ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 11
' กุญแจห้อง '
“ กลับมาแล้วเหรอครับ คุณคีย์ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ยินเสียงนี้เอ่ยทักผมตรงหน้าคอนโด เด็กหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นจากที่นั่งข้างตู้ยาม เดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มกว้าง บ้านช่องไม่มีกลับรึไงถึงได้มาหาเค้าได้ทุกวันขนาดนี้ " อย่าทำหน้าเซ็งตอนที่เห็นหน้าผมสิครับ "
“ แล้วนายไม่มีหนังสือหนังหาให้เรียนรึไง ถึงได้มาหาฉันได้ทุกวันเนี้ย " ตั้งแต่วันนั้นที่เราคุยกันจริงจังที่สวนสาธารณะดูเหมือนว่าจากที่เคยคิดว่า เราคงมีชีวิตแบบของใครของมันแล้วเวลาว่างตรงกันหรือเสาร์อาทิตย์เท่านั้นที่ฟานจะว่างมาหาผมได้แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปแบบนั้น
ทุกวันไม่ว่ากลับดึกแค่ไหน ผมจะมีใครคนนี้คอยอยู่ เค้าที่เดินมาหาด้วยรอยยิ้มโดยไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่ระยะทางไปกลับจากคอนโดผมไปมหาลัยเค้ามันก็ไม่ใช่ระยะทางสั้นๆเสียหน่อย เดินทางหนนึงก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถึงจะบอกว่าเป็นนักศึกษามันไม่ค่อยเหนื่อย แต่สำหรับผมที่ผ่านการเรียนมาเหมือนกันไม่สามารถคิดอะไรแบบนั้นได้หรอก ใครว่าเรียนแล้วไม่เหนื่อย แค่ต้องนั่งฟังอาจารย์สอนเรื่องราวที่ไม่เข้าใจ ไม่รวมนับการบ้าน รายงาน ก็เหนื่อยจะตายอยู่ ไม่ต้องพูถึงการเดินทางไปกลับที่ต้องตื่นเร็วกว่าใครนั่งรถออกไปเรียนหรือนั่งรถกลับมาหรอก
“ แล้วนายไม่มีหอพักใกล้มหาลัยเลยรึไง ถึงเทียวไปเทียวกลับแบบนี้อยู่ได้ " บอกแบบนั้นตอนที่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน ผมไขประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไป
“ ก็มีนะครับ " เค้าตอบก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟาเป็นอันดับแรก เสียงถอนหายใจออกมาของฟานท่าทางที่ดูจะเมื่อยเอามากกับการนั่งรอผมอยู่ข้างล่างไม่รู้ว่าตั้งกี่ชั่วโมง
“ แล้วทำไมนายไม่นอนหอพักนายจะกลับมาหาฉันทำไม "
“ ก็ผมคิดถึงคุณนิครับ ที่หอพักผมมันไม่มีคุณคีย์อยู่ ผมไม่อยากจะกลับไปหรอกครับ "
“ แล้วก็ทนเหนื่อย ไปกลับแบบนี้นะเหรอ " ผมถามก่อนจะถอนหายใจออกมา เด็กนะเด็กเหตุผลไม่มีทำตามความรู้สึกล้วนๆ วางกระเป๋าลงบนเค้าเตอร์ครัว เปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นดื่มให้ชื่นใจสักแก้วก่อนจะโดนกอดจากด้านหลังด้วยสองแขนที่รัดเอวเอาไว้แน่น ใบหน้าคมที่แนบลงมาบนแก้ม
“ ผมไม่เหนื่อยหรอก ผมอยากจะเห็นหน้าคุณ "
“ ไว้ฉันจะถ่ายรูปตัวเองแล้วก็เอาไปติดกรอบให้นายเอาไปตั้งไว้หัวเตียงดีมั้ย "
“ โถ่ มันไม่เหมือนกันนะครับ ไม่เหมือนที่ผมได้กอดคุณแบบนี้ " พูดไปอ้อมกอดนั้นก็รัดเอวผมแน่นขึ้น
“ การที่นายทำแบบนี้ ฉันว่ามันทำให้นายเสียสุขภาพและการเรียนนะ ซึ่งนายควรทุ่มเทกับมันมากกว่าเรื่องอื่นๆ "
“ แต่ผมก็อยากจะทุ่มเทให้ความรักด้วยนิ "
“ ดื้อ " ผมพูดสั้นๆตอนที่กินน้ำเข้าไปเสียแก้วใหญ่ พูดอะไรไปก็คงป่วยการที่หมอนี่จะฟัง ฟานดื้อมากแม้ทุกอย่างที่ทำ จะเป็นเพราะผมแต่ผมก็ไม่อยากจะให้มันมากเกินไป เด็กมีหน้าที่สำคัญคือการเรียนหนังสือก็ต้องเรียน มีอย่างที่ไหนมาเห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่า เป็นพ่อแม่แม่งจะไม่ส่งเสียสักแดง เปลืองตังค์
“ ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย " เสียงเถียงอ้อมแอ้มของเค้าทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาจนได้ " ผมก็แค่อยากจะอยู่กับคุณทุกวันมันก็เท่านั้น ผมอยากจะกอดคุณเวลาที่ผมนอน ผมอยากจะตื่นมาแล้วเห็นหน้าคุณเป็นคนแรก ผมอยากจะรู้สึกว่าผมมีคนคอยอยู่ที่บ้าน คนที่ผมจะกลับไปหาได้ "
“ นายเป็นเด็กขาดความอบอุ่นรึไง พ่อแม่ไม่รักงั้นเหรอ " ผมหันไปถามแต่อีกคนไม่ตอบ ในแววตาที่กำลังเศร้านั้นราวกับว่าผมพูดอะไรสักอย่างผิดไป " ฟาน.”
“ คุณช่วยเติมความอบอุ่นให้ผมหน่อยสิ " เค้าก้มลงมากอดผมไว้อีกครั้ง เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรมา อยู่ๆมือมันก็เอื้อมไปลูบหลังเค้า " จริงๆผมก็แค่อยากจะกอดคุณไว้แบบนี้ ในเวลาที่ผมเหนื่อยแค่ได้กอดคุณผมก็หายเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนของผม หรือสุขภาพอะไรของผมหรอก ผมไม่เหนื่อยเลยจริงนะ ขอแค่ให้ผมได้กอดคุณแบบนี้ ผมเต็มใจเหนื่อยครับ ให้ผมทำมันเถอะ "
“ ทำไมนายถึงเป็นผู้ชายที่ดื้อด้านอะไรได้ถึงขนาดนี้ "
“ คุณมองว่าคนคิดถึงคุณ เป็นคนดื้อด้านเหรอครับ "
“ ใช่ โดยเฉพาะนาย " ผมผ่อนหายใจออกมาแรงๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้มีอิทธิพลอะไรกับหมอนี่นัก จะบอกว่าเรื่องเซ็กส์ก็คงไม่ใช่เราไม่ได้มีอะไรกันบ่อยขนาดทุกวันต้องทำกัน ก็ไม่ใช่แบบนั้น แล้วจะบอกว่าเรื่องเอาใจอะไรแบบนั้นก็ลืมไปได้เลยผมไม่ใช่พวกคนทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วเหตุผลอะไรที่ต้องทุ่มเทให้ผมขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเค้าเหมือนกันกับที่ตัวผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เค้าขนาดนั้น ทำไมถึงได้อุ่นใจที่ได้อยู่ด้วยกันขนาดนี้ " แล้วพรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง "
“ มีเรียนบ่ายครับ ผมนอนตื่นสายได้ "
“ แต่ฉันทำงานเช้า ตื่นสายไม่ได้หรอก " ผมผละตัวเองออกห่างจากเค้าอีกคนก็ ถอนหายใจออกมาเสียเสียงดัง
“ โธ่.. "
“ ไม่ต้องมาโธ่เลย โธ่อะไรของนาย " จะมาโธ่อะไรของมันว่ะ หน้าไม่อาย
“ โธ่ที่ผมอุตส่าห์เตรียมถุงยางกล่องใหม่มาแล้วแท้ๆเลย " หันไปชักสีหน้าใส่อีกคนที่ก็ทำหน้างอน ยัง ยังมีหน้ามาทำหน้างอนอีกไอ้เด็กนี่ " อยากใช้มันจังครับ "
“ เก็บเอาไว้แล้วอย่าให้ฉันเห็น ไม่งั้นนายมีเรื่องแน่ แล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะได้อาบต่อ "
“ คุณคีย์อยากจะอาบน้ำแล้วเหรอ " อีกคนถามก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“ ก็ใช่ ทำไม " เหล่มองอีกคนแบบไม่ไว้ใจเท่าไหร่ " แต่นายอาบน้ำก่อนเถอะ นายดูเหนื่อยกว่าฉัน "
“ อาบด้วยกันมั้ยครับจะได้ไม่เสียเวลา " ฟานคว้ามือผมให้ยกขึ้นสูงก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างลูบเข้าไปในชายเสื้อที่หลุดรุ่ยออกมา ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบ " อาบน้ำด้วยกันนะ "
“ นี่แหน่ะ! ไอ้เด็กหื่น ” เขกหัวอีกคนด้วยมือข้างที่ว่างเสียเต็มแรง เสียงร้องโอยที่ดังออกมาของเค้าชวนให้ผมถอนหายใจออกมา
“ โอ๊ยย เจ็บนะครับคุณคีย์ "
“ ก็ทำให้เจ็บนะสิ ไปอาบน้ำ ก่อนที่ฉันจะโมโหแล้วไม่ให้นายกลับมาที่นี่อีก "
“ ใจร้าย " เค้าที่บ่นออกมาแต่ก็ยังนิ่งยืนอยู่แบบนั้นอย่างไม่ยอมแพ้
" ยังไม่ไปอีก " ใบหน้าคมปั้นหน้างอนผมขึ้นมาก่อนจะเดินคอตกเข้าไปอาบน้ำอย่างจำยอม
ผมเผลอหลุดยิ้มออกในตอนที่เห็นท่าทางแบบนั้น นี่สรุปว่ากูกำลังจะมีแฟนหรือกำลังจะมีลูกกันแน่วะ ส่ายหน้าไปมาตอนที่หันกลับไปเปิดทีวีแล้วนั่งบนโซฟาที่มีกระเป๋าของอีกคนวางอยู่ ผมขยับเลื่อนมันก่อนจะพบว่าข้างในกระเป๋านั้นหนักเสียเกินความพอดี ความสงสัยที่ชวนให้มือคว้ามันมาเปิดดูก็ต้องพบว่าตำราเรียนมากมายถูกอัดใส่ไว้ในนั้น ยังไม่รวมกับสมุดที่เหมือนจะรีบเก็บจนไม่ได้ปิดนั่นก็ด้วย ลายมือไม่สวยขยุกขยิกไปมาราวกับไม่ได้เขียนบนโต๊ะเรียบๆ คงจะเขียนระหว่างเดินหรือไม่ก็นั่งทำที่เก้าอี้ข้างตู้ยามระหว่างรอผมแน่ๆ
“ ทำไมนายต้องทุ่มเทให้ฉันขนาดนี้ด้วยนะ " อยู่ๆในอกมันก็รู้สึกอึดอัดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ราวกับมีคลื่นลูกใหญ่กำลังซัดอยู่ในนั้น ผมจะทำยังไงกับความทุ่มเทของเค้าดี ทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวเองให้เค้าได้ไม่ถึงครึ่งที่เค้าทุ่มเทให้ผมเลยสักนิด " เพราะรักงั้นเหรอ บ้าบอเกินไปแล้ว " เบือนหน้าหนีของเหล่านั้น ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ตู้หน้าทีวี จำได้ว่าผมเคยเก็บมันไว้ตรงนี้ กุญแจสำรองของคอนโดอีกชุดนึง " นี่ไง " ผมหยิบมันขึ้นมาคีย์การ์ดเข้าคอนโดกับกุญแจที่ห้อยตุ๊กตาหมูเอาไว้ ตอนที่มองมันผมก็คิด " นี่เรากำลังจะให้เด็กที่รู้จักกันยังไม่ถึงเดือนเข้ามาใกล้เราขนาดนี้เลยเหรอวะ คิดให้ดีก่อนมั้ย คีย์ นายไว้ใจเค้าขนาดนั้นแล้วเหรอ "
“ คุณคีย์ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ " เสียงทุ้มที่พูดขึ้น ผมรีบเก็บกุญแจใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงหยุดความคิดทุกอย่างไว้ตรงนั้น
“ อื้ม เหรอ " หันไปมองอีกคนที่เดินออกจากห้องน้ำด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง ลำตัวท่อนบนที่เปลือยเปล่าโชว์กล้ามท้องเล็กๆของเด็กมหาลัยให้ชวนใจสั่น ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทางในตอนที่เค้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูผม
“ ไปอาบน้ำได้แล้วครับ "
“ ทำไมต้องเข้ามาใกล้ด้วย " เอียงหน้าหลบอีกคนก่อนทำหน้าหงุดหงิดใส่ สีแก้มแดงๆผมเม้มริมฝีปากอีกคนก็หัวเราะ
“ ทำไมคุณต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมตอนเขินทุกที "
“ ใครเขินนายไม่ทราบ "
“ แก้มคุณแดงนะครับ " จูบเบาๆที่ข้างแก้มของผมฟานยิ้มกว้างออกมา " ถ้าไม่รีบไปอาบน้ำแล้วมาให้ผมกอด ผมจะอาบให้คุณในห้องน้ำแล้วมันจะไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงนะครับ "
“ ไอ้เด็กหื่น " พอพูดออกไปแบบนั้นเค้าก็สาวเท้าเข้ามาใกล้อีก " หยุดเลยนะ " ผมถอยหลังแต่เค้าก็ยังเดินเข้ามาใกล้ " ไปเดี๋ยวนี้แหละ ไอ้เด็กบ้า " ดันตัวเองเอียงหลบอีกคนก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง จริงๆเลยแพ้ให้มันอีกแล้ว
ถอนหายใจโล่งออกมาตอนที่ตัวเองวิ่งเข้ามาในห้องน้ำได้ทันก่อนไอ้เด็กคนนั้นจะเดินตามเข้ามา ผมถอดเสื้อผ้าก่อนจะล้วงเอากุญแจที่ยังคิดอยู่ว่าจะให้เค้าดีรึเปล่าวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็พาตัวเองไปอาบน้ำ ถูสบู่ไปตามเนื้อตัวก่อนจะเผลอจับหน้าตัวเองที่ถูกจูบเมื่อครู่ ชวนให้ใจเต้นแรงอีกแล้วทำไมถึงต้องหวั่นไหวไปกับทุกเรื่องที่หมอนั้นทำก็ไม่รู้ ผมปิดก๊อกน้ำก่อนจะเดินไปที่ชักโครกเพื่อทำความสะอาดส่วนสำคัญของตัวเอง ก่อนจะเดินมาอาบน้ำใหม่อีกครั้ง ไม่ได้อยากจะมีอะไรด้วยกันหรอก แต่ก็แค่เผื่อไว้ เพราะไม่รู้จะโดนมาบุกโจมตีตอนไหน " คนอะไรไว้ใจไม่ได้สักนิด "
แต่งตัวด้วยชุดนอนใหม่ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องแล้วเห็นใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยสายตาเคร่งเครียด มือที่พยายามรีบทำการบ้านก่อนจะหันมามองที่ประตูห้องนอนที่ผมยืนอยู่ เค้านิ่งไปก่อนจะถอนหายใจ " คุณอาบน้ำไวจัง "
“ แล้วทำไมนายจะต้องให้ฉันอาบน้ำช้า เพื่อให้นายทำการบ้านให้เสร็จด้วยละ "
“ ไม่ได้ทำการบ้านสักหน่อย " เค้าพูดเสียงเบาๆผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ ฟานนั่งอยู่ตรงพื้นพรมทำการบ้านที่โต๊ะหน้าทีวีก็ปิดสมุดของตัวเองลงทันที
“ ไม่ทำแล้วเหรอ การบ้านเสร็จแล้วรึไง "
“ ก็บอกว่าไม่ใช่การบ้านไงครับ " เค้าหันมาเถียงผมก็ขมวดคิ้ว
“ แล้วทำไมนายต้องขึ้นเสียงใส่ฉันด้วย ไหนเอามาดู การบ้านเสร็จรึยัง " แบมือไปหาอีกคนที่ก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้น คว้าไหล่หนานั่นก่อนจะเขย่าไปมา " นี่ "
“ ก็บอกว่าไม่ได้ทำการบ้านไงครับ ไม่เข้าใจเหรอ "
“ แล้วก็ถามว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย " ผมจ้องอีกคนยิ้มๆ แต่ดูเหมือนฟานจะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย " เป็นอะไรของนาย ฉันพูดแค่นี้ยั๊วะเหรอ หรือว่ากลัวฉันตรวจการบ้านแล้วนายทำผิด นายจะอายฉันรึไง "
“ เลิกพูดอะไรแบบนั้นที่มันทำให้ผมดูเป็นเด็กสักทีจะได้มั้ยครับ " เสียงจริงจังที่บอกออกมาแบบนั้น เค้าก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจแล้วเก็บสมุดหนังสือของตัวเองใส่ลงไปในกระเป๋าแต่พอเห็นว่าผมก็เงียบเค้าก็เริ่มอธิบาย " ผมไม่ได้ทำการบ้าน ก็แค่ทบทวนบทเรียนที่เรียนไปเฉยๆ "
“ การทบทวนสิ่งที่เรียนไปก็คือการทำการบ้าน นายเป็นนักศึกษา นายก็ต้องทำการบ้าน นั่นก็ถูกแล้ว แล้วนายจะหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น พอฉันเดินมานายก็เก็บทั้งๆที่ยังทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ "
“ ก็ผมไม่อยากจะดูเด็กในสายตาของคุณนิ " เค้าก้มหน้าลงก่อนจะพูด " คุณไม่ชอบคนที่เด็กกว่าไม่ใช่เหรอ ผมไม่อยากจะดูเป็นเด็กในสายตาของคุณนิครับ ก็การบ้านมันก็มีแค่เด็กเท่านั้นที่ต้องทำกันไม่ใช่รึไง "
“ การที่นายกำลังคิดแบบนั้นนั่นแหละ ที่ฉันเรียกมันว่า เด็ก " ผมถอนหายใจออกมา ก็นึกว่าอะไรที่หมอนี่หงุดหงิดนักหนาถึงขั้นมาขึ้นเสียงใส่กันได้ " ฟังฉันนะฟาน คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเค้าจะต้องรู้หน้าที่ตัวเองว่าตัวเองควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร นั่นคือคนที่เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนี้นายมีอาชีพเป็นนักศึกษา หน้าที่ของนายก็คือ เรียนหนังสือ ทบทวนบทเรียน ทำการบ้าน นั่นคือหน้าที่ของนาย มันไม่ได้ดูเป็นเด็ก แต่มันดูว่านายมีความรับผิดชอบ ฉันไม่ได้มองว่านายเป็นเด็กเพียงเพราะนายเอาการบ้านขึ้นมาทำหรอก " เค้าที่เหลือบมองผม ใบหน้าคมทำหน้านิ่งๆตอนที่ดึงสมุดกับหนังสือออกจากกระเป๋าอีกครั้งก่อนจะพูดเสียงเบาๆออกมา
“ กำลังทำการบ้านอยู่ครับ " ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่เอื้อมมือไปขยี้หัวเค้าด้วยความหมั่นไส้ บางทีก็รู้สึกว่าฟานเป็นเด็กที่จริงจังกับชีวิต มุ่งมั่น แล้วก็คิดมาก มากกว่าที่ผมเสียอีก
“ จริงๆ นายไม่เห็นต้องแคร์อะไรขนาดนั้นเลยนะ ทั้งเรื่องที่จะมาหาฉัน หรือว่าเรื่องที่ฉันบอกว่าไม่ชอบเด็ก ฉันหมายถึงว่านายน่าจะทำแบบพอดี แล้วเอาเวลาไปทุ่มเทให้การการเรียนของนายมากกว่า " ผมหยิบหนังสือเกี่ยวกับการเรียนวิศวะของเค้าขึ้นมาเปิดดู เนื้อหาภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นั้น ฟานที่กำลังทำการบ้านก็พูดขึ้น
“ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะแสดงอะไรที่เป็นเด็กให้คุณเห็น "
“ ห๊า ? ” ปิดหนังสือที่กำลังดูตอนที่เอียงหน้าถามเค้าฟานก็หันมามองหน้าผม
“ ผมต้องทุ่มเทกับการเรียน เพราะตัวเองกำลังเป็นนักศึกษานั่นก็จริงอยู่ แต่ผมก็ต้องทุ่มเทกับความรักแล้วก็ดูแลคุณให้ดีที่สุดเพราะว่าผมเป็นแฟนคุณ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเหนื่อย เพราะผมไม่เหนื่อย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียการเรียน เพราะผมจะได้เกรดดีแน่นอน ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างในสิ่งที่ผมต้องทำ เพราะงั้นแค่ผมอยากจะอยู่กับคุณ ไม่ต้องถามผมได้มั้ย ไม่ต้องพูดได้รึเปล่า คำที่บอกเหมือนให้ผมไม่ต้องมาที่นี่ คำที่พูดเหมือนให้ผมมาหาคุณแค่่ตอนที่ผมว่าง ก็ผมอยากจะอยู่กับคุณ ให้ผมมาเถอะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างให้ดี ในแบบที่ผู้ใหญ่คนนึงที่คุณจะชอบ ทำได้ "
“ ทำไมฉันต้องเข้าไปอยู่ในเหตุผลทุกๆอย่างของนายด้วยนะ " ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวผมถึงสำคัญต่อเค้านัก ทั้งๆที่ตลอดมาไม่เคยเลยที่ใครจะให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้ ไม่เคยเลย
“ ก็เพราะว่าผมชอบคุณ " เค้าที่เลื่อนหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากของผม สองแขนที่เอื้อมเข้ามากอดเอว ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วทาบทับผมไว้
แล้วแบบนี้จะให้พูดอะไรได้อีก สิ่งที่ผมเป็นห่วงเค้าตอนนี้หายไปหมดแล้ว สิ่งที่กลัวว่าเค้าจะเหนื่อย กลัวว่าเค้าจะท้อไปก่อน ทุกอย่างถูกริดรอนออกไปจากคำพูดของผมที่ต้องพูดแล้ว ถูกริดรอนไปด้วยความมั่นใจของเค้า หลงเหลืออยู่เพียงแต่อ้อมกอดที่อบอุ่นและจูบหนักหน่วงของเค้า ถ้านายมั่นใจว่าทำได้ฉันจะยอมให้นายเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดก็ได้ แต่อย่ามากกว่านี้นะ เพราะถ้ามากกว่านี้ สักวันฉันคงต้องขาดนายไม่ได้แน่เลย
“ ฟาน " กัดริมฝีปากแน่นตอนที่ที่เรียกชื่อเค้า ริมฝีปากของเค้าที่กำลังจูบลงไปบนลำคอไล่ลงต่ำเรื่อยจนได้แต่เกร็งไปหมด
" ผมไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมจะเหนื่อยสักหน่อยแต่ถ้าได้เห็นหน้าคุณทุกวัน ได้อยู่ใกล้คุณแบบนี้ สำหรับผม ผมยอมครับ เหนื่อยแค่ไหนผมก็ทนได้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆคุณคีย์ก็พอ "
เผลอไผลไปตามคำพูดพวกนี้อีกแล้ว รอยจูบที่กำลังไล่ลงต่ำอยู่นั้น เค้าหยุดอยู่ที่หน้าอกของผม ดูดกลืนยอดอกนั้นผ่านเสื้อนอนตัวบางที่กำลังสวมใส่ มืออีกข้างเอื้อมขึ้นมาบดบี้ยอดอกข้างที่ว่าง
ผมกัดริมฝีปากแน่นมากขึ้นไปอีก ตอนที่มือนั้นจะผละออกแล้วเลื่อนลงด้านล่าง ร่อนเสื้อของผมขึ้นมาจนเห็นหน้าอก จูบลงไปยอดอกที่แข็งชันอีกครั้ง ความเย็นของน้ำลายที่กำลังถูกเลียและสะกิดด้วยปลายลิ้นอยู่นั้น ผมหดหน้าท้องเกร็งก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ เพี๊ยะ! ” มือผมตบเข้าที่หัวอีกคนอย่างแรงก่อนที่ฟานจะร้องลั่น
“ โอ๊ย!! ผมเจ็บนะครับ "
“ ก็ตีให้เจ็บนะสิ " ผุดลุกขึ้นนั่งตอนที่ดึงเสื้อตัวเองลงอีกคนก็บ่น
“ กำลังได้ที่แล้วเชียว "
“ นี่ฉันได้ยินนะ เผลอไม่ได้เลยไอ้เด็กนี่ ไปทำการบ้าน! " ผมไล่อีกคนที่ก็ลงไปนั่งทำการบ้านที่เดิมด้วยอารมณ์เซ็งสุดๆ ท่าทางหงุดหงิดของเค้าแต่ก็ยอมทำการบ้านโดยดีแบบนั้นคงจะเสียอารมณ์ไม่น้อยทั้งๆที่ก็ไปได้ตั้งครึ่งทางแล้ว
“ ไว้เดี๋ยวทำการบ้านเสร็จแล้วก็ค่อยว่ากัน "
“ เหรอครับ " ผมเหลือบมองไปทางอื่น ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ ถ้าฉันยังไม่หลับละก็นะ " คำพูดของผมที่ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่คิดเหรอว่า ถ้าหลับจริงๆแล้วหมอนี่มันจะไม่ทำ ต่อให้หลับก็ต้องถูกปลุกให้ตื่นด้วยการลักหลับอยู่ดีนั่นแหละ และในคืนนั้นมันก็เป็นแบบนั้นทุกอย่างไม่ได้ต่างไปจากที่ผมคิดเลยสักนิด แม้จะบอกว่าให้ทำแค่รอบเดียวแต่เสือพอมันได้ลองกินเหยื่อแล้ว ยากครับ ที่จะคายออกมา สุดท้ายก็ต้องโดนกินจนกว่าอีกฝ่ายจะหมดแรงอยู่ดี
......................................................
ลืมตาตื่นมาในเช้าวันใหม่ที่เร็วกว่าปกติแต่น่าแปลกที่มันกลับรู้สึกหลับเต็มตามากกว่านอนนานๆเสียอีก มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงที่เพิ่งบอกเวลาหกโมงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา " จะตื่นขึ้นมาทำอะไรในเวลาที่เช้าขนาดนี้วะ " พูดกับตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างๆ คนอะไรขนาดหลับยังหล่อเลย ทำไมถึงไม่นอนน้ำลายย้อยบ้างวะจะได้หมดหล่อ " น่าหมั่นไส้ " แต่ถึงจะพูดแบบนั้นผมที่นอนลงบนเตียงอีกครั้งแล้วพลิกตัวไปมองหน้าเค้าก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เลย ดึงตัวเองขึ้นหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมา " สมน้ำหน้าอยากจะขี้เซาเอง โดนฉันแอบหอมแก้มเลย "
ลุกขึ้นจากเตียงมาอาบน้ำแล้วแต่งตัวไปทำงาน ผมเดินออกจากห้องทั้งๆที่อีกคนก็ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น อะไรจะขี้เซาได้ขนาดนั้น ผมเผลอยิ้มออกมาอีกครั้งตอนที่เดินออกไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกมาก่อนจะพบว่าข้างในนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยแม้แต่อย่างเดียว มองดูนาฬิกาที่ยังเร็วเกินไปที่จะออกไปทำงาน " ออกไปซื้ออะไรมากินหน่อยแล้วกัน " พอตัดสินใจได้แบบนั้นผมก็คว้ากระเป๋าตังค์กับกุญแจห้องแล้วเดินออกไปตรงข้างล่างของตึก ทักทายยามด้านหน้าจำได้ว่าก็เป็นคนเดียวกันกับที่นั่งคุยอยู่กับฟานเมื่อคืน " สวัสดีครับ " ผมเอ่ยทักเค้า เค้าก็ส่งยิ้มมาให้
“ สวัสดีครับ วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะครับ "
“ พอดีวันนี้ตื่นเช้านะครับก็เลยออกมาหาอะไรกินก่อนไปทำงาน "
“ แล้วน้องชายละครับ "
“ น้องชาย ? “ ผมทวนเสียงก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเค้าคงจะหมายถึงฟานละมั้ง " อ๋อ ยังนอนอยู่เลยครับ "
“ น้องชายคุณเป็นเด็กน่ารักนะครับ " คุณยามพูดชมออกมา " ทั้งๆที่ว่าเรียนหนักขนาดนั้นยังยอมนั่งรถกลับบ้านทุกวันเลย "
“ เอ่อ..ผมขอถามหน่อยสิครับ "
“ ครับ "
“ เค้าจะมาถึงที่นี่ประมานกี่โมงเหรอครับ "
“ ก็สักประมาน บ่ายห้าโมงนะครับ บางทีก็หกโมงเย็น " อีกคนตอบ " แล้วพอมาถึงจะขอเก้าอี้ผมแล้วก็นั่งทำการบ้านตรงนี้ทุกวันเลยครับ บอกให้ขึ้นห้องไปเค้าก็บอกแค่ว่าจะรอให้คุณมาก่อน แล้วพอถามว่าทำไมถึงไม่อยู่หอพักก็บอกแค่ว่า เค้าอยากจะอยู่กับคุณมากกว่าอยู่คนเดียว ท่าทางจะเป้นน้องชายที่ขี้อ้อนน่าดูเลยนะครับ "
“ ก็นะครับ " ผมพยักหน้ารับอีกคน
“ แต่ก็นะครับ เรียนก็หนักบางทีผมยังแอบสงสารเลย มีมาเผลอหลับตรงนี้บ้างเหมือนกัน แถมยังขนหนังสือมาเยอะแยะ เห็นว่าใกล้จะสอบแล้ว ขี้เกียจกลับเข้าหอไปเอาหนังสือก็เลยแบกมันไว้ทั้งหมด " ก็ถึงว่าทำไมมันถึงหนักนักกระเป๋าใบนั้น หนักจนผมยังคิดเลยว่าสักวันกระเป๋าแพงๆที่เค้าใช้คงจะขาด
“ ขอบคุณที่ช่วยดูแลนะครับ ขอโทษที่เด็กคนนั้นรบกวนคุณด้วย "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ เค้าก็ชอบชวนคุย ก็สนุกดี " ผมพยักหน้ารับอีกคนยิ้มๆก่อนจะเดินไปที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้กัน เหนื่อยขนาดฟุบหลับบนเก้าอี้ตัวเดียวได้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่เหนื่อยอีก แล้วก็ยังไม่บอกเค้าเรื่องที่ว่าจะสอบอีกนะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย
หยิบขนมปังขึ้นมาจากชั้นวาง ผมเผลอถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อกี้ อดคิดไม่ได้เลยว่าอีกคนต้องทนเหนื่อยมากแค่ไหนที่ต้องทนเดินทางไกลแบบนั้น ในช่วงสอบก็ต้องอ่านหนังสือแถมยังมีการบ้านให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ ผมเดินลึกเข้าไปในร้านตอนที่หันไปเจอพวงกุญแจน่ารักเป็นรูปเอลโม่สีแดงก็ผลอคิดถึงอีกคนขึ้นมา " ตัวสูงๆยาวๆเหมือนกันเลย " หยิบมันขึ้นมาอันนึงตอนที่เดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์แล้วเดินกลับขึ้นห้องมา ตอนที่เปิดประตูก็พบว่าใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาหน้าทีวีด้วยหน้าสะลึมสะลือแบบคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตาเท่าไหร่
“ คุณคีย์ ไปไหนมาครับ "
“ ไปซื้อของกิน " ผมบอกก่อนจะวางขนมลงบนเค้าเตอร์ในครัว " ฉันซื้อมาเผื่อนายด้วยนะ แล้วทำไมไม่ไปล้างหน้าล้างตาให้มันสดชื่นก่อนจะออกมาอ่านหนังสือ แล้วแบบนั้นมันจะเข้าสมองไปได้ไง "
“ ผมแค่จะจัดหนังสือเฉยๆ ว่าตัวเองควรอ่านหนังสืออะไรบ้างในวันนี้ก็แค่นั้นครับ " เค้าบอกก่อนจะจัดหนังสือที่เหมือนจะอ่านเอาไว้ที่กระเป๋าล๊อคแรก ส่วนที่เหลือก็ไว้ข้างหลัง
“ ถามจริงๆเถอะ หนังสือนายในกระเป๋ามันหนักเกินไปรึเปล่า "
“ ก็ไม่หนักนะครับ " กะแล้วว่าต้องตอบแบบนี้
“ แล้วทำไม นายถึงมีหนังสือเรียนหนึ่งวันเยอะขนาดนั้น นายเป็นห้องสมุดมหาลัยรึไง " ผมบอก " เอาที่นี่บ้างก็ได้ นายจะแบกไปทำไม ก็นายต้องกลับมาที่นี่ทุกวันอยู่แล้วนิ "
“ ได้เหรอครับ " เค้าหันมาถามผมก็พยักหน้า
“ ชั้นวางตรงนั้นยังว่าง " ผมเชิดหน้าไปที่ตู้ริมสุดที่ยังไม่ได้ใส่อะไร อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมา ร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้ามากอดผมเบี่ยงตัวรีบเดินไปที่ห้องนอนตัวเองแทน " ฉันจะไปทำงานแล้ว จัดชั้นหนังสือไปก็แล้วกัน อย่าให้รกล่ะ "
“ ครับผม " เค้าตอบเสียงอ่อนๆ ผมเดินไปหยิบกระเป๋าทำงานก่อนจะคว้ากุญแจของตัวเองไว้ในมือ เข้าไปหยิบกุญแจสำรองในลิ้นชักหัวเตียง ก่อนจะเดินออกมาแล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วก็เอ่ยเรียกเค้า
“ ฟาน "
“ ครับ " ร่างสูงที่หันมาหา ผมโยนกุญแจคอนโดอีกชุดที่ห้อยพวงกุญแจเอลโม่สีแดงที่เพิ่งซื้อเมื่อกี้ไปให้ คนที่รับไว้ยังคงมีสีหน้างงๆ " กุญแจห้องคุณคีย์เหรอครับ "
“ จะได้ไม่ต้องไปนั่งหลับข้างตู้ยามอีก ฉันอายเค้า " ผมบอกก่อนจะหันหลังเดินหนีเค้า " ตั้งใจอ่านหนังสือสอบละ แล้วก็สอบให้ได้เกรดดีๆก็ด้วย ถ้าเกรดนายออกมาแย่ฉันเอานายตายแน่ " เดินเปิดประตูออกไปทำงานก่อนที่เค้าจะทันแสดงความดีใจอะไรออกมากับผมถอนหายใจอยู่ที่หน้าประตู ก็มีแค่นี้แหละที่ทำได้ในตอนนี้ ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะไม่ให้ใครเข้ามาเหยียบพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองแล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องยอมให้เค้าคนนี้จนได้ เผลอถอนหายใจออกมาผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืม โทรศัพท์มือถือไว้ในห้องซะงั้น " อุตส่าห์วางแผนเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์มแล้วแท้ๆ คีย์นะคีย์ จะมาลืมอะไรเอาวันนี้วะ "
สุดท้ายก็ต้องเดินกลับเข้าไปในห้อง ฟานที่กำลังยืนค้นถุงขนมที่ตั้งอยู่ในครัวเค้าหันมายิ้มให้ผมก่อนจะถาม " ลืมไอ้นี่ไว้เหรอครับ " มือถือที่ถูกชูขึ้นผมพยักหน้ารับด้วยสีหน้านิ่งๆที่ก็ปั้นเอาไว้ มือที่ยื่นไปจะคว้ามือถือแต่จู่ๆมือหนาคู่นั้นก็คว้าร่างของผมให้ดึงเข้าไปใกล้เสียก่อน เค้าที่ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปาก " ต่อไปนี้ก่อนไปทำงานต้องจูบกันแล้วบอกว่า ไปทำงานแล้วนะ ด้วยนะครับ "
“ แล้วทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย " เงยหน้ามองหน้าเค้าที่ก็ยังคงยิ้มอยู่แบบนั้นจนรู้สึกน่าหมั่นไส้ชะมัด
“ ก็เพราะว่าเรา อยู่ห้องเดียวกันแล้วนะสิครับ เพราะงั้นทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านนะครับ ผมคอยอยู่ " ริมฝีปากที่จูบผมอีกครั้งอย่างอบอุ่น ตั้งแต่ที่รู้จักกับฟานมา ผมรู้สึกหัวใจของตัวเองหวั่นไหวง่ายอยู่ตลอดเลย แล้วหลังจากนี้ก็คิดว่า คงมีเรื่องที่ทำให้หวั่นไหวแบบนี้อีกแน่ๆ ...
................................................................
คิดถึงน้องฟานมั้ย ? ในที่สุดเค้าก็ได้ย้ายมาอยุ่ด้วยกันแล้วค่าาคุณ
อยากจะอยู่ห้องเดียวกับน้องฟาน จะได้สอนน้องฟานทำการบ้าน
ก่อนจะออกไปเราก็จูบกลับ
แล้วพอกลับมาก็เจอน้องฟานคอยอยู่
อยากจะนั่งจ้องตากับน้องฟาน บ้างไรบ้าง
อยากเป็นพี่คีย์ ในจุดนี้ ที่น้องฟานจะทั้งรักและหื่น ในเวลาเดียวกัน
#ทีมน้องฟาน ทั้งน่ารักและหล่อในเวลาเดียวกัน
หวังว่าคงชอบนะคะ
ใครมีทวิตกับเฟส ฝากแท็ก ฝากแชร์ ด้วยนะคะ #ฟานคีย์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าา
