ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 17
' ความคิดถึง '
[/size]
กลิ่นหอมกรุ่นจากครัวปลุกตัวผมที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในห้องให้ตื่นขึ้นมาจากฝันเพราะท้องที่กำลังร้องปั่นป่วนเรียกร้องให้ลุกขึ้นไปหาอะไรหอมๆนั้นมาใส่ท้องได้แล้ว สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดกลิ่นแบบนี้ต้องเป็นปลาแซลม่อนย่างเกลือแน่ๆเลย ผมมองนาฬิกาที่ยังเช้า ถ้าอยู่คนเดียวคงได้นอนต่ออีกหน่อยแล้ว แต่พอมีไอ้ลูกหมานั่นมาอยู่ด้วยแล้วดันมาทำอาหารเช้ารสชาติอร่อยๆให้กินแบบนี้ การนอนหลับต่อทั้งๆที่ท้องร้องขนาดนั้นก็เป็นอะไรที่ยากเกินจะต้านทานไหว
ดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วมาอาบน้ำ แต่งตัวในชุดทำงานก่อนจะเดินออกไปนอกห้องนอน ฟานเงยหน้าขึ้นมามองผมใบหน้าคมหล่อเหลาอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีดำเข้ากับผ้ากันเปื้อนสีดำของเค้า ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ทั้งๆที่น้ำก็ยังไม่อาบ ผมก็ยังไม่ได้เซ็ตแต่กับหล่อได้ขนาดนั้น สวรรค์ที่ส่งคนแบบนี้มาเกิดได้ช่างไม่ยุติธรรมกับคนหน้าตาแย่ๆแบบผมซะจริงๆ
“ คุณคีย์ ตื่นแล้วเหรอครับ "
“ ยังมั้ง " ผมตอบสั้นๆก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารอีกคนก็ยิ้ม
“ กวนตีนกันเหรอครับ " หลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนบอก ผมหันไปมองเค้าที่ก็ยกถ้วยข้าวมาให้ อาหารตรงหน้าเป็นปลาแซลม่อนย่างเกลือสีสันดูน่ากินจนต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ จริงๆผมก็ถ่ายภาพอาหารที่ฟานทำให้กินทุกวัน มันไม่มีเมนูไหนที่ดูไม่น่ากินเลย ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านอีก
“ วันนี้กับข้าวเยอะกว่าทุกวันนะฟาน " นอกจากจะมีปลาแซลม่อนแล้ว ก็ยังมีแกงจืดถ้วยเล็กๆอีก ไม่นับไข่ยางมะตูมที่อยู่บนข้าวแล้วก็ผลไม้ " นายล้างตู้เย็นรึไง "
“ วันนี้ผมทำอาหารเที่ยงให้คุณด้วยนะ แล้วก็ทำให้คุณลิปด้วย เป็นแซนวิช "
“ แค่กๆ " สำลักน้ำที่กำลังกินตอนที่มองอีกคนที่ก็ส่งยิ้มมาให้ผม " ทำไมนายต้องทำให้ลิปด้วยละ "
“ ทำไมเหรอครับ ไม่ได้เหรอ " เค้าถามตอนที่เคี้ยวข้าวแบบไม่ได้สนใจว่าผมจะรู้สึกหงุดหงิดอะไร " ก็คุณคีย์บอกว่านั่งกินข้าวกับคุณลิปทุกวันตอนเที่ยงผมทำให้คุณคนเดียวมันก็น่าเกลียดนะสิ "
“ ไม่เห็นจะน่าเกลียด " ผมบ่นออกมาเบาๆ ตอนที่ตักข้าวเข้าปากด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก อีกฝ่ายที่ยิ้มฟานเอื้อมมือมาเกลี่ยเศษข้าวที่ติดไว้ตรงมุมปากของผมออก
“ ไม่ต้องหึงหรอกครับ ของคุณคีย์ผมใส่ให้เยอะกว่าคุณลิปตั้งสองชิ้น แถมไส้ข้างในก็ให้เยอะกว่าด้วยนะ กินให้หมดก็แล้วกัน "
“ ฉันไม่ได้หึงสักหน่อย ฉันไม่ได้หึงเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก " แต่แค่ไม่อยากจะให้ใครกินกับข้าวฝีมือนาย ยกเว้นฉันมันก็เท่านั้นเอง
เพราะผมเองก็รู้สึกถึงความรักความห่วงใยที่อีกคนมีให้ผ่านมื้ออาหารที่ได้กินในทุกเช้า ตั้งแต่ไปชอปปิ้งกันคราวนั้นทุกเช้าฟานจะเป็นคนลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ผมกิน แม้มันจะเป็นเมนูง่ายๆแต่คนที่เสียสละเวลานอนแล้วลุกขึ้นมาทำอาหารให้ผมกินทั้งๆที่ก็สามารถเดินออกไปซื้อได้ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วว่ารู้สึกอบอุ่นมากแค่ไหน ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ผมจะได้กินของอร่อยๆไม่อั้นในมื้อเช้าที่สำคัญ แล้วแบบนั้นต้องแบ่งความอบอุ่นพวกนั้นไปให้เพื่อนเหรอ หนำซ้ำถ้าลิปรู้ว่าทั้งหมดนี้ฟานทำให้ ก็ต้องตกหลุมรักไอ้หมอนี่อีกแน่ๆเลย ขนาดแค่นี้ยังเพ้อเจ้อเข้าข้างได้ทุกอย่าง " ว่าแต่ทำไมนายทำกับข้าวเยอะจัง นายล้างตู้เย็นรึไง "
“ ก็ประมานนั้นครับ " อีกคนบอกผมก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบรีโมตทีวีที่ตั้งอยู่ข้างๆ เปิดดูข่าวในเช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่นัก “ คุณคีย์ "
“ หื้ม ? อะไร " ตักข้าวเข้าปากแต่สายตาก็ยังจ้องมองที่ทีวีไม่ได้หันไปสนใจคนที่กำลังพูดอยู่มากนัก
“ ถ้าเกิดว่าผมหายไปสักพัก คุณจะคิดถึงผมมั้ย "
“ หายไปไหนอะ " ผมถาม " ก็ถ้าหายไปเพราะเรื่องเรียนก็หายไปเถอะ ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่นายต้องรับผิดชอบอยู่แล้วอะนะ "
“ แล้วคุณจะคิดถึงผมมั้ย "
“ ไม่รู้สิ คงไม่หรอกมั้ง ใช่ว่าฉันจะไม่เคยอยู่แบบไม่มีนายนี่ ก็เคยอยู่มาแล้ว ทำไมจะไม่ได้ละ อ๊ะ..นี่ไง ข่าวนี้ที่อยากจะดู " สายตาที่กำลังสนใจที่ทีวีที่กำลังฉายข่าวเด็กอายุ หกขวบที่ถูกคุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ที่ป่าของฮอกไกโด ทั้งๆที่ตำรวจกำลังตามหาแต่ก็ไม่พบสักที " น่าแปลกจังนะ เด็กอายุแค่นั้นเองจะหายไปได้ยังไง พ่อแม่โกหกซะแล้วละมั้งว่ามาปล่อยทิ้งไว้น่ะ " ผมพูดกับอีกคนตอนที่หันมามองร่างสูงที่กำลังจ้องหน้าผม " มีอะไรเหรอ มองหน้าฉันทำไมอะ "
“ เปล่าหรอกครับ " เค้าปฏิเสธผมก็หันไปดูทีวีต่อ ข้าวที่กินไปดูทีวีไปหมดลงตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาแขวนผนังในห้องก่อนจะพบว่าผมในตอนนี้เกือบจะไปทำงานสายเสียแล้ว
“ สายแล้ว " ยกน้ำขึ้นดื่มเสียหมดแก้ว ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้คว้าเอากระเป๋าแล้วก็กล่องแซนวิชที่อีกคนทำไว้ในใส่กระเป๋า " สายแล้วๆ สายแล้ว แย่แล้ว " รีบหยิบทุกอย่างแบบร้อนรน คว้านู้นจับนี่ใส่กระเป๋าของตัวเอง
“ คุณคีย์ครับ "
“ อะไร ไว้ค่อยคุยกันได้มั้ยฟานฉันสายแล้วอะ " ผมบอกปัดเค้า
“ ผมจะไปอยู่หอสักสองอาทิตย์นะ "
“ อ่าห๊ะ " ผมบอกแบบไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ ได้ยินว่าอะไรอาทิตย์ๆ ก็เท่านั้นแหละ ผมใส่รองเท้าอีกคนที่เดินตามมา " ไปละนะ " หันไปบอกเค้ามือที่กำลังจะเปิดประตูออกไปแต่ก็คิดขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปบางอย่าง " เกือบลืมไปเลย " ผมหันมาหาเค้าคว้าคอเสื้อของอีกคนก่อนจะดึงลงมาใกล้ จูบริมฝีปากหนานั้นเบาๆจนดัง ' จุ๊บ ' “ ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยง ฉันไปทำงานก่อนนะ "
“ ครับ โชคดีนะ "
วิ่งลงจากคอนโด ตอนที่กระโดดขึ้นรถไฟที่มีคนอัดแน่นในช่วงเช้า สมองมันก็คิดถึงคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมา เหมือนฟานจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่ยักจำได้ว่าอะไร ' อาทิตย์ๆ ' อะไรของเค้านี่แหละ คงจะชวนไปซื้อของวันอาทิตย์ละมั้ง ไว้ค่อยถามตอนเย็นก็แล้วกัน
กลับมาถึงคอนโดของตัวเองในช่วงดึกของวัน แต่สภาพความเงียบที่ผิดไปจากปกติที่ต้องมีใครบางคนนั่งดูการ์ตูนอยู่ก็ต้องทำให้ผมขมวดคิ้วงงๆ " นี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ " สบถกับตัวเองตอนที่หันไปมองเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้วแต่ว่าฟานยังไม่กลับ " หรือว่าจะไปติวหนังสือกับเพื่อนอีกละมั้ง " เปิดประเป๋าคว้าเอาทับเบอร์แวร์ที่ใส่แซนวิชใส่ลงไปในที่ล้างจาน แซนวิชในนั้นหมดเกลี้ยง ลิปชมไม่ขาดปากว่าอร่อยกว่าร้านดังที่เราชอบกินตั้งหลายเท่า ไม่รู้เพราะคนทำเป็นฟานด้วยรึเปล่าแต่หมอนั่นก็กินแบบมีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้
“ คราวหลังฉันจะไม่ให้นายทำอาหารไปเผื่อลิปสักชิ้นเลย " พูดกับตัวเองแบบหงุดหงิด ผมวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง จัดการอาบน้ำก่อนจะนอนลงบนเตียง คว้ามือถือมากดดูเวลาใกล้จะสามทุ่มแล้ว " ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกวะ ไปไหนของเค้า " โปรแกรมไลน์ที่ไร้ข้อความใดส่งมา ผมเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะหลับตาลง " เดี๋ยวคงกลับละมั้ง "
ผมนั่งเล่นเกมส์รอเค้าฆ่าเวลา ตอนที่แพ้เกมส์แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ปกติฟานจะไม่กลับดึกขนาดนี้ พอคิดแบบนั้นใจของผมมันก็เริ่มคิดอะไรทุกอย่างไปในแง่ลบ เข้าโปรแกรมไลน์อีกครั้ง ผมส่งสติกเกอร์ไลน์แบบคนกำลังแอบมองไปให้อีกคน เค้าที่อ่านหลังจากนั้นไม่กี่นาที ฟานส่งข้อความกลับมาผมก็ถอนหายใจโล่ง
“ ครับ คุณคีย์ "
“ ฉันซื้อสติกเกอร์ไลน์มาใหม่ " ผมพิมพ์ตอบกลับไปอีกคนก็ส่งกลับมา
“ มันมีแถมอยู่ในเครื่องนะ ไอ้หมีกับไอ้เป็ดตัวนี้น่ะ " เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่อีกคนส่งกลับมาแบบนั้น ต้องจับทางออกไปทุกเรื่องเลยรึไง ไอ้เด็กบ้า " มีอะไรครับ "
“ อยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับ " ผมกดส่งข้อความไป เดี๋ยวต้องคิดว่าเป็นห่วงไม่ก็หวงอีกแน่ๆเลย " ฉันแค่ถามดูเพราะว่ากุญแจอีกอันมันอยู่ที่นายอะ ฉันนอนไม่ค่อยหลับมันไม่สบายใจ ไม่รู้ว่านายจะกลับเมื่อไหร่ก็เท่านั้นอะ พรุ่งนี้ทำงานเช้าด้วย ว่าไงอะ อยู่ไหน "
“ อย่างงั้นเหรอครับ " เค้าส่งข้อความกลับไป แค่อ่านก็รู้แล้วว่าอีกคนคงจะไม่ได้คิดอย่างที่ผมอยากจะให้เค้าคิดหรอก " คืนนี้ผมคงไม่กลับไปที่คอนโดคุณหรอกครับ คุณคีย์หลับไปได้เลย คืนนี้ผมจะอยู่หอ "
“ แล้วทำไม่บอกก่อน " อยู่ๆก็มาบอกว่าจะไม่กลับตอนที่คนอื่นเค้าคอยอยู่นี่นะเหรอวะ
“ ผมบอกคุณแล้วนะเมื่อเช้าน่ะ " ผมขมวดคิ้วตอนที่อ่านข้อความนั้น พลางหวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อเช้า ตอนนั้นจำได้แค่ว่าเค้าพูดอะไร อาทิตย์ๆก็เท่านั้น เพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจฟังเลย ตอบอะไรก็ตอบแบบส่งๆเหมือนไม่ได้คิด
“ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง "
“ คุณตอบผมว่า อ่าห๊ะ "
“ เหรอ " ไม่เห็นจะจำได้ว่าตอบอะไรแบบนั้นออกไป ผมถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับแบบจำยอม สงสัยคืนนี้ต้องนอนคนเดียวจริงๆสินะ " พรุ่งนี้กลับเข้ามา ฝากซื้อสันคอหมูหน่อยสิ อยากจะกินสเต๊กน่ะ กินข้าวเย็นด้วยกันดีมั้ย "
“ ผมกลับมาอยู่หอ สองอาทิตย์นะ ผมบอกคุณแล้วนะ "
“ ไม่เห็นบอก " ผมส่งข้อความกลับไป ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
“ ผมบอกคุณแล้วครับ แล้วคุณก็บอกว่า อ่าห๊ะ "
“ ฉันจะตอบแบบนั้นซ้ำกันสองครั้งได้ไง " ผมเถียง
“ ผมบอกคุณว่า ' ผมจะไปอยู่หอสักสองอาทิตย์นะ ' แล้วคุณก็บอกว่า ' อ่าห๊ะ ' " ถอนหายใจเซ็งๆออกมาตอนที่เห็นข้อความนั้น นึกออกแล้วว่า ไอ้คำพูดติดหูที่บอกว่า ' อาทิตย์ ' นั่นคืออะไร แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการไปซื้อของวันอาทิตย์อะไรทั้งนั้น ฟานจะไม่กลับมาที่คอนโดเค้า สองอาทิตย์ ตังหาก " ไว้เจอกันนะครับ "
“ เออ " ผมตอบเค้าสั้นๆก่อนจะปิดล๊อคหน้าจอแล้วโยนมือถือลงเตียงด้วยความหงุดหงิด คว้าหมอนใบที่เค้าเคยนอนเข้ามากอดไว้แน่นก่อนจะเหลือบมองโทรศัพท์ที่ก็ไม่มีเสียงตอบใดกลับมา " ไม่ต้องกลับมาก็ดีเหมือนกัน เตียงนอนกว้างๆจะได้เป็นของฉัน ของฉันคนเดียวเลย " ผมพูดออกมาเสียงดังก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง แต่เหมือนกับว่าคำพูดพวกนั้นก็แค่การปลอบใจตัวเองมันก็แค่นั้น ผมกอดหมอนตัวเองไว้แน่นมองดูโทรศัพท์ที่ตั้งนิ่งอยู่แบบนั้น สมัยนี้ก็มีเฟสทามนะ อยากเห็นหน้ากันหน่อยก็ไม่ได้เหรอ
ผมจ้องโทรศัพท์ มือที่กอดหมอนของเค้าไว้แน่นไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกว่าคืนนี้ เตียงที่กำลังนอนมันใหญ่เกินไปมากกว่าจะนอนคนเดียวแล้ว แอร์ก็เปิดอนุหภูมิเท่าเดิมแต่กลับหนาวมากกว่าปกติ กอดอุ่นๆที่หายไป ไหนใครบอกว่าเหนื่อยแค่ไหนก็ทนได้ แค่ให้ได้กลับมาเจอหน้ากันทุกวันก็พอ แล้วพอเค้าชินกับการเห็นหน้าเห็นตาทุกวัน ก็มาบอกว่าจะหายไปสองอาทิตย์ เพิ่งจะมาเหนื่อยเป็นตอนนี้รึไง ตอนที่เค้าชินกับการที่มีเค้าอยู่ข้างๆนี่อะนะ .. ขี้โกงชะมัดเลย
.................................................
ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ๆที่ไม่มีกลิ่นอะไรมากวนใจทั้งสิ้น ทุกอย่างในห้องของผมเงียบเชียบ ไม่มีเสียงทีวีที่เปิดการ์ตูนตอนเช้า หรือแม้แต่กลิ่นหอมของอาหารใดๆ ถอนหายใจออกมา ตอนที่ลากตัวเองไปที่ห้องน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาชงกาแฟดื่มพร้อมกับขนมปังแผ่นที่ยังคงเหลือติดห้องไว้
“ อยากกินปลาแซลม่อนย่าง " ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะเปิดมือถือตัวเองดู แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรของอีกคนส่งมา " จริงๆ ส่งภาพอรุณสวัสดิ์แบบ สวัสดีตอนเช้า แบบที่คนแก่ๆเค้าส่งมาให้เค้าก็ได้นะ เค้าไม่ถือหรอก " นี่นายคิดจะไม่ติดต่อฉันเลยรึไง " กดเข้าไปในไลน์ของอีกคน ข้อความที่ผมส่งถูกอ่านแล้ว แต่ไม่เห็นว่าจะตอบกลับมา " ทำไมไม่ตอบวะ ตอบหน่อยสิ จะได้รู้ว่า ตื่นยัง " อยากจะส่งสติกเกอร์ไลน์ไปสักตัว แต่มือที่ห้ามตัวเองไว้ ก็เขินเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้น " เดี๋ยวก็หาเซ้าซี้อีก ช่างมันเถอะวะ ก็แค่สองอาทิตย์ คิดซะว่า ไม่มีเด็กมากวนใจสองอาทิตย์ก็แล้วกัน กลับสู่สภาพปกติที่ห้องนี้จะมีแค่ผมคนเดียว โดยสมบูรณ์ จะกินเหล้า กลับดึก เมาให้หัวราน้ำเลย " คนปากเก่งแบบผม ที่พูดออกไปอย่างงั้นแต่ความเป็นจริงก็ไม่ชินซะแล้วละ ชีวิต แบบที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวแบบนั้นน่ะ
ผมมาทำงานตั้งแต่เช้า ตอนที่เปิดคอมแล้วทำงานที่อยู่ตรงหน้า พยายามทำตัวเองให้ยุ่งจะไม่ไปคิดถึงคนที่เค้าไม่ติดต่อมา เหลือบสายตาไปดูโทรศัพท์ที่เงียบสงบ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนเสียงทุ้มคุ้นหูจะทักขึ้น
“ เครียดอะไรนัก หน้านิ่วเชียว " หัวหน้าแซว ผมก็ส่งส่งยิ้มแห้งๆไปให้เค้า " มันไม่ค่อยโอเคเหรอ " เค้าถามก่อนจะย่อตัวลงมาดูงานของผมที่หน้าจอ ความใกล้ชิดที่ทำให้ผมขยับห่างออกไปแต่เค้าก็ยังจะเบียดเข้ามา " ฉันว่าก็สวยดีนี่ แต่ถ้าจะเพิ่มตรงนี้ " มือหนาเอื้อมมือมมาจับมือผมที่จับเม้าส์ปากกาอยู่ เค้าขยับไปมาจากลายที่ทำสวยอยู่แล้วมันบิดเบี้ยวไปหมดเพราะสองคนช่วยกันทำ
“ เอ่อ ผมเข้าใจแล้วครับเดี๋ยวจะทำเอง " บอกปัดเค้าไปแบบนั้นก่อนที่อีกคนจะหันไปหาเพื่อนผมข้างๆที่ก็กำลังเหม่ออยู่ รายนั้นก็ไม่รู้จะเหม่อไปถึงไหน ตั้งแต่เช้ามาก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนกำลังคิดถึงใครอยู่ตลอดเวลา แต่เค้าเองก็เหมือนกัน อย่าว่าแต่ลิปเลย
เหลือบมองลิปที่เถียงกับหัวหน้า ผมมองหน้าเค้าสลับกับหน้าของอีกคนก่อนจะหันกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ หัวหน้าที่หันกลับมาดูก้มลงดูงานในหน้าจอของผมก่อนจะคว้ามือผมไปจับอีก
“ ลากเพิ่มลงมาตรงนี้อีกนิดสิ "
“ ครับ " ผมตอบรับอีกคนสั้นๆแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง หน้าของเค้าอยู่ใกล้มากรับรองว่าถ้าหันไปคงต้องเกิดเหตุการณ์ที่เผลอจุ๊บแก้มแบบในการ์ตูนญี่ปุ่นแน่ๆ แต่อย่าหวังเลย มุกแบบนี้มันเก่าเกินไปสำหรับเค้าแล้วละ ร่างสูงดึงตัวเองยืนขึ้นตอนที่รอนานแต่ผมก็ไม่หันไปสักทีเค้าที่เดินกลับไปที่โต๊ะ ผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังตัวเองกับเก้าอี้อย่างหมดแรง อึดอัดชะมัดเลย
“ เป็นอะไรไป หัวใจจะหยุดเต้นเลยรึไง คนที่ชอบเข้ามาใกล้ " เสียงแซวของเพื่อนโต๊ะข้างๆ ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะทำหน้าเบื่อดลกส่งไปให้
“ มันเหมือนการคุกคามทางเพศเลยนายว่ามั้ย "
“ ยังไง "
“ ไอ้ที่เค้ามาจับมือฉันแล้วบอกว่าสอนฉัน ทั้งๆที่ฉันทำได้ดีกว่าเค้าซะอีก " แถมหนำซ้ำยังมาทำงานเค้าให้ยุ่งไปหมดอีก แค่ชี้ก็พอแล้วทำไมต้องจับมือวะ ไม่เข้าใจ อ่อยรึไง
“ เดี๋ยวนี้เค้าเข้าหานายจังนะ หย่ากับเมียแล้วเหรอ "
“ ยังอะ " เท่าที่รู้ก็น่าจะจังละมั้ง ก็เห็นเค้าพูดอะไรอะ " แต่คงเพราะฉันไปบอกเค้าว่า ฉันมีคนที่ฉันสนใจแล้วละมั้ง "
“ ก็คงอยากจะตะครุบเหยื่อให้เร็วขึ้นละมั้ง แบบเล็งมาตั้งนาน อยู่ๆ เหยื่อก็ถูกเด็กที่ไหนไม่รู้ฉกไปใครจะทนได้ " อีกคนแซว " แต่ฉันคิดว่าเค้าคงแค่อยากจะลองมีวันไนท์สแตนกับนายก็เท่านั้นแหละ แต่จะมากกว่านั้นก็ในกรณีที่นายแซ่บมากจนเค้าต้องการอีกนั่นก็อีกเรื่องนะ "
“ บ้า คิดอะไรอย่างงั้น " ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับหัวหน้าเลย อาจเพราะไม่อยากจะคิดมาจนเกร็งไปหมดเดี๋ยวจะพาลทำให้งานที่ต้องทำด้วยกัน มันยากขึ้นเพราะกลัวจนเข้าหน้ากันไม่ติด
“ คิดให้เยอะบ้างเถอะคีย์ คิดน้อยๆแบบนายระวังจะตกเป็นเหยื่อของเค้า จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ ทำอะไรก็คิดถึงฟานหน่อย " คำพูดเตือนที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ชื่อนั่นอีกแล้ว ฟานอีกแล้ว
“ ไอ้ลูกหมานั่นอีกแล้ว ทำไมฉันต้องไปคิดถึงไอ้ลูกหมานั่นด้วยล่ะ "
“ พูดแค่นี้ต้องยั๊วะด้วย " ลิปพูดก่อนจะเว้นเสียงถาม " ทะเลาะกันเหรอ "
“ เปล่า " ผมถอนหายใจออกมา " แต่อย่าพูดถึงชื่อนั่นได้มั้ย มันน่าหงุดหงิด " หันกลับมาที่โต๊ะตัวเองผมมองโทรศัพท์ที่ยังคงไม่มีเสียงเรียกเข้า หรือข้อความใดมันก็ยิ่งชวนให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก หงุดหงิดที่ต้องคิดถึงแล้วมันก็มากขึ้นทุกๆที
สายตาที่ยังคงจดจ้องอยู่ที่หนเาคอมพิวเตอร์ มือที่ยังคงออกแบบงานที่ได้รับมอบหมาย ผมลืมเวลาที่กำลังเดินไปหรือแม้แต่ข้อความหรือเสียงโทรศัพท์ที่กำลังคอยอยู่ สิ่งที่ดีที่สุดของการลืม คือการทำอะไรก็ได้ให้ชีวิตยุ่งเข้าไว้
“ วันนี้นายไม่รีบกลับบ้านไปหา ไอ้ลูกหมาของนายเหรอ " เสียงที่หันมาถามผม เงยหน้าขึ้นจากหน้าจองผมมองดูเวลาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว
“ ไม่อะ " ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา " ไอ้หมอนั่นไม่อยู่ "
“ ไปไหนอะ "
“ ไปตายมั้ง " ตอบออกไปส่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมา " เค้าไม่อยู่น่ะ หายหัวไปเลย "
“ อ้าว แล้วเค้าบอกมั้ยว่าไปไหน "
“ ก็บอก " ผมพยักหน้ารับ
“ แล้วนายจะหงุดหงิดทำไม ฉันก็คิดว่านายโดนทิ้งซะแล้วถึงได้มานั่งทำงานหน้าตาหงุดหงิดอยู่แบบนี้ "
“ ก็ เค้าไม่ยอมติดต่อมาเลย "
“ นายก็ติดต่อไปสิ " ผมหันไปมองอีกคนสำหรับความคิดนั้น ก็จริงอยู่ที่ว่าถ้าเค้าไม่ติดต่อมาเราก็แค่ติดต่อไปแต่ทว่าผม..ก็ไม่กล้าจะทำแบบนั้นหรอก " ท่าทางจะไม่กล้าละสิ "
“ ไม่ใช่สักหน่อย "
“ เหรอออออ " ลิปพูดเหมือนไม่เชื่อก่อจะพยักหน้ารับ " เป็นฉัน ฉันจะโทรไปแล้วบอกว่า ฉันน่ะคิดถึง ไม่สบายอยู่ไหน เมื่อไหร่กลับ กลับมาได้แล้วน้า เหงามากเลย อยากจะกอด จุ๊บๆ "
“ บ้า " ผมเบือนหน้าหนี ให้ตายก็ไม่มีทางพูดอะไรแบบนั้นหรอก ฟานจ๋า~ คิดถึงจังเลยอยู่ไหนน่ะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว " ฉันทำแบบนั้นเป็นที่ไหน "
“ ไม่เป็นก็หัดสิ ของแบบนี้มันต้องลอง "
“ คนเรานี่ก็แปลกนะว่ามั้ย " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อยู่ๆก็เผลอไปคิดถึงเค้าขึ้นมาอีก " ตอนที่ไม่มีก็อยู่ได้สบายดีนั่นแหละ แต่ทำไมพอขาดไปสักหน่อย ก็เหมือนจะอยู่ไม่ได้ ฉันน่ะควรดีใจมากตังหากไม่ใช่เหรอที่สะบัดไอ้ลูกหมานั่นออกไปได้ ควรจะดีใจว่าตัวเองจะได้นอนบนเตียงกว้างๆคนเดียวแบบไม่ต้องแบ่งใครตั้งหลายวัน แต่น่าแปลกตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่า เตียงของฉันใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียวแล้ว "
“ คีย์ "
“ งี่เง่ามากเลยอะ ที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ ต้องมาคิดถึงคนที่ไม่คิดจะโทรหาฉันด้วยซ้ำ " ทั้งๆที่ว่าผมกำลังรอเค้าอยู่แท้ๆ รอให้โทรมา หรือว่าส่งข้อความมาหาก็ยังดี
“ ก็อาจจะยุ่งก็ได้ อย่าคิดมากเลย " ลิปเอ่ยปลอบผมก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ ลิป " พอเอ่ยทักอีกคนก็หันมายิ้มแห้งๆให้ผม ช่วงนี้เพราะกำลังสับสนกับเรื่องของโฮสคนนั้นแน่ๆก็เลยเหม่อบ่อยๆ ความจริงปัญหาของลิปหนักกว่าผมซะอีก ก็เผลอรักคนที่ทำอาชีพแบบนั้น แล้วต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นต่อให้ปากบอกว่าจะถอย แต่หัวใจที่ชอบเค้าไปแล้ว สำหรับผมจะถอยก็ยากแล้วละ
“ มีอะไรเหรอ "
“ นายเหม่ออีกแล้วอะ "
“ โทษที แค่กำลังคิดว่าคำพูดนายมันก็จริงอย่างที่นายพูดมันก็เท่านั้นอะ " เค้าบอก " กลับบ้านกันมั้ย ไปหาเบียร์อร่อยๆกินกันก่อนกลับเถอะ "
“ อย่างงั้นก็ได้เอาสิ " ผมพยักหน้ารับตอนที่ปิดคอมแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าผมก็หันไปหาอีกคน
“ ไปกันเถอะ ไม่มีแฟนมากวนใจก็ไปดื่มให้หนำใจไปเลยดีกว่า " เราเดินออกจากออฟฟิศไปที่ชั้นล่างของตึก ผู้คนที่ดูบางตาเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว
“ จะว่าไปก็อยากจะกินเบียร์อร่อยๆกับของทอดเหมือนกันนะ "
“ ร้านที่ใกล้คอนโดนายที่เราไปกินวันนั้นมันอร่อยมากเลย "
“ ใช่มั้ยละ " ผมพยักหน้ารับ " หรือว่าเราจะไปกินที่ร้านนั้นกันดี "
“ ก็ได้นะ เอาสิ " เราที่ตอบตกลงกันดิบดีแต่ทว่าขาที่กำลังเดินอยู่ๆก็ได้ยินเสียงนึงเรียกขึ้นมาเสียก่อน
“ ลิป " เสียงที่ทำให้พวกเราหยุดเดิน ตอนที่ผมหันไปมองต้นเสียงตัวเองก็เหมือนจะนิ่งไปเหมือนกัน ผู้ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ผมเม้มริมฝีปากตัวเองนี่อย่าบอกนะว่า เค้าคือหัวหน้าโฮสคนนั้นอะ ..ก็ว่าทำไมลิปเหม่อนัก หล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ " ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย "
“ วันนี้ไม่ว่างอะ พอดีนัดเพื่อนไปกินข้าวด้วยกันแล้ว " เค้าที่เชิดหน้ามาทางผม ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ตั้งใจมาเคลียร์แท้ๆ
“ สวัสดีครับ " ผมทักอีกฝ่าย " คุณคงเป็น คุณเมษสินะครับ "
“ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก "
“ เช่นกันครับ คุณ.."
“ คีย์ครับ " แนะนำตัวเองก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ลืมฟานไปชั่วขณะเลยจริงๆให้ตายสิ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรคนข้างก็ลากผมออกไปก่อนจะหันไปพูดกับอีกคน
“ ไว้เจอกันนะครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว "
“ เดี๋ยวสิ " คุณเมษเรียกเราก่อนจะคว้ามือของลิปเอาไว้ " คุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน "
“ แต่วันนี้ฉันมีนัดแล้ว " อีกคนหันไปเถียง" ไว้เราค่อยคุยกันก็ได้ "
“ ค่อยคุยกัน ? “ คุณเมษทวนคำพูด " คุยตอนไหน ฉันโทรไปหานายก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไตอบ ฉันโทรตลอดทั้งวัน จนมือถือนายแบตหมดไปแล้วมั้ง แต่นายก็ไม่ตอบ แล้วแบบนี้นะเหรอที่บอกว่า เราค่อยคุยกัน อย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย "
“ แต่ฉันจะไปกับเพื่อนจริงๆ เรานัดกันแล้ว ใช่มั้ยคีย์ " ชิบหาย..แล้วก็ดันหันมาถามกูอีก
“ ก็ใช่ เรานัดกันแล้ว " ผมตอบก่อนที่อีกคนจะหันมายิ้มให้ผม
“ งั้นผมขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ คุณคีย์ "
“ เอ่อ.. “ ผมหันไปมองลิป ก่อนจะโยนไปให้อีกคนโดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี " เรื่องนี้ผมว่า คุณถามลิปดีกว่านะครับ ผมได้ทั้งนั้นแหละ "
“ งั้นฉันไปด้วยนะ " โคตรตื้อเลย ผมคิดในใจตอนนั้นก่อนจะหันมองลิปที่ไม่รู้ว่าจะตอบอีกคนว่ายังไง ท่าทางอึดอัดที่แผ่ออกมา ผมรู้สึกว่าตัวผมควรออกไปจากเหตุการณ์นี้ท่าจะดีกว่า แฟนกันทะเลาะกันมันก็ควรเคลียร์กันสองต่อสองมันถึงจะรู้เรื่อง
“ เอ่อ ฉันว่าฉันไม่ไปแล้วดีกว่า "
“ ได้ไง " ลิปหันมาบอก " เรานัดกันแล้วนะ "
“ ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากจะกินแล้วอะ ขอกลับบ้านดีกว่า "
“ คีย์ " เสียงที่เรียกชื่อผมก่อนจะเดินไปใกล้ผมก็กระซิบ
“ นายไปเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่องเถอะ ปล่อยไว้คาราคาซังแบบนี้ไม่มีผลดีอะไรหรอก เคลียร์ไปดีกว่าจะเอาไงจะได้จบๆ เชื่อฉันสิ " ผมพยักหน้าบอกเค้าในตอนนั้น อีกคนก็ถอนหายใจออกมา " งั้นฉันกลับก่อนนะ ขอตัวก่อนนะครับคุณเมษ " ก้มหน้าลาอีกคนก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคน ถอนหายใจตอนที่เดินออกมา ยังไงก็ไม่ขอยุ่งดีกว่าเรื่องผัวๆเมียๆ เคลียร์กันให้ลงตัวเถอะจะเอายังไง เรายังไงมันก็คนนอกอะนะ ผมพูดกับตัวเองตอนที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าในที่สุดก็ต้องกลับบ้านไปกินเบียร์คนเดียวอีกตามเคย
หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาตอนที่กลับมาถึงห้องของตัวเอง ความเงียบเหงาที่เข้ามาปะทะกันตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง ผมตั้งกระเป๋าไว้ที่โซฟาก่อนจะทรุดตัวเองนั่งลง พลางกดโทรศัพท์ที่ไม่มีใครโทรเข้ามาทั้งนั้นแม้แต่ข้อความของคนที่คอยอยู่
“ นายไม่คิดจะติดต่อฉันเลยรึไง ไอ้ลูกหมา กำลังลองดีใช่มั้ย ว่าฉันจะคิดถึงนายรึเปล่า นายคิดว่าจะให้ฉันยอมแพ้แล้วลองติดต่อไปหานายก่อนใช่มั้ย หึ ไม่มีวันที่คนอย่างฉันจะทำแบบนั้นหรอก ฉันจะรอให้นายคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวแล้วติดต่อมาหาฉันเอง " ผมพูดกับตัวเองแบบนั้น ก่อนจะกดโทรศัพท์หาสติกเกอร์ไลน์หน้าตาน่ารักก่อนจะกดโหลด เปิดหน้าไลน์ของฟานมือก็เลื่อนหาสติกเกอร์ที่เพิ่งซื้อก่อนจะ ' เผลอ ' กดส่งไปแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ อุ้ย เผลอกดส่ง " ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น ก่อนจะปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลง หัวใจที่เต้นแรงอยู่ๆ เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นมา
“ ครับ ? “
“ ฉันแค่เผลอกดส่งสติกเกอร์ไลน์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดถึงนายหรือว่าอยากจะให้ส่งข้อความกลับมาหรอก " ผมบอก อีกคนก็เงียบก่อนจะส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นหมีส่งหัวใจมาให้พร้อมกับข้อความที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ คิดถึงคุณคีย์นะครับ " มองดูข้อความนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ฉันเองก็คิดถึงนายเหมือนกัน ฟาน
คิดถึง คิดถึงมากๆเลย
..........................................
คิดถึงก็บอก.. เค้าไปตรงๆ
มีซื้อสติกเกอร์ส่งไปหาเค้า อยากจะให้เค้าตอบกลับก็บอก
พี่คีย์คนซึน ใส่ใจแฟนตัวเองน้อยไปหน่อยแต่ว่า ก็รักแฟนตัวเองนะ แม้จะไม่พูดก็เถอะ
ตอนหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป.. พี่คีย์จะทนคิดถึงน้องฟานที่จะหายหัวไปสองอาทิตย์ได้หรือไม่
โปรดเป็นกำลังใจให้พี่คีย์ด้วย
อันนี้คือภาพที่พี่คีย์ส่งไปแล้วฟานบอกว่า เค้าให้ฟรีนะ..
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะในทวิต มีความอยากรีแท็กอย่างมาก
ฝากแชร์ โพสต์ฟานคีย์ในเฟสสักหน่อย มีความอยากให้แชร์มาก
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
ตอนหน้ามาอัพวันเวลาเดิม รักน้าาาาาาา
