ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าที่สมองของมันหนักอึ้งไปหมด เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยความรู้สึกเจ็บจากช่วยเอวก็แล่นขึ้นไปยังหัวแล้วก็ปลายเท้า เป็นอีกครั้งที่เข้าใจในคำว่าปวดทั้งตัวมันเป็นยังไง นึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้คร่าวๆคือ ไปกินเบียร์กับลิปแล้วก็หัวหน้าแล้วหลังจากนั้นก็เมาไปตามระเบียบ ก่อนจะถูกหัวหน้าชักชวนให้กลับบ้านแต่ตอนนั้นก็ไม่ยอมกลับยังนั่งกินต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก ผมนิ่งไปสักพักตอนที่หันมองรอบข้างๆแต่กลับพบว่าตัวเองก็นอนอยู่คนเดียวบนเตียงกว้างในห้องของตัวเอง สะโพกที่ปวดหนักราวกับถูกผ่านศึกมาอย่างหนัก ทำให้ใจผมหล่นลงไปถึงปลายเท้า ก่อนจะเสียงอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกห้องนอนจะทำให้หัวใจเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า มันคงไม่ได้เป็นไปในแบบที่ผมคิดหรอกใช่มั้ย อย่าบอกนะว่า.. เมื่อคืนเรากับหัวหน้าจะทำเรื่องอย่างว่ากันไปแล้ว
ครืนนนน เสียงประตูถูกเลื่อนออกผมหันไปมองมันด้วยความตกใจ แววตาที่เบิกกว้างในตอนนั้นผ่อนลงช้าๆพร้อมกับหัวใจที่แทบจะหยุดเต้นแต่ก็โล่งอกในคราวเดียวกัน " ฟาน "
“ ตื่นแล้วเหรอครับ " เค้าที่ถามก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงข้างๆผม " น้ำส้มหน่อยมั้ย "
“ เมื่อคืนนายไปรับฉันที่ร้านเบียร์เหรอ "
“ กำลังสงสัยใช่มั้ยครับ ว่าที่กำลังปวดตัวอยู่ตอนนี้มันเพราะใครกันแน่ " ผมนิ่งไปกับคำถามของเค้า ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันฟานก็ถอนหายใจออกมา " นี่จำไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าตอนเมาตัวเองทำอะไรลงไปไว้บ้าง คุณคีย์นี่นะ "
“ สรุปมาเลยได้มั้ย จะยอกย้อนทำไม " แค่อยากจะฟังเฉยๆว่าฝีมือคนที่มันทำให้ผมเจ็บตัวอยู่ตอนนี้เพราะไอ้คนตรงหน้านี้ใช่มั้ยก็เท่านั้นแหละ ถ้าฟานบอกว่าเค้าทำแค่นั้นผมก็สบายใจแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่..
“ เมื่อคืนผมไปรับคุณที่ร้านเบียร์แล้วก็พากลับมาที่นี่ เรามีอะไรกัน ก็แค่นั้นครับ " พยักหน้ารับสั้นๆผมผ่อนหายใจโล่งออกมาอย่างไม่ทันระวังตัว อีกคนก็หัวเราะ " คุณคิดว่ามันจะเป็นคนอื่นเหรอ "
“ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย "
“ อย่ากลัวไปเลยครับ " เค้าบอกก่อนจะเอื้อมมือมาเชยคางผมให้สายตาของเราสบกัน " ถ้าคุณมีอะไรกับคนอื่น ตอนนี้ผมคงไม่รบกวนคุณอยู่ที่นี่หรอก "
“ ฟาน " เผลอเสียใจกับคำพูดนั้นของเค้าทั้งๆที่มันเป็นความรู้สึกปกติของคนรักกันที่ต้องทำอยู่แล้วในกรณีที่ถูกหักหลังโดยการเห็นแฟนตัวเองกำลังมีอะไรกับคนอื่น แต่ทำไมพอไอ้หมอนี่พูดออกมาด้วยสายตาจริงจังมันถึงรู้สึกเจ็บชะมัดวะ ทั้งๆที่เราเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย เหมือนก็แค่กลัวไปเองก็เท่านั้น แล้วไอ้นิสัยที่ชอบเมาแล้วจำอะไรไม่ได้เนี้ย เมื่อไหร่มันจะหายไปสักที เมาทีไรไม่มีสติตลอดเลย
“ น้ำส้มหน่อยนะ คุณคงปวดหัว เดี๋ยวผมไปเอามาให้ " เค้าลุกออกไปจากห้องก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับน้ำส้มแก้วโต ยาแก้แฮ้งค์ แล้วก็น้ำอีกแก้วนึง " น้ำส้มครับ " ผมรับน้ำส้มจากมือของเค้าตอนที่ยกขึ้นดื่มจนหมด อีกคนก็ยื่นยามาให้
“ นี่ต้องกินด้วยเหรอ "
“ กินสิครับ คุณเมาหนักมากเลยนะเมื่อคืนน่ะ " เค้าเอื้อมมือมาจับแก้มของผม ฝ่ามืออุ่นๆที่คิดถึงผมนิ่งไปสักพัก จำได้ว่าเมื่อวานเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะปัญหาของคืนก่อนที่เค้าโดนเพื่อนผู้หญิงคนนึงสารภาพรัก ฝืนกินยาเม็ดเข้าไปก่อนจะกินน้ำจนหมดแก้ว แก้วเปล่าที่ถูกอีกคนหยิบไปวางไว้ที่เดิมก่อนที่เค้าจะพูดขึ้น " เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ "
“ เรื่องอะไร "
“ เอาเรื่องที่คุณหนักใจก่อนมั้ย "
“ เรื่องอะไรที่ฉันหนักใจ " ผมถามอีกคนก็ยิ้มพลางดึงตัวเองขึ้นมานั่งเตียงให้ถนัดขึ้น ก่อนมือหนาจะคว้าเอวของผมให้ขึ้นมานั่งบนตักของเค้า " เฮ้ย! นี่จะทำอะไร นี่ ปล่อยนะเว้ยไอ้ฟาน โอ๊ย " เพราะมัวแต่ดิ้นไปมาก็เลยดันตกลงไปในระหว่างขาของเค้าซะงั้น ผมที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่พอใจแต่อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มเท่านั้น
“ คุณดิ้นเองนะ นั่งบนตักผมดีๆไม่ชอบ "
“ แล้วทำไมฉันต้องขึ้นไปนั่งบนตักนายด้วยไม่ทราบ "
“ ก็จะได้คุยกันได้ถนัดๆไงครับ " เค้าบอกก่อนจะกอดผมไว้เหมือนจะมัดไม่ให้หนีไปไหน แล้วฟังเค้าพูดให้จบ " เห็นมั้ย ดูสิครับ ใกล้กันขึ้นเยอะเลย "
“ แค่คุยไม่จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนี้ก็ได้เว้ย " ผมบอกแบบหงุดหงิด เรื่องมากจริงไอ้ลูกหมา
“ ไม่ได้หรอกครับ คุยกับคนดื้อๆแบบคุณคีย์ผมต้องคุยแบบใกล้ชิด "
“ จะพูดอะไรก็พูดมา " ผมมองไปทางอื่นแบบไม่สนใจในตอนที่ถามเค้า หัวใจที่เต้นแรงเพราะรู้ว่าเค้าจะถามอะไร อยู่ๆฝ่ามือหนาทั้งสองข้างก็เอื้อมมือประคองใบหน้าผมแล้วหันให้มาสบตากับเค้า
“ ผมจะคุยเรื่องที่พลอยมาสารภาพรักผมเมื่อคืนวาน " หลบตามองต่ำตอนที่เค้าเริ่มเกริ่น " มองผมหน่อยสิครับ คุณคีย์ " เค้าบอกผมก็หันกลับไปมองเค้าแม้จะไม่เต็มตาก้เถอะ " ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอนะ คุณเชื่อรึเปล่าอันนั้นผมก็ไม่รู้ เพราะสิ่งที่ผมจะพูดกับคุณได้ก็มีแค่นี้คือผมไม่ได้มีอะไรกับเธอ หลังจากที่เธอดึงหูฟังบลูทูธผมไปปิด เธอก็จูบผม "
“ เธอจูบนาย " ผมย้อนคำพูดนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ
" ครับ เธอจูบผมแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งทั้งนั้นก็แค่ริมฝีปากชนกัน ผมผลักเธอออกแล้วก็พูดให้เธอเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ เธอเลยโยนหูฟังของผมทิ้ง แล้วหลังจากนั้นผมก็โทรหาคุณ ผมบอกคุณว่ามันไม่อะไรระหว่างผมกับเธอ แต่คุณบอกผมว่า คุณเชื่อใจผมแต่มันไม่ทั้งหมด "
“ มันไม่ใช่แบบนั้น " ผมที่พยายามเถียงเค้า ถ้าเปลี่ยนคำตอบตอนนี้จะได้มั้ย เค้าจะเชื่อรึเปล่า ถ้าผมจะพูดมันออกไป
“ แล้วมันยังไงครับ " ฟานถาม " คุณจะบอกว่าคุณเชื่อใจผมเหรอ "
“ ก็..อื้ม ”
“ ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่คุณไม่เชื่อผม แต่พอมาคิดดูแล้วมันก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่เชื่อ ก็คุณไม่เห็นนิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้นคุณก็มีสิทธิที่จะคิดไป เพราะงั้นผมไม่โกรธคุณหรอกถ้าคุณจะไม่เชื่อผม เลิกคิดมากว่าผมโกรธคุณได้แล้ว "
“ แล้วทำไมไม่โทรหา เมื่อวานไม่ติดต่อมาเลย "
“ เพราะผมเร่งทำงานอยู่ รีบทำงานให้เสร็จจะได้มาเคลียร์กับคุณไง เพราะรู้ว่าพูดทางโทรศัพท์ไปเท่าไหร่มันก็เท่านั้น สู้ทำงานให้เสร็จแล้วรีบมาเคลียร์กับคุณดีกว่า แต่ดูเหมือนว่า คุณจะคิดว่าผมโกรธคุณไปแล้ว "
“ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น " ผมที่ยังเถียงแต่อีกคนกลับหัวเราะออกมา
“ หัวเราอะไร "
“ หัวเราะคนที่บอกว่าไม่ได้กังวลว่าผมจะโกรธ แต่เมื่อคืนคนเมาคนนึงกลับพูดแค่คำว่า ฉันเชื่อใจนาย ฉันเชื่อใจฟานนะ อยู่แค่นั้นแหละครับ "
“ ใครจะไปพูดแบบนั้นกัน " ผมเบือนหน้าหนีแต่ก็คิดว่าคงพูดออกไปนั่นแหละ ก็ในใจตอนนั้นมีแต่เรื่องที่กลัวว่าเค้าจะโกรธเท่านั้นนี่น่า ที่คิดทบทวนซ้ำซากจนกังวลไปหมด
“ ไว้คราวหน้าเวลาคุณเมาผมจะถ่ายคลิปวิดีโอไว้ให้คุณดูแล้วกันครับ " ผมหันมองเค้าด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกคนที่ยิ้มก่อนจะกอดเอวผมแน่นขึ้น " เมื่อคืนผมบอกคุณไปแล้ว แต่คิดว่าคุณคงจำไม่ได้ เพราะงั้นผมจะบอกคุณอีกทีนึงแล้วกันนะ ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเธอทั้งนั้น คุณเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ เพราะผมหาหลักฐานอะไรมายืนยันไม่ได้ว่าผมไม่ได้ทำ ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์นั้นมีแค่ผมกับเธอ แล้วก็คุณที่อยู่ในสาย คำพูดที่ผมพูดจริงทุกคำเพราะผมไม่จำเป็นต้องพูดเอาใจคุณ แล้วคุณเองก็รู้ดีว่าต่อหน้าคุณผมก็พูดอย่างงั้น แล้วตอนนี้ก็ยังย้ำต่อหน้าคุณตรงนี้ ว่าสำหรับผม ผมมีแค่คุณคีย์คนเดียวเท่านั้น "
ผมไม่รู้จะตอบอะไรกับคำพูดหนักแน่นของคนตรงหน้าที่พูดออกมาดี ผมเชื่อเค้ามั้ย ? ผมเชื่อเค้ามากกว่าที่ไม่เชื่อนะ เพราะตั้งแต่คบกันมาฟานไม่เคยโกหก ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจ แล้วมันก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาเพื่อชี้วัดว่า ผมจะเชื่อใจในสิ่งที่ผมไม่เห็นได้รึเปล่า
“ นายบอกว่า เธอจูบนายเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ เผลอถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าสักวันเค้าจะทำลายความเชื่อมั่นของผมมั้ย ผมจะกลายเป็นคนโง่ที่เชื่อเค้ามั้ย แต่สำหรับตอนนี้ผมอยากจะเชื่อเค้านะ เชื่อว่าฟานจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ผมเชื่อเพราะว่ามันสบายใจมากกว่าที่ผมจะไม่เชื่อก็เท่านั้น " แล้วทำไมเธอต้องจูบนายด้วย "
“ ก็ไม่รู้สิครับ " ก็เพราะว่านายมันหล่อไง เธอเลยอยากจะรวบรัดยัดเยียดความเป็นเมียให้น่ะ ผมมองริมฝีปากของเค้าที่โดนใครคนอื่นจูบ ในตอนนั้นมันอดไม่ได้เลยที่จะดึงคอเสื้อของเค้าลงมา แล้วจูบลงบนริมฝีปากนั้นเสียนานก่อนจะผละออก
“ ทีหลังอย่าไปเผลอตัวให้ใครจูบอีกละ มันเป็นพื้นที่ของฉัน รู้ไว้ซะด้วย "
“ ครับผม " เค้าที่หลุดยิ้มออกมาก่อนจะกอดผมไว้แน่น มันคงไม่ดีหรอกที่ไม่เอาความไม่รู้ของตัวเองมากังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร สบายใจแบบไหนก็คิดไปในแบบนั้น เพราะสำหรับฟานแล้วผมสบายใจที่มีเค้าอยู่ แล้วก็คิดว่าดีแล้ว ที่ตัวเองคิดแบบนั้น " อ้อ ผมมีอะไรจะถามคุณหน่อย สักสามข้อ "
“ อะไรละ "
“ ข้อแรก คุณเคยอมไอ้นี่มั้ย " เค้าที่ชี้ไปที่ส่วนกลางของตัวเอง ผมก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะขมวดคิ้ว
“ ไม่เคยอะ แล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย ถามทำไม ใครจะไปอม เหม็นอับจะตาย "
“ เหรอครับ งั้นข้อสอง เคยไม่มีใส่ถุงยางอนามัยเวลามีเซ็กส์มั้ยครับ "
" อันนั้นก็ไม่เคย ฉันกลัวโรคติดต่อจะตาย ถามอะไรของนายเนี้ย บ้ารึเปล่า"
“ งั้นคุณก็ไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นแบบไม่ใส่ถุงยางสินะ "
“ ก็ใช่ แต่ นายถามทำไม "
“ เมื่อคืนคุณเรียกร้องให้ผม ใส่สดให้คุณอีกแล้ว " คำพูดที่ฟานพูดทำเอาผมนิ่งค้างไปสักพัก เบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็พูดต่อ " ไปโรงพยาบาลกันมั้ยครับ "
“ ไปทำไม " ผมถาม
“ ไปตรวจโรคกัน "
“ ตรวจเพื่อ ? " อะไรเข้าเฝ้าไอ้เด็กคนนี้อีก นี่มันคิดอะไรของมันอีก
“ ก็ตรวจว่าเราเป็นโรคอะไรมั้ย เพื่อความสบายใจของคุณ ว่าผมจะไม่นำโรคร้ายมาสู่คุณแน่ๆ "
“ เอ่อ เดี๋ยวนะฟานนายคิดจะทำอะไรน่ะ "
“ ผมอยากจะมีอะไรกับคุณแบบไม่ใส่ถุงยางดูน่ะครับ " นั่นไงกูว่าแล้ว
“ ไม่เอา " ผมเบือนหน้าหนี ใครก็ได้เอาไอ้ลูกหมาตรงหน้าผมไปเก็บทีเถอะ นับวันจะยิ่งบ้าไปกันใหญ่แล้ว มีอย่างที่ไหน ชวนไปโรงพยาบาลตรวจโรคเพื่อตั้งใจทำเรื่องอย่างว่ากันบ้างวะ
“ ทำไมละครับ เพื่อความมั่นใจว่าเราสองคนปลอดภัย เราก็จะได้มีอะไรกันแบบมีความสุขไงครับ "
“ ก็ใส่ถุงยางอนามัยแบบที่เคยทำมาตลอดนั่นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ "
“ แต่คุณคีย์บอกว่า คุณคีย์ไม่ชอบ "
“ ก็นั่นมันเมา " ผมบอกปัด ถึงจะไม่ชอบจริงๆก็พูดอะไรแบบนั้นออกไปไม่ได้หรอก เวลาที่ส่วนกลางนั้นสอดเข้ามาในร่างผมต่อให้เป็นแบบบางยังไงก็ตามแต่มันก็รู้สึกเหมือนที่ถุงพลาสติกอันใหญ่ๆเคลือบไว้อยู่ดี แล้วผมก็เคยคิดมาตลอดว่า ถ้าสักวันได้ทำอะไรกับคนที่รักแบบไม่ต้องใส่ถุงยางแล้วละก็ มันจะให้ความสุขแบบไหนกันนะ ถึงการวางแผนของเค้าจะดี แต่มันก็เขินเกินไปที่จะไปตอบตกลงนี่หว่า " ไม่เอาอะ "
“ ผมอยากจะเป็นคนแรกของคุณนะ " คำพูดที่แสนมั่นใจของเค้า " ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ว่า อยากจะเป็นคนแรกแล้วก็คนเดียวที่คุณจะให้ทำเรื่องแบบนั้นได้ "
“ คนแรกอะไรของนาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับนายคนแรกสักหน่อย "
“ แต่ถ้าไม่ใส่ถุงยางมันก็คนแรกไม่ใช่เหรอครับ " เค้าที่ยังคงดื้อดึง " นั่นแหละครับ ผมอยากเป็นคนแรกในแบบนั้น "
“ ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ว่า " คือจะให้พูดออกไปได้ไงว่ะ ว่า อื้มม ไปกันเถอะ ไปโรงพยาบาลตรวจโรคเอาผลตรวจแล้วมามีอะไรกันเถอะโน๊ะ มันก็ไม่ใช่ ใช่มั้ยละ " ไว่ก่อนแล้วกัน ถ้าฉันว่างจะลองคิดดู "
“ คุณคีย์ "
“ อ้อ ข้อสาม ข้อสามจะถามอะไร นายบอกจะถามฉันสามข้อ " ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูด
“ ข้อสามไม่ใช่คำถามครับ แต่เป็นคำสั่ง "
“ คำสั่ง ? "
“ เวลาที่อยู่นอกห้อง ผมขอสั่งให้คุณห้ามดื่มแอลกฮอล์อีก ถ้าผมไม่อนุญาติ "
“ ห๊ะ ? “ เอียงหน้ามองอีกคนเหวอๆกับคำพูดที่ขนาดแม่เค้ายังไม่สาสมารถบังคับเค้าได้เลย " เดี๋ยวนะ นายมีสิทธิอะไรมาห้ามฉันไม่ทราบ "
“ สิทธิของความเป็นห่วง " อีกคนพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ " เมื่อคืนคุณเกือบไปกับหัวหน้าคุณ คุณรู้มั้ย ถ้าผมไปไม่ทันแล้วละก็ "
“ ลิปมันคงไม่ยอมให้ฉันไปหรอกน่า " ผมบอกปัดอีกคนที่ยังไงดึงดันจะให้ผมทำตามคำสั่งให้ได้ แต่ใครจะยอมวะ
“ ไม่มีคำพูดเผื่อเลือกแบบนั้นครับ คุณคิดว่าตัวเองจะไปกับคุณลิปตลอดเลยเหรอ ต่อไปนี้ถ้าคุณจะเบียร์เวลาสังสรรค์นอกห้องคุณต้องขออนุญาติผมก่อน "
“ แล้วถ้าฉันไม่ทำจะมีอะไรมั้ย " หันไปสบสายตาเค้าแบบไม่กลัว ผมแค่อยากรู้ว่าเค้าจะห้ามอะไรผมได้ ฟานเงียบอยู่สักพักเค้าที่ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะก้มลงมากระซิบผม
“ ยังจำวันที่ผมทำเรื่องแบบนั้นกับคุณในห้องที่ตึกมหาลัยผมได้รึเปล่า " ผมเม้มริมฝีปากกับคำถามของอีกคน ความรู้สึกที่ยังคงจำได้ดี " ถ้าคุณไม่ฟังผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณในร้านที่คุณไปกินเบียร์ทุกร้านเลยละครับ "
“ ไอ้ฟาน "
“ ไม่เชื่อก็ลองดูได้นะ ผมเองก็ชอบความตื่นเต้นแบบตอนที่มีคนเดินเข้ามาเหมือนกัน คุณเองก็ท่าจะชอบนะ ตอนนั้นคุณเสร็จไวมากเลย " ผมกัดฟันตัวเองแน่นอยู่ๆก็ต้องมาโดนคนที่เด็กกว่าจำกัดสิทธิของตัวเองแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เค้าที่จ้องหน้าผมยิ้มๆก่อนจะโน้มตัวผมให้นอนราบลงไปกับพื้นเตียง ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ผมสวมก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างดูดดื่ม " ผู้ใหญ่ดื้อๆแบบคุณ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นแหละ ถึงจะจัดการได้ เพราะผมจะไม่ยอมเสี่ยงให้ไอ้หน้าไหนมันมาเล่นทีเผลอแล้วคว้าคุณไปทั้งนั้น "
คำพูดที่ผูกมัดกับบทรักที่กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังคงรู้สึกเจ็บหน่วงที่ช่วงสะโพกแต่พวกเค้าโน้มตัวลงมาใกล้ แผ่นหลังที่ไร้การขืนตัวใดๆก็โอนอ่อนนอนราบลงไปตามความต้องการของเค้า ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้ลูกหมาตัวนี้วันหยุดพักสุดสัปดาห์ของผม ก็กลายเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของสัปดาห์ เพราะต้องกลายร่างตัวเองให้เป็นของเล่นให้อีกฝ่ายทั้งกอดทั้งฟัดเสียจนกว่าจะหนำใจ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นสุดสัปดาห์ที่มีเค้ามีก็ดีกว่าสุดสัปดาห์ที่ไม่มีเค้าอยู่ดีนั่นแหละนะ
..........................................
ในที่สุด.. ก็เคลียร์กันสักที
และเห็นด้วยว่าคนอย่างพี่คีย์ เรื่องเมา ควรโดนน้องฟานขู่แบบนี้แหละถึงจะยอมหยุดได้
เพราะงั้น ตอนหน้า ใครที่คิดถึง เมษลิป.. เราจะเจอกันยาวๆ ยาวมากจริงๆ จุ๊บๆ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ สำหรับในทวิต
ฝากแชร์ สำหรับในเฟสบุ๊ค
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ขอบคุณค่าาา
