหันมายีหัวผมเล่น



“อือ” ผมพยักหน้า



“แม่ใจดีก็รู้ไม่ใช่หรอ  แม่เหนือออกจะรักข้าวยิ่งกว่าลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ”



“นั่นสินะ  แม่รักหนูข้าวมากกว่าเจ้าเหนืออีก” ผมหันไปมองคุณป้าแทนคนข้างๆที่ตอนนี้เปลี่ยนจากยีหัวมาลบแก้มผมแทน  ต่อหน้าแม่นะเว้ย  มาทำอะไรแบบนี้ว่ะ



“ครับคุณป้า”



“จ้ะ  ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนลูกชายป้า  เปลี่ยนสรรพนามจากป้าเป็นแม่ดีกว่านะหนูข้าว  เห็นด้วยไหมพ่อลูกชาย” คุณป้าท่านหันไปถามความเห็นจากลูกชายตัวเอง  น้ำเหนือพยักหน้าเห็นด้วย  สรุปแล้วผมก็ต้องเรียกคุณป้าว่าแม่  ใครมันจะไปคิดว่าจะถูกมาเปิดตัวให้ครอบครัวอีกฝ่ายล่วงรู้ว่าคบกันวันนี้  ไอ้คนข้างๆก็ไม่คิดจะบอกอะไรได้ให้เตรียมตัวเตรียมใจหน่อยเลย 

 



“ซังนัมจา...”



“ซังอะไรนะข้าว”



“ห้ะ อ่อเปล่า...”



ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของน้ำเหนือหลังจากรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ  ก็ขึ้นมานั่งเล่นกันข้างบน  คือมันไม่จำเป็นหรอกครับนั่งเล่นส่วนไหนก็เหมือนกัน  แต่ไอ้คนเนี้ย  มันลากขึ้นมาบนห้องนอนส่วนตัวของตัวเองจะขัดก็ไม่ได้  เพราะอยากเห็นอยู่พอดี  ไม่ต้องมามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนะ  หรือว่าพวกคุณไม่อยากจะเห็นห้องนอนส่วนตัวของคนที่ชอบละ  อย่ามาบอกว่าไม่  เพราะผมไม่เชื่อ ฮ่าๆๆๆ  ผมกวาดสายตามองห้องนอนโทนสีเทาทึบ บางส่วนก็มีโทนสีดำ  แต่จะมีก็แค่ส่วนตรงชั้นหนังสือที่เป็นโทนสีขาวยามเมื่อเปิดไฟตรงจุดนั้นจะเด่นที่สุด ห้องของน้ำเหนือจะแยกห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่งซึ่งเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องแต่งตัวไป ผมเลื่อนสายตามามองบนหัวเตียงมีรูปภาพแปะอยู่สองภาพใหญ่เป็นภาพของเจ้าของห้อง



“เหนือรูปนี้ถ่ายตอนไหนหรอ” ผมชี้ไปยังรูปภาพของเจ้าของห้องเมื่อเจ้าของห้องเดินออกมาจากทางห้องแต่งตัว



“ตอนปีหนึ่งอ่ะ  น่าจะช่วงเทอมแรกๆ  ตอนประกวดเดือน” น้ำเหนือบอก  ผมยังคงจ้องพินิจพิเคราะห์รูปภาพอยู่ไม่ว่างตา  ในใจก็คิดว่าทำไมถึงเกิดมาหล่อชิบหายวายวอดแบบนี้ว่ะ   ฟ้านี่ยังไงทำไมถึงลำเอียงแบบนี้  ทำไมไม่ส่งให้ผมมาเกิดในคราบเทพบุตรแบบนี้บ้างว่ะ  แต่ก็ยังถือว่าดีที่ส่งให้ผมกับน้ำเหนือได้มารักกกัน



“หึๆ”



“มีอะไรน่าขำหรอข้าว”



“ห้ะ ? ม ..ไม่มีๆ”



นี่ถึงกับขำออกมาให้อีกคนได้ยินเลยหรอว่ะไอ้ข้าวเอ้ย!  แล้วน้ำเหนือจะมองกูยังไงว่ะเนี้ย  คงไม่มองว่าเป็นคนบ้าหรอกนะ ฮือๆๆ  คนหล่อเพลียจริมๆ



“อืม  ข้าวคืนนี้นอนบ้านเหนือได้ป่าว”



“หืออ”  ผมถึงกับตาโต  ให้นอนนี่เนี้ยนะ  บ้าแล้วว  ไม่นอนเฟ้ย  ไม่เอา ! ยังไม่พร้อม  ยังไม่อยากเสียตัว  นี่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ  อิพ่ออิแม่ข้าวหอมคนนี้ขอโทษที่ทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง  ข้าวเสียใจที่ข้าวต้องมาชิงสุกก่อนห่าม  ข้าวไม่ได้ตั้งใจ  แต่ข้าวมีเจตนาในใจล้วนๆ



“ข้าวว่าไง”



“...” ขอโทษจริงๆ  ข้าวจะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องป่องแน่นอน



“..ข้าว”



“...”  ข้าวจะป้องกัน  จะใส่ถุงยางอย่างที่เรียนมา



“...ข้าวครับ”



“...”  หากไม่มีถุงยาง  ข้าวจะหาลูกโป่งมาใส่แทน  อิพ่ออิแม่ไม่ต้องเป็นห่วง



“ข้าว!!!!”



“ขะ ข้าวจะป้องกัน!!” ผมโพล่งเสียงขึ้นมาด้วยความตกใจ



“ป้องกันอะไรข้าว?” ชิบละ  นี่แค่คิดในใจคนเดียวนะเว้ยไม่น่าเลย  น่าตีปากตัวเองให้แตกจริงๆ  ถ้าน้ำเหนือรู้ว่าผมคิดอะไรนี่จะมองหน้ากันไงว่ะ  ถึงมันจะเป็นเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเป็นแฟนกัน  แต่กูเพิ่งคบกันได้วันเดียวเองนะเว้ย  ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าผมคิดอะไรไม่หาว่าผมโรคจิต ลามกรึไง  โอ๊ยยย



“ป.. เปล่าไม่มีอะไร แหะๆ”  ผมยิ้มแห้งส่งให้ น้ำเหนือขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร  “ว่าแต่เมื่อกี้เหนือว่าไงน่ะ”



“ถามว่านอนนี่ได้ไหมคืนนี้”



“อ๋ออ  แต่ว่าข้าวมีเรียนพรุ่งนี้” ผมตอบเมื่อคิดได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียน  วันนี้ก็ขาดไปแล้วทั้งวันจะขาดอีกไม่ได้  คะแนนมีส่วนในการเรียนสำหรับผมเสมอ ฮ่าๆๆ  ยิ่งโง่ๆ  มาขาดเรียนแบบนี้ยิ่งโง่หนัก  กะว่าจะโทรถามพวกไอ้เวฟว่าวันนี้อาจารย์ได้สั่งงานอะไรรึเปล่า



“สรุปว่าค้างไม่ได้สินะ”



“ก็  คงงั้นแหละ” ผมพยักหน้าเออออไป  จริงๆอยากจะค้างนะเหนือ  แต่มันไม่ได้จริงๆ



“ครับ”  ผมมอเจ้าของห้องทำหน้าสลดนิดๆ  ทำให้คนมองอย่างผมใจคอไม่ดีเลย



“อ..เอ่อหรือจะค้างดี”



“จริงหรอข้าว!” ทำไมตอนนี้ทำหน้าทำตาเป็นประกายนักละ  เมื่อกี้ยังไม่เห็นเป็นงี้เลย!! “จะค้างกับเหนือใช่ไหม”  น้ำเหนือถามผมอีกครั้ง  ค้างก็ได้ว่ะ  ไม่อยากกลับห้องไปอยู่กับไอ้ฮาร์ทอยู่แล้ว  นอนบ้านแฟนซักวันก็ไม่เห็นจะเป็นไร  เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง  ชีวิตจะได้มีสีสัน เกี่ยว?



“อือ ค้างก็ได้” สุดท้ายก็ตกลง  รู้สึกใจง่ายยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ



“งั้นข้าวไปอาบน้ำก่อนนะ  เดี๋ยวเหนือหาเสื้อผ้าที่ข้าวพอจะใส่ได้ให้”



“โอเค”  ผมมองดูนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ที่เลขเก้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบเอ็ด  ดึกแล้วหรอว่ะเนี้ย  อยู่นี่คงต้องนอนเร็วกว่าที่หอละนะ  ถ้าที่หอวลานี้ผมยังไม่นอนหรอกครับ  อาบน้ำเสร็จก็สิงสถิตกับเกมส์ในคอมไม่ก็แข่งกันกับไอ้ฮาร์ท  บางครั้งแถบไม่ได้หลับได้นอนกันเลย  ว่าแต่ห้องของน้ำเหนือมันพอจะมีเกมส์ให้ผมเล่นบ้างป่าวว่ะ  ผมลงจากเตียงกวาดสายตามองหาเครื่องเล่นเกมส์ก็ไม่พบ



“ไม่มีหรอว่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองอย่างเสียดาย  ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าน้ำเหนือชอบเล่นเกมส์แค่ไหน  เพราะเมื่อก่อนเราก็เล่นด้วยกันบ่อย  แต่อาจจะเพราะโตแล้วเลยห่างๆหรืออาจเลิกเล่นไป  แต่ผมก็ยังเห็นน้ำเหนือเล่นกับไอ้ฮาร์ทอยู่เลยนะเวลาไปที่หอของพวกผม



“หาอะไรอยู่หรอข้าว” เสียงดังอยู่ข้างหลังผม  ผมสะดุ้งเล็กน้อย  ผ้าขนหนูถูกยื่นมาให้จากข้างหลัง  ลมหายใจเป่ารดอยู่ตรงหลังคอทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมา  ใจก็เต้นตุบๆ  เหมือนมีใครมาทุบมันเล่น



“ขอบคุณ” ผมรับผ้าคนหนูแล้วเอ่ยขอบคุณเจ้าของห้องที่ยังไม่ถอยห่างจากผม  ผมจึงเอียวตัวไปมองแล้วจึงถามถึงสิ่งที่กำลังหาอยู่ 



“เกมส์นะ  ห้องของเหนือมีหรือเปล่า”



“เกมส์?”



“อืมๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก



“อยากเล่น?” น้ำเหนือเลิกคิ้วถาม



“ถ้าได้ก็ดี” ผมตอบ



“ไปอาบน้ำแล้วคอยมาเล่น”



“แสดงว่ามีเครื่องเล่นเกมส์ใช่ป่ะ” คราวนี้ผมหันไปมองเจ้าของห้องตรงๆ  รู้สึกถึงความสุขหลังการอาบน้ำเลย คิคิ



“มี  แต่ต้องเอามาต่อก่อนอ่ะ  อาบน้ำเสร็จก็น่าจะได้เล่น”



“งั้นไปอาบน้ำก่อนนะ” พอได้คำตอบผมก็ถึงกับอยากหายตัวเข้าไปในห้องน้ำภายในหนึ่งวิกันเลยทีเดียว  ได้ยินเสียงหัวเราะของน้ำเหนือตามหลังมาด้วย



“ข้าวเสื้อผ้าวางไว้บนโต๊ะห้องแต่งตัวนะ”

.

.

.

จึกๆ

เสียงกดจอยเกมส์ดังไม่หยุด  ผมกำลังมันส์กับการยิงกับศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตของผม  ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมาเท่าไร  แต่ถ้าบอกตามความรู้สึกผมน่นก็ประมาณซักสองสามชั่วโมงกว่าๆแล้ว



“ข้าวเลิกเล่นแล้วมานอน”  คนที่นั่งอ่านหนั่งสืออยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเอ่ยขึ้น  ผมไม่ได้หันไปมองแต่ก็ตอบเหมือนเวลาพูดคุยกันปกติ



“ขออีกนิดนะเหนือ  กำลังมันส์” ปากพูดมือก็กดยิกๆ



“แต่จอยพังไปอันหนึ่งแล้วนะข้าว” ชะอุ้ย !  ไม่ได้ตั้งใจปิดบังนะครับ  ก็แหมมันมันส์มือ  พอตอนเกมส์มันเสียก็พลั้งเผลอวางมันแรงไปนิ๊ดดด  เลยทำให้จอยมันกระทบกับพื้นจนดังปัง ! แล้วตามมาด้วยเศษจอยชิ้นเล็กๆกระจายตามพื้นห้องนิดหน่อย  แล้วพอกดปุ่มอีกทีมันก็แค่ไม่ขยับเลยเท่านั้นเอง  มันไม่ถึงกับพังหรอกครับ



“ขออีกนิดไม่ได้หรอเหนือ” ผมหันไปสบตาปิ๊งๆ ขอร้องอ้อนวอนผ่านสายตาให้อีกคนยอมให้ผมได้เล่นต่อ  แต่สายตาที่ส่งมานั่นมันทำให้



“เกมส์โอเวอร์!”



“ม๊ายยยย  อ๊ากกกก!!!” เพราะมั่วแต่หันไปสบตากับเจ้าของห้อง  ฮืออ ทั้งๆที่อุตส่าห์ประครองชีวิตที่มีแค่หนึ่งแล้วเชียวว  ไม่น่าเลย



“อย่าปาจอยทิ้งนะข้าว” เสียงดุๆเตือนขึ้นมา  ผมที่กำลังง้างมือขึ้นสูงเหนือหัวเตรียมทำลายมันเต็มที่ก็ต้องชะงักมือค้างไว้กลางอากาศแล้วค่อยๆเอียวตัวไปมองทางคนที่พูด



“มะ ไม่ได้จะปา  ข้าวแค่จะวาง” ผมบอกแล้วค่อยๆลดมือลงวางจอยลงบนพื้นอย่างเบามือ  สายตาของน้ำเหนือยังคงจับจ้องมาที่ผม  ไม่ได้ตั้งใจจะปามันจริงๆ  นี่แค่ตั้งใจวางทุกคนโปรดเชื่อผม พอวางจอยลงผมก็เก้ๆกังๆ  คือทำตัวไม่ถูกไม่มีอะไรให้ทำไง  ไม่กล้ากดเกมส์เล่นอีกครั้งด้วย  กลัวเจ้าของห้องมันว่า  พึ่งจะมาสำเนียกตัวเองว่าไม่มีความเกรงใจก็ตอนโดนดุเมื่อกี้นี้แหละ  งั้นเอางี้แล้วกันเนอะ



“หาวว  ง่วงนอนจังเลย  กี่โมงกี่ยามแล้วหนออ” ทำทีเป็นหาวนอนแล้วค่อยๆลุกขึ้นบิดขี้เกียจซักนิดพอเป็นพิธี  แล้วย่างกายเดินไปทางเตียงที่อยู่กลางห้อง  ค่อยๆล้มตัวนอนตามสเต็ปไม่ลืมดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ระดับอก  ปิดเปลือกตาลงช้าๆ  หูก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ  ไม่กล้าเปิดตาเกรงใจเจ้าของห้องครับ  รู้สึกอีกทีก็ตอนที่ที่นอนข้างๆมันยุบลง  ผมหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยก็เห็นว่าไฟในห้องมืดสนิท  แต่ก็ยังมีแสงจากโคมไฟบนหัวเตียงพอให้มีแสงสว่าง



“ไหนว่าง่วง”  น้ำเหนือถาม  นอนตะแคงข้างหันมาฝั่งผม



“ก็ หาวว นี่ไง ง๊วงง่วง”



“ง่วงก็หลับตาสิ ไม่ใช่ลืมตาแบบนี้”



“อื้มมม” น้ำเหนือหยิกเข้าที่แก้มผมจนมันยืดออก



“ทำจอยพังจ่ายค่าเสียหายมาด้วยนะข้าว”  อะไรว่ะแค่จอยพังเอง  งก ว่ะ



“งกหรอ  แค่พังเองชิๆ ไอ้คนขี้งก!” แบบนี้ต้องต่อว่า



“เปล่าซักหน่อย”



“ไอ้คนขี้งก!” ผมยังคงว่าคนขี้งกปาวๆๆ  โด่ซื้อให้ใหม่ก็ได้มันจะกี่ตังค์กันเชียว  “เดี๋ยวซื้อคืนให้ก็ได้เอ้า!”



“พูดจริงนะ  ต้องได้แบบเดิมรุ่นเดิมนะข้าว”



“จริง ! เดี๋ยวไปซื้อให้พรุ่งนี้เลยก็ได้”



“อืม  ... ราคาก็ต้องไปซักประมาณสองพันกว่าๆ  ข้าวโอเคนะ”



“เชี้ย!!” ผมถึงกับหลุดคำหยาบออกมาเลย  จอยบ้านมึงหรอทำไมแพงแบบนี้  แพงโคตรๆ  ไอ้คนที่บอกราคานี่ก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่พูดเลย  เงินนั่นสามารถกินข้าวได้หลายมื้อเลยนะเว้ย



“พูดไม่เพราะเลย”



“ตบปากข้าวไมว่ะเหนือ” ผมเบ้ปากใส่คนที่ใช้มือตบเข้าที่ปากผมไม่เบาแต่ก็ไม่แรง



“ก็พูดไม่เพราะ  คำหยาบนี่เก็บไว้ใช้กับไอ้ฮาร์ทก็พอ”



“ทำไมถึงใช้กับเหนือไม่ได้อ่ะ”



“เหนือไม่ชอบให้ข้าวใช้คำหยาบ  มันไม่น่ารัก”  ผมยู่ปากใส่คนที่มองมาด้วยสายตาดุๆ  ถ้าผมยังคิดจะเถียงคาดว่ามันไม่ใช่ใช่แค่โดนตบปากแล้ว



“ถ้าข้าวพูดเพราะๆกับเหนือ  ข้าวก็ไม่จำเป็นต้องชดใช้เรื่องจอยเกมส์ใช่ไหม” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงจากที่พูดปกติมาเป็นเสียงอ้อนๆแทน  เอาสิ! ข้าวคนนี้จะไม่ยอมชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ ฮ่าๆๆๆ



“มันคนละเรื่องกันไหมข้าว หึๆ”



“เรื่องเดียวกันดิ  ข้าวรวมได้  สรุปยกหนี้ให้ป่าว  ข้าวจนข้าวไม่มีตังค์  แม้แต่ตังค์จะกินข้าวข้าวยังไม่มีเลย” ผมกระพริบตาถี่ปิ๊งๆให้อีกคนยอม



“แต่จอยนั้นเพื่อนเหนือซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดนะ”  ของขวัญที่เพื่อนซื้อให้หรอว่ะ  ขอโทษครับคุณเพื่อนของน้ำเหนือ  กระผมข้าวหอมไม่ได้ตั้งใจ



“แต่ข้าวไม่ได้ตั้งใจ  ขอทานะเหนือ  ครั้งนี้ถือว่ามันพลั้งเผลอไป”



“แต่ที่เหนือเห็นคือข้าวตั้งใจนะ”



“เหนืออ่า..” ผมลากเสียงยาวว  เพราะเหมือนอีกคนจะไม่ยอมให้ผมจริงๆ



“หึๆ”



“ขำอะไรเล่า!” ผมโวยพร้อมกับทุบมือใส่ร่างอีกคน



“ขำข้าว ของมันพังไปแล้วก็ช่างเถอะ เหนือไม่ได้อะไรอยู่แล้ว” น้ำเหนือบอกอย่างไม่ใส่ใจ



“แต่มันเป็นของที่เพื่อนให้เหนือนะ” รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำของที่เพื่อนให้พัง  แต่คนได้รับเหมือไม่ได้ใส่ใจเท่าไร



“มันไม่รู้นิว่าพัง  จริงมั้ย  ข้าวไม่พูดเหนือไม่พูด  มันไม่รู้หรอก”



“แล้วใครเป็นคนให้หรอ” ผมถามเพราะอยากรู้



“ไอ้ฮาร์ทน่ะ”



“ห้ะ  ไอ้เชี้ยฮาร์ทหรอ”



“อืม”  เห  แบบนี้มันน่าจะทำพังอีกซักอันจริงๆ หึๆ



“อย่างไอ้ฮาร์ทมันไม่น่าจะซื้อของที่มันชอบให้เหนือนะ”



“เฮ้ออ ก็เพราะมันซื้อมาเพื่อเล่นตัวเองนั่นแหละ  ถ้าวันไหนมาค้างบ้านเหนือมันก็เอาเล่นเองซะส่วนใหญ่”



“ชั่วจริงๆ”



“ว่าใครชั่ว หืม”



“ว่าไอ้ฮาร์ท  ไม่เกี่ยวกับเหนือเลย”



“ครับ  นอนได้แล้วดึกแล้ว”



“อืม  ฝันดีนะเหนือ”



“ฝันดีครับข้าว”



ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ  ไฟโคมไฟถูกปิดโดยน้ำเหนือแล้ว  ทำให้ในห้องมืดสนิทจริงๆ  แต่ก็ยังมีแสงจากดวงจันทร์ข้างนอกลอดผ่านระเบียงมา  ผมยังไม่หลับอาจจะเพราะแปลกที่  จึงได้แต่ขยุกขยิกดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง  จนเมื่อรู้สึกถึงแขนที่พาดอยู่บนเอวทำให้ผมหยุดดิ้นแล้วนอนนิ่งๆ



“นอนไม่หลับหรอข้าว” เสียงน้ำเหนือดังอยู่ใกล้ๆหู  ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดตรงส่วนต้นคอให้รู้สึกขนลุกชัน



“อ..อืมๆ ยังไม่นอนหรอ” ผมถาม



“หลับไม่ได้หรอกมีคนนอนดิ้นอยู่แบบนี้”



“ขอโทษ..” ผมพูดเสียงแผ่วเพราะทำให้น้ำเหนือนอนไม่หลับเพราะผมดิ้นไปดิ้นมา



“หันมานี่สิ” ผมพลิกตัวหันหาน้ำเหนือโดยง่าย  พูดครั้งเดียวฟัง  น้ำเหนือรั้งตัวผมเข้าไปหา  แขนข้างหนึ่งสอดเข้ามารองใต้หัวผม  ส่วนอีกข้างก็รั้งดึงผมเข้าไปแนบชิด  หน้าผมอยู่ตรงส่วนแผ่นอกของอีกคน  ผมวางหน้าลงบนแผ่นอกแกร่งนอนฟังเสียงหัวใจเต้นของอีกคน  ผมค่อยๆหลับตาลง  ความอบอุ่นจากอ้อมแขนคนที่กอดผมมันเป็นเหมือนยานอนหลับชั้นดีสำหรับผม  ผมต้องการอ้อมกอดนี่มานานแค่ไหนกันนะ  รู้สึกอุ่นไปถึงใจเลย  อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง



“...เหนือ”



“หืม  ว่าไง”



“เราเป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม”



“อืม เป็นสิ  ทำไมถึงถามแบบนั้นละ”



“อยากมั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่ฝัน”   ผมถามเพราะต้องการความมั่นใจว่าสิ่งที่ผมพบเจออยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ฝัน  ฝันที่ผมไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นด้วยซ้ำ  มันเป็นฝันดีที่สุดของผมเลย



“มันเป็นความจริงข้าว” น้ำเหนือใช้นิ้วลูบอยู่บนแก้มของผม  ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่จ้องมองผมก่อนหน้าอยู่แล้ว  ดวงตาคมส่งผ่านความอ่อนโยนมาให้ผม  “ความจริงที่ว่าเราเป็นแฟนกันร้อยเปอร์เซ็น”



“ข้าวชอบเหนือนะ งื้มม” ผมเข้าไปซุกอกน้ำเหนือแน่นไม่กล้าที่จะสบสายตาคมกล้าแม้แต่นิด  ก็เพราะไอ้ประโยคที่ตัวเองพูดนั่นแหละ  เขินก็เขิน  แต่จะทำยังไงได้  ปากมันพูดไปเองนี่นา



“หึๆ แค่ซุกก็พออย่าส่ายหน้าได้ไหม  มันจักจี้”



“ไอ้บ้า !” ผมส่ายหน้าตอนไหนกัน  ใส่ความกันชัดๆ



“บ้ายังไงก็แฟนข้าว”



“ไม่พูดด้วยแล้ว!” ผมพลิกตัวหันไปอีกทาง  พอหันหลบอีกคนได้ก็นอนยิ้มแป้นคนเดียว  อยากจะหัวเราะ  กรี๊ดร้องดังๆว่ามีความสุขมากแค่ไหน  ผมว่าน้ำเหนือไม่บ้าหรอก  อาจจะเป็นผมเองที่บ้า



“..ข้าว”



“อะไรอีกละ คนจะนอน” ผมแกล้งทำเสียงบ่น



“หันมานี่หน่อยเร็ว”



“ไม่!”



“ไม่หันจริงหรอ”



“ไม่!” ผมยังคงปฎิเสธไม่หันไปหรอก



“ถ้างั้น...”



“เฮ้ย !!! ทำไรเนี้ย” จู่ๆก็ถูกกระชากให้นอนตัวตรงแล้วน้ำเหนือก็ตามขึ้นมาคร่อมทับร่างผมไว้  ผมเบิกตากว้างเพราะตกใจ  ใจก็เต้นรัวแรงจะกระเด็นออกมาตอนไหนก็ไม่รู้



“ก็ข้าวไม่ยอมหันมาดีๆ”



“ล.. ละ แล้วมีอะไร” ผมถามเสียงสั่น  น้ำเหนือลูบแก้มผมแผ่วเบา  นิ้วน้ำเหนือสัมผัสอยู่ที่ริมฝีปากของผม  ทำให้ผมต้องเม้มมันไว้  ใบหน้าเรียบนิ่งค่อยๆเลื่อนลงมาใกล้ๆ  ลมหายใจร้อนรินรดข้างแก้มของผมให้รู้สึกหัวใจเต้นถี่แรงกว่าเดิม



“ก็แค่อยากจูบ” น้ำเสียงเพร่ากระซิบชิดใบหู



“...” ผมตัวแข็งถือไม่กล้าขยับตัว



“..จูบก่อนนอนจะได้ฝันดีไงครับที่รัก” ผมกัดปากตัวเองแน่น  รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย  ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะเมื่อน้ำเหนือเม้มเข้าที่ติ่งหูผมเบาๆแล้วผละออกมามองหน้าสบตากับผม



“อื้มม..” น้ำเหนือทาบทับริมฝีปากตัวเองเข้ากับผม  จูบที่ไม่รุกล้ำ  มีเพียงแค่จูบเน้นย้ำตรงมุมปาก



“เปิดปากหน่อยสิคนดี” เสียงเพร่ากระซิบบอกชิดริมฝีปาก  ผมทำตามคำขอของน้ำเหนือยอมเผยอปากให้อีกคนสอดเรียวลิ้นนุ่มชื่นเข้ามา  แรงเบียดเสียดของร่างกายทำให้เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมา  ผมกอดรั้งคอคนด้านบนให้เข้ามาแนบชิดกันให้มายิ่งขึ้นพร้อมกันเอียงองศาให้พอดี  จูบที่เน้นหนักบ้าง เบาบ้าง  ทำให้สติที่มีอยู่เริ่มมลายหายไป  มีแค่ความรู้สึกร้อนเท่านั้น  จนเมื่ออีกคนทอดถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ้ง  ไม่วายยังมาดูดดึงปากล่างของผมเล่นอีกรอบ



“กู๊ดไนท์คิส  ดาร์ลิ่ง”




“อื้อ!  >//////////<”





TBC.



ไม่ฟินขออภัยนาจา :katai5:

ปล.เรื่องนี้มีสามพีด้วยนะ  คึคึ
:-[ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2016 00:16:26 โดย Cencer »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น้ำเหนือ ข้าวหอม  :mew1: :mew1: :mew1:
แม่ ป้า ของน้ำเหนือ ยอมรับลูกสะใภ้ แล้ว
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
เด่วนะ บอกว่ามี 3P  อย่าบอกนะว่า มีน้ำเหนือ ข้าว ฮาร์ท - - เดาเอานะ ตกใจเเพ๊พ

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
13

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

(เวฟXอาร์มXเพียว)

#เวฟ

“สวัสดีครับรุ่นพี่สุดหล่อ”   

“หวัดดีไอ้เปี้ยก”

“โห้ ! ผมออกจะตัวใหญ่  พี่มองไงเปี้ยกว่ะ”

ผมมองเด็กปีหนึ่งที่เป็นน้องร่วมคณะเดียวกันเป็นต้องส่ายหัว  ถ้าตัวมันใหญ่อย่างที่ว่านะบอกเลย  ผมคงยักษ์วันแจ้งดีๆนี่เอง 

“แล้วนี่เพื่อนสนิทพี่หายไปไหนหมดว่ะ”

“ไอ้เพียวน่าจะแดกเด็กยังไม่เสร็จ  ส่วนไอ้ข้าวคงอยู่กับผัวมันมั้ง” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ  เพราะรู้ๆกันอยู่  สำหรับไอ้เพียวคงไม่แปลก  แต่ไอ้ข้าวนี่สิแปลก  แปลกนี่ไม่ได้สำหรับผมนะครับ  แต่แปลกสำหรับไอ้เด็กปีหนึ่งที่มาเสร่อนั่งร่วมโต๊ะรุ่นพี่อย่างผมเนี้ยสิ  นี่ถ้ามันไม่บอกว่าผมหล่อน่ะ  ผมได้สั่งซ่อมมันแล้ว  มีอย่างที่ไหนรุ่นพี่ยังไม่สั่งให้นั่งเลยนั่งเองซะงั้น

“สรุปนี่เฮียข้าวชอบ เอ่อ...”

“ผู้ชาย?” ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์มองหน้ารุ่นน้อง  มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าอยากเสือกเต็มที่ 

“ใช่ๆพี่  คือเห็นสถานะเฮียข้าวในเฟซบุ๊คขึ้นคบกับผู้ชาย ผมคิดว่าเป็นเพื่อนแกล้งกัน  แต่ไปอ่านเม้นที่พวกพี่คุยกันแล้วก็เกิดความสงสัยใคร่รู้  แต่ผมไม่กล้าเม้นถามอ่าพี่  สรุปเรื่องจริงใช่ไหมว่ะ”

“เสือกจริงนะมึง” ผมเป็นต้องด่ามันไม่ได้

“เฮ้ย ! ผมจำคำพูดพวกพี่ไว้นะเว้ยในตอนที่รับน้อง  พวกพี่บอกว่าเรียนนิเทศต้องเสือกเรื่องชาวบ้านให้เป็นไม่งั้นจะเป็นนักข่าวไม่ได้  ผมจำได้พี่เป็นคนพูดเองด้วย” 

“เรื่องเรียนมึงจำได้แบบนี้ไหมว่ะ”

“ไม่อ่ะพี่  เรียนมานี่หลับแทบทุกคาบว่ะ ฮ่ะๆ”

“มึงไม่น่าเป็นน้องรหัสกูเลยไอ้เวร ! เด็กอะไรไม่ตั้งใจเรียนดูพี่อย่างกูเป็นตัวอย่างด้วย”  ผมเขกกระบานมันไปสองสามที 

“โอ๊ย!พี่ผมเจ็บนะเว้ย”  มันลูบหัวตัวเองขมุบขมิบปาก  รู้หรอกว่าด่าผม

“ด่ากูอยู่รึไง?” ผมเลิกคิ้วถามมันเงยหน้ามาถลึงตาใส่  ยกนิ้วกลางให้ผม  “เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้เด็กเวร” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน  อย่าให้กูเอาจริงนะมึง  มึงตายคาตีนกูแน่ๆ

“ทะเลาะไรกันว่ะ  พี่น้องคู่นี้เห็นทะเลาะกันตั้งแต่วันจับพี่รหัสน้องรหัสแล้ว” 

“ก็มันกวนตีนกูนี่หว่า ... ไอ้เหี้ยเหนือมึงเอาลูกกูไปคลุกไว้ทั้งวันเลยนะมึง” 

ผมมองไอ้ข้าวเดินเข้ามาพร้อมกับไอ้เหนือ  ตัวมันนี่ติดกันจริงๆ  เมื่อวานไอ้ข้าวมันโทรมาบอกว่าให้เช็คชื่อให้มันด้วยเพราะแม่งหนีไปเดทกับผัวไง  แล้วไหงวันนี้มาด้วยกันอีก  ช่วงข้าวใหม่ปลามันก็ต้องเข้าใจอ่ะนะ  เมื่อแรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน

“ใครลูกมึงไอ้เวฟ  พ่อแม่กูหน้าไม่เหี้ยแบบนี้”

“ปากมึงนี่น่าโดนดูดให้บวมจริงๆนะไอ้ข้าว”  เดี๋ยวพ่อจับดูดปากโชว์ผัวเลยนิ

“ตีนกูไหมไอ้เวฟ”ไอ้เหนือมันเหล่ตามอง พูดเสียงแข็งใส่  ไอ้นี่ก็หวงจริง  มึงเพิ่งคบกันได้กี่วันเอง  หวงแม้กระทั่งเพื่อนอย่างกูเลยหรอว่ะ 

“หวงจริงนะมึง  ไอ้ข้าวมีไรดีว่ะ  ดูสิขี้เหร๊ขี้เหร่  ขี้เกียจตัวเป็นขน  ขี้เหม็นอีกต่างหาก”

“แล้วขี้บ้านมึงหอมหรอไอ้เวฟ!!” ไอ้ข้าวแหวใส่ผม  ผมทำไม่สนใจสียงมันเห่าแกล้งมันต่อดีกว่า  สนุก ฮ่าๆๆ

“กูว่านะ  มึงควรไปเช็คสภาพตามึงว่ะไอ้เหนือ  หรือมึงโดนขุนใสไอ้ข้าว  สภาพอย่างไอ้ข้าวไม่น่ามีคนเอาว่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยเชี้ย!”

“ว่าเฮียข้าวผมทำไมห้ะไอ้เหี้ยพี่เวฟ!” ไอ้เด็กนี่เดี๋ยวพ่อก็จับโขกโต๊ะหรอก  คิดว่ามันขึ้นเรียนแล้วซะอีก

“กูพี่รหัสมึงนะกล้าทำกับกูแบบนี้หรไอ้เด็กวร ไปไหนก็ไปเลยไปเดี๋ยวกูโบก” ผมยกมือจะตบหัวมันแต่มีเสียงไอ้เพื่อนตัวดีมันโพล่งขึ้นมาก่อน  แดกหญิงเสร็จแล้วสิมึง

“ไอ้เวฟมึงนี่ชอบทำร้ายร่างกายน้องมันจริงๆ เป็นรุ่นพี่ที่สารเลวสัสๆ”  มาถึงก็ปากน่าโดนตีนกระแทกจริงๆนะมึง

“กูสารเลวไม่เท่ามึงหรอกไอ้คุณเพียว”

“ยังไง?” มันทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม  แล้วดึงเอาโทรศัพท์ผมที่เปิดเกมส์ค้างอยู่ไปเล่น

“แล้วมึงมาแย่งเกมส์กูเล่นทำไมว่ะ  โทรศัพท์มึงก็มีน่ะไอ้เพียว” ผมมองไอ้เพียวที่กดสัมผัสหน้าจอเล่น 

“แบ่งๆกันมึง  แค่นี้ทำหวง”

“แบ่งตลอดละไอ้เหี้ย ! ถ้าแพ้ละน่าดู”

“ระดับกูไม่แพ้หรอกเว้ย  ว่าแต่เมื่อกี้กูสารเลวยังไงมึงยังพูดไม่จบนะ”  ไอ้เพียวมันถามแต่ตามองเกมส์

“เออกูก็อยากรู้” ไอ้ข้าวมันทำหน้าอยากรู้เต็มที่ 

“ผมด้วย”  ไอ้เด็กกวนตีนนี่ก็ด้วย

“...”  ส่วนไอ้เหนือตามสไตล์ครับ  นิ่งๆ เงียบๆ สงสัยจะลืมเสียงไว้ที่ตู้เซฟในบ้าน  ผมทำหน้าเอือมๆก่อนตอบ

“ฟันแล้วทิ้ง” ผมว่า  ไอ้เพียวกดสตอปเกมส์แล้วเงยหน้ามามองผม

“กูจะคิดว่ากูเป็นกระจกสะท้อนกลับไปหามึง”  ดูมันตอบสิครับ  มันพูดแบบนี้มันก็ว่าผมด้วย  กระจก? สะท้อนกลับโดนกูเต็มๆเลยครับ

“สัส!” ผมตบหัวมันข้อหากวนตีนผม “แล้วมึงเมื่อไหร่ไสหัวไปห้ะไอ้เหนือ  มาส่งมันแล้วก็กลับไปเลยไป  ไปคณะมึงอ่ะไป” ผมบอกไล่ๆ
มัน  มันยังคงนั่งนิ่ง แม่งขยับปากบ้างก็ได้

“แล้วมึงจะไปเสือกกับมันทำไหมว่ะ  มันจะอยั่บเมียมันก็ปล่อยไปดิ  อิจฉา?” ไอ้เพียวมันว่า 

“อย่าไปสนไอ้บ้าเวฟเลย  มันสติไม่ดีอ่ะเหนือ” ดูปากมัน  แบบนี้แม่งต้องจับตีนยัดปากแล้ว 

“ตีนไหมไอ้ข้าว” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน  ไอ้ข้าวมันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมโคตรกวนตีนอ่ะครับ  ส่วนแฟนมันนี่แบบนั่งยีหัวไอ้ข้าวเล่นงี้   ไม่องไม่อายเพื่อนบ้างเลย  คิดว่ามันจะไม่กล้าต่อหน้าพวกผมซะอีก

“พี่ผมต้องไปเรียนแล้วว่ะ” ผมหันไปมองน้องรหัสตัวเองที่มันเอ่ยขึ้น  จริงๆมันควรไปตั้งนานแล้วไหม

“เออๆรีบไสหัวไป” ผมไล่มัน  มันยู่ปากใส่ผมก่อนจะบอกลาแล้ววิ่งแจ้นไปขึ้นตึกเรียน ส่วนพวกผมรอเวลาครับ  ยังไม่ถึงก็นั่งชิวๆไป
ก่อน  ส่วนไอ้เหนือก็จะไปตึกคณะมันเหมือนกัน  ไอ้ข้าวก็เลยเดินไปส่งขึ้นรถ  แม้ห่างกันไม่ได้เลยจริงๆ  ผมละอยากจะรู้ว่านานๆไปมัน
จะเป็นยังไงจะตัวติดกันแบบนี้ตลอดไปรึเปล่า 

“หวานกันจริงนะมึง” ไอ้เพียวมันเงยหน้ามองไอ้ข้าวที่ส่งไอ้เหนือขึ้นรถเสร็จก็กลับมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวเหมือนคนบ้า  ผมเองก็คิดแบบไอ้เพียวแม่งหวานกันเกินหน้าเกินตากู  ผมไม่ได้อิจฉานะเว้ย  ไม่เลย

“เรื่องของกู” ไอ้ข้าวสวนกลับ  มันน่าโดนตีน

“เรื่องของมึงไงไม่ใช่เรื่องของกู” ผมกวนมันกลับ  ไอ้ข้าวมันเลยหันมาจ้องผมเขม็ง

“กวนตีนนะไอ้เวฟ” ผมไหวไหล่ไม่สนใจ  ทำทีแย่งโทรศัพท์ของผมจากไอ้เพียวมากดเล่นเกมส์เอง  ไอ้เพียวมันก็ปล่อยให้ผมง่ายๆ

“เออไอ้ข้าว  ตอนนี้มึงก็คบกับไอ้เหนือแล้ว   มึงจะเอาไงต่อกับเรื่องไอ้นั่นว่ะ” ไอ้เพียวมันถาม   ผมเองก็ลืมนึกไปเลย  ไอ้นั่นที่ไอ้เพียวว่าก็ไอ้คนที่ชอบไอ้ข้าวไง  เด็กถาปัตอ่ะครับ 

“...” ไอ้ข้าวมันขมวดคิ้วทำหน้าเครียดๆ  จนผมต้องเอาโทรศัพท์ไปเคาะๆหน้าผากมัน

“คิดไรเยอะแยะว่ะ”

“ก็กูไม่รู้จะเริ่มยังไงนิ”

“เด็ดขาดไอ้ข้าว  แต่กูว่าตอนนี้แม่งคนรู้แล้วละ” ผมบอก ไอ้ข้าวยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

“ทำไมว่ะ?” ยังกล้าถามอีกนะมึง

“ก็สถานะบนเฟสมึงเด่นหราขนาดนั้น  คงไม่มีคนรู้หรอกมั้ง  กูว่าคนรู้ทั้งมออ่ะ” ผมบอกตามจริง  ไอ้เหนือใครบ้างจะไม่รู้จัก  ใครๆก็ต่าง
รู้จักฉายามันดีทั้งนั้น  ถึงแม้ไอ้ข้าวมันจะไม่ใช่คนที่เด่นดังอะไรเท่าไอ้เหนือ  แต่พอมันสองตัวคบกันใครๆก็ต่างให้ความสนใจอยู่แล้ว 
ยิ่งพวกเด็กเก่าหรือคู่ควงไอ้เหนือเชื่อสิร้อยทั้งร้อยแม่งต้องยากรู้ว่าไอ้ข้าวมันเป็นใคร  ยังไงถึงมาคบกับไอ้เหนือได้  แล้วอีกอย่างเสือกเป็นผู้ชายซะด้วย

“...” ไอ้ข้าวไม่พูดอะไร  มันเพียงแค่พยักหน้าคิดตามสิ่งที่ผมบอก

“จะเอาไงว่ะ” ไอ้เพียวถาม

“กูว่าจะคุยกับพี่เขาตรงๆว่ะ”  ไอ้ข้าวบอก 

“ก็ดีแล้ว  รีบเคลียร์ๆให้จบ  ไม่งั้นกูว่ามึงมีปัญหากับเชี้ยเหนือแน่”

“อืม” ไอ้ข้าวรับคำในคอ  มันหยิบโทศัพท์กดจึกๆแปบเดียวก็มีสายเรียกเขาโทรมาหามัน

“ฮัลโหลครับ..”  ผมกับไอ้เพียวหันมาจ้องกันเข้าใจตรงกันว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร  พวกผมเงียบฟังไอ้ข้าวคุยโทรศัพท์

“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่...ใช่ครับ  ที่ร้านที่ผมทำงาน...ครับ...บายครับ” ไอ้ข้าวกดวางสาย  มันยังไม่พูดอะไรมองโทรศัพท์นิ่งๆ  ผมเลิกคิ้ว
มองมันเล็กน้อย  เครียดขนาดนั้นเชียว

“มันว่าไงบ้างว่ะ” ผมถาม

“พี่เขาบอกจะมาคุยกับกูเย็นนี้ว่ะ”

“เออๆๆ”

“พวกมึงไปอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหมว่ะ”

“ห้ะ!/ห้ะ!” ผมกับไอ้เพียวพูดขึ้นพร้อมกัน

“ไม่เอาอ่ะกูมีนัด” ไอ้เพียวมันรีบตอบทันที

“กูก็มีนัดแล้ว” ผมเองก็รีบบอกไม่ต่างกัน 

“พวกมึงจะให้กูไปคุยกับพี่เขาแค่สองคนหรอว่ะ” มันบอกเสียงอ่อย

“มันเป็นเรื่องของมึงนิ  พวกกูไม่เกี่ยว” ผมบอก

“ไปอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย  อีกอย่างถ้าพวกมึงไปด้วยเหนือมันจะได้ไม่ว่าไง”

“แล้วทำไมมึงไม่พาไอ้เหนือไปเองเลยละ” 

“กูไม่อยากให้เหนือมันรู้เรื่องนี้  ไปเถอะนะ นะๆๆกูเลี้ยงขนม  น้ำพวกมึงก็ได้” มันบอกอ้อนๆ  ซึ่งหาได้ยากจากไอ้ข้าวที่มีนิสัยชอบกวน
ตีนพวกผมตลอด

“เอาไงมึง” ไอ้เพียวหันมาถามผม  ผมไหวไหล่  ไปก็ไป  ไม่ได้เห็นแก่ของกินฟรีนะครับ  สงสารเพื่อน

“เออ”

“เออนี่ตกลงใช่ไหมไอ้เวฟ” ไอ้ข้าวถาม  ผมพยักหน้ามันก็ยิ้มดีใจทันที  อยากจะถีบมันจริงๆ 

“เออ  ไอ้เพียวละมึงว่าไง”

“มึงว่าไงก็ว่าแบบนั้นอ่ะ”



#เพียว

“เออ  ไอ้เพียวละมึงว่าไง” 

ตอนนี้ผม ไอ้เวฟ ไอ้ข้าวกำลังนั่งคุยกันเรื่องที่ไอ้ข้าวมันจะไปคุยกับไอ้รุ่นพี่นั่นตอนเย็น  เห็นมันบอกว่านัดที่ร้านที่มันทำงานอยู่  ไอ้เวฟหันมาถามว่าจะยังไง 

“มึงว่าไงก็ว่าแบบนั้นอ่ะ”

“งั้นตกลงแล้วนะ” ไอ้ข้าวมันบอก

“เออๆ”

เลิกเรียนพวกผมจึงพากันมาร้านที่ไอ้ข้าวมันทำงานอยู่  พอถึงร้านไอ้ข้าวมันก็ขอตัวไปเปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มของร้าน  ผมกับไอ้เวฟก็
เลยหาที่นั่งสั่งเครื่องดื่มคอยพรางๆ  จนไอ้ข้าวเดินออกมา  มันหยิบอุปกณืเครื่องมือของมันที่ต้องทำในทุกครั้งเดินเข้ามาหาพวกผม

“สั่งอะไรไปยังว่ะ”

“อืม” ผมตอบมัน  มันเลยพยักหน้า

“แล้วจะมาเมื่อไร?” ไอ้เวฟถาม  ไอ้ข้าวส่ายหัว 

“ไม่รู้อ่า  พี่เขาบอกว่าเรียนเสร็จแล้วจะรีบมา” ไอ้ข้าวมันบอก  พวกผมเลยไม่ถามมันต่อ  มันเลยขอตัวไปทำงานของมัน  ร้านนี้เป็นร้านนั่งชิลๆครับ  ร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก   ลูกค้าที่นี่ก็เยอะเหมือนทุกๆครั้งที่มา  แถมเจ้าของร้านยังหล่อและใจดีโคตรๆ  ถึงจะมาไม่บ่อยแต่ก็พอจะรู้จักพี่มันอ่ะนะ  ไอ้ข้าวมันก็แนะนำให้พอรู้จักกันบ้าง  ไม่นานของที่สั่งก็มาเสริฟผมก็ยกกาแฟขึ้นสูดกลิ่นหอมกรุ่นน่าอร่อย  ก่อนจะจิบช้าๆ  ยังคงอร่อยเหมือนเดิม   ไอ้เวฟก็นั่งซัดเค้กชาเขียวที่มันชอบ

“ไมหมดเร็วนักว่ะ” ผมมองเพื่อนตัวเองที่นั่งตรงกันข้ามบ่นเรื่องเค้กที่เพิ่งแดกหมดไป  มันทำหน้ายุ่งแล้วก็บ่นงึมงำคนเดียวจนผมต้องกับส่ายหน้า

“ก้อนหนึ่งตั้งเกือบร้อยแม่งกูแดกไม่ถึงสามคำก็หมด โห้! โกงกูชัดๆ”

“มึงว่าเขาโกง  เขาบังคับมึงซื้อรึไงไอ้เวฟ”

“ไม่..”   ทั้งๆที่เค้กมันมีราคานี้อยู่แล้ว  ต่อให้ก้อนมันจะใหญ่จะเล็กแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็นอะไรให้มันซื้อเลย 

“เออผิดที่มึงเองแหละ  เสือกโง่เอง” ต้องด่าครับ เ พื่อความสะใจของตัวเองล้วนๆ

“นี่มึงด่ากูหรอไอ้เพียว”

“เออ” ผมตอบแทบจะทันทีที่มันพูดจบ  ไอ้เวฟมันก็ฮึดฮัดพึมพำด่าผมอะไรของมันก็ไม่รู้  พอผมไม่สนใจมันก็ตะโกนเรียกไอ้ข้าวที่กำลังรับออเดอร์ลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่เสียงดังจนคนหันมามอง

“ตะโกนทำพระแสงไรของมึงห้ะไอ้เวฟ!” ไอ้ข้าวก้มหัวให้ลูกค้าคนอื่นๆเชิงขอโทษ  มันรีบตรงมาหาไอ้เวฟที่ทำหน้าบึ้งอยู่

“กูไม่ได้ตะโกน  กูเรียก”

“เรียกบ้านป้ามึงดิ ลั่นร้าน!”

“โอ๊ยๆ ไอ้ข้าวกูเจ็บ!” ไอ้ข้าวมันเอาถาดที่ถือมาด้วยตีลงบนหัวไอ้เวฟไปทีหนึ่งแรงๆ  ผมละสมน้ำหน้ามัน ไอ้นี่ก็ร้องซะเหมือนจะตาย

“พอเลยไอ้เวฟ  มึงอย่าไปกวนไอ้ข้าวมันดิว่ะ”

“หุบปากไปเลยไอ้เพียว” มันมองจ้องผม ผมส่ายหน้าเอือมๆ  นั่งคนกาแฟในถ้วยเล่นไปเรื่อยๆ  ส่วนไอ้ข้าวกับไอ้เวฟก็คุยกันภาษาหมาๆกันสองตัว  จนได้ยินเสียงกระดิ้งหน้าร้านดังขึ้น  เพราะมีลูกค้าเขามา  ผมหันไปมองที่ประตูมีผู้ชายร่างโปร่งตัวพอๆกับผมแต่ก็เตี้ยกว่าเล็กน้อยสวมชุดนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับที่ผมอยู่  มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใคร  ผมเลิกคิ้วมอง  ถ้าไม่ผิดคงเป้นไอ้รุ่นพี่คนนั้น ผมมองไปที่ไอ้ข้าวมันก็มองอยู่แล้ว

“เอาไงมึง” ผมถามไอ้ข้าวที่ยืนอยู่ที่โต๊ะพวกผมที่เดิม

“มีไรว่ะ?” ไอ้เวฟมันถามอย่างสงสัยเมื่อสายตาพวกผมมองไปทางประตูร้านมันก็มองตามแต่ก็ทำหน้า งง

“มันมาแล้ว” ผมบอก

“กิ๊กไอ้ข้าวอ่ะนะ”

“กิ๊กพ่องดิ!” ไอ้ข้าวมันเอาถาดตีหัวไอ้เวฟอีกทีก่อนจะเดินเข้าไปหาไอ้รุ่นพี่คนนั้น  มันยืนคุยนิดๆหน่อยก่อนจะเชิญให้ไปหาโต๊ะนั่งซึ่งไอ้ข้าวมันเลือกที่จะให้มานั่งใกล้ๆที่พวกผมนั่งอยู่  ถ้ามันไม่ไหวคงอยากให้ช่วยละนะ  ไอ้ข้าวมันเลือกที่นั่งให้ห่างจากพวกผมโต๊ะหนึ่ง

“พี่อาร์มจะทานอะไรก่อนไหมครับ” ไอ้ข้าวมันถามขึ้นเมื่อพาไอ้รุ่นพี่คนนั้นมานั่ง

“อะไรก็ได้ครับ”  ไอ้รุ่นพี่มันตอบเสียงนุ่มแล้วยิ้มบางให้ไอ้ข้าว  จนไอ้ข้าวก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไป  ผมนั่งอยู่ฝั่งที่ตรงข้ามกับไอ้เวฟ  ซึ่งไอ้รุ่นพี่มันก็นั่งฝั่งข้างไอ้เวฟทำให้ผมกับมันนั่งตรงข้ามกัน  ถึงแม้จะมีไอ้เวฟนั่งบังอยู่แต่ก็พอเห็นมันชัดเพราะโต๊ะใกล้กันแค่นี้มีแค่โต๊ะมากั้นกลางแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น  ส่วนเรื่องที่ไอ้ข้าวมันถามผมก็ได้ยินเพราะมันใกล้ไงครับ  เสือกได้เต็มที่  ยกเว้นแค่พวกมันจะกระซิบคุยกันเท่านั้นผมถึงจะไม่ได้ยิน

“แม่งหน้าใสกิ้งเลย” ไอ้เวฟมันหันมากระซิบกับผมเมื่อมันหันไปมองข้างหลัง

“อืม  ตอนนั้นมองระยะใกล้ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นไง” ผมตอบมัน  ตาก็สำรวจคนอีกโต๊ะไปด้วย  ผมว่ามันไม่ถึงกับหล่อออกไปทางน่ารักมากกว่า  หน้าก็ไม่ได้แก่เลย  โคตรจะเด็กอ่ะครับ  เปรียบกับผมกับไอ้เวฟแล้ว  ผมว่าไอ้เวฟหน้ายังแก่กว่าเลย  ผมไม่ได้ว่าเพื่อนตัวเองแก่นะครับ  แต่เรื่องจริง หึๆ

“เออเจอกันคราวก่อนที่มันมาเรียกไอ้ข้าวป่าวว่ะ”

“เออ”  ไอ้เวฟมันหันกลับไปมองอีกครั้ง  ตอนนี้ไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันกำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่คงไม่รู้ว่ามีพวกผมั่งมองอยู่  พอมันเงยหน้าขึ้นเท่านั้นแหละครับ  รู้สึกมันยิกๆที่ใจทันที  แค่แวบเดียวที่สบตากัน  แค่นั้นจริงๆ  จนเมื่อได้ยินไอ้เวฟมันสบถคำหยาบออกมาผมจึงละสายตาออกมามองเพื่อนทันที

“ไอ้เหี้ย ! ไมใจกูสั่นว่ะ  แค่มองแปบเดียวเสียวถึงใจเลย” 

“...” ผมไม่พูดอะไรเพราะตัวเองก็เกิดความรู้สึกเดียวกันกับมันเหมือนกันส่วนไอ้เวฟมันก็ยังบ่นไม่หยุด  หันกลับไปมองข้างหลังบ้าง หันมาพูดบอกกับผมบ้าง  จนไอ้ข้าวเดินเข้ามาเสริฟเครื่องดื่ม เค้ก ขนมของร้านแล้วมันก็นั่งลงตรงข้ามกับไอ้รุ่นพี่


ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

#อาร์ม

ครืดด..
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามาทำให้ผมที่กำลังนั่งคุยเล่นสนุกกับเพื่อนต้องหยิบมันขึ้นมาดู  ปรากฏชื่อของคนที่ผมชอบอยู่  เป็นใครไม่ได้ครับ  ข้าวหอม เด้กนิเทศ  ปีสอง  คนที่ผมเคยสารภาพรักอยู่หลายครั้งหลายคราตอนเรียนมัธยม  แต่น้องก็ใจแข็งไม่ยอมเปิดดอกาสให้ผมเลยซักครั้ง  แต่ใครจะไปคิดละครับว่าพอเรียนจบมัธยมแล้วจะได้มาเจอกันในมหาลัยเดียวกัน  ทั้งๆที่ผ่านๆผมไม่เคยพบเจอน้องเลย  จนมาปีสามและไปเจอที่ตึกคณะน้องมันอีก  บังเอิญจริงๆ นะครับ  และพอเจอกันทำให้ผมนึกถึงคำที่เคยพูดไว้กับน้องว่าหากยังไม่มีใคร  ไม่คบใคร เราจะมาคบกันเอง  ...แต่เมื่อคืนสถานะบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของน้องมันขึ้นกำลังคบกับใครบางคน  ซึ่งผมจำได้  ถึงแม้ร่างกายและหน้าตาอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง  แต่ผมจำได้ขึ้นใจเลย  คนที่เคยหยุดยืนมองผมกับข้าวกอดกันอยู่  ซึ่งตอนนั้นผมเองที่เป้นคนดึงน้องมันมากอดเองและประจวบเมาะกับไอ้เด็กคนนั้นเข้ามาเห็นพอดี  มันไม่พูดอะไรมองสบตากับผมนิ่งสุดท้ายมันก็เดินหลบออกไปเอง  ไม่นานผมก็โดนผลักออกแล้วก็โดนข้าวต่อว่าไปเยอะเลย 

“....” พอผมกดเข้าอ่านข้อความแล้วจึงรีบโทรหาน้องมันทันที  ไม่นานน้องมันก็กดรับสายผม

(ฮัลโหลครับ..)

“ข้าวม..”

(ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่)

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามข้าวกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อนจนผมเงียบ ก่อนจะถอนหายใจแล้วกรอกเสียงกลับไปเพราะคงจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมคิดไว้

“เรื่องสัญญาใช่ไหม?” ผมถามกลับเพราะคงไม่มีเรื่องอะไรแล้วละ  เพราะน้องมันมีคนของมันแล้ว  ผมจะหาข้ออ้างอะไรปยื้อต่อไปละ  ไม่ใช่ว่าผมอยากปล่อยนองไปนะครับ  ต่อให้ผมตื้อน้องมันเท่าไรน้องมันก็ไม่มีวันหันมาสนใจผมหรอก  ผมรู้ดีเพราะทุกครั้งผมก็ถูกปฎิเสธเสมอ

(..ใช่ครับ)

“ก็ได้ครับ  ที่ไหนหรือจะเป็นคณะข้าว”  ผมถาม

 ( ที่ร้านที่ผมทำงาน...)

ผมรู้ว่าข้าวทำงานอยู่ที่ไหนเพราะน้องเคยบอกผ่านมาบ้าง  ผมเองก็เคยแวะมาบ้างครั้งสองครั้ง

“ก็ได้  งั้นเลิกเรียนเดี๋ยวพี่ไปหาแล้วกัน”

(ครับ...)

“งั้นพี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ  บายครับ”

(บายครับ)

ผมกดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ  ทำใจให้สงบเข้าไว้  ถึงแม้จะเจ็บที่ใจ  แต่ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนแล้วกันว่ะ  ขอพักใจก่อน  เอาเวลาเรียนนี่แหละเว้ยทำใจเรื่องนี้เตรียมตัวไปพบกับน้องหลังเลิกเรียน 

“ทำหน้าเศร้าอะไรของมึงว่ะไอ้อาร์ม  โดนบอกเลิกรึไงว่ะ หึๆ”  ไม่ต่างจากบอกเลิกเลยเว้ย แม่งถ้าโดนบอกเลิกผมจะไม่เจ็บเท่านี้เลย  อย่างน้อยก่อนบอกเลิกผมยังได้คบ  แต่นี่เปล่า  ผมยังไม่ทันได้เริ่มเลยแม่งโดนปฎิเสธทุกทาง

“เออ  อกหักสัส” ผมตอบเพื่อน ไอ้ภัทรมันบีบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

“เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้าปลอบ  ตอนนี้ขึ้นเรียนก่อน” ไอ้ภัทรมันพูดก่อนที่จะลากคอผมขึ้นเรียนไปพร้อมกันกับมัน 

“ไอ้ภัทร ไอ้อาร์มแม่งไม่รอกูเลย!” ไอ้เมาส์มันตะโกนไล่หลังมา  มันหอบเอากระเป๋า  สมุดวาดภาพมาด้วยทั้งของมันและของผมที่วาง
ทิ้งไว้  เพราะโดนลากมาก่อนไงครับเลยไม่ทันได้หยิบ




“ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมมึง” ไอ้เมาส์ถามขึ้นเมื่อพวกผมเลิกเรียนและกำลังเดินลงจากตึกเรียน  จริงๆพวกมันจะชวนไปแดกเหล้าหลังเลิกเรียนเลย  แต่ผมมีนัด  แล้วก็เล่าอะไรให้พวกมันรู้เล็กน้อย  พวกมันพยักหน้าเข้าใจไม่พูดอะไร

“ไม่เป็นไรกูไปคนเดียวได้  อีกอย่างถ้าพวกมึงไปน้องมันอาจจะลำบากใจที่จะคุย”

“เออแล้วแต่มึง” ไอ้ภัทรบอกก่อนที่มันจะเดินแยกออกไป  ผมมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ  นิสัยมันไม่ค่อย
อยากจะยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไร  แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดี  ขนาดผมบอกมันว่าอกหัก  มันยังอุตส่าห์ที่จะเลี้ยงเหล้าปลอบผมเลย

“เออไงก็บอกนะมึง  มีไรก็โทรมากูไปละ  เดี๋ยวเจอกันคืนนี้” ไอ้เมาส์มันตบไหล่ผมสองสามทีก็เดินแยกออกไป  ผมเดินมาเอารถที่จอดทิ้งไว้ใกล้ๆตึก  ขึ้นรถไปร้านที่ข้าวทำงานอยู่   ผมพยายามเหยียบคันเร่งรถให้ช้าที่สุด  เผื่อเวลาให้ตัวเองทำใจ  ทั้งๆที่ผมคิดว่าผม
เหยียบมันช้าแล้วทำไมมันกลับถึงเร็วขนาดนี้ว่ะ  ผมจอดรถในที่จอดรถของร้านที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้า  นั่งจับพวงมาลัยรถอยู่แบบนั้น  เป่าปากสองสามที  ให้ใจสงบ  ทำใจให้นิ่ง  ไม่รู้สึกอะไรก่อนที่จะออกจากรถตรงไปยังเบื้องหน้านี้

กรุ้งกริ้ง…
เสียงกระดิ้งหน้าร้านดังขึ้นเพราะผมเป็นคนเปิดประตูเข้าไป  เสียงยังใสเหมือนเดิมที่มาเลย  ผมหันซ้ายหันขวา  กวาดสายตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาคนที่นัดไว้  ไม่นานก็เห็น  น้องมันยืนอยู่ที่โต๊ะหนึ่งใส่ชุดนักศึกษาน่าจะมอเดียวกับผมด้วย  คงกำลังรับลูกค้าอยู่  พอน้องมันหันมาเห้นผมก็เดินเข้ามาหา

“สวัสดีครับพี่อาร์ม”

“ครับ หวัดดี” ผมยิ้มให้น้องเล็กน้อย  น้องมันก็พาผมมาหาที่นั่งเพื่อที่จะคุยกัน

“พี่อาร์มจะทานอะไรก่อนไหมครับ”

“อะไรก็ได้ครับ” ผมตอบน้องพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้  น้องมันก้มหัวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไป ... เสียงเตือนข้อความไลน์ก็ดังขึ้น  ทำให้ผมหยิบโทรศัพท์มาดูก็เป็นไลน์กลุ่มที่มีผม ไอ้ภัทร ไอ้เมาส์  แต่เป็นไอ้เมาส์ที่ส่งข้อความมานะครับ

[เป็นไงบ้างว่ะไอ้อาร์ม] < - - เมาส์

[กูพึ่งมาถึง  ตอนนี้ยังไม่ได้คุย]   ผมตอบกลับมันไป   คุยกันปสองสามประโยครู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่ ผมจึงละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองตรงไปข้างหน้า  สายตาก็ไปปะทะกับผู้ชายสองที่อยู่ในชุดนักศึกษามอเดียวกับผม  ผมมองคนที่นั่งหลังหลังให้ผมพอมันเห็นผมมองก็หันกลับไปทันที  แต่อีกคนยังคงจ้องหน้ากับผมอยู่  จนสุดท้ายมันก็ยอมละสายตาออกจากผม  ผมไม่ได้คิดอะไรก็คงแค่มองเฉยๆละมั้ง  ก็หันกลับมาแชทกับเพื่อนต่อ  จนข้าวเดินเข้ามาเสริฟเค้ก เครื่องดื่มให้ผม  น้องนั่งลงตรงกันข้ามกับผม  ผมจึงวางโทรศัพท์ไว้ 

“คือ...” น้องมันอึกอักที่จะพูด  ผมจึงพูดแทรกขึ้นมา

“ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ” ผมบอกจากใจจริง 

“ผมขอโทษ” ข้าวบอกเสียงแผ่ว  ก้มหน้าลงไม่กลาสบตากับผม   ผมจึงยกมือไปวางบนหัวน้องเบาๆ  พอผมเห็นน้องมันทำหน้าหงอย  สายตาสำนึกผิดนั่นทำให้ผมใจไม่ดีเลย  ผมไม่อยากทำให้น้องมันลำบากใจไปมากกว่านี้แล้ว

“ข้าวไม่ผิดหรอกครับ  อย่าคิดมากพี่ไม่เป็นไร” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ยีหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู  น้องมันยมเงยหน้าขึ้นมามองผม

“แต่ว่า...”

“อย่าคิดมาก  พี่เข้าใจ  เห็นข้าวมีความสุขพี่ก็โอเคแล้ว”

“ขอบคุณนะครับ” ข้าวยกมือไหว้ผม  ผมส่ายหัว  ไม่เป็นไร  จนน้องมันยิ้มให้ผมเล็กน้อย  อย่างน้อยแค่ได้เห็นรอยยิ้มนี่ผมก็รู้สึกดีแล้ว

“เราจะนัด พูดคุย ดุหนัง กินข้าว กันได้รึเปล่าข้าว” ผมถาม  น้องมันหหุบยิ้มทันที  สีหน้าดูจะกังวลขึ้นมาจนผมต้องรีบบอกต่อ

“ในฐานะพี่น้อง”

“ครับ  ได้อยู่แล้ว”  ข้าวยิ้มให้ผมอีกครั้ง  ผมพยักหน้ายกโกโก้ปั่นที่ข้าวยกมาให้ขึ้นดูดกิน 

“สัญญาที่ว่า  พี่ถือว่ามันไม่เคยมีขึ้นระหว่างเรานะ” พอต่างคนต่างเงียบผมจึงต้องเอ่ยขึ้นมา  น้องมันพยักหน้าหงึกหงักยิ้มจนเห็นลักยิ้ม
เล็กๆอย่างน่ารัก  ทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามอย่างเอ็นดูไม่ได้   ได้คุยกันแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อย  เป็นพี่น้องก็ยังดีว่ะ  ได้
เห็นหน้า ได้พูดคุยกันก็ยังดี  ดีกว่าที่จะไม่ได้คุยกันเลย 

“ข้าวไปทำงานต่อเถอะ  พี่นั่งซักพักเดี๋ยวก็กลับ” ผมบอกน้อง  เพราะถ้ามัวแต่คุยกับผมคงจะเสียการเสียงาน

“ครับ  ส่วนนี่ไม่ต้องจ่ายนะครับ  ผมเลี้ยง” ข้าวบอก

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้น้อง  น้องก้มหัวขอตัวแล้วก็ดเนไปทำงานต่อ  ผมก็ตักเค้กกิน ดูดโกโก้ไปด้วย  มองออกไปด้านนอกปล่อยสายตาให้ทอดออกไปเบื้องหน้า  ซึ่งไม่ได้มองเจาะจงอะไรเลย  แค่อยู่ในความคิดของตัวเองเท่านั้น  พอหันสายตากลับเข้ามาในร้านอีกที่ก็เจอกับสายตาสองคู่มองมาที่ผมอีก

“มองอะไรของมันว่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ  คือแม่งตอนนี้ก็ยังมองเว้ยครับ  และทั้งๆที่รู้ว่าผมกำลังมองอยู่มันก็ยังไม่หลบสายตาไป  คือเอาง่ายๆแม่งตั้งใจจ้อง  ไอ้คนที่นั่งหันหน้ามาหาผมมันแค่นั่งมองสบตากับผมนิ่งๆก่อนจะเหยียดริมฝีปากออกให้เห็นอย่างชัดเจน  ส่วนอีกคนแม่งโบกมือยิ้มกว้างให้ผมเฉย  จู่ๆผมก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที  สายตาที่มองสบกับผมทั้งสองคนนั้นแม่งมีสายตาแบบเดียวกันเลย  เป๊ะๆ ด้วย  สายตาที่เหมือนกำลังจะหลอมละลายให้ได้อ่ะครับ  คือผมเองก็อธิบายไม่ถูก  เอาแบบง่ายๆคือถ้าเป็นไอติมก็คงละลายเป็นน้ำไปแล้ว 

“คงไม่ใช่อย่างที่กูคิดหรอกมั้ง” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  จนสายเรียกเข้าดังผมถึงรีบกดรับ

“เออ” ผมกรอกเสียงลงไป

(อยู่ไหนว่ะ  คุยเสร็จยัง)  ไอ้ภัทรเป็นคนโทรมาครับ

“อืม เสร็จแล้ว” ผมตอบ 

(เออไม่ร้องนะมึง หึๆ)

“ไอ้สัส  กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นเหอะ” ผมรีบแย้งขึ้นเมื่อมันพูดอะไรไม่รู้ออกมา

(เออแล้วเมื่อเช้าควายตัวไหนมันทำหน้าจะร้องไห้ว่ะ)

“เรื่องของกูน่า” ผมบอกอย่างรำคาญ

(เออๆๆคืนนี้กูเลี้ยงเหล้าปลอบมึง  เจอกันร้านเดิม)

“อืมๆๆ” ผมรับคำมันก็กดวางสายไปเลย

ผมมองไปรอบร้านหาร่างบางที่กำลังทำงานอยู่ในร้าน  กะว่าจะบอกว่าจะกลับแล้ว  แต่เห็นน้องมันยุ่งๆอยู่  ผมจึงลุกขึ้นเตรียมเดินออกนอกร้าน  แต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับผู้ชายสองคนที่นั่งตรงหน้า  อยากจะเดินเข้าไปหานะว่าแม่งมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า จ้องอยู่ได้  หน้ากูเหมือนพระเอกหนัง  พระเอกซีรี่ย์เรื่อง W หรือไงว่ะ  มองอยู่ได้  แต่ก็ไม่เอาหรอก  ไม่อยากมีเรื่องครับ  อีกอย่างผมมาคนเดียว  ส่วนมันสองคนเว้ย  ฮ่าๆๆ ปลอดภัยไว้ก่อนแล้วกัน...  คืนนี้ก็เมาเต็มที่ไหนๆก็ฟรีแล้ว  ย้อมใจหน่อย  อกหักแล้วอกหักเล่า ฮ่าๆๆ  สมเพชตัวเองจริงๆเลย
 

 
writer

แค่เริ่มต้น....ยังไม่ได้เจอกันเต็มๆนะ  นี่ขอแบบเบาๆก่อนhttp://cdn-th.tunwalai.net/files/emotions/eta.gif 

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1:

น่ารักอ้าาาาาาาา ทำไมเราเพิ่งได้มาอ่าน
รวดเดียวจบเลย
ฮ่าฮ่า จะสงสารพี่อาร์มดีไหม จะไม่นกแล้ว ..มาทีเดียวสองด้วย

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
14

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

“เหนือ!” 

ผมโบกมือเรียกน้ำเหนือที่ยืนหลับตาพิงรถตัวเอง  น้ำเหนือบอกว่าหลังเลิกงานทุกวันจะมารับผม  จริงๆก็เกรงใจนะครับ  แต่ก็อยากอยู่กับแฟนไง  เลยไม่พูดอะไร  เก็บความเกรงใจไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ฮ่ะๆ  วันนี้ผมเคลียร์กับพี่อาร์มไปแล้วเรียบร้อย  มันทำให้ผมรู้สึกโล่ง  หายใจสบาย  พี่อาร์มบอกว่าเข้าใจและบอกว่าขอเป็นพี่น้องกัน  ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร  อย่างน้อยเราก็ยังคุยกันได้ในฐานะพี่น้อง  ยังไงซะก็คนบ้านเดียวกันละนะ

“..คิดถึง”  ไม่พูดเปล่ายังเดินเข้ามากอดผมพร้อมกับโยกตัวซ้ายทีขวาทีเบาๆ  เหมือนกับเด็กๆเลยครับ

“อื้อ  รอนานไหม?”  ผมถามเมื่อน้ำเหนือยอมผละออก 

“ไม่นาน  ขึ้นรถเถอะ”

“อืม” ผมยิ้มให้เมื่อน้ำเหนือเดินมาเปิดประตูรถให้ผม  พยายามเก็บเสียงกรี๊ดร้องไว้ในใจไม่ให้แสดงออกมา ฮ่าๆๆ  รู้สึกมีความสุขจริงๆครับ 

“จะแวะกินอะไรก่อนกลับหอรึเปล่า  เพราะคืนนี้เหนือต้องไปร้านพี่ดรีม”

“ร้านพี่ดรีม?”

“ผับน่ะ  รุ่นพี่ในคณะเนี้ยละ”

“อ๋อออ..” 

ไอ้ที่อ๋อนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ  คือกูไม่รู้จัก  เหอะๆ  เหนือบอกกับผมว่าพวกไอ้เพื่อนยากมันนัดชวนกันไปดื่มเหล้าแต่ไม่เมายานะครับ  ดื่มแค่เหล้า   เหนือบอกว่าพวกมันจะฉลองที่ผมกับเขาคบกัน  เอ่อ...ความคิดของผมจริงๆคือพวกมันอยากแดกเหล้ฟรี  เพราะที่ไหนมีเหล้าฟรีจะเห้นสัมภเวสีอย่างพวกมันที่ไหน  ไปร้องโหยหวนตลอดๆ  รวมมีผมด้วย  แต่ตอนนั้นผมไปกับเพื่อนกลุ่มตวเอง  แต่ครั้งนี้มีทั้งเพื่อนน้ำเหนือและก็เพื่อนผม  คืนนี้ยาวแน่ๆๆ  ชัวร์เลย  พรุ่งนี้วันหยุดซะด้วย  ผมเองก็เต็มที่แน่นอน  ฮ่าๆๆๆ
เราสองคนเลยจอดกินข้าวกันก่อนกลับ  มีซื้อห่อไปฝากไอ้คนที่อยู่หอด้วยนะครับ  สงสารมันกลัวมันจะอดยาก  ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหม ? คือคนจ่ายนะนู้นแฟนผม  พอผมจะออกก็ไม่ยอม  บอกว่าเลี้ยงเอง  เป็นผู้ชายก็ต้องดูแลแฟนดิ  เออผมก็คิดน่ะแล้วกูเป็นผู้หญิงตรงไหน?  แต่ก็ดีครับ  ข้าวหอมชอบของฟรี...  ฮ่าๆๆๆ

“กลับมาแล้ว!”  ผมเปิดประตูเข้าห้องมาก็ตะโกนบอกคนข้างในซึ่งจะสนใจหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง  ผมเดินเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะที่เขียนหนังสือ  แล้วกราดสายตามองเพื่อนร่วมห้องซึ่งไม่เห็น  หรือว่ามันจะยังไม่กลับ?  แต่ว่าไฟเปิดนิ  ทีวีก็เปิด  คอมก็เปิด  คือเปิดทุกอย่าง  ที่ค่าไฟแพงเพราะมันตัวเดียวเลย 

“กลับมาแล้วหรอ  ข้าวกูอ่ะ”

“ไม่มีไม่ได้ซื้อมา”

“ไอ้แล้งน้ำใจ!”   ผมไหวไหล่ไม่สนใจจนมันโยนผ้าผืนเล้กที่เช็ดผมมันมาใส่ผม  ดีน่ะหลบทันไม่งั้นเต็มๆหน้าผมแน่ๆ

“แต่งตัวไอ้ฮาร์ท  ข้าวอยู่นั่น” น้ำเหนือพยักเพยิดหน้าไปทางที่ข้าวกล่องวางไว้อยู่  ไอ้ฮาร์ทมันพยักหน้าเข้าใจแต่มันก็ยังไม่ยอมไปแต่งตัว  ยืนอยู่กับผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวเอาไว้หลวมๆ  จะหลุดแลมิหลุดแลอยู่

“มองไรน้องข้าว  หุ่นพี่ดีละสิ”  ผมถึงกับมองบนเลยทีเดียว  หุ่นมึงไม่ดีเท่าหุ่นผัว เอ้ย แฟนกูหรอก  แค่นี้ทำคุยๆ  โด่วว  นั่นอะไรแพคหรือ
พุง  ยื่นออกมาน่าเกลียดเชียว  ผมไม่ได้วิจารณ์เพื่อนนะครับ

“มีแต่พุงยืนโชว์อยู่ได้  เสียสายตากูว่ะ”

“ตามึงไม่ดีเองมากกว่า  บอกผัวมึงให้พาไปผ่าตัดสายตาใหม่ซะ!”

“ตากูยังดีอยู่ครับ  ของมึงเล็กยังไงก็เล็กอย่างนั้น  แบร่!” คว้าผ้าขนหนูได้ก็วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำทันที  อยู่กวนตีนไอ้ฮาร์ทนานๆไม่ได้เดี๋ยวผมจะโดนมันเตะเข้า  หวังว่าออกมาคงไม่เจอมันยืนแก้ผ้าคุยกันอยู่หรอกนะ



ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก  เสียงเพลงภายในผับดังกระหึ่มเป็นจังหวะที่ตรงกับหัวใจมันเต้นตึกๆ  ผมแทบอย่างจะไปดิ้นให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ก่อนดิ้นต้อง
เติมพลังกันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้ร่างกายสูบฉีด  กินให้เมาด้วยนะครับเวลาทำอะไรหน้าอายจะได้ด้านๆหน่อย  แต่ถึงไม่เมาผมก็ด้านอยู่แล้ว  ยกเว้นแต่เวลาอยู่กับน้ำเหนือ  สกิลความหน้าด้านผมติดลบไปเลย

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือเรียกให้คนในโต๊ะหันมองไอ้คนที่เรียกร้องความสนใจ  คงรู้นะครัยบว่าเราอยู่ไหนกัน  ผับคนชื่อพี่ดรีม  พวกเรายกกันมาทั้งกลุ่มผม ซึ่งมี ผม ไอ้เวฟ ไอ้เพียว ไอ้เอ็ม แล้วก็ไอ้น้องโฟน(น้องรหัสไอ้เวฟ)  มันติดสอยห้อยคอมาด้วย  มันงอแงตามมาครับ  พี่รหัสมันก็ดีแสนดียอมหนีบมันมาด้วยซึ่งไม่ได้ถามอะไรพวกผมก่อนเลย  คนเลี้ยงอ่ะฝั่งนู้นไม่ใช่ฝั่งผม  ส่วนฝั่งนั้นก็มี  น้ำเหนือ(แฟนผมๆ) แอร๊ยย >//< ไอ้หำเท่าไม้ขีดไฟ(ไอ้ฮาร์ท)  ไอ้โดม ไอ้จิม  และไอ้คิน

“เอ้าฟังกูๆครับเพื่อนๆ”  ไอ้จิมกับไอ้เวฟมันยืนขึ้นแล้วกวาดสายตามองพวกผมทุกคน  พวกผมก็พากันเงียบฟังถึงเพลงจะดังกลบเสียงไปหน่อยก็เถอะ  แต่สองคนนี้มันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงไงครับ

“ไอ้โฟนหุบปากมึงได้แล้ว”

“พี่เวฟอ่ะ  ผมกำลังคุยกับพี่โดมมันส์อยู่เลยขัดทำไมว่ะ” ไอ้โฟนมันพูดเสียงห้วนใส่  ทำหน้าบึ้งจนไอ้เวฟมันโยนน้ำแข็งใส่ไปก้อนหนึ่ง

“กูพามาแดกของฟรีแล้วต้องฟังกู  เดี๋ยวเถอะมึง” ไอ้เวฟชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ทำให้น้องมันหันมากระแซะงอแงกับผม  ก็ผมเฮียมัน  มันรักผมมากกว่าพี่รหัสมันด้วยซ้ำไป

“เฮียข้าว  ไอ้เหี้ยพี่เวฟมันดุโฟน” 

“อย่าไปใส่ใจคนบ้าเลยโฟน” ผมบอกพร้อมกับลูบหัวน้องมันอย่างเอ็นดู   

“มีอะไรก็รีบพูดๆมา  กูจะได้กินเหล้าซักที”  ไอ้ฮาร์ทว่า 

“เอองั้นก็อย่าขัดกู ... ไอ้เวฟมึงเริ่มก่อนดิ่”

“เคๆ ...สวัสดีครับท่านผู้ชมกระผมนายเวฟสุดหล่อเดือนมหาลัยและนาย...  นายไรมึงก็พูดสิว่ะ!”  ผมมองดูความว่นวายของเพื่อนสองตัวที่อยู่ๆก็เลือดนักข้าวเข้าสิงซะงั้น   ไอ้เวฟไม่เท่าไรหรอกครับ  แต่ไอ้จิมมันท่าจะไม่รอดนะครับ 

“อ๋อเออๆ ผมนายจิม.. จิมมิ  จิมมี่โก๊ะ หล่อสุดในคณะแล้วครับ”  ไอ้จิมพูดจบมันก็อ้าแขนรับเสียงโห่ร้องจากเพื่อนๆในโต๊ะ  คือจริงๆขัดตั้งแต่ไอ้เวฟแล้วเหอะ  มั่นหน้าไปแล้ว  เดือนมหาลัย  ช่างกล้า  แค่เดือนคณะมันยังไม่เฉียดเลยครับ  ริอาจจะป็นเดือนมหาลัย 

“โห่....”

“ช่างกล้านะพวก  ไอ้เดือนมหาลัยตัวจริงมันยังไม่พูดเลย!”

“อะไรคือหล่อสุดในคณะ  กูรับไม่ได้ว่ะจิม”

“เอ่อ...กูไม่ขอออกความเห็น”

“....”

“ไอ้พี่เวฟถ้าหน้าอย่างพี่เป็นเดือนมหาลัยผมว่าใครๆก็เป็นได้ว่ะ  หน้าตาพี่มันพื้นคอนกรีตมากกกกกกกกกกกกกก”
ก็นั้นแหละครับอยู่ดีไม่ว่าดี  โดนซะยับเลย  เหอๆ 

“พวกขี้อิจฉาก็เงี้ย  เฮ้ออ เอาเถอะๆเดือนมหาลัยอย่างกูใจกว้างพอ...เอาละมาต่อกันดีกว่า  คุณจิมครับ”

“ครับคุณเวฟ”

“วันนี้เราอยู่กันที่ผับ...  เรามาทำอะไรกันที่นี่ครับ”

“ซักผ้าครับคุณเวฟ”

เพลียมากๆ  ที่ต้องมาสนใจกับคนบ้าที่รับส่งมุขกันไปมา  แต่ละมุขมันไม่แป้กก็พาเครียดรุนแรงมากครับ  ผมเลยหันมาสนใจสิ่งที่ล่อตาล่อใจผมตรงหน้าดีกว่า  เห็นแล้วกระหายทันที 

“อย่าดื่มเยอะนะข้าว”  ผมยกเหล้าที่ไอ้โดมเป็นคนผสมให้ยังไม่ทันได้เตะริมฝีปากก็มีเสียงเตือนข้างๆกาย

“ข้าวยังไม่ทันได้จิบเลย  เตือนซะแล้ว”

“เดี๋ยวเมา”

“ไม่เมาหรอก  ข้าวคอแข็ง” ผมบอกพร้อมกับยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วโชว์เลย  แค่นี้มันจิ้บๆมาก  โชว์แก้วเปล่าให้ดูเลยเอ้า! ผมยักคิ้วให้
เหนือที่มองผมอยู่  เหนือถึงกับส่ายหน้าช้าๆ

“ที่เรามาในวันนี้นั้นเพราะ...”

“เพราะอะไรครับคุณเวฟ”

“เพราะ...คู่รักสองคนนี้ครับ  วันนี้เราจึงมาฉลองให้คู่รักป้ายแดงกันครับ  ขอเสียงให้กับคู่รักของเราหน่อยเร็ว!”

“ฮิ้ววว ...”

เสียงฮิ้วข้างๆตัวผมนี่ดังสุดเลยครับ  น้องรหัสไอ้เวฟไง  ทีแบบนี้ละเข้ากันได้  แซวกันไปสิ  ไม่เป็นไรผมด้าน  แซวมาเถอะข้าวไม่แคร์  ฮ่ะๆ

“สัมภาษณ์ๆ  รู้สึกยังไงบ้างครับคุณข้าวที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนซักที”  ไอ้เวฟมันกำมือตัวเองทำเป็นไมค์ดึงผมให้ยืนขึ้นแล้วยื่นมือที่ทำเป็น
ไมค์มาตรงหน้าผม

“แฟนพอ...แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำถามครับ  ผมรู้สึกดีใจจนน้ำตาแทบเล็ดเลยครับ  รู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วยที่เกิดมาหน้าตาดีไม่พอยังมีแฟน
หล่อระดับอีมินโฮยังสู้ไม่ได้เลยครับ  ฮึก”  ผมแสร้งบีบน้ำตากระซิกๆ  พอหอมปากหอมคอไม่เวอร์วังจนเกินไป  แต่ทำเอาไอ้เวฟถึงกลับเบ้
ปากมองบนเลยครับ ฮ่าๆๆ  ที่ผมพูดมานี่เรื่องจริงนะครับ  ผมดีใจจริงๆที่ได้คบกับน้ำเหนือ  เพราะคำว่าเพื่อนมันขั้นกลางระหว่างเราสองคนเอาไว้  ไม่คิดกล้าถล้ำเส้นบางๆนั้นแม้แต่น้อย  แต่ใรจะรู้ว่าวันนี้เราสองคนจะได้คบกัน  ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน  แต่เป็นในฐานะคนรักกัน 

“กูเกลียดความตอแลของมึงมากไอ้ข้าวบูด”

“เรามาฝั่งทางคุณเหนือบ้างครับ  รู้สึกยังไงกับการคบกับคุณข้าวครับ”  ไอ้จิมเป็นผู้ดำเนินรายการต่อจากอ้เวฟที่ตอนนี้มันเริ่มหาที่นั่งแล้ว
ครับ   ผมลุ้นว่าน้ำเหนือจะพูดว่ายังไง  อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

“....”  น้ำเหนือไม่ตอบ  หันกลับมามองผมที่นั่งข้างกันแทน  ตอบคำถามเพื่อนไปสิมองหน้ากูทำไมเนี้ย  ใจยิ่งเต้นแรงแข่งกับจังหวะเพลง
ในผับ

“หรือไม่เข้าใจคำถาม  งั้นอีกซะ...”

“...รักครับ”

ฉ่า.....  เสียงอะไร  ใครมาผัดอะไรแถวนี้  มันร้อนๆเนอะ  รู้สึกหน้าผมอุณภูมิเพิ่มขึ้นหลายองศาอย่างรวดเร็ว  หรือผมจะเป็นไข้เพราะหักโหมงานหนักจนเกินไป  อื้ออ  ไม่รู้แล้วปิดหน้าแม่ง  ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแค่พอมือสัมผัสหน้าก็รู้ถึงความร้อนบนใบหน้าตัวเองแล้ว  คงแดงมากแน่ๆ  น้ำเหนือบ้าพูดอะไรก็ไม่รู้  เขินนวุ้ย ! -///////-

“ไอ้เหนือจับเพื่อนกูไว้ด้วยเดี๋ยวแม่งลอยติดเพดานจะยุ่ง ฮ่าๆๆ” เสียงไอ้ฮาร์ทมันแซวขึ้น  ไม่มีอารมณ์จะด่าหรอกครับ  เพราะกำลังจะลอยจริงๆ  ตัวเบ๊าเบาเหมือนกับลูกโป่งเลย

“ได้ลูกกูแล้วก็ช่วยรับผิดชอบด้วย”  ไอ้เวฟเอ่ยขึ้นบ้าง

“ได้บ้าได้บออะไร  ยังไม่ได้เว้ย!” ผมแย้งขึ้นมาเสียงดัง

“หึๆ  ไอ้เหนือนี่มึงไม่มีน้ำยาหรอว่ะ”  เป็นไอ้คินพูดขึ่นมาบ้าง  พึ่งจะได้ยินเสียงมัน  ผมว่ามันเงียบดีแล้วละ  ไม่น่าพูดแบบนั้นเลยกู  ตบปากตัวเองรัวๆ 

“พูดไรของมึงว่ะไอ้คิน  ลามก”

“แหมน้องข้าว  มึงกล้าพูดว่าลามกมึงยังเคยแอบกูหนังโป๊ใต้โต๊ะเรียนเลยนะ”

“หุบปากมึงไปเลยไอ้เพียว!!”  น่าอายที่สุด  อย่าเผากูนะ  มันเป็นเรื่องธรรมชาติเว้ย  แค่ดูหนังโป๊เอง  ใครๆก็ดูกัน?  ใช่ไหมครับ....

“ข้าวนิสัยมึงเป็นแบบนี้เองหรอ  กูคิดว่ามึงจะใสซะอีก ฮ่าๆๆๆ”  ไอ้โดมมันพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

“ใสกับผีสิมึง  มันยิ่งกว่าพวกกูเยอะ”

“หุบปากไปเลยไอ้เวฟ  หยุดขำได้แล้วไอ้เพียว  ไอ้พวกนี่นิหยุดหัวเราะน่ะ!  ไอ้เด็กเวรหยุดขำนะ  บอกให้หยุดไง !!”

“ฮ่าๆๆ  โอ๊ยยอย่างไอ้ข้าวน่ะใสจนขุ่นเว้ย!  ถามกูนี่อยู่ด้วยกินนอนมาด้วยกัน!” 

“ขุ่นพ่องดิไอ้เหี้ย! มันน่าขำตรงไหนห้ะ! ... เหนือนี่เป็นกับพวกมันด้วยหรอ  !!”  แทบอยากจะกระโดดข้ามโต๊ะไปบีบคอไอ้คนพูดจริงๆ  มัน
ยิ่งกว่าผมซะอีก   พวกมันขำผมไม่หนักเท่าไอ้คนข้างๆผมที่เป็นไปกับพวกมันด้วย  ทีเรื่องนี้ละขำกูนะ  ที่เรื่องอื่นละเงียบนิ่งอย่างกับหิน 
เดี๋ยวพ่อเอาขวดเหล้าทุบหัวซะหรอก  ต่อให้ได้ชื่อว่าแฟนก็ไม่เว้นเว้ย!!

“...เปล่าซักหน่อย” ผมจึงจิกตาใส่น้ำเหนือที่แก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้น  ถ้าผมไม่หันไปเจอแล้วคงไม่หยุดหรอก เหอะ !

“พอๆพวกเดี๋ยวแม่งร้องไห้ ... ตอนนี้เรามาดื่มฉลองกันดีกว่า  กูขอให้พวกมึงสองตัวรักกันนานๆ  มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง” ไอ้ฮาร์
ทมันพูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาเหนือหัว  เพื่อนในโต๊ะก็พากันทำตามมันไม่เว้นแม้แต่ผม

“กูไม่มีมดลูกสัส!”

“เรื่องของมึง  เอ้าได้กันๆ”

“ฟาย!”

จากนั้นทั้งโต๊ะก็ฮากัน  ชนแก้วเหล้าจนน้ำกระฉอดออกมา  คืนนี้ไม่เมาข้าวไม่กลับนะครับ  ไหนๆพรุ่งนี้วันหยุดเอาให้หนักยิ่งของฟรียิ่งต้อง
หนัก  พวกผมก็คุยเรื่องสัมภะเหระกันไปทั่ว  พอผ่านไปซักพักกลุ่มผมเริ่มออกลายกัน  เพื่อนผมนี่เตรียมล่าเหยื่อแล้วครับโดยเฉพาะไอ้เวฟกับไอ้เพียวมันเริ่มท้ากันแล้วว่าใครได้เบอร์สาวเยอะกว่าคนนั้นต้องเป็นเบ้หนึ่งเดือน  ส่วนไอ้เอ็มกับไอ้น้องโฟนน็อคคาโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว  ไอ้จิมไอ้โดมเต้นอยู่ท่ามกลางสาวๆไปแล้ว  มีที่อยู่ในโต๊ะไม่รวมคนน็อคก็มีผม น้ำเหนือ  ไอ้คิน  และไอ้ฮาร์ท  ซึ่งตอนนี้ผมกำลังกรึ่มๆเลย

“เพียวๆนะมึง  ใครฟุบก่อนแพ้!” ไอ้คินเป็นตัวตั้งตัวตีในการท้าแข่งครั้งนี้  มีผู้เข้าแข่งขัน  ผม ไอ้คินและไอ้ฮาร์ท  ส่วนน้ำเหนือกรรมการ
ครับ  มันเมาไม่ได้  ถ้ามันเมาจะไม่มีคนแบกพวกผม

“ได้ ! ใครก่อนต้องทำตามใจคนที่ชนะ เค้?” ผมทำมือโอเคเป็นเชิงถามว่าเข้าใจไหม  พวกมันพยักหน้าจึงเริ่มเกมส์




“อาส์...”

ปึก!

“ยอมแพ้ปายเถ๊อะอายข้าวว..” เสียงอ้อแอ้ของไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น  มันค้ำยันแขนไว้กับโต๊ะ  ผงกหัวขึ้นมามองหน้าผม  ผมส่ายนิ้วชี้ต่อหน้ามัน
ไปมา

“เมิงงงสิยอมแพ้ซะเถ๊อะ  เมิงม๊ายมีวานชานะกูด๊ายหร๊อกก อึก” 

“หึๆ ฮ่าๆๆๆ”

“ขำรายของเมิ๊งงไอ้คิน  บ้าป๊าว” ผมถามมัน  อยู่ๆก็หัวเราะคนเดียว  สงสัยจะบ้า 

“ต่อยกานม๊ายสาดด  ดูเมียมึงด้วยไอ้เหนือ”

“อย่ามายุ่งกับผัวกูวว  คึๆ” ผมชี้หน้าคาดโทษมันแล้วหันมามองหน้าน้ำเหนือแทน  “เน่คนหรือเทพพาบุตร  ทำมายหล่อเง้  งื้มมม คึๆ”  ผม
ยกมือลูบหน้าเทพบุตรตรงหน้า  หน้าใส๊ใส  ผมก็อยากหน้าใสแบบนี้บ้างนะ 

“....”

“เปนเทพพาบุตรหรือเทวาดาอ่า...อึก  หล๊อหล่อ  มีแฟนยางจ้ะ!” ผมถามพร้อมยิ้มหวานใส่  ถ้าไม่มีแฟนผมจะได้จีบ  อยากมีแฟนหล่อ  แต่
ถ้ามีแล้วผมจะแย่งมาเป็นของตัวเอง

“...”  ทำไมไม่พูดอ่ะ  ผมทำหน้าบึ้งใส่เทพบุตรตรงหน้าที่ไม่ยอมพูดกับผม 

“ทามมายม่ายตอบอ่า  มียังว่ะ!?!” ผมขึ้นเสียงใส่  คนอุส่าห์พูดด้วยดันไม่พูดด้วย  “คิดว่าหล่อแล้วหยิ่งง๊ายย  เดี๋ยวปั๊ด!ตบคว้ำเล้ย! ฮึ่ม อึก”  ผมง้างมือทำท่าจะตบอีกคน  มืออีกข้างก็คว้าเอาขวดเหล้ากรอกปาก

“เมาแล้วข้าว”

“อื้ออ  อย่ามาแย่ง!” เพราะมีมือจะมาแย่ขวดเหล้าจากผม  ผมถึงชักสีหน้าใส่แล้วเบี่ยงตัวกอดขวดเหล้าไว้แนบอก  คนอะไรไม่รู้ไม่มีปัญญา
หาเองรึไงจะมาแย่งของข้าว  ข้าวไม่ให้หรอก  ข้าวหวง  ผมจ้องเขม็งใส่พ่อเทพบุตรอีกรอบ 

“ดื่มเยอะไปแล้ว  หยุดเลย!”

“....” ผมเม้มปากแน่นเพราะขวดเหล้าถูกแย่งออกไปแล้ว  ผมจะแย่งกลับมาคืนก็ไม่ได้รู้สึกโลกหมุนรอบจนต้องล้มตึงกลับที่เดิม  มือก็ยื่น
ไปกะว่าจะคว้าถึง  คนเอาไปก็มองผมด้วยสายตาดุๆ  ผมหน้างอทันที

“งอนแล้ว  คนหล่อจายร้าย...” ผมบอกหน้าบึ้ง ลุกขึ้นจะเดินไปที่อื่น  ไม่อยากเห็นหน้า  หล่อแต่ใจร้ายไม่อยากเห็นหน้าหรอก  มีสิทธิอะไร
มาแย่งของผมไป  ไปหาเอาที่อื่นใหม่ก็ได้

“จะไปไหนข้าว  เมาแล้วนั่งอยู่นี่”  ตัวผมถูกกระชากกลับให้นั่งลงที่เดิม  ผมสลัดแขนแรงๆหวังว่าจะหลุด

“ปล่อยน๊า..  จาปายตื๊ดดดด” 

“ตื๊ด?”

“ก็เต้นไงเล่า ปล่อย!  เพลงกำลางมันส์  คึคึ” ผมบอกแล้วก็นั่งเต้นโยกไปมาตามจังหวะเพลง  เพลงมันส์จริงๆครับ  “ดีเจโซฟามาเองช่ายมายยย  มานมากกก  เอิ๊วๆ”  ผมยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นมาโบกไปมา  ตัวก็โยกซ้ายขวาตามจังหวะเพลง  ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆอยู่ข้างๆแต่ผมไม่สนใจหรอก  คนหล่อใจร้าย  แย่งของผมไปยังจะมาบังคับให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไม่ยอมให้ผมไปเต้น  ผมโป้งแล้ว

“ฮาร์ทโวย  ปายเต้นๆกับกูวว  ลุกเร๊ววว” ผมตบโต๊ะเรียกเพื่อนตัวเองที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่เกลื้อนไปด้วยขวดและแก้วเหล้า  มันผงกหัวขึ้นมามองผมนิดหน่อยแล้วก็ฟุบลงตามเดิมพร้อมกับโบกมือไปมาเชิงไล่ผมให้ไปไกลๆ 

“ชิ!” ผมเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้  หยิบน้ำแข็งจากถังใส่มัน  ไปเต้นคนเดียวก็ได้แต่จะไปยังไง  ผมยังถูกจับแขนไว้อยู่เลย  งั้นต้องลากไปด้วยกันนี่แหละ  ผมลุกขึ้นยืนอีกรอบ  มีเซนิดๆ  แต่ก็ทรงตัวกลับมาได้  สะบัดหัวไล่ความมึนก่อนจะดึงแขนคนที่จับผมไว้ให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน

“ไปไหนข้าว”

“เต้นๆๆ” ผมบอกพร้อมกับฉุดลากให้เดินไปด้วยกัน  แต่รู้สึกว่าไม่ขยับซักนิด

“เมาแล้วไม่ต้องไปหรอก”

“หึ! ไม่อ๊าวว จาปายๆๆ” ผมเริ่มงอแง “ฮืออ  เค้าอยากเต้นอ่ะ”  ผมแสร้งบีบน้ำตาให้อีกคนสงสารและยอมให้ผมไปเต้น

“เฮ้อ โอเคๆไปครับไปๆ”

“เย้! ปายเต้นๆ”

ยิ่งดึกยิ่งมันส์จังหวะเพลงก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ผมลากอีกคนมาหยุดอยู่บนฟลอร์เต้นที่มีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเต็มไปหมด  จังหวะเพลงใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง  ผมเริ่มโยกตัวไปตามจังหวะเพลงที่หนักหน่วงขึ้น  โดนเบียดบ้างแต่ผมก็ไม่ถือ  ณ เวลานี้ขอมันส์อย่างเดียวเลย  พอจะไปเต้นที่อื่นก็ถูกโอบเอวเอาไว้  ดิ้นก็ไม่หลุดจนต้องยอมเต้นมันอยู่ที่เดิม  รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก  มึนหัวยิ่งกว่าเดิมจนต้องทิ้งศีรษะหาคนที่ยืนโอบผมอยู่  แรงโอบที่เอวกระชับขึ้นจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นอีกคนมองผมอยู่  เราสบตากัน ผมมองในตาคมที่มองสบกับผมอยู่  ตาสวยจัง  จมูกก็โด่ง  หน้าก็เนียน  ปากก็น่า..จูบ  ผมเลื่อนมือไล่จากตาลงมาจมูกลูบแก้มแล้วมาที่ปากอีกคน  ลูบเบาๆบนริมฝีปากนิ่ม  จนต้องกัดปากตัวเอง   ทุกอย่างบนใบหน้ามันดึงดูดผมเหลือเกิน  ทำไมถึงหล่อแบบนี้นะ  ผมมองมันอย่างหลงใหลยิ่งสัมผัสรู้สึกยิ่งใกล้จนรู้สึกถึงลมหายจที่รดอยู่บนผิวแก้ม  สัมผัสนุ่มๆแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ จากที่แตะเบาๆเริ่มเล็มเลียขบเม้มบนริมฝีปากผม  ปลายลิ้นค่อยๆแทรกซึมผ่านเข้ามาภายในปากผม 

“อื้ม..” ผมครางรับเบาๆ  แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดคอหาที่ยึดร่างไม่ให้ตัวเองล้มพับไปกองที่พื้น  แรงกอดที่เอวกระชับแน่นรั้งร่างกายผมให้ไปเบียดเสียดเข้าด้วยกัน  ตอนนี้ในสมองผมมันขาวโพลนอาการที่วิงเวียนหายไปรับรู้แค่สัมผัสเบียดเสียดของร่างกาย  ปากก็บนเบียดกันไม่แพ้ร่างกาย  มันเร่าร้อนจนผมหายใจแทบไม่ทัน  ไม่มีจังหวะให้ผมได้กอบโกยอากาศเข้าปอดเลย  จากเร่าร้อนก็เริ่มผ่อนลง จนผละออกจากกันแต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่พ่วงแก้มของผม  ผมหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด  ผมเชิดหน้าขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงเม้มดูดอยู่บริเวณคอ 

“อ๊ะ !” เจ็บ ผมเจ็บ  ต้องเป็นรอยฟันแน่ๆ  อีกคนกัดเข้าที่คอผมจนผมสะดุ้ง  รู้สึกถึงปลายลิ้นชื้นที่เลียอยู่บนรอยฟันบนคอผม

“ใครสอนให้ยั่วหื้ม?”  เสียงทุ้มแหบกระซิบอยู่ใกล้หูพร้อมขบเม้มเบาๆที่ติ่งหูผม  ผมจับใบหน้าของคนตรงหน้าให้กลับมาสบตากันอีกครั้ง 
ผมส่ายหน้าปฎิเสธ

“ใครยั่ว”

“...ข้าวไงยั่ว”   อีกคนบีบเข้าจมูกผมเบาๆ  ผมย่นจมูกใส่คนตรงหน้า  ผมไม่ได้ยั่วซักหน่อย  มั่วแล้ว

“มั่ว  ข้าวยั่วใครไม่เป็นซักหน่อย”

“จริง?”

“อื้อออ”

“หึๆ กลับโต๊ะกัน”  ผมพยักหน้าเห็นด้วย  ผมทิ้งน้ำหนักตัวเองใส่อีกคนเต็มที่แขนก็กอดเข้าเอวหนาเอาไว้แน่น  คนอะไรตัวห๊อมหอม  ผมจะตัวหอมแบบนี้บ้างไหมอ่า ยิ่งดมยิ่งหอม  ผมฝังหน้าเข้ากับอกอีกคน

“หอมจัง” 

“...ข้าวอย่ายั่ว”  ผมส่ายหน้าอยู่กับอกอีกคน  บอกว่าไม่ได้ยั่ว  ยังหาว่ายั่วอีก  แค่ขอดมนิดๆหน่อยๆเอง  ยั่วตรงไหนกัน?

“ไปไหนมาว่ะมึง  แล้วนั่น...เมา?”  ผมไม่ได้สนใจเสียงใครอีกคนยังคงฝังหน้าไว้กับคนที่ผมยืนกอดอยู่ด้วย  ไม่อยากห่างเลยอ่ะ 

“อืม..”

“เพื่อนกูอาการหนัก   เปิดห้องให้เอาไหมไอ้ข้าว  แม่งแทบสิงไอ้เหนือแล้วห่า”

“อืม...” 

“เวร! ยังขานรับอีกนะมึง”

ผมไม่ได้สนใจคนที่ว่าผมอยู่แล้ว  ผมส่ายหน้ากับอกอีกคนไปมาเบาๆ  หอมๆ  สัมผัสที่หัวทำให้ผมยอมละหน้าออกจากอกเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นคนที่วางมือบนหัวผมก้มลงมามองผมเหมือนกัน  รอยยิ้มบางของคนตรองหน้าทำให้ผมใจผมเต้นตึกๆ  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ทำไหมผมถึงรู้สึกว่ารักคนตรงหน้ามากๆ 

“...รักน่ะ!” ผมบอกพร้อมกับดึงรั้งคออีกคนลงมากดจุ๊บเบาๆแล้วผละออก  ฝังหน้าลงกับอกอีกคนอีกครั้ง  เพิ่มแรงกอดเพิ่มขึ้นไปอีก  ได้ยินเสียงขำหึอยู่ใกล้ๆ  อายครับ  เขินด้วย -/////////-




TBC.

 :katai5: :katai5: :katai5:



ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ข้าวเมาแล้วยั่วเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย :oo1: :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ข้าวมีแววเจ็บตัว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ รวดเดียวจบ

เป็นเรื่องที่feel good มากๆ

แต่ที่รอสุดๆตอนนี้คือ 3P ขอตอนหน้าเลยได้มั๊ย!!

รอตอนต่อครับ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ข้าวน่าฟัดแฮะ น้ำเหนือทนได้งายยยย  :hao7:

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
15   

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


น้ำเหนือ พาร์ท

“ฮืออ...”

เสียงเครือสะอึกสะอื้นดังเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของผมเบาๆ  ผมเพียงแค่ลูบหลังกอดปลอบคนที่นั่งกอดคอซุกหน้ากับซอกคอผมแล้วร้องไห้   งง ละซิครับว่าเสียงใคร  จะใครละครับก็แมวน้อยจอมยั่วของผมไง  ใครจะไปคิดว่าเมาแล้วจะชอบยั่ว  ถ้าผมรู้ว่าเมาแล้วยั่วแบบนี้ผมจะไม่ให้แตะเหล้าเป็นอันขาดดีหน่อยที่เป็นผมไม่ใช่คนอื่น 

แต่ว่า...

สามสิบหน้าที่แล้วมันยังดีๆอยู่เลยครับ  บอกว่าจะไปห้องน้ำพอกลับมาจากห้องน้ำมันก็เดินทำนิ่งๆ ตาแดงๆ  ทรุดตัวลงนั่งข้างผมไม่พูดไม่จาอะไร   ผมเลิกคิ้วสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกคนเล็กน้อย 

“เป็นอะไร” ผมถาม  ข้าวไม่ตอบกลับเม้มปากแน่นเงยหน้าขึ้นมามองผม  ผมมองนัยน์ตาที่มีแววสั่นไหวน้ำใสๆก็เริ่มไหลออกจากดวงตาที่สบผมอยู่  ผมรู้สึกใจกระตุกไปเลย  มันรู้สึกวูบๆยังไงไม่รู้เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า 

“ร้องไห้ทำไมข้าว  ใครทำอะไร?” ผมถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน  ปล่อยให้ไปเข้าห้องน้ำเองแค่แปบเดียวกลับมาทำไมถึงเป็นแบบนี้ ใครทำอะไรข้าวผมเองก็ไม่แน่ใจ  มีอะไรเกิดขึ้นในห้องน้ำกัน  แต่ว่าตอนนี้คือผมต้องถามหาความจริงจากคนที่กำลังร้องไห้  ไม่ว่ามันจะเป็นใครผมพร้อมที่จะกระทืบแม่งให้ตายคาตีนเลย  ใครแม่งเสือกมาทำแฟนกูร้องไห้แบบนี้ว่ะ

“ใครทำบอกเหนือสิข้าว!!” ผมถามเสียงนิ่ง  ในใจก็ร้อนรุ่มจนแทบไหม้  สายตาผมจ้องมองข้าวอย่างต้องการคำตอบ  ข้าวเบ้ปากร้องไห้หนักกว่าเดิม ก่อนที่จะทำหน้าบึ้งแล้วชี้นิ้วมาที่ผม

“หะ?”  ผมขมวดคิ้วมึน งง กับท่าทีของข้าว  คือกูถามว่าใครทำแล้วทำไมชี้นิ้วมาที่ผม   สายตาตัดพ้อที่มองผมนั่นมันอะไร? 

“ฮืออ...”

ผมชี้นิ้วเข้าที่ตัวเองเพราะข้าวเอาแต่จ้องมองผมไม่ละไปไหน  ผมถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าเป็นผมหรอที่ทำให้ข้าวร้องไห้  ข้าวไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับปล่อยโฮออกมาทำให้ผมต้องรีบดึงข้าวเข้ามาก่อน  โดยที่ให้ข้าวมานั่งบนตักผม  ผมก็กอดข้าวไว้แน่นทั้งๆที่ในใจผมกำลังคิดว่าผมไปทำอะไรให้ข้าวเสียใจหรอว่ะ  คือผมอยู่เฉยๆของผมไง  กูไปทำอะไรมันตอนไหนว่ะเนี้ย   ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ผมปล่อยให้คนในอ้อมกอดร้องไห้ให้พอ  เพราะผมถามข้าวไปหลายครั้งแล้วว่าเป็นอะไรข้าวก็เอาแต่เงียบแล้วก็ร้องไห้ไม่ยอมตอบอะไร ให้ข้าวสงบก่อนผมคอยถามอีกทีแล้วกัน  พวกเพื่อนๆก็พากันมองข้าวกัน  พวกเองก็คง งง ไม่ต่างจากผม  เครื่องหมายคำถามแสดงบนหน้าพวกมันทุกคน  ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ฮาร์ทกับไอ้คินที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะยังต้องขมวดคิ้วมองแล้วขยับปากถามผม  ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบมันไป  หันมองคนในอ้อมกอดที่เอาแต่ซุกหน้าอยู่กับซอกคอผม  จนเสียงร้องไห้เริ่มหยุดลงแต่ก็ยังมีสะอื้นนิดๆพอให้ได้ยินเบาๆ

“เป็นอะไรบอกเหนือสิข้าว”  ผมกระซิบถามเสียงนุ่ม  แรงกอดที่คอแน่นขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออกแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร  ผมเงียบรอฟังคำตอบอยู่หลายนาที  ข้าวผละหน้าที่ซุกจากคอผมออกมาจ้องหน้ากับผม  ผมมองหน้าข้าวที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนแก้มของคนตรงหน้าออกแผ่วเบา 

“ร้องไห้ทำไม หืม?”

“ฮึก ฮือออ”

อ้าว...  ร้องไห้อีกแล้ว  คือผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?  ข้าวกลับมาซุกคอผมอีกครั้ง  พูดอะไรที่ผมจับใจความไม่ได้  เพราะข้าวพูด
ด้วยร้องไห้ด้วย   ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา  รับแก้วเหล้าจากเพื่อนที่ชงมาให้ 

“อึก ตัวเองรักเค้ามั้ย? ฮือ”

“หืม?”   ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่ผมกอดอยู่  เสียงพูดบ่นสะอื้นกระซิบถามอยู่ตรงซอกคอผม 

“รักเค้ามั้ย?”

“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง  เงยหน้าขึ้นมาพูดดีๆสิ”  ผมไม่ตอบแต่บอกให้ข้าวเงยหน้าขึ้นมาพูดดีๆ  ไม่ใช่ไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าวถามแต่ผมอยากรู้ว่าข้าวเป็นอะไร  แล้วทำไมถึงถามผมแบบนี้

“อืออ..” ข้าวส่ายหน้ากลับไหล่ผม 

“ถ้าไม่เงยหน้ามาคุยกันดีๆเหนือไม่ตอบนะ”

“แงงง...”

เอ้า!

“เฮ้อ...”

“ไอ้ข้าวหุบปากได้ไหม  รำคาญเว้ย!” ไอ้ฮาร์ทมันจ้องข้าวเขม็งเลยถึงเจ้าตัวจะไม่ได้หันไปมองก็เถอะ  แต่แรงสะดุ้งทำให้ผมต้องกระชับกอดให้แน่นขึ้น 

“หยุดร้องไห้แล้วมึงบอกกูมาสิเป็นเชี้ยไร  อยู่ๆมาร้องไห้เป็นบ้าหรือไงว่ะ” ไอ้ฮาร์ทยังพูดต่อปาวๆ  คือมันคงหายเมาแล้วครับ  ด่าได้ปาวๆขนาดนี้

“ใจเย็นๆไอ้ฮาร์ท  มึงอย่าเพิ่งขึ้น” ไอ้เวฟรีบห้าม  ตอนนี้พวกเพื่อนผมกลับมาอยู่รวมกันครบเหมือนเดิมแล้ว 

“เรียกร้องความสนใจรึไงมึง  ทำไมกลัวไอ้เหนือไม่สนใจมึงรึไงว่ะ  งอแงเป็นเด็กไปได้  ระวังเถอะมันจะทิ้งมึงไปมีเมียใหม่”
ไอ้ฮาร์ทยังไม่หยุดครับ  ข้าวยิ่งรัดผมมากขึ้น  เสียงร้องไห้นี่หายแล้ว  มีแต่ตัวเท่านั้นที่ยังสั่นๆอยู่  ผมจึงดันตัวข้าวออกแล้วมองหน้ากันตรงๆ  ข้าวกัดปากตัวเองมองสบตาผม 

“บอกได้รึยังว่าเป็นอะไร?” ผมถามเสียงนิ่ง 

“...” ข้าวส่ายหน้า  ผมขมวดคิ้วเป็นปม 

“ถ้าเป็นแบบนี้จะไม่สนใจแล้วนะ” ผมบอกเสียงนิ่งสุดๆ  ดันตัวข้าวให้กลับไปนั่งที่เดิม  แต่ข้าวยึดตัวผมไว้แน่น

“ไม่!!”

“...”

“เหนือจะเลิกจะข้าวใช่ไหม  ไม่ยอมหรอก  ข้าวไม่ยอมให้เหนือไปคบกับผู้หญิงคนนั้นหรอก!!!”

“ผู้หญิง?” ผู้หญิงไหนว่ะ?  หรือว่า....

“ใช่สิ  ข้าวมันไม่สวยไม่เอ็กซ์เซ็กส์แตกมีนมโตๆ ฮืออออ” 

เข้าใจแล้ว.. คือเมื่อไม่นานมีเพื่อนผู้หญิงที่เรียนด้วยกันตอนม.ปลายเข้ามาทักครับ  ไม่ได้สนิทแต่ก็รู้จักเพราะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน  ผมก็คุยด้วยเพราะรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะไม่ได้สนิท   สงสัยข้าวจะเข้ามาเห็นตอนนั้นเข้า 

“คนนั้นเพื่อนเหนือ” ผมบอก  ข้าวจะได้สบายใจ

“ไม่เชื่อ!” 

“จริงๆ  เพื่อนเรียนม.ปลาย  ห้องเดียวกัน” ข้าวมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด  เชื่อเถอะกูไม่โกหก 

“แน่? ละ แล้วทำไมต้องให้เบอร์กันด้วย”

“เผื่อนัดเลี้ยงรุ่นกัน”

“จริงนะ!”

“ครับ!” ผมรับคำหนักแน่นขึ้น  ข้าวพยักหน้าสองสามที  นี่เข้าใจผิดคิดว่าผมจะเลิกแล้วไปคบหญิงอื่นหรอว่ะ  ผมยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้ข้าว  นึกที่ข้าวมันโวยเมื่อกี้ก็ขำออกมา  นี่หึงใช่ไหม  นอกจากเมาแล้วยั่ว   ยังเมาแล้วงอแงหนักซะด้วย 

“ขำอะไรเล่า!” ข้าวยกมือขยี้ตาตัวเอง  ก่อนมองค้อนผม

“ขำคนเมาที่นอกจากจะยั่วแล้วยังขี้หึงด้วย” ผมหยิกแก้มคนชอบยั่วเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว  ผมว่ามันน่ารักดีนะครับ  ถึงตัวผมเองจะไม่ชอบพวกตื้องี่เง่า  มันดูน่ารำคาญ  ผมจะไม่สนว่าใครจะเป็นยังไง  แต่กับข้าวผมสนทุกอย่างที่เป็นข้าว  พอผมได้รู้เหตุผลที่ทำให้ข้าว
งอแงใส่ผม  ผมว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างกนึ่งของข้าวมั้ง  แบบนี้จะไม่ให้ผมหลงได้ยังไง

“อะ อะไร  ใครหึงแล้วใครยั่ว!”

“ไม่รู้สินะ” ผมไหวไหล่  หันกลับมามองเพื่อนร่วมโต๊ะนั่งดื่มกันต่อ  ส่วนข้าวนะหรอนั่งก้มหน้าหน้าแดงอยู่บนตักผม

“เด็กว่ะข้าว” ไอ้เพียวถึงกับส่ายหน้ากับอาการของเพื่อนตัวเอง  ข้าวไม่ได้เถียงกลับแต่ยกแก้วเหล้าของผมไปดื่มรวดเดียว  อีกไม่นานคงได้เมาแอ๋อีกแน่ๆ






“ฝากดูเพื่อนกูด้วยนะมึง” 

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ  ไอ้เพียวไอ้เวฟมันคงจะไปต่อกับสาวที่มันไปสอยมาได้  ส่วนเพื่อนผมคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างจากคนในอ้อมแขนผม  เมาอีกแล้วครับ  ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเพราะต้องขับรถ  แล้วก็ต้องแวะส่งไอ้ฮาร์ทก่อนส่วนข้าวนั้นผมกะจะหิ้วกลับบ้านซักหน่อย  ไม่อยากปล่อยใอยุ่กับไอ้ฮาร์ทครับหลังจากที่เห็นพฤติกรรมที่ทำให้ผมต้องปวดหัว  เมาแล้วยั่วแบบนี้มีที่ไหนกัน  ถ้าผมทิ้งไว้กับไอ้ฮาร์ทเกิดข้าวมันลุกไปยั่วไอ้ฮาร์ทขึ้นมาทำไง  ไม่ได้ๆ  ผมไม่ยอมหรอก
ผมแวะมาส่งไอ้ฮาร์ทกลับหอ  โดยทิ้งข้าวไว้ในรถสตาร์ทเครื่องไว้ครับเพราะไอ้ฮาร์ทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย  ใจจริงไม่อยากทิ้งข้าวไว้ในรถคนเดียว  แต่ก็ต้องแบกเพื่อนกลับห้องเอามันนอนดีๆก่อน พอจัดการแบกควายขึ้นห้อง  ขอด่ามันหน่อยตัวก็หนักชิบหายยังจะดื่มหนักอีก  เฮ้ออ  ผมก็ปิดล็อกห้องให้มันแล้วรีบกลับมาที่รถที่มีคนช่างยั่วนอนหลับอยู่
ผมขับรถกลับบ้านในเวลาตีสองของวันใหม่  จอดรถภายในโรงรถของบ้าน  มีคันของแม่จอดอยู่  ดึกป่านนี้แล้วแม่คงหลับไปแล้ว  พจอดรถดับเครื่องแล้วก็หันมามองคนข้างๆที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว  คงต้องอุ้มขึ้นไปอย่างเดียว  ผมเปิดประตูรถฝั่งที่ข้าวนั่งช้อนคนตัวเล็กกว่าเดินเข้าบ้านที่มีมืดสนิทีเพียงแสงสว่างจากหน้าบ้านเท่านั้น  ผมวางข้าวไว้บนโซฟาส่วนห้องรับแขกแล้วกลับมาปิดประตูล็อกบ้าน  ตรวจเช็คเล็กน้อยก่อนจะกลับมาอุ้มข้าวพาไปนอนบนห้องผม

“อื้อ...”  เสียงครางเบาๆจากคนตัวเล็กดังขึ้นเมื่อผมวางลงบนที่เตียง  ข้าวขยุกขยิกเบียดตัวเองเข้ากับเตียงยิ้มเล้กน้อยเหมือนกับถูกใจแล้วหลับตาพริ้มนอนนิ่งๆ  ผมเดินเข้าห้องน้ำหยิบผ้าพื้นเล็กในตู้เปิดน้ำบิดผ้าพอหมาดๆกลับไปเช็ดหน้าเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนได้สบายๆ 

“..อือ! อย่ามายุ่ง!”  ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก  พอผ้าแตะหน้าปุ๊บก็เกิดเสียงครางประท้วงทันที  ข้าวเบี่ยงหน้าหนีความเย็นจากผ้าขนหนูที่ผมซับหน้าให้  แทบยังปัดมือผมทิ้งด้วย

“เช็ดหน้า เช็ดตัวก่อนจะได้นอนสบาย” ผมบอกพร้อมกับจับตัวข้าวให้นอนนิ่งๆไม่ขัดขืน 
หลังจากที่ผมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ข้าวเสร็จก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำทำความสะอาดตัวเอง  กลิ่นเหล้าคลุ้งเลยครับ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินมาดูอีกคนที่นอนกอดหมอนข้างแน่น  ผมยิ้มกับภาพที่เห็นเหมือนเด็กน้อยเลยครับ   ผมปิดไฟห้องเหลือไว้เพียงไฟบนหัวเตียงเท่านั้น  ดึงผ้าห่มคลุมกายบางเอาไว้กันหนาวก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆห่มผ้าผืนเดียวกัน  นอนมองแผ่นหลังคนที่นอนตะแคงกอดหมอนข้าวหันหลังให้ผม  จนถึงตอนนี้ผมยังคิดว่าเหมือนกับความฝัน   เป็นฝันดีเสียด้วย  ฝันว่าได้คบกับข้าว  หึ  แต่ฝันนั้นมันก็เป็นจริงในตอนนี้  นึกถึงครั้งที่ขอข้าวเป็นแฟน  ไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรน่าอายแบบนั้นได้  ถ้าไม่ใช่ข้าวผมไม่มีวันยอมทำให้แน่ๆ

“...เทพบุตร คึๆ” 

หลับตาได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องลืมตาขึ้นมา  ผมมองคนข้างๆที่เพ้อ  คำนี้อีกแล้ว  น้ำเสียงแบบนี้  สายตาที่ปรือขึ้นมองผมแบบนี้  ใช่เลย!

“ตัวห๊อมหอม คิๆ”  ข้าวขยับเข้ามากอดซุกหน้ากับอกผมถูไถใบหน้าไปมาจั๊กจี้ครับ 

“อาบน้ำแล้วก็หอมดิ” ผมตอบกลับไป

“อืม.. หอมมากเลยคร้าบบบบบบบบบบบบ”

มือน่ะมืออยู่นิ่งๆสิว่ะ  จมูดก็ดมฟุตฟิตๆแถวๆหน้าอกผม  มือนี่ก็ลูบๆแถวหน้าท้องผม  ยั่วกันชัดๆ  เฮ้ยๆๆ  อย่าเลื่อนมือไปต่ำนะเว้ย  ผมรีบตะครุบจับมือข้าวที่เริ่มเลื่อนต่ำลงดีหน่อยที่จับทันไม่งั้น....

ฟูววว..

ผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ตอนนี้ข้าวสงบลงแล้วครับ  ผมจับให้ข้าวนอนตัวตรงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้อีกรอบ

“เฮ้ย!!”

ผมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ  คที่คิดว่าหลับแล้วกลับลุกขึ้นมาคล่อมตัวผมไว้  ผมนอนมองคนที่นั่งคล่อมทับอยู่บนตัวผมตาปริบๆ 

“..ขะ ข้าว”   ทำไมเสียงกูสั่นว่ะ  เอ่ออ..แบบนี้มันไม่ดีนะครับ  ไม่ดีต่อผมเนี้ย 

“อื้ออ เหนือ...”  ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นก็ได้  ผมข่มอาการตัวเองไว้  ในใจก็ท่องว่าอดทนๆ  แต่ดูเหมือนความอดทนผมมันกำลังจะถูก
ทำลายลงเพราะคนข้างบน  ข้าวปรือตายิ้มซะหวานมาให้ผม  รู้สึกข้างล่างมันจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วครับ 

“นะ นอนได้แล้วข้าว”  ผมบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่นเพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกให้ตื่น

“อือๆๆ  ยางงง” ข้าวยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาต่อหน้าผม

“....”

“เหนือ...”

“หื้ม?” ผมครางรับเพราะคนด้านบนเริ่มขยุขยิกบนตัวผม 

“ข้าว...” ข้าวก้มตัวลงมากะซิบที่ข้างหูผม  เสียงกระซิบแหบพร่าพาเอาสติผมเกือบหลุดถ้าไม่มีประโยคนั้นหลุดออกมาเสียก่อน

“...ปวดฉี่ แฮ่ๆ”  ยังจะมาขำอีกนะคนเรา

“ปวดก็ลุกไปห้องน้ำ”  ผมดันตัวข้าวให้ลุกออกจากตัวผม  ข้าวก็ไม่อิดออดอะไรยอมลงง่ายๆท่าจะปวดจริงๆ 

ผมยืนรอข้าวอยู่หน้าห้องน้ำคือไม่ได้เข้าไปด้วยนะครับ  มีเวลาให้ตัวเองสงบเจ้าน้องชายตัวเองที่มันมีอารมณ์เมื่อครู่ให้ลงเร็วที่สุด

“เหนืออออออออ”

“อืม”

“อยู่หนายยยย”

“รอหน้าห้องน้ำนี่ไง”

“เหนืออออ”

“ว่าไง?” 

“เหนืออออออ”

“ครับ...”

“เหนือออออออออ”   เอออมึงเรียกไรหนักหนาว่ะเนี้ย  กลัวลืมชื่อหรือไง

“เอออออ”

“ข้าว...ปวดฉี่”  ก็พามาฉี่แล้วยังไม่ได้ฉี่หรอว่ะ?

“ก็พามาฉี่แล้วไง”

“ม่ายด๊ายย”

หืม?  อะไรคือไม่ได้?

“แก้เกงม่ายด้ายย  จะราดแล้วอ่าเหนือออ”  แล้วผมควรทำไงว่ะเนี้ย  สรุปต้องไปช่วยถอดกางเกงให้เจ้าตัวด้วยใช่ไหม 

“แล้วให้ทำยัง..” 

“เรียบร้อยแล้ว”

ห้ะ? อะไรคือเรียบร้อยแล้ว  ผมยังไม่ทันได้พูดจบข้าวก็แทรกขึ้นมาก่อนบอกว่าเรียบร้อยแล้ว  แปลว่าข้าวทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วใช่
ไหม

“งั้นก็ออกมาได้แล้ว”

“...ออกไม่ได้”

“ทำไม?”  ผมยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าห้องน้ำรอข้าวออกมาจะได้พากลับไปนอนนี่ก็ดึกมากแล้ว

“เกงเปียก แหะๆ”  ข้าวเปิดประตูห้องน้ำออกมายืนยิ้มขำ ผมมองสภาพคือกางเกงข้าวเปียก  สงสัยเหมือนผมไหมครับทำไมถึงเปียก  หรือว่า...

“มันถอดไม่ทันเลยฉี่ราดไปเลย แฮ่ๆ”

“...”

อึ้ง! เลยกู  ยังมีหน้ามาขำอีก  ผมมองคนตรงหน้าที่เอาแต่ขำแห้งๆ  ยืนยิ้มคนเดียวไปได้  ทั้งๆที่กางเกงเปียกฉี่ตัวเอง  คงต้องจับอาบ
น้ำแล้วสินะ 

ผมเดินไปหยิบพาเช็ดตัวพาข้าวเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง  ที่ผมต้องเข้ามาด้วยเพราะสาเหตุเดียวครับ  ผมคงต้องเปลื้องผ้าให้ข้าวแล้วจริงๆไม่งั้นคงไม่ได้นอนแน่ๆ  ผมพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนราวแล้วเดินไปเปิดน้ำอุ่นไว้ในอ่างน้ำ   หันกลับมามองข้าวที่ยืนนิ่งมองหน้าผมยิ้มๆ  ผมส่ายหัวเล็กน้อย  ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อข้าวออกทีละเม็ดจากบนลงล่าง  ท่องในใจอีกครั้งว่าอดทนๆ  เมื่อเห็นแผ่นอกขาวเนียนของคนตรงหน้า  พยายามไม่มองส่วนหน้าอก  จนกระดุมเม็ดสุดท้าย  ถอดเสื้อออกไว้บนพื้น  ต่อไปก็ส่วนล่างสินะ  ข่มอารมณ์ไว้ครับ  ยิ่งพอเห้นหน้าท้องแบนราบตรงหน้าแล้วแบบ...  จะไม่ฉี่ราดใส่ตัวเองได้ไงเข็มขัดยังไม่ถอดเลยครับ  ผมจัดการดึงเข็มขัดถอดออกตามด้วยกระดุมกางเกง 

“เหนืออออ”

“หื้ม?” กางเกงถูกผมถอดออกแล้วเรียบร้อย  พยายามไม่มองครับ  แต่มันก็ทำไม่ได้  แอบเหล่มองนิดหน่อย  ผิวขาวชมพูระเรือเพราะ
ฤทธิ์แอลกอฮอล์  หน้าท้องแบนราบไม่มีกล้ามเนื้อหรือซิกแพ็คอย่างของผม  ไหนจะตุ่มไตสีชมพูอ่อนนั่นอีก

“..ข้าวง่วง”

“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอน” ผมบอกหันมาปลดปราการชิ้นสุดท้ายของคนตรงหน้า  กะว่าถอดเสร็จแล้วจะรีบออกจากห้องน้ำปล่อยให้ข้าวได้อาบน้ำไป 

“เหนือจะไปรอข้างนอกนะ  เสร็จแล้วก็เรียก”  ผมบอกเมื่อพาข้าวมาแช่น้ำอุ่นในอ่างที่ผมเปิดไว้ให้ 

“อือ..เหนือออ” ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแต่เสียงข้าวก็ฉุดรั้งไว้  ผมหันไปมองคนที่นอนแช่น้ำในอ่างเห็นข้าวมองมาทางผม  ผมเลิกคิ้วว่ามีอะไร  ข้าวไม่ตอบแต่กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา

“มีอะไร หือ”

“อาบด้วยกัน”

“เหนืออาบแล้ว  ข้าวรีบอาบเถอะจะได้นอนมันดึกแล้ว”

“ม่ายย..” ข้าวส่ายหน้า  มือก็ยึดจับแขนผมไว้

“ปล่อยเถอะข้าว”  ปล่อยเถอะ  ปล่อยให้เหนือออกจากห้องน้ำไป  ปล่อยให้เหนือได้ไปสงบจิตสงบใจและสงบน้องชายตัวเอง  ถ้ายังมายื้อกันแบบนี้มันจะเป้นอันตรายต่อตัวข้าวนะ

“ฮึ! อาบด้วยกานนน” ไม่พูดเปล่า  ข้าวดันกระชากแขนผมให้เข้าไปหาตัวเองจนครึ่งตัวบนของผมไปหยุดอยู่ในอ่าง  ดีนะหน้าไม่ขม้ำจมไปกับน้ำในอ่าง  ส่วนคนทำนะหรอหัวเราะคิคักคนเดียวไปแล้ว

“เปียกแล้วมาอาบด้วยกัน”  แค่อาบน้ำด้วยกันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง  แค่นั่งกันคงละฝั่งคงไม่เป็นอะไร  แช่สักห้านาทีคอยลุกก็ได้  ผมจึงจำยอมแช่น้ำลงไปทั้งชุดแบบนั้นแหละครับ  อ่างน้ำนี่มันเล้กไปหรือเปล่าว่ะ  ทำไมตอนผมแช่คนเดียวมันถึงไม่เล็กขนาดนี้  ผมหลับตาลงนั่งนิ่งพยายามไม่มองเรือนกายบางตรงหน้า

รู้สึกเหมือนถูกจ้องแหะ  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา  สะดุ้งนิดหน่อยครับเพราะข้าวเล่นเข้ามาจ้องหน้าใกล้ขนาดนี้  มีทำตาปริบๆมองผมอีก  สงสัยอะไรหรอข้าว  แล้วทำไมรู้สึกหนักๆตรงนั้นว่ะ  ผมก้มหน้าลงมองก็พบกับมือปริศนา  คงไม่..มือข้าวไปอยู่ตรงส่วนนั้น  เออส่วนนั้นแหละ 

“หลับในห้องน้ำไม่ดีเลย”

อึก!   อย่ากดมือลงมา  ผมถึงกับเสียวหวาบเลยครับ  เมื่อข้าวกดมือที่อยู่ตรงส่วนนั้นลงแรง 

“ง่วงก็ไปนอนสิเหนือ”  จะไปได้ไงยังไงในเมื่อตัวเองทับน้องน้อยของผมอยู่

“ขะ ข้าวเอามือออกก่อนได้ไหม” 

“หื้ม  มือ? ทำไมหรอ”  ยังมีหน้ามาทำหน้าสงสัยอีก  มันน่านัก  แล้วขอร้องอย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมข้าว  เดี๋ยวจะทนไม่ไหวนะเว้ย 
ผมจึงใช่สายตามองลงล่างบอกแทนคำพูด  ข้าวมองตามก่อนที่จะเงยหน้ามามองผมสลับกับส่วนนั้น 

“อึก..ขะ ข้าว”

“หึๆ”  บอกให้เอามือออกไม่ใช่ให้มาลูบให้มันตื่น  นี่แกล้งเมารึเปล่าว่ะ  ผมกัดปากครางซี๊ดเมื่อมือของข้าวจากที่ลูบๆคล้ำๆข้างนอกเปลี่ยนล้วงเข้าไปจับข้างในกางเกงนอนผมแทน…ไม่ทนแล้วเว้ย 

“อย่ามาโทษกันทีหลังนะข้าว” 

จบประโยคผมจับมือข้าวที่จับน้องน้อยของผมออกจับพลิกคล่อมตัวข้าวเอาไว้  ข้าวดูจะตกใจกับปฎิกิริยาของผมไม่น้อย  ไม่รอให้ช้าครับ  ผมเบียดปากตัวเองกับปากข้าว  ข้าวสะดุ้งเบิกตากว้างคงเพราะตกใจจู่ๆผมก็จู่โจมกะทันหัน  ยั่วเองนะผมไม่รับผิดชอบ  ...
ผมบดจูบรุนแรงตามอารมณ์ดิบของตัวเองกับอีกคน  สอดลิ้นคว้านทั่วทั้งปาก  ดูดดึงยอกล้อลิ้นเล็กให้เคลิ้มตามผม  ข้าวตอบสนองจูบของผมอย่างเร่ร้อนไม่ต่างกัน  อาจจะเพราะมึนจากแอลกอฮอล์อยู่แล้วมาโดนผมจูบแบบกระชากวิญญาณแบบนี้สติที่มีไม่เต็มอาจจะหายไปบ้าง  ผมถอนปากออกเลื่อนมาซุกไซร้บริเวณซอกคอสลับกับดูดเม้มสร้างรอยรัก  ตีตราเป็นเจ้าของว่าร่างกายนี้เป็นของผมเพียงคนเดียว  เสียงครางหวานจากคนใต้ร่างเป็นตัวกระตุ้นผมอย่างดี  มือก็ลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าของอีกคน ผมขบเม้มสร้างรอยเรื่อยๆจนมาหยุดตรงส่วนหน้าอก  ผมมองตุ่มไตตรงหน้าที่กำลังเชื้อเชิญให้ผมได้ลิ้มลองมัน  ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง  ก่อนจะตัดสิ้นใจลากลิ้นเลยเม็ดตุ่มไตนั้น

“อ๊ะ อื้ออ” 

ข้าวแอ่นหน้าอกเข้ามาหาผมอย่างลืมตัว  พอกินข้างนี้หน่ำใจแล้วผมก็เปลี่ยนข้างสลับกับใช้นิ้วบดคลึงมันไปด้วย  ได้ยินเสียงครางแผ่วเบาจากคนข้างล่างแล้วน้องน้อยผมยิ่งตื่นตัวมากขึ้น  ตอนนี้มันกำลังปวดหนึบมากๆ  มันคงพร้อมใช้งานแล้ว  แต่นี่เป็นครั้งแรกของข้าวผมจึงอยากนุ่มนวลไม่อยากให้ข้าวต้องเจ็บ  มือผมก็ทำหน้าที่ฟ้อนเฟ้นร่างกายของคนข้างล่าง  ผมบีบส่วนสะโพกนิ่ม  เจ้าตัวมีสะดุ้งเล็กน้อย  ผมจึงขึ้นไปกดจูบแลกลิ้นกับข้าวอีกครั้ง  มือก้ทำหน้าที่ของมันไปอย่างดี

“ยั่วดีนัก”

ผมถอนปากออกกระซิบเสียงพร่าบอกอีกคนชิดริมฝีปาก แล้วกดเบียดลงอีกครั้ง  ผมจับขาข้าวกางออกโดยจับขาข้างหนึ่งพาดไว้กับขอบอ่างแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง  ปากก็จูบไม่ปล่อยให้อีกคนได้พักหายใจ  ลมหายใจขาดห้วงของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้ว่าข้าวก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“เจ็บหน่อยนะ” ผมถอนปากมากระซิบเสียงแหบพร่าบอกชิดริมหู  ผมสอดนิ้วหนึ่งนิ้วเข้าไปในช่องทางที่ถูกปิดแน่นไม่เคยมีใครได้ล่วง
ล่ำเข้าไป  ผมเป็นคนแรกแน่นอน

“อึก !  อ๊ะ” ข้าวสะดุ้งดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น  แค่นิ้วเดียวยังรัดแน่นขนาดนี้  ผมยังไม่ขยับนิ้วแค่แช่ไว้เท่านั้น  ก้มไซร้ซอกคอให้ข้าวได้ผ่อนคลายซักพักผมก็เริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ

“อื้อออ” เสียงครางหวานดังอยู่ใกล้หูผม  ผมคลอเคลียที่แก้มเนียน  เพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไปติดๆกันเพื่อที่จะขยายช่องทางให้
พร้อมสำหรับส่วนนั้นของผม

“อ๊า..นะ เหนือ เสียว...”  ผมตวัดลิ้นเลียตุ่มไตขมกัดเบาๆให้รู้สึกเสียวเล่นๆ นิ้วก็ขยับเข้าออกถี่  เสียงครางดังไม่ขาดสายให้ได้ยิน  ผมทนไม่ไหวแล้ว  ตอนนี้ข้าวน่าจะพร้อมสำหรับผมแล้ว  ผมถอนนิ้วออกแล้วลุกถอดเสื้อกับกางเกงออก  กลับไปประจำตำแหน่งเดิม 

“ทนหน่อยนะข้าว  เจ็บแปบเดียว” ผมกดจูบบนหน้าผากเนียนที่มีเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย  ทั้งๆที่แช่น้ำแท้ๆแต่กลับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก
ผมถูกไถส่วนกลางลำตัวของตัวเองกับช่องทางที่เบิกทางไว้แล้วก่อนที่จะจ่อมันเข้าไป  ค่อยๆดันเข้าไปทีละนิดๆ  เสียงครางพร้อมกับแรงบีบรัดทั้งๆที่เข้าไปได้นิดเดียว  ข้าวมีการเกร็งจนผมไม่สามารถที่จะกดดันมันเข้าไปได้  ผมค้างไว้แบบนั้นแล้วหันมาเบียดจูบสลับกับซุกไซร้จนพอข้าวผ่อนคลายลงจึงดันเข้าไปทีเดียวมิดด้ามเลย  ข้าวอ้าปากค้าง  ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา  มองผมตาเชื่อม

“อ๊ะ จะ เจ็บ” ข้าวครางบอกผมเสียงแผ่ว  ผมยังไม่กลาขยับแช่ค้างไว้แบบนั้นให้ข้าวหายเกร็งก่อน  แค่นี้ข้าวยังเจ็บเลยครับ  ผมจึงหันมาขบเม้มกัดเลียอยู่บริเวณหน้าอกรอให้ข้าวได้ผ่อนคลายแล้วค่อยขยับสะโพกเข้าออกเนิบๆช้าๆ  ผมไม่อยากให้ข้าวมีครั้งแรกที่เจ็บปวด  ถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ซวยจะเป็นผมเพราะข้าวคงไม่ยอมที่จะให้ผมอีกครั้งแน่ๆ  ตอนนี้ระวังไว้ก่อนแล้วกัน  อย่ามองว่าผมชั่วช้าละ  ก็เด็กมันยั่วผมก็เลยต้องจัดซักหน่อย  ฮา...

“อ๊า...”  ผมครางเสียงต่ำออกมา  จากจังหวะที่เนิบนาบตอนนี้เพิ่มแรงกระแทกกระทั้นมากขึ้น

“อ๊ะ อื้อ”

ผมจับขาข้าวมาพาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็จับอ้าออกไว้บนขอบอ่างกระแทกตัวตนเข้ากับช่องทางอีกคนรัวเร็วตามแรงอารมณ์  มันทั้งคับแน่น  แรงเสียดสีแรงบีบของช่องทางทำผมแทบทะลักออกมา  ข้าวครางตามจังหวะกระแทกตัวของผม  ผมจับแขนข้าวให้มาคล้องคอไว้ยึดเหนี่ยวร่างกายที่โรยแรงเอาไว้ 

“อ๊า ข้าว” 

ข้าวกัดลงบนลาดไหล่ผมจนรู้สึกเจ็บแต่ความรู้สึกเสียวมันมีมากกว่า  รู้สึกถึงแรงกระตุกจากคนข้างล่าง  เสร็จหนีผมไปแล้วสิ

“อ๊า อื้ออ อ๊ะๆ” ผมรัวสะโพกเข้าใส่เต็มกำลัง  เพราะรู้สึกถึงมวลสารที่มันวิ่งผ่านแกนเตรียมที่จะออกมาลืมตาสู่โลกภายนอก  ?  เสียงครางของข้าวดังลั่นห้องน้ำ  ผมกระแทกอีกสองสามทีก็ปลดปล่อยออกมาเข้าสู่ร่างกายของคนตรงหน้า

“..อ๊า” 

ผมหอบหายใจไม่ต่างจากคนใต้ร่าง  ผมยังไม่ถอดถอนสิ่งที่เชื่อมร่างกายเราสองคนไว้ด้วยกัน  รอบเดียวผมไม่อิ่มหรอกครับ  แต่ดุเหมือนคนใต้ร่างผมจะไม่ไหวนะครับ  ข้าวปรือตาขึ้นมามองผม  ผมกดจูบบนกรีบปากที่บวมแดงเบาๆ  ส่วนล่างก็เริ่มขยับอีกครั้ง

“มะ ไม่ไหว อ๊ะๆ”

“อีกรอบนะข้าว” ผมกระซิบบอกเสียงพร่า  คือไม่ไหวจริงๆครับ 
แรงบีบรัดที่ดูเหมือนจะเรียกร้องให้ผมเชิญชวนให้ผมกระแทกตัวใส่มันแรงๆ  ผมไม่รอช้าสอดใส่สะโพกไม่ยั้งแรง  เสียงครางหวานก็มีมาไม่ขาดสายจนปลดปล่อยไปอีกรอบ  ผมจึงยกอุ้มข้าวออกจากน้ำ  แช่นานไม่ได้ครับเดี๋ยวเปื่อยและไม่สบายเอา  ผมอุ้มข้าวออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันเอาไว้อยู่  ผมวางข้าวไว้บนเตียงซุกไซร้ขบเม้มสร้างรอยตรงส่วนที่คิดว่ายังมีที่ว่างอยู่  สลับเปลี่ยนท่าให้ข้าวนอนคว้ำหน้าแล้วยกสะโพกกลมกลึงขึ้นมาสอดใส่ตัวตนตัวเองเข้าไปอีกครั้งก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักบนเตียงนุ่มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“อ๊ะๆ เหนือ”

“อืม..”  มือผมก็บีบคลึงสะโพกกลมจนขึ้นรอบแดงจากน้ำมือผมเอง  แผ่นหลังที่เคยเนียนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยที่ผมสร้างมันไว้เองทุกอย่าง 

“อ๊ะๆ อ๊า..”

“ทำไมไปไม่เคยรอเลยนะข้าว”  เพราะอีกคนไปถึงฝั่งฝันก่อนทุกรอบผมจึงรัวสะโพกตามไปให้ติดๆ  ไม่นานก็ฉีดพ่นน้ำคาวเข้าสู่ร่างอีกคนที่รองรับมันอยู่แล้ว    ผมทิ้งตัวลงทับร่างข้าวเอาไว้  ข้าวหอบหายใจหนัก   ซักพักผมดึงตัวตนของตัวเองออกจากอีกคน  ข้าวสะดุ้งเล็กน้อยปรือตามองผม  จะหลับแล้วยังจะพยายามตื่นมามองผมอีก  ผมยิ้มบางให้อีกคน  กดจูบบนหน้าผาก เลื่อนมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง  ลงมาที่แก้ม แล้วหยุดลงที่ริมฝีปากบวมเจ่อที่ไม่ว่าจะลิ้มลองชิมมันทุกรอบก็ไม่มีเบื่อ 

“นอนเถอะข้าว  จะเช้าแล้ว” ผมทิ้งตัวลงนอนข้างกาย  ดึงข้าวเข้ามากอดไว้ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเราทั้งคู่เอาไว้  ข้าวขยับตัวเข้ามาซุกอกผมไว้ไม่นานก็หลับไปรู้สึกจากลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ  คงเหนื่อย  ทั้งดื่มหนักไหนจะมาเจอศึกหนักจากผมอีก  ผมเองก็เริ่มไม่ไหวเหมือนกัน

“ฝันดีครับ  คนขี้ยั่ว”  ผมจูบหน้าผากข้าวอีกครั้งดึงข้าวกอดให้แน่นขึ้นแล้วหลับตาลงเตรียมเข้าสู่นิทราตามอีกคนไป  สรุปผมได้กินข้าวไปสี่รอบ  ห้องน้ำสอง  บนเตียงสอง  อิ่มครับ  หึๆ




TBC..

ืnc  ไม่ถูกใจต้องขออภัยด้วยนะค๊าาาา 
นุ้งข้าวเสร็จพี่เหนือแล้ว  ยั่วดีนัก หึๆ
   :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ข้าวเมาจริงใช่ไหม :hao6: :hao6:
มีฉี่รดกางเกงอย่างกับเด็กเลย
เหนือกินข้าวตั้ง 4 รอบ อิ่มเลยเนอะ :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
โอยยยยยย 4รอบ อึดถึกทนมากค่าาาาา  :haun4:

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
คู่รองน่าลุ้น

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เสร็จน้ำเหนือจนได้ ว่าต่อมาขนาดนี้รู้ตัวใช่ไหมข้าว?

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
   16                                                                                                                                         
Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


[/b]

กริ๊งงงงงงงงง........



เสียงไรว่ะ?



กริ๊งงงงงง.....



เหี้ยรำคาญเว้ย!



กริ๊งงง...



คนจะหลับจะนอน  ใครมันมาทำเสียงดังรบกวนคนหลับแบบกูเนี้ย



“โว๊ยรำคะ...”



เฮือก !



“โอ๊ยยยย!!!!” 



จะ .. เจ็บ  ในสมองผมในตอนนี้คิดได้คำเดียวว่าเจ็บ  และมันโคตรจะ โค ตะ ระ เจ็บเลยครับ  กะอีแค่ลุกขึ้นนั่งเพราะหงุดหงิดเสียงแหลมๆของอะไรซักอย่าง  มันกลับทำให้ร่างกายผมชาดิกไปเลยหรอ  รู้สึกเจ็บและปวดๆบริเวณสะโพกน้อยๆของผมมากๆ  น้ำตาแทบไหล T^T



กริ๊งง...



ผมมองไปยังที่มาของเสียงเป็นเสียงจากนาฬิกาปลุกที่อยู่ข้างหัวเตียงผมเลยเอื้อมมือจะไปคว้ามันมาปิด  แต่มันก็ช่างยากลำบากกับร่างกายอันแสนเจ็บปวดของผมในตอนนี้เหลือเกิน  ทรมานเหมือนร่างกายมันแตกเป็นเสี่ยงๆ



ฮึบ ..



ได้แล้ว  ผมคว้าเอาเจ้าเสียงแหลมนี่มากดปิดได้แล้ว  เฮ้ออ  พอเสียงที่ดังรบกวนประสาทหูเงียบลง  ก็อยากที่จะล้มตัวลงนอนอีกซักรอบ  ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการนอนของผมแล้ว  ผมล้มตัวลงนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ แต่...



พรึ่บ !



“อ๊ากกกก!”



และเสียงกรี๊ดร้องผมก็ดังอีกรอบ  ลุกเร็วไปหน่อยเพราะตกใจกับสิ่งรอบกาย  คือมันไม่ใช่ห้องผมแน่นอน  คุ้นๆเนอะ  แหะๆ  ผมกวาดสายตามองรอบห้อง  อืม...ใช่เลย



“ตื่นแล้วหรอข้าว”   ผมหันมองคนยืนกอดอกพิงกรอบประตู  จะใครละครับก็เจ้าของห้องไง  ผมเพียงครางรับในลำคอตอบกลับไปเท่านั้น  ยังรู้สึกปวดๆที่บันท้ายอยู่เลยครับตอนนี้  ในสมองกำลังประมวลผลว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  ทำไมอยู่ๆตื่นเช้ามาก็ปวดแทบขาดใจ  แล้วไหนจะอาการปวดหัวที่เริ่มรู้สึกขึ้น   พอเริ่มหายปวดตัวละปวดหัวทันที  โว๊ยยย !! แฮงค์ ! ไม่น่าดื่มหนักเลย T^T



“ฮืออออออ”  ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่นห้อง  คือปวดหัวจนแทบไม่ไหว  อาการพะอืดพะอมเริ่มตีรวน  ไม่น่าเลย...



“เป็นไรรึเปล่าข้าว!” น้ำเสียงเป็นห่วงพร้อมกับร่างกายที่ก้าวเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงที่ผมนั่งปล่อยโฮอยู่



“ฮึก  ปวดหัว งื้อออ”



แรงยวบของเตียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองน้ำเหนือที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  มือก็ยกทาบกับหน้าผากของผมก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสแผ่วเบากับแก้มผมที่มีคราบน้ำตาเขรอะเต็มหน้า



“ปวดมากรึเปล่า?”



“อื้อๆๆ”  ได้แต่พยักหน้ารับ  น้ำตาก็ไหลพรากๆเหมือนกับคนขี้แย   เวลาป่วยผมมักจะงอแง  ร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อะไรนิดๆนี่ผมร้องหมดอ่ะ  เคยนอนซมเพราะตากฝนตอนทำกิจกรรมของคณะครั้งหนึ่ง  จำได้เลยครับวันนั้นไอ้ฮาร์ทมันขัดใจผม  ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ผมนี่ร้องไห้อย่างกับใครเสีย



“งั้นเดี๋ยวเหนือมานะ”



“เหนือจะไปไหน?”  พอผมเห็นน้ำเหนือกำลังจะลุกออกจากเตียงผมรีบคว้าแขนมาจับไว้  ไม่ให้ไปโว้ยยย อยู่กับข้าวก่อนนะเหนืออ  ฮืออออ



“เดี๋ยวไปบอกให้แม่ทำข้าวต้มให้ ข้าวจะได้กินยาไง  ปวดหัวไม่ใช่หรอ”



“ฮือออ อื้ออ  ปวดทั้งหัว ปวดทั้งตัวเลย T^T”  ผมบอกแล้วปล่อยโฮออกมาอีกรอบ คือมันปวดหัวจี๊ดๆ  ปวดตัวแบบทรมานเหมือนจะตายย  ตื่นมาผมก็ยังอยู่บนเตียงไม่ได้ละเมอจนนอนตกเตียงซะหน่อย  แต่ไหงตื่นมารู้สึกทรมานแบบนี้  เมื่อคืนผมไปทำอิท่าไหนไว้ว่ะถึงได้ตื่นมาละปวดตัวขนาดเน้…  น้องข้าวยังไม่อยากตายยยยยเพราะร่างกายนั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหว  เออแล้วกูมีแผลตรงไหนปะว่ะ  ต้องหาดู



พอคิดแบบนั้นผมจึงหาสาเหตุของอาการปวดตัวของตัวเอง  แต่พอขยับทีนี่ถึงกับอ้าปากค้างไปเลย เจ็บจนร้องออกมาเป็นเสียงไม่ได้ไง  ฮืออออออ  แล้วน้องข้าวคนนี้จะรู้สาเหตุของอาการเจ็บปวดตามร่างกายได้เยี่ยงไร



“โอ๊ยยย  เจ็บโว้ยย!!”  ตะโกนแม่ง  !  พอขยับจะเลิกเสื้อขึ้นเพื่อจะเปิดดูก็เป็นอันต้องร้องออกมา  ซึ่งเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นของน้ำเหนือนะครับไม่ใช่ของผม แต่ขยับแค่นิดเดียวเองนะครับ  ย้ำว่านิดเดียว  เจ็บมากกกกกก



“ทำอะไรน่ะข้าว  เจ็บแล้วจะขยับตัวทำไม?”  น้ำเหนือถามผมอย่างเป็นห่วง  คิ้วขมวดหนักกว่าเดิมอีกครับ



“ก็จะได้รู้ไงว่าทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้  เจ็บจะตายอ่ะเหนืออ  แล้วที่เจ็บที่สุดก็บริเวณสะโพกเนี้ย  โอ๊ยยยมันทรมานมากอ่ะเหนือ  จะลุกก็โอ๊ยย  จะยืนก็แทบไม่ไหว  ฮือออ  ช่วยข้าวด้วยข้าวไม่รู้เป็นไรข้าวกำลังจะตายใช่ไหม  ข้าวยังไม่อยากตาย  ไม่ๆๆๆ  ต้องไม่ตายย  แล้วข้าวเป็นอะไร  ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดเน้  ปะ เป็…”



“ใจเย็นก่อนข้าว  ใจเย็นๆน่ะ”



“ฮืออออ  ข้าวกำลังจะตายใช่ไหมเหนือ  ใช่ไหมม”



“…”  น้ำเหนือไม่ได้ตอบแค่มองหน้าผมนิ่งๆ  ผมกำลังจะตายจริงๆสินะ  ทำไมน้ำเหนือตอบผมไม่ได้ละ  ทำไม!!



“เหนือ  ข้าวฝากดูแลพ่อแม่ของข้าวด้วย”  กูต้องรีบฝากครับ  จะตายแล้วพ่อแม่ยังไม่สุขสบายเลย  ขอโทษอิพ่ออิแม่หลายที่ลูกยังไม่สามารถทำให้อิพ่ออิแม่สบายได้   ลูกเป็นลูกที่ไม่ดีเลย  จะบเรียนจบคว้าใบปริญญาให้ก่อนตายก็ยังทำไม่ได้  น้องข้าวขอโต๊ดดดด



“เอ่อ..”



“รับปากกับข้าวนะ  ว่าจะดูแลพ่อกับแม่ข้าวให้  อึก ฮืออออเจ็บบ!!”  ผมขยับตัวไปใกล้น้ำเหนือหวังจะกอดครั้งสุดท้าย แต่ขยับทีก็เจ็บ



“ข้าวคือ…”



“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  ข้าวรู้ข้าวอยู่ได้อีกไม่นาน  ขอกอดเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมเหนือ”   น้ำเหนือดูจะ  งง  แต่ก็ยอมกอดผมไว้  ผมปล่อยโฮออกมา  สวรรค์ช่างใจร้ายทำไมทำกับผมแบบนี้ ผมพึ่งจะได้เป็นแฟนน้ำเหนือเองนะครับ  ทำไมท่านถึงได้ให้เวลาเรารักกันสั้นขนาดนี้  ผมไปทำกรรมอะไร  ไหนพูดสิ  พูด!  เอ่ออไม่ต้องพูดก็ได้เดี๋ยวจะช็อกตายก่อนถ้ามีเสียงโพล่งขึ้นมาจริงๆ  น้องข้าวเจ็บป๊วดดดด  อ่ะเฮือกกก



“เพ้อพอรึยัง จะหยุดร้องได้ยังข้าว”



“..ฮึก”  น้ำเหนือผละออกจากกอดครั้งสุดท้ายของเรา  ผมมองด้วยความไม่เข้าใจทำไมถึงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจแบบนี้  ไหนจะหน้าตาที่กำลังมองผมอย่างกับปลงๆอะไรซักอย่าง  อะไร  หมายความว่าไง  เพราะผมกำลังจะตายใช่ไหมน้ำเหนื่อยถึงทำท่าแบบนี้  ใช่สินะ  ใจร้ายย  ผมมองอย่างตัดพ้ออ  น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอีกรอบ



“เฮ้ออออ”  ถึงกับต้องถอนหายใจเลยหรอ  ใจร้าย  คนบ้าคนผีทะเล!



“..อึก ฮืออ”  ได้แต่กัดปากกัดเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกไป



“ข้าว  จำอะไรไม่ได้เลยหรอ?” น้ำเหนือถาม  จำอะไร  ทำไมต้องจำ? ผมกระพริบตาปริบๆไล่น้ำตาที่ไหลออกให้หมดไปเพื่อที่จะได้จ้องหน้าน้ำเหนืออย่างชัดเจน



“จะ จำอะไร?”   ผมถาม  เพราะผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ  จำได้ก็แค่ตอนที่ดวลเหล้ากับเพื่อนกับพวกไอ้คินไอ้ฮาร์ทนั้นแหละ  หลังจากนั้นสติก็พร่าเลือนหายไปหมด  ตื่นมาก็มีสภาพแบบนี้แหละครับ



“นี่ข้าวจำไม่ได้จริงๆหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง”



“ละ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละ  เหนือก็บอกข้าวสิ”  เห็นหน้าเหนือมันนิ่งไป ใจน้องข้าวนี่ก็ไม่ดีไปแล้วครับ  เมื่อคืนเกิดไรขึ้นก็บอกมาเส่ !  อย่ามาทำหน้านิ่งใส่แบบนี้  น้องข้าวไม่ชอบ  น้องข้าวกลัววว



“…”



“เหนือบอกข้าวสิ  ข้าวจะได้จำได้  ที่สมองจำได้ตอนนี้ก็แค่ตอนที่กำลังดวลเหล้ากับพวกไอ้ฮาร์ทเท่านั้น”  ผมจับมือน้ำเหนือไว้  เห็นหน้าน้ำเหนือเหมือนผิดหวังผมก็รู้สึกผิดไปด้วย  ในหัวผมก็ยังไม่คิดไม่ตกว่าเมื่อคืนเกิดไรขึ้นบ้างว่ะ  แต่ก็คิดไม่ออก  เมาหนักไงครับจะฟื้นความจำนี่ก็ยากหน่อย



“ครั้งแรก”



ครั้งแรก?



มันคืออะไร บอกมาแค่ครั้งแรก  แบบนี้ผมจะรู้ไหมว่าครั้งแรกที่หมายถึงมันคืออะไร?  น้ำเหนือครับ น้องข้าวหอมขอประโยคยาวๆหน่อยได้ไหม  สั้นๆสองคำแบบนี้น้องข้าวไม่สามารถตรัสรู้ได้ครับ



“คะ  ครั้งแรกอะไรหรอ นะ เหนือ…”  เออพอถามไปอีกหน้านี่ยิ่งนิ่งใหญ่  สายตาที่จ้องตอนนี้ทำให้ผมต้องนึกให้ออกเร็วๆก่อนที่จะตายเพราะคนตรงหน้าไม่ใช่เพราะอาการที่ปวดหัวปวดตัวอีกต่อไป  คิดสิข้าว  ไมมึงจำไรไม่ได้เลยว่ะ  คิดออกสิว่ะ!



“ครั้งแรกของเราสองคน**!”** ว่าจบน้ำเหนือก็ลุกอกจากเตียงเดินไปยังประตูห้อง  ทิ้งผมให้คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน



ครั้งแรก…



ครั้งแรกของ..



ครั้งแรกของระ  เรา…



ครั้งแรกของเรา  สะ สอง..



ครั้งแรกของเราสองคน!!!



เอ้อออ  จำได้แล้วกูจำได้แล้วววววววว !!!  ภาพในหัวของผมออกมาเป็นฉากๆเลยครับ  อะไรมันจะชัดขนาดนี้  ชัดระดับเฮชดีเลยเว้ยย  ทั้งในห้องน้ำ ละ และบนเตียงนี่  อื้ออออมันชัดมากกกก  ครั้งแรกของเราสองคนจริงๆครับ  โอ๊ยยจะอายหรือจะเขินดี  พอจำได้แล้วผมก็หันไปมองยังประตูห้องที่น้ำเหนือยังไม่ได้เปิดออกไป



“นะ เหนือ..”  ผมเรียกอีกคนเสียงแผ่วว  เข้าใจแล้วว่าน้ำเหนือนั้นรู้สึกยังไง  คงรู้สึกไม่ดีมากแน่ๆ  น้องข้าวหอมขอโต๊ดดดดดดด



“คิดออกเมื่อไรก็โทรหาเหนือแล้วกัน  เหนือจะรออยู่ข้างล่าง”



ปัง!!!



เฮือกก!! T^T



น้ำหนือพูดจบก็เปิดประตูพร้อมกับปิดมันด้วยเสียงดังปังเหมือนเสียงปืนลั่นอ่ะครับ  ไอ้ผมก็สะดุ้งเลยดิ  หุ้วววน้ำเหนือดูจะโกรธผมจริงๆนะครับ  เหนือจ๋า  ข้าวไม่ได้ตั้งใจลืมจริงๆนะ  แค่ข้าวจำไม่ได้เอ๊งงงง  เรื่องเล็ก?  เออไม่เล็กหรอก  เป็นผมถ้าลืมครั้งแรกของเราสองคนก็โกรธเหมือนกันละว่ะ  ฮือออ  ไอ้อาการปวดหัวปวดตัวเหมือนจะหายวับไปชั่วขณะ  คิดแค่ว่าทำไงน้ำเหนือถึงจะหายโกรธผม  ง้อไงดีว่ะครับ  น้องข้าวควรทำไงดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!



.

.

.

และแล้ววกระผมนายข้าวหอมก็ได้มานั่งแหมะอยู่ยังชั้นล่างของบ้านที่มีเจ้าของบ้านหน้านิ่งพูดน้อยแต่เสือกหล่อ   เออ  อวยหน่อยเผื่อไอ้อาการหายโกรธหายงอนจะพอได้ทุเลาลงให้ข้าวหอมคนนี้บ้างงงงงง  …



นับตั้งแต่ที่ผมคิดออกภาพความทรงจำต่างๆเมื่อคืนได้พรั่งพรูออกมาดั่งท่อปะปาแตกนั้น  ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะหัวเตียงมากดจึกๆเพื่อโทรหาท่านเทพบุตรสุดหล่อของผม  มีลีลาเล่นตัวไม่รับสายด้วยนะครับ  กว่าจะรับก็ปาไปแล้วเจ็ดสาย  เออดูมันดิ๊  คนจะง้อแล้วมาทำเป็นเล่นตัว  ข้าวรู้ข้าวผิด  แต่ข้าวก็ต้องการโอกาสไหมละ  อ่ะโด่ววเดี๋ยวพ่อไม่ง้อเลย  อ่ะล้อเล่นครับถ้าไม่ง้อจะเป็นน้องข้าวนี่แหละร้อนรนเอง  ก็นั้นแหละครับพอสายที่แปดพี่ท่านถึงได้รู้สึกว่าต้องรับสายแฟนตัวเอง(นั้นก็คือกูนี่แหละ)  รับสายก็ไม่พูดอะไรน่ะครับ  เงียบครับ  เงียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจคิดว่าคงลาโลกไปแล้ว  ฮ่าๆๆ  ตลกอีกละกู  เออนั้นแหละครับผมจึงเป็นคนทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างสองเราให้กับมามีเสียงพูดคุยกันขึ้นมาอีกครั้ง



“ฮัลโหล  หกโหล  เจ็ดโหล…”



“…”  เงียบกริบได้ยินแม้กระทั่งมดตด?  อ่ะงั้นเปลี่ยนมุกใหม่



“สวัสดีครับที่นั้นที่ไหนแล้วนี่ใครโทรมา”



“**…”  ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาด้วยครับ



“แหะๆ  เหนือจ๋า”  ผมว่าผมไม่ควรเล่นมากอ่ะเนอะ  เขายังรมณ์บ่จอยอยู่ไปกวนมากๆเดี๋ยวมีน้ำโหใส่  พอตรัสรู้ได้น้องข้าวจึงรีบบอกว่า.. “เหนือจ๋า  ข้าวหอมคนนี้จำเรื่องเมื่อคืนได้แล้ว  จำได้ชนิดระดับภาพเฮชดีเลยจ้า  ทั้งเสียง  ทั้งภาพ  มาเต็ม  จะเป็นท่าไหนน้องข้าวก็จำได้หมดแล้วจ้ะเหนือจ๋า  ได้โปรด…ฮึก  ยกโทษให้ข้าวด้วยที่ได้ลืมครั้งแรกที่แสนวิเศษของเราไป  เหตุเพราะข้าวเมาสมองเลอะเลือน  วอนคุณแฟนช่วยเห็นใจ  น้องข้าวนี่ยอมรับผิดทุกอย๊างงงงง…”



และก็เพราะเหตุฉะนี้ทำให้ผมถึงได้ลงมายังข้างล่างได้ โดยที่มีคุณแฟนที่มีนามว่าน้ำเหนือนั้นขึ้นไปรับและยังปรนนิบัติผมดีอีกด้วยนะครับ  ทั้งอุ้มพาไปอาบน้ำ  ซึ่งผมบอกจะอาบเองแต่พอเจอสายตาดุๆผมจึงยอม  แล้วก็ตอนที่ผมจะแปรงฟัน  ก็เหมือนเดิมครับคุณแฟนที่แสนดีก็เป็นคนแปรงให้  โดยที่พูดกับผมประโยคสั้นว่า “อ้าปาก” เออเอากับเขาสิ  ผมก็ยอมทำตามทั้งๆที่มือกูก็มี  ไม่ได้พิการอะไร  เจ็บไหมก็ไม่  พอทำธุระในห้องน้ำเสร็จตัวผมก็ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่พร้อมกับอุ้มผมมานั่งตรงโซฟาทรงกลมในห้องแต่งตัว  คุณแฟนผมก็ไปจัดการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้  แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันแต่ผมก็มองเห็นถึงความห่วงใย  ทั้งๆที่งอนผมอยู่อ่ะนะยังดูแลดีขนาดนี้  โห้ยยแฟนใครว่ะโคตรดีเลยย    แต่งตัวเสร็จก็โบ๊ะครีมโบ๊ะแป้งให้หอมฉุ้ยเลยครับ  เสร็จก็อุ้มเดินลงมายังชั้นล่างหาข้าวหาน้ำหายาแก้ปวดทุกชนิดให้กิน  จนเสร็จสิ้นภารกิจคุณแฟนของผมจึงลดละเลิกที่จะเข้ามาเกี่ยวกับตัวผมจนถึง  ณ ตอนนี้แม่งไม่เดิน  ไม่คิดจะนั่งมาเฉียดเลยด้วยซ้ำ  อะฮึก  น้องข้าวไม่รู้จะทำยังไงดี  ชวนคุยก็แล้วก็ยังไม่สนใจเลย  น้องข้าวเจ๊บป๊วดดด



“เหนืออจ๋า”  ประโยคเดิมถูกพูดขึ้นมาอีกครั้ง  ผมเรียกน้ำเหนือที่นั่งดูรายการสารคดีทางทีวีโดยไม่คิดจะหันมาสนใจผมที่นั่งไม่ใกล้ไม่ไกล  ไอ้ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมันก็แค่คนละโซฟาเองครับ  ผมนั่งโซฟาตัวยาว  ส่วนน้ำเหนือนั่นนั่งตัวสั้น  คือกะแบบไม่ให้กูเดินเข้าไปนั่งใกล้ได้เลย ผมก็มองตาละห้อยสิครับอยากจะง้อใจแทบขาด  เกิดมาไม่เคยมีแฟนกับเขาเลย  พอมามีดั๊นเสือกเป็นตัวผู้มีงวงเหมือนกันอีก   ไอ้ที่พอจะทำอะไรหวานๆก็จำมาจากทีวีทั้งนั้นแหละ เฮ้อออ




ต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตึ้ง!(เสียงแชท)



เสียงแชทเฟสดังขึ้นมาจากเครื่องโทรศัพท์ผม  ผมจึงหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นแชทกลุ่ม  ซึ่งมีสมาชิกเยอะแยะมากมายประมาณสามคนได้  ฮ่าๆๆ  ผมปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าสู่โปรแกรมสีฟ้า  เปิดแชทกลุ่มขึ้นมาคนที่ทักมาไม่ใช่ใคร  คนที่คุณๆก็รู้จักดี



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [ไฮโล~  ตายกันยังพวกมึงงงง]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์     [ไฮโลพ่องดิสัส!  ทักมาทำเชี้ยไรคนจะหลับจะนอน!]



เห็นชื่อเฟสแล้วก็ถึงกับต้องกุมหัว  ผมไม่ได้ตั้งให้นะครับ  พวกแม่งเปลี่ยนชื่อกันเอง  แต่ละชื่อที่เปลี่ยนมีแต่อะไรก็ไม่รู้  นี่เป็นชื่อล่าสุดที่พึ่งเปลี่ยนไปได้ไม่นานนะครับ

[พวกมึ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง]   เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ชื่อนี้ผมไม่ได้เปลี่ยนเองนะครับ  ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคนมันเป็นคนเปลี่ยนให้  ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันคือเรื่องจริงง  ฮ่าๆๆ  มันสองตัวมาได้จังหวะพอดีเลย  ในที่สุดผมก็มีตัวช่วยแล้ว  เย้ !! ไม่รอช้าผมจึงรีบพิมพ์ข้อความส่งกลับไปให้พวกมันได้เห็นก่อนที่จะออฟไลน์หนีไป



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [เรียกแบบนี้มีเรื่องชัวร์!! - - ]



[อย่ามาทำเป็นรู้ทันกูไอ้เวฟ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์ [แล้วมึงเรียกพวกกูมีไรไอ้ข้าว  ถ้าไม่สำคัญกูจะด่าแม่งให้]

[สำคัญสิเพื่อนยากก  ฮืออ  พวกมึงต้องช่วยกูนะT^T]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ




พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์  [จะให้พวกกูช่วยอะไร  ไหนว่ามาสิ?]



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ  [ว่ามากูรอเสือก..]



ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ยังไงผมก็ต้องเล่าให้ฟังทั้งหมดสินะ  ต่อให้ไอ้เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้มันจะน่าอายก็เถอะ  ฮือออ  มีอย่างที่ไหนมาเล่าบอกเพื่อนว่าลืมครั้งแรกของตัวเอง   ผมจึงจัดการพิมพ์ข้อความที่คิดว่าจะเล่าแค่สั้นๆนะครับ ย้ำว่าสั้นๆ  แต่พอให้ได้ใจความเท่านั้นเอง  ถ้ามากกว่านี้กูอายครับ  กลัวเพื่อนแซววว



[บังเอิญกูลืมครั้งแรกกูควรทำไงดีว่ะมึง]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ

[เหนือมันโกรธไม่ยอมคุยกับกูเลยอ่า  ฮือออออ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ


ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [ครั้งแรกอะไรว่ะไอ้ข้าว?]


[ก็ครั้งแรกไงมึงงงงงงง]   เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [แล้วไอ้ครั้งแรกของมึงเนี้ยอะไรว่ะห้ะ?]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์     [ครั้งแรก?  อย่าบอกนะว่ามึงกับมัน…]


[ก็อย่างที่มึงคิดแหละไอ้เพียว  กูควรทำไงดีว๊า~]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ [มึงเข้าใจด้วยหรอว่าไอ้ครั้งแรกของไอ้ข้าวคือไรอ่ะไอ้เพียว 
                                                   ทำไมกูไม่เข้าใจ  บอกกูหน่อยกูอยากเสือก!]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์   [นี่มึงโง่มากขนาดตีความไม่ถูกเลยรึไงว่ะไอ้เวฟ

        คิดเอาเองกูขี้เกียจอธิบาย  แล้วมึงอ่ะไอ้ข้าวไปทำอิท่าไหน

        ถึงเสียครั้งแรกจนได้ละว่ะ  ฮ่าๆๆๆ]



 
[สัส! ตลกนะมึงอ่ะ  ก็กูเมา … ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ

   [มึงกูควรทำหงายยยยยยย?? ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ


มาถามว่าเสียตัวยังไง  ไอ้บ้า!  ถ้าไม่ลามกนี่คิดจะถามอะไรแบบนี้ไม่ได้นะครับ  ยิ่งกับไอ้เพียวที่ชอบเรื่องอย่างว่าแล้วมันไม่มีทางอายแต่กูเนี้ยสิอาย  ฮึ่ย !  ผมก็ตอบไปตามความจริง  กูเมาจริงครับ  พอเมาแล้วอะไรๆมันเลยง่าย  แม้กระทั่งการเสียตัวครั้งแรกยังง่ายเลยครับ  สังคัง  เอ้ย!  สังคม  เฮ้อออ



Rrrrrrr Rrrrrrr



“แม่ร่วง!”  โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเกือบตกกระแทกพื้นแล้วครับ  ดีที่มือไว   กำลังคุยแชทกับเพื่อนอยู่ดีๆ  แต่พอมีเสียงเรียกเข้าดังเข้ามาเลยทำให้ตกใจจนเกือบจะหลุดมือ  หล่นไปนี่ไม่มีตังซื้อใหม่นะครับ  เครื่องหนึ่งไม่ใช่น้อยๆเลย 



‘เพียวริคุ’

ปรากฏเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเพื่อนเพียวนั้นเอง  อ๋อที่ไม่ตอบแชทเพราะมึงถึงขั้นโทรมาหากูเลยงั้นสิ  สัส!  โทรมาอะไรตอนนี้  ตอนที่กูอยู่กับน้ำเหนือแล้วประเด็นไงกูเดี้ยงอยู่กูลุกเดินไปคุยที่อื่นไม่ได้  ทำไมมึงไม่คิดถึงข้อนี้ห้ะไอ้เพียวววววววววววว  แต่จะบ่นไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา   เอออกูไปหาที่อื่นคุยก็ได้ว่ะ  ผมเหล่มองคนที่นั่งดูทีวีอยู่แอบเห็นว่าเหล่สายตามามองผมด้วยนะครับ  อะไร๊?  อย่ามาแอบมองเค้านะ  อยากมองก็มองตรงๆสิ  ไม่ใช่แอบบ  วรั่ยต๊ายแล๊ววว   ฮ่าๆๆๆ  ไม่ใช่แล้ววุ้ย !



“เออ  แปบนะมึงกูหาที่คุยแป๊บ”  ผมพูดกระซิบเมื่อกดรับสายไอ้เพียว    แล้วค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปหาที่คุยที่อื่นไม่อยากให้น้ำเหนือมันรู้ครับ  พอเริ่มขยับตัวความเจ็บแปล๊บๆก็เข้ามาแทรก  แต่ก็ต้องอดทนกลั้นความเจ็บไว้   พอยืนเต็มความสูงแล้วก็ต้องค่อยๆก้าวขาเดิน  ซ้ายย่างน้ออและกูก็เจ็บน้ออ  T^T  ขวาย่างน้ออ..  พอผมกำลังจะก้าวเท้าขวาก็เกิดสดุ้งเฮือกร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่กล้าที่จะย่างน้ออีกแล้วว  ก็เพราะว่า…



“ไปไหนข้าว!”  เสียงอันทรงพลังนี้แหละครับ  ฮืออ  มันมาเสียงโหดเลยเว้ยไม่กล้าแม้จะหันหลังกับไปมองมันเล้ยยยย



“อะ เอ่อ  ปะ ไป…”  ไปไหนดีว่ะ?  คิดสิ



“ไป-ไหน” เหี้ยอย่ากดเสียงต่ำงั้นดิ  น้องข้าวกลัวววว   สายไอ้เพียวก็ยังคงถือรออยู่



“ปะ ไปห้องน้ำ  ปวดฉี่”  เออห้องน้ำนี่แหละใช่เลย  ใช่ๆ  น้ำเหนือมันไม่สงสัยหรอก  ทำไมมึงฉลาดแบบนี้ว่ะข้าว หน้าตาดีไม่พอยังฉลาดหลักแหลม



พรึ่บ !



“เฮ้ยย!!!”



ผมสดุ้งเมื่อจู่ๆตัวผมก็ลอยยกสูงจากพื้น  ผมร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ  หุ้วววเล่นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้น้องข้าวอาจมีหัวใจวายตายได้น่ะครับ



“ทะ ทำอะไร?”  ผมถามติดอ่าง



“ห้องน้ำ”  เอออทีมาตอนนี้ละสนใจกูเชียวนะมึ๊งงง  ทีกูเรียกเป็นร้อยรอบละไม่คิดจะสนใจ  ถ่อวววพ่อคนดีทีกูอยากไปคนเดียวเสือกเสนอตัวมาซะงั้น



“อะ เอ่อ ขะ ข้าวไปเองได้เหนือ ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง”  ผมบอกพร้อมกับยิ้มเจื่อนส่งให้  น้ำเหนือก้มลงมามองหน้ามามองสบตาผมใกล้ๆ  ใกล้จนผมต้องหดคอ  ตาก็ต้องจ้องครับเดี๋ยวเขาสงสัย  ฮ่าๆๆ



“ไหว?”



“ วะ ไหวๆ”  ผมรีบพยักหน้ารัวทันที



“อืมตามใจ”



อ้าว…  แค่เนี้ย?  อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นว่ะ  เฮ้ยๆมึงยอมกูง่ายไปป่าวเหนืออ  ถามอีกนิดนี่จะยอมให้อุ้มเดินไปส่งนะ  โถ่วววกูไม่น่าเล่นตัวเลย  เสียใจอ่ะน้ำเหนือเขากว่าจะหันมาสนใจผมได้  หึ่ย!  ได้แต่ฮึดฮัดในใจ  เพราะเจ้าตัววางผมลงแล้วก็เดินกลับไปนั่งดูทีวีที่เดิมโดยไม่หันมาสนใจผมอีกเลย  ได้แต่ดิ้นแด่วๆในใจนะครับ  แด่วนอกไม่ได้เดี๋ยวเขาจะรู้  ฮ่าๆๆๆ



ก็นั้นแหละครับแฟนเมิน ผมจึงลากสังขารอันน้อยนิดไปเข้าห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงจากปลายสายมันดังแว่วผ่านเครื่องมือสื่อสารมา  เข้าห้องน้ำมาก็ปิดล็อคประตูไว้   แล้วหันกลับมาสนใจสายที่รออยู่



“โหลไอ้เพียวยังอยู่ป่าวว่ะ”



(อืม  ก็ไม่เห็นเป็นอะไรอย่างที่มึงว่านี่หว่า   เห็นไอ้เหนือก็ดูจะสนใจมึงออก)



“สนใจกับผีมึงอ่ะดิ  กูนั่งแหกปากเรียกปาวๆเป็น ชม.ไม่เห็นกะสนใจเลย”  พูดแล้วยังขึ้นไม่หาย  หึ่ย!



(เอ้า!  ก็เมื่อกี้ยังได้ยินมันคุยกับมึงอยู่เลย  จะพามึงมาเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ)



“มันก็พึ่งจะสนใจตอนกูจะเข้าห้องน้ำเนี้ยแหละ  หลังจากนั้นมันก็ทิ้งขว้างกู พูดแล้วก็เศร้า…”



(ฮ่าๆๆๆ  มึงโดนมันเสียบแล้วจริงๆหรอว่ะ?)



“ไม่รู้เว้ย! แต่ที่แน่ๆตื่นมาแล้วเจ็บสะโพกเหี้ยๆ”



(โอ๊ยยเออกูเชื่อแล้วว่าแม่งได้กันจริง  ฮ่าๆๆๆๆ)  ไอ้ฟายยยยังมีน่ามาขำอีก  กูให้มึงมาช่วยกูคิดนะว่าจะง้อน้ำเหนือยังไงไม่ใช่ให้มันแซวแล้วขำกูแบบนี้ไอ้เพื่อนเวร!!



“หยุดขำแล้วช่วยกูคิดซะ  ทำยังไงเหนือมันถึงจะหายโกรธกู”  เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ  ไม่อยากคุยกับมันนาน



(ฮ่ะๆ  เออๆ  มึงนี่ก็น่ะลืมได้แม้กระทั่งครั้งแรกของตัวเอง  ไม่ไหวๆว่ะข้าวกูสงสารไอ้เหนือจริงๆมีเมียแบบมึงเนี้ย)



“ไม่ใช่เมียเว้ย!”



(ได้กันแล้วเขาไม่เรียกแฟนแล้วโว้ยยย  อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาไอ้ข้าว  อย่ามาทำซื่อตอแหล)



“สัส!...”  ด่าตอแหลนี่น้องข้าวรับไม่ด๊ายยย



(ด่ากูนี่จะฟังไหมห้ะวิธีพิชิตใจผัวมึงเนี้ย)



“พิชิตพ่องดิ  กูแค่จะง้อมันโว้ยย”



(เออน่ามันก็ไม่ต่างกันหรอก  ฟัง….)



และผมก็เงียบฟังวิธีของมัน  ซึ่งก็มีขัดมันขึ้นมาบ้างบางวิธี  จนมันด่าผมซะไม่เป็นมนุษย์จนพอใจมันก็พูดต่อ  เออผมจะไปทำอะไรมันได้  ขอให้มันช่วยก็เลยยอมๆมันไป  ฮึ่ย  ถึงตากูน่ะ  แม่จะเล่นให้หนักเล้ย!



ชะแว่บบ!

และพอหลังจากที่คุยกับไอ้เพียวเพื่อนรักของผมเสร็จผมก็รีบจัดการธุระส่วนตัวตัวเองจริงๆ  คือมันคุยกันนานไงครับเห็นโถส้วมมันอยู่ตรงหน้าก็เกิดปฎิกิริยาของร่างกายขึ้นผมจึงไม่รอช้าที่จะปลดปล่อยสายน้ำออกมา  แล้วกูจะเล่าทำไมม  ใครอยากรู้  ก็นั้นละครับ  หลังจากนั้นผมก็มาอยู่ในพื้นที่เดิมคือห้องนั่งเล่น  มีผู้ชายหน้านิ่งนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน



“เอาไงดีว่ะ” พึมพำกับตัวเอง  เป็นไงเป็นกันวะ  เกิดมาไม่เคยง้อใครจริงๆด้วยแล้ววิธีนี้ก็อาจจะเสี่ยงต่อตัวผมซะด้วยสิ  แต่ไม่ทำน้ำเหนือมันก็ยิ่งบึ้งตึงใส่ผมอีก



ผมเหล่สายตาไปทางอีกคนเพื่อดูว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่  ไม่คิดหันมามองกูหน่อยหรออ  ใจร้ายมากก  เออไม่สนใจกูเดี๋ยวอีกแปบมึงต้องสนกูแน่น้ำเหนือ  หึๆ



ผมลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งแล้วเดินไปหาอีกคนอย่างไม่รอช้า  ไอ้อาการบาดเจ็บที่สะโพกไม่หนักเท่าผัว.. ผัว! ก็ได้ว่ะ เออนั้นละผัวไม่สนใจหรอก



พรึ่บ !

“…”  ผมล้มตัวลงนั่งทับตักน้ำเหนือ อึ้งเลยดิ๊  อึ้งเลยละเซ่~  คิดไม่ถึงละสิว่าข้าวคนนี้มันจะกล้าหน้าด้านทั้งๆที่เมื่อก่อนอายม้วนไม่กล้าทำอะไรแบบนี้  แต่ยกเว้นตอนเมานะครับ  อันนั้นไม่นับถือว่าสติไม่สมบูรณ์



จุ๊บ -3-

น้ำเหนือไม่พูดอะไรออกมาซักคำ  มัวแต่อึ้งหรืออะไรผมก็ไม่รู้ครับ  แต่ผมก็ต้องทำตามที่ไอ้เพียวมันแนะนำมา  ‘ไม่ใจอ่อนให้แม่งรู้ไป  ของเคยๆกันอยู่’  ไอ้เพียวพูดประโยคส่งท้ายก่อนที่จะวางสายไป  ผมจุ๊บปากน้ำเหนือแบบรวดเร็วแล้วก็เงยหน้ามองสบตาอีกคนพร้อมส่งยิ้มที่คาดว่าจะหวานส่งให้  ใครๆก็ต้องสยบให้กับรอยยิ้มบาดใจของข้าวหอมคนนี้



“…”  ยังครับ  ยังเงียบ ถึงจะยอมมองสบตากับผมแล้วก็เถอะ  ทำถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยหรอว่ะ



จุ๊บ ๆ -3-

คราวนี้เอาไปเลยอีกสองครั้งรวด  นี่ทำขนาดนี้ยังไม่ใจออกอีกหรอว่ะ  หรือว่ามันจะใช้วิธีนี้กับน้ำเหนือไม่ได้  เอาแล่วๆ  ชาตินี้กูจะง้อสำเร็จไหมเนี้ย  ขนาดใช้วิธีเปลืองตัวแล้วนะ



“…”  ตายด้านแน่ๆ  เอาว่ะอีกซักทีถ้าแม่งยังไม่พูด  น้องข้าวคงต้องถอยทับกลับก่อน



จุ๊บบ..

“อื้อออ!!”  ผมตาโตด้วยความตกใจ  ด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัว  ตั้งใจกะจะจุ๊บครั้งสุดท้ายแต่พอปากมันไปแตะกับปากน้ำเหนือแล้วผมก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เพราะน้ำเหนือใช้มือกดหลังท้ายทอยผมไว้ไม่ให้ผมผละหนีไปไหน  จากที่กะจุ๊บตอนนี้แม่งจูบกูแล้วเว้ยยย!!



ปลายลิ้นของน้ำเหนือไล่เล็มเลียรอยแยกของปากผมที่เม้มเน้นเพราะความตกใจไม่ยอมเปิดปากให้อีกคน  มือข้างที่ว่างก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ตามร่างกายผมผ่านเนื้อผ้า  เลื่อนจากบนลงไปล่าง  เออมันเริ่มต่ำ  ต่ำจนถึงสะโพกกูแล้วเนี้ย  จากมือที่มัวแต่กำเสื้อของน้ำเหนือไว้แน่นก็ต้องรีบผละออกมาเพื่อหวังที่จะได้จับมือที่เลื้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ  แต่ก็ไม่ทันมือไวๆนั้นแม่งบีบก้นผมเต็มๆ  ไอ้สะ สัส!!  กูเจ็บก้นอยู่นะโว้ยยยย!!!



“อะ โอ๊ยย!!  อื้มม~”  ตัวผมสะดุ้งขึ้นมาทันที  เผลอหลุดเสียงครางที่เจ็บก้นออกมาทำให้ปากที่เคยเม้มไว้แน่นเปิดอ้าออกได้โอกาสน้ำเหนือก็เบียดปากกดหนักมากกว่าเดิมพร้อมกับส่งลิ้นชื้นมาเก็บเกี่ยวอย่างเอาแต่ใจในปากผม  ทั้งดูดดึงลิ้นผมเล่น  ไม่มีซักนิดให้ผมได้หายใจเอาอากาศเข้าไปเลย  แทบขาดใจตาย  ฮืออ   แม่งเอ้ยยทำกับข้าวหอมคนนี้ได้ยังไงงงงง



“อืม..”  เสียงครางต่ำอย่างพอใจของอีกคนดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหูของผม  มันเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ผมโคตรชอบ  ฟังแล้วทำให้ใจเต้นรัวจนแทบระเบิดออกมา  ผมจูบตอบกลับน้ำเหนือ  คือไหนๆก็ไหนๆแล้วจะเสียตัวอีกซักรอบมันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ  ก็เนอะของมันเคยๆกันอยู่   ฮ่าๆๆ



ผมลูบไล้ผิวกายของน้ำเหนือที่มีเนื้อผ้ากั้นเอาไว้อย่างเอาใจ  ตาก็มองสบกัน  มันเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถจะบรรยายได้จริงๆครับ  ดวงตาน้ำเหนือถึงจะนิ่งแต่สำหรับผมแทบจะลอมละลายกลายเป็นน้ำเหลวๆอยู่แล้วว  โอ๊ยยยเกิดอาการอยากเสียตัวขึ้นมาอีกรอบอย่างรวดเร็ว  ไม่รอแล้วเว้ยยกูรุกเองก็ได้  แค่จูบมันยังไม่พอ เหมือนน้ำเหนือจะรู้ความคิดของผม  น้ำเหนือจับผมพลิกให้มานั่งแทนที่แล้วตัวเองก็คล่อมตัวผมไว้  คิดภาพตามนะครับ  ผมอยู่ล่าง  น้ำเหนืออยู่บน แต่ปากก็ไม่ได้ละห่างกันไปไหน  แค่นี้ก็ฟินแล้วครับ >////<



“อ๊ะ  นะ เหนืออ..”  เมื่อปากเป็นอิสระ  ผมก็เอ่ยชื่ออีกคน  น้ำเสียงของผมที่เปล่งออกมามันดูแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น  ตาผมตอนนี้คงหวานเชื่อมแน่ๆ  จากที่ผมใช้สายตามองน้ำเหนือที่ตอนนี้โค  ตะ ระ เซ็กซี่เลย  เพราะตอนนี้น้ำเหนือผละออกจากตัวผมเพื่อที่ถอดเสื้อของตัวเองออก  อึ๊ยย !! ร่างสูงโปร่ง  ผิวขาว  หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อสองสามลูกเรียงสวย  น่าสัมผัสยิ่งนัก  เผลอครางซี๊ดขึ้นมาอย่างลืมตัว   โอ๊ยยยทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยย  ข้าวพร้อมเสียตัวแล้วเหนือ  มาม่ะมาปล้ำข้าวเถ๊อะ !!



“อ่า…  วันนี้อากาศร้อนแหะ”



เอ๊ะ ?

ผมถึงกับมึนงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของน้ำเหนือ  คือนี่ผมกำลังรอว่าน้ำเหนือจะทำอะไรผมต่อไง  แต่แล้วแบบพอถอดเสื้อเสร็จพี่ท่านก็บอกว่าอากาศร้อน จริงสิน่ะ!  เพราะตอนนี้ผมก็ร้อนเหมือนกัน  คิดได้ดังนั้นผมจึงเอื้อมมือกะว่าจะไปคว้าจับแขนอีกคนให้มาต่อกันต่อ  แต่กลับคว้าได้เพียงแค่อากาศ   พะ  เพราะ….!!!



“อาบน้ำดีกว่าเผื่อจะเย็นขึ้น ”



แม่เจ้า !!!  น้ำเหนือพูดจบก็เดินหันหลังจากไป  ปล่อยให้ผมมึนหนักกว่าเดิมอีก  เอออไปแล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีไปแล้ว  นี่ถึงกับไปไม่เป็นเลยเว้ย  อ้าวไม่ต่อแล้วหรอ   ละ แล้ว  ตอนนี้กูกำลังทำอะไรอยู่  แล้วว…



“ม๊ายยยยยยยยยยย!!!!”  สมองผมดีเลย์ไปนีสสส   พอคิดได้ว่าตัวเองกำลังโดนอีกคนแกล้งก็ถึงกับตะโกนออกมาด้วยความช้ำในหัวใจ  ไอ้ !  ไอ้… อะไรดีว่ะ  ฮือออ  ไอ้หล่อมึงแกล้งกูวววววววววว!!!!



“หึๆๆ”



*****************************************
พี่เหนือขี้แกล้งง งุ้ยยย :jul3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2017 14:46:22 โดย Cencer »

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
17

Boyfriend เพื่อนรัก..รักเพื่อน




ปึก! ปึก! ปึก!

"ข้าวหยุดทุบโซฟาได้แล้ว"ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาคนละตัวกับผม  ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันไปอีก

ครืดดดดด...

ผมใช้เล็บครูดกับหนังโซฟาให้เกิดเสียงเสียดสีจนฟังดูเสียวฟัน  จะกวนสมาธิไอ้คนที่ทำหน้านิ่งอ่านหนังสือได้เป็นชั่วโมง

"ข้าว"  เสียงนิ่งๆพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามองผม

"..."  ผมเงียบไม่ตอบเล็บก็ยังทำหน้าที่ของมันอยู่แบบนั้น  เอาเส่!  ข้าวจะไม่ยอมโดนแกล้งฝ่ายเดียวแน่ๆ  ฮึ่ย!

"โกรธ?"  และเมื่อผมไม่ยอมหยุดตามที่บอก  น้ำเหนือจึงเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันมามองผม

"อะร้ะ?"  ผมถามเสียงห้วนสุดๆ อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่าโกรธ  ไอ้นี่ก็ชอบพูดเป็นคำๆ  จะเอาให้รู้เรื่องช่วยพูดให้มันเป็นประโยคยาวๆหน่อยไม่ได้หรือไงว่ะ

"ก็ที่ไม่ทำ"

"ทะ ทำอะไร"  น้ำเหนือพูดหน้าตาย  อยู่ๆมาไม่ทงไม่ทำอะไร  แล้วทำไมกูต้องพูดติดอ่างด้วยว่ะ  ไม่เข้าใจตัวเองเลย

"ก็..."

"กะ ก็อะไรๆๆ"  อยู่ๆน้ำเหนือก็ลุกจากโซฟาที่ตัวเองนั่ง  เดินเข้ามาหาผมที่นั่งมองอยู่อย่างตื่นๆ  อยู่ๆมาก็...ลากยาวแล้วเว้นช่วงไว้  จนผมรู้สึกใจกระตุกเพราะไอ้หล่อมันมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม  ไม่วายยังดึงตัวผมที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าหาอีก

“ก็…แบบนี้ไง ฟอดด”

“O.O” ยังไม่ทันตั้งตัวผมก็โดนไอ้หล่อคนที่กอดผมมันหอมแก้มผมดังฟอด

“ตกใจอะไร? หื้ม” เสียงกระซิบดังอยู่ข้างหูเบาๆ  เล่นเอาขนแขนผมลุก

“ตกใจอะไรเปล่าซักหน่อย!”

“แน่ใจหรอ..”

“อื้อออ..” ผมหดคอหนีเมื่อน้ำเหนือเริ่มที่จะซุกเข้ามาที่ซอกคอผม

“นิ่งๆเถอะ”

“ไม่เอา!” ผมแว๊ดขึ้นเสียงดัง  พยายามผลักไอ้คนที่กำลังลวนลามร่างกายผมออก  ให้ตายเถอะจะติดหนึบไปไหนว่ะ

“พอจะเอาจริงก็ไม่ยอมนะข้าว”

“คะ ใครเขาจะให้เอาห้ะ! ไอ้ลามกปล่อยนะ” ผมเริ่มดิ้น  พูดมาได้ไงว่าจะเอา  ไอ้บ้าเหนือ  เห็นหน้านิ่งๆ ความคิดนี่ลามกที่สุด!!

“...”น้ำเหนือไม่สนใจคำพูดของผมกลับยิ่งรุกรานร่างกายผมหนักกว่าเดิม  ไอ้ผมก็เบี่ยงหลบได้บ้างไม่ได้บ้าง  จนมือที่อยู่ไม่สุขของอีกคนมันลูบเลื่อนมาถึงเอว  จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ผมอยากจะยกตีนขึ้นลูบแมะบนหน้าไอ้หล่อมันจริงๆ

“อ๊ากก ฮ่าๆๆ  โอ๊ยย  จะ เจ็บๆๆ ฮ่าๆๆ”  ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น  ตัวก็บิดไปมาในอ้อมแขนของไอ้หล่อที่กำลังกลั่นแกล้งผมทั้งๆที่ตัวผมกำลังเจ็บอยู่  ไอ้หล่อขี้แกล้งก็ไม่มีเว้นเลย!

“หายโกรธยังหืม”  น้ำเหนือพูดว่าไรว่ะครับ  ผมฟังไม่รู้เรื่อง  นาทีนี้กูขำอย่างเดียวครับ

“ฮ่ะๆ โอ๊ยยไอ้เหี้ย  ฮ่าๆๆ เจ็บ  ฮ่ะ  เจ็บตูดโว้ยยย  ฮ่าาาา”  ใครก็ได้หยุดน้ำเหนือที!!  น้องข้าวจะไม่ไหวแล้ว  รู้สึกจะขาดใจตายย  อ่ะฮึกๆ   และเหมือนฟ้าจะพอเห็นใจผมบ้าง  เมื่อน้ำเหนือหยุดมือที่จี้เอวผม  ผมก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย  เสียงขำค้างคลออยู่เบาๆ ผมยกมือเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอออก  แม่ง! เล่นซะผมขำจนเจ็บท้องอ่ะ  เจ็บทั้งตูดทั้งท้อง  นี่เคยคิดสงสารคนเป็นแฟนบ้างไหม?  เอออลืมไปมันแม่งไม่ได้เป็นผมคงไม่เข้าใจหรอกก TT

“หายโกรธรึยัง?”

“เล่นบ้าอะไรเนี้ย รู้มั้ยเจ็บอยู่น่ะห้ะ!”  ผมแวดใส่

“ยังไม่หาย”

“จ  จะทำอะไร  อ้ากกกกก…” และผมก็โดนน้ำเหนือจัดการอีกรอบ  ถ้ากูหล่นตกโซฟา  พ่อจะกระโดดถีบขาคู่ตามด้วยกะทืบซ้ำให้หายแค้น

“ฮ่าๆ น..เหนือ  พอเถอะ  คิๆ  ไม่ไหวแล้ววว”

“ไม่”   ไอ้เลวว…

“ฮื่อๆๆ ฮ่าๆๆ จุก ฮึ”

“หายรึยัง”

“อึก  อือ หะ หายแล้วๆ ฮ่ะๆ”  ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อย  มือก็กุมท้องที่จุกจากการหัวเราะ  อาการขำค้างยังคงดังแว่วมา  เมื่อร่างกายผมกลับมาเป็นปกติ  จึงหันไปจะมองค้อนซักหน่อยแต่ก็ต้องชะงักค้างตามองกับภาพตรงหน้าใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม กว้างที่ไม่ใช่การยิ้มเหยียดหรือยิ้มมุมปากเมื่อครั้งไหนๆ  แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งเยาว์วัย  ยิ้มที่สดใส  รอยยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า… ได้เห็นมันอีกครั้งแล้วซิน่ะ

“เหนือ”

“หืม?” น้ำเหนือยิ้มและเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย

“ข้าวชอบรอยยิ้มของเหนือน่ะ”  ผมบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า  น้ำเหนือดูจะชะงักไปนิด  เพราะเมื่อได้ฟังคำพูดของผมอีกคนก็หุบยิ้มและไม่นานน้ำเหนือก็ค่อยๆคลี่ยิ้มที่ผมชอบมันมากที่สุดออกมาอีกครั้ง

“อืม”

“เหนือสัญญาได้ไหม?”  ผมส่งมือไปลูบใบหน้าของน้ำเหนือ  พร้อมกับเอ่ยประโยคคำถามที่อยากให้อีกคนสัญญา  มันไม่ได้ยากหรือง่าย  แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีถ้าคำถามที่ผมถามไปน้ำเหนือจะตอบตกลง  มันจะดีทั้งตัวผมและน้ำเหนือเอง  หรือผมอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปน่ะ...ที่จะขออะไรแบบนี้

“ครับ?”

“สัญญาว่าเหนือจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป...ได้รึเปล่า”  ผมจ้องสบตากับน้ำเหนือ  ผมดูเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่า  ทั้งๆที่น้ำเหนือคนปัจจุบันในตอนนี้ไม่เหมือนกับน้ำเหนือคนก่อนที่ผมเคยรู้จัก  ความนิ่ง  ความเงียบ  ความพูดน้อย  แทบนับคำได้เวลาคุยกัน  ถึงช่วงหลังๆที่พอเราได้คบกันผมกับน้ำเหนือจะพอคุยกันมากขึ้นก็ตาม  แต่ผมกลับไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มกว้าง  รอยยิ้มที่สดใส  ที่แสดงถึงการมีความสุขมากๆ ขนาดนี้  จะเห็นก็แต่ยิ้มมุมปาก  ยิ้มบางๆ เท่านั้น

“...”

“ยิ้มเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆได้ไหมเหนือ”

“...ครับสัญญา”

“ขอบคุณนะ..”  และเมื่อผมได้รับคำตอบ  ผมก็ถึงกับยิ้มกว้างพร้อมกับโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างไม่สนใจอาการปวดตัว  แค่นี้  แค่สัญญาว่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป  ผมก็ดีใจมากแล้วว  น้ำเหนือไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ผมก็ได้  แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมจะขอ…  ขอให้รอยยิ้มที่สวยงามนี้จะอยู่ให้ผมเห็นตลอดไป

ขอบคุณนะเหนือที่ยอมรับปากว่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป… ข้าวเองก็จะสัญญาว่าจะปกป้องรอยยิ้มของเหนือตลอดไปเช่นกัน  สัญญา..☺

.

.

.

.

“แหม๋~”  ยังไม่ทันจะได้ย่างเท้าข้ามอีกฝั่งของประตูก็ได้ยินเสียงโหยหวนของสัมภเวสีที่สิงสถิตอยู่ในห้องดังขึ้นมา

“เป็นเห้ไรของมึงไอ้ฮาร์ท”  ผมถามมันพร้อมกับเดินนำน้ำเหนือที่เดินตามหลังผมมาหลังจากปิดประตูห้อง  ผมเดินไปเปิดตูเย็นหยิบน้ำอัดลมที่มีไม่กี่ขวดถ้าเทียบกับบันดา  ช้าง  สิงห์  ที่มีเกลื้อนตู้เย็นไปกว่าครึ่ง

“เปล๊า~” เปล่าได้ตอแหลมากมึงอ่ะ  ผมยื่นน้ำอัดลมให้น้ำเหนือที่ตอนนี้ลงไปนั่งเล่นเกมส์กับไอ้ฮาร์ทเป็นที่เรียบร้อย  ผมจึงนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกัน  มองภาพในจอที่กำลังต่อสู้กันด้วยคนสองคน

“เป็นไงละมึงนอนต่างที่หลับสบายม่ะ?”  ไอ้ฮาร์ทมันถามขึ้น  ตาก็มองจอที่เล่นอยู่

“ก..ก็สบายดี”  แล้วทำไมกูต้องสะดุดคำพูดทุกทีว่ะ  ไอ้ที่สบายดีนี่สบายจริงนะครับ  กูเมาแล้วหลับสบายไม่รู้เรื่อง  แม้กระทั้งตอนโดนเสียบยังสบายเลย  แม้ตอนตื่นมามันจะไม่สบายก็เถอะ  เจ็บโคตร!  แต่ผมก็ไม่บอกมันหรอกว่าเมื่อคืนเกิดไรกับผมบ้าง

“อืมๆ  มิน่าละเป๊เชียว”

“เป๊ไรของมึ๊งงงงง”  แล้วเสียงกูมันจะสูงไปไหน  ไม่มั้ง  นี่ว่าเดินปกติแล้วน่ะ  มันคงไม่สังเกตหรอก  ตามันก็มองเกมส์ตลอดเวลานิ

“เจ็บมั้ยล่ะ?”

“เจ็บ!”  เดี๋ยว ! แล้วกูจะตอบมันไปทำไมว่ะเนี้ย

“หึ  ไอ้เหนือ”

“อืม”

“ตอบตรงๆน่ะ”

“เออ”

“ได้กันยัง”

“ฟู่~  แค่กๆๆ” อะ  ไอ้เหี้ยฮาร์ทมึงพูดอะไรออกมาเนี้ย!!!  ผมถึงกับสำลักน้ำอัดลมที่กรอกปากอยู่  พุ่งตรงหัวไอ้ฮาร์ทที่นั่งอยู่ข้างล่างเต็มๆ

“เชี้ย!  มึงพ่นมาได้ยังไง  นี่หัวคนนะเว้ย!!  สัสแม่งเหนียวหัวแน่ๆ  โอ๊ยยยเชี่ยข้าวมึงกล้ามากกกก!!”  ไอ้ฮาร์ทโวยวายเสียงดัง  มันวางจอยเกมส์ลงแล้วยกมือขึ้นสัมผัสละอองน้ำเปียกๆที่เกิดจากฝีปากผมบนหัวมันอยากหงุดหงิด  … สมน้ำหน้า5555555

“ล..แล้วมึงถามเชี่ยร้ะออกไปล่ะห้ะ”

“กูถามมึงหร๊อ?”มันเปลี่ยนจากหงุดหงิดมาเลิกคิ้วถามผมกลับอย่างกวนประสาท  ไอ้นี่มันทำหน้ากวนบาทามากครับ  อยากจะยกตีนงามๆขึ้นฟาดให้หายคัน  แต่ก็ทำไม่ได้ยังเจ็บตัวอยู่นิดๆ  แหะๆ

“ก็ไม่...แต่ที่มึงถามมันเกี่ยวกับกูด้วยป่ะล่ะ”  นี่เชิดหน้าขึ้นใส่เลย  เรื่องกูแน่ๆ  มั่นใจ!

“กูเอ่ยชื่อมึงออกไปตอนไหนไม่ทราบครับคุณข้าว  ประโยคที่ถามไอ้เหนือเนี้ยไม่มีชื่อมึงเลยน่ะ มั่นหน้านะคนเรา เฮ้อ~ ไม่ไหวๆ”  สัส… ไอ้ฮาร์ทมันถอนหายใจทำหน้าเหนื่อยหน่ายหลังพูดจบ...กวนตีน

“สัส olo” ผมจึงส่งนิ้วกลางงามๆไปกระแทกหน้ามันแทน  ฮึ่ย!  ทำไมเถียงมันไม่เคยชนะเลยว่ะ

“ของกูใหญ่  แล้วยังไงขอคำตอบคำเพื่อนเหนือ”  นี่มันยังไม่หยุด

“...”น้ำเหนือหันมามองหน้าผม  เหมือนกับจะถามว่าจะเอาไงบอกไม่บอกดี   เก่งป่ะล่ะ  ผมสามารถอ่านสายตาน้ำเหนือออก  เก่งป่ะ?  ชมผมด้วยผมจะได้มีกำลังใจสู้รบตบตีนกับไอ้ฮาร์ทต่อ

“อ่ะๆอย่ามาทำเป็นเงียบไม่ตอบนะเพื่อน”

“แล้วมึงจะอยากเสือกไปทำไมห้ะ!”  ปากกูนี่ก็ไวเจรงงงง

“เรื่องของกู”

“ฟวย”

“มันยากที่จะพูดหรอว่ะ  ก็อย่างว่าละน่ะ  มึงได้กับสัตว์สงวนมึงก็ต้องอายใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ”  เลว…  ไอ้ฮาร์ทไอ้ปากปีจอ  ไอ้ชั่วช้าสามาน  ไอ้ไม่หล่อ  ไอ้หำเท่าไม้ขีดไฟ  ไอ้หน้าปลาบู่  ไอ้…

“..อืม”  มาองมาอืมอะไรว่ะ  นี่อย่าบอกน่ะว่าน้ำเหนือก็เห็นด้วยกับคำะดไอ้ฮาร์ทเมื่อครู่อ่ะ  เดี๋ยวพี่เหวี่ยงนะครับๆ

“ฮ่าๆๆเชี้ยยไอ้เหนือแม่งฮ่าๆๆ”  ตลกมากไหมมึงอ่ะ“เออไม่ต้องบอกก็รู้ว่ะว่าได้กันแล้ว  กูก็แกล้งถามไปงั้นละไปล้างหัวก่อน  แม่งเหนียวชิบหาย”  ไอ้ฮาร์ทลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปห้องน้ำ  ก่อนไปมันยังจะทำร้ายร่างกายผมอีก

“กูเจ็บไอ้เลววว!”  มันใช่ตีนถีบเข้ามาที่ตัวผมเต็มๆ  ฮือออ  ใจร้าย!

“หมั่นไส้  เออแล้วก็ปิดๆบ้างน่ะรอยบนคอมึงอ่ะ  กลัวใครไม่รู้หรอว่าเสียตัวแล้ว หึๆ”

รอย.. เวร!  ลืมได้ไงว่ะ  มิน่าคนโง่ๆอย่างไอ้ฮาร์ทคงดูไม่ออกแน่ถ้าผมปิดดี  ฮืออไอ้หล่อมันหยิบเสื้อแขนยาวคอวีมาให้ผมใส่แท้ๆเลย  ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วไม่ใช่จะมีคนเห็นไปหมดแล้วหรอออ  ก่อนจะกลับถึงหอผมเพิ่งแวะกินข้าวไปเองงงงง…  ไอ้หล่อมึงตั้งใจแกล้งกูช่ายม่ายยย

“ทำไมเหนือถึงชอบแกล้งข้าว!”

“เหนือแกล้งข้าวตอนไหนกัน”  ยังมีหน้ามาถามนะคนเรา - -

“ทุกตอนอ่ะ!”

“...ไอ้ฮาร์ทมันก็แซวเล่นไปงั้น  สนใจทำไมข้าว”   ไม่สนไอ้ฮาร์ทเว้ยย กูสนผู้คนที่ร้านข้าวมากกว่า  ตัวเองไม่ได้มีรอยแดงๆตามตัวนิ  ฮือออ  กูอายเป็นน หวังว่าคงไม่มีคนรู้จักแวบๆแถวนั้นนะ

“แล้วทำไมไม่บอกว่ามีรอยที่คอ!”

“ก็ข้าวไม่ได้ถาม”  หันมาทำหน้าซื่อใส่กูอี๊กกกกก

“ไอ้…” เล่นซะกูด่าไม่ออกเลย

“น่า..อย่าคิดมาก  ลงมานี่”  น้ำเหนือฉุดดึงแขนผมให้ไปหา  ไอ้เราก็ใจง่ายไง  เขาเรียกก็ไปแล้ว

น้ำเหนือให้ผมนั่งตรงกลางหว่างขาโดยที่ขาของน้ำเหนือตั้งเข่าทั้งสองข้างกักตัวผม  ถ้าถามว่าอึดอัดไหม  ก็นิดหน่อย  แต่ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง  โคตรดีโคตรมีความสุข  รู้สึกอยากเสียตัวมันอีกรอบ ฮ่าๆๆๆ

“หายปวดรึยัง”  เสียงทุ่มเอ่ยถามข้างๆหู  รู้สึกถึงลมหายใจเป่ารดบริเวณคอ  สยิวเว้ย >_<

“ก็ดีขึ้นแล้วไม่ปวดมาก”

“อ่ะ  เอารองก้นไว้”  น้ำเหนือหยิบเอาหมอนบนโซฟามามห้ผมนั่งทับช่วยลดอาการปวดได้เยอะเลย

“ขอบคุณน๊าาาา~  ว่าแต่พูดเยอะกว่าเดิมป่ะเนี้ย”  พอผมจัดท่านั่งได้ก็บอกขอบคุณเสียงอ้อน

“ก็ปกติ”

“ไม่น่ะ พูดเป็นประโยคมากขึ้นจริงๆ  เพราะปกติเหนือจะพูดเป็นคำๆ ไม่ก็ตอบแค่เออกับอืมอ่ะ”

“งั้นหรอ..”

“ใช่ๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำคิดของตัวเอง

“...” น้ำเหนือไม่พูดอะไรต่อยื่นจอยเกมส์ของไอ้ฮาร์ทมาให้ผม ส่วนน้ำเหนือก็ถืออีกอันโดยที่แขนทั้งสองข้างกักตัวผมไว้. คิดภาพตามน่ะครัผมนั่งกลางน้ำเหนือนั่งซ้อนหลังผมโดยที่นั่งตั้งเข่าทั้งสองข้างขึ้น. แล้วแขนทั้งสองข้างก็ยื่นมาจับจอยเกมส์ซึ่งมองกรายๆคือเหมือนน้ำเหนือกำลังนั่งกอดผมอยู่

ผมเป็นฝ่ายเลือกตัวละครก่อน หลังจากนั้นก็เป็นน้ำเหนือ  ผมเลือกด่านที่ใช้ในการต่อสู้ของเราสองคน. พอเกมส์สตาร์ทผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นอย่างเดียว  โดยที่สมาธิจดจ่ออยู่ที่เกมส์. มือก็รัวจอยปล่อยพลังท่าต่างๆเพื่อเอาชนะตัวละครของน้ำเหนือ

“เพราะข้าว”  อยู่ๆคนที่เงียบไม่พูดเสียงกระซิบข้างหูผม  เพราะผม?  ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในประโยค“หือ?”  สัมผัสของหน้าผากของคนด้านหลังวางซบลงบนไหล่ของผม  มือที่เคยจับจอยเกมส์ตอนนี้เปลี่ยนมากอดเอวผมแทน

“เพราะข้าวที่อยู่ข้างเหนือ”

“...”

“เหนืออยากเห็นข้าวมีความสุข”

“อืม” และผมก็รู้คำตอบของประโยคที่มา ‘เพราะผม' ผมขายรับในลำคออทั้งๆที่ใจเต้นแรงเพราะคำพูดเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้ แค่นี้ก็สุขมากๆแล้ว

"อยู่ข้างๆเหนือตลอดไปนะข้าว”

“...”  แน่นอนสิว่าตลอดไป..  ผมคิดในใจ

“นะข้าว...นะ”  ผมวางจอยเกมส์ลงแล้วผลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับอีกคนที่พูดเสียงอ้อนๆจนอยากจะเห็นสีหน้าว่าจะแสดงออกมายังไง  ครั้งแรกเลยป่ะว่ะที่แม่งอ้อนแบบนี้  โห้ยยยกูตายตาหลับแล้วเว้ย55555

“ยาหมดป่ะเนี้ย  ไหนๆดูซิ  มีอาการอะไรแปลกๆอีกรึเปล่า”ผมจับหน้าน้ำเหนือหันซ้ายหันขวา  จับคางเชิดหน้าขึ้น  จับหัวกดลงมาดูเผื่อว่าอะไรไปกระแทกหัวเข้า  ทำให้ไอ้หล่อหน้านิ่งมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  แต่ก็ไม่มีอะไรปกติดีทุกอย่าง

"อืมยาหมด"

"แล้ว?"  ผมเลิกคิ้วถามกวนๆ  จริงๆนี่ก็กะแกล้งกวนมันเล่น  ไม่คิดว่ามันจะเล่นด้วยไง  เอออเว้ยย  นี่จะใช่มนุษย์หล่อหน้านิ่งพูดน้อยแฟนผมจนิงป่ะว่ะ  ทำไมข้ามคืนมันถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้~

"ขอยาหน่อย"

"ห้ะ?  ไม่มี"  ส่ายหน้ารัว

"มี!"

"มะ อุ๊บ อื้อออ"ยังไม่ทันได้ตอบเลยไอ้คนตรงหน้าก็จับผมล็อคคอเข้าไปจูบ  กระแทกมาซะแรงถ้าปากกูแตกเลือดซิบละน่าดู!  ฮึ่ย  บ่นไปงั้นละ  ผมยอมอ้าปากรับลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวพันกันไม่มีใครยอมใคร  มึงดูดลิ้นกู  กูดูดกลับ  มึงกัดปากกู  กูกัดบ้าง  เรื่องนี้ข้าวจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวแน่  ไหนๆก็ได้กันแล้วไม่มีอะไรหน้าอายอีกต่อไปแล้วละ  จริงม่ะๆ?


แชะ !

"พวกเหี้ย  มึงช่วยไปสร้างโลกสีชมพูที่อื่นได้ไหมห้ะ  ในห้องนี้ไม่ได้มีมึงสองตัวนะเว้ย  ทำไรเห็นหัวกูบ้าง  ไอ้เพื่อนเวรตะไล  จะเล่นหนังสดโชว์กูเลยไหม  เอออมาเลยกูจะตั้งตารอดูเลยไอ้เหี้ย!!!"

".../..."  ผมกับน้ำเหนือผละออกจากกันเพราะเสียงไอ้ฮาร์ทที่แหกปากร้องด่าพวกผมปาวๆ อย่างคนหงุดหงิด  เอ่อ..  ฮาร์ทมึงใจเย็นๆ

"กูอัพแน่!"  ไอ้ฮาร์ทมันโชว์รูปในมือมาทางพวกผม  เฮ้ยๆๆ  ไม่เล่นดิ  กูนี่ตาโตเลย

"เดี๋ยวๆใจเย็นเมิ๊งงง"  นี่ร้องเสียงสูงเลยยเว้ย

"ไม่เย็นแล้วเว้ยแม่ง..."  แล้วมันก็เดินปึงปังขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

"มึงไปไหน?"  น้ำเหนือถามมองไอ้ฮาร์ทนิ่งๆ  นี่กลับมาเป็นน้ำเหนือปกติแล้ว

"ห้องน้ำ!" ไอ้คนหงุดหงิดหันมาตอบตาขวาง

"แต่มึงพึ่งออกมาจากห้องน้ำป่ะว่ะ"

"..."

"..."

"..."

เงียบกริบทั้งสามหน่อ

"เพราะมึงนั่นละ  ครางซะกูขึ้นเลยไอ้เหี้ย!" มันชี้นิ้วมาที่ผมก่อนที่จะแวบเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ

เดี๋ยวนะ!  กูไปครางตอนไหนฟ่ะ?  ขอคำตอบด้วยยยยย!

เอ๊ะ... หรือกูเผลอครางแล้วไม่รู้ตัวว่ะ? เกาหัวได้ไหมล่ะ

“ข้าว”

“ห..ห้ะ?”  ผมหลุดจากความคิดตัวเองมามองคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดเรียกกูซะเสียงเครียดเชียว

“...”

“มีอะไรหรือเปล่าเหนือ"น้ำเหนือพยักหน้าแล้วจ้องผมไม่กระพริบตา คือจริงจังไปไหมม. กูนี่เริ่มใจไม่ดีนะ

“ย้าย”

“ห้ะ?”

“ย้ายไปอยู่กับเหนือ”

“เอ๋?  เอ่อ..ทะ. ทำไมอย..” ผมยังพูดไม่จบน้ำเหนือก็แทรกขึ้นมา

“เหนือไม่ไว้ใจไอ้ฮาร์ทแล้วว่ะ” อย่าบอกว่ามึงมากังวลไอ้ฮาร์ทเรื่องที่แม่งของขึ้นเพราะผมน่ะ บ้าเลาว์..  อยู่กินกะไอ้ฮาร์ท เอ้ย!  อยู่กับมันมาสองปีแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้ามันจะคิดกับผมน่ะคงคิดนานแล้ว 'บ้า! เหนืออ่ะคิดมาก’ ผมอยากจะพูดคำนี้ออกไปจริงๆฮ่าๆๆ

แม่เจ้าโว้ยย!!! น้ำเหนือหวงผมกับไอ้ฮาร์ทอ่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยยทำไมน่ารักงี้ว่ะ หน้าโคตรจริงจังเลยตอนพูด มีกุมขมับด้วยเว้ย ลุคนี้ไม่เคยเห็น ยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้จะโดนด่าป่ะเนี่ย  งื้อออ



TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2017 14:52:54 โดย Cencer »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด