สังคมอุดมมาม่า
เคยได้ยินไหมที่เขาว่ากันว่าสิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ สำหรับกวางแล้วมันสิ้นไปตั้งแต่กลางเดือน หลังนับคำนวณเงินในกระเป๋าบวกลบคูณหารกับวันที่เหลือกว่าเงินเดือนจะออกก็แทบขาดใจ ต่อให้กินมาม่าประทังชีวิตทุกมื้อยังไม่พอ
ทำไมชีวิตมันบัดซบอย่างนี้วะ!!!กวางนึกในใจระหว่างยืนอยู่ในร้านสะดวกซื้อเลือกห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากรสหลายยี่ห้อเก็บไปเป็นเสบียงกรัง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปทุกเดือนเขาต้องขาดสารอาหารตายแน่ แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่กิเลสมันบังตา รีบเอาเงินไปเปย์สาวน้อยสองมิติจนหมดตูดตั้งแต่ต้นเดือน
สงสัยกลับไปที่ห้องคงต้องรื้อเอาอะไรที่ไม่ชอบแล้วไปขายหาเงินใช้ไปก่อน พอมีเงินค่อยไปถอยกลับมาใหม่ แต่นั่นแหละ...ตอนที่ชอบดันมีแต่ด๋อยหายากราคาแพงทั้งนั้น ไอ้พวกที่ไม่ชอบแล้วก็ตัวเบๆ ที่คนอื่นเขามีไปทั่ว ปล่อยไปใช่ว่าจะได้เยอะ ดีไม่ดีไม่มีคนสนใจอีกต่างหาก
มือขาวคว้าห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ตะกร้า นับให้พอดีวันไปจนกว่าถึงสิ้นเดือน ระหว่างคิดเงินโทรศัพท์คู่ใจก็ดังขึ้น เขาหยิบมากดรับพลางฉวยธนบัตรสีแดงยับๆ ออกมาจ่ายตังค์
“ว่า?”
‘เก้งน้อยเพื่อนรัก กูมีงานมาให้มึงทำ’
“หือ งานอะไรวะ” ตากลมโตเหมือนตากวางเป็นประกายวิ้งๆ ทันทีที่ได้ยินคำว่างาน เพราะงานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุขและอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เขาดีใจจนไม่สนใจชื่อที่เพื่อนรักเรียก
‘เขียนบทความว่ะ พอดีมีพี่ที่รู้จักเขากำลังเปิดเว็บคล้ายๆ พวกเว็บก็อสซิบอยู่ มึงสนใจป่าว’
“สนใจเหี้ยๆ ตอนนี้กูกำลังจนมาก มึงมาบอกถูกจังหวะพอดี” กวางรับเงินทอนพร้อมถุงบรรจุมาม่ามาถือ เขาเดินออกจากร้านสะดวกไปเผชิญกับความร้อนระอุประหนึ่งอยู่ในนรกของกรุงเทพมหานคร
‘เออๆ งั้นเดี๋ยวกูให้พี่เขาติดต่อมึงไปนะ’
“ขอบใจหลาย”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เครื่องมือสื่อสารของกวางก็แผดขึ้นมาอีกครั้ง ตากลมมองดูเบอร์แปลกๆ ก่อนกดรับด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะคิดว่าว่าที่นายจ้างโทรมา
“สวัสดีครับ”
‘อ้าวน้องกวางผู้ชายเหรอ’
“ผู้ชายครับ ไม่ทราบว่านั่นใครครับ”
‘โทษทีๆ พี่ชื่อเสือนะ คนที่จะจ้างน้องเขียนบทความน่ะ’ เหมือนจะจับความไม่พอใจได้ ปลายสายจึงรีบเอ่ยขอโทษและแนะนำตัว ‘คืองี้ พี่ถามก่อน เราเคยเขียนอะไรแบบนี้มาก่อนป่ะ’
“เคยครับ เขียนลงเว็บเหมือนกัน”
‘มีตัวอย่างงานไหม’
“มีครับ ผมเคยเขียนให้เว็บ xxx อ่ะพี่ ใช้นามปากกาว่าเจ้าป่าเจ้าเขา”
‘อ๋อ แป๊บนะ’ พี่เสือเงียบไป กวางได้ยินเสียงกุกกักเหมือนนิ้วกำลังรัวบนแป้น คาดว่าอีกฝ่ายคงกำลังค้นข้อมูลดู สักพักใหญ่จนกวางนึกว่าสายตัดไปแล้วพี่เสือถึงกลับมาต่อบทสนทนา ‘เออ งานคล้ายๆ แบบนี้แหละ ใช้ได้เลยนี่หว่า’
“ขอบคุณครับ”
‘คือตอนนี้พี่อยากได้คนเขียนบทความ เดือนละหกสิบบท มีหัวข้อให้ ความยาวหนึ่งหน้าเอสี่ ไม่ต้องมีรูปประกอบ คิดว่าไหวไหม’
ไหวไหม? โห กวางอยากจะโห่กลับไป ถามมาได้ว่าไหวไหม วันละสองบทความนี่กะไม่ให้ใช้ชีวิตทำอย่างอื่นเลยหรือไง นี่เขายังต้องเรียนหนังสืออยู่นะ แต่พอคิดถึงจำนวนเงินแล้วจะปฏิเสธก็ลำบาก
“ไม่ไหวมั้งพี่ ผมเรียนอยู่ด้วยอะ ถ้าวันละบทพอไหว”
‘เหรอ อืม...ได้ๆ วันละบทก็ได้’
เยส!!! เด็กหนุ่มโห่ร้องในใจ เดือนนี้เขาไม่อดตายแล้วเว้ย ตอนนี้อยากรู้เรตใจจะขาดหากไม่กล้าเริ่มถามก่อนเพราะกลัวดูเป็นคนหิวเงินเกินไป แต่ถ้าคิดตามที่เขาเคยเขียนเมื่อสองปีก่อนได้บทละสามร้อย นี่อาจจะได้บทละสี่ร้อยก็ได้
‘ส่วนค่าตอบแทนพี่ให้เดือนละพันห้านะ’
“ครับพันห้า เอ๊ะ” เดี๋ยวก่อนนะ พันห้า เดือนละสามสิบบท หารแล้ว... “ห้าสิบบาท”
“อืม ไหวไหม”
พี่เสือคร้าบบบ ผมเคยเขียนได้บทละสามร้อย พี่ให้ห้าสิบบาท กดขี่กันไปเปล่าวะ “พี่... ผมเคยได้บทละสามร้อย เท่านี้คงไม่ไหวอะพี่” ถึงจะร้อนเงินแต่จะให้ตกปากรับคำเลยคงไม่ดี อย่างน้อยคนอย่างไอ้กวางก็มีศักดิ์ศรีนะเว้ย เรื่องไรจะลดค่าตัวง่ายๆ วะ
‘เหรอ... งั้นเป็นบทละร้อย เดือนละสามพัน ตกลงไหม’
ไอ้ฉัด! กูนึกว่าจะได้สักสองร้อย นี่เพิ่มให้ห้าสิบ ทำไมอาชีพนี้มันโดนกดขี่จังวะ กูไม่ได้นั่งเทียนเขียนนะเว้ย ต้องหาข้อมูลไหม ใช้ทักษะการเขียนหรือเปล่า นึกว่าเกิดมากูก็เขียนได้เลยหรือไง แสรดดด!!!
“ก็ได้ครับพี่”
แต่เพื่อปากท้องเขาคงต้องตกลงไปก่อน ฮึก...
.
.
.
หลังจากนั้นกวางก็ทนเขียนบทความให้พี่เสือเอาไปลงเว็บพลางกินมาม่าประทังชีวิต เมื่อสิ้นเดือนมาถึงเห็นเงินจำนวนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีแล้วน้ำตาจะไหล ยังไม่พอจ่ายค่าหอเลยเหอะ!!!
ยังดีว่าพ่อกับแม่โอนเงินมาให้ด้วยเหมือนกัน แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ผมร่วงเพราะผงมาม่าเขาคงต้องงดเปย์ให้พวกสาวน้อยสองมิติไปสักพัก โดยรวบรวมเงินจากการเขียนบทความอันน้อยนิดไว้ซื้อของที่อยากได้จริงๆ แทน
ปัญหามันน่าจะจบหมดสิ้นกันตรงนั้น แต่...ถ้าจบง่ายๆ คงไม่ใช่สังคมอุดมมาม่า วันหนึ่งพี่เสือโทรมาหากวางน้อยพร้อมแจ้งข่าวร้ายว่า... ‘กวาง เพจเราโดนก็อปว่ะ’
พ่อมึงสิ้น!!!“อะไรนะพี่ โดนก็อปเหรอ”
‘อืม โดนเพจคล้ายๆ กันก็อปที่กวางเขียนไปเกือบหมดเลย เซ็งว่ะ’
กวางอยากจะทึ้งหัวตัวเองทิ้ง ค่าแรงกูก็น้อยอยู่แล้วมึงยังก็อปไปอีก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าจริงๆ “แล้วเราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอพี่”
‘ไม่น่าจะได้นะ เพราะเขาไม่ได้ก็อปไปทั้งดุ้นอะ แต่เอาไปเปลี่ยนคำนิดๆ หน่อยๆ’
ไอ้ขยะสังคม!!!เขาด่าพวกเหลือบไรในวงการนักเขียนไปในใจ กวางคุยกับพี่เสืออีกเล็กน้อยก็วางสายไปพร้อมข่าวร้ายที่ว่าขอหยุดการลงบทความก่อนสักพักเพราะพี่เขาก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน หมดสิ้นกันเงินพิเศษที่กวางควรได้
ในเมื่อทางกฎหมายอาจทำอะไรพวกนี้ไม่ได้มาก กวางก็ขอใช้กระแสสังคมจัดการพวกนี้แล้วกัน
เด็กหนุ่มกลับมาที่ห้องพัก จัดการต้มน้ำร้อน แกะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ชาม พอน้ำเดือดค่อยเทใช่ชาม ระหว่างรอเส้นอืดก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์เข้าเว็บคอมมูนิตี้ชื่อดัง
เขานั่งโซ้ยเส้นบะหมี่กับซุปผงชูรสไปพลางสลับมือกดแป้นพิมพ์ไป เข้าเว็บขี้ก็อปไปแคปรูปมาประกอบเทียบกับบทความที่เขาเขียน ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือไอ้เว็บนั่นมีโฆษณาเยอะมาก ไม่ต้องบอกเลยว่ารายได้ขนาดไหน รายได้ต้องเยอะกว่าเว็บไร้โฆษณาพี่เสือแบบไม่เห็นฝุ่น ไอ้คนที่ก็อปบทความเขาไปดัดแปลงลงเว็บนั่นก็ต้องได้ค่าน้ำหมึกมากกว่าเขาแหงๆ แม่งไม่ยุติธรรมเลย
หลังนั่งเขียนนั่งทำรูปประกอบอยู่เกือบสองชั่วโมงเขาก็เขียนเสร็จ เด็กหนุ่มกดส่งกระทู้ เพียงครู่เดียวบทความที่เขาตั้งใจเขียนยิ่งกว่าครั้งไหนก็ปรากฏในสังคมออนไลน์
กวางกดแชร์กระทู้ไปทุกโซเชียลมีเดียของตน ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ทรัมเบลอร์ กรุ๊ปของพวกเล่นด๋อยและกลุ่มนักเขียน เพียงไม่นานหลายคนก็เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นหลายสิบข้อความ ยิ่งรีเฟรชอ่านเจอข้อความใหม่ๆ ที่มาร่วมวงต่อว่าไอ้เพจขี้ก็อปนั่นแล้วเขายิ่งพอใจ ประหนึ่งได้ลงโทษคนร้ายจริงๆ ผ่านเพียงแค่ตัวหนังสือ
นั่งจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เกือบห้าชั่วโมงกวางถึงยอมผละออกไปล้างชามมาม่าที่กินเสร็จนานแล้ว เชื่อได้ว่าพ้นคืนนี้ไปกระทู้นี้จะแพร่กระจายจนเพจดังๆ อย่างอีเจี๊ยบต้องเอาไปโพสประณามแน่
คืนนั้นกวางนอนหลับฝันไปว่าเขาได้กระโดดถีบไอ้คนขี้ก็อปจนมันหน้าหงาย ก่อนตื่นมาพบว่าหวัดแดกเพราะถีบผ้าห่มทิ้งทั้งที่เปิดแอร์ไว้ยี่สิบองศา
.
.
.
เช้าวันต่อมากวางไปเรียนพร้อมกับกดอ่านกระทู้ที่ตนเองสร้างซ้ำๆ ทำอย่างนี้ทั้งวันจนกระทั่งมีสมาชิกหมายเลขลึกลับรายหนึ่งโพสข้อมูลบางอย่าง
“อะไรวะ” เขาพึมพำหลังอ่านข้อความนั้นจบ สักพักโทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็ส่งเสียงข้อความเข้าพร้อมสัญลักษณ์บอกว่ามีหลังไมค์ส่งมา
กวางกดเปิดอ่านด้วยใจระทึกและตื่นเต้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าคนส่งมาคือรายเดียวกับสมาชิกหมายเลขคนนั้น
‘พี่เป็นเจ้าของเว็บที่น้องหาว่าก็อปเอง พี่ไปตรวจสอบแล้วยอมรับว่าเพจพี่ก็อปบทความน้องมาจริงๆ ทั้งนี้เป็นเพราะพี่ไม่ได้ตรวจสอบบทความที่นักเขียนส่งมาให้ดีก่อน เห็นเขาเขียนบทความมานานไม่นึกว่าจะทำแบบนี้ สุดท้ายพี่ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยการลบข้อความที่ก็อปมาทั้งหมด ขอโทษด้วยจริงๆ’เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง จู่ๆ กลายเป็นว่าเจ้าของเว็บมาขอโทษเขาซะงั้น แต่ไม่รู้จะใช่ตัวจริงไหม เพราะโลกออนไลน์ใครๆ ก็พูดได้ กวางจึงส่งข้อความกลับไป
‘ผมจะเชื่อได้ไงว่าพี่เป็นเจ้าของเว็บจริง’
‘พี่ลบบทความออกหมดแล้วไม่เชื่อเข้าไปดูได้ http://www.xxxxxx/com’กวางกดตามลิงค์เข้าไปดูก่อนพบว่าบทความเหล่านั้นหายไปแล้วจริงๆ พร้อมขึ้นข้อความขอโทษเขาด้วย แบบนี้ยืนยันได้แน่ว่าตัวจริง แต่เขาไม่อยากให้มันจบแค่นั้นเขาอยากรู้จริงๆ ว่านักเขียนคนไหนมันกล้าหักหลังเพื่อนร่วมอาชีพแบบนี้
‘พี่บอกผมได้ไหมว่านักเขียนคนนั้นชื่ออะไร นามปากกาอะไร ผมอยากรู้’
‘นามปากกาเจ้าป่าแห่งทุ่งสะวันน่า’อ่านแค่นามปากกากวางยังรู้สึกโกรธ โคตรเหมือนกับนามปากเจ้าป่าเจ้าเขาของเขาเลย แค่ชื่อตัวเองยังคิดไม่ได้ต้องลอกคนอื่นเขา คนอะไรวะหน้าด้าน
‘ชื่อเสือ พี่มีอีเมล์เขาด้วยนะ Sue_Susu@xmail.com’เด็กหนุ่มแอบดีใจที่อีกฝ่ายให้อีเมล์ของไอ้พวกหลืบไรสังคมมาด้วย แต่...ทำไมอีเมล์มันคุ้นๆ จังวะ
เขากดเข้าแอพอีเมล์ในโทรศัพท์ก่อนกดค้นหาอีเมล์ Sue_susu รอสี่จีโหลดเพียงอึดใจเดียวก็ได้เห็นจดหมายอิเลคโทรนิคโผล่ขึ้นมาเป็นสิบๆ ตามคาด
อีเหี้ยยย!!! ไอ้พี่เสือมึงก็อปงานกูกวางหันหน้าไปหาเพื่อนผู้แนะนำงานเขียนบทความมาให้ทันที สืบเค้นประวัติว่าไอ้พี่เสือมันเป็นใครทำไมถึงก็อปงานกูไปขายให้เว็บอื่น ไหนว่าทำเว็บเองก็ได้ความว่าไอ้พี่เสือมันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันนี่แหละ เรียนคอมพิวเตอร์ปีสุดท้ายแล้ว ทำโปรเจ็คเว็บไซต์ลงบทความ แต่ไม่รู้ว่าจะแอบเอางานเพื่อนไปขายต่อหากำไรเข้ากระเป๋า
ได้ยินความจริงยิ่งจี๊ดเข้าไปใหญ่ เขากับเพื่อนรวมตัวกันบุกไปถึงคณะที่อีกฝ่ายเรียนอยู่ แถมไอ้พี่เสือตามหาไม่ยากเลยเพราะมันหล่อ มันเป็นถึงอดีตเดือนคณะ ถามแป๊บเดียวก็ได้ที่สิงสถิตปัจจุบันแล้ว
เดินไปหลังอาคารได้หน่อยกวางก็เจอผู้ชายตัวสูงท่าทางหล่อเซอร์นั่งล้อมวงกับเพื่อนๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะพวกมากกว่าและตัวใหญ่กว่ากวางก็ไม่สนใจ เดินดุ่มๆ เข้าไปกลางวงทันที
“ไอ้พี่เสือ”
“โอ๊ะ น้องกวางน้อย” ใครคนหนึ่งในวงร้องเสียงไม่เบานัก จนตากลมโตต้องหันไปมอง
“อย่าเสือก”
“โหดอะ”
“พี่เสือเอง น้องมีไร” ผู้ชายที่เขาหมายตาไว้ลุกขึ้นยืน พอมองใกล้ๆ แม่งหล่อกว่าที่ไกลๆ เยอะเลย แต่ต่อให้หน้าตาดีใช้ว่าจะทำสันดานเสียได้นะเว้ย
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความกำปั้นเล็กแต่หนักก็ซัดเปรี้ยงเข้าที่จมูกอีกฝ่ายเข้าเต็มรัก เลือดสีแดงสดกระฉูดออกมาเป็นสาย
“ไอ้กว๊างงง” เพื่อนที่มาด้วยกันร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าเก้ง เอ๊ย กวางน้อยตัวเล็กจะนักเลงขนาดนี้
“ไอ้ขี้ก็อป!”
“เฮ้ย ไรวะ!!!” พ้องเพื่อนของเสือลุกฮือทันทีที่เห็นเพื่อนตัวเองโดนต่อย ต่อยไม่พอยังด่าอีก
“ถามมันดิว่าทำอะไรไว้ ไอ้เหี้ยยย หลอกเอางานกูไปขาย มึงรู้ไหมกูต้องทนแดกมาม่าอยู่กี่วัน ผมกูร่วงหมดแล้วเนี่ย”
“เดี๋ยวๆ น้องเข้าใจไรผิดป่าวครับ เพื่อนพี่เนี่ยนะหลอกเอางานน้องไปขาย ไม่มีหลักฐานอย่ามาพูดพล่อยๆ ดีกว่า”
“ไม่มีจะมาต่อยมันเหรอ ไอ้เสือเหี้ย เจ้าของเว็บที่ก็อปงานไปเขาบอกกูมาหมดแล้ว”
“ชิบหาย!” ตัวต้นเหตุร้องเสียงหลง พอจะลุกหนีก็ถูกเพื่อนคว้าคอเสื้อไว้
“มึงทำจริงเหรอเสือ”
“...”
“ไอ้สัด ไอ้เลว มึงเอางานไปขายได้ตั้งหลาย้อยแต่ให้กูร้อยเดียว ต้องขายด๋อยมาซื้อมาม่าแดกประทังชีวิตไปวันๆ ฮือออ ที่กูเตี้ยเพราะมึงนั่นแหละทำกูขาดสารอาหาร” ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหมแต่กวางก็โทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของเสือ ต่อยแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“มึงไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอวะไอ้เสือ”
เสือยังคงเงียบกริบ เขาใช้มือข้างหนึ่งดึงคอเสื้อมาอุดรูจมูกที่เลือดกำเดายังไหลไม่หยุด เบนสายตาไปทางอื่นที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากวาง
“หึ กูจะแจ้งเรื่องนี้กับคณบดี ดูซิจะได้จบไหมสี่ปีน่ะ”
“เฮ้ย ใจเย็นๆ นะน้อง”
“ไม่เย็นเว้ย”
“เอางี้ เพื่อนพี่มันโกงน้องไปเท่าเดี๋ยวให้มันจ่ายคืนแล้วจบกัน โอเคป่ะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเสนอ ตอนแรกหูกวางก็กระดิกอยู่ แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
“ไม่”
“งั้นสองเท่า” เสือที่เงียบมานานโพล่งขึ้นกลางวง เงินไม่กี่พันเขาคงไม่อดตายถึงขนาดแดกมาม่าทุกวันหรอก
กวางกอดอกพยายามหักห้ามใจกับจำนวนเงินที่พอจะไปถอยด๋อยจีนได้อีกสองสามตัว จนเพื่อนมากระซิบว่าศักดิ์ศรีมันแดกไม่ได้เท่านั้นแหละเขาขึ้นเลย
ขึ้นราคาเลย!!!“สามเท่าเว้ย”
“ตกลง ดีล!”
สังคมอุดมมาม่าจึงจบลงด้วย(เงิน)ประการฉะนี้
เตร่ง เตรง เตร็ง เตร๊ง เตร็ง เตรง เตร๊ง เตร๊ง ตะ ระ เร้ง เตรง เตรงENDว่างๆ ไม่มีงานเลยแต่งขึ้นมาเรื่อยๆ ห้าชั่วโมงเสร็จ
มีเรื่องจริงบ้างเรื่องแต่งบ้างคละเคล้ากันไป
คล้ายระบายความอัดอั้นตันใจของอาชีพนักเขียน
ที่นอกจากค่าจ้างจะถูกแล้วยังถูกโกงง่ายอีก
ชีวิตจึงไม่พ้นมาม่าประทังชีวิต สมกับเป็นอาชีพที่เขาว่ากันว่าไส้แห้งจริงๆ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
จุ๊บๆ
