ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 47
' ลาก่อน '
" ได้โปรด ช่วยผมทีเถอะครับ ได้โปรด ใครก็ได้ ช่วยผมที ช่วยผมด้วย " เสียงสุดท้ายที่พูดออกไปในตอนนั้นร่างที่กำลังจะเดินกลับไปก็เดินกลับมาเหมือนตัดสินใจได้ว่าควรช่วยเหลือผม มากกว่าจะปล่อยผ่านไปเสียเฉยๆ เค้าวิ่งมาแยกเราสองคนออกจากกัน เค้าดึงร่างสูงที่กำลังจับตัวผมไว้แน่นให้ลุกขึ้นยืน ผมที่ผ่อนลมหายใจ หลั่งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมหอบหายใจอยู่แบบนั้น หยุดน้ำตาของตัวเองไว้ไม่ได้เลย แม้เสียงรอบตัวตอนนี้จะเป็นเสียงตะโกนของหัวหน้าที่ต้องการจะบอกให้คนคนนั้นปล่อยเค้า
" ปล่อยกูสิวะ นี่มันเมียกู กูแค่จะเคลียร์กับมัน กูแค่จะเปลี่ยนบรรยายกาศเซ็กส์ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรต้องมาจับกู กูจะฟ้องเจ้าของโรงแรมว่าที่นี่เค้าบริการลูกค้ากันแบบนี้ มองไม่ออกเหรอวะ ว่ากูกับมันเป็นอะไรกัน ปล่อยสิวะ "
“ ผมว่าจะเป็นอะไรกันไม่สำคัญหรอกครับ แต่สำคัญที่ว่า คุณไม่สมควรมาทำแบบนี้ในที่สาธารณะ "
“ กูก็บอกแล้วว่าเปลี่ยนบรรยากาศ "
“ ไว้ไปคุยกันข้างในดีกว่านะครับ " พนักงานโรงแรมบอกปัด ก่อนจะหยิบเครื่องส่งสัญญาณติดตัวขึ้นมาเรียกคนอื่นให้มาช่วย " มาที่ด้านหน้าหาดด้วย เอาผ้าขนหนูมาผืนนึงนะ "
“ ปล่อยกูสิวะ จะจับอีกนานมั้ย " แรงสะบัดของเค้าแต่ไม่มีทีท่าว่าคนนั้นจะยอมปล่อย พนักงานคนอื่นที่ถูกเรียกเริ่มเดินมา ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกคลุมให้ผม เค้าบอกกับคนที่มาใหม่เป็นประโยคสั้นๆ
“ คุณคนนี้บอกว่า ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายเค้า "
“ ไม่เป็นไรแล้วนะครับ เข้าไปข้างในกันก่อนนะครับ " ผมพยักหน้ารับตอนที่ถูกพาเดินเข้าไปข้างใน ในระหว่างนั้นเค้าก็เอ่ยถามรายละเอียดทั่วไปของผม " แล้วไม่ทราบว่าคุณมาพักที่นี่คนเดียวรึเปล่าครับ "
“ เปล่าครับ มาสัมมนางานกับทางบริษัท "
“ คีย์ " เสียงเรียกชื่อผมที่ทำให้หันไปมอง หัวหน้าแผนกบุคคลขมวดคิ้วตอนที่เห็นท่าทางของผมที่ต้องมีคนพยุงเข้ามา เสื้อผ้าที่ขาดลุ่ย เธอเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ " นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี้ย "
“ คุณคนนี้มีเรื่องกับคุณคนนั้นครับ " พนักงานโรงแรมผายมือออกไปหาคนข้างหลังผมเธอก็ยิ่งเบิกตากว้างตกใจเป็นเท่าตัว
“ คุณธีร์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ แล้วคีย์ไหวรึเปล่า มานี่ก่อนมา มาพักก่อนนะ " เธอเข้ามาประคองผมเดินไปทางห้องสัมมนาที่ยังมีคนเหลืออยู่อีกไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะเป็นแค่หัวหน้าแผนกก็เท่านั้นที่ยังคงกินเหล้าสังสรรค์กันอยู่
ผมถูกดึงให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างในห้องผมที่ไม่กล้าแม้จะหันไปสบตาเค้า หัวหน้าแผนกบุคคลก็เรียกให้คนอื่นที่ยังเหลือเดินเข้ามาในห้อง สภาพของผมที่ทุกคนเห็นชวนให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย หนำซ้ำหัวหน้ายังโดนพนักงานของโรงแรมจับมือไขว้หลังไว้อีก
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ "
“ ผมไปเจอคนสองทั้งสองคนที่หน้าหาดของโรงแรมครับ คุณคนนี้ " เค้ามองมาทางผม " บอกว่ากำลังจะโดนผู้ชายคนนี้ข่มขืน ผมก็เลยช่วยไว้ครับ แต่ทางคุณคนนี้ให้การว่า เค้าเป็นสามีภรรยากับอีกฝ่ายแล้วก็บอกว่ากำลังมีเซ็กส์กันแบบเปลี่ยนบรรยากาศ "
“ อะไรนะ! " หัวหน้าแผนกบุคคลหลุดปากออกมา เค้ามองหน้าผมสลับกับหัวหน้า
“ เราก็แค่ทะเลาะกันเฉยๆ มันหลายเรื่องที่ทำให้ต้องคุยกัน แล้วคีย์เองก็ไม่ยอมฟังท่าเดียวแบบนั้นผมก็เลยคว้าตัวเค้าที่เดินหนีไว้จะอธิบาย แต่เพราะเค้าไม่ยอม เลยดึงแรงขึ้นจนเสื้อเค้าขาดมันก็เท่านั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเค้าสักหน่อย แล้วที่บอกกับพนักงานโรงแรมไปแบบนั้นก็แค่ไม่อยากจะให้เกิดเรื่องยุ่งๆขึ้นก็เท่านั้น คิดว่าพอบอกแบบนั้นแล้วเค้าจะเลิกยุ่ง ไม่คิดจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ "
“ มันเป็นอย่างงั้นเหรอคีย์ " เธอหันมาถามผม
“ พวกคุณเองก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าผมกับคีย์เป็นอะไรกัน แล้วก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเรามีปัญหาอะไรกัน มันก็เรื่องทั่วไปของคนที่มีความสัมพันธ์แบบนี้ "
“ ไม่ใช่ครับ!! " ผมตะโกนออกไป " ไม่ใช่ครับ! ไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น ไม่ได้เป็น เลิกเอาความสัมพันธ์จอมปลอมที่คุณเองเป็นคนปล่อยภาพพวกนั้น แล้วสร้างสถานการณ์ต่างๆหลอกผม หรือคนอื่นๆมาอ้างสักที สถานการณ์ที่ดูเหมือนคุณจะตกเป็นจำเลยแต่เปล่า คุณนั่นแหละคือผู้กระทำมันทั้งหมด!! “ เงยหน้ามองคนที่ยังคงเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดต่อหน้าคนอื่นแล้วโยนความผิดกรุเรื่องเป็นอีกเรื่องใส่ผม " เลิกทำเป็นคนดีที่น่าเชื่อต่อหน้าคนอื่นสักทีเถอะ ทั้งๆที่เมื่อกี้คุณเองก็กำลังจะข่มขืนผมอยู่แท้ๆ "
“ ห๊า ! " หัวหน้าแผนกอีกคนพูดเสียงเบาๆตอนที่ได้ยินคำพูดของผม
“ นี่คีย์ ฉันจะไปทำแบบนั้นทำไม เอาหลักฐานมาสิ "
“ ผมไม่มีหรอก หลักฐานอะไรพวกนั้น สิ่งที่มีก็แค่คำพูดของผมที่จะเล่าให้ทุกๆคนฟังหลังจากนี้แหละ เหตุการณ์ที่เมื่อกี้คุณเองก็เป็นคนเล่ามันให้ผมฟัง ว่าภาพหลุดพวกนั้นของผมกับคุณที่หลุดออกไปก็คือ ภาพที่คุณจ้างคนมาถ่ายภาพผมกับคุณในสถานที่ต่างๆ ที่คุณเองเป็นคนจัดสถานการณ์ไว้แล้ว แกล้งไม่ตรวจงานผมให้มีปัญหากับลูกค้าแล้วยื่นมือเข้ามาช่วย ให้ไปกินข้าวด้วยกัน ให้ไปขึ้นรถที่ใต้ห้าง ไปขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวเดียวกันในตอนเช้า จ้างให้คนมาลวนลาม แล้วทำทีว่าใจดีนั่งปลอบผม ทุกอย่างภาพที่ถ่ายออกมา คุณก็สร้างสถานการณ์มันทั้งหมดคุณที่พยายามทำให้ผมไม่เหลือใครแล้วทำให้ดูเหมือนคุณคือที่พึ่งคนเดียวที่มี เพื่อให้ผมประทับใจแล้วยอมเป็นเมียน้อยลับๆของคุณ คุณที่บีบบังคับให้มางานสัมมนานี้ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากมา ทั้งๆที่รองหัวหน้าเองก็บอกว่าจะมาแทน แต่คุณก็ยังดึงดันที่จะให้ผมมาด้วยกัน เพราะอะไร เพราะจะมาทำอะไรเหี้ยๆแบบนี้ไง!! " น้ำตาของผมไหลออกมา มันทั้งเจ็บ มันทั้งแค้นเป็นความรู้สึกในอกที่ระคนไปหมดทุกความรู้สึก
" นี่เหรอวะ งานผมต้องทุ่มเทให้ นี่เหรอวะ หัวหน้างานที่ผมต้องเชื่อฟัง คุณต้องการอะไรจากชีวิตของผมอีกวะ คุณหัวหน้า ตื่นนอนตอนเช้ามาทำงานให้กลับบ้านสองทุ่มเกือบทุกวันตลอดเวลาสามปีที่ทำงานมา พออยากจะเอาพนักงานออฟฟิศสักคนมาทำเมียแก้เงี่ยน คุณก็แกล้งทำสถานการณ์ช่วยเหลือบีบบังคับลูกน้อง ถ่ายภาพ แล้วทำเป็นบอกว่าภาพหลุด เพื่อให้ลูกน้องตกเป็นเมียน้อยจริงๆด้วยความรู้สึกที่โดนกดดดันจากเพื่อนร่วมงานที่คอยเอาแต่นินทาลับหลัง ผมที่ตอนนี้ไม่มีเหี้ยอะไรแล้ว คุณยังจะมาเอาอะไรจะผมอีกวะ รักงานไม่อยากโดนไล่ออก ทั้งๆที่ไม่อยากจะมางานสัมมนาเพราะแฟนไม่อยากให้มา เพราะแฟนรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการจะทำอะไรผม แต่ผมก็ดึงดันจะมา ไม่อยากจะโดนไล่ออก ไม่อยากจะหางานใหม่ นี่เหรอวะ สิ่งที่ผมได้รับ การที่คุณจะข่มขืนผมทั้งๆที่ผมเองก็หนีแล้ว ที่จะไม่นอนห้องเดียวกับคุณ หนีออกมาแล้วยอมจ่ายเงินตัวเองนอนห้องแยกจากคุณ แล้วตอนนี้ยังจะเอาอะไรอีก ยังจะเอาอะไรกับชีวิตของผมอีก กูแม่งไม่เหลือเหี้ยอะไรแล้ว จะเหลือก็แค่ความเป็นคนที่มึงกำลังจะพรากมันไปนั่นแหละ ตอนนี้แฟนก็ทิ้งไปแล้ว ยังจะมาเอาอะไรกับกูอีกวะ นี่เหรอวะ งานที่กูเลือกจะทุ่มเทให้ คือการที่หัวหน้าจะลากผมไปข่มขืนให้กินยาปลุกแล้วจะแบล็คเมล์ถ่ายวีดีโอเพื่อให้มาเอากันซ้ำๆ หนำซ้ำยังบอกกับยามที่มาช่วยชีวิตผมว่า เรื่องของผัวเมีย ไหนใครที่นี่บอกหน่อยสิครับ ผมเป็นเมียหัวหน้าเหรอ ผมแต่งงานกับหัวหน้าเราจดทะเบียนสมรสกันเหรอ เปล่าเลย กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงทั้งนั้น กูเป็นแค่ลูกน้องมึง ลูกน้องที่มึงสรรหาทุกวิธีจะปล้ำกูทำเมียไง ไอ้เหี้ย!! “
“ คีย์ใจเย็นๆ "
“ พูดอะไรออกมา ไม่มีหลักฐานแล้วใครจะเชื่อนาย ฉันทำงานที่นี่มานาน ถ้าจะเอาใครสักคนเป็นเมียอย่างที่นายบอก ก็ต้องทำกับคนอื่นด้วยสิ ทำไมต้องมาทำกับนายละ ทำไมต้องเอาภาพพวกนั้นที่มีฉันอยู่ในภาพออกไปให้คนอื่นมองฉันในแง่ร้าย นายจะบ้ารึเปล่า ใครจะทำร้ายตัวเอง แล้วนายเองไม่ใช่เหรอที่เล่นด้วยกับฉัน เวลาชวนไปกินข้าวด้วยถ้าไม่อยากไปก็ปฎิเสธสิ ไปทำไมละ "
“ แล้วไอ้หมาตัวไหน มันบอกละ ว่า ฉันช่วยนายไว้ คราวนี้ฉันไม่มีเพื่อนกินข้าวช่วยไปกับฉันหน่อย ตอบแทนที่ฉันช่วยนาย หมาตัวไหนมันพูดอะไรทำนองนี้ไว้ไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากจะให้โชว์อีเมล์ กูโชว์ตอนนี้เลยก็นะ ทุกคำพูดที่มึงพูดเลย " ผมหยิบมือถือออกมาจากกางเกง ตอนที่กำลังเปิดออกหัวหน้าที่เบิกตากว้างด้วยความตกประหม่าก็พูดขึ้นมา
“ ผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องภายในของเราไม่ดีกว่าเหรอครับ หัวหน้าแผนกบุคคล จะให้คนนอกเข้ามารู้ด้วยจะดีเหรอ " เค้าว่าพลางเชิดไปทางพนักงานโรงแรมที่ยืนอยู่เหมือนออกนอกเรื่อง
“ อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ หัวหน้าแผนกบุคคลยังไม่ได้อ่านเมล์ที่คุณส่งมาชวนผมไปกินข้าวเลยนะ "
“ ผมขอเรียนให้ลูกค้าทราบด้วยนะครับว่า เพราะเรื่องนี้เกิดเหตุในบริเวณของโรงแรมข้อเท็จจริงทั้งหมด เราขอเข้าร่วมฟังเพื่อรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย "
“ อย่างงั้นคีย์จะอธิบายเรื่องราวพวกนั้นให้เราได้มั้ยละ " หัวหน้าแผนกก้มลงมาถามผม " หรือว่าอยากจะนั่งพักสักหน่อย "
“ เล่าเลยก็ได้ครับ " พยักหน้ารับเธอก่อนจะถอนหายใจออกมา เรื่องราวที่เล่าออกไปเหมือนผมกำลังเดินไปอยู่ในจุดเดิมนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกที่หวนกลับมา ผมมองลงต่ำตอนที่กำลังเล่าเรื่องทุกอย่างออกจากปากของตัวเอง ไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะถ้าไม่พูดออกไปก็ไม่ได้ ถ้าไม่พูดก็เหมือนปล่อยให้เค้าได้ใจจะทำอะไรก็ได้ ทุกอย่างมันควรจบลงไปได้แล้ว ถ้าจบด้วยดีไม่ได้ก็จบแบบเกลียดกันไปเลย
“ ถ้าแบบนั้น ที่ตัวของคุณธีร์ต้องมีขวดยานั่นอยู่สิ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอก " คีย์บอกว่าคุณธีร์พยายามใช้ยาปลุกกับเค้าถูกมั้ยคะ แบบนั้น หลักฐานเดียวที่มีตอนนี้ก็คือ ขวดยานั่น "
“ งั้นทางนี้จะขออนุญาติค้นตัวนะครับ "
“ แล้วก็ช่วยไปค้นที่ที่เกิดเหตุด้วยนะคะ อ้อ! ช่วยหาระหว่างทางเดินที่เดินไปด้วยนะคะ " หัวหน้าแผนกบุคคลเสริม ทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยก็แยกย้ายกันออกไปเป็นสองส่วน
“ คุณหัวหน้าแผนกบุคคลดูเหมือนจะเชื่อคีย์ตั้งแต่ยังไม่ได้ถามผมเลยนะว่า เรื่องราวของผมมันเป็นยังไง "
“ ฉันแค่ไม่อยากจะให้ใครพ้นผิดค่ะ ถ้าผิดจริง แล้วก็ถ้าไม่ผิดจริงๆก็ไม่อยากจะให้ใครมาปรักปรำใครด้วยเหมือนกัน " เธอยิ้มบอกอีกคนก่อนจะหันมากระชับผ้าขนหนูที่คลุมตัวผมอยู่
“ ไม่เจอที่ตัวของผู้ชายคนนี้ครับ " พนักงานของโรงแรมบอก ผมก็ถอนหายใจออกมา ก็คิดว่าคงไม่ได้อยู่ที่ตัวหรอก คงทิ้งไปแล้วหรือไม่ก็ตกอยู่ตรงที่เกิดเหตุเพราะตอนนั้นผมเองก็ดิ้นแรงมากเพราะกลัวจะโดนให้กินมันจริงๆ ผมหลับตาลงภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจตัวเอง เพราะผมพูดความจริงก็ขอให้มีหลักฐานมามัดตัวผู้ชายคนนี้เถอะ ขอให้พนักงานของโรงแรมที่ไปหาเจอขวดยานั่น หรืออะไรก็ได้ที่เป็นหลักฐาน
“ หายไปนานจัง " อาจเพราะมันล่วงเวลาไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ข้างนอกมืดขนาดนั้นไม่แปลกหรอกที่จะหาไม่เจอหรือหายากไปสักหน่อย
“ ก็มันไม่มี ที่คีย์พูดก็เรื่องตอแหลทั้งนั้น ใครจะบ้าเปลี่ยนบรรยากาศไปเอากันหน้าหาดวะ คิดสภาพถ้ามีใครเดินไปเดินมาไม่อุบาทตาตายรึไง "
“ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะทำอะไรตรงนั้นนะ ถ้าคีย์พูดจริงๆ ฉันคิดว่าคุณคงแค่ให้เค้ากินยานั่น แล้วพอกินเสร็จก็ค่อยขึ้นห้อง ฉันคิดว่าเรื่องราวมันน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า " หัวหน้าแผนกบุคคลเสริม หัวหน้าก็หัวเราะ
“ ดูละครมากไปรึเปล่าครับนั่น "
“ เจอแล้วครับ ไม่ทราบว่าใช่อันนี้รึเปล่า " ประตูห้องที่เปิดออกมาพร้อมกับชายร่างสูงสองสามคนที่เดินตามเข้ามาด้วย ขวดยาแบบหลอดเล็กๆสีขาวไม่มีฝา แถมที่หัวก็เปื้อนทราย ทุกอย่างอยู่ในถุงพลาสติกแบบใส " ไม่มีกลิ่นนะครับ " เค้าบอกก่อนจะดมมัน " ผมเจอมันตกอยู่ตรงที่เกิดเหตุในกองทราย "
“ แต่มันอาจจะเป็นขยะที่มีคนมาทิ้งไว้ก็ได้ อาจจะเป็นแค่ขวดยาหยอดตาธรรมดา "
“ จะให้ทางเราส่งไปตรวจมั้ยครับ "
“ รบกวนด้วยนะคะ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอกก่อนที่เธอจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเหมือนคิดขึ้นมาได้ " คือ ขอแบ่งใส่ถุงเล็กๆให้ทางเราด้วยได้มั้ยค่ะ ฉันอยากจะให้ทางโรงแรมช่วยตรวจ แล้วก็ทางเราก็ส่งตรวจด้วย อยากจะให้ความเท่าเทียมกันนะคะ เพราะเราคงไม่ได้ส่งไปตรวจที่เดียวกัน เพื่อผลที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่ผิด เพราะฉันจะไม่มีวันปล่อยคนผิดให้ลอยนวลแน่ๆ ฝากด้วยนะคะ "
“ ได้ครับ "
“ คุณธีร์มีอะไรจะพูดมั้ยคะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคีย์พูดเป็นเรื่องจริง คุณทำแบบนั้น หรือว่า ไม่ได้ทำคะ "
“ คุณที่เชื่อคีย์ไปแล้ว ยังจะหันมาถามผมทำไม "
“ ฉันพร้อมฟังคำพูดของคุณเสมอค่ะ คุณทำหรือไม่ได้ทำพูดออกมาเลยค่ะ "
“ ผมไม่ได้ทำ " เค้าพูดเสียงหนักแน่นหัวหน้าแผนกบุคคลก็พยักหน้ารับ
“ แล้วถ้ายาที่เอาไปตรวจผลออกมาเป็นยังไง ทุกคนในที่นี่เป็นพยานนะคะ ว่าคุณธีร์หัวหน้าแผนกออกแบบบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ส่วนคีย์เองก็บอกว่าหัวหน้าแผนกของเค้าเป็นคนทำ ฉันขอให้ตรวจลายนิ้วมือด้วยนะคะ ถ้าทำได้ ตรวจทุกอย่างให้หมด ฉันอยากจะหาความจริง เพราะเรื่องนี้มันร้ายแรงมากกว่าจะปล่อยเอาไว้ ถ้าคีย์โกหกเค้าก็โกหกแบบร้ายแรงเป็นการใส่ร้ายคนอื่นจนเสียชื่อเสียง ส่วนคุณธีร์ถ้าทำจริงๆการกระทำแบบนั้นที่คิดทำร้ายคนอื่นก็เกินกว่าจะปล่อยไว้ได้เหมือนกัน "
ผมผ่อนลมหายใจออกมากระชับผ้าขนหนูที่ตัวเองห่มอยู่ก่อนจะผ่อนลมหายใจ น้ำตาที่ไหลออกมาผมถามตัวเองตอนที่มองเค้าว่า นั่นเหรอวะ คือคนที่ตลอดมาเราเคยแอบหลงรัก ผู้ชายใจดีที่เราหวั่นไหวไปกับทุกอย่างของเค้า ใบหน้า คำพูดและทุกอย่าง ผู้ชายที่เราเคยนอกใจแฟนมาหวั่นไหวไปกับความรู้สึกอ่อนโยนทั้งๆที่ทุกอย่างมันก็แค่ฉากละครที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งจอมปลอมและโสโครก ความคิดที่เค้าพูดออกมา แย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานตัวนึงจะคิดได้
' แต่ต่อไปนี้มึงไม่ต้องกลัวนะ มึงจะได้เป็นของกูไปตลอดแน่ๆ เพราะกูจะเอามึง จะเอาจนกว่ากูจะพอใจ จะเอาจนกว่าจะหายเงี่ยนเลยแหละ แต่กูเจอเด็กใหม่ กูก็จะไปเอาเค้า พอเบื่อเค้าก็กลับมาเอามึง มึงว่าแผนนี้เป็นไง มึงจะได้ตกนรกไปพร้อมๆกับกูไง' กอดตัวเองแน่นตอนที่คิดถึงคำพูดนั้น ผมเม้นริมฝีปากของตัวเองความรู้สึกในร่างมันปั่นป่วนอยากจะอ้วก หรือไม่ก็อยากจะลืมๆมันไปด้วยการกินยานอนหลับสักแผง แต่ก็กลัวเหลือเกิน กลัวแม้แต่ตอนที่จะหลับตาลงกลัวว่าช่วงเวลาที่ไร้สติแบบนั้นเค้าจะกลับมา จะมาทำเรื่องอย่างว่า จะมาทำเรื่องที่เค้าต้องการจะทำอีก
“ แล้วเรื่องของคุณคนนี้จะให้ผมทำยังไงครับ "
“ ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน ก็ต้องปล่อยไปก่อนสิ " หัวหน้าพูดออกมาก่อนจะมองหน้าหัวหน้าแผนกบุคคล " ว่าไงครับ คุณไม่มีหลักฐานนะ "
“ ก็ปล่อยเค้าไปก่อนเถอะค่ะ เพราะว่ามันไม่มีหลักฐาน " เค้าสะบัดแขนตัวเองออกจากการจับกุมตอนที่หัวหน้าแผนกบุคคลพูดออกมาแบบนั้น เธอหันมามองผมก่อนจะก้มตัวลงมาใกล้ " คีย์กลับห้องกันเถอะ ฉันจะไปส่งนายเองนะ "
“ ครับ " พยักหน้ารับคำพูดของเธอ ผมก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั้น เราเดินไปเงียบๆตามทางเดินของโรงแรมแต่อยู่ๆหัวหน้าแผนกบุคคลก็ถามผมขึ้น
“ คีย์ "
“ ครับ "
“ ฉันรู้ว่านายยังไม่โอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอถามจริงๆเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นมาจริงใช่มั้ย คุณธีร์ทำแบบนั้นจริงๆนะเหรอ "
“ ครับ เค้าทำแบบนั้น " ผมหันไปบอกเธอที่ก็ถอนหายใจออกมา " ผมไม่กลัวเลยเรื่องพิสูจน์หลักฐานอะไรนั่น ผมหวังว่าขอให้ขวดยานั้นเป็นขวดจริงๆที่เค้าใช้ ขอให้มีลายนิ้วมือของเค้า ขอให้ทุกอย่างเป็นหลักฐานที่มัดตัวเค้า เป็นหลักฐานว่าตัวผมไม่ได้พูดโกหก ผมไม่เหลืออะไรแล้วครับหัวหน้า ตอนนี้ไม่มีงานที่อยากไปทำ ไม่มีคนที่รัก เพราะงั้นขอให้ความเป็นคนของผม มันยังหลงเหลืออยู่เถอะ "
“ ฉันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนะ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม "
“ ขอบคุณครับ "
“ แล้วอยากจะลาพักงานหน่อยมั้ย ถ้าไม่ไหวยังไงไปบอกฉันที่แผนกได้ทุกเมื่อเลยนะ ฉันจะลางานให้นายเอง ไปพักผ่อนสักหน่อยเพราะดูท่าทางว่าเรื่องวันนี้คงทำให้นายถูกพูดถึงไปทุกแผนกอีกแน่ๆ " ผ่อนลมหายใจออกพลางหยักหน้าตอนที่อีกคนฝ่ายพูดแบบนั้น เธอยกมือขึ้นตบไหล่ผมผ่อนลมหายใจออกมา เราก็ต่างรู้ดีว่าเรื่องการถูกนินทาไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งแล้วยิ่งกว่าใครจะยับยั้งได้ทัน ต่อให้บอกว่า อย่าพูดกับใคร แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงอยู่ดี ไม่มีวันเก็บเงียบได้หรอก " พรุ่งนี้ฉันจะมารับนายแล้วกัน เราลงไปกินข้าวด้วยกัน แล้วก็กลับด้วยกัน นายกลับกับฉันนะ "
“ ครับ ขอบคุณมากครับ "
“ มีอะไรบอกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ "
“ ครับ " ตอบรับเธออีกครั้งแต่ท่าทางที่ไม่สบายใจของเธอก็ฉายชัดอยู่ที่หน้าว่าเป็นห่วงความรู้สึกของผมมากแค่ไหน
“ ขอโทษนะคีย์ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ พยักหน้ารับคำพูดนั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ พักผ่อนซะละ อย่าคิดมากนะ " เธอบอกก่อนจะยกมือลาแล้วเดินออกไป ผมเสียบคีย์การ์ดเดินเข้าไปในห้อง ล๊อคทุกอย่างอย่างดีก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงของตัวเอง
ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่หลับตาคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดก็ทำได้แค่เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น เอื้อมมือไปกอดตัวเองฝืนกลืนน้ำลายด้วยความกลัวก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปอาบน้ำในที่สุด อยากจะชำระสัมผัสทุกอย่างออกไปจากร่างกายให้หมด ผมถูสบู่ไปตามเนื้อตัว ขยี้มันแดงๆจนแดงไปหมดด้วยความโกรธ โกรธที่ทุกอย่างมันต้องมาเป็นแบบนี้ โกรธที่ตอนนั้นเลือกงานมากกว่าฟานที่บอกว่าให้เลือกเค้า โกรธที่ตัวเองบอกปัดความต้องการของฟานแล้วดึงดันที่จะมาทำงานนี้ โกรธที่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวผมเลือกมันคือทางที่ผิดแล้ว
ย่อตัวลงนั่งใต้ฝักบัวที่เปิดน้ำให้ไหลอยู่แบบนั้น เหมือนกับน้ำตาที่ไหลออกมาก็เช่นกัน เพราะว่ากลัวไปหมดทุกอย่างก็เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง กลัวว่าจะไม่มีงานทำ กลัวว่าฟานจะทิ้ง แต่สุดท้ายงานก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยากจะกลับไปทำอีก ส่วนฟานเองก็ไม่ได้อยู่เพื่อฟังคำแก้ตัวใดๆของผม ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปจะยังเห็นไอ้ลูกหมาตัวนั้นอยู่ในห้องเหมือนกับทุกทีมั้ย ไม่รู้ว่าถ้าไปขอโทษเค้าจะกลับมามั้ย ถ้าอธิบายทุกอย่างให้ฟัง ไม่รู้ทุกอย่างของเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย ผ่อนลมหายใจออกผมคิดถึงข้อความที่ส่งไปหาเค้า โทรศัพท์ที่โทรไปหาแต่ก็ไม่มีปลายสายตอบกลับมา จนได้แต่คิดว่า บางทีก็ไม่ควรหวังอะไรแบบนั้นอีกแล้ว เพราะเค้าคงไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่ในที่ที่ผมจะกลับไปเจอได้อีกแล้ว
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่นอกห้องผมรีบปิดน้ำก่อนจะวิ่งออกมาเพราะคิดว่ามันจะเป็นสายสำคัญแต่นั่นก็ไม่ใช่ เบอร์ที่หน้าจอเป็นเบอร์ของลิปที่โทรเข้ามา ผ่อนลมหายใจผิดหวังออกมาตอนที่ไม่ใช่สายของฟาน ก่อนจะเอื้อมไปกดรับ
“ ลิป "
“ เป็นยังไงบ้าง " ผมผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่เค้าถามแบบนั้น นั่งลงบนเตียงช้าๆอย่างไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ปากก็อยากจะเล่าแต่ตอนนี้มันไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร อยากจะลืมไปก่อน " คีย์ "
“ เกิดเรื่องขึ้นน่ะ ไว้พรุ่งนี้ไปทำงานจะเล่าให้ฟังนะ "
“ แล้วโอเครึเปล่า "
“ อื้ม ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะพูดอะไรนะ ขอฉันพักสักแปปเถอะนะ "
“ ได้สิ ถ้ามีอะไร ไม่ไหวยังไงก็โทรมาแล้วกันนะ "
“ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ลิป "
“ อื้ม ก็นายเพื่อนฉัน แค่นี้แหละ เจอกัน" เค้ากดวางสายผมเองก็ถอนหายใจออกมาอีก มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีสายสำคัญโทรมาหรือแม้แต่ข้อความสักข้อความ ฟานไม่แม้จะเปิดอ่าน ผมกดโทรศัพท์หาเค้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ยินเสียงรอสายแล้วแต่เป็นเสียงปิดเครื่องแทน " ปิดเครื่องไปแล้วอย่างงั้นเหรอ "
ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างพลิกตัวไปมาทั้งๆที่ผมยังเปียกและตัวก็ยังชื้นไปด้วยหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามตัว มองดูเพดานขาวว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกจะอยากทำอะไรหลังจากนี้ ไม่มีงานที่อยากจะไปทำ เหมือนแค่อยากจะนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไม่ได้อยากจะทำอะไร ปล่อยให้เวลามันผ่านไปช้าๆ ทรมานกับความรู้สึกทุกอย่างที่กัดกินหัวใจ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เรื่องในอดีต แล้วก็ เรื่องที่ไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไง
.......................................................
ลุกขึ้นจากเตียงจากเตียงในเช้าวันใหม่ ที่นอนไม่หลับเลยไปทั้งคืน ผมจัดเสื้อผ้าเตรียมตัวจะไปเช็คเอ้าท์ก่อนเสียงประตูห้องจะดังขึ้น มองผ่านตาแมวที่ประตู ข้างหน้าเป็นหัวหน้าแผนกบุคคลที่ก็มาหาตั้งแต่เช้า
“ ครับ หัวหน้า " ผมเปิดประตูขานรับเธอก็ยิ้ม
“ เสร็จรึยัง เตรียมตัวกลับกันเลยมั้ย "
“ ครับ เสร็จแล้วครับ " ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเช็คทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเธอออกมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบผมจัดการเช็คเอ้าท์โรงแรม ทุกคนที่แยกย้ายกันไปกินอาหารเช้าก่อนจะเตรียมตัวกลับแต่ผมกับรู้สึกไม่อยากจะกินอะไร อาจเพราะหัวหน้าตัวเองก็กำลังกินข้าวอยู่ในนั้นเลยชวนให้ทุกอย่างมันดูไม่น่ากินไปหมด
“ คีย์ เสร็จแล้วเหรอ " หัวหน้าแผนกบุคคลเดินมาบอก " แล้วนี่จะกินอะไรรึยัง "
“ ผมไม่หิวครับ กลับกันเถอะครับ "
“ งั้นก็กลับกันเลย " เธอพยักหน้ารับก่อนจะชวนให้น้องในแผนกที่พามาด้วยขึ้นรถไปพร้อมกัน
ในรถที่เงียบเชียบมีคำถามมากมายถามไถ่ผมแต่เพราะไม่อยากจะตอบอะไรและหัวหน้าแผนกเองก็เข้าใจอยู่แล้วเลยไม่เซ้าซี้จะถามอะไรต่อ เธอขับรถมาส่งผมถึงคอนโด ตอนที่เปิดประตูรถลงผมก็ขอบคุณเธอ
“ ขอบคุณที่มาส่งนะครับ "
“ ไม่เป็นไร " เธอว่ายิ้ม " แต่คีย์ มีอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้าอยากจะพักสักหน่อยก็บอกได้เลย ฉันจะให้นายพักเป็นกรณีพิเศษ ไม่โอเคไม่ต้องฝืนหรอกนะ "
“ ครับ ขอบคุณมากครับ " พยักหน้ารับเธออีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นคอนโดของตัวเองไป ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่กดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้อง ในใจลึกๆที่คาดหวังเอาไว้ว่า จะมีใครสักคนที่ติดต่อไม่ได้มาสองวันยังคงอยู่ในนั้น อาจจะแค่งอนก็เลยไม่รับโทรศัพท์กัน ไม่ตอบไลน์
ไขกุญแจเข้าไปในห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบกับความจริงที่ว่าสิ่งที่คาดหวังไว้ ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกอย่างดูว่างเปล่ามันเป็นแค่ห้องว่างเปล่า เหมือนห้องของผมตอนที่ยังไม่มีฟานเข้ามาอยู่ วางกระเป๋าลงตรงนั้นผมเดินเข้าไปในห้องนอนไม่มีใครอยู่ในนั้น ตู้เสื้อผ้าไม่มีเสื้อผ้าของเค้าแขวนอยู่ ในห้องน้ำของใช้ส่วนตัวก็มีแค่ของผม แชมพูกลิ่นของฟานไม่มีแล้ว ที่โกนหนวดของฟานก็ไม่มี แปรงสีฟันของเค้า หรือแม้แต่อะไรที่บ่งบอกว่าเค้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีสักอย่าง ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว แม้แต่หนังสือสักเล่มที่เป็นของเค้าก็ไม่มี
ผมหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนโลกทั้งใบก็หยุดหมุนไปด้วย มองไปรอบๆห้องของตัวเองก่อนจะสะดุดกับกุญแจห้องที่ห้อยตัวเอลโม่สีแดงอยู่ มันที่ตั้งไว้บนเค้าเตอร์ในครัว ไม่มีโน๊ตอะไร แต่ทุกอย่างก็เหมือนเป็นคำตอบที่บอกผมได้อยู่แล้วว่าสิ่งที่รู้สึกตอนนี้คืออะไร คำบอกลาสุดท้ายที่เค้าให้ผมไว้
' ลาก่อน.. และเค้าจะไม่กลับมาที่นี่ อีกแล้ว '
..................................................
ลาก่อนน้องฟาน

ที่เราเขียนตอนที่ 45 มีคนบอกว่าน้องฟานให้อภัยคีย์ เรื่องนอกใจทำไม ไม่โอเคเลย
คือขออธิบายนิดนึง ในบทเราเขียนให้น้องฟานเหมือนรั้งคีย์ไว้ทุกอย่าง ขอแค่คีย์ไม่ไปงานสัมมนา แต่ในเมื่อคีย์ดึงดันจะไป ก็ไป แต่อย่าที่ฟานบอก " ไปแล้ว อย่ากลับมา " ตอนนี้น้องฟานก็ทำอย่างที่พูดแล้วนะจ๊ะ
คือถ้ามึงไปแล้ว ก็อย่ากลับมา กลับมาที่เดิม กูก็ไม่อยู่แล้ว บัย~~~
พี่คีย์ได้รับกรรมหนักแน่ค่ะ เผลอๆหนักกว่าที่นางทำฟานอีก ถ้ามองในมุมว่า ฟานรักแรงเกลียดแรง
ละก็นะ พล๊อตนี้หนมคิดไว้ตั้งแต่เริ่มเขียน หวาน และ ดราม่า หวานก็หวานสุด ดราม่าก็ดราม่าสุดๆ
ยังไงให้กำลังใจกันด้วยนะเด้อออออ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าาาา ม๊วฟฟฟฟ