ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 59
' สัญญา'
' ผมขอโทษ ในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำลงไป แต่ผมใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่อายที่ต้องมีลูกแบบผม ผมขอโทษ ผมไม่กล้าบอกเพื่อนสนิทของผมเพราะผมอาย ผมขอโทษ ผมรู้ว่าถ้าบอกไปเค้าต้องช่วยเหลือผม ต้องปลอบใจผม แต่ผมไม่กล้าจริงๆ ผมขอโทษ ผมไม่กล้าจะบอกเรื่องนี้กับใครเพราะผมกลัว กลัวว่าคนที่ผมรักเค้าจะทำเหมือนคนอื่นๆที่รู้เรื่องของผม จะถอยห่างออกไปจากผม จากชีวิตสกปรกของผม ผมกลัวว่าผมจะไม่เหลือใคร ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผม ไม่มีใครถามผมว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ทุกคนตัดสินว่าผมเป็นคนไม่ดี ที่ไปทำเรื่องแบบนั้น ตัดสินว่าผมแย่ที่ทำให้เค้าต้องคอยเสียหน้าไปด้วยเพราะเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ผมกลัวว่าคนที่ผมรักคนอื่นจะเป็นแบบนั้น จะเป็นแบบเดียวกันทุกๆคน
ผมขอโทษที่อดทนไม่พอ อดทนไม่พอที่จะทนเห็นสายตาของทุกคนที่คอยเอาแต่พูดเรื่องผม มองมาทางผม แล้วคอยแต่พูดกันเรื่องของผม
ผมขอโทษที่ผมทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วที่หัวหน้าคอยแต่ใช้คลิปพวกนั้นบีบบังคับให้ผมทำทุกอย่าง อย่างที่เค้าต้องการ เค้าอยากจะให้ผมไปหาเค้า ไปทำเรื่องแบบนั้นกับเค้า ถ้าไม่ไปเค้าจะปล่อยคลิปออกมาอีกเค้าบอกผมแบบนั้น แต่ผมไม่อยากจะทำมันแล้ว มันทรมาน ผมไม่อยากจะไปแล้วไม่อยากจะไปหาเค้า แล้วตอนนี้ผมก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว ผมขอโทษที่ผมคิดง่ายเกินไป แต่ผมไม่อยากจะทรมานอีกแล้ว รักพ่อกับแม่ครับ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษ
เนย์ '
“ แค่นี้ครับ " เด็กที่นั่งข้างเนย์พูดขึ้นหลังจากที่เค้าอ่านจดหมายนั่นจบลง ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมองหน้าลิปที่ก็เครียดไม่แพ้กัน เหตุผลที่ทำให้เค้าฆ่าตัวตายบอกอยู่ในจดหมายนั่นหมดแล้ว เค้าทนกับเหตุการณ์รอบตัวของเค้าไม่ไหวแล้ว หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสังคมของทำงาน ที่ยังคงมีอายุที่คาบเกี่ยวกับความเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่
“ ไม่น่าเลย คิดอะไรง่ายๆแค่ไม่มีเพื่อนเป็นที่ระบายก็เท่านั้น ทำไมถึงไม่เดินเข้ามาหาละ คิดว่าคนอื่นเค้าจะเข้าไปปลอบใจตัวเองได้รึไง ใครจะรู้ว่าเครียด " เสียงเบาๆที่บ่นออกมาทำให้ทุกคนในแผนกหันไปมองดูเธอ หนึ่งในคนในกลุ่มของเนย์ คนที่เนย์เองก็พูดถึง " มองอะไร คิดว่าไอ้เด็กนั่นมันฆ่าตัวตายเพราะฉันด้วยงั้นสินะ ทุเรศ!! ทำไมมันต้องมาป้ายความผิดให้ฉันด้วย จะฆ่าตัวตายก็ฆ่าไปสิ ทำไมต้องเขียนระบายเหมือนฉันผิด ใครมันจะไปปลอบใจไอ้เด็กนั่นได้ตลอดเวลา งานก็มีทำตั้งเยอะแยะ แล้วแค่วันนี้เราแยกไปกินข้าวเท่านั้นเอง ก็เลยไม่ชวน มันแปลกรึไง "
" มันก็แปลกอยู่นะ ก็ปกติเธอชวนเค้าแล้วก็สนิทกระดี๊กระด๊ากันขนาดนั้นอะ แต่พอเกิดเรื่องเธอกลับไม่ชวนแล้วตีตัวออกห่างเค้าตลอด " พี่อีกคนนึงเสริม
“ นี่! แทนที่เธอจะโทษฉัน เธอโทษหัวหน้าที่เอาคลิปมาประจานมันดีกว่ามั้ย แล้วเนย์มันก็เขียนอยู่ว่าหัวหน้าให้มันไปหาแล้วทำเรื่องแบบนั้น มันเลยไม่อยากจะไป มันเลยฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวกับที่ฉันตีตัวออกห่างมันหรอก ถ้าจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแบบนั้น คีย์มันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้วละ เพราะเค้าโดนว่ายิ่งกว่านังเด็กนี่อีก "
“ กรุณาอย่าพาดพิงถึงคนอื่นครับ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ถ้าจะผิดมันก็ผิดด้วยกันทุกคนที่เนย์เค้าเขียนถึงนั่นแหละ คนที่เค้าเขียนถึงก็คือคนสำคัญที่เค้านึกถึงในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เค้าเสียใจ ไม่ต้องเถียงโยนความผิดกันหรอก "
“ นี่นายว่าฉันก็มีส่วนร่วมงั้นสิ! “ เธอหันมามองผมตาขวางท่าทางหาเรื่องของเธอ ทำให้รองหัวหน้าที่ฟังอยู่ลุกขึ้นปราม
“ หยุด!! ไม่ต้องเถียงกัน " เธอตวาดก่อนจะมองไปรอบๆ เธอมองทุกคนแล้วถอนหายใจออกมา " นี่แหละคือสิ่งที่ฉันห้าม เข้าใจรึยังว่าทำไมถึงบอกว่า อย่าส่งคลิปนี้ออกไปนอกแผนก อย่าคิดว่าคีย์ทนได้ แล้วเด็กคนนี้ต้องทนได้ คนเรามีวุฒิภาวะทางความรู้สึกไม่เท่ากัน เรามองว่ามันเรื่องเล็กน้อยแต่คนที่โดนกระทำมันไม่ใช่ พวกเธอไม่มีทางรู้ว่าเค้ารู้สึกยังไงในขณะที่พวกเธอพูดคุยเรื่องของเค้าอย่างสนุกปากในตอนพักเที่ยงหรอก แล้วฉันก็เห็นนะ คนในกลุ่มของเนย์วันนี้ก็นั่งกินข้าวกันที่ร้านเดิมไม่ได้แยกกันไปไหน ฉันไม่ได้บอกว่าเธอผิด ที่เธอปกป้องตัวเอง ไม่อยากจะให้ใครมามองพวกเธอถ้ามีเค้าไปกินข้าวด้วย แต่การที่เธอบอกว่าเธอไม่ผิด นั่นก็คงจะไม่ใช่ เธออาจจะคิดว่าไม่เห็นจะเป็นไรเธอแค่ไม่ยุ่ง ไม่เป็นไรแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่สำคัญ เค้าอาจจะไม่สำคัญสำหรับเธอ แต่บางทีฉันว่า เธออาจจะสำคัญสำหรับเค้านะ แล้วตอนนี้เธอก็คงเห็นชัดเจนแล้ว "
“ ทำไมทุกคนต้องหันมาโทษฉัน มาโทษพวกฉันทั้งๆที่ควรโทษหัวหน้ามากกว่า ลำพังแค่เรื่องนินทาแล้วโดนเทจากกลุ่มไม่ได้แย่ร้ายแรงนักหรอก "
“ ก็ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องของหัวหน้า ฉันพูดถึงเรื่องของเธอ " รองหัวหน้าบอก " นั่งลงแล้วคิดเถอะ ว่าตัวเองผิดรึเปล่า ไตร่ตรองให้ดี แล้วเอาเรื่องนี้เป็นบทเรียนซะ คนอื่นๆก็เหมือนกัน คิดว่าสมควรแล้วเหรอที่เอาแต่พูดเรื่องของคนอื่นในมุมมองที่เราไม่รู้ วิจารณ์เค้าด้วยคำพูดที่แต่งแต้มสีให้ดูมีสนุกสนาน ฉันจะบอกอะไรให้นะ คำพูดของคนเราน่ะมันทำร้ายให้คนเจ็บยิ่งกว่าหมัดหนักๆซะอีก "
“ ขออนุญาติครับ " เสียงที่ดังขึ้นจากประตูแผนกทำให้ทุกคนหันไปมอง ตำรวจในเครื่องแบบเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล
“ เจ้าหน้าตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลแนะนำ " คนนี้เป็นรองหัวหน้าแผนกออกแบบที่ผู้ตายทำงานอยู่ค่ะ "
“ สวัสดีค่ะ " รองหัวหน้าก้มหน้าทักทายก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะของเนย์ " เราพบจดหมายของผู้ตายที่คิดว่าจะเป็นจดหมายลาตายวางอยู่บนโต๊ะค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นของเค้า "
“ อย่างงั้นเหรอครับ " ตำรวจที่เดินเข้าไปใกล้โต๊ะ เค้าเก็บหลักฐานต่างๆที่พอเป็นไปได้พร้อมกับสอบถามข้อมูลกับรองหัวหน้า " ผมขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในแผนกด้วยนะครับ "
“ ได้ค่ะ " การตรวจสอบเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ในตอนนั้นทุกคนที่หยุดการทำงานทุกอย่างแล้วสนใจแต่กับขบวนการสอบสวนที่กำลังถูกตรวจเช็คจากที่โต๊ะ และกล้องวงจรปิดที่กำลังดูกันอยู่ข้างนอกที่ส่วนของมุมผักผ่อนนอกแผนก พนักงานคนแล้วคนเล่าถูกเรียกออกไปสอบสวน ท่าทางที่ดูไม่สู้ดีอย่างเพื่อนร่วมกลุ่มของเนย์เดินกลับมาสีหน้าของเธอซีดเผือกแถมยังดูคล้ายว่าจะเป็นลม ท่าทางที่ทำให้ลิปหันมากระซิบผม
“ ท่าทางจะเจอหนักนะ "
“ ก็นะ พวกเค้าเป็นคนที่ถูกเขียนถึงนี่ยังไงก็ต้องเจอการสอบสวนแบบหนักๆอยู่แล้วละ สาเหตุที่ฆ่าตัวตายก็ต้องมาจากเค้าด้วยส่วนนึง "
“ คีย์ ลิป คุณตำรวจเรียกน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลเดินเข้ามาเรียกผมสองคนที่ก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกแผนก นั่งลงที่โซฟาข้างหน้าคุณตำรวจสองคนที่คนนึงกำลังพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งจ้องมาทางเรา
“ จากหลังฐานวงจรปิดทางเราเห็นว่า คุณสองคนเป็นสองคนสุดท้ายที่เข้าไปคุยกับผู้ตายไม่ทราบว่าเข้าไปคุยอะไรกันครับ "
“ ผมสองคนเข้าไปชวนเนย์ไปทานข้าวครับ เพราะเห็นว่าเค้านั่งอยู่คนเดียวไม่มีใครชวนไปทานข้าว "
“ แต่ดูเหมือนมีการตอบโต้กันเป็นเวลานานนะ "
“ เพราะว่าเราชวนแล้ว แล้วเค้าไม่ไปน่ะครับ ก็เลยคุยกันว่าจะซื้ออะไรมาให้กินแต่เค้าก็ปฎิเสธอีก " ลิปอธิบายต่อ คุณตำรวจก็พยักหน้ารับ
“ แล้วคุณคีย์ ก่อนหน้านี้ คุณเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่ผู้ตายเข้าไปไม่นาน ไม่ทราบว่าได้คุยอะไรกับผู้ตายมั้ยครับ "
“ ตอนที่ผมเข้าไปเนย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าปลายสายเป็นใคร " ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากจะเข้าข่ายคดีปรักปรำคนอื่นแม้จะมั่นใจมากกว่าครึ่งว่าปลายสายเป็นใครก็เถอะ
“ คุยโทรศัพท์อย่างงั้นเหรอ "
“ เหมือนกำลังทะเลาะกับใครสักคน เค้าพูดเชิงน้อยใจ แล้วก็เหมือนว่านัดแนะออกไปกับปลายสาย ผมได้ยินเค้าพูดถึงเรื่องที่ว่าคนปลายสายทำลายชีวิตเค้า เค้าไม่เหลือใครแล้ว แล้วผมก็ได้ยินเค้านัดแนะกันเหมือนจะออกไปเจอกันครับ แค่นั้นแล้วเค้าออกก็มาจากห้องน้ำ "
“ แล้วคุณทำอะไรอยู่ "
“ ล้างมือครับ ผมเพิ่งทำงานเสร็จก็เลยเข้ามาล้างมือ ล้างหน้า "
“ แล้วผู้ตายพูดคุยอะไรกับคุณอีกมั้ย "
“ เค้าพูดว่า ผมโชคดีแล้วที่มีคนช่วยผมไว้ "
“ แล้วทำไมเค้าต้องพูดแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง " ตำรวจที่ต้องการขยายความคำพูดของผม ทั้งๆที่อยากจะให้เรื่องนั้นจบไปแต่สุดท้ายก็ต้องเล่าทุกอย่างออกไปจนหมด ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผมทั้งๆที่พยายามลืมแต่กลับต้องมาถูกสอบถามซ้ำๆไม่ต่างอะไรกับการฉายภาพพวกนั้นซ้ำวนไปมา
“ แล้วทำไมคุณถึงไม่แจ้งความ "
“ ไม่อยากจะมีเรื่องน่ะครับ ผมไม่อยากจะพูดถึงมันด้วยก็เลยไม่ได้แจ้งความ อีกอย่างทางบริษัทก็ไล่หัวหน้าออกไปแล้ว ตอนนั้นผมก็เลยไม่ได้แจ้งความว่าเค้าพยายามทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจ "
“ แล้วตอนนี้หัวหน้ายังตามไปรังควานนายอยู่อีกรึเปล่า " รองหัวหน้าของผมเอ่ยถามขึ้นมา " คือแบบนี้นะคะ ตอนที่หัวหน้าแผนกโดนไล่ออกเค้าเกลียดแล้วก็โกรธมาก นอกจากเค้าจะปล่อยคลิปเนย์แล้ว เค้าก็ยังขู่คีย์ว่าเค้าจะทำร้ายคีย์ด้วย "
“ ไปครับ เมื่อวานเค้าไปหาผมที่คอนโดพยายามจะฉุดไปแต่แฟนผมช่วยเอาไว้ ก็เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น "
“ แบบนั้นนายต้องแจ้งความเอาไว้นะว่าถูกเค้าข่มขู่โดยทำให้กลัว ใช่มั้ยค่ะ คุณตำรวจ คีย์แจ้งไว้ได้ใช่มั้ย "
“ ได้ครับ "
“ งั้นแจ้งไว้เลยค่ะ ว่าหัวหน้าแผนกที่ถูกไล่ออกไปแล้ว พยายามจะข่มขู่ทำร้าย "
“ จะแจ้งไว้เลยใช่มั้ยครับ " คุณตำรวจถามผม " แจ้งไว้ก็ดีนะคุณ ถ้าเกิดว่าเค้าทำอะไรคุณเราจะได้เอาผิดเค้าได้ "
“ แจ้งไว้ก็ครับ " ผมพยักหน้ารับ คุณตำรวจก็ทำเรื่องรับแจ้งความกับผมไว้ " คุณตำรวจแล้วแบบนี้เราจะเอาผิดกับใครได้มั้ยครับ "
“ หมายถึงเรื่องของคุณน่ะเหรอ "
“ เปล่าครับ ผมหมายถึงเรื่องของเนย์ " มันคงดีถ้าคนคนนี้ไม่ต้องตายเปล่า ผมอยากให้คนทำผิดได้ผลของความผิดบ้าง เค้าที่พลากชีวิตของคนคนนึงไปโดยไม่มีวันกลับมาเพราะความเห็นแก่ตัว ชีวิตที่ต้องจบลงเพราะการข่มขู่ของเค้า
“ ทางเราต้องสอบสวนของกับทางนู้นก่อน แต่โดยรูปการณ์ผมคิดว่าโทษหนักสุดก็คงจะเป็นแค่ปรับ หรือไม่ก็เอาผิดอะไรไม่ได้เพราะ เค้าข่มขู่แต่ไม่ได้คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายเป็นการสมัครใจของผู้ตายเอง ทางเราตอนนี้ก็เหมือนหาข้อสรุปถึงสาเหตุการตายเท่านั้น "
“ อย่างงั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับเข้าใจ น่าเสียใจชะมัดที่เราไม่สามารถเอาผิดอะไรคนคนนั้นได้เลย ผมคิดถึงใบหน้าที่ถ้ารู้ว่าเค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้เนย์ต้องฆ่าตัวตาย คนแบบนั้นก็ต้องมีเหตุผลออกมาอ้างเป็นร้อยเป็นพันเพื่อให้พ้นคดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานที่มัดตัวเค้าแน่นพอ ไม่มีทางที่จะยอมรับว่าทำจริงๆหรอก ซึ่งพอดูจากเหตุการณ์ตอนนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดที่จะมีหลักฐานอะไร เมล์ที่ส่งคลิปก็เป็นเมล์ปลอม คลิปเสียงตอนข่มขู่ก็ไม่มี ถ้าเกิดว่าบอกว่าข้อมูลโทรศัพท์ แต่ถ้าอีกคนบอกว่าไม่ได้พูดคุยอะไรแค่ชวนออกมากินข้าวธรรมดา นั่นก็จบแล้ว
น่าเศร้าชะมัดทั้งๆที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแท้ๆ แต่เหมือนคนตายกลับไม่ได้รับความยุติธรรมอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนตายไปเพราะปากของคนสังคม สังคมที่ไม่ฟังเค้าพูดอะไรทั้งนั้น
“ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คุณสองคนกลับไปได้แล้วละ "
“ ขอบคุณมากครับ " ผมลุกขึ้นพยักหน้ารับให้คุณเจ้าหน้าที่
“ ฟังแล้วโคตรรู้สึกแย่เลยวะ " ลิปบอกตอนที่เรานั่งลงประจำที่ของตัวเอง " ตามกฏหมายเอาผิดอะไรไม่ได้ เป็นแค่การข่มขู่ที่ไม่ได้คาดว่าคนโดนข่มขู่จะฆ่าตัวตาย ไม่ได้ข่มขู่ให้ตาย แต่ตายไปเองว่างั้นเถอะ "
“ แล้วก็ไม่ได้รู้ด้วยว่า ถูกข่มขู่จริงๆรึเปล่า เพราะไม่ได้มีบันทึกเสียงการสนทนาเอาไว้ "
“ โคตรเหี้ย น่าหงุดหงิดชะมัดเลยวะ เหมือนตายไปแบบไม่มีค่าอะไร เอาผิดคนที่ทำร้ายเรายังไม่ได้เลย "
“ พูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกหรอก " ผมบอก " บางทีเนย์อาจจะแค่ไม่อยากจะเจอปัญหาแบบนี้อีกก็ได้ ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่อยากตกเป็นทาสใคร ไม่อยากจะทรมาน ไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก เค้าอาจจะแค่รู้สึกแค่นั้นก็ได้ "
" คีย์ "
" เพราะฉันก็เคยรู้สึกแค่นั้นแหละ ไม่ได้อยากกล่าวโทษใครทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากจะอยู่แล้วมันก็เท่านั้น ไม่ได้คิดถึงว่าเรามีพ่อแม่อยู่ เรามีเพื่อน เราไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก เราคิดสั้นๆแค่ว่า เราไม่อยากจะลืมตาตื่นมา เราเบื่อ เราเหนื่อย เราอยากจะหยุดแล้ว เราคิดสั้นๆ เราคิดง่ายๆ เวลาจะฆ่าตัวตาย ก็คิดกันแค่นี้ทั้งนั้นแหละ "
" ไม่ต้องพูด พอเถอะ " ลิปห้ามผมเค้าที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ ในแววตาที่เหมือนกำลังร้องไห้ " อย่าพูดเลยวะ ฉันไม่อยากจะได้ยิน นายพูดแบบนี้ "
" ฉันไม่ทำอะไรแบบที่ฟานเค้ากลัวหรอก นายฟังหมอนั่นมากเกินไปแล้ว "
" คีย์ นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนที่นายพูด ฉันรู้สึกว่านายเองก็รู้สึกแบบนั้น ไม่ได้แค่พูดไป " คนตรงหน้าผมเม้มริมฝีปาก " มันน่ากลัวนะกับการที่นายพูดออกมาแบบนั้น แล้วฉันว่ามันก็ไม่แปลกหรอกที่ฟานเค้าจะกลัว แล้วคิดว่านายจะทำแบบนั้น "
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้นจากรอบๆข้างของผม แม้แต่ของลิปเองก็ดังขึ้นมา ทุกคนที่กดรับสายโทรศัพท์ต่างถูกถามไถ่ถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ คุณเมษโทรมา " ลิปบอกก่อนจะกดรับสาย ผมเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เข้าเฟสบุ๊คเป็นอันดับแรกแล้วก็เจอเข้ากับข่าวด่วนที่ถูกอัพขึ้นมา เกี่ยวกับพนักงานงานแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์บริษัทยักษ์ใหญ่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก จากการสันนิฐานเบื้องต้นตำรวจคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากปัญหาส่วนตัวและแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน " ยังมีชีวิตอยู่เว้ย!!! ไม่ใช่ผมสักหน่อย เตรียมหาเมียใหม่อะไรกัน อยากตายเหรอไอ้แก่ " ผมหันไปมองลิปที่กำลังเถียง เผลอยิ้มออกมากับคำพูดห่วงใยที่ปลายสายก็ถามมา " อื้ม ก็เป็นรุ่นน้องในแผนกน่ะ คนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานไง อื้ม คนนั้นแหละ ผมไม่ได้นินทาอะไรเค้า ผมไม่ได้รู้สึกแย่หรอก "
ผมหันมองดูทุกคนที่มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา ถามไถ่ถึงความห่วงใยแต่โทรศัพท์ของผมก็ยังคงเงียบอยู่แบบนั้น หันมองลิปที่กดวางสายลงพลางถอนหายใจออกมา " คุณเมษคงเป็นห่วงนายน่าดู "
“ โทรมาเช็คว่าคนที่กระโดดลงไปเป็นฉันรึเปล่า จะได้หาเมียใหม่ " หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น
“ เค้าก็พูดให้มันขำ แต่จริงๆคงเป็นห่วงนายเพราะไอ้ประโยคในข่าวที่บอกว่า ถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงานมากกว่า "
“ นั่นก็ด้วย พอดีฉันเล่าเรื่องเนย์ให้เค้าฟังเมื่อวานนะ เรื่องของนายด้วย เค้าก็เลยโทรมา " ลิปเหลือบมองผม
“ ทำไม "
“ ตอนแรกคุณเมษคิดว่าเป็นนาย " ผมหลุดยิ้มออกมา " แต่ฉันด่าไปละ ไม่ต้องห่วง เค้าแค่บอกว่า ฉันเล่าว่านายถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงาน ถูกนินทาเค้าก็เลยคิดแบบนั้น "
“ มันก็น่าคิดแบบนั้นอยู่นั่นแหละ ฉันไม่ถือโกรธเค้าหรอกน่า ซีเรียส "
“ ทำไมนักข่าวมันเขียน ข่าวแบบนี้วะ!! ทุเรศ!!! " เสียงของรุ่นพี่ร่วมงานเพื่อนของเนย์ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เธอที่กำลังหงุดหงิดถอนหายใจออกมาก่อนจะขมวดคิ้วอยู่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอเอง " ที่บอกว่าเพราะแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน แบบนี้มันก็หมายถึงพวกฉันนะสิ กดดันมันจนต้องฆ่าตัวตายอะ ใช่ที่ไหน มันก็ทำตัวของมันเองทั้งนั้น แบบนี้ถ้าคนที่แผนกอื่นอ่านเค้าก็คงจะคิดกับพวกฉันนะสิ เพราะฉันอยู่กลุ่มเดียวกับมันนี่ "
“ อย่าเพิ่งโวยวายสิ ตำรวจยังอยู่ข้างนอกนะ " เพื่อนร่วมงานปรามเธอก็ตะโกนด่ากลับ
“ ได้สิ! พวกแกไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับมัน พวกแกก็พูดกันได้นี่ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนี่ แต่ฉันอยู่ ตายไปแล้วยังทำให้ฉันขายหน้าได้ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่เลยนะอีนี่ "
“ เนย์ก็ตายไปแล้ว หงุดหงิดไปมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า อโหสิกรรมกันไปเถอะ " ลิปบอก
“ แกพูดได้สิ แกไม่ได้มาถูกนินทาแบบฉันนิ!! ไม่ได้มาถูกใครๆจ้องมองแล้วบอกว่า นั่นไง เพื่อนของอีเด็กนั่นที่ฆ่าตัวตาย เพราะว่าฉันเขี่ยอีเด็กนั่นออกจากกลุ่มแน่ๆ มันเลยกดดันจนต้องฆ่าตัวตาย "
“ แล้วมันจริงแบบนั้นรึเปล่าละ " ผมถาม " พี่เขี่ยเค้าออกจากกลุ่มจริงๆรึเปล่าละ แล้วจะกลัวอะไรในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง พี่พูดกับผมแบบนี้ตอนที่มีภาพหลุดผมกับหัวหน้า พี่บอกว่าไม่ต้องถามความจริงหรอก เดี๋ยวผมตอแหลพี่จะรับฟังมันไม่ได้ พี่บอกว่าความจริงเป็นไงภาพมันก็ฟ้องอยู่ อย่ามาทำตัวน่าสงสาร แล้วตอนนี้พี่จะให้ใครมารับฟังพี่เหรอครับ เพราะเค้าคงคิดอย่างที่พี่คิดและพูดกับผมเมื่อตอนนั้นนั่นแหละ เค้าจะไม่ฟังพี่อธิบายเพราะคิดว่าพี่ตอแหล และความจริงเป็นไงเค้าก็รู้อยู่แล้ว รู้แบบไม่ต้องให้พี่มาบอก รู้แบบในฉบับของเค้า ฉบับที่พี่จะเดาไม่ออกเลยว่า มันเป็นยังไง " ทุกอย่างเงียบ ทุกคนที่หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองกระทำ และ เคยพูดไว้
“ มันไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้คนที่ปัญหาแล้วคอยแต่จะมีคนจ้องนินทาหรอก ใครๆก็รักตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ใครจะเสียสละแบบนั้นได้ "
“ ลิปก็ยังอยู่กับผม ในตอนที่มีแต่คนมองและคนนินทา มันไม่ใช่ข้ออ้างหรอก มันอยู่ที่ว่าพี่จะอยู่ข้างๆน้องมันมั้ย มันไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เนย์ต้องการ คนที่เค้าต้องการคือเพื่อนของเค้า ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่พอเพื่อนเค้าไม่เอาเค้า นั่นแหละที่ทำให้เค้าคิดว่าเค้าไม่มีใคร "
“ ยังไงซะ ฉันก็ผิดสินะ ก็แล้วไงละ ฉันไม่อยากจะให้ใครมองฉัน ไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ มันทำเรื่องแบบนั้นมีแต่คนมอง ฉันก็ต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อนสิ ฉันผิดยังไงละ ก็แค่เขี่ยมันออกไป มันหาเพื่อนใหม่ไปสิ ก็ใช่ว่าเราจะสนิทกันมากมายขนาดนั้น ก็ใช่ ฉันผิดอยู่ แต่มันไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ฉันผิด แล้วจะทำให้ฉันดูเป็นคนเลวไปทั้งหมดนี่ เรื่องดีๆฉันก็มีอยู่ ทำไมไม่จดจำกันบ้างละ เอามาหักล้างกันสิ ฉันก็มีดีมีเลวนะ มนุษย์ทั่วไปมันก็แบบนั้นนี่ "
“ ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้นแหละ เหมือนอย่างที่พี่นินทาผม ว่าร้ายผม ผมไม่ได้คิดหรอกว่าพี่เคยดีกับผมยังไง ผมจดจำได้แค่ว่า พี่เคยนินทา แล้วทำร้ายผมด้วยปากของพี่ มันก็เท่านั้นแหละ " หลายสายตาหันมามองผมที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง ลิปที่นั่งข้างๆยกยิ้มก่อนจะหันมากระซิบผม
“ พูดได้ถูกใจ "
การสืบสวน สอบสวนดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงใกล้เวลาเลิกงาน ช่วงเวลาที่ไม่มีใครทำงานแต่ทุกอย่างกลับเงียบไปหมดทั้งแผนก มีเสียงคุยโทรศัพท์กันบ้าง เสียงพูดคุยกันบ้างแต่นั่นก็เบาจนแทบไม่ได้ยินอะไร
“ วันนี้ทุกคนกลับบ้านได้แล้วละ การสืบสวนสอบสวนเสร็จแล้ว "
“ แล้วสรุปว่ายังไงเหรอคะ " พนักงานคนนึงถาม
“ เป็นการฆ่าตัวตายด้วยตัวเองน่ะ " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ส่วนเรื่องศพทางครอบครัวก็คงมาจัดการ ฉันอยากจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนนะ อยากให้ทุกคนใส่ใจแล้วอย่าละเลยความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่าอคติกับความผิดพลาดให้มากนัก ส่วนยังไงวันนี้ก็กลับไปกันก่อนเถอะ " เธอบอกก่อนจะเดินออกไปคุยอะไรสักอย่างกับคุณตำรวจพร้อมกับฝ่ายบุคคล ผมหันมองหน้าลิปที่ก็ทยอยเก็บของทั้งหมดของตัวเองช้าๆ เราเดินลงลิฟต์ไป ทยอยเป็นกลุ่มจนมาถึงชั้นล่าง วันนี้เพราะว่ากลับก่อนคนก็เลยยังไม่พลุกพล่านเหมือนอย่างทุกที
“ เราไปกินอะไรกันหน่อยมั้ย ฟานจะมารับนายกี่โมง "
“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันยังไม่ได้นัดเค้าเลย เมื่อเช้าเราแทบไม่ได้คุยกัน ข้อความฉันส่งไปเค้าก็ไม่ตอบ " ผมบอกอีกคนก่อนจะยิ้มออกมาแห้งๆ เพราะไม่ได้นัดเเรื่องเวลาไม่รู้ว่าอีกคนจะมาหลังงาน หรือว่าจะมาหลังเลิกทำโอทีกันแน่ " แต่ว่าวันนี้เลิกงานก่อน เหลือเวลาตั้งชั่วโมง ไปหาอะไรกินกัน..”
“ คีย์ " ผมหันไปมองเสียงที่เรียกผมตอนที่เดินออกมา เบื้องหน้าเป็นร่างสูงคุ้นตาคนที่บอกว่าจะมารับกันแต่ยังไม่รู้เวลายืนหอบอยู่
ใบหน้าเคร่งเครียดของเค้าคลายลงตอนที่เราสบสายตากัน ฟานก้มหน้านิ่งอยู่สักพักก่อนที่ขายาวๆนั่นจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ แล้วก็คว้าตัวผมดึงเข้าไปกอดไว้
“ ฟาน..”
“ โล่งอกไปที " เค้าพูดออกมาแค่นั้นในตอนที่กอดผมไว้แน่นเค้าก็พูดซ้ำ " โล่งอกไปที ไม่ใช่นาย ไม่ใช่จริงๆด้วย "
“ คิดว่าเป็นฉันเหรอที่กระโดดตึกลงมา " ผมถามแต่อีกคนก็เงียบ " ไม่ใช่ฉันหรอก รุ่นน้องในแผนกน่ะ โทษทีนะ คงทำให้นายตกใจ แต่นายน่าจะโทรมาสักหน่อย จะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้ "
“ ฉันไม่กล้าโทร " เค้าบอกผมก็เบิกตาสงสัย " ฉันกลัวไม่มีคนรับสาย กลัวว่าคนที่รับสายจะไม่ใช่เสียงนาย "
“ ฟาน "
“ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เลยมารับนายก่อนเวลา เพราะนายสัญญาว่าจะอยู่รอฉัน ให้ไปรับ.. แล้วฉันก็คิดว่านายคงไม่เหี้ยขนาดที่่โกหกฉันอีกครั้งหรอกมั้ง "
“ ไม่หรอก ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก "
“ งั้นก็สัญญามาสิ!! “เค้าดึงตัวเองมาเผชิญหน้ากับผมก่อนจะตะคอกใส่ผมเสียงดัง " สัญญากับฉัน สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น สัญญาออกมา สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่หาทางออกแบบนั้น สัญญาสิ สัญญากับฉัน อยู่กับฉัน สัญญาสิ สัญญามา!! “
“ ฟาน คือ "
“ สัญญามา!! พูดมาสิวะ ว่าจะอยู่กับฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ เจ็บแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอยู่กับฉัน พูด!! พูดออกมาสิ อย่าไปไหนเลยนะ อย่าจากฉันไป ขอร้องละ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ อยู่กับฉันเถอะ “ คำพูดของอีกคนที่พูดออกมาเบาๆในประโยคสุดท้ายเค้าที่กอดผมไว้แน่น
“ อะ อื้ม.. สัญญา ฉันจะอยู่กับฟาน " เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตอบตกลง มือที่จับไหล่ผมไว้แน่นนั่นอ่อนลงจนลดลงข้างตัว สายตาที่จ้องผม ฟานจ้องลึกลงไปข้างใน
“ แล้วอย่าผิดสัญญากับฉันละ "
.............................................................
ขอออกตัวสักนิด คือเราไม่เก่งกฏหมายนะคะ
แต่ที่เขียนในอ่าน คือ ไปสอบถามจากคนที่เรียนกฏหมายมาได้ความมาตามนี้ค่ะ
ผิดพลาดยังไงขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
เอาจริงๆ ตอนนี้เราเขียนเน้นออกไปในแนวของสังคมปัจจุบัน
ที่พอเกิดปัญหาอะไร ก็จะดราม่าพูดถึงบางคนก็ด่ากัน คือบางทีคำพูดรุนแรง
จนเรารู้สึกเลยว่า คนที่โดนด่า แม่งจะทนอยู่ในสังคมได้ยังไงกันวะ
คือคนเรามันผิดกันได้ แต่ผิดนั้น ผิดแล้ว แก้ไข หรือยิ่งทำให้แย่ลงมากกว่า
การด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง วิจารณ์ในสิ่งที่เราไม่รู้จริง บางทีส่งผลเสียเยอะมากๆ
เราชอบคำที่คีย์บอกว่า
" ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้น "
ทุกคนแหละ.. ทุกคนในเรื่องที่ก็เป็นแบบนั้น และสังคมเราก็เป็นแบบนั้น เช่นกัน
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วยนะคะ ตอนนี้ดูสั้นๆ ยังไงเดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะค่าาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า
