ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 38
' แบบที่ดีที่สุด '
ตัดสินใจปิดคอมของตัวเองแล้วออกจากที่ทำงานตั้งแต่ห้าโมงเย็น ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น งานเหลืออีกนิดหน่อยยังไม่เสร็จก็ปล่อยมันไป ตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรกับใคร เบื่อฟังการพูดจาเห็นแก่ตัวของหัวหน้า หรือแม้แต่คำพูดตรงๆของลิป ไม่อยากจะทำงาน ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ตอนนี้แค่อยากจะกลับบ้าน อาบน้ำแล้วก็นอนเพื่อลืมทุกอย่าง เพราะไม่มีทางเลือกที่จะคลายความทุกข์ของตัวเองไม่ว่าจะด้านไหน กินเบียร์สักกระป๋องเหรอ ? ถ้าเผลอกินเข้าไปมีหวังความลับแตกแน่ๆ เรื่องที่กำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า แล้วถ้าเรื่องนั้นฟานรู้ละก็ ..
“ ทำไปได้ยังไวะ เรื่องแบบนั้น รู้สึกไปได้ยังไงวะ " หย่นตัวลงนั่งตรงที่นั่งด้านหน้าตึก ผู้คนที่ทะยอยออกมาจากบริษัทค่อยๆเดินออกไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ยังคงอัดแน่นในช่วงเวลานี้ ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูกดหน้าไลน์ ที่มีข้อความส่งมาเป็นข้อความจากหัวหน้า
' ไปกินข้าวกันมั้ย ถ้านายตกลงฉันจะออกจากที่ทำงานตอนนี้เลย ' ผมกดอ่านแต่ไม่ตอบก่อนจะลบแชทนั่นออกไป แล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
เปิดไลน์กดดูข้อความของฟานก่อนจะส่งข้อความไปให้เค้า ' ฉันเลิกงานแล้ว นายเลิกงานกี่โมง ' ล็อคหน้าจอตอนที่ส่งข้อความนั่นเสร็จผมนั่งรออยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่ข้อความจะถูกส่งกลับมา
' ผมเลิกงานหกโมงเย็นครับ คุณคีย์เลิกงานเร็วจัง '
' วันนี้เบื่อ อยากจะกลับบ้านเร็วๆ ' กดส่งข้อความไปให้เค้า ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา มองดูเหล่าพนักงานออฟฟิศคนอื่นที่บ้างก็เดินเม้าส์กัน บ้างก็เดินคนเดียว
“ นี่ พนักงานร้านกาแฟที่มาส่งกาแฟที่แผนกวันนี้หน้าตาดีชะมัดเลยเนอะ คิ้วสุดๆ " เหลือบมองบทสนทนาของผู้หญิงสองคนที่กำลังพูดถึงคนที่เหมือนจะเป็นประเด็นภายในวันนี้ เด็กส่งน้ำสุดหล่อที่กระชากผู้หญืิงทุกวันในแผนกแม้แต่เก้งกวางก็ไม่เว้น
“ น่าจะถ่ายภาพไปลงโซเซี่ยลเนอะ ต้องถูกแชร์เยอะแน่ๆ "
“ เขียนว่าไรดีละ "
“ พนักงานส่งน้ำสุดหล่อ เห็นแล้วน้ำเดินมากๆ "
“ บ้า หื่น น้องเค้ายังอยู่ปีหนึ่งอยู่เลยนะ "
“ กินเด็กดีออก พวกกินเด็กนะ สดใสกันทั้งนั้นแหละ " ไม่ได้นับรวมกูไปด้วยใช่มั้ย ทำไมตอนนี้กูถึงห่อเหี่ยวอะไรได้ถึงขนาดนี้ละ
“ แต่จะว่าไปเค้าคงไม่เอาพวกป้าแก่ๆแบบเราหรอก อย่างน้องเค้าคงจะมีสาวสวยๆมีดีกรีเป็นดาวในมหาลัยมาทอดสะพานกันให้วุ่นวายนั่นแหละ "
“ แล้วสรุปจะไปที่ร้านน้องเค้ามั้ย ฉันอยากจะเห็นหน้าน้องเค้าอีก "
“ ไป " สองสาวที่ตกลงกันตามนั้น ก่อนจะเดินเบี่ยงทิศทางไปทางห้าง ในจังหวะนั้นผมเองก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตามเธอไปเรื่อยๆ แบบที่ไม่ให้รู้ตัวเท่าไหร่
ร้านกาแฟที่ถูกชั้นล่างของห้าง ผู้คนที่ดูหนาตามันแปลกกว่าทุกวัน เก้าอี้ในร้านที่ถูกจับจองจนหมด ผมก็ได้แต่ถอนหายใจพลางมองพนักงานในร้านคนนึงที่ก็กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง พิงตัวเองเข้ากับระเบียงนอกร้าน สาวๆที่กำลังสนใจในตัวเค้า เสิร์ฟกาแฟโต๊ะไหนก็มีแต่คำถามที่ทำให้ต้องยืนตอบนานๆทั้งนั้น คอยดูเถอะ คืนนี้แม่งจะทำรอยเอาไว้ที่ต้นคอจะได้รู้กันไปเลยว่ามีเจ้าของแล้ว
" น่าหงุดหงิด " เบือนหน้าหนีออกมาสนใจอย่างอื่น ผมมองไปรอบๆห้างที่มีคนเข้าออก บ้างก็กินอาหารเย็นหลังเลิกงาน บ้างก็คอยเวลารอรถติดในถนนโล่งกว่านี้สักหน่อย
ครืน ครืน ครืน สายโทรศัพท์ที่ทำให้ผมละความสนใจมาดูมัน เบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของหัวหน้าที่โทรเข้ามา ผมผ่อนลมหายใจก่อนจะกดล๊อคทำเป็นไม่สนใจกับสายเรียกเข้านั้น " ถ้าเรื่องสำคัญก็ค่อยโดนด่าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน " ผมมองไปรอบๆเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับผู้ชายคุ้นตาคนนึง “ คุณเมษนี่หว่า " ผมจ้องเค้าให้ชัดขึ้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมองผิดก็ได้ เพราะเค้าที่เดินมากับผู้หญิงและมีท่าทางเอาใจเธอแบบสุดๆ รอยยิ้มที่ยิ้มให้เธอนั้นผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็นอยู่สักพัก เพราะภายนอกถ้าดูไปดูมาผู้หญิงคนนั้นก็แค่มีแฟนหล่อแบบสุดๆไม่ได้ดูออกเลยว่า ตอนนี้กำลังใช้บริการโฮสคลับอยู่ " คงอยู่ในเวลางานของเค้าละมั้ง " ผมพูดกับตัวเองก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ถ้าเค้าต้องมามีแฟนเป็นโฮสต้องอกแตกตายแน่ๆเลย กับความรู้สึกอึดอัดที่ต้องเห็นแฟนตัวเองเอาใจผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้
' ฉันเองควรจะคิดได้ว่า ตัวเองก็มีแฟนเป็นโฮสที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเหมือนกัน ทั้งๆที่นายเองก็ห้ามฉันอยู่ว่าอย่าเล่นกับไฟ แต่ฉันก็ด้านที่จะเล่นมันอยู่ในตอนนี้ ฉันเลยมานั่งคิดๆว่า ชีวิตใครก็ชีวิตมันอะนะ ทำตามใจตัวเองเถอะ ' คิดถึงคำพูดของลิปที่พูดกับผมเลย คำพูดประชดที่บอกให้ทำตามใจจัวเอง แต่ยังไงผมก็คิดว่ามันต่างกันอยู่ดี
คุณเมษแม้จะเป็นโฮสแต่เค้าก็ไม่ใช่คนมีเจ้าของอยู่แล้ว ก็แค่ประกอบอาชีพที่ไม่ควรมีแฟนเป็นจริงเป็นจังก็เท่านั้น มันต่างผม ผมสิที่กำลัง นอกใจแฟนแถมยังแอบรู้สึกอยากจะเป็นเมียน้อยชาวบ้าน จะให้มาทำตามใจตัวเองแบบที่ไม่คิดอะไรเลยแบบนั้น คงไม่ได้หรอก แม้จะใจจะยอมรับไปแล้วมากกว่าครึ่งก็เถอะ ว่าชอบเค้า คนที่เห็นแก่ตัวคนนั้นน่ะ
“ รอนานมั้ยครับ " ผมหันไปตามเสียงที่พูดขึ้น ใบหน้าคมที่มีเหงื่อเต็มไปหมดพิงตัวเองมายืนข้างๆผมก่อนจะถอนหายใจ
“ ดูเหงื่อนายสิ " ตอนที่อยากจะยกมือเช็ดเหงื่อให้เค้า ผมหันไปมองสาวๆในร้านที่มองมาทางเรา มือที่จะเอื้อมไปก็ชะงักก่อนจะเปลี่ยนเป็นตบไหล่เบาๆแทน " กลับบ้านกันเถอะ "
“ ไปหาที่นั่งสงบๆ นั่งสักพักไม่ได้เหรอครับ "
“ ทำไมไม่ไหวแล้วละสิท่า "
“ ขาผม จะให้ยืนในรถไฟตอนนี้คงไม่ได้แล้วละ มันชาไปหมด "
“ ขายดีขนาดนั้นเลย " หันไปแซวอีกคนตอนที่เราเดินออกมาด้วยกัน ฟานก็พยักหน้ารับ ผมพาเค้าเดินมาที่หน้าตึกทำงานของผมที่มีเก้าอี้นั่งอยู่ เค้าที่หย่อนตัวลงนั่งพิงตัวเองกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ช่วงเวลาเงียบๆที่ไม่ค่อยมีคนอื่น ผมหยิบกระดาษทิชชูในกระเป๋าขึ้นมาซับเหงื่อให้อีกคน
“ วันนี้น่ะนะ ผมเดินไปทุกแผนกของบริษัทคุณเลยแหละ "
“ แล้วแต่ละแผนกต้องตอบคำถามนานด้วยใช่มั้ย " ผมถามอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันมามอง " ก็อย่างเช่น คำถามที่ว่า ชื่ออะไร เรียนที่ไหน อายุเท่าไหร่ เรียนคณะอะไร มีแฟนรึยัง อะไรแบบนั้น ฉันไม่หึงอะไรหรอกนะ ก็มันเป็นงานของนาย นายเป็นเด็กส่งน้ำที่มาใหม่ใครๆก็ต้องสนใจอยู่แล้ว "
“ ไม่ได้หึงเหรอครับ "
“ ก็พูดอยู่ว่า ไม่ได้หึง "
“ เชื่อไม่ได้ " อีกคนบอกก่อนจะดึงตัวเองมากอดผมไว้ เค้าที่ล้มตัวลงหนุนตัก
“ เฮ้ยๆ ตรงนี้ไม่ได้นะเว้ย ลุกขึ้นมาเลย เดี๋ยวใครเค้าเห็นเข้า อยากหมดความบ๊อปรึไง " ดันอีกคนที่ยังทำตัวหนักให้ออกห่าง " นี่ ใครรู้ว่านายมีแฟนคราวลุง หมดความบ๊อปพอดี "
“ ช่างมันสิครับ แคร์อะไรละ " เค้าบอกเสียงเบาๆ ใบหน้าคมที่กำลังขืนตัวการดันของผม หลับตาแน่นอยู่แบบนั้น " ทำไมผมต้องปิดบังใครๆด้วย ผมไม่ได้แอบไปสนใจใครไว้สักหน่อย อีกอย่างผมก็บอกไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว ยังไงก็รักคุณคีย์คนเดียวอยู่แล้วแหละ " หยุดมือที่กำลังดันเค้าไว้แค่นั้นก้มลงมองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาราวกับจะพักสายตา เม้มริมฝีปากของตัวเองกับคำพูดของอีกคนที่พูดแบบไม่คิดอะไรแต่กลับคล้ายว่าเค้าได้ยื่นมือมาตบผมเสียอย่างแรง ' ผมไม่ต้องปิดบังใคร ไม่ต้องแคร์ใคร เพราะไม่ได้แอบสนใจใครเอาไว้ ' แล้วเราละ ถ้าหัวหน้าเดินมาจะยังกล้าให้เค้านอนอยู่แบบนี้มั้ย จะกลัวอีกคนเสียใจมั้ย ถ้าเค้าผ่านมาเห็น
“ นายคงไม่รู้จัก พวกที่มีแฟนแต่ยังตามตื้อสินะ ไอ้พวกที่เราบอกว่า มีแฟนแล้วนะ แต่ยังดึงดันจะจีบเรา "
“ ก็หนก่อนที่เราทะเลาะกัน เพราะคนแบบนั้นจำไม่ได้แล้วเหรอครับ " ฟานถาม ผมก็นึกจำได้ว่าเธอเป็นเพื่อนในคณะหมอนี่ทั้งๆที่รู้ว่ามีแฟนแต่ก็ยังดึงดันจะมอบตัวให้ฟานแบบหน้าด้านๆ " ไม่รู้สิครับ ผมมองว่าถ้าเราไม่เล่นด้วยแล้วพยายามผลักเค้าออกไป เค้าก็ไม่เข้ามาหรอก เรื่องแบบนี้มันปรบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว อย่างผม ผมก็ไม่คุยกับเธอหลังจากนั้น ไม่สนใจ ต่อให้เธอสนใจผมมากแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างมันก็จบไม่มีการสานต่อ มันก็เท่านั้นแหละ "
“ นั่นนะสินะ "
“ แต่ถ้าผมยังสนใจเธอ ก็เหมือนไปให้ใจเธอ ไปให้ความหวัง เรื่องแบบนี้อยู่ที่การตอบสนองของอีกฝ่ายมากกว่า "
“ แล้วถ้าเค้าตื้อนายมากๆ นายจะทำยังไง ถ้าเค้ามาทำให้นายหวั่นไหว " เผลอถามออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมามองผมแล้วก็ยิ้ม
“ ผมไม่มีทางหวั่นไหวกับคนอื่นหรอก คนที่ทำให้ผมหวั่นไหวก็คงมีแค่คุณเท่านั้นแหละ เพราะว่าผมรักคุณ ถามแปลกๆนะครับเนี้ย ยังคิดเรื่องวันนั้นอีกเหรอ วันที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นกับเพื่อนผม " เค้าดึงตัวเองขึ้นจากตัก จ้องมองลงไปในแววตาของผมก่อนจะยิ้มแล้วก้มลงจูบ " คุณคีย์ครับ "
“ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้วละ " แต่ที่กำลังคิดคือกำลังคิดเรื่องของตัวเราตังหาก กำลังคิด กำลังตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วเราละ เราที่หวั่นไหวไปกับผู้ชายคนนั้น เพราะยังรักฟานไม่มากพอเหรอ หรือเพราะอะไรกันแน่วะ ' เพราะความมักง่ายของตัวเอง '
“ คุณคีย์ "
“ หายเหนื่อยรึยัง กลับบ้านกันเถอะ " ยื่นมือไปจับแก้มเค้าตอนที่หยิกมันเบาๆ ฟานก็ยิ้มก่อนจะกอดผมไว้แน่น " เป็นอะไรอีก จะอ้อนออะไรฉันอีก "
“ จูบเพิ่มพลังให้ผมหน่อยสิครับ เดินไม่ไหว " ใบหน้าคมดึงหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ ในตอนนั้นผมก็เผลอยิ้มออกมา " จูบตรงนี้นะ " เค้าทำปากจู๋ก่อนจะหลับตาลง ช่วงเวลาที่ผมมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่มีใครก็เลยก้มลงจูบเค้าแต่ทว่าความมือไวของอีกคนที่ยังคงกอดรั้งเอวผมไว้แถมยังสอดลิ้นเข้ามากวาดความดูดดื่มในช่วงปากเสียนานก่อนจะผละออก " ฟานพาวเวอร์ "
“ พาวเวอร์บ้านพ่อนายสิ ไอ้เด็กนี่นิ " ดึงตัวเองออกก่อนจะฟาดมือเข้าที่แขนอีกคน ฟานก็หัวเราะลั่น
“ ก็เติมพลังเสร็จแล้ว มันก็มีพลังไง ฟานพาวเวอร์ "
“ ปัญญาอ่อน "
“ คุณน่าจะมองว่ามันน่ารักนะ " สองมือหนากางมือใต้คางเหมือนดอกไม้บาน " คิ๊ว "
“ พอเถอะ กลับบ้านกัน เห็นแบบนั้นแล้วความดันฉันจะขึ้น " คว้ามือของเค้าก่อนจะดึงอีกคนให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง เสียงหัวเราะที่ดังไปตามทางฟานกอดคอผมก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้ตัวเค้า
เราเดินไปเรื่อยๆจดถึงสถานี นั่งลงตรงเก้าอี้ว่างในโบกี้ก่อนจะหันมองคนข้างๆที่ก็กอดอกหลับตาลงอีกครั้ง จะว่าไปไม่เคยเห็นฟานเหนื่อยแบบนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดก็คงเป็นตอนที่ยังไปได้ย้ายมาอยู่กับผม หัวที่เอียงไปมาก่อนจะเอนลงมาซบไหล่ผม " นี่ " ยกไหล่ขึ้นบอกให้เค้ายกหัวออกไปแต่เหมือนฟานจะนิ่งอยู่แบบนั้น ลมหายใจออกสม่ำเสมอคงหลับไปแน่ๆ ชะงักมือหยุดที่จะปลุกเค้ากลายเป็นนั่งเฉยๆ นึกถึงมุกติงต๊องของไอ้หมอนี่แล้วแอบขำ จะว่าไปคบการฟานก็เป็นชีวิตเรียบง่ายในแบบที่ไม่ต้องเครียดอะไรเลยสักนิด เค้ารักเราแล้วเราก็รักเค้า เป็นความสบายใจอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างงั้นผมว่าบางทีมันก็ขาดอะไรไป อาจจะเป็นความหวือหวาหรืออะไรสักอย่าง เรื่องราวที่ชวนให้ตื่นเต้น จะว่าไปทะเลาะเราก็ไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่ว่าแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ที่ใครๆมองว่ามันเป็นรักที่ดี ความรักแม่งต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างนะที่ทำให้อยู่ได้นานๆโดยไม่เบื่อ
“ ฟาน ถึงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว " เอื้อมมือไปเขย่าอีกคนที่ลืมตาขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจ เค้ามองไปรอบๆ ป้ายหน้าก็ถึงแล้วผมกลัวลงจากรถไฟไม่ทันก็เลยปลุกเค้าก่อน
“ ถึงแล้วเหรอครับ "
“ หน้าตาดูไม่ได้เลยนาย " หันมองอีกคนก็นึกเอ็นดู เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ถูกแม่ปลุกให้ตื่นจากที่นอนเลย ขาดก็แค่มันไม่ได้ร้องไห้งอแอมันก็เท่านั้นล่ะ อ้อ ขนาดตัวของมันด้วย
“ ง่วง "
“ ก็พอถึงห้อง นายก็อาบน้ำแล้วรีบนอนซะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปทำงานอีก "
“ ขี้เกียจ ไม่อยากทำแล้ว อยากจะโดด "
“ ตลก เพิ่งไปทำได้วันเดียว " ผมหันไปบอกอีกคนที่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเต็มที่จนกระดูกหลังเกิดเสียงหักเบาๆ
“ งานเยอะกว่าเงินที่ได้อีก ผมทำตั้งเยอะได้แค่สามร้อยเอง "
“ นั่นแหละ จะได้รู้ค่าของเงิน เงินยังหาเองไม่ได้ แต่ใช่เงินสิ้นเปลือง ดีแล้ว นายจะได้รู้ไว้ "
“ บ่นเป็นแม่อีกแล้ว " ฟานดึงผมเข้ามากอดก่อนจะซบหน้าลงที่ไหล่ " คุณคีย์ขอขี่คอหน่อย "
“ จะบ้ารึไง ตัวเท่าควายจะมาให้ฉันแบก ฉันแบกนายไหวที่ไหนละ แค่นายขึ้นมาบนหลังฉันก็คงหน้าคว่ำแล้ว "
“ ลืมไปหัวเข่าคุณไม่ค่อยดี "
“ ไอ้นี่นิ " หันไปหมายจะด่า แต่อีกคนที่ยิ้มก่อนจะกอดเอวผมไว้
“ คุณคีย์อ่าาาาา รักนะครับ "
“ มึงเหนื่อยแล้วมึงติงต๊องนะฟาน "
“ พูดไม่เพราะ "
“ ยืนนิ่งๆให้มันเป็นคนได้มั้ย จะมานัวเนียอะไรฉันหนักหนาที่สถานีรถไฟนะเว้ย ไม่ใช่ในห้อง "
“ งั้นถึงในห้องแล้วนัวเนียได้เหรอ " เค้าก้มลงมาถาม " แต่ถ้าในห้องจะทำมากกว่านี่นะ " นิ้วชี้ยื่นมาเขี่ยแก้มผมก็สะบัดออก เรากดบัตรผ่านออกจาสถานีร่างสูงที่ยังคงวอแวก็เอียงตัวเข้ามาหาผม
“ อะไรอีก "
“ งั้นขอพิง " ร่างสูงที่พิงผมจนต้องดันตัวเองให้ยืนทรงตัวให้อยู่
“ ฟานฉันเดินยากนะ นายตัวใหญ่อะ ตัวเท่าควายยังจะมาเบียดคนตัวเล็กๆอีก ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี " ผลักให้คนที่เหนื่อยแล้วงอแงไปยืนนิ่งๆ ร่างสูงที่ยิ้มก่อนจะยิ้มให้ผม
“ ตัวเล็กๆ "
“ เออ ถอยไปสิ เบียดอยู่ได้ " ร่างสูงที่หลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนา
“ พรุ่งนี้อยากจะกินอะไรครับ ผมจะทำให้ "
“ ไม่เอาอะ นายนอนเถอะ ไม่ต้องมาใส่ใจฉันหรอกน่า งานก็หนักจะมาตื่นเร็วทำไม "
“ พรุ่งนี้ผมไปทำงานตามเวลาปกติได้แล้วครับ " ร่างสูงบอก " พรุ่งนี้ออกไปเก้าโมงก็ทันพี่ที่ทำงานบอกว่า ให้ถึงร้านเก้าโมงครึ่ง "
“ แล้วทำไมวันนี้ไปเร็ว "
“ ก็ไปเรียนรู้งานไง ก็ไปทำวันแรก แต่พรุ่งนี้พอรู้แล้วละครับ ว่าทำอะไรบ้าง เค้าก็เลยให้ไปตามเวลาพนักงาน " พยักหน้ารับอีกคนผมก็คิด จริงๆแล้ว ห้างก็เปิดสิบโมงอะนะปกติร้านน้ำมันก็ต้องขายตามเวลาห้างเปิดสินะเพราะมันอยู่ในห้างนี่หว่า
“ ไม่อะ ไม่ค่อยอยากจะกินอะไร ในห้องก็มีขนมปังอยู่ ฉันกินขนมปังกับกาแฟก็ได้ นายพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต่อให้ทำงานเก้าโมงนายก็อาจจะไม่ทำงานไม่ไหวก็ได้ "
“ ดูถูกกันชะมัด ผมน่ะมีเรื่องที่อยากจะทำอยู่นะ เพราะงั้นต้องทำจนจบแน่นอน "
“ ทำอะไรย๊ะ " หันไปถามอีกคนก็ลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น
“ ไม่บอกหรอกครับ เก็บไว้เซอร์ไฟส์ อย่าหัวใจวายไปซะก่อนละ "
“ นี่ ฉันไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย "
“ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเซอร์ไฟส์คุณคีย์น่ะ เข้าข้างตัวเองอีกละ "
“ นี่ ทำไมกวนตีนจังวะ " หันไปด่าอีกคนที่ยิ้มกว้างฟานก็กัดริมฝีปากก่อนจะเดินเข้ามากอดผม เค้าที่ก้มลงมากระซิบ
“ พอถึงห้องแล้ว ผมขอจูบคุณหน่อยได้มั้ย "
“ แค่จูบเหรอ " กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนของห้อง อีกคนก็ยิ้ม
“ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ "
ปิดประตูห้องลงแล้วเล๊อคเรียบร้อยผมเดินเข้ามาในห้องวางกระเป๋าลงก่อนจะโดนคนที่บอกว่าขอจูบที่ชั้นล่างเมื่อกี้กอดเข้าที่ด้านหลัง เอียงหน้าไปมองอีกคนก็ก้มลงมาจูบผมเอื้อมมือขึ้นไปกอดคอเค้าก่อนจะพลิกตัวให้หันหน้าสบกับเค้าเพื่อการจูบที่ง่ายขึ้น สอดเกลียวลิ้นเข้าไปกอดรัดกันและกันตอนที่ผละออก ผมก็เผลอกัดริมฝีปากเค้ายกยิ้ม
“ อยากให้ผมจูบอีกเหรอ "
“ เปล่าสักหน่อย " บอกเค้าแบบนั้นแต่กลับดึงใบหน้าคมเข้ามาจูบอีกครั้ง ลดมือลงลูบแผ่นอกของเค้า ฟานเองก็สอดมือเข้าไปในเสื้อของผม มือหนาที่ไล้สูงขึ้นจนถึงยอดอก ก่อนจะสะกิดมันเบาๆให้ผมหดเกร็ง มืออีกข้างผละจากข้างเอวสอดเข้าไปในเสื้อ ยอดอกที่ถูกจับจองทั้งสองเอาเข้าใช้นิ้วสะกิดเร็วๆก่อนจะบิดมันให้แข็งชัน " ตอนนี้ไม่ได้นะฟาน " ผละริมฝีปากออกเพื่อบอกเค้า อีกคนก็ยิ้มพลางปลดกระดุมเสื้อของผมออก เสื้อถูกร่อนลงมาถึงช่วงไหล่ ใบหน้าคมก็ผละออกจากซอกคอเปลี่ยนมาจูบยอดอกของผม " นี่ ทำอะไรของนาย "
“ ดูดนมเติมพลัง " คำพูดเอาแต่ใจของเค้า แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเค้าทั้งนั้น สองมือจิกนิ้วเกร็งลงไปบนโซฟาตัวที่กำลังยืนพิง เม้มริมฝีปากกับความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในช่วงท้อง
“ ฟาน พอแล้ว ฉันว่าหยุดเถอะ " ปากที่คอยถามแต่ร่างกายกับแอ่นตัวไปให้เค้าดูดกลืนช่วงอกอย่างไม่อาย ทุกอย่างที่สวนทางกันทำเอาอีกฝ่ายยิ้มแต่ก็ยังไม่หยุดการกระทำของตัวเองลง " ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว "
“ ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนสิ " เค้าเงยหน้าขึ้นบอก ริมฝีปากหนาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบที่ซอกคอ
“ นายมีแรงจับฉันปล้ำรึไง "
“ ดูถูกว่ะ " เค้าบอกก่อนจะเลื่อนขึ้นมาจูบริมฝีปากของผมอีกครั้ง ลมหายใจที่ผ่อนออกมา
“ ฟาน " ไม่ใช่ไม่อยากจะให้เค้าจูบหรือสัมผัสอะไรหรอก แต่แค่กลัวว่าอารมณ์จะขึ้น ขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนี้เพิ่งกลับจากงานร่างกายก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด แต่ถ้าบอกว่าให้รอ เชื่อได้เลยว่าคนอย่างหมอนี่ คงรออะไรแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอก
“ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่มีแรงทำอะไรคุณคีย์หรอกครับ "
“ แต่เหมือนตรงนั้นมันโด่ๆ อยู่นะ " ส่วนกลางที่กำลังดันตัวผมแต่ก็คนก็แค่ยิ้ม " นี่..”
“ กลัวเหรอ "
“ ฉันไม่มีกลัวหรอก แต่ช่วยดูสภาพตัวเองด้วยเถอะ จะล้มลงมาทับฉันอยู่แล้ว "
“ ไม่มีแรงทำเรื่องอย่างว่าหรอก เฮือกสุดท้ายคือการจูบคุณนี่แหละ " ฟานพิงตัวเองกับร่างของผมอยู่สักพัก " ไปอาบน้ำก่อนนะครับ ชาร์ตแบตร่างกายเสร็จละ "
“ อื้ม " ร่างสูงที่เดินเข้าไปด้านใน ผมผ่อนลมหายใจก่อนจะก้มลงมองดูสภาพตัวเองก็ได้แต่เกาหัวตัวเองหน่ายๆ ดูสภาพที่มันทำทิ้งไว้ เสื้อที่ใส่ถูกถอดกระดุมจนหมดอยู่ในสภาพหลุดรุย ยอดอกบวมแดงทั้งสองข้าง ไม่นับร่องรอยแดงที่ปะปายไปทั่ว ถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะหันมองไปทางห้องน้ำ ไอ้ลูกหมาเอ้ย ทุกทีเลย
...................................................................
อาหารง่ายที่ผมกินในตอนเช้าเป็นแค่ขนมปังก้อนใส่ไส้กับกาแฟร้อนๆ อยากจะกินข้าวปลาแซลม่อนแต่สภาพของคนทำก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมาทำให้ได้ ฟานยังคงนอนอยู่เป็นการหลับลึกเพราะความเหนื่อยของงานเมื่อวาน กินขนมปังเสร็จผมล้างแก้วใบเดียวของตัวเองคว่ำไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง มองดูเวลาที่อีกไม่นานร่างสูงก็ต้องตื่น
“ ฟาน ฉันไปทำงานก่อนนะ " ไม่มีเสียงตอบรับอะไร ผมที่นั่งลงตรงขอบเตียงก้มลงจูบริมฝีปากอีกฝ่ายที่พลิกตัวหนีไปอีกทาง " หนอย..ไอ้ลูกหมาแกกล้าพลิกตัวหนีฉันเหรอ ฟาน! " ตีเข้าที่แขนอีกคนยิ้มๆ คนที่หลับนิ่งๆก็ไม่โต้ตอบอะไร ก้มลงไปกอดเค้าก่อนจะหอมแก้มก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา เหมือนแม่ที่เห็นลูกนอนหลับอยู่อย่างมีความสุขก็ปลื้มใจ " ฉันไปทำงานก่อนนะ เจอกันตอนเย็น "
ออกจากคอนโดมารอรถไฟที่กำลังจะขับผ่านสถานทีใกล้คอนโดของตัวเอง ผมผ่อนลมหายใจกับการหอบวิ่งเล็กน้อยตอนที่ก้มลงมองเวลาก็มีเสียงนึงทักขึ้น เสียงคุ้นๆที่ทำให้ต้องเบิกตากว้าง
“ คีย์ "
“ หัวหน้า "
“ ตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน " ขมวดคิ้วกับคำพูดของคนที่เดินเข้ามายืนข้างๆกันใกล้ๆ
“ ก็ตกใจเพราะปกติคุณไม่ได้มาขึ้นรถไฟไปทำงาน แล้วถึงจะขึ้นคุณก็ไม่เคยขึ้นขบวนนี้ ที่สถานีนี้ด้วย "
“ แล้วมันแปลกอะไรละ ในเมื่อคนที่ฉันชอบ ขึ้นรถไฟที่สถานีทุกเช้า ถ้าฉันอยากจะไปทำงานกับคนที่ฉันชอบ ฉันก็ต้องมาขึ้นรถไฟสายเดียวกับเค้าสิ " สายตาที่จ้องมองมาแบบที่ความหมายผมหลบตาเค้าก่อนจะเผลอถอนหายใจออกมา
' โชคดีชะมัดที่ฟานไม่มาด้วย ถ้ามาด้วยคงไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนถ้าต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปพร้อมๆกัน สามคน '
“ แล้วคีย์ฉันเคยบอกนายไปรึยัง ว่าเวลาส่วนตัวที่อยู่กับฉันสองคนให้นายเรียกฉันว่า พี่ธีร์เฉยๆ "
“ ก็บอกแล้วครับ " ผมบอกเค้าอีกคนก็ก้มหน้าลงถาม
“ แล้วทำไมไม่เรียกละ ฉันว่า ฉันได้ยินคำว่า หัวหน้านะเมื่อกี้น่ะ "
“ ก็คุณเป็นหัวหน้าผมเรียนคุณว่า หัวหน้ามันชินปากมากกว่า " บอกเค้าแบบนั้นอีกคนก็ยิ้ม
“ อยากจะทำโทษนายชะมัด ถ้าทำได้แล้วละก็ ฉันจะสั่งสอนนายจนนายไม่กล้าเรียกฉันว่า หัวหน้าเลย " เผลอเม้มริมฝีปากตอนที่อีกคนพูดแบบนั้นเค้าก็หัวเราะ
“ ทำไมต้องขู่อะไรแบบนั้นด้วยละครับ น่ากลัว " เบือนหน้าหนีออกมา หัวหน้าก็หันมามองตาม " เรียกหัวหน้ามาตั้งนาน อยู่ๆจะให้มาเรียกชื่อหัวหน้าเฉยๆ มันก็ แปลกๆ ไม่ใช่เหรอ "
“ แต่ไม่มีแฟนกันที่ไหนเค้าเรียกชื่อตำแหน่งแฟนหรอก เพราะงั้น นายควรฝึกให้ชินไว้ตั้งแต่ตอนนี้ "
“ หัวหน้า..”
“ หัวหน้าอีกละ " เค้าผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมแล้วขยี้เบาๆ " เมื่อคืนฉันกลับไปนอนคิดทั้งคืนเลย ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจแล้วละ ถ้าเที่ยงนี้ไม่อยากจะไปกินข้าวกับฉัน ไม่ต้องไปก็ได้นะ ฉันว่าการบังคับให้นายทำนู้นทำนี่ด้วยเพื่อคว้าใจนายมา ดูเหมือนไม่เวิร์คเท่าไหร่ ฉันควรพยายามเองมากกว่า แบบว่า เอาความดีชนะใจนาย "
“ ขอบคุณนะครับที่ทำให้ไม่ลำบากใจกัน "
“ ยังไงความสบายใจของนายในการคบกับฉัน ก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะได้นะ ขอโทษที สำหรับเรื่องเมื่อวานที่ทำให้นายอึดอัด "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผ่อนลมหายใจออกมา ค่อยหายใจโล่งลงหน่อยถ้าเค้าบอกว่าจะไม่ทำให้อึดอัดต่อไปนี้จะปฎิเสธอะไรก็คงง่ายกว่าที่ต้องทำอยู่
“ เมื่อวานคงไม่อยากจะไปกินข้าวกับฉันจริงๆใช่มั้ย ที่ปฎิเสธมา "
“ ครับ ไม่อยากไป " ผมบอกอีกคนไปตรงๆ " มันอึดอัด ความรู้สึกของผมตอนนี้มันอึดอัด หัว .. พี่ธีร์ที่จับมือผมแบบนั้น มันทำให้ผมอึดอัดแล้วไม่อยากจะเข้าใกล้คุณเลย ผมกลัว "
“ กลัว ? “ อีกคนที่หันมาถาม ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาเบาๆแล้วตอบเค้า
“ กลัวการสัมผัสแบบนั้นเลยทำให้ไม่อยากจะออกไปไหนด้วย " เพราะมันดูโจ่งแจ้งแล้วหมายจะสัมผัสมากไป มันดูรู้เกินไปว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ รู้ว่าอีกคนต้องการอะไร
“ ขอโทษอีกครั้งนะ ขอโทษจริงๆ "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมหันไปยิ้มให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผม
“ ฉันแค่ไม่รู้ว่า ต้องทำยังไง นายถึงจะหันมาชอบฉัน เพราะไม่อยากจะเสียนายไปแล้ว ฉันเคยเสียนายมาแล้วครั้งนึงเพราะความเชื่องช้าที่คอยแต่จะเลิกกับภรรยาแล้วค่อยจีบ จนนายมีแฟนแล้วก็เข้าใจกับตัวเองว่า เวลามันไม่เคยรอเราหรอก หนนี้ฉันเองก็เลย ลนๆ เหมือนอยากจะทำให้นายคิดเหมือนฉันสักที ฉันกลายเป็นคนที่รอไม่ไหวแล้ว รอให้นายตอบกลับความรู้สึกของฉันไม่ไหวแล้ว ขอโทษนะ "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมบอกเค้า " แต่ว่านะ การที่ทำให้อีกฝ่ายชอบมันไม่ใช่การรวบรัดหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่มีใครชอบหรอก เป็นตัวของคุณดีกว่า ผมว่าคุณก็เป็นคนอบอุ่นดี แล้วนั่นดีที่สุดแล้ว " รถไฟที่เคลื่อนเข้ามาในชานชาลาเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นผมก็หันไปบอกอีกคนที่ก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา " มันดีที่สุดสำหรับผม "
..........................................................
จ๊ะ..
หมั่นไส้พี่คีย์แค่ไหน มือก็ต้องเขียนไป และปากก้ต้องแบะไปตามสิ่งที่คิด
กรอกตามองบน มองกรอก นิยายเรื่องนี้เขียนโคตรยาก คือไม่ชอบนิสัยนายเอกเลย
แต่ต้องเขียน คือแบบ ต้องแสดงความคิดของคนคนนี้ในด้านนี้ ในใจเรามันค้านในเหตุผลของนาง
แต่มันก็ต้องเขียนไป บางทีเราก็แก้คำพูดนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบบ แรดไป ลดลงมา อันนี้คือซอฟสุด
มีคนถามว่า
" ทำไมไม่เขียนพาร์ทน้องฟานบ้างอะคะ "
คำตอบ " เขียนพาร์ทคีย์คนอ่านยังเกลียดขนาดนี้ ถ้าเขียนพาร์ทฟาน คีย์คงตายไปเลย "
แต่มีพาร์ทฟานแน่นอนคะ ไม่ต้องห่วง พาร์ทน้องฟานจะยาวตอนท้ายๆ
มีคนอ่านบอกว่าเกลียดคีย์ ทำยังไงก็ดีกับนางไม่ได้ต่อให้ตอนท้ายนางกลับมาเป็นคนที่แสนดี
แต่ถึงอย่างงั้น ก็ขอให้อ่านเรื่องนี้จนจบเถอะนะคะ อยากจะให้อ่านบทสรุปสุดท้ายของมันด้วยกัน
แล้วค่อยตัดสินจริงๆว่ามันจะเป็นยังไง

ยังไงก็ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ ในทวิต
ฝากแชร์ในเฟส
เจอกันตอนหน้า อาทิตย์หน้า เชื่อว่าจะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอยค่ะ ทั้งตอนที่ 39 และ 40 เลยแหละ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ
