ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 37
' เด็กส่งน้ำ '
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้กับอาคารสำนักงานของเราที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เพราะมันไม่ได้อยู่ฝั่งห้างผมเลยไม่ได้สนใจว่ามีร้านอาหารแบบนั้นอยู่ใกล้กับบริษัทของเราด้วย หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะเล็กๆภายในร้าน พนักงานออฟฟิศมากมายที่ทยอยกันเข้ามาเป็นช่วงเวลารีบเร่งของคนค้าขายที่ต้องรีบบริการให้รวดเร็วที่สุด
“ ร้านน่านั่งจัง " เอ่ยหลุดปากชมออกมา ตอนที่มองไปรอบๆ ร้านที่ตกแต่งแนวอิลาลี " พึ่งรู้นะครับ ว่ามีร้านแบบนี้อยู่แถวบริษัทของเราด้วย "
“ อื้มม ไม่เคยเห็นเลย " ลิปบอกก่อนหัวหน้าจะหลุดหัวเราะ
“ ก็พวกนายสองคนวันๆก็นั่งกินแต่แซนวิชในร้านใต้บริษัท ไม่เคยออกมาหาอะไรกินข้างนอกนี่ จะไปรู้ได้ไง " หัวหน้าว่ายิ้มๆ " ที่นี่น่ะ สปาเก็ตตี้อร่อยอะ พิซซ่า ก็เด็ด "
“ หัวหน้านี่ ท่าทางจะรู้เยอะนะครับ "
“ แน่นอน ผมเป็นพวกชอบกินข้าวข้างนอกนี่ ชอบหาร้านอร่อยๆกินช่วงพักเที่ยง "
“ ไม่ใช่ว่าชอบพาใครมากินข้าวเหรอ " ลิปแซวอีกคนก็ยกยิ้ม
“ ก็เพื่อนทั้งนั้น แต่มีหนนี้แหละที่ไม่ใช่เพื่อน " มือหนาที่เปิดเมนูอยู่ๆก็คว้ามือผมไปกุมไว้ ก่อนจะถูกผมดึงกลับทันที เงยหน้ามองลิปที่ทำท่าทางตกใจแต่ก็แค่ก้มหน้าลงดูเมนูของตัวเอง เสียงเบาๆของเค้าที่พูด
“ หน้าด้านกว่าที่คิดอีกว่ะ "
เราสั่งอาหารมาคนละจานผมก้มหน้าลงกินอาหารที่มาเสิร์ฟตรงหน้าไม่ได้พูดจาอะไรกับใคร ภายในโต๊ะที่ค่อนข้างเงียบอยู่ๆหัวหน้าก็ถามขึ้น
“ พรุ่งนี้มากินด้วยกันสิ ฉันมีร้านอาหารแนะนำเยอะแยะเลยนะ "
“ พรุ่งนี้เห็นทีคงต้องขอผ่านครับ " ลิปบอก " ผมไม่ชอบกินอาหารในที่ที่คนพลุกพล่านน่ะ ขอกลับไปกินที่เดิมดีกว่า "
“ งั้นคีย์ นายปฎิเสธฉันไม่ได้แล้วนะ เหลือนายคนเดียวแล้วที่ต้องมากินข้าวกับฉัน "
“ เอ่อคือ.. ผมว่าผมเองก็ไม่ค่อยชอบ "
“ ฉันบอกว่าห้ามปฎิเสธไงคีย์" ร่างสูงพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงกินสปาเก็ตตี้ในจานของตัวเองต่อ ลิปมองหน้าผมที่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก เรากินอาหารกันเงียบๆ ผมใช้มือเดียวในการหมุนส้อมกินอาหารในจานแบบเบื่อๆ ไม่อยากจะกินเลย แล้วยิ่งคิดถึงวันพรุ่งนี้ก็ยิ่งไม่อยากกิน
มืออีกข้างที่วางบนตักในช่วงเวลาที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆก็โดนใครที่นั่งอยู่ข้างๆคว้าจับมันไว้แน่น ผมหยุดกินอาหารไปแบบชะงักก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือตัวเองออกจากการจับกุมของเค้า แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยเค้ายังคงกุมมือของผมไว้แน่นอยู่ดี
เงยหน้ามองลิปที่ยังคงก้มหน้ากิน ผมหันมองหัวหน้าที่ก็ยิ้มให้ผม เหมือนกับตัวเค้าเองก็ไม่ได้กำลังจับมือของผมอยู่ ดึงมือของตัวเองออกด้วยความรวดเร็วแบบรุนแรงจนหลุดออกจากการจับกุม ผมยกมันขึ้นมาไว้บนโต๊ะ รีบกินอาหารของตัวเองจนเสร็จก่อนจะดื่มน้ำ ผมไม่ชอบการทำอะไรที่เหมือนเรากำลังลักลอบคบกันแบบนั้น เค้าที่กำลังทำให้ผมดูสมยอมทั้งๆที่ตัวผมก็ไม่ได้สมยอมเลยสักนิด ทั้งๆที่พยายามหนี พยายามห้ามใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะยิ่งเข้ามาใกล้
“ อร่อยดีจัง " ลิปบอกก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินของตัวเองขึ้นมา
“ ไม่ต้องหรอกผมเลี้ยงเอง "
“ อย่าเลยครับหัวหน้า ผมจ่ายเองดีกว่า "
“ นั่นนะสิครับ ไม่ต้องเลี้ยงหรอก "
“ ผมอยากเลี้ยงนะ "
“ ไม่เป็นไรครับ เราสองคนจะจ่ายเอง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย เดี๋ยวเผื่อหนหน้าไม่อยากมา ก็โดนขู่อีกว่า ฉันเคยเลี้ยงนะ รอบนี้นายมาเลี้ยงฉันเลย อะไรแบบนั้นน่ะ.. กลัว " ลิปว่าก่อนจะพูดออกมาเชิงขำๆ " แต่ผมไม่ได้หมายถึงหัวหน้านะ เพราะหัวหน้าคงไม่ใช่คนแบบนั้นใช่มั้ยละครับ พวกคนเห็นแก่ตัวน่ะ ฮ่าๆ " ยกมือขึ้นเรียกกับเงิน และของการจ่ายเงินแบบแยกกันจ่าย รอรับเงินทอนก็เป็นอันว่าสิ้นสุดการกินข้าวมื้อนี้เสียที
ผมผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนปลดโล่งออกไป ลิปก็หันมาทัก " คีย์ ถอนหายใจเสียงดังจังนะ นายตึงเครียดมากเลยเหรอที่ต้องไปกินข้าวข้างนอกน่ะ " เหลือบมองหัวหน้ากับคำพูดของอีกคนที่ทำเป็นพูดออกมาเหมือนอยากให้ร่างสูงรู้ว่าผมไม่ชอบเท่าไหร่ " ก็น่ะ ฉันเข้าใจนาย ก็นายไม่ชอบกินข้าวในที่ที่คนเยอะๆนี่นะ "
“ อื้ม ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ "
“ งั้นพรุ่งนี้บอกให้ฟานทำอาหารกลางวันมากินกับฉันสิ ฉันจะให้คุณเมษทำมาให้เหมือนกัน "
“ เอางั้นเหรอ " ผมหันไปบอกอีกคน ลิปก็พยักหน้ารับ การตกลงของเราจะเป็นไปด้วยดีแต่ทว่า มือหนาที่คว้าแขนของผมเอาไว้
“ ไหนบอกว่าพรุ่งนี้จะไปกินข้าวกับฉันไง ฉันบอกแล้วนะว่าห้ามปฎิเสธ "
“ หัวหน้า แต่ว่าคือ."
“ หัวหน้าช่วงเวลาพักผ่อนนะ อยากจะทำอะไรก็ให้ลูกน้องทำเถอะครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะอย่าหาว่าไม่เกรงใจกันเลย คีย์มันไม่อยากจะไปกับหัวหน้า ดูก็รู้แล้ว ยังจะบีบบังคับกันอยู่ได้ คำพูดที่ชวนให้อีกคนพูดไม่ออกน่ะ คุณมีความสุขนักหรือไงที่ไปกินข้าวกับคนที่ไม่อยากจะไปกินข้าวกับคุณแต่เค้าต้องไปเพราะคุณเป็นหัวหน้าน่ะ "
“ ใช่ " ร่างสูงยอมรับ " ถ้าคีย์ไปกับฉัน ด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ แค่ผลลัพธ์คือเค้าไปกับฉันนั่นก็พอแล้วเพราะเค้าคือคนที่ฉันสนใจอยู่ " ลิปขมวดคิ้วตอนที่ฟังอีกคนพูดพลางถอนหายใจออกมา
“ คุณนี่..”
“ แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยลิป ฉันชวนคีย์ไม่ได้ชวนนาย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงชอบออกความคิดเห็นเหมือนพวกรู้ดีไปหมดทั้งๆที่ไม่ได้รู้อะไรเลย "
“ เหรอครับ " ลิปยิ้ม " ไม่รู้อะไรเลย หรือรู้มากไป มองออกมากไป กันแน่ " ทุกอย่างเงียบแววตาที่กำลังจ้องกันเหมือนจะทะเลาะ
“ ผมว่าเราขึ้นบริษัทไปทำงานต่อดีกว่า ไปเถอะลิป ไปกัน " ลากแขนของเพื่อนออกไปจากสงครามเย็นของทั้งหัวหน้าและก็เค้า แต่ทว่าหัวหน้าที่กำลังจะเดินตามเค้ากลับคว้าแขนของลิปเอาไว้ ก้มลงกระซิบอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน ลิปที่ยกยิ้มออกมาในตอนนั้นทำได้แค่จ้องเค้าอย่างไม่กลัว แล้วจากนั้นหัวหน้าก็เดินจากเราไป " ลิป..”
“ ฉันเห็นตอนที่เค้าแอบจับมือนายน่ะคีย์ ที่ร้านเมื่อกี้ " อีกคนหันมาบอกผม " อย่าเผลอขึ้นรถไปกับเค้าเชียวละ เพราะนายอาจจะต้องเลื่อนฐานะ จากลูกน้องไปเป็นเมียเค้าก็ได้ "
“ แล้วเมื่อกี้เค้าพูดอะไรกับนาย "
“ ถ้าสิ้นปีนี้มีคำสั่งปลดพนักงานออก ฉันจะเป็นคนแรกที่เค้าจะเสนอชือให้ออก " เค้ายักคิ้วบอกผมเป็นประโยคสั้นๆ ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วสำหรับสิ่งที่อีกคนเอ่ยออกมา ลิปไม่ชอบหัวหน้า แล้วหัวหน้าเองก็คงไม่ชอบลิปหรอก เพราะคำพูดประชดประชันพวกนั้นก็ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ แต่ฟังแล้วเจ็บจุกอยู่เหมือนกัน " แล้วแบบนี้นายยังคิดอีกเหรอคีย์ ว่าที่เค้าช่วยนายอะ เค้าไม่ได้วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้านายไม่ชอบเค้าก็ ระวังตัวไว้เถอะ หมอนี่มันร้าย แต่ถ้านายยังดึงดันที่จะลองชอบคนที่แอบชอบมานานแล้วละก็ นายมาถูกทางแล้วละ เพราะตอนนี้เค้าก็รุกนายแบบที่ไม่สนใจอะไรเลยเหมือนกับว่ากำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นายมา แม้จะด้วยวิธีที่เลวๆแค่ไหนก็ตาม "
“ ฉันไม่ได้ชอบเค้าหรอกลิป ยังไงก็ชอบฟานอยู่แล้ว " บอกอีกคนไปแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจอกมา " แต่ฉันแค่ไม่รู้จะปฎิเสธเค้ายังไงก็เท่านั้น "
“ เหรอ งั้นก็ระวังไว้นะ ระวังความเกรงใจจะทำให้นายต้องไปกับเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหยุดความรู้สึกจริงๆของตัวเองไม่ได้ " มือบางเอื้อมมาตบไหล่ผม " ความรู้สึกที่นายก็ชอบเค้าแต่ติดที่ว่าตอนนี้มีฟานอยู่แล้วละไม่อยากเสียไป จำไว้นะว่า นายหลอกใครก็ได้แต่นายหลอกใจตัวเองไม่ได้หรอกคีย์ "
“ แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ถ้าเป็นแบบนั้น นายจะให้ฉันทำยังไง ถ้าคนนึงก็แสนดีแล้วไม่อยากจะเสียไป แต่อีกคนก็ชอบมานานแล้วถึงไม่จริงจังแต่ก็ชอบมานานแล้ว ฉัน...มันก็เสียดายนะเว้ย ถ้าเป็นนาย นายจะทำยังไง "
“ คงเลือกใครสักคนละมั้ง ระหว่างเป็นแฟนกับคนดีๆที่รักเรามากแต่ไม่ถูกสเป็คเท่าไหร่ กับเมียน้อยของผู้ชายในสเป็ค ก็คงต้องเลือกเอา "
“ แต่ฉันไม่อยากจะเลือก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเอาไว้ทั้งสองคนหรอกนะ "
“ นายกำลังจะบอกฉันว่า แอบคบกันหัวหน้าไปแบบนี้ และยังคงคบกับฟานอยู่ คืนไหนอยากจะนอนกับหัวหน้าก็บอกฟานว่า มีงานต่างจังหวัด ละไปมีอะไรกับเค้า พอเสร็จกลับมา อยากมีอะไรกับฟานก็มีอะไรกับเค้า พอหัวหน้าเบื่อ หัวหน้าทิ้งนายไปสุดท้ายนายก็ยังมีฟานอยู่ อย่างงั้นเหรอ ? ขอโทษนะ ความเห็นแก่ตัวมันถ่ายทอดทางลมหายใจเหรอไง ทำไมนายถึงติดมาจากเค้าได้ละ "
“ ลิป ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ไม่ได้หมายความถึงเซ็กส์ บางทีเราแค่เป็นเพื่อนคุยกันก็เท่านั้น แค่คนที่ถูกใจกันแต่เราทั้งคู่ก็มีแฟนอยู่ เราก็เลยทำได้แค่คุยกัน "
“ นี่นายยย คีย์ นายอายุ 25 แล้วนะเว้ย ยังมีความคิดโลกสวยแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอ รักแล้วขาดสติรึไง นายคิดเหรอว่าเค้าจะไม่หวังมีอะไรกับนาย ฉันขอพนันพันล้านเลยก็ได้ ยังไงเค้าก็หวังจะมีอะไรกับนาย และไม่ใช่ครั้งเดียวจบด้วย คงจะหวังให้มีจนกว่าเค้าจะพอใจ แล้วค่อยสะบัดทิ้ง เลิกหลอกตัวเองสักทีจะได้มั้ย ชอบก็บอกไปว่าชอบ ก็แค่นายชอบคนเลวๆคนนึง แล้วมองแม่งดีกว่าคนดีๆ อยากจะเลือกหัวหน้าก็เลือก แล้วทิ้งฟานมันไปซะ สงสารมัน คนดีๆแบบมันอย่าให้ต้องมาคบกับคนเลวๆแบบนายเลย "
“ ฉันไม่ทิ้งฟานหรอก " ผมพูดออกไปอีกคนก็ถอนหายใจออกมา
" คีย "
" ฉันสับสนว่ะ ฉันไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากเสียฟานไป แต่ถึงอย่างงั้นหัวหน้าก็คือคนที่ฉันชอบมานาน พอเค้ามาจริงจังกับฉันแบบนี้ ฉันเองก็หวั่นไหว ฉันเองก็อยากจะลองคบเค้าดูเหมือนกัน " ยอมรับออกไปแบบนั้นคนฟังก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว
“ เลือกสักคนคีย์ " ลิปเอื้อมมือมาจับไหล่ของผม " เลือกสักคน คนที่รักนายแล้วนายก็รักเค้า ถ้าเป็นฟานก็เลิกยุ่งกับหัวหน้าซะ ถ้าเป็นหัวหน้าก็ปล่อยฟานไป อย่าจับปลาสองมือเพราะมันจะไม่ได้สักมือ เลือกดีๆ นายก็เลือกดูยิ่งเร็วยิ่งดีจำไว้ เพราะความลับมันไม่มีในโลกหรอก สักวันคนที่นายปิดบังไว้เค้าก็คงรู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่ ฉันเองก็คงเตือนนายได้แค่นี้ "
กลับขึ้นมานั่งทำงานต่อให้แผนก ผมที่พยายามรวบรวมสติทำงานตรงหน้าให้เสร็จ ออกแบบร่างงานของตัวเองด้วยการหาข้อมูลต่างๆกองไว้เสียเต็มตรงหน้าจอ งานยุ่งๆที่ทำให้ลืมเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกเครียดในช่วงนี้ ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มก่อนรุ่นน้องในแผนกจะเดินเข้ามาหา
“ พี่คีย์จะกินน้ำมั้ย พวกชา กาแฟ โกโก้ อยากจะกินมั้ยคะ "
“ น้ำเหรอ ไม่ค่อยอยากจะกินนะ " ผมตอบเธอไปอีกคนก็พยักหน้าเข้าใจ แม้จะเสียดายอยู่หน่อย ๆ " ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ "
“ ก็เปล่าหรอกค่ะ แล้วพี่ลิปล่ะ อยากจะกินมั้ย "
“ เอาชาเขียวเย็นมาแก้วนึง "
“ โอเคค่า " เธอตอบรับก่อนจะจดชาเขียวเย็นที่ลิปสั่งลงในกระดาษแผ่นเล็กๆที่ถือมา " ครบแล้วค่ะ สิบแก้ว "
“ ต้องสั่งถึงสิบแก้วเลยเหรอ "
“ ใช่ค่ะ ถ้าสั่งสิบแก้วจะมีคนมาส่งให้ถึงแผนกเลย "
“ ดีจังนะบริการแบบนี้ " ผมว่า รุ่นน้องก็พยักหน้ารับ
“ ไม่ใช่แค่บริการดีนะ แต่ว่าพนักงานที่มาส่งน่ะ หล่อสุดๆไปเลย "
“ เคยเห็นแล้วเหรอ หน้าตาเป็นไง " ลิปถามอีกคนก็ส่ายหน้า
“ ยังหรอกค่ะ แต่แผนกบัญชีน่ะ เมื่อเช้าเค้าสั่งกาแฟกันแล้วน้องคนที่มาส่งหล่อมากกกก นางก็เลยมาเม้าส์ๆให้ฟัง แผนกเราก็เลยจะลองดูว่าหน้าตาจะหล่อจริงมั้ย "
“ แบบนั้น "
“ รอดูพร้อมกันนะคะ พี่ลิป "
“ โอเคๆ " เธอที่เดินออกไป ผมก็หลุดยิ้มออกมา กับท่าทางดีใจของสาวๆในแผนก จะหล่อแค่ไหนกันวะถึงได้ดี๊ด๊าอะไรขนาดนั้น
“ หล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ ถ้าโดนแผนกบัญชีหลอกแล้วจะขำให้ " ลิปว่าเสียงเบาๆ ผมก็หันไปบอก
“ แต่นายก็สั่งชาเขียวไปนะลิป "
“ อันนั้นก็เพราะว่าฉันอยากจะกินอยู่แล้วตังหากเว้ย ไม่ได้เกี่ยวกับพนักงานหล่อ ไม่หล่อหรอก "
“ อย่างงั้น " รับคำอีกคนก่อนจะหันกลับมาทำงานต่อ แบบไม่สนใจอะไร จดจ่อกับงานที่หน้าจอของตัวเอง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่ตอนนั้นออฟฟิศเงียบๆของเรา อยู่ๆก็มีเสียงที่ผมคุ้นๆทักขึ้น
“ ขออนุญาติครับ มาส่งน้ำครับ " ทุกสายตาที่หันไปมอง สาวๆในออฟฟิศที่เป็นคนสั่งก็แสดงอาการดีใจแบบออกนอกหน้า ยามที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั่น
ทุกอย่างที่แผนกบัญชีพูดเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องโม้เหม็นแต่อย่างใด ถาดน้ำถูกวางลงบนเค้าเตอร์ข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มของหนุ่มส่งน้ำที่บอกได้สั้นๆว่า หล่อสัดๆ หน้าตาคมเข้ม รูปร่างสูง พร้อมกับรอยยิ้มเท่ห์ๆ แต่ว่านะ.. นั่นน่ะ
“ ฟาน " ผมเอ่ยเรียกชื่อเค้าเบาๆสำหรับความหล่อเหลาที่คุ้นเคยดี ลิปที่หันมองอยู่หลุดขำออกมาเสียงดังลั่น นี่นะเหรอ ? หนุ่มส่งน้ำสุดหล่อที่แผนกบัญชีคลั่งไคล้กัน คือไอ้ฟาน คือ ไอ้ลูกหมาของผมเนี้ยอะนะ
“ หน้าคุ้นๆนะคีย์ เด็กหนุ่มส่งน้ำเนี้ย " คนข้างๆบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับกระเป๋าเงินของตัวเอง ตรงไปที่เค้าเตอร์ข้างหน้า " ชาเขียวของฉันล่ะ "
“ ถึงขั้นต้องลุกมาจากที่นั่งเลยนะพี่ลิป " เด็กผู้หญิงข้างหน้าแซวอีกคนก็ยิ้ม ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นป้องปาก ก่อนจะพูด
“ ชอบ "
“ นี่ครับ " ฟานยื่นน้ำให้อีกคนก็ยิ้มกว้าง
“ เสียดายแทนบางคนจังที่เค้าไม่ได้สั่ง อดมายืนตรงนี้เลย " ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะดึงมือตัวเองที่กำลังเท้าคางมองจ้องอยู่ ลงที่เดิม
เบือนหน้าหันกลับไปทำงานต่อทันทีตอนที่ทุกคนหันมามองผมโดยเฉพาะฟาน ไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิดว่าหมอนี่ทำงานที่ร้านกาแฟ ไม่เห็นบอก เมื่อเช้าจะถามก็บอกว่ารีบ เพราะกลัวจะเข้างานสาย แล้วจำได้ว่า กาแฟร้านนั้น ไม่เคยมีบริการส่งนอกสถานที่ นี่น่า แล้วนี่อะไรทำไมพอหมอนี่ไปทำงานต้องส่งนอกสถานที่ด้วย แล้วนี่ส่งไปกี่แผนกแล้ว แล้วแต่ละแผนกเด็กฝึกงานก็เยอะ ไม่นับพวกป้าๆที่ชอบเต๊าะเด็กอีก ไม่ต้องดูอะไรมาก แค่แผนกกูก็รู้ ว่าที่ผ่านมาเจอไปกี่คำถาม
“ น้องชื่ออะไรเหรอคะ " รุ่นพี่ในที่ทำงานของผมถาม
“ ฟานครับ "
“ กำลังเรียนอยู่เหรอ "
“ ครับ กำลังเรียนอยู่ "
“ คณะอะไรละ "
“ วิศวะครับ "
“ วิศวะ ด้วย ตายแล้ววว " เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้ผมหันไปเหลือบมองตรงกลุ่มที่เค้าเตอร์อีกครั้ง พอเรียนวิศวะแล้วมันเป็นยังไงวะ มันดูหล่อขึ้นเหรอ ทำไมถึงต้องทำหน้าทำตาเคลิ้มอะไรกันขนาดนั้น มีเจ้าของแล้วด้วยเว้ยคนนั้นน่ะ มีแฟนแล้ว
“ แล้วเรียนอยู่ปีไหนแล้วละ "
“ ปีหนึ่งครับ กำลังจะขึ้นปีสอง "
“ มีคนจ่ายค่าเทอมงวดสุดท้ายให้รึยังจ๊ะ ถ้ายังใส่ชุดนักศึกษาแล้วขึ้นลิฟต์ตรงมาหาพี่เลยนะ " รุ่นพี่สาวโสดในแผนกอีกคนว่าแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้ฟานที่ก็ทำได้แค่ยิ้มตามแล้วพนักหน้ารับ
' น่าเกลียดพูดแบบนั้นได้ไง เป็นผู้หญิงแท้ๆ จะส่งเสียผู้ชาย ส่งเสียตัวเองก่อนเถอะย๊ะ ไอ้หมอนั่นก็เหมือนกันปฎิเสธซะบ้างสิ พยักหน้ารับคืออะไรวะ เห็นแม่งเป็นลูกค้าแล้วต้องยอมรับทุกอย่างเลยรึไง ค่าเทอมไม่มีใส่ชุดนักศึกษามาหากูนี่มา เดี๋ยวจ่ายให้เอง ' ผมคิดในใจตอนที่มองดูการสนทนาของคนกลุ่มนั้น ทิชชู่แผ่นเล็กสองสามแผ่นจะถูกยกขึ้นเช็ดหน้าให้อีกคนที่ก็ก้มหน้ายิ้มเขินๆ ' มีเมียแล้วไม่มีสิทธิเขินกับผู้หญิงอื่นนะเว้ย ไอ้ฟาน ต่อหน้าต่อตากูเลยนะเนี้ย หยุดเลยนะอีป้า '
“ แรงมากเลยอะชะนีสมัยนี้ มีความเปย์ แล้วก็มีความถึงเนื้อถึงตัว " ลิปว่าก่อนจะหันไปมองฟานบ้าง " แล้วมีค่าขนมรึยังจ๊ะ พี่จ่ายให้ก็ได้นะ แม้จะโดนคนแถวๆนี้มองแรงก็ตาม "
“ ครับ "
“ แหมม แล้วเมื่อกี้ว่าแต่พี่นะลิป "
“ นิดๆหน่อยๆนะครับ " ลิปหันไปมองอีกคนก็จะยิ้มขำท่าทางเท่ห์ๆที่กำลังอาย “ นี่ฟาน เมื่อกี้ถามว่าจ่ายค่าเทอมให้มั้ยก็พยักหน้ารับ พอบอกจะจ่ายค่าขนมให้มั้ยก็ตอบครับอีก ตกลงจะเอาจริงๆเหรอ ฉันจ่ายให้เลยได้นะ ขอไปเอาสมุดเช็คแปป "
“ ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ขาดอะไร "
“ แหม เสียดาย " ท่าทางเสียดายที่ดูน่ารักชวนให้ฟานยิ้มออกมาก่อนรุ่นน้องในแผนกจะถามขึ้นอีก
“ แล้วน้องฟานมีแฟนรึยังคะ "
“ โสด " ลิปตอบ " แน่นอนว่าหน้าตาแบบนี้ต้องโสดแน่ๆ หรือถ้ามีแฟน ก็อาจจะกำลังโสดในไม่ช้าก็ได้ " ผ่อนลมหายใจกับคำพูดเล่นๆของลิปตรงนั้น มือที่จับเม้าส์ปากกาแน่นของผมทำได้เพียงจ้องไปที่ภาพนั้น
เด็กผู้ชายวัยรุ่นสุดหล่อที่กำลังถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายคนละรุ่นกับตัวเอง เค้าที่เป็นที่สนใจเพราะทั้งหล่อแล้วก็โดดเด่น พนันได้เลยว่าถ้ามารู้นิสัยภายในว่าแสนดีขนาดไหน คงมีแต่ทำให้คนหลงใหลมากขึ้น ฟานที่ทั้งใส่ใจแล้วดูแลผมอย่างดี ทำอาหารก็เก่ง งานบ้านก็คล่อง แถมยังขี้อ้อน แล้วก็มีมุมดิบๆของผู้ชาย ไม่ต้องพูดเรื่องบนเตียงที่ก็ทั้งอบอุ่นและรุนแรงในคราวเดียวกัน เรียกได้ว่าเฟอร์เฟ็คทั้งภายในแล้วก็ภายนอกเลยแหละ ไอ้เด็กนั่นน่ะ
' แต่ แล้วเราทำไมไม่พอใจอีกวะ ทำไมถึงยังไปหวั่นไหวกับคนเก่าอยู่ได้ แล้วตอนนี้ที่หึงเค้า หงุดหงิดเค้าตอนนี้เพราะมีคนมาสนใจมันคืออะไร นู้นก็หวั่นไหว นี่ก็ไม่อยากทิ้งไป '
“ คีย์ เหม่ออะไรอยู่ " เสียงทุ้มของหัวหน้าที่เอ่ยถาม ชวนให้ผมละสายตาจากฟานที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมแผนก หันกลับมาสนใจงานของตัวเอง " เด็กส่งน้ำคนนั้น หน้าตาคุ้นๆนะ "
“ ครับ " ตอบเค้าสั้นๆ ในตอนที่หัวหน้าก้มลงมามองงานของผมในหน้าจอ ใบหน้าคมของเค้าที่เข้ามาชิดที่แก้ม ผมเองก็ถอยหนี " มีอะไรรึเปล่าครับ "
“ ก็เปล่าหรอก แค่สงสัยว่า นายกลัวที่แฟนนายจะเห็นด้วยเหรอ ความใกล้ชิดของเรา "
“ หัวหน้า "
“ ถ้านายไม่อยากจะให้เค้าเห็น บอกฉันสิ ฉันไล่เค้าไปให้ได้นะ " ผมเงียบไปตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น
“ ทำไมถึงไม่คิดบ้างละครับ ว่าผมไม่อยากจะให้แฟนผมเข้าใจผิด เพราะผมรักแฟนผม "
“ คิดแบบปวดใจน่ะเหรอ .. ฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก " เค้าว่าก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผมอีก " วันนี้งานของนายออกแบบอะไร "
“ กล่องแพ็คเก็ตของรองเท้าครับ "
“ สวยจังนะ งานอะไรแบบนี้ของคีย์น่ะ "
“ หัวหน้า ต่อหน้าแฟนผมนะครับ กรุณาถอยออกไปเถอะ " ผมพูดเสียงเรียบๆ " อย่าทำให้แฟนผมกับผมต้องเข้าใจผิดกันเลย "
“ แต่นี่มันงาน "
“ คุณเข้ามาใกล้ผมมากกว่าคำว่า งานแล้วครับ " หันหน้าไปมองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา
“ กลุ่มเต๊าะเด็กส่งน้ำตรงนั้นน่ะ ถ้าจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ช่วยกลับมาทำงานด้วยนะครับ มีลูกมีผัวกันหมดแล้วนะ "
“ หัวหน้าอ่าาา " เสียงดังๆของกลุ่มคนเหล่านั้นที่เอ่ยออกมากับความรู้สึกเสียอารมณ์เพราะคำพูดแซวตรงๆของหัวหน้า หันไปจ้องหน้าฟานที่ยิ้มให้ผมเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้ผมยิ้มจางๆกลับไปให้เค้า
แผ่นหลังที่เดินออกไปช้าๆหัวใจของผมบีบรัดกับความรู้สึกที่ต้องมาทำอะไรลับหลังเค้าแบบนี้ ความใกล้ชิดของผมกับหัวหน้า หรือแม้แต่คำพูดที่ไม่บริสุทธิ์ใจเหล่านั้น
“ ไม่มีไอ้หมอนั้นแล้ว คราวนี้ฉันใกล้ชิดกับนายได้เหมือนเดิมแล้วยังคีย์ "
“ หัวหน้ามันไม่เกี่ยวกันนะ "
“ ไม่เกี่ยวกันได้ไง เมื่อวันก่อนนายยังไม่พูดจาแบบนี้กับฉันเลย แต่เพราะมีแฟนนายยืนอยู่ตรงนั้น นายก็มาแสดงทีท่าขัดขืนฉัน ไม่ต้องกลัวหรอก เค้าไม่รู้หรอก ยังไงสำหรับภายในออฟฟิศฉันก็แค่ใกล้ชิดนายเพียงเพราะนายเป็นลูกน้องคนนึงก็เท่านั้น แต่ถ้าข้างนอก.. ก็ว่าไปอย่าง " หัวหน้าผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะก้มลงมากระซิบผม " มันไม่ผิดหรอกที่นายจะชอบคนสองคนในเวลาเดียวกันแล้วก็เลือกไม่ได้ แต่มันจะผิดนะ ถ้านายไม่ยอมรับความคิดของตัวเอง อย่างน้อย นายก็ผิดต่อตัวเอง " ผมหันไปหาอีกคนที่กำลังยิ้มแต่มีแววตาที่เสียใจอยู่ในนั้น ความรู้สึกที่ทำให้ผมเงียบไป
“ คือ. "
“ กำลังปฎิเสธฉันอีกแล้วสินะ นายอย่าคิดสิว่า คนเห็นแก่ตัวอย่างฉัน จะไม่เสียใจที่ต้องคอยมาพูดจาเห็นแก่ตัวแบบนี้กับนาย ถ้าไม่รักไม่ชอบจริงๆ ฉันจะพูดทำไมละ ใช่มั้ย "
“ คำพูดเห็นแก่ตัวของคุณนั่นแหละ ที่จะทำให้ผมเลิกชอบคุณ เพราะมันเห็นแก่ตัวมากไปจนน่ารังเกียจ "
“ กำลังคุยเรื่องซีเรียสอะไรกันเหรอครับ " ลิปที่เดินมานั่งตรงที่เดิมเอ่ยถามเราสองคนที่กำลังจ้องตากันเขม็งด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนปกติ แววตาอ่อนโยนที่มองกันและกันในตอนนี้เหมือนมันหายไปชั่วขณะ
“ เปล่าหรอก " หัวหน้าบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง
“ ชาเขียวหน่อยมั้ย อร่อยนะ " ลิปที่ยื่นแก้วมา ผมก็ส่ายหน้า " หน้าตานายดูหงุดหงิดจัง หัวหน้ามาพูดอะไรให้โกรธอีกละ "
“ ก็เรื่องเดิมๆของคนเห็นแก่ตัว "
“ ฉันก็ตกใจ นึกว่านายโกรธฉัน "
“ เรื่องอะไรละ ทำไมฉันต้องไปโกรธนายด้วย " ผมหันไปถามอีกคนก็ทำท่านึก
“ เรื่องที่ฉันพูดไปว่า ฟานยังโสดทั้งๆที่เค้าจะตอบแล้วแท้ๆว่ามีแฟนแล้ว แล้วที่ฉันพูดว่า หรือไม่ก็กำลังจะเลิกกับแฟน "
“ ฉันไม่โกรธหรอก สิ่งที่นายพูดมันไม่ใช่ความจริงฉันจะไปโกรธนายทำไม " ผมหันไปมองอีกคนก่อนจะยิ้ม " เพราะยังไงซะ ฉันก็ไม่มีทางเลิกกับฟานหรอก ส่วนเรื่องที่คาราคาซังอยู่ตอนนี้ คงต้องปล่อยไปสักพักนึง ฉันเองก็เลือกไม่ได้ด้วย ว่าใครที่จะดีกว่าในระยะยาวกันแน่ ถ้าเลือกฟานไปสุดท้ายความเป็นเด็กเข้ากันไม่ได้ละ หรือถ้าเลือกหัวหน้าไปแล้วสุดท้ายเค้าไม่จริงจัง แบบนั้นก็เหมือนเสียอีกตัวเลือกไปเปล่าๆเลยนะ ว่ามั้ยละ "
“ สงสารฟานนะ คีย์ "
“ ทำไมไม่สงสารฉันบ้างละ ฉันก็หนักใจที่ต้องเลือกใครคนใดคนนึงนะ แล้วฉันก็ไม่อยากจะเลือกใคร คนนึงก็ดี อีกคนก็ชอบมาตั้งนาน ทำไมถึงไม่มีใครสงสารฉันบ้างวะ มันเลือกยากนะเว้ย ที่ต้องเลือกใครคนใดคนนึงทั้งๆที่เราก็ลังเลแบบนั้นน่ะ " คำถามที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่
“ คนเห็นแก่ตัว มันไม่น่าสงสารหรอกนะ จะบอกให้ มันมีแต่น่ารังเกียจ "
..................................................................
ถึงขั้นต้องสบถออกมาว่า " อีเหี้ย!! กล้าาา ” กล้าพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไงวะ
เราว่าคีย์เหมือนกับ คนที่หวั่นไหวไปแล้วแต่เพราะที่ยังมีความหักห้ามใจ คงเพราะเป็นความดีของน้องฟานที่ทำมาตลอดรั้งนางไว้อยู่ เหมือนเราชอบนะ แต่ไม่ได้มึงไม่ได้กูชอบไม่ได้ แต่มือที่โคตรรรอยากจะเอื้อมไปสัมผัสของชิ้นนั้นมากๆ นี่แหละ อยากจะได้มานานแล้ว ใจสั่นเชียว
มีคนบอกว่า เมื่อไหร่ดราม่าจะจบวะ แม่งยาวนานวะ คือ ตอนนี้เราเขียนล้ำหน้าคนอ่านที่กำลังอ่านไปหน่อยนึงนะคะ
เราเขียนพาสดราม่าตรงนี้อะ จบไปแล้ว จะบอกใบ้ว่า สักประมาณตอนที่ 39 40 จะถึงฉากที่พีคขั้นหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะสนุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกคนรออ่านฉากพวกนั้นอยู่ เนื้อเรื่องทั้งหมด มีความจำเป็นต้องยืดยาวตัดไม่ได้ เพราะมีเหตุผลของมันที่ทำให้ต้องเขียนต่อ ถ้าเราตัดไปแล้วเขียนข้ามๆ พอเขียนต่อไปคนอ่านจะไปอินกับเนื้อหาในส่วนอนาคตที่เราคิดไว้นะคะ
เพราะงั้น ยาวหน่อย อร่อยแน่
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ฝากแชร์ ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าค่าาา

..................................................................