พิมพ์หน้านี้ - Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.17#By : Cencer[01/07/60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Cencer ที่ 27-06-2016 16:27:59

หัวข้อ: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.17#By : Cencer[01/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-06-2016 16:27:59
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




=================================================================


Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน
[/size]



Intro..



Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

 

“ข้าว..”

 

“...”

 

“ข้าวเว้ย”

 

“...”

 

“ไอ้เชี้ยข้าว!”

 

“อ่ะ อะไรๆ ตกใจหมดเลย”

 

“เหม่อเชี้ยไรของมึงกูเรียกตั้งนาน...แล้วถ่ายรูปอะไรอยู่วะ กูเห็นมึงถ่ายมุมนี้นานแล้วนะ”

 

“ถ่ายไปทั่วแหละ”

 

“ทั่วไรวะ  กูเห็นมึงถ่ายอยู่มุมเดียว  ไหนๆเอามาดูสิ”

 

“ไม่เอาไม่ให้ดู”

 

“เอ๊ะ ไอ้นี่ เอามากูอยากจะรู้นักสนามบอลที่มึงถ่ายมันมีอะไรสวย”

 

“ยุ่ง!”

 

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหน”

 

“ไปให้พ้นๆมึงไงไอฟาย”

 

 

 

“จะใช่น้ำเหนือหรือเปล่านะ” ร่างบางพรึมพรำกับตัวเองหลังจากที่เดินออกมาจากเพื่อนสนิท   เขาไม่แน่ใจว่าจะใช่กับคนที่เขารู้จักหรือเปล่า เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายปีที่ไม่ได้ติดต่อคนๆนั้น “น้ำเหนือ”  เพื่อนสนิทในวัยเด็กของ “ข้าวหอม”    เขาเปิดดูรูปภาพที่ถ่ายบุคคลที่อยู่ในสนามฟุตบอลของมหา’ลัย  เขาเองก็ไม่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าจะเป็นคนๆเดียวกับที่คิด  ถึงแม้รูปร่างจะเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะคงโตตามอายุ  แต่หน้าตา  ผิวพรรณ  ที่ดูโดดเด่นนั้นยังคงเหมือนเดิม  ถ้าหากว่าได้เข้าไปมองดูใกล้ๆกว่านี้อาจจะฟันธงได้ว่าใช่หรือไม่   

 

“อ่ะ .. โอ๊ย!”

 

“เดินระวังหน่อย” น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เดินชนเขา  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตรงหน้าเป็นคนที่อยู่ในรูปที่เขาเป็นคนถ่ายมันเมื่อไม่นานมานี้   

 

“...”

 

“ลุกไหวมั้ย”

 

“อ่อ .. อืม”  พยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นปัดฝุ่นตัวเอง

 

“กล้อง”

 

“อ่ะ ขอบคุณ” เขาไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า  เขาแค่ยื่นมือไปรับกล้องจากมืออีกคนเท่านั้น  แต่เขามั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่เขาเฝ้าคอยคิดถึงมาตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบ  ก่อนที่อีกคนจะเดินผ่านตัวเข้าไปเข้ากลับรั้งแขนไว้แล้วเอ่ยชื่ออีกคนออกมา

 

“นะ น้ำเหนือ”

 

“...” อีกคนแค่หันมามองสบตากับเขาเท่านั้นแต่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา   นัยน์ตาอีกคนดูเรียบนิ่ง  เย็นชา  ดูว่างเปล่า  ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ร่างหนาเลื่อนสายตามองมือที่จับแขนแล้วกลับมามองหน้าเขาเป็นเชิงบอกให้ปล่อย

 

“เอ่อ..คือ” เขาอ้ำๆอึ้งๆทำตัวไม่ถูกแต่ก็ยอมปล่อยแขน

 

“ไม่ชอบ”

 

“อ่า..ขอโทษ” เขาได้แต่เอ่ยประโยคขอโทษอีกคนไป   เขาได้แต่คิดว่าตัวเองทักผิดคนหรือเปล่า

 

“อืม..” ว่าจบอีกคนก็เดินออกไป  เขายืนมองแผ่นหลังนั้นห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตา   เขาไม่รู้จักผู้ชายคนเมื่อกี้เลยสักนิด  ผู้ชายที่มีสายตาเย็นชา  มองเขาเหมือนอากาศนั่นมันอะไร  สายตาที่มองตอนที่เขาเผลอจับแขนนั่นมันอะไร  มันดูน่ากลัว  จนเขารู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูก ลืมคำพูดที่จะถาม...

 

.

.

.

 

 

“น้ำเหนือ...นายจำฉันไม่ได้หรอ”

 

 

[/size]


TBC.


ฝากติดตามและติชมด้วยนะคะ  เราเอาอินโทรมาลงเล็กๆน้อยๆเน้อ
 :mew1: :mew3:

========================================
เพจแจ้งสำหรับอัพนิยายจิ้มเข้าไปในลิงค์ใต้ล่างนี้นะคะ  :pig4:
https://web.facebook.com/CencerYaoi/?ref=aymt_homepage_panel (https://web.facebook.com/CencerYaoi/?ref=aymt_homepage_panel)
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.1 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-06-2016 18:36:16
1

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“เสียงกลองรบดังสนั่น   เหล่าชายฉกรรจ์ปกปักษ์ปฐพี   ยามรบเราเต็มที่  แม้ไม่มีช้างขี่ไล่จับตั๊กแตน   ตกดึกข้านั้นเปลี่ยวหนัก     คิดถึงยอดรักที่งามวิไล       ข้าต้องระบายทันใด ลุกขึ้นมาสาวววว     เอาดาบมาขัด ขัดขัด...แฮ่!”

 

 เสียงเพลงกองพันดังผ่านหน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ในห้องปฎิบัติการวิทยุโทรทัศน์เหล่านิเทศ  ปี2 กำลังนั่งดูภาพยนตร์เรื่องพี่มาก..พระขโนง  ภาพยนตร์ดังของประเทศไทยที่ทำรายได้เป็นจำนวนมาก(เขาจ้างมาโฆษณา)

 

สวัสดีครับ  ผมชื่อ ข้าว  ไม่ใช่ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวสาลี ข้าวบาเล่ ข้าวบลาๆๆ แต่ผมชื่อ “ข้าวหอม  หิรัญธร    นิวัฒนกิจ”  ผมเรียนคณะนิเทศ  ปี2  มหาลัย... ผมเป็นคนต่างจังหวัดสอบชิงทุนได้  ทำให้ผมต้องระเห็จจากบ้านเกิดเข้ามาอยู่ในกรุงศรีวิไลแห่งนี้  ผมอยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้วครับ  ตั้งแต่ที่รู้ผลสอบว่าได้ทุน(บ้านผมพอมีพอกินนะครับไม่ได้จนมาก  พ่อกับแม่รับข้าราชกาลทั้งคู่) แต่ที่เลือกสอบทุนก็ช่วยประหยัดไปอีกแบบครับ  ลูกที่ดีไง  คิดได้  พ่อแม่ควรภูมิใจ ว๊ากกก!!!  ผมก็บอกอีพ่ออีแม่ว่าจะเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงแห่งนี้  พ่อแม่ผมแกก็เป็นห่วงกลัวผมจะอยู่ไม่ได้  เพราะนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางมาเหยียบเมืองกรุงแห่งนี้  วะฮ่า ฮา ผมเป็นเด็กนอกนะครับ  นอกเมืองเนี้ย  ก๊ากกก  อะไรของกูฟ่ะ  ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้  อยากฟังหรือไม่ผมไม่สนแต่ต้องฟังนะครับ ...  ช่วงแรกๆนะครับ  ผมลงจากรถทัวร์  แบกเป้ใบใหญ่หนึ่งใบ  กระเช้าผลไม้ที่อีแม่กลัวผมจะอดตายมาให้ผมเก็บไว้กินด้วย  กล่องลังเบียร์ใส่อาหารแห้งมาเผื่อๆอีกเยอะ  ที่อีพ่อแพ็คมาให้อีกจำนวนมากอัดกันอยู่ แหมม บ้านนอกเข้ากรุงครับ  ช่วยเข้าใจผมด้วย คนก็เยอะ  ทางก็ไม่รู้ครับ  เดินเตร่ไปเรื่อยๆจนเห็นแท็กซี่  สวรรค์ครับ... เพราะผมไม่รู้จักทาง  ผมรู้แค่ชื่อมหาลัยนี่แหละครับ  ผมบอกกับแท็กซี่ให้มาส่งที่มหาลัย  กว่าจะถึงมหาลัยปาไปเกือบเย็น  หมดเงินค่าแท็กซี่ไปหลายบาทเลยครับ ทีแรกไอ้เราก็คิดว่าเออเส้นทางมามหาลัยมันไกล  ที่ไหนได้โดนหลอก... ผมนี่ดิ้นเลย  ฮา คิดว่าเป็นเด็กนอก(เมือง)ใช่ไหมถึงหลอกกันได้  โถ่ววชีวิต  เทอมแรกผมพักอยู่หอในของมหาลัยครับ  พอเทอมสองก็ย้ายออกมา  เอ้อๆผมทำงานพิเศษระหว่างเรียนด้วยนะครับ  เป็นร้านนั่งชิวครับ  เจ้าของร้านใจดี  แถมหล่อบรรลัยเลยครับ   เงินก็โอเคดี เลี้ยงปากท้องผมในเมืองนี้ได้สบายๆเลย  ส่วนหอนั้นผมหารครึ่งกับเพื่อนสนิทของตัวเอง  สนิทกันตอนเข้าปี1  เรียนคณะวิศวะครับ  สงสัยละสิสนิทได้ไง  ก็ช่วงตอนปฐมนิเทศนี่แหละครับแถมได้พักหอห้องเดียวกันไม่สนิทก็บ้าแล้วววว   อีกอย่างบ้านนอกเหมือนกันเลยคุยกันได้ ฮ่าๆๆ  ทำไมผมแนะนำตัวเองยาวขนาดนี้ว่ะ  อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ  ถึงผมจะฝอยหนักไปหน่อย  น้ำลงน้ำลายกระเด็นใส่หน้าใครก็ประทานโทษด้วยนะครับ

 

 

“มึงว่าเราเอาเพลงนี้ไปเล่นกับน้องปีหนึ่งดีป่ะว่ะ  กูอยากเห็นน้องสาว ฮ่าๆๆ”

 

“สาวน้อยสาวใหญ่ว่ะมึง”

 

“ระดับกูสาวน้อยสิว่ะ  วัยละอ่อนน่าเจี๊ยะ”

 

“ไอ้เวฟ  ทะลึ่ง”

 

“แหม  คุณข้าวครับมึงว่ากูทะลึ่ง  คุณมึงก็ไม่ต่างจากกูเล้ยยย” ไอ้เวฟจีบปากจีบปากคอพูด

 

“อะไรๆ กูทะลึ่งตรงไหน? เด่ะๆ” ผมเตรียมปาหนังสือใส่มัน

 

“อย่าๆ  กูเห็นมึงแอบดูหนังโป๊ใต้โต๊ะเวลาอาจารย์สอน”

 

“มึงก็นั่งดูกับกูเถอะ..”

 

“เออวะ  ตอนนั้นเล่นน้ำเดินกันเลยทีเดียว”

 

“กร้ากกก !!” ผมแทคมือกับไอ้เวฟ  เพื่อนสนิทในคณะอีกคน  วันๆพวกผมไม่ทำอะไรหรอกครับ สาระอะไรก็ไม่มี ขนาดเวลาเรียนยังใช้ทำเรื่องที่คุยกันไปเมื่อกี้เลยครับ  ผมไม่ได้หื่นอะไรขนาดนั้น ผมเป็นคนใสๆนะครับ  อาจจะขุ่นบ้างเป็นบางที ฮิย๊า !

 

ป๊าบ !

 

“จะไม่คิดอะไร18+ซักวันไม่ได้เลยนะพวกมึง” ไอ้เพียวมันตบหัวผมกับไอ้เวฟ

 

“แหม..คุณเพียวริคุครับ  คุณมึงดีตายละ  วันๆกูเห็นมึงลากผู้หญิงไปแดกในน้ำประจำ  เอดส์แดกยังครับมึง  กูจะได้พาไปบำบัด” ไอ้เวฟได้ทีสวนกลับ  ไอ้เวฟปากมันไวครับ  ใครว่ามันมันว่ากลับคืน   คนอะไรจ้อได้ไม่หยุด  พูดมากกก(ก้อไก่ล้านตัวเลย)

 

“กูชื่อเพียวเฉยๆ อย่าเสือกเติมให้ครับไอ้ฮอนด้าเวฟ” ไอ้เพียวก็ใช่ย่อยตอกกลับไป  ผมชอบชื่อมันนะ ฮอนด้าเวฟ ฮ่าๆๆ ไว้ใช่ขับขี่ไปนู้นไปนี่  บ้านผมก็มีนะคันหนึ่ง

 

“เรียกชื่อแบบนี้อยากจะลองมาขี่ดูไหมจ้ะน้องเพียวริคุคิ”

 

“กูไม่นิยมขี่ฮอนด้าเวฟว่ะ  อย่างกูต้องบีเอ็มเว้ย”

 

“...”  ผมนั่งมองเพื่อนสนิทของตัวเองคุยกัน  แรกๆก็เหมือจะคุยเรื่องเดียวกันนะครับ  หลังๆนี่มันคนละเรื่องกันเลย  แต่มันก็สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง  กูยอมครับ..

 

“บีเอ็มหรอ  เออๆๆกูมีแนะนำ...ไอ้เอ็มๆไอ้เพียวริคุมันบอกว่าอยากขี่มึงว่ะ”

 

“ส้นตีน!” ไอ้เพียวยกตีนถีบไอ้เวฟที่หัวเราะสนุกสนาน  ส่วนไอ้เอ็มหันหน้ามามองแบบ งง  ก่อนที่มันจะสับไพ่แจกกันต่อ ผมเองก็หัวเราะไปกับไอ้เวฟไม่ต่างกัน  บีเอ็มที่ไอ้เพียวหมายถึงรถ  แต่ไอ้เวฟมันกลับไปคิดถึงคนชื่อเอ็ม  คือมันคนละความหมายกันเว้ย  แต่มันก็เชื่อมโยงกันได้  ยอมครับยอม  สาระไม่มีเล้ยคณะกูเนี้ย

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

“ขำไรไอ้ข้าวบูด” นั่น..กูโดน

 

“ข้าวหอมเว้ย  ข้าวหอม”

 

“หอมหรอ?” แล้วมันก็มาดมฟุดๆฟิดเหมือนหมา

 

“...”

 

“กูว่าเหม็นว่ะ  บูดหลายปีซะด้วย  อาบน้ำบ้างป่ะ” หน๊อย ! บังอาจมาว่าข้าไม่อาบน้ำ ฮึ่ยๆ  แบบนี้ต้องเอาซักดอก

 

“ทีมึงละ  เมาอย่างกับหมาเต้นรูดเสากลางสี่แยกไฟแดง  อย่าให้กูต้องแฉ”

 

“ไหนหลักฐาน”

 

“หลักฐานพี่มีนะน้องเพียวริคุ..จะเอาไหมจ้ะ” ผมเปิดวิดีโอในมือถือของผมให้มันดู  ผมชอบถ่ายแบล็กเมลเพื่อนเวลาแดกเหล้าเมาอย่างกับหมา หรือ นอนท่าประหลาดๆ ยื่นให้มันดู

 

“ไอ้ข้าวมึง!”

 

“อยากให้สาวๆที่หลงใหลในรูปลักษณ์หล่อปาน ณเดช มาให้เห็นสภาพนี้จริ๊งจริงงง”  ผมดัดเสียงสูงออกทางกระแดะหน่อยพูดกับมัน

 

“ลองมึงทำสิ  กูจะเอาเรื่องที่มึง..” ผมปิดปากมันไว้ก่อนที่ไอ้เวฟจะได้ยิน

 

“อะไรๆ  ทำไมมึงต้องปิดปากมันด้วยไอ้ข้าว”ไอ้เวฟโวยเมื่อเห็นปฎิกิริยาของผม  ไอ้เพียวแค่ยักคิ้วกวนๆส่งให้ผม  วันนั้นไม่น่าเมาเลยกู  ความลับพรั่งพรูออกหมดเลย  ดีหน่อยที่ไอ้เวฟมันเมาจนหลับ ผมเลยนั่งอยู่กับไอ้เพียวแค่สองคน  สาบานว่าจะไม่แดกเหล้าจนเล่าเรื่องอะไรที่น่าอายออกไปให้มันรู้อีกเด็ดขาดด อ๊ากกกกก   เครียดอยากแดกเหล้าเว้ย ! เอ้ย  ไม่ใช่ๆ

 

“ไม่เสือกได้มั้ยครับคุณเวฟ” ไอ้เพียวมันว่า

 

“เรียนนิเทศเว้ย  ถ้าไม่เสือกจะได้ข่าวไปเขียนขายไหมครับคุณเพื่อน”

 

“แต่เรื่องของเพื่อนมึงไปขายมันชั่วนะไอ้คุณเพื่อน”

 

“เอ้อ..เรื่องไอ้ข้าวไม่น่าจะขายได้ตังหรอกว่ะ ฮ่าๆๆ”

 

“เออกูว่าจริง  แต่เรื่องนี้ไม่แน่นะ หึๆ”

 

“ไอ้เพียว!!!” ผมแหกปากลั่นห้องเลยครับ  อย่าแม้แต่จะคิดนะมึง  เพราะเป็นมันผมถึงไม่ห่วงเรื่องจะรั่วไหลไปไหน  แต่ถ้าเป็นไอ้เวฟปากไวนี่ไม่รับประกันใครจะกล้าบอกละว่าผม...ชอบน้ำเหนือ

 

 

 

“เสียงกลองรบดังสนั่น   เหล่าชายฉกรรจ์ปกปักษ์ปฐพี   ยามรบเราเต็มที่  แม้ไม่มีช้างขี่ไล่จับตั๊กแตน   ตกดึกข้านั้นเปลี่ยวหนัก     คิดถึงยอดรักที่งามวิไล       ข้าต้องระบายทันใด ลุกขึ้นมาสาวววว     เอาดาบมาขัด ขัดขัด...แฮ่!”

 

แล้วมันก็เป็นดั่งที่หวัง  ไอ้เวฟมันสั่งให้รุ่นน้องปีหนึ่งลุกขึ้นมาสาวกัน  ผู้ชายสาวมันส์มากครับ  สาวจนผมกลัวว่าเอวมันจะพัง ฮ่าๆๆ ส่วนน้องผู้หญิงก็รู้ๆกันอยู่ สาวแบบเอียงอาย  ผมเข้าใจ  ผู้หญิงต้องรักษาภาพลักษณ์ตัวเองไว้  แต่มีคนหนึ่งเว้ยแม่งสาวได้ใจผมมาก  ตัวสูงๆ  หน้าสวยนะครับ  แต่ท่าว่าจะเป็นสาวห้าวหน่อย

 

“แม่งน้องคนนั้นสาวได้ใจกูว่ะ” ผมชี้บอกให้ไอ้เพียวดู  มันเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาดูตามที่บอก  ไอ้นี่ก็แชทแต่กับสาวๆไม่สนกิจกรรมที่รับผิดชอบเลย

 

“กูเพิ่งรู้ว่าสเปคมึงเป็นแบบนี้” มันพูดไม่มองหน้าผมแต่กำลังมองน้องผู้หญิงที่ผมชี้บอกอยู่

 

“กูไม่ได้ชอบน้องเขาเว้ย  มึงนี่”

 

“อ่าหะ  กูก็ลืมไปมึงชอบไอ้เดือนคณะวิศวะ  ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งนี่เนอะ อืมๆ” มันพยักหน้าคิด แล้วหันมายิ้มกวนให้ผม  ผมเบะปากใส่มัน  หลุดปากไปแค่ครั้งเดียวโดนล้อทั้งชาติ...

 

“หุบปากมึงไปเลย ฮึ่ย” ผมนั่งกอดอกพองแก้มไม่พอใจที่โดนล้อ มันนะหรอขำจนแทบตกเก้าอี้

 

“ฮ่าๆ ถามจริงนะไอ้ข้าว  มึงไปเจอมันตอนไหนว่ะ  ตึกเรากับวิศวะห่างกันเป็นโยคเลยนะ”

 

“สนามบอล”

 

“สนามบอล?”

 

“ก็ไม่เชิงสนามบอลหรอก”

 

“อะไรของมึงวะจะสนามบอลหรือไม่กันแน่”มันเกาหัว งงๆ กับคำพูดผม

 

“เจอกันยังไงก็ช่างเหอะนา” ผมตอบส่งๆไป

 

“อ้าวใครจะไปคิดว่าผู้ชายอย่างมึงจะไปหลงเสน่ห์ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคณะวิศวะนั่นได้   นี่ถ้ามึงไม่เมาวันนั้นกูคงไม่รู้นะ ฮ่าๆๆๆ  เป็นไงเจอกันครั้งแรก  หลงเลยสิ  เขาเรียกว่าไรนะ  เอ้  รักแรกพบไรงี้ป่ะมึง ฮ่า”

 

“ก็คงจะเป็นแบบนั้นมั้ง  มึงว่ามันเป็นคนยังไงว่ะ”  ผมถามความเห็นจากไอ้เพียว   มีแค่มันเท่านั้นที่ผมจะสามารถพูดเรื่องน้ำเหนือกับมันได้  จริงสิ..ผมไม่ได้เล่าให้มันฟังว่าผมเคยรู้จักน้ำเหนือมาก่อนนะครับ  เอ้ แล้วผมเล่าเรื่องน้ำเหนือให้ฟังรึยัง?  ถ้ายังผมจะเล่าให้ฟังนะครับ

 

เรื่องมีอยู่ว่า...น้ำเหนือถูกย้ายมาเรียนในโรงเรียนในจังหวัดที่ผมอยู่  และผมก็ได้เจอกับน้ำเหนือที่นั่น ตอนที่น้ำเหนือย้ายเข้ามาอยู่ในช่วงม.3 เทอม2  เราเรียนห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะเรียนใกล้กัน หรือแม้แต่งานกลุ่มเรามักจะได้อยู่ด้วยกันเสมอ  ทำให้ผมสนิทกับน้ำเหนือที่สุด  ผมมักไปเล่นบ้านน้ำเหนือเพราะมันมีเครื่องเล่นเกมส์และน้ำเหนือเองก็ชอบมานอนเล่นบ้านผมอยู่บ่อยๆ   น้ำเหนือเป็นคนร่าเริง  ยิ้มง่าย  ผมชอบเวลาน้ำเหนือยิ้มมันดูสดใส  เวลาผมเห็นรอยยิ้มนั่นทำให้ผมหวั่นไหวและตกหลุมรักในที่สุด  แต่...ตอนนี้ทำไมมันช่างแตกต่าง  ผู้ชายที่ผมพบในวันนั้น  ผมจำได้ว่าคือน้ำเหนือ  แต่เขาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน  นิ่ง  เย็นชา  จนไม่สามารถเข้าถึงได้เหมือนมีกำแพงมากั้นขวางเอาไว้  ขนาดผมที่คิดว่าเขาน่าจะจำได้กลับถูกลืม  คงเพราะห่างกันถึง3ปีที่เราไม่ได้เจอกัน  ครอบครัวของน้ำเหนือย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงในช่วงที่เขาอยู่ม.5  เขาย้ายมาที่นี่โดยที่ผมเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร  เขาย้ายมาแบบไม่บอกลาผมเลย  ผมมารู้อีกทีตอนกลับจากโรงเรียน  แม่เล่าให้ฟังว่าครอบครัวน้ำเหนือย้ายบ้าน  ช่วงนั้นน้ำเหนือเองก็ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน คงจะเคลียร์เรื่องการย้ายบ้านนั่นแหละ  แต่ผมโกรธที่เขาไม่บอกลาผมสักคำ  ผมไม่มีที่อยู่  เบอร์โทรศัพท์ที่จะติดต่อได้ก็ไม่มี  นี่ก็ผ่านมา3ปีแล้ว  ผมได้กลับมาเจอน้ำเหนืออีกครั้ง  แต่ครั้งนี้...เขาไม่ใช่น้ำเหนือที่ผมรู้จักซักนิดเลย

 

“จากที่กูได้ยินปากต่อปากมานะ อืม..”

 

“...” ผมกำลังตั้งใจฟังจากปากเพื่อนสนิทของตัวเอง  ผมเพิ่งจะเคยเจอน้ำเหนือครั้งแรกในมหาลัย  ผมไม่คิดว่าจะได้พบเขาด้วยซ้ำ  เมืองหลวงตั้งใหญ่นี่นา มหาลัยก็มาก  โลกมันกลมจริงๆนะว่าไหม

 

“เย็นชา นิ่ง เงียบ เข้าถึงยาก  แต่ก็แอบเสือผู้หญิงอยู่ไม่น้อยนะมึง  เห็นว่ามีควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ากันซักราย  คบใครไม่ถึงอาทิตย์ด้วย  กูว่ามันก็แอบร้ายอยู่นะเว้ย  ถึงกูจะไม่เคยเจอมันตรงๆก็เถอะ  แต่เล่นควงหญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนั้นกูว่าเสือซ้อนเล็บเลยว่ะ” ไอ้เพียวมันยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ จากที่มันได้ยินมา

 

“...” ผมได้แต่ฟังมันเงียบๆ

 

“กูว่าเพราะนิสัยแบบนี้ของมันละมั้งถึงทำให้หญิงชอบ  ขนาดตัวผู้ทั้งแท่งแบบมึงยังไปหลงมันได้เลย  ฮ่าๆๆๆ”

 

“ไหงวนกลับมาที่กูอีกแล้วห้ะ” ผมผลักหัวมันที่เอาแต่หัวเราะเยาะผมไปที

 

“ก็จริง  เห็นมึงเคยชอบใครบ้างละ  แฟนซักคนก็ไม่มี  ปี2แล้วนะเว้ย  ยังไม่มีแฟนอย่างเขาระวังจะขึ้นคานนะครับน้องข้าว..บูด”

 

“พ่อแม่ส่งมาให้เรียน  ไม่ใช่ให้มามีแฟน  ไอ้ลูกชั่ว!”

 

“สีสันชีวิตในรั้วมหาลัยน่ามึง  ไม่มีอะไรน่าสนใจก็ไม่น่าเรียนหรอก  จริงมั้ยว่ะ”  ไอ้เลววว  อยากจะตะโกนคำนี้ใส่มันจริงๆ  พ่อแม่ส่งมาเรียนนะครับ จะรีบมีแฟนไปทำไม  จริงม่ะ?

 

“เหอะ  ถ้ามีสีสันแบบปกติไม่ว่าหรอก  แต่มึงเล่นมั่วไปหมดจนสับรางไม่ทันเดือดร้อนกูกับไอ้เวฟนี่ไม่ไหวจริงๆว่ะ”  ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  มีครั้งหนึ่งครับเกือบไม่ทัน  ตึกคณะเนี้ยแหละครับ แม่นางบัญชีและแม่นางบริหาร  คิดไงไม่รู้ครับมาหาไอ้เพียวถึงที่ทั้งๆที่ปกติไอ้เพียวจะเป็นคนไปหาเอง  แต่วันนั้นมาไอ้เพียวนั่งเรียนไม่ติดตูดเลยครับ  มันได้แต่กดโทรศัพท์บอกสาวบัญชีให้กลับไปก่อนเดี๋ยวมันไปหา  แม่นางบอกไม่เป็นไรรอได้  เหงื่อซึมเลยครับ  ส่วนสาวอีกคนมานั่งรอมันอยู่หน้าห้องเลยครับ  มันก็บอกสาวบริหารให้กลับไปก่อนไม่ต่างกัน  แต่แม่นางไม่กลับไปเช่นกัน  เพื่อนผมนี่แทบฆ่าตัวตายตรงนั้น  มันหันมามองพวกผมบอกให้ช่วยมันหน่อย  ไอ้พวกผมก็เป็นเพื่อนที่ดีไงครับ ก็เออช่วยๆ  ไอ้เวฟรับอาสาไปบอกน้องบัญชีให้กลับไปก่อนเพราะไอ้เพียวต้องไปทำงานกลุ่มกับพวกผม  แม่สาวบัญชีก็ถามทำไมไม่มาบอกเอง  ไอ้เวฟมันไวครับบอกไปว่าไอ้เพียวต้องไปซื้อของทำงาน  แหลได้แบบเนียนจริงๆ  ส่วนไอ้เพียวมันก็ต้องไปกับสาวบริหาร  เพราะแม่นางไม่ลุกไปไหนเลยนั่งรอไอ้เพียวจนจบคลาสนับถือความพยายามของแม่นางจริงๆ

 

“นั่นแหละที่มันคือสีสัน  มึงไม่เข้าใจหรอก ไม่ไหวๆ” มันทำหน้าเอื้อมๆ  ส่ายหัวไปมา ก้มแชทกับโทรศัพท์ต่อ

 

“เอ้า!!น้องสาวให้มันแรงๆหน่อย   เห็นเพื่อนสาวไหมครับ” เสียงไอ้เวฟยังคงสั่งน้องสาวต่อเนื่อง  ดูท่ามันจะชอบเพลงนี้ซะจริงๆ เล่นไม่หยุด

 

“อ่ะ ! แม่มึงร่วง!!” ผมสะดุ้งเมื่อมีใครไม่รู้มากอดคอผมที่กำลังนั่งดูน้องๆทำกิจกรรมอย่างเพลินๆ

 

“เก็บแม่มึงด้วยไอ้ข้าว  กูละสงส๊ารสงสารแม่ที่ร่วงไป คงเจ็บน่าดูเลย”

 

“ไอ้ฮาร์ท!!!”  กวนๆแบบนี้มีมันคนเดียวชอบเขาด้านหลังผมเสมอ อะแหนะๆคิดไรกันครับ  ชอบแกล้งผมจากข้างหลังอย่าคิดไปไกลละ   เสื้อช็อปวิศวะมาอยู่ตรงนี้ใครๆก็สนใจ  เพราะวิศวะขึ้นชื่อพวกหน้าตาดีเยอะ หนึ่งในนั้นก็มีไอ้ฮาร์ทด้วยนะครับมันเคยเอาผลโพลที่โหวตมาให้ผมดู  มันติด1ใน3ของคนน่าตาดี  สงสัยละสิว่าไอ้ฮาร์ทที่ผมพูดถึงเป็นใคร  ก็เพื่อนสนิทอีกคนที่เรียนวิศวะเด็กนอกเมืองเหมือนกับผมนี่ไง  ฮ่าๆๆ  ผมจะไม่ยอมเป็นเด็กบ้านนอกอยู่คนเดียวแน่นอน

 

“ทำไมต้องตะโกนวะไอ้ข้าว” มันเอามืออุดหูตัวเอง

 

“ก็ใครให้มึงเล่นมาข้างหลังแบบนี้วะ  กูตกใจหมด”

 

“ขวัญอ่อนจริ๊งจริงเลยแม่คูณณณ”

 

“แม่คุณพ่อง”

 

“ไงมึง  ไมวันนี้มาแถวนี้ได้ว่ะ” ไอ้เพียวทักทายไอ้ฮาร์ท  ไอ้ฮาร์ท ไอ้เพียว ไอ้เวฟมันสนิทกันครับ  อาจจะเพราะพวกนี่มันไปหอที่ผมอาศัยอยู่กับไอ้ฮาร์ทบ่อย  คุยกันถูกคอเลยทำให้สนิทกันง่าย  อย่างว่าละครับสันดานเดียวกัน

 

“กะจะมาส่องเด็กนิเทศซักหน่อยว่ะ  ได้ข่าวว่ามีสาวๆน่ารักเยอะเลย”

 

“ไปได้ข่าวมาจากไหนวะ?” ผมถามมัน

 

“ไอ้เวฟมันบอกมา  เออแล้วเชี้ยเวฟละ”

 

“นู้น  อยู่นู้นสอนน้องสาวอยู่  กูเห็นมันสาวจนเอวจะพังแล้วนั่น” ผมบุ้ยปากไปทางเวฟที่กำลังมันกับการสาว  อะไรจะติดใจขนาดนั้น

 

“แล้วคณะมึงไม่มีให้ดูหรือไง ถึงได้แจ้นมาถึงนี่” ไอ้เพียวมันถาม

 

“ก็ไม่มีสิวะ  มึงไปดูเองสิ แม่งสาวๆสวยๆซักคนจะโผล่มาให้กูได้ชื่นหัวใจก็ไม่มี  มีแต่บึกบึน  ผู้ชายอย่าให้พูดถึงเลยแม่งมาอย่างกะฝูงมด เยอะชิบหาย  ถึงต้องมาส่องที่คณะมึงนี่ไง”  มันทำหน้าสยองเมื่อพูดถึงคณะตัวเอง

 

“เอาน่า  แต่คณะมึงก็เป็นแหล่งรวมสาวๆดีนี่หว่า  ผู้หญิงแม่งก็แห่ไปถวายตัวให้พวกมึงถึงที่เลยนิ”

 

“ถึงงั้นก็เถอะ..”

 

“พวกไม่เคยพอ..โอ๊ย!” ผมพูดแทรกขึ้นมาทำให้ไอ้ฮาร์ทมันส่งมะเงกมาเขกหัวผม  ผมผิดอะไรพูดเรื่องจริงก็โดนทำร้าย  ไอ้นิสัยไม่ดี

 

“ปากมึงนี่เงียบๆไปเลย  ไม่มีใครถามก็ไม่หาว่าเป็นใบ้หรอกไอ้ข้าว”

 

“๑+๓ถ*&8-%” ผมขมุบขมิบปากด่าทอมันเบาๆ

 

“ตบปากให้แตกดีไหมเนี้ย” ไอ้ฮาร์ทมันง้างมือจะตบปากผม  ผมยู่ปากใส่มัน  มันจึงบีบปากผม

 

“อื้ออ” ผมตีมือมันที่บีบปากผมไว้

 

“กูละอยากจะเอามีดมาตัดปากมึงจริงๆ”

 

“โหดไปป่าวว่ะ  มึงจะทำร้ายสัตว์สงวนได้ลงคอหรอไอ้ฮาร์ท”  ไอ้เพียว ไอ้เพื่อนเหี้ย ไม่ช่วยกูยังจะว่าอีก  ไอ้นี่ก็ไม่ปล่อยปากผมสักที  ผมเลยจัดการฟาดหน้ามันไปทีหนึ่ง

 

“โอ๊ยย ไอ้เหี้ยข้าวตบหน้ากูทำไม”ไอ้ฮาร์ทโวย

 

“เปล๊าน๊า มือมันไปเอ๊งงงงง” ผมพูดเสียงสูงทำหน้าซื่อๆใส่มัน  คือกูไม่ได้ทำไรเลย

 

“เดี๋ยวมึงจะโดนกระทืบไอ้ข้าว” มันชี้หน้าคาดโทษผม  ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

“อ้าวไอ้ฮาร์ทมาไงว่ะมึง” ไอ้เวฟเดินเข้ามาหาพวกผม

 

“หายตัวมาว่ะ” ไอ้นี่ก็กวนจริง

 

“เจ๋งดีว่ะ ว่างๆก็สอนกูหายตัวบ้างละกัน  เวลารถไฟจะชนกันกูจะได้หนีทันไม่ต้องเดือดร้อนให้เพื่อนช่วยเหมือนใครบางคน” ประโยคแรกพูดกับไอ้ฮาร์ทแต่ประโยคหลังพูดให้ไอ้เพียวได้ยิน

 

“ไอ้ฟาย”

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

“เงียบเลยนะพวกมึง”

 

“มึงก็อย่าไปแกล้งมันไอ้เวฟ  มันน่าสงสารออก สับรางไม่ทัน ฮ่าๆๆ”

 

“ไอ้ห่าฮาร์ท  เดี๋ยวเหอะมึง” ไอ้เพียวเริ่มพาล  ฮ่าๆๆ

 

“พอเลยพวกมึง  ตีกันได้ตลอด”  ผมต้องห้ามทัพไว้ก่อน

 

“เออแล้วมึงไม่ไปทำงานหรอ  ใกล้ถึงเวลาแล้วนิ” ไอ้เวฟถามผมก็ลืมไปว่ามีงานต้องทำ

 

“จริงสิ  งั้นกูไปก่อนนะ” ผมบอกลาพวกมัน

 

“ไอ้ข้าวเดี๋ยวกูไปส่ง” ไอ้ฮาร์ทอาสา

 

“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวกูไปเองได้ มึงไปทำธุระมึงเถอะ   ไปละ”

 

“ไม่เอาน่ายังไงก็ทางผ่านร้านก่อนไปถึงหออยู่แล้ว  แวะส่งมึงแปบเดียวจะเป็นไร” ไอ้ฮาร์ทมันลากแขนผมไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตึกใกล้ๆ

 

“แล้วมึงไม่มีธุระไปไหนต่อหรือไง” ผมถามมันเมื่อรับหมวกกันน็อกจากมันมาสวม  ไอ้ฮาร์ทมันขับบิ๊กไบค์ครับ

 

“ไม่ว่ะ  วันนี้ขี้เกียจ เอ้า! ขึ้นได้แล้วเดี๋ยวไปสายก็โดนด่าหรอก”

 

“เออๆๆ”

 

“เกาะพี่แน่นๆนะน้องเดี๋ยวตกมาศพไม่สวย”

 

“ปากเสียนะมึง  เออๆๆ”ผมจึงเกาะเอวมันไว้   มันสตาร์ทเครื่องก่อนที่จะบึ่งรถออกไป...

 

 

“แตงค์เว้ย”ผมยื่นหมวกกันน็อกส่งให้ไอ้ฮาร์ทเมื่อมาถึงร้านที่ผมทำงานพิเศษอยู่



“อืมๆ จะให้มารับก็โทรไปบอกละกัน  วันนี้กูว่าง”

 
“อืม”ผมพยักหน้าส่งไปก่อนจะเดินเข้าร้าน  ร้านที่ผมทำงานพิเศษเป็นร้านกาแฟนั่งชิลครับ  ผมทำงานที่นี่พอๆกับที่อยู่ในกรุงเทพเลย  เพราะพี่เจ้าของร้านใจดี  เป็นกันเอง  อีกอย่างเงินเดือนก็ดีด้วย  แต่ผมจะทำงานในช่วงเย็นทุกวันหลังเลิกเรียนและ วันหยุดเสาร์ ร้านปิดทุกวันอาทิตย์ครับ  เป็นงานที่ผมคิดว่ามันสบายสุดๆแล้ว

 
“สวัสดีครับพี่บาส” ผมทักทายพี่บาสที่กำลังตรวจเช็คบัญชีรายได้ของร้านอยู่ พี่บาสเป็นเจ้าของร้านครับ  ใจดีมากก  พี่บาสพยักหน้ายิ้มรับคำทักทายผม

 
“มาช้านะข้าว”

 
“ก็ผมติดรับน้องนะพี่  ไม่หักเงินผมนะเว้ย ฮ่าๆ”  ผมเข้าไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของทางร้านออกมาก็ยังเห็นพี่บาสอยู่ที่เดิม

 
“พี่เข้าใจ  ปี2แล้วนิเนอะ” พี่บาสพูดกับผมทั้งๆที่ยังก้มดุบัญชีอยู่


“ว่าแต่ไมวันนี้พี่เข้าร้านได้ละ” พี่บาสแกมีธุรกิจที่ทำต่อจากครอบครัวอยู่ครับ  เป็นบริษัทนำเข้าเครื่องยนต์  แต่ร้านกาแฟนี่เป็นสิ่งที่พี่แกฝัน  เพราะพี่แกอยากเป็นบาริสต้า  จึงเปิดก่อนที่จะไปรับช่วงต่อจากครอบครัว  นานถึงเข้าร้านที

 
“ก็ต้องมาตรวจดูความเรียบร้อยในร้านหน่อยสิ  ไม่งั้นจะเห็นคนมาทำงานสายรึไง” พี่บาสมันเหล่มองผม

 
“ง่ะ  พี่ก็ไหนบอกเข้าใจผมไง”

 
“ฮ่าๆๆเออ ไปทำงานได้แล้วไป อย่าอู้ๆ”พี่มันผลักหลังผมเบาๆ ให้ไปทำงาน

 
“ยินดีต้อนรับครับ..” เสียงทักทายลูกค้าที่ผมต้องทำเป็นประจำ  ผมหยิบกระดาษ  ปากกา  และเมนูเดินไปรับออเดอร์แขกที่พึงเข้ามาใหม่

 
“ขออนุญาตวางเมนูนะครับ” ผมวางเมนูไว้บนโต๊ะเพื่อให้คุณลุกค้าดูรายการและสั่ง  ผมเตรียมจดเมนูที่ลูกค้าจะสั่งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ผมไม่เจอตั้งแต่วันนั้น

 
“เหนือคะ  เนยอยากกินเค้กส้ม”

 
“อืม” เสียงคานรับเหมือนไม่ได้สนใจที่หญิงสาวพูดเลย  แค่ตอบส่งๆไป  ผมเลือบมองมันเล็กน้อย ผู้หญิงที่มากับมันสวยมาก  กอดแขนมันไม่ปล่อย  แม้ว่าจะดูเมนูอยู่ก็ตาม

 
“ไหนบอกว่าไม่ชอบให้ใครถูกตัวไง เหอะๆ” ผมพูดขมุบขมิบกับตัวเองเบาๆ  แต่เหมือนอีกคนจะได้ยิน  ผมคิดว่างั้นเพราะมันหันมามองผม  ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

 
“สรุปจะรับอะไรดีครับ”ผมถาม

 
“ฉันเอาน้ำส้มกับเค้กส้มแล้วเหนือละคะ” หญิงสาวพูดออดอ้อนเสียงหวาน

 
“อะไรก็ได้” เสียงนิ่งๆตอบกลับหญิงสาวไปเหมือนรำคาญ

 
“งั้นเอากาแฟอีกแก้วจ้ะ”

 
“สรุปรายการที่สั่งนะครับ  กาแฟ น้ำส้มและเค้กส้มนะครับ..ขออนุญาตเก็บเมนูนะครับ”ผมที่กำลังจะหยิบเมนูมาถือไว้กลับต้องเงยหน้ามองคนที่ดึงมันอยู่

 
“...”

 
“ครับ?”ผมถาม

 
“เปล่า”  ผม งง กับมันมากเหมือนจะถามอะไรแต่ก็ไม่และพอถามก็บอกเปล่า ผมดึงเมนูกลับมาโค้งหัวให้เป็นมารยาทอย่างหนึ่งครับ แล้วเดินออกมา

 
“อะ พี่ออเดอร์โต๊ะ12” ผมยื่นรายการให้พี่บาสที่ทำหน้าที่อยู่ส่วนหน้าเคาเตอร์  ผมมันรับไปแล้วส่งต่อให้อีกคนทำแทน

 
“โดนลูกค้าลวนลามหรอ” พี่มันพูดติดตลก

 
“เปล่าพี่  ไม่ใช่” ผมบอกไป

 
“เอ้า แล้วเมื่อกี้เป็นไรละ”

 
“ก็ไม่ได้เป็นไรหรอกครับ”

 
“แน่ใจ?”

 
“ก็เหมือนมันจะถามอะไรแต่ก็ไม่”ผมไหวไหล่

 
“พูดถึงลูกค้าไม่เพราะเลย”

 
“ผมว่าผมพูดเพราะออกนะพี่ ฮ่าๆๆ”

 
“หรอ  ไอ้เด็กหยาบคาย” พี่บาสโยกหัวผมเล่นเหมือนปกติที่ชอบทำ  พี่มันก็แกล้งว่าผมแบบนี้ละครับ


 “ฮ่าๆๆ”


“ไปทำงานได้แล้วไป..”


“ครับๆ”  ผมนำเครื่องดื่ม เค้ก มาเสริฟที่โต๊ะของน้ำเหนือ ผมวางเค้กเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วก้มหัวเล็กน้อย มารยาทครับ เตรียมเดินออกมา

 
“เดี๋ยว” เสียงทุ้มนิ่งๆสะกดให้ผมหยุดเดิน ผมหันกลับไปมอง


 “ครับ ต้องการอะไรเพิ่มหรอครับ”

 
 “เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า” ผมยิ้ม..

 
“ไม่ครับ..ไม่เคย”

 

 ครั้งนั้นจะนับว่าเคยรู้จักกันมั้ยหรือเปล่า ผมไม่รู้ ตราบใดที่น้ำเหนือยังจำผมไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเราไม่เคยรู้จักกันหรอก

 

 

 

 


TBC.


ตอนแรกก็เรื่อยๆนะค่ะ  ติชมกันได้ สนุกรึไม่จะได้ปรับปรุงค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.1 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 27-06-2016 18:51:28
รอค่าา
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.1 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 27-06-2016 20:58:29
ไม่ใช่น้ำเหนือจำได้แต่แอ๊บใส่เปล่า
คนเป็นเพื่อนสนิทกันน่าจะจำบุคลิกกันได้บ้างนะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.1 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-06-2016 23:39:19
อืม.....

คาดว่าน้ำเหนือไม่น่าแกล้งลืม

เพราะอะไรหนอ?
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 28-06-2016 13:07:33

2

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“อีเย็น..” หืม ใครอีเย็น  นี่มันเสียงไอ้เวฟปากปีจอนิ  ผมหันไปยังเสียงเรียกชื่ออีเย็น

 
“...” กระพริบตาปริบๆ


“เหตุไฉนเจ้ามิยอมรับสายข้า” ยังครับยังไม่หยุด  มันไปดูละครย้อนยุคตั้งแต่สมัยไหนมาวะนั่น


“...”


“ยัง  ยังคงเงียบ  เจ้าไม่มีปากหรือไรอีเย็น” มันชี้นิ้วทำท่าดัดจริตชี้มาทางผม ผม? อีเย็น? คือมึงงง


“ผีเข้า?” ผมถาม


“ปากดีนัก  เช่นนี้ข้าคงต้องลงโทษเจ้าด้วยหวายเสียแล้ว” คือ..ผีเข้ามันแน่ๆ คนอะไรวะพูดเองเออเอง  กู งง


“ยาหมดแดกรึไง  พาไปโรงบาลเอาป่ะ”


“เอ่ะอีนี่  ปากเจ้าดีจริงๆ  ไอ้เอ็มเอานังนี่ไปโบยห้าสิบที”


“ขอครับนายท่าน” โฮ้ยยย  ปวดประสาทแต่เช้าเลย  ไอ้เอ็มก็อะไรไปเล่นกับมันอีก 


“เข้ามาสิโดนตีนกูยัดปากแน่” ผมยกตีนขึ้นขวางเอ็มที่เดินเข้ามาหาผม  แม่งบ้า


“ไอ้ข้าว  ให้ความร่วมมือกับกูหน่อยไม่ได้” ร่วมมือเล่นอะไรแบบนี้หรอ หึ ไม่เอาอ่ะ


“กูไม่บ้าแบบไอ้เอ็มเว้ย”


“ถ่อวววคุณเพื่อนน”


“เดี๋ยวกูโบยด้วยตีนไอ้เวฟ   แล้วไอ้เพียวหายหัวไปไหน”


“จะรู้ไหม  กูก็เพิ่งมาถึง  คงส่งเด็กมันมั้ง” ไอ้เวฟตอบพร้อมกับหยิบสมุด ชีท ในกระเป๋า ขึ้นวางบนโต๊ะ


“บอกมันเพลาๆบ้างเหอะ  เอดส์จะแดกแล้วกูละเป็นห่วง”


“บอกมันเองโลดดด”


“เซไฮฮัลโหลสาวๆที่น่ารัก  สัสดีไอ้เวฟ ไอ้ข้าว” ไอ้เพียวเดินส่งยิ้มพิมพ์ใจส่งให้สาวๆในห้อง  แล้วก็หันมาทักทายคำสุภาพกับพวกผม  จะเรียกสุภาพก็ไม่เชิง


“มึงดิสัสไอ้เพียว” ไอ้เวฟครับ


“แหมคุณเพื่อนกูทักมึงอย่างสุภาพเว้ย..ไอ้ข้าวเหยิบดิกูจะนั่ง”  อ้าวมาแย่งที่กูเฉย  สันดานจริงๆ


“ที่อื่นไม่นั่งวะ  มาแย่งกูไม อยากมีเรื่อง?”


“ตัวก็แค่นี้ยังจะมาท้ากูนะไอ้ข้าวเหยิบไป เร็วๆ” ไอ้ฟาย ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี  ผมได้แต่ฮึดฮัด สุดท้ายก็ยอมเหยิบให้มันนั่งที่ผม  ผมหรอ?


“ไอ้เวฟเหยิบดิ  เร็วๆ  อย่าให้มีน้ำโห” ผมก็แย่งที่ไอ้เวฟดิ ฮ่าๆๆ

 
“พวกมึงนี่แม่ง” แต่สุดท้ายมันก็ยอมเหยิบครับ    พอคุยกันจนหอมปากหอมคอ อาจารย์วิชาก็เข้าสอน  วันนี้พวกผมมีเรียนแค่เช้าเท่านั้น  บ่ายหรอครับกะจะหาที่สถิต  แล้วตอนเย็นก็เหมือนเดิม  รับน้องครับ  มหาลัยผมมีมาตราการห้ามรับน้องรุนแรง  พวกผมจึงจัดเบาๆแต่เน้นหนักๆในบางส่วนให้หน่อย  น้องจะได้กลัว ฮ่าๆๆ  ระหว่างที่นั่งเรียน

 

ครืด ครืด

 
“เที่ยงนี้แดกไรดีวะพวกมึง” ไอ้เพียว


“กินเตี๋ยวเว้ย  อยากกินเตี๋ยวไก่” ไอ้เวฟ


“ไม่เอา  กูอยากแดกส้มตำไปนอกมอกัน” ไอ้เพียว


“ไม่  กูขี้เกียจ  แดกในมอเนี้ยแหละ” ไอ้เวฟ


“แต่กูหิวส้มตำ” ไอ้เพียว


“เตี๋ยวไก่” ไอ้เวฟ


“ส้มตำ!”ไอ้เพียว

 
“เตี๋ยวไก่!” ไอ้เวฟ

 
“ไอ้หำ เรียน!” ผม

 
ผมเห็นพวกมันเถียงกันในแชทกลุ่ม   ผมจึงห้ามมัน เวลาเรียนยังจะอุตสามานั่งถกเถียงกันเรื่องของกิน  อีกอย่างนั่งใกล้กันแค่เนี้ย  มีแค่ผมคั่นกลางเอง  มันจะหันมาคุยกันไม่ได้เลยรึไง  ก้มหน้าแชทอย่างเดียว    ไอ้พวกสังคมก้มหน้าเอ้ย

“F*u”ไอ้เวฟ


“ฮ่าๆๆๆ”ไอ้เพียว


“ฟายยยย”  ผมทำได้แค่ด่ามันเท่านี้  ฮึ่ย  ด่ากูมาได้ บักหำนิ  -_-

 

 
“เลิกคลาสคะ” เย้ ! ในใจครับ  เลิกแล้ว  ง่วงก็ง่วง อาจารย์ก็บ่นอะไรให้ผมฟังไม่รู้   ผมเก็บชีท สมุดเก็บใส่กระเป๋า  เตรียมไปกินข้าวเที่ยง  ไม่รู้ว่าสองตัวนั้นมันตกลงกันได้ยังว่าจะกินอะไร


“สรุปได้ยังว่าจะแดกอะไรครับคุณเพื่อน” ผมหันไปถามไอ้เวฟกับไอ้เพียว  มันหันมามองทำหน้าคิดแล้วตอบพร้อมกันว่า


“เตี๋ยวไก่!” ไอ้เพียว


“ส้มตำ!” ไอ้เวฟ


“- -!” ผม    รู้สึกเหมือนกันไหมครับว่ามันสลับคำพูดกันหรือเปล่า เพลียกับเพื่อนที่ไม่เต็มจริ๊งจริงงงง


“งั้นเรามาโหวตกัน” ไอ้เวฟมันบอก

 
“โหวตไร  กูหิวแล้วไม่เล่นกับพวกมึงหรอก” ผมบอกแล้วลุกออกจากโต๊ะเรียน  ให้โหวตกันไปเถอะสองคน  หิวจนไส้กิ้วแล้ว


“เดี๋ยวดิไอ้ข้าว มึงนี่ก็รีบร้อนเจรงงงง” ไอ้เวฟ


“ไอ้หำ มึงหยุดเลย  ดูเวลาด้วย” ผม


“เอาน่าๆ  ไงบ่ายก็ไม่มีเรียนออกไปกินข้างนอกดีกว่า  เตลิดไปดูหนังด้วย เคป่ะ” ไอ้เพียว


“เออไงก็ได้แต่ตอนนี้รีบไปเถอะวะ  กูหิวว”  ผมบอกพวกมัน พวกมันพยักหน้า โอเค     ผมจะสรุปให้เลยนะครับ  เราสามคนจะกินส้มตำ ตำส้มกันนั่นเอง  มันสองตัวเคลียร์กันได้แล้ว คือผมยังไงก็ได้ขอให้ของมันกินได้ ผมกินหมดครับ ฮ่าๆๆๆ


 

ณ ร้านส้มตำ

 

“รับอะไรดีครับ” พ่อค้าหนุ่มร่างกายกำยำ จากที่ผมมองอ่ะนะ  มารับออเดอร์ที่โต๊ะเรา  ร้านนี้เป็นร้านไม่เล็กไม่ใหญ่  ลูกค้าก็เยอะ แสดงว่าของเขาเด็ดจริงไรจริง   
 

“มาร้านส้มตำก็เอาส้มตำสิครับ  ถามแปลก” ไอ้เวฟปากมันนี่นา นี่ถ้าเขาเอาสากมาแปะหนามันนะจะซ้ำเติมพร้อมสมน้ำหน้าด้วยเลย


“ไอ้หำ  ปากมึงระวังโดนสากนะ” ผมว่า

“เอาตำไทย ตำเขมร ตำญี่ปุ่น ตำเกาหลี  ตำอเมริกา  ตำอังกฤษ ตำ..”จบจากไอ้เวฟก็เป็นไอ้เพียว  พวกมึงนี่จะเก็บปากไว้แดกเฉยๆๆไม่ได้หรือไงว่ะ


“ลองตำตีนดูไหมครับ  เดี๋ยวผมจัดให้” อ้าว  ซวยแล้ว  ผู้ชายที่รับออเดอร์ตอกกลับมา  พวกมันงี้เงียบกริบ ถ่อววพ่อคุณแม่คุณยายคุณตาคุณ  ไม่ใช่แหละ  ผมเลยต้องเป็นคนสั่งซะเองไม่งั้นจะได้ ตำตีน  จากเขามาแทน แฮ่ๆ


“เอาเป็นตำไทย  ตำปูปลาร้า ตำซั่ว  ข้าวเหนียวสาม ไก่ย่าง  แคปหมู  แล้วก็เป๊ปซี่ขวดใหญ่ครับ” ผมสั่งเสร็จสับเรียบร้อย  เขาก็เดินออกไป  ผมจึงหันมาสนใจหมาสองตัวที่ร่วมโต๊ะ
 

“เป็นไงละมึงเกือบได้แดกตีนแทนไหมละ” ไอ้เวฟว่า


“แหมมึงเป็นคนเริ่มเลย”ไอ้เพียว


“พอกันทั้งคู่แหละพวกมึงอ่ะ  กวนตีนชาวบ้านเขามากๆระวังจะได้ตายก่อนได้เมีย”


“มึงสิไอ้ข้าว  หญิงซักคนกูยังไม่เห็นมึงคบเลย  อยู่กันมาตั้งสองปีละ  คนก็เข้ามาจีบมึงเยอะนะ  ไมไม่เล่นด้วยวะ”


“กูไม่สันดานแบบพวกมึงหรอกเว้ย” ใครจะไปทำแบบพวกมันกัน   ควงไม่เลือกขนาดนั้น  ใครเข้ามาเอาหมด  คิดสิครับ


“โอ้ยไอ้เวฟมึงก็อย่าไปถามมันเลย  มันคงรอใครซักคนอยู่แหละมึง หึๆ” มันหันขวับไปจ้องเขม็งไอ้เพียวทันที  มึงจะขายกูใช่ไหมไอ้เพื่อนเวร


“ไอ้เพียวหุบปากมึงเลย” ผมกัดฟันพูด


“อ้าวไอ้ข้าว ไอ้เวฟ ไอ้เพียวววว...ริคุ”  เมื่อมีคนเรียกชื่อ พวกกระผมก็ทำการหันไปพร้อมกัน แท็น แท่น แทนนนน  ...  ช็อปวิศวะเต็มร้านเลยครับท่านผู้อ่านนน เสียงนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้  ก็ไอ้ฮาร์ทหนุ่มหล่อ1ใน3ของมนุษย์น่าตาดีในคณะวิศวะสิครับผม


“อ้าวไอ้ขี้เหร่”ไอ้เวฟพูดไรไม่ดูตัวเองเลยจริงๆ 

 
“ไอ้เวฟปากมึงนี่ยังหมาเหมือนเดิม”


“พวกมึงพูดกันเหมือนแบบไม่เจอกันนานเนอะ” ผมว่า

 
“ใครจะไปเจอได้ทุกวันเหมือนมึง  เช้า เย็น ก็เจอหน้ากัน   ผัวเมียกันดีๆนี่เอง”


“นั่นปากหรอไอ้เพียว  เดี๋ยวกูฟาดด้วยตีน เหอะๆ”

 
“เมียรัก  เพื่อนแซวแค่นี้ทำไมต้องเขินรุนแรง” ไอ้ฮาร์ทมันเดินเข้ามากอดคอออเซาะผม   ไอ้นี่ก็บ้าจี้เล่นตามมัน

 
“ไอ้ฮาร์ทเพื่อนมึงหรอวะ” ผู้ชายในกลุ่มช็อปวิศวะคนหนึ่งโพล่งขึ้น ผมละสายตาจากการแกะแขนไอ้ฮาร์ทออกจากคอหันไปมอง 

 โว้วว วิศวะมันน่าตาดีทุกคนจริงๆหรอวะเนี้ย  สูง ขาว (มีเข้มบางคน) จมูกโด่งสัน (เกือบทิ่มตากู) ปากคล้ำนิดๆ ดูมีเสน่ห์ ชิบหาย  อ้าวแล้วไมกุบรรยายผู้ชายหล่อน่าตาดีวะเนี้ย    แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดคงหนีไม่พ้นคนๆนั้น...น้ำเหนือ


“เออเพื่อนเรียนนิเทศ” ไอ้ฮาร์ทบอกกับกลุ่มมัน


“มาแดกส้มตำหรอ” ไอ้เพียวนี่ก็ถามแปลกๆ ร้านส้มตำเว้ย  คงมาแดกไอติม


“เออดิ  พวกมึงก็เหมือนกันหรอ”  ไอ้นี่ก็แปลกอีกคน  คงไม่มั้งนั่งอยู่ในร้านจะเป็นชั่วโมงละเนี้ย


“ไอ้ข้าว..” ไอ้เพียวมันเรียกผม  ผมหันไปเลิกคิ้วถามว่ามึงมีไร?  มันบุ้ยปากไปทางน้ำเหนือยืนอยู่ ผมกรอกตาไปมา


“กูเห็นแล้ว” ผมทำปากขมุบขมิบบอกมันไป  มันหัวเราะชอบใจที่ได้แซวผม  อย่า..อย่าให้ถึงตากู


“ขำไรของมึงไอ้เพียว” ไอ้เวฟผู้ซึ่งไม่รู้อะไรอยากเสือก

“ไม่มีไร  แค่ไอ้ข้าว..” มันพูดลากเสียงยาวๆ
 

“ไอ้ข้าวไรวะ” ไอ้ฮาร์ทก็เสือกอีกคน  ลองมึงพูดสิไอ้เพียวกูจะกระทืบมึงให้จมพื้นซีเมนเลย


“ไอ้ข้าวมันแคะขี้มูกแดกอ่ะ ฮ่าๆๆ”


“อี๊ไอ้ข้าว ไอ้ซกมก” กูยังอี๊เลยครับ  กูไปทำตอนไหน  ไอ้หอกหักเพียว  ผมถีบมันไปทีหนึ่ง


“กูไม่คิดเลยอยู่กินกันมาตั้งสองปีมึงมีนิสัยซกมกแบบนี้หรอว่ะไอ้ข้าว” ไอ้ฮาร์ททำหน้ายี๊เต็มที่  เฮ้ย นี่มึงเชื่อ?


“ใครเชื่อไอ้เพียวแม่งโคตรโง่อ่ะ”


“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เพียวรู้สึกจะสนุกที่ได้แกล้งผม ฮึ่ย  !

 
“นั่งด้วยกันไหมว่ะ” ไอ้เวฟชวน


“มึงก็ให้มันนั่งแดกกับเพื่อนมันไปสิ  มาทำไมให้แออัดกัน” ผมว่า  อย่ามาเลยกูไม่อยากเจอน้ำเหนือตอนนี้


“ไอ้ข้าวนี่มันยังไง  อย่ามาเห็นแก่ตัว คนรู้จักกันต้องมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันนะ” น้ำหน้าอย่างมึงไม่น่าจะคิดได้นะไอ้เวฟ

 
“ก็ดีนะเว้ยข้าว  กินกันเยอะๆสนุกดีออก หึๆ” ไอ้เพียว  หน้ามึงชั่วร้ายมาก  ผมจ้องเขม็งมัน  เดาได้ไม่ยากว่ามันกำลังสนุก

 
“ก็ดีนะเว้ย .. เฮ้ยพวกมึงมานี่ๆ  ไอ้จิม ไอ้เหนือ ไอ้โดม” ไอ้ฮาร์ทเรียกเพื่อนมัน  พวกนั้นก็เดินเข้ามา  ผมมองพวกมันส่งยิ้มน้อยๆให้เป็นการทักทายและเป็นมิตรเมื่อพวกมันยิ้มมาให้  แต่กับน้ำเหนือ  ไม่เลย  แม้แต่ยิ้มยังไม่มี  ใบหน้านิ่งตลอดเวลา คือมึงโบกปูนซีเมนรึไงวะ

 
“ป้าครับที่สั่งไปเมื่อกี้  มาเสริฟโต๊ะนี้นะครับ” ไอ้ฮาร์ทมันตะโกนบอกแม่ค้า  แล้วมันก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างผม  อีข้างหนึ่งของผมเป็น  เป็น.. เฮ้ย  น้ำเหนือมานั่งตรงนี้ได้ไงว่ะ  มันต้องเป็นไอ้เพียวไม่ใช่หรอ


“หึๆ” เสียงหัวเราะอันน่ากลัวนี่มาจากคนนั่งเยื่องไปจากน้ำเหนือ  ไอ้เพียวมันสลับที่  ไอ้ชั่ววTT กูไม่ได้ต้องการแบบนี้เฟ้ย

“เอ่ออ คือ” ผมทำตัวไม่ถูกในทันที   น้ำเหนือแค่เหล่มองเท่านั้น  ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับผม  อึดอัดเว้ย  อะไรวะเนี้ย  ก็รู้ว่าน้ำเหนือเรียนคณะกับไอ้ฮาร์ทแต่ไม่คิดว่าจะเดินกลุ่มเดียวกัน  อีกอย่างผมเพิ่งเจอน้ำเหนือเมื่อวานตอนทำงานเอง  ฮืออ  อยากร้องไห้เป็นภาษาอังกฤษ(ร้องไงว่ะ) ผมยังจำคำพูดที่คุยกันได้เลย  ...  เราไม่เคยรู้จักกัน  แต่นาทีนี้คงจะได้รู้จักกันจริงๆแล้วละ  หวังว่าน้ำเหนือจะจำชื่อผมได้นะ  ถึงแม้หน้ามึงมันจะจำไม่ได้ก็ตาม...

 
“รู้สึกพวกมึงมาความหล่อกูหายหมด” ไอ้เวฟพูดขึ้น  ทำให้ในโต๊ะหัวเราะขำกับมุกของมัน มีเพียงบุคคลเดียวหน้านิ่งตลอดกาล  คือมึงมีหน้าเดียวรึไงว่ะ

 
“มองอะไร?”


“เปล๊านิ” ผมเสมองไปทางอื่นเมื่ออีกคนรู้ว่าผมมองน้ำเหนืออยู่


“หึ” มาหงมาหึอะไร  ผมหันกลับไปมองหน้าน้ำเหนืออีกครั้ง  กูมองแค่นี้ไม่ได้หรือไงว่ะ

 
“อะแฮ่ม.” เสียงกระแอมดังขึ้น  ผมหันไปมองคนนั่งถัดไปจากน้ำเหนือ  ไอ้เพียวนั่นเอง  มันแสยะยิ้มชั่วร้ายมาให้ผมด้วย


“ส้นตีนติดคอหรอครับคุณเพียวริคุ” ไอ้เวฟครับ

 
“จะติดคอมึงเนี้ยละเอาม่ะๆ”


“ไม่ตีกันสักครู่ไม่ได้เลยนะพวกมึงเนี้ย” เป็นไอ้ฮาร์ทที่ห้ามทัพไว้

 
“ฮ่าๆๆ  กูไม่คิดว่าไอ้ฮาร์ทจะรู้จักกับเด็กนิเทศด้วย” เพื่อนในกลุ่มไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น


“ไมว่ะ  ไม่เห็นแปลกเลย คนเหมือนกัน” ไอ้เวฟ


“เปล่า  ก็คณะมึงกับคณะกูห่างกันเป็นโยค  กูก็แปลกใจรู้จักกันได้ไงเท่านั้น”

 
“อ่อง่ายๆที่กูสนิทกะไอ้ขี้เหร่เนี้ย  เพราะไอ้ข้าว”ไอ้เวฟ  พวกนั้นจึงหันมามองหน้าผม


“เมียไอ้ฮาร์ท?” ห้ะ! อะไร เหตุไฉนคิดว่ากูเป็นเมียไอ้ฮาร์ท บ้าล้าว บ้าแล้วว  ส่วนไอ้คนที่ถูกพูดถึงก็ขำคิกๆอยู่ข้างผม  แหม  สนุกๆ  ไอ้เพียวไอ้เวฟก็เช่นกัน  หน้าแมนๆแบบกูทำไมต้องไปตกเป็นเมียไอ้ฮาร์ทด้วย


“จะบ้าหรอ!!” ผมโพล่งขึ้น


“อย่าเขินดิเมีย  ไม่เอาไม่เหวี่ยง” เหวี่ยงพ่องมึงดิไอ้ฮาร์ท  เดี๋ยวปัดฟรีคิกใส่


“ขำๆๆ  พวกมึงหยุดขำเลยไอ้เพื่อนชั่ว” ผมพาลใส่ไอ้เพื่อนสองตัวที่ยังขำไม่หยุด  มันน่าตลกตรงไหนว่ะ


“เมียมึงหรอฮาร์ท” น้ำเสียงเนื่อยๆนิ่งๆพูดขึ้น  ทำให้คนทั้งโต๊ะหันไปมองธาตุอากาศ  ต้องใช้คำนี้ครับ เพราะแม่งเงียบสนิทชนิดไม่ได้ยินลมหายใจ  ไอ้ฮาร์ทมันแค่ไหวไหล่ก่อนตอบ


“คงงั้นมั้ง”

 
“ระวังแมงวันต้อม” น้ำเหนือพูดแล้วเหล่สายตามาทางผม   อะไรแมงวัน  กูไม่ใช่ขี้ไม่ต้องมาต้อม  แล้วไอ้เหยียดยิ้มนั้นมันคือไร

ว่ะ   


“ไม่มีหรอก  กูว่าแบบไอ้ข้าวไม่มีคนเอา ฮ่าๆๆ” ผมหันขวับไปมองไอ้ฮาร์ท  ดูถูกกูนะมึง


“หึ” แล้วอะไรของมึงอีก  หึอยู่นั่นละ

 
“แล้วมึงไม่คิดจะแนะนำตัวเองกันเลยรึไงว่ะ”  เออมึงพึ่งนึกได้หรอไอ้เวร  เพื่อนในกลุ่มไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น

 
“เออวะ  กูชื่อจิม  ไอ้นี่..”คนชื่อจิมแนะนำตัวเองแล้วกำลังจะแนะนำเพื่อนแต่ก็ต้องเก็บปากไปเมื่อเพื่อนมันพูดเอง
 

“ชื่อกู กูพูดเองสัส  กูชื่อโดม ส่วนนั้น” โดมแนะนำตัวเสร็จก็ชี้นิ้วมาทาน้ำเหนือ

 
“น้ำเหนือ เรียกเหนือพอ” เออจบการแนะนำเด็กวิดวะไปแล้ว  เด็กนิเทศอย่างเราต้องเอาบ้าง

 
“กูมีนามว่า  พี่เวฟคนหล่อเพิ่มเติมเดี๋ยวบอกอีกที ฮ่าๆๆ”

 
“กูชื่อเพียว”ไอ้เพียวแนะนำตัวเองสั้นๆ  ต่อไปก็ผมแล้วสิ


“กูข้าว..หอม” ผมแนะนำตัวเองไปพรางเหล่มองคนข้างกายที่นั่งกดโทรศัพท์มือถือตัวเองอยู่  เหมือนว่าอีกคนจะชะงักไป  แต่แค่แปบเดียวเท่านั้น  ก็เป็นปกติเหมือนเดิม

 
“แล้วสรุปเป็นเมียไอ้ฮาร์ทจริงดิ”  ยัง ยังไม่หยุด

 
“เหอะ  ไม่อ่ะกูเลือก” ผมตอบจิม


“โอ้ววหน้าอย่างไอ้ฮาร์ทมีคนไม่เอาด้วยเว้ย ฮ่าๆๆ” โดมพูดขึ้น  พากันฮาอีกละ  พวกมึงนี่อารมณ์ดีกันจริง  แดกยาบ้ามาป่ะว่ะ

 
“เงียบปากไปเลยพวกมึง  เด่ะๆ”ไอ้ฮาร์ทว่า

 
“แค่อยู่หอเดียวกันเอง  พักอยู่ด้วยกัน  หารครึ่งอ่ะ” ผมอธิบายพวกมันก็เออออพยักหน้าเข้าใจๆ  ไม่นานส้มตำที่เราสั่งก็ได้และไม่ใช่แค่ของผมมันยังมีของกลุ่มวิดวะพวกนี้เพิ่มด้วย  เราก็กินกันเฮฮาไปเรื่อย  คุยนู้นนี่นั่น  สนิทกันเร็วอะไรจะปานนั่น  เพื่อนๆไอ้ฮาร์ท ทั้งจิมและโดม ฮามากๆ  พวกมันเล่าเรื่องที่เจอกันตอนปี1ให้ฟัง  ว่าพวกมันเจอและสนิทกันได้ยังไง  มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มันเขม็งน้ำเหนืออยู่ครั้งหนึ่ง  ด้วยใบหน้านิ่ง  ไม่แสดงอาการอะไร  จะสุข จะทุกข์ มันเลยเกือบเอาตีนไปโปะหน้า  ก็สมควรอยู่หรอก  ขนาดโดนพูดถึงขนาดนี้ยังหน้านิ่งอยู่เลย  ผมละอยากรู้สาเหตุนักทำไมน้ำเหนือที่ผมรู้จักถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้


“เออไอ้เหนือ” หืม  ไอ้เพียวจู่ๆก็โพล่งขึ้น


“อืม”  ไอ้นี่ก็คานรับแบบไม่เต็มใจ
 

“ได้ข่าวว่ามึงควงสาวไม่ซ้ำหน้านี่จริงป่ะ”  เอียงหูรอฟังเลยครับ  ไม่เสือกนะ  ไม่เลย...

 
“งั้นมั้ง”  ไอ้นี่ก็ตอบกำกวมจริง


“หรอ  แล้วมึงมีตัวจริง  แบบเป็นแฟนเลยอ่ะ  ไม่ใช่ควงเล่นๆนะ” ไอ้เพียวยังคงไม่หยุดถาม  รู้สึกน้ำเหนือมันคงรำคาญ เห็นกรอก

ตาก่อนตอบด้วย

 
“ไม่!” ชัดๆ  น้ำเหนือยังไม่มีตัวจริง  แอ่ววดิ้นโลดด  ใจผมเต้นตึกตักเลยครับ  มันรู้สึกโล่งใจที่น้ำเหนือยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ

 
“ยิ้มไรไอ้ข้าว  บ้าป่ะนั่งยิ้มคนเดียว” หุบยิ้มอัตโนมัติ  นี่กูยิ้มหรอเนี้ย  ผมหันไปมองคนที่ทักผม  ไอ้ฮาร์ทนั่นเอง

 
“เปล่าใครยิ้ม บ้า” ผมพูดเสียวแผ่วเสมองทางอื่น หลบตาไอ้ฮาร์ท แต่ไปป่ะเข้ากับสายตานิ่งๆ นั่นเต็มๆ  มันมองหน้าผมเฉยๆ

 
“มองไร”  ผมถาม

 
“หึ”  หึอีกแล้ว  ...  แล้วมันก็หันไปกินส้มตำต่อ  เออดีมาหึใส่กูคงรู้เรื่อง


“ไอ้ข้าว”  ผมทำหูทวนลมไม่ได้ยินไอ้เพียวเรียก  ไม่หันหรอก  หันไปมันก็จะแกล้งผมเรื่องน้ำเหนืออีก

 
“...” ไม่หันๆ กินๆ หิวๆ


“ข้าวหอม..”

 
“มันเรียกมึงอ่ะไอ้ข้าวนั่งใกล้กันแค่นี้  ไม่ได้ยินรึไง”

 
“เสือกนะมึงไอ้เวฟ”


“อ้าวไอ้นี่  เดี๋ยวกูจับข้าวเหนียวยัดปาก”

 
“กลัว” ผมทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไอ้เวฟไป

 
“ไอ้ข้าว ไม่ได้ยินกูเรียกจริงอ่ะ  ไม่งั้นก็..”ไอ้เพียวมันเหล่สายตาไปทางน้ำเหนืออีกครั้ง  ไอ้นี่นิเอาจุดอ่อนกูมาล่ออีกละ


“หุบปากมึงเดี๋ยวนี้” ผมกัดฟันพูด

 
“เออข้าว”

 
“ห้ะ!?!” ผมหันไปตามเสียงเรียก  เป็นเสียงของโดมเพื่อนน้ำเหนือกับไอ้ฮาร์ท  เรียกกูไม


“พวกมึงเรียนนิเทศใช่ป่ะ” เออไอ้นี่ก็แปลกถามทั้งๆที่พึ่งรู้ไป

 
“ก็ใช่  ทำไม?” ผมถาม



“งั้นช่วงนี้พวกมึงว่างป่ะ  ช่วงเย็นๆ” ผมขมวดคิ้ว  พรางหันไปหาไอ้เพื่อนสองตัวอีกที

 
“ก็ถ้าไม่ติดรับน้องก็ว่าง  มีอะไร” ผมถามกลับ

 
“ถ้าพวกมึงว่างช่วยไปเก็บภาพกิจกรรมรับนองให้คณะกูหน่อย  แม่งไม่มีใครถ่ายรูปให้เลยว่ะ  ใช้ไอ้พวกนี่ก็ไม่ได้เรื่อง”

 
“เฮ้ยๆๆ  กูถ่ายได้นะเว้ย” ไอ้ฮาร์ทโวย

 
“ได้กะผีมึงสิ  แต่ละรูปไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง” จิมว่า

 
“ไอ้ข้าวมันสอนกูเองนะ  ทำไมจะไม่ได้” ใช่ครับผมเคยสอนมันถ่ายภาพจริง  เห็นมันบอกอยากถ่ายได้ก็เออสอนไป  สอนอยู่นาน

กว่ามันจะเข้าใจ



“สรุปจะให้พวกกูไปถ่ายภาพกิจกรรมให้?”ไอ้เวฟถาม จิมกับโดมพยักหน้า

 
“ถ้ากูรู้ว่าไอ้ฮาร์ทมีเพื่อนเรียนนิเทศ กูจะไม่ยอมให้มันถ่ายเองเลย”
 

“ดูถูกฝีมือกูจริงไอ้เพื่อนเวร  กูมือโปรเว้ย” ไอ้ฮาร์ทยังคงมั่นหน้า
 

“ก็ได้นะ  แต่ต้องมีค่าจ้างให้พวกกูนะเว้ย  ไม่ทำงานฟรี หึๆ” ไอ้เพียวบอก

 
“เพื่อนกันเขาทำให้ฟรีๆไม่ใช่หรอว่ะ” โดม

 
“สำหรับกูต่อให้เพื่อนกูก็ไม่เว้นเว้ย”  หน้าเลือดพอไหมละเพื่อนกู ฮ่าๆๆ
 

“งั้นจะไปทำให้ป่ะเนี้ย” จิม
 
“เออไปได้  กูกับไอ้ข้าวว่างอยู่แล้ว น้องก็ไม่ได้ดูไรมาก  เพราะไอ้เวฟมันต้องคุมน้อง”

“กูไม่ไปได้ป่ะ” ผมบอกกับไอ้เพียว

 
“ทำไม”มันถาม

 
“นั่นสิไอ้ข้าว  ช่วยพวกกูหน่อยนะๆ” ไอ้โดมเสริม

 
“กูไม่ว่างมึงก็รู้นะไอ้เพียวว่ากูต้องทำงาน”  ผมบอกตามจริง  อีกอย่างถ้าผมไปคณะวิศวะก็ต้องเจอน้ำเหนืออีก  ไอ้เพียวเองก็จ้องที่จะแซวผมอยู่เรื่อย

 
“มึงก็ไปแค่แปบเดียวไอ้ข้าว  ไปถ่ายแค่มุมสองมุมก็คอยไปทำงานก็ได้”  ไอ้เพียวยังคงพูดต่อ

 
“แต่ว่า..” ผมเหล่มองน้ำเหนือ  ไอ้เพียวมันแสยะยิ้มน้อยๆ

 
“หรือว่ากลัวใจ” อะ ไอ้ เพียว มึงงง ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่มันพูด

 
“อะไร ๆ  กลัวใจอะไร  ไอ้ข้าวมึงชอบใคร  นี่มึงมีแฟนแล้วไม่บอกกูหรอ”ไอ้ฮาร์ท

 
“จะบ้าหรอ  พอๆพูดไรไม่รู้เรื่อง” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 

“ไอ้เหนือไมมึงเงียบจังว่ะ”  เออเงี๊ยบเงียบ  สงสัยตายแล้ว

 

“อืม”  มีคานรับเล็กน้อย  ก็ก้มเล่นโทรศัพท์ต่อ  รู้สึกว่าจะแชทตลอดเลยนะเหมือนไอ้เพียวเลย  คุยไรหนักหนาว่ะ  ผมชะเง้อมองมันจะด่าผมไหมเนี้ย  ความเสือกมาเต็มครับ

 

“รู้ว่าสาวเยอะ  แต่คุยกับเพื่อนบ้างเหอะสัส  เพื่อนมึงนั่งนี่ สาวๆเก็บไว้ก่อนเว้ย” ไอ้จิมโวย

 

“เปล่าคุยกับแม่” แม่? อ่อคุณป้าสินะ  ผมจำได้ๆ  เวลาผมไปเล่นบ้านน้ำเหนือคุณป้ามักจะเรียกผมทานข้าวด้วยประจำ  ว่าแต่คุณป้าจะสบายดีป่าววะ อยากถามมันจัง  แต่น้ำเหนือมันจำผมไม่ได้เนี้ยสิ  น่าน้อยใจชะมัด

 
“กูก็คิดว่าคุยกับสาวในสต็อกมึง”

 
“ข้าวหอม” น้ำเหนือไม่ได้ตอบคำถามที่เพื่อนถาม  แต่กลับเรียกชื่อผมขึ้น ผมตกใจเล็กน้อยที่น้ำเหนือเรียกชื่อผม  ผมเลิกคิ้วสงสัย

 
“ว่า?”

 
“ข้าวหอม  หิรัญธร    นิวัฒนกิจ  นิเทศ ปี2 มหาลัย.. ลูกคุณป้าอำไพ คุณลุงศรัณ...” ผมมองอีกคนอึ้งๆ  ไม่ได้อึ้งที่มันพูดยาว  แต่อึ้งที่น้ำเหนือพูดชื่อจริง ชื่อเล่น  แม้แต่ชื่อพ่อแม่กูมาเต็มเลยครับ    จะ จำ ได้แล้วหรอว่ะ

 
“ระ รู้ชื่อกู พ่อแม่กูได้ไง”  ผมถามเสียงตะกุกตะกัก  มัน ยะ ยิ้ม เฮ้ย  ผมฝันไป  มันยิ้มแล้ว  ใบหน้าที่เคยนิ่งตอนนี้ยิ้มแล้ว ถึงจะยิ้มแค่มุมปากก็เถอะ


“จำได้สิ  เคยไปเล่นบ้านบ่อยๆ” ผมได้แต่พยักหน้า ยังอึ้งอยู่ครับ  เชื่อว่าคนในโต๊ะก็อึ้งไม่ต่างจากกู  น้ำเหนือจำกูได้แล้ววววว โอ้วเย้ กระโดโลดเต้นกันไปสิ  ใจผมเต้นตึกตักจนแทบจะระเบิด  อย่างน้อยน้ำเหนือก็จำผมได้


“เฮ้ย อะไรยังไง  ไอ้เหนือกับไอ้ข้าวรู้จักกันมาก่อนหรอ”  ไอ้ฮาร์ทมันถาม  หน้ามันยังอึ้งอยู่เลยครับ

 
“แล้วข้าวจำเหนือไม่ได้หรอ?” อึ้งหนักกว่าเก่า อีประโยคนี่ผมจำได้  ผมกับน้ำเหนือเราจะไม่ใช่มึงกูเวลาคุยกันจะแทนชื่อเล่นมากกว่า  ประโยคนี้มันกลับมาแล้ว

 
“เอ่อคือ..”

 

“น้ำเหนือ  น้ำเหนือ  พิชญนุกุล


 

 

 

 

TBC.

ตอนที่2มาเสริฟแล้ว เป็นยังไงก็เม้นนะคะ
 :z2:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: หมูราชา ที่ 28-06-2016 14:23:31
เเพ้ผู้ชายเเทนชื่อตัวเอง ฮอลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 28-06-2016 16:09:52
ใจสั่นแทนข้าว อั๊ยยะ อยากอ่านต่อแล้ว น่ารักมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 28-06-2016 16:21:28
อิ๊ มาแทนตัวเองว่าเหนือ ทำคะแนนใช่ไหม เออ ยอม!
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-06-2016 16:37:47
 :mew2:

น้ำเหนือจำได้ แล้วทำไมถึงเย็นชากว่าเมื่อก่อนจังคะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.2 #By : Cencer [27/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 28-06-2016 18:37:42
หูวววว เค้าจำกันได้แล้ววว
รอดูปฏิกิริยาของเหนือต่อไป
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 29-06-2016 17:46:59

3

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน



“เงียบแล้วตั้งใจฟัง!” เสียงโหวกแหวกโวยวายดังขึ้น ณ  ลานกว้าง หน้าตึกคณะวิศวะ  ทำให้ผู้คนที่เดินกวักไกวหันมามอง  เพราะน้ำสียงที่ตะโกนดังลั่นพื้นที่นั่นดูมีอิทธิพลละน่ากลัว..


“มีไรกันวะ” ไอ้เพียวที่เดินเข้ามาพร้อมกับผมกระซิบถาม


“จะรู้ไหมมาด้วยกัน” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อน  ถามมาได้  กูก็เพิ่งมาถึงพร้อมมึงเนี้ยแหละ  ไอ้หำเอ้ย!


“เออเว้ยกูก็ลืมปายยย”  ลืมพ่องดิ


“อ่านะ  แก่แล้วก็เงี้ย...โอ๊ย!!”  ไอ้เพียวมันเขกหัวผมครับ  ผมหลุดเสียงดังออกไปทำให้พื้นที่ตรงนั้นหันมามอง  เอาแล้วๆๆ  กูจะมาจบชีวิตที่คณะวิศวะที่มีแต่ผู้ชายบึกบึนหรอวะ  ไอ้ข้าววรับไม่ด้ายยยยย


“ทำหน้าตลกอะไรของมึงไอ้ข้าว  ... แล้วอะไรแหกปากซะดังลั่นเลย”  ไอ้ฮาร์ทครับ  สงสัยจะได้ยินเสียงผมที่แหกปากลั่นเมื่อกี้   มันถึงได้เดินมาหา  แต่เดี๋ยวนะ  อะไรคือผมทำหน้าตลกหรอ?  ผมจึงกระพริบตาปริบๆ  มองไอ้ฮาร์ทกับไอ้เพียว  ไอ้เพียวทำเพียงแค่ส่ายหน้า  ส่วนไอ้ฮาร์ทนะหรอ  ทำหน้ามึนกลับมา  เอ้า ! นี่ผมต้องการคำตอบป่ะ?


“ยัง  ยังเอ๋ออีก”  ไอ้เพียวมันผลักหัวผมไปอีกทาง


“มึงว่าใครเอ๋อ เด่ะๆ”ผมชี้หน้ามัน  มันก็เชิดหน้า ถามอะไรๆ


“อะไรๆ  มึงจะทำไรกูไอ้ข้าวไอ้สูงน้อย”  นั่น  เล่นของสูงนะมึง


“...เดี๋ยวกูจะเจาะยางมึง”   อะไรๆ  ทำไมต้องกุมขมับส่ายหน้าขนาดนั้น


“กูทำกรรมไรไว้วะ  มีเพื่อนไม่เต็มบาทสักตัว” อ้าวไอ้เวรนี้  ว่าผมอ่ะ   ผมฮึดฮัด  ทำท่าจะสวนกลับมัน  แต่ไอ้ฮาร์ทขว้างไว้ก่อน


“พวกมึงนี่ยังไง  ไอ้เวฟไม่อยู่  มึงก็จะกัดกันกับไอ้ข้าวนะเชี้ยเพียว”


“ใช่ฮาร์ทมึงว่ามันเลย  ว่ามันๆๆ มันชอบแกล้งกู”  พอมีคนเข้าข้างผมต้องรีบฟ้องครับ  หาคนช่วยก่อนไม่งั้นจะโดนหนัก ฮ่าๆๆ


“มึงก็ด้วย  ทำตัวยังกะเด็ก12”


“อ้าว..” ผมหันไปมองไอ้ฮาร์ททันที  กูโตแล้วเว้ย  นี่โตแล้วว  ประท้วงครับ  ต้องประท้วง  เรื่องนี้ต้องไปถึงนายก(ขยะ)ให้ได้ -_-


“ไปได้แล้ว  จะมาช่วยงานพวกกูไม่ใช่รึไง  ไปเลยชักช้าเดี๋ยวน้องเลิกก่อน”


“ครับๆเจ้านาย  ตามประสงค์ครับ” ผมพูดประชดมัน  จนมันหันมาเขกหัวผมทีหนึ่ง  ก่อนจะกอดคอลากให้เดินเข้าไปในพื้นที่พวกเด็กวิดวะ  นักอยู่  หู้วว ไม่อยากจะเล่าเลยครับ  ผู้ชายเยอะจริงๆ  มีแต่ทึกๆ  แต่หน้าตาก็...อือหือครับ  สมชื่อที่โด่งดังจริงๆๆ   ทั้งปีหนึ่ง ปีสอง(ที่ผมไม่รู้จัก) และเหมือนจะมีปีสามยืนอยู่ด้วย  ก็จับจ้องมองมาที่ผมกับไอ้เพียว


“กูประหลาดหรอวะ  แม่งมองกูอย่างกับของแปลก” ผมกระซิบถามไอ้ฮาร์ทที่ยืนข้างๆผม  มันแค่ปรายตามอง  ทำไมต้องทำขรึม? ผมมองหน้ามันอย่างงุนงง  เมื่อกี้มันยังไม่ขรึมขนาดนี้เลย  พอเข้ามานอาณาเขตนี้ขรึมทันที  ...  อย่าบอกนะแถวนี้มีของ  กูต้องทำขรึมด้วยใช่ไหม  ?


“ทำหน้าตลกอีกละไอ้ข้าว” ไอ้เพียวที่ยืนข้างๆผมเอ่ยทักขึ้น  ไม่เห็นหรือไง  กูทำขรึมอยู่  ผมหันไปขมุบขมิบปากบอกมัน


“ห้ะ!?!” มันทำหน้าสงสัยหนักกว่าเก่าอีกครับ  เบื่อจริงพวกหูไม่ดี


“กู-กำ-ลัง-ทำ-ขรึม-อยู่” ผมกัดฟันพูดย้ำชัดคำบอกมันไปให้ได้ยินกันแค่สองคน  มันขมวดคิ้ว


“เฮ้ออ  มึงอยู่คณะนี้รึไง”


“...” ผมส่ายหน้า  กูอยู่นิเทศไง  ไอ้ฟั่นเฟื่อง


“เออแล้วมึงจะไปทำตามพวกนี่ทำไม  พวกมันเก็กไปงั้นให้น้องกลัวเกรงเท่านั้น”  ไอ้เพียวถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่ผมกำลังทำ   ผมจึงขำนิดๆ


“แหะๆ งั้นหรอกรึ ฮี่ๆ”


“ไปทำงานเราได้ละ  จะได้รีบกลับมึงเองก็จะได้ไปทำงานด้วย”  เออจริงด้วยสิ  ผมต้องไปทำงานด้วย  ถึงจะบอกเหตุผลที่ไปทำงานสายก็เถอะ  แต่ถ้าสายบ่อยๆคงไม่ดีแน่  ผมกับไอ้เพียวจึงแบ่งส่วนกันเก็บภาพกิจกรรมให้มัน


“มึงไปถ่ายส่วนนั้น  กูจะถ่ายส่วนนี้ เคนะ”


“เคๆ” ผมพยักหน้าเข้าใจ  ถ่ายๆไปก็เหมือนมีอะไรจ้องอยู่  พอลดตัวกล้องลงก็เหมือนเห็นสายตานับสิบคู่กำลังจ้องผมอยู่  มองกูทำไม  นู้นพี่มึงอยู่นู้น  ฟังไปเส่ไอ้พวกเด็กน้อย


“กลุ่มนั้นอ่ะ  ช่วยสนใจพี่ด้วยครับ!” เสียงว้ากดังขึ้น  ทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย  คิดๆไปก็เจ็บคอแทน  เอาน้ำมะนาวไหมครับคุณพี่   ผมจึงเบนกล้องไปถ่ายพี่ว้ากคนนั้น  โอ้ววแม่เจ้าโว้ยยย หล่อลากไส้... เดี๋ยวนะ  ทำไมผมต้องได้บรรยายผู้ชายหล่อกว่าตัวผมอยู่เรื่อย  ใครก็ได้กรุณาถามคุณไรท์ให้ทีครับ  นี่มึงต้องการให้กูเป็นเคะแรดใช่ไหม?


“...ข้าว” ผมลดกล้องลงแล้วหันไปมองบุคคลที่เอ่ยทักผม  เสียงเนื่อยๆนิ่งๆ  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร


“ว่าไงเหนือ” ผมยิ้มบางให้คนทักแล้วหันมากดชัตเตอร์เก็บภาพต่อ


“มาตอนไหน?”


“สักพักแล้ว”  ผมตอบโดยไม่ได้หันมามองอีกคน


“...” แล้วก็เงียบ  ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาอีกตลอด  มีเพียงเสียงรุ่นพี่ว้ากเท่านั้น   น้องๆทุกคนก็ดูจะตั้งใจฟังและเงียบดี ต่างจากคณะผม  บ้าๆบอๆ พาน้องทำอะไรฮาๆ  ก็นะครับ  คนคุมคือไอ้เวฟนี่เนอะ  พอพี่ท่านว้ากน้องจนต้องพึ่งน้ำมะนาวหลายอึก  พี่ท่านก็เดินจากไปอย่างกับพระเอกหนังจีน(?)  ปีสองจึงดำเนินการต่อ  ...

 


“ขอบคุณพวกมึงนะเว้ยที่มาถ่ายงานให้” ไอ้จิมมันบอก


“ไม่เป็นไรๆๆ  ค่าจ้างพวกกูละ” ไอ้เพียว


“ไอ้เชี้ยย  เพื่อนกันฟรีไม่ได้หรอวะ” ไอ้จิมโอดครวญ  ไอ้เพียวยกนิ้วชี้ส่ายไปมาต่อหน้ามัน


“ไม่ได้ๆๆ ถ้าเพื่อนกูเยอะแล้วใช้งานขอฟรีแบบนี้  ไม่ใช่กูอดตายหรอวะ”


“ถ่อวว  ช่วยกูหน่อยเถอะ  ... ไอ้ข้าว นะๆ  ฟรีเถอะ”  เมื่อมันขอไอ้เพียวไม่ได้ก็หันมาหาผม  ผมหันไปมองหน้าไอ้เพียว  ส่งซิกผ่านสายตาถามมันว่าเอาไง


“ครึ่งราคาก็ได้”  ไอ้โดมเสนอมา  ไอ้เพียวทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนตอบ


“ไม่ได้ๆๆ  ราคาเต็มเว้ย  ไม่มีลด”  หน้าเลือดไหมครับเพื่อนผม ฮ่าๆๆ


“ไอ้ฮาร์ท...” ไอ้จิมมันร้องโหยหวนทันทีเมื่อเห็นไอ้ฮาร์ทเดินเข้ามาในกลุ่มพร้อมกับน้ำเหนือ


“มีไร?” ไอ้ฮาร์ทเลิกคิ้วถามไอ้จิม


“เพื่อนมึงไม่ยอมถ่ายงานให้ฟรี   เพื่อนนะเพื่อน  ขอลดก็ไม่ได้  ช่วยเคลียร์เพื่อนมึงหน่อยย”


“ลดให้หน่อยก็ได้” ไอ้ฮาร์ทว่า


“ได้ไงวะ  เสียค่าเวลากูนะเว้ย”


“มึงจะหน้าเลือดไปไหนไอ้เพียว”  ไอ้โดมมันว่า  ไอ้เพียวเพียงแค่ไหวไหล่


“ไอ้ข้าว”ไอ้ฮาร์ทมันหันมาเล่นทางผมบ้าง


“ไม่ต้องมามองอ้อน .. ถามไอ้เพียวเลย  กูให้มันตัดสินใจ” ผมบอก


“หึๆ” ไอ้เพียวมันหัวเราะหึ  เหมือนผู้ชนะ  เข้าใจครับเงินทองนั้นหายาก  ต้องแลกมาด้วยแรงกายกว่าจะได้มา


“...เลี้ยงเหล้า” เสียงทุ้มนิ่งดังแทรกบทสนทนาขึ้น  พวกผมหันไปมองธาตุอากาศ  เออนั้นแหละใช้คำนี้ถูกแล้ว  ก็เล่นเงียบตั้งแต่เดินมาร่วมกลุ่มแล้ว


“โอเคตกลง!”


“ห้ะ!?!”  ผมถึงกับ  ห้ะ  คืออะไรจะง่ายปานนั่น  ไอ้พวกนั่นก็เงียบกริบ


“แค่เอาเหล้ามาล่อกูแต่แรกก็จบแล้ว”  ยัง  ยังไม่พอยังเสือกพูกอีก  เห็นเหล้าดีกว่าเงินหรอไอ้เพื่อนเวร  กูอยากได้เงินใช้เว้ย  จะฟ้อง จะฟ้อง...แม่


“อืม” กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากรึไงวะ  พูดน้อยนักเชียว  ผมก็อยากได้ยินเสียงทุ้มๆเพราะๆของมันนะ  แต่น้ำเหนือคนนี้พูดน้อยจนผมไม่รู้ว่าจะคุยอะไรด้วยได้แต่มองหน้าเท่านั้น


“ไอ้เวรรู้งี้กูเอาเหล้ามาล่อตั้งแต่ประโยคแรกละ  ไอ้เห็นแก่เหล้า”ไอ้จิมยังคงโวยไม่หยุด


“กูเห็นเหล้าดีกว่าเพื่อนเว้ย ฮ่าๆๆ” ไอ้เพียวระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี


“ไอ้ฟาย” ไอ้โดมจึงทำการถีบมันไปสองสามทีด้วยความหมั่นไส้


“อะไรยังไงก็บอกด้วยละกัน  กูต้องไปละ  เดี๋ยวสาย” ผมบอก


“เออๆๆ  รีบไปเลยมึง เหม็นขี้หน้า” ไอ้ฮาร์ทครับ  กวนส้นตีนผม ผมจึงทำการยกนิ้วอันสวยงามของผม  นิ้วกลาง ส่งไปให้มัน


“ใหญ่นะมึง  อย่ามาล้อเลียนกู”


“ใหญ่เท่าไม้ขีดไฟอ่ะนะ” ผมว่า


“ไอ้สัส ไปไหนก็ไปเลยไอ้ข้าว” มันไล่ผม  ใช่สิพอใช้งานเสร็จก็ไล่  ไอ้พวกนิสัยไม่ดี


“เออไปก็ได้ไม่อยากเสวนากับพวกสัตว์สี่เท้า” ผมบอกจบก็รีบเผ่นแนบ  อยู่ไม่ได้ครับเดี๋ยวโดนหลายตีนที่อยู่ตรงนั้น  ไม่วายหันไปแลบลิ้นใส่พวกมันด้วย ฮ่าๆๆ


“ข้าว! เดี๋ยว..” ผมหยุดชะงักกับที่เมื่อเสียงน้ำเหนือเรียก  ผมหันไปมองเห็นน้ำเหนือวิ่งมาทางผม


“มีอะไรหรอเหนือ”


“เดี๋ยวไปส่ง”


“เฮ้ย ไม่เป็นไรไปเองได้  ไปอยู่กับเพื่อนเถอะ” ผมบอกอีกคน


“...” น้ำเหนือส่ายหน้าแล้วลากแขนผมไปทางลานจอดรถหน้าตึก  ผมหันไปมองทางเพื่อนที่มองมาทางนี้พอดี  เห็นไอ้เพียวมันแสยะยิ้มส่งทางผมด้วย  ไม่พ้นคงโดนมันแซวอีกแน่ๆๆ


“เอ่อคือ...”  เมื่อมานั่งในรถได้  ผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนายังไงกับคนที่กำลังขับรถไปส่งผมดี


“ร้านกาแฟ” ห้ะ อะไรร้านกาแฟ  ผมทำหน้า งง กระพริบตาไม่เข้าใจคำถาม


“...”


“ที่ทำงาน”


“อ่อ..ใช่ๆๆ” ผมพยักหน้ารัว  คำถามที่ไม่เหมือนคำถาม  พวกคุณเข้าใจไหมครับ  ไม่ งง  แบบผมให้มันรู้ไป


“...”


“...”


เกิดความเงียบปกคลุมขึ้นอีกครั้ง  มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด  ทำไม่รู้ว่าควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้  คืออยากจะพุดคุยอย่างเพื่อนคนอื่นๆ  แต่น้ำเหนือมันนิ่ง  มันเงียบ  มันไม่พูด  มันไม่เชี้ยไรเลยครับ  เอาแต่มองทางอย่างเดียว จะคุยกับผมซักคำก็ไม่มี  ทำให้ไอ้คนพูดมาก(น้อยกว่าไอ้เวฟไอ้เพียว)อย่างผมต้องเงียบไปด้วย


“เหนือ..”  ผมทนความอึดอัดไม่ไหว  เอาว่ะ  ลองหาเรื่องคุยด้วยดีกว่า


“อืม” ขอซื้อได้ไหมคำนี้  กูเกลียดดดด...


“สบายดีนะ” คำถามอะไรของกูวะนั่น


“อืม..” ตอบแบบนี้กูจะถามไงต่อดีวะ  คิดสิไอ้ข้าว คิด!!


“อ่า..นึกไงเรียนวิดวะหรอ”


“ชอบ”


“อ่องั้นหรอ แหะๆ” ผมหัวเราะเบาๆ  ไม่มีไรจะถามต่อละเฟ้ย! ผมจึงมองข้างทางแทนมองหน้าอีกคน


“ข้าวละ”


“หืม?” ผมหันกลับไปมองอีกคน


“ทำไมเรียนนิเทศ”  ผมนิ่งกับคำถามของอีกคน  ไม่คิดว่าจะถามกลับแหะ เห็นเงียบไปนาน  แต่ก็ดีแล้วที่ถามผมจะได้รู้สึกว่าตัวเองสำคัญขึ้นมานิด


“อืม  ไงดีอ่ะ  เราชอบถ่ายภาพอ่ะ  เห็นที่สวยๆอยากถ่ายเก็บไว้  สนุกดี ” ผมยิ้มกว้างตอบไป


“อ่า..”


“อือ แฮ่ๆ” ผมพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มขำนิดๆ  รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้ เมื่อเห็นอีกคนแค่พยักหน้าขานรับเท่านั้น



 

ร้าน กาแฟพี่บาส



“สวัสดีคร้าบบ พี่หนิง พี่แวว พี่ต้น  พี่มิค”  พอผมเปิดประตูร้านเข้ามาก็ยกมือสวัสดีทักทายพี่ๆที่ร่วมงานกับผม  พวกพี่เขายิ้มรับก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ


“แล้วไม่คิดจะทักทายเจ้าของร้านเลยรึไง” นั่นไง  เจ้าของร้านท้วงขึ้น ฮ่าๆๆ กะจะแกล้งพี่มันเล่น


 “...” ผมจึงทำทีเดินผ่านไปยังห้องแต่งตัวซึ่งต้องผ่านเคาเตอร์ที่พี่บาสกำลังนั่งอยู่


“หักเงินเดือน..” ชะอุ้ย! กำลังจะเดินผ่านต้องรีบหยุดยกมือพนมก้มลงกราบทันทีครับ


“สวัสดีครับเจ้านาย  วันนี้เจ้านายดูหล่อมากเลยครับ  แหมม หล่อไม่มีคนเทียบเคียงได้เลยครับผม  ถ้าหล่อขนาดนี้ก็ต้องไม่หักเงินเดือนกระผมเนอะๆ  กระผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”


“หึๆ  รู้ซะบ้างว่าใครใหญ่”


“ครับๆๆ”


“ไปเปลี่ยนชุดแล้วทำงานเลยข้าว”  ผมเข้าเอากระเป๋าและเปลี่ยนชุดจากนักศึกษาเป็นชุดยุนิฟอร์มของร้านออกมาหน้าร้านเพื่อจะทำงาน


“น้องข้าว..”  พี่แววเดินมาหยุดอยู่ข้างผม  ผมยิ้มเมื่อเห็นพี่เขายิ้มให้


“ครับพี่แวว”


“คนนั้นใช่เพื่อนน้องข้าวรึเปล่า” ผมมองตามนิ้วชี้พี่แววที่ชี้ไป  ยังไม่กลับอีกหรอว่ะ  ผมคิดว่าน้ำเหนือจะแค่มาส่งผมแล้วกลับเลย


“ครับ  มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม  พี่แววยิ้มเขินอาย


“เขาหล่อมากอ่ะ  สเปคพี่เลย นิ่งๆ เงียบๆ  เย็นชาๆ”  แล้วพี่แววก็ทำท่าเพ้อฝันเหมือนในซีรี่ย์เกาหลีหลายๆเรื่องที่ผมชอบดู


“เหอๆ”


“เพื่อนน้องข้าวแต่ละคนมีแต่หล่อๆทั้งนั้น  ก็มีแต่น้องข้าวเนี้ยละที่ออกแนวน่ารัก..” ผมชิ้หาตัวเอง


“ผมเนี้ยนะน่ารัก” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ


“อือๆๆ น้องข้าวเนี้ยละ”  ไม่จริงม้างง  ผมออกจะหล่อ


“ผมหล่อเถอะครับพี่แวว”


“ฮ่าๆๆ” ขำเสร็จพี่แววก็เดินไปรับออเดอร์ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต่อ  ผมเองก็ไปรับลุกค้าท่านอื่นเหมือนกัน  แต่สายตาผมก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่น้ำเหนือเป็นบางครั้ง  ...

 .

.

.

“ขอบคุณทุกคนมากนะ  เหนื่อยกันแล้วกลับไปพักผ่อนเยอะๆนะครับ  พรุ่งนี้เจอกัน”  พี่บาสบอกกับพวกเราทุกคน  ตอนนี้ผมเลิกงานแล้วครับ  ทำความสะอาด เก็บโต๊ะ เก้าอี้   เปลี่ยนชุดเป็นนักศึกษาเหมือนเดิม


“ค่ะ/ครับคุณบาส”   บอกลากันเสร็จก็พากันเดินออกไปนอกร้าน


“ช่วงนี้แวะเขาร้านบ่อยวะพี่  ว่างหรอ  หรือบริษัทเจ็งแล้ว”  ผมหยอกพี่บาสที่อาสาจะไปส่งผมที่หอวันนี้  พี่แกใจดีครับ  ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม


“ปากมึงนี่นะข้าว  เดี๋ยวก็ไล่ออกซะหรอก  ถ้าเจ็งจริงสงสัยพี่ต้องลดแรงงานร้านนี้แหละและคนที่จะไล่ออกคนแรกก็...” พี่มันปรายตามาทางผม


“ถ่อววพี่  ไม่มีทางเจ็งหรอก  คนบริหารเก่งจะตายเนอะๆ”  ต้องพูดเอาใจครับ  หากว่าวันใดวันหนึ่งธุรกิจพี่บาสเจ็งจริง  ผมจะได้รอดพ้นจากการลดแรงงาน ฮ่าๆๆๆ


“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย  เมื่อกี้ได้ยินชัดนะ”


“ไหนหลักฐาน  อย่ามาปรักปรำครับพี่”


“ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี!” แล้วพี่มันก็เข้ามารัดคอผม


“โอ๊ยๆๆ พี่บาสเจ็บๆ  ผมเจ็บ อ้ากกก!!”


“เจ็บหรอๆ ฮ่ะๆ”  ขนาดผมบอกว่าเจ็บนะพี่มันยังไม่ยอมปล่อยเลย  ยิ่งรัดคอผมมากกว่าเดิมอีก  ฮือออ  ทำไมคนหล่อแบบไอ้ข้าวต้องโดนทำร้ายย


“พอแล้วๆๆ  ยอมแล้ว”  ผมเป็นต้องขอยอมแพ้  มิเช่นนั้นผมได้ไปเฝ้ายมบาลแน่นอน


“หึๆ”  ผมยู่ปากเมื่อพี่มันหัวเราะเยาะผม  เห็นแต่ตัวใหญ่กว่าเถอะ ฮึ่ย!   ทำไมตูไม่เกิดมาเตี้ยกว่าวะ


“..ข้าว..”  ผมหันไปตามเสียงเรียก  ก็เจอกับเจ้าของร่างสูงที่กำลังเดินมาทางผมกับพี่บาส  ผมขมวดคิ้วมุนเมื่อเห็นว่าน้ำเหนือยังอยู่ที่นี่


“เหนือทำไมยังอยู่นี่อ่ะ  คิดว่ากลับไปแล้วซะอีก”


“...”น้ำเหนือไม่ตอบแค่ปรายตาไปมองพี่บาสที่ยืนอยู่ด้านหลังผม  ผมยังรอคำตอบแต่อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามผมกลับฉุดดึงแขนผมให้เดินไปตาม


“จะพาข้าวไปไหน?” พี่บาสเดินมาฉุดรั้งแขนผมไว้  ทำให้น้ำเหนือหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง   ดูท่าว่าน้ำเหนือจะหงุดหงิดแหะ


“ปล่อย..”เสียงนิ่งๆเอ่ยขึ้น  สั่งใครว่ะ  กูหรอ  เฮ้ย  แต่กูไม่ได้จับแขนใครเลยนะ  มีแต่กูถูกจับเอง


“ไม่!”  อ้อ  รู้แล้วว่าสั่งใคร...  คนกลางแบบผมได้แต่เงียบครับ  รู้สึกเหมือนถูกพระเอกกับพระรองกำลังแย่งนางเอกกันอยู่เลย  แต่เดี๋ยวนะ !


“ปล่อยทั้งคู่นั่นแหละ  ปล่อยๆๆเลย  พี่บาสปล่อย  เหนือด้วยปล่อยข้าว” ทั้งคู่จึงยอมปล่อยผม  ผมมองสองคนสลับกันไปมา  ให้ตายสิ !  จ้องกันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ


“มึงจะพาข้าวไปไหน”  พี่บาสถาม


“...”  แต่อีกคนกลับเงียบไม่ยอมตอบ


“เอ่อ..เหนือมีไรรึเปล่า”  ผมจึงเป็นฝ่ายถามแทน


“กลับ”


“ห้ะ!” 


“ไปส่ง..”  พูดจบก็ลากผมไป  พี่บาสมองมาอย่างมึนงง  เออไม่ งง ให้มันรู้ไป ขนาดกูยัง  งง เลยเฟ้ย  มันมาอารมณ์ไหนไม่รู้


“พี่บาสผมกลับละเว้ย  เจอกันพรุ่งนี้” พอมาถึงรถน้ำเหนือผมที่กำลังจะขึ้นรถก็ต้องโบกมือส่งไปให้พี่บาสที่ยังมองมาอยู่  พี่มันพยักหน้าเข้าใจผมถึงเข้ามานั่งในรถที่สตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว


“...”


“...” และก็เกิดความเงียบปกคลุมตัวเราอีกรอบ   เฮ้ออ  ผมอยากจะถอนหายใจดังๆกว่านี้จริงๆ  อึดอัดวะ  คืออยากรู้คำตอบที่น้ำเหนือยังรอผมและยังอุตส่าขับรถมาส่งผมที่หออีก


“เหนือ ข้าวคิดว่าเหนือกลับตั้งนานแล้ว”


“รอ..” ผมขมวดคิ้วกลับคำตอบของน้ำเหนือ


“รอทำไม  กว่าเราจะเลิกก็ตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ”


“กินข้าว..”


“ห้ะ!?!”  ผมไม่รู้ว่าวันนี้ผมหลุดคำๆนี้ไปกี่รอบ


“กินข้าวกับแม่”


“แม่..คุณป้าหรอ”


“...”  อีกคนแค่พยักหน้ารับ


“แล้วทำไมไม่บอกแต่ที่แรกละ”


“ไม่ว่าง..”


“ห้ะ?”


“ก็ข้าวไม่ว่าง”


“...”


“ทำงาน”


“แล้วที่บอกจะไปส่งละ”


“...กินก่อน”


“โอเค”  ผมพยักหน้าเข้าใจ  เป็นตุ๊กตาหน้ารถเงียบๆ มองข้างทางที่ตอนนี้มีไฟริมถนนเต็มไปหมด  ร้านค้ายามค่ำคืนเรียงราย  เห็นร้านบะหมี่แวบๆเมื่อกี้  ท้องผมก็พากันร้องระงม  อายมั้ยข้างๆมีคนอยู่นะ  ถ้าเป็นไอ้อาร์ทหรือไอ้เพียวไอ้เวฟ  ผมจะไม่รู้สึกอายอะไรเลย  แต่นี่น้ำเหนือเว้ย   คนที่ชอบมาได้ยินเสียงน่าเกลียดแบบนี้  ต่อให้ด้านขนาดไหนกูก็อายยย -//////-


โครกครากกก ~


“แฮะๆ”  ผมยิ้มเจื่อนเมื่อน้ำเหนือหันมามองผม


“หิว?”


“อืม  หิวมากกก แฮ่ๆ”  โอ้ยอายยย  มาดังอะไรตอนนี้


“จะถึงบ้านแล้วทนหน่อย”  ผมเห็นรอยยิ้มบางๆเผยอยู่บนหน้าน้ำเหนือด้วยแหละ  ถึงจะหันข้างอยู่ก็เถอะ  ไอ้อายก็อาย  แต่ใจเจ้ากรรมกลับเต้นระรัว  ตั้งแต่ที่อยู่ที่คณะวิศวะ  ถึงจะยืนอยู่ด้วยกัน  อยู่กับเพื่อน  ต่อให้พวกผมเถียงกัน ฮายังไง  รอยยิ้มแบบนี้ก็ไม่มีเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานี่ซักนิด  แต่ตอนนี้มันกลับปรากฏต่อหน้าผมถึงจะแค่เสี้ยวหน้าและแปบเดียวก็เถอะ

 


“แปบนะ”


“อือๆๆ”  ผมพยักหน้า   น้ำเหนือจึงเปิดประตูรถออกไป  ตอนนี้ผมมาถึงบ้านน้ำเหนือแล้วครับ  เป็นบานขนาดกลางไม่ใหญ่มาก  พอดีๆ  ผมมองน้ำเหนือที่กำลังเลื่อนเปิดประตูบานใหญ่เพื่อที่จะนำรถเข้าบ้าน  แต่เอ่ะ  เดี๋ยวนะ  !  ทำไมไม่จอดไว้ข้างนอกก่อนวะ  ยังไงก็ต้องไปส่งผมที่หออยู่แล้ว  หรือว่าแถวนี้มีขโมยบ่อยถึงต้องเอารถเข้าบ้านเลย  ใช่  ต้องใช่แน่ๆ  สังคมทุกวันนี้มันน่ากลัวว


“กลับมาแล้วหรอลูก”  เสียงหวานนุ่มหูเอ่ยทักขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในบ้าน  ผมมองหญิงสาววัยกลางคนที่ยังสวยและยังสาวอยู่ด้วยรอยยิ้ม  ท่านไม่เปลี่ยนจากตอนนั้นเลย  ยังสวยเหมือนเดิม


“คุณป้าสวัสดีครับ”  ผมยกมือสวัสดีท่าน  ท่านเองก็เช่นกัน


“ไหว้พระเถอะลูก  หนูข้าวหอมใช่ไหมจ้ะ”


“ครับ”  ผมขานรับพร้อมยิ้มกว้างให้ท่าน


“หิวกันรึยังจ้ะ  ป้าทำกับข้าวเสร็จพอดีเลย..เหนือพาหนูข้าวไปนั่งรอก่อนเดี๋ยวแม่ขอจัดโต๊ะก่อน”  คุณป้าท่านพูดเสร็จก็เดินออกไป  ย้ำเหนือจึงพาผมมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่กลางบ้าน  แล้วก็จากไปอีกคน  ผมจึงนั่งอยู่คนเดียว ..


“..น้ำ”


“ขอบคุณนะ” ผมยิ้มให้แล้วรับน้ำขึ้นมาจิบ  สายตาก็สอดส่องการตกแต่งภายในบ้านไปด้วย


“หิวมากมั้ย” ผมละสายตาจากสิ่งที่มองมามองหน้าคนข้างๆแทน


“มากกกก” ผมลากเสียงยาวให้รู้ว่าผมหิวมากจริงๆ


“อืม  รอแปบ” 


“อื้อๆๆ” ผมพยักหน้าน้อยๆ  แล้วน้ำเหนือก็เดินออกไปทิ้งผมไว้คนเดียวอีกแล้ว


“เหนือไม่ต้องเดี๋ยวแม่ทำเอง  ไปอยู่เป็นเพื่อนหนูข้าวไป”  เสียงคุณป้าดังขึ้นให้ได้ยิน  ผมจึงลุกเดินตามเสียงไปว่ามีอะไรรึเปล่า  เห็นคุณป้ากำลังดันหลังน้ำเหนือให้เดินออกมาจากห้องครัว


“ข้าวหิวแล้ว”


“งั้นก็ไปอยู่เป็นเพื่อนหนูข้าว  ยิ่งเรามาช่วยแม่จะยิ่งช้านะ”


“ข้าวบอกหิวมากกกก” ผมมองสองแม่ลูกคุยกัน  เป็นภาพที่น่ารักสำหรับผม  ฮ่าๆๆ มองๆไปแล้วก็รู้สึกคิดถึงอีแม่ที่บ้านนอกทันที  ไม่ได้กลับไปเยี่ยมท่านหลายเดือนแล้วด้วย  สงสัยต้องหาเวลาว่างไปเยี่ยมซะแล้ว  แต่เอ้..ตั้งแต่เข้าบ้านมาก็ยังไม่พบกับคุณลุงเลย  ไม่อยู่หรอ?


“อย่าดื้อสิลูก  เดี๋ยวจะไม่ได้กินนะ” ผมเห็นน้ำเหนือยู่ปากใส่คุณป้าด้วย เฮ้ยตาผมฝาดรึเปล่า  ?


“มีอะไรให้ข้าวช่วยไหมครับคุณป้า”


“ไม่มีหรอกจ้ะ  หนูเป็นแขกอยู่เฉยๆพอนะ   เดี๋ยวป้าจัดการเอง”ท่านบอกยิ้มๆ


“ให้ผมช่วยดีกว่า  จะได้ทานเร็วๆ  ผมหิวมากกก”  ผมบอกท่านพร้อมทำท่าประกอบว่าหิวมากจริงๆ


“บอกแล้ว..” น้ำเหนือว่า


“จ้ะๆ แม่เชื่อแล้วค่ะพ่อลูกชาย...งั้นก็มาช่วยกันเนอะจะได้ทานเร็วๆ”


“ครับ!”




TBC.

ตอน3มาเสริฟแล้วน๊าา  พี่เหนือพาว่าที่สะใภ้เข้าบ้านแล้ว555

 :-[ :laugh:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-06-2016 18:16:16
เอ๋ ป๋าเหนืออยุ่ไหนนี่ ???
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 29-06-2016 18:23:27
พ่อดอกพิกุลลลลลล พูดน้อยยิ่งนักคะพี่!
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-06-2016 19:26:38
ข้าวน่ารักจัง :katai5:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-06-2016 20:30:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.3 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-06-2016 20:37:44
เพียว เชียร์เพื่อนดีมาก
ข้าวหอม ตลกมาก
 :เฮ้อ: เหนือ พูดน้อยไปปะ แต่เหนือน่ารักกับข้าวหอมนะ
ดูหวงๆ ไม่อยากให้ใครมาจับต้องเนื้อตัวข้าวหอม
ห่วงใยข้าว เห็นหิวข้าวไปช่วยแม่เพื่อให้ข้าวหอมได้กินไวๆ
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 29-06-2016 21:55:00
4

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“หนูข้าวสบายดีนะลูก”  ตอนนี้ผม น้ำเหนือ คุณป้ากำลังนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกันอยู่ครับ  ท่านเอ่ยถามเมื่อเริ่มรับประทานอาหารกันได้ไม่นาน

“สบายดีครับ..คุณป้าละครับ  แต่จากที่ข้าวดูแล้วคุณป้ายังสาวอยู่เลยนะ  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” ผมเอ่ยชมท่าน  ท่านยิ้มเขินอายเล็กน้อย 

“แหม  ปากหวานจริงๆเลยนะ  ไม่เจอกันแค่แปบเดียวเองลูก ไม่นานหรอก” ผมยิ้มพยักหน้า  มันอาจจะไม่นานสำหรับท่านแต่กับผมที่ต้องห่างจากน้ำเหนือซึ่งจากกันแบบไม่ลามันนานนะครับ  เราไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง  เขาจะคิดถึงเราไหม  เขาจะกลับมาเยี่ยมเรารึเปล่า

“ครับไม่นาน..”

“ว่าแต่เหนือกับหนูข้าวเจอกันได้ยังไงละลูก”

“...ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณท่านที่ท่านตักอาหารให้ผม

“ร้านส้มตำ..” เหนือตอบ

“ร้านส้มตำหรอลูก?”

“ครับ  เหนือเขาเจอข้าวร้านส้มตำ  แต่ข้าวเจอเหนือที่มหาลัย” ผมบอกท่านยิ้มๆ

“อ้าว.. อะไรยังไงละลูก  แล้วหนูข้าวไม่ได้ทักเหนือหรอ” ท่านถาม

“ทักครับ  เอ้? หรือไม่ได้ทัก” ผมเกาหัวพรางนึก  ตอนที่เจอกันครั้งแรกผมว่าผมทักนะ  แต่อีกคนจำไม่ได้มากกว่า

“สรุปยังไงจ้ะ หื้อ” ท่านยิ้มขำกับท่าทีของผม  ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามผมเพียงแค่มองมานิ่งๆ

“ทักครับ  แต่เหนือจำข้าวไม่ได้”

“จริงหรอจ้ะ !” ท่านทำตาโตอย่างนึกไม่ถึง 

“ใช่ครับ  มันน่าน้อยใจจริงๆเลยนะครับคุณป้า” ผมพูดเสียงกระเง้ากระงอน ท่านจึงหันไปมองลูกชายอย่างตำนิ หึๆ 

“ทำไมถึงจำเพื่อนไม่ได้เจ้าเหนือ  น่าตีหนักเชียว” ท่านตีแขนน้ำเหนือเบาๆ 

“ตีแรงๆเลยคุณป้า ..คุณป้ารู้ไหมครับ  เจอกันครั้งแรกเหนือเป็นยังไง”

“ยังไงหรอหนูข้าว”  ท่านหันมาสนใจผมอีกรอบ  ผมจึงส่งยิ้ม  ยักคิ้ว ไปให้น้ำเหนือที่นั่งขมวดคิ้วมองมา หึๆ  ได้ทีผมต้องฟ้องครับ  ท่านจะได้รู้ว่าลูกชายท่านทำผมไว้แสบมา 

“คืองี้นะครับคุณป้า..”

“...” ผมเหล่มองน้ำเหนือเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ

“ครั้งแรกที่เจอเหนือเดินชนข้าวครับคุณป้า  แล้วไม่คิดจะขอโทษข้าวด้วยดูลูกชายคุณป้าสิครับ  ยังครับยัง..ไม่มีการขอโทษข้าวใดๆทั้งสิ้น คุณป้าคิดดูสิครับ  แล้วรู้ไหมครับเหนือพูดยังไง  เหนือบอกว่าข้าวเดินไม่ระวัง  ดูเขาสิครับคุณป้า  ยังมีต่อครับ  เหนือไม่ยอมช่วยข้าวลุกขึ้น  เหนือแค่หยิบกล้องให้ข้าวเท่านั้น  ไอ้เราก็บอกขอบคุณไปที่เก็บให้  แต่เหนือไม่สนใจกลับจะเดินหนีข้าว  จนข้าวต้องเรียกเขาไว้  แล้วก็ทำหน้านิ่งๆ สายตาแบบนี้ใส่ข้าว..” ผมทำหน้านิ่ง ทำตาให้เหมือนคราวที่เจอกันครั้งแรกให้คุณป้าดู  ท่านมองผมอย่างตั้งใจ

“แล้วยังไงต่อจ้ะ”ท่านถามต่อ

“อ้อ  ตอนนั้นข้าวจับแขนรั้งไว้  แต่เหนือบอกไม่ชอบ  ข้าวจึงต้องละออก  แต่ที่น่าเสียใจครับคุณป้า..”  ผมเว้นวรรคไว้ก่อนจะตอบ

“...” ท่านเงียบรอฟัง

“...น้ำเหนือจำข้าวไม่ได้” ผมมองไปที่น้ำเหนือก่อนจะตอบประโยคนี้ออกมา  ผมละสายตาจากน้ำเหนือมามองท่านแทน

“ทำไมถึงทำตัวไม่น่ารักเลยพ่อลูกชาย”  ท่านหันไปเอ็ดน้ำเหนือ 

“...” น้ำเหนือไม่ได้พูดอะไร แค่มองมาที่ผมนิ่งๆตามสไตล์ เจ้าชายน้ำแข็ง คณะวิดวะ อ่ะนะ

“จริงๆเลย”ท่านทำเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม

“แต่ครั้งที่สองน้ำเหนือเขาทักผมนะครับคุณป้า” ผมบอกท่าน 

“เจอกันยังไงละหนูข้าว  คงไม่ได้เดินชนกันอีกนะ” ผมส่ายหน้า

“ไม่ครับ  แต่เจอกันที่ร้านกาแฟที่ผมทำงานต่างหาก..ใช่ไหมเหนือ” ผมพูดกับคุณป้าก่อนแล้วจึงหันไปถามอีกคน

“...” น้ำเหนือขมวดคิ้วมุน  คงกำลังคิดอยู่ละสิ

“นี่จำไม่ได้?” ผมเลิกคิ้วถาม

“อืม..” ผมจึงกรอกตาไปมา  สมองมึงเสื่อมหรอน้ำเหนือ   เพลียกับท่าทางมึงจริ๊งงง  อยากจะเอาจานข้าวเขวี้ยงใส่หัวให้จำอะไรในชีวิตสักนิดได้บ้าง

“วันนั้นที่เหนือมากับผู้หญิงที่สวยๆ หุ่นดีๆอ่ะ” ผมยังคงอธิบายต่อ บรรยายแม้กระทั่งรูปร่างของผู้หญิงคนนั้นให้อีกคนดุ  แต่ก็เหมือนเดิมครับ

“จำไม่ได้  ผู้หญิงไหน?”

“เอ่อ..” ผู้หญิงมึงคงเยอะจริงอ่ะน้ำเหนือ  ผมถึงกับไปไม่ถูก ถ้าน้ำเหนือจำแม้แต่ผู้หญิงที่ไปด้วยไม่ได้  วันนั้นที่ทักผมคงจำไม่ได้จริงๆ

“ลูกชายฉันขนาดจำผู้หญิงไม่ได้เลยรึไง  คบหลายคนหรอจ้ะพ่อลูกชายสุดหล่อ” ท่านถามหยอกๆ  แต่กลับได้การพยักหน้ารับกลับมา ผมที่ดื่มน้ำรอฟังคำตอบถึงกับสำลัก

“คะ..แค่กๆๆ”

“หนูข้าวเป็นอะไรมากรึเปล่าลูก” ท่านลุกขึ้นมาลูบหลังให้ผมอย่างเป็นห่วง

“เช็ดปาก” น้ำเหนือยื่นทิชชูส่งมาให้ผม  และมองผมด้วยสายตาตำหนิ

“อึก..ขะ ขอบคุณ” ผมรับมาแล้วเอ่ยขอบคุณ

“พูดมาก..”น้ำเหนือว่า

“...”ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ  น้ำเหนือว่าผมอ่ะ  มึงว่ากู  กูงอน กูเคือง กูโป้ง!!

“ทำไมว่าเพื่อนแบบนั้นเหนือ”

“..ขี้ฟ้อง”

“...” ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก  สายตาที่มองมามันนิ่งมากจนผมไม่รู้ว่าเหนือคิดอะไร

“..นิสัยไม่ดี”

“...” ผมเบนหน้าหันไปอีกทางที่จะไม่ต้องสบตากับคนตรงข้าม  น้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วครับ  อย่านะเว้ย  อย่าไหลนะ ไอ้น้ำตาเวร

“หยุดพูดเลย เหนือ!” คุณป้านท่านขึ้นเสียงใส่ลูกชาย  แต่ท่านก็ยังลูบแขนลูบหลังผมเป็นการปลอบ

“..ไม่น่ารักเลย”

“...” ผมเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกในตามันร้อนผ่าวขึ้นมา  น้ำใสๆเริ่มไหลลงมาตามผิวแก้ม  รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ

“หนูข้าว ! ..ทำเพื่อนร้องไห้เห็นไหมน้ำเหนือ” คุณป้าท่านกดเสียงต่ำจ้องมางลูกชายอย่างตำหนิ  แต่น้ำเหนือก็ยังนิ่งอยู่  เขาแค่มองมาที่ผมนิ่งๆ  ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกหลังจากจบประโยคนั้น  ความน้อยใจของผมพุ่งสูง

“...”   ผมยกมือปาดน้ำออก  แต่ยิ่งปาดออกมันก็ยิ่งไหล ฮืออ อยากกลับบ้าน..

“ขอโทษหนูข้าวเดี๋ยวนี้เลยน้ำเหนือ  ทำไมถึงทำตัวไม่น่ารักแบบนี้นะ  แม่ไม่เคยสอนเราให้ทำตัวแบบนี้”

“...ฮึก..” ผมกัดปากตัวเองไว้กลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะเล็ดลอดออกมา

“...” น้ำเหนือยังคงนิ่ง

“แม่ผิดหวังในตัวเราจริงๆเหนือ” ท่านพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ  กอดปลอบผมไว้   

“ข้าวไม่เป็นไรครับคุณป้า” น้ำเหนือลุกออกไปแล้ว   ผมยิ้มบางให้ท่าน  บอกกับท่านให้ท่านสบายใจ

“ป้าขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะลูก  อย่าโกรธเหนือเขาเลย”

“ครับ  ข้าวไม่โกรธหรอก” ผมพยักหน้ารับ กุมมือท่าน ส่งยิ้มให้ท่านสบายใจ  ท่านจึงยิ้มตอบกลับมาให้ผม 

“กร่อยเลยไหมละ  เอาซะไม่อยากอาหารเลย เฮ้ออ” ท่านถอนหายใจ

“ข้าวขอโทษนะครับ” ผมยกมือขอโทษท่าน ท่านส่ายหน้ายิ้มๆ

“ไม่เป็นหรอกจ้ะ ไม่ใช่ความผิดของหนูข้าว  คนที่ต้องขอโทษคือลูกชายป้ามากกว่า”


 ผมช่วยท่านเก็บโต๊ะ เก็บจาน เข้าห้องครัว  มากินฟรีก็ต้องช่วยค่าอาหารกันหน่อย  ผมจัดการเช็ดโต๊ะเสร็จแล้วจึงเข้าไปช่วยคุณป้าท่านล้างจาน

“ข้าวช่วยล้างครับ”

“ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวป้าทำเอง  ไปนั่งพักเถอะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรครับ  ข้าวมากินฟรีขอช่วยเถอะครับ”

“จ้ะ  หนูข้าวนี่เป็นเด็กดีจริงๆเลยนะ” ผมทำเพียงยิ้มรับคำชมของท่าน  ล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับท่านก็พากันออกมานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นพูดคุยกัน  ตั้งแต่ตอนนั้นที่น้ำเหนือเดินออกมาก็ไม่เห็นเลยครับ  ไม่อยู่บนห้องก็คงออกไปข้างนอกแล้ว  แต่ว่ายังไม่ได้ยินเสียงรถคงอยู่บนห้องละมั้ง  ผมไม่โกรธเรื่องเมื่อครู่หรอกครับ  คงเป้นอย่างที่น้ำเหนือว่านั่นแหละ  ผมพูดมาก  ขี้ฟ้อง  เพราะผมดันไปพูดเรื่องของเขาที่คุณป้าอาจจะไม่รู้ก็ได้

“ข้าวขอตัวกลับก่อนนะครับ  ดึกแล้ว” ผมบอกกับท่าน

“จะกลับแล้วหรอลูก”

“ครับ  มันดึกแล้วเดี๋ยวแถวรถที่ข้าวนั่งไปจะหมดก่อน” ผมบอกกับท่าน 

“ให้เหนือไปส่งดีกว่าไหมลูก”

“ไม่เป็นไรครับ  ข้าวเกรงใจ”

“เกรงใจอะไรกันลูก  ยังไงเหนือจะต้องมาขอโทษข้าวด้วยที่พูดไม่ดีใส่” ผมส่ายหน้าส่งยิ้มให้ท่าน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ข้าวกลับนะครับคุณป้า  วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” ผมยกมือสวัสดีท่าน  หยิบเป้สะพายขึ้น  ก้มหัวให้ท่านเล็กน้อยแล้วเดินจากบ้าน..

ฟึบ !

“เฮ้ย !!” ผมร้องเสียงดังลั่น  เมื่อจู่ๆมีคนเข้ามากอดคอผมไว้

“ชู่วว~ เงียบ..” ผมหันขวับไปมองคนที่กอดคอผมอยู่  เล่นอะไรวะเนี้ย  ตกใจหมด !!

“...” ผมเงียบตามที่อีกคนบอก

“จะกลับแล้ว..”

“อืม”

“ไปส่ง..”

“ไม่ต้องกลับเองได้” ผมสะบัดแขนออกจากมือของน้ำเหนือ  ครับน้ำเหนือนี่แหละ ตัวเป็นๆเลย ที่ลอบมาข้างหลังผมเมื่อครุ่

“..อย่าดื้อ” น้ำเหนือส่ายหน้ามองดุผม

“ใครดื้อ ห้ะ!” ผมขึ้นเสียงใส่ 

“..ดื้อ”

“...” หงุดหงิดครับ  อะไรของมันไม่รู้ เดาอารมณ์ยากจริงๆเมื่อกี้ยังว่าผมไม่น่ารัก นิสัยไม่ดีแล้วมายุ่งกับผมทำไม

“ข้าวดื้อ..”

“มันก็เรื่องของข้าว  จะกลับแล้วถอยไปด้วย” ผมไล่ให้น้ำเหนือถอยออกไปเพราะขวางทางเดินผมอยู่

“โกรธ?”

“อะไร!?!” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าวโกรธเหนือหรอ” เออ กูโกรธ โกรธมากด้วยถ้ามึงไม่เสด็จออกไป ผมทำหน้าบึ้งใส่อีกคน

“เปล๊า~” เสียงสูงเชียวกู

“..โอ๋ๆๆ” จู่ๆผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดไว้  ผมอึ้งกับการกระทำของน้ำเหนือ  น้ำเหนือลูบผมของผมเบาๆเหมือนปลอบเด็ก

“...”

“ขอโทษนะ”

“อือ..” ผมขานรับ  ผมบอกแล้วไงไม่ได้โกรธ  ผมคิดว่าน้ำเหนือจะโกรธผมเสียมากกว่าอีก

“ที่พูดไม่ดีใส่..”

“ไม่ได้โกรธ”

“ข้าวร้อง..” น้ำเหนือยังคงไม่ปล่อยตัวผม  แถมยังกอดแน่นขึ้น

“แค่น้อยใจที่โดนว่า..” ผมพูดกระซิบแล้วฝังหน้าเข้ากับอกของอีกคน 

“เหนือหยอกเล่น..” แล้วน้ำเหนือก็โยกตัวเบาๆ  เหมือนปลอบเด็กเวลาร้องไห้  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ร้องป่ะวะ

“นี่!” ผมดันหน้าออกมาจ้องหน้าอีกคน  ถึงจะไม่อยากออกจากอกอุ่นนั่นก็เถอะ  อยากอยู่นานๆ  แต่ไม่ได้

“หืม?” น้ำเสียงทุ่มนุ่มขานรับ 

“ขอโทษที่พูดมากนะ” ผมก้มหน้างุดสำนึกผิด   ผมอึ้งหนักกว่าเก่าเมื่อน้ำเหนือเสยคางผมให้หันมาจ้องตากัน  ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ  มันเต้นรัว
แรงมาก  จนผมคิดว่ามันคงเป็นอาการที่ผิดปกติแน่  แทบทะลุออกมานอกอก

“ข้าวไม่ผิด..”

“...”

“เหนือผิดที่พูดไม่ดีใส่..”

“หึ” ผมส่ายหน้า  น้ำเหนือยิ้มบางแล้วลูบแก้มผมเบาๆ  ผมมองการกระทำของเขาเงียบๆ  หัวใจผมก็ทำงานหนักขึ้น

“...ดีกันนะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยขึ้น  พร้อมกับนิ้วก้อยยื่นมาตรงหน้าผม  รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมา 

“อืม..” ผมพยักหน้ายื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกัน  น้ำเหนือยิ้มบางมาให้  ผมก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับอีกคน เขินครับ  เขินหนักมาก กรี๊ดได้ไหม? ช่างเถอะ กูจะกรี๊ดดดด กรี๊ดดด!! >//////////////////////////////////////////////<

“ขอบคุณที่มาส่งนะ..” ผมบอกขอบคุณน้ำเหนือเมื่อรถจอดหน้าหอพักที่ผมอาศัย

“ครับ..”

“งั้นไปนะ” ผมบอกลาน้ำเหนือก่อนจะเปิดประตูรถลงไป

“ข้าว” น้ำเหนือเลื่อนกระจกรถลงเล็กน้อย  ผมจึงก้มตัวยื่นหน้าเข้าไปมองคนที่อยู่ในรถ

“ว่าไง” ผมถาม

“ไปเที่ยว..”

“ห้ะ?”

“พรุ่งนี้เที่ยวกัน”  ผมมองน้ำเหนือตาปริบๆ คือพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และผมก็ต้องทำงานร้านพี่บาสทั้งวัน  จะว่างก็แต่วันอาทิตย์เท่านั้นซึ่งก็คือร้านปิด

“ขอโทษนะพอดีข้าวไม่ว่างอ่ะเหนือ  ข้าวต้องทำงาน”  ผมบอก

“..ลา”

“ห้ะ?” ลงลาไรวะ น้ำเหนือลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆเข้ามาหยุดต่อหน้าผม  ผมจึงยืดตัวขึ้นมอง  ลงมาไมวะ  ?

“ไม่ต้องทำ” เอ่อ... แดกจุดสิครับท่านผู้อ่าน 

“จะบ้าหรอ  ไม่ทำแล้วจะมีเงินที่ไหนจ่ายค่าห้อง” ผมมองน้ำเหนือที่ทำหน้าบึ้งใส่ผมเมื่อผมพูดประโยคนั้นจบ 

“...”

“ถ้าวันอาทิตย์ไปได้  เปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์ได้ม่ะ?” ไอ้อาการส่ายหน้าไปมานี่อะไร  ก็กูไม่ว่างไง  บักหำน้อยนิ 

“..ไม่”

“คุณน้ำเหนือครับ  กระผมไม่ว่างจริงๆ เป็นวันอาทิตย์นะๆ” ผมบอกอ้อนๆ

“...” เงียบ..

“นานะๆ  วันอาทิตย์นะเหนือ  ข้าวไม่ว่างจริงๆ  ลางานโดนหักเงินไม่พอใช้แน่ๆ” ผมส่งตาปื๊งๆไปหา  อย่างอ้อนๆ  กรี๊ดด (?) ไม่เคยทำไรแบบนี้มาก่อนเลย  เสียความเป็นชายไปเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์เลย  -////-

“เหนือเลี้ยง..” หือ? เลี้ยง?

“ว่าไงนะ?”  รู้สึกผมจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของน้ำเหนือเลยนะ    ขอเถอะช่วยกรุณาพูดประโยคยาวๆครั้งเดียวให้กูเข้าใจด้วยครับ   แบบนี้กูใช้คำว่า “ห้ะ” เปลืองบรรลัยเลยยย...

“ตัวข้าวเล็ก” 

“แล้ว?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เหนือเลี้ยงไหว..” มึงพูดอะไรออกมาห้ะน้ำเหนือ  มึงพูดอารายยยยย  จะทำให้ข้าวหอมคนแมนคนนี้เสียความเป็นชายไปอีกเท่าไร  แค่หนึ่ง
เปอร์เซ็นจะไม่เก็บไว้ให้กูเลยหรอออ  ผู้ชายคนนี้อันตราย  อันตรายต่อ...หัวใจ

“พูดอะไรก็ไม่รู้  ไม่คุยด้วยแล้ว  กลับบ้านไปเลยไป” ผมไล่อีกคน  ดูยังทำหน้ามึนใส่อีก  เอ้าๆๆ ไล่แล้วยังไม่ไปอีก 

“ไล่เหนือ?”

“เออกูไล่  ไปเลย ชิวๆ” ผมทำท่าไล่แบบไล่หมาอ่ะครับ  ฮ่าๆๆ  ดูทำหน้าเข้า

“..ไม่ใช่หมานะ!”  มีขึ้นเสียงใส่ด้วยเว้ย  เอาสิๆ  จะเล่นกับกูต่อรึไงวะ 

“เอ่ะ  ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่ไหม  ต้องพูดด้วยภาษาหมาใช่ไหม ได้ๆ บ็อกๆ เอ๊าๆ”   ผมทำเสียงเห่าเหมือนลูกหมาน้อยๆ  ดัดเสียงให้ดูน่ารักนิดๆ 

“..หมาน่ารัก” น้ำเหนือเข้ามาลูบหัวเกาคางผม  ยิ้มขำกับท่าทางของผม

“...” ผมมองรอยยิ้มขำของอีกคน  รู้สึกไม่เหมือนกับวันแรกที่เจอกันเลย  ผมรู้สึกว่าน้ำเหนือมันจะเริ่มพูดมากขึ้น(แค่นิดเดี๊ยววว)  ช่วงนี้ก็ยิ้มบ่อยขึ้น(แค่นีสสสเดียว)  เช่นกัน ฮ่าๆๆ

“ไหนแลบลิ้นสิหมาน้อย”

“แฮ่ๆ” ผมก็แลบลิ้นตามคำสั่ง

“ขอมือด้วย..” เอากับมันสิ  ครับตามใจ  ผมก็ยื่นมือไปวางไว้บนมือที่แบรอ 

“แฮะๆ”

“ข้าว...น่ารักมาก” แล้วน้ำเหนือก็ยีหัวผมจนยุ่งเหยิง

“พอแล้ว  พาเล่นอะไรไม่รู้  กลับบ้านไปได้แล้วไป  ดึกแล้วเดี๋ยวคุณป้าเป็นห่วง” ผมจับมือที่ละเลงบนหัวผมออก  ไม่เข้าใจทำตัวเป็นหมาแล้วมันน่ารักตรงไหนวะ 

“อืม  กลับนะ”

“อือๆ” ผมพยักหน้าน้อยๆ

“..กลับแล้วนะ” บอกว่ากลับแล้วๆไม่เห็นจะขยับตัวเลยพ่อคุณ 

“อือ กลับดีๆ”

“กะ...”

“น้ำเหนือ! จะกลับไปได้ยัง  ข้าวหอมจะได้เข้าห้องแล้ว  บอกว่าจะกลับแล้วไม่กลับซักที  ถ้าบอกว่าอยากอยู่ต่อจะเชื่อมากกว่านะ!” ผมเท้าสะเอวมองคนที่จะกลับไม่กลับซักที

“อยู่ได้หรอ?” น้ำเหนือถามเสียงใสแจ๋ว

“ไม่ได้!”

“...” น้ำเหนือยู่ปาก   

“เหนือกลับบ้านได้แล้ว  ข้าวง่วงแล้ว” ผมบอกพร้อมกับจับอีกคนหันเดินไปทางประตูฝั่งคนขับ  ผมเปิดประตูให้น้ำเหนือส่งสายตาบอก  ขึ้นรถได้ละ

“...”  มองหน้าอยากมีเรื่อง? พูดคิดในใจนะครับ ฮ่าๆๆๆ

“เข้าไปได้แล้ว  ต้องให้จับยัดเข้าไปไหมเหนือ” ผมว่า  น้ำเหนือส่ายหน้า  กว่าจะยอมขึ้นรถได้ เฮ้ออ

“เหนือไปนะ..” เออไปได้แล้ว  อยู่นานๆมันไม่ดีต่อภาวะหัวใจกู 

“ขับรถดีๆ”  ผมบอกพร้อมกับปิดประตูรถให้  ไม่วายมันยังเลื่อนกระจกลงอีก  จะได้กลับบ้านไหมละเนี้ย  ให้เวลา60วิ  ถ้ายังไม่ไปกูจะไม่ให้มึงกลับละนะบ้าน  จะจับปล้ำแม่งตรงนี้แหละ ชะอุ้ย! ผมล้อเล่นนะครับบบบ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น... อย่าปาสิ่งของของท่านมานะครับ  ผมเก็บหมด ฮ่าๆๆๆ

“...” ไม่พูด...

“มีอะไรอีกครับคุณน้ำเหนือ” ผมถาม

“..ฝันดีครับข้าว” แล้วน้ำเหนือก็โปรยยิ้มมาให้ผม  เกลียด... ชอบมาทำให้หลง  แค่นี้ก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเว้ย !

“อืมๆ”  ผมโบกมือลาส่งท้าย  รถของน้ำเหนือเคลื่อนตัวออกไปแล้ว  ผมมองจนลับตาถึงได้เดินเข้าหอพักของตัวเอง  ผมเปิดประตูเข้าห้องก็พบกับความว่างเปล่า อ่าว อ่าว.. เสียงแอคโคนะครับ ฮ่าๆๆๆ ในห้องอ่ะว่างเปล่า  แต่ในห้องน้ำมีสัตว์สี่ขาอาศัยอยู่  ผมคงไม่ต้องบอกเนอะว่ามันเป็นใคร...



“กลับมาละหรอไอ้ข้าว” ไอ้ฮาร์ทเดินออกมาจากห้องน้ำ  บนตัวมีผ้าขนหนูสองผืน  ผืนแรกปิดท่อนล่างของมันไว้  และอีกผืนแปะอยู่บนหัว

“ยังม้างงงง”  ผมตอบกวนๆ  มันจึงเดินเข้ามาถีบผมทีหนึ่งก่อนจะเดินเลยไปเปิดตู้เสื้อผ้า 

“ทำไมวันนี้มึงเลิกงานดึก” มันถาม ทั้งๆที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่

“ก็เลิกปกตินั้นละ” ผมบอกมันไปส่งๆ  แล้วหยิบผ้าขนหนูที่อยู่บนราวเตรียมเข้าไปอาบน้ำ

“แล้วไมกลับมาตอนนี้?” มันขยี้หัวตัวเองสองสามทีแล้วก็เอาผ้าไปตากไว้บนราว

“ก็กูไปกินข้าวที่บ้านเหนือมา”

“บ้านไอ้เหนือเนี้ยนะ?”

“เออ  ถามมากจริง  กูไปอาบน้ำละเหนียวตัวชิบ” ผมตอบก่อนจะเข้าไปอาบน้ำชำระล้างตัวให้หอมฉุย  ออกมาก็เห็นไอ้ฮาร์ทนอนคุยโทรศัพท์อี๋อ๋อ  สงสัยคุยกับเด็กมัน  ประจำครับ  รบกวนการนอนของผมมากก คุยกันทีเป็นชั่วโมง  ผมละรำคาญเสียงที่มันดัดจริต คะ ขา  หู้ววว ขนตูดผมลุกเลยครับ  แต่งตัวเสร็จผมก็มานั่งเปิดคอม  จะเล่นเกมส์ซักชั่วโมง สองชั่วโมงก่อนนอน  ทีแรกก็ง่วงนะครับแต่พออาบน้ำเสร็จตามันสว่าง...เวลาตอนนี้ก็ห้าทุ่มนิดๆแล้ว 

“เช็คเฟสหน่อยแล้วกัน..” ผมเปิดเข้าเฟสบุ๊คที่ล็อกอินค้างไว้อยู่แล้ว  มีการแจ้งเตือน ทั้งข้อความและคำขอเป็นเพื่อนในแต่ละวัน  เปิดดูคำขอเป็นเพื่อนมีน้องๆในคณะและนอกคณะแอดเข้ามา  น้องๆจะต้องมารายงานตัวให้พี่ๆในคณะได้รู้จักครับ  ผมจำเป็นต้องกดรับแบบไม่มีข้อยกเว้น  ผมรับน้องๆในคณะไปเรื่อยๆ  เลือกรับเฉพาะคนเท่านั้น  ผมไม่ชอบรับคนมั่วครับ  เพราะบางรายแอดมาเพื่อขายของ  เสนองานตามอินเตอร์เน็ต ทำงานสองสามชั่วโมง เหอะๆ ไม่อ่ะ  ผมมีงานประจำเงินดีกว่าด้วย ฮ่าๆๆๆ เลื่อนดูรายชื่อที่แอดมาเรื่อยๆก็เห็นชื่อที่คุ้นเคยกันดี...น้ำเหนือ  พิชญนุกุล(เจ้าชายน้ำแข็ง)

“ฮ่าๆๆๆ” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นชื่อในวงเล็บที่ว่าเจ้าชายน้ำแข็ง  คนบ้าอะไรวะเอาฉายาที่ได้มาตั้งใส่ในวงเล็บด้วย

“เป็นบ้าไรไอ้ข้าว  เสียงดังกูคุยโทรศัพท์อยู่เห็นไหม!” ไอ้ฮาร์ทมันว่า   

“ไม่เห็น” ผมกวนมัน  มันจึงปาหมอนมาใส่ผม  ผมหันไปชี้หน้าอย่างคาดโทษ  มันเสมองไปทางอื่นเหมือนกูไม่ได้ทำ  แล้วมันก็หันไปคุยโทรศัพท์กับสาวต่อ  ผมกอดหมอนที่ไอ้ฮาร์ทโยนมาเมื่อครู่ไว้  แล้วกดรับน้ำเหนือเป็นเพื่อนในเฟส  อ้อยังมีอีกสองคน  คือโดมกับจิม ผมเลือกรับแต่คนรู้จักนะครับ 

ตึ่ง ! เสียงแชทเฟสดังขึ้น

น้ำเหนือ : คิดว่าจะไม่รับ..

ข้าวหอม :  ทำไมจะต้องไม่รับละ?

น้ำเหนือ : ไม่รู้

น้ำเหนือนั่นแหละครับที่เป็นคนทักผมมา  พอรับปุ๊บแชทเด้งปั๊บ...

ข้าวหอม : ถึงบ้านปลอดภัยนะ   

น้ำเหนือ : ปลอดภัยครับ..

แล้วเราก็คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย  รู้สึกว่าน้ำเหนือมันจะถนัดพิมพ์มากกว่าพูดนะ 

“ข้าวคุยกับใครวะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” ไอ้ฮาร์ทมันเอ่ยทักขึ้น

“เสือก!” ผมตอบมัน

“สัส  นอนได้ละ พรุ่งนี้มึงไม่ไปทำงานรึไง  ดูเวลาด้วยครับคุณข้าวหอม” พอมันบอกแบบนั้นผมก็มองนาฬิกากับหน้าจอคอมทันที  ตะ ตีสอง
!! ชิบหายละ  !!

ข้าวหอม : เหนือข้าวต้องนอนแล้ว

น้ำเหนือ : อ่า...ฝันดี

ข้าวหอม : ฝันดี

เห็นดังนั้นผมจึงบอกกับน้ำเหนือว่าผมจะนอนแล้ว  ผมกำลังจะออกออกจากเฟสก็มีแจ้งเตือนโพสขึ้นที่หน้าวอลของผม

น้ำเหนือ พิชญนุกุล > ข้าวหอม  นิวัฒนกิจ
      [ Goodnigth นะหมาน้อยน่ารัก]
[/color]

ผมถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นโพสของน้ำเหนือที่โพสหาผม.. หมาน้อยบ้าไรวะ 

“อาการหนักละไอ้ข้าว รีบมานอนจะได้ปิดไฟโว้ยย กูง่วงงง!!” ไอ้ฮาร์ทโวย  ผมจึงปิดคอม เดินไปปิดไฟห้องก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียงของตัวเอง   

“หมาน้อยอะไร  ไอ้บ้า” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง   
.
.
.
“เขินเว้ย!” แล้วจู่ๆภาพที่ผมทำตัวเป็นหมาก็แวบเข้ามาทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ  ประโยคคำพูด น่ารักๆ  มันดังวนในโสตประสาทของผม  ผมคลุมโปงดิ้นพล่านอยู่บนเตียงด้วยความเขิน >////< โอ๊ยย ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน  งื้มมม 

“ไอ้ข้าว!! มดรุกตูดมึงรึไง  รำคาญจะนอนเว้ย!!”  หมดอารมณ์เขินเลยเว้ย  ผมกรอกตาอย่างนึกรำคาญ  กูดิ้นบนเตียงกูไหมวะ  ไม่ได้ไปดิ้นบนเตียงมึง  ไอ้หำเท่าไม้ขีดไฟ!!





TBC.
เค้าเอามาเสริฟให้อีกตอน ... พี่เหนือของเรามีความขี้แกล้งในแบบฉบับตัวเอง
 :katai3:  :katai5:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 29-06-2016 23:05:56
น่ารักก เหนือเเอบชอบข้าวป่ะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 29-06-2016 23:46:04
น่ารัก! น่ารักมากครับ! ทั้งสองตัวละครพออยู่ด้วยกันแล้วน่ารักมากๆเลยอะ เป็นคู่พระนางในฝันเลยนะครับเนี่ย

แปลกไหมครับ ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นนิยายทั่วๆไป แต่เรากลับรู้สึกว่ามันให้ฟีลลิ่งที่ดี มันให้ฟีลลิ่งที่น่ารักเมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เป็นโมเมนท์ที่ทำออกมาได้ดี เรียล และมีมิติ อ่านแล้วต้องอมยิ้มครับ แม้จะไม่ได้บรรยายอ่อนหวาน ไม่ได้ใช้คำหรูหรา แต่เป็นที่บรรยากาศของนิสัยตัวละครทั้งสองตัว ที่ทำออกมาได้เข้ากันและรับส่งอารมณ์กันได้ดีเยี่ยม ฉากที่ไปทานข้าวในบ้านก็ดูอบอุ่นน่ารักไม่น่าเชื่อ

นั่นเพราะคาแรกเตอร์ของทั้งคู่มีความเข้ากันได้ครับ มีความเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน รู้จักให้และรู้จักรับ การที่เหนือพูดน้อยก็จะทำให้เรารู้สึกว่าเขามี Alpha Male Characteristic แต่เช่นเดียวกันก็มีมุมหยอกล้อน่ารักๆ เช่นเดียวกันข้าวหอม ที่บุคลิกค่อนข้างเฮฮาหน้างง แต่ก็มีความน่ารักอยู่ในตัวเอง และเมื่อมาอยู่กับน้ำเหนือก็ทำให้กลายเป็นโมเมนต์ที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ชอบการสร้างบรรยากาศของคู่นี้มากครับ

ในส่วนของการบรรยายอย่างอื่น ผมคิดว่าใส่บทพูดเยอะไปนิดนึงนะครับ ฉากยังไม่ค่อยลื่นไหล แล้วก็บุคลิกของตัวละครอื่นยังมีมิติไม่มากพอ อาจจะเพราะใส่มาเร็วไปครับ ภายในเวลา 3 ตอน ถือว่ามีตัวละครที่เปิดตัวมาค่อนข้างเยอะ เลยทำให้อาจดูขาดๆเกินๆไปบ้าง อาจต้องปรับปรุงนิดหน่อย แต่เรื่องของคู่พระนางถือว่าทำได้ดีมากๆครับ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 30-06-2016 00:02:00
นี่นึกว่าฮาร์ทเเอบชอบหนูข้าวสงสัยจะคิดมากไป5555555
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 30-06-2016 07:19:11
 :pig4: :pig4: :mew2:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.4 #By : Cencer [29/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-06-2016 12:51:13

ขอบพระคุณ คุณGrey Twilight ที่บอกถึงข้อบกพร่องบางส่วน  ในส่วนที่เรายังไม่ดีพอเราจะนำมาปรับปรุงแก้ไขและจะพัฒนามันไปเรื่อยๆนะคะ  คือเพิ่งเคยแต่งแนวใสๆ น่ารักๆ แบบนี้  ฮ่าๆๆ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามและสามารถติชมกันมาได้เรื่อยๆนะคะ  เราจะนำคำติชมของท่านมาปรับปรุงและพัฒนาคะ  :pig4:   :pig4:  :pig4:



น่ารัก! น่ารักมากครับ! ทั้งสองตัวละครพออยู่ด้วยกันแล้วน่ารักมากๆเลยอะ เป็นคู่พระนางในฝันเลยนะครับเนี่ย

แปลกไหมครับ ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นนิยายทั่วๆไป แต่เรากลับรู้สึกว่ามันให้ฟีลลิ่งที่ดี มันให้ฟีลลิ่งที่น่ารักเมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เป็นโมเมนท์ที่ทำออกมาได้ดี เรียล และมีมิติ อ่านแล้วต้องอมยิ้มครับ แม้จะไม่ได้บรรยายอ่อนหวาน ไม่ได้ใช้คำหรูหรา แต่เป็นที่บรรยากาศของนิสัยตัวละครทั้งสองตัว ที่ทำออกมาได้เข้ากันและรับส่งอารมณ์กันได้ดีเยี่ยม ฉากที่ไปทานข้าวในบ้านก็ดูอบอุ่นน่ารักไม่น่าเชื่อ

นั่นเพราะคาแรกเตอร์ของทั้งคู่มีความเข้ากันได้ครับ มีความเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน รู้จักให้และรู้จักรับ การที่เหนือพูดน้อยก็จะทำให้เรารู้สึกว่าเขามี Alpha Male Characteristic แต่เช่นเดียวกันก็มีมุมหยอกล้อน่ารักๆ เช่นเดียวกันข้าวหอม ที่บุคลิกค่อนข้างเฮฮาหน้างง แต่ก็มีความน่ารักอยู่ในตัวเอง และเมื่อมาอยู่กับน้ำเหนือก็ทำให้กลายเป็นโมเมนต์ที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ชอบการสร้างบรรยากาศของคู่นี้มากครับ

ในส่วนของการบรรยายอย่างอื่น ผมคิดว่าใส่บทพูดเยอะไปนิดนึงนะครับ ฉากยังไม่ค่อยลื่นไหล แล้วก็บุคลิกของตัวละครอื่นยังมีมิติไม่มากพอ อาจจะเพราะใส่มาเร็วไปครับ ภายในเวลา 3 ตอน ถือว่ามีตัวละครที่เปิดตัวมาค่อนข้างเยอะ เลยทำให้อาจดูขาดๆเกินๆไปบ้าง อาจต้องปรับปรุงนิดหน่อย แต่เรื่องของคู่พระนางถือว่าทำได้ดีมากๆครับ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-06-2016 14:12:48
5

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


วันเสาร์

ผมมาทำงานในช่วงเช้าของวันรับออเดอร์ลูกค้าโต๊ะนู้นโต๊ะนี้  เก็บตงเก็บโต๊ะหลังจากที่ลูกค้ารับประทานเสร็จเพื่อต้อนรับลูกค้าใหม่เข้ามา    จนเวลาล่วงเลยมาเป็นบ่ายสามโมง...

“นี่ๆน้องข้าวจ้ะ” พี่แววเรียกผมครับ

“ครับพี่แวว”

“เพื่อนน้องข้าวคนเมื่อวานใช่ไหมคะ” ผมหันไปมองยังโต๊ะที่พี่แววชี้บอก 

“ครับ” ผมพยักหน้า

“พี่คิดว่าเขาจะกลับไปแล้วซะอีก  นี่ก็นั่งมาหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ร้านเปิดเลย”

“เหอๆครับ”   น้ำเหนือไงจะใครละ  ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มาก  ไม่มีเพื่อนคนไหนจะมาสถิตร้านที่ผมทำงานได้ทั้งเกือบทั้งวันแบบนี้หรอกครับ  เห็นนั่งหลายชั่วโมงแล้ว  จริงๆคิดว่ามาแค่แปบเดียวจะกลับแต่เปล่าครับยังอยู่

“แต่ก็ดีนะ  พี่จะได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ  แอร๊ยย  มีคนหล่ออยู่ในร้านพี่พร้อมทำงานเสมอๆ”  พี่แววยังคงเพ้อฝันต่อไป สาวๆในร้านเองก็เช่นกันมองน้ำเหนือแล้วพากันกรี๊ดกร๊าดใหญ่เลยครับ  บางคนก็เข้าไปนั่งคุยด้วย  บางก็ทำทีเป็นของหล่นต่อหน้าน้ำเหนือ  ผมเห็นละอยากจะตะโกนใส่หน้า  ‘รีบไปให้พ้นๆร้านเลย  อยู่อ่อยชาวบ้านเขารึไง’ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมไม่กล้าพอ ฮ่าๆๆๆ

“..ข้าว”  ผมหลุดจากภวังค์เมื่อมีคนเรียก  หันไปก็พบน้ำเหนือที่เดินตรงมายังผม

“มีไรหรอเหนือ?” ผมถาม

“กลับแล้ว”

“ห้ะ?”

“กลับบ้าน” อ้อ กลับบ้าน เออไปดิ  มาบอกทำไม

“เคๆกลับดีๆนะ” ผมบอก  รีบกลับไปเล้ยไป ชิ้วๆ อยู่อ่อยชาวบ้านเขาอยู่ได้  ไม่รู้รึไงว่าตัวเองหล่อ หึ่ย! นึกถึงแล้วขึ้น แต่เดี๋ยวนะไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยมาหวงเขาทำไม  ... ผมจึงสลัดความคิดนั้นทิ้งไป

“เป็นไรรึเปล่า?”

“อ๋อ  ไม่ๆพอดีผมมันปิดตา” ผมบอก

“..งั้นตัด”

“อืม  เดี๋ยวข้าวว่างก่อนคอยตัด  เหนือกลับบ้านได้แล้วไป”

“ไล่?” เปล่าเฟ้ย  เห็นสายตาคนมองไหม  แกนี่มันจะเด่นไปไหน  รู้สึกจะทนไม่ไหวแล้วเว้ย

“เปล่าไปได้แล้ว  จะทำงานต่อแล้ว” ผมบอกแล้วผลักหลังน้ำเหนือให้เดินไปยังประตูร้าน

“..ครับๆ” กว่าจะไปได้ เฮ้ออ  ผมหันไปมองสาวๆที่อยู่ในร้านตอนนี้ทุกคนมองตามน้ำเหนือตาละห้อย หึๆ อย่าหวังจะได้แอ้มน้ำเหนือละ  ฮ่ะๆ ทำงานต่อดีกว่า...

‘นี่ๆเด็กเสริฟคนนั้นกับผู้ชายที่หน้าหล่อๆคนเมื่อกี้เป็นอะไรกันน่ะ’

‘แกว่าเขาสองคนเป็นแฟนกันป่ะ’

‘ฉันว่าไม่เห็นควรกันเลย’

‘เป็นเกย์หรอเสียดายจัง’

‘กรี๊ดด..เป็นแฟนกันชัวร์!’

‘โอ๊ยย ฟินนน><’

บลาๆๆ

เสียงซุบซิบ หรือ แม้แต่พูดให้ได้ยินดังแว่วมากระทบเส้นประสาทหูผม  บ้างก็มองผมหัวจรดเท้าเหมือนดูถูกเหยียดหยาม  ทำไมว่ะ  หน้าอย่างกูจะมีแฟนหล่อไม่ได้รึไง โด่วว

“น้องคะ”

“ครับ  ต้องการสั่งอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ” ผมถามเมื่อมาหยุดยังโต๊ะของผู้หญิงสามคนที่เรียกผมเมื่อครู่นี้

“ไม่ได้จะสั่งค่ะ” ไม่ได้สั่งแล้วจะเรียกกูเพื่อ?

“ครับ?” ผมเลิกคิ้วถาม  แล้วเรียกกูไม

“ผู้ชายที่คุยกับน้องเมื่อกี้นี้อ่ะคะ”

“ทำไมหรอครับ”ผมถามอย่างสงสัย  ถามถึงน้ำเหนือทำไม  สนใจ?

“เขาเป็นอะไรกับน้องหรอคะ  เห็นคุยกันเหมือนสนิทสนม”

“คุณอยากรู้ไปทำไมหรอครับ?” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับ  ผู้หญิงคนนั้นชักสีหน้าใส่เล็กน้อย  แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเหมือนเดิม

“ก็แค่ถามดูอ่ะคะ”

“งั้นผมคงตอบไม่ได้  เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ขอโทษด้วยนะครับ” ผมบอกพร้อมโค้งอย่างมีมารยาทให้เล็กน้อยแล้วก็เดินจากมา  ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นตามหลังมาด้วย

“เหอะ ! คิดว่าฉันอยากรู้มากรึไง”

“...” เออมึงไม่อยากรู้เลยยายป้า  แล้วที่ถามกูเมื่อกี้มันอะไร  ไหนหน้าอยากจะรู้คำตอบนัก  ไม่บอกเว้ยปล่อยให้คิดเอาเอง  บอกไปเดี๋ยวกูมีคู่แข่งเพิ่มทำไง  ไม่ได้ๆ 




“ขอบคุณสำหรับวันนี้ขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยครับ  พรุ่งนี้พักผ่อนให้เต็มที่เจอกันวันจันทร์ครับ” พี่บาสเจ้าของร้านสุดหล่อใจดี  ช่วงนี้งานบริษัทคงว่างเห็นมาสถิตที่ร้านบ่อยขึ้น  ไอ้ผมที่คิดจะอู้หน่อยก็ไม่ได้  มันเซ็งตรงนี้แหละครับ

“ไอ้ข้าวกลับไงวะ” พี่บาส

“เดินกลับม้างงง” ผมตอบกวนๆ

“อย่ากวน  จะไปส่ง”

“เฮ้ยจริงดิพี่  ผมไม่เกรงใจนะ” ว่าแบบนั้นก็กระโดดขึ้นรถพี่เขาทั้งทีเลย  มีคนใจดีไปส่ง ประหยัดตังดีครับ วะฮ่าฮา

“เฮ้ออ” ถอนหายใจไมไหนบอกจะไปส่ง  เดะๆ ผมมองพี่บาสที่มานั่งประจำที่คนขับรถแล้วเรียบร้อย  ชะอุ้ยลืมบอกลาพี่ๆที่ทำงานด้วย ผมจึงเลื่อนกระจกรถลง

“ไว้เจอกันวันจันทร์ครับพี่ๆ  ฝันดีเน้อ จุ๊บๆ” ผมบอกพร้อมส่งจุ๊บฝันดีส่งท้ายให้  พี่ๆเขาแค่โบกมือลาแล้วก็หัวเราะผมเท่านั้น  ผมเลื่อนกระจกปิดแล้วพี่บาสจึงเคลื่อนรถออกไป  ผมจึงเปิดเพลงฟังคลอๆระหว่างทาง   ผมทำเหมือนเป็นรถตัวเองครับ  สบายๆ  พี่บาสก็ไม่ได้ว่าอะไร  ผมหลับตาฟังเพลงเพราะๆของคลื่นวิทยุไปเรื่อยๆ  ความเงียบในรถไม่ทำให้ผมอึดอัดอะไร

“..ข้าว”

“ครับพี่” ผมคานรับ

“เพื่อนแกดูเหมือนจะติดใจกาแฟร้านพี่จังนะ  เห็นนั่งทั้งวัน”

“งั้นมั้ง” ผมตอบอย่างขอไปที  รู้สึกง่วงจริงๆ  แอร์เย็นๆ  เพลงชิลๆ

“หรือว่าจะมาเฝ้าแกวะ หึ”

“จะมาเฝ้าผมทำไม” ผมขมวดคิ้วมองพี่บาสที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ฮัมเพลงตามคลื่นวิทยุที่กำลังเปิด

“ใครจะไปรู้” พี่มันเพียงแค่ไหวไหล่

“ขับรถไปเงียบๆเลยไม่ต้องพูดมาก” ผมว่า  นึกถึงคำพูดพี่บาสเมื่อกี้ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น  อาจจะแค่มานั่งกินกาแฟเฉยๆก็ได้  อย่างตอนที่น้ำเหนือยังจำผมไม่ได้ยังเคยมาเลย  พี่บาสมันบ้าคิดไรก็มีรู้  แต่...ถ้าเป็นแบบพี่บาสพูดจริง ผมก็รู้สึกดี อย่างน้อยน้ำเหนือก็คงจะมีใจให้ผมบ้างละวะ  เฮ้ย ! คิดไรวะ พอๆๆ พอเลยไอ้ข้าว

“ขอบคุณที่มาส่งนะพี่  ขับรถดีๆ บาย” ผมบอกลาพี่บาสก็เปิดประตูลงรถ  พี่บาสก็ขับรถออกไปทันที

“เฮ้ออ เหนื่อย ง่วงด้วย” แทบจะยืนหลับแล้วครับ  ปกติผมทำงานแต่ช่วงเย็นแต่เฉพาะวันเสาร์เท่านั้นทำทั้งวัน  เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ลูกค้าก็เยอะกว่าปกติ  จึงเหนื่อยเป็นเท่าตัว  อาบน้ำนอนดีกว่า...

ไลน์ !(เสียงข้อความไลน์)

ใครส่งข้อความมาวะ  ผมเปิดดูเป็นข้อความจาก..น้ำหนือ

‘พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ  เดี๋ยวไปรับ ฝันดีครับ’ ผมจึงตอบกับไป

‘ฝันดีเช่นกัน’

ผมเก็บโทรศัพท์เปิดเข้าไปในห้องเห็นไอ้เพื่อนร่วมห้องกำลังนั่งดูทีวีกินข้าวอยู่

“กลับมาแล้วหรอไอ้ข้าว”

“เออออ” ผมลากเสียงยาวว  อยากนอนแล้ว แต่ต้องอาบน้ำก่อน

“กินไรมายัง”  ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินไร  พอคิดแบบนี้ชักหิว

“ยังวะ  มึงกินไรกินด้วยดิ” ผมว่าแล้วเดินไปนั่งข้างๆมัน  มันยกชามขึ้นมาตรงหน้าผม

“อาหารเด็กหอ...มาม่า”

“กินตามาม่าตัวกูเหลืองละเนี้ย” แต่ถึงแบบนั้นผมก็กิน  แย่งไอ้ฮาร์ทด้วย ฮ่าๆๆ  พออิ่มก็นั่งเล่นเกมส์กับมันให้มาม่าย่อยก่อนที่จะลุกอาบน้ำเตรียมเข้านอน

“เออข้าว พรุ่งนี้ไปดูหนังกัน วันหยุดมึงใช่ไหม?”  ผมกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก็ต้องหันไปสนใจเพื่อนร่วมห้องที่นอนแชทกับสาวๆมันอยู่

“อืมหยุดแต่มีนัดแล้ววะ” ผมบอกพรางขยี้หัวไปด้วย

“นัด? นัดไรวะ ไมกูไม่รู้เรื่อง” จะรู้เรื่องได้ไงกูไม่ได้บอก 

“นัดกับเหนือ” ผมบอก

“ไอ้เหนืออะนะ”

“เออ” ผมแห้งซักที  ผมเอาพาไปตากแล้วกลับมาล้มตัวลงนอน  ง่วงครับ  พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าน้ำเหนือจะมารับตอนไหนยังไงคอยโทรถามพรุ่งนี้อีกที



หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-06-2016 14:13:34

วันอาทิตย์

ก๊อก ๆๆ

“อื้ออ..”

ก๊อก ๆๆ

“เชี่ยฮาร์ทไปเปิดประตูดิ” ผมงัวเงียบอกมัน

“...” เงียบ  ไม่มีเลขหมายปลายทางจากหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ

ก๊อก ๆๆ

“ไอ้ฮาร์ทโว้ย!!” ผมลุกขึ้นนั่งพร้อมปาหมอนใส่มันที่นอนยังไม่ตื่น  ประเด็นผมขี้เกียจลุกวันหยุดก็อยากจะตื่นสายๆ  ใครมันมากวนแต่เช้าวะ

“เหี้ยไรไอ้ข้าว” ตื่นแล้วครับ มันตื่นแล้ว

“ไปเปิดประตูดิ๊..” ว่าจบผมก็ล้มตัวลงนอนคลุมโปงต่อ

“แม่งตัวเองตื่นก่อนยังใช้กู..แล้วใครเสือกมาแต่เช้าวะ” ได้ยินเสียงไอ้ฮาร์ทบ่นงึมง่ำฟังไม่ได้ศัพท์

ก๊อก ๆๆ

“โว้ย รู้แล้วเคาะหาพระแสงอะไรไหนหนาวะ!...อ้าวไอ้เหนือ”  โว้ยย มึงจะโว้ยทำไมเสียงดังไอ้เหี้ยฮาร์ทกูจะนอน ฮึ่ย!

“เงียบหน่อยได้ไหมจะนอน!!!” ผมตะโกนลั่นห้องทั้งๆที่ตายังปิดอยู่  แต่เดี๋ยวนะประโยคท้ายของไอ้ฮาร์ทเหมือนได้ยินชื่อคุ้นๆ  อะไรเหนือๆนะ  ผมลืมตาเพื่อความแน่ใจ และแล้วก็เป็นอย่างที่คิด...น้ำเหนือมาอยู่นี่ได้ไงวะ?

“อรุณสวัสดิ์ข้าว”

“อ..อะ อรุณสวัสดิ์” มึน งง  นี่มันอะไร  เคยรู้สึกใช่ไหมครับตื่นขึ้นมาด้วยความมึน  ผมกระพริบตาปริบๆมองบุคคลที่สามของห้อง 

“มาไมแต่เช้าวะ” ไอ้ฮาร์ทเป็นคนถามครับ มันเปิดประตูให้น้ำเหนือเข้ามาในห้องแล้ว  ส่วนผมยังอยู่ที่เดิม..บนเตียง

“มารับข้าว”

“ตั้งแต่เจ็ดโมงเนี้ยนะ!” ไอ้ฮาร์ทมันถาม   เออผมก็คิดว่ามันเช้าไปเล้ย  นี่ปกติไม่บ่ายผมไม่ตื่นนะเว้ย

“อืม..” เอ่อ..กูยังไม่อยากห่างจากเตียงอันเป็นที่รักเลย มาเช้าไปไหมพ่อคูณณณณณณ

“แล้วจะไปไหนกัน  กูไปด้วยดิ  ไปดูหนังกันป่ะพวกมึงจะไปกันสองคนกูไม่ยอมหรอกเว้ยกูจะไปด้วย  ไอ้ข้าวกูไปด้วยนะ”  อ้าวมาถามกูทำไมถามเพื่อนมึงนู้นนนน

“ถามเหนือดิ  กูแล้วแต่คนขับรถ” ผมบอก  น้ำเหนือหันมามองผมสลับกับไอ้ฮาร์ท  คงกำลังคิดว่าจะเอาไง

“..แล้วแต่ข้าว” เอ้า มาแล้วแต่กูอีก  เกลียดอะไรที่ต้องมาให้ตัดสินใจจริงๆ อุตสาโบ้ยไปทางนั้นแล้ว  โอเคกูตอบเองก็ได้

“จะไปก็ไปดิ  แต่มึงต้องเลี้ยงกูกับเหนือนะ”

“ไอ้งก!”

“เหม็นปากวะไอ้ฮาร์ทไปอาบน้ำแปลงฟันไป” ผมไล่มันไปอาบน้ำ  จริงๆก็ไม่ได้กลิ่นอะไรหรอกครับ  มันยืนห่างจากที่ผมนอนตั้งเยอะแค่อยากกวนมันเฉยๆ

“สัส !”  ผมไหวไหล่ไม่สนใจล้มตัวลงนอนต่อรออาบน้ำต่อจากมัน

“...” พอไอ้ฮาร์ทเข้าห้องน้ำห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจากที่ผมนอนก็ต้องลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงจ้องคนในห้อง

“เอ่อ..ชวนพวกไอ้เวฟกับไอ้เพียวไปด้วยได้ไหม”

“..อืม”

“โอเค” ผมกดโทรศัพท์ไปหาไอ้เวฟคนแรก  รอสายซักพักมันก็รับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

(โหล!!) ฟังจากเสียงก็รู้ว่าหงุดหงิดแค่ไหน  กูไม่ได้ตั้งใจจะโทรไปหามึงแต่เช้านะเว้ยย  ขอโต๊ดดด

“กูเองนะข้าว  วันนี้มึงว่างป่ะไปดูหนังกัน” ผมบอก

(เออๆๆกี่โมง)

“เออแล้วกี่โมงวะ  แปบนะ”

(เชี้ยไรของมึงเนี้ย เออเร็วๆ) ผมละมือจากโทรศัพท์ลงแล้วหันไปถามน้ำเหนือที่นั่งอยู่บนเตียงผม  บนเตียงผม  มาตอนไหนวะ  แล้วมานั่งนี่ตอนไหนไมกูไม่รู้เรื่อง  ช่างเถอะๆ

“คือข้าวจะถามว่าเราจะออกไปตอนกี่โมง” ผมถาม

“..ข้าวอาบน้ำเสร็จ”

“...” ผมนั่งนึกถ้าผมอาบน้ำเสร็จก็ไม่น่าจะนาน  นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงไอ้ฮาร์ทออกมาผมก็เข้าต่อ  ไม่น่าจะเกินแปดโมงครึ่ง  แต่เวลานี้ห้างมันจะเปิดแล้วหรอว่ะ

(ไอ้ข้าวยังไง  เร็วๆกูง่วงจะนอนต่อ) เสียงไอ้เวฟดังลอดออกมาให้ได้ยิน

“ซักสิบครึ่งแล้วกัน เจอกันที่ห้างXX” ผมนัดแนะเวลาพร้อมสถานที่มันเรียบร้อยมันก็ตัดสายไป

“..สิบครึ่ง?” น้ำเหนือถาม

“อืม  ตอนนี้เช้าไปห้างคงยังไม่เปิด” ผมบอก

“...” แล้วก็เงียบ  เดาอารมณ์ไม่ได้จริงๆ  คือน่าจะพูดอะไรให้มันมากกว่านี้หน่อยได้ไหม  คืออยากรู้ว่ากำลังคิดอะไรเว้ย

“โหลไอ้เพียวตื่นยัง” ไม่อยากให้เงียบผมจึงโทรหาเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ไม่รู้ทำอะไร  นอนยังไม่ตื่น หรือว่ายังไม่นอน

(มีไรไอ้ข้าว  กูกำลังขับรถอยู่) ไอ้เพียวตอบ

“มึงขับรถไปไหนแต่เช้าว่ะ”  ผมถาม

(พอดีเพิ่งเสร็จกิจวะ กำลังจะกลับคอนโด) เพิ่งเสร็จกิจ เหอะๆ  นี่มันเล่นกันยันเช้าเลยหรอ

“เอ้ออ ระวังเหอะโรคจะถามหามึง”

(กูป้องกันดีเว้ย  ว่าแต่โทรมาแต่เช้ามีไร)

“จะชวนไปดูหนัง  ไอ้เวฟก็ไป ไอ้ฮาร์ทและน้ำเหนือ” 

(จะไปเดทกันสองคนไม่น่าเอาพวกนั้นไปด้วยนะ) มันว่าเสียงกลั้วหัวเราะ  แซวกูได้แซวกูดีนะไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี

“เรื่องของกู  เจอกันสิบครึ่งที่ห้างXX ห้ามเลทนะมึง แค่เนี้ยเปลื้องตังกู” ผมตัดสายมันทิ้งทันที  ไม่อยากเสวนากับมันมากเดี๋ยวแม่งหาเรื่องแซวไม่เลิก
.
.

สิบโมครึ่งห้างXX

ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้างแล้วครับ  ผม น้ำเหนือและไอ้อาร์ทนั่งกินไก่เคเอฟซีรอพวกไอ้เพื่อนที่นัดแนะให้มาเจอกันที่นี่  มีมาเพิ่มคือเพื่อนของน้ำเหนือกับไอ้ฮาร์ท คือจิมและโดม

“ชิ้นนี้ของกูอย่ามาแย่ง”

“ของกูไอ้ข้าวของจองแล้ว”

ตอนนี้เกิดศึกชิงหน่องไก่กันครับ  ผมกับไอ้ฮาร์ททำสงครามกันอยู่  ผมมองชิ้นนี้ตั้งนานแล้วกะจะเอาไว้กินตอนท้ายแต่ไม่ฮาร์ทสิครับอยู่ๆ
ก็จะมาแย่งไก่ผม  ไม่ยอมหรอกเฟ้ยย  ฆ่ากูให้ตายกูก็ไม่ยกไก่ชิ้นนี้ให้มึงเด็ดขาด

“มีตั้งหลายชิ้นมาแย่งกูทำไม”ผมว่าพร้อมกับเอาส้อมจิ้มตัวหน่องไก่ชิ้นนั้นไว้

“มึงสิแย่งกู  เอาชิ้นอื่นไปเส่!” ใช่เรื่องหรอ กูจิ้มก่อนกูควรได้

“มึงก็แดกชิ้นอื่นไปเส่!”

“ชิ้นนี้อร่อยกว่ากูรู้ ไอ้ข้าวปล่อย!”

“ไอ้ฮาร์ทมึงสิต้องปล่อยของกู”

“..จะแย่งกันทำมายยย  กูกินเองชิ้นนี้”

“อ๊ะ ! ไอ้เหี้ยเวฟ!!”

“แม่ง!” ผมกับไอ้ฮาร์ทถึงกับสบถพร้อมกันเมื่อหน่องไก่ที่เราสองคนยื้อยุดกันอยู่นานได้เข้าไปในปากไอ้เวฟเรียบร้อยแล้ว 

“โอ๊ย! ไอ้ข้าวตบหัวกูทำไมวะ” ผมพูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวไก่ในปากอยู่  รู้ไหมกูต้องตีกันกะไอ้ฮาร์ทเพื่อชิ้นนั้น

“อยาก!” ผมตอบมันกอดอกมองเคืองๆ มันยังมีหน้ามายิ้มหน้าระรื่นอีก

“ดีไอ้ข้าว ไอ้เหนือ ไอ้ฮาร์ท” ไอ้เพียวเอ่ยทัก

“..อืม” น้ำเหนือ

“ไม่ดีเว้ย!” ยังเคืองเรื่องไก่อยู่ครับ

“เออๆๆดีๆๆ” ไอ้ฮาร์ท

“ไงสหาย..” และก็มีจิมกับโมมาสมทบ  มาครบก๊วนแล้วครับ  ก็นั่งกินคุยกันซักพักก็พากันขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นส่วนของโรงหนัง  เราเลือกดูหนังผีครับ  สดๆร้อนๆเลย คอนเจอริ่ง2  ผมนั่งกลางนะครับ  ไม่ยอมนั่งข้างเด็ดขาด ฮ่าๆๆ กลัวครับ แต่ก็ชอบดูหนังผี  ไม่รู้ทำไม  สงสัยผมจะโรคจิต  คนที่นั่งริมจะมีสองคนใช่ไหมครับ  ริมฝั่งขวาจะเป็นไอ้เวฟเพราะมันจะเต๊าะหญิงที่มาคนเดียว  ดุความคิดมันสิครับ  ถัดมาจะเป็นไอ้เพียวก้อารมณ์คล้ายๆกับไอ้เวฟเลยครับเต๊าะสาวที่นั่งข้างไอ้เวฟ  และเดี๋ยวอีกซักแปบมันก็จะตีกัน  ถัดมาอีกก็เป็นไอ้ฮาร์ท  ผม  น้ำเหนือ จิม  และริมฝั่งซ้ายนั่นจะเป็นโดม

“เหี้ย!” ผมสะดุ้งเมื่อมีฉากที่ผีปู่แก่ๆพุ่งมา  ขงขานี่ยกขึ้นมาอยู่บนเก้าอี้เลยครับ เสียงซาวเอฟเฟ็คก็น่ากลัว  สังเกตคนข้างกายไม่มีอาการตื่นกลัวแบบผมเลย  ทำไมมีแค่ผมคนเดียว  ไอ้ฮาร์ทนี่นั่งขำผมครับ  ส่วนน้ำเหนือนั่น  ตายอย่างสงบ เอ้ย ! ไม่ใช่คือนั่งนิ่งมากกครับ  เหมือนกับหุ่นที่ไม่มีชีวิต

“เชี้ย!” และเสียงผมก็เกิดอีก  หนังเรื่องนี้ทำผมหลอนแรงมาก  ผมหลอนตรงผีแม่ชีนี่สิ  เจ้แกมานิ่งๆแต่เล่นหลอนไปตามๆกัน  ... จนหนังจบ  ทุกคนลุกขึ้นเดินออกจากโรง  ผมว่าผมดูไม่คุ้มเงินที่เสียไปเลยครับ  ปิดตาแทบทั้งเรื่อง ฮ่าๆๆ แต่ถึงแบบนั้นภาพมันก็ยังติดตาผมนะครับ


“สนุกไหมข้าว?” น้ำเหนือที่เดินข้างผมถาม  ผมยิ้มเจื่อนเมื่อพูดถึงหนังที่เพิ่งดูจบไปเมื่อครู่

“สนุก..มั้ง”ผมตอบ

“โอ๊ยยไอ้เหนือมึงก็ถามมันได้ กูเห็นแม่งนั่งปิดตาทั้งเรื่อง ฮ่าๆๆ”  ไอ้ฮาร์ทเสือกจริงนะมึง  น้ำเหนือถามกูเฟ้ย

“ไอ้ข้าวมันก็เป็นแบบนี้แหละมึง  กลัวแต่ก็ชวนดุหนังผีตลอด” ไอ้เพียวเสริม

“เออแม่งรู้ว่ากลัวแล้วยังเสือกดู” ไอ้เวฟถมต่อ ใช่เส่! ไอ้พวกไม่กลัวอะไรเลย เหอะๆ  อย่าให้กูรู้จุดอ่อนพวกมึงนะจะล้อสามชาติสิบชาติ
เลย

“เหนืออย่าไปฟังพวกหมามันเห่าหอนเลยเราไปร้องเกะกันดีกว่า” ผมเหล่มองพวกมันก่อนที่จะจับแขนน้ำเหนือลากไปยังโซนคาราโอเกะ

“อิข้าวอย่ามาแย่งไมค์ฉันสิย๊ะ!” ไอ้เวฟมันจีบปากจีบคอทำท่าเป็นตุ๊ดอีกแล้วครับ  ตลอดดเลยครับ  มาคาราโอเกะที่ไรผมจับไมค์ได้ไม่ถึงสองเพลงก็ถูกแย่งจากไอ้เพื่อนเวรนี่ตลอด  เป้นอันว่าผมต้องไปนั่งฟังเพลงที่มันจะหอนให้ฟัง

“เอาเพลงนี้มึงๆๆ รักน้องปีหนึ่ง  ไอน้ำๆ” ไอ้จิมบอกไอ้เวฟ

“เก่าไปป่ะมึง บ่งบอกอายุมาก” ไอ้ฮาร์ท 

“เออน่ากูชอบ  เข้าบรรยากาศตอนนี้ดีไม่ใช่หรอว่ะ  เราปีสองไปเต๊าะเด็กปีหนึ่งเอาเพลงนี้ไปจีบติดชัวร์” ไอ้จิมยังคงพูดต่อ มึงมั่นใจว่าจะติด  แต่ก็ไม่แน่  วิศวะแหล่งรวมผู้ชายหน้าตาดี ไอ้จิมเองก็ใช่ว่าจะไม่ดีอะไร  แต่ที่สุดคงเป็นน้ำเหนือ รองมาก็ไอ้ฮาร์ทละวะ  นี่ไม่ได้อวดเพื่อนตัวเองนะครับ

“โอเคจัดปายยย  ไอ้เพียวมิวสิค!” ไอ้เวฟมันบอกพร้อมทำท่าขอมิวสิคมัน  ตามคำขอดนตรีเพลงรักน้องปีหนึ่งดังขึ้นก็เริ่ม

“โอ้แม่นวลน้องเนื้อทองจ๊ะ เธอคือนางฟ้าหรือนางไม้
หล่นมาจากทิพย์วิมานไหน ทำไมช่างโสภี
ทรวดทรงองค์เอวงามบาดตา โอ้ยหยาดจากฟ้ามาสู่ดิน
ถ้าเฉียดพระอินทร์คงเพ้อรำพันว่าโดน
ได้สบตาซึ้งแค่หนึ่งครั้ง ดั่งถูกมนต์ขลังให้ชะงัก
อยากไปแจ้งความที่โรงพัก เจอคำรักพุ่งชน
บาดเจ็บข้อเท้าระบมนัก เพราะตกหลุมรักยี่สิบหน
เหลืออดเหลือทน ต้องเผยความในหัวใจ”  ไอ้เวฟเริ่มสเต๊ปแร๊ปท่อนพี่ใหม่ครับ  อย่างฮา ฮ่าๆๆ  ส่วนท่อนฮุคนั้นจะเป็นจิมครับ มันแบ่งเนื้อร้องกันเรียบร้อยครับ

“อยากบอกคนดีว่าพี่ปีสอง รักน้องปีหนึ่งจังเลย
โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉลยว่าถ้าพี่จีบจะถีบพี่ไหม
อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ให้มันอยู่ที่น้องคนเดียว” และมันสองตัวก็เต้นด้วยร้องด้วย  จนไม่ได้ฮาร์ทมันบอกไม่ไหว  มันเลยไปแจมด้วย  ต่อไปก็ไอ้โดม  ไอ้เพียว  ส่วนผมหรอนั่งกับน้ำเหนือสองคนครับแต่ก็ร้องตามไปด้วย  จริงๆอยากจะลุกไปร่วมด้วยนะครับแต่เกิดอาการอายถ้าผมไปเต้นท่าประหลาดอย่างพวกไอ้เวฟ  ก็ถ้าอยู่กับไอ้เพียวไอ้เวฟไอ้ฮาร์ทผมไม่อายหรอก  แต่ตอนนี้น้ำเหนืออยู่ด้วย  หน้าเลยบางนีสหนึ่งงง!!  จนมาถึงท่อนสุดท้ายก่อนจบเพลงมันคันปากยิกๆ  ไม่ได้ลุกก็ร้องร่วมแม่งตรงนี้แล้วกัน

“อยากบอกคนดีว่าพี่ปีสอง รักน้องปีหนึ่งจังเลย
โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉยว่าถ้าพี่จีบจะถีบพี่ไหม
อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ให้มันอยู่ที่น้องคนเดียว

พี่ปีสองรักน้องปีหนึ่ง พี่ปีสองรักน้องปีหนึ่ง
พี่ปีสองรักน้องปีหนึ่ง” ท่อนนี้เราร่วมกันร้องเสียงดังทุกคน ยกเว้นน้ำเหนือที่นั่งตบมือตามเฉยๆ เอออย่างน้อยมันก็มีส่วนร่วมหน่อย ฮ่าๆๆ

“ข้าว”

“ว่าไง?” ผมหันมาสนใจน้ำเหนือแทนพวกนั้นที่กำลังแย่งไมค์จะร้องเพลงต่อไป

“ไม่ร้องหรอ?” เหนือถาม

“อยากนะ  แต่คงแย่งไมค์จากพวกนั้นไม่ได้ ฮ่ะๆ” ผมตอบแล้วมองพวกมันทั้งห้ากำลังเป่ายิงชุ๊บกันว่าใครจะได้ไมค์  คือมีไมค์แค่สองตัวครับ  มันต้องสลับกันร้อง

“ไอ้เหี้ยเพลงนี้เลย  อารมณ์กูตอนนี้”ไอ้เวฟบอก

“เพลงไรวะเวฟ”

“เด็กพี่มีชู้  สัส! ตรงกูตอนนี้เลย” ไอ้เวฟยังคงพูดต่อ

“มึงใช่ไหมที่เป็นชู้  ผัวน้องเขาจับได้อ่ะดิ” ผมว่า

“อีข้าวมึงนี่นะรู้ดีจริงๆ” ไอ้เวฟโดนตุ๊ดเข้าสิงอีกแล้วครับ

“กูฉลาดไงอิตุ๊ดเวฟ”

“ฮ่าๆๆๆ” จากนั้นก็เกิดเสียงฮาลั่นห้องเมื่อผมพูดจบประโยค

“ต๊าย! ว่าใครตุ๊ดย๊ะ แล้วขำอะไรกันเนี้ยห้ะ  เดี๋ยวก็จับเป็นผัวซะหรอก ผัวขา” แล้วไอ้เวฟมันก็วิ่งเข้าไปกอดไอ้ฮาร์ททำท่าจะจูบด้วย  หยอกกันเสร็จก็กลับมาร้องเพลงเหมือนเดิม  เชื่อไหมครับมันร้องเพลงของไอน้ำทั้งอัลบัมเลย

“ไอ้ข้าวมึงมาร้องเป็นเจ้ตั๊กแตนคู่กูหน่อย” ไอ้ฮาร์ทครับมันลากผมให้ไปร้องคู่มัน เพลงที่ร้องคือเพลงภูมิแพ้กรุงเทพ  แต่ทำไมผมถึงได้ร้องเสียงผู้หญิงวะ  เอาเถอะอย่างน้อยผมก็ได้จับไมค์  ผมจึงลุกไปร้องกับมัน

“ไอ้ข้าวดัดเสียงด้วย  มึงร้องท่อนเจ้เขาแมนไป  เอาใหม่ๆ” ไอ้เวฟมันบอก  ดุจะสนุกที่ได้แกล้งผมจริ๊งง  มันนั่งขำเสียงผมที่ดัดกัน

“ไอ้ข้าวเสียงเหมือนควายออกลูกเลยวะ อ่าๆๆ” ไอ้เวรเพียวเดี๋ยวมึงจะโดน พวกมันขำผมอ่ะครับ  ไม่เว้นแม้แต่น้ำเหนือยังหลุดมาดขำผมไปตามมันเลย  แล้วก็ตามเพลงสนุกๆไปอีกหลายเพลง  อย่างโสดกะปริบกะปรอย  ร้องโดยไอ้เวฟ  และแดนเซอร์ร่วมวงก็พวกผมหกคนนี่แหละ  ท่านผู้ชมมีเพียงคนเดียว  น้ำเหนือไงจะใครละ  ตามด้วยเพลงแว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว  แค่ดนตรีขึ้นก็มันส์แล้วครับ  เพลงนี้ร้องโดยไอ้จิมแอนไอ้เวฟ  รู้สึกไอ้เวฟจะจับไมค์ทุกเพลงและเสือกร้องได้ทุกเพลงด้วยนะครับ  พอท่อนผู้หญิงมันก็ยื่นไมค์มาให้ผมร้อง  ไอ้ผมจะขัดมันก็กระไรอารมณ์กำลังมา

“ใหญ่จริงไหมคะพี่ขา ถึงเร็วจริงๆอะป่าว อ่ะ! สะใจน้องจะอยู่ยาว  เป็นสก๊อยสาวของพี่คนเดียวนะ !! ” ผมร้องพร้อมกับดัดเสียให้ดูกระแดะตามต้นฉบับ

“ไอ้เหนือร้องบ้างดิ  กูเห็นมึงนั่งสงบนานละ เอ้าไมค์ เพลงไรเดี๋ยวกูเลือกให้เอง” แล้วมึงจะพูดเพื่อไรไอ้โดมถ้ามึงบอกจะเลือกเพลงให้มันเองนะห้ะ

“...” น้ำเหนือ

“งั้นเอาเพลงนี้ละกันร้องนะเว้ย  ไม่งั้นกูเลิกคบ”แล้วไอ้โดมมันก็กดเลือกเพลงให้  พอดนตรีขึ้นมาเท่านั้นแหละแทบกลั่นขำไว้ไม่อยู่

“...”น้ำเหนือยังคงเงียบ

“ร้องตามเนื้อเพลงเลย  มันไม่ยากหรอกเพลงนี้” ไอ้จิมพูดเสริม  แล้วเนื้อร้องก็ขึ้นมาน้ำเหนือจึงร้องตาม

“ไก๊ไก่ ไก๊ไก่ ไก๊ไก่...”  เสียงนิ่งๆร้องค่อมจังหวะ  จะดูผิดๆถูกๆ  บางคำก็เพี้ยน

“วะฮ่าๆๆ กูไม่ไหวแล้ว  เหี้ย!”ไอ้เวฟ

“โอ๊ยยแค่ท่อนแรกกูก็ขำแล้ว”ไอ้เพียว

“ท้องกูแข็งแล้วไม่ไหว ฮ่ะๆ” ไอ้จิม

“ไก๊ไก่ ไก๊ไก่...ฮ่าๆๆ”ไอ้ฮาร์ทเลียนแบบเสียงและท่าทางของน้ำเหนือ

“ไอ้เหนือมันมีพรสวรรค์จริงๆ ฮ่าๆๆ กูช๊อบบ!!” ไอ้โดมมันบอกปรบมือรัวๆ

“ฮ่าๆๆ โอ๊ยยเหี้ยย กูจุกท้องชิบ !” ผมถึงกลับนอนกลิ้น  ไม่ไหวครับขำมาก  แล้วดูหน้าน้ำเหนือตอนที่พวกผมกำลังขำนะครับ  นิ่งมาก  แต่ก็ดูจะมึนๆงงๆอยู่บ้าง  พวกผมก็ขำจนเหมือนกับคนบ้าอยู่ศรีธัญญาประมาณนั้นเลย

“ตลก!” น้ำเสียงกดต่ำเย็นชาพูดขึ้น   คราวนี้ขำกันไม่ออกเลยครับ  น้ำเหนือเปิดประตูแถมปิดมันดังด้วย  ท่าทางจะโกรธจริงครับ  พวกผมจึงหันมามองหน้ากัน  ตอนนี้ทั้งห้องเงียบกริบ..ชนิดได้ยินเสียงหายใจของกันและกันเลยครับ

“มึงนั้นแหละเลือกเพลงไรให้มันร้องเห็นไหมมันโกรธเลย”ไอ้จิม

“เชี้ยไร  มึงบอกให้กูเลือกห่า”ไอ้โดม

“พวกมึงจะเถียงกันทำไมวะ  ไปดูมันดิ” ไอ้ฮาร์ท

“กูขอไม่ไปวะ  เวลาไอ้เหนือโกรธแม่งน่ากลัว” ไอ้จิมว่าพร้อมทำท่าขนลุก

“กูไม่สนิทกับมันนะ” ไอ้เพียว

“กูด้วย!” ไอ้เวฟเสริม

“เป็นไอ้ข้าวไง  รู้จักกันมาก่อนไม่ใช่หรอ” อ้าวโยนขี้มาให้กูวะงั้น  ไอ้เพียวนะมึง  จำไว้

“เออกูเห็นด้วย  ไอ้ข้าวไปเลยๆๆ” 

“ไอ้พวกเหี้ยโยนขี้มาให้กูเฉย!”  ผมจำใจต้องเดินออกไปตามน้ำเหนือที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน  ผมเดินออกมาห่างจากส่วนคาราโอเกะก็เห็น
หลังแวบๆของน้ำเหนือ  ผมจึงเดินเข้าไปหาก็เห็นว่าเป็นน้ำเหนือจริงๆแต่ว่าน้ำเหนือไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว...

“..เหนือ” ผมเรียกอีกคนเสียงเบา  น้ำเหนือหันมามองผมเล็กน้อยแล้วก็หันไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะเดินมาหาผม

“...” ผมมองน้ำเหนือที่มายืนอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะเบนสายตาไปมองผู้หญิงคนที่คุยกับน้ำเหนือเมื่อกี้ที่ตอนนี้ก็ยังไม่ไหน

“เมื่อกี้ขอโทษนะ  โกรธหรอแค่ขำๆเอง” ผมบอกอย่ารู้สึกผิด

“...” น้ำเหนือไม่ตอบเพียงแค่มองหน้าผมนิ่งๆ  นิ่งมากจนผมหวั่นใจ

“เอ่อ..กลับไปข้างในเถอะ  พวกนั้นรออยู่” ผมบอก

“...” หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...  อย่าเงียบดิวะ  กูทำตัวไม่ถูกนะเนี้ย

“..เหนือ” ผมเรียกอีกคนเสียงแผ่ว โกรธจริงหรอวะเนี้ย  ขอโทษแล้วไง หรือไม่ก็บอกว่าโกรธดิวะ  ไม่ใช่เอาแต่เงียบแบบนี้

“เข้าข้างในกัน” ผมว่าจบก็จับแขนน้ำเหนือพาเดิน  แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวมือที่จับก็ถูกสะบัดออก ผมชะงักกึกค่อยๆหันไปมองหน้าน้ำเหนือที่นิ่งกว่าตอนแรกมาก  ผมรู้สึกอึดอัดกับสายตาของน้ำเหนือตอนนี้  สายตาเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน

“...”

“นะ เหนือ..” ผมเรียกอีกคนไม่เต็มเสียง

“เหนือคะ  คุยกันเสร็จยังคะหวายรอนานละนะ” ผู้หญิงคนที่ยืนกับน้ำเหนือเมื่อครู่เดินเข้ามาพร้อมกับควงแขน

“อืม”  อะไรวะที่กับกูไม่พูดแม่ง  เหอะ ! แล้วยัยนี่ใครว่ะ

“ใคร?” ผมถามน้ำเหนือสายตาก็จ้องผู้หญิง

“...” เงียบ   ผมจึงหันมามองน้ำเหนืออีกครั้ง

“ไปเถอะคะเหนือ  หวายหิวแล้ว”

“อืม”   ผมมองน้ำเหนือที่กำลังเดินจากไปกับผู้หญิงคนนั้น  ทิ้งกันแบบนี้เลยหรอวะ  มากับเพื่อนแต่พอมีผู้หญิงก็ไปกับผู้หญิงแบบนี้หรอวะ  อย่างจะกระชากน้ำเหนือกับผู้หญิงคนนั้นออกจากกันจริงๆ  แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกันกับน้ำเหนือ  ผมเป็นแค่เพื่อนที่พ่วงมาด้วยคำว่าสนิท  คิดแบบนี้ทีไร  แม่ง!! ... เจ็บวะ! 



TBC.

ตอนที่5 มาแล้ววว เป็นยังไงก็คอมเม้นมานะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 30-06-2016 17:16:00
อ่าวเห้ย เหนือทำงี้ได้ไง มีสะบัดด้วยเดี๋ยวเหอะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 30-06-2016 18:06:01
เหนือจะนิ่งไปไหนคะ นิ่ง นิ่ง นิ่ง เป็นอะไรก็ไม่พูด เหอะ !!  ให้เหนือคะ  :z6:
สงสารนู๋ข้าวววว
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: superkim2 ที่ 30-06-2016 19:26:07
เหนือเอ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มาต่อไวๆนะครับ สนุกดี   :laugh:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 30-06-2016 20:46:52
มันสนุกอ่ะ ชอบมารออ่านต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : EP.5 #By : Cencer [30/06/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-06-2016 21:32:48
พี่บาส ชอบข้าวแล้ว :hao3:
เหนือ มาเฝ้าข้าวที่ร้านกาแฟหลายชั่วโมง คิดยังไงกับข้าว?
เหนือ ชวนข้าวเที่ยวคนเดียว แถมมารับแต่เช้า :katai2-1:
แต่ไปๆ มาๆ เป็นโขยงเลย
ดูว่าใกล้กันแล้วนะ เหนือ ข้าว
แล้วจะดีกันยังไง? :katai1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : ตอนที่6(น้ำเหนือพาร์ท)#By : Cencer[01/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 01-07-2016 13:20:00

6

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


น้ำเหนือ พาร์ท



“ไปเถอะคะเหนือ  หวายหิวแล้ว”

“อืม” ผมขานรับก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับหวาย  หนึ่งในผู้หญิงที่ผมคุยด้วย  แต่ก็อย่าได้สนใจเลยครับผมไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับเธอ(ก็แค่คุย)ไม่ได้เป็นแฟน ... ผู้หญิงที่คุยกับผมจะรู้กฎข้อนี้ดี

...ห้ามก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม

...ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของ  อย่างที่ผมบอกแค่คุย(ไม่ได้คบ)

ห้าม...

มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างแต่ในเมื่ออยากจะคุยกับผมคงต้องทำใจยอมรับในกฎข้อนี้   

“เหนือคะคนเมื่อกี้ใครหรอคะ?” ผมมองคนถามนิ่งๆ ก่อนตอบ

“เพื่อน..” ผมตอบ

“หรอคะ  เพื่อนคนนี้ทำไมหวายไม่เคยพบเลยคะ คนละกลุ่มหรอ” เธอยังคงถามผมต่อ

“อืม” 

“แล้วเมื่อกี้มีอะไรกันคะ  ไปคุยกันตั้งนาน  แบบนี้มันน่างอนนัก” เธอทำท่างอนๆผม  ซึ่งทำไปเถอะผมไม่สนใจหรอก  ผมไม่ชอบเอาใจใคร  แค่ที่มากินข้าวด้วยก็สุดๆแล้ว  แต่ถ้ามากกว่านั้นก็คงจะเป็นเรื่องเซ็กส์

“...” ผมไม่ได้ตอบแค่เดินต่อไปเรื่อยๆ 

“จะไม่ง้อหวายหน่อยหรอคะเหนือ” ผมหยุดเดินแล้วหันมามองเธอพร้อมสลัดแขนที่เธอจับให้หลุดออก  คนยิ่งหงุดหงิดมาเจอคนงี่เง่าแบบนี้ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน

“...รำคาญ” ผมว่าแล้วเดินออกมา  คิดแล้วก็หงุดหงิด ตอนแรกผมกะจะเดินออกมาเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองเท่านั้น  ผมก็ไม่เข้าใจมีอะไรน่ากันนัก  ให้ผมร้องผมก็ร้องแล้วไง  พอผมร้องเสือกขำกัน มันน่าตลกนักรึไงว่ะ  ผมจึงออกมาข้างนอกแล้วก็เจอหวายเธอชวนผมไปกินข้าว  ผมยังไม่ได้ตอบอะไร  แต่พอเห็นข้าวมาเรียกผมจึงบอกให้เธอรอผมจะไปกับเธอ  ผมจึงเดินไปหาข้าวที่เรียกผม ผมไม่ได้พูดอะไรแค่มองข้าวนิ่งๆเท่านั้น  ข้าวมองที่ผมก่อนที่จะเบนสายตาไปมองข้างหลัง ผมรู้ว่าข้าวคงจะถามว่าใคร?  แต่กลับบอกขอโทษผม  และให้ผมกลับไปข้างในเพราะเพื่อนๆรออยู่  ตอนนั้นผมกลับสะบัดแขนออกทำให้ข้าวหันกลับมามองเหมือนไม่เข้าใจ  ผมมองหน้าข้าวนิ่งๆ  อาจจะดูเย็นชาไปเลยก็ได้  ผมไม่ได้โกรธ  แต่น้ำเสียงของข้าวที่เอ่ยเรียกผมเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินและใบหน้าที่เจื่อนลงเรื่อยๆ  มันทำให้ผมรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับข้าวไป  และหวายก็เข้ามาข้าวถามว่าเธอเป็นใคร  ผมไม่ได้ตอบแต่เลือกที่จะเดินออกมาพร้อมเธอและไม่ได้หันกลับไปมองข้าวที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเดินกลับเข้าไปเข้าในรึยัง

Rrrrrr Rrrrrr

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายโดยทีไม่ได้มองว่าใครเป็นคนโทรมา

“อืม”

(ไอ้เหี้ยเหนือมึงอยู่ไหนห้ะ  ไปไหนทำไมไม่บอกพวกกู!)   เป็นไอ้ฮาร์ทครับที่โทรมา  ระเบิดได้แบบมันไม่ใช่ไอ้จิมกับไอ้โดมแน่นอน

“...” ผมตอบกลับไปแค่ความเงียบ

(ไอ้สัส!  มากับเพื่อนแล้วหนีไปกับหญิงมันใช่หรอวะ  อีกอย่างกูมารถมึงนะไอ้ฟาย  จะทอดทิ้งเพื่อนอย่างกูได้ไง  มึงต้องรับผิดชอบไปส่ง
กูกลับหอคืนด้วย!)

“...”

(ไอ้เหนือ! ที่กูพูดได้ยินไหมห้ะ  มึงอยู่ไหน  ตอนนี้มึงอยู่ไหน?) เฮ้ออ ผมละยอมใจไอ้ฮาร์ทมันจริงๆ  ผมไม่ตอบมันยิ่งตะเบ็งเสียงใส่

“..ห้าง” ผมตอบ

(มึงอยู่ห้าง  มึงอยู่ส่วนไหนเดี๋ยวกูไปหา  กูไม่ยอมเสียตังค่ารถหรอกนะเว้ย  กลับมารับผิดชอบด้วย)

“..กลับเองแล้วกัน” ผมตอบแล้วตัดสายทิ้งไป

ผมขับรถออกจากห้าง  ขับไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง  ซึ่งดูเงียบสงบ  คนก็ไม่มาก  ผมจอดรถแล้วเดินไปนั่งใต้ร่มไม้สีเขียว  ผมมองบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติทำให้อารมณ์เมื่อครู่ดีขึ้น  ...  ทำให้ผมคิดถึงข้าว  ข้าวชอบต้นไม้สีเขียว  ยิ่งเป็นอะไรที่มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้ยิ่งทำให้นึกถึงเมื่อก่อน  เมื่อก่อนตอนยังเด็ก  ข้าวมักชวนผมไปเที่ยวเล่นตามท้องทุ่งกว้าง  ไม่ไปวาดรูปก็ไปเล่นอะไรด้วยกันและถ้าเป็นตอนกลางคืนทุ่งกว้างแห่งนั้นจะมองเห็นดาวได้ชัดเจอแตกต่างจากที่นี่  ถึงแม้จะดึกขนาดไหนดาวบนท้องฟ้ากลับมองไม่เห็นซักดวง  มีเพียงแสงไฟตามบ้านเรือนหรือแสงจากรถยนต์ที่เห็นตามท้องถนน

“..ข้าว”  เมื่อก่อนผมกับข้าวสนิทกันมากตั้งแต่วันแรกที่ผมย้ายไปเรียนโรงเรียนและได้อยู่ห้องเดียวกันกับข้าว  เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย  บางครั้งผมจะไปนอนค้างบ้านข้าว  ข้าวเองก็เช่นกัน  เพราะข้าวชอบมาเล่นเกมส์ที่บ้านผม  ช่วงนั้นผมมีความสุขมากครับผมได้เห็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขของข้าว  ผมชอบรอยยิ้มนั้นตลอด  มันทำให้ผมพลอยยิ้มไปด้วย  บางครั้งผมเองก็คิดว่าผมบ้ารึเปล่าที่ชอบมองข้าวตลอดเวลา  ผมชอบอยู่กับข้าว  จะเรียกว่าผมติดข้าวมากก็ได้  ข้าวทำให้ผมใจเต้นเวลาอยู่ใกล้ๆ  ผมชอบกลิ่นตัวหอมๆของข้าว  ผมชอบทุกอย่างที่เป็นข้าว  ผมมักจะเล่าเกี่ยวกับข้าวให้แม่ฟังว่าวันนี้ไปไหน  ทำอะไรกับข้าวบ้าง  จนแม่ผมถึงกับเอ่ยถามว่า ‘ชอบข้าวรึเปล่า’ พอได้ยินแบบนั้นผมก็อึ้ง  คำถามของแม่มันทำให้ผมนิ่งคิดว่าผมชอบข้าวจริงๆหรอ  ผมไม่ได้ให้คำตอบแม่  ผมคิดทบทวนผมจะชอบข้าวได้ยังไงในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแถมยังสนิทกันด้วย  จนมาวันกีฬาสีทำให้ผมรู้ใจตัวเองว่าจริงๆแล้วผมชอบข้าว  วันนั้นหลังซ้อมบอลเสร็จ  ผมเป็นนักฟุตบอลนะครับ  ผมไปเห็นภาพที่ผมเห็นแล้วถึงกับสะอึก  เป็นภาพที่ข้าวกอดอยู่กับใครที่ผมไม่รู้จักแต่น่าจะเป็นรุ่นพี่  ผมสบตากับรุ่นพี่คนนั้นที่มองผมอยู่  ข้าวไม่เห็นผมแน่นอนเพราะข้าวหันหลังให้ผม  ผมอยากจะเข้าไปกระชากสองร่างนั้นให้ออกจากกัน   ผมปวดหนึบๆที่อกข้างซ้าย  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร  ผมเดินเลี่ยงออกมาจากที่ตรงนั้นเพราะทนดูไม่ไหว  ผมถึงได้เข้าใจตัวเองว่าผม...ชอบข้าวจริงๆ

“เฮ้ออ”  พอยิ่งคิดถึงช่วงนั้นมันก็อดที่จะคิดถึงเรื่องที่ผมต้องย้ายมาอยู่ในเมืองแห่งนี้ไม่ได้  หลังจากจบกีฬาสีผมแทบจะไม่ค่อยได้คุยกับข้าว เพราะผมต้องทำเรื่องย้ายขอกลับมาเรียนต่อที่นี่แทน  ตลอดหนึ่งอาทิตย์ผมไม่ได้ไปโรงเรียน ผมไม่รู้ว่าข้าวเป็นยังไงบ้าง  ไม่ได้ไปหาที่บ้าน  ข้าวเองก็ไม่ได้มาหาผมเหมือนกัน   จนวันที่ผมต้องย้ายบ้านมา  ผมจึงเขียนเป็นจดหมายทิ้งให้ข้าว  ในจดหมายผมเขียนขอบคุณทุกอย่างลงไป  ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้  ผมเขียนความรู้สึกของตัวเองลงไปด้วยอยากบอกกับข้าวตรงๆ  แต่ผมกลับทำไม่ได้  ใจไม่กล้าพออีกอย่างถ้าข้าวรู้ว่าผมคิดเกินคำว่าเพื่อนไปรังแต่จะทำให้ข้าวเกลียดผม  และเรื่องในตอนนั้นก็แวบเข้ามาในหัวผมอีกภาพของข้าวกอดกับรุ่นพี่  ทำให้ผมลดละที่จะส่งมันไปถึงมือข้าว  ผมจำต้องเก็บความรู้สึกตัวเองเอาไว้คนเดียวปล่อยให้มันเป็นแค่อดีตไป  ผมอาจจะไม่ได้เจอข้าวอีกแล้วก็ได้  ผมคิดแบบนั้น  ผมย้ายมาโดยไม่ได้ร่ำลาข้าวซักคำ  ....

“ข้าวหอม  หิรัญธร    นิวัฒนกิจ  นิเทศ ปี2 มหาลัย.. ลูกคุณป้าอำไพ คุณลุงศรัณ...”
ผมยังจำครั้งแรกที่ผมถามแบบนั้นออกไปได้เลย  นั้นเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ผมพูดออกไป  มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกันในรอบหลายปีที่ไม่ได้เจอข้าว  ผมเจอข้าวก่อนหน้านั้นก็ตอนที่ข้าวเดินชนกับผม  แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าเป็นใคร  แต่อีกคนกลับรั้งผมไว้  และผมกับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันผมไม่ชอบให้ใครแตะตัวผมหากไม่จำเป็น  ผมแค่คุ้นหน้าแต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร  และเราก็พบกันอีกครั้งในวันเดียวกัน  ข้าวเป็นพนักงานเสริฟร้านกาแฟ  ตอนนั้นผมก็ถามไปว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม  แต่ข้าวกับตอบว่าไม่เคย  แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับยิ่งทำให้ผมต้องรู้ให้ได้  มันเหมือนจะนึกออกแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ว่าเป็นใคร  เคยรู้จักผมมั่นใจ  จนเป็นวันที่ผมและเพื่อนอยากกินส้มตำจึงพากันไป  และผมก็ได้พบกับข้าวซึ่งเป็นเพื่อนกับไอ้ฮาร์ทเพราะพักอยู่หอเดียวกัน  จนเมื่อมาถึงการแนะนำตัวข้าวก็แนะนำตัวเองไป  พอข้าวแนะนำตัวจบผมก็เริ่มตะหงิดๆ  ข้าวหอม   ผมไม่คิดว่าจะมีคนชื่อนี้  แต่อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น  ผมจึงทักถามแม่ว่า ‘แม่ไปหาป้าอำไพเจอข้าวไหม’  เพราะช่วงนั้นแม่มีธุระต้องไปทำแถวนั้นเลยแวะไปหาป้าอำไพซึ่งเป็นแม่ของข้าว  แม่ผมบอกว่า ‘ป้าอำไพบอกว่าข้าวมาเรียนที่นี้’   ผมจึงถามต่อจนได้ความและมั่นใจว่าเป็นข้าวคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกรอบ   


5โมงเย็น


ผมมองนาฬิกาข้อมือ ห้าโมงเย็นแล้วหรอ  ผมนั่งคิดอะไรเพลินนานขนาดนี้เชียว  ผมขับรถกลับบ้านก็พบกับรถคันหนึ่งจอดอยู่เยื่องหน้าบ้าน  จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถพ่อ  ผมจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินเปิดประตูรั้วดินเข้าไปในบ้าซึ่งมีแม่ พ่อ และก็ผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่  แม่หันมามองและส่งยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน 

“กลับมาแล้วหรอลูก  พ่อมาหาเหนือน่ะ” แม่เอ่ยบอก

“...” ผมเดินเข้าไปนั่งกับแม่  เพราะไม่อยากให้แม่นั่งอยู่กับคนพวกนี้คนเดียว

“ไม่คิดจะยกมือไหว้ฉันหน่อยรึไง” พ่อบอก

“...” ผมยังคงนั่งนิ่ง จนแม่สะกิดบอก  ผมจึงยกมือไหว้แค่พ่อ

“แล้วไม่คิดจะไหว้แม่เลี้ยงแกด้วยรึไง” พ่อยังพูดต่อ

“..ไม่ใช่แม่ผม  ทำไมต้องไหว้” ผมตอบเสียงเรียบนิ่ง

“นี่แก!!” พ่อขึ้นเสียงใส่  โกรธหรอ? แล้วไงวะใครสน  ไม่ใช่แม่ผมจริงๆนิ  ผมมีแม่คนเดียวคนที่ผมอยู่ด้วยทุกวัน

“..เชิญกลับไปได้แล้ว  บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณสองคน” ผมว่า

“นี่แกกล้าไล่ฉันหรอน้ำเหนือ!!” พ่อตวาดลั่น

“คุณคะใจเย็นๆ  เหนือขอโทษพ่อสิลูก”แม่พูดกับพ่อก่อนจะหันมาบอกผม 

“คุณมลสั่งสอนลูกยังไงคะ  ทำไมเด็กถึงไม่มีมารยาทแบบนี้” ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียใหม่พ่อผมพูดบอกแม่  แถมยังใช้สายตาเหยียดหยามแม่ผม 

“ตัวเองดีตาย” ผมว่ากลับเสียงนิ่ง  ผมใช้สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างเย็นชา ก่อนจะเหยียดยิ้ม

“แกว่าใครห้ะ!”

“..หมามั้ง”  ถ้าจะมาหาเรื่องกันไม่รู้จะมาทำไม  มาเหยียบย้ำหัวใจแม่ผมรึไง  ผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่ผม  โดยเฉพาะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ  กล้าเอาผู้หญิงคนนี้มาถึงบ้านแม่ผม  จะรักกันทำไมไม่ไปรักกันไกลๆวะ ผมก็ไม่เข้าใจ

“คุณพี่คะ  ลูกคุณพี่ว่าฉันเป็นหมา  ฉันไม่ยอมนะคะ”

“ไอ้เหนือขอโทษเมียฉันเดี๋ยวนี้!” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ น่ากลัว

“...” ผมนิ่งกอดอกมอง

“ไอ้เหนือ!!”

“คุณคะ  ฉันขอโทษแทนลูกด้วย” แม่ผมบอกขอโทษแทนออกไปยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด

“เพราะมีแม่แบบนี้ไงลูกถึงได้เป็นคนแข็งกระด้างแบบนี้  สั่งสอนลูกบ้างนะคะคุณมล” ผมกรอกตาไปมา  อยากจะจับกระชากผู้หญิงของพ่อกระทืบซะ  แต่เพราะเห็นแก่แม่ผมถึงอยู่นิ่งๆไม่ทำ  จะว่าแค้นไหม  บอกเลยแค้นมากทั้งพ่อทั้งผู้หญิงของพ่อ  พ่อทิ้งแม่ไปมั่วกับผู้หญิงคนนี้  จนต้องเลิกรากันไป  ผมเห็นแม่ร้องไห้ทุกครั้ง ...ผมไม่ชอบ 

“อย่าว่าแม่กู!” ผมกดเสียงต่ำมองผู้หญิงของพ่อด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“ไอ้เหนือ! นี่แกกล้าพูดกูกับเมียฉันแบบนี้หรอห้ะ!!” ทำไมพูดแค่นี้จะตายรึไง  เดือดร้อนแทนกันจริงนะ 

“แล้วคุณไม่คิดว่าเมียคุณว่าแม่ผมมันเกินไปรึเปล่าละ” ผมถามกลับ

“...” เงียบ  เงียบทำไมตอบไม่ได้ละสิ

“ออกไป!” ผมบอกอีกรอบจ้องบุคคลสองคนที่ยังนั่งหน้าสล่อนอยู่ไม่ลุกไปไหน

“..เหนือ” แม่

“ไสหัวไปซะ  แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก  ออกไป!!!” ผมตวาดดังลั่น  แม่ถึงกับสะดุ้งตกใจ  พ่อเพียงแค่มองหน้าผมก่อนที่จะพาผู้หญิงของท่านออกไป  พ่อพูดประโยคสุดท้ายก่อนจากไป

“..แล้วผมจะมาหาใหม่”

“ฮึก ..” ผมมองคนข้างกายที่มีอาการสั่นเทา แม่กำลังร้องไห้เพราะพ่ออีกแล้ว  ผมไม่ชอบเห็นแม่ร้องไห้จริงๆ  ผมอยากให้แม่เข้มแข็ง  แต่แม่รักพ่อมาก  ผมอยากให้แม่ลืมผู้ชายแบบพ่อจริงๆ  แต่เพราะรักมันคงลืมยาก  หรือแม่อาจไม่อยากที่จะลืม ผมดึงแม่เข้ามากอดปลอบ  แม่ผมเป็นคนดี  เป็นคนน่ารัก  แต่พ่อกลับทิ้งไปคบผู้หญิงใหม่ที่นิสัยเสีย  ชอบว่าแม่ผมเสียๆหายๆ  ผมเกลียดผู้หญิงคนนั้น  เกลียดพ่อ  เกลียดคนที่ทำแม่เสียใจ  ผมไม่มีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด  และผมก็ไม่มีพ่อหลังจากที่ท่านสองคนขาดกัน  ผมมีแค่แม่  แม่คนเดียวเท่านั้น

“อย่าให้เขาเข้าบ้านอีกนะแม่” ผมบอกแม่พร้อมกับกอดท่านแน่นขึ้น  อย่าให้เขาเข้ามาทำร้ายหัวใจแม่อีก 

“ อึก  แต่เขาเป็นพ่อของเหนือนะลูก”  แม่สะอื้นพูดเสียงแผ่ว

“เขาไม่ใช่พ่อเหนือ”

“ทะ ทำไมพูดแบบนี้ละเหนือ  เขาเป็นพ่อเรานะลูก” แม่ผละออกจากอกผม ท่านมองหน้าผมน้ำตาเต็มหน้าแม่จนผมต้องเกลี่ยน้ำตาที่แก้มของแม่อย่างแผ่วเบา  ทำไมถึงต้องร้องไห้ได้มากขนาดนี้

“เขาไม่ใช่พ่อเหนือตั้งแต่ที่ทิ้งแม่ไปแล้ว” ผมตอบแม่เสียงแผ่ว  แม่ถึงกับสะอื้นฮักอีกรอบหนึ่ง

“ฮึก ฮืออ”
.
.
.
แม่หลับไปแล้ว  ท่านร้องไห้จนหลับไปไม่รู้ตัว  ผมเช็ดตัวให้ท่านเสร็จก็ห่มผ้าให้ท่าน  ผมมองใบหน้าหวานตาบวมแดงจากการร้องไห้  ก็นึกอยากจะต่อยหน้าสองคนนั้นจริงๆ 

“ฝันดีนะครับแม่” ผมก้มไปหอมแก้มท่านก่อนจะผละออกแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเอง  ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเอง  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อน

(โหลไอ้เหนือมีไร) ไอ้ฮาร์ท

“ดื่มกัน” ผมบอกมัน

(เป็นอะไรวะ  ทำไมเสียงมึงดูเหนื่อยๆ) มันถาม

“ไม่มีไร” ผมตอบพร้อมกับเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น

(เอองั้นเจอกันที่เดิม)

“อืม” ผมขานรับในลำคอ แล้วสายก็ตัดไป



หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : ตอนที่6(น้ำเหนือพาร์ท)#By : Cencer[01/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 01-07-2016 13:20:38

ผมมาถึงผับประจำในเวลาสามทุ่ม  ผมเดินไปยังชั้นสองของผับ  โต๊ะประจำกลุ่มที่มาทีไรต้องนั่งตรงนั้นทุกครั้ง  ไปก็พบกับกลุ่มเพื่อนผม  มีไอ้จิมกับไอ้โดมนั่งอยู่  และก็มีมาเพิ่มที่คุ้นกันดีก็เป็นไอ้เพียวกับไอ้เวฟ  และที่ไม่คุ้นอีกหนึ่ง  ส่วนไอ้ฮาร์ทยังไม่มา

“ไงไอ้เจ้าชายน้ำแข็ง” ไอ้โดมทักเมื่อผมมาถึงโต๊ะ

“ มาได้ไง” ผมถามเพราะผมชวนแค่ไอ้ฮาร์ทเท่านั้น

“เชี้ยฮาร์ทมันโทรไปชวนพวกกูเอง  บอกว่ามึงน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจ”

“..อืม” ผมขานรับ  พร้อมกับรับแก้วเหล้าที่ไอ้จิมชงส่งมาให้

“แล้วเป็นไรวะมึง?” ไอ้จิมถาม  ผมเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วมองไอ้เวฟกับไอ้เพียว

“มาไง” ผมถามพวกมัน

“มาให้มึงเลี้ยงเหล้ากูไงไอ้เหนือ  อย่าบอกว่าลืม” ไอ้เพียวเป็นคนตอบ  ผมจำได้ว่าผมต้องเลี้ยงเหล้ามันที่มันยอมไปถ่ายรูปให้

“เออแล้ว..” ผมใช้สายตาถามมันว่าไอ้คนที่มาด้วยอีกคนใคร

“อ้อ  นี่ไอ้เอ็มเพื่อนคณะกูเอง” ไอ้เวฟตอบ  ผมพยักหน้าตอบไม่ได้ว่าไร   ไม่นานไอ้ฮาร์ทก็มาพร้อมกับข้าว 

“มาถึงนานยังวะ” ไอ้ฮาร์ทถามผม

“ไม่นาน” ผมตอบแล้วกรอกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว

“น้อยๆหน่อยมึง  เดี๋ยวก็ได้เมาตายห่าพอดี”ไอ้ฮาร์ท

“...” ผมไม่ได้ตอบกรอกเหล้าเข้าปากรวดเดียวเหมือนเดิม  ไอ้จิมก็ขยันชงให้ผม

“ไอ้เหนือวันนี้ที่มึงหนีกลับก่อนเพราะโกรธพวกกูใช่ป่ะ?” ไอ้โดม

“..เออ” ผมตอบ

“พวกกูขอโทษ...กูไม่คิดว่ามึงจะโกรธ” ไอ้โดมว่าต่อ 

“ช่างเถอะ” ผมตอบส่งๆ จริงๆก็ไม่ได้โกรธอะไรแล้ว  คิดดูดีๆผมเองก็งี่เง่าเกินไป   ผมมองข้าวที่ไม่พูดไม่จาอะไรเลยนั่งเงียบจนผมคิดว่า
ไม่ได้มาด้วยถ้าไม่มอง 

“เอองั้นแดกเหล้ากันดีกว่า  ว่าแต่ไอ้นั้นใครวะ?” ไอ้ฮาร์ทถาม มันคงถามถึงคนมาใหม่นั่นละ

“ไอ้เอ็มเพื่อนกูๆ” ไอ้เวฟตอบ

“เออกูฮาร์ทนะเว้ย” ไอ้ฮาร์ท

“ดีๆ” แล้วพวกมันก็คุยกันเฮฮาสนุกสนานกันไปส่วนผมเอาแต่กรอกเหล้าเข้าปากอย่างเดียว  เป็นแบบนี้แหละครับ  ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดส่วนมากก็ฟังพวกมันเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง

“..ข้าว” ผมเรียกข้าวที่ยังคงนั่งเงียบไม่เฮฮาเหมือนพวกเพื่อน  ข้าวหันมามองผม  ผมจึงตบที่นั่งข้างๆให้อีกคนลุกมานั่งข้างผม 

“...” ข้าวไม่ตอบผมกลับแต่ก็ยอมลุกมานั่งข้างๆผมแทน  ผมจึงถีบไอ้โดมให้ไปนั่งแทนที่ข้าวแล้วให้ข้าวนั่งข้างผมแทน

“ขอโทษ..” ผมบอกข้าวที่นั่งลงข้างผมแล้ว  ในผับก็เปิดเพลงดังกระหึ่มยิ่งดึกเพลงยิ่งมันส์ ทำให้ผมต้องกระซิบข้างหูของข้าว  ผมรู้สึกผิดที่วันนี้ทำไม่ดีใส่ข้าว  จนอาจทำให้ข้าวรู้สึกไม่ดีไปด้วย

“ขอโทษเหมือนกัน  ที่ทำให้เหนือไม่พอใจ”   ข้าวตอบ

“...” ผมส่ายหน้าบอกไม่เป็นไร  รู้สึกมึนๆหัวแล้วแหะ  ผมสะบัดหัวไล่ความมึนออกไป

“เชี้ยเหนือไหวปะมึง  กูบอกแล้วให้แดกน้อยๆ”ไอ้ฮาร์ท 

“กูไหว” ผมบอกแล้วกรอกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้วแบบเดิม

“กูจะรอดู  ส่วนมึงไอ้จิมชงเหล้าให้มันเบาๆหน่อยละกัน  ดื่มเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า” ไอ้ฮาร์ท

“ปล่อยมันไปเถอะนานๆจะได้เห็นมันเมา” ไอ้จิม

“นี่มึงคิดจะมอมเหล้ามันรึไงไอ้จิม” ไอ้เพียวถาม

“เออ เผื่อแม่งจะหลุดมาดเจ้าชายหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ไอ้จิมหัวเราะร่า 

“ไอ้เลว!!!” พวกมันผู้ออกมาแทบจะพร้อมกันทุกคน 

“แหม  ไม่เห็นต้องชมกันขนาดนั้นเลยตัวเอง” ไอ้จิมมันทำเป็นตีแขนไอ้เวฟที่นั่งข้างๆมัน

“ใครเขาชมมึงไอ้จิม  มึงเมาแล้วใช่ไหม” ไอ้เวฟมันจับไอ้จิมจูนสมอง

“สัส  กูแดกไปนิดเดียวเองไม่เมาง่ายๆหรอก ..เอ้าเหนือแก้วมึงกูชงให้แล้วว”  ผมยื่นมือไปรับแล้วก็ดื่ม  วันนี้ได้มาก็ดีเหมือนกัน 

“แล้วมันเมาจะไม่เป็นไรหรอวะ” น่าจะเป็นไอ้คนชื่อเอ็มที่พูดขึ้นมันมองมาทางผม 

“ไม่หรอก  พรุ่งนี้พวกกูไม่มีเรียน” ไอ้จิมตอบ

“ดีวะ”

“พวกมึงมีหรอ” ไอ้โดมถาม

“เออมี  แต่คาบบ่ายวะเจอเจ้โหดด้วยไม่ไปไม่ได้  คิดถึงเจ้แกแล้วขนลุก  ใช่ไหมไอ้ข้าว”ไอ้เวฟมันทำท่าขนลุกก่อนจะหันมาถามข้าว

“เกี่ยวไรกะกูวะ” ข้าวตอบ

“ไม่เกี่ยวได้ไง  มึงเคยเกือบได้เอฟวิชาเจ้โหดไม่ใช่ไง ฮ่าๆๆ” ไอ้เวฟว่าต่อ 

“ยังไงวะ  มึงโง่ขนาดนั้นเลยหรอวะไอ้ข้าว” ไอ้ฮาร์ทถามเหมือนไม่เชื่อ  ขนาดผมได้ยินยังไม่เชื่อเลยครับ  เพราะว่าข้าวเรียนเก่งจะตาย  ติด1ใน10ของโรงเรียนเลย 

“กูไม่ได้โง่เถอะ!”ข้าวพูดน้ำเสียงไม่พอใจ

“ไอ้ข้าวมันไปกวนเจ้แก  โดนหักคะแนนทุกคาบ ฮ่าๆๆ” ไอ้เวฟว่าขำๆ

“หุบปากไปเลยเชี้ยเวฟ  เพราะมึงนั่นแหละแกล้งกู” ข้าวปาน้ำแข็งใส่ไอ้เวฟที่ยังคงขำอยู่

“ไอ้ข้าวไม่ติด  แต่มึงติดไม่ใช่หรอไอ้เวฟ” ไอ้เพียวพูดขึ้นบ้าง  ไอ้เวฟถึงกับหุบปากทันที

“ไอ้สัส!”

“หึๆ  สะใจวะ  หัวเราะที่หลังดังกว่าจริงๆ ฮ่ะๆ” ข้าวปรบมือถูกใจคำพูดไอ้เพียว

“ชิ กูโป้งมึงแล้ว” ไอ้เวฟ

“ไม่ง้อเว้ย!” 

รู้สึกมึนครับ  โลกหมุนแล้วตอนนี้  ผมลุกขึ้นกะจะไปเข้าห้องน้ำซักหน่อย

“เหนือ!” เสียงข้าวดังอยู่ใกล้ๆผม  ข้าวฉุดผมที่จะล้มลงไปบนโต๊ะ

“ไหวไหมมึง  แล้วลุกไหมวะ” ไอ้ฮาร์ทถาม

“ปวดฉี่” ผมตอบขอไปที  ตอนนี้อยากเข้าห้องน้ำ 

“เดี๋ยวกูพาไปเอง” ข้าวบอกกับพวกมัน

“เออฝากมันด้วยละ”

“อืม” ข้าวพยุงผมที่เดินเซแทบจะล้มกับพื้นระหว่างทางไปห้องน้ำ   ห้องน้ำก็คนเยอะเดินกวักไกวกันให้วุ่น  ทีแรกจะฉี่ที่โถเปลี่ยนใจเข้าใน
ห้องดีกว่าครับ

“ข้าวเข้าข้างใน” ผมบอกเสียงแหบ

“อ่าๆ  ฮึบ!”

“หึๆ หนักหรอ?” ผมถามขำๆ เห็นหน้าข้าวลางๆถึงจะไม่ชัดแต่ก็พอเห็นสีหน้าของข้าวอยู่

“ไม่หนักหรอก ตัวเหนือเบานิดเดียว  แต่เอะทำไม่มีห้องว่างเลยวะ” ข้าวดันผมให้ยืนพิงผนักแล้วตัวเองก็เดินไปดันประตูห้องน้ำ

“...” ผมมองข้าวที่ดูจะตั้งใจหาห้องว่างให้ผมอย่างจริงจัง

“เหนือรอก่อนนะ” ข้าวหันมาพูดกับผม

“..อืม” ผมพยักหน้าตอบ  ผมยังคงมองข้าวไม่วางตา  ไม่ได้มองคนๆนี้นานแค่ไหนแล้วนะ  ทั้งๆที่ช่วงนี้ผมก็มักจะชอบไปหาข้าวที่ร้านกาแฟแต่ก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากขนาดนั้น ข้าวตัวสูงขึ้นจากแต่ก่อนไม่มาก  แถมตัวยังเล็กเหมือนเดิม  ใบหน้าหวานก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไร  แต่สำหรับผมข้าวน่ารักขึ้น

“อ๊ะ เอ่อ..ขอโทษครับ” ผมหลุดจากภวังค์เมื่อเห็นข้าวกำลังก้มขอโทษใครที่อยู่ในห้องน้ำที่ข้าวยืนอยู่  ผมจึงเดินไปหาทั้งๆที่หัวยังมึนอยู่

“มีอะไร” ผมถามข้าวที่ยังก้มหน้าอยู่  ผมจึงมองในห้องน้ำมีผู้ชายสองคนยืนอยู่และมองมาที่พวกผม

“...”

“..ข้าว” ผมเรียกพร้อมกับจับแขนข้าว  ข้าวเงยหน้าแดงๆขึ้นมาสบตากับผม

“เหนือห้องนั้นว่าง  รีบเข้าเถอะ” ข้าวผลักผมไปยงห้องน้ำที่เพิ่งมีคนเดินออกมาเมื่อครู่

“...” ผมยังไม่ทันได้ถามอะไรเลย  เข้าก่อนก็ได้วะ 

“เหนือข้าวไปรอข้างนอกนะ” ข้าวตะโกนเข้ามา  ผมจึงขานรับในลำคอ  หน้าข้าวแดงมากตอนที่หันมาสบตากับผม  คงเจอไรเข้า  เพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว  จะชอบมีคนมาทำอะไรในห้องน้ำ  ขนาดทางเดินมาห้องน้ำยังมีคนนัวเนียกันให้เห็น  ผมทำธุระของตัวเองเสร็จก็ล้างมือ  ผมจ้องมองตัวเองในกระจกพลันสายตาก็มองเห็นผู้ชายสองคนห้องเมื่อกี้เดินออกมา  เสื้อผ้ายับยู่ยี้  ผมไม่เป็นทรงซะ  คงจะเสร็จกันแล้วสินะ   ผมเดินออกจากห้องน้ำมองหาข้าวที่คาดว่าจะอยู่ข้างนอกแต่ก็ไม่พบ

“ไปอยู่ไหนวะ” ผมพึมพำกับตัวเอง  มองหาข้าวให้ทั่ว  กลับโต๊ะแล้วหรอวะ  ผมตัดสินใจจะเดินกลับไปยังโต๊ะ  แต่ก็ได้ยินเสียงอื้ออึ้งร้อง
ให้ช่วย  ผมจะเป็นคนไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นแต่ครั้งนี้มันแตกต่าง  มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้  ขาผมเดินไปยังต้นเสียง  เป็นซอกทางเดินไปยังบันไดหนีไฟ

“ข้าว!!” ผมเรียกคนที่ตอนนี้กำลังถูกผู้ชายสองคนที่ผมเห็นเมื่อครู่  หนึ่งคนกำลังจับแขนไว้ และอีกคนกำลังคล่อมตัวข้าวอยู่  ข้าวมองเห็นผมพร้อมกับดิ้นให้หลุด  แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์

“..นะ เหนือช่วยข้าวด้วย”  ผมไม่รอช้าเข้าไปถีบไอ้คนที่กำลังคล่อมข้าวออก

“ไอ้เหี้ย!” ผมว่าพร้อมกับถีบมันและก็ต่อยไอ้คนที่จับแขนข้าวออก  ผมดึงข้าวเข้าหาตัวก่อนจะมองมันสองตัว  เอากันแค่สองคนไม่พอรึไง
วะ  มาลากคนอื่นด้วยทุเรศที่สุด  จากที่เมาๆอยู่ผมสว่างขึ้นมาทันที  ผมเป็นห่วงข้าวมากกว่า 

“มึงเป็นใครมีสิทธิอะไรมาถีบกูว่ะ”  ผมพยุงข้าวให้ลุกขึ้น  ก่อนจะหันไปมองมันสองตัวนิ่ง

“แล้วมึงมีสิทธิอะไรมายุ่งกับคนของกู!
” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว  ดันข้าวมาอยู่หลังผม

“ก็เด็กมึงอ่อยกู” มันว่า

“อ่อย?” ผมเลิกคิ้วถามมัน  อย่างข้าวไม่มีนิสัยแบบนั้นหรอก

“ใช่  ในห้องน้ำก็ทีหนึ่งแล้วแถมยังดักรอหน้าห้องน้ำด้วย” มันยังคงพร่ามต่อ

“หึ  มโนอะไร” ผมถามมัน

“มึงว่ากูมโนหรอ  ไม่เชื่อก็ถามเด็กมึงสิ” ผมหันไปมองข้าวที่ส่ายหน้าจะร้องไห้ออกมา

“หน้าเหี้ยแบบมึงไม่น่าจะมีใครอยากอ่อยหรอก” ผมมองมันก่อนเหยียดยิ้ม

“มึงว่าไงนะ!!!” มันตะคอกเสียงดัง

“กูไม่อยากมีเรื่อง  ไสหัวไปซะ” ผมบอก  แต่มันกลับจ้องผมเขม็ง

“ทำเป็นปากดีนะมึง  คิดว่ากูกลัว” มันว่าจบก็เข้ามาต่อยผม  แต่ผมหลบทันและปล่อยหมัดเข้าที่หน้ามัน

“กูเตือนแล้วนะ” ผมกระซิบข้างหูมันเสียงน่ากลัว ผมจัดการชกเข้าที่ท้องน้อยของมันมันถึงล้มกับพื้น  กุมท้องน้อยตัวเอง  ผมจึงเตะเข้าที่สีข้างของมันอีกสองสามที

“อั๊ก ! อึก” ผมหยุดมองคนที่นอนกองบนพื้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง  มันไม่มีทางลุกขึ้นมาแล้วผมจึงหันไปมองอีกคนที่ยืนชินกำแพง ผมเดินเข้าไปหามันช้าๆ พร้อมกับเหยียดยิ้มน่ากลัวส่งให้  มันตัวสั่นทำท่าลุกลี้ลุกลน

“เหนือพอแล้ว” ข้าวเข้ามาจับแขนผมไว้

“มันทำอะไรข้าวรึเปล่า” ผมถาม

“ ปะ เปล่า..”ข้าวพูดเสียงแผ่ว

“ทำรึเปล่า”ผมถามข้าวอีกครั้งเน้นทุกคำพูด

“ อึก อะ อือ”ข้าวพยักหน้าก้มหน้าไม่สบตาผม ผมดึงข้าวเข้ามากอด

“ทำอะไร”ผมกระซิบถามน้ำเสียงนุ่ม

“ จะ จูบ”ข้าวพึมพำบอก   ผมจ้องคนที่ยืนกลัวผมไม่ยอมไปไหน ผมพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของข้าว  พวกมึงกล้ามากนะมาแตะต้องข้าว

“รีบพาคู่ขามึงออกไปก่อนที่กูจะหมดความอดทน”

“ครับๆ”



“หายหัวปายหนายตั้งนานวะพวกเมิงงงงง” เสียงยานครางเอ่ยขึ้น  ไอ้ฮาร์ทมันเด้งตัวมาชี้หน้าผมกับข้าวสองคนที่กลับมานั่ง

“..เมาแล้ว?” ผมว่าผมไปไม่นานนะ 

“ทำไมสภาพมันเป็นแบบนี้วะไอ้เพียว” ข้าวถามไอ้เพียวที่ยังคงสติครบกว่าคนอื่นในโต๊ะ

“เสือกพนันกันใครคอแข็งสุดชนะ” ไอ้เพียวตอบ

“แล้วใครชนะวะ” ข้าวยังคงถามต่อ

“ก็กูไง ฮ่าๆๆ  หล่อแล้วเสือกคอแข็งอีก” มันตอบอย่างภาคภูมิใจ

“ไอ้ฟายย เมิงงงโกงง” ไอ้เวฟลุกขึ้นตีแขนไอ้เพียว ตุบๆ แต่เหมือนอีกคนไม่สะทกสะท้านอะไร

“ว่าแต่มึงไอ้เหนือหายเมาแล้วหรอวะ”

“เออ แค่มึนๆ” ผมตอบยกแก้วเหล้าตัวเองที่น้ำแข็งละลายเต็มแก้วขึ้นมาดื่ม  รสชาติก็จืดชืด

“ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องแบกพวกมันคนเดียว  เพราะไอ้ข้าวตัวแค่นี้คงแบกพวกควายถึกอย่างเพื่อนมึงไม่ได้”

“กูแข็งแรงเถอะ  ดูถูกกูวะ” ข้าวเถียงกลับ  ผมเห็นแบบนี้ก็ดีใจที่ข้าวไม่เอาเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่มาคิด

“จะกลับเลยไหม?” ผมถามมองพวกมันทุกตัวที่หมดสภาพกัน

“เออกลับดีกว่าวะ  มึงเอารถยนต์มาใช่ไหมไอ้เหนือ”

“อืม”

“งั้นกูจะไปส่งเพื่อนกูละกัน  มึงก็ไปส่งเพื่อนมึง  ส่วนรถพวกมันก็ทิ้งไว้นี่ก่อน” ผมพยักหน้า

“แต่ว่าเราจะแบกพวกมันไปไงหมดว่ะ” ข้าวมองพวกมันเรียงตัว

“โว้ย!! อย่ามาแตะต้องตัวกูววว  จะนอนน งื้มมม” ไอ้จิมโวยขึ้น เฮ้ออ  ผมถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ 
.
.
.
“ฮึบ! ครบซักที” ไอ้เพียวบอกหลังจากแบกไอ้โดมขึ้นรถผมเป็นคนสุดท้าย

“ปวดหลังเลยวะ โอ๊ยย” ข้าวครวญครางทำท่าบิดไปมา

“ตอแหลไอ้ข้าว  มานี่ดิ” ผมเห็นไอ้เพียวมันกระซิบอะไรกับข้าวไม่รู้  ข้าวมองมาทางผมก่อนจะหันไปประทุร้ายไอ้เพียว

“ไอ้บ้า!!”

“ฮ่าๆๆ ไอ้เหนือกูไปแล้วนะเว้ย  ฝากเพื่อนกูด้วย” ไอ้เพียวบอกมันโบกมือลาผม  แล้วหันไปส่งสายตาล้อเลียนข้าวก่อนจะเดินไปยังรถตัวเองที่จอดอยู่ไม่ห่างจากผม

“กลับกันเถอะ” ผมบอกข้าว  ข้าวเดินโดยไม่มองหน้าผม

ผมขับรถไปส่งไอ้โดมก่อนแล้วถัดมาก็เป็นไอ้จิม  ระหว่างทางผมกับข้าวไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“อื้มม น้องมิ้นคนสวย ไม่เอาๆ คิคิ” เสียงคนข้างหลังทำให้ความเงียบหายไป ผมกับข้าวหันไปมองไอ้คนข้างหลังที่ละเมอไม่รู้เรื่องรู้ราว

“อ่า น้องมีนอย่าครับ อู๊ยย” ยังครับยังไม่หยุด  มันละเมอคนละชื่อกันแล้ว

“โอ๊ะๆ น้องมิวพี่จั๊กจี้นะ อิอิ” มันละเมองุ้งงิ้งคนเดียวทำท่าทำทางเหมือนน้องมิวกำลังแกล้งมันอยู่

“ทำไมมีแต่ ม.มา วะ ฮ่าๆๆ”

“หึๆ” ตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่ครับ  ก็ฟังเสียงไอ้คนด้านหลังละเมอเผยชื่อบรรดาสาวๆมันออกมาพรั่งพรูให้ได้ยิน  แต่ละชื่อมีแต่ ม.มาสะกด
เหมือนที่ข้าวว่า

“อัดคลิปไว้ดีกว่านะ  จะได้เปิดให้มันดู” ข้าวหันมาถามผม  ผมพยักหน้าเห็นด้วย ข้าวจึงจัดการบันทึกภาพและเสียงเก็บไว้  มึงทำตัวเองนะ
ไอ้ฮาร์ท  ผมออกรถเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว  ไม่นานก็มาถึงหอพักของข้าวกับไอ้ฮาร์ท  ผมจอดรถแล้วก็ต้องมาแบกไอ้ฮาร์ทขึ้นห้องโดยมีข้าวเปิดประตูให้  ผมพาไอ้เพื่อนตัวดี  ที่ชวนมันไปเพราะผมอยากเมา  แต่ไปๆมาๆสลับกันเป็นมันเองที่เมาเป็นผมที่ต้องหามมันแทน

“..กลับนะ” ผมบอกข้าวเตรียมเดินออกจากห้อง  แต่ข้าวกับคว้ามือผมไว้  ผมหันกลับมามองเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร?

“ขับรถกลับไหวหรอ”

“อืม” ผมพยักหน้า

“คือ...นอนนี่ก็ได้ดึกแล้วขับรถกลับคนเดียวมันอันตราย” ข้าวพูดเสียงเบา  ไม่ยอมสบตากับผม กลับหันหน้าไปอีกทาง 

“จะดีหรอ” ผมถามลองเชิง  ใจผมนี่ดีใจไปแล้วครับ  อยากจะกระโดดขึ้นเตียงแล้วนอนเลย

“..อืม” ข้าวพยักหน้าหงึกหงัก

“ก็ได้” ผมตอบ ข้าวจึงปล่อยมือผม  ผมเดินมาหยุดระหว่างเตียงสองเตียง ด้านขวาเตียงไอ้ฮาร์ทซึ่งมันกำลังนอนกอดก่ายหมอนข้างอย่างเมามันส์  ด้านซ้ายจะเป็นเตียงของข้าว

“นะ เหนือจะอาบน้ำก่อนไหม” ข้าวถาม อาบก็ดีเหมือนกัน

“ครับ” ผมตอบ  ข้าวจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูน่าจะเป็นผืนใหม่ยื่นมาให้ผม

“เดี๋ยวใส่ชุดไอ้ฮาร์ทแล้วกันนะ  ตัวน่าจะเท่ากัน” ข้าวว่าแล้วไปค้นเสื้อผ้าในตู้ไอ้ฮาร์ทมาให้ผม  ผมเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำทำความสะอาดตัวเองทั้งกลิ่นเหล้า บุหรี่ เหงื่อ มีครบ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกไปข้างนอก  ปรากฏว่าอีกคนที่คิดว่าจะอาบน้ำต่อจากผมกลับน้องหลับไปเรียบร้อยแล้ว  ผมจับข้าวให้นอนบนเตียงดีๆ  ห่มผ้าให้เสร็จสับ  ผมนั่งมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม  ผมเกลี่ยแก้มเนียนใสอย่างเบามือ เลื่อนมาที่ริมฝีปากบางอมชมพูผมลูบมันอย่างแผ่วเบา  ก่อนที่จะจรดริมฝีปากตัวเองทาบทับริมฝีปากนิ่มของอีกคนแล้วผละออกมาจูบประทับบนหน้าผากเนียน


“...ชอบนะ” ผมกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม  ผละออกมามองใบหน้าหวานที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องในสิ่งที่ผมบอกไป  ผมคงกล้าบอกความรู้สึกจริงๆของตัวเองให้อีกคนได้รับรู้ตอนนี้เท่านั้น  ถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่กล้า  ผมกลัวถ้าผมบอกข้าว... กลัวที่จะเสียข้าวไป  แม้แต่คำว่าเพื่อนข้าวคงไม่มีวันให้ผมเหมือนเดิม... ถ้าข้าวรู้ว่าผมกำลังคิดไม่ซื่อกับตัวเอง


TBC.

พาร์ทนี้มอบให้แด่พี่เหนือเป็นคนเล่า...หวังว่าจะถูกใจนะคะ ไม่ งง  เนอะ

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : ตอนที่6(น้ำเหนือพาร์ท)#By : Cencer[01/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 01-07-2016 14:44:13
 :z3: :z3: :z3:
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : ตอนที่6(น้ำเหนือพาร์ท)#By : Cencer[01/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-07-2016 17:00:07
ต่างคนต่างชอบกัน แต่มีคำว่าเพื่อนมากั่น ใครจะฝ่ากำแพงออกมาก่อนนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[01/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 02-07-2016 20:43:15

7

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“อื้มม”  ผมขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงความหนักบริเวณเอว   ผมขยับตัวนอนตะแคงข้างก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองโดนรัดยังไงอยู่ก็ไม่รู้  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นกระพริบตาปรับสายตาให้เป็นปกติ  ผมขมวดคิ้วเมื่อผมเลื่อนสายตาลงไปมองที่เอวเหตุของการอึดอัดทำให้ผมตื่น  แขน?
เออแขน  แล้วแขนใครว่ะ?  เห้ยแขนใคร?!? ผมจึงหันพรึ่บไปมองอีกด้านทันที

“อื้ออ..” แรงกอดรัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น  ใบหน้าเนียนใสคลอเคลียอยู่ตรงแก้มของผม

อึ้ง !  ไม่อึ้งได้ไงละ โอ๊ยย !! ใจจะวาย ตัวผมแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวไปมากกว่านี้เพราะกลัวอีกคนจะตื่น ละ แล้วอีกอย่างคือ ทำไมผมกับน้ำเหนือมานอนเตียงเดียวกันได้วะ  แต่เอ้..เมื่อคืนภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ คือผมนั่งรออาบน้ำต่อจากน้ำเหนือแล้วจากนั้นก็... ก็อะไรวะ?

“...” ผมค่อยๆจับแขนที่พาดอยู่ตรงเอวออก   เดี๋ยวอีกคนจะตื่น อีกนิดๆ

“..อื้อ”

“เชี้ย!” ผมสบถเสียงเบา  ก็แขนที่ผมกำลังยกอออกกลับมากอดรัดและดึงผมไปเบียดอีกครั้ง  ใจเจ้ากรรมก็เต้นระรัวเป็นเสียงกลอง กูไม่ใช่หมอนข้างเว้ยไม่ต้องมารัดขนาดนี้ T^T  เอาไงดีว่ะ  เอางี้ละกัน

พลั่ก!

“โอ๊ยยยย!!” ผมรีบเด้งตัวลุกออกจากเตียงไปยืนอีกฝั่งตรงข้ามกับที่ผมได้ถีบน้ำเหนืออกจากตัวไป   เสียงร้องเจ็บปวดดังลั่นห้อง

“เป็นไรหรอน้ำเหนือ” ผมทำทีไม่รู้เรื่องทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเกิดอะไรขึ้น

“...” น้ำเหนือไม่ตอบ  คงเพราะกำลัง งง อยู่มั้งว่าตัวเองลงไปนอนกองตรงนั้นได้ไง

“เป็นไรวะไอ้เหนือ  ตะโกนซะดังลั่นเลย” ไอ้ฮาร์ทเดินออกมาจากห้องน้ำ  มันคาดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่เอว  มือก็เช็ดผมที่พึ่งสระขยี้เบาๆ มองไปยังน้ำเหนือที่ลุกนั่งกับพื้น ก่อนที่จะหันมามองผม

“สงสัยนอนตกเตียง”

“อย่างมึงเนี้ยนะจะนอนตกเตียงไอ้เหนือ เหอะๆ” ไอ้ฮาร์ทพูดขำๆ  ผมได้แต่ยืนนิ่งๆฟัง  ดีนะที่ไอ้ฮาร์ทมันไม่ออกมาเห็นตอนผมถีบน้ำเหนือ 

“...” ผม

“..เออ กี่โมงแล้ว” น้ำเหนือพยุงตัวเองมานั่งบนเตียงอีกครั้ง  ผมมองน้ำเหนือหน้ายังนิ่งเหมือนไม่เจ็บอะไรอย่างตอนแรงที่โดนถีบ  ผมว่าเจ็บนะนั่นเป็นผมนะร้องโวยวายไปแล้วไม่นิ่งเป็นหินขนาดนี้หรอก 

“สิบเอ็ดโมง..ไม่ไปอาบน้ำไงมึงมีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ” ไอ้ฮาร์ทตอบน้ำเหนือแล้วหันมาพูดกับผม

“เออวะจริงด้วย” ผมจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองที่ราวตาก

“แล้วมึงอ่ะจะกลับบ้านเลยป่ะ” ไอ้ฮาร์ทถามน้ำเหนือ

“..เดี๋ยวกลับตอนไปส่งข้าว”  ไปส่งผม?

“...” ผมหยิบชุดนักศึกษาจากตู้เพื่อจะเอาไปเปลี่ยนในห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ  ไม่อยากมาใส่ข้างนอก  เพราะอะไรหรอ  คุณคงรู้ๆกัน  น้ำเหนืออยู่ในห้องด้วยให้แก้ผ้ามาเดินแบบไอ้ฮาร์ทไม่กล้าครับอาย

“ไอ้เหนือเดี๋ยวนี้มึงอะไรๆก็ไอ้ข้าวนะ” ไอ้ฮาร์ท

“..ทำไม” น้ำเหนือถาม

“ก็เปล๊า..ไอ้ข้าวรีบไปอาบน้ำไป  เหม็นเน่า”

“สัส!” ผมด่ามันจบก็วิ่งเข้าห้องน้ำเลย  อยู่ไม่ได้ครับเดี๋ยวโดนมันถีบ ฮ่าๆๆ



ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำครึ่งชั่วโมงน่าจะได้  ผมเดินขยี้หัวออกมาจากห้องน้ำก็เห็นไอ้เพื่อนร่วมห้องกับผู้มาขออาศัยเมื่อคืนกำลังนั่งเล่นเกมส์กันอยู่

“ไอ้เหี้ยเหนือมึงมันชั่ว  ไอ้เลวใครให้มึงยิงกู!!” ไอ้ฮาร์ท

“...ก็มึงกาก” น้ำเหนือ

“ไอ้เหนือไอ้ฟายกูบอกว่าอย่ายิงกูไง!!”

“..ก็มึงศัตรูกู” น้ำเสียงเนือยๆนิ่งๆตอบกลับไป

“...” ผมมองมันสองตัวห่ำหั่นกันอย่างเมามันส์จะว่าสองคนไม่ได้สิ  ต้องเป็นไอ้ฮาร์ทคนเดียวมากกว่าที่มันโวกเวกโวยวายคนเดียว ส่วนน้ำเหนือนั้นแค่กดๆจอยด้วยท่าทางนิ่งๆ  ไม่เหมือนไอ้ฮาร์ทกดจนจอยจะพัง  ตัวก็ไม่นิ่งเลย  ไอ้บ้า!!

“โวยยย!! ตายอีกแล้ว” ไอ้ฮาร์ทแทบจะปาจอยทิ้ง 

“รำคาญวะไอ้ฮาร์ท  แม่งเสียงดังรบกวนห้องข้างๆบ้างเถอะ” ผมว่ามัน  มันหันมาจ้องผมเขม็ง  ไอ้นี่เล่นเกมส์แพ้แล้วจะมาพาลกูหรอห้ะเดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวกูโบก

“อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?” เออไอ้นี่อีกคนก็ถามแปลก  ยางมั้งง  เห็นกูออกยืนอยู่ตรงนี้แล้วคงกำลังอาบน้ำยังไม่เสร็จ

“ซักพักพอได้เห็นคนบ้าเล่นเกมส์แพ้อ่ะ” ผมตอบน้ำเหนือ

“อืม งั้นเหนืออาบต่อ” ว่าจบน้ำเหนือก็เดินหยิบผ้าเช็ดตัวที่น่าจะใช้เมื่อคืนถือเดินตรงไปยังห้องน้ำที่ผมเพิ่งออกมา

“เออไอ้ฮาร์ทเป่าผมให้กูหน่อยดิ  เช็ดงี้กว่าจะแห้ง” ผมหยิบไดเป่าผมขนาดพอดีมือเสียบปลั๊กแล้วกวักมือเรียกให้ไอ้ฮาร์ทเป่าผมให้  ปกติผมชอบใช้มันแบบนี้แหละครับ  จะเป่าเองก็ได้แต่ขี้เกียจ  มันว่างๆก็ใช้มันไปเถอะ  ให้มันได้ทำตัวมีประโยชน์บ้าง

“กู กูตลอดไอ้ข้าว  หัวมึงไม่ใช่หัวกูทำไมกูต้องทำให้วะ” บ่นไปก็ไม่ช่วยให้ผมกูแห้งเร็วหรอก

“เออน๊า มาทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ” ผมบอก มันทำหน้าเอือมๆสุดท้ายก็ยอมผมอยู่ดี

“มึงนี่มันน่านัก” ไอ้ฮาร์ทกัดฟันพูดพร้อมกระชากหัวผมไปใกล้มือมันมากขึ้น

“โอ๊ยยไอ้เลว มึงจะทำร้ายกูใช่ไหม!”

“อยู่เฉยๆดิวะ  จะให้เป่าผมให้ไหม” มันพูดเสียงหงุดหงิด

“เออๆ นิ่งก็ได้วะ ชิ” ผมจึงอยู่นิ่งๆให้มันเป่าผมให้

“เออไอ้ข้าว”

“อืมมีไร?”

“กูถามไรหน่อยดิ” ผมยีหัวผมก่อนจะปิดเครื่องเป่าผมเก็บไว้  ผมจับผมตัวเองที่แห้งแล้วเรียบร้อยจึงหันไปมองหน้ามัน

“ถามไร?”

“ตอบตามความจริงนะเว้ย”

“อืมๆ” ผมพยักหน้า  ถามไรรีบถามดิวะ ลีลา

“มึงคิดยังไงกับไอ้เหนือวะ” มันถามเสียงกระซิบ

“ห้ะ?” อะไรวะ  กูไม่ได้ยินกระซิบเพื่อ? ผมจึงเอียงหูเข้าไปใกล้มันอีก

“...” ไอ้ฮาร์ทกรอกตามองบนก่อนถอนหายใจ

“ไม่ต้องมามองบนมึงจะกระซิบหาพ่อง” ผมว่ามัน

“มึงคิดไงกะไอ้เหนือ” แล้วมึงจะพูดเร็วทำไมวะ

“ขออีกทีฟังไม่ทัน” ผมว่าพร้อมยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว  ไม่ทันจริงๆจะรัวคำทำไม

“กู-ถาม-ว่า-มึง-คิด-ยัง-ไง-กับ-ไอ้-เหนือ” ทีนี่มันเน้นทีละคำชัดเจนเลยครับ  คิดไงหรอ ก็ชอบไง  เออชอบ! ชอบมาก

“ถามทำไม?” แต่ใครจะบอกว่าชอบให้โง่วะ ผมจึงเลิกคิ้วถามมันกลับ

“ก็...”มันยกโทรศัพท์มันให้ผมดู  ผมจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ปรากฏภาพถ่าย ผะ ผมกับน้ำเหนือกำลังกอดกันบนเตียงของผม  ผมมองหน้าไอ้คนถ่ายที่ทำหน้าเหยียดยิ้มมองผมอยู่ 

“ทำไรของมึงเนี้ย  ลบเลยไอ้ฮาร์ท” ผมจะคว้าเอาโทรศัพท์มันมาเพื่อที่จะลบแต่มันกลับลบทัน

“ลบทำไมละ กอดไอ้เหนืออุ่นดีไหมวะข้าว ฮ่าๆๆ” ไอ้เหี้ย!!

“...” ผมกัดฟันมองหน้ามัน รู้สึกหน้าร้อนผ่าวคำพูดไอ้ฮาร์ทมันทำให้ใจผมเต้นรัว  ผมนอนหลับไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่านอนกอดอยู่กับน้ำเหนือ

“ที่หน้าแดงเพราะโกรธหรือเขินวะข้าว หึๆ”

“ไอ้.. กูไม่ได้เขินเว้ย” ผมเถียง

“อ๋ออ กูเข้าใจแล้วที่เมื่อเช้าทำไมไอ้เหนือถึงตกเตียง  ทั้งๆที่ก่อนกูจะไปอาบน้ำยังเห็นมันกอดกับมึงอยู่ดีๆเลย” ผมทำหน้าทะเล้นใส่ผมเมื่อนึกขึ้นได้

“พูดอะไรของมึง” ผมลุกขึ้นจ้องมันทันที  ท่าทางกูดูไม่ลุกลี้ลุกร้นนะ

“หึๆ  ไอ้เหนือมันไม่ใช่คนนอนดิ้น  ถ้าไม่ใช่เพราะมึงผลักมัน”  เปล๊า  กูไม่ได้ผลักกูแค่ถีบแต่ไม่พูดหรอก

“มึงก็บ้าเน๊อะ  คิดไรเลอะเทอะ เหนือมันอาจจะฝันแล้วกลิ้งหล่นจากเตียงก็ได้”

“หรออออ  หน้ามึงมันฟ้องมากไอ้ข้าว  ไอ้ตอแหลไม่เนียน หึๆ”

“พ่องมึงสิ!”

“หึๆ”

“ขำเชี้ยไรของมึง  พอเลยแล้วลบรูปซะ” ผมเปลี่ยนเรื่องมาเป็นเรื่องรูปแทน

“ไม่ลบหรอกเก็บไว้ขายมึง หึๆ”

“ไอ้ฮาร์ทลบเลย  เดี๋ยวเหนือมันเห็นก็โกรธมึง” มันยิ้มแล้วส่ายหน้า

“มันเห็นแล้ว”

“ห้ะ! มึงว่าไงนะ?” ผมถามอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน 

“ก็อย่างที่บอก  อ๋ออีกอย่างไอ้เหนือมันให้กูส่งให้มันด้วยนะ” มันกดๆโทรศัพท์มันแล้วก็ยื่นข้อความรูปภาพให้ดูมันส่งให้น้ำเหนือจริงๆ
ด้วย อ๊ากกกก!!

“...แล้วมึงก็ส่งเนี้ยนะ!”

“ก็เออไมอ่ะ  ไอ้เหนือมันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเหมือนมึงเลย” ไอ้ฟายย แล้วงี้กูจะมองหน้าน้ำเหนือไงวะ  อายน่ะอาย T^T

“..งั้นกูเอาคลิปนี้โพสแท็กให้สาวๆมึงเห็นดีมั้ย” ผมนึกขึ้นถึงคลิปเมื่อคืนที่ถ่ายตอนมันเมา

“คลิป? คลิปเชี้ยอะไรไอ้ข้าว  มึงจะแบล็กเมกูอีกแล้วหรอ”

“ไม่รู้สินะ” ผมไหวไหล่เล็กน้อย  มึงทำกูแสบมาก  ผมกดเข้าเฟสของตัวเองอัพคลิปพร้อมแคปชั่น...ตัวอักษรภาษาไทยมี 44 ตัว แต่ไหงพี่ฮาร์ทจำได้แต่ มอ ม้า.. #ฮ่าๆเชิญชม แล้วผมก็แท็กมันพร้อมบรรดาเพื่อนสนิททุกคนแล้วกดโพสซะ หึๆ 

“...” เสียงแจ้งเตือนของมันดังขึ้น  ผมแสยะยิ้มมองมัน  มันรีบกดเข้าไปดูคลิปบรรดาน้องๆมอม้าของมัน หึๆ

“โทษนะฮาร์ทเพื่อนเลิฟ บังเอิ๊ญบังเอิญมือน้องข้าวลั่นอ่ะ” ผมจีบปากจีบคอดัดจริตพูด

“ไอ้ข้าวไอ้เพื่อนเวร  ถ้าเด็กกูเห็นจะทำไง!”

“เอ๊? ก็เห็นไงแค่นั่นละ หึๆ”

“ลบเลยเว้ย!”

“ฮ่าๆๆไม่เว้ย  เดี๋ยวแปบๆกูอ่านคอมเม้นนี้ก่อน” ผมเปิดคอมเม้นที่ไอ้เวฟมันเม้นมา

“ไอ้ข้าวลบเลย!!” มันเข้ามาประชิดตัวผม  ไม่ลบเว้ย  มึงกล้าถ่ายรูปกูแล้วส่งให้น้ำเหนือด้วย  กูต้องเล่นมึงกลับ

“ไม่!!” ผมตอบเสียงดังฟังชัด

“ได้  มึงได้” มันว่าจบก็เข้ามาจักจี้เอวผม  ไอ้เหี้ยกูยิ่งบ้าจี้อยู่ด้วย

“ฮ่าๆๆ ไอ้ หะ เหี้ย!” ผมวิ่งหนีมันแต่ก็ถูกมันกระชากตัวมาแล้วจี้เอวผมไม่หยุด ผมก็บิดตัวไปมา

“จะลบไม่ลบ”

“มะ ไม่ ! ฮาๆๆๆ” ไม่ลบหรอกเฟ้ย! มันยิ่งจี้เอวผมจนผมต้องลงไปนอนกองกับพื้นห้องแทน  ไอ้นี่ก็แม่งบ้า  ดูมันทำสิครับ  มันขึ้นคล่อ
มบนตัวผมจะแย่งโทรศัพท์ผมไป  ผมยื่นมือขึ้นไว้เหนือหัว  มันก็กลับมาจักจี้ตรงใต้รักแร้ผม

“เอาโทรศัพท์มาไอ้ข้าว  ไม่เอามากูก็จะแกล้งจักจีมึงจนขาดใจตายเลยเอ้า!” ไอ้ชั่วววว ผมได้แต่ด่ามันในใจเพราะผมได้แต่หัวเราะออกมาเท่านั้น

“เหอะๆ ฮ่ะๆ โอ๊ย ไอ้ฮาร์ทกูเหนื่อยแล้ว ฮ่ะๆ” ผมบอก

“เหนื่อยแล้วก็เอาโทรศัพท์มา” มันหยุดจักจี้ผมแล้วครับ  ผมหอบหายใจแรงเอาอากาศเข้าปอด  รู้สึกเหนื่อยมากหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด

“ไม่ให้” ผมผลักมันออก แต่มันยื้อจับแขนผมทั้งข้างไว้มันจะเอาโทรศัพท์ผมผมก็กระชากแขนตัวเองกลับทำให้ไอ้ฮาร์ทมันล้มมาหน้าเกือบชนผม หน้าไอ้ฮาร์ทอยู่ห่างจากผมไม่กี่คืบเองครับ ลมหายใจอุ่นๆรินรดบนหน้าผมจนรู้สึกขนลุก

ทำอะไรกัน!”

“...” ผม

“...” ไอ้ฮาร์ท

ผมกับไอ้ฮาร์ทหันไปมองยังบุคคลที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกเรา  สภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอว  อกแกร่งมีน้ำเกาะเป็นหย่อมๆ แต่เดี๋ยวๆ  กูบรรยายอะไรให้มันติดเรทวะเนี้ย  เปลี่ยนใหม่ๆ

“ถามว่า ทำ –อะ-ไร-กัน!!” อึก ! ถึงกับสะอึกกันเลยทีเดียว น้ำเสียงแข็งๆสายตาโคตะระนิ่งมองจ้องไม่วางตา ผมกับไอ้ฮาร์ทหันมา
มองหน้ากันอีกครั้ง แล้วก็เปลี่ยนไปมองที่น้ำเหนือที่ยังคงจ้องจะเอาคำตอบอยู่  ไปแต่งตัวก่อนก็ได้  สภาพล่อแหลมไปไหมน้ำเหนือเอ้ย  ไปๆ  ไปแต่งตัว

“ไอ้ฮาร์ท!”

“อะเอออไรวะ” ไอ้ฮาร์ทมันสะดุ้งเล็กน้อยผมรู้สึกได้  น้ำเสียงมันดูตื่นๆเมื่อถูกน้ำเหนือเรียก

“ลุก!”

“ห้ะ?” ไอ้ฮาร์ทมันถามระคนสงสัย

“...” ผมกระพริบตาปริบๆมองน้ำเหนือกับไอ้ฮาร์ทสลับกัน

“มึงจะทับข้าวอีกนานไหม!?!”

“อ๋อออ” ไอ้ฮาร์ทเหมือนจะนึกขึ้นได้  ผมเองก็พึ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน  ไอ้นี่ก็ทับซะตั้งนานไอ้ผมก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่เมื่อกี้  เพราะคนตรงเนี้ยทำให้ผมกับไอ้ฮาร์ทเหมือนจะรู้สึกตัว ฮ่าๆๆๆ

“ลุกไปเร็วๆเลยไอ้เหี้ยตัวก็หนัก” ผมผลักไอ้ฮาร์ทให้ออกห่างๆ

“...”น้ำเหนือไม่พูดอะไรเดินเลยพวกผมสองคนไปเปิดตู้เสื้อผ้าของไอ้ฮาร์ทหาชุดใส่

“..หึ”

“ขำห่าไรของมึง” ผมหันไปมองไอ้ฮาร์ทนั่งลงบนพื้นอยู่ข้างๆผมมองน้ำเหนือกำลังแต่งตัวอยู่

“ขำคนหวงของ...”

“ห้ะ? อะไรหวงของ?” ผมถามมัน 

“ก็..”

“ไอ้ฮาร์ทหุบปาก!” ขัดขึ้นมาทำไมวะคนกำลังอยากเสือกไอ้นี่นิเดี๋ยวโบกเล้ย  !! แหะๆ  อย่าเชื่อครับ  ผมไม่กล้าทำไรน้ำเหนือหรอก จริ๊งจริงง

“...กระซิบบอกกูก็ได้”  มันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำเหนือแน่นอน  ผมสะกิดไอ้ฮาร์ทบอกกับมันให้กระซิบบอกมแทนก็ได้โดยที่ไม่ให้
น้ำเหนือรู้  ก็คนมันอยากเสือก 

“เสือก!” ไอ้ฮาร์ทมันผลักหัวผมก่อนที่มันจะลุกขึ้น  ไรวะนี่มีความลับไม่บอกเพื่อน  แบบนี้ต้องงอน

“โป้ง!” ผมยกนิ้วโป้ใส่มันเหมือนกับกดไลค์แต่คนละความหมายเว้ย 

“กูไม่สน” มันไหวไหล่ไม่สนผม  ไอ้เพื่อนชั่วว หึ่ม! เออว่าแต่โทศัพท์อยู่ไหนว่ะ  ผมหันซ้ายหันขวาหาโทรศัพท์น่าจะอยู่ในมือผมนะ  แต่ตอนนี้มันหายไปไหนอย่าบอกนะว่า....

“ข้าวหาไร?” น้ำเหนือถาม

“โทรศัพท์อ่ะ” ผมตอบ

“..ไอ้ฮาร์ท” น้ำเหนือชี้ไปที่ไอ้ฮาร์ทที่มันยกโทรศัพท์ผมยักคิ้วส่งให้  มึงเอาไปตอนไหน!!!

“ไอ้ข้าวกูวางไว้บนนี้นะ  ขอบคุณที่ให้ยืม” มันบอกผมพร้อมกับยิ้มอย่างขอบคุณมาให้  ไอ้ตอแหลใครให้มึงยืมตอนไหน

“มึง!” ผมกัดฟันพูดมองมัน  ทำไมผมต้องถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียววะเนี้ย ฮึ่ม ไอ้ฮาร์ท 

“^_^”   ยังทำเสแสร้งอีก  ยิ้มมึงตอแหลมากไอ้ฟาย

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” ผมพึมพำคนเดียว  อย่าเผลอนะมึงกูจะเล่นให้หนักๆเลย

“ไม่ต้องมาสาปแช่งกูนะไอ้ข้าว” มันชี้หน้าผม

“อะไรๆกูทำไร” ผมเชิดหน้าขึ้นใส่มัน  ถามมันทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ไอ้นั่งงึมง่ำๆคนเดียวแล้วจ้องกูอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อเนี้ย” มันว่า

“ไอ้มั่ว  ใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์  ชั่ว เลว ทราม!” นี่ไม่ได้ด่าว่าไรมันเลยนะครับ  ไม่เล้ย...ทุกคนต้องเชื่อผม

“มึงบริสทธิ์หรอไอ้ข้าวบูด”

“K” ผมยกนิ้วกลางให้มัน ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเอง  ยับเล้ย! ผมจัดผงจัดผมให้ดูเรียบร้อยเดินไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วเดินเลยไปหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง

“ไอ้เหนือมึงจะไปส่งไอ้ข้าวใช่ป่ะ” ไอ้ฮาร์ท

“อืม”

“เออฝากมันด้วย  แต่ถึงไม่ฝากมึงก็เต็มใจอยู่แล้วละเนอะ หึๆ”

“ใช่เหนือเป็นคนดีไม่เหมือนมึงหรอก ชั่ว!” ผมถีบมันทีหนึ่งแล้ววิ่งไปยืนรอน้ำเหนือที่ประตูห้อง   อยู่ใกล้ไอ้ฮาร์ทเดี๋ยวมันเล่นงานผม
คืน

“ปากหมางี้ไม่น่ารักเลยไอ้ข้าว” ไอ้ฮาร์ทมันส่ายหน้า

“เรื่องของกู ปากกู”

“คิดผิดคิดใหม่ได้นะไอ้เหนือ” ไอ้ฮาร์ทหันไปมองน้ำเหนือที่มองมายังผม

“..ไม่วะ” น้ำเหนือตอบกลับไอ้ฮาร์ท  ไอ้ฮาร์ทถึงกับมองบน  มันคุยเรื่องอะไรกันแล้วมันได้เกี่ยวกับที่ผมปากหมาไหม  แต่ไม่น่าใช่เพราะไอ้ฮาร์ทให้น้ำเหนือคิดผิดคิดใหม่  คิดเหี้ยไรวะ

“หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วสิ หึ” ไอ้ฮาร์ทพูดพร้อมกับแสยะยิ้มมองน้ำเหนือ

“...” ผมได้แต่ยืนเงียบ  กูรอนานแล้วคุยไรกันวะไม่รู้เรื่อง

“อืม” น้ำเหนือขานรับไอ้ฮาร์ทก่อนที่จะเดินมายังผม  ผมยิ้มให้น้ำเหนือแล้วเปิดประตูห้องเตรียมไปเรียน

“กูไปเรียนละ เป็นหมาเฝ้าห้องดีๆนะเว้ย ขากลับจะแวะซื้อกระดูกมาฝาก” ผมโบกมือไอ้ฮาร์ทพร้อมประโยชน์ที่ใช้พูดกับมันทุกครั้งเวลาที่มันอยู่ห้อง

“ส้นตีน!” ผมจึงแลบลิ้นส่งท้ายมันอีกที 

เราเดินลงมายังที่จอดรถของหอพักที่เตรียมไว้ ผมไม่ได้พูดอะไรกับน้ำเหนือตั้งแต่เดินออกจากห้องมาแล้ว  ผมว่าผมควรชินนะเพราะน้ำเหนือก็เป็นคนพูดน้อย  แต่ผมเป็นคนพูดมากไงแต่พอมาเจอคนพูดน้อยแล้วไม่รู้จะพูดอะไร  ถ้าผมชวนฝอยไปนี่จะฝอยกลับกับผมไหม  นั้นแหละครับเวลาผมอยู่กับน้ำเหนือสองคนก็จะเงียบฉี่.....




รถจอดหน้าตึกคณะนิเทศฯ คณะผมเอง ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวหยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้เบาะด้านหลงมาถือไว้เตรียมลงจากรถไปเรียน

“ขอบคุณที่มาส่งนะ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง

“..ครับ” เออหมดคำพูด ฮ่าๆๆ

“งั้นไปเรียนละ  ขับรถกลับดีๆ” ผมบอกผมกับโบกมือบายให้เล็กน้อยเปิดประตูจะลงจกรถ

“..ข้าว” ตัวผมถูกกระชากเข้ามานั่งในรถอีกครั้ง  ถึงจะตกใจที่โดนกระชากกลับก็เถอะแต่ที่ตกใจกว่าคือหน้าน้ำเหนือมันอยู่ห่างจากผม
ไม่กี่เซนเอง  รู้สึกถึงลมหายใจที่รินรดอยู่บนใบหน้าแจ่มชัดครับ  ใจเจ้ากรรมผมทำงานหนักอีกแล้วหรอ

“เอ่อ..มีอะไรรึเปล่า” ผมถามเสียงแผ่วขยับปากให้มันน้อยที่สุดเมื่อหน้าน้ำเหนือมันค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมหลับตาปี้ค่อยๆถอยออกห่างจนหลังติดกับประตูรถหมดหนทางหนี 

“เพื่อนมารอแล้วข้าว” น้ำเหนือกระซิบบอกข้างหูผม ผมค่อยๆลืมตาขึ้น  ตอนนี้น้ำเหนือห่างจากผมไปนั่งที่เดิมแล้วครับ ใจผมยังเต้น
แรงอยู่เลย  เมื่อกี้มันคือไรวะ เอ๋อแดกไหมละไอ้ข้าว

“...” ผมกลับมานั่งปกติแบบเดิม สติๆ สติจงกลับมา 

“ข้าว”

“ห้ะ เออๆๆรู้แล้วไปนะ” ผมบอกแล้วรีบโดดลงจากรถน้ำเหนือทันทีพร้อมกับปิดประตูดังปัง  ไม่สนว่ารถจะราคาเท่าไรประตูจะพังไหม  คือกูไม่รู้อะไรเลย  คือตอนนี้ต้องวิ่งอย่างเดียว 

“ไอ้ข้าว..ไอ้ข้าวบูดโว้ยยย!!”

“...”ผมยังคงวิ่งต่อ  เสียงใครไม่รู้เรียก

“เชี้ยข้าว! วิ่งหนีกูไมเนี้ย”

“ห้ะ?” ผมหันไปมองเพราะถูกจับไว้

“มึงเป็นไรของมึงเนี้ย” ไอ้เพียวมันโบกมือไปมาต่อหน้าผม

“ปะ เปล่า” เอ้าแล้วไมเสียงกูติดอ่างไปได้วะเนี้ย

“แน่ใจ๋?” มันมองผมอย่างไม่เชื่อที่ผมพูด

“เออ..” ผมตอบ

“แล้วมึงวิ่งหนีกูไม  กูเรียกมึงจนเจ็บคอแล้ว” ไอ้ตอแหล

“รีบไปเรียนไง” ผมบอก มันขมวดคิ้ว

“เพิ่งเที่ยงนิดๆเอง  ปกติมึงเข้าคาบเรียนตรงเวลาเป๊ะๆไม่ใช่ไง”  ก็จริงอย่างที่ไอ้เพียวว่าครับ  ผมจะชอบเข้าวิชาอาจารย์คนนี้คาบเส้น
ตายคือประตูจะปิดตรงเวลา พอเข้าบ่ายโมงปุ๊บประตูจะปิดปั๊บ  ผมมักจะเข้าตอนหนึ่งนาทีสุดท้ายเสมอ

“อ๋อหรอๆ”

“มึงเป็นอะไรมากป่ะเนี้ย สมองไปกระทบกระเทือนอะไรรึเปล่าวะ” ไอ้เพียวมันจับหัวหันหน้าหันหลังหันขวาหันซ้าย เออเอาที่มึง
สบายใจเลยเพื่อนรัก

“จะกระเทือนเพราะมึงเนี้ย” ผมบอกมัน มันจึงยอมปล่อย

“เออว่าแต่เมื่อกี้ใช่รถไอ้เหนือป่ะ?”

“อืม..กูหิววะไปหาไรกินกันยังไม่ได้กินข้าวเลย” ผมบอกพร้อมลากแขนมันให้เดินไปกับผมด้วย

“ไม่รอไอ้เวฟก่อนหรอว่ะ” ไอ้เพียวถาม

“มันฟื้นยังเหอะ  แดกไปเมื่อวานตั้งเยอะไม่ใช่รึไง”

“มันโทรมาบอกกูให้รอขึ้นห้องพร้อมกัน”

“เออๆถ้ามันโทรมาก็บอกว่าเราอยู่โรงอาหารดิ”

“เออ  นี่หิวขนาดนั้นเลย” ไอ้นี่ก็ถามแปลกก็ยังไม่ได้กินข้าวก็ต้องหิวสิวะ

“เอออย่าถามมากดิวะ เดี๋ยวกูโมโหหิวแล้วมึงจะซวย” ผมลากไอ้เพียวมาจนถึงโรงอาหาร  บอกให้มันจองโต๊ะเพราะถามมันแล้วว่ามึง
จะแดกกับกูมัน  มันส่ายหน้าแสดงว่าไม่กิน  แต่มันสั่งให้ผมซื้อน้ำอัดลมมาเผื่อมันเท่านั้น ผมซื้อข้าวราดแกงธรรมดาเพราะง่ายดีครับ  ขี้เกียจรอตามสั่งมันนานก็ไปซื้อน้ำตามที่ไอ้คนนั่งจองโต๊ะฝากมา

“ได้แล้วจ้ะ” แม่ค้าร้านน้ำบอกผมจ่ายเงินแล้วจะหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะแต่มีมือปริศนามาแย่งไปก่อน ผมหันไปมองไอ้คนบังอาจ
มาแย่งแก้วน้ำผมทันที 

“นี่!!” ผมหันไปแวดใส่ทันที  น้ำกูเว้ย  แม่งยกดูดจ๊วฟๆจนหมดแก้วด้วย 

“..ข้าว?”

“…” อะไรรู้จักกูด้วย  กูรู้กูดังไม่ต้องมาทำเป็นใสซื่อแดกน้ำกูไปไม่รู้จักขอโทษยังมีหน้ามามองอีก

“ข้าวใช่ไหม?” เออใช่  มึงมีปัญหาอะไร

“ครับ”ผมตอบส่งๆไป

“จริงด้วย  พี่ก็ว่าหน้าคุ้นๆอยู่”

“...” ผมขมวดคิ้ว  ผมไม่ยักจะจำเขาได้  ใครว่ะ? จะใครช่างเถอะแต่กูจะเอาค่าน้ำ

“จำพี่ไม่ได้หรอ?” เออจะอาตรงๆก็จำไม่ได้ไง

“เอ่อครับ  ผมขอค่าน้ำคืนด้วย คุณแย่งแก้วน้ำผมไป” ผมบอกพร้อมแบมือขอตังค่าน้ำ

“ยังกวนเหมือนเดิมเลยนะเรา” เขาว่าแล้วก็ยีหัวผมจนยุ่งเยิง

“นี่!” ผมปัดมือเขาออกจากหัวผมแล้วจัดทรงผมตัวเองแบบลวกๆมองคนที่ส่งยิ้มให้ผม

“ไม่เจอกันแค่กี่ปีเอง  โตแล้วน่ารักกว่าตอนม.ปลายอีก” ม.ปลาย?

“อะไรของคุณ  พูดไรไม่รู้เรื่อง เอาค่าน้ำมาอย่าเปลี่ยนเรื่องรีบจ่ายๆมา” ผมเท้าเอวแบมือของตังตรงหน้า

“งั้นพี่จะซื้อให้ใหม่..ป้าครับเอาเหมือนเดิมแบบเมื่อกี้นะครับ” เขาบอกผมแล้วหันไปสั่งป้าขายน้ำแล้วหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง  บ้าป่าวว่ะ

“...” ผมรอป้าไม่นานก็ได้ ผมหยิบแล้วเดินออกมาจากร้านทันที

“เดี๋ยวดิ” ผมมองผู้ชายตรงหน้าที่เขามาขวางทางผม

“อะไร?” ผมตอบเสียงห้วน  หงุดหงิดแล้วเว้ยจะไปแดกข้าว

“พี่ยังรอคำตอบเราอยู่นะ” เขาทำหน้าจริงจัง

“คำตอบ?” ผมถามอย่างสงสัยคำตอบอะไรวะ

“อืม..”เขาพยักหน้า

“ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการคำตอบอะไรนะ  เอาจริงป่ะผมไม่รู้จักคุณวะ  จำไม่ได้ด้วย โทษทีคงให้คำตอบไม่ได้วะ” ผมบอกแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ก็ถูกดักเอาไว้อีก  อะไรของเขาอีกวะ

“นี่ข้าวจำพี่ไม่ได้จริงๆหรอ งั้นข้าวก็ลืมเรื่องวันนั้นแล้วดิ”

“ครับ เรื่องอะไรคุณก็บอกผมมาเลย แล้วคุณพี่เป็นใครก็บอกผมมาเผื่อผมจะจำได้” ผมบอกอย่างใจเย็น ถึงแม้ตอนนี้จะหงุดหงิดแล้วก็เถอะ

“พี่ชื่ออาร์ม” อาร์ม?  คือมันกว้างไปไหมว่ะ

“ครับแล้ว?” ผมถามต่อ

“พี่อาร์ม ห้องสอง โรงเรียน... เคยสารภาพว่าชอบข้าวช่วงกีฬาสี แต่ตอนนั้นข้าวปฏิเสธพี่ไปเพราะข้าวมีคนที่ชอบอยู่แล้ว  แต่พี่ก็ยังไม่
ยอมยังตื้อเราอยู่จนวันพี่เรียนจบก็ไปหาข้าวอีกครั้งแล้วบอกชอบข้าวถึงจะโดนปฏิเสธอีกรอบก็เถอะ พี่จึงบอกกับข้าวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเราต่างคนต่างไม่มีใครแล้วกลับมาพบกันอีก...” เขาพูดยิ้มๆมองหน้าผม

“...” ผมพอจะนึกออกแล้วครับ  พี่อาร์มห้องสอง  เขาเคยมาสารภาพกับผมว่าชอบผม  ผมจำได้แล้ว...แต่เรื่องคำตอบอะไรที่พี่เขาว่า
นั้นผมกลับจำไม่ได้

...เราจะตกลงคบกัน” ผมเงยหน้ามองเขาอย่างอึ้งๆ  ทำไมผมจำช่วงนี้ไม่ได้วะ

“..เอ่อคือ” ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

“ข้าวอย่าเพิ่งตอบพี่ก็ได้” พี่เขาบอกยิ้มอ่อนโยนให้ผม

“อ่าครับ”

“ไปกินข้าวเถอะ พี่ไม่กวนเราแล้ว”

“ครับๆ” ผมพยักหน้าแล้วบอกขอตัว  ผมเดินกลับมายังตะที่มีไอ้เพียวนั่งจองอยู่  กลับมาพร้อมสภาพมึน งง  ไม่งงได้ไง  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปตกลงแบบนั้นตอนไหน  โอ๊ยยอิข้าวเอ้ย  มึงไปตกลงอะไรกับเขาไว้ !!!  ผมเอาหัวโขกโต๊ะเมื่อนั่งลงแล้ว

“เฮ้ยๆๆเป็นไรเดี๋ยวหัวก็แตกหรอก” ไอ้เพียวมันทักขึ้น  ผมหยุดโขกหัวกับโต๊ะแล้วค่อยๆเงยหน้ามองมัน

“ฮือออ ไอ้เพียวริคุ…” ผมแทบน้ำตาไหลพราก

“เฮ้ยเป็นไรใครทำไรมึงบอกกูมา”

“กูจะทำไงดี  กูไปตกลงอะไรไม่รู้ไว้ แงงงงง”

“เอ้อๆๆใจเย็นก่อนน มีไรค่อยพูดเว้ย” มันตบบ่าผมเบาๆ

“ฮึก กูไปตอบตกลงว่าจะคบกับพี่เขาถ้ากูยังไม่มีแฟน” ผมบอกมันพร้อมกับจับแขนมันไว้แน่น

“พี่? ใครว่ะ?” มันขมวดคิ้วถาม

“พี่อาร์ม เรียนที่โรงเรียนเดียวกับกูแต่เป็นรุ่นพี่  เขาเคยมาสารภาพว่าชอบกูแล้วบอกว่าถ้าเจอกันแล้วต่างคนต่างไม่มีแฟนเราสองคนจะ
ต้องคบกัน...ไอ้เพียวววววววกูควรทำไงงง  กูยังไม่มีแฟนด้วย แงงงงงงงงง” ขงข้าว ณ จุดๆนี้ไม่หิวแล้วเว้ย

“...” มันเงียบ

“ไอ้เพียวอย่าเงียบบช่วยกูคิด”

“เออช่วยอยู่!” มันบอก

“เร็วๆๆ กูควรทำไง”

“งั้นเอางี้  มึงชอบไอ้เหนือใช่ไหม”

“อืม” ผมพยักหน้ากระพริบตาถี่ๆมองมัน

“งั้นมึงก็ต้องทำให้ไอ้เหนือเป็นแฟนมึงให้ได้” โถ่ไอ้เหี้ย  ถ้าง่ายขนาดนั้นกูคงได้เป็นแฟนน้ำเหนือนานแล้ว  อีกอย่างกลัวน้ำเหนือจะ
เกลียดผมที่คิดไม่ซื่อกับเขา

“แต่กูกับน้ำเหนือเป็นเพื่อนกัน  แล้วถ้าเหนือรู้กูกลัวเหนือเกลียดกู”

“งั้นมึงก็แค่เป็นแฟนกับคนที่มึงไม่ชอบนั้นละ  แค่นั้น” มันว่าแล้วก็ดูดน้ำกิน

“ไม่เอา!! แล้วมึงจะให้กูทำไง” ผมว่าเสียงอ่อน  ไอ้เพียววางแก้วน้ำดังปึก น้ำขงน้ำแข็งแทบกระเด็นใส่หน้าผม

“รวบหัวรวบหางไอ้เหนือให้เป็นของมึง”

“ห้ะ!!”

“มึงจะเสียงดังไปทำไหมไอ้ข้าว” มันส่ายหน้าระอากับผม  ไอ้เวรไม่ห้ะได้ไงดูวิธีมันสิครับ

“กูตกใจวิธีมึงมัน...”

“ถ้าไม่ทำมึงก็ยอมคบกับพี่องพี่อาร์มอะไรนั้นไปเถอะ  จบ!” มันบอกจบก็ลุกเดินจากโต๊ะไปเลย 

“ไอ้เพียวววว..” ผมร้องโหยห้วนเมื่อมันเดินจากไป  วิธีรวบหัวรวบหาง  ผมเข้าใจความหมายมันดีแต่จะให้ผมไปทำมันก็...โอ๊ยยย ไอ
แอมเวียนเฮด  ฮืออ อยากตายจริงเว้ย   ทำไมฟ้าต้องส่งไอ้พี่อาร์มมาในช่วงเวลาที่ข้าวหอมคนนี้ยังไม่มีแฟนด้วย  มันโหดร้ายยิ่งหนัก
กก



TBC.
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-07-2016 21:24:42
มีพี่อาร์มมาเป็นตัวกระตุ้นแบบนี้ เหนือคงรีบขอข้าวเป็นแฟน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 02-07-2016 21:40:49
อุยย ไม่รีบไม่ได้แล้ว เหนือเอ้ย
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-07-2016 21:55:46
คงไม่สำคัญพอที่ข้าวจะจำได้นะคะพี่อาร์มมมมมม  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-07-2016 23:31:35
ต่างคนต่างกลัวเนอะ เข้าใจอะ

แต่จริงๆน้ำเหนือก็ไม่ได้ปิดนะเนี่ย ออกจะหวงออกนอกหน้าขนาดนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2016 07:09:22
นี่ถ้าฮาร์ตอยู่ด้วยแก้ปัญหาฉลุย :katai2-1:
แล้วถ้าเหนืออยู่ด้วย คงแสดงตัวเป็นแฟข้าวไปและ ปัญหาก็จบ หวงซะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-07-2016 09:51:30
ข้าวจบกดเลยจร้า เหนือคงเต็มใจยอม  :laugh:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 03-07-2016 10:25:43
รวบหัวรวลหางทำเลยค้าาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 03-07-2016 20:51:21
เหนืออกตัวให้ไวเลยพี่อาร์มมาแย้วววว :katai1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-07-2016 21:01:18
ช้าหมด อดนะเหนือ มัวแต่ลีลา  :katai1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.7 #By : Cencer[02/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 05-07-2016 10:18:32
คิดถึงนะคะ เหนือ^^
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[07/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 08-07-2016 01:36:19

8

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“ไอ้ข้าว”

“...”

“ข้าว..”

“...”

“เหี้ยข้าว!!”

“ห้ะ!! อะไรๆ” ผมหันรีหันขว้างหาต้นเสียงที่ตะโกนเรียกผม

“เหม่อเชี้ยไรของมึงวะ” ไอ้เพียวถาม

“เปล่า” ผมตอบเสียงเบา  เฮ้อออ  ... กูต้องทำไงดีวะเนี้ย

“หึ คิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันรึไง” ก็เออสิวะ  รู้แล้วยังเสือกถามอีก 

“เออ..แล้วไอ้เวฟหายหัวไปไหน” ผมถามไอ้เพียวเพราะในห้องปฎิบัติการมีแค่ผมกับไอ้เพียว วันนี้เจ้โหดปล่อยเร็วครับพวกผมจึงหาที่
สิงสถิตกัน  ขี้เกียจไปนั่งด้านนอก  มีห้องเป็นของเด็กนิเทศแล้วก็สถิตกันเป็นเจ้าที่อยู่ที่ของตัวเองดีกว่า  มีแอร์เย็นๆ มีโปรเจคเตอร์ มีเครื่องมือปฎิบัติการหลายอย่าง  สบายครับ  พวกผมใช้ได้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตอะไร  แต่ใช้แล้วต้องรักษา...

“เห็นมันบอกไปซื้อของกินวะ”

“อืมๆๆๆ” ผมพยักหน้าส่งๆแล้วก้มลงเล่นเกมส์ในโทรศัพท์แทน

“ว่าแต่มึงเถอะจะเอาไงกับเรื่องนั้น” ไอ้เพียวเลิกคิ้วถาม ผมเบะปากส่ายหน้า  ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง  จะเริ่มต้นยังไง 

“จะให้กูไปรวบมันจริงๆหรอวะ” ผมถามมันอย่างขอความเห็น

“ก็ถ้ามึงไม่ทำ  มึงจะยอมเป็นแฟนกับไอ้รุ่นพี่นั่นป่ะละ”

“ไม่!” ผมส่ายหน้ารัว

“งั้นมึงก็ต้องไปเอาไอ้เหนือ” มึงนี่ก็พูดง่ายนักนะ

“เหนือมันจะยอมให้กูเสียบหรอวะ” ผมถาม 

“เอ่อข้าว” ไอ้เพียวมันทำหน้าเซ็งๆ ก่อนที่จะตอบผม

“อะไร?”

“มึงยังมีหน้ามาถามว่าอะไร  อย่างมึงนะจะไปเสียบใครเขาได้  ดูหนังหน้า ดูสรีระร่างกายมึงดูเว้ย  อ่ออีกอย่างกูคิดว่ามึงมากกว่าที่สมควรโดนเขาเสียบ” หน้าอย่างอิข้าวเนี้ยทำไมจะเสียบใครไม่ได้วะ โด่วว ดูถูกกู

“ไอ้ฟายดูถูกกูนักนะ” ผมตีแขนมันรัวๆแรงๆ 

“ไอ้ข้าว  กูเจ็บ!” ไอ้เพียวมันหลบผมที่กำลังตีมัน

“ก็มึงว่ากูเสียบใครไม่เป็นอ่ะ” ผมกัดฟันมองมัน กำปั้นจะทุบมันอีกรอบ

“ก็มันเป็นเรื่องจริง  ยอมรับความจริงครับคุณข้าวบูดดดดด” ไอ้เพียวมันจิ้มๆที่หัวผมเน้นๆ ผมปัดมือมันทิ้งแล้วสะบัดหน้าหนี  มันหัวเราะหึ

“ขำอะไรกันวะพวกมึง” ไอ้เวฟเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมที่อาสาออกไปซื้อมา “แล้วไมทำหน้าแบบนั้นไอ้ข้าว  มึงทำอะไรมันไอ้เพียวริคุ” ไอ้เวฟวางของลงบนโต๊ะ  มันหันไปเขี่ยไอ้เพียวให้เหยิบ ไอ้เพียวก็ทำตามเหยิบให้มันนั่ง

“เปล่า..” ไอ้เพียวไหวไหล่ไม่ใส่ใจ

“แน่?” ไอ้เวฟถามอีกครั้ง

“เออ  ไม่เชื่อก็ถามมันดิ” ไอ้เพียวบุ้ยปากมาทางผม ผมเบ้ปากใส่มันอย่างหมั่นไส้

“ไม่มีไร ว่าแต่ซื้อไรมาแดกบ้างวะ” ผมถามมันไปงั้นแหละครับเพราะตอนนี้มือผมก็จับๆของในถุงที่มันซื้อมาเทกองบนโต๊ะเลือกๆเอามากิน

“ไอ้ข้าวๆ”

“ว่าไง” ไอ้เพียวมันกระดิกนิ้วเรียก  ผมจึงเอียงหูไปหามัน  มันป้องปากไว้ไม่ให้ไอ้เวฟที่ตอนนี้กำลังเดินไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับโปรเจคเตอร์

“กูว่าเราลองถามเรื่องนี้กับไอ้เวฟดู” ผมขมวดคิ้วมุน

“ถามไอ้เวฟเนี้ยนะ?” ผมพูดเสียงเบาๆให้พอได้ยินกันสองคน  ผมว่าไอ้เพียวมันน่าจะช่ำชองเรื่องพวกนี้มากกว่าไอ้เวฟอีกนะ ก็แม่งเล่นล่อสาวไม่เว้นวัน  แล้วอย่างไอ้เวฟถึงมันจะนิสัยกะล่อน เจ้าชู่ มั่วหญิงเหมือนกันแต่ไอ้เวฟยังถือว่าน้อยกว่าไอ้เพียวด้วยซ้ำไป

“กูว่ามันช่วยมึงได้นะไอ้ข้าว” ไอ้เพียวมันพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง

“งั้นมันก็ต้องรู้เรื่องกูชอบ..”

“ชอบอะไรวะไอ้ข้าว?”

เฮือก ! ไอ้เหี้ยแม่งตกใจ  มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“...”

“ตกใจเชี้ยไรของมึง  ว่าไงชอบไร  ไอ้เพียว”  ผมไม่ได้ตอบไอ้เวฟมันจึงหันไปถามไอ้เพียวแทน  ไอ้เพียวทำหน้าเลิกลั่กเสมองไปทางอื่น

“เอ่อ..ไม่มีไรหรอก” ผมตอบ  ไอ้เวฟมันหันมาจ้องผมเขม็ง  อย่ามาทำหน้าโหดใส่กูไอ้นี่  คิดว่ากูกลัวหร๊อ...

“มึงสองตัวมีไรไม่บอกกู  มึงเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหมวะ  มีความลับกับกูหรอ  กูแม่งนอยสัสๆ  เออใช่สิกูมันไม่สำคัญนิ เออไอ้ข้าวเออไอ้เพียวกูไม่ใช่เพื่อนมึงใช่ไหม  แม่งรู้กันอยู่สองคน  ... หึ เรื่องของพวกมึงแล้วกันกูไม่ยุ่งก็ได้ !!”  ไอ้เวฟมันสบัดหน้าหนี นั่งกอดอก
ทำหน้างอนๆ  ผมกับไอ้เพียวหันมามองหน้ากัน

“เอาไงดีวะมึง” ผมทำปากให้ไอ้เพียวมันอ่านเอา 

“บอกมันไปเถอะ” ไอ้เพียวว่า  จะดีหรอวะ

“...” ไอ้เวฟมันเชิดหน้าขึ้นให้รู้ว่านี่กูงอนมึงมากละนะ 

“จะดีหรอว่ะ” ผมพูดกระซิบ

“อืมๆ” ไอ้เพียวมันผลักผมให้ไปคุยกับไอ้เวฟ

“ไอ้เวฟ” ผมสะกิดแขนมัน  มันสะบัดออก 

“...”

“เวฟจ๋า..” ผมเรียกมันเสียงอ่อนเสียงหวานนี่กูยอมง้อมึงเลยนะเว้ยไอ้หำ  หันมาให้กูได้เห็นหน้าหน่อยเส่ !!

“...” ยังเงียบ

“ตัวเองงง เค้าง้อแล้วนะหันมาคุยกันดีๆเร๊ววว!!” ผมเข้าไปกอดแขนมัน

“เชอะ!” ไอ้เวฟถามจริงมึงตุ๊ดป่ะเนี้ย  สะดิ้งซะ

“งอนไรเค้าอ่อเตง  หันมาคุยกันดีๆสิจ้ะ” ผมดัดเสียงให้อ่อนหวานที่สุด  มันหันมามองหน้าผมเล็กน้อยแล้วมันก็สะบัดหน้าหันไปอีก  ระวังเถอะคอจะหัก 

“...”

“ไอ้เพียวทำไงดีวะ” ผมหันไปหาไอ้เพียวให้ช่วยอีกแรง  ไอ้เพียวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“ไอ้เวฟอย่ามากระแดะ” ไอ้เพียว

“เออสิ  ทำไรก็เรื่องของพวกมึงไม่ต้องมาง้อกูไอ้ข้าว!”

“เออสัส  ไม่ได้อยากง้อเลย  จะงอนก็เรื่องของมึง  ไปไหนก็ไปเลยไป!” ผมบอกมัน  ไอ้เวฟฮึดฮัดก่อนที่จะตวัดสายตามาจ้องผมกับไอ้เพียวสลับกัน  ผมกอดอกมันมันนิ่งๆ  ส่วนไอ้เพียวหยิบโทรศัพท์มากดๆ 

“โถ่ พวกมึงอ่ะง้อกูอีกนิดไม่ได้หรอวะ  เออหายงอนก็ได้” ผมถึงกับยิ้มในใจ  แต่ต้องทำหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจมันก่อน  ไอ้เพียวหัวเราะหึออกมา  เป็นปกติเวลาที่ไอ้เวฟมันงอน  ถ้าหากว่าพวกผมง้อมันไม่หายก็จะปล่อยให้มันหายเองแบบนี้แหละครับ  ไม่ง้อมันให้เปลื้องกำลังหรอก ฮ่าๆๆๆ

“หึ ก็แค่นั้น” ไอ้เพียวว่า

“กูละเกลียดพวกมึง” ไอ้เวฟมันว่าแล้วตบหัวผม  ไอ้นี่นิใช้กำลังตล๊อดด

“ตบหัวกูทำไมไอ้เวรนี่” ผมลูบหัวตัวเองยู่ปากใส่มัน

“ว่าแต่จะบอกได้ยังมีไรที่กูไม่รู้ เอาดีๆและสาระ” 

“จะรู้ให้ได้เลยใช่ไหมวะ” ผมว่า  ไอ้เวฟพยักหน้าแกะขนมกิน

“เออ!!!”

“กูชอบเหนือ” ผมพูดเสียงเบา

“อะไรวะ  ไม่ได้ยินพูดให้มันดังๆหน่อย” ไอ้เวฟมันเอียงหูมาหาผม

“กูบอกว่ากูชอบเหนือ” ผมพูดรัว

“ไอ้-ข้าว” ไอ้เวฟเน้นชื่อผม ทำหน้าอย่างโหด

“กู-ชอบ-เหนือ .. พอใจยัง!” ผมพูดเน้นคำชัดๆ

“..หึๆ” อ้าว  มาขำซะงั้น  ขำเชี้ยไรของมึงไอ้เวฟ 

“ขำไร?” ผมถามมัน  มันจึงหัวเราะลั่น  ผมขมวดคิ้วยุ่ง  มันใช่เรื่องตลกรึไงวะ  ผมจึงตีมันไม่ยั้ง  ขำเรื่องกูใช่ไหมมึง  พ่อจะเล่นให้เป็นแผลเลย

“มึงชอบไอ้เหนือจริงดิ”

“ไม่จริง” ผมตอบ

“อ้าว..” มันทำหน้าเซ็ง 

“มึงก็อย่าไปสนใจไอ้ข้าวเลย  จริงๆมันชอบไอ้เหนือนั่นละ” ไอ้เพียวบอก

“มึงเองก็รู้เรื่องนี้ใช่ไหม” ไอ้เวฟหันไปถามไอ้เพียวแทน

“เออรู้” ไอ้เพียว

“ทำไมมึงถึงบอกแค่ไอ้เพียววะข้าว  กูก็เพื่อนมึงนะเว้ย”

“แล้วมึงคิดว่ากูตั้งจบอกมันรึไงห้ะ!”  ผมตอบมันเซ็งๆ  ใครมันจะไปตั้งใจบอกความลับที่ปิดมาหลายปีของตัวเองกันละ  เป็นเพราะ
เหล้าแท้ๆ  ความลับรั่วไหลพรั่งพรูหมด  แล้วเป็นไอ้ตัวเหี้ยที่ได้ยินด้วย โอ๊ยยย  พอมันรู้นะ  ผมงี้แทบทุบหัวตัวเองตายๆไปเลย

“หึ มันเมาเลยหลุดออกมา” ไอ้เพียวมันว่า

“แล้วตอนนั้นกูอยู่ด้วยป่ะ?” ไอ้เวฟถาม 

“อยู่ แต่มึงหลับไปแล้ว” ไอ้เพียวตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“แต่มึงก็น่าจะบอกกูด้วยนิ”

“ก็บอกแล้วไงวะไอ้เวฟมึงอย่าเยอะเดี๋ยวกูโบก” ผมบอกมันพร้อมทำท่าจะโบกมันอย่างที่บอก มันเบ้ปากใส่ผม  เดี๋ยวเหอะมึง 

“มึงรู้ก็ดีแล้วจะได้ช่วยกันคิด” ไอ้เพียว

“คิดไรวะ” ไอ้เวฟถามอย่างสงสัย ปากก็เคี้ยวขนมตุ้ยๆ 

“ไอ้ข้าวเล่าดิ  เรื่องของมึงอ่ะ” ไอ้เพียวมันโยนมาให้ผมเล่าให้ไอ้เวฟฟัง 

“ก็...” ผมเล่าเรื่องตั้งแต่ที่ผมแอบชอบน้ำเหนือและก็เรื่องพี่อาร์มทั้งอดีตและปัจจุบันที่เพิ่งพบเมื่อตอนเที่ยงให้ไอ้เวฟฟังอย่างละเอียด 

“อืมๆ” ไอ้เวฟมันพยักหน้า แกะขนมอีกห่อกิน  หยุดกินก่อนไม่ได้รึไงวะ  แดกเยอะละเหอะ

“ก็ตามนี้แหละ” ผมบอก

“แล้วมึงจะเอาไงว่ะทั้งเรื่องไอ้เหนือแล้วก็เรื่องพี่อาร์มมึงอ่ะ” ไอ้เวฟถาม

“ที่กูเล่าให้มึงฟังเนี้ย  ไม่เข้าใจ?” ผมถามมัน  กูเล่าให้มึงฟังละเอียดแล้วนะ  ต้องให้กูเล่าอีกรอบหรอ

“เออก็นั้นละมึงจะเอายังไงกับไอ้เหนือ”

“กูบอกให้มันไปปล้ำไอ้เหนือ” ไอ้เพียวมันแทรกขึ้น 

“เอาจริงดิข้าว?” ไอ้เวฟเลิกคิ้วถามผม

“ไอ้บ้า! ใครมันจะไปกล้าวะ”

“งั้นมึงก็ต้องคบกับไอ้พี่อาร์มนั่น เอาไง” ไอ้เพียวว่า  ผมส่ายหัว  ไม่เอาต้องให้บอกกี่รอบวะ  ว่ากูชอบน้ำเหนือ  ไม่ได้ชอบพี่อาร์ม 
แต่ไอ้สัญญาไรนั่นกำลังจะเล่นงานผม  เฮ้อออ  ตายแน่ๆเลยข้าวเอ้ย!!

“อืม  งั้นเอางี้” ไอ้เวฟมันทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนจะเรียกเรามาสุมหัว ผม เพียว เขยิบเข้าไปหาไอ้เวฟ

“ยังไงๆ” ผมถามมันอย่างตื่นเต้น 

“เอางี้...” ไอ้เวฟมันก็บอกๆแผนที่มันคิดได้  มันบอกจะให้ผมไปอ่อยเหนือ  ผมถึงกับอึ้งเลยครับความคิดมันยิ่งกว่าไอ้เพียวอีกไหม  ดูแต่ละอย่างที่มันบอกผมนะ อื้อหื้อกันเลยทีเดียว  ฟังไอ้เวฟพูดผมก็คิดภาพตาม  คิดแล้วก็รู้สึกขนลุกเหมือนกัน

“จะดีหรอวะ” ผมถามเมื่อมันบอกจบ

“ดีดิวะ  พี่เวฟซะอย่าง หึๆ” 

“กูก็ว่าดีนะเว้ยไอ้ข้าว” ไอ้เพียวเสริมทับอีก เออเข้ากันดีจริงนะเรื่องแบบนี้นะ

“กูขอมันซอฟๆกว่านี้ได้ป่ะวะ” ผมบอกมัน

“เรื่องมากว่ะไอ้ข้าว”ไอ้เวฟมันผลักหัวผม

“นะๆ  กูแบบไม่กล้าวะ”

“เออๆก็ได้  งั้นเอาแบบซอฟๆ”

“อื้อๆ” ผมยิ้มกว้างทันที  ไอ้เพียวถึงกลับส่ายหน้าปลงๆ

“แต่ก่อนอื่นเราจะมาตั้งชื่อแผนการนี้ก่อน”  เอิ่ม...ถึงขนาดมีชื่อเลยเว้ย

“ชื่อ?/ชื่อ?” ผมกับไอ้เพียวพูดขึ้นมาพร้อมกัน  ไอ้เวฟยิ้มได้โคตรน่ากลัวครับ  คงไม่ใช่ชื่ออะไรแผลงๆนะ

“...แผนการอ่อยยังไงให้ได้ผัว

“...”

“...” ผมกับไอ้เพียวหันมามองหน้ากันก่อนจะหันไปมองไอ้เวฟที่ทำหน้าพอใจกับชื่อแผนการที่ตัวเองตั้ง

“สนับสนุนโดยพี่เวฟคนหล่อแห่งคณะนิเทศฯ”  เอาที่มึงสบายใจเลยไอ้เวฟ  ไม่ขัดๆ

“จ้ะ” ผมบอกมันไปส่งๆ  เฮ้อออ  แค่ชื่อนี้ก็บ่งบอกถึงสิ่งที่ต้องทำแล้วครับ

“ตามนี้นะข้าว ซอฟที่สุดแล้ว  ดีกว่ากูไปวางยาปลุกไอ้เหนือมัน หึๆ” ไอ้เวฟว่า

“เออไงก็ได้  ขอแค่กูไม่เสียตัวก็พอ” ผมว่า

“ไอ้ข้าวเอ้ย! ยังไงซักวันมึงก็ต้องเสียตัวละวะ  จริงๆกูว่าแค่มึงไปตีหัวไอ้เหนือแล้วลากเข้าป่าก็จบแล้ว”

“ไม่เอาเฟ้ย”

“หึๆ  งั้นทำตามที่ไอ้เวฟว่านะไอ้ข้าว” ไอ้เพียวเหยียดยิ้ม  เออเรื่องสนุกสำหรับพวกมึงเลยนิ  เหอะๆ กูเนี้ยสิไม่หนุก

“เอออ!!” ผมตอบกระแทกเสียง

“วิธีแรกมึงต้องไปชวนไอ้เหนือคุยแบบเนียนๆ” แค่วิธีแรกมึงกูก็ตายละเหอะ  คิดได้เนอะ ผมทำหน้าเซ็งทันที

“เหนือมันพูดแทบนับคำได้  กลัวดอกพิกุลจะหลุดออกจากปากเหอะ มึงจะให้กูไปฝอยคนเดียวรึไงวะ” ผมว่า

“เออวะ  กูลืมไปไอ้เหนือมันพูดน้อย ฮ่ะๆ  งั้นเอาวิธีใหม่” ไอ้เวฟทำท่าคิด

“แต่กูว่าเอาอย่างที่ไอ้เวฟมันบอกไปนั้นละ  แต่มึงแค่เพิ่มจริตการอ่อยเพิ่มไปหน่อย” ไอ้เพียวพูดขึ้นบ้าง

“ยังไง?” ผมถาม  จะให้กูจริตยังไงวะ  กูทำไม่เป็น  กูผู้ชาเว้ยไม่ใช่ผู้หญิง

“มึงก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน  อ่อยิ้มหวานๆด้วยนะมึงเอาให้ไอ้เหนือมันเงิบไปเลย” ไอ้เพียวบอก

“แบบนี้ป่ะ?” ผมลองยิ้มให้มันดู

“ไอ้เหี้ยข้าว  นั้นมึงยิ้มหรอห้ะ ฮ่าๆๆโอ๊ยยกูขำเหี้ยๆ” ไอ้เวฟกุมท้องหัวเราะลั่น

“อะไร  มันไม่หวานหรอวะ” ผมถาม  ผมว่าผมยิ้มหวานแล้วนะ  ไอ้เพียวส่ายหน้าก่อนตอบ

“เห็นแล้วสยอง หึ”

“ไอ้..” ผมทำท่าจะด่ามัน ไอ้เพียวมันจึงยกมือห้ามซะก่อน

“เอาน่าๆยิ้มไงก็ยิ้มไปเถอะ  แล้วก็หยอดคำหวานๆไปเยอะๆเวลาคุยกับมันนะไอ้ข้าว  เชื่อสิมันชอบ” ไอ้เพียวว่า

“มึงมั่นใจได้ไงว่ามันชอบ”

“เออน่าลองดู  เอาประมาณนี้ไปก่อนชวนคุย  พูดหวานๆ ยิ้มสยองๆของมึงนั่นละ ฮ่าๆๆ”

“ไอ้ฟายยยย  ใครยิ้มสยองกัน ฮึ่ย!” ผมเข้าไปทุบตีมันรัวๆ  พวกมันก็ขำสนุกไปสิที่แกล้งผมได้   



คณะวิศวะฯ

อันตัวกูนี่มาทำอัลไลที่แห่งหนนี้  ฮ่ะๆ  สงสัยละสิว่าข้าวหอมคนนี้มาทำอะไรที่คณะวิศวะที่อยู่ห่างจากคณะตัวเองนู้นนนนนน....เรียกได้ว่าไกลชิบหายเลยครับ  ไอ้เพียวมันขับรถมาส่งผมเองเลยนะเว้ย  พอส่งเสร็จปุ๊บก็ขับออกไปทันที  เรียกได้ว่ามึงมาทิ้งกูไว้ให้หาทางรอดกลับไปเองใช่ไหม  อืม...ก็อย่างนั้นละครับ  มีให้กำลังใจผมก่อนไปด้วยนะ

‘สู้ๆนะไอ้ข้าว  กูขอให้มึงได้ไอ้เหนือเป็นผัวในเร็ววัน’

“ข้าว”

เฮือก!! ใครมาแตะต้องตัวกูวะเนี้ย  ผมค่อยๆหันไปมองว่าใครมันมาทักผม  ตกใจหมด  นี่ถ้าหัวใจวายตายจะทำไง

“พะ พี่อาร์ม..”

“ครับพี่เอง ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้”พี่อาร์มยิ้มบางให้ผม

“เอ่อ..” ผมคิดหาคำตอบว่าจะตอบพี่อาร์มยังไงดี

“หรือว่ามาหาพี่ ฮ่ะๆ”

“ห้ะ!?!” ผมอ้าปากค้าง  พี่อาร์มขำเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า  พี่อาร์มบีบแก้มผมเบาๆ

“รู้รึเปล่าทำหน้าแบบนี้พี่ยิ่งหลงเรานะ”

“แหะๆ แล้วพี่ละครับมาทำอะไรแถวนี้หรือว่าเรียนวิดวะ” ผมยิ้มแห้ง  พี่อาร์มยีหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะตอบ

“เปล่าพี่เรียนสถาปัต ..ว่าแต่จะบอกได้รึยังว่ามาทำอะไร” 

“มาหาเพื่อนน่ะครับ” ผมตอบ พี่อาร์มพยักหน้าเบาๆ

“พี่คิดว่ามาหาพี่ซะอีก”

“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร 

“ล้อเล่น”

“อ่า..ครับ” ผมยิ้มบางให้  ตาก็มองไปทางนู้นทีทางนี้ที  คือไม่กล้ามองหน้าพี่อาร์มมองทีไรต้องนึกถึงไอ้คำสัญญาที่ไม่รู้ว่าไปสัญญา
ไว้ตอนไหน

“อืม  พี่ขอเบอร์เราได้ไหม”

“คะ ครับ?” ผมหันมามองพี่อาร์ม

“พี่ขอเบอร์เราได้ไหม” จะให้ดีไหมวะกู

“...”

“อ่าโอเคไม่ได้สินะ” พี่อาร์มบอกอย่างตัดพ้อ

“เอ่อได้ครับๆ”  ไอ้เราก็เป็นคนดีไง  เห็นท่าทางหง่อยๆของพี่อาร์มทำให้ผมต้องยอมให้  พี่อาร์มยิ้มกว้างทันทีพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผม  ผมกดเบอร์ตัวเองลงไปก่อนจะยื่นโทรศัพท์กลับไปให้พี่เขาคืน

“..ข้าว” ผมหันไปตามเสียงเรียก

“นะ เหนือ” แล้วไมกูต้องติดอ่างด้วยวะเนี้ย  น้ำเหนือเดินตรงมายังที่ผมกับพี่อาร์มยืนอยู่ พี่อาร์มเองก็มองที่น้ำเหนืออยู่ไม่วางตา 

“...” พอมาถึงน้ำเหนือไม่พูดอะไรกับคว้าแขนผมแล้วพาเดินออกไป  ตกใจเหมือนกันยืนอยู่ดีๆโดนฉุดซะงั้น

“เหนือ” ผมเรียกอีกคนเบาๆ  ไอ้นี่ก็ลากเอาๆ ผมหันไปมองพี่อาร์มที่ยังอยู่ที่เดิม  พี่อาร์มมองมาทางผมกับน้ำเหนือไม่ละสายตา  ผมจึงก้มหัวให้เป็นการบอกลาไปอีกแบบ  ตอนนี้ผมควรสนใจไอ้คนที่ลากผมมากกว่า  จะลากไปไหนวะเนี้ย  คนมองตามกันเต็มเลย 

“อ้าวไอ้ข้าว  ไมมาอยู่นี่ได้วะ” ไอ้ฮาร์ทเป็นคนถามผมเมื่อมาถึงโต๊ะที่กลุ่มมันนั่งกันอยู่ 

“บังเอิญผ่านมา”  แถไรของกูวะเนี้ย

“บังเอิญ? คณะมึงอยู่นู้นน  บังเอิญมาแถวคณะกูเนี้ย บังเอิญ  ตอแหลวะข้าว” ไอ้ฮาร์ทมันส่ายหน้าไม่เชื่อ  เออถ้ามึงเชื่อนี่โคตรโง่อ่ะ

“เรื่องของกูเถอะ” ผมอกพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมัน  น้ำเหนือนะหรอพอลากผมมาอยู่กับกลุ่มเพื่อนมันก็หายจ่อมไปเลย 

“หรือว่ามึงนัดกับไอ้เหนือไว้”

“เปล่า” ผมส่ายหน้าบอก

“ก็แล้วทำไมมาด้วยกัน”

“ไม่รู้” ผมส่ายหน้าอีก  จริงๆกูมาเองแล้วอยู่ๆก็โดนลากมาเนี้ยแหละ  ไม่ได้นัดกันเลย  กูแค่จะมาอ่อยเท่านั้นเอง

“แล้วนี่มันหายหัวไปไหนของมัน”ไอ้ฮาร์ทว่าต่อ  ผมก็ส่ายหน้าอย่างเดียว 

“เออไอ้ฮาร์ทว่าแต่นี่เพื่อนมึงหรอ  ไม่คิดแนะนำกันบ้างวะ” ผมหันไปมองผู้ชายตรงหน้า  ตัวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ..
เดี๋ยวนะ  ทำไมทุกทีผมต้องมาบรรยายผู้ชายหล่ออีกแล้ววะ

“มันชื่อข้าว” ไอ้ฮาร์ทตอบส่งๆ  แล้วก้อมเขียนอะไรของมันไม่รู้

“อ่อ..ผมชื่อคินนะครับ” ไอ้คินมันบอกพร้อมกับส่งยิ้มทรงเสน่ห์มาให้  คนอะไรวะยิ้มทีละลาย  แทบมีลักยิ้มเล็กๆด้วย   แต่สายตามัน
แพวพราวแปลกๆเนอะ

“เชี้ยคินอย่ามาทำตาเจ้าชู้ใส่เพื่อนกู” ไอ้ฮาร์ทมันพูดทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้ามาดูด้วยซ้ำ

“กูเปล่าซักหน่อย  มึงก้มเขียนงานอยู่รู้ได้ไง” ไอ้คินเถียง

“กูรู้สันดานมึงดี” ไอ้ฮาร์ทเงยหน้ามาพูดจ้องหน้าไอ้คินนิ่ง  ไอ้คินเพียงแค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเท้าคางมองหน้าผมแทน

“ว่าแต่เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าไอ้ฮาร์ทมีเพื่อนน่ารักขนาดนี้” อย่าใช้คำว่าน่ารักกับกู  ผมกรอกตาเซ็งๆ 

“กูหล่อ” ผมบอก

“หึ  หาส่วนไหนว่าหล่อวะ  เสียงแม่งก็น่ารักถ้าได้ฟังตอนครางคงหวานจับใจน่าดู” ครางพ่องมึงดิไอ้เหี้ย! พูดมาได้  ยังมีหน้ามายิ้ม
หน้าระรื่นอีก  คนเหี้ยไรวะหน้าตาแม่งแตกต่างจากสันดานชิบ

“ครางพ่อมึงดิ  เก็บไว้ครางเองเหอะไป!! ไอ้เหี้ย!” ผมโยนพวกดินสอปากกาบนโต๊ะใส่ไอ้คิน  แม่งทำกูหงุดหงิด

“หึๆ  ขนาดหงุดหงิดยังน่ารักเลย”

“ไอ้สัสหุบปากซะ!!” ผมลุกขึ้นเอากระเป๋าฟาดใส่มันที่นั่งอยู่ตรงข้ามแรงๆ  ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก  แม่งโรคจิตหรือไงวะ

“..ข้าวพอ”  กระเป๋าผมถูกกระชากออกจากมือ  ผมหันไปมองเป็นน้ำเหนือเอามันไป

“เฮ้อออ” ไอ้ฮาร์ทถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  ผมกระแทกตัวนั่งลงจ้องหน้าไอ้เหี้ยคินอย่างจะกินเลือดกินเหนือ

“เป็นไร” น้ำเหนือทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผมแล้วถามพร้อมยื่นแก้วน้ำอัดลมมาให้ผม  อ่อที่มึงหายไปคือไปซื้อน้ำสินะ

“เปล่า” ผมตอบเสียงขุ่น  ดูดน้ำจ๊วฟๆทีเดียวหมด  หงุดหงิด  ยิ่งเห็นไอ้ตัวที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้ายิ่งหงุดหงิด  กวนตีนกูนักนะมึง  อย่าให้รู้ว่าบ้านอยู่แถวไหน  แม่งจะเผาให้วอดเลย

“เฮ้ยๆๆนั่นแก้วกูไอ้ข้าว” ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ฮาร์ทที่แย้งขึ้นมา  กูไม่สนเว้ย  ตอนนี้แม่งหิวน้ำชิบหาย 

“กินของกูก็ได้นะ”

“ไม่จำเป็น” ผมพูดกระแทกเสียงใส่มัน 

“มึงก็อย่าไปแกล้งมันดิวะไอ้คิน  มึงด้วยอย่าไปสนใจมัน” ไอ้ฮาร์ทพูดกับไอ้คินก่อนจะหันมาพูดกับผม

“เออ!!” ไอ้ฮาร์ทส่ายหน้าอย่างปลงๆแล้วก้มเขียนงานต่อ  ผมเลิกสนใจไอ้ตัวที่อยู่ตรงข้ามหันมาสนใจไอ้ตัวที่ลากผมมาที่นี่มากกว่า

“เหนือ” ผมเรียก

“อืม”

“...” เออแล้วกูจะชวนคุยยังไงดีวะ  เฮ้ออ ... 

“มีอะไร” น้ำเหนือถามอีกรอบ  ผมส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรหรอก” จะเริ่มยังไงดีวะ  ฮืออออ

“..เดี๋ยวไปส่ง” น้ำเหนือพูดขึ้น

“ห้ะ?”

“เดี๋ยวไปส่งทำงาน  มีเรื่องจะคุยด้วย” คุย?  คุยไรวะ  เออไปส่งก็ดี  ผมจะได้อยู่กับน้ำเหนือแค่สองคน หึๆ  แคคิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมา

“..อืมๆ”

“ไม่สบายหรอไอ้ข้าวหน้าแดงๆ” ไอ้ฮาร์ทมันเอามือมาอั้งหน้าผากผมแล้วขมวดคิ้ว

“กูสบายดี” หน้ากูแดงขนาดนั้นเลยหรอวะเนี้ย

“หรือว่าคิดอะไรทะลึ่งอยู่หรอข้าวคนน่ารัก” กูกะจะมองมึงเป็นธาตุอากาศละเหอะ เสือกพูดขึ้นมาทำไม  กูคิดไรเรื่องของกูเว้ย

“เสือก!” ผมว่ามัน  แต่มันกลับหัวเราะ  มันน่ายันด้วยตีนนัก
.
.
.
ตอนนี้ผมกำลังเดินทางไปทำงานโดยมีน้ำเหนือขับรถไปส่ง  ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกันเลยจนมาถึงร้านที่ทำงานของผม  น้ำเหนือจอดรถบริเวณที่จอดรถของทางร้านที่มีไว้ให้ลูกค้า 

“เหนือมีอะไรจะคุยกับข้าวหรอ” ผมถาม  เพราะอีกคนบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแต่ไม่เห็นคุยซักที

“คนนั้นใคร?” น้ำเหนือหันมามองหน้าผม 

“คนไหน?” ผมถาม เพราะไม่รู้จริงๆ

“คนเมื่อเย็น” 

“พี่อาร์ม” ผมบอก น้ำเหนือเงียบ

“...”

“เอ่อ..รุ่นพี่ที่โรงเรียนอ่ะ  บังเอิญเจอกันวันนี้น่ะ” ผมพูดต่อ  อีกคนก็ยังคงนิ่งเงียบ

“..อืม” เป็นไรของมันอีกวะ

“เรื่องที่บอกจะคุยมีแค่นี้หรอ” ผมถาม

“..อืม  ข้าวไปทำงานเถอะ”

“เป็นไรรึเปล่า”

“เปล่า” เสียงนิ่งๆตอบกลับมาทันที

“อืมๆ” ผมปลดเข็มขัดนิรภัยออกหยิบกระเป๋าเตรียมออกจากรถ

“..ข้าว” ผมชะงักมือที่จะเปิดประตูลงจากรถหันมามองอีกคน  พอหันไปเท่านั้นละ..

“O.O!”

ผมถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว  มันเป็นเพียงแค่ปากแตะปากเท่านั้น  เมื่อน้ำเหนือผละออกผมจึงรีบรุดออกจากรถทันที  ผมวิ่งเข้าร้านอยากรวดเร็วโดยไม่ได้หันไปมองรถของน้ำเหนืออีก 

“มะ เมื่อกี้มันเกิดไรขึ้นวะ”  ผมยืนพิงประตูห้องแต่งตัวภายในร้าน  ใจผมเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา  ผมแตะมือตรงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ แล้วเลื่อนขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง  ผมโดนจูบหรอว่ะเนี้ย เฮ้ย!  เป็นไปได้หรอวะ  เดี๋ยวๆผมอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้  ผมจึงหยิกแขนตัวเอง

“โอ๊ยย!!” เจ็บ! งั้นแสดงว่าไม่ใช่ฝัน  แต่ว่าน้ำเหนือจะมาจูบผมทำไมวะ  ถึงมันจะไม่ใช่จูบดูดดื่มอะไรก็เถอะ แค่ปากแตะปากเท่านั้นแต่ก็ ทำให้ผมใจเต้นได้   หน้าผมคงแดงมากแน่ๆตอนนี้  จะออกไปทำงานในสภาพแบบนี้ได้ไงวะ  จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยเว้ย    ... ตอนแรกไหนกูจะไปอ่อยเขาไง  ทำไมถึงเป็นตัวเองที่โดนได้วะ  ภาพเมื่อครู่ที่อยู่ในรถยังติดตาผมอยู่เลย โอ๊ยยยยย   แล้วคราวนี้ผมควรทำไงวะเนี้ย  สมองไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากสัมผัสแผ่วเบาที่ติดอยู่ตรงริมฝีปาก -////////////-


TBC.
ขอโต๊ดดที่ช้าค๊าาา .. ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย  เรื่อยๆไปก่อนเนอะ :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[08/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 08-07-2016 03:40:12
แอร้ยยยย อย่ามาค้างแบบเน้ มีจุ๊บด้วยอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[08/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-07-2016 09:24:22
บอกเหนือเลยข้าวรับรองไม่ต้องอ่อยให้ยุ่งยาก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[08/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-07-2016 10:22:54
ยังไม่ได้อ่อยเลย แต่เขาอ่อยมาให้ขนาดนี้แล้ว เดินหน้าเลยข้าว

หรือไม่ก็บอกความจริงน้ำเหนือไปเลย เนอะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[08/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-07-2016 11:30:57
บอกความจริงไปเลยข้าว
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.8 #By : Cencer[08/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 08-07-2016 15:40:44
อร๊ายยยยกรี๊ดดดดด :mew2:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 13-07-2016 00:02:36

9

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“มึงว่าไงนะไอ้ข้าว?!?” เสียงสองเสียงพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่เชื่อ

“ชู่วว  เบาหน่อยมึง” ผมบอกให้มันเบาๆ  มองโต๊ะหินอ่อนโต๊ะข้างๆ  มีนักศึกษากลุ่มอื่นนั่งอยู่  ไอ้พวกนี้ก็พูดซะดังกลัวคนอื่นเขาไม่ได้ยินละมั้ง

“ใครจะไปคิดวะว่าไอ้เหนือจะพลาดท่าให้มึงเร็วขนาดนี้ หึ” พลาดท่าเชี้ยไรละกูยังไม่ได้ทำอะไรเลย

“ไอ้เวฟกูยังไม่ได้ทำไรเลยเหอะ” ผมบอกมันอย่างเซ็งๆ  อุตส่าห์ไปถึงที่แล้วกะจะทำตามคำแนะพวกมันสักหน่อย สรุปไปเจอโจทย์อย่างไอ้พี่อาร์มแล้วไหงจะไอ้คงไอ้คินไอ้ค่อกไอ้แค่กนั่นอีก  สรุปที่คิดไว้นั่นพังมหาประลัยเลย เหอะๆ

“ขนาดว่ามึงยังไม่ทำอะไร ไอ้เหนือยังจูบมึงเนี้ยนะ  นี่มึงปล่อยฟีโรโมนความแรดออกไปยั่วไอ้เหนือใช่ไหม”

“เน่ ไอ้เพียวกูไม่ได้แรดเว้ย!” ยัดเยียดจริ๊งงความแรดให้กูเนี้ย   

“แต่อย่างว่าละนะ  ศิษย์พี่เวฟซะอย่างเก่งอยู่แล้ว แค่วันแรกก็โดนจูบเลย ฮ่าๆๆ” ไอ้เวฟมันพาดแขนมาบนไหล่ผม เชิดหน้าตบอกตัวเองอย่างภูมิใจ 

“เอาที่มึงสบายใจเหอะไอ้เวฟ  แต่ว่าตอนนี้พวกมึงต้องมาช่วยกูคิดหน่อย” ผมมองหน้าเพื่อนตัวเองสองคนเลิกคิ้วสงสัยกัน

“หืม?” ไอ้เวฟ

“ช่วย?” ไอ้เพียว

“กูจะไปเจอหน้าเหนือยังงายยยยยย” ผมยกมือมาปิดหน้าตัวเอง  เมื่อคืนคิดหาวิธีว่าจะทำหน้ายังไงหากว่าเจอน้ำเหนือ  ไอ้ที่รุดวิ่งเข้าร้านนั่นเพราะกำบังเกิดอาการมึนและ งง ว่าเกิดอะไรกับตัวเอง  คิดอีกทีก็ฉากจูบสโลว์เข้ามาในหัวให้เห็นชัดๆ  แม้แต่ตอนอาบน้ำ  กินข้าว  หรือตอนนอน  หลับตาทีไรก็มีภาพบนรถฉาย..จนสุดท้ายก็นอนไม่หลับ

“ไม่เห็นต้องทำไงเลย  เจอก็เจอ”ไอ้เพียวมันว่า

“นั่นดิ  ทำตัวเหมือนโดนข่มขืนแล้วคร่ำครวญไปได้” นั่นมึงเปรียบเทียบได้ส้นตีนมากไอ้เวฟ  ถ้ากูโดนข่มขืนนะคนผิดคือมึงเลย  ไอ้ตัวการ  ฮึ่ย ! แต่ถ้าโดนจริงๆผมก็คงยอม  ฮ่ะๆๆ

“คิดไรของมึง  หน้าแม่งโรคจิตมากไอ้ข้าว” ไอ้เพียวเอาดินสอมาเคาะๆบนหน้าผากผม

“เปล๊า  ไม่ได้คิดไรเล้ย”

“เสียงสูงทำไม?”

“อะไรใครเสียงสูง” ผมเปลี่ยนเป็นโทนต่ำทันที

“หึๆ  คิดอกุศลอยู่ละสิ” เออคิด  แล้วไง  ..?  ผมไม่ได้ตอบทำมีเอาโทรศัพท์มาเลื่อนนู้นนี่ดูผ่านๆเท่านั้น

“เปลี่ยนเรื่องตล๊อดด” ไอ้เพียวพูดขึ้นจ้องหน้าผมอย่างกวนๆ  ผมไหวไหล่ไม่แคร์กับที่มันพูดแซะผม

“ปล่อยมันไปเถอะ  กูว่าอย่าสนใจไม่ต้องไปช่วยมัน” ไอ้เวฟมันบอก ผมหันขวับไปมองทันที  ได้ไงละ  นี่เพื่อนกำลังเดือดร้อนนะ
เฮ้ย  ช่วยหน่อยไม่ได้รึไง  ไอ้เพื่อนทรพี(?)

“ได้ไงวะ  มึงต้องช่วยกูดิ”

“มึงจะกลัวเชี้ยไรวะข้าว  ไหนๆไอ้เหนือมันก็จุ๊บมึงไปละ  มึงก็ทำกลับไปสิ แฟร์ๆดี หึๆ” แฟร์พ่องดิ  คิดไงกูก็เสียเปรียบ 

“นั่นสิไอ้ข้าว  จากที่มึงเล่าบอกพวกกูนั้นไอ้เหนือมันเป็นคนจูบมึงก่อน  แสดงว่ามันก็คงมีความรู้สึกดีๆให้มึงบ้างละวะ” ไอ้เพียวมันทำท่านึกคิดแล้วมองหน้าผมแล้วยิ้มเหยียด

“ยิ้มเหี้ยไรของมึง” ผมโยนเศษไม้ใบหญ้าที่ผมเด็ดๆเล่นแถวนั้นปาใส่มัน

“กูว่านะไอ้ข้าว” ไอ้เวฟแทรกขึ้นบ้าง

“อะไร?” ผมหันไปมองมัน

“ไม่ต้องอ่อยแม่งละ”

“อ้าว..?” ทำไมละ  ก็ทีแรกยังสนับสนุนให้กูไปอ่อยอยู่เลย  นี่กลับคำละหรอ

“กูว่าปล้ำแม่งเลยดีกว่า...” ผมกรอรตากับความคิดของไอ้เวฟ  ไอ้เพียวก็พยักหน้าเออออไปกับมันอีก เออนี่จะให้กูเสียตัวให้ได้ใช่ไหม

“เอาน่าไอ้ข้าวไม่มีอะไรเสียหาย  แค่เสียตัวเอง”  รู้ถึงความคิดกูอีก เออเอาสิ

“- -^” ผม

“เดี๋ยวพวกกูช่วยเอง  มึงแค่แก้ผ้ารอที่เตียงพอ”  ไม่เป็นไร  กูไม่อยากแดกแรงเพื่อน  ถุย ! เถอะ

“เออเรื่องนี้กูกับไอ้เวฟช่วยเอง  มึงก็แก้ผ้ารอ” ไอ้เพียวเสริม

“พอเลยพวกมึงเนี้ย  คิดแต่ละอย่าง  ที่บอกๆกูเนี้ยทำเองมาแล้วกี่รอบ” ผมเท้าคางมองมันสองตัวยิ้มกว้างพร้อมกับชูนิ้วตามจำนวนที่บอก

“23ครั้ง” ไอ้เวฟ

“50 ครั้ง” ไอ้เพียว

 ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับไอ้คำตอบที่โคตรจะตอแหลของพวกมัน  ใครจะบ้าทำเยอะขนาดนั้น  แจ้งตำรวจจับทันไหมวะเนี้ย  เราสามคนกำลังนั่งรอเรียนคาบต่อไป  เป็นคาบที่เรียนร่วมกับสาขาคณะอื่น  คุยเรื่องสัปเพเหระแต่ไม่วายก็วกกลับมาเรื่องของผมเช่นเดิม  ต่อให้เถียงพวกมันยังไงก็แพ้ปากหมาๆของไอ้เวฟอยู่ดี  จึงเสียบหูฟังฟังเพลงเงียบๆคนเดียว  รำคาญหมามันกัดกันตรงหน้า

“ไอ้ข้าว..” เหมือนมีใครมาสะกิดที่ไหล่ยิกๆ  ผมหันไปมองเป็นไอ้เอ็มเพื่อนร่วมห้องตัวเอง  ผมถอดหูฟังออกแล้วถามมันว่ามีไร 

“มีไรวะ” มันชี้ไปทางด้านหลังของมัน  ผมมองตามนิ้วชี้มัน

“เขาถามหามึงอ่ะ” มันบอกแค่นั้นแล้วไปนั่งแย่งไอ้เวฟเล่นเกมส์แทน

“ใครวะ?” ไอ้เพียวคงสังเกตเห็นมันจึงถาม ผมไม่ได้ละสายตาจากเขาไปไหน  มีแต่คำถามว่าเขามาทำไมที่นี่

“พี่อาร์มน่ะ” ผมตอบมันพร้อมกับถอนหายใจเซ็งๆ  ก่อนจะลุกขึ้น

“มึงจะไปไหน”

“เดี๋ยวมา”

ผมเดินไปหาพี่อาร์มที่ยืนรอผมตรงบันไดทางขึ้นตึก  วันนี้พี่อาร์มใส่เสื้อช๊อปคณะสถาปัต เกงยีนสีซีด และผมน้ำตาลทองยังขับผิว
หน้าให้ดูสว่างขึ้น  หล่อนะแต่ไม่ใช่สเปคข้าวว่ะ 5555

“พี่อาร์มหวัดดีครับ” ผมไหว้ทักทายพี่เขาที่มีอายุมากกว่าผม

“สวัสดีครับ” ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อนรอยยิ้มอ่อนโยนก็ยังคงยิ้มให้กับผมเหมือนเดิม

“พี่อาร์มมาหาผมหรอครับ”

“ก็แค่อยากเจอ”

“มาเพราะเหตุนี้จริงหรอครับพี่” ผมถามติดตลก  พี่อาร์มขำเล็กน้อยก่อนจะยิ้มพิมใจชนิดผู้หญิงเห็นต้องหลงใหล

“จะเพราะอะไรแค่เห็นหน้าข้าวก็ดีใจแล้ว” คำพูดหยอดส่งมาให้ผม  ผมเพียงแค่ส่งยิ้มแห้งๆเท่านั้น

“แหะๆ”

“พี่มารบกวนเรารึเปล่า”

“เปล่าครับ” ผมส่ายหัว พี่อาร์มยีหัวผมเบาๆ สายตา รอยยิ้ม ของพี่อาร์มไม่เปลี่ยนจริงๆ  ผมว่าพี่อาร์มเป็นผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพ
บุรุษสูงมาก เป็นคนดี  อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นดีครับ  แต่อย่างที่บอกพี่เขาไม่เปคผมว่ะ  ผมว่าพี่เขาควรเจอคนที่เหมาะกว่าผมนะ 

“กว่าจะหาข้าวเจอ แหะๆ” พี่อาร์มยิ้มเขินยกมือเกาแก้มตัวเองแล้วเสมองไปทางอื่นแทนที่จะมองหน้าผม

“แต่..”

“บังเอิญเมื่อคืนทำโทรศัพท์ตกน้ำพัง  เลยไม่ได้โทรหาก่อน” อ๋อ แบบนี้นี่เอง  ผมเองก็กะจะถามว่าแล้วทำไมไม่โทรหาผม 

“ครับ”

“งั้นพี่ขอใหม่อีกรอบละกันนะ” พี่อาร์มว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูส่งมาให้ผม  ผมรับมากดเบอร์ตัวเองลงไปแล้วยื่นกลับไปให้
เจ้าของคืน พี่อาร์มรับแล้วกดๆ

ครืด~

โทรศัพท์ผมสั่นครืดเพราะตั้งเป็นระบบสั่นไว้  ผมหยิบมันขึ้นมาดูปรากฎเป็นเบอร์แปลกซึ่งไม่ได้แปลกใจอะไร  เพราะน่าจะเป็นของพี่อาร์มอยู่แล้ว

‘เบอร์พี่  โทรหาได้ตลอด24 ชม.ครับ พร้อมรับสายข้าวเสมอ ^^ จาก.พี่อาร์ม’

“24ชม.นี่พี่ไม่นอนรึไง” ผมแกล้งแซวพี่เขา  พี่อาร์มยิ้มส่ายหน้า

“ทุกเวลาพี่ให้ข้าวเสมอ” พี่อาร์มลูบแก้มผม  สายตาที่มองมารู้สึกถึงความเอ็นดู … ก่อนที่มันจะมากไปกว่านี้ผมควรเบรค  ผมจับมือพี่อาร์มออกจากแก้ม

“เอ่อคือผมต้องไปแล้วครับ..ขอตัวนะครับ” ผมก้มหัวเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินกลับไปหาเพื่อน

“เดี๋ยวสิ”แขนผมถูกอีกคนจับไว้  ผมหันไปมองพี่อาร์มว่าเรียกทำไมอีก

“ครับ?”

“เย็นนี้ว่างไหม พี่กะจะชวนข้าวไปดูหนังรอบค่ำน่ะ” พี่อาร์มพูดเขินๆ

“ขอโทษนะครับพี่แต่ผมไม่ว่าง” ผมตอบปฎิเสธไป  เพราะผมไม่ว่างจริงๆ

“อ่างั้นไว้คราวหน้าก็ได้” สีหน้าพี่อาร์มดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด  ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง  ผมว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว  ยิ่งถ้าผมไปมันเหมือนกลับยิ่งให้ความหวังพี่เขาเรื่อยๆ  อีกอย่างผมว่าผมจะคุยไอ้เรื่องสัญญาระหว่างเราให้จบๆไป 

“ไอ้ข้าวจะไปเรียนไหมห้ะ !”

“เออๆไปเดี๋ยวนี้ละ เฮ้ย! อย่าเพิ่งไปก่อนรอกูด้วย...ลานะครับ”  ผมตะโกนกลับไปเมื่อเห็นไอ้เพื่อนสามตัวกำลังมุ่งไปยังชั้นเรียน  ผมหันมาบอกลาพี่อาร์มแล้วออกวิ่งให้ทันพวกมันทันที  ไม่มีรอกันเลยนะพวกมึง  ถึงตัวละน่าดู 

“ไอ้ข้าวเร็วๆ” พอเข้ามาในตัวตึกพวกมันสามตัวก็ไปสิงสถิตอยู่ในลิฟท์แล้ว  ผมจึงจำเป็นต้องสาวเท้าเร็วๆให้ถึงมัน

“ลิฟท์จะปิดแล้วกูไม่รอนะเว้ย” ไอ้เวฟบอก  ไอ้เวร  มึงก็กดลิฟท์รอกูก่อนเส่ !

“ไอ้ห่าเวฟถ้ามึงกดปิดละหน้าดู” ผมตะโกนด้วยวิ่งด้วย  เหนื่อยสิครับ  พอเข้ามาในลิฟท์ได้ก็หอบแฮกเลยทีเดียว  ตัวลิฟท์เลื่อนปิด
แล้วเลขก็เลื่อนขึ้นไปยังชั้นที่เราเรียน  ผมมองไปที่เพื่อนสามคนเรียงกัน  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แม่งแกล้งกู

“มัวแต่อ่อยผู้ชายจนลืมเวลาเรียนนะมึง” ไอ้เพียว

“ไอ้เพียวมึงก็อย่าไปว่ามันดิว่ะ  คนมันแรด” ไอ้เวฟ

“สรุปคนเมื่อกี้ผัวมึงหรอไอ้ข้าว” ไอ้เอ็ม

“ไอ้เอ็มมึงนี่ก็ถามอะไรแบบนั้น  น้องข้าวเสียหายหมด” มึงสิไอ้เวร  แม่งว่ากูแรด  กูคนเว้ย  เห็นนอบนหัวกูรึไงว่ากูแรดนัก ผมเลยใช้เท้าถีบไอ้เวฟไปเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ

“ถีบกูไมเนี้ย!” มันมองค้อนผม

“อยาก” ผมยิ้มกวนมัน ไอ้เวฟมันแสยะยิ้มก่อนจะดึงผมบนหัวผมแรงๆ  อ๊ากกไอ้เพื่อนเวรมึงกล้าทำให้ผมบนหัวกูเสียทรงหรอ  รู้ไหม
มันเซ็ตนาน  ผมเองไม่ยอมหรอกดึงกระชากผมมันเหมือนกัน

“เฮ้ยๆพอเลยพวกมึงลิฟท์ค้างจะซวย” ไอ้เพียวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วจับผมแยกออกกับไอ้เวฟ  ผมกำปั้นทำท่าจะต่อยไอ้เวฟอีกรอบ  ไอ้เพียวมันเลยโป๊ะนิ้วทั้งห้าบนหน้าผากผมเต็มๆ

“โอ๊ยย กูเจ็บนะ!” ผมหันไปแวดใส่มันทันทีมือก็ลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ  เป็นรอยแผลเป็นทำไงหมดหล่อกันพอดี

“ใช่พื้นที่ให้มึงหยอกกันรึไง” เออบังเอิญกูหยอกกันได้ทุกที่เฟ้ย  ผมจึงทำตัวสงบเสงี่ยมรอให้เลขเลื่อนชั้นไปเรื่อยๆจนมาจบลงที่ชั้นที่หมาย  เราทั้งสี่คนก็เดินมุ่งไปห้องเรียนเพราะอีกแค่5นาทีก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว  เข้ามาก็พบกับฝูงมนุษย์คณะสาขาอื่นที่เรียนร่วมกัน  ผมและเพื่อนเลือกที่นั่งด้านหลัง  เป็นเด็กหลังห้องครับ เวลาทำอะไรก็สะดวก  กะจะหลับให้เต็มที่ ฮ่าๆๆๆ  ความคิดดีใช่ป่ะล่ะ...




“มึงจะไปทำงานเลยใช่ไหม?”

“เออไปเลยวันนี้ไปเร็วกว่าเผื่อพี่บาสจะเพิ่มค่าแรงให้กู”

ผมบอกลาเพื่อนแล้วแยกมาขึ้นรถเมย์หน้ามอเพื่อตรงไปยังที่ทำงาน  วันนี้ไปเร็วครับอย่างที่บอกเผื่อเจ้านายเพิ่มค่าแรงให้ ฮ่าๆๆ ไม่
ได้หวังอะไรเลยจริ๊งจริง

กริ๊ง !

“หวัดดีพี่บาสคนหล่อออ” ผมเปิดประตูเข้าไปในร้านก็พบเจ้าของร้านในชุดสูทสีเข้มนั่งหน้าเคาเตอร์  เต็มยศครับวันนี้  ผมก็เซ็ตซะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าปกติ

“มาเร็วนะวันนี้”

“ก็เผื่อจะได้เพิ่มค่าแรงไง” ผมวางกระเป๋าไว้ข้างๆเคาเตอร์แล้วมานั่งคุยเล่นกับพี่บาสก่อนคอยไปเปลี่ยนชุด ตอนนี้ลูกค้าก็ไม่ได้มากมายอะไรนั่งพักเอาแรงก่อนค่อยลุยงานของตัวเอง

“ชิ หวังผลตลอดดด” พี่บาสว่าพร้อมกับหยิกแก้มผมทั้งสองข้าง

“แน่นอนสิ  ผมหวังผลตอบแทนเสมอแหละ แหะๆ”  ผมยักคิ้วกวนๆให้พี่บาส  พี่บาสจึงยีหัวผมเล่น  ผมมองแก้วกาแฟสองสามชนิด
ตรงหน้าพี่บาสอย่างสงสัย 

“สูตรใหม่น่ะ  ลองชิมดูไหม?  ไม่รู้จะโอเครึเปล่า” พี่บาสถาม  ผมพยักหน้ายิ้มกว้าง  ของฟรีขอให้บอกจะอร่อยไม่อร่อยกินหมด พี่บาสหยิบแก้วกาแฟที่หอมกรุ่นควันฟุ้งดูก็รู้ว่ากำลังร้อนๆอยู่เป่าเบาๆแล้วยื่นมาตรงหน้าผม  ผมยืนหน้าเข้าไปจิบนิดๆค่อยๆลิ้มลองรสชาติหอมละมุนนุ่มลิ้น มีรสชาติของนมคาราเมลเข้ามาช่วยมันจึงไม่มีความขมมาก  ผมว่าผมชอบน่ะกาแฟรสนี้เพราะปกติผมไม่ชอบดื่มกาแฟเพราะมันขมไป  ส่วนใหญ่จะกินที่มีนมเป็นส่วนผสม

“อร่อยว่ะพี่บาสผมชอบ ขอนะ” แล้วผมก็แย่งแก้วจากพี่บาสมาจิบกินต่อ  อื้ออออร่อยย  สงสัยต้องให้พี่บาสสอนสูตรแล้วว

“นี่ ! ขอกันหน้าด้านๆแบบนี้ได้ไงวะ  จ่ายตังด้วย” พี่บาสท้วง  ผมทำเป็นหูทวนลม  ไม่จ่ายหรอกอยากให้ชิมทำไมละ 

“พี่บาสคิดไงเพิ่มสูตรมาใหม่อ่ะ” ปากจิบไปด้วยถามไปด้วย

“ก็อยากเพิ่มอะไรใหม่ๆเข้าไปบ้าง  จริงๆมันก็ไม่ถึงกับเป็นสูตรใหม่อะไรหรอก”

“อ้าวแล้วพูดเพื่อ”

“แต่ที่นำมาเพิ่มเนี้ยก็เพื่อให้คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟลองดื่มดู  เพราะรสมันไม่ขมใช่ไหมละ”  ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ใช่”

“ใช่ไหมละ  ขนาดข้าวที่ไม่ชอบกาแฟยังกินแล้วชอบเลย  พี่ว่าเราเพิ่มลงในเมนูดีกว่านะ”

“เห็นด้วย!” ผมยกนิ้วโป้ให้พี่บาส  พี่มันหัวเราะแล้วผลักหัวผมไล่ให้ไปทำงาน

“ไปทำงานเลย  ชอบอู้ตลอดไม่ต้องเอาหรอกค่าแรงเพิ่มอ่ะ”

“เฮ้ย! ได้ไงนี่มาก่อนเวลาทำงานของผมนะ” ผมรีบแย้งขึ้น  ไม่ยอมนะ  ผมต้องได้ค่าแรงเพิ่ม   ไม่งั้นข้าวจะอู้งานอยู่แบบนี้ละคอยดูเส่!!

Rrrrr Rrrrrrr

“เออมีไร” ผมเช็ดโต๊ะ เก็บกวาดร้าน  เพราะถึงเวลาปิดร้านแล้ว  มีสายเรียกเข้ามาจึงกดรับใช้มือข้างที่ว่างเช็ดโต๊ะต่อ

(จะกลับยังวะ) ไอ้เฮาร์ทถาม

“อืม  เกือบเสร็จแล้ว  โทรมามีไร?”

(เอองั้นก่อนกลับแวะซื้อของกินเข้ามาให้หน่อยดิ)

“เออได้แล้วจะเอาอะไรละ”

(เป็นพวกปลาหมึก  พวกกับแกล้มเหล้าอ่ะมึงหาซื้อเข้ามาให้หน่อย) 

“ไอ้ฟาย นี่มึงแดกเหล้าในห้องหรอวะ” ผมถอนหายใจเซ็งๆ  ครั้งก่อนที่มันกับไอ้เพื่อนสนิทผมมันแดกกันในห้อง  อ้วกแตกกันแล้ว
ไหนจะเศษกับแกล้มมันอีก  แล้วไอ้คนที่ทำความสะอาดห้องเป็นผมเนี้ยสิ  ถ้ามึงทำห้องเละนะน่าดู

(เออน่าพวกกูมาทำงานไง  มันเร่งด่วน)  พ่องดิ

“เร่งด่วนแต่แกเหล้ามันจะเสร็จหรอห้ะ!” ผมกวาดตามองรอบร้านว่าเก็บเรียบร้อยรึยัง  ตรวจเช็คโอเคแล้วจึงเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว  ผมลืมบอกไปใช่ไหมว่าวันนี้พี่บาสมีงานเลี้ยงบริษัท ที่เห็นแต่งตัวหล่อๆเข้มๆดูเป็นผู้ใหญ่นั้นละครับ  และพี่มันก็ระเห็จไปตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว  ผมจึงมีหน้าที่ปิดร้านแทนแต่ก็ยังมีพวกพี่แววอยู่ช่วยด้วย

(เออเสร็จแน่นอนระดับกูแล้ว)

“หยุดพูดไปเถอะ  แล้วมึงจะให้กูซื้อเหล้าเบียร์ไปให้เพิ่มไหม” ผมถามจะได้ซื้อไปเลยทีเดียว  พวกมันจะได้ไม่ต้องออกมาซื้ออีกงานมันจะได้เสร็จๆ  และผมเนี้ยแหละจะบังคับแม่งทำให้เสร็จ  ใช่ว่าแดกเหล้าแล้วจะเงียบ เหอะๆๆ ไอ้ฮาร์ทนี่ตัวเสียงทรโข่งเลย เฮ้ออ

(ใจดีก็ซื้อมาเลย  แตงค์เว้ย!)  ผมตัดสายมันเมื่อมันพูดจบ  ผมเปลี่ยนชุดเป็นนักศึกษาเหมือนเดิมสพายเป้เดินไปหน้าร้านมีพี่แววรออยู่ ผมปิดล็อกประตูแล้วยื่นกุญแจร้านส่งต่อให้พี่แวว

“กลับยังไงข้าว” พี่แววถาม

“ผมคงต้องหารถแถวนี้ไป  อาจจะแท็กซี่ครับเพราะต้องไปซื้อของให้เพื่อนก่อนเข้าหอ”

“พี่ไปส่งไหม  วันนี้แฟนพี่มารับน่ะ” พี่แววบอกแล้วชี้ไปทางรถที่จอดรออยู่

“เกรงใจอ่ะพี่  เดี๋ยวผมไปเองดีกว่าพี่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” ผมบอกยกมือไหว้ลาทั้งพี่แววและแฟนก่อนจะมองหารถเพื่อซื้อของและตรงกับหอตัวเอง

.
.
.
“เฮ้ย! ไอ้เหนือกูบอกมึงว่าไงวะว่าอย่ายิงกูไอ้เหี้ย!”

เฮ้อออ...  เปิดประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงหมามันเห่าดังมาให้ได้ยินเลย  ไหนจะเพลที่เปิดดังไม่เกรงห้องข้างๆเข้ามาด่าเลย  ผมปิดประตูห้องแล้วเดินไปโซนที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น(เตียงนอนจะอยู่อีกฟาก)  เห็นไอ้จิมกับไอ้โดมกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่  ไอ้ฮาร์ทกับ..น้ำเหนือเล่นเกมส์กันอยู่   ไอ้เราก็อุตสาห์คิดหาวิธีเวลาเจอหน้าน้ำเหนือจะทำไง  กะจะหลบหน้าซักอาทิตย์สองอาทิตย์  แต่ไหงพึ่งโดนขโมยจูบไปเมื่อวานกลับมาเจอกันวันนี้วะเนี้ย  แล้วไอ้นี่ใคร นอนเอาหมอนปิดหน้าบนโซฟาสบายใจ  ผมวางของที่ไอ้ฮาร์ทสั่งมาตรงข้างๆไอ้จิม  มันยกมือทักทายแค่นั้นแล้วก็หันไปดวลเหล้าต่อกับไอ้โดม  นี่มึงยังไม่เข็ดกันอีกหรอวันนั้น  ผมเดินมาปิดเพลงที่เปิดทิ้งไว้เพราะแม่งดูไปก็ไม่เห็นจะมีใครสนใจฟัง

“ใครปิดเพลงวะ” ไอ้ฮาร์ทมันทิ้งจอดแล้วหันมามอง  ผมกอดอกมองหน้ามัน  ทำไมมึงจะทำไมห้ะ

“กู มีปัญหา?” ผมถาม

“อ้าวกลับมาเมื่อไหร่ทำไมกูไม่เห็น” มึงคงเห็นหรอก  จ้องแต่เกมส์นั่นน่ะ  เห็นนี่โคตรเก่งเลย  หันมาสนใจเพื่อนมึงสองตัวบ้างก็ดีดวลเหล้าจนฟุบไปแล้วหนึ่ง  แล้วไหนจะไอ้คนที่นอนบนโซฟานั่นละ  เออว่าแต่มันใครว่ะ

“เมื่อที่มึงเห็นนั่นละ  ... แล้วไอ้นี่ใคร?” ผมชี้นิ้วไปทางโซฟา

“อ่อ..ไอ้คิน” ห้ะ ! นี่มึงปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้าห้องหรอกไอ้ฮาร์ท

“ใครให้มันเข้ามา!” ผมขึ้นเสียงใส่มัน  ไอ้ฮาร์ทถึงกับสะดุ้ง  ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน  ก็ผมไม่ชอบมันอ่ะคนอะไรวะกวนประสาทชิบ

“ทำไมกูจะเข้าห้องเพื่อนกูไม่ได้” ไอ้คินมันเอาหมอนที่ปิดหน้าออกแล้วลุกขึ้นนั่งมองหน้าผมอย่างกวน 

“ก็กูไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้าห้องกู” ผมบอก  มันเหยียดยิ้มก่อนตอบ

“อะไรกัน  แปลกหน้า? เมื่อวานเราก็เพิ่งจะแนะนำตัวกันไปเองนะ แค่วันเดียวหลงลืมซะแล้วหรอ”

“นี่มึงว่ากูแก่ใช่ไหม!!” ผมจ้องมันอย่างอาเรื่อง

“กูพูดตอนไหนว่ามึงแก่”

“ไอ้เหี้ยมึงออกไปเลยนะ  ห้องนี้ไม่ต้อนรับมึง!” ผมไล่มัน  มันไหวไหล่แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  มันยิ่งทำให้ผมควันออกหู

“น่าข้าวใจเย็นๆ  กูต้องทำงานกลุ่มกันนะเว้ย” เสียงไอ้ฮาร์ทขัดขึ้น  ผมหันขวับไปมองมัน

“ไหนละงาน  ตั้งแต่กูเข้ามายังไม่เห็นงานพวกมึงกองเลย  มีแต่แดกเหล้ากับเล่นเกมส์แถมยังเอาตัวเหี้ยเข้าห้องอีก  เหอะ!”

“ไอ้ข้าววใจเย็นๆมึงอารมณ์เสียอะไรมาเนี้ย” ถามได้ก็เพื่อนมึงไง

“รีบทำงานพวกมึงให้เสร็จแล้วกลับไปให้หมด” ผมบอกแล้วเดินหน้าบึ้งไปอีกฟาก  ผมไม่ได้มองน้ำเหนือเลยทั้งที่ตลอดเวลาผมคุย
กับไอ้ฮาร์ทหรือไอ้คิน  ผมหยิบผ้าขนหนู หยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำพร้อม... 


“เชี้ยจิมลุกมาช่วยเลยมึง” ผมออกจากห้องน้ำก็เห็นพวกมันเริ่มจับกลุ่มกันทำงานแล้วถึงจะมีเหล้าเบียร์วางข้างกายก็เถอะ  คงทำไปด้วยกินไปด้วยละ  ผมเอาผ้าขนหนูไปตากไว้บนราวแต่ก็มีเสียงหมามันหอนขึ้นมาทำให้อารมณ์ผมเริ่มเสียขึ้นมาอีกรอบ

“โอ้ววขาวจริ๊งงงง”  ผมกำราวตากผ้าระงับอารมณ์  ไม่ต้องให้ผมบอกก็รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นใคร มีกวนประสาทผมคนเดียว

“ไอ้เหี้ยคินหุบปากไปเลยมึง” เสียงไอ้ฮาร์ท

“ทำไมวะ  ก็ขาวจริงๆนิหรือมึงไม่คิดงั้นวะ  ใช่ไหมไอ้เหนือ”

“...”  ไร้เสียงจากน้ำเหนือ 

“เก็บปากมึงไปเห่าที่อื่นเหอะ” ผมว่าไอ้คิน  มันยักคิ้วกวนมาให้ผม  อยากจะปาของใกล้มือใส่มันจริงๆ

“เออว่าแต่มึงกินไรมายังว่ะไอ้ข้าว” ไอ้ฮาร์ทถาม

“อืม  กินมาก่อนเข้าหอเนี้ยละ มึงละ” ผมถามกลับ

“เออเพิ่งกินก่อนที่มึงจะมานั่นละ”

“แหมเป็นห่วงเป็นห่วยใยกันดีจริงๆ  เป็นแฟนกันหรอ”  เสียงกวนประสาทดังแทรกขึ้นมาอีก

“มันเป็นผัวเมียกัน เอิ๊ก..” เสียงอ้อแอ้ตอบแทน  ไอ้จิมฟื้นขึ้นมานั่งโอนเอนล้มแลมิล้มแล

“จะเป็นเชี้ยไรก็ไม่เกี่ยวกับมึง...ไอ้ฮาร์ทรีบทำให้เสร็จนะ แล้วบอกเพื่อนมึงให้ไสหัวไปให้พ้นๆ” ประโยคหลังผมเน้นไปที่ไอ้คนที่ยัง
ยิ้มกวนประสาทผมอยู่ 

“ไอ้ข้าวผมไม่แห้งอย่าเพิ่งนอนนะเว้ย!!” เสียงไอ้ฮาร์ทดังเตือนมาอีก  แต่ผมไม่สนใจล้มตัวลงนอนคว้าผ้าห่มมาคลุมโป่งไว้  เพราะแสบตา  กว่าที่พวกมันจะทำงานเสร็จคงอีกนาน

Rrrrrrr Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น  ผมคว้านหาบนโต๊ะข้างหัวเตียงหยิบได้ก็ดูสายเรียกเข้าว่าใคร ‘พี่อาร์ม’  ผมลุกขึ้นนั่งถอนหายใจก่อนจะกดรับ

“ครับพี่อาร์ม” ผมกรอกเสียงเมื่อรับสายแล้ว

“ใครโทรมาน่ะ นอกใจเพื่อนกูหรออออ”  ผมทำปากด่ามันแบบไม่ออกเสียง

“ไอ้-เหี้ย”  มันหัวเราะชอบใจที่กวนผมได้  ผมลุกออกไปคุยที่อื่นดีกว่าอยู่ในห้องก็มีตัวกวนประสาท

(พี่โทรมารบกวนเรารึเปล่า)

“เปล่าครับ” ผมเปิดประตูระเบียงห้อง  คุยข้างนอกน่าจะดีกว่า

(อ่า  แล้วข้าวทำอะไรอยู่)

“กำลังจะนอนครับ”

(พี่ขอโทษนะ...)พี่อาร์มพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรครับพี่  ผมเองก็นอนไม่หลับหรอกเพื่อนมันมาทำงานกันเสียงดังอ่ะ”

(ครับ  แล้วข้าวทานอะไรรึยัง)

“เรียบร้อยแล้วครับ  พี่อาร์มละ” ผมถาม

(อืม  เรียบร้อยนานแล้วครับ)

“อ่า งั้นหรอครับ”

(.....................................)

“........”

แล้วก็เกิดความเงียบขึ้น  พี่อาร์มไม่ได้ถามต่อ  ผมเองก็ไม่รู้จะถามอะไร  ความเงียบครอบง่ำเราทั้งคู่  หรือว่าผมควรจะคุยเรื่องนั้นตอนนี้เลย

“พี่อาร์มเรื่องสัญญาข้าวว่า..”

(...คบกับพี่นะข้าว)

“คะ ครับ?” ผมกำลังถามเรื่องสัญญานั่นต้องหยุดคำพูดต่อทันที เมื่อพี่อาร์มพูดแทรกขึ้นมา 

(เป็นแฟนกันนะครับ)

“พี่อาร์ม..” ผมเรียกชื่อพี่เขาแผ่วเบา 

(นะข้าว  พี่รู้ว่าข้าวไม่มีใคร  พี่เองก็เหมือนกัน  เรามาทำตามสัญญาที่เคยให้กันเถอะ)

“...” ผมเงียบ  มันเร็วไปจนผมตั้งตัวไม่ทัน

“ผมว่าเรา...” คำพูดผมถูกกลืนหายไป  ตัวผมถูกกระชากเข้าหาตัวแล้วกดริมฝีปากทาบทับลงมา  ผมเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร  ลิ้นร้อนค่อยๆแลมเลียริมฝีปากผมที่เม้มแน่นไม่ยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายได้ล่วงล้ำเข้าไป 

“อ่ะ..!!” เสียงผมเล็ดลอดออกมาแผ่วเบาเมื่ออีกฝ่ายกัดปากผมทำให้ผมเผลอเปิดปากออกมาให้อีกคนสอดลิ้นเข้ามาได้  แรงกดจูบเริ่มทวีคูณมากขึ้น  ผมไม่มีอากาศหายใจผมกำลังจะตายหรอวะ   ละ แล้วทำไมจู่ๆถึงเป็นแบบนี้  ผู้ชายคนนี้ผมไม่เคยรู้จักแน่นอน  มันทำให้ผมกลัว  ...  ทำไมต้องรุนแรงด้วย 

“อื้อออ” ผมทุบตรงอกของอีกคนให้ปล่อย ผมกำลังจะขาดอากาศหายใจจริงๆ  ผมตายจริงๆแน่!!  ผมลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้คุยค้างไว้กับพี่อาร์ม  ผมสนใจคนตรงหน้ามากกว่า  จูบเมื่อวานกับตอนนี้ช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง  น้ำเหนือค่อยๆละริมฝีปากออก  ผมรีบกอบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด

“อย่าคุยกับเขาอีก!” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น  ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่มองสบสายตากับผม  ผมไม่เข้าใจ  ผมไม่ได้ตอบเพราะยัง งง กับสิ่งที่เกิด  น้ำเหนือจูบผม  นี่เป็นสิ่งที่ผมจำได้

“...”

“...นะข้าว”  น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนกว่าเมื่อครู่นี้มาก  ผมเม้มปากกำลังคิดกับสิ่งที่เกิด  มันทำให้ผมสับสน  ผมก้มหน้าหลบสายตาของน้ำเหนือที่ยังจ้องผมอยู่   คางผมถูกเสยขึ้นให้กลับไปจ้องตากันอีกครั้ง  น้ำเหนือค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ  ตาก็สบกันไม่ได้ละห่างไปไหน  ลมหายใจที่รินรดข้างพวงแก้มทำให้ผมใจเต้นรัวแรง  ก่อนที่จะทันได้สัมผัสกัน... ก็ต้องหยุดชะงัก

“ว้าวว โรแมนติกจริงๆ”  ใครก็ได้เอาไอ้เวรนี่ไปทิ้งให้ไกลๆหน่อยย  อารมณ์เสียเว้ย!!!!



TBC.
ทำไมคินต้องมาขัดขว้างกับฉากนี้ด้วยย  เป็นก้างจริงๆนะ :katai1: :z6:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2016 05:46:00
น้ำเหนือ เอาแต่จูบข้าวอย่างเดียว
ไม่บอกเหตุผลที่ห้ามไม่ให้ข้าวคุยกับอาร์ม
พูดกับข้าวซะทีสิว่าชอบ
จูบได้ แต่บอกชอบไม่ได้  :m16:
อะไรของนาย น้ำเหนือ โมโหนายละ  :katai1:
คิน ตัวก่อกวน สนใจข้าวด้วยงั้นสิ
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-07-2016 09:52:30
เหนือบอกไปเลย ปากหนักอะไรนักหนา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 13-07-2016 11:21:23
กรี๊ดดดดดดด :mew2: เหนือบอกข้าวไปสิรออ่ะไร
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-07-2016 16:46:01
รบกวนเอาคินไปเก็บด้วยค่ะ!!

เขาจะได้เคลียร์ๆกันสักที

ขัดจังหวะมากกกก เหอะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 14-07-2016 08:53:06
 :laugh: ตามทันเเล้ว ลองเข้ามาอ่าน เห็นชื่อเรื่องเเล้ว น่าสนใจ (เชื่อว่า ทุกคนคนเคยมีโมเม้นแบบนี้)
 
อิมเมจข้าว   :  ดูสาวจ๋า ดูมุ้งมิ้ง ดูอ่อนไหว บางทีก็มีมึนๆ กวน บ้าง ก็โอเคอยู่
อิมเมจเหนือ :  ดูซึนๆ ดูอึนๆ ไม่ค่อยมีมิติ เดาอารมณ์ไม่ถูก จะแบบไหน

เเต่ก็อ่านได้เพลินๆ เริ่มมีอะไรให้ติดตาม เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะ เเล้วยังไปกดติดตามในเฟตด้วยเเหละ ^__^
นี้แอบจิ้น ไอ้เวฟ  กับ ไอ้เพียวริคุ 5555 (เชื่อเถอะ เด่วมีได้กันเอง) :hao6:


หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 14-07-2016 12:31:41
เหนือเอ้ยง้างปากบอกข้าวสะทีอย่าแต่ง้างปากเพื่อจูบอย่างเดียวเพราะข้าวไม่รู้
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.9 #By : Cencer[13/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 15-07-2016 06:48:04
  o13:pig4:

ดันและขอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 19-07-2016 23:59:43
10

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


“ไปไหนว่ะไอ้เหนือ?”

“ห้องน้ำ”

ไอ้ฮาร์ทถามเมื่อเห็นน้ำเหนือลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วเดินไปยังห้องน้ำ  ตอนแรกหลังจากเกิดเหตุที่ระเบียงห้องนั้นก็กะจะกลับมานอนตอน  แต่ก็นอนไม่หลับจึงมานั่งเร่งให้ไอ้ฮาร์ทเคลียร์งานให้เสร็จจะได้ไล่เพื่อนมันลับบ้านไปซะ  อ่อ  ผมไม่นับไอ้คินเป็นเพื่อนไอ้ฮาร์ทนะ  ผมนับมันเป็นสัมภเวสีมากกว่า หึๆ

“กูเกลียดมึงไอ้เหี้ย!” ผมยกตีนขึ้นถีบหลังไอ้คินที่กำลังนั่งทำงานในส่วนของมันอยู่   กูกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มเสือกมาขัดกูนักนะมึง  ผมคิดแล้วก็แค้นมัน  ยกเท้าถีบมันรัวๆ จนมันร้องโอดโอยน่ารำคาญ

“โอ๊ย ! เจ็บๆๆ” เออกูถีบให้มึงเจ็บ 

“แค่นี้ยังน้อยไปเหอะ!”  ผมจึงจิกเข้าที่หัวมันแล้วเขย่าแรงๆด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆๆ

“อ๊ากก หัวกูจะหลุดแล้วไอ้เหี้ย  ปล่อย!!”

“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นๆ ไอ้ข้าวปล่อยมัน” ไอ้ฮาร์ทรีบเข้ามาดึงมือผมออกจากหัวไอ้คิน  พอไอ้คินหลุดจากการทำร้ายของผมได้มันก็ตวัดสายตามามองผม 

“ทำไม? โกรธกูที่ไปขัดจังหวะมึงรึไง” เออมึงรู้แล้วเสือกถามทำไม

“...”

“ขัด ? ขัดจังหวะอะไรวะ? กู งง” งงต่อไปเหอะไอ้ฮาร์ท  อย่าเสือก

“ไม่ต้องรู้ซักเรื่องก็ได้ไอ้ฮาร์ทไปทำงานมึงต่อไป”ผมไล่มัน

“ทำไมมึงอายหรอว่ะไอ้ข้าว แหมทีแถวตรงนอกระเบียบไม่อายวะ คนผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าจะทำไง” ไอ้คินมันว่าต่อ

“ก็ไม่ว่าไง  เห็นก็เห็นสิว่ะ ใครแคร์ หน้ากูด้าน!” เอาเส่ ! ในเมื่อมึงเกริ่นขนาดนี้แล้ว  อย่าว่าแต่อายเลยไอ้สัส  กูเด็กนิเทศเว้ย  หน้าไม่ด้านพอเข้ากล้องไม่ได้น่ะมึง  การแสดงกูก็เอด้วย เอาเส่ !

“หึ ! นี่ขนาดผัวมึงอยู่ในห้องด้วยมึงยังกล้านอกใจมันเลย  ไม่ด้านจริงคงทำไม่ได้”

“ผัว?”

“ไอ้ฮาร์ทไงผัวมึงไม่ใช่รึไง  หรือจริงๆผัวมึงคงนับไม่ถ้วน” โอยยไอ้คินปากมึงนี่จัดมากนะ 

“อ่าจ้ะ ผัวก็ผัว  ผัวกูเยอะจริงๆตามที่มึงบอกนั่นละ  เนอะที่รัก” ผมหันไปกระแหนะกระแหน่กับไอ้ฮาร์ทที่ทำหน้า งง เป็นไก่ตาแตก  มันคงไม่รู้ว่ามีอะไรที่ระเบียงเพราะพอไอ้คินมันไปเสร่อผมก็วิ่งเข้าห้องมานั่งแหมะบนเตียงพอนอนไม่หลับก็ไปนั่งเร่งไอ้ฮาร์ทนั่นละครับท่านผู้อ่าน

“อะไรวะ?” ไอ้ฮาร์ทมันเกาหัวตัวเองอย่างมึน งง

“มึงนี่แรดจริงๆ”

“ขอบคุณที่ชมกูนะเพื่อนคิน” ผมยิ้มหวานส่งให้มัน  ยินดีน้อมรับคำชม

“สงสารเพื่อนกูจริงๆมีเมียแบบมึง”

“เป็นคนดีจังน่ะ  รู้จักเป็นห่วงเพื่อนด้วย” ผมทำหน้าซาบซึ้งใจเอามือไปกุมมือไอ้คินไว้แล้วแกล้งบีบน้ำตา  เป็นไงละการแสดงผมดีใช่
ไหม  5555

“ไม่ต้องมาแสร้งหรอกไอ้ข้าว  เหอะๆ”

“อะไรของพวกมึงเนี้ย  แล้วสรุปทะเลาะห่าไรกันว่ะเอาให้กูเสือกรู้เรื่องด้วย” ไอ้ฮาร์ทแย้งขึ้นมา

“ลองถามเมียมึงดิว่าไปทำอะไรหลับหลังมึง” ทีงี้ละไม่พูดละ  โยนมาให้กูทำไม

“เปล่าเลยนะตัวเอง  เค้าไม่ได้ทำไรหลับหลังตัวเองเลยจริงๆนะ  เพื่อตัวอ่ะใส่ร้ายเค้า” ผมเข้าไปออเซาะใส่ตัวไอ้ฮาร์ท  มันขมวดคิ้วสงสัย  มึงก็ช่วยเล่นๆตามบทที่กูส่งให้หน่อยสิว่ะ  นี่ถ้าเป็นไอ้เวฟนะเรียบร้อยไปนานละ

“เอ่อ...สมองมึงกลับหรอไอ้ข้าว”  มันจับหัวผมเขย่าเช็คดู  จะกลับก็เพราะมึงเนี้ยแหละฮาร์ทเอ้ย!

“กูเห็นมันจูบกับไอ้เหนือที่ระเบียง”

“ไอ้ ..!” นี่มึงบอกจริงเลยหรอ  เวรกรรมกูแล้วไง  พอไอ้ฮาร์ทได้ยินก็หันขวับมามองผมแทบจะทันที

“อะ อะไร?” ผมถามแล้วมองหน้าไอ้ฮาร์ทอย่างเลิกลั่ก 

“หึๆ” ขำอีกไอ้เวร 

“หมายความว่าไงที่รักมึงนอกใจกูหรอ” ไอ้ฮาร์ทมึงมาสวมบทบาทเป็นผัวกูทำไมตอนนี้

“พะ พูดอะไร  นี่มึงเชื่อมันหรอ!”

“มันเป็นความจริงใช่ไหม”

“...”

“ไอ้ข้าวตอบมา” ฮือๆๆ อย่ามาเค้นคอกูตอนนี้  หันไปมองไอ้ตัวการมันนั่งแสยะยิ้มพอใจที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้ 

“...”

“จูบกับไอ้เหนือจริงไหมไอ้ข้าว”  อยากได้คำตอบนักใช่ไหม  สนุกใช่ไหมไอ้คินได้  ผมเชิดหน้าขึ้นกอดอกแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ

“จริง !”

“ห้ะ!?!” เออตกใจละสิไอ้ฮาร์ท  ถามมาอีกสิพี่ข้าวจะตอบให้หมดเลย

“ก็ตามนั่นละ” ผมไหวไหล่ไม่แคร์

“กูละยอมความด้านของมึงเลยว่ะไอ้ข้าว”

“มึงนี่ก็ชอบชมกูจัง”

“ที่มึงบอกคือจริง  จูบกับไอ้เหนือจริง  หรือว่ามึง...” ไอ้ฮาร์ทถามเหมือนไม่เชื่อ 

“มึง...ทำไม?” ผมถามมัน

“ชอบไอ้เหนือ?”   ผมหันไปมองทางห้องน้ำครู่หนึ่งให้แน่ใจว่าน้ำเหนือจะไม่เดินเข้ามาในตอนนี้แล้วหันไปตอบไอ้ฮาร์ทที่รอคำตอบอยู่  ผมเหลือบมองไอ้คินที่นั่งมองผมว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง  ผมเหยียดยิ้มให้มันก่อนจะตอบโดยไม่ลังเล

“เออชอบ” เต็มปากเต็มคำไหมละไอ้ข้าวเอ้ย !

“...” อ้าวเงียบทำไมไอ้ฮาร์ท  อึ้งเลยอ่ะดิ๊!

“..โดนสวมเขาซะแล้วเพื่อนกู” ผมเบ้ปากใส่ไอ้คินที่พูดอะไรเลอะเทอะ  สวมเขาไร  กูไม่ได้เป็นไรกับไอ้ฮาร์ทเถอะ

“มึงพูดจริงหรอไอ้ข้าว!”

“อืม” ผมตอบส่งๆไป

“มึงพูดจริงดิว่ะ มึงพูดจริงดิไอ้ข้าว!” ไอ้ฮาร์ทเข้ามาเขย่าตัวผม  พร้อมกับถามคำถามเดิมซ้ำๆ  อาการมึงหนักน่ะ  มียิ้มแก้มปริอีก  อะไรของมึง  ประสาทเสียหรอเพื่อน  ม่ายยน๊า  มึงอย่าเป็นบ้านะไอ้ฮาร์ท ฮืออ

“อะ เอออ”

“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ 

“หัวเราะอะไรของมึงว่ะ?” น้ำเหนือมันมาตอนไหนว่ะ  คงไม่ได้ยินใช่ไหม  ภาวนาอย่าได้ยินเลย

“หึๆ  กูแค่ได้ยินเรื่องดีๆมนิดหน่อย”

“เรื่อง?”

“ก็..”

“ไอ้ฮาร์ท! กูหิวไปหาไรกินกัน” ผมรีบเข้าไปปิดปากมันที่กำลังจะเอ่ยตอบน้ำเหนือไป  ผมบอกไอ้ฮาร์ทว่าหิวแต่จริงๆแล้วเปล่าหรอกครับ  ต้องลากมันออกไปเคลียร์กันข้างนอกดีกว่า

“อะไรนี่ดึกแล้วยังหิวหรอ”

“เออน่า  ก็กูหิวไปเป็นเพื่อนหน่อย” ผมบอก มันทำหน้าเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงไปกับผมด้วย

“แล้วมึงจะเอาไรป่ะไอ้คิน ไอ้เหนือ” ไอ้ฮาร์ทถาม

“อะไรก็ได้” น้ำเหนือตอบไอ้ฮาร์ทแต่กลับมองหน้าผมแทน  ผมหันหน้าเสมองไปอีกทางแต่ก็มีเหล่สายตามองน้ำเหนือที่จ้องมองผมอยู่ 
กูคงไม่ทำตัวมีพิรุธหรอกนะ

“ไม่เป็นไรกูไม่หิว” ไอ้คินตอบ 

“เออๆ  ปๆไอ้ข้าวเดือดร้อนกูจริง  งานกูไม่เสร็จก็เพราะมึงแหละ”  ไม่เสร็จเพราะมึงอู้เองมากกว่า  ใส่ร้ายกูตลอด  ผมเดินไปหยิบกระเป๋าตังที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองจะเดินตามไอ้ฮาร์ทที่เปิดประตูรอหน้าห้องแล้วก็พลันต้องหยุดแล้วเดินดิ่งไปทางไอ้คิน

“เออไอ้เหนือคือกูมีเรื่องจะบอกวะ”

“ไอ้คิน  กูได้ยินว่ามึงหิวไปกับพวกกูดีกว่าน่ะ”  กูจะไม่ยอมให้มึงพูดเด็ดขาด  ผมดึงลากไอ้คินไปพร้อมกับผมด้วย

“เฮ้ย! ไรเนี้ย  กูไม่หิวกูไม่ไป”

“มึงบอกกูเมื่อกี้”

“กูพูดตอนไหน?”

“ตอนที่กูบอกเนี้ย ไป!!” ผมดึงลากมันให้เดินตามเร็วๆ  พอมาถึงหนาประตูผมก็ใส่แตะตัวเอง  ไอ้ฮาร์ทดูจะ งงที่เห็นไอ้คินมาด้วย  ไอ้คินมันก็ไม่ได้พูดไรมันก็เดินตามมาเงียบๆ

“ไอ้คินไหนมึงบอกว่าไม่หิวไง” ไอ้ฮาร์ทเป็นคนถาม

“ถามเมียมึงดิ  อยู่ๆก็ลากกูมาด้วยเนี้ย” ไอ้คินบอกอย่างหงุดหงิด

“หร๊อ?” ไอ้ฮาร์ทหันมามองผมแทน  ผมไม่ตอบแต่เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างที่มีร้านสะดวกซื้อเปิดขายตลอด24ชม.เหมือนกับเซเว่น
แหละครับ

พอมาถึงร้านผมก็เดินเลือกขนมใส่ๆให้เต็มตระกร้า  ไม่รู้ว่าหยิบอะไรบ้าง  อะไรใกล้มือก็ใส่ๆให้หมด  ส่วนสองคนนั้นก็แยกไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้  พอเต็มตระกร้าผมก็ไปคิดเงินที่เคาเตอร์รอ  ผมหยิบหมากฝรั่งใส่เพิ่มเข้าไปอีกสองสามชิ้น

“เวฟไหมครับ?” พนักงานถาม 

“ครับ” ผมตอบ

“ซื้อไรเยอะแยะว่ะข้าว  กูเชื่อแล้วว่ามึงหิวจริงๆ...คิดรวม” มันคุยกับผมก่อนแล้วหันไปบอกกับพนักงานให้คิดของมันรวมกับผม  จะให้กู
จ่ายให้ละสิ  เนียนตลอด

“ก็นิดหน่อย”

“ไม่นิดละเหอะ หึๆ” ซื้อของเสร็จเราสามคนก็เดินขึ้นมาบนหอเหมือนเดิม  แต่ก่อนที่จะถึงห้องผมก็หันมามองไอ้สองตัวที่เดินขึ้นตามหลัง
มา

“กูมีเรื่องคุยด้วย”  มันสองคนหนหน้ามองกันเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วถาม

“เรื่อง?” ไอ้คินเป็นคนถาม

“เรื่องที่กูชอบเหนือ”

“แล้ว?” เป็นไอ้ฮาร์ทที่ถามขึ้นบ้าง

“กูไม่อยากให้เหนือรู้” ผมบอก

“ทำไม? บอกเหตุผลมาสิ” ไอ้ฮาร์ท

“กะ ก็กูยังไม่พร้อม  อีกอย่างกูกับเหนือเป็นเพื่อนกันกูไม่อยากให้เขารู้” ผมบอกเสียงแผ่ว

“หืม? กลัวหรอว่ะ ห้ะๆ” เออกูกลัวไงไม่งั้นไม่มาลากมึงมาด้วยหรอกไอ้คิน

“ก็..”

“เพื่อนที่ไหนมันจูบกันว่ะ” เอ่อ..พูดไม่ออกเลยกู  ก็คงเป็นเพื่อนแบบกูมั้ง

“กูแค่...นั่นแหละ  อย่าบอกเรื่องนี้กับเหนือนะ  กูขอร้อง”

“ถ้ากูจะบอกมึงแล้วมึงจะทำไม” ไอ้คินมันบอกแล้วเดินผ่านร่างผมไป ฮืออ ให้ตายสิ

“ไอ้คินอย่านะเว้ย!!” ผมตะโกนตามหลังมัน

“บอกมันไปเถอะน่า  มันไม่ใช่ความรักข้างเดียวหรอก”

“มึงหมายความว่าไง?” ผมหันกลับมามองไอ้ฮาร์ท

“คิดเองดิว่ะ  กูบอกขนาดนี้แล้วไม่เข้าใจหรอว่ะ”

“บ่” ผมส่ายหน้าถามมันกลับย่างมึนๆ 

“ไอ้ซื่อบื้อ!” ไอ้ฮาร์ทมันเคาะหัวผมแล้วก็เดินผ่านไปผมไปอีกคน  เอ้า! ทิ้งกูหมดเลย  แต่เดี๋ยวนะ! 

“ไอ้คิน!!!” พอนึกได้ว่าไอ้คินกำลังคิดจะทำอะไรผมก็รีบสาวเท้าไปให้ทันมัน




“อ๊ายเหนือ...” เสียงยาวครางงเอ่ยเรียกถึงบุคคลเจ้าของชื่อที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง

“ไอ้คิน!!” ผมรีบสาวเท้าไปหามัน  อย่าพูดนะมึง

“มีอะไรกันรึเปล่า” น้ำเหนือถามเมื่อเห็นผมกับไอ้คินกำลังทำสงครามเล็กๆกันอยู่  ไอ้ฮาร์ทถึงกับถอนหายใจกันเลย

“ปะ เปล่าไม่มีอะไร” ผมบอกพร้อมกับยิ้มแห้งส่งให้

“ปล่อยกูเลยไอ้เหี้ย” ไอ้คินดิ้น  แต่ผมกลับยิ่งรัดคอมันมากขึ้นพร้อมกับกัดปากกระซิบชิดข้างกกหูมัน

“มึงบอกกูเอามึงตายแน่!”  บอกจบผมก็ปล่อยมันให้เป็นอิสระ  แต่มันกลับหันมาแสยะยิ้มแล้วคว้าคอผมหันหน้าเข้าหามัน  มันก้มหน้าเข้า
มาชิดเบี่ยงหน้าเล็กน้อย  คือมันไม่ได้จูบผมนะเว้ย  อย่าคิดมาก  แค่หนามันใกล้ผมเท่านั้น  ผมเองก็ตกใจกับการกระทำของมันเหมือนกัน  คืองี้นะ  ผมยืนหันหน้าไปทางน้ำเหนือส่วนไอ้คินมันหันหลังให้น้ำเหนือเว้ย  ถ้ามองจากทางนั้นจะเหมือนว่าเราจูบกัน  ไอ้ชิบหายมึง
กำลังทำกูขายหน้าต่อหน้าน้ำเหนือ  ฮือออ

“ทำอะไรของมึงเนี้ย!” ผมกระซิบถามมันพร้อมกับจะขยับตัวหนี  มันจับเข้าที่แขนผมแน่น

“อยู่นิ่งๆ” มันบอกพร้อมกับเหยียดยิ้ม  ไอ้ฟายยยย 

“เฮ้ย!!” ผมอุทานขึ้นเมื่อร่างไอ้คินถูกเหวี่ยงลงบนพื้นอย่างเต็มแรง 

“ไอ้เหนือ!” เสียงไอ้ฮาร์ทดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าน้ำเหนือกำลังจะตรงเข้าไปหาไอ้คินที่นั่งแหมะแสยะยิ้มอย่างนึกสนุก  เออชอบนักนะมึงเจ็บ
ตัวเนี้ย!

“มึงทำเชี้ยไร” น้ำเสียงนิ่งๆเอ่ยถาม  สายตาเย็นชามองเพื่อนที่นั่งแสยะยิ้มมองอย่างไม่นึกกลัว

“แค่จูบเองทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”

“...มันไม่ควร” น้ำเหนือกัดฟันพูด

“แล้วมึงควรหรอว่ะ?” ไอ้คินมันถามต่อสายตามันจ้องกับน้ำเหนือไม่เกรงกลัวอะไรอีกฝ่ายเลย

“...”

“มึงทำได้กูก็ทำได้ไอ้เหนือ”

“ไอ้คินหยุดเลยมึง” ไอ้ฮาร์ทเป็นฝ่ายปราม

“เอ้า  นี่กูกำลังพูดสิ่งที่ควรพูดน่ะ”

“ไอ้เหี้ยคินหุบปาก!” ผมรีบแย้งขึ้น  ไม่งั้นมันจะต้องพูดเรื่องนั้นออกไปแน่

“ตอบตรงๆนะไอ้เหนือ”  ตอบไรมึง  ไอ้คินมึงกำลังจะทำอะไร 

“อืม”

“คิดยังไงกับไอ้ข้าว/”

“อะ ไอ้คิน…” มึงถามอัลไลของมึงงงง  ฮือออ ผมแทบไม่อยากได้ยินคำตอบ  แต่ใจเจ้ากรรมดันอยากฟังซะงั้น

“...” น้ำหนือเงียบหันมามองหน้าผมแทน  ผมเสหน้ามองอีกทาง  ไม่อยากมองหน้ามันเว้ย  เดี๋ยวคำตอบมันแทงใจดำขึ้นมาจะปิดความ
อ่อนแอไม่มิด

“ว่าไง? ชอบหรือไม่ชอบ  แต่ถ้าไม่งั้นกูขอ..”

“ถ้ามึงอยากตายก็เอาสิ”

“หึ สรุปยังไงเอาให้เคลียร์” ไอ้คินยังคงถามต่อ

“..กูชอบข้าว”

“หะ เห?” เป็นผมที่ยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบชัดๆ

“หึๆ ก็แค่เนี้ย  แค่บอกว่าชอบกันไปตรงๆก็จบ  ใช่ไหมไอ้ฮาร์ท”

“เออกว่าจะบอกกันได้ กูต้องเหนื่อยแค่ไหน  นี่ก็เพิ่งจะรู้ว่าไอ้ข้าวเองก็ชอบมึงเหมือนกัน” ไอ้ฮาร์ทมันว่า

“หมายความว่า..” น้ำเหนือถามมัน ไอ้ฮาร์ทพยักหน้า

“มันก็ชอบมึงเหมือนกันนั่นแหละ  กูพึ่งรู้ไม่นาน  จริงๆก็วางแผนให้มึงหึงแล้วยอมรับบอกว่าชอบไอ้ข้าวต่อหน้า  กูเลยไปปรึกษาหารือกับ
ไอ้คิน” ไอ้พวกนี้นี่มัน....

“กูเสียรู้พวกมึงจนได้สินะ เฮ้ออ” น้ำเหนือถอนหายใจเซ็งๆ

“ช่วยไม่ได้  นี่ถ้ากูไม่ไปเห็นมึงสองคนกำลังสวีทกันตรงระเบียงคงไม่มีทางรู้ว่าไอ้ข้าวก็ชอบมึงเหมือนกัน”

“หุบปากไปเลยไอ้คิน!” ผมรีบพูดแทรกขึ้น  มันน่าอายน่ะ  โอ๊ยยย  แล้วทีนี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เรื่องจริงทำเป็นอาย  ไหนว่าหน้าด้านไง  ทีตอนบอกว่าชอบไอ้เหนือมึงยังมั่นใจอยู่เลย”  ไอ้สัสส  ย่ามาเผากูต่อหน้าน้ำเหนือน่ะ  ฮือออ
กูอายบวกเขินด้วย

“-//////////-“

“เอาละ สรุปให้เลยละกัน มึงสองตัวแอบชอบกันอยู่  ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ารู้สึกเหมือนกันก็คุยกันเองแล้วกันว่าจะเอาไงต่อจากนี้  หมดหน้าที่กู
ละ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ฮาร์ทพูดเองเออเอง  จบก็ลากไอ้คินไปด้วยกัน 

“เอ่อ...คือ” ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ  ใจก็เต้นตึกตักรุนแรง 

“ไปคุยกันที่อื่นเถอะ”

“อืมๆ” ความคิดดีมาก  ถ้าหากว่าอยู่ตรงนี้ผมคงไม่กล้าจะคุยเพราะมันมีไอ้สองตัวที่กำลังนั่งมองพวกผมอย่างสนุกแล้วก็อีกสองตัวที่สลบ
หลับใหลไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องนี้เลย  เราเลือกมาคุยกันที่ระเบียงห้องเหมือนเดิม  แต่ทำไมต้องมาคุยตรงนี้วะ  เออช่างเถอะกู
เดินตามมาเองนี่หวา

“..คือแบบว่า”  ที่บอกว่าจะคุยกันนี่จะคุยกันจริงๆไหม  คือพอหาที่จะคุยได้ทั้งผมและน้ำเหนือเราก็ต่างเงียบกัน  จนเป็นผมเองที่ทนความ
อึดอัดไม่ได้ ต้องทำลายบรรยากาศนี้ให้สิ้นซากซะ

“..เรื่องจริงหรอข้าว” น้ำเหนือพูดขึ้นลอยๆ  เหมือนจะพูดกับตัวเองแต่ก็ไม่  น้ำเหนือหันหลังให้ผม  เขายืนเท้าคางกับขอบระเบียงแล้ว
มองไปข้าหน้า  ส่วนผมนั่นยืนพิงประตูที่กั้นระหว่างข้างในกับข้างนอกไว้

“ระ เรื่องอะไร” ผมถาม

“ที่ข้าวชอบเหนือ”  น้ำเหนือหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ  ผมพยักหน้าเบาๆ

“อืม”

“จริงๆหรอข้าว”

“..จริง” ผมเงยหน้าสบตากับน้ำเหนือโดยที่ไม่ละไปไหน  ที่ผมพูดไปคือเรื่องจริงทุกอย่าง  ผมชอบเหนือ ผมไม่ได้โกหก

“...”

“ข้าวชอบเหนือจริงๆ  ชอบนานแล้วด้วย” ผมตัดสินใจบอกความในใจทั้งหมดจริงๆออกไป  ณ จุดนี้คงไม่ต้องปิดอะไรมันแล้วแหละ กล้าๆหน่อยเหอะข้าวเรื่องมันมาถึงตรงนี้แล้ว   ด้านได้อายอดเว้ย !!

“...”

“ข้าวชอบเหนือตั้งแต่เรียนด้วยกันตอนมัธยมแล้วละ  มันเป็นรักข้างเดียวมาตลอดที่เรารู้จักกัน  เวลาข้าวได้อยู่กับเหนือข้าวมีความสุข  ข้าวชอบเวลาได้ใกล้ชิดเหนือ  ได้ไปไหนด้วยกัน  แต่มาวันหนึ่งจู่ๆเหนือก็ย้ายบ้านไปโดยที่ไม่บอกอะไรข้าวเลย  เหนือไปอยู่ไหนข้าวไม่รู้  ข้าวติดต่อก็ไม่ได้  เบอร์ก็ไม่มี  ... ข้าวคิดว่าข้าวจะไม่ได้เจอกับเหนือแล้วซะอีก”  ผมบอกทุกอย่างที่คิดให้อีกฝ่ายฟัง

“..ขอโทษนะที่หายมาโดยไม่ลา” ผมส่ายหน้ายิ้มบางให้บอกว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรหรอก  อย่างน้อยเราสองคนก็กลับมาเจอกันอีกครั้งนิ”

“เหนือเองก็ชอบข้าวตอนที่เรียนมัธยมเหมือนกัน  ชอบเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแต่ว่าช่วงกีฬาสี...” น้ำเหนือเว้นว่างเอาไว้ผมจึงถาม

“กีฬาสี  ทำไม?”

“เหนือเห็นข้าวกอดอยู่กับผู้ชายคนนั้น”  ผมมองอีกคนอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  เรื่องนี้ผมปิดเป็นความลับเอาไว้  ผมคิดว่าไม่มีใครเห็นซะอีกและคนที่เห็นดันเป็นน้ำเหนือซะด้วย  หรือว่า...

“..มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ!”

“....”

“จริงๆตอนนั้นพี่เขามาสารภาพว่าชอบข้าว  แต่ข้าวก็ปฏิเสธไป  ข้าวกับพี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกันนะเว้ย”

“งั้นที่กอด?”

“ก็นั่นไม่ทันตั้งตัวพี่เขาดึงไปกอดตอนไหนไม่รู้” ผมรีบส่ายหน้าตอบทันที่ว่าไม่มีอะไรกันจริงๆ

“งั้น...ตอนนี้ละ”

“ตอนนี้ทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย

“ผู้ชายที่ข้าวคุยทางโทรศัพท์กับที่เจอหน้าคณะ”

“...”

“เป็นคนกับที่เคยสารภาพกับข้าว .. ตอนนี้คิดยังไงกับเขา” น้ำเหนือจำพี่อาร์มได้

“ก็ไม่ได้คิดอะไร  ข้าวคิดกับพี่อาร์มแค่พี่คนหนึ่ง” ผมบอก

“แล้วกับเหนือละ”

“ก็..ชอบมั้ง” ผมบอกพร้อมกับหลบสายตาอีกคน  บอกว่าชอบไปหลายรอบแล้วนะ  นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอว่ะ  ต้องให้พูดอีกใช่ไหม

“ทำไมมั้งอะ” เอ้า! ก็อยากให้มีอ่ะ   ผมหันมามองอีกคนอีกครั้งแต่ก็ชนเข้ากับอกอีกคน  ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า  ใกล้ไปแล้วมึงงงงง

“เออไม่มีมั้งก็ได้” ผมดันแผ่นอกอีกคนให้ถอยห่างแต่ก็ไม่เขยิบออกไปไหนเลย

“ดีครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มหูเอ่ยชิดหูผม  ใบหน้าผมถูกหันกลับให้มาสบสายตากัน 

“..อืม”

“เหนือชอบข้าวนะ” น้ำเหนือพูดจบก็กดริมฝีปากตัวเองลงมาทาบทับกับปากผม  น้ำเหนือไม่ได้รุกหนักเหมือนครั้งก่อน  ครั้งนี้แตกต่าง
กันสิ้นเชิง  ปลายลิ้นร้อนค่อยๆเล็มเลียปากผมเบาๆ  ผมองที่เป็นฝ่ายยอมเปิดปากรับลิ้นร้อนอีกคนเข้ามา  น้ำเหนือสอดลิ้นมาเกี่ยวพันกับลิ้นผม  ผมยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของอีกคนดึงเข้ามาประชิดกันมากขึ้น  จากที่ช้าๆเนิบๆก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้น  ผมแทบลอมละลายในอ้อมแขนที่กำลังกอดรัดผมเอาไว้

“อื้อออ” ผมครางออกมาอย่างพอใจในรสจูบครั้งนี้  มันทำให้เลือดภายในตัวสูบฉีดขึ้นมา   น้ำเหนือจูบเน้นๆหนักๆตรงมุมปากของผมก่อนจะผละหน้าออกแล้วสบสายตากันอีกครั้ง

“ชอบรึเปล่า”

“ชะ ชอบ..” หมาถึงจูบใช่ไหมที่ถาม

“หึ  พรุ่งนี้ไปเดทกันนะข้าว” ผมพยักหน้ารับเป็นอันว่าตกลง

“..อื้ออ” และจูบระหว่างเราสองคนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง  ... และอีกครั้ง  โดยที่ไม่มีใครได้เอ่ยอะไรออกมาอีก  ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ  ไม่แม้แต่จะสนเสียงเอะอะในห้องที่ดังลอดออกมาให้ได้ยินด้วยซ้ำ  แค่ตอนนี้มีแค่ผมกับน้ำเหนือก็พอ...

.
.
.

“...เป็นแฟนกันนะข้าว”



TBC.
จริงๆมันจะมีฉากหนึ่ที่คิดไว้กะจะเอามาใส่ในตอนนี้
 คงต้องยกไปใส่ไว้ในตอนหน้าแทนอ่ะ ฮือออ
ปล.ไม่ฟินอย่าว่ากันนะคะ :ling1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-07-2016 08:40:46
เย้...เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 20-07-2016 08:55:00
 o18  เป็นเเฟนกันเเล้ววววว 
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-07-2016 10:08:57
เป็นแฟนกันแล้ว :m1: :m1: :m1: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 20-07-2016 11:16:15
เขิน
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-07-2016 15:51:44
อื้อออออ เขาเป็นแฟนกันแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.10 #By : Cencer[20/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 20-07-2016 19:29:21
แล้วใครจะด้ามอกพี่อาร์มคนหล่อกันล่ะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.11 #By : Cencer[27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 27-07-2016 01:31:56
11

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

น้ำเหนือ พาร์ท


“จะกลับแล้วหรอไอ้เหนือ”

“..อืม”

เมื่อคืนกว่างานจะเสร็จก็ตีสองตีสาม  ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว  ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้ากะจะกลับบ้านไปนอนต่อซักชั่วโมงสองชั่วโมงคอยกลับมารับข้าวไปเที่ยวด้วยกัน

“แล้วนี่มึงจะขาดเรียนไปเดทกันเนี้ยนะ?”

“อืม”

“ชั่วจริงๆ”

“ฝากเช็คชื่อด้วยแล้วกัน”

“สัส!”

 ผมไม่ได้สนใจอะไรในคำด่าขอไอ้ฮาร์ทหรอก  วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาแต่มีเรียนแค่ครึ่งวันวิชาก็ไม่ใช่วิชาเอกเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรถ้าจะโดด    ผมเดินนั่งลงข้างๆเตียงของคนที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง

“ข้าว” ผมเรียกเจ้าของชื่อเบาๆ

“...z Z”

“..ข้าว” ผมเรียกอีกครั้ง

“อื้มม” ข้าวขานรับทั้งๆที่หลับตาอยู่

“เหนือจะกลับบ้านแล้วนะ” ผมกระซิบบอกข้างหูคนหลับ

“อือๆ”  ข้าวพยักหน้าบอกส่งๆ  ผมได้แต่ส่ายหน้ากับท่าทางเด็กๆของอีกคน  ผมลูบหัวข้าวเบาๆ จูบซับบนหน้าผากเนียนก่อนจะผละออก


“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ” 


“อะไร?” ผมเลิกคิ้วถามเมื่อไอ้คินมันเบ้ปากใส่ผม

“เห็นแล้วมันหมั่นไส้”


“แล้ว..ยังไง?” ผมยังกวนมันต่อ

“โว๊ยยไอ้ห่า! เกลียดคนมีคู่เว้ย!” ไอ้คินมันโวยขึ้น

“มึงก็หาสิไอ้คิน  โวยวายไปก็ไม่มีคู่อย่างไอ้เหนือหรอก” ไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น  ไอ้คินถึงกับหันไปจ้องเขม็ง  ส่วนไอ้ฮาร์ทก็ทำหน้าเชิงถามว่า  ทำไม  มึงจะทำไม  หรือจะเอา?


“เบาหน่อยเดี๋ยวข้าวตื่น” ผมแทรกขึ้น


“หึ  อะไรมันจะเป็นห่วงกันขนาดน๊านนนน” ไอ้ฮาร์ทมันลากเสียงยาวล้อเลียน


“ยุ่ง!” ผมว่ามัน  มันหัวเราะหึออกมา


“เออพอได้กันก็แม่งมาทำหวานต่อหน้าเพื่อน  หัดเกรงใจนึกถึงบุญคุณกูหน่อย”

“บุญคุณ?”


“เออถ้าไม่ได้กูมึงคงไม่ได้คบกับไอ้ข้าว  มึงต้องขอบพระคุณกูซะ!” ไอ้คินมันว่าพร้อมกับตบที่ตัวตัวเอง  ผมส่ายหน้าขี้เกียจต่อสนทนากับมัน  จริงๆพวกมันก็ช่วยผมไว้ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้ผมกับข้าวได้พูดความในใจตรงๆต่อกัน  เพราะถ้าไม่ได้พวกมันผมเองก็คงไม่มีวันได้บอกว่าชอบข้าวออกไปแน่ๆ


“อืม  ขอบใจ”


“ไอ้ห่า!/ไอ้ห่า!”


“อะไรอีก” ผมกอดอกมองหน้าเพื่อนสองคนที่ด่าผมออกมาพร้อมๆกัน


“มึงขอบใจจากใจจริงไหมห้ะ !” ไอ้คินว่า  แล้วผมขอบใจมันไม่จากใจตรงไหนว่ะ

“ไม่ต้องมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชี้ยเหนือ”


“...” ผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆ  ต้องการอะไรกันแน่


“ไม่ต้องมาทำหน้าเซ็ง  สำนึกอ่ะสำนึก”


“ต้องการอะไร?” ผมถามเสียงนิ่ง


“ก็แบบ..มันมีเกมส์ตัวล่าสุดอออกมาเว้ย” ไอ้ฮาร์ทเป็นฝ่ายพูดขึ้น  เพราะไอ้คินมันโยนให้ไอ้ฮาร์ทพูด


“แล้ว?”


“ก็แบบราคามันสูงงงงงง” มันลากเสียงสูงยาวๆ


“อืม”


“อย่ามาอืมดิว่ะไอ้เหนือ” ไอ้คินแทรกขึ้นมาอีก  นี่ผมอืมแล้วผิดหรอวะ


“เออ”

“อย่าเออด้วย!”


“เอ้า!”


“ไม่องไม่เอ้า!”


“เหอะ !”  สองคำสั้นๆครับ กวน-ตีน ! 
 

“พอไอ้คิน  มึงออย่าไปกวนตีนมันนักดิว่ะ  เดี๋ยวกูพูดเอง”


“เอองั้นกูไปนอนต่อแล้วนะ” ไอ้คินมันเดินออกไปปล่อยผมกับไอ้ฮาร์ทคุยกันสองคน


“ว่ามา ..”


“ก็อย่างที่บอก”


“เรื่องเกมส์?”


“อืมๆ นะมึง  ครึ่งราคา” ไม่คิดเลยว่าเพื่อนตัวเองจะทำเพื่อหวังผล  สรุปผมต้องยอมช่วยมันครึ่งราคาของค่าเกมส์อะไรของมันใช่ไหม  กูพอรู้หรอกว่าไอ้ฮาร์ทมันเป็นพวกติดเกมส์ตัวไหนออกมาล่าสุดเป็นต้องคว้ามาครองให้ได้  จะอดตายมันก็ไม่สน  ราคาจะแพงแค่ไหนมันพร้อมเปย์


“เออก็ได้”

 
“เย้ ! ไอ้เหนือกูรักมึงที่สุดเลย  มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูจริงๆ  กูยกไอ้ข้าวให้ฟรีเลย  จะเอามันไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรก็ช่างมึงเลย  กูยกห้ายยยย”

 
“เวอร์!”  ผมส่ายหน้าให้กับความคิดบ้าบอของมัน

 
“ย๊า !!”

ตุบ !

 
“โอ๊ยยยยยยเชี้ย!!”

 
เสียงร้องโอดโอยดังลั่นห้อง  ผมหันไปมองยังที่มาของเสียงที่อยู่อีกด้าน  เห็นไอ้คินไปนอนแหมะอยู่ข้างเตียง มันทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด  ส่วนอีกคนยืนทำหน้ายักษ์อยู่บนเตียงตัวเองมองไอ้คินไม่วางตา  เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆนะครับ  เหมือนตอนนั้นที่ผมลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้น

 
“เหี้ย! ไฟไหม้ๆๆ”

 
“ห้ะ ! ไฟไหม้หรอ!! หนีเร็วว”  ผมหันไปมองไอ้เพื่อนสองคนที่ร้อนรนจะหนีจากไฟไหม้?  เห็นขนข้าวขนของเตรียมวิ่งหนีไฟ ซึ่งของที่มันขนออกไปก็เป็นของไอ้ฮาร์ทที่ยืนมองทำหน้าหน่ายอย่างเห็นได้ชัด

 
“ไฟไหม้พ่องดิ! ไอ้จิมเกมส์กูวางลง!!” ไอ้ฮาร์ท

 
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจออกมากับสิ่งที่เห็น  เพื่อนแต่ละคนนี่มันเกินบรรยาย

 
“มึงผลักกูทำไมห้ะไอ้ข้าว!”

 
“กูไม่ได้ผลัก!”

 
“มึงผลัก!”

 
“กูไม่ได้ผลักไงไอ้เหี้ย!”

 
“ถ้ามึงไม่ได้ผลักแล้วกูจะลงมานอนตรงนี้ได้ไงห้ะ!”

 
“กูถีบไงไอ้โง่! แล้วใครให้มึงมานอนบนเตียงกูห้ะ!!”

 
“ก็กูง่วง..”

 
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนที่อื่นมานอนบนเตียงกูทำไม”

 
“อยาก!”

 
“ไอ้..!!” ข้าวกระโจนใส่ไอ้คินที่ต่อล้อต่อเถียงด้วย  ผมจึงต้องรีบไปห้ามเอาไว้ไม่งั้นมีนองเลือดเช้าๆแน่

 
“ข้าวพอๆ” ผมจับตัวข้าวแยกออกจากไอ้คินที่นอนร้องโอดโอยอีกรอบเพราะโดนข้าวทั้งทึ่งทั้งตบใส่

 
“หึ่ย!”

 
“พอแล้วๆๆ” ผมจับขาฝั่งที่ข้าวใช้ถีบไอ้คินออก  ทำไมแรงเยอะแบบนี้ว่ะ ข้าวสบัดตัวออกแล้วเดินปึงปังไปหาพวกไอ้ฮาร์ทแทน

 
“เจ็บชิบหาย !”

 
“สมน้ำหน้า” ผมกอดอกมองเพื่อนนิ่งๆ

 
“กูเพื่อนมึงนะไอ้เหนือ  ช่วยเห็นใจเพื่อนหน่อย”

 
“ใช่เรื่อง” ผมว่าแล้วเดินออกมาจากมันไปหาคนที่นั่งหน้ามุ้ยอยู่บนโซฟาปล่อยให้ไอ้คินมันเห่าของมันไปเถอะ  ทำตัวเองก็สมควรแล้วละนะ

 
“เป็นอะไร หื้ม?” ผมถามเมื่อนั่งลงข้างๆอีกคน

 
“เปล่า!” ห้วนได้อีก

 
“เอาน่า  อย่าไปสนใจไอ้คินมันเลยนะ”

 
“ไม่สนได้ไงก็มันกวนข้าวอ่ะ”

 
“ ครับๆแล้วจะนอนต่อไหม?” ผมถามพร้อมกับลูบหัวคนที่ทำหน้างออยู่  ข้าวเพียงแค่ส่ายหน้า

 
“ไม่แล้ว”


“ครับ  งั้นเหนือกลับบ้านก่อนนะ” ผมบอก

 
“อ่าโอเค”

 
“อืม ไว้เจอกัน” ผมบอกพร้อมกับลุกขึ้น


“ไม่ได้ลงไปส่งนะ” ข้าวบอกพร้อมกับโบกมือให้น้อยๆ  ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางให้

 
“พวกมึงกูกลับก่อนนะ” ผมบอกลาเพื่อนๆ พวกมันก็เออออกันแล้วก็หันไปสนใจเรื่องตัวเอง  ผมเดินผิวปากลงมา  วันนี้เป็นวันดีที่สุดสำหรับผม

 
“หึ”  ไม่อยากจะคิดว่าสิ่งที่ผมที่ฝันไว้ว่าซักวันจะได้คบกัน  มันกลับเป็นจริง

 

“...เป็นแฟนกันนะข้าว”

“อ..อืม”

 
แค่ได้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนใจผมก็เต้นรัว  สีหน้า  รอยยิ้ม หรือแม้แต่คำพูดของอีกคนมันทำให้ผมรู้สึกดีใจ  ข้าวไม่ปฎิเสธคำขอของผม  ถึงการขอเป็นแฟนมันอาจจะสุดวิสัยเกินไป  แต่สุดท้ายมันก็ออกมาดี  เอาเป็นว่าผมขอแก้ตัวทีหลังแล้วกัน

.

.

.

“แม่...”  เดินเข้าไปกอดท่านจากข้างหลัง  เมื่อมาถึงผมเห็นรถแม่จอดอยู่  วันนี้ท่านคงไม่ได้ทำงานเพราะปกติแม่จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้า  แต่นี่สายแล้วยังเห็นแม่ทำอาหารอยู่ในครัวและชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา


“กลับมาแล้วหรอพ่อลูกชาย” แม่หันมาลูบหัวลูบแก้มผม  ผมจึงเข้าไปกอดท่าน

 
“แม่เหนือมีอะไรจะบอก”
 

“หืม  มีอไรละ?” ผมผละออกมองหน้าแม่  ท่านยิ้มอ่อนโยนให้ผม

 
“ก็..วันนี้แม่ไม่ได้ทำงานใช่ไหมครับ”
 

“ใช่จ้ะ  แล้วนี่มีอะไรละ  ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
 

“ผมยิ้มหรอแม่?” ผมถาม  ผมยังไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่

 
“ใช้จ้ะ”

 
“...”


“เหนือ.. แม่ไม่เคยเห็นเหนือดูมีความสุขเหมือนกับวันนี้เลยนะ  ลูกไม่เคยยิ้มได้อย่างวันนี้นานแล้วนะ แค่แม่เห็นลูกมีความสุขแม่ก็ดีใจแล้วละ” แม่บอกพร้อมรอยยิ้มที่ท่านมักยิ้มให้ผมเสมอ

 
“...”
 

“ว่าแต่มีเรื่องอะไรละถึงทำให้คุณชายน้ำแข็งของแม่คนนี้ยิ้มได้ หื้ม?”


“ก็...เดี๋ยวเย็นนี้พาลูกสะใภ้มาหานะแม่”


“สะใภ้?”

 
“ครับ  วันนี้แม่ช่วยทำอาหารอร่อยๆต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ได้ไหม” ผมบอก  ท่านทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับยิ้มขำกับท่าทีของผมเสียมากกว่า


“จริงจัง?”

 
“จริงจังดิแม่”

 
“โอเค  จริงจังก็จริงจัง ชักอยากจะเห็นว่าที่ลูกสะใภ้แล้วสิ” แม่ว่าขำๆ

 
“แม่เคยเจอแล้วครับ  งั้นผมไปนอนก่อนนะง่วงมากก” ผมบอกแม่  ไม่อยากจะต่อบทสนทนาก่อน  อยากให้ท่านทราบเองว่าใครกันที่จะมาเป็นลูกอีกคน  เดี๋ยวตอนเย็นท่านคงทราบเองว่าใคร

 
“อ๋อแม่ครับ  คนนี้บอกเลยแม่ปลื้มมากแน่ๆ”

 


13 : 00 น.

 
“ฮัลโหลข้าวเหนือรออยู่ด้านล่างนะ” ผมโทรหาข้าวเมื่อมาถึงหอที่ข้าวพักอยู่


ก๊อก ๆ  เสียงเคาะกระจกรถอีก  ผมปลดล็อกประตูรถให้ข้าวเปิดเข้ามานั่งได้

 
“รอนานไหม” ข้าวถาม


“ไม่นานหรอก ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”

 
“อืม  เอาสิข้าวยังไม่ได้กินอะไรเลย  หิวมากๆๆๆ” ข้าวลูบท้องตัวเองทำท่าประกอบให้ดู

 
“โอเคครับ”

 
นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันจริงๆจังๆซักที่  เพราะครั้งก่อนก็กะจะไปแค่สองแต่ก็ดันพ่วงเพื่อนๆไปด้วย  แต่ครั้งนี้ไม่มารอย่างพวกมันมาผจญแล้ว  ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย  ผมแวะร้านอาหารไทยเพราะคนข้างๆบ่นว่าอยากกิน

 
“แล้วเราจะไปไหนหรอเหนือ”  ระหว่างรออาหารมาเสริฟข้าวก็ถามขึ้นมา  นั่นสิจะไปไหนดี

 
“แล้วข้าวอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมถาม


“อืม...ไปสวนสนุกไหม?” ข้าวทำท่านึกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ  สวนสนุกหรอ ก็ดีนะผมเองก็ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน  นี่ก็เป็นเดทแรกของผมกับข้าวด้วย  วันนี้เป็นวันธรรมดาคนคงไม่เยอะเท่าวันหยุด  อากาศก็ไม่ร้อนมากเท่าไรไปก็ได้

 
“ตามใจข้าวเลย” เราคุยกันไปสองสามคำอาหารก็มาเสริฟ  เราสองคนลงมือทานกันไปเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน  โดยที่ผมเป็นคนพูดน้อยนิดๆ  หรือเปล่า เออนั่นละ  ผมเองก็ชวนคุยไม่เก่งด้วย  ถึงจะรู้ว่าข้าวเป็นคนร่าเริง พูดคุยด้วยได้ตลอด  แต่เวลาแบบนี้ข้าวมักจะเงียบและพูดน้อยหน่อยเมื่อเวลาอยู่กับผมแค่สองคน

 

 
“ว้าววว..ไม่ได้มาสวนสนุกนานแล้วนะเนี้ย” ข้าวพูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินเข้ามาในสวนสนุกแล้ว  อย่างที่คิดไว้จริงๆวันนี้คนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด

 
“ข้าว” ผมเรียกข้าวให้หันมามองทางผม  พอข้าวหันมาผมก็กดถ่ายภาพอีกคนเอาไว้
 

แชะ !  ข้าวทำหน้าเอ๋อใส่  ผมชูรูปที่ถ่ายให้ข้าวดู

 
“โห้ ! ลบได้ไหมอ่ะเหนือ  น่าเกลียดมากก” ข้าวบอกพร้อมกับมองหน้าผม  ผมส่ายหน้า  ผมว่าน่ารักออก เคยได้ยินไหมครับ  รูปที่เผลอๆมักจะดูดี  ผมคิดแบบนั้นนะ  ผมว่ารูปนี้ข้าวน่ารักมาก  ดูเอ๋อๆดีผมชอบ


“น่ารักออก”

 
“ดูส่วนไหนน่ารักเนี้ย” ข้าวชี้ให้ผมดูภาพ

 
“ก็ส่วนนี้ไง” ผมบอกพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ข้าว  ผมเห็นหน้าข้าวแดงขึ้นด้วย  ข้าวเสมองไปทางอื่นแทน  ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน
 

“ไอ้บ้า!” ข้าวว่าแล้วเดินนำลิ่วไปก่อน

 
“อ่า...ข้าวรอด้วยดิ!” ผมรีบตามข้าวไป  เพราะรู้สึกว่าอีกคนจะไม่รอผมเลย

 
“ชักช้า”

 
“อ้าว...” สรุปผมผิดสินะ  ผมจึงคว้าเอามือข้าวมาจับไว้  ข้าวชะงักหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมและมองลงมาที่มือ  ผมเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไม

 
“เอ่อ..นี่อ่ะ” ข้าวชูมือที่ผมจับไว้ขึ้นมา


“ทำไม?”


“ไม่อายคนอื่นหรอ  คนมองเต็มเลย” ข้าวบอกพร้อมกับมองรอบข้างที่มีผู้คนมองมาที่เราอยู่

 
“ไม่  หรือข้าวอาย” ผมถามกลับเพราะเกรงว่าอีกคนจะเกิดอายขึ้นมา  ผมเข้าใจครับผู้ชายกับผู้ชายเดินจับมือถือแขนกันในที่สาธารณะแบบนี้มันก็ต้องมีคนมอง  สำหรับผม  ผมไม่ถือหรอกใครจะมองยังไงก็ช่างแต่กับข้าว...ผมจะยอมถ้าข้าวบอกว่าอาย

 
“เปล่า..ก็แค่มันไม่ชิน” ข้าวก้มหน้าพูดไม่ยอมสบสายตากับผมที่จ้องมองอยู่  ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วกระซิบบอก

 
“งั้นก็จับไว้แบบนี้ตลอดจะได้ชิน”

 
“อือ” ข้าวพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย


“ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ”


“...อือ”

 
ผมเดินจูงมือข้าวพาไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ  โดยที่ผมให้ข้าวเป็นคนเลือกว่าอยากเล่นเครื่องเล่นไหน  พอข้าวบอกอยากเล่นอันนี้ผมก็ตามใจ  แต่พอผมบอกว่า..

 
“ข้าวบ้านผีสิงไหม?”

“ไม่!!”


 
ข้าวตอบเสียงดังฟังชัดทันที  ไอ้เราก็อยากจะแกล้งอีกคนแต่ไม่เอาดีกว่ากลัวข้าวโกรธจึงยอมละถอยจากการไปบ้านผีสิง  เราเล่นเครื่องเล่นต่อกันอีกสักพักก็มานั่งหยุดพักกัน

 
“ไหวไหมข้าว” ผมถามเมื่ออีกคนกำลังทำหน้าพะอืดพะอม  หน้าก็ซีดเผือดจนเห็นได้ชัด

 
“ วะ ไหวๆ อ้วกก” จะไหวได้ไงละเนี้ย แต่ละอย่างที่เล่นก็มีแต่ทำให้ท้องไส้ป่นป่วนทั้งนั้น  เฮ้ออ  ยาดมก็ไม่มี  ผมได้แต่ใช้กระดาษแผนที่สวนสนุกพัดให้อีกคน

 
“ข้าวอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวเหนือจะไปหาน้ำกับยาดก่อน” ผมบอก  ข้าวพยักหน้ารับ ทำมือโอเค  ผมจึงลุกขึ้นไปเดินหาร้านน้ำที่แถวนี้น่าจะมีอยู่  ผมไม่อยากปล่อยให้ข้าวอยู่คนเดียวทั้งสภาพแบบนั้นจึงเดินมาเรื่อยๆก็เห็นร้านน้ำขาย  ไกลจากที่พวกผมนั่งพักกันอีกนะ  ผมซื้อน้ำสองขวดยาดมอีกหนึ่ง  พอกำลังเดินกลับก็ผ่านร้านเครื่องเล่นน่ารักๆ  หน้าร้านจะมีเครื่องคีบตุ๊กตาอยู่  ผมจึงแวะเข้าไปดู  มีเครื่องคีบตุ๊กตาหลายเครื่อง  ทั้งเครื่องเล็กและเครื่องใหญ่  มีตู้หนึ่งที่สะดุดตาผมมาก  เป็นตู้ตุ๊กตาหมาน่ารักๆ  เห็นแล้วนึกถึงคนที่นั่งหน้าซีดรอผมอยู่เลย  ผมวางของที่ซื้อมาลงข้างตัวแล้วแลกเหรียญกับเจ้าของร้านเพื่อมาหยอดตู้ตุ๊กตานี้  ผมเล่นอยู่หลายรอบก็ไม่ได้ซักที

 
“ทำไมมันยากงี้วะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ  แต่ก็ไม่ยอมละความพยายาม  ทั้งๆที่ผมจะไปหาซื้อเอาเลยง่ายกว่ามายืนหมุนปรับทิศทางอะไรแบบนี้ให้ยุ่งยาก  แต่ว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆมันมักไม่มีค่าไม่ใช่หรอครับ  ผมจึงต้องพยายามเอาไอ้หมาตัวเล็กๆนี่ให้ได้  ผมอยากให้ข้าวเก็บไว้และอยากให้ข้าวรู้ว่ากว่าผมจะได้มามันยากแค่ไหน

 
“เยส ! ได้แล้ว!!”

 
เฮ้ออ กว่าจะได้เล่นเอาไปหมดหลายบาทเลยนะเนี้ย  ผมยิ้มให้กับตุ๊กตาที่ตัวเองคีบมาด้วยความพยายาม  อยากเห็นหน้าข้าวตอนรับจริงๆ   ผมมองดูเวลาปรากฏว่าผมสิงสถิตอยู่ร้านคีบตุ๊กตาตั้งครึ่งชั่วโมง  ป่านนี้ข้าวจะเป็นยังไงบ้างน่ะ  อ่า..ผมเนี้ยจริงๆเลย  คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปยังที่ข้าวนั่งพักอยู่

 
“...ข้าว” ผมเรียกหาอีกคนเมื่อมาถึง  ข้าวหายไปไหน? ผมมองสำรวจรอบข้างก็ไม่มี

 
“ข้าว!” ผมตะโกนเรียกอีกครั้งพร้อมกับมองหา

 
“หรือจะไปห้องน้ำ?” ผมคิดแบบนั้น  จึงนั่งรอตรงเก้าอี้ที่เดิมที่เคยนั่งก่อนหน้านี้  ผมมองดูนาฬิกาข้อมือนี่ก็สิบนาทีเข้าไปแล้วข้าวก็ยังไม่มา  จะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ  ผมหยิบโทรศัพท์กดโทรหาก็ไม่รับสาย

 
“หายไปไหนนะ  ทำไมไม่รับสายข้าว” ผมใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้  โทรไปก็ไม่รับบางครั้งสายก็ถูกตัดไปซะดื้อๆ  ผมลุกขึ้นเคตรียมจะเดินออกไปหาที่ห้องน้ำถ้ามามัวรออยู่แบบนี้มีหวังไม่เจอแน่  แต่พอลุกขึ้นเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีตัวมาสคอตแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าผมไว้  พอผมเดินไปซ้ายมันก็ซ้าย  ผมหลีกไปทางขวามันก็มาขวา  พอผมหยุดมันก็หยุดตาม  จะเอายังไงกับกูวะเนี้ย  คนยิ่งรีบๆอยู่

 
“ขอโทษนะครับ ผมกำลังรีบ” ผมบอกแล้วจะเดินหนีไปอีกทาง  แต่มาสคอตนั้นก็ตามผมมาอีก  ผมหยุดและจ้องมองมาสคอตแมวนิ่งๆ

 
“...”

 
“ผมรีบ  ไม่มีเวลามาเล่นด้วยครับ” ผมบอกอีกครั้ง  แต่ตัวมาสคอตก็ยังตามและครั้งนี้ก็ดึงรั้งผมเอาไว้ด้วย


“..อ่ะ” ผมหันไปเลิกคิ้วมองตัวมาสคอตที่ยื่นเป็นกระดาษสีขาวที่พับอยู่มาให้ผม

 
“..อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย  แต่เจ้าตัวมาสคอตก็ไม่ตอบกลับดึงให้ผมเดินไปที่เก้าอี้เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู่  มันดันผมให้นั่งลงผมจะเปิดกระดาษออกมาดูก็มีเจ้าตัวมาสคอตมาห้ามไว้  เจ้าตัวมาสคอตแยกตัวออกไปกดโทรศัพท์แล้วสอดใส่ในถุงกระเป๋าตัวเอง  เสียงดนตรีคลอขึ้นเป็นเพลงจังหวะสนุกๆล้วเจ้าตัวมาสคอตก็เริ่มโยกไปตามจังหวะของเพลง...

 
“อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน

ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี

อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน

ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี”  พอถึงท่อนฮุคของเพลงเจ้าตัวมาสคอตก็เต้นๆแล้วชี้มาที่ผม  มันทำให้ผมอยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในชุดมาสคอตนี่  ... พอเพลงจบเจ้าตัวมาสคอตก็หยุดเต้นแล้วชี้บอกห้ผมเปิดกระดาษที่อยู่ในมือ

 
“เปิดได้แล้วใช่ไหม?” ผมถาม  เจ้าตัวมาสคอตพยักหน้า  ผมจึงเปิดกระดาษสีขาวออกก็พบกับประโยคที่เรียงกัน

 
“เป็นแฟนกันนะ.. ^^” ผมเงยหน้ามองเจ้าตัวมาสคอตตรงหน้าที่ตอนนี้มานั่งคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบสีแดงสดหน้าหนึ่งดอกต่อหน้าผม  นี่มันอะไรกันว่ะ  อยู่ๆก็มีเจ้าตัวมาสคอตแมวมาสารภาพรักหรอว่ะ

 
“รับไปสิ! เมื่อยแล้วนะ!”  เสียงคุ้นๆว่ะ  ผมจึงถอนหัวมาสคอตแมวนั้นออก

 
“ข้าว!!” ผมถึงกับอึ้ง  ข้าวมีสีหน้าแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด

 
“ก็เออไง  รับไหมเนี้ย  เมื่อยแล้วร้อนด้วย!” ข้าวบอกทั้งๆที่ยังนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมจึงรับดอกกุหลาบนั้นไว้แล้วหันมามองคนที่ใส่ชุดมาสคอตค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ  ทำไมถึงมาใส่ชุดนี้ได้  แล้วไหนจะเมื่อกี้นี้...มันอะไรกันว่ะ?

 
“สรุปจะเป็นไม่เป็น?” ข้าวดึงแผ่นกระดาษที่ผมเปิดอ่านเมื่อครู่ขึ้นมาชูต่อหน้า


“นี่อะไรกันข้าว” ผมถาม

 
“ก็ตามที่เห็นอ่ะ  จะเป็นไหมห้ะ!”

 
“แล้วตอนนี้เราไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ” ผมถาม

 
“ก็...เป็นไง” ข้าวตอบแล้วมองไปทางอื่น  “แต่ว่า...”

 
“แต่ว่า?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

 
“ข้าวอาจจะเป็นแฟนเหนือ  แต่เหนือยังไม่เป็นแฟนข้าวไง”

 
“ยังไง?” ผม งง ทั้งๆที่ข้าวเองก็ตอบตกลงว่าจะเป็นแฟนกับผม  หรือว่าข้าวจะเข้าใจอะไรผิด  หรือจริงๆผมเข้าใจผิดไปเอง

 
“ก็ตอนนั้นเหนือขอข้าวเป็นแฟน  ตอนนี้ข้าวเลยมาขอเหนือบ้างก็แค่นั้น”


“เอ่อ..”

 
“เป็นแฟนกันนะเหนือ..” แบบนี้ผมจะปฎิเสธลงหรือไง

 
“อืม   เป็นสิ”

 
“เย้ !” ข้าวกระโดดยิ้มดีใจ  ผมจึงหยิบตุ๊กตาที่ดั้นด้นเล่นมาได้เดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าอีกคน  ข้าวก้มมองผมตาโต  ผมยื่นตุ๊กตาหมาที่เล่นมาได้ตรงหน้าข้าว

 
“แก้ตัวใหม่นะข้าว”

 
“อ ..อะไร”

 
“เหนือชอบข้าว  เป็นแฟนกันนะครับ”

 
“อือตกลง..” ข้าวยื่นมือมารับตุ๊กตาผม  พร้อมกับยิ้มเขินส่งมา   ผมเองก็เขินไม่ต่างกัน  ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยทั้งชีวิต  เพราะเป็นข้าวผมถึงกล้าทำ

 
“...ข้าว” ข้าวเอาแต่ก้มหน้าลูบหัวตุ๊กตาเล่นโดยไม่ยอมหันมาสนใจผมเลย  นี่ผมโดนเมินทั้งๆที่เพิ่งขอเป็นแฟนหรอเนี้ย  ผมจึงเรียกข้าวให้หันมาหาผม  พอข้าวหันมาผมก็...

 
จุ๊บ !

ผมจุ๊บเข้าที่ปากบางของอีกคน  ข้าวผงะเล็กน้อยหน้าเริ่มขึ้นสีแดงด้วยอาการเขิน  ผมยิ้มออกมากับท่าทีเขินอายของอีกคน  เวลาแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักกว่าทุกครั้ง

 
“เขินหรอทำไมหน้าแดง” ผมแกล้งแซวข้าว


“ใครเขิน  ร้อนต่างหากดูชุดสิ!” ข้าวเชิดหน้าขึ้นแล้วตบเข้าที่ชุดตัวเองที่ใส่   ฮ่าๆๆ

 
“เป็นแฟนกันสมบูรณ์แล้วนะข้าว”  ไม่สมบูรณ์คงไม่ได้แล้วครับ  เพราะทั้งสองฝ่ายตกลงเห็นชอบปลงใจไปในทางเดียวกัน ฮ่ะๆ  รู้สึกดีเป็นบ้าเลย

 
“อืม...ตุ๊กตาตัวนี้น่ารักเนอะ” ข้าวชูมันให้ดู  เห็นข้าวชอบผมก็ดีใจ

 
“กุหลาบดอกนี้ก็สวยหมือนกัน”

 
นี่อาจจะเป็นเดทครั้งแรกที่ผมไม่อยากให้มันจบลงเลย  อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ที่มีแค่ผมกับข้าว...แค่สองคน


(https://scontent.xx.fbcdn.net/v/t34.0-0/p206x206/13866824_1051993454890138_1027844642_n.jpg?_nc_ad=z-m&oh=02fd43d1e37dd0f9c582cf8b73f2b630&oe=579A60BB)
(ตุ๊กตาที่เหนือให้ข้าว)

writer

อัพช้าไปนิดไม่โกรธเคืองเค้าน๊าาตัวเองง

หวังว่าจะชอบนะตอนนี้  ฮ่าๆๆ  คอมเม้นกันมาเยอะๆนะจ้ะ  ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  อย่าลืมไลค์ให้เค้าด้วยน๊าาา

แจ้งเรื่องซักนิด : คือว่าจะถามนักอ่านทั้งหลายว่าจะใช้ชื่อเรื่องเดิมหรือว่าจะเปลี่ยนดี

ชื่อเดิมBoyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

ถ้าเปลี่ยน Boyfriend เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟน

ยังไงก็บอกมานะคะ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.11 #By : Cencer[27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 27-07-2016 06:32:40
 : :hao7: :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.11 #By : Cencer[27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-07-2016 08:58:27
 :o8: :o8: :o8: :o8:
นึกว่าข้าวจะงอนเหนือที่หายไปคีบตุ๊กตาซะอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.12 #By : Cencer[06/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 06-08-2016 23:49:34
12

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

เกิดอาการเกร็งช่วงขณะ  บรรยากาศภายในบ้านเงียบกริบ  ไม่มีเสียงใครเล็ดลอดออกมาแม้แต่เสียงหายใจก็ยังแทบไม่ได้ยิน  มีคนสามคนกำลังนังคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน  ซึ่งเจ้าของบ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งมองลูกชายคนเดียวของตัวเองและผม  เออก็ผมนี่แหละ  ข้าวไง  ข้าวหอมคนหล่อคนนี้เลย



“อำแม่เล่นหรอน้ำเหนือ” คุณป้าท่านถามลูกชายตัวเอง  คนถูกถามยังคงใบหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านกับสายตาผู้เป็นแม่เลยซักนิด  มีแต่ผมที่นั่งเกร็งแทบตอนนี้ยังเกิดอาการปวดฉี่อยากจะเข้าห้องน้ำจริงๆ



“ไม่อำ  ผมคบกับข้าวจริงๆ”



“จริงหรอหนูข้าว”



“ค..ครับ”



ใครจะไปคิดว่าคนอย่างน้ำเหนือจะกล้าบอกแม่ตัวเองว่าคบกับผู้ชายซึ่งคนๆนั้นก็เป็นผม  นึกย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน  หลังจากขับรถออกมาจากสวนสนุกน้ำเหนือบอกว่าวันนี้กินข้าวที่บ้าน  พอถึงบ้านก็เห็นคุณป้ากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนหน้าบ้าน  ลงจากรถก็ถูกดึงให้เดินเข้าไปหาคุณป้าด้วยกันซะงั้น



“แม่” น้ำเหนือเรียกเมื่อเดินเข้ามาหา



“มาแล้วหรอลูก” คุณป้าท่านหยุดมือแล้วหันกลับมามองพวกผม



“สวัสดีครับคุณปะ...”



“แม่เหนือกับข้าวคบกัน” ผมยังไม่ท่านได้เอ่ยทักคุณป้าจบประโยคน้ำเหนือก็พูดแทรกขึ้นมา



“ห้ะ!/หืม?”  เสียงห้ะนั่นอ่ะผม  ส่วนอีกเสียงนั่นคุณป้า



“เหนือบอกว่าเหนือคบกับข้าว  เราสองคนเป็นแฟนกันครับแม่” น้ำเหนือพูดยาวยืดบอกคุณป้าที่ตอนนี้ยืนอึ้งกับประโยคที่ลูกชายตัวเองบอก



“นะ เหนือ” ผมเองก็อึ้งไม่ต่างกันหรอก  นี่เราเพิ่งจะตกลงคบกันเองนะ



“สรุปแล้วเราสองคนคบกันจริงๆใช่ไหม”



กลับมาที่ปัจจุบัน ณ ห้องรับแขก  คุณป้าท่านเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งและคำตอบที่ได้ก็ยังคงเดิมเหมือนกับครั้งแรก



“ใช่ครับ” เหนือเป็นคนตอบ  ส่วนผมแค่พยักหน้าช้าๆ  กลัวที่สุดว่าคุณป้าจะรับไม่ได้ที่เราสองคนคบกัน



“แล้วที่บอกว่าสะใภ้นี่ก็...”



“ครับ  ข้าวนี่แหละลูกใภ้แม่”



“ห้ะ ! ส..สะใภ้?” ผมทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินประโยคนั่นของอีกคนที่บอกกับแม่  เดี๋ยวนะ  สะใภ้อะไร  ทำไมคุณป้ากับ้ำเหนือต้องหันมามองที่ผมด้วยสายตาแบบเดียวกันด้วย  สายตาที่มองมาแบบว่า  เอ่อ..



“แม่ว่าเป็นไง?”  น้ำเหนือหันกลับไปถามคุณป้าต่อ



“อืม...” คุณป้าท่านทำท่าคิด  ส่วนผมนี่กลืนน้ำลายอึกๆเลยครับ



“เอ่อ..”



“แม่โอเค  คนนี้แม่ชอบ หึๆ” คุณป้าท่านยิ้มพอใจตอบน้ำเหนือ



“แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงถามเดิมๆละแม่”



“ก็เพื่อความมั่นใจไง  ว่าจริงรึเปล่า”



“เอ่อคือว่า...”  ผมยกมือขึ้นเพื่อให้สองแม่ลูกหันมาสนใจผมที่นั่งเงียบบื้อเป็นใบ้อยู่  คือแบบเห็นสองแม่ลูกคุยกันก็ไม่กล้าขัดถึงเรื่องที่คุยกันจะมีผมอยู่ในนั้นด้วยก็เถอะ



“ว่าไงจ้ะ..ลูกสะใภ้” คุณป้าท่านหันมาถามพร้อมกับยิ้มเอ็นดูให้ผม



“คือแบบคุณป้ารับที่ผมกับ เอ่อ..น้ำเหนือได้หรอครับ”



“ได้สิจ้ะ  หรือหนูข้าวคิดว่าป้ารับความรักแบบนี้ไม่ได้”



“เปล่าครับ แค่..”



“ความรักไม่เกี่ยงเรื่องเพศหรอกจ้ะ  ป้าไม่ได้หัวโบร่ำโบราณอะไรขนาดที่จะไม่รู้ว่าสมัยนี้มีรักร่วมเพศกันเยอะแค่ไหน  ความรักไม่จำเป็นต้องชายหญิง  ทุกเพศล้วนแต่มีความรักเป็นของตัวเองอยู่แล้ว  แค่เป็นคนดีก็พอแล้วจ้ะ”



“ขอบคุณครับที่เข้าใจเรา” ผมยกมือไหว้ขอบคุณท่านที่ยอมเข้าใจและไม่นึกรังเกียจรักร่วมเพศ  ซึ่งหาได้น้อยมากที่คนในครอบครัวจะรับได้ในสิ่งที่ลูกเป็น



“คิดมากหรอข้าว หืม” น้ำเหนือหันมายีหัวผมเล่น



“อือ” ผมพยักหน้า



“แม่ใจดีก็รู้ไม่ใช่หรอ  แม่เหนือออกจะรักข้าวยิ่งกว่าลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ”



“นั่นสินะ  แม่รักหนูข้าวมากกว่าเจ้าเหนืออีก” ผมหันไปมองคุณป้าแทนคนข้างๆที่ตอนนี้เปลี่ยนจากยีหัวมาลบแก้มผมแทน  ต่อหน้าแม่นะเว้ย  มาทำอะไรแบบนี้ว่ะ



“ครับคุณป้า”



“จ้ะ  ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนลูกชายป้า  เปลี่ยนสรรพนามจากป้าเป็นแม่ดีกว่านะหนูข้าว  เห็นด้วยไหมพ่อลูกชาย” คุณป้าท่านหันไปถามความเห็นจากลูกชายตัวเอง  น้ำเหนือพยักหน้าเห็นด้วย  สรุปแล้วผมก็ต้องเรียกคุณป้าว่าแม่  ใครมันจะไปคิดว่าจะถูกมาเปิดตัวให้ครอบครัวอีกฝ่ายล่วงรู้ว่าคบกันวันนี้  ไอ้คนข้างๆก็ไม่คิดจะบอกอะไรได้ให้เตรียมตัวเตรียมใจหน่อยเลย 

 



“ซังนัมจา...”



“ซังอะไรนะข้าว”



“ห้ะ อ่อเปล่า...”



ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนของน้ำเหนือหลังจากรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ  ก็ขึ้นมานั่งเล่นกันข้างบน  คือมันไม่จำเป็นหรอกครับนั่งเล่นส่วนไหนก็เหมือนกัน  แต่ไอ้คนเนี้ย  มันลากขึ้นมาบนห้องนอนส่วนตัวของตัวเองจะขัดก็ไม่ได้  เพราะอยากเห็นอยู่พอดี  ไม่ต้องมามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนะ  หรือว่าพวกคุณไม่อยากจะเห็นห้องนอนส่วนตัวของคนที่ชอบละ  อย่ามาบอกว่าไม่  เพราะผมไม่เชื่อ ฮ่าๆๆๆ  ผมกวาดสายตามองห้องนอนโทนสีเทาทึบ บางส่วนก็มีโทนสีดำ  แต่จะมีก็แค่ส่วนตรงชั้นหนังสือที่เป็นโทนสีขาวยามเมื่อเปิดไฟตรงจุดนั้นจะเด่นที่สุด ห้องของน้ำเหนือจะแยกห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่งซึ่งเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องแต่งตัวไป ผมเลื่อนสายตามามองบนหัวเตียงมีรูปภาพแปะอยู่สองภาพใหญ่เป็นภาพของเจ้าของห้อง



“เหนือรูปนี้ถ่ายตอนไหนหรอ” ผมชี้ไปยังรูปภาพของเจ้าของห้องเมื่อเจ้าของห้องเดินออกมาจากทางห้องแต่งตัว



“ตอนปีหนึ่งอ่ะ  น่าจะช่วงเทอมแรกๆ  ตอนประกวดเดือน” น้ำเหนือบอก  ผมยังคงจ้องพินิจพิเคราะห์รูปภาพอยู่ไม่ว่างตา  ในใจก็คิดว่าทำไมถึงเกิดมาหล่อชิบหายวายวอดแบบนี้ว่ะ   ฟ้านี่ยังไงทำไมถึงลำเอียงแบบนี้  ทำไมไม่ส่งให้ผมมาเกิดในคราบเทพบุตรแบบนี้บ้างว่ะ  แต่ก็ยังถือว่าดีที่ส่งให้ผมกับน้ำเหนือได้มารักกกัน



“หึๆ”



“มีอะไรน่าขำหรอข้าว”



“ห้ะ ? ม ..ไม่มีๆ”



นี่ถึงกับขำออกมาให้อีกคนได้ยินเลยหรอว่ะไอ้ข้าวเอ้ย!  แล้วน้ำเหนือจะมองกูยังไงว่ะเนี้ย  คงไม่มองว่าเป็นคนบ้าหรอกนะ ฮือๆๆ  คนหล่อเพลียจริมๆ



“อืม  ข้าวคืนนี้นอนบ้านเหนือได้ป่าว”



“หืออ”  ผมถึงกับตาโต  ให้นอนนี่เนี้ยนะ  บ้าแล้วว  ไม่นอนเฟ้ย  ไม่เอา ! ยังไม่พร้อม  ยังไม่อยากเสียตัว  นี่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ  อิพ่ออิแม่ข้าวหอมคนนี้ขอโทษที่ทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง  ข้าวเสียใจที่ข้าวต้องมาชิงสุกก่อนห่าม  ข้าวไม่ได้ตั้งใจ  แต่ข้าวมีเจตนาในใจล้วนๆ



“ข้าวว่าไง”



“...” ขอโทษจริงๆ  ข้าวจะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องป่องแน่นอน



“..ข้าว”



“...”  ข้าวจะป้องกัน  จะใส่ถุงยางอย่างที่เรียนมา



“...ข้าวครับ”



“...”  หากไม่มีถุงยาง  ข้าวจะหาลูกโป่งมาใส่แทน  อิพ่ออิแม่ไม่ต้องเป็นห่วง



“ข้าว!!!!”



“ขะ ข้าวจะป้องกัน!!” ผมโพล่งเสียงขึ้นมาด้วยความตกใจ



“ป้องกันอะไรข้าว?” ชิบละ  นี่แค่คิดในใจคนเดียวนะเว้ยไม่น่าเลย  น่าตีปากตัวเองให้แตกจริงๆ  ถ้าน้ำเหนือรู้ว่าผมคิดอะไรนี่จะมองหน้ากันไงว่ะ  ถึงมันจะเป็นเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเป็นแฟนกัน  แต่กูเพิ่งคบกันได้วันเดียวเองนะเว้ย  ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าผมคิดอะไรไม่หาว่าผมโรคจิต ลามกรึไง  โอ๊ยยย



“ป.. เปล่าไม่มีอะไร แหะๆ”  ผมยิ้มแห้งส่งให้ น้ำเหนือขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร  “ว่าแต่เมื่อกี้เหนือว่าไงน่ะ”



“ถามว่านอนนี่ได้ไหมคืนนี้”



“อ๋ออ  แต่ว่าข้าวมีเรียนพรุ่งนี้” ผมตอบเมื่อคิดได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียน  วันนี้ก็ขาดไปแล้วทั้งวันจะขาดอีกไม่ได้  คะแนนมีส่วนในการเรียนสำหรับผมเสมอ ฮ่าๆๆ  ยิ่งโง่ๆ  มาขาดเรียนแบบนี้ยิ่งโง่หนัก  กะว่าจะโทรถามพวกไอ้เวฟว่าวันนี้อาจารย์ได้สั่งงานอะไรรึเปล่า



“สรุปว่าค้างไม่ได้สินะ”



“ก็  คงงั้นแหละ” ผมพยักหน้าเออออไป  จริงๆอยากจะค้างนะเหนือ  แต่มันไม่ได้จริงๆ



“ครับ”  ผมมอเจ้าของห้องทำหน้าสลดนิดๆ  ทำให้คนมองอย่างผมใจคอไม่ดีเลย



“อ..เอ่อหรือจะค้างดี”



“จริงหรอข้าว!” ทำไมตอนนี้ทำหน้าทำตาเป็นประกายนักละ  เมื่อกี้ยังไม่เห็นเป็นงี้เลย!! “จะค้างกับเหนือใช่ไหม”  น้ำเหนือถามผมอีกครั้ง  ค้างก็ได้ว่ะ  ไม่อยากกลับห้องไปอยู่กับไอ้ฮาร์ทอยู่แล้ว  นอนบ้านแฟนซักวันก็ไม่เห็นจะเป็นไร  เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง  ชีวิตจะได้มีสีสัน เกี่ยว?



“อือ ค้างก็ได้” สุดท้ายก็ตกลง  รู้สึกใจง่ายยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ



“งั้นข้าวไปอาบน้ำก่อนนะ  เดี๋ยวเหนือหาเสื้อผ้าที่ข้าวพอจะใส่ได้ให้”



“โอเค”  ผมมองดูนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ที่เลขเก้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบเอ็ด  ดึกแล้วหรอว่ะเนี้ย  อยู่นี่คงต้องนอนเร็วกว่าที่หอละนะ  ถ้าที่หอวลานี้ผมยังไม่นอนหรอกครับ  อาบน้ำเสร็จก็สิงสถิตกับเกมส์ในคอมไม่ก็แข่งกันกับไอ้ฮาร์ท  บางครั้งแถบไม่ได้หลับได้นอนกันเลย  ว่าแต่ห้องของน้ำเหนือมันพอจะมีเกมส์ให้ผมเล่นบ้างป่าวว่ะ  ผมลงจากเตียงกวาดสายตามองหาเครื่องเล่นเกมส์ก็ไม่พบ



“ไม่มีหรอว่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองอย่างเสียดาย  ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าน้ำเหนือชอบเล่นเกมส์แค่ไหน  เพราะเมื่อก่อนเราก็เล่นด้วยกันบ่อย  แต่อาจจะเพราะโตแล้วเลยห่างๆหรืออาจเลิกเล่นไป  แต่ผมก็ยังเห็นน้ำเหนือเล่นกับไอ้ฮาร์ทอยู่เลยนะเวลาไปที่หอของพวกผม



“หาอะไรอยู่หรอข้าว” เสียงดังอยู่ข้างหลังผม  ผมสะดุ้งเล็กน้อย  ผ้าขนหนูถูกยื่นมาให้จากข้างหลัง  ลมหายใจเป่ารดอยู่ตรงหลังคอทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมา  ใจก็เต้นตุบๆ  เหมือนมีใครมาทุบมันเล่น



“ขอบคุณ” ผมรับผ้าคนหนูแล้วเอ่ยขอบคุณเจ้าของห้องที่ยังไม่ถอยห่างจากผม  ผมจึงเอียวตัวไปมองแล้วจึงถามถึงสิ่งที่กำลังหาอยู่ 



“เกมส์นะ  ห้องของเหนือมีหรือเปล่า”



“เกมส์?”



“อืมๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก



“อยากเล่น?” น้ำเหนือเลิกคิ้วถาม



“ถ้าได้ก็ดี” ผมตอบ



“ไปอาบน้ำแล้วคอยมาเล่น”



“แสดงว่ามีเครื่องเล่นเกมส์ใช่ป่ะ” คราวนี้ผมหันไปมองเจ้าของห้องตรงๆ  รู้สึกถึงความสุขหลังการอาบน้ำเลย คิคิ



“มี  แต่ต้องเอามาต่อก่อนอ่ะ  อาบน้ำเสร็จก็น่าจะได้เล่น”



“งั้นไปอาบน้ำก่อนนะ” พอได้คำตอบผมก็ถึงกับอยากหายตัวเข้าไปในห้องน้ำภายในหนึ่งวิกันเลยทีเดียว  ได้ยินเสียงหัวเราะของน้ำเหนือตามหลังมาด้วย



“ข้าวเสื้อผ้าวางไว้บนโต๊ะห้องแต่งตัวนะ”

.

.

.

จึกๆ

เสียงกดจอยเกมส์ดังไม่หยุด  ผมกำลังมันส์กับการยิงกับศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตของผม  ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมาเท่าไร  แต่ถ้าบอกตามความรู้สึกผมน่นก็ประมาณซักสองสามชั่วโมงกว่าๆแล้ว



“ข้าวเลิกเล่นแล้วมานอน”  คนที่นั่งอ่านหนั่งสืออยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเอ่ยขึ้น  ผมไม่ได้หันไปมองแต่ก็ตอบเหมือนเวลาพูดคุยกันปกติ



“ขออีกนิดนะเหนือ  กำลังมันส์” ปากพูดมือก็กดยิกๆ



“แต่จอยพังไปอันหนึ่งแล้วนะข้าว” ชะอุ้ย !  ไม่ได้ตั้งใจปิดบังนะครับ  ก็แหมมันมันส์มือ  พอตอนเกมส์มันเสียก็พลั้งเผลอวางมันแรงไปนิ๊ดดด  เลยทำให้จอยมันกระทบกับพื้นจนดังปัง ! แล้วตามมาด้วยเศษจอยชิ้นเล็กๆกระจายตามพื้นห้องนิดหน่อย  แล้วพอกดปุ่มอีกทีมันก็แค่ไม่ขยับเลยเท่านั้นเอง  มันไม่ถึงกับพังหรอกครับ



“ขออีกนิดไม่ได้หรอเหนือ” ผมหันไปสบตาปิ๊งๆ ขอร้องอ้อนวอนผ่านสายตาให้อีกคนยอมให้ผมได้เล่นต่อ  แต่สายตาที่ส่งมานั่นมันทำให้



“เกมส์โอเวอร์!”



“ม๊ายยยย  อ๊ากกกก!!!” เพราะมั่วแต่หันไปสบตากับเจ้าของห้อง  ฮืออ ทั้งๆที่อุตส่าห์ประครองชีวิตที่มีแค่หนึ่งแล้วเชียวว  ไม่น่าเลย



“อย่าปาจอยทิ้งนะข้าว” เสียงดุๆเตือนขึ้นมา  ผมที่กำลังง้างมือขึ้นสูงเหนือหัวเตรียมทำลายมันเต็มที่ก็ต้องชะงักมือค้างไว้กลางอากาศแล้วค่อยๆเอียวตัวไปมองทางคนที่พูด



“มะ ไม่ได้จะปา  ข้าวแค่จะวาง” ผมบอกแล้วค่อยๆลดมือลงวางจอยลงบนพื้นอย่างเบามือ  สายตาของน้ำเหนือยังคงจับจ้องมาที่ผม  ไม่ได้ตั้งใจจะปามันจริงๆ  นี่แค่ตั้งใจวางทุกคนโปรดเชื่อผม พอวางจอยลงผมก็เก้ๆกังๆ  คือทำตัวไม่ถูกไม่มีอะไรให้ทำไง  ไม่กล้ากดเกมส์เล่นอีกครั้งด้วย  กลัวเจ้าของห้องมันว่า  พึ่งจะมาสำเนียกตัวเองว่าไม่มีความเกรงใจก็ตอนโดนดุเมื่อกี้นี้แหละ  งั้นเอางี้แล้วกันเนอะ



“หาวว  ง่วงนอนจังเลย  กี่โมงกี่ยามแล้วหนออ” ทำทีเป็นหาวนอนแล้วค่อยๆลุกขึ้นบิดขี้เกียจซักนิดพอเป็นพิธี  แล้วย่างกายเดินไปทางเตียงที่อยู่กลางห้อง  ค่อยๆล้มตัวนอนตามสเต็ปไม่ลืมดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ระดับอก  ปิดเปลือกตาลงช้าๆ  หูก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ  ไม่กล้าเปิดตาเกรงใจเจ้าของห้องครับ  รู้สึกอีกทีก็ตอนที่ที่นอนข้างๆมันยุบลง  ผมหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยก็เห็นว่าไฟในห้องมืดสนิท  แต่ก็ยังมีแสงจากโคมไฟบนหัวเตียงพอให้มีแสงสว่าง



“ไหนว่าง่วง”  น้ำเหนือถาม  นอนตะแคงข้างหันมาฝั่งผม



“ก็ หาวว นี่ไง ง๊วงง่วง”



“ง่วงก็หลับตาสิ ไม่ใช่ลืมตาแบบนี้”



“อื้มมม” น้ำเหนือหยิกเข้าที่แก้มผมจนมันยืดออก



“ทำจอยพังจ่ายค่าเสียหายมาด้วยนะข้าว”  อะไรว่ะแค่จอยพังเอง  งก ว่ะ



“งกหรอ  แค่พังเองชิๆ ไอ้คนขี้งก!” แบบนี้ต้องต่อว่า



“เปล่าซักหน่อย”



“ไอ้คนขี้งก!” ผมยังคงว่าคนขี้งกปาวๆๆ  โด่ซื้อให้ใหม่ก็ได้มันจะกี่ตังค์กันเชียว  “เดี๋ยวซื้อคืนให้ก็ได้เอ้า!”



“พูดจริงนะ  ต้องได้แบบเดิมรุ่นเดิมนะข้าว”



“จริง ! เดี๋ยวไปซื้อให้พรุ่งนี้เลยก็ได้”



“อืม  ... ราคาก็ต้องไปซักประมาณสองพันกว่าๆ  ข้าวโอเคนะ”



“เชี้ย!!” ผมถึงกับหลุดคำหยาบออกมาเลย  จอยบ้านมึงหรอทำไมแพงแบบนี้  แพงโคตรๆ  ไอ้คนที่บอกราคานี่ก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่พูดเลย  เงินนั่นสามารถกินข้าวได้หลายมื้อเลยนะเว้ย



“พูดไม่เพราะเลย”



“ตบปากข้าวไมว่ะเหนือ” ผมเบ้ปากใส่คนที่ใช้มือตบเข้าที่ปากผมไม่เบาแต่ก็ไม่แรง



“ก็พูดไม่เพราะ  คำหยาบนี่เก็บไว้ใช้กับไอ้ฮาร์ทก็พอ”



“ทำไมถึงใช้กับเหนือไม่ได้อ่ะ”



“เหนือไม่ชอบให้ข้าวใช้คำหยาบ  มันไม่น่ารัก”  ผมยู่ปากใส่คนที่มองมาด้วยสายตาดุๆ  ถ้าผมยังคิดจะเถียงคาดว่ามันไม่ใช่ใช่แค่โดนตบปากแล้ว



“ถ้าข้าวพูดเพราะๆกับเหนือ  ข้าวก็ไม่จำเป็นต้องชดใช้เรื่องจอยเกมส์ใช่ไหม” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงจากที่พูดปกติมาเป็นเสียงอ้อนๆแทน  เอาสิ! ข้าวคนนี้จะไม่ยอมชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ ฮ่าๆๆๆ



“มันคนละเรื่องกันไหมข้าว หึๆ”



“เรื่องเดียวกันดิ  ข้าวรวมได้  สรุปยกหนี้ให้ป่าว  ข้าวจนข้าวไม่มีตังค์  แม้แต่ตังค์จะกินข้าวข้าวยังไม่มีเลย” ผมกระพริบตาถี่ปิ๊งๆให้อีกคนยอม



“แต่จอยนั้นเพื่อนเหนือซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดนะ”  ของขวัญที่เพื่อนซื้อให้หรอว่ะ  ขอโทษครับคุณเพื่อนของน้ำเหนือ  กระผมข้าวหอมไม่ได้ตั้งใจ



“แต่ข้าวไม่ได้ตั้งใจ  ขอทานะเหนือ  ครั้งนี้ถือว่ามันพลั้งเผลอไป”



“แต่ที่เหนือเห็นคือข้าวตั้งใจนะ”



“เหนืออ่า..” ผมลากเสียงยาวว  เพราะเหมือนอีกคนจะไม่ยอมให้ผมจริงๆ



“หึๆ”



“ขำอะไรเล่า!” ผมโวยพร้อมกับทุบมือใส่ร่างอีกคน



“ขำข้าว ของมันพังไปแล้วก็ช่างเถอะ เหนือไม่ได้อะไรอยู่แล้ว” น้ำเหนือบอกอย่างไม่ใส่ใจ



“แต่มันเป็นของที่เพื่อนให้เหนือนะ” รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำของที่เพื่อนให้พัง  แต่คนได้รับเหมือไม่ได้ใส่ใจเท่าไร



“มันไม่รู้นิว่าพัง  จริงมั้ย  ข้าวไม่พูดเหนือไม่พูด  มันไม่รู้หรอก”



“แล้วใครเป็นคนให้หรอ” ผมถามเพราะอยากรู้



“ไอ้ฮาร์ทน่ะ”



“ห้ะ  ไอ้เชี้ยฮาร์ทหรอ”



“อืม”  เห  แบบนี้มันน่าจะทำพังอีกซักอันจริงๆ หึๆ



“อย่างไอ้ฮาร์ทมันไม่น่าจะซื้อของที่มันชอบให้เหนือนะ”



“เฮ้ออ ก็เพราะมันซื้อมาเพื่อเล่นตัวเองนั่นแหละ  ถ้าวันไหนมาค้างบ้านเหนือมันก็เอาเล่นเองซะส่วนใหญ่”



“ชั่วจริงๆ”



“ว่าใครชั่ว หืม”



“ว่าไอ้ฮาร์ท  ไม่เกี่ยวกับเหนือเลย”



“ครับ  นอนได้แล้วดึกแล้ว”



“อืม  ฝันดีนะเหนือ”



“ฝันดีครับข้าว”



ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ  ไฟโคมไฟถูกปิดโดยน้ำเหนือแล้ว  ทำให้ในห้องมืดสนิทจริงๆ  แต่ก็ยังมีแสงจากดวงจันทร์ข้างนอกลอดผ่านระเบียงมา  ผมยังไม่หลับอาจจะเพราะแปลกที่  จึงได้แต่ขยุกขยิกดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง  จนเมื่อรู้สึกถึงแขนที่พาดอยู่บนเอวทำให้ผมหยุดดิ้นแล้วนอนนิ่งๆ



“นอนไม่หลับหรอข้าว” เสียงน้ำเหนือดังอยู่ใกล้ๆหู  ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดตรงส่วนต้นคอให้รู้สึกขนลุกชัน



“อ..อืมๆ ยังไม่นอนหรอ” ผมถาม



“หลับไม่ได้หรอกมีคนนอนดิ้นอยู่แบบนี้”



“ขอโทษ..” ผมพูดเสียงแผ่วเพราะทำให้น้ำเหนือนอนไม่หลับเพราะผมดิ้นไปดิ้นมา



“หันมานี่สิ” ผมพลิกตัวหันหาน้ำเหนือโดยง่าย  พูดครั้งเดียวฟัง  น้ำเหนือรั้งตัวผมเข้าไปหา  แขนข้างหนึ่งสอดเข้ามารองใต้หัวผม  ส่วนอีกข้างก็รั้งดึงผมเข้าไปแนบชิด  หน้าผมอยู่ตรงส่วนแผ่นอกของอีกคน  ผมวางหน้าลงบนแผ่นอกแกร่งนอนฟังเสียงหัวใจเต้นของอีกคน  ผมค่อยๆหลับตาลง  ความอบอุ่นจากอ้อมแขนคนที่กอดผมมันเป็นเหมือนยานอนหลับชั้นดีสำหรับผม  ผมต้องการอ้อมกอดนี่มานานแค่ไหนกันนะ  รู้สึกอุ่นไปถึงใจเลย  อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง



“...เหนือ”



“หืม  ว่าไง”



“เราเป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม”



“อืม เป็นสิ  ทำไมถึงถามแบบนั้นละ”



“อยากมั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่ฝัน”   ผมถามเพราะต้องการความมั่นใจว่าสิ่งที่ผมพบเจออยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ฝัน  ฝันที่ผมไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นด้วยซ้ำ  มันเป็นฝันดีที่สุดของผมเลย



“มันเป็นความจริงข้าว” น้ำเหนือใช้นิ้วลูบอยู่บนแก้มของผม  ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่จ้องมองผมก่อนหน้าอยู่แล้ว  ดวงตาคมส่งผ่านความอ่อนโยนมาให้ผม  “ความจริงที่ว่าเราเป็นแฟนกันร้อยเปอร์เซ็น”



“ข้าวชอบเหนือนะ งื้มม” ผมเข้าไปซุกอกน้ำเหนือแน่นไม่กล้าที่จะสบสายตาคมกล้าแม้แต่นิด  ก็เพราะไอ้ประโยคที่ตัวเองพูดนั่นแหละ  เขินก็เขิน  แต่จะทำยังไงได้  ปากมันพูดไปเองนี่นา



“หึๆ แค่ซุกก็พออย่าส่ายหน้าได้ไหม  มันจักจี้”



“ไอ้บ้า !” ผมส่ายหน้าตอนไหนกัน  ใส่ความกันชัดๆ



“บ้ายังไงก็แฟนข้าว”



“ไม่พูดด้วยแล้ว!” ผมพลิกตัวหันไปอีกทาง  พอหันหลบอีกคนได้ก็นอนยิ้มแป้นคนเดียว  อยากจะหัวเราะ  กรี๊ดร้องดังๆว่ามีความสุขมากแค่ไหน  ผมว่าน้ำเหนือไม่บ้าหรอก  อาจจะเป็นผมเองที่บ้า



“..ข้าว”



“อะไรอีกละ คนจะนอน” ผมแกล้งทำเสียงบ่น



“หันมานี่หน่อยเร็ว”



“ไม่!”



“ไม่หันจริงหรอ”



“ไม่!” ผมยังคงปฎิเสธไม่หันไปหรอก



“ถ้างั้น...”



“เฮ้ย !!! ทำไรเนี้ย” จู่ๆก็ถูกกระชากให้นอนตัวตรงแล้วน้ำเหนือก็ตามขึ้นมาคร่อมทับร่างผมไว้  ผมเบิกตากว้างเพราะตกใจ  ใจก็เต้นรัวแรงจะกระเด็นออกมาตอนไหนก็ไม่รู้



“ก็ข้าวไม่ยอมหันมาดีๆ”



“ล.. ละ แล้วมีอะไร” ผมถามเสียงสั่น  น้ำเหนือลูบแก้มผมแผ่วเบา  นิ้วน้ำเหนือสัมผัสอยู่ที่ริมฝีปากของผม  ทำให้ผมต้องเม้มมันไว้  ใบหน้าเรียบนิ่งค่อยๆเลื่อนลงมาใกล้ๆ  ลมหายใจร้อนรินรดข้างแก้มของผมให้รู้สึกหัวใจเต้นถี่แรงกว่าเดิม



“ก็แค่อยากจูบ” น้ำเสียงเพร่ากระซิบชิดใบหู



“...” ผมตัวแข็งถือไม่กล้าขยับตัว



“..จูบก่อนนอนจะได้ฝันดีไงครับที่รัก” ผมกัดปากตัวเองแน่น  รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย  ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะเมื่อน้ำเหนือเม้มเข้าที่ติ่งหูผมเบาๆแล้วผละออกมามองหน้าสบตากับผม



“อื้มม..” น้ำเหนือทาบทับริมฝีปากตัวเองเข้ากับผม  จูบที่ไม่รุกล้ำ  มีเพียงแค่จูบเน้นย้ำตรงมุมปาก



“เปิดปากหน่อยสิคนดี” เสียงเพร่ากระซิบบอกชิดริมฝีปาก  ผมทำตามคำขอของน้ำเหนือยอมเผยอปากให้อีกคนสอดเรียวลิ้นนุ่มชื่นเข้ามา  แรงเบียดเสียดของร่างกายทำให้เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมา  ผมกอดรั้งคอคนด้านบนให้เข้ามาแนบชิดกันให้มายิ่งขึ้นพร้อมกันเอียงองศาให้พอดี  จูบที่เน้นหนักบ้าง เบาบ้าง  ทำให้สติที่มีอยู่เริ่มมลายหายไป  มีแค่ความรู้สึกร้อนเท่านั้น  จนเมื่ออีกคนทอดถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ้ง  ไม่วายยังมาดูดดึงปากล่างของผมเล่นอีกรอบ



“กู๊ดไนท์คิส  ดาร์ลิ่ง”




“อื้อ!  >//////////<”





TBC.



ไม่ฟินขออภัยนาจา :katai5:

ปล.เรื่องนี้มีสามพีด้วยนะ  คึคึ
:-[ :-[
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.12 #By : Cencer[06/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pimjean ที่ 07-08-2016 13:51:07
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.12 #By : Cencer[06/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2016 15:24:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น้ำเหนือ ข้าวหอม  :mew1: :mew1: :mew1:
แม่ ป้า ของน้ำเหนือ ยอมรับลูกสะใภ้ แล้ว
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.11 #By : Cencer[27/07/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 07-08-2016 15:41:10
เด่วนะ บอกว่ามี 3P  อย่าบอกนะว่า มีน้ำเหนือ ข้าว ฮาร์ท - - เดาเอานะ ตกใจเเพ๊พ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.13(คู่รอง 3p) #By : Cencer[18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 18-08-2016 00:22:01
13

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

(เวฟXอาร์มXเพียว)

#เวฟ

“สวัสดีครับรุ่นพี่สุดหล่อ”   

“หวัดดีไอ้เปี้ยก”

“โห้ ! ผมออกจะตัวใหญ่  พี่มองไงเปี้ยกว่ะ”

ผมมองเด็กปีหนึ่งที่เป็นน้องร่วมคณะเดียวกันเป็นต้องส่ายหัว  ถ้าตัวมันใหญ่อย่างที่ว่านะบอกเลย  ผมคงยักษ์วันแจ้งดีๆนี่เอง 

“แล้วนี่เพื่อนสนิทพี่หายไปไหนหมดว่ะ”

“ไอ้เพียวน่าจะแดกเด็กยังไม่เสร็จ  ส่วนไอ้ข้าวคงอยู่กับผัวมันมั้ง” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ  เพราะรู้ๆกันอยู่  สำหรับไอ้เพียวคงไม่แปลก  แต่ไอ้ข้าวนี่สิแปลก  แปลกนี่ไม่ได้สำหรับผมนะครับ  แต่แปลกสำหรับไอ้เด็กปีหนึ่งที่มาเสร่อนั่งร่วมโต๊ะรุ่นพี่อย่างผมเนี้ยสิ  นี่ถ้ามันไม่บอกว่าผมหล่อน่ะ  ผมได้สั่งซ่อมมันแล้ว  มีอย่างที่ไหนรุ่นพี่ยังไม่สั่งให้นั่งเลยนั่งเองซะงั้น

“สรุปนี่เฮียข้าวชอบ เอ่อ...”

“ผู้ชาย?” ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์มองหน้ารุ่นน้อง  มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าอยากเสือกเต็มที่ 

“ใช่ๆพี่  คือเห็นสถานะเฮียข้าวในเฟซบุ๊คขึ้นคบกับผู้ชาย ผมคิดว่าเป็นเพื่อนแกล้งกัน  แต่ไปอ่านเม้นที่พวกพี่คุยกันแล้วก็เกิดความสงสัยใคร่รู้  แต่ผมไม่กล้าเม้นถามอ่าพี่  สรุปเรื่องจริงใช่ไหมว่ะ”

“เสือกจริงนะมึง” ผมเป็นต้องด่ามันไม่ได้

“เฮ้ย ! ผมจำคำพูดพวกพี่ไว้นะเว้ยในตอนที่รับน้อง  พวกพี่บอกว่าเรียนนิเทศต้องเสือกเรื่องชาวบ้านให้เป็นไม่งั้นจะเป็นนักข่าวไม่ได้  ผมจำได้พี่เป็นคนพูดเองด้วย” 

“เรื่องเรียนมึงจำได้แบบนี้ไหมว่ะ”

“ไม่อ่ะพี่  เรียนมานี่หลับแทบทุกคาบว่ะ ฮ่ะๆ”

“มึงไม่น่าเป็นน้องรหัสกูเลยไอ้เวร ! เด็กอะไรไม่ตั้งใจเรียนดูพี่อย่างกูเป็นตัวอย่างด้วย”  ผมเขกกระบานมันไปสองสามที 

“โอ๊ย!พี่ผมเจ็บนะเว้ย”  มันลูบหัวตัวเองขมุบขมิบปาก  รู้หรอกว่าด่าผม

“ด่ากูอยู่รึไง?” ผมเลิกคิ้วถามมันเงยหน้ามาถลึงตาใส่  ยกนิ้วกลางให้ผม  “เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้เด็กเวร” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน  อย่าให้กูเอาจริงนะมึง  มึงตายคาตีนกูแน่ๆ

“ทะเลาะไรกันว่ะ  พี่น้องคู่นี้เห็นทะเลาะกันตั้งแต่วันจับพี่รหัสน้องรหัสแล้ว” 

“ก็มันกวนตีนกูนี่หว่า ... ไอ้เหี้ยเหนือมึงเอาลูกกูไปคลุกไว้ทั้งวันเลยนะมึง” 

ผมมองไอ้ข้าวเดินเข้ามาพร้อมกับไอ้เหนือ  ตัวมันนี่ติดกันจริงๆ  เมื่อวานไอ้ข้าวมันโทรมาบอกว่าให้เช็คชื่อให้มันด้วยเพราะแม่งหนีไปเดทกับผัวไง  แล้วไหงวันนี้มาด้วยกันอีก  ช่วงข้าวใหม่ปลามันก็ต้องเข้าใจอ่ะนะ  เมื่อแรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน

“ใครลูกมึงไอ้เวฟ  พ่อแม่กูหน้าไม่เหี้ยแบบนี้”

“ปากมึงนี่น่าโดนดูดให้บวมจริงๆนะไอ้ข้าว”  เดี๋ยวพ่อจับดูดปากโชว์ผัวเลยนิ

“ตีนกูไหมไอ้เวฟ”ไอ้เหนือมันเหล่ตามอง พูดเสียงแข็งใส่  ไอ้นี่ก็หวงจริง  มึงเพิ่งคบกันได้กี่วันเอง  หวงแม้กระทั่งเพื่อนอย่างกูเลยหรอว่ะ 

“หวงจริงนะมึง  ไอ้ข้าวมีไรดีว่ะ  ดูสิขี้เหร๊ขี้เหร่  ขี้เกียจตัวเป็นขน  ขี้เหม็นอีกต่างหาก”

“แล้วขี้บ้านมึงหอมหรอไอ้เวฟ!!” ไอ้ข้าวแหวใส่ผม  ผมทำไม่สนใจสียงมันเห่าแกล้งมันต่อดีกว่า  สนุก ฮ่าๆๆ

“กูว่านะ  มึงควรไปเช็คสภาพตามึงว่ะไอ้เหนือ  หรือมึงโดนขุนใสไอ้ข้าว  สภาพอย่างไอ้ข้าวไม่น่ามีคนเอาว่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยเชี้ย!”

“ว่าเฮียข้าวผมทำไมห้ะไอ้เหี้ยพี่เวฟ!” ไอ้เด็กนี่เดี๋ยวพ่อก็จับโขกโต๊ะหรอก  คิดว่ามันขึ้นเรียนแล้วซะอีก

“กูพี่รหัสมึงนะกล้าทำกับกูแบบนี้หรไอ้เด็กวร ไปไหนก็ไปเลยไปเดี๋ยวกูโบก” ผมยกมือจะตบหัวมันแต่มีเสียงไอ้เพื่อนตัวดีมันโพล่งขึ้นมาก่อน  แดกหญิงเสร็จแล้วสิมึง

“ไอ้เวฟมึงนี่ชอบทำร้ายร่างกายน้องมันจริงๆ เป็นรุ่นพี่ที่สารเลวสัสๆ”  มาถึงก็ปากน่าโดนตีนกระแทกจริงๆนะมึง

“กูสารเลวไม่เท่ามึงหรอกไอ้คุณเพียว”

“ยังไง?” มันทรุดตัวลงนั่งข้างๆผม  แล้วดึงเอาโทรศัพท์ผมที่เปิดเกมส์ค้างอยู่ไปเล่น

“แล้วมึงมาแย่งเกมส์กูเล่นทำไมว่ะ  โทรศัพท์มึงก็มีน่ะไอ้เพียว” ผมมองไอ้เพียวที่กดสัมผัสหน้าจอเล่น 

“แบ่งๆกันมึง  แค่นี้ทำหวง”

“แบ่งตลอดละไอ้เหี้ย ! ถ้าแพ้ละน่าดู”

“ระดับกูไม่แพ้หรอกเว้ย  ว่าแต่เมื่อกี้กูสารเลวยังไงมึงยังพูดไม่จบนะ”  ไอ้เพียวมันถามแต่ตามองเกมส์

“เออกูก็อยากรู้” ไอ้ข้าวมันทำหน้าอยากรู้เต็มที่ 

“ผมด้วย”  ไอ้เด็กกวนตีนนี่ก็ด้วย

“...”  ส่วนไอ้เหนือตามสไตล์ครับ  นิ่งๆ เงียบๆ สงสัยจะลืมเสียงไว้ที่ตู้เซฟในบ้าน  ผมทำหน้าเอือมๆก่อนตอบ

“ฟันแล้วทิ้ง” ผมว่า  ไอ้เพียวกดสตอปเกมส์แล้วเงยหน้ามามองผม

“กูจะคิดว่ากูเป็นกระจกสะท้อนกลับไปหามึง”  ดูมันตอบสิครับ  มันพูดแบบนี้มันก็ว่าผมด้วย  กระจก? สะท้อนกลับโดนกูเต็มๆเลยครับ

“สัส!” ผมตบหัวมันข้อหากวนตีนผม “แล้วมึงเมื่อไหร่ไสหัวไปห้ะไอ้เหนือ  มาส่งมันแล้วก็กลับไปเลยไป  ไปคณะมึงอ่ะไป” ผมบอกไล่ๆ
มัน  มันยังคงนั่งนิ่ง แม่งขยับปากบ้างก็ได้

“แล้วมึงจะไปเสือกกับมันทำไหมว่ะ  มันจะอยั่บเมียมันก็ปล่อยไปดิ  อิจฉา?” ไอ้เพียวมันว่า 

“อย่าไปสนไอ้บ้าเวฟเลย  มันสติไม่ดีอ่ะเหนือ” ดูปากมัน  แบบนี้แม่งต้องจับตีนยัดปากแล้ว 

“ตีนไหมไอ้ข้าว” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน  ไอ้ข้าวมันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมโคตรกวนตีนอ่ะครับ  ส่วนแฟนมันนี่แบบนั่งยีหัวไอ้ข้าวเล่นงี้   ไม่องไม่อายเพื่อนบ้างเลย  คิดว่ามันจะไม่กล้าต่อหน้าพวกผมซะอีก

“พี่ผมต้องไปเรียนแล้วว่ะ” ผมหันไปมองน้องรหัสตัวเองที่มันเอ่ยขึ้น  จริงๆมันควรไปตั้งนานแล้วไหม

“เออๆรีบไสหัวไป” ผมไล่มัน  มันยู่ปากใส่ผมก่อนจะบอกลาแล้ววิ่งแจ้นไปขึ้นตึกเรียน ส่วนพวกผมรอเวลาครับ  ยังไม่ถึงก็นั่งชิวๆไป
ก่อน  ส่วนไอ้เหนือก็จะไปตึกคณะมันเหมือนกัน  ไอ้ข้าวก็เลยเดินไปส่งขึ้นรถ  แม้ห่างกันไม่ได้เลยจริงๆ  ผมละอยากจะรู้ว่านานๆไปมัน
จะเป็นยังไงจะตัวติดกันแบบนี้ตลอดไปรึเปล่า 

“หวานกันจริงนะมึง” ไอ้เพียวมันเงยหน้ามองไอ้ข้าวที่ส่งไอ้เหนือขึ้นรถเสร็จก็กลับมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวเหมือนคนบ้า  ผมเองก็คิดแบบไอ้เพียวแม่งหวานกันเกินหน้าเกินตากู  ผมไม่ได้อิจฉานะเว้ย  ไม่เลย

“เรื่องของกู” ไอ้ข้าวสวนกลับ  มันน่าโดนตีน

“เรื่องของมึงไงไม่ใช่เรื่องของกู” ผมกวนมันกลับ  ไอ้ข้าวมันเลยหันมาจ้องผมเขม็ง

“กวนตีนนะไอ้เวฟ” ผมไหวไหล่ไม่สนใจ  ทำทีแย่งโทรศัพท์ของผมจากไอ้เพียวมากดเล่นเกมส์เอง  ไอ้เพียวมันก็ปล่อยให้ผมง่ายๆ

“เออไอ้ข้าว  ตอนนี้มึงก็คบกับไอ้เหนือแล้ว   มึงจะเอาไงต่อกับเรื่องไอ้นั่นว่ะ” ไอ้เพียวมันถาม   ผมเองก็ลืมนึกไปเลย  ไอ้นั่นที่ไอ้เพียวว่าก็ไอ้คนที่ชอบไอ้ข้าวไง  เด็กถาปัตอ่ะครับ 

“...” ไอ้ข้าวมันขมวดคิ้วทำหน้าเครียดๆ  จนผมต้องเอาโทรศัพท์ไปเคาะๆหน้าผากมัน

“คิดไรเยอะแยะว่ะ”

“ก็กูไม่รู้จะเริ่มยังไงนิ”

“เด็ดขาดไอ้ข้าว  แต่กูว่าตอนนี้แม่งคนรู้แล้วละ” ผมบอก ไอ้ข้าวยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

“ทำไมว่ะ?” ยังกล้าถามอีกนะมึง

“ก็สถานะบนเฟสมึงเด่นหราขนาดนั้น  คงไม่มีคนรู้หรอกมั้ง  กูว่าคนรู้ทั้งมออ่ะ” ผมบอกตามจริง  ไอ้เหนือใครบ้างจะไม่รู้จัก  ใครๆก็ต่าง
รู้จักฉายามันดีทั้งนั้น  ถึงแม้ไอ้ข้าวมันจะไม่ใช่คนที่เด่นดังอะไรเท่าไอ้เหนือ  แต่พอมันสองตัวคบกันใครๆก็ต่างให้ความสนใจอยู่แล้ว 
ยิ่งพวกเด็กเก่าหรือคู่ควงไอ้เหนือเชื่อสิร้อยทั้งร้อยแม่งต้องยากรู้ว่าไอ้ข้าวมันเป็นใคร  ยังไงถึงมาคบกับไอ้เหนือได้  แล้วอีกอย่างเสือกเป็นผู้ชายซะด้วย

“...” ไอ้ข้าวไม่พูดอะไร  มันเพียงแค่พยักหน้าคิดตามสิ่งที่ผมบอก

“จะเอาไงว่ะ” ไอ้เพียวถาม

“กูว่าจะคุยกับพี่เขาตรงๆว่ะ”  ไอ้ข้าวบอก 

“ก็ดีแล้ว  รีบเคลียร์ๆให้จบ  ไม่งั้นกูว่ามึงมีปัญหากับเชี้ยเหนือแน่”

“อืม” ไอ้ข้าวรับคำในคอ  มันหยิบโทศัพท์กดจึกๆแปบเดียวก็มีสายเรียกเขาโทรมาหามัน

“ฮัลโหลครับ..”  ผมกับไอ้เพียวหันมาจ้องกันเข้าใจตรงกันว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร  พวกผมเงียบฟังไอ้ข้าวคุยโทรศัพท์

“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่...ใช่ครับ  ที่ร้านที่ผมทำงาน...ครับ...บายครับ” ไอ้ข้าวกดวางสาย  มันยังไม่พูดอะไรมองโทรศัพท์นิ่งๆ  ผมเลิกคิ้ว
มองมันเล็กน้อย  เครียดขนาดนั้นเชียว

“มันว่าไงบ้างว่ะ” ผมถาม

“พี่เขาบอกจะมาคุยกับกูเย็นนี้ว่ะ”

“เออๆๆ”

“พวกมึงไปอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหมว่ะ”

“ห้ะ!/ห้ะ!” ผมกับไอ้เพียวพูดขึ้นพร้อมกัน

“ไม่เอาอ่ะกูมีนัด” ไอ้เพียวมันรีบตอบทันที

“กูก็มีนัดแล้ว” ผมเองก็รีบบอกไม่ต่างกัน 

“พวกมึงจะให้กูไปคุยกับพี่เขาแค่สองคนหรอว่ะ” มันบอกเสียงอ่อย

“มันเป็นเรื่องของมึงนิ  พวกกูไม่เกี่ยว” ผมบอก

“ไปอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย  อีกอย่างถ้าพวกมึงไปด้วยเหนือมันจะได้ไม่ว่าไง”

“แล้วทำไมมึงไม่พาไอ้เหนือไปเองเลยละ” 

“กูไม่อยากให้เหนือมันรู้เรื่องนี้  ไปเถอะนะ นะๆๆกูเลี้ยงขนม  น้ำพวกมึงก็ได้” มันบอกอ้อนๆ  ซึ่งหาได้ยากจากไอ้ข้าวที่มีนิสัยชอบกวน
ตีนพวกผมตลอด

“เอาไงมึง” ไอ้เพียวหันมาถามผม  ผมไหวไหล่  ไปก็ไป  ไม่ได้เห็นแก่ของกินฟรีนะครับ  สงสารเพื่อน

“เออ”

“เออนี่ตกลงใช่ไหมไอ้เวฟ” ไอ้ข้าวถาม  ผมพยักหน้ามันก็ยิ้มดีใจทันที  อยากจะถีบมันจริงๆ 

“เออ  ไอ้เพียวละมึงว่าไง”

“มึงว่าไงก็ว่าแบบนั้นอ่ะ”



#เพียว

“เออ  ไอ้เพียวละมึงว่าไง” 

ตอนนี้ผม ไอ้เวฟ ไอ้ข้าวกำลังนั่งคุยกันเรื่องที่ไอ้ข้าวมันจะไปคุยกับไอ้รุ่นพี่นั่นตอนเย็น  เห็นมันบอกว่านัดที่ร้านที่มันทำงานอยู่  ไอ้เวฟหันมาถามว่าจะยังไง 

“มึงว่าไงก็ว่าแบบนั้นอ่ะ”

“งั้นตกลงแล้วนะ” ไอ้ข้าวมันบอก

“เออๆ”

เลิกเรียนพวกผมจึงพากันมาร้านที่ไอ้ข้าวมันทำงานอยู่  พอถึงร้านไอ้ข้าวมันก็ขอตัวไปเปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มของร้าน  ผมกับไอ้เวฟก็
เลยหาที่นั่งสั่งเครื่องดื่มคอยพรางๆ  จนไอ้ข้าวเดินออกมา  มันหยิบอุปกณืเครื่องมือของมันที่ต้องทำในทุกครั้งเดินเข้ามาหาพวกผม

“สั่งอะไรไปยังว่ะ”

“อืม” ผมตอบมัน  มันเลยพยักหน้า

“แล้วจะมาเมื่อไร?” ไอ้เวฟถาม  ไอ้ข้าวส่ายหัว 

“ไม่รู้อ่า  พี่เขาบอกว่าเรียนเสร็จแล้วจะรีบมา” ไอ้ข้าวมันบอก  พวกผมเลยไม่ถามมันต่อ  มันเลยขอตัวไปทำงานของมัน  ร้านนี้เป็นร้านนั่งชิลๆครับ  ร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก   ลูกค้าที่นี่ก็เยอะเหมือนทุกๆครั้งที่มา  แถมเจ้าของร้านยังหล่อและใจดีโคตรๆ  ถึงจะมาไม่บ่อยแต่ก็พอจะรู้จักพี่มันอ่ะนะ  ไอ้ข้าวมันก็แนะนำให้พอรู้จักกันบ้าง  ไม่นานของที่สั่งก็มาเสริฟผมก็ยกกาแฟขึ้นสูดกลิ่นหอมกรุ่นน่าอร่อย  ก่อนจะจิบช้าๆ  ยังคงอร่อยเหมือนเดิม   ไอ้เวฟก็นั่งซัดเค้กชาเขียวที่มันชอบ

“ไมหมดเร็วนักว่ะ” ผมมองเพื่อนตัวเองที่นั่งตรงกันข้ามบ่นเรื่องเค้กที่เพิ่งแดกหมดไป  มันทำหน้ายุ่งแล้วก็บ่นงึมงำคนเดียวจนผมต้องกับส่ายหน้า

“ก้อนหนึ่งตั้งเกือบร้อยแม่งกูแดกไม่ถึงสามคำก็หมด โห้! โกงกูชัดๆ”

“มึงว่าเขาโกง  เขาบังคับมึงซื้อรึไงไอ้เวฟ”

“ไม่..”   ทั้งๆที่เค้กมันมีราคานี้อยู่แล้ว  ต่อให้ก้อนมันจะใหญ่จะเล็กแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็นอะไรให้มันซื้อเลย 

“เออผิดที่มึงเองแหละ  เสือกโง่เอง” ต้องด่าครับ เ พื่อความสะใจของตัวเองล้วนๆ

“นี่มึงด่ากูหรอไอ้เพียว”

“เออ” ผมตอบแทบจะทันทีที่มันพูดจบ  ไอ้เวฟมันก็ฮึดฮัดพึมพำด่าผมอะไรของมันก็ไม่รู้  พอผมไม่สนใจมันก็ตะโกนเรียกไอ้ข้าวที่กำลังรับออเดอร์ลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่เสียงดังจนคนหันมามอง

“ตะโกนทำพระแสงไรของมึงห้ะไอ้เวฟ!” ไอ้ข้าวก้มหัวให้ลูกค้าคนอื่นๆเชิงขอโทษ  มันรีบตรงมาหาไอ้เวฟที่ทำหน้าบึ้งอยู่

“กูไม่ได้ตะโกน  กูเรียก”

“เรียกบ้านป้ามึงดิ ลั่นร้าน!”

“โอ๊ยๆ ไอ้ข้าวกูเจ็บ!” ไอ้ข้าวมันเอาถาดที่ถือมาด้วยตีลงบนหัวไอ้เวฟไปทีหนึ่งแรงๆ  ผมละสมน้ำหน้ามัน ไอ้นี่ก็ร้องซะเหมือนจะตาย

“พอเลยไอ้เวฟ  มึงอย่าไปกวนไอ้ข้าวมันดิว่ะ”

“หุบปากไปเลยไอ้เพียว” มันมองจ้องผม ผมส่ายหน้าเอือมๆ  นั่งคนกาแฟในถ้วยเล่นไปเรื่อยๆ  ส่วนไอ้ข้าวกับไอ้เวฟก็คุยกันภาษาหมาๆกันสองตัว  จนได้ยินเสียงกระดิ้งหน้าร้านดังขึ้น  เพราะมีลูกค้าเขามา  ผมหันไปมองที่ประตูมีผู้ชายร่างโปร่งตัวพอๆกับผมแต่ก็เตี้ยกว่าเล็กน้อยสวมชุดนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับที่ผมอยู่  มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใคร  ผมเลิกคิ้วมอง  ถ้าไม่ผิดคงเป้นไอ้รุ่นพี่คนนั้น ผมมองไปที่ไอ้ข้าวมันก็มองอยู่แล้ว

“เอาไงมึง” ผมถามไอ้ข้าวที่ยืนอยู่ที่โต๊ะพวกผมที่เดิม

“มีไรว่ะ?” ไอ้เวฟมันถามอย่างสงสัยเมื่อสายตาพวกผมมองไปทางประตูร้านมันก็มองตามแต่ก็ทำหน้า งง

“มันมาแล้ว” ผมบอก

“กิ๊กไอ้ข้าวอ่ะนะ”

“กิ๊กพ่องดิ!” ไอ้ข้าวมันเอาถาดตีหัวไอ้เวฟอีกทีก่อนจะเดินเข้าไปหาไอ้รุ่นพี่คนนั้น  มันยืนคุยนิดๆหน่อยก่อนจะเชิญให้ไปหาโต๊ะนั่งซึ่งไอ้ข้าวมันเลือกที่จะให้มานั่งใกล้ๆที่พวกผมนั่งอยู่  ถ้ามันไม่ไหวคงอยากให้ช่วยละนะ  ไอ้ข้าวมันเลือกที่นั่งให้ห่างจากพวกผมโต๊ะหนึ่ง

“พี่อาร์มจะทานอะไรก่อนไหมครับ” ไอ้ข้าวมันถามขึ้นเมื่อพาไอ้รุ่นพี่คนนั้นมานั่ง

“อะไรก็ได้ครับ”  ไอ้รุ่นพี่มันตอบเสียงนุ่มแล้วยิ้มบางให้ไอ้ข้าว  จนไอ้ข้าวก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไป  ผมนั่งอยู่ฝั่งที่ตรงข้ามกับไอ้เวฟ  ซึ่งไอ้รุ่นพี่มันก็นั่งฝั่งข้างไอ้เวฟทำให้ผมกับมันนั่งตรงข้ามกัน  ถึงแม้จะมีไอ้เวฟนั่งบังอยู่แต่ก็พอเห็นมันชัดเพราะโต๊ะใกล้กันแค่นี้มีแค่โต๊ะมากั้นกลางแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น  ส่วนเรื่องที่ไอ้ข้าวมันถามผมก็ได้ยินเพราะมันใกล้ไงครับ  เสือกได้เต็มที่  ยกเว้นแค่พวกมันจะกระซิบคุยกันเท่านั้นผมถึงจะไม่ได้ยิน

“แม่งหน้าใสกิ้งเลย” ไอ้เวฟมันหันมากระซิบกับผมเมื่อมันหันไปมองข้างหลัง

“อืม  ตอนนั้นมองระยะใกล้ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นไง” ผมตอบมัน  ตาก็สำรวจคนอีกโต๊ะไปด้วย  ผมว่ามันไม่ถึงกับหล่อออกไปทางน่ารักมากกว่า  หน้าก็ไม่ได้แก่เลย  โคตรจะเด็กอ่ะครับ  เปรียบกับผมกับไอ้เวฟแล้ว  ผมว่าไอ้เวฟหน้ายังแก่กว่าเลย  ผมไม่ได้ว่าเพื่อนตัวเองแก่นะครับ  แต่เรื่องจริง หึๆ

“เออเจอกันคราวก่อนที่มันมาเรียกไอ้ข้าวป่าวว่ะ”

“เออ”  ไอ้เวฟมันหันกลับไปมองอีกครั้ง  ตอนนี้ไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันกำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่คงไม่รู้ว่ามีพวกผมั่งมองอยู่  พอมันเงยหน้าขึ้นเท่านั้นแหละครับ  รู้สึกมันยิกๆที่ใจทันที  แค่แวบเดียวที่สบตากัน  แค่นั้นจริงๆ  จนเมื่อได้ยินไอ้เวฟมันสบถคำหยาบออกมาผมจึงละสายตาออกมามองเพื่อนทันที

“ไอ้เหี้ย ! ไมใจกูสั่นว่ะ  แค่มองแปบเดียวเสียวถึงใจเลย” 

“...” ผมไม่พูดอะไรเพราะตัวเองก็เกิดความรู้สึกเดียวกันกับมันเหมือนกันส่วนไอ้เวฟมันก็ยังบ่นไม่หยุด  หันกลับไปมองข้างหลังบ้าง หันมาพูดบอกกับผมบ้าง  จนไอ้ข้าวเดินเข้ามาเสริฟเครื่องดื่ม เค้ก ขนมของร้านแล้วมันก็นั่งลงตรงข้ามกับไอ้รุ่นพี่

หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.13(คู่รอง 3p) #By : Cencer[18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 18-08-2016 00:22:24

#อาร์ม

ครืดด..
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามาทำให้ผมที่กำลังนั่งคุยเล่นสนุกกับเพื่อนต้องหยิบมันขึ้นมาดู  ปรากฏชื่อของคนที่ผมชอบอยู่  เป็นใครไม่ได้ครับ  ข้าวหอม เด้กนิเทศ  ปีสอง  คนที่ผมเคยสารภาพรักอยู่หลายครั้งหลายคราตอนเรียนมัธยม  แต่น้องก็ใจแข็งไม่ยอมเปิดดอกาสให้ผมเลยซักครั้ง  แต่ใครจะไปคิดละครับว่าพอเรียนจบมัธยมแล้วจะได้มาเจอกันในมหาลัยเดียวกัน  ทั้งๆที่ผ่านๆผมไม่เคยพบเจอน้องเลย  จนมาปีสามและไปเจอที่ตึกคณะน้องมันอีก  บังเอิญจริงๆ นะครับ  และพอเจอกันทำให้ผมนึกถึงคำที่เคยพูดไว้กับน้องว่าหากยังไม่มีใคร  ไม่คบใคร เราจะมาคบกันเอง  ...แต่เมื่อคืนสถานะบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของน้องมันขึ้นกำลังคบกับใครบางคน  ซึ่งผมจำได้  ถึงแม้ร่างกายและหน้าตาอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง  แต่ผมจำได้ขึ้นใจเลย  คนที่เคยหยุดยืนมองผมกับข้าวกอดกันอยู่  ซึ่งตอนนั้นผมเองที่เป้นคนดึงน้องมันมากอดเองและประจวบเมาะกับไอ้เด็กคนนั้นเข้ามาเห็นพอดี  มันไม่พูดอะไรมองสบตากับผมนิ่งสุดท้ายมันก็เดินหลบออกไปเอง  ไม่นานผมก็โดนผลักออกแล้วก็โดนข้าวต่อว่าไปเยอะเลย 

“....” พอผมกดเข้าอ่านข้อความแล้วจึงรีบโทรหาน้องมันทันที  ไม่นานน้องมันก็กดรับสายผม

(ฮัลโหลครับ..)

“ข้าวม..”

(ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่)

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามข้าวกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อนจนผมเงียบ ก่อนจะถอนหายใจแล้วกรอกเสียงกลับไปเพราะคงจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมคิดไว้

“เรื่องสัญญาใช่ไหม?” ผมถามกลับเพราะคงไม่มีเรื่องอะไรแล้วละ  เพราะน้องมันมีคนของมันแล้ว  ผมจะหาข้ออ้างอะไรปยื้อต่อไปละ  ไม่ใช่ว่าผมอยากปล่อยนองไปนะครับ  ต่อให้ผมตื้อน้องมันเท่าไรน้องมันก็ไม่มีวันหันมาสนใจผมหรอก  ผมรู้ดีเพราะทุกครั้งผมก็ถูกปฎิเสธเสมอ

(..ใช่ครับ)

“ก็ได้ครับ  ที่ไหนหรือจะเป็นคณะข้าว”  ผมถาม

 ( ที่ร้านที่ผมทำงาน...)

ผมรู้ว่าข้าวทำงานอยู่ที่ไหนเพราะน้องเคยบอกผ่านมาบ้าง  ผมเองก็เคยแวะมาบ้างครั้งสองครั้ง

“ก็ได้  งั้นเลิกเรียนเดี๋ยวพี่ไปหาแล้วกัน”

(ครับ...)

“งั้นพี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ  บายครับ”

(บายครับ)

ผมกดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ  ทำใจให้สงบเข้าไว้  ถึงแม้จะเจ็บที่ใจ  แต่ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนแล้วกันว่ะ  ขอพักใจก่อน  เอาเวลาเรียนนี่แหละเว้ยทำใจเรื่องนี้เตรียมตัวไปพบกับน้องหลังเลิกเรียน 

“ทำหน้าเศร้าอะไรของมึงว่ะไอ้อาร์ม  โดนบอกเลิกรึไงว่ะ หึๆ”  ไม่ต่างจากบอกเลิกเลยเว้ย แม่งถ้าโดนบอกเลิกผมจะไม่เจ็บเท่านี้เลย  อย่างน้อยก่อนบอกเลิกผมยังได้คบ  แต่นี่เปล่า  ผมยังไม่ทันได้เริ่มเลยแม่งโดนปฎิเสธทุกทาง

“เออ  อกหักสัส” ผมตอบเพื่อน ไอ้ภัทรมันบีบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

“เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้าปลอบ  ตอนนี้ขึ้นเรียนก่อน” ไอ้ภัทรมันพูดก่อนที่จะลากคอผมขึ้นเรียนไปพร้อมกันกับมัน 

“ไอ้ภัทร ไอ้อาร์มแม่งไม่รอกูเลย!” ไอ้เมาส์มันตะโกนไล่หลังมา  มันหอบเอากระเป๋า  สมุดวาดภาพมาด้วยทั้งของมันและของผมที่วาง
ทิ้งไว้  เพราะโดนลากมาก่อนไงครับเลยไม่ทันได้หยิบ




“ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมมึง” ไอ้เมาส์ถามขึ้นเมื่อพวกผมเลิกเรียนและกำลังเดินลงจากตึกเรียน  จริงๆพวกมันจะชวนไปแดกเหล้าหลังเลิกเรียนเลย  แต่ผมมีนัด  แล้วก็เล่าอะไรให้พวกมันรู้เล็กน้อย  พวกมันพยักหน้าเข้าใจไม่พูดอะไร

“ไม่เป็นไรกูไปคนเดียวได้  อีกอย่างถ้าพวกมึงไปน้องมันอาจจะลำบากใจที่จะคุย”

“เออแล้วแต่มึง” ไอ้ภัทรบอกก่อนที่มันจะเดินแยกออกไป  ผมมองตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ  นิสัยมันไม่ค่อย
อยากจะยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไร  แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดี  ขนาดผมบอกมันว่าอกหัก  มันยังอุตส่าห์ที่จะเลี้ยงเหล้าปลอบผมเลย

“เออไงก็บอกนะมึง  มีไรก็โทรมากูไปละ  เดี๋ยวเจอกันคืนนี้” ไอ้เมาส์มันตบไหล่ผมสองสามทีก็เดินแยกออกไป  ผมเดินมาเอารถที่จอดทิ้งไว้ใกล้ๆตึก  ขึ้นรถไปร้านที่ข้าวทำงานอยู่   ผมพยายามเหยียบคันเร่งรถให้ช้าที่สุด  เผื่อเวลาให้ตัวเองทำใจ  ทั้งๆที่ผมคิดว่าผม
เหยียบมันช้าแล้วทำไมมันกลับถึงเร็วขนาดนี้ว่ะ  ผมจอดรถในที่จอดรถของร้านที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้า  นั่งจับพวงมาลัยรถอยู่แบบนั้น  เป่าปากสองสามที  ให้ใจสงบ  ทำใจให้นิ่ง  ไม่รู้สึกอะไรก่อนที่จะออกจากรถตรงไปยังเบื้องหน้านี้

กรุ้งกริ้ง…
เสียงกระดิ้งหน้าร้านดังขึ้นเพราะผมเป็นคนเปิดประตูเข้าไป  เสียงยังใสเหมือนเดิมที่มาเลย  ผมหันซ้ายหันขวา  กวาดสายตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาคนที่นัดไว้  ไม่นานก็เห็น  น้องมันยืนอยู่ที่โต๊ะหนึ่งใส่ชุดนักศึกษาน่าจะมอเดียวกับผมด้วย  คงกำลังรับลูกค้าอยู่  พอน้องมันหันมาเห้นผมก็เดินเข้ามาหา

“สวัสดีครับพี่อาร์ม”

“ครับ หวัดดี” ผมยิ้มให้น้องเล็กน้อย  น้องมันก็พาผมมาหาที่นั่งเพื่อที่จะคุยกัน

“พี่อาร์มจะทานอะไรก่อนไหมครับ”

“อะไรก็ได้ครับ” ผมตอบน้องพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้  น้องมันก้มหัวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไป ... เสียงเตือนข้อความไลน์ก็ดังขึ้น  ทำให้ผมหยิบโทรศัพท์มาดูก็เป็นไลน์กลุ่มที่มีผม ไอ้ภัทร ไอ้เมาส์  แต่เป็นไอ้เมาส์ที่ส่งข้อความมานะครับ

[เป็นไงบ้างว่ะไอ้อาร์ม] < - - เมาส์

[กูพึ่งมาถึง  ตอนนี้ยังไม่ได้คุย]   ผมตอบกลับมันไป   คุยกันปสองสามประโยครู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่ ผมจึงละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองตรงไปข้างหน้า  สายตาก็ไปปะทะกับผู้ชายสองที่อยู่ในชุดนักศึกษามอเดียวกับผม  ผมมองคนที่นั่งหลังหลังให้ผมพอมันเห็นผมมองก็หันกลับไปทันที  แต่อีกคนยังคงจ้องหน้ากับผมอยู่  จนสุดท้ายมันก็ยอมละสายตาออกจากผม  ผมไม่ได้คิดอะไรก็คงแค่มองเฉยๆละมั้ง  ก็หันกลับมาแชทกับเพื่อนต่อ  จนข้าวเดินเข้ามาเสริฟเค้ก เครื่องดื่มให้ผม  น้องนั่งลงตรงกันข้ามกับผม  ผมจึงวางโทรศัพท์ไว้ 

“คือ...” น้องมันอึกอักที่จะพูด  ผมจึงพูดแทรกขึ้นมา

“ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ” ผมบอกจากใจจริง 

“ผมขอโทษ” ข้าวบอกเสียงแผ่ว  ก้มหน้าลงไม่กลาสบตากับผม   ผมจึงยกมือไปวางบนหัวน้องเบาๆ  พอผมเห็นน้องมันทำหน้าหงอย  สายตาสำนึกผิดนั่นทำให้ผมใจไม่ดีเลย  ผมไม่อยากทำให้น้องมันลำบากใจไปมากกว่านี้แล้ว

“ข้าวไม่ผิดหรอกครับ  อย่าคิดมากพี่ไม่เป็นไร” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ยีหัวเด็กน้อยตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู  น้องมันยมเงยหน้าขึ้นมามองผม

“แต่ว่า...”

“อย่าคิดมาก  พี่เข้าใจ  เห็นข้าวมีความสุขพี่ก็โอเคแล้ว”

“ขอบคุณนะครับ” ข้าวยกมือไหว้ผม  ผมส่ายหัว  ไม่เป็นไร  จนน้องมันยิ้มให้ผมเล็กน้อย  อย่างน้อยแค่ได้เห็นรอยยิ้มนี่ผมก็รู้สึกดีแล้ว

“เราจะนัด พูดคุย ดุหนัง กินข้าว กันได้รึเปล่าข้าว” ผมถาม  น้องมันหหุบยิ้มทันที  สีหน้าดูจะกังวลขึ้นมาจนผมต้องรีบบอกต่อ

“ในฐานะพี่น้อง”

“ครับ  ได้อยู่แล้ว”  ข้าวยิ้มให้ผมอีกครั้ง  ผมพยักหน้ายกโกโก้ปั่นที่ข้าวยกมาให้ขึ้นดูดกิน 

“สัญญาที่ว่า  พี่ถือว่ามันไม่เคยมีขึ้นระหว่างเรานะ” พอต่างคนต่างเงียบผมจึงต้องเอ่ยขึ้นมา  น้องมันพยักหน้าหงึกหงักยิ้มจนเห็นลักยิ้ม
เล็กๆอย่างน่ารัก  ทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามอย่างเอ็นดูไม่ได้   ได้คุยกันแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อย  เป็นพี่น้องก็ยังดีว่ะ  ได้
เห็นหน้า ได้พูดคุยกันก็ยังดี  ดีกว่าที่จะไม่ได้คุยกันเลย 

“ข้าวไปทำงานต่อเถอะ  พี่นั่งซักพักเดี๋ยวก็กลับ” ผมบอกน้อง  เพราะถ้ามัวแต่คุยกับผมคงจะเสียการเสียงาน

“ครับ  ส่วนนี่ไม่ต้องจ่ายนะครับ  ผมเลี้ยง” ข้าวบอก

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้น้อง  น้องก้มหัวขอตัวแล้วก็ดเนไปทำงานต่อ  ผมก็ตักเค้กกิน ดูดโกโก้ไปด้วย  มองออกไปด้านนอกปล่อยสายตาให้ทอดออกไปเบื้องหน้า  ซึ่งไม่ได้มองเจาะจงอะไรเลย  แค่อยู่ในความคิดของตัวเองเท่านั้น  พอหันสายตากลับเข้ามาในร้านอีกที่ก็เจอกับสายตาสองคู่มองมาที่ผมอีก

“มองอะไรของมันว่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ  คือแม่งตอนนี้ก็ยังมองเว้ยครับ  และทั้งๆที่รู้ว่าผมกำลังมองอยู่มันก็ยังไม่หลบสายตาไป  คือเอาง่ายๆแม่งตั้งใจจ้อง  ไอ้คนที่นั่งหันหน้ามาหาผมมันแค่นั่งมองสบตากับผมนิ่งๆก่อนจะเหยียดริมฝีปากออกให้เห็นอย่างชัดเจน  ส่วนอีกคนแม่งโบกมือยิ้มกว้างให้ผมเฉย  จู่ๆผมก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที  สายตาที่มองสบกับผมทั้งสองคนนั้นแม่งมีสายตาแบบเดียวกันเลย  เป๊ะๆ ด้วย  สายตาที่เหมือนกำลังจะหลอมละลายให้ได้อ่ะครับ  คือผมเองก็อธิบายไม่ถูก  เอาแบบง่ายๆคือถ้าเป็นไอติมก็คงละลายเป็นน้ำไปแล้ว 

“คงไม่ใช่อย่างที่กูคิดหรอกมั้ง” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ  จนสายเรียกเข้าดังผมถึงรีบกดรับ

“เออ” ผมกรอกเสียงลงไป

(อยู่ไหนว่ะ  คุยเสร็จยัง)  ไอ้ภัทรเป็นคนโทรมาครับ

“อืม เสร็จแล้ว” ผมตอบ 

(เออไม่ร้องนะมึง หึๆ)

“ไอ้สัส  กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นเหอะ” ผมรีบแย้งขึ้นเมื่อมันพูดอะไรไม่รู้ออกมา

(เออแล้วเมื่อเช้าควายตัวไหนมันทำหน้าจะร้องไห้ว่ะ)

“เรื่องของกูน่า” ผมบอกอย่างรำคาญ

(เออๆๆคืนนี้กูเลี้ยงเหล้าปลอบมึง  เจอกันร้านเดิม)

“อืมๆๆ” ผมรับคำมันก็กดวางสายไปเลย

ผมมองไปรอบร้านหาร่างบางที่กำลังทำงานอยู่ในร้าน  กะว่าจะบอกว่าจะกลับแล้ว  แต่เห็นน้องมันยุ่งๆอยู่  ผมจึงลุกขึ้นเตรียมเดินออกนอกร้าน  แต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับผู้ชายสองคนที่นั่งตรงหน้า  อยากจะเดินเข้าไปหานะว่าแม่งมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า จ้องอยู่ได้  หน้ากูเหมือนพระเอกหนัง  พระเอกซีรี่ย์เรื่อง W หรือไงว่ะ  มองอยู่ได้  แต่ก็ไม่เอาหรอก  ไม่อยากมีเรื่องครับ  อีกอย่างผมมาคนเดียว  ส่วนมันสองคนเว้ย  ฮ่าๆๆ ปลอดภัยไว้ก่อนแล้วกัน...  คืนนี้ก็เมาเต็มที่ไหนๆก็ฟรีแล้ว  ย้อมใจหน่อย  อกหักแล้วอกหักเล่า ฮ่าๆๆ  สมเพชตัวเองจริงๆเลย
 

 
writer

แค่เริ่มต้น....ยังไม่ได้เจอกันเต็มๆนะ  นี่ขอแบบเบาๆก่อนhttp://cdn-th.tunwalai.net/files/emotions/eta.gif 
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.13(คู่รอง 3p) #By : Cencer[18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2016 22:50:04
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.13(คู่รอง 3p) #By : Cencer[18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-08-2016 23:26:51
 :L2: :L1:

น่ารักอ้าาาาาาาา ทำไมเราเพิ่งได้มาอ่าน
รวดเดียวจบเลย
ฮ่าฮ่า จะสงสารพี่อาร์มดีไหม จะไม่นกแล้ว ..มาทีเดียวสองด้วย
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.14 #By : Cencer[26/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 26-08-2016 22:03:52
14

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน

“เหนือ!” 

ผมโบกมือเรียกน้ำเหนือที่ยืนหลับตาพิงรถตัวเอง  น้ำเหนือบอกว่าหลังเลิกงานทุกวันจะมารับผม  จริงๆก็เกรงใจนะครับ  แต่ก็อยากอยู่กับแฟนไง  เลยไม่พูดอะไร  เก็บความเกรงใจไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ฮ่ะๆ  วันนี้ผมเคลียร์กับพี่อาร์มไปแล้วเรียบร้อย  มันทำให้ผมรู้สึกโล่ง  หายใจสบาย  พี่อาร์มบอกว่าเข้าใจและบอกว่าขอเป็นพี่น้องกัน  ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร  อย่างน้อยเราก็ยังคุยกันได้ในฐานะพี่น้อง  ยังไงซะก็คนบ้านเดียวกันละนะ

“..คิดถึง”  ไม่พูดเปล่ายังเดินเข้ามากอดผมพร้อมกับโยกตัวซ้ายทีขวาทีเบาๆ  เหมือนกับเด็กๆเลยครับ

“อื้อ  รอนานไหม?”  ผมถามเมื่อน้ำเหนือยอมผละออก 

“ไม่นาน  ขึ้นรถเถอะ”

“อืม” ผมยิ้มให้เมื่อน้ำเหนือเดินมาเปิดประตูรถให้ผม  พยายามเก็บเสียงกรี๊ดร้องไว้ในใจไม่ให้แสดงออกมา ฮ่าๆๆ  รู้สึกมีความสุขจริงๆครับ 

“จะแวะกินอะไรก่อนกลับหอรึเปล่า  เพราะคืนนี้เหนือต้องไปร้านพี่ดรีม”

“ร้านพี่ดรีม?”

“ผับน่ะ  รุ่นพี่ในคณะเนี้ยละ”

“อ๋อออ..” 

ไอ้ที่อ๋อนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ  คือกูไม่รู้จัก  เหอะๆ  เหนือบอกกับผมว่าพวกไอ้เพื่อนยากมันนัดชวนกันไปดื่มเหล้าแต่ไม่เมายานะครับ  ดื่มแค่เหล้า   เหนือบอกว่าพวกมันจะฉลองที่ผมกับเขาคบกัน  เอ่อ...ความคิดของผมจริงๆคือพวกมันอยากแดกเหล้ฟรี  เพราะที่ไหนมีเหล้าฟรีจะเห้นสัมภเวสีอย่างพวกมันที่ไหน  ไปร้องโหยหวนตลอดๆ  รวมมีผมด้วย  แต่ตอนนั้นผมไปกับเพื่อนกลุ่มตวเอง  แต่ครั้งนี้มีทั้งเพื่อนน้ำเหนือและก็เพื่อนผม  คืนนี้ยาวแน่ๆๆ  ชัวร์เลย  พรุ่งนี้วันหยุดซะด้วย  ผมเองก็เต็มที่แน่นอน  ฮ่าๆๆๆ
เราสองคนเลยจอดกินข้าวกันก่อนกลับ  มีซื้อห่อไปฝากไอ้คนที่อยู่หอด้วยนะครับ  สงสารมันกลัวมันจะอดยาก  ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหม ? คือคนจ่ายนะนู้นแฟนผม  พอผมจะออกก็ไม่ยอม  บอกว่าเลี้ยงเอง  เป็นผู้ชายก็ต้องดูแลแฟนดิ  เออผมก็คิดน่ะแล้วกูเป็นผู้หญิงตรงไหน?  แต่ก็ดีครับ  ข้าวหอมชอบของฟรี...  ฮ่าๆๆๆ

“กลับมาแล้ว!”  ผมเปิดประตูเข้าห้องมาก็ตะโกนบอกคนข้างในซึ่งจะสนใจหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง  ผมเดินเอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะที่เขียนหนังสือ  แล้วกราดสายตามองเพื่อนร่วมห้องซึ่งไม่เห็น  หรือว่ามันจะยังไม่กลับ?  แต่ว่าไฟเปิดนิ  ทีวีก็เปิด  คอมก็เปิด  คือเปิดทุกอย่าง  ที่ค่าไฟแพงเพราะมันตัวเดียวเลย 

“กลับมาแล้วหรอ  ข้าวกูอ่ะ”

“ไม่มีไม่ได้ซื้อมา”

“ไอ้แล้งน้ำใจ!”   ผมไหวไหล่ไม่สนใจจนมันโยนผ้าผืนเล้กที่เช็ดผมมันมาใส่ผม  ดีน่ะหลบทันไม่งั้นเต็มๆหน้าผมแน่ๆ

“แต่งตัวไอ้ฮาร์ท  ข้าวอยู่นั่น” น้ำเหนือพยักเพยิดหน้าไปทางที่ข้าวกล่องวางไว้อยู่  ไอ้ฮาร์ทมันพยักหน้าเข้าใจแต่มันก็ยังไม่ยอมไปแต่งตัว  ยืนอยู่กับผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวเอาไว้หลวมๆ  จะหลุดแลมิหลุดแลอยู่

“มองไรน้องข้าว  หุ่นพี่ดีละสิ”  ผมถึงกับมองบนเลยทีเดียว  หุ่นมึงไม่ดีเท่าหุ่นผัว เอ้ย แฟนกูหรอก  แค่นี้ทำคุยๆ  โด่วว  นั่นอะไรแพคหรือ
พุง  ยื่นออกมาน่าเกลียดเชียว  ผมไม่ได้วิจารณ์เพื่อนนะครับ

“มีแต่พุงยืนโชว์อยู่ได้  เสียสายตากูว่ะ”

“ตามึงไม่ดีเองมากกว่า  บอกผัวมึงให้พาไปผ่าตัดสายตาใหม่ซะ!”

“ตากูยังดีอยู่ครับ  ของมึงเล็กยังไงก็เล็กอย่างนั้น  แบร่!” คว้าผ้าขนหนูได้ก็วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำทันที  อยู่กวนตีนไอ้ฮาร์ทนานๆไม่ได้เดี๋ยวผมจะโดนมันเตะเข้า  หวังว่าออกมาคงไม่เจอมันยืนแก้ผ้าคุยกันอยู่หรอกนะ



ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก  เสียงเพลงภายในผับดังกระหึ่มเป็นจังหวะที่ตรงกับหัวใจมันเต้นตึกๆ  ผมแทบอย่างจะไปดิ้นให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ก่อนดิ้นต้อง
เติมพลังกันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้ร่างกายสูบฉีด  กินให้เมาด้วยนะครับเวลาทำอะไรหน้าอายจะได้ด้านๆหน่อย  แต่ถึงไม่เมาผมก็ด้านอยู่แล้ว  ยกเว้นแต่เวลาอยู่กับน้ำเหนือ  สกิลความหน้าด้านผมติดลบไปเลย

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือเรียกให้คนในโต๊ะหันมองไอ้คนที่เรียกร้องความสนใจ  คงรู้นะครัยบว่าเราอยู่ไหนกัน  ผับคนชื่อพี่ดรีม  พวกเรายกกันมาทั้งกลุ่มผม ซึ่งมี ผม ไอ้เวฟ ไอ้เพียว ไอ้เอ็ม แล้วก็ไอ้น้องโฟน(น้องรหัสไอ้เวฟ)  มันติดสอยห้อยคอมาด้วย  มันงอแงตามมาครับ  พี่รหัสมันก็ดีแสนดียอมหนีบมันมาด้วยซึ่งไม่ได้ถามอะไรพวกผมก่อนเลย  คนเลี้ยงอ่ะฝั่งนู้นไม่ใช่ฝั่งผม  ส่วนฝั่งนั้นก็มี  น้ำเหนือ(แฟนผมๆ) แอร๊ยย >//< ไอ้หำเท่าไม้ขีดไฟ(ไอ้ฮาร์ท)  ไอ้โดม ไอ้จิม  และไอ้คิน

“เอ้าฟังกูๆครับเพื่อนๆ”  ไอ้จิมกับไอ้เวฟมันยืนขึ้นแล้วกวาดสายตามองพวกผมทุกคน  พวกผมก็พากันเงียบฟังถึงเพลงจะดังกลบเสียงไปหน่อยก็เถอะ  แต่สองคนนี้มันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงไงครับ

“ไอ้โฟนหุบปากมึงได้แล้ว”

“พี่เวฟอ่ะ  ผมกำลังคุยกับพี่โดมมันส์อยู่เลยขัดทำไมว่ะ” ไอ้โฟนมันพูดเสียงห้วนใส่  ทำหน้าบึ้งจนไอ้เวฟมันโยนน้ำแข็งใส่ไปก้อนหนึ่ง

“กูพามาแดกของฟรีแล้วต้องฟังกู  เดี๋ยวเถอะมึง” ไอ้เวฟชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ทำให้น้องมันหันมากระแซะงอแงกับผม  ก็ผมเฮียมัน  มันรักผมมากกว่าพี่รหัสมันด้วยซ้ำไป

“เฮียข้าว  ไอ้เหี้ยพี่เวฟมันดุโฟน” 

“อย่าไปใส่ใจคนบ้าเลยโฟน” ผมบอกพร้อมกับลูบหัวน้องมันอย่างเอ็นดู   

“มีอะไรก็รีบพูดๆมา  กูจะได้กินเหล้าซักที”  ไอ้ฮาร์ทว่า 

“เอองั้นก็อย่าขัดกู ... ไอ้เวฟมึงเริ่มก่อนดิ่”

“เคๆ ...สวัสดีครับท่านผู้ชมกระผมนายเวฟสุดหล่อเดือนมหาลัยและนาย...  นายไรมึงก็พูดสิว่ะ!”  ผมมองดูความว่นวายของเพื่อนสองตัวที่อยู่ๆก็เลือดนักข้าวเข้าสิงซะงั้น   ไอ้เวฟไม่เท่าไรหรอกครับ  แต่ไอ้จิมมันท่าจะไม่รอดนะครับ 

“อ๋อเออๆ ผมนายจิม.. จิมมิ  จิมมี่โก๊ะ หล่อสุดในคณะแล้วครับ”  ไอ้จิมพูดจบมันก็อ้าแขนรับเสียงโห่ร้องจากเพื่อนๆในโต๊ะ  คือจริงๆขัดตั้งแต่ไอ้เวฟแล้วเหอะ  มั่นหน้าไปแล้ว  เดือนมหาลัย  ช่างกล้า  แค่เดือนคณะมันยังไม่เฉียดเลยครับ  ริอาจจะป็นเดือนมหาลัย 

“โห่....”

“ช่างกล้านะพวก  ไอ้เดือนมหาลัยตัวจริงมันยังไม่พูดเลย!”

“อะไรคือหล่อสุดในคณะ  กูรับไม่ได้ว่ะจิม”

“เอ่อ...กูไม่ขอออกความเห็น”

“....”

“ไอ้พี่เวฟถ้าหน้าอย่างพี่เป็นเดือนมหาลัยผมว่าใครๆก็เป็นได้ว่ะ  หน้าตาพี่มันพื้นคอนกรีตมากกกกกกกกกกกกกก”
ก็นั้นแหละครับอยู่ดีไม่ว่าดี  โดนซะยับเลย  เหอๆ 

“พวกขี้อิจฉาก็เงี้ย  เฮ้ออ เอาเถอะๆเดือนมหาลัยอย่างกูใจกว้างพอ...เอาละมาต่อกันดีกว่า  คุณจิมครับ”

“ครับคุณเวฟ”

“วันนี้เราอยู่กันที่ผับ...  เรามาทำอะไรกันที่นี่ครับ”

“ซักผ้าครับคุณเวฟ”

เพลียมากๆ  ที่ต้องมาสนใจกับคนบ้าที่รับส่งมุขกันไปมา  แต่ละมุขมันไม่แป้กก็พาเครียดรุนแรงมากครับ  ผมเลยหันมาสนใจสิ่งที่ล่อตาล่อใจผมตรงหน้าดีกว่า  เห็นแล้วกระหายทันที 

“อย่าดื่มเยอะนะข้าว”  ผมยกเหล้าที่ไอ้โดมเป็นคนผสมให้ยังไม่ทันได้เตะริมฝีปากก็มีเสียงเตือนข้างๆกาย

“ข้าวยังไม่ทันได้จิบเลย  เตือนซะแล้ว”

“เดี๋ยวเมา”

“ไม่เมาหรอก  ข้าวคอแข็ง” ผมบอกพร้อมกับยกดื่มรวดเดียวหมดแก้วโชว์เลย  แค่นี้มันจิ้บๆมาก  โชว์แก้วเปล่าให้ดูเลยเอ้า! ผมยักคิ้วให้
เหนือที่มองผมอยู่  เหนือถึงกับส่ายหน้าช้าๆ

“ที่เรามาในวันนี้นั้นเพราะ...”

“เพราะอะไรครับคุณเวฟ”

“เพราะ...คู่รักสองคนนี้ครับ  วันนี้เราจึงมาฉลองให้คู่รักป้ายแดงกันครับ  ขอเสียงให้กับคู่รักของเราหน่อยเร็ว!”

“ฮิ้ววว ...”

เสียงฮิ้วข้างๆตัวผมนี่ดังสุดเลยครับ  น้องรหัสไอ้เวฟไง  ทีแบบนี้ละเข้ากันได้  แซวกันไปสิ  ไม่เป็นไรผมด้าน  แซวมาเถอะข้าวไม่แคร์  ฮ่ะๆ

“สัมภาษณ์ๆ  รู้สึกยังไงบ้างครับคุณข้าวที่มีผัวเป็นตัวเป็นตนซักที”  ไอ้เวฟมันกำมือตัวเองทำเป็นไมค์ดึงผมให้ยืนขึ้นแล้วยื่นมือที่ทำเป็น
ไมค์มาตรงหน้าผม

“แฟนพอ...แต่ก็ขอบคุณสำหรับคำถามครับ  ผมรู้สึกดีใจจนน้ำตาแทบเล็ดเลยครับ  รู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วยที่เกิดมาหน้าตาดีไม่พอยังมีแฟน
หล่อระดับอีมินโฮยังสู้ไม่ได้เลยครับ  ฮึก”  ผมแสร้งบีบน้ำตากระซิกๆ  พอหอมปากหอมคอไม่เวอร์วังจนเกินไป  แต่ทำเอาไอ้เวฟถึงกลับเบ้
ปากมองบนเลยครับ ฮ่าๆๆ  ที่ผมพูดมานี่เรื่องจริงนะครับ  ผมดีใจจริงๆที่ได้คบกับน้ำเหนือ  เพราะคำว่าเพื่อนมันขั้นกลางระหว่างเราสองคนเอาไว้  ไม่คิดกล้าถล้ำเส้นบางๆนั้นแม้แต่น้อย  แต่ใรจะรู้ว่าวันนี้เราสองคนจะได้คบกัน  ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน  แต่เป็นในฐานะคนรักกัน 

“กูเกลียดความตอแลของมึงมากไอ้ข้าวบูด”

“เรามาฝั่งทางคุณเหนือบ้างครับ  รู้สึกยังไงกับการคบกับคุณข้าวครับ”  ไอ้จิมเป็นผู้ดำเนินรายการต่อจากอ้เวฟที่ตอนนี้มันเริ่มหาที่นั่งแล้ว
ครับ   ผมลุ้นว่าน้ำเหนือจะพูดว่ายังไง  อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

“....”  น้ำเหนือไม่ตอบ  หันกลับมามองผมที่นั่งข้างกันแทน  ตอบคำถามเพื่อนไปสิมองหน้ากูทำไมเนี้ย  ใจยิ่งเต้นแรงแข่งกับจังหวะเพลง
ในผับ

“หรือไม่เข้าใจคำถาม  งั้นอีกซะ...”

“...รักครับ”

ฉ่า.....  เสียงอะไร  ใครมาผัดอะไรแถวนี้  มันร้อนๆเนอะ  รู้สึกหน้าผมอุณภูมิเพิ่มขึ้นหลายองศาอย่างรวดเร็ว  หรือผมจะเป็นไข้เพราะหักโหมงานหนักจนเกินไป  อื้ออ  ไม่รู้แล้วปิดหน้าแม่ง  ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแค่พอมือสัมผัสหน้าก็รู้ถึงความร้อนบนใบหน้าตัวเองแล้ว  คงแดงมากแน่ๆ  น้ำเหนือบ้าพูดอะไรก็ไม่รู้  เขินนวุ้ย ! -///////-

“ไอ้เหนือจับเพื่อนกูไว้ด้วยเดี๋ยวแม่งลอยติดเพดานจะยุ่ง ฮ่าๆๆ” เสียงไอ้ฮาร์ทมันแซวขึ้น  ไม่มีอารมณ์จะด่าหรอกครับ  เพราะกำลังจะลอยจริงๆ  ตัวเบ๊าเบาเหมือนกับลูกโป่งเลย

“ได้ลูกกูแล้วก็ช่วยรับผิดชอบด้วย”  ไอ้เวฟเอ่ยขึ้นบ้าง

“ได้บ้าได้บออะไร  ยังไม่ได้เว้ย!” ผมแย้งขึ้นมาเสียงดัง

“หึๆ  ไอ้เหนือนี่มึงไม่มีน้ำยาหรอว่ะ”  เป็นไอ้คินพูดขึ่นมาบ้าง  พึ่งจะได้ยินเสียงมัน  ผมว่ามันเงียบดีแล้วละ  ไม่น่าพูดแบบนั้นเลยกู  ตบปากตัวเองรัวๆ 

“พูดไรของมึงว่ะไอ้คิน  ลามก”

“แหมน้องข้าว  มึงกล้าพูดว่าลามกมึงยังเคยแอบกูหนังโป๊ใต้โต๊ะเรียนเลยนะ”

“หุบปากมึงไปเลยไอ้เพียว!!”  น่าอายที่สุด  อย่าเผากูนะ  มันเป็นเรื่องธรรมชาติเว้ย  แค่ดูหนังโป๊เอง  ใครๆก็ดูกัน?  ใช่ไหมครับ....

“ข้าวนิสัยมึงเป็นแบบนี้เองหรอ  กูคิดว่ามึงจะใสซะอีก ฮ่าๆๆๆ”  ไอ้โดมมันพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

“ใสกับผีสิมึง  มันยิ่งกว่าพวกกูเยอะ”

“หุบปากไปเลยไอ้เวฟ  หยุดขำได้แล้วไอ้เพียว  ไอ้พวกนี่นิหยุดหัวเราะน่ะ!  ไอ้เด็กเวรหยุดขำนะ  บอกให้หยุดไง !!”

“ฮ่าๆๆ  โอ๊ยยอย่างไอ้ข้าวน่ะใสจนขุ่นเว้ย!  ถามกูนี่อยู่ด้วยกินนอนมาด้วยกัน!” 

“ขุ่นพ่องดิไอ้เหี้ย! มันน่าขำตรงไหนห้ะ! ... เหนือนี่เป็นกับพวกมันด้วยหรอ  !!”  แทบอยากจะกระโดดข้ามโต๊ะไปบีบคอไอ้คนพูดจริงๆ  มัน
ยิ่งกว่าผมซะอีก   พวกมันขำผมไม่หนักเท่าไอ้คนข้างๆผมที่เป็นไปกับพวกมันด้วย  ทีเรื่องนี้ละขำกูนะ  ที่เรื่องอื่นละเงียบนิ่งอย่างกับหิน 
เดี๋ยวพ่อเอาขวดเหล้าทุบหัวซะหรอก  ต่อให้ได้ชื่อว่าแฟนก็ไม่เว้นเว้ย!!

“...เปล่าซักหน่อย” ผมจึงจิกตาใส่น้ำเหนือที่แก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้น  ถ้าผมไม่หันไปเจอแล้วคงไม่หยุดหรอก เหอะ !

“พอๆพวกเดี๋ยวแม่งร้องไห้ ... ตอนนี้เรามาดื่มฉลองกันดีกว่า  กูขอให้พวกมึงสองตัวรักกันนานๆ  มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง” ไอ้ฮาร์
ทมันพูดขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาเหนือหัว  เพื่อนในโต๊ะก็พากันทำตามมันไม่เว้นแม้แต่ผม

“กูไม่มีมดลูกสัส!”

“เรื่องของมึง  เอ้าได้กันๆ”

“ฟาย!”

จากนั้นทั้งโต๊ะก็ฮากัน  ชนแก้วเหล้าจนน้ำกระฉอดออกมา  คืนนี้ไม่เมาข้าวไม่กลับนะครับ  ไหนๆพรุ่งนี้วันหยุดเอาให้หนักยิ่งของฟรียิ่งต้อง
หนัก  พวกผมก็คุยเรื่องสัมภะเหระกันไปทั่ว  พอผ่านไปซักพักกลุ่มผมเริ่มออกลายกัน  เพื่อนผมนี่เตรียมล่าเหยื่อแล้วครับโดยเฉพาะไอ้เวฟกับไอ้เพียวมันเริ่มท้ากันแล้วว่าใครได้เบอร์สาวเยอะกว่าคนนั้นต้องเป็นเบ้หนึ่งเดือน  ส่วนไอ้เอ็มกับไอ้น้องโฟนน็อคคาโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว  ไอ้จิมไอ้โดมเต้นอยู่ท่ามกลางสาวๆไปแล้ว  มีที่อยู่ในโต๊ะไม่รวมคนน็อคก็มีผม น้ำเหนือ  ไอ้คิน  และไอ้ฮาร์ท  ซึ่งตอนนี้ผมกำลังกรึ่มๆเลย

“เพียวๆนะมึง  ใครฟุบก่อนแพ้!” ไอ้คินเป็นตัวตั้งตัวตีในการท้าแข่งครั้งนี้  มีผู้เข้าแข่งขัน  ผม ไอ้คินและไอ้ฮาร์ท  ส่วนน้ำเหนือกรรมการ
ครับ  มันเมาไม่ได้  ถ้ามันเมาจะไม่มีคนแบกพวกผม

“ได้ ! ใครก่อนต้องทำตามใจคนที่ชนะ เค้?” ผมทำมือโอเคเป็นเชิงถามว่าเข้าใจไหม  พวกมันพยักหน้าจึงเริ่มเกมส์




“อาส์...”

ปึก!

“ยอมแพ้ปายเถ๊อะอายข้าวว..” เสียงอ้อแอ้ของไอ้ฮาร์ทพูดขึ้น  มันค้ำยันแขนไว้กับโต๊ะ  ผงกหัวขึ้นมามองหน้าผม  ผมส่ายนิ้วชี้ต่อหน้ามัน
ไปมา

“เมิงงงสิยอมแพ้ซะเถ๊อะ  เมิงม๊ายมีวานชานะกูด๊ายหร๊อกก อึก” 

“หึๆ ฮ่าๆๆๆ”

“ขำรายของเมิ๊งงไอ้คิน  บ้าป๊าว” ผมถามมัน  อยู่ๆก็หัวเราะคนเดียว  สงสัยจะบ้า 

“ต่อยกานม๊ายสาดด  ดูเมียมึงด้วยไอ้เหนือ”

“อย่ามายุ่งกับผัวกูวว  คึๆ” ผมชี้หน้าคาดโทษมันแล้วหันมามองหน้าน้ำเหนือแทน  “เน่คนหรือเทพพาบุตร  ทำมายหล่อเง้  งื้มมม คึๆ”  ผม
ยกมือลูบหน้าเทพบุตรตรงหน้า  หน้าใส๊ใส  ผมก็อยากหน้าใสแบบนี้บ้างนะ 

“....”

“เปนเทพพาบุตรหรือเทวาดาอ่า...อึก  หล๊อหล่อ  มีแฟนยางจ้ะ!” ผมถามพร้อมยิ้มหวานใส่  ถ้าไม่มีแฟนผมจะได้จีบ  อยากมีแฟนหล่อ  แต่
ถ้ามีแล้วผมจะแย่งมาเป็นของตัวเอง

“...”  ทำไมไม่พูดอ่ะ  ผมทำหน้าบึ้งใส่เทพบุตรตรงหน้าที่ไม่ยอมพูดกับผม 

“ทามมายม่ายตอบอ่า  มียังว่ะ!?!” ผมขึ้นเสียงใส่  คนอุส่าห์พูดด้วยดันไม่พูดด้วย  “คิดว่าหล่อแล้วหยิ่งง๊ายย  เดี๋ยวปั๊ด!ตบคว้ำเล้ย! ฮึ่ม อึก”  ผมง้างมือทำท่าจะตบอีกคน  มืออีกข้างก็คว้าเอาขวดเหล้ากรอกปาก

“เมาแล้วข้าว”

“อื้ออ  อย่ามาแย่ง!” เพราะมีมือจะมาแย่ขวดเหล้าจากผม  ผมถึงชักสีหน้าใส่แล้วเบี่ยงตัวกอดขวดเหล้าไว้แนบอก  คนอะไรไม่รู้ไม่มีปัญญา
หาเองรึไงจะมาแย่งของข้าว  ข้าวไม่ให้หรอก  ข้าวหวง  ผมจ้องเขม็งใส่พ่อเทพบุตรอีกรอบ 

“ดื่มเยอะไปแล้ว  หยุดเลย!”

“....” ผมเม้มปากแน่นเพราะขวดเหล้าถูกแย่งออกไปแล้ว  ผมจะแย่งกลับมาคืนก็ไม่ได้รู้สึกโลกหมุนรอบจนต้องล้มตึงกลับที่เดิม  มือก็ยื่น
ไปกะว่าจะคว้าถึง  คนเอาไปก็มองผมด้วยสายตาดุๆ  ผมหน้างอทันที

“งอนแล้ว  คนหล่อจายร้าย...” ผมบอกหน้าบึ้ง ลุกขึ้นจะเดินไปที่อื่น  ไม่อยากเห็นหน้า  หล่อแต่ใจร้ายไม่อยากเห็นหน้าหรอก  มีสิทธิอะไร
มาแย่งของผมไป  ไปหาเอาที่อื่นใหม่ก็ได้

“จะไปไหนข้าว  เมาแล้วนั่งอยู่นี่”  ตัวผมถูกกระชากกลับให้นั่งลงที่เดิม  ผมสลัดแขนแรงๆหวังว่าจะหลุด

“ปล่อยน๊า..  จาปายตื๊ดดดด” 

“ตื๊ด?”

“ก็เต้นไงเล่า ปล่อย!  เพลงกำลางมันส์  คึคึ” ผมบอกแล้วก็นั่งเต้นโยกไปมาตามจังหวะเพลง  เพลงมันส์จริงๆครับ  “ดีเจโซฟามาเองช่ายมายยย  มานมากกก  เอิ๊วๆ”  ผมยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นมาโบกไปมา  ตัวก็โยกซ้ายขวาตามจังหวะเพลง  ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆอยู่ข้างๆแต่ผมไม่สนใจหรอก  คนหล่อใจร้าย  แย่งของผมไปยังจะมาบังคับให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไม่ยอมให้ผมไปเต้น  ผมโป้งแล้ว

“ฮาร์ทโวย  ปายเต้นๆกับกูวว  ลุกเร๊ววว” ผมตบโต๊ะเรียกเพื่อนตัวเองที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่เกลื้อนไปด้วยขวดและแก้วเหล้า  มันผงกหัวขึ้นมามองผมนิดหน่อยแล้วก็ฟุบลงตามเดิมพร้อมกับโบกมือไปมาเชิงไล่ผมให้ไปไกลๆ 

“ชิ!” ผมเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้  หยิบน้ำแข็งจากถังใส่มัน  ไปเต้นคนเดียวก็ได้แต่จะไปยังไง  ผมยังถูกจับแขนไว้อยู่เลย  งั้นต้องลากไปด้วยกันนี่แหละ  ผมลุกขึ้นยืนอีกรอบ  มีเซนิดๆ  แต่ก็ทรงตัวกลับมาได้  สะบัดหัวไล่ความมึนก่อนจะดึงแขนคนที่จับผมไว้ให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน

“ไปไหนข้าว”

“เต้นๆๆ” ผมบอกพร้อมกับฉุดลากให้เดินไปด้วยกัน  แต่รู้สึกว่าไม่ขยับซักนิด

“เมาแล้วไม่ต้องไปหรอก”

“หึ! ไม่อ๊าวว จาปายๆๆ” ผมเริ่มงอแง “ฮืออ  เค้าอยากเต้นอ่ะ”  ผมแสร้งบีบน้ำตาให้อีกคนสงสารและยอมให้ผมไปเต้น

“เฮ้อ โอเคๆไปครับไปๆ”

“เย้! ปายเต้นๆ”

ยิ่งดึกยิ่งมันส์จังหวะเพลงก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ผมลากอีกคนมาหยุดอยู่บนฟลอร์เต้นที่มีผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเต็มไปหมด  จังหวะเพลงใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง  ผมเริ่มโยกตัวไปตามจังหวะเพลงที่หนักหน่วงขึ้น  โดนเบียดบ้างแต่ผมก็ไม่ถือ  ณ เวลานี้ขอมันส์อย่างเดียวเลย  พอจะไปเต้นที่อื่นก็ถูกโอบเอวเอาไว้  ดิ้นก็ไม่หลุดจนต้องยอมเต้นมันอยู่ที่เดิม  รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก  มึนหัวยิ่งกว่าเดิมจนต้องทิ้งศีรษะหาคนที่ยืนโอบผมอยู่  แรงโอบที่เอวกระชับขึ้นจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นอีกคนมองผมอยู่  เราสบตากัน ผมมองในตาคมที่มองสบกับผมอยู่  ตาสวยจัง  จมูกก็โด่ง  หน้าก็เนียน  ปากก็น่า..จูบ  ผมเลื่อนมือไล่จากตาลงมาจมูกลูบแก้มแล้วมาที่ปากอีกคน  ลูบเบาๆบนริมฝีปากนิ่ม  จนต้องกัดปากตัวเอง   ทุกอย่างบนใบหน้ามันดึงดูดผมเหลือเกิน  ทำไมถึงหล่อแบบนี้นะ  ผมมองมันอย่างหลงใหลยิ่งสัมผัสรู้สึกยิ่งใกล้จนรู้สึกถึงลมหายจที่รดอยู่บนผิวแก้ม  สัมผัสนุ่มๆแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ จากที่แตะเบาๆเริ่มเล็มเลียขบเม้มบนริมฝีปากผม  ปลายลิ้นค่อยๆแทรกซึมผ่านเข้ามาภายในปากผม 

“อื้ม..” ผมครางรับเบาๆ  แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดคอหาที่ยึดร่างไม่ให้ตัวเองล้มพับไปกองที่พื้น  แรงกอดที่เอวกระชับแน่นรั้งร่างกายผมให้ไปเบียดเสียดเข้าด้วยกัน  ตอนนี้ในสมองผมมันขาวโพลนอาการที่วิงเวียนหายไปรับรู้แค่สัมผัสเบียดเสียดของร่างกาย  ปากก็บนเบียดกันไม่แพ้ร่างกาย  มันเร่าร้อนจนผมหายใจแทบไม่ทัน  ไม่มีจังหวะให้ผมได้กอบโกยอากาศเข้าปอดเลย  จากเร่าร้อนก็เริ่มผ่อนลง จนผละออกจากกันแต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่พ่วงแก้มของผม  ผมหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด  ผมเชิดหน้าขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงเม้มดูดอยู่บริเวณคอ 

“อ๊ะ !” เจ็บ ผมเจ็บ  ต้องเป็นรอยฟันแน่ๆ  อีกคนกัดเข้าที่คอผมจนผมสะดุ้ง  รู้สึกถึงปลายลิ้นชื้นที่เลียอยู่บนรอยฟันบนคอผม

“ใครสอนให้ยั่วหื้ม?”  เสียงทุ้มแหบกระซิบอยู่ใกล้หูพร้อมขบเม้มเบาๆที่ติ่งหูผม  ผมจับใบหน้าของคนตรงหน้าให้กลับมาสบตากันอีกครั้ง 
ผมส่ายหน้าปฎิเสธ

“ใครยั่ว”

“...ข้าวไงยั่ว”   อีกคนบีบเข้าจมูกผมเบาๆ  ผมย่นจมูกใส่คนตรงหน้า  ผมไม่ได้ยั่วซักหน่อย  มั่วแล้ว

“มั่ว  ข้าวยั่วใครไม่เป็นซักหน่อย”

“จริง?”

“อื้อออ”

“หึๆ กลับโต๊ะกัน”  ผมพยักหน้าเห็นด้วย  ผมทิ้งน้ำหนักตัวเองใส่อีกคนเต็มที่แขนก็กอดเข้าเอวหนาเอาไว้แน่น  คนอะไรตัวห๊อมหอม  ผมจะตัวหอมแบบนี้บ้างไหมอ่า ยิ่งดมยิ่งหอม  ผมฝังหน้าเข้ากับอกอีกคน

“หอมจัง” 

“...ข้าวอย่ายั่ว”  ผมส่ายหน้าอยู่กับอกอีกคน  บอกว่าไม่ได้ยั่ว  ยังหาว่ายั่วอีก  แค่ขอดมนิดๆหน่อยๆเอง  ยั่วตรงไหนกัน?

“ไปไหนมาว่ะมึง  แล้วนั่น...เมา?”  ผมไม่ได้สนใจเสียงใครอีกคนยังคงฝังหน้าไว้กับคนที่ผมยืนกอดอยู่ด้วย  ไม่อยากห่างเลยอ่ะ 

“อืม..”

“เพื่อนกูอาการหนัก   เปิดห้องให้เอาไหมไอ้ข้าว  แม่งแทบสิงไอ้เหนือแล้วห่า”

“อืม...” 

“เวร! ยังขานรับอีกนะมึง”

ผมไม่ได้สนใจคนที่ว่าผมอยู่แล้ว  ผมส่ายหน้ากับอกอีกคนไปมาเบาๆ  หอมๆ  สัมผัสที่หัวทำให้ผมยอมละหน้าออกจากอกเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นคนที่วางมือบนหัวผมก้มลงมามองผมเหมือนกัน  รอยยิ้มบางของคนตรองหน้าทำให้ผมใจผมเต้นตึกๆ  ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ทำไหมผมถึงรู้สึกว่ารักคนตรงหน้ามากๆ 

“...รักน่ะ!” ผมบอกพร้อมกับดึงรั้งคออีกคนลงมากดจุ๊บเบาๆแล้วผละออก  ฝังหน้าลงกับอกอีกคนอีกครั้ง  เพิ่มแรงกอดเพิ่มขึ้นไปอีก  ได้ยินเสียงขำหึอยู่ใกล้ๆ  อายครับ  เขินด้วย -/////////-




TBC.

 :katai5: :katai5: :katai5:


หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.14 #By : Cencer[26/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-08-2016 22:24:53
ข้าวเมาแล้วยั่วเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย :oo1: :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.14 #By : Cencer[26/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-08-2016 23:11:14
 :L2: :L1: :pig4:

ข้าวมีแววเจ็บตัว
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.14 #By : Cencer[26/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 28-08-2016 08:38:19
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ รวดเดียวจบ

เป็นเรื่องที่feel good มากๆ

แต่ที่รอสุดๆตอนนี้คือ 3P ขอตอนหน้าเลยได้มั๊ย!!

รอตอนต่อครับ
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.14 #By : Cencer[26/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 28-08-2016 13:27:50
ข้าวน่าฟัดแฮะ น้ำเหนือทนได้งายยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.15#By : Cencer[02/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 02-09-2016 03:04:53
15   

Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


น้ำเหนือ พาร์ท

“ฮืออ...”

เสียงเครือสะอึกสะอื้นดังเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของผมเบาๆ  ผมเพียงแค่ลูบหลังกอดปลอบคนที่นั่งกอดคอซุกหน้ากับซอกคอผมแล้วร้องไห้   งง ละซิครับว่าเสียงใคร  จะใครละครับก็แมวน้อยจอมยั่วของผมไง  ใครจะไปคิดว่าเมาแล้วจะชอบยั่ว  ถ้าผมรู้ว่าเมาแล้วยั่วแบบนี้ผมจะไม่ให้แตะเหล้าเป็นอันขาดดีหน่อยที่เป็นผมไม่ใช่คนอื่น 

แต่ว่า...

สามสิบหน้าที่แล้วมันยังดีๆอยู่เลยครับ  บอกว่าจะไปห้องน้ำพอกลับมาจากห้องน้ำมันก็เดินทำนิ่งๆ ตาแดงๆ  ทรุดตัวลงนั่งข้างผมไม่พูดไม่จาอะไร   ผมเลิกคิ้วสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกคนเล็กน้อย 

“เป็นอะไร” ผมถาม  ข้าวไม่ตอบกลับเม้มปากแน่นเงยหน้าขึ้นมามองผม  ผมมองนัยน์ตาที่มีแววสั่นไหวน้ำใสๆก็เริ่มไหลออกจากดวงตาที่สบผมอยู่  ผมรู้สึกใจกระตุกไปเลย  มันรู้สึกวูบๆยังไงไม่รู้เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า 

“ร้องไห้ทำไมข้าว  ใครทำอะไร?” ผมถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน  ปล่อยให้ไปเข้าห้องน้ำเองแค่แปบเดียวกลับมาทำไมถึงเป็นแบบนี้ ใครทำอะไรข้าวผมเองก็ไม่แน่ใจ  มีอะไรเกิดขึ้นในห้องน้ำกัน  แต่ว่าตอนนี้คือผมต้องถามหาความจริงจากคนที่กำลังร้องไห้  ไม่ว่ามันจะเป็นใครผมพร้อมที่จะกระทืบแม่งให้ตายคาตีนเลย  ใครแม่งเสือกมาทำแฟนกูร้องไห้แบบนี้ว่ะ

“ใครทำบอกเหนือสิข้าว!!” ผมถามเสียงนิ่ง  ในใจก็ร้อนรุ่มจนแทบไหม้  สายตาผมจ้องมองข้าวอย่างต้องการคำตอบ  ข้าวเบ้ปากร้องไห้หนักกว่าเดิม ก่อนที่จะทำหน้าบึ้งแล้วชี้นิ้วมาที่ผม

“หะ?”  ผมขมวดคิ้วมึน งง กับท่าทีของข้าว  คือกูถามว่าใครทำแล้วทำไมชี้นิ้วมาที่ผม   สายตาตัดพ้อที่มองผมนั่นมันอะไร? 

“ฮืออ...”

ผมชี้นิ้วเข้าที่ตัวเองเพราะข้าวเอาแต่จ้องมองผมไม่ละไปไหน  ผมถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าเป็นผมหรอที่ทำให้ข้าวร้องไห้  ข้าวไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับปล่อยโฮออกมาทำให้ผมต้องรีบดึงข้าวเข้ามาก่อน  โดยที่ให้ข้าวมานั่งบนตักผม  ผมก็กอดข้าวไว้แน่นทั้งๆที่ในใจผมกำลังคิดว่าผมไปทำอะไรให้ข้าวเสียใจหรอว่ะ  คือผมอยู่เฉยๆของผมไง  กูไปทำอะไรมันตอนไหนว่ะเนี้ย   ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ผมปล่อยให้คนในอ้อมกอดร้องไห้ให้พอ  เพราะผมถามข้าวไปหลายครั้งแล้วว่าเป็นอะไรข้าวก็เอาแต่เงียบแล้วก็ร้องไห้ไม่ยอมตอบอะไร ให้ข้าวสงบก่อนผมคอยถามอีกทีแล้วกัน  พวกเพื่อนๆก็พากันมองข้าวกัน  พวกเองก็คง งง ไม่ต่างจากผม  เครื่องหมายคำถามแสดงบนหน้าพวกมันทุกคน  ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ฮาร์ทกับไอ้คินที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะยังต้องขมวดคิ้วมองแล้วขยับปากถามผม  ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบมันไป  หันมองคนในอ้อมกอดที่เอาแต่ซุกหน้าอยู่กับซอกคอผม  จนเสียงร้องไห้เริ่มหยุดลงแต่ก็ยังมีสะอื้นนิดๆพอให้ได้ยินเบาๆ

“เป็นอะไรบอกเหนือสิข้าว”  ผมกระซิบถามเสียงนุ่ม  แรงกอดที่คอแน่นขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออกแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร  ผมเงียบรอฟังคำตอบอยู่หลายนาที  ข้าวผละหน้าที่ซุกจากคอผมออกมาจ้องหน้ากับผม  ผมมองหน้าข้าวที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนแก้มของคนตรงหน้าออกแผ่วเบา 

“ร้องไห้ทำไม หืม?”

“ฮึก ฮือออ”

อ้าว...  ร้องไห้อีกแล้ว  คือผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?  ข้าวกลับมาซุกคอผมอีกครั้ง  พูดอะไรที่ผมจับใจความไม่ได้  เพราะข้าวพูด
ด้วยร้องไห้ด้วย   ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา  รับแก้วเหล้าจากเพื่อนที่ชงมาให้ 

“อึก ตัวเองรักเค้ามั้ย? ฮือ”

“หืม?”   ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่ผมกอดอยู่  เสียงพูดบ่นสะอื้นกระซิบถามอยู่ตรงซอกคอผม 

“รักเค้ามั้ย?”

“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง  เงยหน้าขึ้นมาพูดดีๆสิ”  ผมไม่ตอบแต่บอกให้ข้าวเงยหน้าขึ้นมาพูดดีๆ  ไม่ใช่ไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าวถามแต่ผมอยากรู้ว่าข้าวเป็นอะไร  แล้วทำไมถึงถามผมแบบนี้

“อืออ..” ข้าวส่ายหน้ากลับไหล่ผม 

“ถ้าไม่เงยหน้ามาคุยกันดีๆเหนือไม่ตอบนะ”

“แงงง...”

เอ้า!

“เฮ้อ...”

“ไอ้ข้าวหุบปากได้ไหม  รำคาญเว้ย!” ไอ้ฮาร์ทมันจ้องข้าวเขม็งเลยถึงเจ้าตัวจะไม่ได้หันไปมองก็เถอะ  แต่แรงสะดุ้งทำให้ผมต้องกระชับกอดให้แน่นขึ้น 

“หยุดร้องไห้แล้วมึงบอกกูมาสิเป็นเชี้ยไร  อยู่ๆมาร้องไห้เป็นบ้าหรือไงว่ะ” ไอ้ฮาร์ทยังพูดต่อปาวๆ  คือมันคงหายเมาแล้วครับ  ด่าได้ปาวๆขนาดนี้

“ใจเย็นๆไอ้ฮาร์ท  มึงอย่าเพิ่งขึ้น” ไอ้เวฟรีบห้าม  ตอนนี้พวกเพื่อนผมกลับมาอยู่รวมกันครบเหมือนเดิมแล้ว 

“เรียกร้องความสนใจรึไงมึง  ทำไมกลัวไอ้เหนือไม่สนใจมึงรึไงว่ะ  งอแงเป็นเด็กไปได้  ระวังเถอะมันจะทิ้งมึงไปมีเมียใหม่”
ไอ้ฮาร์ทยังไม่หยุดครับ  ข้าวยิ่งรัดผมมากขึ้น  เสียงร้องไห้นี่หายแล้ว  มีแต่ตัวเท่านั้นที่ยังสั่นๆอยู่  ผมจึงดันตัวข้าวออกแล้วมองหน้ากันตรงๆ  ข้าวกัดปากตัวเองมองสบตาผม 

“บอกได้รึยังว่าเป็นอะไร?” ผมถามเสียงนิ่ง 

“...” ข้าวส่ายหน้า  ผมขมวดคิ้วเป็นปม 

“ถ้าเป็นแบบนี้จะไม่สนใจแล้วนะ” ผมบอกเสียงนิ่งสุดๆ  ดันตัวข้าวให้กลับไปนั่งที่เดิม  แต่ข้าวยึดตัวผมไว้แน่น

“ไม่!!”

“...”

“เหนือจะเลิกจะข้าวใช่ไหม  ไม่ยอมหรอก  ข้าวไม่ยอมให้เหนือไปคบกับผู้หญิงคนนั้นหรอก!!!”

“ผู้หญิง?” ผู้หญิงไหนว่ะ?  หรือว่า....

“ใช่สิ  ข้าวมันไม่สวยไม่เอ็กซ์เซ็กส์แตกมีนมโตๆ ฮืออออ” 

เข้าใจแล้ว.. คือเมื่อไม่นานมีเพื่อนผู้หญิงที่เรียนด้วยกันตอนม.ปลายเข้ามาทักครับ  ไม่ได้สนิทแต่ก็รู้จักเพราะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน  ผมก็คุยด้วยเพราะรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะไม่ได้สนิท   สงสัยข้าวจะเข้ามาเห็นตอนนั้นเข้า 

“คนนั้นเพื่อนเหนือ” ผมบอก  ข้าวจะได้สบายใจ

“ไม่เชื่อ!” 

“จริงๆ  เพื่อนเรียนม.ปลาย  ห้องเดียวกัน” ข้าวมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด  เชื่อเถอะกูไม่โกหก 

“แน่? ละ แล้วทำไมต้องให้เบอร์กันด้วย”

“เผื่อนัดเลี้ยงรุ่นกัน”

“จริงนะ!”

“ครับ!” ผมรับคำหนักแน่นขึ้น  ข้าวพยักหน้าสองสามที  นี่เข้าใจผิดคิดว่าผมจะเลิกแล้วไปคบหญิงอื่นหรอว่ะ  ผมยื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้ข้าว  นึกที่ข้าวมันโวยเมื่อกี้ก็ขำออกมา  นี่หึงใช่ไหม  นอกจากเมาแล้วยั่ว   ยังเมาแล้วงอแงหนักซะด้วย 

“ขำอะไรเล่า!” ข้าวยกมือขยี้ตาตัวเอง  ก่อนมองค้อนผม

“ขำคนเมาที่นอกจากจะยั่วแล้วยังขี้หึงด้วย” ผมหยิกแก้มคนชอบยั่วเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว  ผมว่ามันน่ารักดีนะครับ  ถึงตัวผมเองจะไม่ชอบพวกตื้องี่เง่า  มันดูน่ารำคาญ  ผมจะไม่สนว่าใครจะเป็นยังไง  แต่กับข้าวผมสนทุกอย่างที่เป็นข้าว  พอผมได้รู้เหตุผลที่ทำให้ข้าว
งอแงใส่ผม  ผมว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างกนึ่งของข้าวมั้ง  แบบนี้จะไม่ให้ผมหลงได้ยังไง

“อะ อะไร  ใครหึงแล้วใครยั่ว!”

“ไม่รู้สินะ” ผมไหวไหล่  หันกลับมามองเพื่อนร่วมโต๊ะนั่งดื่มกันต่อ  ส่วนข้าวนะหรอนั่งก้มหน้าหน้าแดงอยู่บนตักผม

“เด็กว่ะข้าว” ไอ้เพียวถึงกับส่ายหน้ากับอาการของเพื่อนตัวเอง  ข้าวไม่ได้เถียงกลับแต่ยกแก้วเหล้าของผมไปดื่มรวดเดียว  อีกไม่นานคงได้เมาแอ๋อีกแน่ๆ






“ฝากดูเพื่อนกูด้วยนะมึง” 

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ  ไอ้เพียวไอ้เวฟมันคงจะไปต่อกับสาวที่มันไปสอยมาได้  ส่วนเพื่อนผมคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างจากคนในอ้อมแขนผม  เมาอีกแล้วครับ  ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเพราะต้องขับรถ  แล้วก็ต้องแวะส่งไอ้ฮาร์ทก่อนส่วนข้าวนั้นผมกะจะหิ้วกลับบ้านซักหน่อย  ไม่อยากปล่อยใอยุ่กับไอ้ฮาร์ทครับหลังจากที่เห็นพฤติกรรมที่ทำให้ผมต้องปวดหัว  เมาแล้วยั่วแบบนี้มีที่ไหนกัน  ถ้าผมทิ้งไว้กับไอ้ฮาร์ทเกิดข้าวมันลุกไปยั่วไอ้ฮาร์ทขึ้นมาทำไง  ไม่ได้ๆ  ผมไม่ยอมหรอก
ผมแวะมาส่งไอ้ฮาร์ทกลับหอ  โดยทิ้งข้าวไว้ในรถสตาร์ทเครื่องไว้ครับเพราะไอ้ฮาร์ทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย  ใจจริงไม่อยากทิ้งข้าวไว้ในรถคนเดียว  แต่ก็ต้องแบกเพื่อนกลับห้องเอามันนอนดีๆก่อน พอจัดการแบกควายขึ้นห้อง  ขอด่ามันหน่อยตัวก็หนักชิบหายยังจะดื่มหนักอีก  เฮ้ออ  ผมก็ปิดล็อกห้องให้มันแล้วรีบกลับมาที่รถที่มีคนช่างยั่วนอนหลับอยู่
ผมขับรถกลับบ้านในเวลาตีสองของวันใหม่  จอดรถภายในโรงรถของบ้าน  มีคันของแม่จอดอยู่  ดึกป่านนี้แล้วแม่คงหลับไปแล้ว  พจอดรถดับเครื่องแล้วก็หันมามองคนข้างๆที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว  คงต้องอุ้มขึ้นไปอย่างเดียว  ผมเปิดประตูรถฝั่งที่ข้าวนั่งช้อนคนตัวเล็กกว่าเดินเข้าบ้านที่มีมืดสนิทีเพียงแสงสว่างจากหน้าบ้านเท่านั้น  ผมวางข้าวไว้บนโซฟาส่วนห้องรับแขกแล้วกลับมาปิดประตูล็อกบ้าน  ตรวจเช็คเล็กน้อยก่อนจะกลับมาอุ้มข้าวพาไปนอนบนห้องผม

“อื้อ...”  เสียงครางเบาๆจากคนตัวเล็กดังขึ้นเมื่อผมวางลงบนที่เตียง  ข้าวขยุกขยิกเบียดตัวเองเข้ากับเตียงยิ้มเล้กน้อยเหมือนกับถูกใจแล้วหลับตาพริ้มนอนนิ่งๆ  ผมเดินเข้าห้องน้ำหยิบผ้าพื้นเล็กในตู้เปิดน้ำบิดผ้าพอหมาดๆกลับไปเช็ดหน้าเช็ดตัวให้คนบนเตียงได้นอนได้สบายๆ 

“..อือ! อย่ามายุ่ง!”  ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก  พอผ้าแตะหน้าปุ๊บก็เกิดเสียงครางประท้วงทันที  ข้าวเบี่ยงหน้าหนีความเย็นจากผ้าขนหนูที่ผมซับหน้าให้  แทบยังปัดมือผมทิ้งด้วย

“เช็ดหน้า เช็ดตัวก่อนจะได้นอนสบาย” ผมบอกพร้อมกับจับตัวข้าวให้นอนนิ่งๆไม่ขัดขืน 
หลังจากที่ผมเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ข้าวเสร็จก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำทำความสะอาดตัวเอง  กลิ่นเหล้าคลุ้งเลยครับ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินมาดูอีกคนที่นอนกอดหมอนข้างแน่น  ผมยิ้มกับภาพที่เห็นเหมือนเด็กน้อยเลยครับ   ผมปิดไฟห้องเหลือไว้เพียงไฟบนหัวเตียงเท่านั้น  ดึงผ้าห่มคลุมกายบางเอาไว้กันหนาวก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆห่มผ้าผืนเดียวกัน  นอนมองแผ่นหลังคนที่นอนตะแคงกอดหมอนข้าวหันหลังให้ผม  จนถึงตอนนี้ผมยังคิดว่าเหมือนกับความฝัน   เป็นฝันดีเสียด้วย  ฝันว่าได้คบกับข้าว  หึ  แต่ฝันนั้นมันก็เป็นจริงในตอนนี้  นึกถึงครั้งที่ขอข้าวเป็นแฟน  ไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรน่าอายแบบนั้นได้  ถ้าไม่ใช่ข้าวผมไม่มีวันยอมทำให้แน่ๆ

“...เทพบุตร คึๆ” 

หลับตาได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องลืมตาขึ้นมา  ผมมองคนข้างๆที่เพ้อ  คำนี้อีกแล้ว  น้ำเสียงแบบนี้  สายตาที่ปรือขึ้นมองผมแบบนี้  ใช่เลย!

“ตัวห๊อมหอม คิๆ”  ข้าวขยับเข้ามากอดซุกหน้ากับอกผมถูไถใบหน้าไปมาจั๊กจี้ครับ 

“อาบน้ำแล้วก็หอมดิ” ผมตอบกลับไป

“อืม.. หอมมากเลยคร้าบบบบบบบบบบบบ”

มือน่ะมืออยู่นิ่งๆสิว่ะ  จมูดก็ดมฟุตฟิตๆแถวๆหน้าอกผม  มือนี่ก็ลูบๆแถวหน้าท้องผม  ยั่วกันชัดๆ  เฮ้ยๆๆ  อย่าเลื่อนมือไปต่ำนะเว้ย  ผมรีบตะครุบจับมือข้าวที่เริ่มเลื่อนต่ำลงดีหน่อยที่จับทันไม่งั้น....

ฟูววว..

ผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ตอนนี้ข้าวสงบลงแล้วครับ  ผมจับให้ข้าวนอนตัวตรงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้อีกรอบ

“เฮ้ย!!”

ผมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ  คที่คิดว่าหลับแล้วกลับลุกขึ้นมาคล่อมตัวผมไว้  ผมนอนมองคนที่นั่งคล่อมทับอยู่บนตัวผมตาปริบๆ 

“..ขะ ข้าว”   ทำไมเสียงกูสั่นว่ะ  เอ่ออ..แบบนี้มันไม่ดีนะครับ  ไม่ดีต่อผมเนี้ย 

“อื้ออ เหนือ...”  ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นก็ได้  ผมข่มอาการตัวเองไว้  ในใจก็ท่องว่าอดทนๆ  แต่ดูเหมือนความอดทนผมมันกำลังจะถูก
ทำลายลงเพราะคนข้างบน  ข้าวปรือตายิ้มซะหวานมาให้ผม  รู้สึกข้างล่างมันจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วครับ 

“นะ นอนได้แล้วข้าว”  ผมบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่นเพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกให้ตื่น

“อือๆๆ  ยางงง” ข้าวยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาต่อหน้าผม

“....”

“เหนือ...”

“หื้ม?” ผมครางรับเพราะคนด้านบนเริ่มขยุขยิกบนตัวผม 

“ข้าว...” ข้าวก้มตัวลงมากะซิบที่ข้างหูผม  เสียงกระซิบแหบพร่าพาเอาสติผมเกือบหลุดถ้าไม่มีประโยคนั้นหลุดออกมาเสียก่อน

“...ปวดฉี่ แฮ่ๆ”  ยังจะมาขำอีกนะคนเรา

“ปวดก็ลุกไปห้องน้ำ”  ผมดันตัวข้าวให้ลุกออกจากตัวผม  ข้าวก็ไม่อิดออดอะไรยอมลงง่ายๆท่าจะปวดจริงๆ 

ผมยืนรอข้าวอยู่หน้าห้องน้ำคือไม่ได้เข้าไปด้วยนะครับ  มีเวลาให้ตัวเองสงบเจ้าน้องชายตัวเองที่มันมีอารมณ์เมื่อครู่ให้ลงเร็วที่สุด

“เหนืออออออออ”

“อืม”

“อยู่หนายยยย”

“รอหน้าห้องน้ำนี่ไง”

“เหนืออออ”

“ว่าไง?” 

“เหนืออออออ”

“ครับ...”

“เหนือออออออออ”   เอออมึงเรียกไรหนักหนาว่ะเนี้ย  กลัวลืมชื่อหรือไง

“เอออออ”

“ข้าว...ปวดฉี่”  ก็พามาฉี่แล้วยังไม่ได้ฉี่หรอว่ะ?

“ก็พามาฉี่แล้วไง”

“ม่ายด๊ายย”

หืม?  อะไรคือไม่ได้?

“แก้เกงม่ายด้ายย  จะราดแล้วอ่าเหนือออ”  แล้วผมควรทำไงว่ะเนี้ย  สรุปต้องไปช่วยถอดกางเกงให้เจ้าตัวด้วยใช่ไหม 

“แล้วให้ทำยัง..” 

“เรียบร้อยแล้ว”

ห้ะ? อะไรคือเรียบร้อยแล้ว  ผมยังไม่ทันได้พูดจบข้าวก็แทรกขึ้นมาก่อนบอกว่าเรียบร้อยแล้ว  แปลว่าข้าวทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วใช่
ไหม

“งั้นก็ออกมาได้แล้ว”

“...ออกไม่ได้”

“ทำไม?”  ผมยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าห้องน้ำรอข้าวออกมาจะได้พากลับไปนอนนี่ก็ดึกมากแล้ว

“เกงเปียก แหะๆ”  ข้าวเปิดประตูห้องน้ำออกมายืนยิ้มขำ ผมมองสภาพคือกางเกงข้าวเปียก  สงสัยเหมือนผมไหมครับทำไมถึงเปียก  หรือว่า...

“มันถอดไม่ทันเลยฉี่ราดไปเลย แฮ่ๆ”

“...”

อึ้ง! เลยกู  ยังมีหน้ามาขำอีก  ผมมองคนตรงหน้าที่เอาแต่ขำแห้งๆ  ยืนยิ้มคนเดียวไปได้  ทั้งๆที่กางเกงเปียกฉี่ตัวเอง  คงต้องจับอาบ
น้ำแล้วสินะ 

ผมเดินไปหยิบพาเช็ดตัวพาข้าวเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง  ที่ผมต้องเข้ามาด้วยเพราะสาเหตุเดียวครับ  ผมคงต้องเปลื้องผ้าให้ข้าวแล้วจริงๆไม่งั้นคงไม่ได้นอนแน่ๆ  ผมพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนราวแล้วเดินไปเปิดน้ำอุ่นไว้ในอ่างน้ำ   หันกลับมามองข้าวที่ยืนนิ่งมองหน้าผมยิ้มๆ  ผมส่ายหัวเล็กน้อย  ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อข้าวออกทีละเม็ดจากบนลงล่าง  ท่องในใจอีกครั้งว่าอดทนๆ  เมื่อเห็นแผ่นอกขาวเนียนของคนตรงหน้า  พยายามไม่มองส่วนหน้าอก  จนกระดุมเม็ดสุดท้าย  ถอดเสื้อออกไว้บนพื้น  ต่อไปก็ส่วนล่างสินะ  ข่มอารมณ์ไว้ครับ  ยิ่งพอเห้นหน้าท้องแบนราบตรงหน้าแล้วแบบ...  จะไม่ฉี่ราดใส่ตัวเองได้ไงเข็มขัดยังไม่ถอดเลยครับ  ผมจัดการดึงเข็มขัดถอดออกตามด้วยกระดุมกางเกง 

“เหนืออออ”

“หื้ม?” กางเกงถูกผมถอดออกแล้วเรียบร้อย  พยายามไม่มองครับ  แต่มันก็ทำไม่ได้  แอบเหล่มองนิดหน่อย  ผิวขาวชมพูระเรือเพราะ
ฤทธิ์แอลกอฮอล์  หน้าท้องแบนราบไม่มีกล้ามเนื้อหรือซิกแพ็คอย่างของผม  ไหนจะตุ่มไตสีชมพูอ่อนนั่นอีก

“..ข้าวง่วง”

“อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอน” ผมบอกหันมาปลดปราการชิ้นสุดท้ายของคนตรงหน้า  กะว่าถอดเสร็จแล้วจะรีบออกจากห้องน้ำปล่อยให้ข้าวได้อาบน้ำไป 

“เหนือจะไปรอข้างนอกนะ  เสร็จแล้วก็เรียก”  ผมบอกเมื่อพาข้าวมาแช่น้ำอุ่นในอ่างที่ผมเปิดไว้ให้ 

“อือ..เหนือออ” ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแต่เสียงข้าวก็ฉุดรั้งไว้  ผมหันไปมองคนที่นอนแช่น้ำในอ่างเห็นข้าวมองมาทางผม  ผมเลิกคิ้วว่ามีอะไร  ข้าวไม่ตอบแต่กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา

“มีอะไร หือ”

“อาบด้วยกัน”

“เหนืออาบแล้ว  ข้าวรีบอาบเถอะจะได้นอนมันดึกแล้ว”

“ม่ายย..” ข้าวส่ายหน้า  มือก็ยึดจับแขนผมไว้

“ปล่อยเถอะข้าว”  ปล่อยเถอะ  ปล่อยให้เหนือออกจากห้องน้ำไป  ปล่อยให้เหนือได้ไปสงบจิตสงบใจและสงบน้องชายตัวเอง  ถ้ายังมายื้อกันแบบนี้มันจะเป้นอันตรายต่อตัวข้าวนะ

“ฮึ! อาบด้วยกานนน” ไม่พูดเปล่า  ข้าวดันกระชากแขนผมให้เข้าไปหาตัวเองจนครึ่งตัวบนของผมไปหยุดอยู่ในอ่าง  ดีนะหน้าไม่ขม้ำจมไปกับน้ำในอ่าง  ส่วนคนทำนะหรอหัวเราะคิคักคนเดียวไปแล้ว

“เปียกแล้วมาอาบด้วยกัน”  แค่อาบน้ำด้วยกันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง  แค่นั่งกันคงละฝั่งคงไม่เป็นอะไร  แช่สักห้านาทีคอยลุกก็ได้  ผมจึงจำยอมแช่น้ำลงไปทั้งชุดแบบนั้นแหละครับ  อ่างน้ำนี่มันเล้กไปหรือเปล่าว่ะ  ทำไมตอนผมแช่คนเดียวมันถึงไม่เล็กขนาดนี้  ผมหลับตาลงนั่งนิ่งพยายามไม่มองเรือนกายบางตรงหน้า

รู้สึกเหมือนถูกจ้องแหะ  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา  สะดุ้งนิดหน่อยครับเพราะข้าวเล่นเข้ามาจ้องหน้าใกล้ขนาดนี้  มีทำตาปริบๆมองผมอีก  สงสัยอะไรหรอข้าว  แล้วทำไมรู้สึกหนักๆตรงนั้นว่ะ  ผมก้มหน้าลงมองก็พบกับมือปริศนา  คงไม่..มือข้าวไปอยู่ตรงส่วนนั้น  เออส่วนนั้นแหละ 

“หลับในห้องน้ำไม่ดีเลย”

อึก!   อย่ากดมือลงมา  ผมถึงกับเสียวหวาบเลยครับ  เมื่อข้าวกดมือที่อยู่ตรงส่วนนั้นลงแรง 

“ง่วงก็ไปนอนสิเหนือ”  จะไปได้ไงยังไงในเมื่อตัวเองทับน้องน้อยของผมอยู่

“ขะ ข้าวเอามือออกก่อนได้ไหม” 

“หื้ม  มือ? ทำไมหรอ”  ยังมีหน้ามาทำหน้าสงสัยอีก  มันน่านัก  แล้วขอร้องอย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมข้าว  เดี๋ยวจะทนไม่ไหวนะเว้ย 
ผมจึงใช่สายตามองลงล่างบอกแทนคำพูด  ข้าวมองตามก่อนที่จะเงยหน้ามามองผมสลับกับส่วนนั้น 

“อึก..ขะ ข้าว”

“หึๆ”  บอกให้เอามือออกไม่ใช่ให้มาลูบให้มันตื่น  นี่แกล้งเมารึเปล่าว่ะ  ผมกัดปากครางซี๊ดเมื่อมือของข้าวจากที่ลูบๆคล้ำๆข้างนอกเปลี่ยนล้วงเข้าไปจับข้างในกางเกงนอนผมแทน…ไม่ทนแล้วเว้ย 

“อย่ามาโทษกันทีหลังนะข้าว” 

จบประโยคผมจับมือข้าวที่จับน้องน้อยของผมออกจับพลิกคล่อมตัวข้าวเอาไว้  ข้าวดูจะตกใจกับปฎิกิริยาของผมไม่น้อย  ไม่รอให้ช้าครับ  ผมเบียดปากตัวเองกับปากข้าว  ข้าวสะดุ้งเบิกตากว้างคงเพราะตกใจจู่ๆผมก็จู่โจมกะทันหัน  ยั่วเองนะผมไม่รับผิดชอบ  ...
ผมบดจูบรุนแรงตามอารมณ์ดิบของตัวเองกับอีกคน  สอดลิ้นคว้านทั่วทั้งปาก  ดูดดึงยอกล้อลิ้นเล็กให้เคลิ้มตามผม  ข้าวตอบสนองจูบของผมอย่างเร่ร้อนไม่ต่างกัน  อาจจะเพราะมึนจากแอลกอฮอล์อยู่แล้วมาโดนผมจูบแบบกระชากวิญญาณแบบนี้สติที่มีไม่เต็มอาจจะหายไปบ้าง  ผมถอนปากออกเลื่อนมาซุกไซร้บริเวณซอกคอสลับกับดูดเม้มสร้างรอยรัก  ตีตราเป็นเจ้าของว่าร่างกายนี้เป็นของผมเพียงคนเดียว  เสียงครางหวานจากคนใต้ร่างเป็นตัวกระตุ้นผมอย่างดี  มือก็ลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าของอีกคน ผมขบเม้มสร้างรอยเรื่อยๆจนมาหยุดตรงส่วนหน้าอก  ผมมองตุ่มไตตรงหน้าที่กำลังเชื้อเชิญให้ผมได้ลิ้มลองมัน  ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง  ก่อนจะตัดสิ้นใจลากลิ้นเลยเม็ดตุ่มไตนั้น

“อ๊ะ อื้ออ” 

ข้าวแอ่นหน้าอกเข้ามาหาผมอย่างลืมตัว  พอกินข้างนี้หน่ำใจแล้วผมก็เปลี่ยนข้างสลับกับใช้นิ้วบดคลึงมันไปด้วย  ได้ยินเสียงครางแผ่วเบาจากคนข้างล่างแล้วน้องน้อยผมยิ่งตื่นตัวมากขึ้น  ตอนนี้มันกำลังปวดหนึบมากๆ  มันคงพร้อมใช้งานแล้ว  แต่นี่เป็นครั้งแรกของข้าวผมจึงอยากนุ่มนวลไม่อยากให้ข้าวต้องเจ็บ  มือผมก็ทำหน้าที่ฟ้อนเฟ้นร่างกายของคนข้างล่าง  ผมบีบส่วนสะโพกนิ่ม  เจ้าตัวมีสะดุ้งเล็กน้อย  ผมจึงขึ้นไปกดจูบแลกลิ้นกับข้าวอีกครั้ง  มือก้ทำหน้าที่ของมันไปอย่างดี

“ยั่วดีนัก”

ผมถอนปากออกกระซิบเสียงพร่าบอกอีกคนชิดริมฝีปาก แล้วกดเบียดลงอีกครั้ง  ผมจับขาข้าวกางออกโดยจับขาข้างหนึ่งพาดไว้กับขอบอ่างแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง  ปากก็จูบไม่ปล่อยให้อีกคนได้พักหายใจ  ลมหายใจขาดห้วงของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้ว่าข้าวก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“เจ็บหน่อยนะ” ผมถอนปากมากระซิบเสียงแหบพร่าบอกชิดริมหู  ผมสอดนิ้วหนึ่งนิ้วเข้าไปในช่องทางที่ถูกปิดแน่นไม่เคยมีใครได้ล่วง
ล่ำเข้าไป  ผมเป็นคนแรกแน่นอน

“อึก !  อ๊ะ” ข้าวสะดุ้งดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น  แค่นิ้วเดียวยังรัดแน่นขนาดนี้  ผมยังไม่ขยับนิ้วแค่แช่ไว้เท่านั้น  ก้มไซร้ซอกคอให้ข้าวได้ผ่อนคลายซักพักผมก็เริ่มขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ

“อื้อออ” เสียงครางหวานดังอยู่ใกล้หูผม  ผมคลอเคลียที่แก้มเนียน  เพิ่มนิ้วที่สองและสามเข้าไปติดๆกันเพื่อที่จะขยายช่องทางให้
พร้อมสำหรับส่วนนั้นของผม

“อ๊า..นะ เหนือ เสียว...”  ผมตวัดลิ้นเลียตุ่มไตขมกัดเบาๆให้รู้สึกเสียวเล่นๆ นิ้วก็ขยับเข้าออกถี่  เสียงครางดังไม่ขาดสายให้ได้ยิน  ผมทนไม่ไหวแล้ว  ตอนนี้ข้าวน่าจะพร้อมสำหรับผมแล้ว  ผมถอนนิ้วออกแล้วลุกถอดเสื้อกับกางเกงออก  กลับไปประจำตำแหน่งเดิม 

“ทนหน่อยนะข้าว  เจ็บแปบเดียว” ผมกดจูบบนหน้าผากเนียนที่มีเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย  ทั้งๆที่แช่น้ำแท้ๆแต่กลับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก
ผมถูกไถส่วนกลางลำตัวของตัวเองกับช่องทางที่เบิกทางไว้แล้วก่อนที่จะจ่อมันเข้าไป  ค่อยๆดันเข้าไปทีละนิดๆ  เสียงครางพร้อมกับแรงบีบรัดทั้งๆที่เข้าไปได้นิดเดียว  ข้าวมีการเกร็งจนผมไม่สามารถที่จะกดดันมันเข้าไปได้  ผมค้างไว้แบบนั้นแล้วหันมาเบียดจูบสลับกับซุกไซร้จนพอข้าวผ่อนคลายลงจึงดันเข้าไปทีเดียวมิดด้ามเลย  ข้าวอ้าปากค้าง  ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา  มองผมตาเชื่อม

“อ๊ะ จะ เจ็บ” ข้าวครางบอกผมเสียงแผ่ว  ผมยังไม่กลาขยับแช่ค้างไว้แบบนั้นให้ข้าวหายเกร็งก่อน  แค่นี้ข้าวยังเจ็บเลยครับ  ผมจึงหันมาขบเม้มกัดเลียอยู่บริเวณหน้าอกรอให้ข้าวได้ผ่อนคลายแล้วค่อยขยับสะโพกเข้าออกเนิบๆช้าๆ  ผมไม่อยากให้ข้าวมีครั้งแรกที่เจ็บปวด  ถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ซวยจะเป็นผมเพราะข้าวคงไม่ยอมที่จะให้ผมอีกครั้งแน่ๆ  ตอนนี้ระวังไว้ก่อนแล้วกัน  อย่ามองว่าผมชั่วช้าละ  ก็เด็กมันยั่วผมก็เลยต้องจัดซักหน่อย  ฮา...

“อ๊า...”  ผมครางเสียงต่ำออกมา  จากจังหวะที่เนิบนาบตอนนี้เพิ่มแรงกระแทกกระทั้นมากขึ้น

“อ๊ะ อื้อ”

ผมจับขาข้าวมาพาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็จับอ้าออกไว้บนขอบอ่างกระแทกตัวตนเข้ากับช่องทางอีกคนรัวเร็วตามแรงอารมณ์  มันทั้งคับแน่น  แรงเสียดสีแรงบีบของช่องทางทำผมแทบทะลักออกมา  ข้าวครางตามจังหวะกระแทกตัวของผม  ผมจับแขนข้าวให้มาคล้องคอไว้ยึดเหนี่ยวร่างกายที่โรยแรงเอาไว้ 

“อ๊า ข้าว” 

ข้าวกัดลงบนลาดไหล่ผมจนรู้สึกเจ็บแต่ความรู้สึกเสียวมันมีมากกว่า  รู้สึกถึงแรงกระตุกจากคนข้างล่าง  เสร็จหนีผมไปแล้วสิ

“อ๊า อื้ออ อ๊ะๆ” ผมรัวสะโพกเข้าใส่เต็มกำลัง  เพราะรู้สึกถึงมวลสารที่มันวิ่งผ่านแกนเตรียมที่จะออกมาลืมตาสู่โลกภายนอก  ?  เสียงครางของข้าวดังลั่นห้องน้ำ  ผมกระแทกอีกสองสามทีก็ปลดปล่อยออกมาเข้าสู่ร่างกายของคนตรงหน้า

“..อ๊า” 

ผมหอบหายใจไม่ต่างจากคนใต้ร่าง  ผมยังไม่ถอดถอนสิ่งที่เชื่อมร่างกายเราสองคนไว้ด้วยกัน  รอบเดียวผมไม่อิ่มหรอกครับ  แต่ดุเหมือนคนใต้ร่างผมจะไม่ไหวนะครับ  ข้าวปรือตาขึ้นมามองผม  ผมกดจูบบนกรีบปากที่บวมแดงเบาๆ  ส่วนล่างก็เริ่มขยับอีกครั้ง

“มะ ไม่ไหว อ๊ะๆ”

“อีกรอบนะข้าว” ผมกระซิบบอกเสียงพร่า  คือไม่ไหวจริงๆครับ 
แรงบีบรัดที่ดูเหมือนจะเรียกร้องให้ผมเชิญชวนให้ผมกระแทกตัวใส่มันแรงๆ  ผมไม่รอช้าสอดใส่สะโพกไม่ยั้งแรง  เสียงครางหวานก็มีมาไม่ขาดสายจนปลดปล่อยไปอีกรอบ  ผมจึงยกอุ้มข้าวออกจากน้ำ  แช่นานไม่ได้ครับเดี๋ยวเปื่อยและไม่สบายเอา  ผมอุ้มข้าวออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันเอาไว้อยู่  ผมวางข้าวไว้บนเตียงซุกไซร้ขบเม้มสร้างรอยตรงส่วนที่คิดว่ายังมีที่ว่างอยู่  สลับเปลี่ยนท่าให้ข้าวนอนคว้ำหน้าแล้วยกสะโพกกลมกลึงขึ้นมาสอดใส่ตัวตนตัวเองเข้าไปอีกครั้งก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักบนเตียงนุ่มอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“อ๊ะๆ เหนือ”

“อืม..”  มือผมก็บีบคลึงสะโพกกลมจนขึ้นรอบแดงจากน้ำมือผมเอง  แผ่นหลังที่เคยเนียนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยที่ผมสร้างมันไว้เองทุกอย่าง 

“อ๊ะๆ อ๊า..”

“ทำไมไปไม่เคยรอเลยนะข้าว”  เพราะอีกคนไปถึงฝั่งฝันก่อนทุกรอบผมจึงรัวสะโพกตามไปให้ติดๆ  ไม่นานก็ฉีดพ่นน้ำคาวเข้าสู่ร่างอีกคนที่รองรับมันอยู่แล้ว    ผมทิ้งตัวลงทับร่างข้าวเอาไว้  ข้าวหอบหายใจหนัก   ซักพักผมดึงตัวตนของตัวเองออกจากอีกคน  ข้าวสะดุ้งเล็กน้อยปรือตามองผม  จะหลับแล้วยังจะพยายามตื่นมามองผมอีก  ผมยิ้มบางให้อีกคน  กดจูบบนหน้าผาก เลื่อนมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง  ลงมาที่แก้ม แล้วหยุดลงที่ริมฝีปากบวมเจ่อที่ไม่ว่าจะลิ้มลองชิมมันทุกรอบก็ไม่มีเบื่อ 

“นอนเถอะข้าว  จะเช้าแล้ว” ผมทิ้งตัวลงนอนข้างกาย  ดึงข้าวเข้ามากอดไว้ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเราทั้งคู่เอาไว้  ข้าวขยับตัวเข้ามาซุกอกผมไว้ไม่นานก็หลับไปรู้สึกจากลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ  คงเหนื่อย  ทั้งดื่มหนักไหนจะมาเจอศึกหนักจากผมอีก  ผมเองก็เริ่มไม่ไหวเหมือนกัน

“ฝันดีครับ  คนขี้ยั่ว”  ผมจูบหน้าผากข้าวอีกครั้งดึงข้าวกอดให้แน่นขึ้นแล้วหลับตาลงเตรียมเข้าสู่นิทราตามอีกคนไป  สรุปผมได้กินข้าวไปสี่รอบ  ห้องน้ำสอง  บนเตียงสอง  อิ่มครับ  หึๆ




TBC..

ืnc  ไม่ถูกใจต้องขออภัยด้วยนะค๊าาาา 
นุ้งข้าวเสร็จพี่เหนือแล้ว  ยั่วดีนัก หึๆ
   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.15#By : Cencer[02/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-09-2016 13:54:22
ข้าวเมาจริงใช่ไหม :hao6: :hao6:
มีฉี่รดกางเกงอย่างกับเด็กเลย
เหนือกินข้าวตั้ง 4 รอบ อิ่มเลยเนอะ :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.15#By : Cencer[02/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-09-2016 16:56:30
โอยยยยยย 4รอบ อึดถึกทนมากค่าาาาา  :haun4:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.15#By : Cencer[02/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 03-09-2016 17:48:52
คู่รองน่าลุ้น
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.15#By : Cencer[02/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-09-2016 07:41:57
เสร็จน้ำเหนือจนได้ ว่าต่อมาขนาดนี้รู้ตัวใช่ไหมข้าว?
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.16#By : Cencer[30/06/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-06-2017 18:14:06
   16                                                                                                                                         
Boyfriend เพื่อนรัก...รักเพื่อน


[/b]

กริ๊งงงงงงงงง........



เสียงไรว่ะ?



กริ๊งงงงงง.....



เหี้ยรำคาญเว้ย!



กริ๊งงง...



คนจะหลับจะนอน  ใครมันมาทำเสียงดังรบกวนคนหลับแบบกูเนี้ย



“โว๊ยรำคะ...”



เฮือก !



“โอ๊ยยยย!!!!” 



จะ .. เจ็บ  ในสมองผมในตอนนี้คิดได้คำเดียวว่าเจ็บ  และมันโคตรจะ โค ตะ ระ เจ็บเลยครับ  กะอีแค่ลุกขึ้นนั่งเพราะหงุดหงิดเสียงแหลมๆของอะไรซักอย่าง  มันกลับทำให้ร่างกายผมชาดิกไปเลยหรอ  รู้สึกเจ็บและปวดๆบริเวณสะโพกน้อยๆของผมมากๆ  น้ำตาแทบไหล T^T



กริ๊งง...



ผมมองไปยังที่มาของเสียงเป็นเสียงจากนาฬิกาปลุกที่อยู่ข้างหัวเตียงผมเลยเอื้อมมือจะไปคว้ามันมาปิด  แต่มันก็ช่างยากลำบากกับร่างกายอันแสนเจ็บปวดของผมในตอนนี้เหลือเกิน  ทรมานเหมือนร่างกายมันแตกเป็นเสี่ยงๆ



ฮึบ ..



ได้แล้ว  ผมคว้าเอาเจ้าเสียงแหลมนี่มากดปิดได้แล้ว  เฮ้ออ  พอเสียงที่ดังรบกวนประสาทหูเงียบลง  ก็อยากที่จะล้มตัวลงนอนอีกซักรอบ  ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการนอนของผมแล้ว  ผมล้มตัวลงนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ แต่...



พรึ่บ !



“อ๊ากกกก!”



และเสียงกรี๊ดร้องผมก็ดังอีกรอบ  ลุกเร็วไปหน่อยเพราะตกใจกับสิ่งรอบกาย  คือมันไม่ใช่ห้องผมแน่นอน  คุ้นๆเนอะ  แหะๆ  ผมกวาดสายตามองรอบห้อง  อืม...ใช่เลย



“ตื่นแล้วหรอข้าว”   ผมหันมองคนยืนกอดอกพิงกรอบประตู  จะใครละครับก็เจ้าของห้องไง  ผมเพียงครางรับในลำคอตอบกลับไปเท่านั้น  ยังรู้สึกปวดๆที่บันท้ายอยู่เลยครับตอนนี้  ในสมองกำลังประมวลผลว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  ทำไมอยู่ๆตื่นเช้ามาก็ปวดแทบขาดใจ  แล้วไหนจะอาการปวดหัวที่เริ่มรู้สึกขึ้น   พอเริ่มหายปวดตัวละปวดหัวทันที  โว๊ยยย !! แฮงค์ ! ไม่น่าดื่มหนักเลย T^T



“ฮืออออออ”  ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่นห้อง  คือปวดหัวจนแทบไม่ไหว  อาการพะอืดพะอมเริ่มตีรวน  ไม่น่าเลย...



“เป็นไรรึเปล่าข้าว!” น้ำเสียงเป็นห่วงพร้อมกับร่างกายที่ก้าวเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงที่ผมนั่งปล่อยโฮอยู่



“ฮึก  ปวดหัว งื้อออ”



แรงยวบของเตียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองน้ำเหนือที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  มือก็ยกทาบกับหน้าผากของผมก่อนจะเลื่อนลงมาสัมผัสแผ่วเบากับแก้มผมที่มีคราบน้ำตาเขรอะเต็มหน้า



“ปวดมากรึเปล่า?”



“อื้อๆๆ”  ได้แต่พยักหน้ารับ  น้ำตาก็ไหลพรากๆเหมือนกับคนขี้แย   เวลาป่วยผมมักจะงอแง  ร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อะไรนิดๆนี่ผมร้องหมดอ่ะ  เคยนอนซมเพราะตากฝนตอนทำกิจกรรมของคณะครั้งหนึ่ง  จำได้เลยครับวันนั้นไอ้ฮาร์ทมันขัดใจผม  ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ผมนี่ร้องไห้อย่างกับใครเสีย



“งั้นเดี๋ยวเหนือมานะ”



“เหนือจะไปไหน?”  พอผมเห็นน้ำเหนือกำลังจะลุกออกจากเตียงผมรีบคว้าแขนมาจับไว้  ไม่ให้ไปโว้ยยย อยู่กับข้าวก่อนนะเหนืออ  ฮืออออ



“เดี๋ยวไปบอกให้แม่ทำข้าวต้มให้ ข้าวจะได้กินยาไง  ปวดหัวไม่ใช่หรอ”



“ฮือออ อื้ออ  ปวดทั้งหัว ปวดทั้งตัวเลย T^T”  ผมบอกแล้วปล่อยโฮออกมาอีกรอบ คือมันปวดหัวจี๊ดๆ  ปวดตัวแบบทรมานเหมือนจะตายย  ตื่นมาผมก็ยังอยู่บนเตียงไม่ได้ละเมอจนนอนตกเตียงซะหน่อย  แต่ไหงตื่นมารู้สึกทรมานแบบนี้  เมื่อคืนผมไปทำอิท่าไหนไว้ว่ะถึงได้ตื่นมาละปวดตัวขนาดเน้…  น้องข้าวยังไม่อยากตายยยยยเพราะร่างกายนั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหว  เออแล้วกูมีแผลตรงไหนปะว่ะ  ต้องหาดู



พอคิดแบบนั้นผมจึงหาสาเหตุของอาการปวดตัวของตัวเอง  แต่พอขยับทีนี่ถึงกับอ้าปากค้างไปเลย เจ็บจนร้องออกมาเป็นเสียงไม่ได้ไง  ฮืออออออ  แล้วน้องข้าวคนนี้จะรู้สาเหตุของอาการเจ็บปวดตามร่างกายได้เยี่ยงไร



“โอ๊ยยย  เจ็บโว้ยย!!”  ตะโกนแม่ง  !  พอขยับจะเลิกเสื้อขึ้นเพื่อจะเปิดดูก็เป็นอันต้องร้องออกมา  ซึ่งเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นของน้ำเหนือนะครับไม่ใช่ของผม แต่ขยับแค่นิดเดียวเองนะครับ  ย้ำว่านิดเดียว  เจ็บมากกกกกก



“ทำอะไรน่ะข้าว  เจ็บแล้วจะขยับตัวทำไม?”  น้ำเหนือถามผมอย่างเป็นห่วง  คิ้วขมวดหนักกว่าเดิมอีกครับ



“ก็จะได้รู้ไงว่าทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้  เจ็บจะตายอ่ะเหนืออ  แล้วที่เจ็บที่สุดก็บริเวณสะโพกเนี้ย  โอ๊ยยยมันทรมานมากอ่ะเหนือ  จะลุกก็โอ๊ยย  จะยืนก็แทบไม่ไหว  ฮือออ  ช่วยข้าวด้วยข้าวไม่รู้เป็นไรข้าวกำลังจะตายใช่ไหม  ข้าวยังไม่อยากตาย  ไม่ๆๆๆ  ต้องไม่ตายย  แล้วข้าวเป็นอะไร  ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดเน้  ปะ เป็…”



“ใจเย็นก่อนข้าว  ใจเย็นๆน่ะ”



“ฮืออออ  ข้าวกำลังจะตายใช่ไหมเหนือ  ใช่ไหมม”



“…”  น้ำเหนือไม่ได้ตอบแค่มองหน้าผมนิ่งๆ  ผมกำลังจะตายจริงๆสินะ  ทำไมน้ำเหนือตอบผมไม่ได้ละ  ทำไม!!



“เหนือ  ข้าวฝากดูแลพ่อแม่ของข้าวด้วย”  กูต้องรีบฝากครับ  จะตายแล้วพ่อแม่ยังไม่สุขสบายเลย  ขอโทษอิพ่ออิแม่หลายที่ลูกยังไม่สามารถทำให้อิพ่ออิแม่สบายได้   ลูกเป็นลูกที่ไม่ดีเลย  จะบเรียนจบคว้าใบปริญญาให้ก่อนตายก็ยังทำไม่ได้  น้องข้าวขอโต๊ดดดด



“เอ่อ..”



“รับปากกับข้าวนะ  ว่าจะดูแลพ่อกับแม่ข้าวให้  อึก ฮืออออเจ็บบ!!”  ผมขยับตัวไปใกล้น้ำเหนือหวังจะกอดครั้งสุดท้าย แต่ขยับทีก็เจ็บ



“ข้าวคือ…”



“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  ข้าวรู้ข้าวอยู่ได้อีกไม่นาน  ขอกอดเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมเหนือ”   น้ำเหนือดูจะ  งง  แต่ก็ยอมกอดผมไว้  ผมปล่อยโฮออกมา  สวรรค์ช่างใจร้ายทำไมทำกับผมแบบนี้ ผมพึ่งจะได้เป็นแฟนน้ำเหนือเองนะครับ  ทำไมท่านถึงได้ให้เวลาเรารักกันสั้นขนาดนี้  ผมไปทำกรรมอะไร  ไหนพูดสิ  พูด!  เอ่ออไม่ต้องพูดก็ได้เดี๋ยวจะช็อกตายก่อนถ้ามีเสียงโพล่งขึ้นมาจริงๆ  น้องข้าวเจ็บป๊วดดดด  อ่ะเฮือกกก



“เพ้อพอรึยัง จะหยุดร้องได้ยังข้าว”



“..ฮึก”  น้ำเหนือผละออกจากกอดครั้งสุดท้ายของเรา  ผมมองด้วยความไม่เข้าใจทำไมถึงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจแบบนี้  ไหนจะหน้าตาที่กำลังมองผมอย่างกับปลงๆอะไรซักอย่าง  อะไร  หมายความว่าไง  เพราะผมกำลังจะตายใช่ไหมน้ำเหนื่อยถึงทำท่าแบบนี้  ใช่สินะ  ใจร้ายย  ผมมองอย่างตัดพ้ออ  น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอีกรอบ



“เฮ้ออออ”  ถึงกับต้องถอนหายใจเลยหรอ  ใจร้าย  คนบ้าคนผีทะเล!



“..อึก ฮืออ”  ได้แต่กัดปากกัดเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกไป



“ข้าว  จำอะไรไม่ได้เลยหรอ?” น้ำเหนือถาม  จำอะไร  ทำไมต้องจำ? ผมกระพริบตาปริบๆไล่น้ำตาที่ไหลออกให้หมดไปเพื่อที่จะได้จ้องหน้าน้ำเหนืออย่างชัดเจน



“จะ จำอะไร?”   ผมถาม  เพราะผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ  จำได้ก็แค่ตอนที่ดวลเหล้ากับเพื่อนกับพวกไอ้คินไอ้ฮาร์ทนั้นแหละ  หลังจากนั้นสติก็พร่าเลือนหายไปหมด  ตื่นมาก็มีสภาพแบบนี้แหละครับ



“นี่ข้าวจำไม่ได้จริงๆหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง”



“ละ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละ  เหนือก็บอกข้าวสิ”  เห็นหน้าเหนือมันนิ่งไป ใจน้องข้าวนี่ก็ไม่ดีไปแล้วครับ  เมื่อคืนเกิดไรขึ้นก็บอกมาเส่ !  อย่ามาทำหน้านิ่งใส่แบบนี้  น้องข้าวไม่ชอบ  น้องข้าวกลัววว



“…”



“เหนือบอกข้าวสิ  ข้าวจะได้จำได้  ที่สมองจำได้ตอนนี้ก็แค่ตอนที่กำลังดวลเหล้ากับพวกไอ้ฮาร์ทเท่านั้น”  ผมจับมือน้ำเหนือไว้  เห็นหน้าน้ำเหนือเหมือนผิดหวังผมก็รู้สึกผิดไปด้วย  ในหัวผมก็ยังไม่คิดไม่ตกว่าเมื่อคืนเกิดไรขึ้นบ้างว่ะ  แต่ก็คิดไม่ออก  เมาหนักไงครับจะฟื้นความจำนี่ก็ยากหน่อย



“ครั้งแรก”



ครั้งแรก?



มันคืออะไร บอกมาแค่ครั้งแรก  แบบนี้ผมจะรู้ไหมว่าครั้งแรกที่หมายถึงมันคืออะไร?  น้ำเหนือครับ น้องข้าวหอมขอประโยคยาวๆหน่อยได้ไหม  สั้นๆสองคำแบบนี้น้องข้าวไม่สามารถตรัสรู้ได้ครับ



“คะ  ครั้งแรกอะไรหรอ นะ เหนือ…”  เออพอถามไปอีกหน้านี่ยิ่งนิ่งใหญ่  สายตาที่จ้องตอนนี้ทำให้ผมต้องนึกให้ออกเร็วๆก่อนที่จะตายเพราะคนตรงหน้าไม่ใช่เพราะอาการที่ปวดหัวปวดตัวอีกต่อไป  คิดสิข้าว  ไมมึงจำไรไม่ได้เลยว่ะ  คิดออกสิว่ะ!



“ครั้งแรกของเราสองคน**!”** ว่าจบน้ำเหนือก็ลุกอกจากเตียงเดินไปยังประตูห้อง  ทิ้งผมให้คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน



ครั้งแรก…



ครั้งแรกของ..



ครั้งแรกของระ  เรา…



ครั้งแรกของเรา  สะ สอง..



ครั้งแรกของเราสองคน!!!



เอ้อออ  จำได้แล้วกูจำได้แล้วววววววว !!!  ภาพในหัวของผมออกมาเป็นฉากๆเลยครับ  อะไรมันจะชัดขนาดนี้  ชัดระดับเฮชดีเลยเว้ยย  ทั้งในห้องน้ำ ละ และบนเตียงนี่  อื้ออออมันชัดมากกกก  ครั้งแรกของเราสองคนจริงๆครับ  โอ๊ยยจะอายหรือจะเขินดี  พอจำได้แล้วผมก็หันไปมองยังประตูห้องที่น้ำเหนือยังไม่ได้เปิดออกไป



“นะ เหนือ..”  ผมเรียกอีกคนเสียงแผ่วว  เข้าใจแล้วว่าน้ำเหนือนั้นรู้สึกยังไง  คงรู้สึกไม่ดีมากแน่ๆ  น้องข้าวหอมขอโต๊ดดดดดดด



“คิดออกเมื่อไรก็โทรหาเหนือแล้วกัน  เหนือจะรออยู่ข้างล่าง”



ปัง!!!



เฮือกก!! T^T



น้ำหนือพูดจบก็เปิดประตูพร้อมกับปิดมันด้วยเสียงดังปังเหมือนเสียงปืนลั่นอ่ะครับ  ไอ้ผมก็สะดุ้งเลยดิ  หุ้วววน้ำเหนือดูจะโกรธผมจริงๆนะครับ  เหนือจ๋า  ข้าวไม่ได้ตั้งใจลืมจริงๆนะ  แค่ข้าวจำไม่ได้เอ๊งงงง  เรื่องเล็ก?  เออไม่เล็กหรอก  เป็นผมถ้าลืมครั้งแรกของเราสองคนก็โกรธเหมือนกันละว่ะ  ฮือออ  ไอ้อาการปวดหัวปวดตัวเหมือนจะหายวับไปชั่วขณะ  คิดแค่ว่าทำไงน้ำเหนือถึงจะหายโกรธผม  ง้อไงดีว่ะครับ  น้องข้าวควรทำไงดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!



.

.

.

และแล้ววกระผมนายข้าวหอมก็ได้มานั่งแหมะอยู่ยังชั้นล่างของบ้านที่มีเจ้าของบ้านหน้านิ่งพูดน้อยแต่เสือกหล่อ   เออ  อวยหน่อยเผื่อไอ้อาการหายโกรธหายงอนจะพอได้ทุเลาลงให้ข้าวหอมคนนี้บ้างงงงงง  …



นับตั้งแต่ที่ผมคิดออกภาพความทรงจำต่างๆเมื่อคืนได้พรั่งพรูออกมาดั่งท่อปะปาแตกนั้น  ผมจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะหัวเตียงมากดจึกๆเพื่อโทรหาท่านเทพบุตรสุดหล่อของผม  มีลีลาเล่นตัวไม่รับสายด้วยนะครับ  กว่าจะรับก็ปาไปแล้วเจ็ดสาย  เออดูมันดิ๊  คนจะง้อแล้วมาทำเป็นเล่นตัว  ข้าวรู้ข้าวผิด  แต่ข้าวก็ต้องการโอกาสไหมละ  อ่ะโด่ววเดี๋ยวพ่อไม่ง้อเลย  อ่ะล้อเล่นครับถ้าไม่ง้อจะเป็นน้องข้าวนี่แหละร้อนรนเอง  ก็นั้นแหละครับพอสายที่แปดพี่ท่านถึงได้รู้สึกว่าต้องรับสายแฟนตัวเอง(นั้นก็คือกูนี่แหละ)  รับสายก็ไม่พูดอะไรน่ะครับ  เงียบครับ  เงียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจคิดว่าคงลาโลกไปแล้ว  ฮ่าๆๆ  ตลกอีกละกู  เออนั้นแหละครับผมจึงเป็นคนทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างสองเราให้กับมามีเสียงพูดคุยกันขึ้นมาอีกครั้ง



“ฮัลโหล  หกโหล  เจ็ดโหล…”



“…”  เงียบกริบได้ยินแม้กระทั่งมดตด?  อ่ะงั้นเปลี่ยนมุกใหม่



“สวัสดีครับที่นั้นที่ไหนแล้วนี่ใครโทรมา”



“**…”  ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาด้วยครับ



“แหะๆ  เหนือจ๋า”  ผมว่าผมไม่ควรเล่นมากอ่ะเนอะ  เขายังรมณ์บ่จอยอยู่ไปกวนมากๆเดี๋ยวมีน้ำโหใส่  พอตรัสรู้ได้น้องข้าวจึงรีบบอกว่า.. “เหนือจ๋า  ข้าวหอมคนนี้จำเรื่องเมื่อคืนได้แล้ว  จำได้ชนิดระดับภาพเฮชดีเลยจ้า  ทั้งเสียง  ทั้งภาพ  มาเต็ม  จะเป็นท่าไหนน้องข้าวก็จำได้หมดแล้วจ้ะเหนือจ๋า  ได้โปรด…ฮึก  ยกโทษให้ข้าวด้วยที่ได้ลืมครั้งแรกที่แสนวิเศษของเราไป  เหตุเพราะข้าวเมาสมองเลอะเลือน  วอนคุณแฟนช่วยเห็นใจ  น้องข้าวนี่ยอมรับผิดทุกอย๊างงงงง…”



และก็เพราะเหตุฉะนี้ทำให้ผมถึงได้ลงมายังข้างล่างได้ โดยที่มีคุณแฟนที่มีนามว่าน้ำเหนือนั้นขึ้นไปรับและยังปรนนิบัติผมดีอีกด้วยนะครับ  ทั้งอุ้มพาไปอาบน้ำ  ซึ่งผมบอกจะอาบเองแต่พอเจอสายตาดุๆผมจึงยอม  แล้วก็ตอนที่ผมจะแปรงฟัน  ก็เหมือนเดิมครับคุณแฟนที่แสนดีก็เป็นคนแปรงให้  โดยที่พูดกับผมประโยคสั้นว่า “อ้าปาก” เออเอากับเขาสิ  ผมก็ยอมทำตามทั้งๆที่มือกูก็มี  ไม่ได้พิการอะไร  เจ็บไหมก็ไม่  พอทำธุระในห้องน้ำเสร็จตัวผมก็ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่พร้อมกับอุ้มผมมานั่งตรงโซฟาทรงกลมในห้องแต่งตัว  คุณแฟนผมก็ไปจัดการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้  แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันแต่ผมก็มองเห็นถึงความห่วงใย  ทั้งๆที่งอนผมอยู่อ่ะนะยังดูแลดีขนาดนี้  โห้ยยแฟนใครว่ะโคตรดีเลยย    แต่งตัวเสร็จก็โบ๊ะครีมโบ๊ะแป้งให้หอมฉุ้ยเลยครับ  เสร็จก็อุ้มเดินลงมายังชั้นล่างหาข้าวหาน้ำหายาแก้ปวดทุกชนิดให้กิน  จนเสร็จสิ้นภารกิจคุณแฟนของผมจึงลดละเลิกที่จะเข้ามาเกี่ยวกับตัวผมจนถึง  ณ ตอนนี้แม่งไม่เดิน  ไม่คิดจะนั่งมาเฉียดเลยด้วยซ้ำ  อะฮึก  น้องข้าวไม่รู้จะทำยังไงดี  ชวนคุยก็แล้วก็ยังไม่สนใจเลย  น้องข้าวเจ๊บป๊วดดด



“เหนืออจ๋า”  ประโยคเดิมถูกพูดขึ้นมาอีกครั้ง  ผมเรียกน้ำเหนือที่นั่งดูรายการสารคดีทางทีวีโดยไม่คิดจะหันมาสนใจผมที่นั่งไม่ใกล้ไม่ไกล  ไอ้ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมันก็แค่คนละโซฟาเองครับ  ผมนั่งโซฟาตัวยาว  ส่วนน้ำเหนือนั่นนั่งตัวสั้น  คือกะแบบไม่ให้กูเดินเข้าไปนั่งใกล้ได้เลย ผมก็มองตาละห้อยสิครับอยากจะง้อใจแทบขาด  เกิดมาไม่เคยมีแฟนกับเขาเลย  พอมามีดั๊นเสือกเป็นตัวผู้มีงวงเหมือนกันอีก   ไอ้ที่พอจะทำอะไรหวานๆก็จำมาจากทีวีทั้งนั้นแหละ เฮ้อออ




ต่อข้างล่าง
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.16#By : Cencer[30/06/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 30-06-2017 18:16:28
ตึ้ง!(เสียงแชท)



เสียงแชทเฟสดังขึ้นมาจากเครื่องโทรศัพท์ผม  ผมจึงหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นแชทกลุ่ม  ซึ่งมีสมาชิกเยอะแยะมากมายประมาณสามคนได้  ฮ่าๆๆ  ผมปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าสู่โปรแกรมสีฟ้า  เปิดแชทกลุ่มขึ้นมาคนที่ทักมาไม่ใช่ใคร  คนที่คุณๆก็รู้จักดี



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [ไฮโล~  ตายกันยังพวกมึงงงง]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์     [ไฮโลพ่องดิสัส!  ทักมาทำเชี้ยไรคนจะหลับจะนอน!]



เห็นชื่อเฟสแล้วก็ถึงกับต้องกุมหัว  ผมไม่ได้ตั้งให้นะครับ  พวกแม่งเปลี่ยนชื่อกันเอง  แต่ละชื่อที่เปลี่ยนมีแต่อะไรก็ไม่รู้  นี่เป็นชื่อล่าสุดที่พึ่งเปลี่ยนไปได้ไม่นานนะครับ

[พวกมึ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง]   เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ชื่อนี้ผมไม่ได้เปลี่ยนเองนะครับ  ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคนมันเป็นคนเปลี่ยนให้  ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันคือเรื่องจริงง  ฮ่าๆๆ  มันสองตัวมาได้จังหวะพอดีเลย  ในที่สุดผมก็มีตัวช่วยแล้ว  เย้ !! ไม่รอช้าผมจึงรีบพิมพ์ข้อความส่งกลับไปให้พวกมันได้เห็นก่อนที่จะออฟไลน์หนีไป



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [เรียกแบบนี้มีเรื่องชัวร์!! - - ]



[อย่ามาทำเป็นรู้ทันกูไอ้เวฟ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์ [แล้วมึงเรียกพวกกูมีไรไอ้ข้าว  ถ้าไม่สำคัญกูจะด่าแม่งให้]

[สำคัญสิเพื่อนยากก  ฮืออ  พวกมึงต้องช่วยกูนะT^T]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ




พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์  [จะให้พวกกูช่วยอะไร  ไหนว่ามาสิ?]



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ  [ว่ามากูรอเสือก..]



ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ยังไงผมก็ต้องเล่าให้ฟังทั้งหมดสินะ  ต่อให้ไอ้เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้มันจะน่าอายก็เถอะ  ฮือออ  มีอย่างที่ไหนมาเล่าบอกเพื่อนว่าลืมครั้งแรกของตัวเอง   ผมจึงจัดการพิมพ์ข้อความที่คิดว่าจะเล่าแค่สั้นๆนะครับ ย้ำว่าสั้นๆ  แต่พอให้ได้ใจความเท่านั้นเอง  ถ้ามากกว่านี้กูอายครับ  กลัวเพื่อนแซววว



[บังเอิญกูลืมครั้งแรกกูควรทำไงดีว่ะมึง]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ

[เหนือมันโกรธไม่ยอมคุยกับกูเลยอ่า  ฮือออออ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ


ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [ครั้งแรกอะไรว่ะไอ้ข้าว?]


[ก็ครั้งแรกไงมึงงงงงงง]   เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ   [แล้วไอ้ครั้งแรกของมึงเนี้ยอะไรว่ะห้ะ?]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์     [ครั้งแรก?  อย่าบอกนะว่ามึงกับมัน…]


[ก็อย่างที่มึงคิดแหละไอ้เพียว  กูควรทำไงดีว๊า~]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ



ใครๆก็เรียกว่าพี่เวฟสุดหล่อประจำคณะ [มึงเข้าใจด้วยหรอว่าไอ้ครั้งแรกของไอ้ข้าวคือไรอ่ะไอ้เพียว 
                                                   ทำไมกูไม่เข้าใจ  บอกกูหน่อยกูอยากเสือก!]



พี่เพียวคนดีชอบเสียดชอบสี  ซี๊ดอ่าส์   [นี่มึงโง่มากขนาดตีความไม่ถูกเลยรึไงว่ะไอ้เวฟ

        คิดเอาเองกูขี้เกียจอธิบาย  แล้วมึงอ่ะไอ้ข้าวไปทำอิท่าไหน

        ถึงเสียครั้งแรกจนได้ละว่ะ  ฮ่าๆๆๆ]



 
[สัส! ตลกนะมึงอ่ะ  ก็กูเมา … ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ

   [มึงกูควรทำหงายยยยยยย?? ]  เมียไอ้หล่อคณะวิดวะ


มาถามว่าเสียตัวยังไง  ไอ้บ้า!  ถ้าไม่ลามกนี่คิดจะถามอะไรแบบนี้ไม่ได้นะครับ  ยิ่งกับไอ้เพียวที่ชอบเรื่องอย่างว่าแล้วมันไม่มีทางอายแต่กูเนี้ยสิอาย  ฮึ่ย !  ผมก็ตอบไปตามความจริง  กูเมาจริงครับ  พอเมาแล้วอะไรๆมันเลยง่าย  แม้กระทั่งการเสียตัวครั้งแรกยังง่ายเลยครับ  สังคัง  เอ้ย!  สังคม  เฮ้อออ



Rrrrrrr Rrrrrrr



“แม่ร่วง!”  โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเกือบตกกระแทกพื้นแล้วครับ  ดีที่มือไว   กำลังคุยแชทกับเพื่อนอยู่ดีๆ  แต่พอมีเสียงเรียกเข้าดังเข้ามาเลยทำให้ตกใจจนเกือบจะหลุดมือ  หล่นไปนี่ไม่มีตังซื้อใหม่นะครับ  เครื่องหนึ่งไม่ใช่น้อยๆเลย 



‘เพียวริคุ’

ปรากฏเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเพื่อนเพียวนั้นเอง  อ๋อที่ไม่ตอบแชทเพราะมึงถึงขั้นโทรมาหากูเลยงั้นสิ  สัส!  โทรมาอะไรตอนนี้  ตอนที่กูอยู่กับน้ำเหนือแล้วประเด็นไงกูเดี้ยงอยู่กูลุกเดินไปคุยที่อื่นไม่ได้  ทำไมมึงไม่คิดถึงข้อนี้ห้ะไอ้เพียวววววววววววว  แต่จะบ่นไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา   เอออกูไปหาที่อื่นคุยก็ได้ว่ะ  ผมเหล่มองคนที่นั่งดูทีวีอยู่แอบเห็นว่าเหล่สายตามามองผมด้วยนะครับ  อะไร๊?  อย่ามาแอบมองเค้านะ  อยากมองก็มองตรงๆสิ  ไม่ใช่แอบบ  วรั่ยต๊ายแล๊ววว   ฮ่าๆๆๆ  ไม่ใช่แล้ววุ้ย !



“เออ  แปบนะมึงกูหาที่คุยแป๊บ”  ผมพูดกระซิบเมื่อกดรับสายไอ้เพียว    แล้วค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปหาที่คุยที่อื่นไม่อยากให้น้ำเหนือมันรู้ครับ  พอเริ่มขยับตัวความเจ็บแปล๊บๆก็เข้ามาแทรก  แต่ก็ต้องอดทนกลั้นความเจ็บไว้   พอยืนเต็มความสูงแล้วก็ต้องค่อยๆก้าวขาเดิน  ซ้ายย่างน้ออและกูก็เจ็บน้ออ  T^T  ขวาย่างน้ออ..  พอผมกำลังจะก้าวเท้าขวาก็เกิดสดุ้งเฮือกร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่กล้าที่จะย่างน้ออีกแล้วว  ก็เพราะว่า…



“ไปไหนข้าว!”  เสียงอันทรงพลังนี้แหละครับ  ฮืออ  มันมาเสียงโหดเลยเว้ยไม่กล้าแม้จะหันหลังกับไปมองมันเล้ยยยย



“อะ เอ่อ  ปะ ไป…”  ไปไหนดีว่ะ?  คิดสิ



“ไป-ไหน” เหี้ยอย่ากดเสียงต่ำงั้นดิ  น้องข้าวกลัวววว   สายไอ้เพียวก็ยังคงถือรออยู่



“ปะ ไปห้องน้ำ  ปวดฉี่”  เออห้องน้ำนี่แหละใช่เลย  ใช่ๆ  น้ำเหนือมันไม่สงสัยหรอก  ทำไมมึงฉลาดแบบนี้ว่ะข้าว หน้าตาดีไม่พอยังฉลาดหลักแหลม



พรึ่บ !



“เฮ้ยย!!!”



ผมสดุ้งเมื่อจู่ๆตัวผมก็ลอยยกสูงจากพื้น  ผมร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ  หุ้วววเล่นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้น้องข้าวอาจมีหัวใจวายตายได้น่ะครับ



“ทะ ทำอะไร?”  ผมถามติดอ่าง



“ห้องน้ำ”  เอออทีมาตอนนี้ละสนใจกูเชียวนะมึ๊งงง  ทีกูเรียกเป็นร้อยรอบละไม่คิดจะสนใจ  ถ่อวววพ่อคนดีทีกูอยากไปคนเดียวเสือกเสนอตัวมาซะงั้น



“อะ เอ่อ ขะ ข้าวไปเองได้เหนือ ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง”  ผมบอกพร้อมกับยิ้มเจื่อนส่งให้  น้ำเหนือก้มลงมามองหน้ามามองสบตาผมใกล้ๆ  ใกล้จนผมต้องหดคอ  ตาก็ต้องจ้องครับเดี๋ยวเขาสงสัย  ฮ่าๆๆ



“ไหว?”



“ วะ ไหวๆ”  ผมรีบพยักหน้ารัวทันที



“อืมตามใจ”



อ้าว…  แค่เนี้ย?  อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นว่ะ  เฮ้ยๆมึงยอมกูง่ายไปป่าวเหนืออ  ถามอีกนิดนี่จะยอมให้อุ้มเดินไปส่งนะ  โถ่วววกูไม่น่าเล่นตัวเลย  เสียใจอ่ะน้ำเหนือเขากว่าจะหันมาสนใจผมได้  หึ่ย!  ได้แต่ฮึดฮัดในใจ  เพราะเจ้าตัววางผมลงแล้วก็เดินกลับไปนั่งดูทีวีที่เดิมโดยไม่หันมาสนใจผมอีกเลย  ได้แต่ดิ้นแด่วๆในใจนะครับ  แด่วนอกไม่ได้เดี๋ยวเขาจะรู้  ฮ่าๆๆๆ



ก็นั้นแหละครับแฟนเมิน ผมจึงลากสังขารอันน้อยนิดไปเข้าห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงจากปลายสายมันดังแว่วผ่านเครื่องมือสื่อสารมา  เข้าห้องน้ำมาก็ปิดล็อคประตูไว้   แล้วหันกลับมาสนใจสายที่รออยู่



“โหลไอ้เพียวยังอยู่ป่าวว่ะ”



(อืม  ก็ไม่เห็นเป็นอะไรอย่างที่มึงว่านี่หว่า   เห็นไอ้เหนือก็ดูจะสนใจมึงออก)



“สนใจกับผีมึงอ่ะดิ  กูนั่งแหกปากเรียกปาวๆเป็น ชม.ไม่เห็นกะสนใจเลย”  พูดแล้วยังขึ้นไม่หาย  หึ่ย!



(เอ้า!  ก็เมื่อกี้ยังได้ยินมันคุยกับมึงอยู่เลย  จะพามึงมาเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ)



“มันก็พึ่งจะสนใจตอนกูจะเข้าห้องน้ำเนี้ยแหละ  หลังจากนั้นมันก็ทิ้งขว้างกู พูดแล้วก็เศร้า…”



(ฮ่าๆๆๆ  มึงโดนมันเสียบแล้วจริงๆหรอว่ะ?)



“ไม่รู้เว้ย! แต่ที่แน่ๆตื่นมาแล้วเจ็บสะโพกเหี้ยๆ”



(โอ๊ยยเออกูเชื่อแล้วว่าแม่งได้กันจริง  ฮ่าๆๆๆๆ)  ไอ้ฟายยยยังมีน่ามาขำอีก  กูให้มึงมาช่วยกูคิดนะว่าจะง้อน้ำเหนือยังไงไม่ใช่ให้มันแซวแล้วขำกูแบบนี้ไอ้เพื่อนเวร!!



“หยุดขำแล้วช่วยกูคิดซะ  ทำยังไงเหนือมันถึงจะหายโกรธกู”  เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ  ไม่อยากคุยกับมันนาน



(ฮ่ะๆ  เออๆ  มึงนี่ก็น่ะลืมได้แม้กระทั่งครั้งแรกของตัวเอง  ไม่ไหวๆว่ะข้าวกูสงสารไอ้เหนือจริงๆมีเมียแบบมึงเนี้ย)



“ไม่ใช่เมียเว้ย!”



(ได้กันแล้วเขาไม่เรียกแฟนแล้วโว้ยยย  อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาไอ้ข้าว  อย่ามาทำซื่อตอแหล)



“สัส!...”  ด่าตอแหลนี่น้องข้าวรับไม่ด๊ายยย



(ด่ากูนี่จะฟังไหมห้ะวิธีพิชิตใจผัวมึงเนี้ย)



“พิชิตพ่องดิ  กูแค่จะง้อมันโว้ยย”



(เออน่ามันก็ไม่ต่างกันหรอก  ฟัง….)



และผมก็เงียบฟังวิธีของมัน  ซึ่งก็มีขัดมันขึ้นมาบ้างบางวิธี  จนมันด่าผมซะไม่เป็นมนุษย์จนพอใจมันก็พูดต่อ  เออผมจะไปทำอะไรมันได้  ขอให้มันช่วยก็เลยยอมๆมันไป  ฮึ่ย  ถึงตากูน่ะ  แม่จะเล่นให้หนักเล้ย!



ชะแว่บบ!

และพอหลังจากที่คุยกับไอ้เพียวเพื่อนรักของผมเสร็จผมก็รีบจัดการธุระส่วนตัวตัวเองจริงๆ  คือมันคุยกันนานไงครับเห็นโถส้วมมันอยู่ตรงหน้าก็เกิดปฎิกิริยาของร่างกายขึ้นผมจึงไม่รอช้าที่จะปลดปล่อยสายน้ำออกมา  แล้วกูจะเล่าทำไมม  ใครอยากรู้  ก็นั้นละครับ  หลังจากนั้นผมก็มาอยู่ในพื้นที่เดิมคือห้องนั่งเล่น  มีผู้ชายหน้านิ่งนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน



“เอาไงดีว่ะ” พึมพำกับตัวเอง  เป็นไงเป็นกันวะ  เกิดมาไม่เคยง้อใครจริงๆด้วยแล้ววิธีนี้ก็อาจจะเสี่ยงต่อตัวผมซะด้วยสิ  แต่ไม่ทำน้ำเหนือมันก็ยิ่งบึ้งตึงใส่ผมอีก



ผมเหล่สายตาไปทางอีกคนเพื่อดูว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่  ไม่คิดหันมามองกูหน่อยหรออ  ใจร้ายมากก  เออไม่สนใจกูเดี๋ยวอีกแปบมึงต้องสนกูแน่น้ำเหนือ  หึๆ



ผมลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งแล้วเดินไปหาอีกคนอย่างไม่รอช้า  ไอ้อาการบาดเจ็บที่สะโพกไม่หนักเท่าผัว.. ผัว! ก็ได้ว่ะ เออนั้นละผัวไม่สนใจหรอก



พรึ่บ !

“…”  ผมล้มตัวลงนั่งทับตักน้ำเหนือ อึ้งเลยดิ๊  อึ้งเลยละเซ่~  คิดไม่ถึงละสิว่าข้าวคนนี้มันจะกล้าหน้าด้านทั้งๆที่เมื่อก่อนอายม้วนไม่กล้าทำอะไรแบบนี้  แต่ยกเว้นตอนเมานะครับ  อันนั้นไม่นับถือว่าสติไม่สมบูรณ์



จุ๊บ -3-

น้ำเหนือไม่พูดอะไรออกมาซักคำ  มัวแต่อึ้งหรืออะไรผมก็ไม่รู้ครับ  แต่ผมก็ต้องทำตามที่ไอ้เพียวมันแนะนำมา  ‘ไม่ใจอ่อนให้แม่งรู้ไป  ของเคยๆกันอยู่’  ไอ้เพียวพูดประโยคส่งท้ายก่อนที่จะวางสายไป  ผมจุ๊บปากน้ำเหนือแบบรวดเร็วแล้วก็เงยหน้ามองสบตาอีกคนพร้อมส่งยิ้มที่คาดว่าจะหวานส่งให้  ใครๆก็ต้องสยบให้กับรอยยิ้มบาดใจของข้าวหอมคนนี้



“…”  ยังครับ  ยังเงียบ ถึงจะยอมมองสบตากับผมแล้วก็เถอะ  ทำถึงขนาดนี้ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยหรอว่ะ



จุ๊บ ๆ -3-

คราวนี้เอาไปเลยอีกสองครั้งรวด  นี่ทำขนาดนี้ยังไม่ใจออกอีกหรอว่ะ  หรือว่ามันจะใช้วิธีนี้กับน้ำเหนือไม่ได้  เอาแล่วๆ  ชาตินี้กูจะง้อสำเร็จไหมเนี้ย  ขนาดใช้วิธีเปลืองตัวแล้วนะ



“…”  ตายด้านแน่ๆ  เอาว่ะอีกซักทีถ้าแม่งยังไม่พูด  น้องข้าวคงต้องถอยทับกลับก่อน



จุ๊บบ..

“อื้อออ!!”  ผมตาโตด้วยความตกใจ  ด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัว  ตั้งใจกะจะจุ๊บครั้งสุดท้ายแต่พอปากมันไปแตะกับปากน้ำเหนือแล้วผมก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เพราะน้ำเหนือใช้มือกดหลังท้ายทอยผมไว้ไม่ให้ผมผละหนีไปไหน  จากที่กะจุ๊บตอนนี้แม่งจูบกูแล้วเว้ยยย!!



ปลายลิ้นของน้ำเหนือไล่เล็มเลียรอยแยกของปากผมที่เม้มเน้นเพราะความตกใจไม่ยอมเปิดปากให้อีกคน  มือข้างที่ว่างก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบไล้ตามร่างกายผมผ่านเนื้อผ้า  เลื่อนจากบนลงไปล่าง  เออมันเริ่มต่ำ  ต่ำจนถึงสะโพกกูแล้วเนี้ย  จากมือที่มัวแต่กำเสื้อของน้ำเหนือไว้แน่นก็ต้องรีบผละออกมาเพื่อหวังที่จะได้จับมือที่เลื้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ  แต่ก็ไม่ทันมือไวๆนั้นแม่งบีบก้นผมเต็มๆ  ไอ้สะ สัส!!  กูเจ็บก้นอยู่นะโว้ยยยย!!!



“อะ โอ๊ยย!!  อื้มม~”  ตัวผมสะดุ้งขึ้นมาทันที  เผลอหลุดเสียงครางที่เจ็บก้นออกมาทำให้ปากที่เคยเม้มไว้แน่นเปิดอ้าออกได้โอกาสน้ำเหนือก็เบียดปากกดหนักมากกว่าเดิมพร้อมกับส่งลิ้นชื้นมาเก็บเกี่ยวอย่างเอาแต่ใจในปากผม  ทั้งดูดดึงลิ้นผมเล่น  ไม่มีซักนิดให้ผมได้หายใจเอาอากาศเข้าไปเลย  แทบขาดใจตาย  ฮืออ   แม่งเอ้ยยทำกับข้าวหอมคนนี้ได้ยังไงงงงง



“อืม..”  เสียงครางต่ำอย่างพอใจของอีกคนดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหูของผม  มันเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ผมโคตรชอบ  ฟังแล้วทำให้ใจเต้นรัวจนแทบระเบิดออกมา  ผมจูบตอบกลับน้ำเหนือ  คือไหนๆก็ไหนๆแล้วจะเสียตัวอีกซักรอบมันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ  ก็เนอะของมันเคยๆกันอยู่   ฮ่าๆๆ



ผมลูบไล้ผิวกายของน้ำเหนือที่มีเนื้อผ้ากั้นเอาไว้อย่างเอาใจ  ตาก็มองสบกัน  มันเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถจะบรรยายได้จริงๆครับ  ดวงตาน้ำเหนือถึงจะนิ่งแต่สำหรับผมแทบจะลอมละลายกลายเป็นน้ำเหลวๆอยู่แล้วว  โอ๊ยยยเกิดอาการอยากเสียตัวขึ้นมาอีกรอบอย่างรวดเร็ว  ไม่รอแล้วเว้ยยกูรุกเองก็ได้  แค่จูบมันยังไม่พอ เหมือนน้ำเหนือจะรู้ความคิดของผม  น้ำเหนือจับผมพลิกให้มานั่งแทนที่แล้วตัวเองก็คล่อมตัวผมไว้  คิดภาพตามนะครับ  ผมอยู่ล่าง  น้ำเหนืออยู่บน แต่ปากก็ไม่ได้ละห่างกันไปไหน  แค่นี้ก็ฟินแล้วครับ >////<



“อ๊ะ  นะ เหนืออ..”  เมื่อปากเป็นอิสระ  ผมก็เอ่ยชื่ออีกคน  น้ำเสียงของผมที่เปล่งออกมามันดูแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น  ตาผมตอนนี้คงหวานเชื่อมแน่ๆ  จากที่ผมใช้สายตามองน้ำเหนือที่ตอนนี้โค  ตะ ระ เซ็กซี่เลย  เพราะตอนนี้น้ำเหนือผละออกจากตัวผมเพื่อที่ถอดเสื้อของตัวเองออก  อึ๊ยย !! ร่างสูงโปร่ง  ผิวขาว  หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อสองสามลูกเรียงสวย  น่าสัมผัสยิ่งนัก  เผลอครางซี๊ดขึ้นมาอย่างลืมตัว   โอ๊ยยยทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยย  ข้าวพร้อมเสียตัวแล้วเหนือ  มาม่ะมาปล้ำข้าวเถ๊อะ !!



“อ่า…  วันนี้อากาศร้อนแหะ”



เอ๊ะ ?

ผมถึงกับมึนงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของน้ำเหนือ  คือนี่ผมกำลังรอว่าน้ำเหนือจะทำอะไรผมต่อไง  แต่แล้วแบบพอถอดเสื้อเสร็จพี่ท่านก็บอกว่าอากาศร้อน จริงสิน่ะ!  เพราะตอนนี้ผมก็ร้อนเหมือนกัน  คิดได้ดังนั้นผมจึงเอื้อมมือกะว่าจะไปคว้าจับแขนอีกคนให้มาต่อกันต่อ  แต่กลับคว้าได้เพียงแค่อากาศ   พะ  เพราะ….!!!



“อาบน้ำดีกว่าเผื่อจะเย็นขึ้น ”



แม่เจ้า !!!  น้ำเหนือพูดจบก็เดินหันหลังจากไป  ปล่อยให้ผมมึนหนักกว่าเดิมอีก  เอออไปแล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีไปแล้ว  นี่ถึงกับไปไม่เป็นเลยเว้ย  อ้าวไม่ต่อแล้วหรอ   ละ แล้ว  ตอนนี้กูกำลังทำอะไรอยู่  แล้วว…



“ม๊ายยยยยยยยยยย!!!!”  สมองผมดีเลย์ไปนีสสส   พอคิดได้ว่าตัวเองกำลังโดนอีกคนแกล้งก็ถึงกับตะโกนออกมาด้วยความช้ำในหัวใจ  ไอ้ !  ไอ้… อะไรดีว่ะ  ฮือออ  ไอ้หล่อมึงแกล้งกูวววววววววว!!!!



“หึๆๆ”



*****************************************
พี่เหนือขี้แกล้งง งุ้ยยย :jul3:
หัวข้อ: Re: Boyfriendเพื่อนรัก...รักเพื่อน♡ : : Ep.17#By : Cencer[01/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Cencer ที่ 01-07-2017 14:50:28
17

Boyfriend เพื่อนรัก..รักเพื่อน




ปึก! ปึก! ปึก!

"ข้าวหยุดทุบโซฟาได้แล้ว"ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาคนละตัวกับผม  ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันไปอีก

ครืดดดดด...

ผมใช้เล็บครูดกับหนังโซฟาให้เกิดเสียงเสียดสีจนฟังดูเสียวฟัน  จะกวนสมาธิไอ้คนที่ทำหน้านิ่งอ่านหนังสือได้เป็นชั่วโมง

"ข้าว"  เสียงนิ่งๆพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามองผม

"..."  ผมเงียบไม่ตอบเล็บก็ยังทำหน้าที่ของมันอยู่แบบนั้น  เอาเส่!  ข้าวจะไม่ยอมโดนแกล้งฝ่ายเดียวแน่ๆ  ฮึ่ย!

"โกรธ?"  และเมื่อผมไม่ยอมหยุดตามที่บอก  น้ำเหนือจึงเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันมามองผม

"อะร้ะ?"  ผมถามเสียงห้วนสุดๆ อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่าโกรธ  ไอ้นี่ก็ชอบพูดเป็นคำๆ  จะเอาให้รู้เรื่องช่วยพูดให้มันเป็นประโยคยาวๆหน่อยไม่ได้หรือไงว่ะ

"ก็ที่ไม่ทำ"

"ทะ ทำอะไร"  น้ำเหนือพูดหน้าตาย  อยู่ๆมาไม่ทงไม่ทำอะไร  แล้วทำไมกูต้องพูดติดอ่างด้วยว่ะ  ไม่เข้าใจตัวเองเลย

"ก็..."

"กะ ก็อะไรๆๆ"  อยู่ๆน้ำเหนือก็ลุกจากโซฟาที่ตัวเองนั่ง  เดินเข้ามาหาผมที่นั่งมองอยู่อย่างตื่นๆ  อยู่ๆมาก็...ลากยาวแล้วเว้นช่วงไว้  จนผมรู้สึกใจกระตุกเพราะไอ้หล่อมันมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม  ไม่วายยังดึงตัวผมที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าหาอีก

“ก็…แบบนี้ไง ฟอดด”

“O.O” ยังไม่ทันตั้งตัวผมก็โดนไอ้หล่อคนที่กอดผมมันหอมแก้มผมดังฟอด

“ตกใจอะไร? หื้ม” เสียงกระซิบดังอยู่ข้างหูเบาๆ  เล่นเอาขนแขนผมลุก

“ตกใจอะไรเปล่าซักหน่อย!”

“แน่ใจหรอ..”

“อื้อออ..” ผมหดคอหนีเมื่อน้ำเหนือเริ่มที่จะซุกเข้ามาที่ซอกคอผม

“นิ่งๆเถอะ”

“ไม่เอา!” ผมแว๊ดขึ้นเสียงดัง  พยายามผลักไอ้คนที่กำลังลวนลามร่างกายผมออก  ให้ตายเถอะจะติดหนึบไปไหนว่ะ

“พอจะเอาจริงก็ไม่ยอมนะข้าว”

“คะ ใครเขาจะให้เอาห้ะ! ไอ้ลามกปล่อยนะ” ผมเริ่มดิ้น  พูดมาได้ไงว่าจะเอา  ไอ้บ้าเหนือ  เห็นหน้านิ่งๆ ความคิดนี่ลามกที่สุด!!

“...”น้ำเหนือไม่สนใจคำพูดของผมกลับยิ่งรุกรานร่างกายผมหนักกว่าเดิม  ไอ้ผมก็เบี่ยงหลบได้บ้างไม่ได้บ้าง  จนมือที่อยู่ไม่สุขของอีกคนมันลูบเลื่อนมาถึงเอว  จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ผมอยากจะยกตีนขึ้นลูบแมะบนหน้าไอ้หล่อมันจริงๆ

“อ๊ากก ฮ่าๆๆ  โอ๊ยย  จะ เจ็บๆๆ ฮ่าๆๆ”  ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น  ตัวก็บิดไปมาในอ้อมแขนของไอ้หล่อที่กำลังกลั่นแกล้งผมทั้งๆที่ตัวผมกำลังเจ็บอยู่  ไอ้หล่อขี้แกล้งก็ไม่มีเว้นเลย!

“หายโกรธยังหืม”  น้ำเหนือพูดว่าไรว่ะครับ  ผมฟังไม่รู้เรื่อง  นาทีนี้กูขำอย่างเดียวครับ

“ฮ่ะๆ โอ๊ยยไอ้เหี้ย  ฮ่าๆๆ เจ็บ  ฮ่ะ  เจ็บตูดโว้ยยย  ฮ่าาาา”  ใครก็ได้หยุดน้ำเหนือที!!  น้องข้าวจะไม่ไหวแล้ว  รู้สึกจะขาดใจตายย  อ่ะฮึกๆ   และเหมือนฟ้าจะพอเห็นใจผมบ้าง  เมื่อน้ำเหนือหยุดมือที่จี้เอวผม  ผมก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย  เสียงขำค้างคลออยู่เบาๆ ผมยกมือเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอออก  แม่ง! เล่นซะผมขำจนเจ็บท้องอ่ะ  เจ็บทั้งตูดทั้งท้อง  นี่เคยคิดสงสารคนเป็นแฟนบ้างไหม?  เอออลืมไปมันแม่งไม่ได้เป็นผมคงไม่เข้าใจหรอกก TT

“หายโกรธรึยัง?”

“เล่นบ้าอะไรเนี้ย รู้มั้ยเจ็บอยู่น่ะห้ะ!”  ผมแวดใส่

“ยังไม่หาย”

“จ  จะทำอะไร  อ้ากกกกก…” และผมก็โดนน้ำเหนือจัดการอีกรอบ  ถ้ากูหล่นตกโซฟา  พ่อจะกระโดดถีบขาคู่ตามด้วยกะทืบซ้ำให้หายแค้น

“ฮ่าๆ น..เหนือ  พอเถอะ  คิๆ  ไม่ไหวแล้ววว”

“ไม่”   ไอ้เลวว…

“ฮื่อๆๆ ฮ่าๆๆ จุก ฮึ”

“หายรึยัง”

“อึก  อือ หะ หายแล้วๆ ฮ่ะๆ”  ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อย  มือก็กุมท้องที่จุกจากการหัวเราะ  อาการขำค้างยังคงดังแว่วมา  เมื่อร่างกายผมกลับมาเป็นปกติ  จึงหันไปจะมองค้อนซักหน่อยแต่ก็ต้องชะงักค้างตามองกับภาพตรงหน้าใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม กว้างที่ไม่ใช่การยิ้มเหยียดหรือยิ้มมุมปากเมื่อครั้งไหนๆ  แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งเยาว์วัย  ยิ้มที่สดใส  รอยยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า… ได้เห็นมันอีกครั้งแล้วซิน่ะ

“เหนือ”

“หืม?” น้ำเหนือยิ้มและเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย

“ข้าวชอบรอยยิ้มของเหนือน่ะ”  ผมบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า  น้ำเหนือดูจะชะงักไปนิด  เพราะเมื่อได้ฟังคำพูดของผมอีกคนก็หุบยิ้มและไม่นานน้ำเหนือก็ค่อยๆคลี่ยิ้มที่ผมชอบมันมากที่สุดออกมาอีกครั้ง

“อืม”

“เหนือสัญญาได้ไหม?”  ผมส่งมือไปลูบใบหน้าของน้ำเหนือ  พร้อมกับเอ่ยประโยคคำถามที่อยากให้อีกคนสัญญา  มันไม่ได้ยากหรือง่าย  แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีถ้าคำถามที่ผมถามไปน้ำเหนือจะตอบตกลง  มันจะดีทั้งตัวผมและน้ำเหนือเอง  หรือผมอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปน่ะ...ที่จะขออะไรแบบนี้

“ครับ?”

“สัญญาว่าเหนือจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป...ได้รึเปล่า”  ผมจ้องสบตากับน้ำเหนือ  ผมดูเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่า  ทั้งๆที่น้ำเหนือคนปัจจุบันในตอนนี้ไม่เหมือนกับน้ำเหนือคนก่อนที่ผมเคยรู้จัก  ความนิ่ง  ความเงียบ  ความพูดน้อย  แทบนับคำได้เวลาคุยกัน  ถึงช่วงหลังๆที่พอเราได้คบกันผมกับน้ำเหนือจะพอคุยกันมากขึ้นก็ตาม  แต่ผมกลับไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มกว้าง  รอยยิ้มที่สดใส  ที่แสดงถึงการมีความสุขมากๆ ขนาดนี้  จะเห็นก็แต่ยิ้มมุมปาก  ยิ้มบางๆ เท่านั้น

“...”

“ยิ้มเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆได้ไหมเหนือ”

“...ครับสัญญา”

“ขอบคุณนะ..”  และเมื่อผมได้รับคำตอบ  ผมก็ถึงกับยิ้มกว้างพร้อมกับโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างไม่สนใจอาการปวดตัว  แค่นี้  แค่สัญญาว่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป  ผมก็ดีใจมากแล้วว  น้ำเหนือไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ผมก็ได้  แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมจะขอ…  ขอให้รอยยิ้มที่สวยงามนี้จะอยู่ให้ผมเห็นตลอดไป

ขอบคุณนะเหนือที่ยอมรับปากว่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดไป… ข้าวเองก็จะสัญญาว่าจะปกป้องรอยยิ้มของเหนือตลอดไปเช่นกัน  สัญญา..☺

.

.

.

.

“แหม๋~”  ยังไม่ทันจะได้ย่างเท้าข้ามอีกฝั่งของประตูก็ได้ยินเสียงโหยหวนของสัมภเวสีที่สิงสถิตอยู่ในห้องดังขึ้นมา

“เป็นเห้ไรของมึงไอ้ฮาร์ท”  ผมถามมันพร้อมกับเดินนำน้ำเหนือที่เดินตามหลังผมมาหลังจากปิดประตูห้อง  ผมเดินไปเปิดตูเย็นหยิบน้ำอัดลมที่มีไม่กี่ขวดถ้าเทียบกับบันดา  ช้าง  สิงห์  ที่มีเกลื้อนตู้เย็นไปกว่าครึ่ง

“เปล๊า~” เปล่าได้ตอแหลมากมึงอ่ะ  ผมยื่นน้ำอัดลมให้น้ำเหนือที่ตอนนี้ลงไปนั่งเล่นเกมส์กับไอ้ฮาร์ทเป็นที่เรียบร้อย  ผมจึงนั่งบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกัน  มองภาพในจอที่กำลังต่อสู้กันด้วยคนสองคน

“เป็นไงละมึงนอนต่างที่หลับสบายม่ะ?”  ไอ้ฮาร์ทมันถามขึ้น  ตาก็มองจอที่เล่นอยู่

“ก..ก็สบายดี”  แล้วทำไมกูต้องสะดุดคำพูดทุกทีว่ะ  ไอ้ที่สบายดีนี่สบายจริงนะครับ  กูเมาแล้วหลับสบายไม่รู้เรื่อง  แม้กระทั้งตอนโดนเสียบยังสบายเลย  แม้ตอนตื่นมามันจะไม่สบายก็เถอะ  เจ็บโคตร!  แต่ผมก็ไม่บอกมันหรอกว่าเมื่อคืนเกิดไรกับผมบ้าง

“อืมๆ  มิน่าละเป๊เชียว”

“เป๊ไรของมึ๊งงงงง”  แล้วเสียงกูมันจะสูงไปไหน  ไม่มั้ง  นี่ว่าเดินปกติแล้วน่ะ  มันคงไม่สังเกตหรอก  ตามันก็มองเกมส์ตลอดเวลานิ

“เจ็บมั้ยล่ะ?”

“เจ็บ!”  เดี๋ยว ! แล้วกูจะตอบมันไปทำไมว่ะเนี้ย

“หึ  ไอ้เหนือ”

“อืม”

“ตอบตรงๆน่ะ”

“เออ”

“ได้กันยัง”

“ฟู่~  แค่กๆๆ” อะ  ไอ้เหี้ยฮาร์ทมึงพูดอะไรออกมาเนี้ย!!!  ผมถึงกับสำลักน้ำอัดลมที่กรอกปากอยู่  พุ่งตรงหัวไอ้ฮาร์ทที่นั่งอยู่ข้างล่างเต็มๆ

“เชี้ย!  มึงพ่นมาได้ยังไง  นี่หัวคนนะเว้ย!!  สัสแม่งเหนียวหัวแน่ๆ  โอ๊ยยยเชี่ยข้าวมึงกล้ามากกกก!!”  ไอ้ฮาร์ทโวยวายเสียงดัง  มันวางจอยเกมส์ลงแล้วยกมือขึ้นสัมผัสละอองน้ำเปียกๆที่เกิดจากฝีปากผมบนหัวมันอยากหงุดหงิด  … สมน้ำหน้า5555555

“ล..แล้วมึงถามเชี่ยร้ะออกไปล่ะห้ะ”

“กูถามมึงหร๊อ?”มันเปลี่ยนจากหงุดหงิดมาเลิกคิ้วถามผมกลับอย่างกวนประสาท  ไอ้นี่มันทำหน้ากวนบาทามากครับ  อยากจะยกตีนงามๆขึ้นฟาดให้หายคัน  แต่ก็ทำไม่ได้ยังเจ็บตัวอยู่นิดๆ  แหะๆ

“ก็ไม่...แต่ที่มึงถามมันเกี่ยวกับกูด้วยป่ะล่ะ”  นี่เชิดหน้าขึ้นใส่เลย  เรื่องกูแน่ๆ  มั่นใจ!

“กูเอ่ยชื่อมึงออกไปตอนไหนไม่ทราบครับคุณข้าว  ประโยคที่ถามไอ้เหนือเนี้ยไม่มีชื่อมึงเลยน่ะ มั่นหน้านะคนเรา เฮ้อ~ ไม่ไหวๆ”  สัส… ไอ้ฮาร์ทมันถอนหายใจทำหน้าเหนื่อยหน่ายหลังพูดจบ...กวนตีน

“สัส olo” ผมจึงส่งนิ้วกลางงามๆไปกระแทกหน้ามันแทน  ฮึ่ย!  ทำไมเถียงมันไม่เคยชนะเลยว่ะ

“ของกูใหญ่  แล้วยังไงขอคำตอบคำเพื่อนเหนือ”  นี่มันยังไม่หยุด

“...”น้ำเหนือหันมามองหน้าผม  เหมือนกับจะถามว่าจะเอาไงบอกไม่บอกดี   เก่งป่ะล่ะ  ผมสามารถอ่านสายตาน้ำเหนือออก  เก่งป่ะ?  ชมผมด้วยผมจะได้มีกำลังใจสู้รบตบตีนกับไอ้ฮาร์ทต่อ

“อ่ะๆอย่ามาทำเป็นเงียบไม่ตอบนะเพื่อน”

“แล้วมึงจะอยากเสือกไปทำไมห้ะ!”  ปากกูนี่ก็ไวเจรงงงง

“เรื่องของกู”

“ฟวย”

“มันยากที่จะพูดหรอว่ะ  ก็อย่างว่าละน่ะ  มึงได้กับสัตว์สงวนมึงก็ต้องอายใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ”  เลว…  ไอ้ฮาร์ทไอ้ปากปีจอ  ไอ้ชั่วช้าสามาน  ไอ้ไม่หล่อ  ไอ้หำเท่าไม้ขีดไฟ  ไอ้หน้าปลาบู่  ไอ้…

“..อืม”  มาองมาอืมอะไรว่ะ  นี่อย่าบอกน่ะว่าน้ำเหนือก็เห็นด้วยกับคำะดไอ้ฮาร์ทเมื่อครู่อ่ะ  เดี๋ยวพี่เหวี่ยงนะครับๆ

“ฮ่าๆๆเชี้ยยไอ้เหนือแม่งฮ่าๆๆ”  ตลกมากไหมมึงอ่ะ“เออไม่ต้องบอกก็รู้ว่ะว่าได้กันแล้ว  กูก็แกล้งถามไปงั้นละไปล้างหัวก่อน  แม่งเหนียวชิบหาย”  ไอ้ฮาร์ทลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปห้องน้ำ  ก่อนไปมันยังจะทำร้ายร่างกายผมอีก

“กูเจ็บไอ้เลววว!”  มันใช่ตีนถีบเข้ามาที่ตัวผมเต็มๆ  ฮือออ  ใจร้าย!

“หมั่นไส้  เออแล้วก็ปิดๆบ้างน่ะรอยบนคอมึงอ่ะ  กลัวใครไม่รู้หรอว่าเสียตัวแล้ว หึๆ”

รอย.. เวร!  ลืมได้ไงว่ะ  มิน่าคนโง่ๆอย่างไอ้ฮาร์ทคงดูไม่ออกแน่ถ้าผมปิดดี  ฮืออไอ้หล่อมันหยิบเสื้อแขนยาวคอวีมาให้ผมใส่แท้ๆเลย  ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วไม่ใช่จะมีคนเห็นไปหมดแล้วหรอออ  ก่อนจะกลับถึงหอผมเพิ่งแวะกินข้าวไปเองงงงง…  ไอ้หล่อมึงตั้งใจแกล้งกูช่ายม่ายยย

“ทำไมเหนือถึงชอบแกล้งข้าว!”

“เหนือแกล้งข้าวตอนไหนกัน”  ยังมีหน้ามาถามนะคนเรา - -

“ทุกตอนอ่ะ!”

“...ไอ้ฮาร์ทมันก็แซวเล่นไปงั้น  สนใจทำไมข้าว”   ไม่สนไอ้ฮาร์ทเว้ยย กูสนผู้คนที่ร้านข้าวมากกว่า  ตัวเองไม่ได้มีรอยแดงๆตามตัวนิ  ฮือออ  กูอายเป็นน หวังว่าคงไม่มีคนรู้จักแวบๆแถวนั้นนะ

“แล้วทำไมไม่บอกว่ามีรอยที่คอ!”

“ก็ข้าวไม่ได้ถาม”  หันมาทำหน้าซื่อใส่กูอี๊กกกกก

“ไอ้…” เล่นซะกูด่าไม่ออกเลย

“น่า..อย่าคิดมาก  ลงมานี่”  น้ำเหนือฉุดดึงแขนผมให้ไปหา  ไอ้เราก็ใจง่ายไง  เขาเรียกก็ไปแล้ว

น้ำเหนือให้ผมนั่งตรงกลางหว่างขาโดยที่ขาของน้ำเหนือตั้งเข่าทั้งสองข้างกักตัวผม  ถ้าถามว่าอึดอัดไหม  ก็นิดหน่อย  แต่ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง  โคตรดีโคตรมีความสุข  รู้สึกอยากเสียตัวมันอีกรอบ ฮ่าๆๆๆ

“หายปวดรึยัง”  เสียงทุ่มเอ่ยถามข้างๆหู  รู้สึกถึงลมหายใจเป่ารดบริเวณคอ  สยิวเว้ย >_<

“ก็ดีขึ้นแล้วไม่ปวดมาก”

“อ่ะ  เอารองก้นไว้”  น้ำเหนือหยิบเอาหมอนบนโซฟามามห้ผมนั่งทับช่วยลดอาการปวดได้เยอะเลย

“ขอบคุณน๊าาาา~  ว่าแต่พูดเยอะกว่าเดิมป่ะเนี้ย”  พอผมจัดท่านั่งได้ก็บอกขอบคุณเสียงอ้อน

“ก็ปกติ”

“ไม่น่ะ พูดเป็นประโยคมากขึ้นจริงๆ  เพราะปกติเหนือจะพูดเป็นคำๆ ไม่ก็ตอบแค่เออกับอืมอ่ะ”

“งั้นหรอ..”

“ใช่ๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำคิดของตัวเอง

“...” น้ำเหนือไม่พูดอะไรต่อยื่นจอยเกมส์ของไอ้ฮาร์ทมาให้ผม ส่วนน้ำเหนือก็ถืออีกอันโดยที่แขนทั้งสองข้างกักตัวผมไว้. คิดภาพตามน่ะครัผมนั่งกลางน้ำเหนือนั่งซ้อนหลังผมโดยที่นั่งตั้งเข่าทั้งสองข้างขึ้น. แล้วแขนทั้งสองข้างก็ยื่นมาจับจอยเกมส์ซึ่งมองกรายๆคือเหมือนน้ำเหนือกำลังนั่งกอดผมอยู่

ผมเป็นฝ่ายเลือกตัวละครก่อน หลังจากนั้นก็เป็นน้ำเหนือ  ผมเลือกด่านที่ใช้ในการต่อสู้ของเราสองคน. พอเกมส์สตาร์ทผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นอย่างเดียว  โดยที่สมาธิจดจ่ออยู่ที่เกมส์. มือก็รัวจอยปล่อยพลังท่าต่างๆเพื่อเอาชนะตัวละครของน้ำเหนือ

“เพราะข้าว”  อยู่ๆคนที่เงียบไม่พูดเสียงกระซิบข้างหูผม  เพราะผม?  ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในประโยค“หือ?”  สัมผัสของหน้าผากของคนด้านหลังวางซบลงบนไหล่ของผม  มือที่เคยจับจอยเกมส์ตอนนี้เปลี่ยนมากอดเอวผมแทน

“เพราะข้าวที่อยู่ข้างเหนือ”

“...”

“เหนืออยากเห็นข้าวมีความสุข”

“อืม” และผมก็รู้คำตอบของประโยคที่มา ‘เพราะผม' ผมขายรับในลำคออทั้งๆที่ใจเต้นแรงเพราะคำพูดเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้ แค่นี้ก็สุขมากๆแล้ว

"อยู่ข้างๆเหนือตลอดไปนะข้าว”

“...”  แน่นอนสิว่าตลอดไป..  ผมคิดในใจ

“นะข้าว...นะ”  ผมวางจอยเกมส์ลงแล้วผลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับอีกคนที่พูดเสียงอ้อนๆจนอยากจะเห็นสีหน้าว่าจะแสดงออกมายังไง  ครั้งแรกเลยป่ะว่ะที่แม่งอ้อนแบบนี้  โห้ยยยกูตายตาหลับแล้วเว้ย55555

“ยาหมดป่ะเนี้ย  ไหนๆดูซิ  มีอาการอะไรแปลกๆอีกรึเปล่า”ผมจับหน้าน้ำเหนือหันซ้ายหันขวา  จับคางเชิดหน้าขึ้น  จับหัวกดลงมาดูเผื่อว่าอะไรไปกระแทกหัวเข้า  ทำให้ไอ้หล่อหน้านิ่งมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  แต่ก็ไม่มีอะไรปกติดีทุกอย่าง

"อืมยาหมด"

"แล้ว?"  ผมเลิกคิ้วถามกวนๆ  จริงๆนี่ก็กะแกล้งกวนมันเล่น  ไม่คิดว่ามันจะเล่นด้วยไง  เอออเว้ยย  นี่จะใช่มนุษย์หล่อหน้านิ่งพูดน้อยแฟนผมจนิงป่ะว่ะ  ทำไมข้ามคืนมันถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้~

"ขอยาหน่อย"

"ห้ะ?  ไม่มี"  ส่ายหน้ารัว

"มี!"

"มะ อุ๊บ อื้อออ"ยังไม่ทันได้ตอบเลยไอ้คนตรงหน้าก็จับผมล็อคคอเข้าไปจูบ  กระแทกมาซะแรงถ้าปากกูแตกเลือดซิบละน่าดู!  ฮึ่ย  บ่นไปงั้นละ  ผมยอมอ้าปากรับลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวพันกันไม่มีใครยอมใคร  มึงดูดลิ้นกู  กูดูดกลับ  มึงกัดปากกู  กูกัดบ้าง  เรื่องนี้ข้าวจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวแน่  ไหนๆก็ได้กันแล้วไม่มีอะไรหน้าอายอีกต่อไปแล้วละ  จริงม่ะๆ?


แชะ !

"พวกเหี้ย  มึงช่วยไปสร้างโลกสีชมพูที่อื่นได้ไหมห้ะ  ในห้องนี้ไม่ได้มีมึงสองตัวนะเว้ย  ทำไรเห็นหัวกูบ้าง  ไอ้เพื่อนเวรตะไล  จะเล่นหนังสดโชว์กูเลยไหม  เอออมาเลยกูจะตั้งตารอดูเลยไอ้เหี้ย!!!"

".../..."  ผมกับน้ำเหนือผละออกจากกันเพราะเสียงไอ้ฮาร์ทที่แหกปากร้องด่าพวกผมปาวๆ อย่างคนหงุดหงิด  เอ่อ..  ฮาร์ทมึงใจเย็นๆ

"กูอัพแน่!"  ไอ้ฮาร์ทมันโชว์รูปในมือมาทางพวกผม  เฮ้ยๆๆ  ไม่เล่นดิ  กูนี่ตาโตเลย

"เดี๋ยวๆใจเย็นเมิ๊งงง"  นี่ร้องเสียงสูงเลยยเว้ย

"ไม่เย็นแล้วเว้ยแม่ง..."  แล้วมันก็เดินปึงปังขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

"มึงไปไหน?"  น้ำเหนือถามมองไอ้ฮาร์ทนิ่งๆ  นี่กลับมาเป็นน้ำเหนือปกติแล้ว

"ห้องน้ำ!" ไอ้คนหงุดหงิดหันมาตอบตาขวาง

"แต่มึงพึ่งออกมาจากห้องน้ำป่ะว่ะ"

"..."

"..."

"..."

เงียบกริบทั้งสามหน่อ

"เพราะมึงนั่นละ  ครางซะกูขึ้นเลยไอ้เหี้ย!" มันชี้นิ้วมาที่ผมก่อนที่จะแวบเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ

เดี๋ยวนะ!  กูไปครางตอนไหนฟ่ะ?  ขอคำตอบด้วยยยยย!

เอ๊ะ... หรือกูเผลอครางแล้วไม่รู้ตัวว่ะ? เกาหัวได้ไหมล่ะ

“ข้าว”

“ห..ห้ะ?”  ผมหลุดจากความคิดตัวเองมามองคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดเรียกกูซะเสียงเครียดเชียว

“...”

“มีอะไรหรือเปล่าเหนือ"น้ำเหนือพยักหน้าแล้วจ้องผมไม่กระพริบตา คือจริงจังไปไหมม. กูนี่เริ่มใจไม่ดีนะ

“ย้าย”

“ห้ะ?”

“ย้ายไปอยู่กับเหนือ”

“เอ๋?  เอ่อ..ทะ. ทำไมอย..” ผมยังพูดไม่จบน้ำเหนือก็แทรกขึ้นมา

“เหนือไม่ไว้ใจไอ้ฮาร์ทแล้วว่ะ” อย่าบอกว่ามึงมากังวลไอ้ฮาร์ทเรื่องที่แม่งของขึ้นเพราะผมน่ะ บ้าเลาว์..  อยู่กินกะไอ้ฮาร์ท เอ้ย!  อยู่กับมันมาสองปีแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้ามันจะคิดกับผมน่ะคงคิดนานแล้ว 'บ้า! เหนืออ่ะคิดมาก’ ผมอยากจะพูดคำนี้ออกไปจริงๆฮ่าๆๆ

แม่เจ้าโว้ยย!!! น้ำเหนือหวงผมกับไอ้ฮาร์ทอ่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยยยทำไมน่ารักงี้ว่ะ หน้าโคตรจริงจังเลยตอนพูด มีกุมขมับด้วยเว้ย ลุคนี้ไม่เคยเห็น ยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้จะโดนด่าป่ะเนี่ย  งื้อออ



TBC.