ตอนที่ 18 ไม่มีอะไรเป็นของเรา
“ จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอไง ” ไอ้ปันถามผม ในระหว่างทางกลับบ้าน
“ แล้วจะให้พูดว่าอะไรหล่ะ ” ผมตอกกลับไปแล้วเหม่อมองไปข้างทาง ฝันร้ายเมื่อหัวค่ำยังทำผมใจหายอยู่
“ ไม่ชอบให้มึงเป็นแบบนี้เลย ” ไอ้ปันเอามือมากุมผม
“ สุดท้ายมึงก็ต้องทำตามพ่อแม่สินะ” ผมพูดพลางเบือนหน้าหนี เสียงไอ้ปันถอนหายใจยาว เมื่อผมพูดประโยคเมื่อครู่จบ
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ผมรู้อยู่แล้ว แต่มันยังเด็กผู้ใหญ่คงคุยๆกันก่อนอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ยัยฟ้านั่นแม่งคงไม่ได้เป็น
เลสเบี้ยนหรือไม่ใช่ว่ามีคนชอบอยู่แล้ว แล้วคงมาวางแผนล่มงานหมั้นกับไอ้ปันเหมือนในละครหรอกนะครับ
“ …………………………………..” มันไม่ได้พูดตอบอะไร บรรยากาศในรถอึมครึมในระดับสูงสุด
“ แต่อย่างน้อยกูจะบอกพ่อแม่ว่ากูเป็นเกย์” ไอ้ปันพูดประโยคนี้ออกมามันทำให้ผมยิ่งหดหู่ ผมค่อยๆเอามือของมันข้างหนึ่งมากุมไว้เชิงให้กำลังใจ ผมยิ้มให้มันเล็กๆมันหันมายิ้มตอบให้
“ อย่าทำอย่างนั้นเลยปัน ชีวิตมึงอีกยาวไกลอย่ามาจบที่กู อีกอย่างมึงไม่ใช่เกย์” ผมตัดสินใจพูดตรงๆ สิ้นประโยครถถูกหยุดที่ข้างทางอย่างกระทันหัน ไอ้ปันบีบมือผมแน่นนัยต์ตาของมันดูเศร้า แสงที่สะท้องผ่านกรอบแว่นของมันทำให้ผมเห็น
‘ มันร้องไห้ ’
ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่เบือนหน้าหนีพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ผมต้องไม่อ่อนแอสิ
“ มึงหมายความว่ายังไงจิ ” ไอ้ปันพูดอย่างเสียงเรียบๆ
“ มึงจะปล่อยกูไปหรอ ” ไอ้ปันพูดเสร็จมันถอดแว่นออก มันก้มหน้าถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ผมหันกลับมามองหน้ามัน
“ กูมาทีหลังเขา มึงจะรักใครกูว่ามันไม่สำคัญกว่าการที่มึงต้องไม่ทำให้พ่อแม่ต้องลำบากใจ เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่ายังไงวันนี้มันก็ต้องมาถึง วันที่มึงต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง มันไม่ได้มีใครผิด แต่ช่วงเวลานี้แม่งมาถึงเร็วไป ” ผมพูดออกไป
“ แต่กูไม่ได้รักฟ้าแล้ว ” มันหันหน้ามาหาผม
ผมแสยะยิ้มให้มันเล็กน้อย
“ อย่าด่วนตัดสินเร็วไปสิ ” ผมบอกมันพลางบีบมือมัน
“ มึงพูดเหมือนมึงไม่เคยรักกู ” ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรทำไมมันถึงพูดออกมาแบบนี้
“ รักสิ ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ
“ แล้วทำไมถึงไม่ช่วยกันหละ ” มันถามกลับมา
“ มึงเป็นคนดีกูอยากให้มึงได้เจอคนดีๆมีชีวิตที่ดี มีครอบครัว”
“ กูแม่งเหมือนคนเห็นแก่ตัวเลยว่ะ มึงว่าไหมจิ ทั้งๆที่กูรู้อยู่แล้วว่ายังไงพ่อแม่กูก็ต้องคลุมถุงชนแต่กูก็มาให้ความหวังกับมึงอีกกูรู้สึกผิด”
‘ ใช่ปันมึงมันเห็นแก่ตัว’ ผมพูดในใจ
“ แล้ววันนี้ไปคุยเรื่องอะไรมาบ้างละ พูดให้กูฟังซิกูจะได้ประเมินสถานการณ์ถูก” ผมถามมันอย่างใจเย็น
“ เค้าก็คุยๆกันแหละว่าจะรอเรียนจบก่อนแล้วค่อยหมั้น” ไอ้ปันบอกกับผมตรงๆ บางทีผมก็อิจฉาชีวิตมันนะมีคนมาจองตั้งแต่ยังซิงๆ
“ นี่เราก็แค่เด็ก ม ห้า เองมึงอย่าพึ่งคิดมาก” มันพูด
อืมก็ใช่นี่ก็เด็กมอห้าเอง จะรีบหมั้นหมายกันไปทำไม ยุคนี้แม่งยังมีการจับคู่ให้กันอีกน่าเบื่อชะมัด
“ ถามจริงๆนะถ้ากูบอกว่าตอนนี้กูไม่โอเคแล้ว กูจะเลิกยุ่งกับมึงยังไงวันนึงเราก็ต้องจากกันอยู่ดี” ผมตัดสินใจบอกมมัน
“ กูไม่คิดว่ากูจะได้ยินประโยคนี้จากมึงนะจิ ” ไอ้ปันบอกกับผมด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
“ แล้วมึงจะบอกพ่อแม่ว่ามีแฟนอยู่แล้วงั้นหรอ แฟนที่เป็นผู้ชายพ่อกับแม่มึงจะว่ายังไงห๊ะปัน” ผมเผลอตะคอกมัน
“ แล้วไง มึงเป็นผู้ชายแล้วยังไงวะ” มันเถียงผมกลับมา
ผมประเมินสถานการณ์ว่าตอนนี้เราอารมณ์ไม่ดีทั้งคู่ผมเลยบอกให้มันขับรถต่อกลับไปที่บ้านต่อ รอให้อารมณ์เย็นก่อนแล้วมาคุยกันอีกที
พอถึงบ้านผมลงจากรถแล้วรีบเข้าไปอีกห้องนึงเพราะยังไม่อยาก เผชิญหน้ากันอีกรอบไม่อยากทะเลาะอะไรทั้งนั้น
มันเองเห็นผมเข้าไปอีกห้องหนึ่งก็คงรู้ว่าผมยังไม่อยากคุยกับมัน มันก็ปล่อยๆผมไปก่อน
ผมเข้าห้องมาแล้วล็อคประตูจัดการอาบน้ำก่อนเผื่อให้อารมณ์มันเย็นลงตาม
ออกจากห้องน้ำมันก็โอเคดีนะ อารมณ์เย็นลง ผมจัดแจงใส่เสื้อผ้า แล้วดูหนังสือต่อไปอีกสักพัก เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ ตอนนี้ก็ 5 ทุ่มกว่าแล้วผมเลยวางสายตาจากหนังสือตรงหน้ากะว่าจะลงไปดูไอ้ปันสักหน่อย ผมเดินออกจากห้องแล้วลงบันไดไปชั้น 1 ผมเห็นไอ้ปันเอนพิงโซฟาอยู่ที่ห้องรับแขกมันหลับตา ผมรู้ว่ามันไม่ได้หลับหรอกแต่มันกำลังใช้ความคิด ผมเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วหยุดมองมัน ผมค่อยหย่อนตัวเองนั่งลงข้างมัน โซฟายวบลงจนไอ้ปันเองรู้สึกได้ มันลืมตาขึ้นมามองผม ดวงตามันแดงระเรื่อ ผมค่อยๆโอบกอดมันไว้มันเองก็ใช้แขนของมันกอดตอบผม
“ กูคิดแล้วจิ กูหาทางแล้วแต่กูเลี่ยงไม่ได้จริง”
“ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ว่ะ ”
“ กูเลยเกลียดการทำธุรกิจครอบครัวกูไง ใช้ลูกเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของสองตระกูล”
“ เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเผชิญกับมันให้ได้สิ ” ผมพูดพร้อมกับค่อยๆใช้มือลูบหลังมัน
“ มึงไม่น่ามาเจอกูเลยจิ เราไม่น่ามารู้จักกันก่อนเลย” มันพูดออกมา แล้วรัดอ้อมกอด
“ แต่กูกลับคิดว่ากูโชคดีมากกกกกกกนะปัน ที่ได้เจอมึง” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ที่มาจากใจไม่ได้ผ่านการดัดแปลง
“ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว กูมีบางอย่างจะบอกมึง” ไอ้ปันพูดแบบหลบสายตาผม
“ บอกมาเลย มีอะไรที่เหี้ยกว่านี้อีก5555555 ” ผมตอบกลับมันแล้วขำออกมา มันตลกชะตาชีวิตตัวเอง
“ จบ มอ 6 จากที่นี่กูคงไม่ได้เรียนเมืองไทยนะ ” เออใช่แม่งเหี้ยจริงๆ เรื่องเหี้ยๆสองเรื่องวันนี้ เห้อออออออออออ
“ จะไปประเทศไหนหล่ะอย่างมึงไม่เมกา ก็ อังกฤษ” ผมถามมันแต่ในใจนี่หวิวสุดๆ
“ เมกา ” มันตอบสั้นๆพลางถอนหายใจยาว
“ ดีใจด้วยนะ ” ผมตอบ
“ มึงอย่าขาดการติดต่อกับกูนะจิ สัญญาสิ” มันมองหน้าผมอย่างจริงจัง
“ อืม”
“ นับจากนี้กูเหลือเวลาอยู่กับมึงเท่าไหร่ ” ผมถามมันเล่นๆ
“ 9 เดือน ” มันตอบผม
“ รู้ไหมจิตอนนี้กูคิดอะไร ” ปันถามผมแล้วจับมือผม
“ อะไรหล่ะ”
“ กูอยากยืมไฟฉายย่อส่วนจากโดเรม่อน มาใช้กับมึงกูอยากพามึงไปกับกูอยู่ทุกที่กับกู555555555” มันบอกผม
แม่งเป็นเรื่องตลกที่ผมคิดว่าฟังแล้วมันเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเลย
“ มึงจะบ้าหรือไง 5555” ผมได้แต่ขำตอบกลับมันไป
“ กูพูดจริงๆ”
“ นี่โชคชะตาส่งให้กูมาเล่นเป็นบทนางเอกอะไรเบอร์นี้เนี่ยเห้ออออออออออ” ผมพูด
“ มึงเชื่อไหมจิ เวลานับจากนี้มันจะผ่านไปเร็วมากกกกกกกกกก” มันบอกผม
“เออใช่ ”
“ ปันกูอยากย้อนกลับไปในเวลาที่เจอกันครั้งแรก จนถึงวันก่อนที่มึงจะไปแล้วกูก็ย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกจนกว่าจะหมดอายุขัยกูเลย ” ผมบอก
“ แม่งน้ำเน่ากว่าไฟฉายโดเรม่อนของกูอีก” ไอ้ปันพูด
“ เออวะ 555555555555555555555” ผมกับมันขำพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ กินข้าวหรือยัง” ไอ้ปันถามผม
“ กินแล้วสิ ”
“ มึงอะไปอาบน้ำได้แล้วเน่าเชียว” ผมบอกมันแล้วเอาตีนค่อยๆถีบมันออก ไอ้ปันเบะปากอย่างงอนๆ แล้วจึงยอมเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ
ผมเก็บกระเป๋ามันเอาขึ้นไปวางไว้บนห้องอย่างที่เคยทำ จัดโต๊ะหนังสือมันให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เอ่อลืมบอกไปปันมันชอบวิชาฟิสิกส์กับพวกคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษมันบอกว่ามันอยากเป็นวิศวะ และแน่นอนครับมันต้องได้เป็น
มันอาบน้ำเสร็จก็มาวิ่งไล่กะผมรอบเตียงอย่างกับเด็กๆ
“ ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้วไอ้ปัน”
“ เรียกไอ้เลยหรอ มานี่”สรุปก็กว่าจะได้ใส่เสื้อผ้า ไล่ล่ากันรอบห้องจนหลายๆครั้งผ้าเช็ดตัวไอ้ปันจะหลุด
สรุปแล้วผมก็ต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบ เพราะมึงคนเดียวไอ้ปัน
“ มาๆ มานี่สิขอดมหน่อย ” มันเรียกผมเข้าไปใกล้หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ
ผมก็โรคจิตเนอะเดินเข้าไปให้มันดม
“ จะให้ดมตรงไหน ” มันถามผม
ด้วยความที่ปลูกฝังเรื่องการถือเนื้อถือตัวแต่เด็ก ผมจึงใช้นิ้วชี้มาที่แก้มผม
“ ว้าววววว น่าสนๆ ” ไอ้ปัน
ผมค่อยๆก้มหน้าลงไปหามัน
“ เอาจริงหรอ ” ไอ้ปันถามผม
“ จริงสิ ” ผมบอก
มันค่อยๆเอาจมูกมาสัมผัสกับแก้มนุ่มๆของผม นานเท่าไหร่ไม่ทราบ
“ เอาไปไว้บ้านไหมแก้มกูอะ ถ้าจะหอมนานขนาดนี้ ” ผมบอกมัน ไอ้ปันได้แต่ยิ้มๆ
“ ไปนอนได้แล้ว ” ผมบอกมันเนื่องจากค่อนข้างดึกแล้ว มันพยักหน้ารับ ผมจูงมือมันขึ้นไปอย่างที่เคยทำ ผมล้มตัวลงนอนมันก็นอนข้างๆ แต่วันนี้ผมเป็นฝ่ายกอดมันก่อน ไอ้ปันมองหน้าผมอย่างแปลกใจ
“ วันนี้มึงแปลกๆนะจิ ” ไอ้ปันพูดแบบยิ้ม
“ แต่กูชอบว่ะ 55555 ” มันหัวเราะ
ผมถอดแว่นตาออกให้มันอย่างที่เคยทำทุกคืน
“ 9 เดือนต่อจากนี้กูจะทำแต่เรื่องที่มีความสุขนะ ลืมๆไปก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่ ” ผมพูดออกมาแบบเบาๆภายใต้อ้อมแขนของมัน
ไอ้ปันไม่ได้พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบรับเป็นสัญญาณเชิงรับรู้
“ ปัน กูรักมึงนะ ”
ผมไม่เคยบอกรักมันแบบนี้เลย บอกแบบตรงๆที่มาจากใจ
“ กูก็รักมึงจิ ”
“ ในอนาคตกูไม่รู้ว่าชีวิตเราแม่งจะเป็นยังไงต่อไปนะ แต่กูดีใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน ”
ประโยคสุดท้านของค่ำคืนนี้ ผมพูดออกมาจากใจก่อนที่น้ำตาผมจะไหลออกมา เหมือนไอ้ปันรับรู้มันกระชับกอดผมแน่นขึ้นเป็นเชิงปลอบใจ
ทิ้งทวน# ผมโกหกครับ นั่นมันไมใช่บทสนทนาสุดท้ายเพราะหลังจากที่มันกอดผมแรงขึ้น ผมหมั่นเขี้ยวเลยกัดหัวนมมัน ไอ้ปันร้องจ๊ากกกกกก ลั่นห้อง นี่ต่างหากคือประโยคสุดท้ายของคืนนี้จริงๆ