ตอนที่ 15 ♥ 1 : แปลกๆจากคนไม่กี่สิบคนที่ไปร่วมงานวันเกิดของเท็น เพียงชั่วข้ามคืนเรื่องของผมกับหมอวินก็รู้กันเกือบทั้งคณะ เรียกว่าเป็น
ทอล์กออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียว ประเด็นที่พูดถึงกันมากที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้น “ไม่น่าเชื่อว่าหมอวินจะเป็นไบ” กับ
“ไม่น่าเชื่อว่าหมอวินจะชอบ(คนอย่าง)ผม”
ปฏิกิรยาตอบกลับมีทั้งดีและร้าย เช่น มีคนให้ความสนใจผมมากขึ้น ถึงขนาดมาจากต่างคณะเพื่อมาดูหน้าและตัวก็มี
มีคนตั้งสมญานามให้ผมว่านายซิน มีคนพูดจากระแนะกระแหนและแซะผมบ้างตามโอกาส ตัวผมเฉยๆ ใครอยากมองก็
มองไป ใครอยากพูดอะไรก็ตามใจเถิด แต่คุณพู่สิครับเต้นอย่างกับโดนผีเข้า แทบจะพิฆาตทุกคนที่เข้าใกล้ผม ออกโรง
ปกป้องผมทุกอย่างจนผมร่ำๆ จะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงและคุณพู่เป็นผู้ชาย
“เบื่อพวกนังขี้อิจฉา หาดีเท่าคนอื่นไม่ได้เลยเอาแต่เห่า” คุณพู่โพล่งขึ้นกลางวงข้าวในโรงอาหารของคณะ เล่นเอาพี่ตุลย์
ถึงกับต้องยกหนังสือขึ้นบังหน้า
“ใจเย็นๆ ไอ้พู่ จะแกว่งปากหาอย่างอื่นแทนข้าวก็ช่วยถามพวกพี่ก่อน” พี่โอ้ตถึงกับโอดครวญ เนื่องจากกลัวจะได้กิน
อวัยวะเบื้องล่างแทนผัดไทย
“กลัวอะไรวะ พี่โอ้ตไม่ได้กินข้าวเสียหน่อย”
“ไอ้พู่ มันใช่เวลามาเล่นสำบัดสำนวนไหม มองดูซะบ้างเรามากันสี่คน กลุ่มโน้นมีเป็นสิบ ผู้หญิงที่เม้าท์น่ะไม่เท่าไหร่
แต่ผู้ชายที่มาด้วยตัวอย่างกับควาย มึงสู้มันได้เหรอ”
“ไม่ได้” คุณพู่ตอบได้หน้าตาเฉยมาก เล่นเอาคู่กัดอย่างพี่ตุลย์ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่กรอกตาไปมา
“อย่ามีเรื่องเลยครับคุณพู่ ผมบอกแล้วว่าผมไม่โกรธ ใครอยากพูดอะไรก็ปล่อยเขาพูดไป”
“มึงไม่ได้อยู่วัดแล้วยังไม่เลิกบวชเรียนอีกเหรอมหา ทนอยู่ได้เป็นกูแม่งตบเรียงตัว พูดมากผีเจาะปากมาเกิด อีกนิดก็ใกล้
จะเปลี่ยนสีดอกจากเงินเป็นทองแล้ว”
“เอ่อ น้องพู่ครับ น้องพู่เป็นทอมนะครับไม่ใช่กระเทย ศัพท์แสงชักใกล้เคียงเข้าไปทุกวัน”
“แล้วพี่ตุลย์เคยเป็นกระเทยเหรอถึงรู้ว่าเขาพูดกันยังไง”
“อ้าว ไอ้นี่ด่าคนอื่นไม่พอหันมาด่าพี่ด่าเชื้อซะงั้น” พี่ตุลย์ผู้อุตส่าห์เอ่ยเตือนคู่ปรับที่รักด้วยความหวังดีถึงกับผงะ
“ก็สมควรจะโดนแล้ว พี่ภาษาอะไรเล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา อารมณ์แบบนี้มันควรไหม”
“คร้าบ น้องชมพู่คร้าบ พี่ตุลย์กลัวแล้วครับ” พี่ตุลย์ยกมือขึ้นไหว้คุณพู่ประหลกๆ ผมขำจนเผลอหัวเราะออกมา
เลยโดนคุณพู่ส่งสายตาพิฆาตเข้าให้อีกคน
“มึงไม่ต้องมาหัวเราะเลย ต่อไปกูไม่ยุ่งแล้ว” ดูคุณพู่จะงอนผมจริงจัง จนผมต้องรีบง้อด้วยการยกชานมที่ยังไม่ทันได้ดื่ม
ให้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะคุณพู่รีบตะครุบแก้วไปทันที
“เออว่าแต่ยายนิลินกับคุณป้ามหาภัยนั่นเริ่มเปิดสงครามกับมึงหรือยังวะมหา” คุณพู่กลับมาสนใจเรื่องของผมอีกครั้ง
เมื่อชานมหมดแก้ว
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมยังไม่ได้ยินข่าวอะไร” เหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมว่าคุณป้าของหมอวินอาจยังไม่หาย
จากอาการช็อค
“มึงก็ระวังไว้ให้ดี กูบอกได้เลยว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งรวมตัวกันแบบนี้นรกส่งมาชัดๆ”
“คุณพู่” ผมรีบปรามไม่อยากให้คุณพู่ใช้ถ้อยคำแบบนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นป้าของหมอวิน
“กูขอโทษปากมันพาไป” คุณพู่ยกมือตีปากตัวเองเบาๆ หนึ่งที
“แต่เรื่องความร้ายกูพูดจริงๆ นะ ซื่อๆ อย่างมึงกูกลัวใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าผมพอเอาตัวรอดได้”
“นั่นสิ พี่เชื่อว่ามหาเอาตัวรอดได้ไอ้พู่ ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก เห็นมันแบบนี้มันกวนตีนจะตาย”
“ใช่ แถมโต้ตอบมันไม่ได้ด้วยเพราะไม่รู้ว่ามันแค่พูดประสาซื่อหรือมันตั้งใจกวนตีนจริงๆ” พี่ตุลย์รีบสนับสนุนพี่โอ้ตทันที
“แหมพี่ๆ ก็ชมผมเกินไปครับ ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น” ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอย รู้สึกเก้อเขินที่พี่ๆ ให้ความชื่นชมถึงขนาดนี้
“เห็นไหม กูบอกแล้วว่ามหามันกวนตีน” พี่ตุลย์ยกมือยีหัวคุณพู่ ผมว่าแกคงอยากให้คุณพู่สบายใจไม่เครียด
“มึงเอาตัวรอดได้ก็ดีแต่ถ้ามีอะไรก็บอก อย่างน้อยบ้านนั้นก็เกรงใจบ้านกู ป๊ากูก็รักมึงจะตาย กูไม่ปล่อยให้มึงหัวเดียวกระเทียมลีบหรอก”
“น้องชมพู่ช่างแสนดีเหลือเกิน เดือนนี้พี่โดนแกลบกิน ขอยืมสักพันสิ”
“เสียใจ อย่างที่ตุลย์ปล่อยให้ลีบไปเถอะ ไม่มีใครเสียดายหรอกพี่”
“อ้าวพูดอย่างนี้ก็สวยสิน้องชมพู่”
แล้วศึกรบระหว่างพัก(ทานข้าว)ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยคู่ปรับคู่เดิม ผมว่าถ้าวันไหนไม่ได้เจอกันสองคนนี้ต้องเฉาตาย
*****************************
“หมอวินจะกลับบ้านเลยไหมครับ” ผมเดินตามหมอวินไปที่รถ เป็นกิจวัตรที่ผมต้องถามก่อนขึ้นรถทุกครั้ง
“อยากทานอะไร” หมอวินไม่ตอบแต่กลับหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม
“ผมยังไงก็ได้ครับแล้วแต่หมอวินเลย”
“อย่าแต่พูดว่าอะไรก็ได้ คิดมาว่าอยากทานอะไร”
“อืม ผมอยากทานไก่ทอดครับ” ผมใช้เวลาคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบหมอวินออกไป
“ไก่ทอด!” ตาคุณชายหมอเบิกกว้างจนผมอดขำไม่ได้ อยากถามผมเองนี่นาผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมอวินจะทำยังไง
“ครับ ไก่ทอด”
“มีอย่างอื่นอยากกินอีกไหม บอกมาสักสองสามอย่าง”
“ไม่มีครับ” ผมทำหน้านิ่งๆ มองดูคุณชายหมอที่ทำหน้าปุเลี่ยนๆ แล้วเกือบเผลอหลุดหัวเราะออกมา ไม่อยากบอกเลยว่า
หน้าของคุณชายหมอน่ารักแค่ไหน
“ถ้าหมอวินไม่อยากทานก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมบอกแล้วว่าผมยังไงก็ได้แล้วแต่หมอวิน”
“ใครบอกว่าฉันไม่อยากทาน ไก่ทอดก็ดี แต่นายรู้ใช่ไหมว่าเราจะไปทานเป็นมื้อเย็น”
“รู้สิครับ นี่มันห้าโมงเย็นแล้ว” ผมยกนาฬิกาขึ้นมอง เห็นๆ กันอยู่ว่ามันเป็นมื้อเย็นแน่ๆ
“ก็ดี..รู้ก็ดี” หมอวินทำหน้าปั้นยาก เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่พูด หันกลับไปเดินฉับๆ จนผมต้องรีบก้าว
ยาวๆ ตาม
“ไปที่ห้างXXXก็แล้วกัน” หมอวินเอ่ยชื่อห้างที่อยู่ใกล้กับมหาลัย ทำให้ผมแอบมองหน้าด้วยความแปลกใจ ปกติหมอวิน
จะไปห้างที่ไกลออกไปอีกนิด เพราะไม่ค่อยมีเด็กที่มหาลัยไปเดิน บอกว่าส่วนตัวดี
“มองหน้าทำไม”
“ปกติหมอวินไม่ชอบไปห้างนี้นี่ครับ เป็นเพราะจะรีบกลับไปทำอะไรที่ห้องหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นกลับไปทานที่ห้องก็ได้นะครับ”
“เปล่า ฉันไม่ได้รีบ”
“เอ๋?” ผมสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ หมอวินไม่ชอบคนเซ้าซี้ครับ และผมก็ไม่มีนิสัยชอบเซ้าซี้ด้วย
“ข้องใจอะไรหมานิว ฉันจะพาแฟนไปเปิดตัวบ้างผิดตรงไหน”
“เปิดตัวแฟน?” กับเพื่อนก็แล้ว ที่คณะก็แล้ว ยังต้องที่ห้างอีกหรือครับ หมอวินจะเอาให้สมจริงขนาดไหนกันนี่
“ใช่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ” ผมรีบส่ายหน้า ใครที่คิดว่าไม่เป็นเรื่องจริงคงได้เชื่อกันคราวนี้ ผมว่าไม่พ้นพรุ่งนี้ต้องมีรูปผมกับหมอวิน
เดินห้างด้วยกันหลุดไปลงเพจยอดฮิตของนิสิตกันบ้างล่ะ
“งั้นก็รีบเดิน”
“ครับ” ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายหมอจะจัดเต็มขนาดนี้ เรียกว่าเล่นจริงแสดงจริง สแตนอินไม่ต้อง ส่วนผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ
เงินเดือนก็ขึ้นให้แล้ว ใจก็รักเขาอยู่แล้ว คุณชายหมอว่าไงก็คงต้องว่าตามกัน
*********************
“นิว” คุณชายหมอหยุดยืนเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา ปกติผมจะเดินตามหลังหมอวินสองหรือสามก้าวเสมอ
“ครับหมอวิน” ผมนึกว่าหมอวินอาจลืมอะไรไว้ที่รถแล้วจะให้ผมกลับไปเอาให้
“มานี่” หมอวินเรียกให้ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
“ครับ?” พอผมเดินเข้าไปใกล้ หมอวินวาดมือลงบนบ่าผม เหมือนกอดเอาไว้หลวมๆ
“ไปกันเถอะ”
“เอา..เอาแบบนี้เลยหรือครับ” ผมเดินตามแรงผลักของหมอวิน ใจเต้นตึกตักเขินก็เขินไม่ชินด้วย แล้วก็อายสายตาคนอื่น
ที่มองมาด้วย
“แล้วมันมีปัญหาอะไร อย่าลืมสิว่าเราเป็นแฟนกัน” หมอวินอ้างถึงสถานภาพล่าสุดของพวกเรา
“ถึงเป็นแฟน เขาก็ไม่เดินกอดกันหรือเปล่าครับหมอวิน” ผมอดท้วงไม่ได้ นี่ขนาดเพิ่งเดินมาได้นิดเดียวเอง ผมยังรู้สึกได้
ว่ามีคนมอง
“หมานิว แฟนคนอื่นทำยังไงฉันไม่อยากรู้ แต่แฟนอย่างฉันจะเดินกอดนาย มีอะไรไหม”
“ไม่มีครับ” ไม่มีสักนิดเดียวถ้าหนังหน้าผมกับหมอวินจะไม่ต่างกันขนาดนี้ ผมอยากถามหมอวินว่าไม่อายเลยหรือ
แต่จากที่ได้สนิทชิดเชื้อกับหมอวินมาพักใหญ่ ผมว่าหมอวินไม่ใช่คนแคร์สายตาใคร ดังนั้นผมต้องมั่นหน้าให้ได้เท่ากับ
หมอวินใช่ไหม เอาก็เอาครับ ผมจะลองคิดว่าตัวเองหล่อดูสักวันก็แล้วกัน
***********************
“อิ่มแล้วหรือครับ” ผมมองหมอวินที่เพิ่งกินไก่เข้าไปแค่ชิ้นเดียว ที่ผมสั่งมายังเหลืออยู่เต็มจาน
“อิ่มแล้ว ฉันไม่ค่อยชอบทานไก่ทอดเท่าไหร่”
“อ้าวแล้วทำไมหมอวินไม่บอกครับ” ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ไม่น่านึกอยากลองเอาแต่ใจตัวเองดูสักครั้งเลย
“ก็นายบอกว่าอยากกิน” หมอวินพึมพำตอบ ดูเขินๆ คล้ายไม่อยากจะพูดแต่ก็ยอมพูดออกมา
“ต่อไปถ้านายอยากทำอะไรก็บอกฉัน ไม่ต้องตามใจฉันไปเสียทุกอย่าง”
“หมอวินครับ” หลังจากที่ผมฟังหมอวินพูดจบ ผมก็คิดบางอย่างออก
“หือ?”
“ไม่เป็นไรนะครับ”
“ไม่เป็นไรอะไร” หมอวินมองหน้าผม คล้ายกับไม่แน่ใจว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ผมเต็มใจข่วยหมอวินครับ ไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้ผมยังได้เลย ที่ผ่านมาหมอวินก็ดีกับผมมากอยู่แล้วไม่ต้องมากไป
กว่าเดิมก็ได้ ผมเต็มใจช่วยจริงๆ หมอวินไม่ต้องคิดมากครับ”
“ฉันไม่ได้คิดมาก แต่เห็นทีฉันต้องคิดใหม่เสียแล้ว หมานิวซื่อบื้อ”
“อ้าว? ไงอยู่ดีๆ หมอวินมาว่าผมซื่อบื้อเสียอย่างนั้นล่ะครับ คนอุตส่าห์ตั้งใจพูด”
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษ นายไม่ผิดหรอกฉันผิดเอง กินให้เสร็จเถอะ” ผมคิดไปเองหรือเปล่าผมว่าสายตาที่หมอวินมองผม
ดูแปลกๆ ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันแปลกยังไง เอาเป็นว่าผมไม่เคยเห็นหมอวินมองผมแบบนี้มาก่อนเลย
“ไปทานอย่างอื่นกันไหมครับ ผมพอแล้วก็ได้”
“ทานเถอะ หรือถ้าอยากให้ฉันทานด้วยก็ป้อนมา” หมอวินไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาจับมือผมที่ถือส้อมจิ้มไก่ค้างไว้
เอาใส่ปากตัวเอง แถมจับค้างเอาไว้แบบนั้นตั้งนานกว่าจะปล่อย
“อืม ไก่อร่อยจริงๆ ด้วย”
ตึกตึก ตึกตึก แววตาของหมอวินกับเสียงทุ้มต่ำนั้นทำเอาใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวจนต้องรีบก้ม
ลงมองไก่ในจาน เพื่อปิดบังความรู้สึกเอาไว้
“ขออีกคำสินิว”
“คะ..ครับ” ใครก็ได้ช่วยผมด้วย มือผมสั่นไปหมด มีดที่ถืออยู่ในมือตัดไก่อย่างไรก็ไม่ขาด ผมได้แต่ภาวนาขอให้หมอวิน
ไม่ทันสังเกตเห็น
“หึหึ”
“หมอวินหัวเราะอะไรครับ” ผมยื่นมือไปป้อนไก่ให้หมอวินพร้อมกับถามไปด้วยเมื่อเห็นหมอวินหัวเราะอยู่ในคอ
แถมยังมองผมยิ้มๆ เหมือนกำลังถูกใจอะไรบางอย่าง
“ไม่มีอะไร ฉันแค่ดีใจที่หมาของฉันก็ไม่ได้ซื่อบื้ออย่างที่คิด”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
ปั่นไม่ทันจริงๆ ครึ่งหลังมาอีกทีวันที่ 9 นะคะ ขอเว้นพรุ่งนี้วันนึง (แต่ถ้าทันพรุ่งนี้จะมาลงให้ค่ะ)
ปล.1 ครึ่งหลังหมอวินมีความรุกหนัก (สปอย)
ปล.2 ลงแบบยังไม่ได้ตรวจคำผิด กำลังไล่แก้ให้นะคะ
Darin ♥ FANPAGE