ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 14
' อย่ารักเพราะสงสาร '
คำถามมากมายที่กำลังอัดแน่นอยู่ในสมองของผม ตอนที่หยุดนิ่งแล้วยืนอยู่ตรงนั้น มองอีกคนผ่านล๊อคขายของ ฟานถอนหายใจออกมาเค้ายืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินซื้อของต่อ เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะไปไหน คำพูดมากมายที่มีแต่ความสงสัยที่อยากจะรู้ แต่เรื่องของครอบครัว เวลาที่เราคบกันมันก็เหมือนว่า เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะเปิดใจพูดเองมากกว่า พูดโดยที่เราไม่ต้องถาม เหมือนคบกันไปนานๆก็เรียนรู้กันไปเอง ฟานที่ดูขี้อ้อน แถมชอบความอบอุ่น ผมเองก็คิดว่าเค้าจะมาจากครอบครัวอบอุ่นที่คงประคบประหงมลูกซะอีก แต่ที่ได้ยินเมื่อกี้น่าจะผิดจากที่คาดไว้ ยังจำวันที่เค้ากอดแล้วผมก็ถามเค้าว่า ' ขาดความอบอุ่นรึไง ' ได้เลย อีกคนที่เงียบไปในตอนนั้น ตอนนี้รู้แล้วละว่าทำไมถึงเงียบไปเพราะมันคงไปประทบจิตใจเค้าเข้าสินะ
“ คุณคีย์ " ผมหันไปหาเค้าด้วยสีหน้างงๆ ฟานก็เดินเข้ามาหา " มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ ผมคิดว่า คุณซื้อของใช้อยู่อีกฝั่งซะอีก "
“ ฉันเดินซื้อมาเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่ามันหนักอะ ก็เลยเดินมาหานาย " ผมบอกก่อนจะทะยอยเอาของในตะกร้าใส่ลงไปในรถเข็นแต่ฟานกลับดึงทั้งตะกร้านั้นใส่ลงไปในรถเข็น
“ เดินซื้อของด้วยกันดีกว่า ผมซื้อของในครัวเสร็จแล้วละ " พยักหน้ารับอีกคนที่ดูนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ " เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น "
“ ก็เปล่าหรอกครับ " เค้าส่ายหน้าบอกผม คราวนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกคนโกหก เพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาแท้ๆ จะมาทำร่าเริงทะเล้นก็คงไม่ใช่ทีละนะ " แค่กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย "
“ คิดอะไรละ " ผมหันไปถามอีกคนแบบอยากรู้ ฟานที่ขมวดคิ้ว
“ คุณก็ดูแปลกๆนะ "
“ แปลกยังไง แค่ฉันถามนายว่าเป็นอะไรงั้นเหรอ ? ฉันก็เห็นนายทำหน้าเศร้าเลยคิดว่า น้ำปลาที่จะซื้อมันไม่ขายรึเปล่า " คำพูดที่ชวนให้อีกคนยิ้มฟานเอื้อมมือมากอดไหล่ แต่ผมก็ถอยห่างจากอีกคนทันที แต่ทว่าเค้าก็ยังดึงให้เข้ามาใกล้
“ ขอกอดหน่อยสิครับ "
“ ตรงนี้อะนะ " ผมมองซ้ายขวา คนเดินซื้อของเยอะแยะไปหมดนี่อะนะ ยังไงก็ไม่ได้นี่มันที่สาธารณะ แล้วถ้าญาตินายมาเห็นละจะทำยังไง " ไม่เอาอะ "
“ ผมอยากกอดคุณนี่ นะครับ ขอกอดหน่อย " เค้าที่กระชับมือที่กอดไหล่ผมอยู่ ฟานเข็นรถไปข้างหน้าด้วยมือข้างเดียว ท่าทางที่ดูนิ่งๆไม่เหมือนในเวลาปกติ
“ ฉันจะละเว้นให้นายสักครั้งแล้วกันนะ " ช่วยเข็นรถอีกคนไปข้างหน้า ฟานเลือกซื้อของใช้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้หมอนี่มันย้ายเข้ามานอนที่บ้านผมเต็มตัวเลยนี่หว่า " นี่เดี๋ยวนะ ฉันขอถามหน่อย "
“ ครับ "
“ นี่นายหยิบของใช้ตัวเองลงมาในรถเข็นเนี้ย ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปใช้ที่ห้องฉันใช่มั้ย "
“ ก็เอาไปใช้ในห้องคุณคีย์นั่นแหละครับ ทำไมเหรอ "
“ นี่กะจะเข้ามาอยู่ถาวรเลยรึไง " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ
“ ที่เหลือก็แค่คุณบอกให้ขนเสื้อผ้าเข้ามาได้นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ก็มีเสื้อผ้าอยู่ส่วนนึงแล้วนะ ไม่น้อยหรอก " ถอนหายใจพลางเบือนหน้าหนีอีกคน
ให้มันได้แบบนี้สิ เผลอตัวแปปเดียวไอ้เด็กนี่ก็แทบจะขนทุกอย่างเข้ามาอยู่ในห้องผมซะแล้ว จากห้องที่อยู่คนเดียวตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างต้องเพิ่มมาเป็นสอง ครีมอาบน้ำสองแบบที่เราใช้ไม่เหมือนกัน แปรงสีฟันสองอันคนละสี แล้วยังไม่นับอาหารมากมายที่จะทำกินด้วยกันอีก ไม่ต่างอะไรกับคู่รักใหม่เลยสักนิด สมยอมให้เค้าเข้ามาจับจองทุกพื้นที่ส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าถ้าตีตัวออกห่างก็คงจะยากแล้วละ
“ นี่ถามจริงๆเถอะ ฉันไปบอกว่า นายเป็นแฟนฉันเมื่อไหร่ห๊ะ ? ถึงได้เข้ามาจัดการระเบียบทุกอย่างในชีวิตของฉันเนี้ย "
“ คุณก็รับผมเป็นแฟนแล้วละ แต่แค่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้นเองครับ "
“ รู้ดี " อีกคนที่ยกยิ้มฟานหยุดเดินก่อนจะหันไปที่ชั้นวางสินค้าที่เมื่อครู่ผมตัดสินใจไม่ซื้อมัน หันไปมองที่ชั้นวางนั่นแล้วอยู่ๆก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เราสองคนที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางขายถุงยางอนามัย เค้าที่กำลังกอดผมอยู่ในตอนนั้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะดันให้อีกคนขยับไปด้านหน้าให้มากขึ้น " นี่ ไปเถอะ อย่าซื้อเลย "
“ คุณอยากใส่สดเหรอครับ " ถามจริงๆเถอะ ไอ้หมอนี่มันแปลความหมายได้แค่นี้ใช่มั้ย ไม่ซื้อถุงยางคือเท่ากับอยากจะใส่แบบสดๆ คือมึงไม่คิดว่ากูจะมียางอายเลยว่างั้นอะ ฟานหยิบถุงยางแบบบางชนิดเรียบชึ้นมาเค้าถามต่อ " คุณชอบแบบไหน เลือกเลยครับ "
“ ไม่เลือกตรงนี้ ไม่เอา " หน้าที่กำลังแดงของผมอีกคนที่ยิ้มกว้างออกมา เค้ายังกอดผมอยู่แถมยังดึงไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนอีก
“ ไม่เห็นเป็นไรเลย เราต้องป้องกันไว้ นั่นก็ถูกแล้ว ใครๆเค้าก็ป้องกันกันนะ "
“ แต่ฉันไม่เลือกตรงนี้เว้ย " ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเค้า ฟานก็ยิ้ม " ไปกันเถอะนะ ไปเถอะ "
“ หน้าแดงหมดแล้วครับ "
“ ก็ฉันอายนี่ " ก้มหน้างุดลงกับอกของอีกคน " กอดกันอยู่ได้ปล่อยได้แล้ว "
“ ไม่ปล่อยครับ เราต้องซื้อด้วยกันสิ ของแบบนี้อะ " ใครเป็นคนคิดตระกะนี่ให้มึง ไอ้ตระกะที่แฟนกันแล้วช่วยเลือกยุงยางอนามัยเนี้ย คือมึง..มึงต้องเข้าใจใหม่นะ นี่มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่จะช่วยกันเลือกแล้วรู้สึกมุ้งมิ้ง นี่ถุงยางอนามัยลูกกก " คุณอยากจะลองอันนี้มั้ย "
“ อะไรก็ได้ เอาๆ มาเถอะน่า แล้วก็รีบๆด้วย คนมองใหญ่แล้ว " ผมเหลือบมองซ้ายขวา ทุกคนที่กำลังสนใจเรา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ฟานกำลังลังเลของในมือผมก็คว้ามันทั้งหมดแล้วโยนใส่รสเข็น " ไปกันเถอะ ได้แล้ว "
“ แต่ว่านั่น "
“ อะไรอีกกกกก "
" ผมจะซื้อเจลหล่อลื่นด้วยครับ "
“ พูดให้มันเบาๆหน่อยไม่ได้รึไง " ผมเม้มริมฝีปาก หน้าแดงจนไม่รู้ว่าจะแดงยังไงแล้ว ฟานหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นกลิ่นสตอเบอรี่ใส่ลงไปในรถเข็น
“ คุณคีย์หน้าแดงหมดแล้วครับ " เค้าเกลี่ยแก้มผมที่เบือนหน้าหนีทันทีในตอนนั้น
“ ใครมันจะไปหน้าด้านเหมือนนาย ยืนกอดฉันเลือกถุงยางอนามัยหน้าตาเฉยแบบนั้นอะ " สีหน้าหงุดหงิดของผมทำให้อีกคนหัวเราะออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้า ท่าทางที่ไม่พอใจเค้าก็ถาม
“ งอนเหรอครับ "
“ ไม่มั้ง "
“ น่านะ เดี๋ยวเลี้ยงไอติม "
“ ฉันไม่ใช่เด็กนะ ที่นายจะเอาไอติมมาล่อกันน่ะ " ผมบอก ตอนที่สะบัดหน้าหนีอีกคน ฟานก็เข็นรถไปใกล้เค้าเตอร์ แต่ทว่าตอนนั้นเค้าก็แวะที่ตู้ไอติมก่อน
“ เอารสอะไรดีครับ "
“ ก็บอกว่าไม่ใช่เด็กไง " หันไปบอกอีกคน ฟานหยิบไอติมรสช็อคโกเล็ตกับสตอเบอรี่ขึ้นมาใส่รถเข็นผมก็บอกเค้าเสียงเบาๆ " เอารสวานิลลาด้วย " เสียงหัวเราะของอีกคนที่ดังขึ้น ก็ดีที่ผมทำให้เค้าหัวเราะขึ้นมาได้บ้างเพราะฟานในเวลาที่นิ่งเงียบเพราะมีเรื่องทุกข์ใจแบบนั้น สีหน้าแบบนั้นของเค้า ผมไม่ชอบมันเอาซะเลย
จ่ายเงินที่เค้าเตอร์เรียบร้อย เราขนทุกอย่างใส่รถแท็กซี่ที่เรียกได้จากหน้าห้าง ถุงสินค้าเยอะแยะที่ขนขึ้นคอนโดกับแบบพะรุงพะรัง เรากองมันไว้บนพื้นหน้าห้องก่อนที่ตัวผมจะพาตัวเองมานั่งพักเหนื่อยอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี " เหนื่อยชะมัดเลย " พูดออกมาพลางมองไปที่ฟานที่ก็กำลังจัดของเข้าที่เก็บให้เรียบร้อย " จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ มีนายอยู่ที่นี่เหมือนฉันมีพ่อบ้านเลย "
“ คุณเห็นผมเป็นคนใช้เหรอ " เค้าถาม ผมก็เบือนหน้าหนีไม่ตอบคำถาม ลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปในครัวหยิบเอาถุงผลไม้ที่ถูกแยกออกมามาล้าง
“ นายซื้อสตอเบอรี่มาด้วยเหรอ "
“ เห็นว่ามันลูกใหญ่ดีน่ะครับก็เลยซื้อมา " ผมเปิดกล่องสตอเบอรี่ตอนที่จับมันล้างก็อดใจไม่ได้ที่จะแอบชิมมันสักหน่อย รสชาติหวานอมเปรี้ยวของมันถ้ามีนมข้นหวานคงดี ตอนที่คิดแบบนั้นขามันก็กำลังหันไปที่ตู้เย็นแต่ทว่ากลับถูกฟานกอดจากด้านหลังเอาไว้เสียก่อน คางของอีกคนที่ก้มลงซบที่ไหล่ผม
“ เป็นอะไรอีกละ จะอ้อนอะไรอีก "
“ แค่อยากจะกอดคุณคีย์เฉยๆ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมา มือมันก็เลื่อนไปที่ปากอีกคนที่ก็งับมันเข้าไปทั้งลูก เค้าเคี้ยวมันเงียบๆก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น
“ อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่ใช่มาทำท่างอแงแล้วกอดฉันอยู่แบบนี้ " หันไปบอกอีกคนที่เลื่อนมาจูบริมฝีปากของผมที่ยังคงนิ่งมองเค้า
“ คุณได้ยินเรื่องครอบครัวของผมแล้วใช่มั้ย "
“ เรื่องครอบครัวอะไรของนาย " ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกคนก็ยิ้ม
“ ปกติคุณไม่ให้ผมกอดนิ่งๆแบบนี้หรอก แล้วตอนที่ผมจูบคุณก็จะไม่นิ่งด้วย แต่ที่คุณนิ่งเพราะรู้สึกสงสารผมใช่มั้ยละ "
“ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ว่าฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นจริงๆนั่นแหละ เรื่องครอบครัวของนาย "
" เหรอครับ " เสียงทุ้มที่ตอบออกมาเบาๆ ฟานที่กอดผมอยู่คายอ้อมกอดของเค้าออก ผมก็หันตัวไปมองอีกคนให้ชัดขึ้น
“ ถ้าอยากจะเล่าก็เล่ามันออกมา นายอาจจะรู้สึกดีขึ้น "
“ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรหรอก สำหรับผมแค่มีเงินใช้ก็พอแล้วละ "
“ แต่ฉันไม่คิดว่าลึกๆแล้วนายจะรู้สึกแบบนั้นนะ " ฟานที่ยังคงต้องการความอบอุ่นเค้าที่ชอบกอดผมไว้แน่นๆ การกระทำที่บอกว่าเค้าเป็นแค่เด็กขี้อ้อนที่อยากได้ความรักมากกว่าใครๆ " คิดซะว่าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ถ้าคิดแบบนี้นายจะยอมเล่าฉันมั้ยละ " ผมดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเค้าเตอร์ครัวที่ว่าง " ฟาน..” ผมเรียกเค้าตอนที่ยื่นเท้าไปหนีบชายเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้ เค้าที่เดินเข้ามาผมใช้ขาหนีบเค้าให้เข้ามายืนตรงกลาง ก่อนจะยื่นมือขึ้นกอดเค้าไว้ " ถ้าฉันบอกว่าอยากจะรู้จักนายมากกว่านี้จะยอมเล่าให้มั้ย "
“ ทำไมต้องใช้วิธียั่วกันแบบนี้ด้วยนะ " เค้าถามตอนที่ค้ำมือกับเค้าเตอร์แล้วยกยิ้มออกมา
“ เล่าออกมา เดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะจัดการนาย "
“ จัดการยังดีละครับ " เค้าถาม ผมก็เอียงหน้าคิด "จะจูบผมจนกว่าผมจะเล่ารึยังไงดี "
“ ถ้านายไม่เล่าฉันจะไม่ให้นายเข้ามาใกล้ฉัน "
“ เรื่องแบบนั้นผมเข้าไปหาคุณเองก็ได้ครับ ผมถนัดเรื่องเข้าหาคุณอยู่แล้วนี่ "
“ งั้นฉันจะไม่ให้นายเข้าบ้านฉัน "
“ คุณให้กุญแจบ้านผมมาแล้วนะ " เค้าบอกก่อนจะหัวเราะ " ทำไมวิธีแต่ละวิธีของคุณมันถึงเด็กจังละครับ " มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มฟานที่ก้มลงหอมมัน คงรู้สึกหมั่นเขี้ยวอีกแล้วแน่ๆ " งั้นบอกผมหน่อยสิ ทำไมคุณถึงอยากจะรู้ละ มันไม่ได้น่ารู้เลยนะ "
“ ทำไมถึงบอกว่า มันไม่น่ารู้ละ นายคิดว่าเพราะมันไม่สมบูรณ์แบบก็เลยไม่สมควรเล่าเหรอ " อีกฝ่ายเงียบ ผมก็ถอนหายใจ " ในชีวิตนึงไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ไม่ว่าจะนายหรือว่าฉัน แล้วอีกอย่างที่ฉันอยากรู้ คือทำไม นายถึงต้องเศร้าขนาดนั้นเวลาที่พูดถึงครอบครัวของตัวเอง ทั้งๆที่นายเองก็ดูเป็นคนที่พร้อมทุกอย่าง "
“ ผมเป็นลูกชายคนกลางของบ้านครับ พ่อแม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีพี่สาวคนนึง มีน้องสาวคนนึง เป็นลูกชายคนเดียวครับ " เค้าบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " ครอบครัวผมเชื่อเรื่องดวงชะตามาก ฟังแล้วก็ดูเหมือนตลกแล้วก็ไร้สาระ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ บ้านผมเชื่อเรื่องหมอดูอะไรแบบนี้มานานแล้วละ ครั้งนึงตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน เค้าบอกว่าบ้านเราไม่เหมาะกับการมีลูกชายจะทำให้บ้านล่มจม "
“ แต่นายก็เกิดมาเป็นผู้ชายสินะ " เค้ายิ้มรับก่อนจะพยักหน้า
“ ตอนนั้นแม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก แต่พอผมเกิดไม่นานธุรกิจที่เหมือนจะรุ่งเรืองของพ่อก็ล้มลงไม่เป็นท่าเลย เรามีหนี้สินเยอะแยะ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็เครียดกันมาก ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งด้วยเลย ถามอะไรพ่อกับแม่เค้าก็ไม่สนใจ จำได้ลางๆว่า พ่อเคยโมโหมากจนตีผมแบบไม่มีเหตุผลเลยสักนิด โดนตะคอกใส่แบบที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่แย่มาก ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้เลย ไม่มีใครคุยด้วย ไม่มีใคยุ่งด้วย อยู่ตัวคนเดียว เล่นคนเดียว มองดูพ่อกับแม่ที่ทั้งกอดทั้งหอมพี่สาวตัวเอง ใส่ใจน้องสาวตัวเอง แล้วตอนนั้นตัวผมก็ได้แต่ยืนมอง บางทีก็ถูกไล่ให้ไปไกลๆ เพราะเค้าต้องทำเหมือนว่าผมไม่ใช่ลูกของเค้า เพื่อให้ทุกอย่างในบ้านเราดีขึ้น "
" เพราะเค้าคิดว่านายเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวล่มจมสินะ "
" ใช่ เพราะผมเกิดมาเลยทำให้พวกเค้าต้องล่มจมครับ " คำพูดของอีกคนที่พูดขึ้นตอนที่มองหน้าผม ในแววตาคมที่กำลังเจ็บปวดนั้น ใบหน้าเฉยชาที่เล่าเรื่องราวนั้นออกมา เค้าคงเจ็บปวดในอกไม่น้อย ผมที่เม้มริมฝีปากเข้ากันไว้แน่น น่าแปลกทั้งๆที่เมื่อกี้อยากจะฟังแท้ๆ แต่พอฟังเข้าจริงๆกลับรู้สึกว่ามันเจ็บปวดจนอยากจะให้หยุดเล่าได้แล้ว การที่เราเกิดมาแล้วไม่เป็นที่ต้องการของใครเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ความรู้สึกของเด็กสักคนที่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่กำกันไว้แน่นอย่างไม่รู้จะไประบายความรู้สึกสงสารไว้ที่ไหน
“ แล้วเป็นไงต่อ "
“ ก็อยู่แบบนั้นจนถึงป.สามมั้งครับ แล้วผมถูกย้ายไปอยู่บ้านตากับยาย โอนเป็นลูกบุญธรรมของเค้า "
“ แล้วหลังจากนั้นที่บ้านเป็นไง "
“ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากเลยครับ " เค้าหลุดหัวเราะออกมา " อยู่ๆธุรกิจของพ่อก็ฟื้นตัวขึ้นมา แล้วนับตั้งแต่นั้นพ่อกับแม่ก็ไม่หันกลับมาใส่ใจผมอีกเลย ไม่พูดคุยด้วย ไม่สนใจ นานๆทีถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้างแต่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เรียกว่าพ่อกับแม่ ต้องเรียกแค่ว่า ลุงกับป้าแทน แต่ว่าก็หลายปีนะครับถึงมาทีนึงนะครับ จำได้ว่า ป.5 ครั้งนึง ม.3 ครั้งนึงแล้วก็ตอนที่ตากับยายเสียแค่นั้นแหละครับ ส่วนคนที่คุณเห็นวันนี้เป็นญาติฝ่ายพ่อครับ เค้าก็รู้กันหมดนั่นแหละว่าผมเป็นตัวล่มจม เจอกันทีไรก็คอยเหยียดกันแบบนั้นตลอด แต่ผมไม่สนหรอกครับยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ ยังไงผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนั้นอยู่แล้ว เงินก็ไม่ได้ใช้เงินของเค้า เป็นเงินของตากับยายที่เหลือไว้ให้ ผมไม่แคร์หรอกครับ "
' ไม่จริงหรอก ' ผมอยากจะเถียงเค้าออกไปแบบนั้น แต่คิดว่าไม่ดีกว่า สายตาที่กำลังพูดอยู่นั้นแค่คิดถึงก็เหมือนว่าเค้าในตอนนี้กลับไปยืนอยู่ในความทุกข์นั้นอีกครั้ง กลับไปยืนมองดูตัวเองกำลังทรมานในตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่ฟานก็เข้มแข็งเกินกว่าจะมาบอกกับผมตรงๆ ว่าเค้าเสียใจ
“ งั้นเงินที่นายใช้ตอนนี้ นายเอามาจากที่ไหน "
“ เป็นเงินที่ตากับยายเหลือไว้ให้ครับ ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่เงินติดตัวนิดหน่อย แล้วก็พวกที่ดินที่ให้เช่าจ่ายค่าเช่าแบบรายปีให้ผมไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนแล้วก็ใช้ชีวิต เป็นสมบัติที่เค้าเหลือไว้ให้ " แต่ดูจากการใช้เงินของนายฉันไม่คิดว่ามันจะมีแค่นิดหน่อยหรอกนะฟาน คงเยอะมากพอที่ตากับยายของเค้าจะวางใจได้ว่าหลานชายจะอยู่แบบสบายๆแหละ ผมพยักหน้ารับ
“ นายก็ดีนะ ทั้งๆที่พ่อแม่ไม่สนใจ อยู่กับตากับยายแท้ๆ แถมตอนนี้พวกท่านก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะไม่เอาถ่าน เสเพลอะไรแบบนั้นไปแล้ว "
“ ตอนเด็กๆช่วงที่จะออกนอกลู่นอกทางได้พอดีว่า โดนหลอกนะครับ เลยไม่ได้เกเรอะไร "
“ โดนหลอก ? โดนหลอกอะไร “
“ ตาบอกว่า ถ้าเป็นเด็กดี พ่อแม่จะกลับมารับ ตอนนั้นก็เลยทำตัวเป็นเด็กดีซะยกใหญ่เลย แต่ว่าเค้าก็ไม่มานะ " ฟานหัวเราะ " ยายเคยเล่าว่าผมน่ะ คอยแต่ถามตลอดเลยว่า ผมเป็นเด็กดีรึยัง ผมเป็นเด็กรึยัง น่าตลกมั้ยละ "
“ อื้ม " ผมยิ้มออกมาจางๆทั้งๆที่ในใจก็อยากจะร้องไห้มากกว่าด้วยซ้ำ เราต้องใช้ความรู้สึกแบบไหนผ่านวันเวลาแบบนั้นมาได้วะ ต้องเข้มแข็งแค่ไหนที่จะพูดเรื่องราวเหล่าออกมาโดยที่ไม่ร้องไห้ออกมา " แล้วตากับยายเสียนานแล้วเหรอ "
“ ก็ไม่นานนะครับ ตาผมเสียตอนอยู่ม.ต้น ส่วนยายก็ม.ปลาย ตอนนี้ก็เหมือนอยู่คนเดียวนั่นแหละ "
“ เหรอ " พยักหน้ารับเค้าช้าๆ ความรู้สึกหลากหลายทิ่มแทงเข้ามาในใจของผม ความรู้สึกที่ผมไม่เคยเข้าใจในตัวเค้าเลย
ทำไมถึงต้องตื้ออยากจะให้ผมบอกว่าชอบ บอกรักนักหนา ทำไมต้องอ้อนกันขนาดนั้น ทำไมต้องมาอยู่ใกล้ๆผมด้วย ทำไมต้องทำรุ่มร่ามแล้วคลอเคลียอยู่อย่างงั้น ตอนนั้นที่ไม่เคยเข้าใจแต่ทุกอย่างที่เคยสงสัย วันนี้ถูกคลายคำตอบออกหมดแล้ว ก็แค่เพราะว่าเค้าไม่เคยมี วันนี้พอตัวเองหลงรักใครสักคนก็อยากจะได้ทั้งหมดที่ตัวเองไม่เคยมมีมาตลอด เหตุผลมันก็มีแค่นั้น
ผมก้มหน้าลงต่ำรู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ เจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าเค้าเจ็บปวด เจ็บปวดที่เคยทำอะไรต่อมิอะไรเหมือนไปย้ำความรู้สึกของเค้าที่เคยเป็นแผลอยู่ก่อนแล้ว
“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ " มือหนาที่ประคองหน้าผมที่กำลังก้มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเค้า
" นายแบกรับความรู้สึกทั้งหมดนั้นไว้ได้ยังไงกันนะฟาน นายเคยร้องไห้ออกมาบ้างมั้ย "
“ น้ำตาของผมมันไม่ไหลเพราะเรื่องแบบนั้นอีกแล้วละครับ " หรือพูดง่ายๆก็คือ เค้าคงร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลเพราะเรื่องแบบนั้นแล้ว ผมหลับตาลงตอนที่ฟังเค้าพูด ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น " อย่าทำหน้าสงสารผมแบบนั้นสิ "
“ ฉัน..” เงยหน้าสบตาเค้าอีกคนก็นิ่ง สายตาที่เหมือนกำลังอ่านความรู้สึกทุกๆอย่างของผม
“ นี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะเล่าคุณ เพราะคุณเป็นคนใจอ่อนแล้วก็ขี้สงสาร ผมก็เลยไม่อยากจะเล่าคุณ " เค้าบอก " ผมไม่อยากจะให้คุณสงสารผม ไม่อยากจะให้คุณคิดว่าต่อไปนี้คุณจะตามใจเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมเคยขาด ผมไม่อยากให้คุณคิดแบบนั้น ผมไม่อยากให้คุณรักผมเพราะสงสาร ไม่อยากให้คุณทำดีกับผมเพราะสงสาร ไม่ต้องสงสารผมหรอก ถ้าสงสารผมจริงๆ ช่วยทำตัวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำกับผมเถอะ เพราะผมอยากให้คุณบอกว่าชอบผม เพราะชอบผมจริงๆ ไม่ใช่บอกว่าชอบผม เพราะสงสารผม " เบือนหน้าหนีออกจากมือเค้า โดนอ่านใจได้หมดอีกแล้วทั้งๆที่แค่มองตาเค้าเท่านั้นเอง แต่ก็จริงอย่างที่เค้าพูดเราจะรักใครเพราะความสงสารไม่ได้หรอก แล้วผมก็ไม่สมควรที่จะทำแบบนั้นกับเค้าด้วย เอื้อมมือไปหยิบสตอเบอรี่มากิน อีกคนที่กำลังมองอยู่ผมก็ถาม
“ มองอะไร ไปจัดของที่ซื้อมาสิ " เชิดหน้าไปที่ถุงที่กองไว้ตรงพื้น ฟานยิ้มออกมาเค้าจับคางผมให้หันมาจ้องหน้าเค้า ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของผมที่กำลังเคี้ยวสตอเบอรี่อยู่ในตอนนั้น
“ อยากจะกินสตอเบอรี่จังเลยครับ " แขนที่กอดเอวผมไว้ จูบอบอุ่นของเค้าเผลอเผยอริมฝีปากรับความรู้สึกทั้งหมดที่แทรกตัวเข้ามาหา ทั้งๆที่เติบโตมาแบบเจ็บปวดขนาดนั้นแต่ทำไมถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ก็ไม่รู้ ผละริมฝีปากออกจากเค้า ฟานก็กอดผมไว้
“ ทำไมนายถึงเป็นคนที่อบอุ่นได้ถึงขนาดนี้นะ "
“ ก็เพราะคนตรงหน้าผมเป็นคุณ "
“ คำตอบของนายคือแค่นั้นเหรอ "
“ ครับ แค่นั้น "
“ งั้นขอเลียนแบบหน่อยได้มั้ย "
“ เลียนแบบอะไรครับ " คำถามที่มาพร้อมกับจูบที่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง
' ที่ฉันชอบให้นายเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ชอบเด็กเอาซะเลย ก็เพราะว่ามันคือนายนะฟานคำตอบของฉันมันก็มีแค่นั้นเหมือนกัน ' คำตอบที่ตอบเค้าอยู่ในใจผมยิ้มตอนที่ผละริมฝีปากออกจากอีกคน " ฉันไม่บอกนายหรอก "
“ ทำไมคุณถึงปากแข็งจังนะ "
“ ก็นายชอบคนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า
“ ไม่นิครับ " เค้าตอบ ก่อนจะยิ้ม " ผมแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง " เบือนหน้าหนีพลางถอนหายใจเซ็งๆออกมากับคำพูดเลี่ยนๆขอ
เค้า ฟานหัวเราะออกมาก่อนจะเดินออกไปจัดของต่อ แผ่นหลังหนาที่ผมเหลือบมอง จริงๆก็อยากจะถามเค้าว่า ' ตอนที่อยู่กับผมตอนนี้เค้ามีความสุขบ้างมั้ย ' ผมที่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ชอบจริงๆเหรอ แต่นั่นก็ถามออกไปไม่ได้หรอก เพราะมันคงกลายเป็นว่าเราทำไปเพราะสงสารเค้าอีก แต่สำหรับผมตอนนี้ ขอแค่ตอนที่เค้าอยู่กับผม เค้ามีความสุขบ้าง เท่านั้นก็พอแล้ว
เป็นความรู้สึกเล็กๆที่อยากให้เค้ามีความสุข ปฎิเสธไม่แล้วสิว่า ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ทำแบบนั้น
แต่ว่าคนอย่างผม ก็ยังปากแข็งที่จะพูดมันออกไปอยู่ดี
...............................................
น้องฟานนนนนนนนนนนนนนนน #วิ่งเข้าไปกอด
พี่คีย์ก็ช่างอ่อนไหว
แต่อย่ารักใครเพราะความสงสารเลย ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น
ส่วนตัวเราคิดเรื่องปัญหาของน้องฟานมาสักพักละ ตอนแรกจะให้เป็นลูกชายคนเล็กที่ค่อนข้างขี้อ้อน
แต่บังเอิญได้ฟังเรื่อง เรื่องนึงมาก็เลยเอามาเขียนเป็นเรื่องของน้องฟาน
เพราะรู้สึกว่า เออ โลกนี้ก็มีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเว้ย เลยเขียนออกมาค่ะ
ตอนแรกจะเป็นผู้ชายใสๆ ซะแล้วฟานเอ้ยยยย
แต่เรามองว่า คนทุกคนไม่มีใคร เหมือนวัตถุด้านเดียวหรอก คนเรามีด้านเสีย และคนเรามีด้านแย่
ยิ่งนานวันไป ความรู้สึกจริงๆในใจก็จะออกมา ทุกคนเป็นแบบนั้น
ผ่านวันที่มีความสุข และ ผ่านวันที่มีความทุกข์ มันอยู่ที่ว่าจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ก็เท่านั้น
วันนี้ทอล์คยาวดูมีสาระ ( ยกยิ้ม )
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ฝากแชร์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าา
