ตอนที่ 40 ♥ ครึ่งแรก : พระจันทร์ยิ้ม-ข้าวเจ้า-
“สรุปว่าโรสเป็นกระเทย”
“อืม พี่เหนือไม่คิดว่ากูจะบังเอิญไปรู้เรื่องเข้า กะปิดไม่ให้กูรู้ ขนาดตอนกูถามยังไม่ยอมบอกทั้งหมด กว่าจะรู้เรื่องก็ตอน
โรสเอากุญแจคอนโดมาคืนนั่นแหละ”
“ถ้ามึงรู้มึงจะโกรธไหมวะ”
“ไม่โกรธแต่คงห้าม”
“ห้ามทำไม มึงคิดดูมันไม่ใช่แค่ต่อยมึงนะ มันจะฉุดกูไปปล้ำ อย่างไอ้อาร์ทมันทำคนอื่นมาเยอะ ควรโดนเองมั่ง
ถ้าวันนั้นไม่มีคนมาช่วย กูคงโดนทั้งซ้อมทั้งข่มขืน ใครจะว่ากูร้ายก็ช่าง ไม่มาเป็นกูไม่รู้หรอก กูนอนไม่หลับทุกคืน
ใครเข้าใกล้ก็สะดุ้ง แบบนี้กูพอใจแล้ว สะใจแล้ว อยากขอบคุณพี่เหนือสุดๆ”
“เดซี่”
“เฮ้ย ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้น กูยังโอเค ว่าแต่พี่เหนือก็ช่างคิดได้ เอากระเทยไปหลอกล่อไอ้หน้าตัวเมียอาร์ท ควงอยู่แป๊บๆ
นึกว่าจะได้กินดอกฟ้า สวยรวยมีรถขับมีคอนโดหรู คงนึกว่าจะสบายไปทั้งชาติ เจอแบบนี้เข้าไปโคตรสะใจกูเลย”
“แต่โรสไม่ได้เสียบตูดไอ้อาร์ทจริงนะ มันแค่ถูกมอมยาแล้วกระทืบตูดเท่านั้นเอง แล้วตัวมันก็เชื่อ
มันไม่รู้ไงว่าเวลาโดนจริงๆ เป็นยังไง อีกอย่างมีถุงยางใช้แล้วเป็นหลักฐานตกเกลื่อน มันเลยฝังใจ
โรสขู่มันไว้ว่าถ้ามันตามรังควานจะปล่อยคลิป”
“แล้วใครกระทืบตูดมันวะ”
“เพื่อนนักกล้ามของโรส ตอนไอ้อาร์ทตื่นก็อยู่ด้วย มันเลยไม่กล้าทำอะไร ได้แต่บิดตูดกลับบ้าน พี่เหนือบอกว่าเคยได้ข่าวว่า
มันทำมาหลายครั้งแต่ไม่มีใครกล้าหือเพราะมันถ่ายคลิปไว้หมด พอมามีเรื่องกับพวกเราพี่เหนือเลยถือโอกาสจัดหนักจัดเต็ม”
“เสียดายเป็นกูหน่อยไม่ได้ จะหาคนมาเสียบมันจริงๆ” ดูเหมือนเดซี่ยังฝังใจอาฆาตกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แบบนี้ดีแล้วมึง แค่นี้มันก็คงนอนขวัญผวาทุกคืน”
“ดี!! จะได้รู้บ้างว่าคนอื่นรู้สึกยังไง กูว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่กูนอนหลับสบาย” เดซี่ยิ้มอย่างพอใจเหมือนได้รับการชดใช้
ในสิ่งที่เกิดขึ้น
“กูเชื่อเลย พี่เหนือแม่งน่ากลัวสัส นี่ขนาดมึงแค่โดนต่อยสลบนะ ถ้ามึงเป็นคนโดนฉุดกูแทบไม่อยากนึก ต่อไปกูไม่กล้าถีบมึงแล้วโต๊ะ”
“ดีมากส้มที่มึงคิดได้ ไม่อย่างนั้นกูจะให้พี่เหนือส่งคนมาปล้ำมึง”
โครม!!
“เหี้ยส้ม ถีบกูทำไม”
“กูไม่ถีบเปล่าด้วย อะ กูบริการยื่นโทรศัพท์ให้มึงโทรไปฟ้องพี่เหนือ ขอเป็นพี่ต่อก็ดีนะกูเหนื่อยจีบแล้ว”
“ส้มมมมมม” ผมเรียกเพื่อนด้วยความอ่อนใจกับความห่ามเกินหญิง
“ส้ม กูถามจริงๆ แบบโต๊ะบ้างเหอะ ตกลงมึงพูดเอาสนุกหรือมึงพูดเอาจริง เพื่อนทำตัวไม่ถูกค่ะ”
“แล้วมึงล่ะคะน้องเดซี่ มึงทำเป็นปากดี เคยมีอะไรกับพี่ทัชหรือยัง อย่าเอาแต่เห่าไปวันๆ ค่ะ”
“พอๆ ใช่เรื่องควรเอามาพูดกันไหม” ผมพยายามห้ามเพราะยิ่งคุยเสียงก็ยิ่งดัง คนไม่รู้จักจะเข้าใจผิดเอาได้ง่ายๆ
“นี่ไงคนไม่ยอมพูด ปิดปากเงียบ อร่อยไหมไม่เคยเล่า”
“ยุ่ง” ผมไม่ตั้งใจจะพูดคำนี้ แต่มันหลุดปากออกไปเองด้วยความเคยชิน หน้าแดงทีไรผมพูดเป็นอยู่คำเดียว
“แปลว่าอร่อย ฮ่าๆๆ”
“อะไรอร่อยครับ” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง เล่นเอาสะดุ้งเฮือกตามประสาคนมีชนักปักหลัง
“พี่สกาย” เพื่อนตัวแสบรีบตอบคำถามด้วยความว่องไว
“เดซี่!!” ผมแทบจะกระโจนไปปิดปาก เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้พูดต่อ
“พี่สกาย..กินขนมไหมคะ อร้อยอร่อย”
“มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอเดซี่”
“อันนี้พี่สกายต้องถามเจ้านะคะ เพราะเจ้าเป็นคนซื้อมา ว่ายังไงคะน้องข้าวเจ้า อร่อยไหม”
“..........”
“ตกลงไม่อร่อยเหรอ ไม่เห็นตอบ” คนถามไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำให้ผมลำบากใจแค่ไหน
“เฉยเฉยครับ” เมื่อรู้ว่ายังไงก็ต้องตอบ ผมเลยเลือกคำตอบกลางๆ ขืนตอบว่าอร่อยหรือไม่อร่อยคงเข้าทางเดซี่
“เหรออออออ” พี่สกายหันมามองหน้าผมงงๆ เมื่อเดซี่ ส้ม โต๊ะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่า” คนฉลาดย่อมรู้สึกตัวไว แต่ผมว่าต่อให้ไม่ฉลาดก็รู้ครับ หน้าตาแต่ละคนออกอาการมาก
ทั้งสายตาล้อเลียน ทั้งยักคิ้วหลิ่วตามาครบ
“กินไปเถอะครับ อร่อยก็กินไป” ผมหยิบขนมยัดใส่มือพี่สกาย พร้อมส่งสายตาดุๆ ไปให้อีกสามคนที่เหลือ แต่ดูเหมือน
ไร้ประโยชน์ แต่ละคนจ้องจะหาช่องปล่อยมุกของตัวเองตาเป็นมัน ช่างเป็นเพื่อนที่ดีกันเหลือเกิน
“พี่สกายเย็นนี้ไปไหนหรือเปล่าคะ เดซี่หาเจ้ามือเลี้ยงไอศกรีมอยู่”
“พี่ไม่รู้”
“อ้าวทำไมไม่รู้ล่ะคะ”
“คุณนายยังไม่ได้บอกว่าวันนี้อยากไปไหน พี่เป็นคนขับรถไม่มีสิทธิออกความคิดเห็นครับ ต้องแล้วแต่บัญชา”
“ช่วยกูด้วย กูจะเป็นลมต่อมอิจฉาทำงานหนักมาก” ส้มร้องหาหยูกหายา จนโต๊ะต้องเข้าไปประคองราวกับกำลังท้องสองเดือนก็ไม่ปาน
“พี่สกายหมายถึงแม่” ผมปัดให้พ้นจากตัว ตาจิกจ้องพี่สกายเป็นเชิงเตือนว่าห้ามพูดอะไรไม่เข้าหู
“ใช่ พี่หมายถึงแม่”
“เห็นไหม ส้มฟังไม่ได้ศัพท์ อย่าจับเอาไปคิดเอง”
“แม่คุณทูนหัว” ประโยคหลังตามมาพร้อมกับสายตาประหนึ่งกำลังประกาศการยกย่องให้โลกรู้
“ฮ่าๆๆๆ พี่สกายลิเกเก่าหรือเปล่าครับ ทำเอาผมขนลุกซู่” โต๊ะหัวเราะชอบใจ ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผม
“ว่ายังไงคะ แม่คุณทูนหัวเจียดเวลาพาเพื่อนไปเลี้ยงไอศกรีมได้ไหมคะ”
“เจ้าโทรบอกพี่ทัชให้ไหมว่าเดซี่อยากกินไอศกรีมมากกกกกกก”
“ไม่ต้องค่ะกูบอกเองได้ แต่กูไม่ได้อยากกินเงินพี่ทัช กูอยากอ้อนสามี” เดซี่กลัวไม่รู้ว่าหมายถึงสามีไหน รีบเขยิบเข้าไปจับมือพี่สกายมากุมไว้
“พาภรรยาน้อยไปทานหน่อยนะคะสามีขา”
“อา..ให้พาไปทานไอศกรีมพี่พาไปได้ครับ แต่เรื่องภรรยาน้อยเห็นจะรับไว้ไม่ไหว คนเดียวก็งานหนักแล้ว”
ผมจะไม่พูดครับ ผมจะไม่โต้ตอบ ผมจะไม่ตกหลุมเป็นอันขาด ปล่อยให้พูดกันไปเดี๋ยวก็เลิก
“หนัก!! ตายจริงไปทำกันอีท่าไหนคะ ทำไมเจ้าไม่อยู่ข้างล่าง”
“เดซี่!!” ผมตบะแตกในพริบตา ยื่นแขนออกไปฟาดดะทั้งเพื่อนทั้งพี่สกาย สนุกกันจริง เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
คิดแล้วเจ็บใจตัวเองตอนนั้นไม่น่าใจอ่อนเลย
“คิดอะไรอยู่ครับ ทำไมเงียบเชียว” มือที่วางทาบทับบนหัวลูบไปมาเบาๆ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่สกายจริงจังกับผมหรือเปล่าครับ”
“หือ? ทำไมถามอะไรแบบนั้น เราเคยคุยกันแล้วนะครับ”
“ไม่ได้หมายถึงชอบผมจริงหรือเปล่า ผมหมายถึงพี่สกายจริงจังกับเรื่องของเราแค่ไหนครับ คือ ผมหมายถึง...”
“กังวลอะไรอยู่ครับ” พี่สกายมักทอดเสียงอ่อนโยนเสมอ ถ้ารู้ว่าผมกำลังคิดมาก
“พักนี้ผมคิดเรื่องโต๊ะครับ คิดว่าถ้าสมมุติมันเป็นเรื่องจริงจะเป็นยังไง แล้วถ้าเป็นผมล่ะ
ผมน่ะตอนที่โต๊ะให้ดูรูปพี่เหนือ ตอนที่ตามไปร้านอาหาร ผมเสียใจมาก มันปวดข้างในนี้” ผมยกมือกุมหน้าอกตัวเอง
“ ขนาดไม่ใช่เรื่องของผมมันยังปวดไปหมด คิดไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นเรื่องของตัวเองผมจะทำยังไง ผมไม่เก่งเหมือนโต๊ะ
ผมไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้ไหม”
“ที่พักนี้ดูแปลกๆ ไป เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า”
“ผมกลัว”
“พี่ต้องทำยังไงครับ ข้าวเจ้าถึงจะเลิกคิดมาก เลิกกลัว”
“ไม่รู้สิครับ มันคงไม่หายไปง่ายๆ ผมแย่มากใช่ไหมครับ”
“ข้าวเจ้า”
“พี่สกายรำคาญผมไหม ผมเป็นคนคิดมาก ไม่มั่นใจในตัวเอง อยู่กับผมนานๆ พี่สกายคงเบื่อ”
“อย่าพูดแบบนั้นมันไม่จริงเลย”
“เบื่อได้ครับผมไม่ว่า ผมยังเบื่อตัวเองออกบ่อยไป”
“พี่ไม่ชอบให้เจ้าพูดถึงตัวเองแบบนี้ ไม่เอา เปลี่ยนเรื่องดีกว่าครับ ไม่อยากให้ปวดหัว”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ยอมรับว่าพอคิดมากทีไรผมจะปวดหัวทุกที แต่ก็เลิกคิดไม่เคยได้
“ข้าวเจ้า”
“ครับ”
“วันเสาร์ติดทำงานอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“งั้นทำตัวให้ว่าง พี่จะมารับตอนเช้า”
“ไปไหนครับ”
“เดี๋ยววันเสาร์ก็รู้เอง”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
มาครึ่งเดียวนะคะ วันนี้ไม่มีเวลาแต่งเลย พรุ่งนี้มาต่อพาร์ทพี่สกาย มาดูกันว่าพี่สกายจะทำอะไรเพื่อข้าวเจ้า ^^
Darin ♥ FANPAGE