☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 18630 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เฮ้ยเดี๋ยว!!!!!!!! หมดแล้วหรอ รวดเดียว 13 อะจ๊ากกกกกเพลินมากก จนไม่รู้ตัว อ๊ากกกกกกกกกก อยากอ่านอีกอยากอ่านต่ออออแล้วววว กำลังลุ้น //สนุกกกกดีค่ะ ชอบบบอะ เพิ่งเจอแล้วเข้ามาอ่าน เพลินเลยทีนี้ //ไอ้พี่ทิวป่ะหว่ะ โรคจิต สงสารรี่มาก ซวยชิบหาย ไม่น่าเลย หรือว่าไอ้นั่นออกจากคุกมาแล้วมาแก้แค้น ใช่หรอ เดามั่วๆ 555 // อื้อหื้อออเจ้นท์หยอดได้หยอดอ่ะ หน้าด้านหน้าทนจริง ดิวหวั่นไหวไปอี๊กกก 5555555 //เนียร์กับหมอจ้านนี้ก็นะ แหม่~~~~~~~ 555555 //รอตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกกกกกกกก

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ลุ้นๆ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ
ปมเยอะเลย

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
[ดิว] - Chapter 14









ไม่รู้ว่าผมนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดมากี่ชั่วโมงแล้ว ..
จากที่ฟ้าเริ่มมืด จนตอนนี้เริ่มจะสว่างแล้วเจ้นท์กับหมอจ้านก็ยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัด
น้ำตาที่นองเต็มหน้าเริ่มแห้งหายไป.. ผมกับเนียร์ได้แต่นั่งภาวนาขอให้รี่ไม่เป็นอะไร
รี่.. มึงเป็นผู้หญิงบึกบึนนะเว้ยย ขอร้องละอยู่กับกู
อยู่กับกูต่อไปเถอะ ,,, ได้โปรด!!!!
 


“ดิวๆ หมอจ้านกับพี่เจ้นท์ออกมาแล้ว”
เนียร์สะกิดผมให้หันไปดูหมอทั้ง 2 คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัด
 


“เจ้นท์.. รี่เป็นไงบ้าง”
ผมรีบเดินเข้าไปหาเจ้นท์ .. ณ ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้วว่าเจ้นท์เคยทำร้ายผมแค่ไหน?
ผมรู้แค่เจ้นท์คือความหวังเดียวที่ผมมี เจ้นท์คือคนที่จะช่วยรี่ได้
 


“อืมม ผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีแล้วละ ตอนนี้ก็เหลือแค่รี่เองว่าจะสู้มากน้อยแค่ไหน?”
เจ้นท์ตอบกลับมา ก่อนจะดึงตัวผมไปกอด แล้วตบหลังผมเบาๆเป็นการปลอบใจ
 


“คือเราไม่รู้ว่ารี่โดนทำร้ายมาก่อนหรือเปล่า แต่สภาพรี่คือบอบช้ำมาก เราผ่าตัดเอาเลือกคั่งในสมอง และเลือดที่คั่งในช่องท้องออกให้แล้ว .. ตอนนี้รี่ต้องนอนดูอาการที่ ICU ก่อน เดี๋ยวเนียร์กับดิวตามพยาบาลไปได้เลยนะเค้ากำลังจะพารี่ไปพักที่ห้อง ICU “
หมอจ้านเป็นคนอธิบายให้ผมกับเนียร์เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ก่อนที่หมอจ้านจะหันไปเรียกพยาบาลมาคุยเรื่องของการดูแลอาการของรี่
 
ขั้นตอนการย้ายรี่ออกจากห้องผ่าตัดไปห้อง ICU นั้นใช้เวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมง
ตอนนี้ผมกับเนียร์มายืนดูรี่อยู่ข้างๆกระจกกั้นห้อง ...
หมอจ้านบอกว่าวันนี้อย่าเพิ่งเข้าไปข้างใน .. รอให้รี่ได้พักร่างกายก่อน
ถ้าทุกอย่างโอเคแล้วหมอจ้านจะอนุญาตให้เข้าไปดู
 


“เจ้นท์ ... เรื่องตำรวจเอาไง?”
เป็นหมอจ้านที่หันไปถามกับเจ้นท์
 


“เดี๋ยวไปคุยที่ห้องทำงาน เพราะอีกชั่วโมงกว่าๆต้องประชุมเรื่องผ่าตัดเคส VIP”

หมอจ้านพยักหน้าให้กับเจ้นท์ ก่อนจะเดินนำหน้าเจ้นท์ไปที่ห้องทำงาน
ผมกับเนียร์เลยเดินตามหมอจ้านและเจ้นท์มานั่งคุยกันที่ห้องทำงานด้วย
 


“ไหวไหม” พอเข้ามาในห้องทำงานของเจ้นท์แล้ว
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเจ้นท์ที่ตอนนี้นั่งเอาหน้าฟุบลงกับหมอนรองหลังบนโซฟา
 


“อืมม ถ้าได้นอนสักชั่วโมงสองชั่วโมงน่าจะดีขึ้น”
เจ้นท์ยังไม่ได้นอนเลย .. เมื่อวานก็นอนดึกเพื่อเตรียมจัดสัมมนา พอสัมมนาเสร็จก็ต้องมาผ่าตัดให้รี่อีก
จนเข้าวันใหม่แล้ว เจ้นท์ยังไม่ได้นอนพักสักนิดเลย เห็นว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องผ่าตัดให้ VIP แล้วด้วย
มันจะไหวไหมนะ???
 


“งั้นมึงไปนอน เรื่องตำรวจกูจัดการเอง ถ้าพวกทีมผ่าตัดมาพร้อมแล้วจะเข้ามาปลุกละกัน”
เจ้นท์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะมองสบตากับผม
 


“นอนเถอะ”
หื้อออ???? ก็ไม่อยากจะโวยวายหรือด่ามันหรอกครับ
เห็นสภาพนี้แล้วก็อดสงสารและเห็นใจมันไม่ได้
ผมเลยลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงมือเจ้นท์ให้ลุกขึ้นยืนด้วย
 


“นอนในห้อง”
จากหมาที่ทำหน้าหงอยๆเมื่อกี้ ยิ้มออกมาซะอยากจะต่อยหน้ามันซะที


 
“ครับ” เจ้นท์รีบตอบกลับมาทันที ก่อนจะลากผมเข้าไปในห้องนอน
ทิ้งให้หมอจ้านกับเนียร์แซวกันเบาๆ
แต่นาทีนี้.. คำว่าอายไม่มีเหลือแล้วครับ
 


“อาบน้ำก่อนดิ” ผมยืนมองหมอเจ้นท์ หรือไอ้พี่เจ้นท์ที่ล้มตัวลงนอนอยู่กลางที่นอน
มองยังไงก็ไม่น่าใช่หมออะ? - -‘
ไม่มีเสียงตอบรับครับ.. ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ ได้ยินเสียงหายใจที่ดังออกมาก็เบาใจหน่อย
นึกว่าช๊อคตายไปแล้วซะอีก...
 


เจ้นท์หลับไปแล้ว.. ทั้งๆที่หัวถึงหมอนไม่ถึง 5 นาที
สงสัยจะเหนื่อยมากจริงๆนั้นแหละ
 
 



ผมขยับตัวเจ้นท์ให้นอนหนุนหมอนดีๆ แล้วก็ห่มผ้าห่มให้
ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะว่าตั้งใจไว้จะไปนั่งเฝ้ารี่ที่หน้าห้อง ICU
และไหนจะต้องติดต่อพ่อแม่ของรี่อีก .. ป่านนี้พี่ทิวจะรู้เรื่องหรือยังนะ?
พอผมแต่งตัวเสร็จแล้วก็ล้มตัวมานั่งข้างๆเจ้นท์ที่นอนหลับสนิทไปแล้ว
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาพี่ทิว ...
รอสายไม่นานพี่ทิวก็รับสาย...



 
[ ว่าไงดิว ]
 
“พี่ทิวอยู่ที่ไหนครับ”
 
[ พี่กลับบ้านนะ พอดีที่บ้านพี่โทรตามให้กลับมาทำธุระให้  ดิวมีอะไรหรือเปล่า ]

พี่ทิวกลับบ้านจริงๆด้วย.. เหมือนที่บอกกับเพื่อนๆไว้เลย
เดี๋ยวก่อนนะไอ้บ้าดิว... นี้แกกำลังสงสัยในตัวพี่ทิวงั้นหรอวะ?
 

“คือพี่ติดต่อรี่ได้หรือยังครับ”
เพราะเรื่องที่เนียร์พูด หรือเพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันทำให้ผมเลือกที่จะไม่บอกเรื่องของรี่ให้พี่ทิวทราบ
 
[ อ่อ.. ติดต่อได้แล้ว ]
หื้อออ? ติดต่อได้แล้ว?
อยู่ๆผมก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ก็เหมือนจะไม่มีแรงซะยังงั้น
 
“เมื่อไหร่ครับ”
 
[ วันนี้ก็เพิ่งคุยกันนะ เห็นบอกว่ากำลังจะกลับบ้านนี้แหละ ยังบอกพี่เลยว่าเย็นนี้จะไปหาอะไรทานที่ตลาดโต้รุ่งด้วยกัน ]

โกหก.... พี่ทิวโกหก!
 
“คะ .. ครับ”
มันเหมือนมีก้อนอะไรซะอย่างมาจุกอยู่ที่อกของผม.. ผมคิดอะไรไม่ออก และก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
 
[ ถ้าเย็นนี้รี่มาถึงแล้วพี่จะบอกให้โทรกลับไปหาเรานะ ไปทำอะไรให้รี่โกรธหรือเปล่ามันถึงไม่รับสายเรานะ ]
 
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้ายังไงพี่ทิวบอกรี่ด้วยนะ.... ว่าดิวจะไม่ยอมให้รี่ต้องเจ็บฟรีแน่นอน”

 
พอผมพูดจบผมก็รีบกดปิดเครื่องทันที... ผมกลัวพี่ทิว
พี่ทิวที่ผมรู้จักมาหลายปี.. กลายเป็นคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ทำไมถึงต้องโกหกว่าเพิ่งคุยกันเมื่อเช้า?
ในเมื่อรี่มันอยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ.. และเพิ่งออกมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง
 

พี่ทิว..... ไม่ได้ทำร้ายรี่ใช่ไหม???

 


ผมไม่รู้ว่าผมร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่
มารู้ตัวอีกทีตอนที่เจ้นท์ตื่นขึ้นมาแล้วดึงผมเข้าไปกอด
 


“ไม่เป็นไรนะดิว .. พี่อยู่ตรงนี้แล้ว.. ไม่ต้องร้องไห้นะ”
เจ้นท์กอดผม และปลอบผม ทั้งๆที่เจ้นท์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าผมร้องไห้เพราะอะไร
และมันก็เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ที่จะบอกกับเจ้นท์ในตอนนี้
เพราะน้ำตา .. ความกลัว และความสับสนที่ผมกำลังมีมันแน่นอยู่เต็มอก
 


ผมร้องไห้อยู่กับอกของเจ้นท์...นานมาก จนเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นมา
 


“เจ้นท์... ห้องประชุมพร้อมแล้ว”
เสียงหมอจ้านมาตามเจ้นท์ไปประชุม
 


“เออ.. เดี๋ยวไป”
เจ้นท์ตอบกลับหมอจ้านไป ก่อนจะหันมามองหน้าผม
 


“โอเคไหม? พี่ต้องไปประชุม ดิวอยู่คนเดียวไหวไหม? หรือจะไปอยู่กับเนียร์”
 


“อยากอยู่กับเจ้นท์”

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไว้ใจใครได้อีกไหม?
ที่ไหนจะปลอดภัยสำหรับผม?
ผมรู้แค่กอดของเจ้นท์ เสียงของเจ้นท์... คือสิ่งที่ผมต้องการที่สุด......
 


“เดี๋ยวพี่มา.. พี่ไปประชุมเตรียมงานแป๊บเดียว
ไปอยู่กับเนียร์ก่อนนะ ชวนเนียร์ลงไปซื้อข้าวกับกาแฟมาให้พี่หน่อยได้ไหม พี่หิวมากๆเลย
แล้วเดี๋ยวเรามานั่งคุยกันนะ ... นะครับ”
 
“อืมม ได้”

เจ้นท์ก้มลงมาหอมแก้มผม ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
ผมก็เขินนะ อยากด่าก็อยาก.. แต่ก็กลัวเจ้นท์จะหายไปจากชีวิตผมอีกคน
เอาวะ.. แค่หอมแก้มเองยอมๆไปเถอะ!!!
 


เกือบ 30 นาที เจ้นท์ก็พาผมออกมาหาหมอจ้านที่ห้องทำงาน ก่อนจะสั่งให้ผมกับเนียร์ลงไปหาอะไรทาน
แล้วให้ซื้อขึ้นมาให้ทั้งหมอจ้านและเจ้นท์ด้วย
ผมกับเนียร์ก็รีบปฏิบัติตามทันทีครับ คงเพราะสีหน้าของทั้ง 2 คนไม่ได้กวนตีนแบบทุกที
และคำพูดที่ดูเป็นการเป็นงานของทั้ง 2 พี่น้องนั้นด้วยแหละ ผมกับเนียร์เลยไม่อยากจะโวยวายหรือพูดไม่ดีกลับไป
 
 
 
 
 
 
 
 
“อึดอัดวะมึง”
เนียร์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่ม
ตอนนี้ผมกับเนียร์กำลังรอกาแฟของหมอจ้าน ที่ต้องกินเมนูแปลกๆชื่อยาวๆ ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะวุ่นวายอะไรขนาดนั้น
กับการจะกินกาแฟแต่ละที....
 
“ทำไมวะ” ผมนั่งดูรายการอาหาร และขนมที่ซื้อมาให้เจ้นท์ ก่อนจะเงยหน้าไปมองหน้าเนียร์
 
“ไม่รู้ดิ... รี่ก็เกิดอุบัติเหตุ หมอจ้านก็วุ่นวายเรื่องผ่าตัด เรื่องตำรวจ ส่วนพี่เจ้นท์ที่ทำหน้าตลกๆก็มาทำหน้าเครียดใส่  กูเลยรู้สึกหดหู่”
 
“อืมม กูก็ไม่ต่างกันหรอก แต่เอาเถอะวะ.. มันอาจจะมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกแย่มากกว่านี้ก็ได้”

ผมยังไม่อยากบอกเนียร์เรื่องของพี่ทิว เพราะอยากปรึกษาเจ้นท์ก่อน
ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเนียร์หรอกนะ... แต่กลัวว่าเนียร์จะตกใจและไม่อยากไปย้ำกับความรู้สึกที่เนียร์มีกับพี่ทิว
เพราะเนียร์มันบอกว่าพี่ทิวน่ากลัว และดูแปลกๆ
 

“ยังจะมีเรื่องอะไรอีกวะ.. แค่นี้กูก็ไม่ไหวแล้วนะเว้ยยย”
เนียร์บ่นพึมพำกับตัวเองอีกนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปรับแก้วกาแฟ แล้วชวนผมกลับขึ้นมาบนห้องทำงานของหมอจ้าน
 
 
 
“อีกนานแน่ๆ กาแฟร้อนกลายเป็นกาแฟเย็นชัวร์”
เนียร์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอากาแฟกับถุงขนมที่ซื้อมาไปเก็บไว้ที่โต๊ะกาแฟในห้อง
ผมเลยเดินตามเอาของพี่เจ้นท์ไปวางไว้ด้วย
 
ผมกับเนียร์นั่งคุยกันเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนกันไปเรื่อยๆ จนเกือบๆ 2 ชั่วโมง
คุณหมอทั้ง 2 คนก็กลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้ากันสุดๆ
 


“ทานข้าวเลยนะ”
ผมหันไปถามเจ้นท์ .. ซึ่งเจ้นท์ก็พยักหน้าตอบกลับมาให้ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆหมอจ้าน
ผมกับเนียร์เดินไปอุ่นข้าวกล่อง และอุ่นกาแฟกันในโซนห้องครัว
พอกลับมาที่โซฟารับแขก ก็เห็นหมอจ้านและหมอเจ้นท์หลับกันทั้งคู่
 

“สงสัยได้อุ่นข้าวกันอีกรอบแน่ๆ ปล่อยให้นอนกันไปก่อนละกัน”
เนียร์พูดจบก็เดินกลับเอาข้าวกับกาแฟไปเก็บไว้ที่เดิม
ผมก็ได้แต่เดินตามเนียร์เอากับข้าวไปเก็บไว้ แล้วเดินมานั่งข้างๆพี่เจ้นท์
ก่อนจะดึงพี่เจ้นท์ให้ล้มตัวลงนอนแล้วเอาหัวมาหนุนที่ตักผม
 

“เดี๋ยวก็เมื่อยหรอก” พี่เจ้นท์ที่รู้สึกตัวแล้วลืมตามาพูดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
 
“นอนไปเถอะนะ”  ผมตอบกลับไป ซึ่งพี่เจ้นท์ก็ไม่โกงครับ  ยิ้มตอบกลับมาให้ผมทันที : )
 
 
 

หมอทั้ง 2 คนนอนหลับไปเกือบๆ 1 ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาพร้อมๆกับบ่นว่าหิว
ผมกับเนียร์เลยได้เดินไปอุ่นกับข้าวมาให้อีกรอบ.. และรอบนี้ก็ทำสำเร็จครับ
หมอจ้านและพี่เจ้นท์ได้ทานข้าว และกาแฟที่ผมกับเนียร์อุ่นให้เรียบร้อย
 

“เดี๋ยวสักพักพี่ต้องไปผ่าตัด VIP ดิวจะกลับไปเอาของที่ห้องไหม?”
พี่เจ้นท์หันมาถามผม หลังจากทานข้าวอิ่มแล้ว
 
“อืมม อยากกลับไปเอาหนังสืออ่านเล่น กับเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยอะ”
 
“งั้นให้จ้านไปส่ง”
พี่เจ้นท์พูดจบก็หันไปมองหน้าหมอจ้าน ซึ่งหมอจ้านก็พยักหน้าตอบตกลงกลับมา
 

“ช่วงนี้ไปไหนก็ขอให้มีจ้าน หรือมีพี่ไปด้วยทุกครั้งนะ อะไรหลายๆอย่างมันยังไม่ลงตัว พี่เป็นห่วง”
แค่คำพูดว่าเป็นห่วงอย่างเดียวผมคงไม่รู้สึกร้อนๆหน้าแบบนี้หรอกครับ แต่เพราะสายตาที่พี่เจ้นท์มองผม
มันบ่งบอกว่าเป็นห่วงจริงๆนั้นแหละ ... ผมถึงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
นี้แอร์เสียหรือยังไง? ทำไมร้อนแบบนี้!!!!
 

“อืมม”
ผมตอบกลับไป ก่อนจะรีบยกจานข้าวกับแก้วน้ำของพี่เจ้นท์มาเก็บ
ขืนนั่งต่อไปมันต้องเห็นว่าหน้าผมแดงอยู่แน่ๆ
 
“เออจ้าน.. กูกลับไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวก่อนนะ เดี๋ยวไงกูพาดิวมาส่งให้มึงที่ห้อง
แล้วก็ดูแลดิวดีๆ ไม่งั้น VIPมึงไม่รอดแน่!!!”

เดี๋ยวนะไอ้พี่หมอเจ้นท์! มึงเป็นหมอนะเว้ยย มาพูดแบบนี้ได้ไงกัน
มันน่าต่อยปากจริงๆเลย
 
“ไอ้หมอเถื่อน!!!” หมอจ้านด่าพี่เจ้นท์กลับไป ก่อนจะหันไปหยิกแก้มไอ้เนียร์เล่น
เลยทำให้ไอ้เนียร์ด่ากลับไปอีก
 

“ไปห้องของเรากัน” พี่เจ้นท์หันมาดึงมือผมให้ออกจากห้อง ก่อนจะขยิบตาทำหน้าทะเล้นใส่ผม
แต่ต่อให้พี่เจ้นท์ทำหน้าหื่น หรือทำหน้าทะเล้นมากแค่ไหน..
ในตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าพี่เจ้นท์กำลังฝืนทำให้ตัวเองร่าเริงไปยังงั้นๆแหละ
ก็หน้าของพี่เจ้นท์ตอนนี้โคตรจะเหนื่อยและก็ดูเครียดสุดๆ
 


เราเดินด้วยกันมาเงียบๆ จนเข้ามาถึงในห้องพักของพี่เจ้นท์
พี่เจ้นท์ก็เป็นฝ่ายถามผมขึ้นมาก่อน..
 


“ตอนนั้นร้องไห้ทำไม? แล้วคุยโทรศัพท์กับใคร?”
ผมนั่งชั่งใจอยู่สักพักเลยตัดสินใจเล่าให้พี่เจ้นท์ฟัง
พอพี่เจ้นท์ได้ฟังก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที....
 

“ทำไมทิวต้องโกหกด้วยวะ?”
 
“นั้นสิ.. คิดเหมือนกันใช่ไหม? โกหกทำไมกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าที่รี่เป็นแบบนี้เพราะพี่ทิวอะ”
 
“แต่รี่กับทิวก็คบกันมานานแล้วไม่ใช่หรอ?”

อืมมมม... พี่ทิวกับรี่คบกันหลังจากที่คีย์เสียไปแล้ว มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ
 
“นานแล้วละ ตั้งแต่คีย์เสียอะ”
พอพี่เจ้นท์ได้ยินชื่อคีย์.. ก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมอีก
 
“คีย์ไหน? ใช่เพื่อนที่ดิวไปงานศพไหม? ที่แปะรูปไว้ในห้องนะ”
ผมพยักหน้าตอบกลับไป
 
“เล่าเรื่องคีย์ให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
จริงๆแล้วผมไม่อยากพูดเรื่องของคีย์ซักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมา
พอพูดแล้วภาพของคีย์.. สายตาของคีย์ในวันนั้นมันลอยขึ้นมาในทันที
แต่ผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวของคีย์ให้เจ้นท์ฟัง
โดยที่ผมก็ลืมไปเลยว่า.. ผมกับเจ้นท์เพิ่งจะรู้จักกันมาไม่นาน
ทำไมผมถึงไว้ใจคนๆนี้ได้ขนาดนี้นะ?
แล้วผมจะต้องเสียใจไหม... ถ้าเจ้นท์ไม่ใช่คนที่ควรไว้ใจ?????
 
 
“เท่าที่ดิวเล่ามา คนที่ทำร้ายคีย์อยู่ในเรือนจำใช่ไหม?”
หลังจากเจ้นท์ฟังเรื่องของคีย์จบก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามผม
 
“อืมม ใช่.. ที่รู้ๆตอนนี้ก็ยังอยู่นะ”
 
“เรื่องที่ดิวเคยแจ้งความไว้ แล้วหายไปจากระบบคือเรื่องนี้แน่ๆ”
 
“อ้าววรู้ได้ไงว่าเคยแจ้งความ พ่อดิวไปขอให้เพื่อนๆช่วยนะ เพราะไม่อยากให้ดิวต้องเสียใจ
ตอนที่คีย์ตาย ดิวทำอะไรไม่ถูกเลย แทบจะใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่ได้เลยละ
ภาพของคีย์ สายตาคีย์ที่มองมา.... มันทำให้ดิวแทบจะไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปเลยด้วยซ้ำ”
 
“พี่เคยให้จ้านตามสืบเรื่องของดิวนะเลยพอจะรู้มา...
แต่ดิวรู้จักคนที่ทำร้ายคีย์ไหมว่ามันชื่ออะไร บ้านมันอยู่ที่ไหน?”
 
“อืมม เคยได้ยินนะ... แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่ออะไร ... คอย ตอย จอย อืมมม หรือ ทอยนี้แหละ”
 
“เอานะ.. ยังไงตอนนี้ก็ดูแลตัวเองไปก่อน หลังจากผ่าเคส VIP นี้เสร็จพี่จะมาช่วยคุยกับพ่อแม่รี่ให้
ส่วนเรื่องของทิว... พี่จะให้จ้านมันสืบเพิ่มมาให้ ว่าก่อนมันกลับบ้านมันไปที่ไหนมาบ้าง”
 
“ขอบใจ”

ผมตอบพี่เจ้นท์กลับไป...
 
“เรื่องของดิวก็เหมือนเรื่องของพี่นั้นแหละ”
หื้มมม.. ทำไมวันนี้พี่เจ้นท์มึงดูหล่อและแพงมากขนาดนี้วะครับ!!!
ผมเกือบจะเคลิ้มไปกับคำพูดสวยๆหรูๆของเจ้นท์แล้วละครับ
ถ้ามันไม่ดึงผมล้มลงไปนอน แล้วก็หอมแก้มผม เออ เรียกว่าฟัดเลยก็ได้ครับ
แก้มผมช้ำไปหมด... ผมก็ยอมนะเพราะพี่เจ้นท์ช่วยผมไว้เยอะ
แต่พอมันหลุดพูดประโยคหนึ่งออกมา... ผมแทบจะถีบมันลงเตียงทันที
 



“ก็ดิวเป็นเมียพี่ เรื่องของเมียก็เหมือนเรื่องของพี่”
 
 
หึหึ ... ไอ้พี่เจ้นท์!!!!!!!!!!
 
 

 
 
 
 
 
และแล้วเวลาที่หมอเจ้นท์ต้องกลับไปทำหน้าที่ก็มาถึง...
ท่าทางสุขุม และดูน่าเชื่อถือนั้น.. แม่งโคตรหลอกตาผมเลยจริงๆ
เพราะไอ้หมอเจ้นท์คนนี้นี้แหละมันคือคนๆเดียวกับที่พยายามจะปล้ำผมเมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา
ข้ออ้างของมันโคตรน่าถีบสุดๆ
 

“ไม่ได้นานแล้วนะ อยากว่ะ”
อยากมากมึงไปห้องน้ำเลยครับไอ้บ้าเอ้ยยย!!!!!
 

“ไปกับจ้านนะ แล้วรีบกลับมารอที่ห้อง”
หมอเจ้นท์หรือไอ้หื่นเจ้นท์หันมาสั่งผม ก่อนจะเดินไปห้องผ่าตัดกับทีมผ่าตัด
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับมันเบาๆ ก่อนจะหันมาเจอหมอจ้านที่ยืนแจกยิ้มสวยๆให้กับคนไข้และญาตของคนไข้ได้กรี๊ดกัน
 
“ไปกันเลยไหมครับ?”
ผมเอ่ยถามหมอจ้าน ที่ยังยืนยิ้มให้คนนั้นคนนี้ไม่หยุด
 
“ไปกับกูสองคนก็ได้นะ.. ปล่อยมันยืนบ้านี้แหละ”
เนียร์ลากแขนผมให้เดินไปที่หน้าโรงพยาบาล แต่เดินไปได้นิดเดียวหมอจ้านก็รีบวิ่งตามมา
ก่อนจะหันไปพูดแหย่อารมณ์ไอ้เนียร์ให้โกรธเพิ่มขึ้นมา
 
“หึงก็บอก.. วันหลังก็เดินเข้ามากระชากแขนพี่แล้วบอกว่า.. อย่ายิ้มให้ใครอีก เนียร์ห่วง แบบนี้ดิ”
เห้ออ.. ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ เป็นหมอกันได้ไงวะ?
 



หลังจากเก็บของที่คอนโดเสร็จแล้ว กำลังจะชวนหมอจ้านกับเนียร์กลับไปที่โรงพยาบาล
เสียงโทรศัพท์ที่ห้องก็ดังขึ้นมา....
 


“รับสิ”
หมอจ้านบอกให้ผมรับสาย แต่ผมยืนมองโทรศัพท์อยู่แบบนั้น....
ผมกลัว!
 
 
 
ครั้งก่อนก็โทรมาที่ล๊อบบี้ข้างล่าง.. วันนี้โทรเข้ามาในห้อง
แปลว่ามันตามผมทุกฝีก้าวเลย.. และวันนี้มันก็คงตามผมมาที่คอนโด
ไม่แน่ว่ามันอาจจะอยู่ข้างล่างก็ได้ หรือมันอาจจะยืนเอาปืนจ่อรออยู่หน้าห้องก็ได้
 

หมอจ้านเดินไปรับสาย ก่อนจะกด Speaker Phone
 


“ดิว!”
เสียงของหวานดังออกมา...
เอ๊ะ... เสียงหวานหรอ?
 


“หวาน... ทำไมไม่โทรเข้ามือถือละ?”
ผมรีบตอบกลับไปในทันที
 


“ดิว.. ช่วยหวานด้วย”
 


ตี๊ดด .. ตี๊ดดดดด
 
สายหลุดไปแล้ว....
 
 
 

ผมยืน งง กับเหตุการณ์ตรงหน้าสักพัก ก่อนจะรีบเอามือถือมากดโทรหาหวาน
แต่ก็โทรไปไม่ติด!
 
 
“ดิว... เกิดอะไรขึ้นวะ?”
 
“เนียร์.. หวาน... หวานจะเป็นอะไรไหมวะ”
 
“มึงใจเย็นๆ พยายามโทรติดต่อหวานก่อน เบอร์มือถือโทรติดไหม?”
 
“มะ ไม่ ไม่ติด”

มือผมตอนนี้สั่นมาก... มือถือที่ถือไว้ก็หล่นลงไปบนพื้นห้อง และผมเองก็ยืนแทบไม่ไหว
นี้มันอะไรวะ?
 


เมื่อวานผมต้องเจอกับสภาพของเพื่อนรักของผม.. ที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด
เช้ามาผมก็ต้องรู้สึกแย่กับคำโกหกของพี่ชายที่ผมเคารพและรักมาก
พอมาตอนเย็น... แฟนผม ก็โทรมาบอกให้ผมไปช่วย
 
เห้ยยย. นี้มันเกิดอะไรกับชีวิตผมกันแน่!!!!

 


 
“ทำไมวะ ทำไม.. ต้องเกิดเรื่องราวแบบนี้ ใครมันทำแบบนี้กัน”
ผมเริ่มสะอื้นออกมา และเริ่มโวยวายอยู่คนเดียว
เนียร์ที่พยายามเดินเข้ามาโอบกอดผมไว้ ผมก็ผลักเนียร์ออกไป
ผมไม่รู้เลยว่าผมโวยวาย และร้องไห้ไปนานแค่ไหน....
มารู้อีกทีก็ตอนที่หมอจ้านเดินเข้ามาตบหน้าผม
 


“ดิว.. ตั้งสติ!!!”
 
“เห้ยยย ไปตบมันทำไม”

เสียงเนียร์กับหมอจ้านทะเลาะกันอยู่ข้างๆตัวผม แล้วก็แรงตบหน้าจากมือของหมอจ้านอีกนั้นแหละที่ตบเรียกสติผมอีกครั้ง
 
“อยากให้หวานมันตายไปอีกคนหรือไง! มีสติได้แล้วเว้ยย มาฟูมฟายแบบนี้จะรู้ไหมละว่าใครมันกำลังเล่นเกมส์กับเราอยู่  จะรู้ไหมว่าใครมันล่าเราอยู่ อย่าทำตัวอ่อนแอเป็นแค่หมากในเกมส์ของมันสิ หันเป็นผู้ล่าบ้าง!!!”
ผมเข้าใจในทุกสิ่งที่หมอจ้านบอก... แต่ลำพังแค่ตัวผม... จะมีแรงที่ไหนไปสู้กับคนที่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร
ผมจะไปล่ามันได้ยังไงกันละ???
 
“หมอจ้าน... พาผมไปหาพี่เจ้นท์หน่อย”
ผมรีบลุกขึ้นยืน แล้วจับแขนหมอจ้านไว้ .. เวลานี้ผมต้องการเจ้นท์..
เจ้นท์ต้องช่วยผมได้แน่ๆ เจ้นท์ต้องปกป้องหวานและลูกได้แน่ๆ
 
“สัญญาได้ไหม.. ว่าจะพูดความจริงๆทุกๆอย่างไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
ถ้าดิวยังไม่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง.. พวกพี่ก็จนปัญญาที่จะช่วยดิวกับหวานนะ”
 
“อืมมม... ดิวสัญญา”
 

 
ผมตัดสินใจแล้ว......
บางที.. เรื่องราวในอดีตที่ผมพยายามจะลืมมันไปนั้น
ผมคงต้องพูดมันออกมา.. เพื่อแลกกับชีวิตของหวานและคนรอบๆตัวผมในขณะนี้
 
อดีต... ที่มันเปลี่ยนชีวิตของผม , หวาน และคีย์
จากมิตรภาพ.. เสียงหัวเราะ.. ความสุขที่ผมเคยมี
กลับเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยน้ำตา และการพรากชีวิตของคนที่ผมรัก.




------------------------------------------
อดีต ที่ดิวพยายามปิดไว้คืออะไรกันนะ??
เรื่องนี้ไม่ดราม่าค่ะ  พี่หมอเจ้นท์มันหื่นขนาดนี้
รับรองว่ามีฉากฟินๆ มุ้งมิ้งๆตามแบบฉบับพี่เจ้นท์แน่นอน : )
ตามลุ้นด้วยกันนะว่าปมที่ดิว หวาน และคีย์พยายามเก็บไว้นั้นคืออะไร
ฝากเด็กๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยน๊าาา


ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ลุ้นจนอึดอัดแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ค้างเฉย แต่เราว่าทิวมีซิมติ่ง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบ มีปมซับซ้อน ให้จดจ่อ ตามติด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องเขียนได้ไหลลื่นดี ชอบบบบ :mew1: :mew1: :mew1:
พี่ทิว อยู่เบื้องหลังทั้งหมดหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
ที่ จีบ รี่ ก็เพื่อได้ใกล้ชิดดิว
รู้ความเป็นไปของดิว
เรื่องแปะโพสท์ว่าดิว ขายตัว
พี่ทิวก็คงทำด้วย
แล้วเรื่องหวาน ล่ะ คงด้วยละสิ
เพื่อยึดกิจการ ธุรกิจครอบครัว
หรือแก้แค้นดิว
คีย์ เป็นอะไรกับทิว น้องหรือเปล่า ? :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
[ดิว] - Chapter 15

 




“เดี๋ยวอาบน้ำก่อน แล้วค่อยคุยกันนะ”
หมอจ้านกับเนียร์พาผมกลับมาพักที่ห้องของพี่เจ้นท์ในโรงพยาบาล
ส่วนพี่เจ้นท์นั้นยังผ่าตัดไม่เสร็จ ซึ่งถ้าผ่าเสร็จแล้วอาจจะต้องดูอาการของเคส VIP ก่อนถึงจะกลับมาพักได้
 


“มึงอยู่คนเดียวไหวไหม? ให้กูอยู่กับมึงนะ”
พอผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ออกมาก็เห็นเนียร์มันนั่งรออยู่ในห้อง ส่วนหมอจ้านออกไปดูเคสด่วน
 


“มึงก็ไปพักเถอะ กูไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
ก็เหนื่อยด้วยกันมาทั้งวันแล้ว.. ผมเลยอยากให้เนียร์มันได้พักบ้าง เพราะยังไงๆเรื่องของผมก็คงต้องรอเจ้นท์ก่อน
 

“กูเป็นเพื่อนมึงนะดิว.. มึงไว้ใจกูได้เสมอมึงรู้ใช่ไหม?”
 

“อืมม   ขอบใจมากเนียร์.. ตั้งแต่กูมาเรียนที่กรุงเทพ กูก็มีมึงนี้แหละที่เป็นเพื่อนสนิท นอกนั้นกูไม่สนิทกับใครเลย”

นอกจากรี่ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมก็มีแต่เนียร์ที่สนิท นอกนั้นก็แค่รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันเท่านั้นเอง
 
เนียร์นั่งเงียบไปสักพัก .. ผมก็แต่งตัวและกลับมานั่งลงบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาหวาน
ซึ่งก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม....
 
เห้อออ หวานเป็นไงบ้างวะเนี้ย?
แล้วใครบ้างว่ะ? ที่รู้ว่าหวานอยู่ที่ไหน
ขอร้องละครับ... ช่วยปกป้องหวานและลูกด้วยเถอะนะ
เวรกรรมอะไรก็ตามแต่.. ผมขอรับมันไว้เอง!
 
 
 
“นี่.. เมื่อก่อนนะบ้านกูมีปัญหาเรื่องเงิน กูเลยไม่ได้เรียนต่อ ม.ปลาย”
อยู่ๆเนียร์ก็พูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน.. ผมเลยวางมือถือลงแล้วหันไปมองหน้าเนียร์
 
“จำได้ว่าตอนนั้นกูไปสมัครทำงานพาสทาม.. แต่อายุกูไม่ถึง 18 เค้าให้กูทำแค่วันละ 4 ชั่วโมง
แต่เงินมันไม่พออยู่ดีนั้นแหละ กูเลยอ้อนจนเจ้าของร้านยอมให้กูทำงาน 8 ชั่วโมง แต่ต้องทำงานกะดึก
ตอนนั้นโคตรดีใจเลย... แต่พอเจอที่ทำงานกับสาขาที่กูต้องไปลงนะแทบอยากจะเปลี่ยนใจเลยละ”
 
 
“ทำไมวะ?”

ผมก็เริ่มสนใจเรื่องราวของเนียร์ขึ้นมา จนลืมเรื่องราวที่ตัวเองกังวลไปแล้ว
เพราะปกติเนียร์จะไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองเท่าไหร่
 
“จะไม่กลัวได้ไงละ ร้านที่กูไปขอทำงานเป็นร้านสะดวกซื้อเหมือนพวก 7-11 นี้แหละ
แต่ของกูนะได้ไปประจำสาขาในโรงพยาบาล และถ้ามันไม่ใช่สาขาที่อยู่ใต้ถุนโรงจอดรถ กูก็ไม่กลัวหรอกนะ”
 
“ห๊ะ... ใต้ที่จอดรถ ยังไงวะ”
 
“ก็ที่จอดรถประมาณ 3-4 ชั้นละมั้ง แต่ร้านของกูตั้งอยู่ชั้นล่างสุด มึงคิดดูสิมองไปทางไหนก็เห็นแต่รถจอดอยู่
แล้วแถวนั้นมีแสงไฟแค่ตามมุมเสา และมีร้านกูเปิดสว่างอยู่ที่เดียว และก็ในโรงพยาบาลอะมึงคิดดูนะว่ากูจะหลอนแค่ไหน”
 
“55555 แล้วไงต่อวะ? มึงทำอยู่กี่ปี”
 
“กูทำได้ 2 ปี ตั้งแต่เริ่มเรียน กศน. จนจบ กศน.ได้วุฒิ ม.ปลาย นั้นแหละ แล้วก็ที่นี้แหละที่ทำให้กูเจอหมอจ้าน”
 
“หื้อออ.. หมอจ้านเนี้ยนะ?”
 
“อืมมม เมื่อก่อนหมอจ้านไปทำงานที่โรงพยาบาลที่นั้น กูก็ไม่รู้จักหรอกว่าชื่อหมอจ้านอ่ะ ตอนนั้นกูนึกว่าหมอจ้านเป็นผีด้วยซ้ำไป มึงรู้ไหม.. หมอบ้าอะไรไม่รู้มาซื้อของเวลาตี 2 ประจำ แล้วมาแต่ละทีนะเดินเหมือนหุ่นยนต์ คือ เดินไปจุดๆเดิมทุกครั้งที่มาอ่ะ หยิบแต่อาหารเดิมๆ และควักแบงค์ร้อยเหมือนเดิมมาจ่าย ตอนแรกกูก็ว่ากูโดนแล้วแน่ๆ แต่หลังๆมาหมอจ้านเริ่มคุยกับกู ... กูเลยหายกลัวไปได้หน่อย”
 
“อ่ออ.. ที่มึงหึงพี่เจ้นท์กับกูในตอนแรก ก็เพราะคิดว่าเป็นหมอจ้านใช่ไหม?”

ภาพเก่าๆตอนที่เนียร์มันหึงและโวยวายใส่ผมก็ผุดขึ้นมา.. ถึงว่าละงี่เง่ามากเลย
 
“ไม่ได้หึงเว้ยยย ... วันที่หมอจ้านจะกลับกรุงเทพนะ ก็นัดกันแล้วว่ากูจะไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่กูโดนรถชนเลยไม่ได้ไปหา กูเลยไม่รู้ว่าหมอจ้านชื่อว่าอะไร กูเรียกแต่พี่หมอๆมาตลอด และหมอจ้านนี้แหละติวหนังสือให้กู จนกูสอบเข้ามหาลัยได้”
 
“แล้วตอนนี้มึงกับหมอจ้าน????”
 
“กูกับหมอจ้านคบกันอยู่ โคตรเหมือนฝันเลยละ แต่กูดีใจนะที่วันนี้กูได้ยืนข้างๆหมอจ้าน ถึงหมอจ้านจะไม่บอกว่ารักหรือรู้สึกยังไง กูก็ดีใจ... ที่กูได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งกับมัน ถ้านี้คือฝัน กูก็ยอมฝันต่อว่ะ”

มันเล่าเรื่องราวต่างๆออกมา เหมือนกันเรื่องเหล่านั้นเพิ่งผ่านไปได้ไม่ได้..
หน้าของเนียร์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม.. และบางครั้งก็เจือไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่ที่ตา
 
 
“นี้คือสิ่งที่กูไม่เคยบอกใคร.. ไม่ใช่ว่ากูไม่ไว้ใจมึงนะดิว แต่ที่ผ่านมากูแค่ไม่รู้ว่าหมอจ้านเค้าคิดยังไง และเค้าอยู่ที่ไหน กูเลยไม่ได้เล่าให้มึงฟัง อย่างที่มึงรู้.. เค้าเหมือนความฝันช่วงหนึ่งในชีวิตกู แต่ตอนนี้เค้ามีตัวตนจริงๆว่ะ กูเลยอยากเล่าให้มึงฟัง.. อยากให้มึงยินดีกับความสุขที่กูมีด้วย และถ้าวันหนึ่งกูต้องเสียใจ.. มึงก็จะปลอบกูใช่ไหม?”
 
“แน่นอนอยู่แล้วละนะ.. แต่ดูท่าแล้วหมอจ้านไม่ทิ้งมึงหรอก ห่วงมึงยิ่งกว่าอะไรอีก เตรียมเป็นซ้อใหญ่ของโรงพยาบาลได้แล้วมั้งงง”

ผมแกล้งพูดแหย่ให้เนียร์มันคลายวิตกกังวล แต่เนียร์ก็ทำได้แค่ยิ้มตอบกลับมา...
 
“มึงละ..อยากเล่าอะไรให้กูฟังบ้างหรือยัง?”
นั้นสิ.. ผมพร้อมจะเล่าเรื่องให้เนียร์ฟังหรือยังนะ?
เรื่องที่ผมพยายามจะลืมนั้น เรื่องที่ผมพยายามจะเก็บไว้ให้ลึกที่สุดในใจนั้น... มันถึงเวลาแล้วหรือยัง??
 
“รอให้เจ้นท์กลับมาก่อนได้ไหม? กูอยากให้เจ้นท์อยู่ข้างๆกู”
ผมตอบเนียร์กลับไป.. ซึ่งผมคิดว่าเนียร์เข้าใจความรู้สึกผมนะ เพราะเนียร์ไม่ได้คาดคั้นให้ผมต้องพูด
เนียร์ได้แต่ยิ้มตอบกลับมา และตบไหล่ผมเบาๆ
 
“งั้นกูขอนอนเล่นที่นี้ละกันนะ กลับไปก็เหงา ไอ้คนชอบกวนใจมันไปทำงาน”
 
“อืมม ถ้ามึงไม่ขอกูก็จะบังคับให้มึงอยู่กับกูเหมือนกัน”

ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในตอนนี้..
 
 
 





 
เนียร์นอนหลับไปแล้ว.. แต่ผมยังนอนคิดถึงเรื่องของรี่กับพี่ทิว
นึกถึงหวาน ... ไม่รู้ว่าอยู่ที่โน้นเป็นยังไงบ้าง?
น้ำเสียงที่หวานบอกว่า.. “ดิว.. ช่วยหวานด้วย”
 


ภาพในวันเก่าๆมันซ้อนขึ้นมา
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวานพูดคำนี้....
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากหวาน....
 


 
“ช่วยหวานด้วย”
 





 
“ช่วยทำให้หวานพ้นจากความทรมานนี้ด้วยนะดิว”
 




 
 
 
“อย่าทิ้งหวานนะ”
 
 
 

 
 
 

 






“หวานน!!!!!”
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของหวาน.. จนพล็อยหลับไป
แต่ก็ต้องตื่นมากับภาพเก่าๆ ภาพหวานที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมๆกับเรียกชื่อของคนที่ผมเป็นห่วงสุดหัวใจ
 
 
“ไม่เป็นไรนะดิว .. มันแค่ฝันร้ายนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”
เสียงของเจ้นท์ และอ้อมกอดของเจ้นท์ที่ดึงผมเข้าไปกอด
นี้เจ้นท์จริงๆใช่ไหม?
ผมลืมตามองหน้าคนที่ยังกอดผมไว้แน่น... ใช่จริงๆด้วย
นี้คือเจ้นท์ .. กลิ่นหอมๆแบบนี้คือกลิ่นของเจ้นท์
อ้อนกอดที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเสมอ..
 
 
“กลับมาแล้วหรอ?”
ผมถามกลับไป ..แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้นท์เหมือนเดิม
แปลกนะ.. อ้อมกอด และสัมผัสของคนๆนี้ คนที่ผมเกลียดทำไมมันถึงรู้สึกดีขนาดนี้วะ?
ตอนนี้มันกลายมาเป็นอ้อมกอดที่ผมต้องการ... และผมก็อยากให้มันเป็นของผมแบบนี้ตลอดไป
 
“อืมม กลับมาสักพักแล้วละ เมื่อกี้แวะไปดูรี่มาด้วย อาการดีขึ้นแล้วนะ อีกวันสองวันก็คงออกมานอนพักห้องพิเศษได้แล้ว”
 
“จริงหรอ? แล้วตอนนี้ไปเยี่ยมได้ไหม?”

ผมรีบเงยหน้าไปมองหน้าหล่อๆของเจ้นท์ทันที
เจ้นท์ยิ้มกลับมา ก่อนจะก้มลงมาหอมที่หน้าผากผมเบาๆ สัมผัสเล็กๆนี้กลับส่งผลให้ใจผมเต้นแรง
 
“พรุ่งนี้เช้าพี่พาไปนะ ตอนนี้นอนก่อนเนอะ พี่ง่วงมากเลย”
 
“อืมมได้”

ผมรีบล้มตัวนอนลงทันที...  ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็อายอะไรหรอกนะครับ
แต่เพราะมือของไอ้พี่เจ้นท์ที่ตอนแรกก็โอบกอดผมอยู่ดีๆนี้แหละ
มันเริ่มสอดเข้ามาซุกซนใต้เสื้อนอนของผมต่างหากละ
 
“พอแล้ว... จะนอนด้วยกันหรือจะไปนอนข้างนอก”
ผมส่งเสียงดุๆกลับไป แต่มือจอมซนก็ไม่ได้หยุดลูบไล้ผิวกายของผม
เครื่องปรับอากาศที่ทำให้หนาวจนแทบจะต้องห่มผ้านวม.. ไม่ได้ทำให้ความร้อนในกายลดลงเลย
ทุกๆสัมผัสที่เจ้นท์เลื่อนมือผ่านไป.. มันร้อนผ่านและเหมือนมันจะเรียกร้องให้มือนั้น
สัมผัสของเจ้นท์กลับมาสัมผัสมันอีกรอบ
 
“แค่จับเอง..ไม่ได้ทำไรซะหน่อย”
เสียงกระเส่าของคนข้างๆ ก้มลงมากระซิบที่หูของผม
โอ้ยยย.. มันชวนให้ใจเต้นแรงเว้ยยไอ้พี่เจ้นท์!!
นี้ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี้ยที่ยอมมานอนข้างๆไอ้บ้าหื่นกามแบบพี่เจ้นท์เนี้ย!!
 
“จับได้ไม่ว่า.. แต่อย่าเอามันมาดุดหลังได้ไหม ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยละค่อยมานอนป่ะ!!”
และสุดท้ายหลังจากพี่เจ้นท์มันแทะเล็มตัวผมจนพอใจแล้วก็ลุกหายเข้าไปจัดการตัวเอง
ก่อนจะกลับมานอนข้างๆผม
 



“รักนะรู้ไหม?”
บ้าบอนะ!!!
พรุ่งนี้คงต้องบอกเจ้นท์ให้เค้ามาซ่อมแอร์แล้วละ.. ทำไมยิ่งนอนยิ่งร้อนแบบนี้ก็ไม่รู้!
 
 
 






“เดี๋ยวไปดูเคส VIP เสร็จจะกลับมาหานะ”
เสียงเจ้นท์กับหมอจ้านบอกผมกับเนียร์ ที่ตอนนี้มายืนเฝ้ารี่ที่ห้อง ICU

“รีบไปเถอะนะ พวกผมไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย”

เนียร์ปัดมือของหมอจ้านที่ขยี้ผมออก ส่วนพี่เจ้นท์กำลังหันไปสั่งพยาบาลให้เช็คผมเลือด และผลตรวจต่างๆของรี่
 
“โอเค..เดี๋ยวมารับไปกินมื้อเช้ารอแป๊บนะ”
เจ้นท์พูดจบก็ชวนหมอจ้านไปดูเคส VIP
ซึ่งพอหมอทั้ง 2 คนเดินออกไปแล้ว ผมกับเนียร์ก็เดินไปยืนข้างๆเตียงของรี่
ที่ตอนนี้รี่เองเริ่มจะลืมตาได้แล้ว แต่ยังพูดตอบโต้อะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองตาพวกผมทั้งสองคน
 
“เดี๋ยวมึงหายนะ กูให้พูดทั้งวันเลย”
รี่มองหน้าผมก่อนจะร้องไห้ออกมา.. ผมรีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้รี่
จนลืมไปว่า.. ต้องใช้ผ้าสะอาดเช็ด
 
“ไม่เอาดิวะ.. รี่จอมถึกของกูไม่ร้องไห้ง่ายๆนะเว้ย”
ตอนนี้เนียร์มันยื่นผ้าสะอาดๆมาให้ผม ซึ่งมันไปขอจากพยาบาลมา
 
“กูจะอยู่รอจนมึงหายดีแล้ว และเล่าทุกอย่างให้กูฟัง”
รี่พยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผม
แต่ด้วยเพราะสายต่างๆที่ยังระโยงระยางอยู่กับตัวรี่ เลยทำให้รี่ขยับตัวลำบาก
 
“แล้วก็.. กูจะดูแลตัวเอง จะอยู่ใกล้ๆกับสามีของกูตลอด ดีไหม?”
พอผมพูดคำว่า สามี แบบที่รี่ชอบเรียกพี่เจ้นท์ ก็ทำให้รี่ส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม
ผมยืนอยู่กับรี่จนรี่หลับไป เลยตัดสินใจออกมารอหมอจ้านกับพี่เจ้นท์ที่หน้าห้อง ICU
 
“ทำไมเราต้องรอ 2 คนนั้นด้วยว่ะ กูหิวแล้วนะเว้ยย”
เสียงเนียร์บ่นออกมา ก่อนที่ผมจะก้มดูนาฬิกาก็เห็นว่ามันจะปาเข้าไป 10 โมงเช้าแล้ว
แต่ผมยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย และมื้อเย็นเมื่อวานผมก็ไม่ได้ทาน
เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมาทันที... แหม่ ไอ้ท้องบ้างตั้งนานไม่ร้องน่ะ
พอก้มมองเวลาหน่อยละก็ประท้วงกันทันทีเลยน่ะ!!
 
“งั้นเราลงไปรอที่ร้านอาหารข้างล่างกัน อยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้คงไม่โดนบ่นหรอกนะ”
เนียร์รีบพยักหน้าทันที ก่อนจะหยิบมือถือมาส่งข้อความบอกหมอจ้าน
 
ถึงจะเอาตัวเองมาอยู่แต่ในโรงพยาบาล เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด
แต่อีกไม่กี่วัน มหาวิทยาลัยของพวกผมก็จะเปิดแล้ว เราจะปลอดภัยตลอดไปจริงๆงั้นหรอ?
 
 
ผมนั่งทานข้าวไปด้วย และก็เริ่มคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี
เพราะตอนเรียนก็ต้องแยกกับพี่เจ้นท์.. มันก็ต้องไปเรียนของมันเหมือนกัน
แล้วผมก็จะมานอนอยู่โรงพยาบาลทุกวันแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแล้วละ...
ถึงจะสะดวกสบาย.. แต่โรงพยาบาลนะครับยังไงมันก็รู้สึกแย่อยู่ดีละน๊า
ผมไม่ชอบกลิ่นยา ไม่ชอบกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ....
เมื่อเช้าก็บอกกับเจ้นท์ไปแล้ว แต่ไอ้คนหื่นแบบมันก็บอกกลับมาแค่ว่า..
 


“เอานะมีผัวเป็นหมอ ต้องชินเข้าไว้”
หื้มมม.. ได้กันแค่ครั้งเดียวไหม?
ทวงสิทธิ์สามีเหลือเกินเนอะ!!!!
 
 
 
 
ผมกับเนียร์นั่งทานข้าวด้วยกันไปได้สักพัก.. คุณหมอทั้ง 2 คนก็ตามมานั่งด้วย
ตอนแรกเจ้นท์ทำท่าจะบ่นที่ผมมาทานข้าวก่อน แต่หมอจ้านก็ช่วยพูดให้เจ้นท์เลิกด่าผม
อะไรกันวะ? คนมันหิวนะเว้ยย จะให้รอตลอดได้ไง
นี้มันโรงพยาบาล มันถิ่นของตัวเองแท้ๆ ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง
 
 
 
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เราก็ชวนกันมานั่งกินกาแฟกันที่ร้านกาแฟ
ซึ่งหมอจ้านก็ยังไปสั่งเมนูยาวๆของแกนั้นแหละ ส่วนเจ้นท์นั้นบอกแค่ว่าเอาเหมือนจ้าน
นี้.. ถ้าผมต้องไปซื้อกาแฟให้เจ้นท์กินผมต้องท่องจำไอ้เมนูนี้ให้ได้ใช่ไหม?
หื้ออ กินยากขนาดนี้กลับไปกินกาแฟโบราณเถอะ รสชาติไม่ได้ต่างกันเลยนะจริงๆ
 
 
ระหว่างที่เจ้นท์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา
ผมหันไปมองหน้าเจ้นท์นิดหน่อย ก่อนจะก้มลงมากินเค้กกับเนียร์ต่อ
 
“หื้มม มีญาติของรี่มาขอเยี่ยมหรอ? เดี๋ยวก่อนนะ”
เจ้นท์เอาโทรศัพท์ออกจากหน้า แล้วหันมามองหน้าผม
ก่อนจะถามคำถามที่ชวนให้ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง
 
 
“ดิวโทรบอกบ้านรี่แล้วหรอว่ารี่เข้าโรงพยาบาล?”
บ้านะ!! ก็เจ้นท์บอกเองว่าจะโทรบอกบ้านรี่ ผมเลยไม่ได้โทร
ตอนนี้ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มละครับ ไม่รู้ว่าคนที่มาเยี่ยมรีเป็นใคร
มาดีหรือมาร้าย? หรือจะเป็นพี่ทิว?
 
 
“มะ ไม่ ไม่ได้บอกน่ะ”
ผมพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหน้าห้อง ICU ทันที
จะมัวมารอลิฟท์ก็ไม่ทันใจ ผมเลยวิ่งขึ้นบันไดมาชั้น 4 ที่เป็นห้อง ICU
ซึ่งเจ้นท์ก็วิ่งตามผมขึ้นมาเหมือนกัน
 
“ใครมาขอเยี่ยมเพื่อนผมครับ?”
ผมรีบไปถามพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าห้อง ICU ทันที
 
“เค้าบอกว่าชื่อคุณกันตพิชญ์ เป็นเพื่อนสนิทของคุณรี่นะคะ”




กันตพิชญ์
นั้นมันชื่อผม?




 
“เจ้นท์.. ไม่ใช่นะ นั้นมันชื่อดิว เจ้นท์..”
เจ้นท์รีบเข้าไปสอบถามเรื่องราวกับพยาบาลทันที.. ส่วนตัวผมนั้นเนียร์เดินเข้ามากอดผมไว้
 



ใครกัน?



 
ใครที่อ้างชื่อของผม?

 



 
“ว่าไงบ้าง?”
หมอจ้านถามเจ้นท์ทันทีที่เจ้นท์เดินเข้ามาดึงตัวผมจากเนียร์เข้าไปกอด
 
“พยาบาลไม่ได้ให้เข้าไปเยี่ยม เพราะเราสั่งห้ามไว้ มันมาแค่ถามอาการเฉยๆ”
 
“อืมม สงสัยต้องเพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยแล้วล่ะ งั้นมึงพาเนียร์กับดิวไปพัก กูจะไปดูกล้องวงจรปิดเอง”
 
“โอเคแล้วไงไปเจอกันที่ห้องกู”
 
“อืม”

หมอจ้านหันไปมองเนียร์เล็กน้อย ก่อนจะเดินลงไปจัดการตามที่บอก
ส่วนเจ้นท์ก็พาผมกับเนียร์ขึ้นมาพักบนห้อง


 
“ดิว.. พี่จะยังไม่ถามนะว่าดิว กับรี่ หรือเมื่อก่อนดิวเคยทำอะไรมาก่อน
ตอนนี้พี่จะให้ดิวพัก แล้วเดี๋ยวเรามานั่งคุยกัน รู้ใช่ไหม? ว่าทุกๆคำที่ดิวเล่ามันจะช่วยตัวดิว
และคนรอบข้างได้”
 
“อืม”

ตอนนี้ผมอยากให้เจ้นท์ถาม .. ผมอยากจะเล่าให้เจ้นท์ฟัง
ว่าเมื่อก่อนผมเป็นยังไง?
แล้วเจ้นท์ละ... วันนี้เจ้นท์บอกว่าเจ้นท์รักผม
ถ้าเจ้นท์ได้รู้เรื่องราวที่ผมเคยทำ.. เจ้นท์จะยังรักผมไหม?
 



 
 
ผมไม่ได้นอนพักแบบที่เจ้นท์สั่ง ผมเพียงแค่กลับเข้าไปอาบน้ำและออกมานั่งกับเนียร์ข้างนอก
ส่วนเจ้นท์มีเคสด่วนของ VIP ที่อาการผ่าตัดเมื่อวานไม่ค่อยดี เลยต้องลงไปดู
 
 
 


เนียร์หยิบมือถือมาดูการ์ตูนโคนัน ไม่ได้ถามอะไรผมออกมา ซึ่งผมรู้ว่าเจ้นท์คงสั่งให้เนียร์ไม่ให้มาคาดคั้นอะไรกับผมแน่ๆ
ผมก็เลยหยิบมือถือมากดโทรหาหวาน แต่ก็ยังเป็นระบบฝากข้อความเหมือนเดิม
เรานั่งกันเงียบๆ สนใจแต่มือถือของตัวเอง จนโทรศัพท์ห้องของเจ้นท์ดังนั้นแหละ
ผมกับเนียร์เลยมองหน้ากัน...
 
 
“กูรับเอง”
 ผมเป็นฝ่ายบอกเนียร์ แล้วลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของเจ้นท์มารับ
 
 

“สวัสดีครับ”
 
[ คุณดิวใช่ไหมค่ะ ฉันพยาบาลสิรีนะคะ โทรมาจากห้อง ICU ค่ะ
พอดีคุณรี่ฟื้นแล้ว และบอกว่าอยากคุยกับคุณดิว ไม่ทราบว่าคุณดิวสะดวกลงมาหาคุณรี่ไหมค่ะ? ]
 
“สะดวกครับ จะไปเดี๋ยวนี้ละครับ”

ผมรีบวิ่งมาหาเนียร์ ก่อนจะบอกเนียร์แบบรีบๆ
 


“เดี๋ยวกูไป ICU แป๊บ ถ้าเจ้นท์มาบอกว่ากูจะรีบขึ้นมาน่ะ “
เนียร์ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร ผมก็วิ่งออกจากห้องพักของเจ้นท์แล้วกดลิฟท์ลงมาหน้าห้อง ICU ทันที
 



 
แต่เพราะความรีบร้อนของผม ทำให้ผมลืมหยิบมือถือออกมา
และทำให้ผมลืมสังเกตไปว่า...
ลิฟท์ตัวที่ผมกดนั้น มีคนๆหนึ่งอยู่ในลิฟท์ด้วย
แต่ถ้าจำไม่ผิด... ชั้นนี้เป็นชั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหารและ VIP ไม่มีใครขึ้นมาบนนี้
แล้ว......
 



ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร..
ชายคนนั้นก็ดึงผมเข้าไปจนผมเซเข้าไปปะทะกับอก
และเสียงที่คุ้นหูแบบนี้...
 
 



“หึ... เจอกันจนได้นะครับน้องดิว”


------------------------------------


ดิวไม่ระวังตัวเองเลยเนอะ.. น่าให้พี่เจ้นท์จับตีซะให้เข็ด
วันนี้เอา #เจ้นท์ดิว มาส่งแล้วนะคะ
เดี๋ยวมาอัพอีกทีวันเสาร์น๊า : )


ฝากหนุ่มๆเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
แล้วก็... ฝาก #พี่เจน้องแฟรงค์ จาก #mytutor
และ #ไม้ฉากปั้นสิบ จาก #closefriends ด้วยนะค่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
อ่านไปอ่านมา เนื้อเรื่องอืดไปป่าวค่ะ แบบจะคุยไรกัน ก็ไม่ได้คุยซะที ยืดซ่ะ คนอ่านอาจใจร้อนไปหน่อย ขออภัยนะค๊าา รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
อ่านไปอ่านมา เนื้อเรื่องอืดไปป่าวค่ะ แบบจะคุยไรกัน ก็ไม่ได้คุยซะที ยืดซ่ะ คนอ่านอาจใจร้อนไปหน่อย ขออภัยนะค๊าา รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์จ๊า :)
จริงๆเนื้อเรื่องเดาง่ายจ๊า เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วจ๊ะ
เรื่องนี้ไม่ยาวแบบเรื่องที่เคยแต่งมาจ๊ะ

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
[เจ้นท์] - Chapter 16











“อะไรนะ!! ดิวลงไป ICU เกือบชั่วโมงแล้วงั้นหรอ?”
ทันทีที่ผมขึ้นมาบนห้องทำงาน สายตาก็เห็นถึงความผิดปกติทันที
ก็เจ้าตัวแสบของผมนะสิ..ไม่ได้อยู่ในห้อง ตอนแรกคิดว่านอนในห้องนอน
แต่พอเดินเข้าไปดูกลับไม่เจออะไรเลย.. ออกมาถามเนียร์ที่นั่งดูการ์ตูนโคนันอยู่ถึงได้รู้ว่าดิวออกไปข้างนอก
 
“เห็นว่าเจ้าหน้าที่ห้อง ICU โทรขึ้นมาตามละมั้งเท่าที่เนียร์ได้ยินนะ เพราะดิวไม่ได้บอกว่าอะไร
บอกแค่เดี๋ยวมาแค่นั้นเอง”

 
พอเนียร์พูดจบ ..  ผมรีบต่อสายลงไปห้อง ICU ทันที..
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่ได้โทรขึ้นมาบนห้องทำงานผมแน่นอน
และไม่มีใครรู้ว่าดิวมาพักที่ห้องของผม.. แล้วมันใครวะ?
 
ผมกำลังนั่งคิดว่าจะตามหาดิวได้ยังไง.. ไอ้จ้านก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของผม
ซึ่งมันไม่ได้มองหน้าเนียร์หรือเข้าไปแหย่แบบทุกที มันเดินมาโยนกระดาษและรูปถ่ายบนโต๊ะทำงานผม
 
“รูปจากกล้องวงจรปิด  กูจำได้ว่านั้นเพื่อนมึงที่ชื่อทิว แต่อีก 2 คนนั้นกูไม่รู้จักชื่อ
แต่รถคันนี้คือรถที่ตามพวกมึงไปที่คอนโดของดิว”

พวกมันตามมาจนถึงโรงพยาบาล?
เห้ยย... งั้นแปลว่าที่ดิวหายไปก็อาจจะเป็นเพราะพวกมัน!!
 
“จ้านๆ มึงโทรไปห้องควบคุมกล้องดิว่าเห็นดิวไหม ให้เช็คจากกล้องชั้น VIP”
 
“มึงอย่าบอกนะว่าดิวหายไปอะไอ้เจ้นท์”

พอผมพยักหน้าตอบกลับไป... จ้านถึงกับส่ายหน้าและสบถด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด
 
“นี้กูเป็นหมอนะ ไม่ใช่นักสืบ ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้วะเนี้ย!!!”
 
“หมอจ้านเกิดอะไรขึ้นครับ ดิวหายไปงั้นหรอ?”

เนียร์ที่พอจะรู้แล้วว่าเพื่อนตัวเองหายไป ก็ทิ้งโคนันที่นั่งดูอยู่นานแล้วตามมาดูรูปถ่ายบนโต๊ะทันที
 
“เอานะ.. มึงโทรไปขอภาพวงจรปิดมา ส่วนกูคงต้องโทรไปทักทายเพื่อนสนิทกูหน่อยแล้วละ”
พอพูดจบผมก็ต่อสายไปหาทิว.. เพื่อนสนิทของผมทันที
 
รอสายไม่นาน.. ทิวก็กดรับสาย
 
[ น่าแปลกนะที่มึงโทรมาหากูได้ ]
เสียงของทิวตอบกลับมา.. แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมอคติไปเองไหม?
ถึงรู้สึกได้ว่าเสียงมันดูเย้ยหยันแปลกๆ
 
“มึงอยู่ไหน” ผมเองก็พยายามคุมเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด ถึงแม้ในใจตอนนี้โคตรจะร้อนรนเลยก็ตาม
 
[ กูก็บอกกับพวกไอ้โต้ไปแล้วว่ากูจะกลับบ้านต่างจังหวัด แต่เอ๊ะ..นี้มึงเป็นพ่อกูหรอ
กูถึงต้องรายงานมึง ]

 
อดทนไว้... เจ้นท์อดทนไว้...
ผมพยายามบอกกับตัวเองในใจ
 
“แล้วมึงจะกลับวันไหน .. เห็นดิวบอกว่าติดต่อรี่ไม่ได้ มึงติดต่อรี่ได้ไหม?”
 
[ หึหึ.. เห้ออ    ตอนแรกกูก็อยากเล่นกับพวกมึงต่อนั้นแหละนะแต่กูไม่มีเวลาจริงๆ
เข้าเรื่องเลยดีกว่าไหมวะหมอเจ้นท์ ]

ตอนที่ทิวเรียกผมว่าหมอเจ้นท์.. ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวผมเย็นวาบไปทั้งตัว
สิ่งที่ผมคิดไว้.. มันคงไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?
 
“ดิวอยู่ไหน”
กว่าจะเค้นคำพูดนี้ออกจากปากตัวเองได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน
 
[ น้องดิวก็อยู่กับกูนี้แหละ ทำไมวะ? กูอยากเจอน้องชายสุดที่รักของกูบ้างไม่ได้หรือไง? ]
 
“แล้วทำไมดิวไม่บอกกูว่าไปกับมึง”
 
[ จริงๆมึงต้องขอบใจกูนะที่ทำให้มึงได้เป็นผัวน้องดิว แต่เอาไงดีละ.. ขาวๆแบบน้องดิว
มึงควรแบ่งเพื่อนได้ชื่นชมบ้างสิวะ ]

ตอนนี้คำว่า อดทน อดทน ที่ผมบอกตัวเองได้สิ้นสุดลงแล้วละครับ
ผมว่าผมรู้แล้วละ.. ว่าคนที่เล่นเกมส์กับพวกผมแต่แรกมันคือใคร?
 
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะทิว.. พ่อของดิวก็ส่งมึงเรียนไม่ใช่หรอ? รี่ก็เป็นแฟนมึง
ทำไมมึงถึงทำร้ายรี่ ทำร้ายดิวแบบนี้วะ?”
 
[ มึงไม่เคยรู้อะไรไงมึงถึงพูดได้ .. เอาเป็นว่ากูฝากแฟนสุดที่รักของกูไว้กับมึงก่อนละกันนะ
ส่วนเมีย เอ๊ะ.. หรือว่าคู่ขาของมึงวะ.... มึงให้น้องดิวเป็นอะไรกับมึงวะเจ้นท์ ]
 
“มึงอย่ายุ่งกับดิว!!! มึงอยากได้อะไรบอกกูดิวะ”
 
[ โอ๊ะ.. โกรธขนาดนี้คงสำคัญกว่าคู่ขาคู่นอนสินะ ชักอยากรู้แล้วสิน้องดิวแม่งเด็ดแค่ไหน ถึงทำให้คนอย่างพี่เจ้นท์   ติดอกติดใจได้ขนาดนี้ ]
 
“ไอ้ทิว!! มึงอย่าทำอะไรดิวนะเว้ยย มึงอยากได้อะไรบอกกู ... กูขอร้องละทิว อย่าทำอะไรดิวนะ”
 
[ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของกูกับดิว.. ต่อให้มึงขอร้องแค่ไหนกูคงทำให้มึงไม่ได้หรอก เห้ออ เสียเวลากับมึงมานานละ  น้องดิวนอนรอกูด้วย เอาเป็นว่ารอดูคลิปน้องดิวสุดที่รักของมึงละกัน ว่าบทบาทบนเตียงมันดีเท่ากับตอนนอนกับมึงหรือป่าว? ]

 




ติ๊ด!!
 
 




หลังจากทิวพูดจบมันก็กดวางสายทันที....
ทำไมวะ? ทำไมทิวถึงโกรธดิวและจะทำร้ายดิวขนาดนี้
ไหนรี่กับดิวเคยเล่าว่า.. บ้านของดิวส่งเสียทิวเรียนไง? ทำไมต้องทำร้าย และทำลายดิวด้วยว่ะ!!



 
“เป็นไงบ้างพี่.. พี่ทิวว่าไงบ้าง” เนียร์เดินเข้ามาเขย่าแขนผม
 
“ดิวอยู่กับทิวจริงๆ เนียร์พอรู้เรื่องของทิวกับดิวบ้างไหม?”
ผมกลับไปถามเนียร์.. แต่เนียร์ก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับมา
 
“ผมไม่รู้อะไรเลยพี่ ผมรู้แค่รี่กับพี่ทิวเป็นแฟนกัน และที่เหลือผมคิดว่าผมก็รู้เท่าๆกับพี่เจ้นท์รู้นั้นแหละครับ”
 
เห้อออ.. ไอ้เด็กบ้า!!
ทำไมมีเรื่องราวอะไรแล้วไม่รู้จักเล่าวะ!!!
 
“ไอ้เจ้นท์.. กูได้เรื่องมาแล้ว รีบไปกันเถอะเดี๋ยวช่วยดิวไม่ทัน”
ไอ้จ้านเดินเข้ามาในห้องก่อนจะจูงแขนเนียร์ และเรียกให้ผมเดินตามมันออกไปข้างนอก
ในตอนนี้ผมไม่ถามอะไรมันให้มากความครับ เดินตามมันไปก่อนดีที่สุด
เพราะไอ้จ้าน หรือหมอจ้านที่ใครต่อใครเห็นว่าเป็นหมอแสนดีนี้แหละ
จริงๆเบื้องลึกของมัน.. มันโคตรมาเฟียชัดๆ
ขนาดพี่ชาญที่เป็นเจ้าพ่อคุมร้านเหล้า คุมบ่อน ยังต้องยอมไอ้จ้านเลย
 
พอขึ้นมาในรถตู้ ที่คนของจ้านติดเครื่องรอไว้แล้วนั้น
ไอ้จ้านก็โยนซองน้ำตาลให้ผมทันที
ตอนนี้ผมโคตรหลอนไอ้ซองน้ำตาลนี้สุดๆเลยครับ  - -‘
 

“คนของกูคุมตัวหวาน เมียของไอ้ดิวไว้ได้ หวานเพิ่งลงเครื่องเมื่อตอนสายๆของวันนี้
ตอนนี้กูให้คนพาไปไว้ที่บ้านลับ ส่วนไอ้ทิวเพื่อนมึงอะ อยู่ที่คอนโดของดิว .. คนของกูที่เฝ้าอยู่ที่คอนโดของดิวรายงานมา ว่าไอ้ทิวพาดิวเข้าคอนโดไปเมื่อตอนชั่วโมงที่แล้ว เดินเข้าไปปกติที่หน้าคอนโดเลย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ลงมา”
 
“กูปวดหัววะ นี้มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ”

ผมนั่งดูรูปถ่ายในมือที่เป็นทั้งรูปของดิวกับทิว และรูปของหวานที่สนามบิน
ทำไมชีวิตดิวแม่ง.... มีแต่เรื่องอะไรซับซ้อนขนาดนี้วะ!!!
 
“เอาไว้ถามหวานดูสิ .. กูว่าคนๆนี้น่าจะกุมเรื่องราวต่างๆไว้เยอะ
และน่าจะเยอะกว่าที่ไอ้ดิวเด็กของมึงรู้ด้วย”

ผมนั่งคิดอะไรเงียบๆไปตลอดทางที่รถตู้ของไอ้จ้านพาเราไปยังบ้านลับ
ซึ่งบ้านลับ.. คือบ้านที่ไอ้จ้านซื้อไว้ให้คนของมันอยู่
พ่อผมเรียกบ้านลับของไอ้จ้านว่า รังโจร ครับ
(ซึ่งเรื่องราวของจ้านกับเนียร์ ... แยกออกไปเป็นเรื่องสั้นๆอีกเรื่องนะคะ)
 
นั่งรถต่อไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านลับของไอ้จ้าน
แต่ไอ้ครึ่งชั่วโมงนี้ใจผมโคตรร้อนรน.. เป็นห่วงดิว กลัวไอ้บ้าทิวมันทำร้ายดิว
 
“หวานอยู่ข้างในห้องตรงใต้บันได เดี๋ยวกูพาเนียร์ไปรอบนห้องกูก่อน แล้วไงกูตามเข้าไป”
จ้านพูดจบก็แยกตัวพาเนียร์เดินขึ้นไปบนห้อง ซึ่งผมว่าเนียร์ทำตัวได้เหมาะกับไอ้จ้านสุดๆ
เพราะเนียร์ไม่ถามอะไรให้วุ่นวาย จ้านบอกให้ทำไงเนียร์ก็ทำตาม
ลองให้เปลี่ยนกันดูสิ.. ให้ดิวมาอยู่ในตอนนี้ รับรองเลยดิวต้องโวยวายที่ผมไม่พามันไปด้วย
และต้องถามทุกอย่างจนผมรำคาญใจแน่ๆ ..  แต่ตอนนี้ผมยอมรำคาญใจนะแค่ขอให้ดิวอยู่ข้างๆผมก็พอ
 


ผมยืนตั้งสติตัวเองแป๊บหนึ่ง.. ก็เดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องที่จ้านบอก
คนคุมประตูเห็นผมก็ยกมือไหว้ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้ผมเข้าไป
ทันทีที่ประตูห้องเปิด เสียงของหวานก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
 



 
“พาไปหาดิวหน่อยได้ไหม?”
หวานไม่มีทีท่าหวาดกลัว.. ผิดกันกับที่ผมคิดไว้สุดๆ
เพราะตอนนี้หวานนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟา และจ้องมองมาที่ผม
 
“คุยกันก่อนได้ไหม?” ผมพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดที่มีตอนนี้ แล้วไปนั่งโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกับหวาน
 
“เอาไว้ฟังพร้อมกันไม่ได้หรอ? ถ้าไปช้ากว่านี้ไอ้เลวนั้นอาจจะทำร้ายดิวก็ได้”
 
“ไอ้เลวที่หวานพูด.. ใช่ทิวหรือเปล่า?”
 
“มีอยู่คนเดียวนั้นแหละ! ถ้าอยากช่วยดิว ก็รีบปล่อยตัวฉันได้แล้ว”

เอาไงดีวะกู? จะเชื่อคนๆนี้ได้มากน้อยแค่ไหนกันวะ?
ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าควรเอาไงนั้น ไอ้จ้านก็เปิดประตูเข้ามา
และทรุดลงนั่งโซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่
 
“เราปล่อยเธอไปก็ได้ แต่ขอให้เธอใส่ต่างหูอันนี้ได้ไหม?”
หวานมองต่างหูที่จ้านยื่นให้ ก่อนจะรับมาแล้วเปลี่ยนกับต่างหูทองของตัวเองทันที
 
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ดิวไม่อยากพูดถึง
และต่อให้เรื่องมันจบลงยังไงก็ตาม... ฉันคงให้ดิวกับนายไม่ได้
เพราะดิวเป็นของฉัน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  ฉันไม่มีวันปล่อยดิวให้นายแน่ๆ”

หวานจ้องตาของผม... ก่อนจะย้ำคำว่าดิวเป็นของฉันซ้ำๆ
ผมรู้.... ว่า  ดิวเป็นของหวาน
ผมรู้มาตลอด... และดิวก็ย้ำมาตลอดเช่นกัน!
 
“อืมม ขอให้ช่วยดิวจากไอ้ทิวได้ก่อนเถอะ.... ผมรับปากว่าผมจะคืนดิวให้ และจะไม่ไปวุ่นวายกับดิวอีกแน่นอน”
ทันทีที่ผมรับปาก หวานก็ลุกขึ้นยืน พร้อมๆกับบอกกับจ้าน

“ฉันพร้อมแล้ว”
 

จ้านมองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะพาหวานเดินออกจากห้องไป
ผมรีบเดินตามจ้านกับหวานออกมาขึ้นรถตู้อีกครั้ง
และครั้งนี้.. ใจผมเต้นแรงกว่าทุกครั้ง
เพราะรถตู้คันนี้... กำลังไปหาดิวที่คอนโด!!
 



ผมไม่ได้กลัวที่จะรู้ความจริงที่ดิวอยากปิดซ่อนไว้
ผมไม่ได้กลัวว่าดิวจะไปกับหวานแล้วไม่กลับมาให้ผมเจอ
ผมกลัวแค่ว่า..ดิวจะอันตราย ดิวจะเจ็บปวดจากการกระทำของทิวแค่นั้นเอง.....
 

 


ตั้งแต่ขึ้นรถตู้มา.. จ้านก็เช็คหูฟัง เช็คอุปกรณ์บนรถที่ลูกน้องมันจัดไว้รออยู่แล้ว
ก่อนจะส่งหูฟังมาให้ผม 1 อัน
 

“เดี๋ยวส่งเราลงข้างหน้านะ เราจะนั่ง taxi เข้าไปเอง คนของทิวมีอยู่แค่ 4 คน ตอนนี้คงอยู่แถวคอนโดนั้นแหละ”
หวานบอกกับจ้าน ก่อนจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์มือถือคืนจากลูกน้องของจ้าน
 
“ทำไมคนมันน้อยจัง นึกว่ามันจะมีคนเยอะกว่านี้ซะอีก”
จ้านบ่นออกมาเบาๆ เดี๋ยวก่อนนะจ้านเมื่อกี้กูเห็นมึงทำหน้าเซ็งๆ
มึงจะมาเซ็งอะไรกับแค่เค้ามีคนน้อยวะ!!!
น้อยๆแหละดีแล้วเว้ยย!!!
 
“เพราะทิวมันไม่ชอบใช้กำลังยังไงละ ไอ้ทิวมันชอบใช้ความไว้ใจของคน... เพื่อทำร้ายคนอื่น
แต่มันคงไม่รู้ตัวหรอกว่าที่มันทำไปทั้งหมด.. มันก็ทำร้ายตัวมันเองเหมือนกัน”

หวานพูดจบก็กดโทรศัพท์ไปหาใครสักคน.. ซึ่งก็น่าจะเป็นทิว
 
“กำลังนั่ง taxi ไปที่คอนโด.... ดิวละ?  อืมม อย่าลืมที่สัญญากันไว้
โอเคกำลังไปไม่เกิน 10 นาที ให้คนลงมารับด้วย”

ผมไม่รู้เลยว่าไอ้ทิวพูดว่ายังไงบ้าง.. แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าหวานกับทิวคงมีสัญญาอะไรกันไว้
ซึ่งมันคงเกี่ยวกับความปลอดภัยของดิว
 
 
 
รถตู้มาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งตามที่หวานบอก...
หวานหันมามองผมกับจ้านเล็กน้อย
 
“ขอเวลาแค่ 45 นาที... ถ้าเห็นว่ามันนานกว่านี้ช่วยตามเข้าไปช่วยดิวด้วยนะ”
 
“นี้เดี๋ยวก่อนสิ... ทำไมให้ช่วยแค่ดิวละ เธอไม่กลัวอะไรเลยหรือไง?”

จ้านเป็นฝ่ายถามหวานกลับไป.. แต่หวานแค่ยกยิ้มกลับมาให้แล้วลงจากรถไป
หวานเป็นคนสวยจริงๆครับ... สวยจนชนิดที่ว่าถ้าผมเจอข้างนอกหรือเจอที่ร้านเหล้า
ผมก็จีบและต้องหิ้วกลับไปกกไปกอดให้ได้แน่ๆ
 
 
ตอนนี้หวานเรียก Taxi ได้แล้วและก็บอกสถานที่ปลายทางเป็นคอนโดของดิว
รถตู้ของพวกผมทิ้งระยะเล็กน้อย... ก่อนจะตามๆไปจนเข้าเขตคอนโดของดิว
ซึ่งใจผมก็กลัวคนของทิวมาเห็น... แต่หวานก็บอกไว้แล้วว่ามีแค่ 4 คน ซึ่งน่าจะอยู่ข้างล่างไม่กี่คนหรอกนะ
 
ผมได้ยินเสียงหวานปิดประตูรถ taxi ก่อนจะได้ยินคนของทิวทักทายหวานเล็กน้อยและพาหวานขึ้นไปบนห้อง
 
“เครื่องดักฟังของมึง นี้มันระบบอะไรวะ ทำไมได้ยินชัดขนาดนี้”
ผมอดหันไปถามจ้านไม่ได้ มันก็ทำได้แค่ยักไหล่กลับมาให้ผม แล้วหันไปสนใจมือถือที่คาดว่าน่าจะพิมพ์ไลน์คุยกับเนียร์อยู่
 
“ว่าไงที่รักไม่เจอกันหลายวันเลยนะ”
เสียงของทิวทักทายหวาน... ซึ่งเอาจริงๆตอนนี้โคตรเกลียดเสียงมันสุดๆ
 
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ...แล้วดิวอยู่ไหน?”
หวานถามหาดิวทันที..
แต่แม่งโคตรน่าอึดอัดที่ได้ยินแต่เสียงแบบนี้!!!
 
“อยู่ในห้องกับทอย.. จะเข้าไปขัดจังหวะพวกมันทำไมละ แล้วก็นั่งให้มันเบาๆหน่อย
เดี๋ยวลูกก็ได้หลุดออกมาทักทายพ่อมันไวกว่ากำหนดหรอกนะ”

ทอยมันคือใครวะ?
โอ้ยยยย... ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเว้ยย!!!
 
“หึ.. ลูกของดิวมันแข็งแรง มันไม่หลุดออกมาง่ายๆหรอกนะ”
เสียงหวานตอบกลับไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียง “เพี๊ยะ” ดังกลับมา
นี้มึงคงไม่ทำร้ายคนท้องใช่ไหมวะทิว???
 
“ปากดีเข้าไปเถอะ.. เดี๋ยวมึงก็ได้ไปนอนใน ICU กับอีนั่นหรอก”
 
“ถามจริงๆเถอะ มึงไม่ได้รักพี่รี่หรอวะ? ทำไมมึงทำร้ายพี่รี่แบบนั้น”

หวานคงกำลังพยายามถามเรื่องของรี่ให้พวกผมได้รู้แน่ๆ
ซึ่งทุกสิ่งที่หวานพูด.. ไอ้จ้านมันอัดไว้ทั้งหมด
 
 
“เดี๋ยวเพื่อนกูทีเป็นตำรวจจะตามมาช่วย”
จ้านหันมาบอกผม ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบกลับไปให้มัน
ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งที่หวานกับทิวพูดกันต่อ
 
“รักงั้นหรอ? คำว่ารักมันทำร้ายคนมากี่คนแล้วว่ะ? อย่าพูดถึงคำว่ารักเลย
เพราะมึงเองก็ไม่ได้รักดิว.. มึงแค่อิจฉาที่ดิวรักไอ้เด็กคีย์นั้นมากกว่า ไม่งั้นเรื่องร้ายๆนี้จะเกิดขึ้นได้ไง
จริงไหม?”

สิ่งที่ทิวพูดมันยิ่งทำให้ผมอยากรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่!!!!
แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมต้องทนนั่งเงียบๆฟังเสียงของหวานกับทิวคุยกัน
ซึ่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะทิวไม่พูดถึงเรื่องราวเก่าๆอีก
มีแต่หวานที่ถามซ้ำๆว่าดิวอยู่กับทอยในห้อง ทอยทำอะไรดิว
และทิวก็ตอบกลับมาแค่ว่า.. อย่ายุ่ง!
 
 



 
“จ้าน.. กูไม่ไหวแล้ววะ มึงบอกเพื่อนมึงจะตามมาช่วยใช่ไหม?
งั้นปล่อยให้กูเข้าไปช่วยดิวก่อนไม่ได้หรอวะ? กูขอร้องละ กูไม่อยากนั่งรอเงียบๆแบบนี้อีกแล้ว”

จ้านหันมามองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าออกมา
 
“อื้ออ ถ่วงเวลามันไว้ละกัน ให้มันพูดออกมาเยอะๆก็ได้”
ผมรีบพยักหน้า ก่อนจะถอดหูฟังคืนให้จ้าน แล้ววิ่งลงจากรถทันที
เพราะผมมาคอนโดดิวบ่อย และหลายๆครั้งที่ต้องแอบไม่ให้ดิวเห็น เลยรู้ว่าเข้าตรงไหนถึงจะแอบขึ้นตึกได้
ตอนนี้ผมเลยมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของดิว โดยที่ลูกน้องของทิวไม่เห็นผม
 
 
 
ก๊อก     ก๊อก


ผมเคาะประตูห้องก่อนจะยืนตั้งสติตัวเอง...
และบอกกับตัวเองไว้..ว่าต่อให้เจออะไรก็ตามความปลอดภัยของดิวคือสิ่งสำคัญที่สุด
ผมยืนรอไม่นานไอ้ทิวก็เปิดประตูห้องให้ผม
 


“ไม่คิดว่าเพื่อนจะกล้ามานะครับ”
สิ้นเสียงของทิว.. แรงกระชากจากมันก็ดึงผมเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น
ผมถูกทิวผลักให้มานั่งข้างๆหวาน ซึ่งหวานก็มีสีหน้าตกใจที่เห็นหน้าผม
 
“ไหนๆก็มาแล้วจะแนะนำให้รู้จัก นี้หวานเมียของไอ้ดิวมัน ส่วนนี้เจ้นท์ผัวไอ้ดิว
โอ๊ะ.. วันนี้วันดีจริงๆผัวกับเมียของไอ้ดิวได้มาเจอหน้ากัน แถมผัวคนแรกของไอ้ดิวก็กำลังทบทวนความหลังกันอยู่ในห้อง”

ผัวคนแรก?


 
“มึงว่าไงนะทิว”
ไอ้ทิวแสยะยิ้มกลับมาให้ผม
 
“ฟังไม่ผิดหรอกนะ.. ผัวคนแรกของไอ้ดิว ชื่อ ทอย
ตอนนี้อยู่ในห้องนอนกับไอ้ดิว .. คงกำลังทบทวนความหลังกันอยู่ มึงอยากเข้าไปร่วมสนุกด้วยไหมละ?
กูว่าทอยมันน่าจะยินดีอยู่นะ”

พูดจบไอ้ทิวก็ไปเคาะประตูห้องนอนของดิวทันที



“ทอย ทอย”

ไม่นานคนชื่อทอยก็เปิดประตูออกมา .. ซึ่งเดินออกมาในสภาพที่ผมโคตรไม่อยากเห็นเลย
ทอยไม่ได้ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงยีนส์
พอไอ้ทิวเห็นสภาพคนชื่อทอยมันก็สบถด่าออกมา

 
“ตั้งนานละยังไม่ได้อีกหรอวะ? เล่นตัวมากนักก็จับกดแม่งดิ”
 
“เรื่องของกูนะ แล้วมึงเคาะประตูทำไม”

ทอยตอบกลับมาอย่างหัวเสีย
 

“ผัวไอ้ดิวมา เอาไปสนุกด้วยไหม?”
ทิวพูดจบก็หันมามองหน้าผม ซึ่งส่งผลให้คนชื่อทอยหันมามองด้วย
 
“เอามาดิ”
พอทอยตอบกลับมา ทิวก็รีบมาดึงตัวผมแล้วผลักเข้าไปในห้องทันที
ซึ่งทันทีที่ประตูห้องปิดลง ทอยก็ผลักผมล้มลงไปบนเตียง
เตียงที่มีดิวนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ... ดิวอยู่ในสภาพเดิม
 
ใช่!!! ดิวยังมีเสื้อผ้าใส่ครบทุกชิ้น
ผมรีบจับตัวดิวดูร่องรอยการโดนทำร้ายทันที
แต่ห้องนอนที่ปิดผ้าม่านทั้งหมดและมีแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟเล็กๆข้างหัวนอน
มันทำให้ผมมองไม่เห็นร่องรอยอะไรได้เลย
 


“กูยังปลอดภัยดี” ดิวตอบกลับมา.. พร้อมๆกับจับมือผมไว้
แค่นี้... ผมก็ดีใจที่สุดแล้วครับ
แต่ผมคงจะนั่งดีใจต่อไปไม่ได้นาน เพราะเสียงทักทายจากคนๆหนึ่งมันดังขึ้นมาซะก่อน
 
“คนนี้หรอวะ? ผัวมึง?”
 
“อืม คนนี้แหละ”
 
“ตาถึงนี้หว่า.. ของดีซะด้วย”
 
“อย่ามายุ่งนะทอย... เจ้นท์มันไม่รู้เรื่องด้วย”

ดิวรีบดึงตัวผมเข้าไปกอด ก่อนจะหันไปด่าคนชื่อทอยเบาๆ
 
“มึงก็รู้ดีว่ากูรักใคร... กูไม่ทำคนที่ไม่รักหรอกนะ”
ทอย..หรือไอ้ทอยที่คุยกับไอ้ทิวด้วยเสียงที่ดุดันเมื่อกี้
ตอบกลับดิวด้วยเสียงอ่อนหวาน.. แถมเมื่อกี้ผมยังรู้สึกเหมือนมันเอามือมาขยี้หัวของดิว
เพราะผมโดนดิวกอดอยู่.. เลยได้รับรู้ถึงสัมผัสนั้นไปด้วย
 




อย่าบอกนะ.. ว่าคนที่ทอยมันรักคือดิว?
 



“แล้วเราจะออกจากห้องนี้ไปได้ยังไงวะทอย?”
เสียงของดิวถามทอยกลับไป
ถ้าผมฟังไม่ผิดและคิดไม่ผิด.. ทอยกับดิวไม่ได้ทะเลาะกันเพราะน้ำเสียงที่ใช้คุยกัน
มันนุ่มนวลและโคตรจะเป็นมิตรสุดๆ
 

“เดี๋ยวมันก็ให้เราออกไปเองนั้นแหละ  ในเมื่อทิวมันอยากเราให้ทบทวนความหลังกัน.. ก็ทบทวนกันหน่อยดีไหม?”
ทอยตอบกลับมา พร้อมๆกับนั่งลงตรงปลายเตียง และในมือของมันก็ถือรูปใบหนึ่งอยู่
 


ดิวค่อยๆผละผมออกจากอ้อมกอดของดิว  และเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ใบหน้าของผม...
 


“เจ้นท์...สิ่งที่มึงถามกูมาตลอดว่ากูปิดบังอะไรมึงไว้
และถ้าตอนนี้กูพร้อมจะเล่าให้มึงฟัง... มึงยังยินดีจะฟังไหม?”

 








ผมทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป... ก่อนจะนั่งฟังคน 2 คนทบทวนความหลังซึ่งกันและกัน


---------------------------------------------------------------





มีอะไรกันนะ? ทำไมไม่พูดซะที...อยากรู้แล้ว
เดี๋ยวมาต่อให้... เรื่องนี้มีประมาณ 20 ตอนจบจ๊ะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ใช่ค่ะ แบบเรื่องยืดมากกกกกกกก ไม่รู้เรื่องซะที  :angry2:

ออฟไลน์ toeyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :serius2: มาต่อไวๆน้าา

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
[ดิว] - Chapter   17


 


“ดิว... เราไม่ชอบหวานอะ” เสียงของคีย์บอกกับผมในเช้าวันหนึ่ง
หลังจากเราเปิดเรียนตอนชั้น ม.4 ได้ไม่นาน


“ทำไมอะคีย์ .. หวานก็ดีนะสวยดี”


“ก็เพราะสวยนั้นแหละเราเลยไม่ชอบ”

คำตอบของคีย์ในวันนั้นไม่ได้ทำให้ผมสงสัยอะไรมาก ก็แค่คิดว่ามันคงหมั่นไส้หวานเฉยๆ
เราก็ยังคบกันอยู่ 3 คนเหมือนเดิม ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่หวานพยายามแยกผมออกจากคีย์
แต่คีย์ก็ยังตามติดผมเหมือนเดิม ก็ผมอีกนั้นแหละที่มองว่าการพยายามอ้อนของคีย์กลายเป็นสิ่งที่น่ารัก
เวลามันอ้อนและบอกว่า....  ไปส่งคีย์หน่อย แล้วค่อยไปส่งหวาน
หรือ  เวลาที่มันบอกให้ผม  ...  สนใจคีย์ก่อน แล้วค่อยไปสนใจหวาน
มันเป็นอะไรที่ดูโคตรน่ารักเลยจริงๆ ปากยื่นๆ หน้าขาวๆของมัน กลิ่นหอมๆของมันกลายเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจผม
และเป็นคำพูดที่ผมชอบพูดเวลาอยู่กับหวาน...

เวลาหวานให้พาไปซื้อของก่อนกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนต้องหลังจากส่งคีย์กลับบ้านแล้ว



“เอาอันนี้ไปฝากคีย์กัน มันน่าจะชอบ”

“เราจะซื้ออันนี้ฝากคีย์ เพราะคีย์ชอบกิน”


และทุกครั้งที่พูดชื่อคีย์ ... หวานต้องอารมณ์เสียใส่ผมทุกครั้งไป





ผมไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไงกับคีย์ ผมรู้แค่คีย์คือเพื่อนของผม
และคีย์น่ารักสำหรับผม.. คำว่าหล่อไม่เหมาะกับคีย์
และคำว่าน่ารักของผมมันแน่นอนมากๆด้วยว่าคีย์มันต้องน่ารักกว่าหวาน



จนกระทั่งปิดเทอม ม.4
วันนั้นคีย์มาเที่ยวหาผมที่บ้าน... ส่วนหวานไปธุระกับครอบครัว
คีย์ก็มานอนเล่นปกติเหมือนที่มันชอบทำ... แต่มันแปลกไปกว่าทุกวันตรงที่คีย์มันถามคำถามขึ้นมา



“มึงว่าผู้ชายจูบกันได้ไหมวะ?”

ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆว่าเพราะความอยากลอง หรือเพราะอะไร
ผมโน้มหน้าไปจูบปากคีย์ มันเป็นการจูบที่ปากชนปากธรรมดานะไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

“ก็จูบได้......นี้ไง” ผมจูบคีย์เสร็จแล้วก็หันมาเล่นเกมส์ต่อ

“ทำไมมึงทำแบบนี้วะดิว”
คีย์โยนหมอนใส่หน้าผมก่อนจะโวยวายแล้วฟุบหน้าลงกับหมอนที่เหลือบนเตียง
ยิ่งมันโวยวายแบบนี้มันยิ่งน่ารักมากๆครับ
แล้ววันนั้นเราจูบกันอีกหลายครั้ง.. และก็ยังเป็นแค่การจูบกันเบาๆไม่ได้มากมายเกินกว่านั้น



และการจูบกันบ่อยๆของผมกับคีย์นี้แหละมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจคบกับหวาน
เพราะตอนแรกจูบกับคีย์มันไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่.. นานๆเข้าใจมันก็หวั่นไหวไปกับการจูบ
มันรู้สึกว่าแค่จูบผ่านริมฝีปากมันไม่พอแล้วละ... คีย์พยายามจะทำมากกว่านั้น


หวานที่คงเห็นผมกับคีย์แอบจูบกันบ่อยๆ ก็เดินเข้ามาบอกรักผม
ในตอนนั้นผมปฏิเสธหวานไปและบอกกับหวานว่าอยากให้เราเป็นแค่เพื่อนกัน... มันดีกว่า



“ดิวเป็นเกย์หรอ?”
นี้คือคำพูดจากปากหวานในวันที่ผมปฏิเสธ ซึ่งยอมรับเลยว่าตอนนั้นโกรธมากๆ


“เกย์อะไร เราก็เป็นผู้ชายนี้แหละ”


“ก็นายจูบกับคีย์ ผู้ชายเค้าไม่จูบกันหรอกนะ”

หวานยังโวยวายกลับมา... แต่คำพูดของหวานมันทำให้ผมได้คิด



นั้นสิ.. ผู้ชายเค้าไม่จูบกัน
งั้นแสดงว่า.. คีย์เป็นเกย์งั้นหรอ?





เอาจริงๆในตอนนั้นไม่ได้รังเกียจเลยนะ.. กลับใจเต้นแรงและรู้สึกดีด้วยซ้ำไป
แต่เพราะกลัวเสียหน้า.. และไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ผมเลยตกลงรับปากคบกับหวาน



“เราไม่ได้เป็นเกย์.. เราคบกับหวานก็ได้”
ซึ่งมันก็ทำให้หวานยิ้มออกมา...

“งั้นไปไหนกับเราสองคนบ้างนะ นายไปกับคีย์แบบนี้คนมองว่านายเป็นเกย์นายรู้ไหม”
นั้นแหละ..ผมโทษให้กับความงี่เง่าของผมเอง ที่มัวแต่อาย มัวแต่แคร์คำพูดของคนอื่น
ผมเลยไปไหนมาไหนกับหวาน... และปล่อยให้คีย์กลับบ้านคนเดียวจนเกิดเรื่องขึ้น’





คีย์โดนผู้ชายข่มขืน!




นั้นคือสิ่งที่ผมรู้... และคีย์ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีความอับอายของตัวเอง
ในวันที่คีย์ฆ่าตัวตายผมก็อยู่ที่นั้นด้วย ... และผมก็เห็นคีย์หมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา
หัวใจของผมแทบสลาย... คีย์ตายในอ้อมกอดของผม
คำบอกรักของคีย์ยังก้องอยู่ในหูของผมไม่เคยจางหาย...





ผมเอาความโกรธของตัวเอง ขอร้องให้พ่อเอาคนทำร้ายคีย์เข้าคุกให้ได้
ทั้งๆที่อายุของทอยในตอนนั้นควรอยู่แค่สถานพินิจ
คนที่ข่มขืนคีย์ คือ ทอย !


และผมไม่รู้จริงๆว่าผมได้ทำความผิดครั้งใหญ่
เพราะจริงๆแล้วทอยไม่ได้ข่มขืนคีย์ แค่ทอยแอบรักคีย์มานานแล้ว
และทอยกับคีย์ก็โดนหวานหลอกให้มาเจอกัน


ผมรู้เรื่องนี้เพราะทอยบอกกับผมเอง.....
ผมเพิ่งรู้ในวันที่พี่ทิวพาผมมาจากโรงพยาบาลของเจ้นท์กลับมาที่คอนโดของผม
ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องมาได้ พี่ทิวก็ผลักผมเข้ามาในห้องนอนที่มีทอยนั่งรออยู่แล้ว


“พี่คงไม่ต้องแนะนำให้น้องดิวรู้จักใช่ไหม... แต่เอ๊ะหรือพี่ควรแนะนำดี”
พี่ทิวที่ตอนนี้เหมือนคนเสียสติไปแล้ว ยืนยกยิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้อง ซึ่งมีทอยยืนอยู่ข้างๆ

“นี้ทอย.. น้องชายแท้ๆของพี่เอง ส่วนทอยนั้นชื่อดิวนะ  เป็นลูกของคนที่มีพระคุณคอยส่งเสียพี่เรียน
และเป็นลูกของคนที่ทำให้ทอยติดคุก”

แค่นี้ผมก็พอจะรู้แล้ว.. ว่าพี่ทิวเข้ามาในชีวิตผมทำไม?


“พี่คบกับรี่ เพียงแค่ต้องการแก้แค้นผมงั้นหรอ?” ผมถามพี่ทิวไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ใจก็นึกถึงแต่เพื่อนสาวคนสนิท

รี่ ... กูขอโทษจริงๆ
เพราะกูจริงๆที่ทำให้มึงต้องเจ็บตัวแบบนั้น




“จะว่างั้นก็ได้นะ แต่พี่ก็ให้ความสุขกับรี่เพื่อแลกเปลี่ยนกับความรักที่รี่มีให้พี่ไปแล้วนะ
มันน่าจะพอไม่ใช่หรอ?”

พี่ทิวตอบกลับมา พร้อมๆกับเสียงหัวเราะ


“ออกไปได้แล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง”
ทอยผลักพี่ทิวออกไปจากห้อง แต่พี่ทิวก็ยังพูดส่งท้ายไว้จนผมเองก็อดที่จะกลัวขึ้นมาไม่ได้


“จัดการอัดคลิปไว้ด้วยละ กูไม่ถนัดจะเข้าด้านหลังจริงๆไม่งั้นกูคงไม่ส่งให้ไอ้เจ้นท์จัดการแทนหรอก”
แค่ได้ยินชื่อเจ้นท์... ก็ทำให้ผมนึกคิดไปไกลว่าเจ้นท์จะรู้เห็นกับทิวด้วยไหม?
แต่เหมือนพี่ทิวจะรู้ว่าผมคิดอะไรเลยตอบกลับมา

“เจ้นท์มันแค่หมากตัวหนึ่ง... ซึ่งกูคิดว่ามันจะเล่นๆกับคนแบบมึงแต่มันเสือกจริงจัง”
น่าแปลก..ที่คำตอบของพี่ทิวทำให้ผมนึกดีใจขึ้นมา



หลังจากที่ทิวออกจากห้องไปแล้ว ทอยก็เดินเข้ามาหาผม
ผมที่พร้อมจะสู้เพื่อปกป้องตัวเอง กลับต้องแปลกใจเพราะทอยเดินเลยไปที่ผนังห้องที่ผมแปะรูปเอาไว้
ทอยดึงรูปของคีย์ออกมา ก่อนจะถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

“งานศพของคีย์ คนมาเยอะไหม?”

“ก็เยอะ.. มึงถามทำไม”

ผมยังไม่วางใจในตัวทอยมากนัก กลัวมันจะบ้าแบบพี่ทิว ที่มี 2 บุคลิค เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

“มึงรู้ไหมว่าคีย์แอบรักมึงมานานมากเลยนะ”

“มึงรู้ได้ไง”

“นั่งลงก่อนสิ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกนะ”

ทอยล้มตัวนั่งลงบนที่นอนของผม ซึ่งผมก็ยอมนั่งบนเตียงไม่ห่างจากทอยมากนัก

“ที่กูรู้เพราะกูมองแต่คีย์มาตลอดมั้ง ทั้งๆที่มันมองแต่มึง”

ทอยตอบกลับมา.. และพร้อมๆกับพรั่งพรูความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆให้ผมฟัง

“กูเรียน ม.ต้นที่เดียวกับคีย์ มันเป็นคนน่ารักนะ มึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหม?”
ผมพยักหน้าตอบรับไป.. คีย์มันน่ารักมากๆด้วยเหอะ

“ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกัน แต่กูมันพวกปลายแถวเป็นเด็กห้องท้ายๆ ส่วนคีย์แม่งเสือกเป็นเด็กห้องหัวกะทิ  แต่มันก็ดีนะยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนกู คอยช่วยกูทำการบ้าน”

“ไหนมึงบอกว่ามึงอยู่ห้องท้าย แล้วทำไมมาสนิทกับคีย์ได้ละ”

ผมถามทอยกลับไป ซึ่งดูท่าทางมันก็ยินดีที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟังต่อ

“คีย์มันชอบกลับบ้านช้า กว่ามันจะเดินออกจากโรงเรียนพวกกูก็เล่นบอลเสร็จพอดี
วันนั้นกูเตะบอลอัดใส่มัน เอาจริงๆกูตั้งใจวะ 555”

“มึงแม่งเลว”
ผมอดที่จะด่ามันไม่ได้ เพราะมันเล่าไปก็หัวเราะไปด้วย
แต่มือที่ถือรูปของคีย์ไว้ มีความสั่นไหวเล็กน้อย... แสดงว่าคนพูดคงข่มใจไม่ให้ร้องไห้อยู่แน่ๆ

“มันน่ารักนี้หว่า ตัวเล็กๆแบกกระเป๋าใบใหญ่ แล้วไหนจะกระเป๋าถือใบเล็กนั้นอีก
พอกูเตะบอลอัดใส่มันเสร็จ ก็รีบวิ่งเข้าไปขอโทษและช่วยมันถือหนังสือก่อนจะเนียนขอไปส่งมันที่บ้าน
มันก็ยอม.. และหลังจากนั้นกูก็เลยเนียนไปส่งมันทุกวัน”

“มึงคงไม่เนียนเตะบอลอัดใส่มันทุกวันใช่ไหม?”
ผมแกล้งขัดมันกลับไป

“กูก็รักของกูเถอะนะ ไม่ได้รังแกมันเลยเว้ย! จะฟังต่อไหม? ขัดจริงๆเลยเดี๋ยวกูก็จับปล้ำแม่งเลย”
พอมันพูดจบผมรีบลุกหนีมันเลยครับ กลัวมันจะทำขึ้นมาจริงๆ แต่มันกลับดึงแขนผมให้ล้มลงนั่งที่เดิม

“พอเรียนจบ ม.ต้น กูก็ไม่เรียนต่อเพราะคิดว่าเรียนไปก็เท่านั้น แต่มันไปต่อ ม.ปลาย
หลายต่อหลายครั้งที่กูไปรอรับมันที่หน้าโรงเรียน แต่มันก็เมินไม่ยอมให้กูไปส่งที่บ้านมันบอกแค่ว่ามันจะกลับกับมึง   กูแอบดูคีย์กับมึงทุกวัน ... กูยอมรับนะว่ากูโกรธมึงเพราะมึงมาแย่งคีย์ไป แต่แล้วนานๆไปกูก็เข้าใจว่าสายตาที่คีย์มองมึง  กับสายตาที่คีย์มีให้กูมันไม่เหมือนกัน ... กูเคยไปส่งคีย์ที่หน้าบ้านมึง แล้วกูขโมยจูบมัน”

“แล้วคีย์มันว่าไง”
ตอนนี้ผมคิดไปถึงวันที่คีย์ไปบ้านผมแล้วถามผมขึ้นมาว่าผู้ชายจูบกันได้ไหม?
และนั้นทำให้ผมจูบกับมันครั้งแรก

“มันไม่ตอบว่าไร มันก็เดินเข้าบ้านมึงไปเลย ตอนเย็นพอกูไปรับมันก็บอกแค่ว่าต่อไปนี้ห้ามจูบมันอีก”

“แล้วมึงเชื่อที่มันสั่งไหม?”

“เชื่อดิวะ.. กูกลัวคีย์โกรธกูไม่ทำอะไรนอกเหนือจากที่คีย์สั่งหรอกนะ”

“แล้วมึง เอ่อออ.. มาปล้ำคีย์ได้ไงวะ?”

ผมถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้มาตลอดกลับไป

“ถ้ากูบอกไม่ได้ปล้ำมึงคงไม่เชื่อสินะ? จริงๆเรื่องคืนนั้นมันเกิดจากความเต็มใจ แต่กว่าจะเต็มใจมันก็เหมือนกูหลอกคีย์นั้นแหละ”

“ยังไงวะ? กูเริ่ม งง ไปหมดแล้ว”
ผมเริ่ม งง กับสิ่งที่ทอยบอก ตอนนี้ผมเชื่อในสิ่งที่ทอยพูดแทบทุกอย่างเลยครับ
เพราะหน้าตาขณะที่ทอยพูดมันบ่งบอกถึงความจริงใจด้วยมั้ง?

“หวานแฟนของมึง มาหากู ตอนนั้นกูชอบรวมกลุ่มกันหน้าปากซอยบ้านคีย์ เพราะกูมาดักเจอคีย์ทุกวัน
หวานมาหากู แล้วบอกว่าคีย์มีเรื่องจะคุยกับกู ให้กูไปหาที่โรงแรมแถวๆตลาด กูก็รีบไปทันทีเลย
แต่กูไม่ได้คิดทำอะไรคีย์นะ กูแค่กลัวมันมีเรื่องอะไรหรือป่าวถึงนัดไปเจอที่โรงแรม  พอไปถึงกูก็เห็นคีย์อยู่ในห้องแล้ว พอคีย์เห็นกู คีย์ก็ทำหน้า งงๆ ก่อนจะถามกูว่ากูมาทำไม?”

“อ้าวว.. แล้วหวานเกี่ยวไรด้วยวะ?”

“ฟังก่อนดิวะ.. เดี๋ยวกูไม่เล่าจริงๆนะมึงแม่งชอบขัดตลอด”

“เออๆขอโทษที”
ผมเริ่มสงบปากสงบคำแล้วตั้งใจฟังทอยเล่าอีกครั้ง

“เออ..พอคีย์ถามว่ากูมาทำไม กูก็บอกว่าหวานบอกว่าคีย์ให้มาหา อืมม เท่านั้นแหละคีย์ก็แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะร้องไห้ แล้วบอกกับกูว่าหวานก็หลอกคีย์ให้มาเหมือนกัน แต่บอกว่าดิวนัดให้มาหา ตอนนั้นกูนั่งปลอบคีย์ตั้งนานกว่าคีย์จะหยุดร้องไห้... แล้วคีย์ก็ถามกูว่า จูบกับคีย์น่ารังเกียจไหม? กูรักคีย์อยู่แล้วกูก็รีบตอบเลยดิว่าไม่เลย จูบกับคีย์โคตรดีเลย แค่นั้นแหละคีย์ก็จูบกูกลับมา.. มึงเข้าใจใช่ไหมว่ากูรักคีย์อะ พอมันจูบมากูก็คุมสติไม่ได้ กูก็เลยเถิดไปไกลเลย มือไม้กูลูบคีย์ไปทั้งตัวอะ”

“ไอ้เหี้ยทอย.. เล่าไม่ต้องลึกไอ้ห่า... มึงไม่ได้ขืนใจคีย์ใช่ไหมละ? แล้วไงต่อ?”

“เออ.. กูไม่ได้ขืนใจ คีย์ก็ยอมกู แล้วมันมีครั้งแรกมันก็มีครั้งต่อไป แต่ที่คีย์ไม่ไปเรียนเพราะหวานมาบอกคีย์ว่า
มึงรับไม่ได้กับพวกเป็นเกย์ แล้วทีนี้.. กูเผลอไปทำรอยไว้เต็มตัวเต็มคอคีย์ .. คีย์มันเลยไม่ไปเรียน
แต่ตอนนั้นหวานอะโทรมาหาคีย์ตลอดนะ เพราะกูอยู่กับมันตลอด แล้วมันก็คิดมาก จนถึงขั้นเสียสติอะ
พวกกูไม่ได้ทำอะไรคีย์จริงๆนะเว้ย พวกกูไม่ได้ขมขู่อะไรคีย์เลย แต่ที่เพื่อนกูมาเยี่ยมตอนที่กูติดคุกอยู่อะ เพื่อนกูบอกว่า เมียมึงอะจ้างพวกเด็กแก๊งค์อื่นไปข่มขืนคีย์ ซึ่งแม่งทำจริงๆอัดคลิปไว้ด้วย ของกูเคยบอกคีย์ว่าอัดคลิปไว้ แต่กูแค่แกล้งคีย์มันเฉยๆ ตอนนั้นกูไม่รู้ว่าใครทำ แต่รู้ว่าคีย์กลัวมากแล้วก็ทำร้ายตัวเอง กูพยายามห้ามคีย์หลายครั้งแล้ว แต่คีย์ดันเห็นกูแล้วเป็นคนอื่น เลยเอามีดมาแทงกูตั้งหลายครั้ง  รอยแผลตรงอกกู นี้ก็คีย์ทำ”

ทอยถอดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็นตรงหน้าอก ซึ่งมีหลายรอยมาก

“เวลาคีย์โวยวายขึ้นมา แม่ของคีย์ก็โทรตามกูไปดูตลอด วันที่กูขี่รถไปหามึงที่สนามเด็กเล่นวันนั้นอะ แม่คีย์โทรมาตามกูว่าคีย์หายออกจากบ้าน กูเลยขี่รถตามหาคีย์ แต่คนอื่นๆที่ขี่รถมารอกันที่สนามเด็กเล่นก่อนแล้วนั้นอะ เป็นคนของหวาน  ซึ่งมึงรู้ไหม? ว่าตอนที่คีย์ตกลงมาข้างล่างแล้วมึงรีบลงมากอดคีย์ไว้ กูเจ็บแค่ไหน? คำพูดที่คีย์บอกรักมึงจนคีย์หมดลมหายใจ.. กูเจ็บและกูเสียใจแค่ไหน?  คีย์ตายไปพร้อมๆกับความรู้สึกที่รักมึง.. ทั้งๆที่กูอยู่ข้างๆคีย์ตลอด คีย์กลับไม่เคยรัก และไม่เคยเรียกชื่อกูเลยสักครั้ง”

“ทอย... กูขอโทษวะ”
พอฟังเรื่องราวต่างๆแล้วผมก็พูดอะไรไม่ออก ผมไม่ทันได้ตามหาว่าความจริงคืออะไร
ผมโทษทอยทันทีว่าทอยผิด.... ทั้งๆที่ทอยคือคนที่อยู่ข้างๆคีย์มาตลอดแท้ๆ

“แต่กูไม่เสียใจหรอกนะ.. กูรักคีย์.. อะไรที่คีย์ทำแล้วคีย์มีความสุขกูก็ยินดี
และกูก็เชื่อว่าคีย์มีความสุขจนกระทั่งคีย์หมดลมหายใจ..เพราะคีย์ตายในอ้อมกอดมึง
มึง...ที่คีย์รักและเพ้อหามาตลอด”

ตอนนี้ทอยร้องไห้ออกมา.. จนผมอดไม่ได้ที่จะดึงทอยเข้ามากอด
ผมส่งทอยเข้าไปในคุก ทำให้ทอยหมดอนาคต และสร้างเรื่องแค้นใจให้พี่ทิว
จนพี่ทิวตามมาทำร้ายผมคืน...



ผมปล่อยให้ทอยร้องไห้ จนกระทั่งพี่ทิวเคาะประตูห้องเรียกทอยนั้นแหละ
ทอยก็บอกให้ผมไปนอนห่มผ้าบนเตียง ไม่ต้องลุกตามออกมา
แล้วทอยก็ออกไปรับหน้าพี่ทิวที่หน้าห้องนอน ก่อนจะหายออกไปสักพัก...
และกลับเข้าห้องมาพร้อมๆกับเจ้นท์!




“เรื่องที่เจ้นท์เคยถาม..ก็คือเรื่องนี้แหละ”
ทันทีที่ผมเล่าจบ.. เจ้นท์ก็ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหอมหน้าผากผมเบาๆ

“มีเรื่องแบบนี้ทำไมไม่รีบเล่าวะ รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน?”
เจ้นท์ก็ยังเป็นเจ้นท์ครับ บ่นและบ่นได้ตลอด

“มันใช่เรื่องที่น่าเล่าไหม?  แล้วทำไมกูต้องเล่าให้มึงฟัง” ผมก็อดที่จะตอกกลับมันไปไม่ได้
แล้วผลักอกมันเบาๆ แต่มีหรือที่เจ้นท์จะยอม

“กูผัวมึง.. จบนะ”
พอเจ้นท์พูดจบ.. ไอ้ทอยหัวเราะเลยครับ

“กูว่ามึงเจอคนจริงแล้ววะดิว 555555+”
เกลียดมึง 2 คนมากเลยว่ะ.. แม่งง!!!
เจ้นท์ขยี้หัวผมเล่นจนพอใจแล้วก็หันไปมองหน้าทอยอีกครั้ง...

“กูเสียใจกับมึงด้วยนะทอย.. แล้วตอนนี้เอาไงต่อ พี่มึงแค้นไอ้ดิวขนาดนี้จะออกไปกันได้ไงวะ?”

“ก็เดินออกไปนี้แหละ ต้องบอกความจริงกับทิวมัน จริงๆมันไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก
แต่มันรักกูมากแค่นั้นเอง มันคงทนเห็นกูไม่มีอนาคตไม่ได้”

ทอยตอบกลับมา พร้อมๆกับหยิบเสื้อที่มันถอดไว้มาใส่

“แล้วมึงเอาไงต่อ?” ผมก็อดจะถามทอยไม่ได้ เพราะจริงๆมันต้องอยู่สถานพินิจ ออกมามันก็ใช้ชีวิตปกติได้
แต่ผมดันให้พ่อเอามันเข้าคุกพร้อมๆกับคดีที่ไม่น่าได้รับการให้อภัย

“พ่อมึงชวนกูไปทำงานด้วย เค้ามาเยี่ยมกูแล้วก็ขอโทษที่ทำกับกูแบบนั้น
กูไม่โกรธหรอก เพราะถ้ากูอยู่ข้างนอกกูคงไปล้างแค้นคนที่มาทำร้ายคีย์
ดีแล้วละที่พ่อมึงเอากูเข้าคุก ไม่งั้นกูคงฆ่าคนตายไปหลายคน”

ทอยตอบกลับมาอย่างสบายใจ.. และมันก็เป็นอีกสิ่งที่ผมรู้คือพ่อผมไปเยี่ยมทอยตลอด
ทั้งๆที่พ่อห้ามผมไป..แต่พ่อกลับไปเยี่ยมและเสนองานให้ทอยทำ

“มึงอย่าห่วงทิวเลย เดี๋ยวกูลากมันมาเคลียร์ได้ มึงไปห่วงหวานเถอะ เพราะคนที่ก่อเรื่องคือหวานทั้งหมด
ถ้าทิวรู้ความจริงมันคงไม่เอาหวานไว้แน่ๆ”

ทอยหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม
แต่ทอยคงคิดผิด.. เพราะจริงๆแล้วทิวมันรู้เรื่องทุกๆอย่างแล้วต่างหาก


เจ้นท์ยืนอยู่ข้างๆผม พร้อมทั้งจับมือผมไว้

“จ้านรออยู่ข้างนอกแล้ว ป่านนี้คงพร้อมจะเข้ามาช่วยเราได้ตลอดเวลานั้นแหละ
แต่ทอย..พี่มึงทำร้ายรี่ กูคงไม่เอาเรื่องไม่ได้มึงเข้าใจใช่ไหม?”

เจ้นท์บอกกับทอยอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหมอจ้าน
เพื่อบอกให้หมอจ้านขึ้นมาบนห้องได้แล้ว...ถึงพี่ทิวจะวางแผนมาดีแค่ไหนก็ตาม
พี่ทิวก็ยังลืม...ลืมค้นตัวเจ้นท์ว่ามันมีอาวุธ มีอุปกรณ์สื่อสารอะไรบ้าง
พอทอยเห็นเจ้นท์หยิบมือถือขึ้นมาก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ มันคงคิดเหมือนกันกับผมนั้นแหละครับ
ว่าพี่ชายของมัน.. พลาดแล้วจริงๆ



------------------------------------------------------
เย้..  รู้เรื่องซะทีเนอะ :)
เหลือตอนที่ 18 - 19 และบทส่งท้ายนะฮับ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้กำลังน่ะ '
และขอโทษด้วยนะถ้ามีคำผิด เดี๋ยวเค้ารีบแก้ไขให้
อ่ออ.. ใครเล่นทวิตฝาก #เจ้นท์ดิว ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996


[ดิว] - Chapter 18











 
ทันทีที่หมอจ้านตอบกลับมาว่าพร้อมรอที่หน้าห้องแล้ว และจัดการกับคนของทิวได้ทั้งหมดแล้วนั้น
เจ้นท์ก็หันไปบอกทอยว่าให้ออกไปเจอทิวได้แล้ว
 
 
“เป็นไงบ้างวะน้องรัก”
ทิวเดินเข้ามาดึงทอยเข้าไปกอด ก่อนจะหันมามองผมกับเจ้นท์ด้วยสีหน้าแปลกๆใจนิดๆ
 
 
“ก็ไม่ได้ทำไร” ทอยตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไร ก่อนจะล้มตัวลงนั่งที่โซฟา
ผมเดินไปนั่งข้างๆหวาน ก่อนที่เจ้นท์จะมานั่งโซฟาตัวข้างๆผม
 
 
“หมายความว่าไง” พี่ทิวที่ยังไม่เข้าใจอะไรก็เดินตรงเข้าไปกระชากเสื้อของทอยทันที
แต่ทอยก็ปัดมือของพี่ชายตัวเองออก ก่อนจะจับข้อมือของพี่ทิวไว้
 
 
“นั่งลงก่อนทิว” พี่ทิวที่ยังมีทีท่าหงุดหงิดอยู่ก็ยอมนั่งลงข้างๆทอย
 
 
“ทอยขอบคุณพี่ทิวมากๆนะที่ทำทุกอย่างเพื่อทอย แต่พี่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้
ให้ทุกๆการสูญเสียมันสิ้นสุดที่ทอยก็พอแล้ว ทอยเสียคีย์ที่ทอยรักไปแล้ว อย่าให้ใครต้องสูญเสียอีกเลยนะ”

ตลอดระยะเวลาที่ทอยพูด.. ทอยยังจับข้อมือของพี่ทิวไว้แน่น
 
 
“มึงจะบอกว่าที่พี่ทำไปทุกอย่างสูญเปล่างั้นหรอ?”
พี่ทิวที่พอจะรู้แล้วว่าทอยไม่ได้ทำร้ายผม และไม่ได้ทำแบบที่พี่ทิววางแผนไว้ก็พูดออกมาเสียงสั่น
 
 
 
“ไม่สูญเปล่าหรอก ทอยรู้ว่าพี่ทิวรักทอย.. และทุกๆคนที่นี้ก็พร้อมอภัยให้พี่ทิว
เราแค่กลับบ้านเรากัน ไปอาบน้ำนอนหลับพักผ่อนสัก 2-3 วัน แล้วพี่ก็กลับมาเรียนให้จบ
แล้วเราก็กลับไปทำงานกับคุณลุงกันแค่นั้นเอง”

ทอยพูดออกมาแบบสบายๆ แต่ผิดกับพี่ทิวที่เริ่มร้องไห้ออกมา
 
 
 
“มึงพูดออกมาง่ายๆแบบนี้หรอวะทอย กูวางแผนมาตั้งกี่ปีวะ กว่ากูจะมายืนตรงนี้
แค่มึงบอกกูว่ามึงอยากให้มันตายกูก็พร้อมเอาปืนจ่อยิงมันให้มึงแล้ว.. แต่มึงกลับบอกให้กูกลับไปนอนงั้นหรอ”

พี่ทิวพยายามสะบัดแขนที่ทอยจับไว้ออก แต่ทอยก็คงรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้พี่ทิวหลุดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 
“ไม่เอาแล้วทิว.. ไม่อยากให้เราต้องแยกกันอีกแล้ว เราสองคนพี่น้องจะไม่มีใครต้องกลับไปติดคุก
เราจะไม่แยกจากกันอีก พ่อของดิวดูแลบ้านเราดีมาตลอด เค้าส่งพ่อแม่เราไปดูแลธุรกิจที่เมืองนอก
เค้ายอมส่งทิวเรียนทั้งๆที่เค้าก็รู้ว่าทิวไม่ชอบเค้า แล้วเค้ายังช่วยคดีทอยให้ทอยออกมาอีก แค่นี้เราก็เป็นหนี้บุญคุณบ้านดิวไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว... ทิวพอเถอะนะยอมรับความจริงได้แล้ว”

ทอยพยายามพูดกล่อมให้พี่ทิวใจเย็น.. สิ่งที่ทอยพูดมาผมก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะ
 
 
“กูจะพอได้ไงวะ? กูทำร้ายใครไปบ้างมึงรู้ไหม? กูจะกลับไปเรียนแบบที่มึงพูดได้ไงกัน”
พี่ทิวหันมามองหน้าหวาน.. ที่ตอนนี้หวานเองก็เหมือนจะหลบสายตาพี่ทิวมาซบที่อกผม
 
 
“ทิว..กูสัญญาว่ากูจะช่วยมึง เรื่องของรี่อะกูก็เชื่อว่ารี่จะไม่เอาความมึงแน่ๆ
เพราะรี่รักมึง และที่มึงทำไปเพราะมึงรักน้อง รี่ต้องอภัยให้มึง”

พี่เจ้นท์ก็พยายามจะช่วยทอยพูดให้พี่ทิวใจเย็นๆ แต่เหมือนพี่ทิวจะเสียสติไปแล้ว
พี่ทิวเอาแรงที่มีทั้งหมดสะบัดมือของทอยออก ก่อนจะหยิบปืนที่เหน็บไว้ตรงเอวออกมา
 
 
“เห้ยย.. พี่ทิวไม่เอา เก็บปืนลงก่อน” ทอยรีบลุกขึ้นมาห้ามพี่ทิวทันที
แต่เหมือนพี่ทิวจะไม่ยอมฟังใครๆเลย พี่ทิวเล็งปืนส่ายไปส่ายมา แล้วก็พูดโวยวายแค่คำว่า ไม่ยอม
 
“ไม่ยอมหรอก กูไม่ยอมให้มันจบแบบนี้ มันทำให้น้องกูต้องติดคุก มันทำให้คนรักของน้องกูตาย
กูจะยอมได้ไง”
พี่ทิวพูดจบก็เล็งปืนไปที่หวาน ก่อนจะยิ้มเหี้ยมออกมา
 
 
“เพราะมึงไงอีหวาน.. มึงมันตัวต้นคิดทุกๆอย่าง มึงมันจอมวางแผนการให้คีย์มันตาย
แล้วโยนความผิดมาที่น้องกู”

พี่ทิวตรงเข้ามาดึงตัวหวานไปจากอกผม.. หวานพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของพี่ทิว
แต่เพราะหวานท้องได้ 7 เดือนแล้ว เลยขยับตัวมากไม่ได้
 
“พี่ทิว..เอาผมไปแทนหวานนะ หวานท้องอยู่นะพี่ ปล่อยหวานไปเถอะ”
ผมพยายามขอร้องพี่ทิว.. แต่พี่ทิวกลับหัวเราะออกมาเหมือนคนที่เสียสติ
 
 
“ท้องแล้วไงวะดิว... มึงก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกของมึง ทำไมมึงต้องห่วงมันอีก”
วันนี้มันเป็นวันบ้าบออะไรวะเนี้ย!!!
เรื่องราวที่ผมไม่อยากรู้ ไม่อยากพูดก็ต้องมาเฉลยวันนี้หมดทุกเรื่องเลยซินะ
 
 
“หมายความว่าไงดิว” ไอ้พี่เจ้นท์ครับ มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ
ตอนนี้พี่เจ้นท์แม่งงงง ทำหน้าตาดีใจเกินเหตุมากไม่เห็นหรือไงว่าหวานโดนพี่ทิวเอาปืนจ่อไว้
เดี๋ยวก็ทุบเข้าให้หรอกไอ้หน้าหล่อๆนั้นนะ!!
ผมอดที่จะแอบบ่นพี่เจ้นท์ในใจไม่ได้
 
 
“จะลูกใครดิวไม่รู้หรอก.. ตอนนี้เป็นลูกของดิวก็พอแล้ว
พี่ทิวปล่อยหวานเถอะ.. ดิวขอร้อง”

ผมพยายามพูดปลอบใจพี่ทิวอีกครั้ง แต่พี่ทิวที่เสียสติไปแล้วหัวเราะออกมา และดึงหวานเข้าไปกอดคอไว้แน่น
 
 
“ทำไมไม่บอกเจ้นท์มันไปละดิว... บอกมันไปสิว่ามันเป็นผัวคนแรกของดิว
และแท้จริงแล้วดิวไม่เคยมีเมีย ไม่เคยมีอะไรกับใครเลย บอกผัวดิวไปสิ!!
จะมายืดอกเป็นพระเอกต่อไปอีกทำไม  ในเมื่อหวานมันนอกใจดิวแล้วแบกท้องโย้ๆ
กลับมาให้ดิวรับผิดชอบนะ”

หวานร้องไห้ออกมา ก่อนจะมองหน้าผม... ผมเห็นแววตาที่เจ็บปวดของหวานแล้วก็แทบจะทนไม่ได้
มันก็จริงอย่างที่พี่ทิวพูดทุกอย่าง.. ผมไม่ใช่พ่อของลูกในท้องหวาน
ผมไม่เคยมีอะไรกับหวานเลยสักครั้ง.. แม้กระทั่งจูบผมยังไม่เคยจูบหวานเลย
ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้นท์นั้น.. ก็เป็นครั้งแรกของผม ไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง
เจ้นท์...มันก็คือคนแรกอยู่ดี
 
 
 
“พี่ทิว.. พอเถอะครับ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วได้ไหม พี่ปล่อยหวานไปเถอะ
พี่โกรธผม พี่เอาผมไปสิ อยากยิงก็ยิงผม”

ผมพยายามพูดจาโน้มน้าวพี่ทิว .. แต่พี่ทิวกลับยิ้มเหี้ยมออกมา
ทอยกับพี่เจ้นท์ก็ส่งสายตาให้กัน.. เหมือนจะนัดแนะกันเข้าชาร์ตตัวพี่ทิว
แต่มันก็เสี่ยง... เพราะปืนที่จ่ออยู่ที่ท้องของหวาน
 
“เอานะ.. ไหนๆวันนี้กูก็ทำทุกอย่างพังแล้วนิ มึงจะทนฟังเรื่องราวที่กูเคยทำอีกหน่อยจะเป็นไรไป”
 
“พี่ทิว.. ขอร้อง อย่าพูดอะไรอีกเลย หวานไหว้ละพี่”
หวานร้องไห้.. และยกมือไหว้พี่ทิว
แต่พี่ทิวก็ตอบกลับหวานมาแค่การกระชับแขนที่รัดคอหวานให้แน่นขึ้น
จนหวานต้องเอามือมาดึงแขนพี่ทิวออก.. แต่แรงของหวานหรือจะสู้แรงของพี่ทิวได้
 
 
“มึงรู้ไหมดิว.. ว่าใครเป็นผัวอีหวาน
ใครกันที่ทำให้อีนี่ต้องซมซานกลับไปหามึง กลับไปร้องไห้เรียกความสงสารจากมึงหลายต่อหลายครั้ง”
 
 
“พี่ทิว.. ผมไม่อยากรู้แล้วพี่
พี่ปล่อยหวานได้แล้ว หวานหายใจไม่ออก”

ผมพยายามสลัดภาพที่หวานนอนร้องไห้ ภาพที่หวานนอนซมเพราะการถูกกระทำหลายต่อหลายครั้งทิ้งไป
ใจหนึ่งผมยอมรับว่าผมอยากรู้... แต่อีกใจผมก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน
ผมกลัวความจริง...
 
 




พี่ทิวไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หมอจ้านกับตำรวจก็พังประตูเข้ามาในห้อง



 
“หึ.. ไหนใครมันบอกว่าจะไม่เอาเรื่องกู แล้วนั้นตำรวจมาได้ไงวะ
พวกมึงมันก็เชื่อไม่ได้อยู่ดี”

พี่ทิวแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะลากตัวหวานเดินไปยังหน้าห้องนอนเล็ก และทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป
ในตอนนี้ทอยที่ยืนมองพี่ทิว และหาจังหวะเข้าชาร์ตพี่ทิวนานแล้ว ก็เดินซ้อนไปด้านหลังพี่ทิว
ก่อนจะจับข้อมือพี่ทิวที่ถือปืนจ่อท้องหวานไว้
และความชุลมุนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว .. พี่เจ้นท์วิ่งเข้าไปช่วยทอยจับตัวพี่ทิว
หมอจ้านเข้าไปดึงตัวหวานออกมาให้ห่างจากพี่ทิว  เกิดการแย่งปืนจากพี่ทิว
และ.... เสียงปืนก็ดังขึ้นมา
 
 
 
ปัง!!!!
 

 



ทุกอย่างที่ชุบมุนอยู่นั้นหยุดชะงักลงทันที...
ทุกคนหันมามองหน้าผม   เจ้นท์ที่เหมือนจะรู้สึกตัวก่อนใครวิ่งเข้ามาประคองร่างของผมไว้
ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นทั่วห้อง



 
“ดิว!!!”
 
 
 
 
ผมไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย รู้แค่เริ่มไม่มีแรงจะยืน
เจ้นท์ประคองกอดผมไว้ .. เจ้นท์ร้องไห้และส่งเสียงเรียกให้ตำรวจเรียกรถพยาบาล


 
ภาพของตำรวจที่เข้าไปจับกุมตัวพี่ทิวไว้...
ทอยที่เข้าไปกอดประคองหวานที่เป็นลมหมดสติไป....
ในตอนนี้ผมเห็นคีย์...  คีย์เพื่อนรักของผม
มันยืนอยู่ข้างๆทอย   ทันทีที่สายตาของเราสบตากัน.....  คีย์ส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม
และภาพต่างๆที่ผ่านมา ภาพของผมกับรี่
ภาพของผมกับคีย์ ภาพของผมกับหวาน....
ก็ฉายวนกลับเข้ามา….
ภาพแห่งความดีใจ ภาพคืนวันดีๆ หรือภาพวันที่ผมร้องไห้เสียน้ำตา
มันเหมือนการฉายหนังวนไปวนมาไม่รู้จักจบจักสิ้น...
 
 


ภาพที่ผมกอดคีย์ไว้ในอ้อมกอดวนกลับเข้ามาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้.. คีย์เอื้อมมือมาจับแก้มผมไว้
 

“ไปด้วยกันนะดิว .. คิดถึงดิวนะ”
ผมในตอนนั้น.. กลับพยักหน้าตอบรับคีย์ไป
และภาพที่คีย์นอนอยู่ในอ้อมกอดของผมก็แปรเปลี่ยนไป
ไปเป็นภาพที่คีย์เดินนำหน้าผมอยู่ในทางที่มีแต่หมอกขาวๆเต็มไปหมด
 
“ทางนี้ดิว.. เดินมาทางนี้”
เสียงเรียกของคีย์ที่คอยบอกให้ผมเดินตามไปยังดังออกมาเรื่อยๆ
แต่แล้วภาพต่างๆกลับแปรเปลี่ยนเป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งรางๆ...ยืนอยู่ตรงหน้าผม
เค้าส่งเสียงเรียกผมซ้ำๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด
 


ดิว !  ดิว !
 

เสียงที่คุ้นหู และสัมผัสที่คุ้นเคยแบบนี้คือใครกัน?
 
 


ดิวครับ... ขอกอดหน่อย


 
ดิวครับ... กอดแค่ 5 นาทีนะจะไปทำงานแล้ว


 
ขอบคุณครับที่รัก


 
อยากว่ะ ไม่ได้ทำนานแล้ว


 
โคตรขาวเลยวะ...


 
ขอเปิดเพลงฟังได้ไหมอะ อยากฟังเพลง


 
รบกวนขอให้ไปส่งผมที่คอนโดหน่อยได้ไหม

 
 
 



และท่อนทำนองเสียงเพลงที่คุ้นหูของผมก็ดังขึ้นมา...




 
“อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ ,, บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที“
มันซ้อนทับกับเสียงฮัมเพลงของคนๆหนึ่ง...
เสียงที่ดังมาจากที่ไกลๆ และก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ จนเหมือนมันกระซิบอยู่ที่ข้างๆหู
 


 
“ตื่นได้แล้วคนดี... พี่คิดถึงดิวจะแย่แล้วนะ”
หื้อออ เสียงนี้เสียงของใครกัน และร่างของใครคนนั้นก็หายไปทันที....
 



 
ผมพยายามขยับเปลือกตาที่มันหนักอึ้งของผมขึ้นมามองหาเจ้าของเสียง
แต่ยิ่งพยายามขยับแค่ไหน.. ความปวดร้าวของร่างกายกลับยิ่งเพิ่มขึ้น
จนเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ้ยยยย . .. “ 
 


“ดิวฟื้นแล้ว!!”
  เสียงเนียร์?
เนียร์ใช่ไหม? แล้วเสียงที่กระซิบอยู่เมื่อกี้หายไปไหนแล้วละ?

 
“ดิวเป็นไงบ้างวะมึง” ตอนนี้ผมเริ่มลืมตาขึ้นมา ก่อนจะปรับสายตาตัวเองให้ชินกับแสงสว่าง
ภาพของเนียร์.. เพื่อนของผมก็ชัดขึ้นมาทันที
 
“เนียร์” ผมเรียกชื่อมันออกไป และหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของไอ้เนียร์ก็กลับเปลี่ยนเป็นร้องไห้
 
“ไอ้เหี้ยดิว... กูเป็นห่วงมึงแทบแย่ ฮึกกก..ฮือออ”
เนียร์ดึงผมเข้าไปกอด..มันแน่นจนผมปวดตัวไปหมด แต่ผมก็ไม่ได้พยายามแกะตัวไอ้เนียร์ออก
 
“อืมม จะร้องทำไมของมึงเนี้ย  เพื่อนมึงยังไม่ตายนะเว้ย” เสียงที่เหมือนจะคุ้นหูดังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่มันไม่ใช่เสียงของคนที่มากระซิบเรียกผม...


หมอจ้าน!
ใช่.. หมอจ้านเดินเข้ามาดึงตัวเนียร์ออกจากการกอดรัดตัวผมไว้
 
 


“ขอหมอตรวจหน่อยนะดิว .. รู้ใช่ไหมว่าตัวเองโดนยิงมา
แต่โชคดีนะที่ไม่โดนจุดสำคัญ แต่ก็เสียเลือดไปมากเลย”

พอหมอจ้านพูดจบก็ทำการตรวจร่างกายของผม ตอนนี้พยาบาลก็เดินเข้ามายื่นแฟ้มคนไข้ให้หมอจ้าน
ซึ่งหมอจ้านก็รับมาจดผลตรวจร่างกายผมลงไป ก่อนจะหันไปสั่งให้พยาบาลเตรียมน้ำเกลือมาเปลี่ยน...
 
 


ทันทีที่พยาบาลเปิดประตูออกจากห้องไป กลับมีร่างของคนๆหนึ่งวิ่งสวนกลับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
 
“ดิว.. เจ็บตรงไหนอีกไหม?”




เสียงนี้?
 



“ดิวครับ.. ทำไมนั่งนิ่งแบบนั้นละ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ใช่เสียงนี้จริงๆด้วยที่เรียกชื่อผมไว้... ไม่ให้ผมเดินตามคีย์ไป

 
“ดิว.. อย่านิ่งแบบนี้สิ พี่เป็นห่วง”
 
“เจ้นท์....”
ผมเอ่ยชื่อนั้นกลับไปด้วยความแผ่วเบา
 
“ครับ.. พี่เจ้นท์ไง.. เป็นอะไร? อยากได้อะไรไหม?”
เจ้นท์... เสียงที่คุ้นหู และภาพจางๆที่คุ้นตานั้นคือ  เจ้นท์!
 

“กอด... กอดได้ไหม?” ผมบอกสิ่งที่ผมต้องการกลับไป..
และมันทำให้คนที่ยืนมองหน้าผมด้วยความเป็นห่วงเหลือเกินนั้นยิ้มตอบกลับมา
 
“ได้สิ” เจ้นท์ขยับมานั่งบนเตียง.. แล้วค่อยๆประคองให้ผมนั่ง
ก่อนจะโน้มตัวเข้ามากอดผมไว้เบาๆ



 
“คิดถึงนะครับ”
ใช่แล้วละ.. ทั้งเสียงและสัมผัสนี้เป็นของเจ้นท์
หวังว่าคีย์คงไม่โกรธนะ.. ที่ผมเลือกจะกอดเจ้นท์ไว้แทนที่จะเดินตามคีย์ไป
 
 


“อืมม เหมือนกัน”
ผมตอบกลับเจ้นท์ไปพร้อมๆกับขยับร่างกายตัวเองให้ไปชิดกับอกแกร่งๆของเจ้นท์
อ้อมกอดที่มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย.. และรู้สึกสบายใจทุกๆครั้งที่ได้รับมัน
 
 
 



 
ผมนอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอีก 3 วัน เจ้นท์ก็พาผมกลับไปพักที่คอนโดของเจ้นท์
ส่วนคอนโดของผมนั้น .. เจ้นท์บอกว่าพ่อของผมให้คนเข้ามารื้อและทำห้องใหม่ทั้งหมด
แต่พอผมถามถึงพี่ทิว ... เจ้นท์กลับตอบมาแค่ว่าเอาไว้จะตอบตอนที่กลับไปพักที่บ้านแล้ว
ฉะนั้น 3 วันที่ผมนอนที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นพี่เจ้นท์ หมอจ้าน หรือแม้กระทั่งเนียร์
ก็ไม่พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย... ผมอดทนและรอวันที่จะได้กลับบ้าน
และวันนี้ก็มาถึง
 

พี่เจ้นท์ที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว..
เดินขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆผม ก่อนจะเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียงข้างที่นอน

 
“พี่ทิวละ” ผมถามขึ้นมาทันที.. และพี่เจ้นท์ไม่มีสิทธิ์จะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามผม
ในเมื่อผมออกโรงพยาบาลแล้ว และก็มานอนบนเตียงในห้องพี่เจ้นท์ตามที่พี่เจ้นท์ต้องการแล้ว
 
“ทิวกลับไปพักที่บ้านกับทอย แต่มันต้องเข้ารับการรักษาก่อน ถ้าถามพี่ในฐานะหมอละก็นะ
ทิวมีภาวะเครียดเพราะทิวคงแบกรับความรู้สึกหลายๆอย่าง ไหนจะน้องชายถูกจับ คนรักของน้องชายตาย
พ่อแม่ที่ร้องไห้เพราะลูกชายคนเล็กหมดอนาคต ธุรกิจครอบครัวที่ต้องล้มละลายอีก.. ทิวถือเป็นว่าเป็นคนป่วยที่ต้องรักษา  และตอนนี้ทิวก็รักษาอยู่โรงพยาบาลใกล้ๆบ้าน พี่สั่งให้เพื่อนที่เป็นหมอที่นั้นดูแลให้แล้วละ”

พี่เจ้นท์เล่าเรื่องพี่ทิวจบ.. ก็ขยับตัวมาดึงผมเข้าไปกอด
 
“แล้วหวานละ หวานไปไหน? หวานไม่เป็นอันตรายอะไรใช่ไหม?”
หวานกับลูก.. ผมลืมไปได้ยังไง? เพราะมัวแต่กังวลว่าพี่ทิวจะโดนจับไหม
ผมถึงกับลืมหวานเลยหรอเนี้ย.. คิดแล้วก็โกรธตัวเอง!!!!!!
 
“เห้อออ ไม่อยากตอบเลยจริงๆคำถามนี้ ถ้าบอกว่าหึงแล้วไม่ตอบได้ไหม?”
ผมทุบอกพี่เจ้นท์กลับไป.. คนยิ่งเครียดๆอยู่จะมาหึงบ้าบอไรละ!!
 
“ตอบมา!” ผมส่งเสียงดุๆกลับไป พี่เจ้นท์ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของผม
 
“หวานขอโทษพ่อของดิวที่ทำให้ดิวเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ หวานบอกว่าหวานรักนายมาก
และเพราะรักเลยทำเรื่องไม่ดีขึ้นมามากมาย พ่อดิวเลยถามว่าหวานจะเอาไงต่อ
เค้าบอกเค้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เพราะไหนๆหวานก็ถือว่าเป็นสะใภ้ของเค้า
รู้ไหม.. พ่อแม่ของดิวโคตรดีอะใจนังเลงสุดๆ รู้ทุกเรื่องแต่ไม่โวยวายไม่ห้ามดิวเลยเรื่องของหวาน”

 
“เล่าต่อดิ.. อย่าเพิ่งมาชมพ่อกับแม่ตอนนี้ได้ไหม?” พ่อแม่ผมสุดยอดมากครับผมรู้..
เพราะท่านยอมให้ผมจดทะเบียนสมรสกับหวานทั้งๆที่อายุเพิ่งจะ 19  โดยไม่คัดค้านอะไรเลย
และไหนจะเรื่องของคีย์กับทอยอีก.. ผมไม่รู้จะหาคำไหนๆมาพูดได้เลยว่าท่านทั้งสองรักผมและทำเพื่อผมแค่ไหน
 
“หวานขอแค่.. ให้พ่อช่วยจัดการเรื่องหย่ากับดิว และขอแค่... ไม่ให้ดิวมายุ่งกับหวานอีก”
 
“ทำไมละ.. แล้วหวานจะอยู่ยังไง?”

ผมนึกห่วงหวานขึ้นมาจับใจ เพราะนอกจากผมแล้วหวานก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก
 
“พ่อแม่ของหวานก็อยู่นะวันนั้นนะ เค้าบอกจะพาหวานไปอยู่เมืองนอกและจะดูแลหวานต่อเอง
ที่ผ่านมาเค้าขอโทษครอบครัวของดิว ที่ต้องมารับภาระจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้ แต่เค้าขอไม่บอกว่าจะพาหวานไปที่ไหน ส่วนใบหย่านะ.. หวานเซ็นไว้แล้ว เอกสารอยู่กับพ่อของดิว ถ้าดิวพร้อมเมื่อไหร่พ่อบอกให้พี่พาดิวกลับไปที่บ้าน”

หวานจากไปอีกคนแล้วงั้นหรอ?
หวานกับลูก.. เป็นครอบครัวของผม เป็นคนที่ผมคอยปกป้องและดูแลมาตลอด
ผมไม่คิดว่าหวานเป็นภาระ... แต่ผมกลับภูมิใจที่ผมได้ดูแลหวานกับลูก
อยู่ๆก็รู้สึกใจหาย ที่คนสำคัญในชีวิตผมหายไปทีละคนๆ ๆ
ถึงจะไม่ได้ตายจากกัน.. แต่ก็เหมือนเค้าไปไกลจากชีวิตผมมาก
 
“ดิวไม่เหลือใครแล้วงั้นหรอ?”
ผมเอ่ยถามพี่เจ้นท์ขึ้นมาด้วยความกลัว...
 
“ยังมีรี่ มีเนียร์ เพื่อนที่มหาลัยอีกละ? นี้เปิดเรียนแล้วนะ
พรุ่งนี้ไปเรียนเลยดีไหม? เพื่อนๆคงคิดถึงกันแย่แล้วละ”

พี่เจ้นท์ตอบเสร็จก็โน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากผมอย่างแผ่วเบา...
 
“รี่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ตลอดเวลาที่นอนที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวที่โดนยิง
ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมรี่ และไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องใดๆอย่างที่ผมบอกไปแล้ว
เรื่องรี่.. ก็เป็นหนึ่งในเรื่องนั้นเหมือนกัน
 
“พูดเก่งแล้วละ ด่าไอ้ทิวจนไม่มีชิ้นดี แต่รี่ก็บอกว่ารักทิวและอภัยให้ทิวทุกอย่าง
เห็นบอกว่าถ้าหายดีแล้วจะไปเยี่ยมทิวที่บ้านนะ”
 
“หึ.. เจ็บไม่จำจริงๆ แต่ถ้ามันทิ้งพี่ทิวจริงๆ ดิวก็จะโกรธมันที่บังอาจมาทิ้งพี่ชายดิว
แต่จะให้คืนดีกับพี่ทิวง่ายๆดิวก็ไม่ยอมเหมือนกันแหละ”

ผมตอบกลับไป พลางนึกแผนให้รี่แกล้งพี่ทิวกลับ แต่ไม่ใช่แผนร้ายๆนะครับ  5555
 
“เจ้าแผนการจริงๆเลย ถามหาทุกคนเลย แล้วไม่ถามถึงพี่บ้างหรอ?”
นี้สิ.. เจ้าแผนการและเจ้าคนร้ายตัวจริง!!!!
พี่เจ้นท์เปลี่ยนจากการนอนกอดผม   มานอนตะแคงแล้วเอามือเท้าหัวไว้
แสงไฟจากภายนอกบ้าน มันทำให้มองเห็นหน้าพี่เจ้นท์ชัดเจนแม้ในห้องจะปิดไฟแล้วก็ตาม
 
“ถามทำไมละ พี่เจ้นท์ก็อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่หรอ?”
ผมเบี่ยงหน้าหลบสายตาของพี่เจ้นท์
โหยย ใครจะทนจ้องตากับพี่เจ้นท์ไหวละ มองมาขนาดนั้น
ใจผมเต้นแรงจนเสียงแอร์ที่ดังแค่ไหนก็สู้เสียงหัวใจผมตอนนี้ไม่ได้
 
“จริงๆดิวต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม? ที่ทำให้พี่เป็นห่วง”
พี่เจ้นท์พูดไปก็เลื่อนมือมากอดเอวผมไว้ แขนของผมแนบชิดเข้าไปกับอกแกร่งของพี่เจ้นท์
 
“บ้า! ใครสั่งให้เป็นห่วงละ” ผมพูดพร้อมๆกับผลักตัวพี่เจ้นท์ออก
เพราะแขนที่ชิดไปกับอกของพี่เจ้นท์.. มันทำให้รู้สึกได้ว่าพี่เจ้นท์ก็ใจเต้นแรงไม่ต่างกัน
 
“เมียพี่ทั้งคน.. ไม่ต้องมีใครสั่งพี่ก็ห่วง
เห้อออ นี้ก็แนะนำตัวไปกับพ่อดิวแล้วนะ เกือบโดนพ่อดิวเอาปืนมาไล่ยิงแหนะ”
 
“เห้ยย    เดี๋ยวๆ นี้ไปบอกพ่อว่าไงเนี้ย”

พอพี่เจ้นท์พูดว่าไปแนะนำกับพ่อมาแล้วแค่นั้นแหละ ผมรีบหันมามองหน้าพี่เจ้นท์ทันที
แต่ก็เหมือนหลงกลคนจอมเจ้าเล่ห์ เพราะพอหันหน้ามาแล้ว หน้าผมก็แทบจะแนบชิดไปกับหน้าของพี่เจ้นท์
ปลายจมูกของเราสัมผัสกัน.. สัมผัสร้อนๆจากปากของพี่เจ้นท์ค่อยๆเลื่อนมาสัมผัสเข้าที่แก้ม ... ปลายคาง
และสุดท้ายก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
 
“ไปบอกว่า..ผมรักลูกชายของพ่อครับ
พี่เจ้นท์กระซิบคำว่ารักซ้ำๆ และประกบจูบที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง และอีกครั้ง.
มันเป็นสัมผัสที่ทำให้ใจของผมเต้นแรงกว่าเดิม.. ความร้อนจากริมฝีปาก
และคำบอกรักซ้ำๆของพี่เจ้นท์... มันกลับเร่งให้ร่างกายได้รู้สึก
ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นใครกับ ไม่ว่าจะคีย์หรือหวาน
ความรู้สึกที่.......
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ว่ามันอยากได้รับมากกว่านี้... และมากกว่านี้จริงๆ



------------------------------------------------------------------

โอ๊ะ... อีก 1 ตอน + บทส่งท้ายก็จบแล้ว : )
ฝากให้กำลังใจหนุ่มๆไปจนจบเรื่องด้วยนะคะ

#เจ้นท์ดิว

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮ้อ......พอรู้เรื่องทั้งหมด
รู้สึกว่า ดิว ช่างอ่อน ซื่อ ไม่ทันคนรอบด้าน
หรืออีกแง่หนึ่งเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี
หวาน สวยก็สวย รักดิว จนวางแผนทำร้ายคีย์
ร้ายเกินกว่าหน้าตา
รักดิว แต่ทำไมไปท้องกับคนอื่น งง มากกก
หวาน น่าจะท้องกับทิว
ทิว ทำเพื่อล้างแค้นหวาน และทำร้ายดิวไปด้วยสินะ
ดิว รู้ทั้งรู้ว่าหวานท้องกับคนอื่น ก็ยังรับมาเป็นเมีย งง อีกละ
แถมส่งหวานไปเรียนเมืองนอก  :katai1: :katai1: :katai1:
พ่อแม่ดิว ก็แสนดี ช่วยครอบครัวทิวไปหมด
ส่งเสียทิวเรียนทั้งที่รู้ว่าทิว เกลียดพวกตัวเอง
ทิว ยิ่งประหลาด ผิดปกติ ไม่สมเหตุสมผล
ทำตัวดีกับดิว แต่วางแผนร้ายๆ ให้ดิวเสื่อมเสีย
ทั้งที่รู้เรื่องว่าหวาน วางแผนจากทอย
ทั้งที่พ่อแม่ดิว ก็ช่วยพ่อแม่ตัวเอง
หรือทิว เป็นบ้าอยู่ก่อนแล้ว
สรุป คนเลวมีสองคน คือ หวาน กับทิว สินะ
แล้วรี่ เกือบตาย แต่ไม่โกรธ ด่าทิวอย่างเดียว
(ทิวไม่ได้ฟังรี่ด่าเล้ย คนฟังคือเนียร์)
แต่รี่ ก็จะอยู่กับทิวต่อไป งง มากกกก อาเมน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996


[ดิว] - Chapter 19

 

 







เช้านี้พี่เจ้นท์ก็มาส่งผมที่หน้าคณะ และเนียร์ก็มายืนรอรับผมอยู่แล้ว
พอจอดรถหน้าคณะได้.. พี่เจ้นท์ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ผม แถมยังประคองผมให้เดินลงจากรถอีก
คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าคณะก็มองและเริ่มซุบซิบกันใหญ่เลย
แต่มีหรือครับที่พี่เจ้นท์จะสนใจ.. พี่เจ้นท์กลับไปเปิดประตูรถด้านหลังหยิบหนังสือมาส่งให้เนียร์ช่วยถือ
ก่อนจะฝากฝังเนียร์ให้ช่วยดูแลผมซะอย่างดี..
และก่อนจะขึ้นรถพี่เจ้นท์ก็ยังไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหล่อๆไปเผื่อแผ่สาวๆที่นั่งมองอยู่
จะเกลียดก็ตอนนี้แหละครับ!
 
 
เมื่อคืนนะหรอครับ? อ่อ.. ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเมื่อคืนไปแบบนั้นแหละเนอะ
อ้าวว.. อยากรู้จริงๆหรอว่าเกิดอะไรขึ้นไหม?
เอาเป็นว่าคิดกันเองเลย ว่าคนแบบพี่เจ้นท์มันจะทำแค่นั้นไหม?
โอเคๆ บอกก็ได้... พี่เจ้นท์มันบอกแค่ว่า...
 
 
“รอหายก่อนนะครับ พี่จะเอาคืนให้สมใจเลย”
 
 
 
 
 
 
กว่าการเรียนวันนี้จะจบลง ผมก็เหนื่อยสุดๆไม่ได้เหนื่อยเพราะการเรียนหรอกนะ
เหนื่อยที่ตอบคำถามเพื่อนว่า.....
เป็นอะไร? 
หายไปไหนมา? 
แล้วรี่ไปไหน?
คบกับพี่เจ้นท์นิติจริงหรอ?

 


 
ขนาดเดินออกจากห้องแล้วมาเจอพวกรุ่นพี่ ก็ต้องตอบคำถามเดิมๆซ้ำๆครับ
และขณะที่ผมนั่งกับพวกพี่โซ่ และพี่รหัสของผม
ไอ้คนที่เป็นหัวข้อในคำถามที่ผมต้องตอบในวันนี้เยอะที่สุดก็จอดรถที่หน้าคณะของผม
พร้อมๆกับเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม.. ที่คิดว่าสาวๆหลายคนจะแอบกรี๊ดอยู่แน่ๆ
 
“จอดรถผิดคณะป่าววะมึง”
เสียงพี่โซ่ทักทายพี่เจ้นท์กลับไป
ผมเพิ่งทราบจากพี่โซ่ว่าพี่เจ้นท์เคยไปประกวดเดือนมหาลัย เลยมาสนิทกับพี่โซ่ที่ไปประกวดด้วย
 
“ถ้าคณะนี้มีดิว กูก็จอดไม่ผิดนะ” พี่เจ้นท์ก็ตอบกลับมาแบบยียวนและชวนให้สาวๆกรี๊ดกันสุดๆ
 
“หึ.. กูโคตรยอมมึงเลยไอ้เจ้นท์ ตอบกลับมาซะน้องกูหน้าแดงเลย”
พี่รหัสผมเองครับ.. เป็นคนตอบพี่เจ้นท์ ซึ่งไม่ได้ตอบเฉยๆนะ
เอามือมาผลักหัวผมด้วย .. ผมเสียทรงหมดเลยอะ!
 
“กลับเลยไหม? วันนี้จะพาไปเยี่ยมรี่” พี่เจ้นท์ล้มตัวนั่งข้างๆผมก่อนจะหันมากระซิบกับผมเบาๆ
พี่เจ้นท์นะ..นิสัยเสียโคตรชอบมากระซิบใส่ข้างๆหูผม
แล้วผมก็บ้าจี้.. แค่พี่เจ้นท์กระซิบนิดหน่อยก็หน้าแดงให้พี่เจ้นท์มันได้แซวตลอด!
 
“อืมกลับเลยก็ได้” ผมหันไปตอบพี่เจ้นท์
แต่การกระทำของผมกับพี่เจ้นท์ก็ไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของพี่รหัสผมกับพี่โซ่
เลยโดนแซวกันไปจนตัวแดงหน้าแดงไปหมด กว่าจะได้พากันออกจากหน้าคณะก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ซึ่งก็โดนไอ้พี่โซ่ กับพี่รหัสผมนั้นแหละครับนั่งแซว นั่งแดกดันอยู่นั้นแหละ!!!
 
 



 
“เนียร์.. มึงไม่ไปเฝ้าแฟนมึงหรอวะ?”

ผมอดที่จะถามเนียร์ไม่ได้ เพราะตอนนี้มันนั่งรถพี่เจ้นท์มาด้วย มันบอกจะมาหาหมอจ้าน
ซึ่งหมอจ้านเป็นคนโทรมาสั่งเจ้นท์ว่าให้ลากคอไอ้เนียร์มาส่งให้หมอจ้านที่โรงพยาบาลด้วย
 
“แฟนกูก็หมอจ้านไง อ่อ.. ตอนมึงนอนรักษาตัวอยู่กูคงลืมบอกไปว่ากูเลิกกับน้องแตงแล้ว
เพราะไอ้หมอจ้านตัวดีนี้แหละโทรไปบอกน้องแตงว่าเป็นผัวกู
แล้วมึงก็น่าจะคิดต่อได้นะว่ากูจะโดนน้องแตงด่าขนาดไหน”
 
“โหววหมอจ้านแม่งแรงวะ 5555 แต่มึงก็สบายใจแล้วดิ ไม่เห็นมึงทุกข์ร้อนอะไร”

ผมอดที่จะหันไปมองไอ้เนียร์มันได้.. รู้สึกหน้าตามันดูสดชื่นขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
 
“ก็ดีนะ ได้คบกันคนที่แอบชอบมาตั้งนาน”
แต่สกิลความหน้าด้านมันก็เพิ่มตามขึ้นด้วยครับ กล้าพูดได้อย่างหน้าตาเฉย
 
“ครับๆ อาซ้อใหญ่ของโรงพยาบาล” ผมเลยแกล้งแซวมันไป
 
“พี่เจ้นท์เป็นพี่ ถ้าจะเรียกว่าซ้อใหญ่คงต้องเรียกมึงนั้นแหละว่าซ้อใหญ่อะ”
แต่ก็โดนมันแซวกลับมาจนทำให้ผมต้องนั่งเงียบๆฟังพี่เจ้นท์ฮัมเพลงต่อไป
 



“มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย มีความหมาย”



พี่เจ้นท์ฮัมเพลงไปก็หันมาสบตาผมด้วย.. ไอ้เพลงนี้นะหลอนผมไปหมดแล้วครับ
เพราะพี่เจ้นท์ร้อง และเปิดบ่อยด้วยมั้ง ผมเลยเอาไปตั้งเป็นเสียง Ringtone
และทำเป็นเสียงรอสายเวลาคนโทรเข้ามาด้วยครับ
 



“เออ... ว่าจะถามนานละทำไมพี่เจ้นท์ชอบร้องเพลงนี้จังเลยครับ
ตอนที่ดิวนอนโรงพยาบาล ก็เห็นพี่เจ้นท์เปิดเพลงนี้วนไปวนมาตลอดเลย
หรือว่ามึงชอบวะดิว?”

ผมหันไปมองหน้าพี่เจ้นท์.. ซึ่งพี่เจ้นท์มันไม่ได้ตอบเนียร์หรอกครับ
มันเปิดเสียงเพลงให้ดังขึ้น ก่อนจะฮัมเพลงตามไปด้วย
และเนียร์ก็ได้รู้คำตอบว่า... มันควรนั่งฟังเพลงต่อไปเงียบๆนั้นแหละดีที่สุด.
 
 
พอมาถึงโรงพยาบาล พี่เจ้นท์ก็ขอตัวไปดูแลคนไข้ VIP
ทุกคนคงยังไม่ลืมใช่ไหมครับ? คนไข้ VIP ก็คือเคสที่พี่เจ้นท์ไปผ่าตัดให้นั้นแหละครับ
อ่อ.. ส่วนเรื่องที่พี่เจ้นท์เป็นหมอนะ ยังเป็นความลับกับคนที่มหาวิทยาลัยนะ
ซึ่งผมก็แอบคิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่บอกใคร ขนาดทุกวันนี้สาวยังกรี๊ดมันขนาดนี้
ถ้ารู้ว่ามันเป็นหมอ และเป็นเจ้าของโรงพยาบาล
ผมว่า.. สาวๆมหาวิทยาลัยผมคงเปลี่ยนสถานที่นั่งเล่นจากพารากอน หรือสยาม
มานั่งชิวๆกินกาแฟที่โรงพยาบาลนี้แน่ๆ
 



หึงหรอ? อืมมม ผมไม่ได้หึงครับ ไม่ได้หึงจริ๊งจริง!!!!!
(เสียงสูงทำไม??)




 
พอแยกกับพี่เจ้นท์  ...  ผมกับเนียร์ก็มาหารี่ที่ห้องพัก .. ซึ่งมันย้ายมานอนห้องพิเศษแล้วครับ
ท่าทางของมันเหมือนคนไม่ได้เจ็บไม่ได้ป่วยเลย นอนชิวๆดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ
 


“ดิววววว!!” ทันทีที่มันเห็นว่าผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็เรียกชื่อผมซะขนลุกเลยครับ
เสียงหวานนนนนน ยานนนนนนๆแบบที่มันชอบเรียกนั้นแหละครับ
 
“พอเลย.. กูสยอง!” ผมเดินเข้าไปให้มันกอด ก่อนจะแสร้งทำเป็นผลักตัวมันออกเบาๆ
เพราะไม่อยากดราม่าครับ งานน้ำตาต้องมาแน่ๆแหละ
 
“มีแต่สามึงมาเยี่ยมกู แต่มึงไม่มาเลยนะ ได้ข่าวว่าสามีขากูทำร้ายมึงใช่ไหม
เดี๋ยวกูไปจัดการให้เอง รอกูออกโรงพยาบาลก่อนนะ”

รี่ก็ยังเป็นรี่วันยังค่ำครับ ต่อให้เจอเรื่องเครียดแค่ไหนก็ตาม
มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นเรื่องที่แสนสบายได้ทุกเวลา
 
“มึงโอเคนะเรื่องพี่ทิวอะ?”
ผมอดที่จะถามมันกลับไปไม่ได้ แต่มันก็ยิ้มตอบกลับมา
 
“คำว่ารักมันชนะทุกอย่าง ขอบคุณมึงด้วยที่ทำให้กูได้เจอพี่ทิว
กูไม่ได้โกรธอะไรพี่ทิวหรอก.. กูเข้าใจพี่ทิว”

นี้สิ.. คนสวยของผม : )
รี่เป็นผู้หญิงที่มองโลกแง่บวกมาก บางครั้งก็บวกมากไป แต่ก็ดีนะที่มันให้โอกาสที่ทิวอีกครั้ง
ซึ่งผมก็คิดว่าพี่ทิวก็ต้องรักรี่บ้างแหละ ไม่งั้นไม่อยู่กับรี่มาหลายปีหรอกนะ
 
“กูต้องไปชำระความกับพี่ทิวก่อน หลอกกูไปกินข้าวกับที่บ้าน กับแม่
แต่พ่อแม่แท้ๆไปอยู่เมืองนอก.. หลอกกูไปกินกับใครวะหลายรอบด้วย
แม่งงง.. โทรหาก็บอกว่าพี่รักษาตัวอยู่ ทำซะกูไม่กล้าด่าเลย”

รี่ก็ยังพูดเรื่องพี่ทิวให้ฟังไปเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มและเป็นผู้ฟังที่ดี
อย่างน้อยๆผมก็เห็นว่าเรื่องของรี่กับพี่ทิวน่าจะลงเอยกันด้วยดีนะ.
 
 
 
ผมนั่งคุยกับรี่จนเกือบๆสองทุ่ม พี่เจ้นท์กับหมอจ้านก็เดินเข้ามาในห้องพัก
ก่อนที่หมอจ้านจะขอตัวพาเนียร์ไปทานข้าว และพาไปพัก
ผมก็โดนพี่เจ้นท์พากลับคอนโดเช่นกัน
ซึ่งรี่ก็โคตรจะดีแสนดี..โบกมือลาพวกผมด้วยรอยยิ้ม
 
“นี้เพื่อนกูออกเรือนกัน ได้ผัวกันหมดแล้วหรือนี้”
ดูมันสิครับ... แต่ละคำที่พูดมาน่าจะกอดมันแรงๆแล้วกัดแขนมันให้จมเขี้ยวซะทีจริงๆเลย!!
 
 
 
 
ผมก็ไปเรียนและนอนที่คอนโดของพี่เจ้นท์ปกติครับ จนผ่านไปเกือบ 1 เดือน
รี่ก็ออกจากโรงพยาบาล และตัดสินใจดร๊อปเรียนในเทอมนี้ไปก่อน
มันบอกว่าจะกลับมาเรียนพร้อมพี่ทิวในเทอมหน้า.. ซึ่งมันจะจบช้ากว่าผม 1 เทอม
และตอนนี้มันก็กลับไปอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว มันขยันส่งรูปพี่ทิวมาให้ผมทุกวัน
รูปทอยด้วย.. และรูปของมันอีก จนบางทีผมแทบอยากจะบล็อกไลน์ของมันจริงๆเลย

 
“เผื่อมึงคิดถึงกู.. นี้คือสามีทั้งสองของกูเอง ทิวทอย.. งานดีมากเว้ยย!”
รูปล่าสุดคือรูปของมันถ่ายกับพี่ทิวและทอย ซึ่งดูจากสถานที่ก็คงถ่ายที่สวนบ้านผมนั้นแหละครับ
ปากมันพูดไปแบบนั้น.. แต่มันก็รักพี่ทิวคนเดียว ส่วนกับทอยนะมันบอกต้องเอาใจน้องสามีครับ
เอาเลยเต็มที่.. พี่รี่คนสวย น้องดิวยอมใจในความตรงและความแรงแล้วครับ!!!
 
 


 
“ดิว.. พี่ขอแวะหาพี่ชาญหน่อยได้ไหม เห็นไอ้แว่นบอกว่าพี่ชาญอยากเจออะ
ดิวไหวไหม? ปวดแผลอยู่หรือป่าว?”

เอาจริงๆแผลผมหายปวดไปแล้วครับ มันผ่านมาเป็นเดือนแล้วนี้นะ
ผมเลยพยักหน้าตอบกลับพี่เจ้นท์ไป...
พอมาถึงหน้าร้านพี่ชาญ... ภาพวันที่เจอพี่เจ้นท์โดนเพื่อนต่อยก็กลับเข้ามาในความคิดผมอีกแล้วครับ
ผมหันไปมองหน้าพี่เจ้นท์เล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากออกมาอย่างลืมตัว

“มองหน้าพี่แล้วเบ้ปากหมายความว่าไง?”
พี่เจ้นท์ที่จอดรถเสร็จแล้วหันมามองหน้าผม
 
“อยู่ๆก็รู้สึกเกลียดขึ้นมาอะ ไม่มีไรหรอก”
ผมตอบพี่เจ้นท์กลับไป ก่อนจะเดินลงจากรถ แล้วดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากกางเกง
 
ถอดเข็มขัดกับเน็คไทนดีกว่ามีตรามหาลัยด้วยใส่เข้าร้านเหล้าคงไม่ดีแน่ๆ
คิดได้แบบนั้นก็รีบถอดเข็มขัดและเน็คไททันทีครับ พอดีวันนี้มีพรีเซ็นต์งานต้องแต่งการถูกระเบียบ
ผมเลยมาเรียนแบบถูกระเบียนสุดๆ คล้ายๆเด็กปี 1 เลยครับ
 
“เกลียดหรือคิดถึงวันแรกที่เราเจอกัน? พูดใหม่ก็ได้นะ”
ไอ้พี่เจ้นท์แม่งง... รู้ทันตลอด ผมผลักพี่เจ้นท์ที่กอดคอผมออก ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านพี่ชาญ
พอน้องมีน บาเทนเดอร์สุดหล่อเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทันที
 
“สวัสดีครับพี่.. ไม่ได้มานานเลยนะ รับแบบเดิมไหม? ผมจำได้นะว่าพี่ทานแบบไหน?”
 
“เอามาเลย”
ผมเดินไปนั่งคุยกับน้องมีนทันที
ซึ่งไอ้พี่เจ้นท์ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเดินมาพูดฝากผมไว้กับน้องมีน
ก่อนที่ตัวมันจะเดินไปทักพี่ชาญในห้อง
 
เกือบๆครึ่งชั่วโมง พี่ชาญกับพี่เจ้นท์ก็เดินออกจากห้อง VIP มาหาผม
 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ชาญ ก่อนจะหันไปดื่มต่อ
 
“แผลหายดีแล้วนี้หว่า.. ขอเลี้ยงเหล้าสักแก้วได้ไหมวะ”
พี่ชาญหันไปสั่งเครื่องดื่มกับน้องมีน ไม่รู้เมนูอะไร ทำไมพอน้องมีนได้ยินมันถึงส่งยิ้มแปลกๆมาให้ผมก็ไม่รู้
น้องมีนหันไปชงเครื่องดื่มสักพักก็ยื่นแก้วกลับมาให้ผม
 
“นี้ครับ.. เมนูพิเศษขอให้พี่ดิวมีความสุขในคืนนี้นะครับ”
คำอวยพรมันดูแปลกๆ แต่ผมก็รับมาดื่ม รสชาติหวานๆลิ้น แต่ก็ซ่าๆเวลาดื่ม
อร่อยดีเหมือนกันนะ.. เอาไว้มาครั้งหน้ามาสั่งอีกดีกว่า
 
“พี่ชาญ.. สั่งอะไรให้มันกินเนี้ย กินไปแก้วเดียวแก้มแดงเลย”
เสียงพี่เจ้นท์หันไปถามพี่ชาญ.. ที่นั่งยกยิ้มกวนตีนอยู่เก้าอี้ข้างๆผม
 
“ก็เครื่องดื่มธรรมดา.. พามันกลับไปพักได้แล้ว ดึกดื่นแล้วไม่กลับห้องหรือไง”
พี่ชาญแม่ง... เป็นคนดีเหมือนกันนะ มีไล่แขกกลับบ้านด้วย
แต่ผมตอนนี้คงเริ่มเมาแล้วละ อยู่ๆก็มึนหัวขึ้นมา
 
“เจ้นท์.. กลับเถอะ มึนแล้ววะ”
พี่เจ้นท์เดินเข้ามาประคองตัวผมไว้ ก่อนจะหันไปบ่นน้องมีนเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ผมเมาและมึนมาก จนไม่ได้ยินว่าเจ้นท์มันบ่นว่ายังไง
และกลับมาถึงคอนโดพี่เจ้นท์ตอนไหน...
รู้แต่โคตรร้อน ... ร่างกายร้อนจนทนไม่ไหวจริงๆ
ทั้งๆที่เพิ่งอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกี้นี้เอง.. ทำไมถึงร้อนอีกแล้วนะ
 
“เจ้นท์... อื้อออ ร้อนอะ หื้อออ”
ผมร้องบอกกับเจ้นท์.. และพยายามจะถอดเสื้อนอนออก
แต่เพราะมันมึนมากๆ มากจนลุกขึ้นนั่งไม่ไหวแล้ว เลยยื่นมือควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ
 
“ดิว... อย่าถอดเสื้อนะ เดี๋ยวกินน้ำหน่อยนะ พี่เอาน้ำให้”
พี่เจ้นท์ดึงเสื้อนอนผมไว้... ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปหยิบน้ำมาให้ผมดื่ม
สักพักพี่เจ้นท์ก็กลับมาพร้อมๆกับยื่นแก้วน้ำให้ผม
ผมรับมาดื่มอย่างกระหาย.. เหล้าของพี่ชาญโคตรแรงเลยอะ
ทั้งร้อนตัว.. ทั้งคอแห้ง ตอนแรกก็อร่อยหรอกนะแต่พอเมาแล้วไม่ไหวจริงๆ
 
“ดิวครับ ร้อนอยู่ไหม?”
พี่เจ้นท์รับแก้วน้ำไปเก็บ แล้วหันมากระซิบถามผม
 
“หื้ออ.. อย่ากระซิบสิ ไม่ชอบบ!” ผมผลักหน้าพี่เจ้นท์ออกไปให้ไกลๆจากหน้าผม
แต่มันก็เหมือนแรงดึงดูดอะไรซะอย่าง.. ทันทีที่มือผมสัมผัสที่หน้าอกแกร่งของพี่เจ้นท์
ความร้อนจากปลายนิ้วมือที่สัมผัสนั้น ก็ทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมา
 
“ไม่ชอบจริงๆหรอครับคนดี” พี่เจ้นท์ยังยื่นหน้ามากระซิบเบาๆที่หูของผมอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้พี่เจ้นท์จงใจใช้ริมฝีปากสัมผัสที่ติ่งหูของผมอย่างแผ่วเบา
 
“อ๊ะ.. อื้ออ เจ้นท์ไม่เอา” ผมอยากจะผลักคนตรงหน้าออกไปให้ไกล
แต่มือผมกลับทำตรงกันข้าม
ผมดึงเสื้อนอนพี่เจ้นท์ไว้แน่น.. จนเจ้นท์อดที่จะขำออกมาไม่ได้
 
“หื้ออ ไม่เอาแต่ดึงเสื้อพี่ไว้? เอายังไงดีครับ?”
เกลียด.. เกลียดรอยยิ้มของคนตรงหน้า
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้.. ว่ามันโคตรหล่อจริงๆ
 
เจ้นท์ผละตัวออกไปหยิบมือถือขึ้นมา.. และเปิดเพลงที่เจ้นท์ชอบ



 
พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน
พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ
ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้

 


“พี่ขอกอดหน่อยได้ไหม”

เจ้นท์เดินเข้ามาล้มตัวนอนข้างๆผม ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด
ความรู้สึกแบบนี้มันมาอีกแล้ว....
 
 
 
 
 
 
 

“แค่กอดยังไม่พอ”

 



 
 
แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร
 

 


ผมซุกตัวเข้ากับอกแกร่งๆของเจ้นท์ทันที ..
เจ้นท์เริ่มประทับริมฝีปากร้อนๆลงที่ติ่งหู และซอกคอของผม
ปากก็พร่ำบอกคำว่า “รัก”   ที่ผมได้ยินกี่ครั้งก็รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้ง
 


อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย

 


 
เจ้นท์เงยหน้ามาสบตากับผมอีกครั้ง.. ก่อนจะส่งยิ้มและสายตาเป็นเชิงขออนุญาต
ความร้อนรุ่มที่มีอยู่ในตัวผมตอนนี้
ทุกๆรอยสัมผัสที่เจ้นท์ฝากไว้ ...
มันทำให้ผมยื่นมือไปกอดรอบคอของเจ้นท์ไว้
ก่อนจะโน้มคอเจ้นท์ลงมา..
 




ยังไม่คิดยอมแพ้ ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น
ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้
ความในใจของเธอ เหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้

 




“อื้อออ... ทำเถอะ   หื้ออ.. อื้ออออ  ระ.. รักดิวไหม?”
คำพูดที่ทำให้เจ้นท์ยิ้ม.. และทำให้เจ้นท์ประกบริมฝีปากร้อนมาที่ริมฝีปากของผม
ไม่ต้องมีคำพูดอะไร   ไม่ต้องตอบคำถามอะไรอีกแล้ว
เพราะร่างกายของผมกับเจ้นท์มันตอบทุกอย่างได้ดี
 




“รักดิวครับ ..  รักนะครับรู้ไหม?”
 
 
 









 
“รัก อื้อออ.. รัก ... รักพี่เจ้นท์ครับ”

 
 
 











ระยะทางที่ผ่านมาของผมกับเจ้นท์...
มันอาจจะทำให้ความรู้สึกว่าเราไม่มั่นใจในความรัก หรือเราไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่
ผม...  อาจจะซ่อนอดีต ซ่อนความรู้สึกมากมายไว้ในใจ
เจ้นท์.. อาจจะเคยผ่านเรื่องราวความรัก หรือผ่านอะไรมามากมายเช่นกัน
เราอาจจะเริ่มต้นกันได้ไม่ดีนัก.. แต่ปลายทางของเรา... จะมีกันและกัน
ทั้งจากนี้และตลอดไป.














-------------------------------------------------
เหลือบทส่งท้ายอีก 1 ตอนนะคะ
เรื่องของ #เจ้นท์ดิว ก็จะจบลงแล้ว : )
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ และทุกๆคนที่เข้ามาอ่านด้วยน๊าาาาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดิว มีความรู้สึกดีๆ ให้พี่เจ้นท์มานานและ แต่ไม่แสดงออก
พี่ชาญ นี่ให้คนชงเหล้าใส่อะไร ที่มันร้อนแรงให้ดิวดื่มแน่เลย
พี่ชาญ ทำเพื่อพี่เจ้นท์สินะ ให้เจนท์ ดิว มีความสุข
แล้วก็สำเร็จ เจ้นท์ ดิว หวานฉ่ำ สุดๆ :o8: :-[ :impress2:
อยากอ่าน พี่จ้าน เนียร์ และ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996



บทส่งท้าย   ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้



 
 


 
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า.. พร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่นอนกอดผมไว้
พอผมขยับตัว.. ดิวก็ขยับตัวเองลงไปซุกกับผ้าห่มอุ่นๆแทน
ใบหน้าที่ขาวผ่อง.. กับซอกคอขาวๆที่มีรอยสีสวยๆประดับอยู่เล็กน้อย
ชวนให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะโน้มหน้าลงไปหอมที่แก้มของดิว
 

“อื้อออ.. จะนอน อย่ามากวนน่ะ!”
ดิวผลักหน้าผมออก พร้อมๆกับบ่นออกมาเบาๆ
ผมก็ไม่อยากจะกวนดิวมาก เพราะเมื่อคืนก็เอาแต่ใจตัวเองไปซะเยอะเลย

 
“เดี๋ยวไปหาข้าวมาให้ทานนะ” ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ถึงจะอยากนอนกอดดิวมากแค่ไหนก็ต้องพยายามห้ามใจตัวเอง
เพราะดิวคงต้องกินข้าวและต้องกินยา...
จรรยาบรรณแพทย์ที่มีอยู่ทำให้ต้องรีบหายาให้ดิวทาน
แต่จริงๆคือเป็นห่วงและก็สงสารดิวนั้นแหละครับ โดนผมแกล้งทั้งคืน....
 
 
 
หลังจากที่ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบลงไปหาซื้อข้าวมาให้ดิว
กลับขึ้นห้องมาก็เห็นว่าดิวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาตรงห้องรับแขก

 
“อ้าว.. ตื่นแล้วหรอ?”
ผมทักดิวเสร็จแล้วก็เดินไปทางห้องครัว เพื่อเตรียมข้าวให้ดิวทาน
 
“ไปไหนมา” ดิวเดินตามเข้ามาก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
 
“ไปหาซื้อข้าวมาไง ทำไมหรอ? ตื่นมาแล้วอยากกอดพี่ใช่ไหม?”
ผมพูดจบก็แกล้งเนียนโน้มหน้าลงไปหอมแก้มขาวๆของดิว
แต่ดิวก็นั่งเฉยๆให้ผมหอมนะ ก่อนจะมองหน้าผม
 
“เปล่า.. แค่แปลกใจว่าหายไปไหน”
ดิวตอบผมกลับมา พร้อมๆกับรับถ้วยโจ้กจากผมไปนั่งทาน
 
 
 
เรานั่งทานโจ้กกันไปเงียบๆ ก่อนที่ผมจะรีบหายาแก้ไข้กับยาแก้อักเสบมาให้ดิวทาน
 
“ต้องกินด้วยหรอ?” ดิวรับยาไปถือไว้ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
 
“ก็เผื่อเป็นไข้ไง ทานไปเถอะ พี่ไม่อยากให้ดิวป่วย”
พอได้รับคำตอบแล้ว.. ดิวก็ยอมกินยาที่ผมให้อย่างว่าง่าย
เวลาดิวไม่ดื้อ ไม่บ่น ไม่เถียง... นี้โคตรน่ารักเลยครับ : )
 
 
 
“เข้าไปนอนพักในห้องไหม?”
ผมถามดิวที่กำลังเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีอีกครั้ง
 
“อืมก็ได้ “   พูดจบดิวก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน
ส่วนผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปกวนใจดิว เลยเอาหนังสือมานั่งอ่านที่โซฟาหน้าทีวีแทน
แต่นั่งได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดิวก็เดินหน้างอออกมาหาผม
เห็นหน้าดิวตอนนี้แล้ว... อยากจะกัดปากยื่นๆนั้นมากเลยครับ กัดปาก ทำปากงอนๆอีก
โอ๊ะ.. คนอะไรทำไมน่ารักแบบนี้วะเนี้ยยยย!
 
“อ้าววว.. ออกมาทำไม อยากได้ไรบอกพี่สิ พี่จะไปหยิบให้”
ดิวยังไม่ยอมตอบ แต่ยืนกอดอก และเอาตัวพิงประตูห้องไว้
 
“เห้ย พี่ทำไรให้ไม่พอใจป่าว? ทำไมมองพี่แบบนั้นละ”
ตอนนี้ผมโคตรใจเสียเลยครับ ไม่รู้ผมไปทำอะไรให้น้องโกรธ
ดิวถึงยืนมองหน้าผม แล้วทำหน้าไม่พอใจขนาดนั้น
 
“ทำไมไม่ตามเข้าไปในห้อง!!!!!!”
ดิวตะโกนใส่หน้าผม ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดกับตัวผมทันที
แล้วเอื้อมมือก็มาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกผมไว้
 
“ปากบอกว่ารักๆ เมื่อคืนก็ทำแบบนั้นไปแล้ว เช้ามาทำไมไม่นอนกอดก่อนละ หายไปแบบนี้ให้คิดไง
แล้วเมื่อกี้อีกบอกให้ไปนอนในห้อง แล้วทำไมตัวเองไม่ตามไป นี้จะหลอกฟันอย่างเดียวใช่ไหม
ดิวมันง่ายแบบที่คนอื่นบอกพี่ใช่ไหมละ”

สิ่งที่ดิวพูดมาทำผมตกใจมากเลยครับ คือ....... เหนือสิ่งอื่นใดแล้วนั้น
หน้าดิวตอนนี้โคตรน่ารักเลยวะ !!
 
 
 
 
เอ้ยย.. มันผิดประเด็นสิ ตอนนี้ดิวกำลังคิดมากนี้หว่า!!!!!
 
 
 
 
ผมรีบดึงดิวเข้ามากอดทันทีเลยครับ ลูบหัวดิวเบาๆ ตอนแรกดิวก็ไม่ยอมกอดผม
พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของผม แต่สุดท้ายดิวก็แพ้ครับ
ยอมกอดผมกลับมา เอาหน้าซบลงกับอกผม แล้วร้องไห้สะอื้น
 
“ใจเย็นลงยัง?”
 
ดิวตอบกลับมาด้วยการกัดเข้าที่อกของผมแรงๆ
“งั่มมม ไอ้คนนิสัยไม่ดี!”
เจ็บนะครับ แต่ก็ขำ..... 5555+ ไอ้เด็กคิดมากก!
 
 
 

“ฟังพี่นะ.. พี่ก็ไม่อยากลุกไปหรอกเมื่อเช้านะ อยากนอนกอดดิวนานๆ
แต่พี่กลัวดิวหิว และก็กลัวดิวไม่สบายนะ เลยรีบตื่นลงไปซื้อข้าวแล้วเตรียมยาให้ดิวทาน
แล้วเมื่อกี้นะ.. พี่กลัวดิวเจ็บตรงนั้นอะ ก็เมื่อคืนพี่ใส่ซะแรงเลย แล้วตั้งหลายรอบด้วย”
 
“ไอ้บ้า!! ไม่ต้องย้ำได้ไหมละ”
ดิวทุบกำปั้นลงมาที่อกผม พอให้ผมได้เจ็บนิดๆ
 
“ก็นั้นแหละพี่เลยคิดว่าดิวน่าจะนั่งไม่ไหว เลยให้เข้าไปนอนพักในห้องไงครับ”
 
“แล้วทำไมไม่ตามเข้ามาละ”

ดิวเงยหน้ามาสบตากับผม.. สายตาที่สั่นไหว และฉายแววสับสนในตอนนี้
มันโคตรน่ากดลงกับเตียงจริงๆเลยยย!!
(หยุดหื่นสัก 5 นาทีได้ไหมคะพี่เจ้นท์?)
 
“ก็พี่กลัวเข้าไปกวนดิวนิครับ พี่เลยเอาหนังสือมานั่งอ่านตรงโซฟานี้แทน
ก็ใครจะอดใจไหวละ  ดิวน่ารักขนาดนี้ พี่ก็อยากกอด อยากหอม อยากฟัดจะตาย
ขืนนอนด้วยกันอีก พี่คงอดใจไม่ไหวแน่ๆ”
 
“เมื่อคืนก็บอกแล้ว ก็ไม่เห็นต้องทนนิ”
เสียงดิวพูดกลับมาเบาๆ
แต่ไอ้คำที่ดิวพูดนี้มันคล้ายๆกับคำเชิญชวนหรือเปล่า????
 
“แปลว่าอนุญาตหรอ?”
ผมถามซ้ำกลับไปด้วยความตื่นเต้น
 
“ไม่ใช่สิ!! โว้ยย ไม่พูดด้วยแล้ว”
ดิวโวยวายใส่ผมก่อนจะเดินหนีกลับเข้าไปในห้อง .... ผมจะรอช้าทำไมละครับ
รีบวิ่งตามเข้าไปในห้องทันที
 
“เข้ามาทำไม”   ดิวปาหมอนใส่หน้าผม ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอน
แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้
ผมรีบเดินเข้าไปล้มตัวนอนข้างๆดิว แล้วแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นๆนั้นทันที
 
“อย่ามากอดสิวะ ไอ้หมอเถื่อน ไอ้หมอนิสัยเสีย”
เสียงด่าที่ไม่ได้จริงจังอะไรมากหนัก กับแรงที่ดิ้นเมื่อครู่ก็สงบนิ่งไป
 
“หมออยากกอดเมีย... ผิดหรอครับ”
ผมโน้มหน้าไปหอมแก้มดิว... ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ดิวใจเต้นแรง
ขนาดผมกอดดิวไว้ตรงนี้.. ยังได้ยินเสียงหัวใจดิวเต้นเลย
 
“เมียบ้าบออะไรละ!! ขอคบหรือยัง? “ ดิวหันหน้ามาเผชิญหน้ากับผม
ก่อนจะมองหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย
 
“อ่ออ.. ที่อารมณ์ไม่ดีนี้เพราะคิดว่าพี่ไม่จริงใจด้วยหรอครับ?
ก็ไม่เห็นต้องขอคบนี้น๊า.. ไหนๆก็ข้ามขั้นมาขนาดนี้แล้ว
เป็นผัวเมียกันเลยก็ได้นี้”

ผมตอบเสร็จก็รีบโน้มหน้าไปจูบปากสีสวยของดิวทันที
 
“อื้ออ.. อย่ามาจูบแบบนี้สิ! ไม่ขอคบได้ไง คนบ้าอะไรจะข้ามขั้นแบบนั้น”
 
“อ้าวว ก็เราได้กันแล้วนะดิว หรือว่าดิวลืม?? พี่ทบทวนเรื่องเมื่อคืนให้เอาไหม?”

ดิวตอบกลับมาด้วยหมัดเล็กๆ ทุบมาที่อกของผม
แต่ครั้งที่จุกครับ 555+ โดนหลายๆรอบมันก็เจ็บนะ
 
“คนอื่นๆมึงก็ไปเอาเค้าแล้วทิ้ง... กับกูมึงก็จะทำแบบนั้นหรอ? ข้ามขั้นมาเป็นผัวเมียอะไรไม่เอาหรอก”
ตอนนี้ดิวเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว... หื้ออออ นี้ผมตอบอะไรผิดไปหรือเปล่า?
 
“ไม่เหมือนสิ... เห้ยย ขอโทษๆ คือดิวก็น่าจะรู้ว่าตั้งแต่พี่ได้กับดิววันนั้นพี่ไม่ได้ไปนอนกับใครอีกเลยนะ
ชีวิตพี่ก็ผูกติดกับดิวตลอด ยืนข้างๆดิวตลอด  แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนิครับว่าพี่รักดิว เมื่อคืนพี่ก็บอกรักดิวนะ บอกทั้งคืนเลย”
 
“อื้อออ.. อย่ามาจูบสิวะ ไอ้บ้า!! ขอคบก่อนสิ ถ้าจริงใจก็ต้องคบกันก่อน”

โอ้ยยย.. เมียกูน่ารักจริงๆเลยเว้ยยยยย!!!!
 
“ครับๆ หยุดร้องไห้นะคนดี หยุดร้องก่อนนะ”
ดิวยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเอง  ก่อนจะขยับตัวเข้ามาชิดกับผมอีก
จนตอนนี้ดิวกับผมตัวติดกันจนแทบจะไม่มีช่องว่างใดๆแล้วละครับ
ไอร้อนจากตัวของดิว.. ทำให้ผมพอจะทราบแล้วละว่าไอ้อาการงอแงของดิวตอนนี้
มันน่าจะมาจากอาการเป็นไข้ของดิวแน่ๆ
 
“ดิวครับ.. พี่เจ้นท์รักดิวนะ เป็นแฟนพี่ เป็นเมียของพี่ตลอดไปเลยนะ”
 
“ก็แค่นี้แหละ”
ดิวบ่นงึมงำออกมา แล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกของผม ก่อนจะจับเอามือของผมให้ไปกอดที่เอวของดิว
 
“คำตอบละ?” ผมแกล้งดึงมือกลับ ไม่ยอมกอดดิวแบบที่ดิวต้องการ
 
“อื้ออ ก็นี้ไง ก็ให้กอดนี้ไงละ จะเอาคำตอบอะไรอีก?”
ดิวฟึดฟัดใส่ผมอีกรอบแล้วครับ... เวลาไม่สบายนี้งอแงเอาเรื่องเหมือนกันนะ
ต้องจำเอาไว้,,, จะได้รู้วิธีปราบคนป่วย
 
“ทีดิวยังอยากให้พี่ขอคบดิวเลย แล้วพอพี่พูดแล้วทำไมดิวไม่ตอบพี่ละ?”
ผมแกล้งงอแงกลับบ้างแล้วครับ ขยับตัวออกห่างจากดิวด้วย
ดิวนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งคร่อมตัวผมไว้ แล้วจับตัวผมให้นอนหงาย
 
“อย่าหนีหน้าดิวแบบนี้นะพี่เจ้นท์... ห้ามเมินดิวด้วย ฮึกกก... ฮือออ ไหนบอกว่ารักไง
ทำไมมาเมินใส่ดิวแบบนี้”

อ้าวววววว... งอแงร้องไห้จนได้เลย
นี้สรุปได้เมีย หรือได้ลูกเพิ่มขึ้นมากันแน่วะกู - -‘
 
“ดิวรักพี่ไหม?”
ผมพยายามถามดิวอย่างใจเย็น.. จริงๆผมชอบนะที่ดิวงอแงแบบนี้นะ
ผมชอบปากแดงๆ หน้าแดงๆเวลาดิวร้องไห้ : )
 
“รัก”
 
“คบกับพี่นะ เป็นเมียพี่โอเคไหม”
 
“อืม”

ดิวพยักหน้ากลับมา แล้วก็ยกชายเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
 
หื้ออออ... ตกลงคบกันปุ๊บ ก็อ่อยเลยใช่ไหม?
ไอ้หน้าท้องขาวๆ ที่มีรอยจูบสีสวยแบบนั้นมันช่างเชิญชวนจริงๆ
แต่สติที่เป็นคนดีของผม.. ย้ำเตือนให้ผมรู้ว่าเมื่อคืนผมเพิ่งเอาแต่ใจใส่ดิว
จนตอนนี้ดิวไม่สบาย.. ฉะนั้นห้ามทำอะไรดิวเด็ดขาด!!
 
“ขอนอนบนนี้ได้ไหม?  เจ้นท์ตัวเย็นมากเลย ดิวชอบ”
พูดจบดิวก็ล้มตัวลงมา.. นอนทับกับตัวของผมทันที
หน้าของดิวซบลงอยู่ตรงซอกคอของผม... ไอ้ลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอนี้แหละ
ที่มันทำให้สติที่เป็นคนเลวของผม... มันย้ำเตือนกับผมว่าผมควรฉลองสถานะแฟนที่เพิ่งได้รับจากดิว
ไหนๆก็ไม่สบายอยู่แล้ว .. สักรอบสองรอบคงไม่ป่วยกว่าเดิมหรอกนะ!!
 
คุณว่า... สติส่วนไหนของผมชนะหรอครับ?
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
คุณตอบถูกครับ... สติส่วนคนเลวครับ
ผมมันหื่นกับเมียตัวเอง!!!
 
 
 
 
“ดิวครับ.. ตัวร้อนแบบนี้พี่เจ้นท์ขอตรวจร่างกายหน่อยได้ไหม?”
ดิวพยักหน้าลงบนอกผม ก่อนจะค่อยๆปล่อยตัวเองให้เลื่อนลงมานอนหงายอยู่ข้างๆผม
ผมได้แต่นอนมองดิวที่ขยับตัวเองให้นอนหงายดีๆรอการตรวจจากผม
 
“ตรวจเลยสิ”
ผมไม่รู้นะว่าดิวตอบมาแบบใสซื่อ หรือเชิญชวน
แต่ตอนนี้ผมถือว่ามันคือคำเชิญชวนละกัน
 
 
 
“อื้ออ.. อึกกก เจ้นท์ หื้อออ มะ ไม่ เอา.. ดิว อื้ออออ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้จ้านนนนน!!! มาตรวจเมียกูให้หน่อย... เอายามาด้วยนะ”
เสียงของผมโทรตามไอ้จ้านน้องรักในดึกของคืนวันนั้น
วันที่ผมฉลองสถานะแฟนกับดิว...
ดิวป่วยหนัก... และมีอาการเพ้อ TT
พี่ขอโทษ... พี่มันหื่น พี่มันรักดิวมากไปอีกแล้ว
 
“อีกแล้วหรอวะเจ้นท์... มึงมันไอ้หมอเถื่อน!!!  ไอ้คนไม่ได้เรื่อง!!!!”
เสียงไอ้จ้านด่าผมมาจากปลายสาย และรอไม่นาน หมอจ้านกับเนียร์ก็มาถึงคอนโดของผม
 
“ผมโคตรเชื่อเลย.. พี่มันหมอเถื่อนแบบหมอจ้านบอกจริงๆ ไอ้ดิวมันป่วยหนักขนาดนี้เลยหรอเนี้ย?
พี่เจ้นท์.. วันหลังพี่ใช้มือบริการตัวเองบ้างนะครับ”

โหยย เนียร์แม่งงง ด่ากูว่ากูหื่น หรือด่าว่าเชี้ยเลยก็ได้นะครับมึง!
 
“ไอ้เจ้นท์.. มึงไปหาข้าวมาให้กูกับเนียร์กินเลย แล้วก็ไปเสาอะไรก็ได้มา กูจะใส่น้ำเกลือให้น้องดิว
ไอ้ห่า.. เอากันกี่รอบก็เรียกเลือดเรียกหมอแม่งทุกรอบ  ซ้อกูจะมีชีวิตยืนยาวป่าววะ?”
 
“นี้กูพี่มึงนะไอ้หมอจ้าน... แล้วก็กูไม่ได้ทำไรรุนแรงเลย ดิวป่วยอยู่แล้วกูก็ไป... อืมมม ทำมันแค่นั้นเอง”

ผมตอบกลับไปเบาๆ แต่จริงๆผมก็ผิดนั้นแหละครับ
 
“แล้วดิวป่วยได้ไง? เมื่อวานตอนจะกลับจากมหาลัยยังดีๆอยู่เลย” เนียร์หันมามองหน้าผมอย่างจับผิด
 
“คือ ... เออ!! กูทำเองแหละ ครั้งหน้าไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
 
“มึงต้องงดไปเลย 3 เดือน กว่าแผลจะหาย กว่าจะหายไข้อีก แล้วมึงก็ไปตรวจเลือดด้วยนะไอ้พี่ชั่ว
ยัง... ยังจะนั่งหน้าบื้ออีก ไปซื้อข้าวได้แล้ว กูหิวเว้ยยย”

สรุปนี้ผมเป็นพระเอกอยู่ใช่ไหมครับ?
ทำไมผมโดนทุกคนรุมด่าขนาดนี้ละ ...
 
 
หลังจากที่ผมหาข้าวหาขนมมาประเคนให้น้องชายและแฟนมันเสร็จแล้ว
ผมก็เข้ามาเช็ดตัวให้ดิวที่นอนหลับอยู่ด้วยสีหน้าอิดโรย...
 
“พี่ขอโทษนะ”
ผมบอกกับดิวไปเบาๆ แต่ดิวกลับลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
 
“ดิวผิดเองแหละ” ดิวส่งยิ้มจางๆมาให้ผม ก่อนจะนอนหลับตาไปอีกครั้ง
และครั้งนี้ดิวคงหลับสนิทไปแล้ว เพราะร่างกายที่อ่อนเพลีย และจากฤทธิ์ยาจากไอ้หมอจ้าน
ผมห่มผ้าให้ดิว ก่อนจะเดินออกมานั่งคุยกับไอ้จ้านและเนียร์
 
 
“ไง.. ตกลงกันเรียบร้อยนะ” จ้านส่งกระป๋องเบียร์มาให้ผม
ผมก็รับมาดื่ม ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้มันแทนคำตอบ
 
“ซ้อใหญ่ตกลงแล้ว ซ้อเล็กก็โอเคแล้ว ... พ่อแม่เราโอเคยังวะ?”
 
“พอก่อนไอ้จ้าน... เอาแค่เรื่องเมียกูโอเคแล้วก็พอ เรื่องพ่อแม่เรา กับพ่อแม่ดิวเอาไว้เครียดกันทีหลังได้ไหมวะ
กูเพิ่งมีเมียเป็นตัวเป็นตนได้ไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลยนะ มึงจะพากูเครียดอีกแล้วหรือไง?”

ผมด่าไอ้จ้านกลับไปเบาๆ ไม่อยากเสียงดังให้ดิวตื่น
 
“แล้วพี่เจ้นท์รู้สึกรักดิวมันตอนไหนอะ? ปกติพวกเราก็ไม่ค่อยเจอกันอยู่แล้วป่ะ?”
เนียร์นั่งข้างๆไอ้จ้าน  ยกกระป๋องโค้กขึ้นมาดื่ม แล้วหันมาถามผม
 
“ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนั้นแหละมั้ง?  วันนั้นไอ้แว่นเอารูปดิวมาให้ดู พร้อมๆกับตัวมันที่มานั่งเจิดจ้าอยู่ในร้านพี่ชาญ กูอาจจะตกหลุมรักมันตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากันเลยก็ได้.. มันนั่งมองโทรศัพท์ที่หน้าจอสว่างตลอดเวลา แต่มันทำหน้าเบื่อๆเซ็งๆ แววตาของมันเหมือนสับสน และกังวลอะไรหลายๆอย่าง แต่พอมันเดินออกมาเจอกูโดนพวกไอ้โต้ต่อย มันกลับไม่กลัวอะไรเลยวิ่งเข้ามาช่วยกู และยังกล้าพาคนแปลกหน้าแบบกูกลับมาที่คอนโด ตอนนั้นความมักมากกูมันเยอะเลยคิดว่ามันขายตัวจริงๆ แต่เอาตรงๆ กูชอบสายตาของมัน ชอบนิสัยของมัน ใจดีกับคนเค้าไปทั่ว ยิ้มให้กับคนทั่วไปแบบเป็นมิตร ซึ่งมันอาจจะเหมือนมันอ่อยคนนั้นคนนี้.. แต่มันเหมือนมีเสน่ห์วะ.. มันดึงดูดให้กูทำเรื่องไม่ดีกับมัน  ยิ่งพอรู้ว่ามันไม่ได้ขายตัวแบบที่คิดไว้... ความรู้สึกผิดกูก็มีนะ... แต่ความดีใจเสือกมีมากกว่า”
ผมตอบเนียร์กลับไปอย่างที่ใจรู้สึก.. ถึงไอ้จ้านจะส่งสายตาล้อเลียนผมกลับมาแต่ผมก็ไม่นึกอาย
 
“ทั้งๆที่รู้ว่ามันมีเมียอยู่แล้วนะหรอ?”
เนียร์ทำตัวอย่างกับนักข่าว.. ถามลึกจริงๆ แต่ผมก็ยินดีจะตอบนะ
เนียร์เป็นเพื่อนของดิว... ยังไงๆเอาใจเนียร์ไว้ก็ดีครับเผื่อดิวโกรธผม เนียร์จะได้ช่วยพูดให้
 
“ก็ไม่รู้ดิ..  ตอนนั้นหวานอยู่ตั้งไกล แต่กูอยู่ตรงนี้ ใกล้ๆมันตรงนี้
กูไม่ได้คิดอะไรไม่ได้หวังอะไรด้วยในตอนนั้น ขอแค่เป็นคนที่ได้อยู่ใกล้ๆมัน
ได้ดูแลมัน ได้ช่วยเหลือมัน... แค่นั้นเอง”
 
“ตอนแรกมาอย่างชั่ว ทำไมหลังๆแม่งโคตรพระเอกเลยวะพี่ชายกู”

ไอ้จ้านอดจะออกปากแซวผมออกมาไม่ได้ ...
ช่วยไม่ได้นะมึงเรื่องนี้กูเป็นพระเอก... ไม่เชื่อถามคนเขียนได้เลย
 
 
“ความรักชนะทุกอย่าง”
ผมตอบกลับไป.. และก็ได้เสียงอ๊วกกลับมาจากคู่รักตรงหน้าผม 55555+
 
 
“ขออีกคำถาม.. ทำไมต้องเพลงไกลแค่ไหนคือใกล้ด้วยอะ พี่ชอบร้องเพลงนี้และเปิดเพลงนี้บ่อยมาก”
ไอ้เนียร์ก็ยังจะถามอีกครับ... เบียร์หมดไป 3 กระป๋องแล้วนะ ปล่อยผมไปนอนกอดเมียผมเถอะ
 
 
“ครั้งแรกที่สบตาดิว... เพลงที่ร้านพี่ชาญเปิดเพลงนี้
ครั้งแรกที่นั่งบนรถดิว... เพลงบนรถดิวเปิดเพลงนี้
ครั้งแรกที่ได้กันในห้องนอนห้องเล็กของดิว.. กูเปิดเพลงนี้
และหลังจากนั้น.. ทุกๆครั้งที่ได้อยู่กับดิว หรือบังเอิญเดินไปที่ไหนก็จะได้ยินแต่เพลงนี้ตลอด
เพลงรอสายของดิวก็เพลงนี้.. จนหลังๆดิวเปลี่ยน Ringtone เป็นเพลงนี้เหมือนกัน
กูเลยชอบเพลงนี้.. มันทำให้คิดถึงดิว.. คิดถึงทุกๆอย่างที่เป็นดิว”
 
 
“กูเชื่อแล้ว.. ว่าความรักแม่งเปลี่ยนคนได้จริง”

ไอ้จ้านวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปโอบไหล่เนียร์ที่นั่งข้างๆไว้
 
“แล้วมึงละ.. รักกูแบบที่ไอ้เจ้นท์รักดิวไหม?”
 
“หมอจ้าน.. นี้เรื่องของไอ้ดิวกับพี่เจ้นท์  เรื่องของเราคนเขียนยังไม่ลง
จะมาแย่งซีนอะไรจากคู่อื่นเค้าเนี้ย!!”

เนียร์ตอบกลับไอ้จ้าน พร้อมๆกับผลักหน้าไอ้จ้านที่โน้นหน้าลงไปหวังจะจูบปากสวยๆของเนียร์ออก
 
“งั้น... ก็แยกย้ายกันได้แล้ว กูต้องเข้าไปดูแลดิวแล้วละ”
ผมพูดจบก็เดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องนอน ก่อนจะหันมามองหน้าไอ้จ้านอีกรอบ
 
“ห้องนอนมึงก็ว่างเข้าไปใช้ได้.. แต่ห้ามเสียงดังเพราะเดี๋ยวกูได้ยินเสียงพวกมึงแล้วกูหื่นทำร้ายดิวอีก”
 
“โถ่วว นึกว่าจะห่วงดิว .. แม่งง หมอเถื่อนอย่างพี่หมอจ้านบอกจริงๆเลย”

เนียร์โยนกระป๋องโค้กเปล่าๆใส่ผม  ซึ่งผมก็ได้แต่หัวเราะออกมา
ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอน แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมานอนข้างๆดิว
 
 
 


“ฝันดีนะครับ.. พี่รักดิวนะ”

ผมจูบแก้มซีดๆของดิวอีกครั้ง ก่อนจะสอดแขนเข้าไปรองใต้คอของดิว
และดึงดิวเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา
 
 
 
 


เสียงเพลงที่ดังมาเบาๆจากที่ไหนสักแห่ง
อาจจะเป็นเสียงจากมือถือของเนียร์ หรือไอ้จ้านก็ตาม....
แต่เพลงนี้มันเพราะ... และมีความหมายสำหรับผมและดิวที่สุดแล้ว
 





“อีกไกลแค่ไหน.. จนกว่าฉันจะใกล้บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที........”

 
 
 
 



 
จะไม่มีคืนไหนจากนี้ไป.. ที่เราจะห่างกัน
จะไม่มีวันไหนๆที่เราจะได้เป็นแค่คนใกล้แต่ไม่รู้ใจกัน
เพราะตั้งแต่วินาที.. จากนี้และตลอดนี้ไป
พี่เจ้นท์คนนี้.. จะเป็นคนในใจ  คนใกล้ตัว คนรัก.. คนสำคัญของดิวตลอดไป.
 
 
 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“รักพี่เจ้นท์เหมือนกันนะ”
ดิวขยับตัวเข้าไปจูบๆที่ปลายคางของเจ้นท์ .. และกระซิบบอกรักเจ้นท์อย่างแผ่วเบา
ก่อนจะขยับตัวเข้าไปให้ชิดกับอกอุ่นๆ ของคนรัก.
ความอบอุ่น ความรู้สึกปลอดภัย และความรักนี้.. ที่เป็นของดิว
และของดิวเพียงคนเดียว.






----------------------------------------------------
เรื่องของ #เจ้นท์ดิว จบลงแล้วนะคะ :)
ขอขอบคุณทุกๆคนที่แวะเข้ามาอ่าน มาคอมเม้นต์ให้กำลังใจกัน
เรื่องนี้อาจจะเดินเรื่องเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวามากนัก
ยังไงก็จะปรับปรุงผลงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีกค่ะ
ได้แต่หวังว่า.. ทุกๆคนจะยังเป็นกำลังใจ และติดตามผลงานของเจไปอีกเรื่อยๆนะ
แล้วพบกันเรื่องหน้าจ๊า
 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2016 00:26:23 โดย moujay »

ออฟไลน์ Nattharikan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขียนสนุกดีค่ะ  อ่านรวดเดียวจบเลย :hao5: :hao5: :hao5:
ขอตอนพิเศษได้ไหม ยังคิดถึง พี่เจ้นท์น้องดิวอยู่เลย  :z3:
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ toEyyyyy`s[Ohm]

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หาฟิคคู่นี้มานานมากๆ ชอบเงินออกัส
แต่งสนุกดี คู่นี้น่ารักมากจริงๆ อร๊างงงงงงง ~

#เงินกัส <3

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สนุกมากเลยค่ะ ไม่คิดว่าพี่ทิวจะเป็นคนร้ายคิดร้ายทำเรื่องนี้ แต่ก็คงเก็บกดหลายๆอย่างหวังว่ารักษาตัวแล้วจะดีขึ้นดีนะที่รี่ให้อภัย น้องดิวน่ารักจังมีอ่อยพี่เจ้นท์ด้วยโดนจัดหนักไข้ขึ้นเลย

ความรักชนะทุกอย่าง o18

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารัก ... #ความรักชนะทุกสิ่ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด