ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 43
' เมียน้อย '
ลืมตาตื่นเช้าขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ดวงตาแดงที่บวมกล่ำจากการร้องไห้หนักเมื่อคืนทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน และขอโทษ หรือแม้แต่การโดนกระทำแบบหนักหน่วงที่รู้สึกจุกแน่นที่ช่วงท้องไม่น้อยแต่มันก็สมควรกับคนอย่างผมที่ได้รับมัน ความเสียใจของเค้าเจ็บร่างกายแค่นี้บางทียังเหมือนเหมือนจะน้อยไป สารภาพความจริงกับฟานออกไปทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังเห็นแก่ตัวเรื่องความรู้สึกของตัวผมที่มีต่อหัวหน้าที่ยังไม่กล้าจะสารภาพออกไป กลัวเหลือเกินว่าจะถูกทิ้ง กลัวว่าเค้าจะไปถ้าได้รับรู้มันทั้งหมด ความหวั่นไหวของผมที่มีให้ผู้ชายคนนั้น
ผมผ่อนลมหายใจออกมานั่งนิ่งอยู่บนเตียงตัวเองอยู่นาน ไม่อยากจะลุกไปไหน ไม่อยากจะไปทำงาน ไม่อยากจะสบสายตาของคนที่มองมาด้วยสายตาติติงพวกนั้น ไม่อยากจะได้ยินเสียงกระซิบที่ว่ากล่าวแล้วชี้ชวนให้หันมามองเค้าเหมือนตัวประหลาด ' นั่นไง เมียน้อยของหัวหน้าแผนกออกแบบที่โดนเมียหลวงแฉด้วยการส่งเมล์ไปทั่วแผนกเลย '
คำว่า ' เมียน้อย ' ที่ติดอยู่บนตัวผมตอนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรกับเค้า ทั้งๆที่แค่กินข้าว คุย ยังไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมอะไรกันถึงขั้นกอดจูบ แต่กลับได้คำว่าเมียน้อยมาติดไว้ทั่วตัวเสียแล้ว เพราะแค่มีภาพพวกนั้นหลุดออกมา ภาพที่ในนั้นมีแค่ผมกับเค้าภาพที่บอกเรื่องราวว่าที่ไหน แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไม ไม่ได้บอกว่า เพราะอะไร ภาพที่บอกไม่ได้ ถึงความรู้สึกของคนในภาพ ทั้งตอนที่ถูกถ่ายภาพ และทั้งตอนนี้
“ ตื่นแล้วเหรอครับ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนตอนที่หันไปมองผมก็ยิ้มจางๆ ฟานขยับตัวเข้ามาใกล้อาจเพราะถ้าเป็นในเวลาปกติผมคงรีบอาบน้ำแต่งตัว กินกาแฟสักแก้วแล้วออกไปทำงาน แต่ตอนนี้กลับนั่งๆอยู่บนเตียง
“ ทำไมยังไม่อาบน้ำไปทำงานอีกละครับ เดี๋ยวสายนะ "
“ ฉันไม่ค่อยอยากไปน่ะ " บอกอีกคนแบบนั้น ก่อนจะเอนตัวเองดึงอีกคนมากอดเค้าไว้ " อยากจะอยู่เฉยๆ สักพัก "
“ เพราะเรื่องนั้นสินะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับช้าๆ เรื่องที่ตอนนี้กระจายไปทั้งบริษัท เมล์แปลกๆฉบับนึงถูกส่งเข้ามาในอีเมล์ของทุกคนในแผนกของเรา ทุกคนที่เห็นภาพนั้นบ้างก็แค่ดู แต่ถ้าเป็นพวกขาเม้าส์ก็เซฟหลักฐานทั้งหมดเอาไว้ แล้วส่งเข้ามือถือตัวเอง จากนั้นก็ต้องต่อไปทั่วเพื่อเม้าส์มอยกันแบบสนุกสนาน ไม่มีเรื่องราวมีแค่ภาพแต่คนที่ดูกับปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้ราวกับฟังมาจากปากของผม บ้างก็บอกว่า แอบคบกันมานานแล้ว มีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว บ้างก็บอกว่าเพราะผม หัวหน้าก็เลยทะเลาะกับเมียและทิ้งลูกมาอยู่กับผม แล้วบางคนก็บอกว่าผมยั่วยวนหัวหน้าใช้มารยาทุกอย่างหลอกล่อให้เค้าติดกับ วางแผนสร้างสถานการณ์ ทำทุกอย่าง ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลย แต่ไม่มีใครกล้าจะเข้ามาถามผมตรงๆสักคน ทุกคนต่างพูดไปในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมา และเสริมต่อเรื่องราวตามอรรถรสให้การพูดคุยสนุกสนานมากขึ้น ทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่า ความสนุกสนานนั้นกำลังฆ่าผมให้ทรมานและอยากจะตายมากขึ้นช้าๆ
“ ไม่อธิบายให้คนอื่นฟังละครับ "
“ อธิบายยังไงเหรอ " ผมหันไปถามอีกคน " เขียนอีเมล์ส่งไปหาทุกคนในแผนกเหรอ หรือว่าบ่นลงเฟสบุ๊คดี เค้าไม่ใช่นายหรอกฟาน่ที่จะมานั่งฟัง นั่งเถียงกับฉัน ไม่มีใครมองหน้าฉันด้วยซ้ำแต่ทุกคนก็เอาแต่ซุบซิบนินทากันแต่เรื่องของฉัน "
“ อยากจะออกจากงานมั้ยครับ "
“ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ "
“ อื้ม ถ้าเกิดว่าไม่ไหว ก็ลาออกเถอะ หางานใหม่ หรือไม่อาจจะทำพรีแล๊นซ์ค่าใช่จ่ายไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยออกให้เอง ถ้าคุณโอเคแล้วละก็ "
“ ฉันจะลองพยายามอดทนกับมันก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหว ยังไงจะบอกนะ " เงยหน้ามองอีกคน ที่ส่งสายตาเชิงเป็นห่วงมาให้ " ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันแค่ต้องรับผลกรรมที่ฉันก่อมันขึ้นมากับนาย โทษฐานโกหกแล้วไปกินข้าวกับคนคนนั้นแค่สองคน "
“ คุณคีย์ "
“ แค่นายฟังฉันอธิบายก็พอแล้วละ คนเดียวที่ฉันอยากจะให้ฟังคำอธิบายของฉันมีแค่นายเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพอเรื่องเงียบก็คงเลิกพูดไปเองนั่นแหละ " ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมา หันมองใบหน้าคมที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว ผมรู้ว่าฟานยังไม่เชื่อใจผม แต่นั่นก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ทำ โชคดีแค่ไหนที่เค้ายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ตรงหน้าผม ทั้งๆที่จริงภาพที่ออกมาชัดขนาดนั้นเค้าอาจจะไม่ฟังแล้วทิ้งผมไปเลยก็ได้
นั่งรถไฟมาทำงานพร้อมกันสองคนผมเดินช้าๆจากสถานีมาถึงหน้าบริษัททุกสายตาที่จับจ้องผม ทั้งผมทั้งคนข้างๆทั้งๆที่ปกติไม่เคยมีคนที่จับจ้องเราชนาดนี้ เสียงซุบซิบที่จับกลุ่มกันพูดถึงผม หยุดเดินลงแค่นั้นฟานก็ก้มลงมอง
“ ส่งแค่นี้ก็พอ ขอบคุณนะ "
“ คุณโอเคนะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าเบาๆก่อนจะส่งยิ้มไปให้ " ทำไมจะไม่โอเคละ ฉันเข้มแข็งจะตายไป "
“ ไว้ตอนเย็นเจอกันนะ ผมจะมารับ "
“ อื้ม เจอกัน " บอกเค้าแบบนั้นก่อนจะหันหลังเดินเข้าบริษัท รอยยิ้มของผมที่ค่อยหุบยิ้มลง พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา หรือเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้น ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ผมยืนนิ่งเพื่อต่อคิวขึ้นลิฟต์เหมือนทุกวัน เงยหน้ามองเงาสะท้อนที่ฉายภาพของตัวผมที่มีคนรอบข้างมองมาแล้วเอาแต่ชี้และนินทา ผู้ชายบางคนที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าโดนแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆกัน กระชากก่อนจะตี
“ มองทำไมอยากจะไปจีบมันมาเป็นเมียน้อยเหรอ " เธอว่าแบบนั้นผู้ชายก็หันไปดุ
“ จะบ้ารึไง แค่คิดว่าใช่คนเดียวกับในภาพรึเปล่า "
“ ก็ใช่นะสิ " บทสนทนานั้นจบลงพร้อมกับลิฟต์ที่มาถึงพอดี ผมเดินเข้าไปด้านในกดชั้นของตัวเองเรียบร้อย เพราะยืนอยู่ตรงกลางเลยยิ่งเด่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีใครกล้าจะเดินมาเบียดเลยสักนิด แม้แต่น้องในแผนกก็ยังทำเป็นไม่รู้จักกัน
“ เมื่อเช้าเห็นเด็กผู้ชายหน้าตาหล่อๆมาส่งด้วย ไม่รู้เป็นอะไรกันนะ "
“ กิ๊กเด็กละมั้ง แบบว่าควงมาปิดเรื่องคาวๆของตัวเองไง ฉันมีแฟนแล้วนะ ไม่ได้เป็นเมียน้อยชาวบ้านสักหน่อย "
“ เด็กผู้ชายหล่อซะด้วย น่าจะซื้อมา " ผมถอนหายใจออกมากับเสียงนินทาของพวกเธอที่คงรู้ตัวก็เลยเงียบเสียงไป ลิฟต์หยุดที่ชั้นของผมตอนที่เดินเข้าไปในข้างใน ผมเอ่ยทัก
“ อรุณสวัสดิ์ " แต่ทว่ากลับไม่มีใครทักตอบกลับมาเลยสักนิด ทุกคนแค่มองก่อนจะหันกลับไปจับกลุ่มคุยกันเหมือนเดิม ผ่อนลมหายใจแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้น วันนี้อยากจะตั้งใจทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด ฟานเลิกงานหกโมงอยากจะกลับบ้านพร้อมกัน ไม่ก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันสักอย่าง ชอปปิ้งหรือทำอะไรที่มันสบายใจ
“ คีย์ อรุณสวัสดิ์ "
“ อรุณสวัสดิ์ลิป " หันไปมองคนทักที่นั่งลงข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมา " เป็นยังไงบ้าง วันนี้กินอะไรยัง "
“ ยังเลยไม่ค่อยหิวน่ะ " ผมบอกยิ้มๆ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะคว้ามือผมไปจับ
" ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็จะอยู่ข้างๆนายเอง คนอื่นจะว่ายังไงก็ช่างมันเถอะ สุมหัวนินทากันได้เดี๋ยวมันก็เลิกนินทากันไปเองแหละ ยังไงฉันก็เป็นเพื่อนนายนะ "
" ขอบใจนะลิป ขอบใจจริงๆ " ทั้งหมดในบริษัทก็เหมือนจะมีแค่คนคนนี้ละมั้งที่ไม่ได้ร่วมนินทาผมไปกับคนอื่น อาจเพราะลิปรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว และก็รู้ดีกว่าใคร
“ ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะ ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่แล้ว กังวลก็แต่นายเถอะ ฉันกลัวนายทนไม่ไหวมากกว่า วันนี้ตอนเดินขึ้นมาที่แผนกมีแต่คนเค้าคุยกันแต่เรื่องของนาย แถมไม่มีเรื่องจริงสักเรื่องเลย พอเห็นฉันสนิทกับนายเข้าหน่อยก็หันมาซุบซิบว่า ฉันเป็นเพื่อนกับนายน่าจะมีส่วนรู้เห็น ทำเหมือนกูขายยาบ้าอย่างงั้นอะ "
" ขอโทษนะ นายเหมือนพลอยลำบากไปด้วยเลยวะ "
“ ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจอีพวกชอบเม้าส์หรอก ฉันสนใจนายมากกว่า หัวหน้าพูดอะไรกับนายบ้างรึยังไง " ส่ายหน้าไปให้เค้า ตั้งแต่วันนั้น หัวหน้ายังไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำเลย ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษหรืออะไรทั้งนั้น ลิปถอนหายใจออกมา " พอทีแบบนี้หายกัวไปเลยนะ แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะคีย์ "
“ แปลกยังไง "
" นายคิดจริงๆเหรอว่า เมียของหัวหน้าจะเป็นคนจ้างคนไปถ่ายภาพพวกนั้น แล้วส่งเมล์มาให้ลูกน้องทุกคนในบริษัทดู "
“ นายกำลังจะบอกอะไรฉันน่ะ "
“ ไม่รู้ว่าพูดออกไป นายจะคิดว่าฉันมองหัวหน้าในแง่ร้ายอีกรึเปล่า แต่ลองคิดดูนะ คนที่ถ่ายภาพนายได้ทุกอริยาบทขนาดนั้นก็ต้องสืบรู้ก่อนรึเปล่าว่า นายกับหัวหน้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน แล้วภาพที่นายไปรอที่ลานจอดรถใต้ห้างก็เป็นครั้งแรกที่ไปด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงรู้ละ ว่านายจะไปวันนี้ แถมภาพที่ออกมาเหมือนรู้ไปหมดว่าจะไปไหน จะทำอะไร เหมือนตามมาตลอด เรื่องนี้ก็พอพูดได้อยู่นะว่า เมียเค้าสั่งนักสืบมาตามเค้า แต่ว่าเรื่องอีเมล์ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ อีเมล์ของทุกคนในแผนกมันเป็นเมล์ที่ฝ่ายไอทีทำให้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เมล์ส่วนตัวสักหน่อย แบบนั้นเมียหัวหน้าจะรู้ชื่อเมล์ทั้งหมดของคนในแผนกเราได้ยังไงวะ แต่ต่อให้เมล์ส่วนตัวก็ว่ายากวะ นายมีเมล์ทุกคนก็เพราะนายทำงานที่นี่ แล้วเมียหัวหน้าไม่ได้ทำงานที่นี่จะไปเอาเมล์พวกเรามาได้ยังไง ฉันว่าเรื่องนี้เป็นการจับแพะซะมากกว่าละมั้ง "
“ นายจะบอกว่า หัวหน้าเป็นคนทำงั้นเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ " แต่มันขัดกับบุคลิคที่หวงหน้าตาของตัวเองของเค้ามากเลยนะเว้ย เค้าหวงหน้าตาชื่อเสียงตัวเองขนาดนั้น การที่ลงภาพพวกนั้นก็เหมือนประจานตัวเอง ไม่ใช่เหรอ " ไม่ได้ปกป้องเค้าแต่แค่คิดถึงนิสัยของอีกคนแล้วดูมันขัดแย้งกันไปสักหน่อย หัวหน้าจะอยากมีข่าวคาวๆแบบนี้เหรอ ทั้งๆที่เป็นหัวหน้าในฝันของสาวๆตั้งหลายแผนก สร้างข่าวที่บอกว่าตัวเองมีเมียน้อยเพื่อให้ตัวเองดูไม่ดีมันไม่ใช่นิสัยเค้า มันดูเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด
“ คนบางคนนะคีย์ นายจะไม่มีวันรู้เลยว่า เค้าอาจทำได้ทุกอย่างถ้าอยากจะได้มา เวลาที่มันถึงขีดสุดแล้ว พยายามทุกอย่างแล้ว เวลาที่จนตรอก นายเดาไม่ออกว่าเค้าจะทำอะไร เพราะมันแทบไม่เป็นตัวเค้าเองด้วยซ้ำ " ถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคน ก็อาจจะจริงอย่างที่ลิปบอก ขนาดฟานเองยังดูไม่ออกเลยว่า เวลาโมโหแล้วก็โกรธจะจริงจังและน่ากลัวได้ขนาดนั้น " ตอนนี้นายเองก็ปิดๆอย่าให้ฟานรู้ก็แล้วกัน รอจนกว่าเรื่องนี้จะเงียบไปเองไม่งั้นต้องทะเลาะกันแน่ๆเลยฉันว่า หมอนั่นเล่นส่งน้ำไปทุกแผนก เดี๋ยวก็มีใครเผลอเล่าหรอก "
“ ฟานรู้แล้วละ "
“ ห๊า ! " สีหน้าตกใจของลิปจ้องหน้าผมที่พยักหน้ารับกับเค้า " รู้แล้ว รู้เรื่องที่นายกับหัวหน้าไปกินข้าวกันสองต่อเรื่อง เรื่องพวกนี้อะนะ "
“ อื้ม เค้ารู้แล้ว " พยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา คำพูดที่หัวหน้าบอกว่าอย่าส่งไปให้ใครนะ ห้ามเซฟภาพนั้นนะ ในวันนั้นที่ตะโกนออกไปแบบที่เจ้าตัวโมโหสุดๆก็ยิ่งทำให้คนในแผนกอยากจะเซฟแล้วเอาไปส่งต่อกันมากขึ้น เพราะยิ่งเค้าโมโหก็ทำให้รู้ว่า นั่นคือเรื่องจริง พนักงานหลายคนเซฟออกไป แล้วส่งต่อก่อนจะกำชับเพื่อนว่า ' ห้ามส่งต่อนะ ' แต่เรื่องชวนเม้าส์แบบนี้จะไม่ส่งต่อได้ยังไง พอส่งต่อไปก็กำชับออกไปอีกว่า ' ห้ามส่งต่อนะ ' เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนทุกคนในบริษัทมีภาพพวกนี้ หนำซ้ำคนนอกบริษัทก็รู้อีกมั้ง ดีไม่ดีเจ้าของร้านแซนวิชที่ไปกินบ่อยๆ อาจจะรู้แล้วก็ได้ แล้วแบบนั้น ฟานจะไม่รู้ได้ไง
“ แล้วเค้าว่าไงบ้าง คงไม่หงุดหงิดจนบอกเลิกนายหรอกนะ "
“ ก็เกือบแล้วละ ถ้าฉันไม่อธิบายให้เค้าฟัง " นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ฟานที่กำลังร้องไห้แล้วขอร้องผม เค้าที่ถามว่าอะไรที่ ผมยังไม่พอใจในตัวเค้า เค้าที่บอกว่าจะปรับทั้งๆที่ไม่ใช่ว่าตัวเองที่ไม่ดีพอหรอก แต่เหมือนผมมากกว่าที่ยังไม่พอสักที
“ แต่ตอนนี้ก็ดีกันแล้วใช่มั้ย "
“ อื้ม แต่ฉันว่ามันก็แปลกอยู่ดี มันเหมือนว่า เค้าก็เชื่อใจฉันอย่างเดิมไม่ได้แล้ว เค้าระแวงแล้วก็ระวัง แม้ว่าจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาก็เถอะ แต่ฉันก็รู้สึกแบบนั้น " ไม่มีใครสามารถเชื่อใจแฟนตัวเองได้เหมือนเดิม ทั้งๆที่พึ่งผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาหรอก
“ เอาน่า อย่างน้อยเค้าก็ยังอยู่ ต่อไปนี้ก็ค่อยๆสร้างความเชื่อใจขึ้นมาใหม่ก็ได้นิ ไม่เป็นไรหรอก เวลาเท่านั้นแหละที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น "
“ แต่ฉันไม่รู้ว่าสำหรับเค้าแล้ว มันจะสร้างได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆเหรอ " ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ตอนที่่หันไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อเริ่มทำงานอีกครั้ง หยุดคิดเรื่องราวพวกนั้นไว้ก่อนถ้ามัวแต่คิดคงมีแต่ทำให้แย่กับแย่ ทั้งเรื่องของตัวเองแล้วเรื่องของฟาน
เสียงประตูของแผนกที่เปิดออก ทุกคนที่หันไปมองคนมาใหม่ด้วยความสนใจ หัวหน้าเดินไปนั่งที่โต๊ะก่อนเสียงซุบซิบนินทาจะดังขึ้นมาอีกครั้ง จากโต๊ะแถวหน้าที่ก็หันมาคุยกันเสียงไม่เบานัก
' ท่าทางเค้าดูไม่ดีเลยนะ '
' จริงๆมีเมียน้อยสวยๆ น่าจะมีความสุขดี '
' เป็นข่าวลือไปทั้งบริษัทนะเว้ย ใครจะมีความสุขลง แล้วเรื่องแบบนั้นด้วย '
' เมียน้อยยังสตรองเลย ทำไมสามีไม่สตรองไปได้วะ ทำตัวให้มันสมกับตอนที่แอบเอากันหน่อยสิวะ ยืดอกหน่อย '
“ นี่เบาๆหน่อยได้มั้ยวะ ได้ยินนะเว้ย " ลิปพูดขัดพวกนั้นกับเสียงพูดที่ไม่เบาหนักของพวกเค้า แต่ผมว่าบางทีก็อาจจะตั้งใจพูดให้ได้ยินก็ได้ คนพวกนี้ถ้าถึงเวลาที่เหยียบใครได้ก็คงเหยียบอยู่แล้ว แถวที่นั่งจัดแบบสามคนบ้างนั่งคู่กันบ้าง สี่คนบ้างอย่างแถวหลังสุดอย่างผมกับลิปก็เป็นสองโต๊ะคู่กัน ซึ่งระหว่างแถวไม่ได้ใกล้เลยสักนิด แล้วที่พูดดังจนพวกผมได้ยิน จะไม่ใช่อะไรถ้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ฟัง
“ ได้ยินด้วยเหรอ " หนึ่งในคนนินทาหันมาถาม
“ ได้ยินสิ "
“ อย่างงั้นสินะ " ไร้คำพูดขอโทษใดๆ เธอหันกลับไปทำงานของเธอต่อ ลิปก็หันมามองผม
“ มารยาททรามซะจริง ขอโทษสักคำก็ไม่มี "
“ ช่างมันเถอะ " ตอนนี้ด่าได้ก็ด่าไป หลายคนเป็นพวกนิสัยคนล้มแล้วเหยียบซ้ำกันทั้งนั้น ผมรู้ดี แต่ทีใครทีมันก็แล้วกัน ผ่อนลมหายใจออกมา ผมตั้งใจทำงานต่อพยายามไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแค่ทำงานให้เสร็จจนถึงหนึ่งทุ่มแล้วก็กลับบ้านพร้อมฟาน เท่านี้ก็จบแล้ว แค่อดทนกับมันไปก็พอ อีกไม่นานคงลืมกันไปเอง
ดื่มน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนหมดแก้วในระหว่างการทำงาน ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งออกไปห้องน้ำเพราะเริ่มจะอั้นเอาไว้ไม่ไหว จัดการตัวเองตอนที่ออกมายืนล้างมือที่หน้ากระจกผมก็พบกับใครบางคนที่ไม่อยากพบมายืนช้อนตัวอยู่ข้างหลัง " หัวหน้า "
“ คีย์ ฉันมีอะไรจะพูดด้วย "
“ แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยหรอกครับ ขอตัวนะครับ " ก้มหน้าบอกเค้าแต่อีกคนก็ขวางทางไว้ไม่ให้ไปไหน
“ ถ้านายไม่ฟังฉัน ฉันก็จะไม่หลีกไปไหนหรอกนะ ฉันอยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมด เรื่องราวพวกนั้นทั้งหมด ฉันขอโทษ ขอโทษที่เรื่องราวพวกนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับนาย ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทำให้นายต้องมามีข่าวไม่ดีพวกนั้น ขอโทษที่ทำให้คนอื่นมองนายไม่ดี ฉันขอโทษ ขอโทษแทนคนของฉันด้วย "
“ คำขอโทษมันใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ เก็บมันไว้เถอะ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ดีกว่านะ การเริ่มต้นใหม่ที่ว่าอย่ามายุ่งกับผม เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ต่อจากนี้ อย่ามายุ่งกับผมอีก แค่นั้นก็พอ เรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ผมไม่ถือ คนพูดกันได้สักวันเค้าก็ลืม แล้วผมก็ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรู้สึกอะไรก็ตาม "
“ แต่ฉันยังอยากให้นายกลับมารู้สึกแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึก "
“ รู้สึก ? “ ผมทวนคำพูดของอีกคน " ยังต้องให้รู้สึกอะไรอีกเหรอครับ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเมียน้อยของคุณเลย ผมไม่เคยมีอะไรกับคุณ ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดี มากสุดก็แค่ไปกินข้าว จับมือคุณก็ฉวยโอกาสมันทุกครั้ง แล้วตอนที่นั่งที่รถไฟตอนนั้นคุณแค่ปลอบผม ผมยังไม่ได้เป็นอะไรในแบบที่ใครๆนินทาผมเลย เมียน้อยอะไรพวกนั้น คืออยากจะให้เป็นจริงๆใช่มั้ย ไอ้เมียน้อยน่ะ ยังไงก็ไม่ยอมใช่มั้ย ยังอยากจะให้เป็นใช่มั้ย คุณต้องการแบบนั้นใช่มั้ย ใช่มั้ยครับ ใช่มั้ย!! “ ผมตะโกนใส่หน้าอีกคนด้วยความโกรธ น้ำตาที่อัดแน่นอยู่ในใจไหลออกมาก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ
" คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมต้องใช้ชีวิตแบบไหน ไปไหนมามาไหนก็มีแต่คนมอง ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้มาทำงานก็ไม่อยากจะมาเหยียบแถวนี้ด้วยซ้ำ เพราะอะไร เพราะใครๆก็มองไง ดูนั่นสิ นั่นไง เมียน้อยหัวหน้าแผนกออกแบบ ดูนั่นสิ เค้าแอบได้กับหัวหน้าตัวเองแหละ อย่าเข้าไปใกล้เค้านะเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรารู้จักกันแล้วเราเป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับเค้าที่จะจับผู้ชายแบบหัวหน้า ผมต้องใช้ชีวิตแบบนี้ แบบที่เป็นขี้ปากคนอื่น ทั้งๆที่ ผมทำรึเปล่า คำตอบคือไม่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น อาจแค่รู่สึกหวั่นไหวไปกับคุณ แน่นอนก็คุณเป็นคนที่ผมเคยชอบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้คนที่ผมควรแคร์คือแฟนผม แล้วรู้อะไรมั้ย ตอนนี้สิ่งที่แย่มากกว่าการโดนนินทา คือต่อจากนี้แฟนของผมจะไม่เชื่อใจอะไรผมอีกแล้ว ความรักของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เค้าที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเพื่อผมทั้งๆที่ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีพอ แต่เพราะผมที่แหละที่ไม่พอสักที ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีแล้วเอาแต่หวั่นไหวไปกับคนแบบคุณที่รู้อยู่แล้วว่าเห็นแก่ตัวแค่ไหน ที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ รู้อยู่แล้วว่าไม่ดี ผมแม่งโง่มากๆ โง่สุดๆเลย ทั้งโง่ทั้งเหี้ยที่มารู้สึกอะไรแบบนั้นกับคุณ" ผ่อนลมหายใจออกมาช้าผมก้มหน้าลงสักพัก่อนจะเงยมองหน้าเค้า " เลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะ เลิกยุ่งได้แล้ว จะมายุ่งอะไรกันอีก ผมไม่อยากจะได้อะไรทั้งนั้น ความรู้สึกพวกนั้นของคุณเอามันไปพ้นๆสักทีเถอะ พอได้แล้ว พอสักที "
" คีย์ "
" คุณทำลายชีวิตของผม มันพังไปหมดแล้ว มันป่นปี้หมดแล้ว เพราะว่าคุณคนเดียว เพราะว่าผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแบบคุณ ผมที่คิดอะไรเลวๆแบบนั้น หวั่นไหวไปกับคุณที่เข้ามายุ่งพูดให้ผมคิดว่ามันดีแล้วที่เราจะนอกใจใครสักคน แต่มันไม่ใช่ มันไม่ใช่เลย ผมไม่น่าเลย ไม่น่าเห็นความใจดีของคุณ ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกหวั่นไหวเลย ทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรที่ลึกซึ้งต่อกันแต่ทุกคนก็พูดกันไปแบบนั้นแล้ว ชีวิตผมมันเหมือนจบลงไปแล้ว จบลงเพราะคุณ แล้วเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นวันนี้มันก็เพราะ คุณคนเดียว เพราะคุณคนเดียวเท่านั้น!! ที่เข้ามาทำลายชีวิตผม “ ผลักอีกคนที่กำลังยืนขวางผมไว้ให้พ้นทาง แต่ทว่าอีกฝ่ายที่ไวกว่ากลับคว้ามือของผมไว้แม้จะไม่หันกลับไปมอง แต่เค้าก็พูดออกมา
“ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่คิดจะยอมแพ้เพื่อที่จะได้นายมาหรอกนะ "
“ การตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ " สะบัดมือออกจากมือของอีกคน ผมเดินออกจากห้องน้ำกลับเข้ามานั่งตรงที่โต๊ะทำงานของตัวเองคนในแผนกที่มองมาด้วยความสงสัย ผมหันมองลิปที่ก็หันมามองผม
" ไปเจอหัวหน้าที่ห้องน้ำมาสินะ "
" รู้ได้ยังไง "
" ก็ตอนนายเดินออกไป ไม่ถึงห้านาทีหัวหน้าก็เดินออกไป "
" สังเกตกันทุกท่วงท่าที่เคลื่อนไหวเลยนะ " ลิปถอนหายใจออกมา อาจเพราะไม่รู้จะตอบอะไรแต่ผมก็รู้อยู่แล้วละว่าทำไม คนที่กำลังเป็นที่พูดถึงขยับตัวนิดหน่อยก็เป็นเรื่องเป็นราว แล้วตอนนี้ผมที่เดินตาแดงเข้ามาแบบนั้น คงทำให้เป็นเรื่องซุบซิบกันอีกแน่ๆ คราวนี้คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่า ' หัวหน้าบอกเลิกผมแล้ว ' หรือไม่ก็เรื่องพวกว่า ' ผมกดดันจนทนไม่ไหว หัวหน้าเลยนัดไปปลอบที่ห้องน้ำ ผมร้องไห้ออกมาในตอนนั้นหัวหน้าก็คงกอดผม '
" แล้วนายไปเจอหัวหน้ามาจริงๆสินะ "
" อื้ม " พยักหน้ารับอีกคน " แต่ฉันไมไ่ด้ทำอะไรไม่ดีนะ เค้าก็แค่ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เค้าบอกว่าคนของเค้าเป็นคนทำ "
" จะใช่เหรอ โทษเมียปะเนี้ย "
" ฉันไม่สนหรอกว่าใครมันจะเป็นคนทำ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วใครทำมันก็เหมือนกันนั่นแหละ จะใครทำ ฉันก็โดนพูดถึงแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ถ้าทำได้อยากจะย้อนเวลาไปไม่หวั่นไหวกับความดีที่เค้าช่วยฉันไว้ ถ้าทำได้จะไม่คิดสั้นๆแค่ว่า ก็ไปจะได้จบๆ ถ้าทำได้ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ความรู้สึกของฟานที่เชื่อใจฉัน ฉันย้อนกลับไปเอามันคืนมาไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันเอากลับมาได้เลย แม้แต่คนที่ฉันรักเค้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกเลยว่ารัก แต่ตอนนี้เหมือนเค้าใกล้จะหมดรักฉันแล้ว "
“ คีย์ " ก้มหน้าร้องไห้ในตอนที่ลิปจับไหล่แล้วยื่นทิชชู่มาให้ผม " มันผ่านไปแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่านะ "
“ ฉันกลัวลิปฉันกลัวว่าเค้าจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ "
“ หมายถึงหัวหน้านะเหรอ "
“ เค้าบอกว่า ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่คิดจะยอมแพ้เพื่อที่จะให้ได้ฉันมา " ลิปถอนหายใจออกมา ตอนที่ทำได้แต่ตบไหล่ผมปลอบๆ " ฉันจะทำยังไงดีวะ ต้องออกจากงานรึเปล่า ฉันต้องหนีไปมั้ย "
“ ฉันก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบเค้า จะมีแผนอะไรซ่อนอยู่ " อีกคนว่าก่อนจะนิ่งไป สายตาที่สบแววตาของผม " ฉันไม่อยากจะพูดคำนี้เลยคีย์เพราะมันก็เหมือนกับว่าฉันกำลังด่าว่าตัวเองอยู่ แต่นายเลือกที่จะลองเล่นกับกองไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า แต่นายก็ยังเลือกที่จะเล่นกับมัน ตอนนี้คงต้องรอรับผลความเจ็บปวดของไฟที่มันกำลังแผดเผานายนั่นแหละ "
ไฟที่ไม่รู้เลยว่าจะแผดเผาจนเกิดความเสียใจมากมายแค่ไหน และสุดท้ายจะยังคงเหลือออะไรไว้
ปัจจุบันที่กำลังเจ็บปวด กับอดีตที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ และอนาคตที่ไม่อยากคาดเดา
ผมไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้เลย
.................................................................
ชอบคำพูดของพี่ลิป " แต่นายเลือกที่จะลองเล่นกับกองไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า "
เหมือนบอกว่า สมน้ำหน้ากลายๆ แต่เป็นคำสุภาพ ยังไงก็ไม่รู้
หัวหน้ายังไม่ปล่อยพี่คีย์ไป น้องฟานก็ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด
มาดูกันว่าหัวหน้า จะทำยังไงต่อไป
แล้ว เมื่อน้องฟานรู้ความจริงทั้งหมด จะเป็นยังไง
เจอกันตอนหน้าค่าาาาาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่าา
