After story 1
02.05 AM
พีทยืนมองรถซูเปอร์คาร์เปิดประทุนตรงหน้า กรเดินอ้อมขึ้นไปนั่งบนที่นั่งฝั่งคนขับแล้ว แต่พีทยังนิ่งไม่ยอมขยับมือที่จับสายสะพายกระเป๋ากีตาร์ไปเปิดประตูรถสักที
“...” กรหันมามองเห็นนักดนตรีหนุ่มยืนนิ่งเลยเอื้อมมือไปเปิดประตูรถให้จากด้านใน ประตูที่เปิดออกเกือบกระแทกตัวพีท ตอนนั้นเองที่คนผมยาวถึงได้ขยับตัวขึ้นมานั่งบนรถได้
พีทปลดกระเป๋ากีตาร์มาวางตรงหว่างขา แล้วยกแขนขึ้นกอดไว้ ก่อนจะหันไปมองใบหน้าด้านข้างของกร “ทำไมวันนี้ขับมาเอง”
“...” กรสตาร์ทรถ ทันทีที่เครื่องยนต์ติดก็รู้สึกได้ถึงความแรงของรถตั้งแต่ยังไม่ได้ออกตัว ใบหน้าคมสะท้อนแสงไฟจากหลอดไฟแถวนั้นทำให้มองเห็นรอยยิ้มมุมปากของร่างสูง “ก็รถมันนั่งได้แค่สองคน”
“โอ้ โอ้...” พีทหรี่ตา แล้วยิ้มมีเลศนัยให้ตัวเอง คำตอบมันช่างชวนให้คิดว่ากรตั้งใจมารับเขาแบบนี้อยู่แล้วจังเลย
“ก็ตามนั้น ฉันอยากให้คืนนี้มีแค่เรา”
บรื้น!!!
พูดจบก็หันไปมองตรง แล้วเหยียบคันเร่งรถหรู
...แต่ถึงอย่างนั้นพีทก็ทันเห็นแววตาของผู้ล่าพร้อมขย้ำเหยื่ออยู่ดี
พีทรู้สึกวาบหวิวในช่องท้องเพราะแววตานั้น ใบหน้าเรียวหันหนีนอกหน้าให้ลมเย็นๆ มันตีหน้าแทนที่จะจ้องหน้าสารถีข้างๆ
ไม่ใช่แค่รู้สึกว่าคืนนี้เวลาเดินช้าลง แต่ลางสังหรณ์มันบอกพีทว่าค่ำคืนนี้จะยาวนานน่าดูเลยล่ะ
กึก!
เสียงกีตาร์ของพีทกระแทกคอนโซรลรถตามกฎแห่งความเฉื่อยของนิวตันยามที่กรเบรกรถกะทันหัน พีทหันไปมองซ้ายขวา รถมาจอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ และกรก็ลงจากรถโดยไม่บอกอะไรสักคำ
“อยู่บนนี้ เดี๋ยวมา” แต่ก่อนจะเดินเข้าร้าน กรไม่ลืมหันกลับมากำชับพีทเสียงเรียบ
“...อืม” ใบหน้าที่โน้มมาพูดกับพีทจนชิด ปลายจมูกที่เกือบแตะกัน
...สิ่งเหล่านี้ทำให้พีทใจเต้นตึกตักจนน่าหงุดหงิดจริงๆ
“เรากำลังจะไปไหนกันเหรอเสี่ย?” พีทออกปากถามทันทีที่กรออกรถอีกครั้ง ถนนหนทางเริ่มเป็นที่ที่พีทไม่คุ้นเคย แต่ถึงอย่างนั้นคนกลางคืนอย่างเขาก็ยังรู้ว่ามันคือย่านคนรวยเพราะคอนโดหรูสูงเสียดฟ้า ผับ บาร์ และร้านอาหารราคาแพงที่พากันทยอยเก็บร้านไปหมดแล้ว
“เรือนหอ” กรหันมาส่งรอยยิ้มและนัยน์ตาแพรวพราว เพียงไม่นานมือหนาก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าหนึ่งในคอนโดมิเนียมแถวนั้น
กึก!
รถเบรกอีกครั้งทันทีที่มันจอดเข้าที่เข้าทางในที่จอดรถของคอนโด และเครื่องก็ดับไปเพราะฝีมือของเจ้าของรถ กรหันมายิ้มให้เขา
“เชิญ”
“...” พีทจ้องมองรอยยิ้มกรนิ่ง
ยิ้มมีความหมาย การกระทำมีเลศนัย
เชื่อเขาเลย ทำหน้าทำตาแบบนั้นคิดจะเอาหน้าตาหล่อๆ มาทำให้คล้อยตามงั้นเหรอ?
ก็ได้ผลนั่นแหละ เล่นโดดขึ้นรถเขา แล้วนั่งนิ่งมาถึงที่ แล้วตอนนี้ก็ยังก้าวลงจากรถทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
...ถ้าไม่เรียกคล้อยตามก็ต้องเรียกสมยอมแล้วล่ะ
02.32 AM
ร่างของผู้ชายสองคนกำลังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของคอนโดนี้ พีทมองเงาที่สะท้อนอยู่บนประตูลิฟต์ แต่ไม่ใช่เงาของตัวเอง...
ใบหน้าของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังดูมีอะไรเป็นพิเศษโดยเฉพาะมุมปากยกๆ นั่น คนผมยาวอดไม่ได้ที่แขวะเบาๆ
“มีความสุขออกหน้าออกตาจังเนอะ”
“แน่นอน” กรยกมือขึ้นมากอดอกและยักไหล่ พีทกลอกตาแล้วเบะปาก
“เก็บอาการบ้างก็ได้เสี่ยกร”
ติ๊ง!
ในที่สุดลิฟต์ก็พาคนสองคนมาถึงชั้นบนสุดอันแสนจะเป็นส่วนตัว ความเป็นส่วนตัวของชั้นนี้มีมากขนาดที่ทั้งชั้นมีอยู่แค่ 2 ห้อง และมีคนเป็นเจ้าของตอนนี้เพียงห้องเดียวคือ กร
เขาถึงได้เรียกมันว่าเรือนหอ
ร่างสูงเดินนำพีทออกจากลิฟต์ ไปยังประตูห้อง ชายหนุ่มแตะคีย์การ์ดและกดรหัส ประตูห้องเปิดออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่กรจะผายมือเชิญพีทเข้าไปในนั้น
“...” พีทจ้องหน้ากร ในขณะที่กรแค่ตอบกลับไปด้วยยิ้มมุมปาก
ในที่สุดพีทก็เดินเข้าไปในนั้น
ห้องกว้างอย่างไม่น่าแปลกใจในเมื่อพื้นที่ทั้งชั้นมันแบ่งเป็นแค่ 2 ห้อง พีทปลดกระเป๋ากีตาร์ลงจากไหล่ พลางมองไปรอบๆ ห้อง การตกแต่งแบบโมเดิร์นก็ดูเหมาะกับคนแบบกรดี แต่ทำไมพีทถึงคาดหวังว่ามันจะเหมือนห้องหัวหน้ามาเฟียที่มีเครื่องเรือนเครื่องใช้เป็นไม้ แจกัน และตกแต่งด้วยมังกรเยอะๆ ก็ไม่รู้
ฟุ่บ!
พีทหันหลังกลับไปตามเสียง กรถอดเสื้อสูทตัวนอกโยนทิ้งไปบนโซฟา และกำลังดึงเสื้อเชิ้ตออกนอกกางเกง ร่างสูงสาวเท้ามาหาพีทด้วยฝีเท้าปกติ แต่พีทกลับรู้สึกว่าทุกก้าวมันช้าจนนับจังหวะได้
กรเดินมาประชิดตัวพีท และโน้มใบหน้าลงเกือบชิด สายตาคมราวกับว่าจะกรีดควักหัวใจที่เต้นรัวของพีทออกมาโยนเล่นได้ไล่กวาดไปทั่วใบหน้าเรียว พีทยืนนิ่งไปเลยเพียงแค่เขาใช้หลังมือไล้กรอบหน้านั้นอย่างแผ่วเบา กรยกยิ้มพอใจ มืออีกข้างล้วงของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมายัดใส่มือพีท
ก็ไอ้ของที่ซื้อมาตอนแวะร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ
“ฉันอาบน้ำก่อนละกัน ส่วนนายอาบทีหลัง...”
“...” พีทก้มมองกล่องเล็กๆ ในมือ ใจที่เต้นรัวอยู่แล้วกลายเป็นเต้นไม่เป็นจังหวะไปเลย
“เพราะนายอาจต้องใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติสักหน่อย”
พีทสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินออกจากห้องน้ำ แล้วมองซ้ายมองขวาหากรที่น่าจะนั่งอยู่ในนี้ แต่ไม่ปรากฏร่างแต่อย่างใด ทั้งบนเตียง และโซฟาที่ปลายเตียง หรือมุมใดๆ ในห้องนอน
แสดงว่าอยู่ข้างนอก... นึกได้อย่างนั้นพีทก็ทรุดตัวลงนั่งกับเตียงพลางถอนหายใจยาวๆ ออกมา
ไม่มีชุดให้เปลี่ยน มีสองทางคือถ้าไม่ใส่ชุดเดิมก็คงไม่ได้ใส่เลย ซึ่งพีทคิดว่าคืนนี้คงต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆ มือข้างที่สวมแหวนซึ่งกำลังลูบผ้านวมหนานุ่มเผลอกำเข้าหากันด้วยความจักจี้หัวใจ ในขณะที่พีทกัดริมฝีปากล่างแน่น
เป็นอะไรไปวะ ทำไมคืนนี้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
พีทเหลือบตามองประตูห้องนอน ความคิดที่จะลุกไปล็อคประตูขังตัวเองไว้ในห้องแวบเข้ามาในหัว
แกร๊ก!
แต่ยังไม่ทันได้ทำให้เป็นจริงกรก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อน ร่างสูงเดินล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมอาบน้ำที่ผูกเชือกซะหลวมจนเสื้อแหวกเห็นแผ่นอกแน่นๆ ของเจ้าตัว พีทบังคับสายตาให้จ้องเพียงแค่หน้ากร เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองจินตนาการที่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้
ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยกันมาก่อน แต่ตอนนั้นมันกรึ่มๆ เพราะเบียร์นี่หว่า
“รอนานไหม”
“ก็... เป็นเดือนเห็นจะได้” พีทแกล้งเบี่ยงประเด็นทั้งๆ ที่รู้ว่ากรกำลังหมายถึงอะไร เสี่ยใหญ่ยิ้ม หันหลังไปปิดประตูห้อง และกดล็อค
“โทษที ฉันไปเอาของที่นายวางทิ้งไว้ข้างนอกมา” ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ แผ่รังสีคุกคามหัวใจจนพีทอยากสลายตัวเองเป็นธาตุอากาศหายไปจากตรงนี้ สายตานักดนตรีหนุ่มมองไปยังมือที่ล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมของกร พีทรู้ดีว่าของที่อยู่ในนั้นคืออะไรเพราะตั้งใจวางมันทิ้งไว้ข้างนอกเองเนี่ยแหละ
กรโน้มตัว ยันท่อนแขนแกร่งกับเตียงคร่อมตัวพีทไว้ ใบหน้าคมขยับเข้าไปชิดจนปลายจมูกแตะกันเบาๆ พีททำใจดีสู้เสือ ไม่ยอมหลบตากร
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะคุณกร?” พีทพูดเสียงเบาจนแทบเป็นการกระซิบเพราะระวังไม่ให้ริมฝีปากแตะกับกร คนที่คร่อมตัวเขาแสยะยิ้ม และเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากตรงกับใบหูของพีท
“ใส่ทำไม เดี๋ยวก็ถอดหมดอยู่ดี” มือที่ยันเตียงข้างหนึ่งยกออกมา กรอ้อมมือไปข้างหลังพีท มือหนาดึงยางรัดที่ที่พีทใช้ขมวดผมไว้ตอนอาบน้ำจนผมยาวปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง
“...” ที่สุดพีทก็ทนจ้องตากรต่อไปไม่ไหว คนผมยาวหลบตาตอนที่แววตากรเต็มไปด้วยความโหยหาที่อ่อนโยน ความอ่อนละมุนไม่หยุดอยู่แค่สายตาแต่ยังรวมไปถึงสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่ลูบหัวพีทเบาๆ พร้อมคำพูดจากริมฝีปากบาง
“คิดถึงจัง” มือใหญ่ที่ลูบหัวเขาอยู่เลื่อนมาไล้กรอบหน้า มันไล่มาถึงปลายคางและเชยใบหน้าเขาเชิดขึ้นเพื่อบังคับให้พีทสบตากับตัวเอง
“...” พีทที่เหมือนถูกบังคับให้จ้องตากับกรกลายๆ ยิ้มออกมาตอนที่เห็นใบหน้าจริงจังของกร มือเรียวยื่นไปสัมผัสใบหน้าตรงหน้าอย่างแผ่วเบาเพื่อพิสูจน์ว่าภาพตรงหน้าจะไม่สลายกลายเป็นควันลอยฟุ้งเพราะเป็นเพียงแค่ความฝัน
“คิดถึงเหมือนกัน”
กรหลุบตามองมือของพีทที่วางอยู่ตรงสันกรามบนใบหน้าของตัวเอง มืออีกข้างยันเตียงอยู่ในที่สุดก็ยกออกมาจับมือของพีทที่วางอยู่บนกรอบหน้าของเขา กรจูบเบาๆ ลงบนแหวนเงินที่ตัวเองให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงไว้ แล้วเงยหน้ามาขึ้นสบตากับเจ้าของแหวนคนใหม่
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะ”
“...”
ปลายเท้าของพีทจิกเกร็งด้วยความเขิน ถ้าเห็นผู้ชายคนไหนทำใส่ผู้หญิงแบบนี้พีทคงร้องหยีว่าเสี่ยว แต่พอเป็นกรที่ทำให้เขามันกลับทำให้พีทสติล่องลอยเหมือนเทคยาเข้าไปเกินขนาด
ใบหน้าของกรโน้มลงมาอีกครั้ง มันขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแค่จ้องตา พีทจึงหลับตาลงอย่างรู้งาน
กรเลื่อนมือมาประคองใบหน้าพีทไว้น้อยๆ พลางประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของนักดนตรีหนุ่ม ริมฝีปากนั้นเลื่อนลงมาจูบเบาๆ ที่ปลายจมูก ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจุมพิตเปลือกตาของสองทั้งของพีทอย่างอ่อนโยน
“แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่มาอยู่ด้วยกันตรงนี้”
พีทลืมตาขึ้น รู้สึกเหมือนทุกสัมผัสกำลังทำให้หลอมละลายไปทั้งร่างกายและหัวใจ
รู้ตัวอีกทีกรก็ผลักพีทนอนราบลงกับเตียง ร่างสูงพาตัวเองไปคร่อมร่างพีทไว้ คนถูกผลักลืมตาขึ้นมา และก็ยังคงเห็นใบหน้ากรในระยะประชิดตามเดิม พีทได้กลิ่นกายที่คล้ายคลึงของตัวเองคงเพราะใช้ครีมอาบน้ำขวดเดียวกัน กลิ่นสดชื่นผสานกับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ เพราะกรดื่มมาบ้างจากบาร์ทำให้พีทเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน สัมผัสของนิ้วมือที่เกลี่ยปอยผมเขาไปทัดหู รอยยิ้มละมุนจากใบหน้าคมที่มักแสดงสีหน้าเย็นชา แววตาเอ็นดูที่ส่งมาให้เขา ทุกอย่างเหมือนกำลังกล่อมให้พีทลืมว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“พร้อมไหม?” เสียงทุ้มนุ่มหูเป็นพิเศษ พีทอยากส่ายหน้าใจจะขาด แต่ร่างกายกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม...
พีทประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากกรที่เพิ่งพูดจบ สัมผัสนิ่มช่วยเติมเต็มความคิดถึงที่บ่มเพาะจากช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน พีทโอบคอแขนรอบคอกร ดันท้ายทอยร่างสูงให้กดริมฝีปากลงมาแนบและแน่นขึ้นไปอีก กรขยับปากและเอียงใบหน้าไปมาอยู่อย่างนั้น
จังหวะการจูบเนิบนาบและเว้นจังหวะให้พีทได้หายใจ มือใหญ่กระตุกเชือกเสื้อคลุมทีเดียวก็หลุด ฝ่ามือกรลอดผ่านสาบเสื้อคลุมเข้าไปสัมผัสผิวกายเย็นชื้น มือที่ไล้วนอยู่บนไปทั่วทุกส่วนของร่างกายทำเอาหน้าท้องของพีทหดเกร็งอัตโนมัติ
ฝ่ามือที่ไล้วนอ้อมไปยังแผ่นหลังพีท เพียงแขนข้างเดียวก็โอบร่างทั้งร่างของคนผมยาวยกขึ้นอย่างง่ายดาย กรถอดเสื้อคลุมที่พันเกะกะอยู่บนตัวของพีทออก เหยื่อผู้เต็มใจจะถูกล่าถูกจับเปลือยร่างโดยผู้ล่าซึ่งกำลังไล่กัดชิมผิวเนื้อทุกส่วนที่ปรากฏให้เห็นทันทีที่ไม่มีอะไรมาขวาง
กรลงลิ้นกับตุ่มเนื้อบนหน้าอกแบนราบของคนด้านล่าง สลับกับลากริมฝีปากเฉียดไปมา พีทกัดฟัน นึกด่าตัวเองในใจแต่อันที่จริงไม่ใช่อะไร กำลังกลั้นเสียงครางตัวเองอยู่ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกทำแบบนี้จะรู้สึกแบบนี้ แต่ขอเถอะ... ไม่ต้องการเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
มือเรียวที่เคยถูกตราหน้าว่าหยาบกร้านล้วงเข้าไปคว้าเอาของลับที่หมิ่นเหม่จะโผล่ไม่โผล่ออกมาจากเสื้อคลุมซึ่งผูกไว้หลวมซะขนาดนั้น มันแข็งอยู่แล้วและพีทไม่กล้าจินตนาการถึงภาพจริง ได้แต่สัมผัสและขยับมือขึ้นลง สร้างเสียงครางทุ้มต่ำในลำคอของกร แต่ไม่สามารถหยุดริมฝีปากที่หยอกล้อกับแผ่นอกพีทได้เลย
“...ฮึ่ม” แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ในที่สุดกรก็เงยหน้ามาจ้องหน้าพีท สันกรามที่ขบจนขึ้นเส้นเลือด กับริมฝีปากบางเม้มแน่น สลับกับผ่อนลมหายใจไล่ความเสียวจากช่วงล่างคือสิ่งที่พีทเห็น ภาพโดยรวมที่เซ็กซี่จนผู้ชายด้วยกันอย่างพีทยังรู้สึกอิจฉา
มันคือความเซ็กซี่แบบผู้ชายที่ผสานความลงตัวจากหน้าตาและคาริสม่าของเจ้าตัว... พีทเผลอกัดริมฝีปากล่างกับภาพตรงหน้า รู้สึกมวลในช่องท้องอย่างห้ามไม่ได้
กรเงยหน้าผ่อนลมหายใจ ก่อนจะทรุดลงเมื่อมือแสนซนของคนผมยาวเร่งจังหวะ ใบหน้าคมฝังลงตรงซอกคอของพีท นักดนตรีหนุ่มได้ยินเสียงหอบหายใจของกร แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดมือ
ก็กรไม่ได้สั่งให้หยุดนี่นา
ดวงตาเรียวมองเหม่อไปที่เพดาน เผลอจินตนาการถึงของที่อยู่ในมือของตัวเอง... “ผมใช้ปากให้ไหม?”
กึก!
กรจับข้อมือพีทให้หยุดการกระทำและบีบแรงจนพีทต้องปล่อยมือ ร่างสูงยันตัวเองขึ้นมา ใบหน้าคมอยู่เหนือใบหน้าของพีทอีกครั้ง สายตาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของพีท “ไม่ต้อง เพราะเราทำอย่างอื่นที่ดีกว่านั้น”
“...”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจพีทเต้นรัวและเร็วไม่เป็นจังหวะ เป็นอีกครั้งที่พีทรู้ดีว่าจะเกิดอะไรแต่ก็ตามใจตัวเองมาถึงขนาดนี้ กรล้วงกระเป๋าหยิบถุงยางขึ้นมา แล้วฉีกซองอย่างใจเย็น พีทผงกหัวขึ้นมองร่างของกรที่หันหลังให้ตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบหลอดบางอย่างออกมา
“ครั้งแรกเจ็บหน่อยนะ”
นั่นน่าจะเป็นภาพและเสียงสุดท้ายที่พีทรับรู้ ก่อนจะสติจะลอยฟุ้งเพราะถูกมอมเมาด้วยรสชาติแปลกใหม่ที่กรสอนให้ลิ้มลอง
“...ฮ..แฮ่ก.. เสี่ย เสี่ยกร...”
ส่วนนี่น่าจะเป็นเสียงที่กรต้องการได้ยิน และต้องทำจนได้ยินมันดังก้องไปทั้งห้อง... ท่ามกลางอุณหภูมิร่างกายที่ทะยานสูงสวนทางกับอุณหภูมิห้องที่เย็นฉ่ำ
09.26 AM
หัวคิ้วของพีทขมวดเข้าหากันและเปลือกตาจะยังปิดอยู่ สัมผัสนิ่มที่ไล่พรมจากหน้าผากไปทั่วกรอบหน้าเรื่อยมาจนถึงหัวไหล่สร้างความรำคาญให้กับพีทไม่น้อย คนตัวบางกว่าขยับตัวขยุกขยิกหนีสัมผัสพวกนั้น ...แต่จะหนีไปไหนพ้น ในเมื่อพีทนอนขดตะแคงอยู่อ้อมกอดของกรอยู่อย่างนี้
“หึ” กรมองคนหน้าหงิก แล้วในนิ้วจิ้มแรงๆ ตรงหว่างคิ้วให้มันคลายออกจากกัน
“เสี่ย ผมง่วง...” พีทบ่นอุบแต่ยังไม่ยอมลืมตา กรเบ้ปาก เสียงทุ้มฟังดูอิ่มเอม
“ก็นอนไปสิ”
“...!” สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมามองค้อนใส่เสี่ยใหญ่ของตัวเอง ไอ้ครั้นจะอ้าปากด่า แต่พอเห็นรอยยิ้มละมุน กับแววตาเอ็นดูที่ส่งมาพีทก็ทำได้แค่บ่นพึมพำ “กวนตีน”
นี่แหละหนา ที่เขาเรียกกว่ากรรมตามสนอง เคยก่อกวนเขาไว้ เลยโดนเอาคืน แถมหนักกว่าหลายเท่าด้วย
“กี่โมงแล้ว?”
“เก้าโมงกว่า... ทำไม?” กรที่อุตส่าห์เอี้ยวตัวไปดูนาฬิกาให้เลิกคิ้วถามหน้านิ่ง พีทอยากเอามือผลักหน้านั้นแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ แต่เอาจริงๆ เขาเขินมากกว่า
“บ่ายมีสอนไง”
“ก็ยกเลิกไป” กรบอกก่อนจะเท้าแขนมองรอยแดงๆ บนตัวเองพีทพลางยิ้มพอใจ
“มันกะทันหันไป อีกอย่าง...” พีทเหลือบตามองหน้ากร “ไม่อยากให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแค่เพราะคุณเข้ามา”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้นแหละ มีแค่ฉันที่เพิ่มเข้าไปเท่านั้นเอง”
“พูดอะไรย้อนแย้ง มีเสี่ยเพิ่มเข้ามาคนเดียวก็เท่ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเลยครับ รู้ตัวไว้ซะด้วย” พีทตัวตะแคงหันไปอีกข้างพร้อมๆ กับดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เรื่องของเรื่องคือง่วง แต่อีกนัยนึงก็คือไม่อยากมองหน้ากร มันเขิน!
“ก็ค่อยๆ ปรับตัวเรียนรู้กันไป” กรเหมือนพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า “งั้นบ่ายนี้อยากไปสอนก็ไป เดี๋ยวไปส่ง”
“...” พีทในผ้าห่มรับรู้ด้วยความพึงพอใจจึงไม่ออกปากเถียงอะไร
“แต่ตอนเย็นไม่ต้องไปร้องเพลง ฉันจะไปรับกลับมา”
“ได้ไง!?” พีทโผล่พรวดออกจากผ้าห่ม มองมาดประหนึ่งผู้กำโลกไว้ในมือของกร
“ทำไมจะไม่ได้?”
“...อ๋อลืมไป” พีทกลอกตา แล้วยิ้มเยาะ “คุณมันเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้”
“ก็คงใช่...” กรกอดอก กล้ามเนื้อแขนล้นทะลักจนขึ้นเป็นลูกๆ มือวางบนหัวพีทแล้วลูบเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก “แต่ฉันรักและดูแลของที่ฉันได้มาทุกชิ้น นี่คือความจริงที่นายควรรู้ไว้”
ฟังแล้วคันแก้มยุกยิก รู้สึกเหมือนโดนบอกรัก พีทพลิกตัวกลับมาหากรแล้วซุกตัวกลับเข้าหาอ้อมแขนที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
การถูกดูแล คือสิ่งที่ลึกๆ พีทก็ต้องการเสมอมา และดูเหมือนว่ากรมอบมันให้เขาได้อย่างดี ดังนั้น ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมถึงเชื่อใจกรง่ายๆ แค่เจ้าตัวมาปรากฏตัวแล้วยื่นแหวนให้วงหนึ่ง ก็คงต้องตอบว่าพีทไม่มีความจำเป็นต้องฝืนความต้องการของตัวเองสักนิด ในเมื่อชีวิตเขาเคยตกอยู่ในความเสี่ยงนับครั้งไม่ถ้วน
เขาเลือกทางเดินให้ชีวิตตัวเองมาโดยตลอด และครั้งนี้ก็เช่นกัน...
พีทเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง