รักลัดฟ้า ตอนพิเศษ ปีใหม่ 01/01/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักลัดฟ้า ตอนพิเศษ ปีใหม่ 01/01/18  (อ่าน 24967 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 12 11/09/16
«ตอบ #30 เมื่อ12-09-2016 02:32:37 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รออ่านต่อไปนะ

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 12 11/09/16
«ตอบ #31 เมื่อ14-09-2016 01:34:41 »

 :katai5:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 12 11/09/16
«ตอบ #32 เมื่อ14-09-2016 14:05:03 »

บทที่ 13

“ถ้ายังเกลี่ยหน้าผมไม่เลิกแบบนี้วิทจะโดนหนักกว่าที่คิดนะครับ”

“ฟอด ตื่นแล้วเหรอ มอนิ่ง อ๊ะ ฮ่าๆๆๆ ตะวันทำอะไรจั๊กจี้”

วิทยาตื่นเช้ากว่านาฬิกาปลุกที่ต้นตะวันตั้งไว้ อาจจะเป็นเพราะว่าวิทยารู้สึกตื่นเต้นทำให้วิทยารู้สึกตัวเร็วกว่าที่ควร เครื่องของพวกเขาจะบินตอน 10 โมงเช้าและพวกเขาทั้งสองก็สมควรที่จะไปถึงสนามบินล่วงหน้า 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยแล้วพอตื่นขึ้นมาวิทยาก็เห็นว่าเวลายังคงเหลืออยู่อีกมากมาย วิทยาเลยไม่รีบร้อนลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแต่ใช้โอกาสช่วงนี้ทำในสิ่งที่เขาทำมานานและเขาก็กลัวว่าพอกลับไทยไปแล้วเขาอาจจะไม่ได้ทำแบบนี้ได้บ่อยๆ

“พอแล้วๆ จะขาดใจตายแล้วยอมแล้วไม่จี้เอวแล้ว ตะวันหยู้ดด”
 
“ลงโทษคนแอบมองหน้า ไม่เบื่อเหรอครับมองมาจะครึ่งปีแล้วนะ หน้าเนี่ย”

“ฮึ ไม่เบื่ออ” วิทยาถือโอกาสลูบหน้าของอีกฝ่าย แล้วก็มองลึกเข้าไปในตาของต้นตะวัน

“อย่ามองหน้าผมแบบนี้ เดี๋ยวหาว่าผมไม่เตือนนะ” ยังไม่ทันที่วิทยาจะได้ถามว่าทำไมเขามองหน้าแบบนี้แล้วจะทำไม มือของต้นตะวันก็ให้คำตอบกับวิทยาโดยการที่เลื่อนลงไปลูบเบาๆ ที่เหนือสะโพกของวิทยา”

“อย่าหื่นยามเช้าน่า ลุกๆ ออกไปจากตัวเลย เร็วอยากลงไปกินอาหารเช้าแล้ว”

วิทยาจะไม่ยอมพลาดมื้อเช้าของโรงแรมเป็นเด็ดขาดวิทยาเลยยอมตื่นเช้าอีกนิดเพื่อที่จะลงไปที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วค่อยขึ้นมาจัดการกับตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะไปสนามบิน

"ไม่ลืมอะไรที่ห้องของโรงแรมนะครับ?"

"อื้ม เราเก็บมาหมดแล้ว"

ต้นตะวันถามย้ำอีกครั้งตอนที่พวกเขาอยู่ในคิวเพื่อรอจ่ายเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเผื่อเวลาเอาไว้แล้ว แต่เนื่องจากการเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมวันนี้คนค่อนข้างเยอะเลยทำให้พวกเขาทั้งสองคนมาถึงที่สนามบินช้ากว่ากำหนด แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในช่วงเวลาที่พอดี 

"ตะวันต้องเข้าช่องนี้"

"ตามผมมาเถอะครับ" 

วิทยาทำหน้าไม่เข้าใจต้นตะวันที่พอมาถึงเค้าท์เตอร์ต้นตะวันกลับเดินนำไปอีกช่องแต่วิทยาก็ยอมเดินตามเข้าไปที่ช่องสำหรับตั๋ว silver และ Royal แทนที่จะเป็นช่องชั้นประหยัดเหมือนตอนขามา และคำถามของวิทยาก็ได้รับคำตอบในเสี้ยวนาทีต่อมาทันทีที่ต้นตะวันยื่นพาสปอตทั้งของตัวเองและของวิทยาไปให้กับเจ้าหน้าที่ ตั๋วที่ต้นตะวันเปลี่ยนให้วิทยาต้นตะวันไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่วันเดินทางกลับแต่ต้นตะวันยังเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นจาก eco มาเป็น business class ให้แก่วิทยาอีกด้วย

"ตะวันค่าตั๋วมันเท่าไหร่?" 

"ไม่เป็นไรครั้งนี้ผมตั้งใจให้เป็นของขวัญ" 

"ของขวัญอะไร?"

"................"

ต้นตะวันไม่ได้ตอบคำถามของวิทยาตรวจการเช็คอินรวมไปถึงตอนที่ผ่านด่านตรวจคนออกจากประเทศต้นตะวันเพียงพยักหน้าไปทางด้านหน้าเพื่อให้รู้ว่าวิทยาใกล้จะถึงคิวตรวจค้นร่างกายก่อนขึ้นเครื่องแล้ว โชคดีที่ทั้งสองไม่ได้พกอะไรขึ้นเครื่องมากมากันแค่เป้คนละใบเลยทำให้ไม่โดนตรวจนาน เสื้อผ้าที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดแขนสั้นคนละตัวพ่วงมาด้วยเสื้อคาดิแกนแขนยาวแล้วก็กางเกงวอรร์มพร้อมรองเท้าผ้าใบ แถวที่วิทยาอยู่ตรวจเสร็จก่อนวิทยาเลยออกมายืนรอต้นตะวันที่ทางด้านหลัง วิทยาแอบยืนดูพิจารณาต้นตะวันอีกครั้งแล้วก็ก้มลงมองที่ตัวเองพอเห็นดังนั้นวิทยาก็ยิ้มออกมา 

"ยิ้มอะไรครับ?"  ตอนนี้เขาทั้งสองผ่านการตรวจเสร็จเรียบร้อยกำลังเดินเข้าเขตดิวตี้ฟรี

"ตะวันดูการแต่งตัวของเราสองคนดิ อย่างกะฝาแฝด" ต้นตะวันหันไปมองดูที่วิทยาอีกครั้งและมันก็เป็นอย่างที่วิทยาพูดจริงๆ การแต่งตัวของเขาทั้งสองคนเหมือนกันมากมีแค่สีเสื้อยืดที่อยู่ด้านในเท่านั้นที่ไม่ได้ใช้สีเดียวกันกับรองเท้าผ้าใบที่ใส่กันคนละยี่ห้อ พอต้นตะวันเห็นแบบนั้นเขาก็กระเถิบออกมาให้ห่างจากวิทยานิดนึงไม่ได้เดินตีคู่เหมือนก่อนหน้านี้

"มีอะไรรึเปล่า?" วิทยาหันหลับไปถามต้นตะวันหลังจากที่อยู่ดีๆ ต้นตะวันก็หยุดก้าวเดินและเดินตามหลังเขา
 
"เอ่อ เดี๋ยวผมขอดูของตรงนี้ก่อนแล้วกัน วิทไปนั่งรอที่เล้าจน์ได้เลย"

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราเดินดูของเป็นเพื่อน"

"ไปเถอะเดี๋ยวไม่มีที่นั่งไปจองให้ผมด้วย" วิทยาเองก็ไม่เคยไปนั่งหรอกเลาจน์ที่ต้นตะวันบอกแต่มันอาจจะเต็มจริงๆ ก็ได้วิทยาก็เลยยอมไปนั่งรอเพื่อจองที่ให้ก่อน

"จะกินอะไรวิทไปตักได้เลยนะ" เพียงเวลาผ่านไปแค่ครู่เดียวต้นตะวันก็เดินเข้ามาหาวิทยาที่นั่งจองที่เอาไว้

"โอเค ไหนไปซื้ออะไรมาบ้างอะ?"

"อ่อ พอดีของที่จะดูมันไม่มีอะผมเลยไม่ได้ซื้อมา"

วิทยาพยายามถามเรื่องค่าตั๋วกับต้นตะวันหลายครั้งว่ามันเท่าไหร่แต่ต้นตะวันก็ไม่ยอมรับเงินคืน แล้วพอถามว่าจะเปลืองเงินมาซื้อให้ทำไมต้นตะวันก็บอกแค่ว่า "เป็นของขวัญครับ" วิทยาก็เลยยอมล่าถอยไปเองไม่ถามต่อ แต่เปลี่ยนเรื่องคุยแทน 

"ตะวัน"

"ครับ"

“เรารู้ว่าตะวันไม่ชอบคุยอะไรแบบนี้นอกบ้านแต่เราอยากพูดมากเลย" 

"ไหนเรื่องอะไรครับ?"

"งั้นตะวันเราขอถามหน่อยนะที่บ้านของตะวันรู้เรื่องที่ตะวันมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนบ้างไหม?" ตอนที่วิทยาถามคำถามนี้กับต้นตะวัน วิทยาหรี่เสียงให้เบาลงจนแน่ใจว่าเสียงนี้จะเป็นเสียงที่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน 

"ผมเองก็ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยพูดกับที่บ้านเรื่องนี้เหมือนกัน"

"แล้วเอ่อ ถ้าเกิดเอ่อ คนในครอบครัวเกิดรับไม่ได้เรื่องที่เราคบกันละ? ตะวันจะทำยังไง?”

“ผมเหรอก็ต้องคบต่ออยู่แล้วว่าแต่วิทเถอะถ้าเกิดเรื่องกับที่บ้านของฝั่งวิทขึ้นมาจริงๆ วิทจะทำยังไง?”

“อื้ม ยังไงก็ต้องคุยกับแม่ให้รู้เรื่องแหละ”

“ส่วนพ่อผม เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ว่าผมมีผู้ช่วยนะวิทไม่ต้องเป็นห่วงผมนะผมว่าฝั่งผมไม่ยากถ้าจะกังวล ผมว่าผมกังวลฝั่งของวิทมากกว่า”

“อื้ม"

“เอานะ อนาคตยังมาไม่ถึงอย่าเพิ่งกังวลสิครับ”

“อื้ม"

เวลาผ่านไป 9 ชั่วโมงบนเครื่องเขาทั้งสองคนนั่งจับมือกันตลอดเวลาในใต้ผ้าห่มที่สายการบินมีบริการให้ ทั้งสองจับมือเพื่อเป็นการให้กำลังใจกัน จับมือเพื่อเป็นการให้ความเชื่อมั่นแก่กัน จับมือเพื่อเป็นการบอกว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ด้วยกัน และในที่สุดกัปตันก็ถึงเวลาที่ประกาศว่าให้รัดเข็มขัดเพราะว่าจะนำเครื่องลงจอด

“เดินออกประตูนี้ เราต้องแยกกันแล้วนะแอบใจหาย"

"อย่างอแงแบบนี้สิครับวิท ทำเอาผมไม่อยากเดินออกไปเลย ไว้ถึงบ้านจะไลน์หานะครับ”

“อื้ม เราก็จะไลน์ไปหาตอนถึงบ้านแล้วกัน”

“นั้นไงแม่เรา/นั้นไงพ่อ” 

“สวัสดีครับ/สวัสดีครับ”

ทั้งต้นตะวันและวิทยาเขาสองคนต่างกระชับมือกับที่เข็นกระเป๋าแน่นขึ้นเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ แล้วก็ยิ้มให้กันอีกครั้งก่อนที่จะแยกจากกันเพื่อไปหาพ่อและแม่ของตัวเอง

"คิดถึงแม่จังเลยครับบบบบ" วิทยาพุ่งตัวกอดแม่ของเขาเองทันทีที่มาถึงบ้าน ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองคิดถึงบ้านมากแค่ไหนจนได้กลับมาถึงที่นี้อีกครั้ง ปีนิดๆ ที่เขาหายไปทุกอย่างในบ้านก็ยังคงเหมือนเดิม ต้นไม้หน้าบ้านสนามหน้าบ้านก็เหมือนเดิมเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็แค่ลำต้นใหญ่ขึ้นเพียงเท่านั้น 

"ไปๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไปเดี๋ยวทำอะไรให้กินเล่นก่อน" 

"ครับแม่"

วิทยาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมาข้างบนด้วยเขากะที่จะแยกของออกเพื่อซักเลยทีเดียว แต่ก่อนที่วิทยาจะทำอะไรอย่างอื่น วิทยาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาใส่ซิมเปิดเครื่องแล้วก็เชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ท เพื่อที่จะส่งข้อความหาต้นตะวันว่า "ถึงบ้านแล้วนะ" หลังจากนั้นเขาจึงค่อยจัดการตัวเองและก็กระเป๋าเสื้อผ้า

"ของมีกลับมาแค่นี้เองเหรอลูก?" 

"เปล่าครับแม่ มีอีกแต่วิทใช้วิธีส่งกลับมาเอาครับน้ำหนักเกิน"

"แล้วของไปอยู่ไหนซะละไม่มีคนมาส่งนะ"

"พอดีวิทส่งรวมกับเพื่อนอะแม่ สะดวกกว่าถูกกว่า เดี๋ยวค่อยไปเอาของที่บ้านของเพื่อน"

"มีเพื่อนใหม่กลับมาด้วยเหรอ? ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ" แล้วตลอดมื้อเย็นบ้านวิทยาก็เต็มไปด้วยเรื่องเล่า นอกจากเรื่องเรียนเรื่องมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องเพื่อนใหม่ของเขาที่ชื่อว่าต้นตะวันก็ได้เข้าหูของแม่เขาให้แม่ของของวิทยาได้รู้้จักในวันนี้เป็นวันแรก
 
"เออ ไว้มีโอกาสชวนเขามาที่บ้านสิลูก แม่อยากเจอ"

"ได้เลยครับแม่" กว่าเรื่องราวต่างๆ จะถูกเล่าจนครบทุกเรื่องเวลาที่นาฬิกาก็แสดงบอกว่าสามทุ่มแล้ว วิทยาถึงได้ขึ้นมาที่ห้องนอน สิ่งแรกที่วิทยาทำที่ขึ้นมาถึงห้องนอนคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเขาก็เห็นมีข้อความมากมายถูกส่งมาจากต้นตะวันและ 1 ในข้อความนั้นก็มีเบอร์ของต้นตะวันแนบมาด้วย วิทยาก็ไม่รอช้ารีบกดเบอร์โทรกลับไปหาทันที

"ฮัลโหล"

"โห เสียงดุมาก เราเองวิท"

"อ่อขอโทษครับพอดีผมไม่รู้ว่าเบอร์ใคร"

"เห็นรูปกล่องที่ชิปกลับมาแล้วนะ โห กล่องใหญ่มาอะ นั้นของเราหมดเลยรึเปล่า?"

"ไม่ๆ ไม่หมดครับ เหมือนบริษัทเขาแกะกล่องที่พวกเราแยกเอาไว้แล้วเอาของมารวมกันใส่กล่องใหญ่แบบนี้เลย"

"อ่อ งั้นก้ต้องแยกของอีก ไว้เดี๋ยวเราไปช่วยแยกนะตะวันไม่ต้องทำนะ"

"อะหะ ผมโดนพ่อด่าใหญ่เลยหาว่าซื้อของเยอะ"

"บอกพ่อไปสิว่าของเพื่อน"

"บอกแล้วแต่พ่อไม่เชื่อ วิทต้องมาโชว์ตัวด้วยละพ่อจะได้เชื่อว่าของเพื่อนจริงๆ"

"อื้มได้เลย" 

แล้วทั้งสองคนก็คุยเรื่องอื่นๆ ต่ออีกมากมายทั้งที่เขาทั้งสองเพิ่งจะห่างกันไม่ถึง 10 ชั่วโมงดีเลยด้วยซ้ำแต่ก็ไม่มีใครที่อยากวางสายก่อนเลยสักคนจนเสียงของวิทยาเริ่มที่จะอู้อี้ง่วงนอน ต้นตะวันเลยเริ่มจะบอกให้วิทยาไปนอนก่อน

"ไปนอนเถอะครับแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน"

"อื้ม แล้วตะวันละ?"

"เดี๋ยวผมก็ไปนอนแล้วครับอีกแป้ปนึง"

"ตะวัน"

"ครับ?"

"คิดถึงนะ"

"คิดถึงเช่นกันครับ" 

อาทิตย์แรกของคนทั้งสองที่กลับมาที่ไทยยังคงเป็นอาทิตย์ที่สบายๆ อยู่ ทั้งสองยังไม่มีใครเริ่มงานอย่างจริงจังต้นตะวันยังไม่เข้าบริษัทส่วนวิทยาก็ยังไม่ได้หาทำเลร้าน ทั้งสองคนแค่แวะไปเจอเพื่อนเก่าๆ แวะเอาของฝากไปฝาก แต่พอเริ่มมาอาทิตย์ที่สองที่กลับมาใช้ชีวิตที่ไทยนี่สิสิ่งที่เคยสบายมาตลอดมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ต้นตะวันต้องเริ่มเข้าบริษัทเพื่อที่จะเริ่มเข้าไปเรียนรู้งาน หน้าที่แรกของต้นตะวันที่ได้รับคือ อ่านรายงานการสรุปของบริษัทในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารหรือเรื่องการตลาด ส่วนวิทยาก็ต้องเริ่มต้นหาทำเลในการเปิดร้าน เริ่มต้นหาอุปกรณ์เข้าร้านตกแต่งร้าน

"วันนี้เราได้ทำเลแล้วนะ อยู่แถวหน้ามหาวิทยาลัยแหละ"

"ก็ดีครับ กลุ่มลูกค้าน่าสนใจ"

"อื้ม ตอนนี้ก็เหลือแค่ซื้อของเข้าร้านแล้วก็ตกแต่งร้านตะวันละเป็นไงบ้าง?"

"รายงานก็อ่านสรุปไปได้เยอะ เข้าที่ประชุมบ้างแต่ว่าก็ยังไม่ได้รับผิดชอบอะไรเป็นพิเศษ"

ทั้งสองคนใช้วิธีโทรศัพท์หากันหรือว่าวีดีโอคอลหากันตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ต่างคนก็ต่างเล่าเรื่องที่เจอมาทั้งวันให้กันและกันฟังแล้วก็ลงท้ายว่า ฝันดี 

"วิทสั่งของลงร้านเมื่อไหร่นะครับ?"

"วันศุกร์น่ะ สีร้านเราเพิ่งแห้งไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเรารอให้แห้งให้สนิทกลิ่นจางก็เลยสั่งมาลงวันศุกร์แล้วกะว่าเสาร์อาทิตย์เราจะได้มีเวลาจัดร้าน"

"งั้นเดี๋ยววันศุกร์ผมไปช่วย"

"แล้วงานละ?"

"ผมจะลา"

"ไม่เป็นไรไม่ต้อง อย่าลาเลยเพิ่งเข้าไปทำงานเองถ้าลาเลยมันดูไม่ดีนะ"

"แต่ผมอยากเจอ"

"เราก็อยากเจอตะวัน แต่อย่าถึงขนาดต้องลางานเลย เอางี้เดี๋ยววันเสาร์อาทิตย์ตะวันค่อยมาช่วยเราจัดร้านดีไหม?"

"แต่.."

"ไม่แต่แล้วเอาแบบนี้แหละ" ทั้งสองคุยกันต่ออีกนิดหน่อยแล้วค่อยวางหูไป ต้นตะวันยังคงยิ้มให้กับโทรศัพท์ที่ตอนนี้ดับสนิทไปแล้ว ความน่ารักที่พยายามเอาใจเขาโดยที่เขาไม่ต้องเสียงานคิดถึงงานเขามาก่อนก็เป็นสิ่งแรกมันทำให้เขายิ่งคิดถึงและเจอวิทยามากขึ้นมากกว่าเดิม

“อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะเปิดร้านแล้วนะ ตื่นเต้น” วิทยามองไปรอบๆ ร้านที่ตอนนี้เขาเลื่อนเอาของไปวางเข้าที่เข้าทาง เสร็จไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว

"นี่ครับ" ต้นตะวันยื่นน้ำเปล่าไปให้แก่วิทยา วันนี้คือวันเสาร์ต้นตะวันไปรับวิทยาที่บ้านแต่เช้าเพื่อที่จะพามาที่ร้านมาจัดของที่ร้านให้เรียบร้อยตามที่นัดกันไว้ แรงงานผู้ชาย 2 คนดูไม่พอไปเลยเมื่อต้องเลื่อนตู้ใส่ไอติม เครื่องปั่นไอติมขนาดหย่อมรวมทั้งพวกโต๊ะเก้าอี้ อีกประมาณ 6 ชุดที่วิทยาสั่งเอามาไว้

"เออ ผมว่าผมจะถามแต่แรกแล้วเครื่องปั่นไอติมทำไมวิทไม่ซื้อเครื่องใหญ่ไปเลยละ?"

"อ่อ ไอติมรสธรรมดาเราใช้สั่งมาลงร้านเหมือนร้านที่เราเคยไปทำงานนะ ที่จะทำเองก็แค่พวกรสชาติพิเศษๆ ที่ได้สูตรมาจากที่ร้านทำงานเลยเอาครื่องขนาดกลางก็พอ ไว้ขายดีค่อยว่ากัน" 

"อ่อ แล้วนี่มีวันเปิดร้านยัง?"

"ก็มีแล้ว ว่าเดี๋ยวจะให้ตะวันวันช่วยเลือกด้วยเนี่ยว่าเอาวันไหนดี" 

"อ้อนอะไรครับ?" 

"เหนื่อย" วิทยาที่นั่งลงข้างๆ กับต้นตะวันเอาหัวพิงไปที่หัวไหล่ซ้ายของต้นตะวัน เพื่อเป็นการพักหลังจากเขาต้องยกโต๊ะ ถูพื้นเช็ดกระจกมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็เข้าช่วงเย็นไปแล้ว

"วันนี้ไปค้างบ้านผมไหม?" 

"ไปได้แน่นะ?"

"แน่ครับ"

"งั้นเดี๋ยวเราขอบอกแม่ก่อนนะว่าเราไม่กลับบ้าน"

บ้านของต้นตะวันเป็นบ้านสองชั้นตรงหน้าบ้านมีหย่อมสวนเล็กน้อยทางด้านขวาที่เอาไว้นั่งเล่นได้ ตรงเข้าไปอีกนิดทางด้านซ้ายในสุดเป็นโรงจอดรถที่จอดได้ประมาณ 3 คันแล้วก็เป็นตัวบ้าน ด้านล่างมีบันไดขึ้นไปจากพื้นประมาณ 5 ขั้นได้ทำจากหินอ่อน ประตูบ้านเป็นแบบบานใหญ่ใช้สีไม้อ่อน เปิดเข้าไปก็จะเห็นห้องรับแขก ลึกเข้าไปเป็นครัว แล้วก็บันไดขึ้นไปด้านบน เป็นบันไดที่ทำมาจากหินอ่อนเช่นกัน

"ขึ้นไปอาบน้ำข้างบนก่อนแล้วกันนะครับแล้วค่อยลงมากินข้าว"

"อื้ม"

ประตูหน้าห้องนอนของต้นตะวันมีป้ายชื่อแขวนเอาไว้พอเปิดเข้าไปก็เจอเตียงที่มีผ้าคลุมและเครื่องนอนเป็นรูปสไปเดอร์แมน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่อยู่ในห้องเป็นสีไม้สีอ่อนหมดทุกอัน ยกเว้นผ้าม่านที่ใช้กั้นแสงแดดที่หน้าต่างเป็นสีเขียวอ่อน

"สรุปตะวันชอบสีอะไรกันแน่อะเต็มห้องไปหมดเลย"

"ไม่มีอะไรที่ผมเลือกซื้อเลยห้องพ่อแต่ง ที่นอนพี่ที่เป็นญาติกันซื้อมาให้"

"โธ่น่าสงสารนะเรานะ ฮ่าๆๆๆ" 

"อะนี่ครับเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว" ต้นตะวันเตรียมเสื้อผ้าอยู่บ้านของเขาเอาไว้ให้กับวิทยาดูจากไซส์ตัวแล้วก็ใส่ด้วยกันได้ถือว่าโชคดีไปที่ตัวของพวกเขาไม่ได้ต่างกันมาก

"งั้นเดี๋ยวเรารื้อของรอแล้วกัน" ตอนที่ต้นตะวันผลัดคิวเข้าไปอาบน้ำบ้างวิทยาก็นั่งลงที่พื้นตรงมุมห้องที่มีกล่องกระดาษลังใหญ่วางอยู่ 3 กล่อง เพราะทางบริษัทขนส่งเอาของเขาทั้งสองคนรวมกันวิทยาก็เลยต้องแยกของออก เขาเอาเสื้อผ้าของต้นตะวันพับไว้บนเตียงกองนึงของตัวเองกองนึงเลือกยังไม่ทันจะเสร็จดีต้นตะวันก็ออกมาแตะแขนให้วิทยาลงไปทานข้าวแล้ว

"พ่อผมกลับมาแล้วน่าจะรอกินข้าวด้วยกัน วิทโอเคนะ?"

"อื้ม โอเค เรายังไงก็ได้"

"สวัสดีครับ"

"อะ นั่งๆ เห็นเด็กข้างล่างบอกเหมือนกันว่าตาตะวันพาเพื่อนมาบ้าน"

"ผมชื่อวิทยาครับ"

"แล้วนี่ไปรู้จักกันมาได้ยังไงละไม่เคยเห็นหน้าเลยใช่เพื่อนที่บอกว่าฝากของมาลงที่บ้านใช่ไหม?"

"ใช่ครับพ่อคนนี้แหละครับ"

อาหารมื้อเย็นไม่ฝืดคออย่างที่วิทยาและต้นตะวันคาดเดาเอาไว้ ทั้งสามคนบนโต๊ะอาหารต่างพูดคุยเล่าเรื่องต่างๆ ให้กับพ่อของตะวันได้รู้ จากสายตาของคนที่อายุมากที่สุดในโต๊ะอาหารเขาแค่มองดูแว้บเดียวเขาก็รู้ว่าเพื่อนใหม่ของต้นตะวันลูกชายของเขาต้องเป็นที่สนิทสนมกับลูกชายของเขาอยู่ในระดับนึงเพราะไม่อย่างนั้นคงไม่พามาที่บ้านและพูดเล่นพร้อมทั้งเช่นตักข้าวให้ขยี้ผมเล่นกันได้มากขนาดนี้ในขณะที่เขาเองก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยไม่ได้เกร็งเหมือนสมัยเมื่อก่อน

"งั้นเดี๋ยวผมกับวิทขึ้นห้องแยกของก่อนนะครับ พรุ่งนี้วิทจะได้เอาของกลับบ้านไปด้วยเลย"

"อื้ม ไปเถอะ ถ้าเกิดดึกๆ หิวอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกคนในครัวแล้วกันนะ" 

ขึ้นมาบนห้องวิทยาก็ขึ้นมาแยกเสื้อผ้าต่อจากที่ทำค้างเอาไว้ก่อนลงไปกินข้าว แต่ของกลับไม่ได้เก็บแยกส่วนเก็บเข้าที่อย่างง่ายๆ เพราะพอวิทยาจะเอาของเข้าไปเก็บที่ตู้เสื้อผ้าก็กลายเป็นว่าวิทยารื้อตู้เสื้อผ้าของต้นตะวันออกมาเล่นซะอย่างนั้น
 
"โหห เสื้อผ้าตะวันหัดใส่อะไรที่มันเป็นสีสันบ้างเหอะมืนมนมากอะ"

"วิทก็หัดใส่อะไรที่มันสีพื้นๆ บ้างเหอะ แสบตาไปหมดทุกครั้งที่เจอ"

"แล้วนี่อะไร ชุดนักเรียนยังเก็บไว้เลยเหรอ? นี่ชุดพละ สมัยนั้นตัวใหญ่แบบนี้หรือซื้อไว้เพื่อโต"

"วิทครับเลิกเล่นเอาของเข้าตู้ไปได้แล้วมานอนพักดูทีวีดีกว่า ง่วงจะได้นอนได้เลยพรุ่งนี้ต้องไปเก็บร้านอีกนะ"

"ตะวันถุงเท้าลายโคตรแบ๊ว แบดแบดมารุ ฮ่าๆๆๆ"

"วิทครับ" ในเมื่อเรียกแล้วแต่คนที่ถูกเรียกชื่อก็ไม่ยอมเอาตัวเองออกมาจากตู้เสื้อผ้าสักทีแถมไอ้ของที่ควรใส่กลับเข้าไปก็กลายเป็นว่าเอาของเก่าออกมากองเสริมเข้าไปอีก ต้นตะวันเลยแอบย่องไปทางด้านหลังแล้วก็รวบตัวเข้ามากอดไว้

"ดื้อจังครับ" วิทยาสะดุ้งตกใจเล็กน้อยกับอ้อมกอดแต่พอดึงตัวเองกลับมาได้วิทยาก็พลิกตัวหันหน้ากลับไปหาต้นตะวัน พอสายตาทั้งสองได้สบตากันก็เหมือนว่าเขาทั้งสองคนจะหลุดออกมาอยู่ในโลกที่มีแค่เพียงเขาแค่สองคน ไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้าง

"คิดถึงวิทจังครับ"

"เราก็คิดถึงตะวัน" 

ริมฝีปากของทั้งสองประกบเข้าหากันเพื่อยืนยันความคิดถึง แก้มนี้ริมฝีปากนี้นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัส จากหน้าตู้เสื้อผ้าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสองคนเดินมาถึงที่เตียงได้ ต้นตะวันประคองให้วิทยานั่งลงที่เตียงแล้วเขาก็ใช่มือข้างนึงจับที่ท้ายทอยของวิทยาให้แหงนขึ้นเพื่อให้ได้องศากับจูบของเขา มือของวิทยาไม่ได้กอดเอาไว้ที่คอของต้นตะวันอีกต่อไป มือของวิทยาโอบไปทางด้านหลังของต้นตะวันเพื่อที่จะสื่อให้ต้นตะวันรู้ว่าเขาเองก็คิดถึงอ้อมกอดของต้นตะวันมาเพียงใด และในไม่ช้าแผ่นหลังของวิทยาก็แนบลงสัมผัสกับเตียงนุ่ม

"พ่อ"

ต้นตะวันครางในลำคอเรียกพ่อของเขา เพราะในช่วงที่ต้นตะวันยืนคร่อมร่างที่นอนราบลงไปกับเตียงนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบขึ้นไปเห็นพ่อของเขากำลังยืนจับอยู่ที่ลูกบิดประตูหน้าห้องของเขาอยู่ แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อจากการเรียกชื่อ พ่อของเขาก็ปิดประตูบานนั้นลงให้

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ  :L2:

ถึง

คุณ iceman555 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ  :mew1:

คุณ imvodka  :katai4:

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 13 14/09/16
«ตอบ #33 เมื่อ14-09-2016 18:24:45 »

มาม่า มาม่า  :z3:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 13 14/09/16
«ตอบ #34 เมื่อ14-09-2016 18:28:57 »

ดูเหมือนอะไร ๆ จะเริ่มดีขึ้น แต่สงครามพึ่งเริ่มต้นสินะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 13 14/09/16
«ตอบ #35 เมื่อ14-09-2016 19:13:35 »

ง่าาาา คุณพ่อตะวันจะว่าไงบ้างนะ ไม่อยากจะคิดเลย :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 13 14/09/16
«ตอบ #36 เมื่อ16-09-2016 12:54:13 »

บทที่14
 
"เฮ้ย" 

วิทยารีบเด้งตัวกลับขึ้นมาจากที่นอนรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่เขาได้ยินต้นตะะวันเรียกพ่อของตัวเอง ทันทีที่เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยวิทยาก็เอื้อมมือไปจับมือของต้นตะวันที่เย็นเฉียบเอาไว้

"ตะวัน"
 
"ผมจะไปคุยกับพ่อ" 

ตะวันสะบัดมือของวิทยาออกแล้วก็เดินเปิดประตูห้องนอนออกไป วิทยาเดินตามต้นตะวันไปแต่ว่าทิ้งระยะห่างเอาไว้วิทยาหยุดอยู่แค่ที่หน้าประตูห้องนอนแล้วมองทอดออกไปตามทางเดินที่ต้นตะวันเดิน ต้นตะวันเดินไปหยุดที่หน้าห้องนอนของพ่อแล้วก็ยืนอยู่อย่างนั้นไม่เคาะไม่เรียกไม่ทำอะไรอะไรเลยแค่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นแล้วสักพักต้นตะวันก็เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง

"ตะวันไม่ลองเคาะเรียกพ่อออกมาละ"

"........"

ตะวันไม่ได้ตอบอะไรวิทยาแต่เดินไปหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพยายามที่กดโทรหาใครสักคน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รับสายต้นตะวันเลยเอาแต่กดย้ำๆ อยู่อย่างนั้น

"ตะวันเราว่าถ้าได้คุยน่าจะดีกว่าเงียบไปแบบนี้นะ"

"อื้ม" แม้ครั้งนี้จะตอบรับแต่ต้นตะวันก็ยังยอมละหน้าออกมาจากโทรศัพท์เปลี่ยนจากยกหูขึ้นโทรเป็นกดพิมพ์ข้อความแทน

"ตะวัน ถ้าตะวันไม่พร้อมก็ไว้วันหลังก็ได้"

"อื้ม"

"ตะวัน หรือว่าตะวันจะ..."

"วิทหยุดพูดก่อนจะได้ไหมผมกำลังใช้ความคิด!!"

"แต่เราอยากช่วย"
 
วิทยาเอื้อมมือไปหมายจะจับที่มือของต้นตะวันเพื่อให้กำลังใจและเพื่อให้ต้นตะวันรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ต้นตะวันไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มือของวิทยาก็เอื้อมไปไม่ถึงเพราะต้นตะวันพูดประโยคที่ทำให้วิทยารู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาก่อน

"วิทจะช่วยอะไรผมได้วิทรู้จักพ่อผมเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองวิทอยู่นิ่งๆ เถอะไม่ต้องพูดในขณะที่ผมกำลังคิด แค่นั้นผมว่ามันก็ช่วยได้มากพอแล้ว"

"งั้นเรากลับบ้านก่อนแล้วกันนะ"

"มันดึกแล้ววิทจะกลับยังไงผมคงไม่เอารถออกไปส่งตอนนี้ได้หรอกนะ"

"เรากลับเองได้"

"วิทอย่างี่เง่านะผมขอ แค่เรื่องพ่อผมก็ปวดหัวแล้ว"

"เรา...." 

วิทยาคิดจะพูดต่อแต่พอมาคิดอีกทีวิทยาก็คิดได้ว่าต้นตะวันอาจจะยังไม่พร้อมฟังในสิ่งที่เขาอยากอธิบาย วิทยาจึงเดินไปล้มตัวนอนที่เตียง วิทยาคงต้องขอบคุณความเหนื่อยของวันนี้ที่ทำให้พอวิทยาล้มตัวหัวถึงหมอนแม้ว่าเขาจะรู้สึกเครียดและกังวลมากแค่ไหนก็ตามเพียงผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงวิทยาก็สามารถตกลงไปอยู่ในห้วงของความง่วงได้ ภาพสุดท้ายที่วิทยาเห็นก่อนที่จะหลับตาลงก็คือภาพของต้นตะวันที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือแล้วก็ก้มลงกดโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างนั้น

วิทยาลุกขึ้นเดินไปเอาเสื้อผ้าของเขาที่ใส่มาเมื่อวานที่พับกองเอาไว้มารวมพร้อมกับของที่ชิปกลับมาลงใส่กล่องแบบเงียบๆ วิทยาพยายามทำให้เกิดเสียงให้เบาที่สุดเพื่อที่จะไม่ทำให้ต้นตะวันตื่น ไม่ใช่ว่าวิทยาอยากแอบออกไปจากบ้านแบบนี้แต่แม้ว่าเขาจะหลับไปแล้วแต่ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเขาก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นความรู้สึกขุ่นมัวที่เมื่อวานเขาโดนต้นตะวันตวาดมันคงยังคงตกค้างอยู่ในใจของเขา วิทยาเลยยังไม่อยากที่จะชวนทะเลาะในตอนเช้าแบบนี้ ก่อนออกไปจากห้องวิทยาเขียนกระดาษวางเอาไว้ที่โต๊ะในห้องของต้นตะวันว่า "ต้องรีบไปจัดร้านออกไปก่อนนะ" 

"จะกลับแล้วรึ? กลับยังไงละ?"

"สวัสดีครับ ครับผมคงต้องขอตัวกลับก่อน วันนี้ต้องเข้าไปดูร้านอีกนิดหน่อยด้วยครับ ร้านใกล้จะเปิดแล้ว"

"แล้วจะไปยังไงของเยอะไปหมด ไม่ให้ตาตะวันไปส่งละ"

"ตะวันยังไม่ตื่นเลยครับ เมื่อคืนผมว่าเขาคงไม่ได้นอนสักเท่าไหร่"

"อ่อ เหรอ"

"เอ่อ คือ คุณลุงครับ คือ ผม เรื่องเมื่อคืน คุณลุง"

"จะเดินไปเรียกแท๊กซี่ไหมละ? เดี๋ยวฉันเดินไปหน้าบ้านรอแท๊กซี่เป็นเพื่อน"

"ครับ"

"ไหนมีอะไรอยากจะพูดกับฉันรึเปล่า?"

"คือ เรื่องเมื่อคืน.." 

วิทยาเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำมันล้ำเส้นเกินไปกว่าที่ต้นตะวันอยากจะให้เขาทำหรือไม่ แต่เขาก็ไม่อยากที่จะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ไหนๆ ก็มีโอกาสได้เจอกับพ่อของต้นตะวันแล้ววิทยาก็อยากที่จะขอโทษ เพราะเรื่องเมื่อคืนมันจะไม่เกิดถ้าไม่มีเขาอยู่ในห้องนั้นร่วมกับต้นตะวันเพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ต้นตะวันคนเดียวที่ผิด แต่ในช่วงที่เขากำลังจะพูดกับพ่อของต้นตะวันเพื่อเอ่ยคำว่าขอโทษ

"พ่อ วิท"

"ตะวัน"

"เดี๋ยวผมไปส่งเอง มาขึ้นรถ"

"แต่"

"ผมบอกให้มาขึ้นรถ"

"ตะวัน..."

"เดี๋ยวผมมาครับขอไปส่งวิทก่อน"

"งั้นผมลาละครับ"
 
ตลอดเวลาที่อยู่บนรถทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ ต้นตะวันมุ่งรถไปทางบ้านของวิทยาจนพอมาถึงหน้าหมู่บ้านต้นตะวันก็็ชลอรถลงและตีรถจอดเข้าข้างทาง

"เมื่อเช้าวิทคิดจะทำอะไรครับ?" 

"เปล่าเราไม่คิดจะทำอะไรเลย"

"ถ้าไม่คิดจะลงไปคุยกับพ่อทำไม?"

"เราไม่ได้ตั้งใจจะไปคุยกับพ่อของตะวันสักหน่อย"

"แต่ลงมาผมเห็นว่ายืนคุยกันอยู่"

"มันเป็นความบังเอิญ"

"ถ้าบังเอิญจริงทำไมไม่ปลุกผมลงมาด้วย วิททำเหมือนวิทตั้งใจลงมา"

"ก็เราตื่นแล้วเราก็ต้องลงมาสิเราจะกลับบ้านเราจะกลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจำได้ไหม?"

"วิทอย่าพยายามทำในสิ่งที่ผมไม่ได้บอก"

"เราไม่ได้ล้ำเส้นเราแค่อยากจะช่วย"

"นี่ไงในที่สุดวิทก็ตั้งใจจริงๆ"

"ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไงก็พอดีเจอหน้ากันเราก็เลยถือโอกาสนี้จะพูดไง"

"นั้นคือพ่อผม ผมจัดการเองได้วิทคนนอกวิทไม่รู้เรื่องก็อย่าทำอะไรที่มันยุ่งไปกว่านี้เลย!!"

เสียงของต้นตะวันดังจนเหมือนจะเป็นเสียงเดียวที่วิทยาจะสามารถได้ยินได้ เสียงเพลงที่มาจากวิทยุที่เปิดคลอเสียงลมของแอร์รถถูกเสียงของต้นตะวันกลบไปหมด วิทยาก็ไม่รู้ว่าตัวเข้าเองทำอะไรผิดหนักหนาต้นตะวันถึงต้องโกรธเขามากขนาดนี้ เขาก็แค่อยากจะขอโทษพ่อของต้นตะวันก็แค่นั้นจริงๆ

"วิทครับคือผม.." 

หลังจากที่ต้นตะวันตวาดใส่วิทยาออกไปสิ้นเสียงของเขาสิ่งที่ต้นตะวันเห็นตรงหน้าคือแววตาของความเสียใจ ความตัดพ้อ และ ความไม่เข้าใจของวิทยาที่สื่อออกมาจากสายตา ต้นตะวันเองก็ไม่อยากที่จะมาใส่อารมณ์กับวิทยามากขนาดนี้เขารู้ว่าวิทยาไม่ผิดแต่เขาเครียดเขากลัวว่าพ่อจะรับไม่ได้ ต้นตะวันกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิทยาจะต้องจบลงแบบแฟนคนเก่าของเขา ต้นตะวันไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว พอเขาได้สติเขาเลยต้องการที่จะพูดว่าขอโทษกับวิทยา

"วิท..."

"ใช่ตะวันเรามันคนนอกครอบครัวของตะวัน เราไม่รู้อะไรหรอก ที่เรารู้ก็คือเราก็แค่อยากช่วยเราก็แค่อยากอยู่ข้างๆ เหมือนที่เราพูดกันก่อนกลับมาที่ไทย"

"วิท"

"เราแค่ไม่อยากให้ตะวันเผชิญกับปัญหาเพียงคนเดียวก็เท่านั้น ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพอเกิดเรื่องตะวันก็ผลักเราออกมาเหมือนเราเป็นคนอื่น ถ้าตะวันจะทำแบบนั้นตะวันจะคบเราไปอีกทำไม จะมีเราอยู่ตรงนี้ทำไม?" 

วิทยาไม่ได้อยากอ่อนแอให้ใครเห็นแต่มันเป็นความเก็บกดตั้งแต่เมื่อคืน ตอนที่วิทยารู้ว่าพ่อของต้นตะวันเห็นเขากำลังจูบกับต้นตะวันเขาเองก็ตกใจและเสียใจไม่แพ้กันที่เรื่องราวมันออกมาเป็นแบบนี้ ความรู้สึกแรกของวิทยาคืออยากอยู่ตรงนั้นแต่ต้นตะวันก็เอาแต่จับโทรศัพท์เหมือนโทรศัพท์สามารถเป็นที่พึ่งที่ดีกว่าเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น

"วิทผม.."

แกร้ก วิทยาหันกลับไปเปิดประตูรถออกแล้วก็เอาขาข้างนึงก้าวลงไปที่พื้นถนน จากตรงนี้วิทยาคิดว่าเขาเดินเข้าบ้านเองจะดีกว่าการที่จะต้องมานั่งอยู่บนรถคันเดียวกันแล้วเป็นแบบนี้

"ขอบคุณที่มาส่ง"   

วิทยาเอากล่องกระดาษใบใหญ่วางลงกับพื้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปปิดประตูรถให้แก่ต้นตะวันแล้วก็ก้มลงเพื่ออุ้มกล่องใบใหญ่นั้นเอาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง

"วิทเดี๋ยวผมขับไปส่งในบ้าน มาคุยกันก่อน" 

ต้นตะวันดับเครื่องแล้วเดินตามวิทยาที่เดินนำหน้าเข้าไปในซอยของบ้านตัวเองต้นตะวันวิ่งตามมาจนมาถึงตัวของวิทยาเขาเอามือดึงข้อศอกของวิทยาเอาไว้พอวิทยาหันกลับมาต้นตะวันก็รีบปล่อยมือออก 

"เราว่าพอก่อน คุยตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องเราไม่พร้อมเดี๋ยวคุยกันดีกว่า ตะวันกลับไปก่อน เราเองก็อยากพักเงียบๆ ด้วย"

"วิทแต่ผม"

"ขอบคุณที่มาส่ง" 

ต้นตะวันพยายามมองเข้าไปที่ในตาของวิทยาและพร้อมทั้งสังเกตุสีหน้าเพราะวิทยาเป็นคนที่คิดยังไงต่อให้โกหกแต่สีหน้าและแววตาก็ไม่สามารถโกหกได้ และครั้งนี้วิทยาก็ไม่ได้โกหกเขา เพราะว่าสีหน้าที่ต้นตะวันเห็นคือสีหน้าของคนที่เหนื่อยและอยากพักจริงๆ  ไม่ได้อยากให้เขาตื้อที่จะอยู่ต่อ

"โอเค งั้นถ้าวิทพร้อมเรามาคุยกันนะ ผมจะรอ"

"อื้ม" 

ต้นตะวันเดินกลับไปที่รถของตัวเองแต่เขาก็ไม่ได้สตาร์ทรถไปเลยต้นตะวันแค่กลับมายืนรอที่ตรงนั้นแล้วก็รอจนกว่าวิทยาจะเดินหายลับจากสายตาของเขาไปเขาถึงได้ขับรถออกไปจากตรงนั้นเพื่อที่ตรงไปหาคนที่เขาคิดว่าจะสามารถช่วยเขาได้ที่สุดในตอนนี้

"เหี่ยวมาเลย นั่งรอก่อนเดี๋ยวฉันไปสั่งงานที่หน้าร้านเดี๋ยวมา"

"ครับพี่" ในขณะที่เขานั่งรอพี่หว่าสั่งงานกับเด็กที่หน้าร้านมือของต้นตะวันก็จับมือถือกดเลื่อนไปมาอยู่ตลอดเวลาเพราะว่าเขาเองก็กังวลกลัวว่าถ้าเกิดวิทยาติดต่อมาตอนที่มือถือไม่ได้อยู่ในมือเขามันจะทำให้เขาไม่ได้คุยกับวิทยาอีก

"มาแหละ ไงเราคุยกับคุณลุงยัง เมื่อวานก็ตอบช้ามีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยโทษทีตอบช้า"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยังไม่ได้คุยกับพ่อเลยไม่กล้า"

"อ้าวไม่คุยแล้วจะรู้เรื่องได้ไง คุยสิ"

"ผมกลัวว๊ะพี่หว่าเอาจริง ภาพที่พ่อเข้ามาเห็นผมว่ามันไม่ใช่ภาพที่ดี"

"แล้วภาพที่ดีคืออะไร?" 

"ก็ผมกะว่าจะให้วิทสนิทกับที่บ้านกว่านี้อีกสักนิดแล้วก็ค่อยเอาวิทไปแนะนำกับพ่อว่านี่คือคนที่ผมชอบและคบอยู่"

"สรุปก็ตกลงที่แกจะบอกคุณลุงว่านี่คือแฟนที่คบกันใช่ไหม?"

"ครับ"

"แล้วไงจะภาพเมื่อวานหรือคำพูดของแก ในที่สุดผลที่ออกมาก็คือแกคบกับวิทยาแม้จุดเริ่มต้นจะต่างกันในใจความของเรื่องมันก็คือเรื่องนั้นอยู่ดี แล้วทำไมถึงมาป๊อดเอาแบบนี้?"

"คือผม ผมไม่รู้ว๊ะ พี่ก็รู้เรื่องของผม"

"นั้นก็เรื่องสมัยก่อน และคุณลุงก็ไม่เกี่ยว อะ เอางี้ถามหน่อยแฟนแกว่าไงบ้างละ?"

"เรายังไม่ได้คุยกันเลยครับ ผมกันเขาออกไป"

"จะกันเขาออกไปทำไม คุยกันสิคนเป็นแฟนกันมันก็ต้องคุยกันต้องช่วยกันนี่มันเรื่องของคนสองคนนะไม่คุยกันก็เป็นเรื่องคนเดียวไหม? คุยสิช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหา"
 
"แต่ผมกลัวพ่อจะยิ่งโกรธ"

"แล้วไงแกกันเขาออกไปถ้าคุณลุงโกรธ คุณลุงจะหายโกรธไหมแล้วแฟนแกจะดีใจไหมที่โดนปกป้องโดยการกันออกมา"

"ครับพี่หว่า เดี๋ยวยังไงผมคุยกับพ่อถ้าไม่ได้เรื่องผมคงต้องพึ่งพี่จริงๆ แล้วนะครับ"

"เออ พร้อมช่วย ไปลองดูด้วยตัวเองก่อนไป คนเป็นพ่อลูกกันยังไงก็คุยง่ายกว่าคนที่เป็นญาติ ไปลองดูก่อน"

ออกมาจากร้านของพี่หว่าต้นตะวันก็หมุนรถกลับไปทางเส้นทางเก่าที่เขาเพิ่งขับผ่านมา ต้นตะวันรู้ว่าวิทยาอยากจะพักแต่ในตอนนี้เขาอารมณ์ร้อนเกินที่จะยอมให้วิทยาพักได้ ที่สำคัญที่เถียงกันไปเมื่อเช้าเขายังไม่ได้ "ขอโทษ" กับวิทยาเลย

"กลับมาแล้วเหรอลูกเป็นไงเราไปหอบของเหนื่อยมากเลยหรือจ๊ะ?"

"ครับแม่วิทเหนื่อย" วิทยาวางของลงที่พื้นบ้านแล้วก็เดินไปกอดช่วงเอวของแม่เขาเอาไว้ 

"ว่าไง มีอะไรรึเปล่าลูก?" 

"ไม่มีครับแค่จัดร้านแล้วเหนื่อยแล้วก็มาหอบของอีกก็เท่านั้นเองครับ"

"เหนื่อยก็พักก่อน ต่อให้ฝืนทำทั้งๆ ที่เหนื่อยมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกนะลูก" 

"ครับแม่" 

หลังจากอ้อนแม่เอากำลังใจเสร็จวิทยาก็เอาของขึ้นมาบนห้องแล้วก็อาบน้ำชำระร่างกายเพราะตั้งแต่เช้าที่ตื่นเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับตัวเขาเองเลย วิทยาออกมาทั้งสภาพชุดที่ใส่นอนเมื่อคืน เสื้อยืดสีตุ่น 1 ตัว กับกางเกงขาสามส่วน 1 ตัวเพียงเท่านั้น หลังจากอาบน้ำเสร็จวิทยาก็ค่อยรู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลงมานิดหน่อยจากเมื่อเช้า วิทยาลงมานั่งกับพื้นห้องนอนเอาของออกมาจากกล่องจัดเข้าตู้เสื้อผ้าของตัวเองกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปบ่ายแล้ว ลองมองไปรอบๆ ห้องว่าจะล้มตัวลงนอนวิทยาก็นึกได้ว่ายังเหลือร้านที่เขาต้องเข้าไปเก็บงานอีกนิดหน่อยและก็จะได้เลยไปทำเรื่องอื่นๆ ด้วยเลยไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว วิทเลยลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดตัวใหม่หน่อยพร้อมกางเกงยีนส์ขายาวเตรียมตัวออกไปร้าน

"แม่เดี๋ยววิทขอไปร้านก่อนนะครับ เดี๋ยววิทกลับมาอยากไปดูร้านสักหน่อยครับ"

"โอเค จะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านไหม?"

"กลับครับ"

วิทยาเดินไปโบกมอไซค์ที่หน้าปากซอยเพื่อที่จะไปต่อบีทีเอสเพื่อไปที่ร้าน ไปถึงร้านวิทยาก็เช็ดถูในร้านให้เรียบร้อยพอเสร็จวิทยาก็ดึงเหล็กลงแล้วล็อคร้านออกเอารูปที่เขาไปถ่ายรูปไอติมตามที่ต่างๆ ไปล้างเป็นไซส์โปสเตอร์เพื่อที่จะเอามาติดตกแต่งร้าน ข้ามไปอีกฝั่งถนนก็ตรงไปสั่งทำสติ๊กเกอร์เพื่อเอามาแปะที่กระจกหน้าร้าน เพราะร้านของเขาทำเป็นกระจกโปร่งด้านหน้าทั้งหมดประตูที่เปิดปิดร้านก็เป็นกระจก แล้วก็เดินไปตามป้ายชื่อร้านที่สั่งเอาไว้

"ยังไงผมขอให้ป้ายเสร็จก่อนจะวันศุกร์ก็ดีนะครับ เพราะผมอยากเปิดร้านอาทิตย์หน้าแล้ว"

"ได้ค่ะ แก้อีกนิดหน่อยคงไม่มีปัญหา เดี๋ยวดิฉันจะเร่งช่างให้เลยค่ะไม่น่าจะมีปัญหา"

"ขอบคุณครับ" 

กว่าวิทยาจะกลับมาถึงบ้านก็เข้าไปช่วงเย็นแล้วการจารจรก็ย่ำแย่เหมือนเคยไม่ว่าเขาจะจากไป 1 ปี การจราจรเข้าบ้านเขาก็ติดหนักเหมือนเดิมดีที่เขามักใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์เลยไม่ต้องนั่งติดอยู่ในรถนานๆ ในขณะที่วิทยากำลังนั่งรถผ่านสนามเด็กเล่นหน้าหมู่บ้านเขาก็เหลือบไปเห็นรถยนต์นิสสันสีขาวที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านของเขาอยู่ รถคุ้นตาจนเหมือนเป็นรถของต้นตะวันแต่ด้วยความที่มันไกลเกินไปวิทยาเลยไม่เห็นเลขทะเบียนรถ

"วิท" แต่พอทันที่รถมอเตอร์ไซค์ที่วิทยาใช้บริการจอดลงตรงหน้าบ้านเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูตะโกนเรียกชื่อเขามาจากทางด้านข้าง

"ตะวัน"

"ผมเอ่อ"

"เข้าบ้านก่อนสิ" 

"กลับมาแล้วเหรอลูก? อ้าวนั้นใครละ?"

"นี่ตะวันเพื่อนวิทที่ไปเจอกันที่โน้นไงครับแม่"

"อ่อ วิทเล่าเกี่ยวกับตะวันให้น้าฟังมากเลย ไหนๆ มาแล้ว จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันไหมจ๊ะ?"

"นั้นสิกินอะไรมายังตะวัน?" 

"เอ่อ งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ"

มื้อเย็นที่เรียบง่ายผ่านไปหลังจากกินเสร็จวิทยาก็ขออาสาเป็นคนล้างจานเองให้แม่ขึ้นไปพักผ่อนต้นตะวันเลยคอยยืนช่วยเช็ดโต๊ะให้เรียบร้อย ต้นตะวันมายืนรอท้าวแขนมองรอวิทยาล้างจานตรงที่ขั้นที่เอาแบ่งแขตระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่น บ้านด้านล่างของวิทยาเปิดโล่งทั้งหลัง แค่มีส่วนก่อนถึงครัวที่ก่อปูนแล้วเอากระเบื้องตกแต่งให้เป็นที่กั้นขึ้นมาสูงแค่ช่วงหน้าอกเพื่อที่จะแบ่งโซนออกให้รู้ว่านี่คือห้องครัว

"วิทคือผมมีเรื่องอยากคุยด้วย" พอวิทยาล้างจานเสร็จเขาก็หันกลับมามองหน้าต้นตะวันโดยที่ตัวเขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปหาแค่ยืนพักเอาตัวของเขาพิงกับที่ล้างจานเอาไว้ พวกเขาทั้งสองยืนเงียบๆ มองตากันอยู่สักพักแล้วก็เป็นวิทยาที่ทนไม่ไหวทำลายความเงียบออกมา

"ขึ้นไปคุยที่ห้องเราแล้วกัน" 

"อื้ม" 

"ห้องสวยดีนะ" ต้นตะวันมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งไปทิศทางเดียวกันของที่ใช้ในห้องทุกชิ้นเป็นสีขาว ผ้าปูเตียงเครื่องนอนก็เป็นสีขาวหมดช่างแตกต่างจากห้องของเขาที่ไม่เคยควบคุมโทนให้ไปในทิศทางเดียวกันเลย

"อื้ม ตะวันจะไปอาบน้ำก่อนไหม? จะค้างหรือจะกลับเราจะได้เตรียมของให้ถูก" 

วิทยาสังเกตุตั้งแต่ตอนที่ต้นตะวันเดินมาเรียกเขาแล้วว่าชุดที่ต้นตะวันใส่ก็คือชุดของเมื่อคืน ใจจริงเขาก็ยังไม่ได้หายโกรธแต่พอเขาเห็นสภาพของต้นตะวันวิทยาก็เลยใจอ่อนชวนเข้ามาในบ้าน

"เรื่องเมื่อเช้าผมขอโทษนะ" 

ต้นตะวันเดินเข้าไปกอดวิทยาทันทีที่เขาพูดคำว่าขอโทษออกไป เขาต้องการให้วิทยารู้ถึงความรู้สึกของเขาว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ กับการกระทำของเขาเมื่อคืนและเมื่อเช้า

"ผมไม่ได้ตั้งใจจะผลักให้ต้นตะวันไกลออกไป ผมแต่กลัวผมไม่อยากให้พ่อมาเจอภาพแบบนั้นผมอยากเปิดเรื่องของเรากับพ่อให้ดีกว่านี้พอมันออกมาได้ไม่ดีผมเลยหัวเสีย"

"ถึงขนาดที่ตะวันต้องพูดไม่ดีกับเราขนาดนั้นเลยเหรอ? ตะวันห้ามเรายุ่งในเรื่องของเราสองคนอยู่ตะวันรู้ตัวไหม?"

"รู้ผมรู้ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

"แต่?"

"แต่ผมไม่อยากให้วิทเข้ามายุ่งเพราะกลัวว่าวิทจะทำอะไรไม่ถูกใจพ่อ ผมเลยเอาแต่วิ่งปรึกษาพี่หว่าผมกลัวว่าถ้าผมทำอะไรพลาดไปเรื่องมันจะยากขึ้นไปอีก เพราะแค่นี้พ่อคิดอะไรผมยังไม่รู้เลย ผม ผม" 

วิทยารับรู้ถึงแรงกอดที่รัดเขาแน่นขึ้นทันทีที่ต้นตะวันรู้สึกได้มือของวิทยาที่ทิ้งเอาไว้ข้างตัวก็ยกขึ้นกอดกลับต้นตะวันโดยอัตโนมัติ วิทยาตบลงที่หลังของต้นตะวันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ

"ไม่เป็นไรนะๆ"

"ผมขอโทษนะ ผมไม่น่าพูดแบบนั้นกับวิทเลย มันเรื่องของเราสองคนผมควรให้เราทั้งสองคนแก้ไขปัญหาด้วยกัน"

"ก็นับจากวันนี้ไง" วิทยาคลายอ้อมกอดออกแล้วก็ดึงตัวเองออกมาเพื่อที่จะได้มองหน้าสบตากับต้นตะวัน

"จากวันนี้ไงเราก็มาแก้ปัญหาด้วยกันนะ ตะวันอย่าไล่เราแบบนั้นอีกนะ เราไม่ชอบเลย"

"ครับ"

"เรายังอยู่ตรงนี้ เราอยู่ข้างตะวันเสมอนะ"

"ขอบคุณนะครับวิท"

"แต่ว่าตอนนี้ ไปอาบน้ำได้แล้วไหม? เหม็น"

"ไหนๆ ผมเหม็นเหรอๆๆ ไหนๆๆๆ ดมอีกๆๆๆ" ต้นตะวันดึงวิทยาเข้ามาให้กอดให้แน่นแล้วก็กดหัวของวิทยาให้ลงมาดมที่ตรงซอกคอของเขา
 
"ปล่อย หายใจไม่ออกแล้ว" แม้เสียงวิทยาจะอู้อี้เพราะว่าถูกกดหัวเอาไว้แต่ต้นตะวันก็ได้ยินเขาเลยเลิกแกล้งและเอามือออก
"งั้นผมไปอาบน้ำแล้ว"
 
วิทยามองตามต้นตะวันเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับคิดว่านั้นสินะเมื่อวานคงเป็นเรื่องสติแตกที่สุดของต้นตะวันก็ไม่แปลกที่ต้นตะวันจะแสดงอะไรแบบนั้นออกมา ถ้าเป็นเขาเองเขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงอาจจะเป็นยิ่งกว่าต้นตะวัน และที่ต้นตะวันเป็นทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขาไม่ใช่เหรอ ต้นตะวันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าพ่อจะมองเขาไม่ดีไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจะยังคงโกรธต้นตะวันได้ต่อเหรอ? 

"วันนี้ผมขอค้างที่นี่นะ"

"ไม่กลับไปคุยกับพ่อเหรอ?" วิทยากวักมือให้ต้นตะวันเดินมาหาเขาที่เตียงแล้วก็ใช้ผ้าที่ต้นตะวันใช้อาบน้ำเช็ดผมให้แล้วก็นั่งคุยกันไปด้วย
 
"ผมยังไม่พร้อมเลยวิท"

"พรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วตะวันก็ต้องไปทำงาน รู้ใช่ไหมว่าหนีไปตลอดไม่ได้?"

"ไม่ได้จะหนีสักหน่อยแต่ผมขอแค่กำลังใจคืนนี้ไม่ได้เหรอ?" แล้วต้นตะวันก็หันตัวเองมากอดวิทยาเอาไว้

"โอเคๆ เดี๋ยวให้กำลังใจให้เต็มที่เลย"

ทั้งสองคนนอนลงบนเตียงข้างๆ กัน ต้นตะวันนอนกอดวิทยาเอาไว้มือของต้นตะวันก็ลูบทับไปที่บนมือของวิทยา

"วิทครับ"

"หื้มว่าไง นอนไม่หลับเหรอ?"

"พรุ่งนี้ ตอนเย็นไปหาพ่อผมที่บ้านกันนะ"

"ตะวันคิดดีแล้วใช่ไหม?"

"อื้ม ผมไม่อยากไปเจอหน้าพ่อพร้อมคนอื่น ผมอยากเอาวิทไปเจอพ่ออยากผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"

"ไปสิเราก็พร้อมจะจับมือกับตะวันตั้งนานแล้ว"

"ขอบคุณครับ"

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ  :pig4:

ถึง

คุณ imvodka ชามเล็กๆ คร่า

คุณ wan_sugi คราวนี้ขอเสนอสงครามแบบฉบับย่อคร่าาาา 

คุณ iceman555 คุณพ่อมาโผล่ต่อแว้บๆ ในตอนนี้ค่ะ คุณพ่ออยากออกหลายตอนเลยมาแว้บๆ แต่ถี่ค่ะ ฝากติดตามต่อนะคะ ฮิๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 14 16/09/16
«ตอบ #37 เมื่อ16-09-2016 13:11:11 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
เครียดขึ้นตาเลย ลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 14 16/09/16
«ตอบ #38 เมื่อ16-09-2016 14:39:53 »

ตะวันนี่งี่เง่า คิดไปเอง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาตรง ๆ สินะ
คนเป็นแฟนเหนื่อยตายชัก

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 14 16/09/16
«ตอบ #39 เมื่อ20-09-2016 13:49:00 »

บทที่ 15

"งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเราไปหาที่ทำงานของตะวันแล้วกันนะ เราจะรออยู่ที่ด้านล่างตึกแล้วกันไม่ขึ้นไปดีกว่า" วิทยาเดินไปหยิบเสื้อ
สูทมาใส่ให้ต้นตะวันก่อนที่ทั้งสองจะเดินลงมาด้านล่างเพื่อกินข้าวเช้าของวันก่อนที่ต่างคนจะแยกออกไปทำงาน
 
"หรือถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมไปรับวิทที่ร้านก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอนานๆ เอางั้นดีกว่าไหม?"

"ไม่เป็นไรย้อนไปย้อนม เพราะยังไงก็ต้องไปหาตะวันที่บ้านอยู่แล้วจากที่ทำงานของตะวันไปที่บ้านมันถึงเร็วกว่าย้อนมานี่นะ" 

"โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ทำงานผมตอนประมาณ 5 โมงเย็นแล้วกันนะครับ" 

เมื่อคืนหลังจากที่ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ทั้งสองคนก็ตกลงกันว่าวันนี้ตอนเย็นเขาทั้งสองจะไปหาพ่อของต้นตะวันด้วยกัน 

"ว่าไงพ่อค้าทำไมดูหน้าตาขมวดคิ้วขนาดนั้นละ?" เสียงของเพื่อนสมัยเรียนของวิทยาดังขึ้นมาทักทายตอนที่วิทยากำลังนั่งดูประวัติของผู้สมัครงานอีกครั้เพราะวิทยาเรียกเข้ามาสัมภาษณ์งานวันนี้   

"เฮ้ยยย ลมอะไรหอบมานั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวขอสัมภาษณ์งานอนาคตพนักงานก่อนแล้วเดี๋ยวมาคุยด้วย" 

วิทยาใช้เวลาสัมภาษณ์งานผู้สมัครประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วก็โชคดีที่วิทยาไม่ได้เสียเวลา 2 ชั่วโมงนั้นไปฟรีๆ เพราะวันนี้เขาได้คนที่ตรงกับความต้องการของเขา 2 คน ตามจำนวนที่เขาต้องการ 

"รอนานไหม?" 

"ไม่นานๆ ร้านน่านั่งนะเก่งว๊ะแต่งร้านเองเลยปะเนี่ย?"

"อย่าชมมากตัวลอยหมดแล้วเนี่ย"

"แล้วนี่มีอะไรรึเปล่าเครียดเรื่องร้านเหรอ? เดินเข้ามาหน้านี่ยุ่งดูไม่ได้เลยจะเข้ามาขอไอติมกินฟรีเป็นคนแรกก็คงไม่ได้แล้วใช่ไหม?"

"เปล่าเรื่องร้านเราไม่ได้เครียดทุกอย่างมันอยู่ในตามแผนการเดี๋ยวไม่ศุกร์ ก็ เสาร์นี้ก็ได้ของครบหมดแล้วอาทิตย์หน้าก็คงเปิดได้แล้วละ ที่เครียดตอนนี้คือเรื่องอื่น"

"เรื่องไรว๊ะ?"
 
"เรื่องแฟน"
 
"หา? มีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย" แล้วเรื่องของต้นตะวันก็ถูกเปิดเผยให้กับเพื่อนสนิทของวิทยาได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ 

"ไม่ต้องกังวลหรอกนะ วันนี้อย่างมากก็แค่หัวแตกละหว่า"

"เออ ดี ฮ่าๆ ถ้าคืนนี้เที่ยงคืนไม่โทรหาไปลากศพออกมาด้วยละกันนะ"

"เออ ส่งแชร์โลเคชั่นมาเลย"

วิทยาพูดเล่นกับเพื่อนของเขาจนเวลาก็ล่วงเลยมาใกล้จะถึงเวลาที่ต้องออกไปหาต้นตะวันแล้ววิทยาก็เลยบอกลาเพื่อน วิทยาปิดร้านแล้วก็เรียกแท๊กซี่ไปหาต้นตะวันที่บริษัท วิทยามาถึงหน้าบริษัทต้นตะวันก่อนเวลาเล็กน้อยเขาเลยได้มีเวลาเช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนอีกสักรอบ วันนี้วิทยาแต่งตัวทางการเป็นพิเศษ ปกติแล้วแล้วเวลาวิทยาไปร้านวิทยาจะใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนหรืออย่างหรูที่สุดก็กางเกงยีนส์แล้วก็รองเท้าผ้าใบคู่ใจ 1 คู่ แต่วันนี้วิทยาเลือกที่จะหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนจับคู่กับกางเกงยีนส์สีดำสนิทพร้อมกับรองเท้าหนังสีดำ 1 คู่ แต่อากาศก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะเป็นใจให้ใส่แขนยาวสักเท่าไหร่ วิทยาก็เลยพับแขนเสื้อขึ้นมาไว้ที่ข้อศอกเพื่อบรรเทาความร้อน

"เฮ้อ" 

ไม่ใช่ว่าวันนี้วิทยาไม่ตื่นกลัว เมื่อคืนที่เขาพูดกับต้นตะวันใจของวิทยาตอนนั้นยังฮึกเหิมอยู่เลยแต่พอยิ่งเวลายิ่งใกล้เข้ามาใจที่ฮึกเหิมของวิทยาก็เริ่มฝ่อลงแต่จะให้เขาทิ้งต้นตะวันไปเผชิญคนเดียวเขาก็ทำไม่ได้ ตอนนี้วิทยาก็เลยมายืนที่หน้าตึกตรงนี้ด้วยใจที่เกือบห่อเหี่ยว วิทยาเห็นว่าคงอีกสักพักเลยกว่าต้นตะวันจะลงมาวิทยาเลยเริ่มมองหาที่นั่งพักแล้วเขาก็มองเจอโซฟาที่อยู่เลยทางเข้าไปด้านหน้าของตึกนิดเดียววิทยาเลยตกลงใจไปนั่งรอต้นตะวันตรงนั้น

"มาถึงแล้วนะ นั่งรออยู่ที่โซฟา" วิทยาส่งเมสเสจไปบอกกับต้นตะวันว่าเขามาถึงแล้วนั่งรออยู่ที่โซฟาด้านล่าง เพียงแค่ไม่ถึง 15 นาทีต่อมาต้นตะวันก็ส่งเมสเสจกลับมาหาวิทยา "เดินไปเจอกันที่จอดรถที่ด้านหลังตึก"

"พร้อมยัง" ตอนนี้รถของต้นตะวันเลี้ยวรถเข้ามาในเขตหมูาบ้านของตัวเองแล้ว ยิ่งใกล้บ้านเท่าไหร่เขาก็็ยิ่งรู้ึสึกอยากจะจอดรถทิ้งเอาไว้มากเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อตอนช่วงบ่ายหลังจากจบของการประชุมต้นตะวันก็เดินเข้าไปหาพ่อที่ห้องประจำตัวของพ่อของเขาพร้อมกับบอกพ่อเขาว่ามีเรื่องที่อยากจะพูดด้วย

"วันนี้พ่อจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านไหมครับ?"

"กินสิ วันนี้ไม่ได้มีโปรแกรมจะไปไหน"

"งั้นเจอกันที่บ้านนะครับเย็นนี้" แล้วต้นตะวันก็รีบเดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อโดยที่ไม่หันกลับไปมองเพราะเขากลัวพ่อจะถามว่าเรื่องที่อยากจะคุยด้วยเย็นนี้คือเรื่องอะไร

"อย่าลืมว่าเราอยู่ตรงนี้" ต้นตะวันสะดุ้งตกใจหลุดออกมาจากความคิดเพราะช่วงไหล่ของเขาได้รับสัมผัสจากคนที่นั่งข้างๆ เขามาจากที่ทำงานตลอด
 
วิทยาพอเห็นท่าทีของต้นตะวันเขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้นตะวันกำลังกังวลอยู่ วิทยาก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปบีบไหล่ของต้นตะวันเพื่อให้กำลังใจ

"อื้ม ผมพร้อมแล้ว" 

"สวัสดีครับ" เข้ามาถึงในบ้านวิทยาก็ยกมือขึ้นไหว้พ่อของต้นตะวันที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกอยู่ก่อนหน้าแล้ว

"จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือว่าจะทานมื้อเย็นเลยดี?" 

"งั้นเดี๋ยวผมขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกันครับ"

"งั้นเดี๋ยวพ่อให้เขาจัดโต๊ะรอเลยแล้วกัน"
 
มื้อเย็นผ่านไปโดยที่บรรยากาศรอบๆ ถูกปกคลุมไปด้วยความอึดอัดและไม่สบายใจ แทบจะไม่มีเสียงอะไรออกมาจากโต๊ะทานข้าวยกเว้นเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานข้าว
 
"อยากกินผลไม้หรือของหวานก่อนไหม?"

"ผมอยากคุยกับพ่อครับ"

"งั้นขึ้นไปห้องทำงานข้างบน"

"ครับ/ครับ"

"อะมีอะไรว่ามา" 

ในห้องทำงานของพ่อของต้นตะวัน ในนั้นมีกล่องพลาสติกที่เอาไว้ใส่เอกสารที่สำหรับโปรเจคต่างๆ อยู่ทางมุมห้อง ส่วนเฟอร์นิเจอร์นั้นในห้องนี้มีโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 1 ตัว และก็โคมไฟที่วางเอาไว้อยู่ที่โต๊ะเพียงเท่านั้น ทำให้ทั้งต้นตะวันและวิทยาต่างต้องยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานต่อหน้าพ่อของวิทยาทั้งคู่

"คือ" ต้นตะวันสูดลมหายใจเข้า แม้ว่ามือของเขาจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่มาถึงตรงนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว

"ผมกับวิทเราสองคนคบกันอยู่ครับ"

"เราสองคนเจอกันที่ออสเตรเลียครับ"

"ผมเป็นคนที่ขอวิทเขาคบครับ"
 
"พ่อผมอยู่กับวิทแล้วผมสบายใจจริงๆ นะครับ"

"พ่อผม ผม" 

ต้นตะวันยิ่งลนลานเมื่อเขาไม่ได้ยินพ่อของตัวเองตอบอะไรกลับมาเลย เขาพยายามที่จะพูดต่อ พยายามให้พ่อเข้าใจในตัวเขามากขึ้น แต่ในช่วงขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง มือข้างซ้ายที่เปียกชุมของเขาก็โดนมือของอีกคนมากุมเอาไว้ ต้นตะวันกระชากมือออกในทันทีที่เขารู้สึก ต้นตะวันไม่อยากให้พ่อมาเห็นภาพแบบนี้แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ไม่ว่าต้นตะวันพยายามที่จะดึงมือออกจากวิทยาโดยใช้แรงมากเท่าไหร่ก็ตามมือของเขาก็ไม่หลุดออกมาจากมือของวิทยาสักที ต้นตะวันหันกลับไปมองหน้าของวิทยาเพื่อที่จะต้องการให้วิทยาปล่อยมือของเขาออก แต่พอเขาหันกลับไปเห็นรอยยิ้มของวิทยาที่แม้ว่าจะดูฝืดๆ แต่ก็ยังพยายามยิ้มให้แก่เขา ต้นตะวันเลยหยุดที่จะสบัดมือของตัวเองออกจากการกุมมือกันครั้งนี้

"ไม่ใช่แค่ตะวันคนเดียวที่รู้สึกครับ ผมเองก็รู้สึกดีกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ด้วยครับ" หลังจากเสียงของวิทยาจบลงทั้งห้องตกกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้งแต่ครั้งนี้ต้นตะวันไม่ได้รู้สึกร้อนลนเหมือนครั้งแรก

"คิดว่าจะคบกันเล่นๆ แค่แก้เบื่อหรือว่าจะจริงจังกันละ?" 

"สำหรับผมไม่เคยมีรักครั้งไหนผมไม่จริงจังครับพ่อ"

"สำหรับผมครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เข้ามาบ้านของคนที่ผมคบแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมคุยแบบเปิดอกกับคนใน
ครอบครัวของคนที่ผมคบด้วยครับ"

"ก็ดี ก็ดูๆ กันไปแล้วกัน"

"พ่อ?"

"ทำไมพ่อพูดอะไรผิด?"

"ก็เปล่าแต่ผม ผมนึกว่า"

"นึกว่าพ่อจะดุด่ากีดขวางไม่ให้คบกัน?"

"ครับ" ต้นตะวันผยักหน้ารับเพราะนั้นคือสิ่งที่เขาคิดแล้วกลัวมาตลอดสองสามวันนี้

"เดี๋ยวลุงขอคุยกับตะวันสักหน่อยนะ"

"ได้ครับเดี๋ยวผมออกไปรอด้านล่างครับ" วิทยาบีบมือให้กำลังใจแก่ต้นตะวันก่อนที่จะยกมือขึ้นไหว้พ่อของต้นตะวันแล้วก็หมุนตัวออกไปรอต้นตะวันที่ทางด้านล่างของบ้าน

"ตะวันรู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงไม่แปลกใจเลยที่ตะวันจะมาเปิดตัวแฟนแล้วแฟนของเราจะเป็นผู้ชาย"

"ไม่ทราบเลยครับพ่อ"

"ตั้งแต่เล็กจนโตเราเคยพาเพื่อนผู้หญิงมาที่บ้านบ้างไหมละ? ถ้าไม่ได้มาเป็นกลุ่มนะ ก็จะมีแต่เพื่อนผู้ชายคนนึงที่เข้าออกที่บ้านนี้เป็นประจำ พอเพื่อนผู้ชายคนนั้นหายไปอีกสักพักก็จะมีเพื่อนผู้ชายอีกคนเข้าออกบ้านประจำเป็นแบบนี้ตลอดเราคิดว่าพ่อจะดูไม่ออกเลยเหรอว่านั้นไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทของเราเพียงเท่านั้น"

"ผม คือ ผมก็ไม่รู้"

"แต่คนนี้เป็นคนแรกเลยนะที่พ่อเห็นว่าเราทำตัวสบายๆ ที่สุดและยอมเปิดเผยการกระทำมากที่สุดอย่างวันที่มากินข้าววันแรก"

"ผมอยู่กับวิทแล้วผมสบายใจครับ พูดถึงเรื่องวันแรก พ่อครับผมขอโทษจริงๆ นะครับที่ทำให้พ่อต้องมาเห็นอะไรแบบนั้นคือผมไม่ได้ตั้งใจ"

"ไม่เป็นอะไรแต่ทีหลังก็หันปิดประตูให้มันดีๆ อย่าให้แย้มออกมาแบบนั้นถ้าเป็นคนอื่นในบ้านมาเห็นมันก็จะดูไม่ดีเข้าไปใหญ่"
 
"ครับพ่อ"

"ไปเถอะ ป่านนี้แฟนเราเขากระสับกระส่ายหมดแล้ว"

"ขอบคุณนะครับพ่อ" 

หลังจากคุยกับพ่อเสร็จต้นตะวันรู้สึกเหมือนตัวเขาเองได้ยกภูเขาออกจากอก ต้นตะวันไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าเรื่องจะลงเอยได้อย่างง่ายดายแบบนี้ แต่คนที่ต้นตะวันอยากจะขอบคุณมากที่สุดก็คือคนที่กำลังรอเขาอยู่ทางด้านล่าง คนที่คอยเป็นกำลังใจให้แก่เขา

"ตะวันโอเคไหม?" 

ทันทีที่ต้นตะวันเดินลงมาจากบันไดวิทยาก็พุ่งตัวเข้าไปหาเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของต้นตะวันคุยอะไรกับต้นตะวันบ้างทำไมต้นตะวันถึงเดินลงมาด้วยหน้าที่ที่คร่ำเครียดขนาดนี้

"ขึ้นมาบนห้องด้วยกันหน่อยสิ" คราวนี้ไม่มีข้อโต้เถียงหรืออะไรหลุดออกมาจากปากของวิทยาอีกเลย วิทยารีบเดินขึ้นไปทางด้านบนจนเหมือนจะกลายเป็นว่าวิ่งแทนเดิน วิทยาต้องการอยากจะรู้ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเขาก็พร้อมที่จะรู้
 
"ตะวันเป็นไงบ้างคุณลุงว่ายังไงบ้าง?" วิทยาเข้ามาถึงในห้องนอนของต้นตะวันวิทยาก็เริ่มถามไถ่ ต้นตะวันหันไปปิดประตูล็อคห้องให้เรียบร้อยครั้งนี้วันนี้เขาจะไม่พลาดแบบครั้งที่แล้วอีกแล้ว 

"อื้ม อะไร ตะ วัน อื้ม คุย ก่อน" 
 
ไม่ทันที่วิทยาจะได้ตั้งตัวต้นตะวันก็ดึงวิทยาเข้าไปกอด หอมแก้มหอมหน้าผากกดจูบไปที่ริมฝีปากแล้วก็พยายามจูบย้ำๆ ที่ริมฝีปากเหมือนเป็นการขอร้อง ไม่ใช่วิทยาไม่รู้ว่าต้นตะวันกำลังทำอะไรแต่วิทยากำลังงงจับต้นชนปลายไม่ถูกเขาอยากคุยให้รู้เรื่องเขาอยากรู้ว่าตอนที่เขาลงมาเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนต้นตะวันจะไม่ให้ความร่วมมือแก่เขาเลย ต้นตะวันยังคงไม่ละไปจากริมฝีปากของเขาจนวิทยาต้องฮึดเอากำลังสุดท้ายก่อนที่จะเคลิ้มตามดันตัวต้นตะวันออกแล้วเอนตัวเองมาทางด้านหลังเพื่อที่จะถามไถ่

"พ่อโอเค พ่อรับเรื่องของเราได้" แม้ต้นตะวันไม่อยากจะหยุดแต่เขาก็ต้องตอบคำถามของวิทยาก่อนไม่อย่างนั้นวิทยาต้องขีดขืนเขาอยู่แบบนี้แน่นอน

"จริงเหรอ ดีใจโคตร โล่งมาก อะ ตะวัน เดี๋ยว"

"เดี๋ยวค่อยคุยนะครับ คิดถึงจะแย่แล้ว" 

และวิทยาก็ไม่สามารถต้านความคิดถึงของต้นตะวันได้ วิทยาปล่อยให้ต้นตะวันเป็นคนชักนำไปทุกการกระทำ ปล่อยให้ต้นตะวันทั้งเอาแต่ใจและตามใจเขาวิทยาล่องลอยไปไกลมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวที่ว่างเปล่าของต้นตะวันแนบทาบลงมาที่ตัวของเขา ส่วนอ่อนไหวของเขาที่กำลังตื่นตัวกำลังสัมผัสกับส่วนที่ตื่นตัวของต้นตะวันเช่นกัน ต้นตะวันเป็นคนที่รวบเอาความต้องการของทั้งสองคนเข้ามาไว้ด้วยกันพร้อมทั้งยังปรนเปรอเพื่อให้เขาทั้งสองคนเดินทางไปทางของความสุขไปด้วยกัน
 
"ตะวันเรา ระ เรา จะ อะ"

เพียงแค่สิ้นเสียงของวิทยาต้นตะวันก็รีบเร่งมือต่อเพื่อให้วิทยาไปแตะปลายทางได้ ต้นตะวันนำเดินให้วิทยาไปถึงปลายทางก่อนเขา เพราะวันนี้ตอนนี้ต้นตะวันรู้ตัวว่าเขาต้องการให้ความสัมพันธ์ของเขากับวิทยาไปไกลมากกว่าทุกครั้งต้นตะวันต้องการพัฒนาไปอีกระดับและวันนี้ต้นตะวันก็ไม่ต้องการที่จะหยุดอยู่แค่นี้้

"วิท ผมขอนะ"
 
"ขออะไร?" 

วิทยายังคงปรับลมหายใจของตัวเองให้คงที่อยู่กลังจากที่เขาเดินไปฝั่งแล้วความเหนื่อยนั้นทำให้วิทยาคิดไม่ทันว่าสิ่งที่ต้นตะวันกำลังขอจากเขาอยู่นั้นคืออะไร ต้นตะวันไม่ได้ใช้คำพูดเป็นการตอบกลับวิทยาแต่ต้นตะวันเริ่มโน้มไปที่ตัวของวิทยาอีกครั้งสัมผัสไปทุกตารางพื้นที่บนตัวของวิทยาจนมาถึงช่องทางด้านหลังจากวิทยา ต้นตะวันลูบไล้กับส่วนนั้นด้วยปลายนิ้วเพียงแผ่วเบาก่อนที่จะพละออกไปเพื่อเดินไปหยิบหลอดเจลมาชโลมลงบนนิ้วมือของเขาแล้วกลับมาที่ตัวของวิทยาอีกครั้งเพื่อที่จะสัมผัสความเย็นของเจลลงบบช่องทางนั้นของวิทยา
 
"ตะวัน"

"นะครับ ผมขอนะครับ ผมรักวิทนะ" 

และคำว่ารักของต้นตะวันก็เป็นเหมือนมนต์สะกดให้วิทยาลืมไปทุกสิ่ง ต้นตะวันเอื้อมมือไปหยิบเครื่องมือการป้องกันมาสวมใส่ให้ตัวเขาเองเพราะเขาก็ไม่อยากให้วิทยารู้สึกไม่สบายตัว ส่วนวิทยาเองก็ยอมให้ตะวันเข้ามาในส่วนที่เขาไม่เคยให้ใครได้เข้ามาก่อน วิทยายอมให้ต้นตะวันเติมเต็มกันและกันด้วยตัวตนของต้นตะวัน ต้นตะวันค่อยๆ เติมเต็มเข้ามาทีละนิดความเป็นตัวตนของต้นตะวันทำให้วิทยาเกือบลืมหายใจ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะทุกครั้งที่วิทยาเกร็งตัวเพราะไม่คุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอมวิทยาก็จะได้ยินเสียงปลอบโยนจากต้นตะวันอยู่ตลอดเวลา "อีกนิดนะครับคนดี" "อีกนิดจะรับผมได้หมดแล้วนะครับ" 
จากการขยับที่เชื่องช้าเหมือนรอให้วิทยาปรับตัวได้จังหวะการเติมเต็มความรักของกันและกันก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น ต้นตะวันมีบ้างที่เผลอบอกรักทางร่างกายด้วยความรุนแรงแต่พอเขารู้สึกตัวต้นตะวันก็จะผ่อนแรงลงเพราะว่าต้นตะวันเองก็ไม่อยากทำให้วิทยาเจ็บตัว เป็นครั้งที่สองที่วิทยาปลดปล่อยทุกหยาดความรักก่อนต้นตะวันแต่ในไม่ช้าหลังจากที่เขาเพิ่งปลดปล่อยไปวิทยาก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่แม้แต่จะไม่ได้รับเข้ามาโดยตรงแต่เขาก็ยังรู้้สึกถึงความรักของต้นตะวันได้อยู่ดี

"ขอบคุณนะครับ ผมรักวิทนะ"

"เราก็รักตะวัน" 

ต้นตะวันถอดถอนความเป็นตัวเขาเองออกมาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายของตัวเองแม้ตอนเข้าไปต้นตะวันจะไม่ได้หยิบอะไรเข้าไปเลยแต่ตอนออกมาต้นตะวันก็เอาผ้าขนหนูพื้นเล็กที่ปกติเขาให้มันเป็นผ้าเช็ดหัวชุบน้ำมาเพื่อที่จะเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้วิทยา

"เขยิบตัวหน่อยครับเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้"

"ทำไมตะวันไม่พาเราไปอาบน้ำ ทำไมถึงเช็ดตัวให้เรา?"

"เพราะผมคงอุ้มวิทไม่ไหว เลยเช็ดตัวดีกว่า"

"ตะวัน ทำไมเป็นคนแบบนี้ งั้นต่อไปก็ไม่ต้องแล้ว"

"เอ้าก็ผมพูดจริง เกิดอุ้มไปตกลงมาตูดจ้ำม่ำลงไปกับพื้นละก็ห้ามโกรธผมนะ"

"วิท"

"หื้ม" 

"ผมขอบคุณนะ"

"ขอบคุณอะไร?"

"ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจนะ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กล้ามาพูดกับพ่อแบบนี้แล้วเรื่องของเราก็คงไม่ได้ออกมาในรูปแบบนี้ด้วย"

"อื้ม ก็เรารัก เราก็ทำแบบนี้แหละ" วิทยาเอื้อมมือไปลูบหัวของต้นตะวันเพื่อเป็นการปลอบโยน

"เออ ตะวันเราได้เด็กทำงานที่ร้านครบ 2 คนแล้วนะ วันนี้เมื่อเช้านัดสัมภาษณ์โอเคทั้งคู่เลย ตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว"

"แล้ววิทว่าวิทจะเปิดร้านวันไหนละ?" ต้นตะวันเช็ดตัวให้แก่วิทยาเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาเลยเดินไปหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่หน่อยคู่กับการเกงบอลออกมาเพื่อเอามาสวมใส่ให้กับวิทยาที่เขาเลือกชุดนอนแบบนี้เพราะต้นตะวันอยากให้วิทยานอนแล้วสบายตัว

"ว่าแต่วิทต้องใส่กางเกงในนอนไหม?"
 
"ไม่ต้องอะ กางเกงบอลอย่างเดียวก็พอ"

"โอเค" 

"เมื่อวานตู้แช่กับตู้โชว์ไอติมมาส่งแล้วนะอ่อตู้เก็บไอติมหลังร้านจะมาพรุ่งนี้ส่วนป้ายร้านจะได้วันพุธนี้พวกแผ่นปลิวก็จะได้วันศุกร์ทุกอย่างก็น่าจะโอเค ทันเวลา"
 
"แล้วพวกถ้วยกับโคนละครับ?"

"ถ้วยเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปดูที่ร้านขายอุปกรณ์เองเราไม่ได้อยากได้แบบเดียวเราจะไปเลือกแบบคละแบบมาไว้"

แล้วต้นตะวันก็ต้องถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะโทษอะไรดีระกว่างกางเกงบอลที่คอยจะถลกขึ้นไปทุกครั้งที่วิทยาขยับตัวหรือว่าเสื้อที่ใหญ่เกินไปจนทำให้ไม่ว่าจะก้มตัวหรือยกแขนก็สามารถเห็นไปถึงพุงของวิทยาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยที่เขาทำเอาไว้เอง แล้วภาพที่เขาเห็นก็ทำให้เขาอยากจะกอดบอกรักวิทยาอีกสักครั้ง

"แนะ พอเลยคิดอะไร ไม่เอาแล้วนะให้แค่คืนละรอบ ถ้าจะมากกว่าคืนละรอบก็เตรียมลบครั้งต่อไปที่เจอกันได้เลยจะแลกแบบนั้นก็เอาสิ"

"ผมไม่ได้จะคิดอะไรสักหน่อย วิทคิดไรอะ ใครกันแน่ที่อยาก"

"ตะวัน"

"โอ๋ๆ อะกลับมาเรื่องร้านสรุปจะเปิดวันไหนครับ?"

"เรากะเปิดวันจันทร์ เพราะร้านเราอยู่หน้ามหาวิทยาลัยรอวันที่เด็กมาเรียนจะดีกว่า"

"อะหะ ผมก็เห็นด้วยนะ เดี๋ยวไงผมจะลางานครึ่งวันช่วงบ่ายแล้วกัน แล้วเดี๋ยวไปช่วยแจกใบปลิว"

"จะหาแฟนแบบนี้ได้ที่ไหนอีกเนี่ย" วิทยาเอื้อมมือไปบิดแก้มทั้งสองข้างของต้นตะวันเล่น

"เจ็บๆ พอๆ ครับ แล้วต้องทำบุญร้านตามที่แม่วิทบอกก่อนไหม?"

"ทำเราจะทำบุญร้านวันเสาร์ตะวันมาด้วยกันสิ ชวนพ่อของตะวันไปด้วยดีไหม?"

"อื้ม เอาสิ" 

หลังจากที่ทั้งสองคุยเล่นกันอีกสักพักต้นตะวันก็ชวนวิทยาเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เขาต้องตื่นเช้าไปทำงานแล้วก่อนจะไปทำงานเขาก็ต้องไปส่งวิทยาที่ร้านก่อนเพราะวิทยาก็ต้องเข้าไปจดออเดอร์ไอติมที่จะสั่งพร้อมทั้งซื้อวัตถุดิบที่จะทำอีก ใจจริงต้นตะวันไม่อยากให้วิทยาไปทำเลยเพราะเมื่อกี้เขาก็เพิ่งเอาแต่ใจกับวิทยาไป 

"วิทถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหวบอกผมนะครับ เดี๋ยวผมลางานไปช่วย"

"ไหวแหละน่านี่ยังไม่เจ็บมากขนาดนั้นเลย" 

"ครับ"

ตอนนี้วิทยาสลึมสลือหลับไปแล้วต้นตะวันเลยนอนคิดถึงเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่ร้านพี่หว่าจนมาถึงตอนนี้วันนี้ที่วิทยานอนอยู่ข้างๆ เขาที่เตียงของเขา ต้นตะวันไม่รู้ว่าเขาควรที่จะขอบคุณอะไรดี ขอบคุณพรหมลิขิตดวงชะตาที่ทำให้เขากับวิทยามาเจอกัน หรือขอบคุณตัวเองที่กล้าขอวิทยาคบ หรือขอบคุณเราทั้งสองที่กล้าที่จะพูดคุยกันแบบเปิดใจ ต้นตะวันคิดอยู่ได้ไม่นานเขาก็ตกลงไปในห้วงแห่งความง่วงอีกหนึ่งคน
 
เพราะทั้งสองคนต่างเหนื่อยกันมากเลยไม่มีใครได้ยินเสียงเมสเสจที่ส่งเข้ามาในมือถือของต้นตะวัน เมสเสจนั้นถูกส่งตรงมาทางอีกประเทศที่ห่างออกไปราวๆ 3 ชั่วโมงในเมสเสจนั้นไม่ได้มีข้อความอะไรที่มากกว่ายกเว้นรูปตัั๋วเครื่องบินที่แนบมาที่ระบุถึงวันกลับเป็นอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้าเท่านั้นเอง

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ถึง

คุณ iceman555 ไม่เครียดแล้วคร่า วันนี้หวานนนนนนเอาความหวานมาเสริ์ฟค่ะ  :o8:

คุณ wan_sugi ทำไมเราเห็นถึง #ทีมวิทยา มาแต่ไกลคร่า  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักลัดฟ้า บทที่ 14 16/09/16
« ตอบ #39 เมื่อ: 20-09-2016 13:49:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 15 20/09/16
«ตอบ #40 เมื่อ20-09-2016 16:45:08 »

อีถังจะกลับมาจากออสเตเรียแน่ๆเลย  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 15 20/09/16
«ตอบ #41 เมื่อ20-09-2016 22:25:49 »

ดราม่าไม่เยอะจริง แต่...
ต้นเป็นอีกหนึ่งของรูปแบบพระเอกที่อ้องแอ้งน่ารำคาญ ใจเสาะ คิดมาก ท่าทางจะทำบุญมาดีเลยได้แฟนดี   :เฮ้อ: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 15 20/09/16
«ตอบ #42 เมื่อ23-09-2016 11:26:58 »

บทที่16

ช่วงอาทิตย์ก่อนที่จะเปิดร้านวิทยายุ่งจนหัวหมุน วิทยาไม่คาดคิดมาก่อนว่าแค่ร้านไอติมเล็กๆ สักร้านจะทำให้ตัวเขาเองหัวหมุนได้ขนาดนี้ 

"เดี๋ยวพี่ออกไปเอาใบปลิวก่อนนะทางร้านโทรมาบอกว่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวร้านที่พี่สั่งไอติมเอาไว้จะมาส่งของพี่ฝากเช็คสต้อคให้ตรงกับใบเสร็จตามนี้นะ พอเช็คเสร็จถ้าถูกต้องเอาของเข้าตู้แช่เย็นหลังร้านเก็บได้เลย แต่ถ้าไม่ตรงอย่าเซ็นรับโทรหาพี่ก่อน"

"ค่ะพี่//ครับพี่" วิทยาเลือกพนักงานเป็นหญิงหนึ่งคนและเป็นพนักงานชายหนึ่งคน พนักงานทั้งสองคนในร้านของวิทยาเป็นพนักงานทำงานเต็มเวลาไม่ได้รับเด็กพาสทามเลย วิทยากะเอาไว้ว่าถ้าเกิดร้านยุ่งมากขึ้นเมื่อไหร่เขาจะจ้างเด็กพาสทามมาไว้เพิ่มอีกสักคน

"ฮัลโหลว่าไงครับเถ้าแก่วันนี้ยุ่งมากไหม?"

"อื้ม เหนื่อยอะตะวันร้อนด้วย นี่ขนาดใส่เสื้อยืดขาสั้นรองเท้าแตะมาแล้วนะอีกนิดต้องถอดเสื้อเดินไหม?"

"อย่าเลยครับ สงสารผู้คนตามข้างทางนะ"

"เหอะ"

"มีอะไรให้ผมช่วยไหม?"

"ไม่มีครับตอนนี้ยังไม่มีเลย"

"เออ วิทครับเดี๋ยววันศุกร์ผมไปนอนบ้านวิทเลยแล้วกัน แล้วตอนเช้าวันเสาร์ผมจะได้ขับรถไปรับพระไปที่วัดแล้วเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้าน"

"อื้ม เอาสิ ว่าแต่พ่อว่าไงบ้างมาไหมอะ?" 

ต้นตะวันยิ้มกว้างได้กว่าเดิม ว่าตอนแรกที่โทรมาคุยกันก็ยิ้มกว้างแล้วอยู่แล้วเพราะวิทยาให้เขาได้มีส่วนร่วมในร้านช่วยคิดช่วยตัดสินใจพอมาได้ยินว่าวิทยาเรียกพ่อของเขาว่า "พ่อ" อีก ต้นตะวันรู้เลยว่ายิ้มของเขากว้างแค่ไหน 

ต้นตะวันคิดย้อนกลับไปในวันนั้น ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาเจอหน้าพ่อ วิทยายังคงเรียกคุณลุงอยู่เลยแต่พอพ่อของเขาบอกว่า "เรียกพ่อก็ได้เราก็เหมือนลูกอีกคนนั้นแหละ" แม้ว่าในวันแรกๆ วิทยาจะยังแสดงการขัดเขินอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นวิทยาก็เริ่มจะชินปากมากขึ้น และต้นตะวันเองก็ดีใจที่วิทยาสามารถเรียกได้สนิทใจขนาดนี้

“พ่อน่าจะไปครับ”

“งั้นถ้าตะวันมาค้างแล้วพ่อละ?” 

“เดี๋ยวพ่อคงไปเจอกันที่ร้านเลยผมให้ที่อยู่ไปแล้ว”

“โอเค”

“นี่วิทอยู่ไหนครับ?” 

"กำลังจะกลับไปที่ร้านนี่เราออกมาเอาใบปลิวนะ เรียบร้อยแล้วตะวันละ?"

"เดี๋ยวผมต้องเข้าประชุมต่อแหละ"

"อ่อ โอเค งั้นเดี๋ยวเรากลับบ้านเราส่งเมสเสจหานะ"

"ครับ" เพราะว่าทั้งสองคนเลิกงานไม่ตรงกัน เช่นในบางครั้งวิทยาก็กลับจากร้านเร็วกว่าเวลาของต้นตะวันเลิกงาน หรือบางทีต้นตะวันก็ไม่ได้ติดงานด่วนอะไรแต่วิทยายังคงหัวหมุนอยู่ที่ร้านเพราะฉะนั้นจากตอนแรกที่ใช้วิธีโทรรายงานกันว่ากลับบ้านหรือยังก็เปลี่ยนเป็นส่งเมสเสจบอกกันแทนไว้อีกฝ่ายว่างค่อยโทรคุยหากัน

"ไม่มีโทรศัพท์ไปแสดงว่าทุกอย่างเรียบร้อยนะ"

"เรียบร้อยครับพี่" วิทยาเดินหอบกล่องใส่ใบปลิวที่มีโปรโมชั่นลดครึ่งราคาที่ใช้สำหรับโปรโมทร้านในอาทิตย์แรกของการเปิดร้านมา 2 กล่องใหญ่ ตอนที่ลงจากแท๊กซี่โชคดีที่"บอส"หนึ่งในพนักงานของวิทยาหันไปเห็นวิทยาหอบลังลงมาพอดีเลยสามารถวิ่งเข้าไปช่วยได้ก่อนที่วิทยาจะโทรตามให้บอสเดินออกมา

"วางไว้ตรงหลังเค้าท์เตอร์เลย"

"ครับพี่" 

อีก 2 วันก็ถึงวันทำบุญร้านแล้ววันนี้วิทยาเลยอยากให้ทุกอย่างเตรียมพร้อมให้เสร็จ วิทยาเดินเข้าไปเช็คไอติมอีกครั้ง ดูส่วนประกอบของไอติมสำหรับรสชาติพิเศษที่เขาตั้งใจจะทำขายในอาทิตย์แรกอีกที พอดูแล้วทุกอย่างพร้อมวิทยาก็เดินหลับมาเช็คตู้ไอติมทางด้านหน้าอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะวิทยาต้องหมุนตัวเดินไปเดินมาในร้านหลายรอบประกอบกับเพิ่งกลับมาจากข้างนอกที่แดดกำลังร้อนจ้าเลยทำให้วิทยารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย 

ในช่วงที่วิทยาจะขยับโต๊ะออกเพื่อที่จะติดโปสเตอร์ใบใหญ่ที่กระจกหน้าร้านเพื่อที่จะโปรโมทการลดครึ่งราคา วิทยาก็เซตัวเอนไปทางด้านหลังจนวิทยาเกือบจะตกลงจากเก้าอี้ โชคดีที่เป็นช่วงจังหวะที่บอสก็ยืนใกล้ๆ แถวนั้นวิทยาเลยไม่ต้องเจ็บตัวล้มลงไปที่พื้นเพราะว่าบอสเดินเข้ามารับตัวของวิทยาทางด้านหลังได้พอดี

"ขอบใจมาก เจ็บไหมประกี้เหมือนพี่เหยียบเท้าเราเลย"

"ไม่โดนครับพี่ ไม่เป็นไรครับๆ"

กริ้ง เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นตอนที่วิทยากำลังพลิกตัวของบอสไปมาเพื่อดูว่าตอนที่เขาล้มลงจากเก้าอี้ลงไปเขาได้ทำให้เด็กในร้านของเขาเจ็บตัวบ้างรึเปล่า 

"ร้านเรายังไม่เปิดครับ อ้าวตะวันมาได้ไง?"

"ทำอะไรกัน?"

"อ่อ พอดีเราตกลงมาแล้วบอสก็เข้ามารับเราไว้พอดี ไม่รู้ว่าน้องเจ็บอะไรบ้าง?"

"อื้ม"

"อ่อบอสนั้นพี่ตะวันเพื่อนพี่เอง"

"สวัสดีครับพี่"

"ครับ" 

"เป็นอะไรรึเปล่า? เหนื่อยมาเหรอ? เดี๋ยวเราไปเอาน้ำมาให้นะ" เพราะว่าต้นตะวันดูสีหน้าไม่ค่อยจะดีบวกกับเสียงที่ดูแข็งๆ ของต้นตะวันวิทยาก็เลยคิดว่าตินตะวันคงอาจจะเหนื่อย
 
"ครับ" 

"เป็นอะไรตะวันคิ้วขมวดเชียว? อะบอส งั้นพี่วานเอาโปสเตอร์ขึ้นไปติดที่ตรงกระจกที" วิทยาเดินเอาน้ำมาให้ต้นตะวันที่โต๊ะอีกตัวที่ติดกับกระจกอีกฝั่งแล้วก็สั่งบอสให้เอาโปสเตอร์ขึ้นไปติดอีกฝั่งด้วย

"ไม่ต้องเดี๋ยวผมทำเอง" อยู่ๆ ต้นตะวันก็ลุกพรวดขึ้นมาจากที่นั่งอยู่ เดินไปคว้าโปสเตอร์นั้นจากมือของบอสแล้วก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อที่จะติดโปสเตอร์นั้นแทน 

บรรยากาศในร้านมีแต่ความอึมขรึมน้องยิ้มพนักงานอีกคนที่ออกไปเอาบอร์ดเมนูที่เพิ่งกลับมาทีหลังยังรู้สึกอึดอัดไปด้วย จนวิทยาทนไม่ไหวพอเก็บของทุกอย่างเสร็จก็เลยบอกให้ทุกคนกลับบ้านไปพอก่อนสำหรับวันนี้ 

"วันนี้จะกลับไปกินข้าวที่บ้านไหมหรือว่าจะไปกินที่บ้านของตะวันดี?"

"บ้านผม" แล้วบทสนทนาบนรถก็เงียบสนิท จนขนาดมาถึงบ้านแล้วต้นตะวันก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาสักคำ

"มีอะไรกันรึเปล่า?" พ่อของต้นตะวันเองก็สังเกตุเห็นถึงความตึงเครียดที่ออกมาจากตัวลูกชายของเขาได้

"ไม่มีครับ" มื้อเย็นผ่านไปด้วยความเงียบพ่อของต้นตะวันขอตัวขึ้นห้องก่อนทันทีที่กินข้าวเสร็จปล่อยให้เด็กสองคนยังนั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร

"ตะวันมีอะไรรึเปล่า? เราเห็นเหมือนอารมณ์จะไม่ดีตั้งแต่ที่ร้านแล้ว" 

"มี วันนี้ผมเห็น เห็นตอนที่เด็กที่ชื่อบอสเข้ามากอดวิททางด้านหลังพอดี"

"กอดอะไรไม่ได้กอด เราจะล้มตกลงมาจากเก้าอี้น้องก็ช่วยเข้ามารับเท่านั้น"

"ท่าที่จะเข้ามารับก็มีตั้งหลายท่าทำไมต้องกอดเอาไว้ทั้งตัวแบบนั้น?"

"ตะวันมันไม่ใช่การกอดเลยนะ" 

"วิทรู้ไหมผมเห็นตั้งแต่ตอนที่เด็กคนนั้นเข้ามากอดทางด้านหลังของวิทแล้ว ผมรีบข้ามถนนเข้ามาให้ถึงร้านให้เร็วที่สุด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมวิทไม่รู้จักระวังตัวและให้เด็กคนนั้นเข้ามาถึงตัวได้มากขนาดนี้วิทลืมไปรึเปล่าว่าที่ทั้งสองคนยืนอยู่นั้นอะมันเป็นร้านที่เต็มไปด้วยกระจกใครมองเข้ามาก็ต้องเห็น"

"แต่เราไม่ได้คิดอะไร"

"ทีหลังก็คิดให้มากกว่านี้สิครับ" 

วิทยาทำตัวไม่ถูกอยู่ๆ ต้นตะวันก็ตวาดเขาแล้วพอตวาดเสร็จต้นตะวันก็ดึงเขาเข้าไปกอด แรงกอดจากต้นตะวันแน่นมาก แน่นจนเหมือนต้นตะวันตั้งใจจะบีบจนกระดูกของวิทยาให้แตกมากกว่าการกอดแบบให้ความรัก

"คืนนี้ค้างนี้นะครับ"

"แต่เรายังไม่ได้บอกแม่เลยว่าเราจะค้าง"

"วิทก็โทรไปบอกสิครับ"

"แต่.."

"นะครับ"

"อื้ม ได้" 

วันเสาร์นี้ทั้งสองคนตื่นตั้งแต่ตี 5 วิทยาลงไปช่วยแม่ของเขาดูของที่จะเอาไปถวายพระ ส่วนต้นตะวันก็ออกไปที่วัดเพื่อที่จะไปรับพระเพื่อไปที่ร้าน ฤกษ์ทำบุญที่ร้านเป็นตอน 9 โมงตรง ต้นตะวันพาพระมาถึงตอนประมาณแปดโมงครึ่งส่วนวิทยามาถึงร้านตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้า พ่อของต้นตะวันมาถึงร้านตอนประมาณ 9 โมงตรงวิทยาเลยได้แค่เข้าไปทักทายเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มพิธี 
วันนี้ทั้งบอสทั้งยิ้มที่เป็นพนักงานที่ร้านทั้งสองคนก็มาช่วยงานบุญนี้ด้วย งานทำบุญร้านวันนี้เป็นงานเล็กๆ มีเพื่อนๆ ของวิทยามาร่วมงานประมาณ 8 คน พนักงานที่ร้านอีก 2 คนแม่ของวิทยาแล้วก็พ่อของต้นตะวัน เพราะฉะนั้นพอทุกคนลงมือช่วยคนละไม้คนละมือไม่เกินบ่ายสองร้านที่ไอติมที่ตอนเช้ากลายสภาพเป็นสถานที่จัดงานบุญก็สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นร้านไอติมที่ชวนน่านั่งได้เหมือนเดิม เมื่อวิทยาเห็นว่ามีหลายคนแล้วที่จัดหน้าร้านเขาเลยเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อไปช่วยบอสร้านจานและเช็ดให้แห้งเขาจะได้เอาพวกจานชามกลับบ้านในวันนี้เลย

เคร้ง เสียงถาดสเตนเลสกระแทกลงกับพื้นกระเบื้องที่ดังจากในห้องครัวนี่เองที่ทำให้วิทยาตกใจจนเกือบทำจานหลุดมือ

"ตะวันตกใจหมดเลย ระวังหน่อยนะพื้นมันคงเปียกเดี๋ยวเราไปเช็ดให้ ยิ้ม ยิ้มไปไหนเอาไว้ถือพื้นมาเช็ดในครัวหน่อยเร็ว" 

"ค่ะพี่"

"วิท กลับบ้านเลยไหมครับ?"

"ไปส่งพระกลับวัดเรียบร้อยแล้วเหรอตะวัน? หิวอะไรไหม? เดี๋ยวเราเอาออกไปให้ไปนั่งรอด้านนอกกก่อน"

"ครับ"

"พี่วิท เพื่อนพี่ที่ชื่อตะวันเขาไม่ชอบผมรึเปล่า?"

"คิดมากนะบอสไม่หรอก แค่่ตะวันเขาเป็นคนเงียบๆ"

"จริงเหรอพี่ ดูเพื่อนพี่เขามองผมสายตาไม่เป็นมิตรเลย"

"คิดไปเองเอารีบๆ เก็บล้างให้เรียบร้อยจะได้กลับไปพักวันจันทร์ต้องมาทำงานแล้วนะ"

"โอเคครับพี่"

วิทยาเดินเอาข้าวออกมาให้ต้นตะวันทางด้านนนอกของร้านพอทุกคนเริ่มทยอยขอตัวกลับวิทยาก็เช็คความเรียบร้อยอีกรอบก่อนที่จะเดินไปสั่งงานกับพนักงานทั้ง 2 ของเขาเกี่ยวกับวันจันทร์ที่จะมาถึง พอวิทยาสั่งงานเสร็จต้นตะวันก็เป็นคนอาสาขับรถไปส่งวิทยากับแม่ของวิทยาที่บ้าน พ่อของต้นตะวันเดินทางกลับไปก่อนล่วงได้สักพักแล้วเพราะต่างคนต่างเอารถมาเลยไม่ต้องรอกลับพร้อมกัน

"วันนี้ขอบคุณตะวันมากเลยนะถ้าไม่ได้ตะวันงานวันนี้คงยุ่งมากกกว่านี้" 

วิทยาเดินอ้อมมาทางประตูของฝั่งคนขับแล้วเคาะกระจกเพื่อให้ต้นตะวันกดกระจกลงเพื่อที่เขาจะได้กล่าวขอบคุณต้นตะวันได้ถนัด ประกี้ในรถเพราะว่าแม่ของวิทยาก็อยู่ด้วยวิทยาก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก

"ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ ว่าแต่ผมต้องการรางวัลเหมือนกันนะ"

"ฟอด" วิทยายื่นหน้าของเขาเข้าไปในรถของต้นตะวันเพื่อที่จะหอมแก้มเพื่อเป็นการขอบคุณและเป็นรางวัลแบบที่ต้นตะวันต้องการ

"เท่านี้เองเหรอครับ?"

"เท่านี้พอแล้ว ไปๆ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะถึงแล้วโทรมาหาด้วย"

"ครับผม"

วันแรกของการเปิดร้านวิทยาไปถึงร้านตั้งแต่ตอนประมาณตี 5 วิทยาเข้าไปก่อนเพื่อที่จะทำไอติมรสพิเศษเฉพาะอาทิตย์นี้ นั้นก็คือรสกีวี่ บอสกับยิ้มมาถึงร้านตอน 6.30 เพราะวันนี้เป็นวันแรกทุกคนเลยมาแต่เช้าเพื่อมาจัดร้านป้องกันการผิดพลาด ร้านไอติมร้านนี้วิทยาตั้งชื่อให้ว่า "SweetTime" โทนของร้านเลยเป็นโทนสีหวาน สีกำแพงของร้านเป็นสีขาวล้วนโต๊ะและเก้าอี้ต่างก็เป็นสีขาว แต่ว่าเบาะที่ใช้รองเก้าอี้เป็นสีฟ้าอ่อน และตู้ไอติมที่ถูกประดับไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปโคนไอติมและถ้วยไอติมก็เป็นโทนสีลูกกวาดทั้งหมด มุมกระจกทางด้านซ้ายของร้านวิทยาทำเป็นมุมที่ใช้เชือกร้อยเอาไว้เพื่อที่จะติดรูปถ่ายของไอติมตามสถานที่ต่างๆ ที่วิทยาเป็นคนถ่ายเองกับมือ ทั้งรูปไอติมเปล่าๆ และรูปคนที่ถือไอติมอยู่ ประตูกระจกหน้าร้านบานทางขวาวิทยาติดโปสเตอร์โปรโมชั่นเอาไว้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นกระจกเปล่าๆ 

"เฮ้ย เจ๋งอะบอส เอาเลยเอาเดี๋ยวพอวาดเสร็จเอาบอร์นี้ขึ้นทางด้านหลังค้าท์เตอร์ได้เลยนะ" 

บอสเป็นคนวาดรูปใส่ในบอร์ดเพื่อเป็นการบอกว่าวันนี้มีไอติมรสไหนเป็นรสพิเศษของอาทิตย์นี้ แล้วบอสก็ไม่ทำให้วิทยาผิดหวังเพราะรูปกีวี่กับรูปไอติมที่อยู่ในบอร์ดนั้นก็สวยสมใจวิทยา
 
"พี่แต่หนูว่าเอาไว้หลังเค้าท์เตอร์คนจะมองเห็นน้อยนะ หนูว่าเอาเก้าอี้มาตัวนึงแล้วเอาบอร์ดอันนี้ตั้งที่ทางด้านข้างของตู้ไอติมไหมคะ?"

"เออ ก็ดียิ้มงั้นพี่ฝากด้วยนะ" เพราะวิทยาอยากให้พนักงานของเขารู้สึกมีส่วนร่วมกับร้านให้มากที่สุดเหมือนที่พี่หว่าเปิดโอกาสให้แก่เขา วิทยาเลยจะไม่ขัดความคิดเห็นของพนักงานถ้าวิทยาเองก็รู้สึกว่ามันเป็นความคิดเห็นที่ดี
 
"พร้อมยังครับคนเก่ง?" ต้นตะวันเมื่อเช้าก็ส่งเมสเสจมาอวยพรให้วิทยาตั้งแต่เช้ามืด แต่กลับเป็นวิทยาเองที่เพิ่งว่างแล้ววางมือโทรกลับไปหาต้นตะวันได้

"พร้อมแล้ว ตื่นเต้นอะตะวันถ้าไม่มีลูกค้าเลยทำไงอะ?"

"ไม่ต้องตื่นเต้นครับมันต้องออกมาดีเชื่อผมนะ"

"อื้ม" 

"เดี๋ยวบ่ายๆ ผมเข้าไปช่วยนะครับ บอกพ่อเอาไว้แล้วว่าขอลาครึ่งวัน"

"แล้วพ่อว่าอะไรไหม?"

"ไม่ว่า แต่เห็นว่าจะหักเงินเดือนวิทเลี้ยงผมด้วยเลย"

"โอเค เดี๋ยวกินไอติมที่เหลือแล้วกันนะ"

"ครับ งั้นผมไปเคลียร์งานก่อนสักบ่ายๆ เจอกัน"

"มากินข้าวที่นี่เลยนะเมื่อเช้าเราทำอาหารเที่ยงมาเพื่อด้วยแล้ว"

"ครับผม"

ช่วงเช้าคนยังไม่เยอะเหมือนกับที่วิทยาคาดเอาไว้แต่แรก แต่พอเข้าช่วงพักเที่ยงไปก็เริ่มมีนักศึกษาแถวนั้นแวะเวียนเข้ามาบ้าง บ้างก็เข้ามาซื้อไอติมแบบโคนเพื่อที่จะถ่ายรูปโดยเฉพาะไม่ได้มานั่งก็เลยทำให้โต๊ะ 6 ชุดที่เขาเตรียมไว้ยังพอหมุนเวียนได้ทัน แต่พอต้นตะวันมาถึงร้านแล้วเอาโปรชัวร์ไปแจกเกี่ยวกับโปรโมชั่นพิเศษของอาทิตย์นี้คนก็ยิ่งหลั่งใหลเข้ามามากขึ้น ทำให้ไอติมรสพิเศษหมดไปตั้งแต่ช่วงบ่าย 3 อยู่ไม่ถึงตอนเย็น

"อีกตั้ง 4 ชั่วโมงกว่าร้านจะปิด ไอติมที่เราทำหมดแล้วที่สั่งมาก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่รส เราคำนวณพลาดจริงๆ"

"วันนี้ถือว่าเป็นวันวัดลูกค้าไงครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำเพิ่ม" ต้นตะวันกับวิทยาแอบหลบมาหลังร้านเพื่อที่จะกินมื้อกลางวันกันเพราะตั้งแต่ช่วงเที่ยงมาร้านก็ยุ่งมาตลอดเพิ่งจะได้มีเวลาพักกินข้าวก็ตอนนี้เอง

"อื้ม งั้นเดี๋ยววันนี้เลิกร้านเราต้องไปซื้อวัตถุดิบมาทำของเพิ่ม แล้วก็ต้องกลับมารอรับไอติมที่สั่งเอาไว้อีกเหนื่อยอ่า" 

"นั่งดีๆ ครับ" 

ด้วยความเคยชินที่ตอนที่วิทยาเหนื่อยทีไรก็พิงอ้อนต้นตะวันเสมอ วิทยาเลยเผลอตัวเอนเข้าไปหาที่ไหล่ของต้นตะวันโดยที่ลืมไปว่าที่นี้มันข้างนอกบ้านแล้วต้นตะวันก็ไม่ชอบที่วิทยาทำอะไรแบบนี้นอกบ้าน ต้นตะวันเบี่ยงตัวออกจากวิทยาเล็กน้อยพร้อมทั้งบอกให้วิทยานั่งดีๆ
 
"ขอโทษเราลืมตัว"

"งั้นเดี๋ยวผมนั่งเฝ้าร้านรอคนมาส่งของให้แล้วกันนะครับเดี๋ยวผมเช็คของให้"

"ขอบคุณครับ" 

วิทยาพยายามข่มใจตัวเองว่าอย่าน้อยใจเพราะต้นตะวันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่แค่ตอนนี้ซักหน่อยในเมื่อเขาตัดสินใจจะคบกับต้นตะวันแล้วเขาก็ต้องรับตรงนี้ให้ได้ แต่ไม่ว่าวิทยาจะพยายามปลอบใจตัวเองเท่าไหร่ก็ตามวิทยาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่โดนปัดออกเหมือนรังเกียจกันแบบนี้แม้จะรู้ว่าต้นตะวันไม่ได้ตั้งใจ

อาทิตย์แรกที่ผ่านไปร้านของวิทยาขายดีอยู่ในระดับที่น่าพอใจมันเป็นอย่างที่วิทยาฝันเอาไว้แม้จะเหนื่อยแต่มันก็คุ้ม วันแรกๆ มีความขรุขระบ้างเพราะว่าวิทยายังเตรียมของไม่พอเท่ากับลูกค้าแต่พอวันเวลาผ่านไปวิทยาก็กะของได้ตรงกับจำนวนลูกค้ามากขึ้น

"เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมว่าผมจะไปรับถังที่สนามบินวิทอยากไปด้วยกันไหม?" 

"ถังจะกลับมาแล้วเหรอ?"

"ครับ เครื่องลงพรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็น"

"อื้มม งั้นเราขอไปด้วยนะ" 

วันที่ต้องไปรับถังที่สนามบินวิทยาแวะเข้าไปที่ร้านเพื่อสั่งงานกับพนักงานในร้านก่อน เขาให้กุญแจสำรองร้านกับเด็กเอาไว้เพื่อว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่ร้านอีก เขาจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาอีกครั้ง ทั้งสองคนมาถึงสนามบินก่อนเวลาประมาณ 20 นาที เครื่องไม่เลทลงตรงเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงถังก็เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า

"หวัดดีพี่ตะวัน ........ พี่วิท"

"หวัดดี" เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกันวิทยายังมีคำถามค้างคาใจกับถังอยู่ ที่มาในวันนี้เขาแค่ต้องการมาถามว่าวันนั้นถังจะพูดให้เขาเข้าใจต้นตะวันผิดทำไม 

"พี่ หิวว๊ะ" 

"เดี๋ยวก็ถึงบ้านแกแล้ว กลับไปกินบ้านไป"

"โห ไม่ไหวอะพี่บนเครื่องผมไม่ได้กินอะไรเลยนะ พอผมแวะกินที่ห้างหน่อยดิ"

"เออๆ ก็ได้" 

ในที่สุดพวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงร้านอาหารไทยในห้างร้านนึงตามที่ถังร้องอยากกิน วิทยารู้สึกขุ่นมัวในใจตั้งแต่ตอนที่ต้นตะวันยอมพาถังมาทานข้าวที่ห้างแล้วเพราะปกติไม่ว่าเขาจะพยายามขยั้นขยอให้ต้นตะวันพาเขาไปกินร้านอาหารที่ไหนก็ตามก็จะต้องโดนปฎิเสธตลอดด้วยเหตุผลที่ว่า "อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ" แล้วร้านนี้ที่พวกเขากำลังจะเดินเข้ามานั่งตอนนี้คนก็ไม่ได้น้อยเสียหน่อย แถมวันนี้ก็วันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย แล้วทำไมต้นตะวันถึงยอมแค่เพียงถังเอ่ยปากบอกว่าหิวเท่านั้นเอง
 
"ตะวันไม่นั่งฝั่งนี้เหรอ?" พอมาถึงโต๊ะที่พนักงานที่ร้านให้นั่งต้นตะวันเดินไปนั่งฝั่งเดียวกับถังแทนที่จะนั่งฝั่งเดียวกับเขา

"ฝั่งไหนก็เหมือนกันแหละครับ"

ในตลอดมื้ออาหารวิทยาแถบจะไม่ได้พูดอะไร วิทยาจะไม่รู้สึกไม่ดีขนาดนี้ถ้าบทสนทนามีแค่เสียงของถังแต่นี่กลายเป็นว่ามีเสียงของต้นตะวันประปนอยู่ในบทสนทนานั้นด้วย วิทยาคิดย้อนกลับไปตอนที่เขาออกมาทานข้าวนอกบ้านกับต้นตะวันน้อยครั้งมากที่ต้นตะวันจะคุยเล่นกับเขาแบบนี้ในร้านอาหาร ถ้ามีการทานอาหารนอกบ้านทุกครั้งจะทานกันแบบเงียบๆ แล้วก็กลับบ้าน แต่ทำไมตอนนี้ต้นตะวันถึงพูดได้ละ แล้วที่วิทยาเฝ้าคิดมาตลอดว่าที่ต้นตะวันไม่พูดคุยระหว่างมื้ออาหารเป็นเพราะต้นตะวันไม่ชอบให้พูดไปกินไปในที่สาธารณะเพราะมันดูไม่ดีมันก็ไม่ใช่นะสิ 

"งั้นเดี๋ยวเราขอตัวกลับร้านก่อนแล้วกัน"

"จะไปยังไงเดี๋ยวผมไปส่ง" 

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับเอง" 

"วิท งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ขึ้นรถ ถังรอที่นี้ก่อนแล้วกัน"

"ครับพี่อย่าทิ้งผมไว้แล้วกันผมยังไม่ได้แลกเงินไทยเลยนะ"

"รู้แล้ว"

ต้นตะวันเดินออกมาส่งวิทยาที่ขึ้นรถหน้าห้างเพราะแค่ดูหน้าของวิทยาต้นตะวันก็รู้แล้วว่าวิทยาต้องกำลังไม่ชอบใจที่มีถังอยู่ตรงนี้แน่นอน ต้นตะวันเลยต้องการคุยกับวิทยาให้รู้เรื่อง ต้นตะวันพาวิทยาเดินมาทางข้างตึกของห้างไม่ได้เดินไปส่งที่ขึ้นรถ

"อย่าเป็นแบบนี้สิวิท" 

"เป็นอะไร ตะวันรู้เหรอว่าเราเป็นอะไร?"

"รู้สิ ผมไม่รู้นะว่าวิทกับถังมีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจกันแต่หน้าวิทออกตั้งแต่เห็นถังเลยว่าไม่ชอบและไม่พอใจ โชคดีที่ถังมันเป็นคนไม่คิดมากก็เลยทำตัวสบายๆ แบบนี้อยู่ได้ วิทอย่าทิฐิมากสิ"

"นี่เราผิด"

"ไม่ใช่ผมไม่ได้ว่าวิทผิดแค่ผมไม่เข้าใจว่านี่ผมก็ไม่ได้แอบมา ผมมาผมก็บอกถ้าไม่อยากมาด้วยจะตามมาทำไม?"

"คิดได้แค่นี้?"

"วิทอย่าพูดเหมือนผมโง่นะ ผมไม่ชอบ"

"เราก็ไม่ชอบ ไม่ชอบอะไรทั้งนั้นแหละก็นี่ไงจะกลับร้านแล้วตะวันก็กลับขึ้นไปดูแลน้องของตะวันเถอะ" วิทยารีบหันตัวออกมาจากตรงนั้นในทันทีเขาไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว มันอึดอัดต้นตะวันไม่เข้าใจ ไม่เคยเข้าใจเขาเลย 

"วิท" 

ต้นตะวันอยากจะเดินเข้าไปดึงมือของวิทเพื่อรั้งมาคุยกันให้เรียบร้อยก่อน แต่ต้นตะวันก็ไม่กล้าที่จะเดินไปจับมือคู่นั้นในสถานที่แบบนี้เวลาแบบนี้ ต้นตะวันก็เลยทำได้แค่ปล่อยให้วิทยาเดินลับไปจากสายตาของเขา

..โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ถึง

คุณ iceman555 เขาคนนั้นกลับมาแล้วค่ะ  :beat:

คุณ wan_sugi จริงงงงคร่าาาา เห็นด้วยยยยยยยย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 16 23/09/16
«ตอบ #43 เมื่อ23-09-2016 13:36:37 »

เฮ้ออออออ  อีถังนี้สร้างความร้าวฉานจริงๆ แต่ตะวันทำไมตามใจอีถังจัง วิทน้อยใจนี้น้อยไปแระ เปลี่ยนพระเอกทันไหมอะ ไม่ชอบตะวันเลย ทำไมถึงไม่กล้าแสดงออกอะไรเลย แต่กับอีเด็กถังทำไมสนิทจัง สรุปความสัมพันธืกะเด็กนี้มันยังไงกันนะ สงสารวิทอะ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 16 23/09/16
«ตอบ #44 เมื่อ27-09-2016 08:57:21 »

บทที่ 17

วิทยาไม่ได้เดินทางกลับไปที่บ้านจากที่ห้างนั้นวิทยากลับไปที่ร้านของเขา ตอนที่วิทยามาถึงร้านก็เป็นช่วงเย็นใกล้ปิดร้านแล้ว วิทยาเลยบอกให้ยิ้มออกไปซื้อกับข้าวมาเดี๋ยวพอสักสองทุ่มตอนที่ปิดร้านจะได้มานั่งกินข้าวเย็นด้วยกันก่อน วิทยารู้ตัวเองดีว่าอารมณ์ของเขายังไม่ดีขึ้นและเขาก็ไม่อยากเอาความไม่สบายใจนี้แบกกลับบ้านไปด้วย วิทยาก็ได้แต่หวังว่าการมาเช็คของให้วุ่นวายมันจะทำให้เขาเหนื่อยและพอเขาเหนื่อนอารมณ์ของเขาจะสามารถเย็นลงได้บ้าง

"มาแล้วค่ะพี่" 

"ไม่ต้องแยกโต๊ะมากินด้วยกันเนี่ยแหละ" 

วิทยากับบอสช่วยกันยกโต๊ะกับเก้าอี้เข้ามาด้านหลังของตู้แช่ไอติมเพื่อเป็นการหลบสายตาของคนเดินผ่านไปผ่านมา ยิ้มแกะกับข้าวใส่จานที่เธอเดินออกไปซื้อมาประมาณ 3 อย่างที่ร้านขายอาหารตามสั่งที่หน้าปากซอย ปกติร้านนี้เป็นร้านประจำของวิทยาแถมวิทยายังเอ่ยปากออกชมมาตลอดว่าแม่ค้าฝีมือดี แต่อาหารมื้อนี้วิทยากลับรู้สึกไม่อยากอาหารเท่าที่ควร วิทยาเลยกินไปไม่กี่คำแล้วก็วางช้อนลง

"พี่รออะไรอยู่รึเปล่าครับ?"

"เปล่าทำไมเหรอ?"

"ก็ผมเห็นพี่มองอกไปที่หน้าร้านตลอดเวลา"

"จริงค่ะ ยิ้มก็เห็น พี่กลัวลูกค้าเข้าใจผิดว่าเราเปิดร้านอยู่เหรอคะ? ไม่ต้องห่วงค่ะพี่หนูกลับป้ายมาเป็น "ปิด" เรียบร้อยแล้วค่ะ" 
"เปล่าไม่มีอะไร" 

จริงๆ แล้วลึกๆ ตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึงร้านจนถึงตอนนี้ วิทยาก็แอบคาดหวังว่าเขาจะเห็นเงาของใครสักคนปรากฎกายขึ้น แต่จนมาถึงตอนนี้แล้วคนที่วิทยาหวังไว้ก็ไม่โผล่มาที่หน้าร้านของเขา วิทยาบอกให้ทั้งยิ้มทั้งบอสกลับไปได้เลยหลังจากกินข้าวเสร็จเดี๋ยวเขาอยู่ล้างจานเช็คสต๊อกที่เหลือเอง ตอนแรกเด็กทั้งสองคนก็อิดออดแต่พอวิทยายังคงยืนยันคำเดิมทั้งสองเลยล่าถอยยอมกลับบ้านไป พอเด็กที่ร้านออกไปหมดวิทยาก็เดินไปล็อคประตูแล้วก็เดินเข้าไปหลังร้านเพื่อที่เช็คของทั้งหมดให้เรียบร้อยตามที่ตั้งใจเอาไว้ แต่แล้วความตั้งใจของวิทยาก็พังลงเมื่อตอนที่เขาเดินเข้าไปหลังร้านแล้วเปิดตู้แช่เย็นวิทยาพยายามนับสต็อกของให้ถูกต้องแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามนับทวนก็ครั้งก็ตามมันก็ไม่ถูกต้องสักที วิทยาเลยตัดใจวางปากกากับสมุดลงแล้วนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทน

กริ้ก เสียงประตูกุญแจหน้าร้านถูกไข วิทยายิ้มออกได้เป็นครั้งแรกของวันเพราะร้านนี้มีเขาแม่และก็ตะวันเท่านั้นที่มีกุญแจร้าน

“ตะวัน อ่อ บอส ว่าไง” รอยยิ้มของวิทยาหุบลงเพราะคนที่เปิดประตูร้านเข้ามาไม่ใช่ต้นตะวันคนที่เขาคิดเอาไว้

“ผมลืมของไว้นะครับเลยกลับมาเอา แล้วก็พอดีวันนี้มีกุญแจสำรองอยู่ยังไม่ได้คืนพี่แล้วก็ไม่แน่ใจว่าพี่กลับไปรึยังผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้ามาเอาของเองเลย”

“ไม่เป็นไรๆ”

“เดี๋ยวพี่กลับบ้านเลยไหมครับ ให้ผมช่วยอะไรไหม?” 

“ไม่ละ งั้นกลับเลยแล้วกัน พี่ไปเปิดไฟเปิดตู้หลังร้านแป้ปนึง” ในเมื่ออยู่ต่อเขาก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างวิทยาเลยตัดสินใจกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอนเลยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“เจอกันอีกทีวันอังคารนะอย่ามาสายละ”

“ครับพี่” วิทยาแยกกับบอสตรงที่ป้ายรถเมล์เพราะว่าป้ายของวิทยาต้องเดินไปขึ้นรถเมล์ที่อยู่อีีกฝั่งของถนน

“เฮ้ย” อยู่ๆ ก็มีมือมาจับแขนของวิทยาเอาไว้แว้บความคิดแรกวิทยาตกใจนึกว่าเขาจะโดนปล้นเสียแล้ว

“ผมเอง ผมไปส่ง”

วิทยาเดินตามต้นตะวันมาที่รถที่จอดอยู่ซึ่งที่จอดรถไม่ไกลจากที่ร้านของเขาเท่าไหร่นัก นั้นก็หมายความว่าต้นตะวันมาอยู่ตรงนี้แล้วก็เดินตามเขาไปที่หน้าปากทาง

“มานานแล้วเหรอ”

“ก็มาถึงก่อนเด็กที่ชื่อบอสได้แป้ปเดียว แต่พอดีบอสเข้าไปที่ร้านก่อนผมก็เลยไม่ได้เข้าไป” แม้ว่าทั้งสองคนจะขึ้นมาอยู่บนรถแล้วแต่ต้นตะวันก็ยังคงไม่ยอมออกรถ ต้นตะวันติดเครื่องยนต์เอาไว้แต่ก็ยังคงนั่งนิ่งๆ ที่หลังพวงมาลัยนั้น

“ผมขอโทษ” 

“ผมไม่รู้ว่าวิทเป็นอะไร แต่ผมก็อยากขอโทษไว้ก่อนอย่างน้อยก็เรื่องที่ผมปล่อยให้วิทกลับร้านมาคนเดียว แต่ที่ผมอยากรู้ที่สุดคือวิทบอกผมได้ไหมว่าวันนี้วิทเป็นอะไรครับ?” ต้นตะวันเอื้อมมือข้างซ้ายมาจับกับมือข้างขวาของวิทยาเอาไว้พร้อมกับมองตาของวิทยาเพื่อสื่อถึงความจริงใจที่เขาอยากที่จะขอโทษ 

“เราไม่ชอบถัง” 

“ผมรู้ว่าถังมันอาจจะทำให้วิทหัวเสียไปบ้างมันยังไม่โตนะวิท มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะพูดเรื่องนี้กับถังให้นะ”

“เรื่องถุงยาง วันนั้นที่โรงแรมตะวันจำได้ไหมที่เราบอกว่าเราเจอถุงยาง”

“ครับ”

“ถังเป็นคนเรียกเราไปดูและถังก็พูดเหมือนกับว่าตะวันมีสิ่งนี้ไว้ใช้ตลอดเวลา มันไม่ใช่แค่เรื่องไม่ชอบหน้ากันตะวันแต่เรามาถังกำลังล้ำเส้น วันนี้ที่เราไปเราก็แค่อยากไปถามว่าทำไมถังถึงต้องทำแบบนี้”

“วิทไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังผมไม่รู้ว่าถังจะเล่นแรงขนาดนี้”

“เล่นเหรอตะวันมั่นใจแค่ไหนว่าถังเล่น”

“คือ”

“เห็นไหมขนาดตะวันสนิทกับถังตะวันยังไม่รู้เรื่องว่าเขาทำไปทำไมเราถึงได้อยากถามกับเจ้าตัว”

“เอาอย่างนี้ให้ผมเรียกถังมาคุยไหม เรานัดเจอกัน”

“ได้”

“งั้นเรื่องวันนี้วิทหายโกรธผมแล้วนะ”

“ไม่เคยพูดสักหน่อยว่าโกรธ” แม้ว่าตอนนี้ต้นตะวันจะออกรถเพื่อไปส่งวิทยาที่บ้านแล้วก็ตามแต่ตลอดเส้นทางนั้นต้นตะวันนั้นก็ยังไม่ได้ปล่อยมือของวิทยาออกเลยจนมาถึงที่หมาย

“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”

“เต็มใจครับแฟนทั้งคนเนอะจะไม่สนใจได้ไง”

“เลี่ยนเนอะ จะเขาบ้านก่อนไหมหรือว่าจะกลับบ้านเลย?” 

“ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า ฝากสวัสดีแม่ด้วยครับ”

“โอเค ขับรถกลับดีๆ นะ ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย”

“ครับผม” 

วันนี้เป็นวันหยุดแรกของวิทยาหลังจากที่เปิดร้านมา วิทยาเลยออกไปที่ห้างเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวที่ตอนนี้ก็เริ่มมีบางอย่างที่หมดไปแล้ว เช่นแชมพูที่เมื่อเช้าเขาถึงขนาดต้องไปเอาของแม่มาใช้แก้ขัดไปก่อน พอมาถึงโซนของสด วิทยาก็รู้สึกอยากทำอาหารให้ต้นตะวันกินเพราะนี้มันก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้ต้นตะวันกินเลย วิทยาเลือกเมนูแรกที่เขาเคยทำให้ต้นตะวันกินนั้นคือ ข้าวผัด แต่ด้วยที่วัตดุที่มีให้เลือกมากกว่าตอนที่เขาไปเที่ยวที่ห้องของต้นตะวันในครั้งนั้นวิทยาเลยเลือกทำเป็นข้าวผัดรวมมิตร

“งั้นสรุปเย็นนี้เดี๋ยวตะวันมาหาเราที่บ้านใช่ไหม?” วิทยากำลังนั่งแท๊กซี่กลับบ้านระหว่างทางเขายกหูโทรศัพท์โทรหาต้นตะวันว่าเดี๋ยวเย็นนี้เขาแวะเอาข้าวเย็นไปให้ที่บ้าน แต่ต้นตะวันก็ยังคงยืนยันว่าจะมาทานเองที่บ้านของวิทยาเพราะว่าไม่อยากให้วิทยาต้องนั่งแท๊กซี่ไปมา 

“อร่อยมากเลยครับ”

ไม่รู้ว่าต้นตะวันไปอดข้าวมื้อกลางวันมาเพิ่มด้วยรึเปล่าพอเข้ามาถึงในบ้านของวิทยาได้ต้นตะวันก็รีบพุ่งตรงเข้าไปในครัวแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลา พออาหารยกมาเสริ์ฟที่โต๊ะก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเอาแต่กินๆ จนแม่ของวิทยายังต้องเอ่ยปากถามว่าต้องให้วิทยาไปทำเพิ่มเอาไว้เลยไหม นั้นแหละต้นตะวันถึงได้เริ่มกินช้าลง

“นี่ไม่ได้ไปอดยากจากที่ไหนมา?” วิทยาเอามือลูบหัวของต้นตะวันที่ตอนนี้นอนอยู่ที่ตักของเขา

“ไม่อดอยาก แต่มันดีใจและคิดถึงฝีมือวิทก็เลยต้องตักตวงให้เต็มที่” ต้นตะวันดึงมือของวิทยาขึ้นมาคลึงเล่น

“ผมน่าจะมีเสื้อผ้าที่นี่บ้าง อย่างวันนี้พออิ่มแล้วก็ไม่อยากกลับ” ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนเตียงของวิทยา มันเลยยิ่งทำให้ต้นตะวันไม่อยากที่จะลุกขึ้นเพื่อที่จะตรียมตัวกลับบ้านเลยสักนิด

“เอาสิ วันไหนมาอีก็เอามาทิ้งเอาไว้ก็ได้”

“ครับ” เวลาผ่านไปจนสามทุ่มกว่าแล้วต้นตะวันเลยต้องบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน พอหลังจากต้นตะวันลาแม่ของวิทยาเรียบร้อย วิทยาก็เดินมาส่งต้นตะวันที่รถที่จอดอยู่ที่หน้าบ้านของวิทยา

“วันศุกร์นี้ถังจะไปกินข้าวที่บ้านผม” 

“ผมอยากให้วิทไปด้วย ผมคงไม่ได้บอกถังล่วงหน้าว่าวิทจะไปเพราะถ้าถังตั้งใจมีเจตนาที่ไม่ดีจริงๆ ถังคงเปลี่ยนใจไม่มาแล้วเรื่องที่่วิทกังวลใจอยู่มันก็จะไม่มีคำตอบ”

“ขอบคุณนะตะวัน”

“แล้วเจอกันวันศุกร์ครับ”

เวลาที่รอคอยมักจะผ่านไปช้าเสมอวิทยาเพิ่งจะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดีก็ตอนนี้นี่เอง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ว่าวิทยาจะทำงานเยอะ ร้านจะยุ่งมากแค่ไหนแต่ในความรู้สึกของวิทยาดูเหมือนวันศุกร์มันจะมาไม่ถึงเร็วดั่งใจสักทีี 
แต่แล้วในที่สุดวันศุกร์ที่วิทยารอคอยก็มาถึง วิทยาออกจากร้านก่อนเวลาเพื่อไปให้ทันมื้อเย็นที่บ้านของต้นตะวัน มื้อเย็นผ่านไปแล้วอย่างเรียบง่าย ก็มาถึงขั้นตอนการเคลียร์ปัญหา ต้นตะวันเดินนำขึ้นไปที่ห้องของตัวเองก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามขึ้นมา
 
“ผมไม่เห็นรู้เลยว่าพี่วิทเขาจะมาด้วย”

“ถังพี่วิทเขามีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

“แต่ผมไม่มี”

“ถัง”

“แต่...ผมไม่มี”

“วันนั้นถังเอาถุงยางในห้องมาโชว์แล้วพูดว่าเป็นเหมือนของตะวัน”

“ผมเปล่า”

“ถังพูด”

“พี่ตะวันผมเปล่านะ ผมจะพูดทำไมมันเกลียดผมพี่ก็รู้มันพยายามทำให้พี่เกลียดผมตาม” ถังเดินเข้าไปใกล้ต้นตะวันมากกว่าเดิมแต่ต้นตะวันก็ถอยหลังออกมาเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้

“ถังพูดดีๆ อย่าเรียกพี่เขาว่ามัน”

“ทำไมพี่ปกป้องมันทำไม? พี่สนิทกับมันมากกว่าผมอีกเหรอไง?”

“ถังขอโทษวิทเขาเดี๋ยวนี้”

“ไม่ พี่ไปปกป้องมัน มันรู้นิสัยที่แม้จริงของพี่รึเปล่า? น้ำหน้าอย่างมันพี่คิดว่าถ้ารู้มันจะยังอยู่ตรงนี้กับพี่เหรอ?”

“อะไรอะตะวัน?”

“เห็นไหมมันก็ไม่รู้ แล้วแบบนี้เหรอที่พี่จะไปสนิทกับมันมากกว่าผม เดี๋ยวแม่งก็ต้องทิ้งพี่ไปเหมือนคนอื่นๆ อย่างที่ผ่านมา”

“ถังกูบอกให้หยุด”

“ทำไมกลัวมันรับไม่ได้รึไง”

“กูบอกให้หยุด” 

“ผมไม่หยุด นี่มึงอยากรู้ไหมว่านิสัยที่แท้จริงของพี่ตะวันเป็นยังไงที่มึงอยากสนิทด้วยเป็นยังไง พี่เขา...” 

ผลัก วิทยายืนงงมาตลอดการสนทนาที่เกิดขึ้นนี่มันเรื่องอะไรกันเขาไม่ได้มาในวันนี้เพื่อเตรียมใจกับเรื่องแบบนี้ เพราะฉะนั้นแม้ว่าวิทยาจะเห็นในช่วงที่ต้นตะวันกำลังจะเดินเข้าไปต่อยถังวิทยาก็เดินเข้าไปห้ามเอาไว้ไม่ทัน และทันทีที่เสียงหมัดของต้นตะวันที่กระทบลงบนแก้มของถังเงียบลงทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่มีเสียงวุ่นวายมาตลอดสิบนาทีที่ผ่านมา

“กลับไปถัง”

“....“ น่าแปลกที่คราวนี้ถังไม่แม้จะเอ่ยปากเถียงอะไรออกมา ถังหมุนตัวเดินออกจากห้องไปเงียบๆ สำหรับวิทยาเขาเองก็ยังยืนอยู่ที่เดิมยังไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวไปไหน โหมดนี้ของต้นตะวันเป็นครั้งแรกที่วิทยาได้เห็น

“ผมขอโทษตกใจเหรอครับ?”

“อะ อื้อ นิดหน่อย” วิทยาได้สติกลับมาอีกครั้งจากเสียงของต้นตะวัน วิทยาเดินเข้าไปหาต้นตะวันเพื่อดูมือข้างที่ใช้ต่อยถัง

“ทำไมต้องถึงขนาดต่อยกัน มันมีเรื่องอะไรเหรอ?”

“...“

“มันมีเรื่องอะไรที่เรายังไม่รู้อีกใช่ไหม?”

“ครับ”

“แล้วตะวันพอจะเล่าให้เราฟังได้ไหม?” ต้นตะวันไม่ได้ตอบว่าจะเล่าหรือไม่วิทยาก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ วิทยาแค่นั่งนวดมือให้ต้นตะวันนั่งอยู่ข้างๆ กันที่ตรงข้างเตียงมองออกไปที่นอกหน้าต่างข้างกันเพียงเท่านั้น วิทยาก็ไม่รู้ว่าทั้งเขาและต้นตะวันนั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ แต่ในที่สุดต้นตะวันก็ตัดสินใจเอ่ยปากออกมา

“วิทอยากฟังนิทานไหม?” 

“ถ้าตะวันอยากเล่าเราก็อยากฟัง”

“มีเด็กผู้ชายคนนึงตอนเขาอยู่สักมัธยมต้นได้ เด็กคนนี้เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขามองเพื่อนเพศเดียวกันมากกว่าเพื่อนและเขาก็ไม่มีความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนกับเพศตรงข้าม คนที่ทำให้เด็กคนนี้รู้ตัวว่าเขาชอบเพศเดียวกันคนนั้นอยู่คนละห้อง เด็กคนนี้ก็เลยต้องไปดักเพื่อที่จะรอพบ รอเจอกับเพื่อนคนนี้ทุกวันตอนก่อนเข้าแถว ตอนพักกลางวันรวมไปถึงตอนเลิกเรียน”

“อะหะ”

“แล้วความเพียรพยายามของเด็กคนนั้นก็สำเร็จ ในที่สุด คนที่เขาแอบมองก็ตอบรับความในใจของเด็กผู้ชายคนนั้นแล้วเขาก็ตกลงคบกัน”

“อะหะ”

“เรื่องที่ทั้งคู่คบกันไม่มีใครรู้ มีแค่เขาสองคนที่รู้ และมีข้อตกลงอันนึงเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสอง คือเรื่องนี้จะต้องไม่หลุดไปถึงหูของคนอื่น จากมัธยมต้นคนทั้งคู่ก็รักกันจนมาถึงมัธยมปลาย เด็กคนนั้นก็พยายามรักษาคำพูดไม่บอกใครไม่แสดงออกเช่นคนรักกัน”

จบจากประโยคนี้ต้นตะวันเงียบไปสักอึดใจ มันไม่ได้เป็นความเงียบที่อึดอัดแต่มันเป็นความเงียบที่กำลังรวบรวมกำลังใจในการเล่าต่อ วิทยาเอื้อมมื้อไปบีบมือของต้นตะวันเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเป็นการบอกให้รับรู้ว่าเขาฟังอยู่ตรงนี้

“แต่แล้ว เรื่องมันก็ไม่เป็นดั่งที่คาดเอาไว้ แฟนของเด็กคนนั้นเกิดล้มในชั่งโมงพละ มีคนบอกว่าเจ็บหนัก เด็กคนนั้นพอรู้ข่าวก็รีบวิ่งไปที่ห้องพยาบาล วิ่งไปด้วยความเป็นห่วง พอเปิดประตูห้องเข้าไป เดินไปที่เตียงเพื่อดูอาการ เด็กคนนั้นก็รีบโผกอดแฟนคนนั้นของเขาเอาไว้ โชคไม่ดีเลยที่บังเอิญมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็มาเห็นภาพนั้นเข้าเช่นกัน”

“เรื่องราวของเด็กคนนั้นกับแฟนของเขาถูกเอาไปเล่าต่อจนเป็นที่รู้ของระดับชั้น เพื่อนหลายคนต่างล้อด้วยความสนุกสนานบางทีก็เอาช้อคมาเขียนที่โต๊ะของเด็กคนนั้นและแฟนว่าไอ้ตุ้ดบางทีก็มีพวกขนมถั่วดำมาวางอยู่บนโต๊ะ หรือบางทีก็ตะโกนล้อ”

พอต้นตะวันเล่ามาถึงตรงนี้วิทยาก็รู้สึกถึงแรงบีบที่มือของเขาที่แรงมากขึ้น วิทยาเลยเอื้อมมืออีกข้างขึ้นตบปลอบลงไปเหนือของมือข้างนั้น 

“เรื่องมันดูลุกลามมากขึ้น ด้วยความใจร้อนของเด็กคนนั้นพอเจอตัวการที่คอยล้อคอยแกล้งก็พร้อมที่จะเข้าไปมีเรื่องจนเรื่องพวกนี้ถึงหูของคุณครู”

“ครูเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกับผู้ปกครองของเด็กทั้งคู่แต่ตอนนั้นทั้งสองคนก็ได้แต่ปฎิเสธว่าไม่เป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องล้อกันเล่น และในช่วงเย็นของวันนั้นเด็กทั้งสองคนก็ทะเลาะกันหนักมากกว่าเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าเด็กคนนั้นไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนของเขาได้ที่เคยบอกว่าจะดูแลอย่างดี”

“เด็กผู้ชายคนนั้นเฝ้าตามขอโทษและสัญญาว่าจะระวังตัวให้มากขึ้น ขอโอกาสอีกสักครั้ง มันช่างน่าดีใจมากที่แฟนหนุ่มของเด็กคนนั้นยอมตกลง แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นแค่จะทักทายตอนจะเจอหน้ากันตามที่สาธารณะยังทำไม่ได้”

“อื้ม”

“เรื่องมันไม่จบเพียงแค่นั้นเด็กคนนั้นยังทำไม่ได้ดีมากพอ เขาไม่สามารถปกป้องแฟนของเขาได้ทำให้แฟนของเขาถูกล้ออย่างหนักจนทนไม่ไหว แฟนของเขากลายเป็นโรคซึมเศร้าและในที่สุดแฟนของเด็กคนนั้นก็ลาออกจากโรงเรียนไป เด็กคนนั้นรู้สึกผิดมาตลอดเวลา เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดมันเกิดเพราะความไม่ระวังตัวของเขาเองเพราะเด็กคนนั้นเป็นคนเปิดเผยจนทำให้เขาทั้งสองคนเป็นตัวประหลาด”

“ตะวัน...”

“และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเด็กคนนั้นก็ไม่กล้าแสดงออกอะไรแบบนี้กับแฟนต่อที่สาธารณะอีกเลย”

“น่าแปลกที่ความเป็นตัวประหลาดมันไม่ได้จบแค่ตรงนั้นมันยังคงตามมาหลอกหลอนถึงตอนนี้ แค่จะจับมือแขนในห้างผมยังทำไม่ได้เลยแค่จะคุยกันให้ปกติในร้านอาหารคนประหลาดอย่างผมยังทำไม่ได้เลย” ต้นตะวันกัดกรามของตัวเองเอาไว้แน่นตอนที่เขาเล่าเรื่องนี้ให้แก่วิทยาฟัง
 
“เราจะต้องผ่านมันไปด้วยกัน” วิทยาคลายมือที่กำอยู่เอาไว้ ตอนที่วิทยาดึงมือออกมาจากต้นตะวัน ต้นตะวันก็ไม่ยอมปล่อยเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยไปแล้ววิทยาตรงหน้าคนนี้ก็จะหายไปจากเขาอีกคน แต่วิทยาก็หันไปมองต้นตะวันพร้อมกับยิ้มให้ และรอยยิ้มนี้ก็เคยเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ต้นตะวันเปิดใจอยากลองคบกับวิทยาดูสักครั้งและนั้นก็ทำให้ต้นตะวันยอมปล่อยมือของวิทยาออกตามที่วิทยาต้องการ วิทยาค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นไปกุมที่แก้มของต้นตะวันเอาไว้ วิทยาจุมพิตที่หน้าผากของต้นตะวันเพียงเบาๆ หนึ่งที

“ต่อจากนี้เด็กคนนั้นจะไม่เป็นตัวประหลาดคนเดียวอีกแล้วเราสัญญา”

“วิท ผม”

“ชู่ ยังไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ไปล้างหน้าล้างตาไปร้องไห้หมดแล้วเนี่ยไม่หล่อเลย” 

“แต่”

“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวคืนนี้เราค้างด้วยตะวันไปอาบน้ำก่อนไปเดี๋ยวเราขอบอกแม่ก่อน”

“ครับ”

คืนนี้เป็นคืนแรกที่วิทยานอนกอดต้นตะวันเอาไว้ ปกติแล้วจะเป็นวิทยาที่นอนขดอยู่ในอ้อมแขนของต้นตะวันเสียมากกว่า ตะวันจะรู้สึกดีและสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมที่เขาได้สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แก่วิทยาฟัง อย่างน้อยเขาเองก็หวังเอาไว้ว่าต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ต้องเห็นแววตาที่ผิดหวังของวิทยาอีก ตอนที่เขาไม่ยอมสัมผัสวิทยาตามสถานที่ต่างๆ ไม่พูดคุยกันตอนที่อยู่ด้านนอกของบ้าน 

แต่ถ้าต้นตะวันสามารถอ่านความคิดของวิทยาได้ก็คงจะดี เพราะตอนนี้ในหัวของวิทยากลับเต็มไปด้วยคำว่าต้องแก้ไข ไม่ใช่ว่าต้องยอมรับและเพิกเฉยอย่างที่ต้นตะวันอยากให้เป็น วิทยาต้องการให้ต้นตะวันหลุดพ้นการโทษตัวเองและการพูดคุยการถูกตัวกันบ้างตามที่สาธารณะวิทยาต้องการให้ต้นตะวันรู้ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร วิทยาต้องการให้ต้นตะวันเป็นคนที่มีความสุขและเป็นตัวของตัวเองทั้งนอกบ้านในบ้านอีกครั้ง น่าเสียดายที่ทั้งคู่เอาแต่คิดไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน..

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ถึง

คุณ iceman555 อย่าเพิ่งเปลี่ยนพระเอกเลยครับ ผมหล่อ ใจดี มือถือถ่ายรูปได้นะครับ (ฮาาา) // ต้นตะวันถึงขนาดต้องมาขอร้องด้วยตัวเอง  :call:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 17 27/09/16
«ตอบ #45 เมื่อ27-09-2016 10:13:10 »

วิทนี่เป็นคุณแฟนในอุดมคติจริงๆ เก่ง ฉลาด เป็นตัวของตัว มีเหตุผล รักมั่นคง
ชายตามองคนข้างๆ เฮ้อ.... ยังต้องมาเป็นที่ปรึกษา ช่วยแก้ไขปัญหาให้เขาอีก เสียสละซะไม่มี
เอามาทำไมนะ ผู้ชายแบบนี้ #กรอกตามองบน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 17 27/09/16
«ตอบ #46 เมื่อ27-09-2016 12:57:07 »

เฮ้อออ อีตะวันนิปัญหาเยอะจริง อิออิ วิทต้องคอยแก้ปัญหาให้ตามเคย  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 17 27/09/16
«ตอบ #47 เมื่อ03-10-2016 13:29:19 »

บทที่ 18

หลังจากที่ต้นตะวันเปิดใจเล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเขาในวัยเด็กให้วิทยาฟังก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ต้นตะวันจึงเริ่มเล่าถึงผลที่ตามมาจากเหตุการ์ณในครั้งนั้นให้วิทยาได้ฟังซึ่งมันนับเป็นครั้งแรกของต้นตะวันเช่นกันที่เล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะแม้กระทั่งพี่หว่าพี่ที่รู้เรื่องของเขาก็ยังคงไม่ได้รู้เรื่องมากขนาดนี้

"วันนี้ไปกินซิลเล่อร์กันได้ไหม ? เราอยากกินมากเลย"

วิทยาคิดมาตลอดตั้งแต่วันนั้นว่าเขาสมควรจะช่วยต้นตะวันอย่างไรและพอยิ่งได้ฟังมากเท่าไหร่ วิทยาก็ยิ่งอยากจะหาทางช่วยต้นตะวันมากเท่านั้น
 
วิทยาคิดอยู่หลากหลายวิธีและก็คิดได้ว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ต้องให้ต้นตะวันได้เห็นด้วยตัวเองว่าก็ยังมีสังคมที่ไม่ได้มองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเลวร้าย

"ได้สิให้ผมไปรับไหมหรือว่ายังไงดี?"

"ย้อนไปย้อนมา เดี๋ยวไปเจอกันที่ห้างเลยแล้วกัน"

"โอเคครับ"

วิทยาตั้งใจมาถึงก่อนต้นตะวันเพราะเขาต้องการเป็นคนเลือกที่นั่ง ที่วิทยาเลือกร้านนี้เพราะวิทยามั่นใจว่าพนักงานของร้านจะไม่มายุ่งที่โต๊ะมากเหมือนร้านอื่นๆ แค่เอาจานหลักกับน้ำมาเสริ์ฟให้นอกนั้นก็เป็นลูกค้าที่ต้องเป็นคนเดินไปตักมากินเอง
 
วิทยาเลือกโต๊ะที่เข้าไปทางด้านในของร้านไม่ติดกระจกและไม่ติดกับตรงสลัดบาร์มากนัก เพราะแม้วิทยาจะอยากเปลี่ยนแปลงต้นตะวันแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็อยากใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป 

"ตะวันเดินไปตักสลัดให้เราหน่อยได้ไหม? เราปวดขามาก วันนี้ลูกค้าเยอะมากเดินเหมือนวิ่ง"

"อื้ม" 

"ตะวันมันมีอะไรบ้างที่สลัดบาร์? เราจำไม่ได้"

แม้ว่าแรกๆ ต้นตะวันจะรู้สึกไม่สะดวกใจที่ต้องคอยเดินไปถ่ายรูปที่บาร์มาให้ว่ามีอะไรบ้างเพื่อให้วิทยาได้เลือก แต่จะให้ต้นตะวันปฎิเสธวิทยาต้นตะวันก็ทำไม่ได้ ก็เลยต้องยอมเดินไปที่สลัดบาร์เพื่อไปถ่ายรูปแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อให้วิทยาเลือก แถมพอหมดรอบแรกก็ต้องมีรอบสองและรอบสามเพิ่มขึ้น

แรกๆ ต้นตะวันก็วางมือถือเอาไว้ที่โต๊ะเพื่อให้วิทยามองดูภาพถ่ายเอง แต่พอเดินหลายรอบเข้า ก็กลับกลายเป็นว่าต้นตะวันเป็นคนที่ถือมือถือเอาไว้แล้วให้วิทยาเป็นคนจิ้มเลือกจากหน้าจอโทรศัพท์ของเขาเอง

"ขอบคุณนะ" 

วิทยายิ้มขอบคุณตอนที่ต้นตะวันยื่นชุดสลัดบาร์ลงมาวางที่ตรงหน้าของเขา และเพราะรอยยิ้มที่ต้นตะวันได้รับ ที่ทำให้ต้นตะวันรู้สึกคุ้มค่าที่เขาต้องฝืนตัวเองมาตลอดเกือบ 15 นาทีที่ผ่านมา

"อิ่มยัง?"
 
ตลอดเวลาของมื้ออาหารวิทยาพยายามชวนต้นตะวันคุยไม่คอยนั่งเงียบเหมือนที่ผ่านมา วิทยาพยายามเลือกหัวข้อการคุยที่ให้ต้นตะวันสามารถใช้คำตอบเพียงแค่คำสั้นๆ  อย่างเช่น วันนี้ประชุมเหนื่อยไหม กินข้าวกลางวันกับอะไร และวิทยาเองก็พยายามควบคุมโทนเสียงการคุยให้เบาพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน

"อิ่มแล้วครับ"

"วันนี้ตะวันต้องรีบกลับไหม?"
 
"ไม่ครับ"

"เราอยากซื้อเสื้อใหม่สักตัวสองตัว ไหนๆ ก็มาห้างแล้วไม่อยากกลับบ้านมือเปล่า"

"เอาสิ"

แต่ที่ผิดคาดคือวิทยาไม่ได้เดินตรงไปที่แผนกเสื้อในตัวห้าง แต่กลับพาต้นตะวันเดินข้ามไปอีกฝั่งของห้างที่เป็นลานกว้างๆ และมีร้านเสื้อหลายๆ ร้านเปิดรวมตัวกันอยู่

"ตัวนี้สวยไหม?" 

"อื้ม" 

วิทยาพาต้นตะวันเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ พยายามให้ต้นตะวันมีส่วนเลือกในการเลือกเสื้อ ช่วงร้านแรกๆ ต้นตะวันก็ไม่ยอมเดินเข้ามาในร้านด้วยกันบอกขอรออยู่ที่หน้าร้าน แต่อาจจะด้วยยิ่งเดินนานก็ยิ่งร้อนและบางร้านวิทยาก็ใช้เวลาอยู่ในร้านนาน ทำให้ต้นตะวันต้องเดินเข้ามาตามแล้วก็จบที่เลือกเสื้อให้กับวิทยา

"ขับรถกลับดีๆ นะ"

"ครับ พักผ่อนนะแล้วก่อนนอนวิทก็เอาขาขึ้นพาดกับกำแพงสิจะได้ดีขึ้น"

"โอเคครับ" 

วิทยาเอื้อมมือไปหยิกแก้มต้นตะวันเล่นและกำลังจะหันตัวกลับไปเปิดประตูรถแต่แล้วต้นตะวันก็ดึงให้วิทยาหันกลับมา 

"จุ้บ" เป็นเพียงการแตะริมฝีปากลงเบาๆ บนริมฝีปากของเขาเพียงเท่านั้นแต่วิทยากลับรู้สึกเขินเหมือนกับต้นตะวันกำลังจูบเขาอย่างลึกซึ้ง

"ฝันดีครับ"


"อื้ม ฝันดี" 

วิทยาพยายามชวนต้นตะวันออกไปข้างนอกกับเขาบ่อยขึ้น จากชีวิตของเขาสองคนที่เจอกันอยู่แค่ที่ร้านของวิทยาหรือที่บ้านของเขาทั้งสอง ก็เริ่มมีห้าง ร้านอาหาร และก็สวนสาธารณะ 

"วันนี้ก่อนกลับบ้านแวะซุปเปอร์ได้ไหมมันมีของที่ร้านหมดแล้วเราลืมสั่ง"

"ได้สิครับ"

ซุปเปอร์ที่ต้นตะวันกับวิทยามาเป็นซุปเปอร์ที่ไม่ได้ใหญ่มากและด้วยมันเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะมืดแล้วก็เลยยิ่งทำให้คนบางตา
 
"ไปโซนผลไม้กัน" 

วิทยาแตะที่หลังของต้นตะวันเพื่อที่จะบอกว่าเขาต้องการเดินไปที่มุมไหน ทันทีที่มือของวิทยาโดนที่หลังของต้นตะวัน ต้นตะวันก็เกร็งตัวทันที ต้นตะวันหันกลับไปมองหน้าของวิทยาแต่ก็ดูเหมือนว่าวิทยาจะลืมตัวต้นตะวันเลยไม่ได้พูดอะไร

"มะม่วงลูกไหนจะหวานกว่ากัน?"

"ผมเลือกไม่เป็น"

มันเป็นคำตอบที่วิทยาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาจะได้รับ เขาก็ไม่ได้หวังให้คนไม่เคยเข้าครัวมาช่วยเลือกสักหน่อย เขาก็แค่อยากจะให้มีการพูดคุย แต่พอเขากลับไปเห็นหน้าตาเคร่งเครียดของต้นตะวันที่กำลังมองดูกลุ่มมะม่วงอย่างจริงจังว่าลูกไหนจะหวาน วิทยาก็เลยหลุดยิ้มออกมา

"ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้" วิทยาตบลงที่บ่าของต้นตะวันเพียงเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ

"ผมไปรอที่รถนะ" 

แต่แล้วต้นตะวันกลับเบี่ยงตัวออกแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้น ในตอนแรกต้นตะวันไม่เข้าใจว่าวิทยากำลังจะทำอะไรเขาได้บอกเรื่องราวไปหมดแล้วแต่ทำไมวิทยากำลังทำตัวเหมือนไม่เคยได้ฟังอะไรจากเขา ก่อนหน้าที่เขาจะเล่าวิทยายังเหมือนเข้าใจเขามากกว่านี้เสียอีก 

ต้นตะวันเดินมารอวิทยาที่รถ ส่วนนึงเขาต้องการที่จะปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงและเพื่อคิดทบทวนให้มากกว่านี้ และต้นตะวันก็คิดได้ว่าการที่เขาเบี่ยงตัวออกจากมือของวิทยา มันต้องไม่ใช่เขาฝ่ายเดียวแน่ที่รู้สึกไม่ดีวิทยาเองก็ต้องรู้สึกไม่ดีเช่นกัน ยิ่งคิดต้นตะวันก็ยิ่งโมโหตัวเอง ทำไมเขาต้องมาเป็นอะไรแบบนี้ด้วย

"ตะวัน" 

วิทยาเปิดประตูรถเข้ามานั่งที่ฝั่งคนขับเป็นที่เรียบร้อย เขากำลังจะเอ่ยปากขอโทษกับต้นตะวันที่เขาทำอะไรแบบนั้นลงไป แต่เป็นต้นตะวันที่พูดขัดขึ้นมาก่อน

"ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเหมือนรังเกียจกัน"

"อื้ม" 

วิทยาเอื้อมมือไปจับมือกับต้นตะวันบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจและก็ยิ้มให้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้โกรธต้นตะวันจริงๆ 

"ตะวัน ตะวันโกรธไหมที่เราทำแบบนี้"

"ไม่โกรธครับ แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าวิททำแบบนี้ทำไมวิทก็รู้ว่า.."

"ใช่เรารู้" วิทยาสูดลมหายใจเข้าก่อนที่จะพูดต่อ

"เรารู้และเราก็อยากทำให้มันดีขึ้น"

"แต่.."

"ฟังเราให้จบก่อน เราอยากมีความสุขกับตะวันในทุกๆ ที่ที่เราไป เราไม่อยากมีความสุขแค่ที่บ้านหรือที่หลังร้าน"

"ตะวันหลายวันที่ผ่านมาตะวันไม่รู้สึกดีเหรอเวลาที่เราได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ได้เลือกเสื้อผ้าได้เลือกของให้อีกฝ่ายได้ใช้"

"ผมรู้สึกดี"

"และเราก็ต้องการให้เราทั้งสองคนรู้สึกดีแบบนั้นตลอดไป ตะวันไม่มีใครสนใจเราสองคนหรอก และเราสองคนก็ไม่ได้ทำอะไรที่น่าเกลียดด้วยจริงไหม?"

"......." 

วิทยาไม่ได้เร่งเอาคำตอบเขาต้องการให้ต้นตะวันได้คิด แล้วถ้าเกิดต้นตะวันได้คิดแล้วและคิดว่ามันไม่ดีและไม่อยากทำ วิทยาคิดว่าเขาเองก็อาจจะหยุด เพราะไม่ว่าต้นตะวันจะเป็นยังไงเขาก็ยังรักต้นตะวัน ถ้าเกิดต้นตะวันเปลี่ยนไม่ได้เขาก็จะไม่บังคับ

"ผมอยากพยายามดู"

"หื้ม?"

"หลายวันที่ผ่านมาผมมีความสุข ผมชอบที่ได้กินข้าวนอกบ้านได้คุยกัน แม้จะไม่ชินแต่ผมก็อยากลอง" 

มันไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากลองหรือไม่ แต่สิ่งที่ต้นตะวันคิดเขาแค่อยากเห็นวิทยามีความสุข เขาอยากเห็นรอยยิ้มของวิทยาที่มีให้กับเขา และรอยยิ้มนี้เขาก็อยากให้วิทยายิ้มให้เขาในทุกที่ไม่ใช่แค่ที่บ้านเพียงเท่านั้น

"งั้นเรามาพยายามด้วยกันเนอะ"

"ครับ"

วันนี้มีตลาดนัดตอนเย็นแถวร้านของวิทยา ก่อนกลับบ้านวิทยาเลยชวนต้นตะวันไปเดินตลาดเล่น อาจจะเป็นเพราะว่าตลาดนั้นตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยทำให้มีคนเดินตลาดเยอะเป็นพิเศษ วิทยาเกือบถอดใจกลับไม่เดินแต่กลายเป็นต้นตะวันเสียเองที่บอกให้เดินเข้าไป

"เดี๋ยวหยุดร้านนนั้นแป้ปนะผมอยากกินมันเชื่อม"

"โอเค"

ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะด้วยที่นักศึกษาเริ่มเดินลงมาจากหอพักเพื่อมาหาของทานกัน วิทยาเลยเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของต้นตะวันเอาไว้แล้วพาเดินออกไปอีกฝั่งของตลาด เพราะท่าจะเดินตามคนไปเรื่อยๆ จนจบท้ายตลาด วันนี้พวกเขาทั้งสองคนคงต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงอย่างแน่นอน 

"ผมโอเค" 

เพราะการเกร็งที่ข้อมือของต้นตะวันทำให้วิทยารู้ตัวว่าเขาอาจจะข้ามขั้นไป แต่พอเขาหันขึ้นไปมองหน้าของต้นตะวันที่เหงื่อออกเพราะไม่รู้ว่าร้อนหรือเพราะว่าเกร็ง วิทยาก็ต้องหลุดยิ้มออกมา
 
ต้นตะวันกำลังยิ้มฝืดๆ ให้เขา 1 ที พร้อมขยับปากบอกวิทยาว่าผมโอเค 

วิทยาพยักหน้ารับแล้วก็กุมข้อมือของต้นตะวันออกมาจากตลาด จากตลาดจนมาถึงหน้าร้านเป็นระยะทางที่ไม่ใกล้แต่ตลอดทางนั้นต้นตะวันก็ไม่ได้กระชากมือออกจากการกุมของวิทยาเลย 

"เก่งมากตะวัน" ถ้าไม่ติดว่านี่คือกลางถนนวิทยาก็อยากจะสวมกอดต้นตะวัน

"ชมผมซะเหมือนหมาเลยครับ"

"คิดมากนะ ฮ่าๆๆๆๆ" 

และต้นตะวันก็ต้องการให้วิทยาเห็นว่าเขาเก่งมากกว่านี้อีก ต้นตะวันเลยยกมือขึ้นโอบไหล่ของวิทยาเพื่อเดินมาขึ้นรถ อาจจะแค่สิบเก้าในการเดิน ท่าโอบอาจจะเป็นท่าที่เก้กังที่สุด แต่นั่นก็ทำให้วิทยายิ้มจนแก้มแถมปริไปถึงใบหู 

"คืนนี้อย่าลืมให้รางวัลผมเยอะๆ นะ"

"หื่น" 

และแน่นอนคนทำดีก็ต้องได้รางวัลเป็นการตอบแทน คืนนั้นวิทยาเลยไม่กลับบ้านเพราะเขาก็เต็มใจจะให้รางวัลกับต้นตะวันเช่นกัน คืนนั้นไม่ว่าต้นตะวันจะสั่งให้วิทยาทำยังไงเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน วิทยาก็ไม่ขัดใจต้นตะวันสักนิด และเสียงแห่งความพึ่งพอใจของวิทยา เลยเป็นรางวัลอย่างดีให้แก่ต้นตะวัน

"สวัสดีครับพ่อ"

"นั่งสิตาวิท กินด้วยกาแฟด้วยกันก่อน"

"เดี๋ยวผมจะเข้าไปปิ้งขนมปังให้ตะวันด้วยพ่ออยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ?"

"งั้นพ่อขอสักแผ่นแล้วกัน"

"ได้เลยครับ"

"หวัดดีครับพ่อ"

"เรานี่ไม่ได้เรื่องเลยใช้วิทลงมาปิ้งขนมปังได้ไง?"

"มาแล้วครับ"

เป็นประจำอยู่แล้วที่ทุกเช้าพ่อกับต้นตะวันจะต้องทานข้าวเช้าพร้อมกันเพราะฉะนั้นพอคืนไหนวิทยามาค้างตื่นเช้าเลยร่วมโต๊ะด้วย สมัยก่อนตอนที่วิทยาเจอกับพ่อของต้นตะวันวิทยาก็มีอาการกลัวอยู่บ้าง แต่พอเจอกันบ่อยเข้าวิทยาก็รู้สึกสนิทกับพ่อของต้นตะวันมากขึ้น
 
"ผมเอาแผ่นเดียวนะครับวิท" 

"ของพ่อด้วยนะ พ่อทาอะไรดีครับ?"

"พ่อขอน้ำพริกเผาแล้วกัน"

"อ้าวพ่อ ว่าผมแล้วทำไม ทำเองละครับ?"

"เราขอทำให้พ่อเอง" 

"ตาวิท เดี๋ยวคืนนี้แวะมากินข้าวที่บ้านสิ เมื่อคืนเห็นว่ากินกันแล้ว พ่อเลยต้องกินคนเดียวเลย"

"ได้ครับ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมจะแวะมาครับ"

ตกเย็นวิทยาไปที่บ้านของต้นตะวันเองเพราะสะดวกกว่า เข้าไปในบ้านวิทยาไม่รู้สึกเกร็งเลยเพราะพ่อของต้นตะวันแนะนำกับคนในบ้านไว้ว่าเขาคือลูกของที่บ้านอีกคน เพราะฉะนั้นสามารถเข้าออกบ้านนี้ได้ตามใจชอบ คนดูแลบ้านเลยไม่ได้เข้ามาวุ่นวายแค่เอาน้ำมาให้แล้วก็ปล่อยให้วิทยาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

"มานานยัง?"

"ไม่นานมากครับ"

"งั้นเดี๋ยวพ่อขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ"

"ครับ" 

"งั้นเดี๋ยวผมลงมานะ"

คนในครัวเริ่มยกอาหารเย็นออกมา ทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นกับข้าวของโปรดของวิทยาทั้งนั้น แถมของหวานก็ยังเป็นของที่วิทยาชอบอีก

"เป็นไงอาหารถูกปากไหม? พ่อสั่งให้คนในครัวทำแต่ของที่เราชอบ แต่พ่อไม่แน่ใจในรสชาติ"

"อร่อยครับพ่อ ตอนนี้ผมอิ่มมากเลยครับจะขยับตัวไม่ไหวอยู่แล้ว ขอบคุณมากครับ"

"อร่อยวันหลังก็มาอีกบ่อยๆ สิ มากินข้าวเย็นด้วยกัน"

"โอ๊ย อะไรกันครับ พอมีลูกคนใหม่ ลูกคนเก่าอย่างผมก็ตกกระป๋องแล้วเหรอครับ?"

"ตะวันพูดอะไรแบบนั้นละ"

"ก็จริงนิวันนี้มีของผมชอบอยู่อย่างเดียว นอกนั้นเป็นของวิทหมดเลย"

"ตาวิทก็ลูกพ่อนิ พ่อผิดตรงไหน?"

"ฟึดๆ พ่อกับตะวันได้กลิ่นอะไรไหมไหมครับ?"

"กลิ่นอะไรผมไม่ได้นะ พ่อได้ไหม?"

"กลิ่นหมาหัวเน่านะ"

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มันต้องอย่างนี้สิ ตาวิท"

มื้อเย็นมื้อนั้นจบด้วยรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจและเสียงหัวเราะ วิทยาดีใจที่พ่อของต้นตะวันยอมรับเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวโดยที่ไม่คิดรังเกียจที่เขาเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคนเหมือนกับต้นตะวัน 

 
"เมื่อคืนก็ไปนอนบ้านเขามาอีกแล้วที่บ้านเขาไม่ว่าเอาเหรอลูก?"

"ไม่หรอกครับแม่ วิทกับพ่อของตะวันสนิทกัน"

"เหรอ ก็แปลกนะ เราก็ไปสนิทกับตะวันได้ยังไงไม่รู้ไปเจอกันมาปีเดียวเองไม่ใช่เหรอ?"

แม่ของวิทยาเริ่มรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่างที่พอรู้ว่าลูกชายของเธอยังคงสนิทชิดเชื้อกับต้นตะวันเพื่อนที่ไปบังเอิญเจอกันที่ออสเตรเลีย มันจะไม่แปลกอะไรถ้าทั้งสองคนเรียนที่เดียวกันหรืออยู่เมืองเดียวกัน

แต่นี่ทั้งสองคนก็อยู่กันละเมืองเรียนกันคนละที่ มันก็น่าแปลกไม่ใช่เหรอที่กลับมาจนถึงป่านนี้แล้วทั้งสองคนยังคงสนิทกันมากอยู่ แถมดูจะสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ

"ก็ ..." 

วิทยาเองก็คิดมาหลายครั้งแล้วว่าเขาอยากที่จะบอกแม่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับต้นตะวันให้แม่ของเขาได้รู้ เพราะตั้งแต่ยังเด็กเขาก็ไม่มีใครยกเว้นแม่ของเขา 

แม่หย่ากับพ่อไปตั้งแต่เขายังเด็ก วิทยาเลยรักแม่ของเขามากและถ้าเขารักใครวิทยาก็อยากให้แม่ได้รู้ และที่สำคัญเขาเองก็ไม่อยากมีความลับกับแม่ 
 
"ก็ตะวันนิสัยดีนะแม่จะเลิกคบคนดีๆ ก็น่าเสียดายนะแม่"

"จ๊ะ" คำตอบของวิทยายิ่งทำให้แม่ของเขารู้สึกว่าลูกของเธอกับเด็กที่ชื่อต้นตะวันจะต้องมีอะไรที่มากกว่าที่เธอเห็น
 
หลังจากการคุยกันครั้งนั้นกลายเป็นว่าแม่ของวิทยาจะไม่ยอมขึ้นห้องนอนก่อนถ้าเกิดวิทยายังกลับไม่ถึงบ้าน น่าแปลกที่เธอเพิ่งสังเกตุเห็นว่าในหนึ่งอาทิตย์เพื่อนที่ชื่อต้นตะวันคนนี้จะเป็นคนมาส่งอยู่หลายวันทีเดียว น้อยครั้งมากที่วิทยาจะเป็นคนกลับบ้านเอง 

"วันนี้ใครมาส่งเหรอลูก?"

"ก็ตะวันนั้นแหละครับแม่จะมีใครอีก" 

"เพื่อนคนอื่นๆ แม่ไม่เห็นเลยไปไหนกันหมดแล้วละ"

"โธ่แม่ ต่างคนก็ต่างทำงานทำการใครเขาจะว่างมาเจอวิทกันเล่า" 

นั้นสิก็เพราะต่างคนก็ต่างทำงานและก็ไม่ใช่ว่าต้นตะวันเองจะไม่มีงานทำ เป็นถึงลูกเจ้าของบริษัท ทำไมยังมีเวลาว่างพาลูกของเธอไปไหนมาไหน แถมลูกของเธอยังไปค้างที่บ้านของต้นตะวันบ่อยๆ 

"งั้นวิทขึ้นไปพักก่อนนะแม่"

และก็เหมือนวิทยาจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป วิทยานอนคิดอยู่ทั้งคืนว่าเขาควรทำยังไงต่อไปดีจะให้ปิดต่อไปมันคงพอได้ แต่เขาก็ไม่อยากที่จะเลือกทางนั้นเพราะลึกๆ แล้ววิทยาก็เชื่อมั่นว่าแม่จะต้องรับเขาได้

 
"วันศุกร์นี้มากินข้าวเย็นบ้านเราไหม?"
 
เป็นเหมือนปกติทุกวันที่พอวิทยาปิดร้านเรียบร้อยตอนเดินทางกลับบ้านเขาจะต้องโทรหาต้นตะวันในวันที่ต้นตะวันไม่ได้มารับเขา วันไหนรถไม่ติดถึงบ้านเร็วก็เลิกคุยกันเร็วหน่อยแต่ถ้าวันไหนรถติดบางทีก็ลากคุยกันยาวจนแบตหมดกลางทางยังไม่ถึงบ้านเลยก็มี 

"วิทจะลงมือทำกับข้าวให้ผมกินอีกแล้วใช่ไหมครับ?" 

"ใช่ ตะวันอยากกินอะไรจดมาได้เลยเราพร้อม แต่อย่ายากมากนะ"

"อ่อ แล้วก็เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยเลยสิจะได้นอนค้างกับเราที่บ้านเลย"

"วิทมีอะไรจะเซอร์ไพล์ผมรึเปล่าครับเนี่ย?" 

"เราว่าเราจะบอกเรื่องของเรากับตะวันกับแม่"

"วิท แน่ใจแล้วเหรอ?"

"อื้ม เราว่าเราแน่ใจเราอยากบอกให้แม่ได้รู้เหมือนที่พ่อของตะวันได้รู้ไง"

"แต่ผมกลัวว่า.."

"เราก็กลัว"

"แต่วิทอยากบอกใช่ไหมครับ?"

"ใช่"

"งั้นตกลงครับ งั้นผมก็เตรียมเสื้อผ้าไปถึงเช้าวันจันทร์เลยแล้วกัน 3 วัน 2 คืน เหมือนมาค่ายเลยใช่ไหม?.." 

"ใช่"

"วิท..." เพราะวิทยาเงียบลลงต้นตะวันเลยเรียกชื่อวิทยาอีกครั้ง

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะยังอยู่นะ"

"ขอบคุณนะ"

"ขอบคุณทำไมครับ ผมก็แค่ทำในสิ่งที่วิททำให้ผมมามาตลอด อย่ากังวลไปเลยนะ"

เสียงพูดคุยยังคงต่อเนื่องจนวิทยามาถึงที่บ้าน โชคดีที่วันนี้การจราจรของกรุงเทพฯ ไม่ได้เลวร้ายทำให้แบตของวิทยายังคงเหลือจนมาถึงที่บ้านได้ วิทยาขอวางสายก่อนที่จะเข้าไปในบ้านเข้ามาถึงตัวบ้านเขาก็เห็นแม่ของเขารอเขาทานข้าวเหมือนในทุกๆ วัน 

"แม่ แม่รักวิทมากไหม?" 

บนโต๊ะอาหารหลังจากที่วิทยาเล่าเรื่องที่ร้านให้กับแม่ของเขาได้ฟัง วิทยาก็โพล่งถามออกมา เพราะว่าวันศุกร์นี้แล้วที่เขาตัดสินใจว่าเขาาจะไม่มีความลับกับแม่ของเขา 

"รักสิจ๊ะ ถามอะไรแบบนี้ละ"

"เปล่า วิทก็แค่อยากรู้"

ในอีกด้านแม้ว่าต้นตะวันจะบอกให้วิทยาอย่ากังวลแต่เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปล่วงหน้า ว่าถ้าเกิดแม่ของวิทยารับไม่ได้ขึ้นมาเขาจะทำยังไง และวิทยาละจะยังคงอยู่กับเขาไปอย่างนี้รึเปล่า

"เป็นไรหน้าตาบูดบึ้งมาเชียว"

"หวัดดีครับพ่อ"

"งานหนักเหรอไง หรือว่าตีกับเจ้าวิทมาละ?"

"เปล่าครับพ่อ ผมเครียดเรื่องอื่น"
 
"เรื่อง"

"วิทจะบอกแม่"

มาถึงตอนนี้พ่อของวิทยาก็วางหนังสือรายงานที่อ่านอยู่ลง แล้วก็หันไปคุยกับลูกชายของเขาด้วยท่าทางที่จริงจัง ลูกของเขาตั้งแต่คบกับวิทยามามีแต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

อย่างไปทำงานก็ไม่ทำหน้าตึงยอมพูดคุยเล่นกับคนอื่นได้มากขึ้นแล้ว ถ้าลูกเขาจะต้องมีปัญหากับวิทยาไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรเขาก็พร้อมที่จะช่วย และที่สำคัญวิทยาก็ถือว่าเป็นลูกของเขาอีกคนเช่นกัน

"มันจะต้องเป็นไปได้ด้วยดี พ่อแม่ทุกคนรักลูก"

"ผมก็หวังไว้ว่าอย่างนั้น"

"มีอะไรให้ช่วยก็บอก พ่อพร้อมช่วย"

"ขอบคุณมากครับพ่อ"

แล้วความกังวลใจของต้นตะวันก็ลดน้อยลง ในตอนนี้เขามีคนที่รักเขาและเข้าใจเขาอยู่ถึงสองคน เขาไม่กลัวอะไรแล้ว เขาพร้อมที่จะสู้ไปกับวิทยา เขาจะไม่ให้วิทยาต้องสู้ไปเพียงลำพัง


...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ถึง

คุณ wan_sugi อ้าวตะวันลงไปนั่งร้องไห้ทำไมมมมมมมม

คุณ iceman555 ผิดไปแล้วๆ แต่ก็ยังยืนยันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ

 :m15:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 18 03/10/16
«ตอบ #48 เมื่อ03-10-2016 15:33:37 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 18 03/10/16
«ตอบ #49 เมื่อ04-10-2016 13:21:13 »

บทที่ 19.1 

วันนัดกินข้าวที่บ้านกับแม่ของวิทยา ต้นตะวันไปรับวิทยาที่ร้านไอติม ต้นตะวันแต่งตัวเต็มยศด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เรียบกริบคู่กับกางเกงสแล้คสีดำใส่รองเท้าหนังตบท้ายด้วยการผูกไทค์สีดำสนิทมาอีกหนึ่งเส้น 

"ตะวันจะไปกินข้าวกับที่บ้านเราหรือจะไปสมัครงานที่ไหน?"

"มันดูไม่ดีเหรอ?" 

"เปล่า แต่มันดูเยอะไป" 

"ผมอยากดูเรียบร้อยนิครับ"

"โธ่ ตะวันอย่าเครียด เชื่อสิแม่ต้องเข้าใจเรา แม่รักเรามากนะ เรารักใครแม่ก็ต้องรักด้วยแหละ" 

ตลอดการขับรถจากที่ร้านไปบ้าน วิทยาจะคอยเล่าให้ต้นตะวันฟังว่าเขาสนิทกับแม่และแม่ดูแลเขาดีมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่ก็ไม่เคยทิ้งเขา ดังนั้นพอรถเข้ามาจอดที่ตัวบ้านของวิทยาต้นตะวันเลยถอดไทค์ออกเพื่อลดความเป็นทางการลง

"สวัสดีครับ"

"สวัสดีจ๊ะ วันนี้แวะมากินข้าวที่บ้านด้วยเหรอ?"

"ครับ ยังไงมื้อนี้ผมขอฝากท้องด้วยนะครับ"

บนโต๊ะอาหารบรรยากาศเป็นไปด้วยดี แม่เล่าเรื่องสมัยที่วิทยายังเด็กให้กับต้นตะวันฟัง ว่าตอนเด็กวิทยาดื้อขนาดไหน จนมาถึงตอนที่วิทยาเอารถไปคว่ำเกิดอุบัติเหตุที่ต่างจังหวัด

"วันนั้นตอนที่ได้รับโทรศัพท์ แม่ใจหายมากคิดถึงสภาพของวิทเขาไปต่างๆ นาๆ แต่ก็โชคเข้าข้างดีที่วิทไม่เป็นอะไรมาก"

"วิทขอโทษนะครับแม่"

"จ๊ะ ว่าแต่ ทำไมตะวันถึงมาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกของน้าได้ละ? ดูท่าจะสนิทกันมาก ขนาดไปมาหาสู่กันไม่ขาดแบบนี้ เพื่อนหน้าเก่าๆ ของเจ้าวิทยังหลายหน้าหายตาไปเลยตั้งหลายคน"

ใจจริงต้นตะวันอยากจะเป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตัวเองแต่ว่าเขารู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่หน้าที่ของเขา ถ้าแม่ของวิทยาจะต้องรู้อะไรสักอย่าง คนที่บอกเรื่องนั้นแก่แม่ก็สมควรที่จะเป็นวิทยา

"แม่ คือ วิทกับตะวันเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันครับ"

"วิท ลูกหมายถึงอะไร?"

"คือ วิทกับตะวัน เราเป็นแฟนกันครับแม่"

"วิท แม่..... แม่ไม่เข้าใจ"

"วิทกับตะวันเรารักกันครับแม่"

"วิท เรามีเรื่องต้องคุยกัน"

"เรากำลังคุยกันอยู่ไงครับแม่"

"ไม่ใช่!! เราต้องคุยกันสองคน แค่คนในครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว"

"แม่!!"

ต้นตะวันวางช้อนส้อมที่ถืออยู่ลงแล้วก็เอื้อมมือไปกุมมือวิทยา กุมเอาไว้เบาๆ ที่ใต้โต๊ะอาหารเพื่อให้กำลังใจ ตาของวิทยาแดงก่ำมือที่เขากุมอยู่นั้นก็กำลังสั่น คงจะเป็นเพราะว่าวิทยาไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ว่าเรื่องจะออกมาในรูปแบบนี้

"แม่ทำอะไรผิดเหรอวิท ลูกถึงทำแบบนี้?"

"เป็นเพราะแม่ใช่ไหมลูก? แม่ผิดตรงไหน วิทบอกแม่สิลูก" 

แม้ในตอนแรกวิทยาจะยังคงสับสนอยู่ว่าเขามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่คนที่เขาคิดว่าจะต้องเข้าใจเขากลับไม่เข้าใจ แต่แล้วการคิดหาเหตุผลนั้นก็หยุดลง ตอนที่วิทยาเห็นว่า

แม่ของเขากำลังร้องไห้

วิทยาหันไปมองหน้าต้นตะวัน 

เพราะนอกจากแม่คนที่เขาจะห่วงที่สุด ต้นตะวันคนที่กำลังจะเปิดใจเปิดเผยความเป็นตัวตนของตัวเองเพราะเขาดันมาอยู่ในเหตุการ์ณแบบนี้ วิทยากลัวว่าจะเป็นเขาเองที่ทำให้ต้นตะวันปิดตัวเองลงอีกครั้ง

แต่แล้วในช่วงที่ทั้งสองสบตากันต้นตะวันกลับส่งรอยยิ้มที่อบอุ่นมาให้เขาพร้อมทั้งยังคงไม่ปล่อยมือที่บีบให้กำลังใจเอาไว้ออก เพียงแค่นี้วิทยาก็ใจชื้นขึ้นมา

"เรื่องนี้ถ้าคุณน้าอยากหาว่าใครผิด คงเป็นผมครับที่ผิด ผมเป็นคนเข้ามาในชีวิตของวิทยาก่อนเองครับ"

"ถ้ารู้ตัวว่าผิด งั้นน้าขอได้ไหม คืนวิทให้น้าได้ไหม? ปล่อยวิทไปให้มีชีวิตที่ดี ที่ถูกต้องเถอะนะ"
 
ก่อนที่ต้นตะวันจะพูดอะไรออกไป เขาหันกลับไปมองหน้าของวิทยาที่ตอนนี้จากตาที่แดงก่ำกลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่นองหน้า
 
"ขอโทษนะครับคุณน้า ผมรักวิทมาก ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อวิท แต่ผมไม่สามารถปล่อยวิทไปได้จริงๆ ถ้าคุณน้าต้องการให้ผมปล่อยมือจากวิท มันจะเป็นวันที่วิทบอกว่าวิทไม่ต้องการผมแล้ว วันนั้นผมจะปล่อยวิทเขาไปครับ"

"วิท.... วิททำเพื่อแม่นะลูก เลิกกับเขาซะ"

"ถ้าลูกไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก ลูกคงไม่ต้องเจอกันแล้ววิทก็จะไม่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องมีคนรักเป็นคนนี้ ลูกแค่พลั้งเผลอ ไปเรียนเมืองนอกลูกคงจะเหงา พอเจอคนมาดีด้วย ลูกคงจะเผลอใจไปเท่านั้น แม่ผิดเองที่คะยั้นคะยอให้ลูกไป ถ้าแม่ไม่พยายามขอให้ไป ลูกคงไม่มีคนรักเป็นผู้ชายแบบนี้ แม่ขอโทษนะลูก"

"แม่"

วิทยาอยากพูดอยากอธิบายกับแม่ให้มากกว่านี้ วิทยาอยากบอกแม่ว่าต่อให้เขาเจอต้นตะวันที่เมืองไทยแต่ถ้าเขาเจอคนนี้เขาก็ยังคงจะรักต้นตะวันในแบบนี้  แต่ทุกเสียงสะอื้นของแม่มันทำให้เขาพูดไม่ออกวิทยาเลยต้องกลืนทุกถ้อยคำลงไป 

"แม่เป็นคนที่แย่มากใช่ไหม? ตั้งแต่เรื่องสมัยพ่อของวิทแล้ว ที่วิทต้องไม่มีพ่อก็เป็นเพราะแม่ เพราะแม่ไม่ยอมตามพ่อไปต่างประเทศทำให้พ่อเขาเหงาแล้วทิ้งเราไปมีครอบครัวใหม่"

"ทำไมลูกต้องเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะแม่เอง แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษ"

"แม่ๆ" 

แม่ของวิทยาเริ่มส่งเสียงสะอื้นที่ดังขึ้น ตั้งแต่เล็กจนโตวิทยายังไม่เคยเห็นแม่ของเขาร้องไห้สะอื้นหนักขนาดนี้มาก่อน และเรื่องพ่อนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วิทยาได้ฟังมันทำให้เขาตกใจไม่น้อย 

ใจนึงต้นตะวันก็อยากให้สองคนแม่ลูกได้คุยกันตามลำพังก่อน แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากทิ้งวิทยาไปในสภาพแบบนี้ ในขณะที่ต้นตะวันกำลังชั่งใจว่าเขาควรจะทำยังไงดี เสียงของแม่วิทยาก็ดังขึ้นมา

"ขอร้องละ ออกไปจากชีวิตของวิทเถอะนะ น้าขอ"

"ผมไม่คิดที่จะทิ้งวิทเขาไปไหนครับ"

"งั้นน้าคงต้องให้เรากลับได้แล้ว วิทขึ้นห้อง" 

แม่ของวิทยาลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินนำไปที่ประตูบ้าน เปิดประตูบ้านออกให้กว้าง เมื่อต้นตะวันเห็นดังนั้นเขาก็คิดว่ามันคงยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดอธิบายอะไรตอนนี้ 

"วิทผมกลับก่อนนะครับ" 

ต้นตะวันยกมือขึ้นลูบหัววิทยาเพื่อเป็นการปลอบใจ ต้นตะวันอยากจะดึงวิทยาเข้ามากอดแต่เขารู้ว่าเขาไม่ควรทำในเวลาแบบนี้
 
"อื้ม ขอโทษนะ"  วิทยาตอบรับต้นตะวันด้วยเสียงสะอื้นไม่แพ้กันกับแม่ของเขา 

"งั้นวันนี้ผมลาครับ" ต้นตะวันเดินไปยกมือไหว้แม่ของวิทยาก่อนที่เดินพ้นออกไปจากตัวบ้าน 

"แม่ วิท.."

"วิทแม่ขอให้เลิก เลิกกับเขาให้แม่นะ"

"แม่แต่วิท"

"วิท แม่รู้ว่าแม่ผิด แม่ทำให้เราขาดพ่อเราเลยเป็นแบบนี้ แม่ทำให้เราต้องไปเจอเขา แม่ขอโอกาศได้ไหม ให้แม่เป็นแม่ที่ดี
แนะนำทางให้ลูกเดินอีกครั้ง เลิกกับเขาซะ"

"แต่วิทรักเขา"

"ในเมื่อแม่ขอแล้วไม่ได้ งั้นแม่ขอสั่งเลิกกับเขาซะ ขึ้นห้องไปแล้วคิดเอาแล้วกันว่าสิ่งที่ทำอยู่มันคืออะไร"

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เสียใจที่เห็นน้ำตาของลูกของเธอ แต่เธอเป็นคนที่ทำให้ลูกของเธอต้องเดินมาทางนี้ ตอนนั้นเธอไม่สามารถเดินทางตามไปต่างประเทศกับพ่อของวิทยาได้และการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งนั้นก็ทำให้ครอบครัวของเธอไม่สมบูรณ์ และครั้งนี้เธอยังส่งให้ลูกของเธอไปเรียนที่ต่างแดนทำให้ลูกเธอมาเจอกับต้นตะวัน ทั้งหมดนี้มาจากเธอเพียงคนเดียว

"แม่ขอโทษนะลูก" 

ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมตัดสินใจพลาด อนาคตของลูกเธอจะต้องสดใส ลูกของเธออาจจะเจ็บในวันนี้แต่เธอเชื่อมั่นว่าในอนาคตลูกของเธอจะต้องเจอรักที่ดี

ขนาดเธอที่มีความรักแบบคนส่วนใหญ่มียังมีอันต้องเลิกลาเธอยังมองไม่เห็นทางความรักที่สดใสของลูกเธอเลย เพราะฉะนั้นเธอจะต้องไม่ใจอ่อน
 
"โทรหาผมด้วยนะครับ" 

นั้นคือข้อความที่ต้นตะวันส่งมาในมือถือเขาตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่แล้ว วิทยานั่งมองจอมือถืออยู่อย่างนั้นแต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอทีจะโทรกลับไป เขาจะโทรกลับไปพูดว่าอะไรให้ต้นตะวันฟังดี โทรกลับไปเพื่อที่จะบอกว่าแม่ยังคงยืนยันให้เขาเลิกอย่างนั้นเหรอ....

ตรื้ดดดด เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือดังขึ้นวิทยาเลยต้องเช็ดน้ำตาปรับเสียงแล้วค่อยกดปุ่มรับโทรศัพท์

"ฮัลโหล ตะวัน ถึงบ้านยัง?"

"วิททำอะไรอยู่ครับ?"
 
"เราอาบน้ำเพิ่งเสร็จเอง"

"จริงเหรอครับ?" 

"จริง"

"วิทครับ เดินมาที่หน้าต่างหน่อยครับ"

เพียงแค่นั้นวิทยาก็รู้แล้วว่าต้นตะวันอยู่ที่ไหน วิทยารีบวิ่งไปที่หน้าต่างห้องของตัวเองเปิดผ้าม่านออก แล้วมองออกไปที่ถนน ไม่ผิดจากที่คิด วิทยาเห็นต้นตะวันกำลังยืนพิงรถอยู่ ต้นตะวันยังอยู่ในชุดเดิมชุดที่มารับเขาเมื่อเย็น
 
"ตะวัน" 

ภาพที่เห็นทำเอาความเข็มแข็งของวิทยาหายไป วิทยาปล่อยโฮออกมาน้ำตาที่พยายามเก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่รับโทรศัพท์ถูกปล่อยออกมาทั้งหมด 

"แม่ แม่ขอให้เราเลิก แม่ขอร้อง แม่ร้องไห้ไม่หยุดเลยตะวัน"

"ไม่ร้องนะครับไม่ร้อง"

คำว่าแม่ของวิทยาสั่งให้เลิกกันมันไม่ทำให้วิทยารู้สึกเสียใจได้เท่ากันสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ต้นตะวันรู้สึกเสียใจในตอนนี้ก็คือเขาไม่สามารถที่จะเช็ดน้ำตาให้แก่วิทยาได้ ได้แต่เห็นแล้วก็ดูวิทยาเช็ดน้ำตาด้วยตัวเองแบบนี้

"เราไม่อยากเลิก กับ ตะวัน"

"แล้วใครว่าจะเลิกละครับ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนครับวิท ผมรอตรงนี้นะ"

วิทยาอิดออดไม่อยากไปอาบน้ำ อยากให้ต้นตะวันกลับบ้านก่อน แต่วันนี้ลูกอ้อนของวิทยาไม่เป็นผลในที่สุดวิทยาก็เลยต้องรีบไปอาบน้ำเพื่อกลับมาคุยกับต้นตะวันที่ยังรอเขาอยู่ในสาย 

"เสร็จแล้ว"

"งั้นคืนนี้นอนได้แล้วครับปิดไฟนอน"

"ตะวันละ"

"เดี๋ยวผมกลับบ้านเลยครับ"   

"ตะวัน เรา..."

"ไม่ต้องคิดอะไรแล้วครับ นอนหลับตานะครับ แล้วพรุ่งนี้เราคุยกัน"

"อื้ม รักตะวันนะ"

"รักวิทครับ"

ตลอดเวลาที่ทั้งสองคุยกัน แม่ของวิทยาเดินลงมาจากห้องเพื่อเช็คความเรียบร้อยของบ้าน ตอนที่เธอมองรอดกระจกประตูออกมาเธอก็ยังเห็นต้นตะวันยืนอยู่ที่รถ 

เธอกำลังจะเดินออกมาเพื่อที่จะบอกให้ต้นตะวันกลับไป แต่แล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะตลอดเวลาที่ต้นตะวันยืนอยู่นั้นสายตาของต้นตะวันได้แต่เฝ้ามองขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน เธอเลยเดินกลับขึ้นห้องไปโดยที่ไม่ได้ออกมาไล่ต้นตะวัน 

"เป็นไงกลับมาสักดึกเลย"

"พ่อ หวัดดีครับ"

"วันนี้เป็นไงบ้างละ? ไปกินข้าวบ้านเขามา"

"แม่ของวิท เขารับไม่ได้"

"แล้วตาวิทเป็นยังไงบ้าง?"

"ก็แย่"

"แล้วแก?"

"ผมโอเค ผมแค่เป็นห่วงวิท"

"แล้วคิดจะทำยังไงต่อไป?"

"ผมยังไม่รู้เลยครับพ่อ แต่ถ้าจะให้ผมเลิกกับวิท ตามที่แม่ของวิทเขาต้องการผมทำไม่ได้จริงๆ"

"ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน"

"ครับพ่อ"

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

ถึง

คุณ iceman555  :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักลัดฟ้า บทที่ 18 03/10/16
« ตอบ #49 เมื่อ: 04-10-2016 13:21:13 »





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 19.1 04/10/16
«ตอบ #50 เมื่อ04-10-2016 15:53:45 »

ง่าาา  แม่วิทรับไม่ได้ซะงั้น คดีพลิกเลย เฮ้อออ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: รักลัดฟ้า บทที่ 19.1 04/10/16
«ตอบ #51 เมื่อ06-10-2016 06:59:09 »

บทที่ 19.2

วิทยาเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านในตอนเช้าก็เห็นแม่ของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว โดยปกติเวลานี้แม่ของเขาจะต้องออกไปทำงานแล้ว ที่แม่ยังไม่ออกไปก็มีเพียงเหตุผลเดียว แม่ต้องการที่จะคุยกับเขา

"วันนี้ตอนเย็นเดี๋ยวแม่ไปหาที่ร้าน"

"มีอะไรรึเปล่าแม่?"

"แม่อยากแวะไปดูที่ร้านบ้าง ได้ไหมลูก?"

"ได้ครับแม่" 

"งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจอกันจ๊ะ"

หลังจากวันนั้นกลายเป็นว่าแม่ของวิทยาไปหาวิทยาที่ร้านทุกเย็น จากที่บางเย็นต้นตะวันจะรับวิทไปกินข้าว ดูหนัง หรือซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน กิจกรรมเหล่านั้นก็หายไป

"วิทวันนี้ผมขอเข้าไปเถอะนะ"

"แต่ เรากลัวว่าทุกอย่างมันจะแย่ ... เราไม่เคยเจอแม่เป็นแบบนี้ เรารับมือไม่ถูกเลยตะวัน"

"ผมอยากไปอยู่ตรงนั้นด้วย นะครับ"

ต้นตะวันมาถึงร้านก่อนเวลาร้านเลิก เหมือนเคยที่ช่วงเย็นร้านของวิทยาจะยุ่งแล้วก็บ่อยครั้งที่ต้นตะวันมาถึงก็จะรีบสวมรอยเป็นพนักงานในร้านอีกหนึ่งคนช่วยวิทยา

"งั้นเดี๋ยวผมไปยกลังหลังร้านเอง วิทดูหน้าร้านเถอะ" 

"โอเค" 

ภาพที่คนทั้งสองช่วยกันยกของจัดของรับแขก มันผ่านเข้าสายตาของแม่ของวิทยาทั้งหมด เธอมาถึงที่ร้านหลังต้นตะวันนิดเดียว ทำให้เธอได้เห็นภาพของพนักงานออฟฟิตที่พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วก็หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่เพื่อที่จะช่วยงานลูกชายของเธอ
 
"กลับกันได้แล้ว"

"งั้นเดี๋ยวผมขอขับรถไปส่งนะครับ"
 
"วิทไปเรียกแท๊กซี่สิ ยืนทำอะไรอยู่"

"แม่!!"

"ทำไม?"

"วิทว่า..."

ต้นตะวันดึงมือของวิทยาเอาไว้พอวิทยาหันมามองต้นตะวันก็ส่ายหัวให้เล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องพูดอะไร ต้นตะวันเดินถอยออกมาจากตรงนั้นเพราะเขาเองไม่อยากให้วิทยาไม่สบายใจ ต้นตะวันรอจนวิทยาเรียกแท๊กซี่ได้แล้วเขาจึงค่อยขับรถตามไปจนวิทยาถึงบ้าน 

ตลอดทุกวันที่ผ่านไปต้นตะวันไม่เคยละความพยายาม ต้นตะวันเข้าไปช่วยงานที่ร้านเหมือนเคยอย่างทุกวัน กละในเมื่อตอนเย็นต้นตะวันไม่สามารถเจอวิทยาได้ ต้นตะวันเลยเปลี่ยนมารับวิทยาและไปส่งที่ร้านแทน
 
“อะ กาแฟ”

“ขอบคุณครับ ว่าแต่เดี๋ยววิทอยากแวะกินโจ๊กก่อนเข้าร้านไหม?”

“อยาก”

ทุกเช้าต้นตะวันจะยอมตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อมารับวิทยาที่บ้าแวะกินอะไรก่อนไปส่งที่ร้านและขับกลับไปทำงาน ต้นตะวันทนไม่ได้ถ้าเขาจะไม่ได้ใช้เวลากับวิทยาเลย วิทยาเองก็เช่นกันพวกเขาเลยยอมตื่นกันแต่เช้าตรู่เพื่อใช้ช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้อยู่ด้วยกัน
 
“เดี๋ยววันนี้ผมหาตอนเย็นที่ร้านเหมือนเดิมนะครับ”

วิทยายังคงแอบอู้ไม่ลงไปเปิดร้าน เขานั่งอยู่ในรถเอียงตัวไปทางคนขับแล้วเอาหัวพิงกับไหล่ของต้นตะวันเอาไว้

“ไม่ต้องขับตามแท๊กซี่ก็ได้เราเป็นห่วง ตะวันตื่นก็เช้า ตอนเย็นกลับไปพักเถอะ”

“แต่ผมอยากทำนิครับ”

ต้นตะวันเอามือเกลี่ยผมหน้าม้าของวิทยาเล่น วิทยาแอบถอนหายใจใส่ต้นตะวันซะเสียงดังเพราะไม่ได้ดั่งใจที่เขาไม่ยอมทำตามที่วิทยาขอ

“ตามใจ อื้มมมมม”

วิทยาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับต้นตะวันเพื่อจะต่อว่าที่ขัดใจเขา ด้วยเสี้ยววินาทีนี้เองที่อยู่ๆ ต้นตะวันก็จับที่ใบหน้าของวิทยาเอาไว้แล้วก็โน้มตัวลงมาจูบกับริมฝีปากที่คอยยกยอ้มให้เขาแต่ในตอนนี้น้อยครั้งที่เขาจะได้เห็นรอยยิ้มนั้น

“คิดถึง”

ก่อนที่ต้นตะวะนจะสัมผัสกับริมฝีปากนั้นอย่างเนิ่นานและลึกซึ้ง ต้นตะวันก็เอ่ยคำว่า คิดถึง ออกมา ใช่เขาคิดถึง คิดถึงรอยยิ้มและคิดถึงวิทยาคนเดิมที่เข็มแข็งและพร้อมจะแก้ปัญหา  ตอนนี้รอยยิ้มนั้นเขาไม่เห็นอีกแล้ว

“พอแล้ว”

วิทยาห้ามต้นตะวันเสียงเบา จูบอ่อนหวานที่ได้รับในตอนแรกเริ่มลึกซึ้งมากขึ้นตั้งแต่ต้นตะวันเริ่มเข้ามาสำรวจทุกซอกมุมภายในปากของเขา ยิ่งได้รับจูบมากเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าไม่พอวิทยาต้องการมากกว่านี้อีก ถ้ายิ่งจูบต่อเขาคงไม่อยากหยุดเพียงแค่จูบเขาเลยต้องหยุดต้นตะวันไว้ก่อน

“งั้นเจอกันตอนเย็นครับ”

วันนี้ของที่ร้านหมด ต้นตะวันเป็นคนที่แวะซื้อเข้ามาให้ และแม้ว่าทุกครั้งที่เจอกันที่ร้านแม่ของวิทยาไม่เคยพูดกับต้นตะวันเลย แต่ต้นตะวันก็ไม่ละความพยายามที่ชวนแม่ของวิทยาคุย

"ผมซื้อข้าวเหนียวมะม่วงมาให้ครับ"

ก่อนแวะเข้ามาที่ร้าน ต้นตะวันโทรถามวิทยาว่าแม่ของวิทยาชอบทานขนมอะไร เพราะตอนนี้เขากำลังจะเข้าไปที่ร้านเลยว่าจะซื้อขนมเข้าไปฝาก

"แม่ ตะวันซื้อขนมมาฝาก"

"วิทเอาไปให้เด็กในร้านกินเถอะช่วงนี้แม่ลดน้ำหนัก" 

"เจ้านี้อร่อยนะครับ ข้าวเหนียวมูลที่ร้านนี้เขาจะนึ่งใหม่ๆ เลยนะครับคุณน้า งั้นผมวางเอาไว้ตรงนี้แล้วกันนะครับ"

"การที่ทำแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้น้าเปลี่ยนความคิดหรอกนะ"

"ผมรู้ครับ" 

ใช่ต้นตะวันรู้ว่าสิ่งแค่นี้คงไม่สามารถเปลี่ยนใจของแม่ของวิทยาได้ แต่ที่เขายังคงเพียรทำก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการให้แม่ของวิทยาเห็นว่าเขารักวิทยามากแค่ไหน 

ต้นตะวันต้องการให้แม่ของวิทยาเห็น ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้และทิ้งวิทยาไป หลายครั้งที่ต้นตะวันรู้สึกเหนื่อยแต่พอเขาคิดไปถึงน้ำตาของวิทยาในวันนั้นมันก็ทำให้เขาท้อไม่ลง

"เหนื่อยไหมตะวัน?"

"ไม่เหนื่อยครับ"
 
ช่วงบ่ายของวันตู้แช่ไอติมหน้าร้านเกิดช็อตขึ้นมาทำให้ไม่สามารถเอาไอติมมาใส่โชว์ได้ โชคยังดีที่เป็นวันเสาร์ทำให้คนไม่เยอะมากเหมือนวันธรรมดา 

วิทยาแก้ปัญหาโดยการให้บอสวาดรูปแล้วเอาป้ายมาปักที่ถ้วยไอติมเพื่อบอกว่ามีรสอะไรเหลืออยู่บ้าง แล้วพอลูกค้าสั่งค่อยวิ่งไปตักจากตู้แช่เย็นหลังร้านแทน 

ต้นตะวันมาช่วยที่ร้านแต่เช้า เหนื่อยหน่อยเพราะต้นตะวันรับหน้าที่คอยเซาะน้ำแข็งที่อยู่ในตู้ออกให้หมดแล้วไหนยังจะต้องคอยซับน้ำที่ไหลออกมาจากตู้อีก และด้วยความที่วันนี้เป็นวันหยุดแม่ของวิทยาเองก็มาที่ร้านแต่เช้าพร้อมวิทยา

"สวัสดีครับ"

"สวัสดีค่ะ" 

เหตุการ์ณที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านมาจะร่วมเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าแม่ของวิทยายังไม่เปิดใจให้ ต้นตะวันเลยไปปรึกษากับพ่อของเขา เพราะทุกวันนี้นอกจากที่จะไปเจอที่ร้าน เขาก็ไม่มีโอกาศจะได้เจอกับวิทยา ดังนั้นวันนี้พ่อของต้นตะวันเลยตัดสินใจมาเยี่ยมวิทยาที่บ้าน

"ถ้าผมจะขอเข้าไปคุยด้วยในบ้านไม่ทราบว่าคุณจะอณุญาตให้ผมเข้าไปไหมครับ?"

"เชิญค่ะ"

ตลอดเวลาการคุยของผู้ใหญ่ทั้งสอง วิทยากับต้นตะวันนั่งรออยู่ที่ด้านนอกของบ้าน เพราะพ่อของต้นตะวันขอเอาไว้ วิทยาเอาแต่ชะเง้อเข้าไปในบ้าน ส่วนต้นตะวันได้แต่กุมมือให้กำลังใจ 

"คุณน่าจะรู้ว่าวันนี้ผมมาที่นี่ทำไมใช่ไหมครับ?"

"ค่ะ ดิฉันว่าดิฉันพอจะเดาออก"

"งั้นผมขอเข้าประเด็นเลยนะครับ ผมอยากมาขอให้คุณเปิดใจครับ"

"ทำไมดิฉันจะต้องยอมเปิดใจด้วยคะ? คุณก็รู้ว่าความรักในรูปแบบนี้คนในสังคมจะมองยังไง แล้วทำไมดิฉันต้องยอมให้ลูกดิฉันถูกมองแบบนั้นด้วยละคะ?"

"แล้วคุณจะสนใจคนในสังคมมากกว่าความสุขของลูกคุณเองเหรอครับ?"

"คุณอยากให้ลูกของคุณมีความสุข คุณก็พูดได้นิค่ะ"

"แล้วตาวิทมาคบกับตาตะวัน ตอนนี้เขาดูไม่มีความสุขเหรอครับ?" 

เธอรู้ เธอรู้ว่าลูกของเธอมีความสุขมากแค่ไหนในช่วงก่อนที่เธอจะสั่งให้เลิก ช่วงนั้นวิทยายิ้มให้เธอทุกวัน กลับมาบ้านไม่ว่าร้านจะยุ่งแค่ไหนวิทยาก็จะเล่าด้วยรอยยิ้ม แต่ช่วงหลังมานี้เธอกับลูกแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันเยอะกว่าเดิม
 
"ผมไม่ได้ขอให้คุณยอมรับ ผมขอแค่ให้คุณเปิดใจ อย่างน้อยลองเปิดใจลองดูพวกเขาดูสักครั้ง"

ทันทีที่พ่อของต้นตะวันเดินออกมาจากห้องรับแขก วิทยาเป็นคนที่เดินเข้าไปหาก่อน วิทยากังวลใจ เขากลัวว่าพ่อของต้นตะวันจะไม่ชอบเขาเพราะเขาทำให้พ่อของต้นตะวันมาเจอกับเรื่องแบบนี้ 

"ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ลูกทั้งสองของพ่อต้องผ่านไปได้"

ภาพที่แม่ของวิทยาได้เห็นตอนที่เธอมองออกมาทางนอกหน้าต่างคือลูกของเธอกำลังยืนก้มหน้าตัวสั่นอยู่ที่หน้าบ้าน โดยที่พ่อของต้นตะวันเป็นคนลูบหัวปลอบใจ และตัวต้นตะวันก็ไม่ได้ไปไหนยังคงกุมมือลูกเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
 
"วิท"

"ครับแม่"

"พรุ่งนี้เรียกต้นตะวันมาหาแม่หน่อย"

"แม่ แม่ เอ่อ"

"แค่เรียกมา"

"ครับแม่"
 
วิทยาบอกกับต้นตะวันในคืนนั้นว่าแม่อยากเจอ ทั้งสองคนต่างคิดไปต่างๆ ว่าแม่จะเรียกไปพูดเรื่องอะไร และถ้าเขาทั้งสองคนฟังแล้วมันไม่ดีเขาสองคนจะทำยังไง

"แต่เรามีตะวัน เพราะงั้นไม่ว่าแม่จะพูดอะไรเราว่าเราไหว"

"วิทของผมกลับมาแล้ว"

วิทยามารอต้นตะวันที่หน้าบ้านแต่เช้า วันนี้วิทยาไม่มีความกังวลใจอยู่ที่ใบหน้าแล้ว สิ่งที่วิทยามีคือรอยยิ้มที่พร้อมยิ้มให้กำลังแก่ต้นตะวันและกับตัวของเขาเอง   

"สวัสดีครับคุณน้า"

"จ๊ะ"

แม่ของวิทยาเธอคิดทบทวนหลายครั้งเกี่ยวกับสิ่งที่เธอจะพูด และเธอก็คิดแล้วว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดแต่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกของเธอมีความสุขที่สุด

"ตะวันรักลูกน้าตรงไหน?"

"วิทเข้าใจผมครับ"

"งั้นก็หมายความว่าต่อไปขอแค่ใครเข้าใจตะวันก็จะรักคนนั้นก็ได้โดยที่ไม่ใช่วิท?"

"ไม่ใช่ครับ วิทเข้าใจผมนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแต่สิ่งที่วิทมีคือใจผมครับ ผมให้ใจผมกับวิทไปแล้วและผมก็ไม่คิดว่าผมสามารถให้ใจผมกับใครคนอื่นได้อีก"

"วันนี้น้าเรียกเรามา น้าจะบอกว่า น้าจะไม่บังคับให้วิทเลิกกับตะวัน"

"แม่ วิท ขอบคุณมาก"

"น้าไม่ได้ต่อต้านแต่น้าก็ยังไม่ได้ยอมรับ น้าจะลองทำแบบที่พ่อของเราบอก น้าจะลองเปิดใจให้สองคนได้พิสูจน์ตัวเอง"

"ครับ/ครับ"

"แต่ถ้าน้าเห็นว่าลูกน้าเจ็บ น้าจะไม่ให้โอกาศเราซ้ำสอง"

"ครับ คุณน้า ผมสัญญาว่าจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นครับ"

"จ๊ะ วันนี้ น้าก็เรียกเรามาเพียงเท่านี้"

"ขอบคุณครับ"

"แม่"

วิทยาเดินเข้าไปโผกอดผู้หญิงที่เขารัก แม้แม่จะยังไม่ยอมรับแต่อย่างน้อยแม่ก็เปิดโอกาศให้แก่เขา ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาวิทยารู้ว่าแม่ของเขาเองก็เครียดไม่แพ้กันกับเขาเช่นกัน

"ยังไงแม่ก็รักลูกนะ วิทรู้ใช่ไหม?"

"ครับแม่ วิทรู้ๆ"

สองแม่ลูกผลัดกันเช็ดน้ำตาให้แก่กัน แม่เริ่มเล่าเรื่องของพ่อให้วิยาฟัง ต้นตะวันเลยถอยฉากออกมา เขาเดินออกมาจากบ้านของวิทยาเงียบๆ เพราะเขารู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่วิทยาคงต้องการอยู่กับแม่มากกว่าเขา 

"ฮัลโหล กลับไปตอนไหน? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"

"ผมอยากให้วิทได้คุยกับแม่ก่อน ผมเลยออกมาโดยไม่ได้บอกนะครับ”

"ขอโทษนะ"

"ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจ”

"ตะวัน"

"ครับ?"

"ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อดทนมาด้วยกันนะ"

"ขอบคุณทำไมครับ ผมทำไปทั้งหมดเพราะผมไม่อยากเสียวิทไป ผมก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกันครับ"

ตลอดการคุย เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินมานานก็หลุดออกมาจากปากของคนทั้งสอง  ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เรื่องราว ความรักลัดฟ้า ของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป จะอีกยาวนานรึไม่ แต่ทั้งสองต่างก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามพวกเขาจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นเด็ดขาด เขาทั้งสองจะพร้อมเดินข้ามอุปสรรค์ไปด้วยกัน 

...จบบริบูรณ์...

รักลัดฟ้าเดินมาถึงตอนจบแล้วค่ะ ปาดน้ำตา

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ โค้งรอบวง  ทุกคอมเม้นท์ ทุกแรงคลิ้กเข้ามา มันเป็นแรงฮึด แรงใจที่ดีมากจริงๆ ค่ะ ถึงทำให้ วิทยากับต้นตะวัน มาถึงบทนี้ได้

ขอบคุณเป็นพิเศษ คุณ wan_sugi และ คุณ iceman555 ด้วยนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาจนจบเลย ทุกคอมเม้นท์เป็นกำลังใจชั้นดีเยี่ยมเลยค่ะ  :L2: :pig4:

เรื่องนี้อาจจะมีอะไรผิดพลาดไปบ้าง มีอะไรอยากแนะนำเพิ่มเติมได้เลยนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ

แล้วไว้เจอกันในตอนพิเศษ และ เรื่องถัดไปนะคะ

ขอบคุณจากใจอีกทีค่ะ

จาก
SweetSky

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


 :กอด1:  :L2:   :L2:   :L1:   :pig4:   
 
รอติดตามภาคพิเศษ....

....

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ขอบคุณค่าาา  รอตอนพิเศษ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
แหมๆๆๆๆๆๆ วิทย์เป็นทั้งที่ปรึกษา เป็นทั้งนักจิตวิทยา มีปัญหาแค่แม่รับไม่ได้แล้วจะถอดใจละก็....ไม่โง่ก็บ้าแล้ว
ต้นหาดีแบบนี้ที่ไหนก็ไม่ได้แล้ว...

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ++

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ชอบวิทมากกกกก มีปัญหาก็ต้องแก้ไขไม่ใช่แค่ยอมรับมันเฉยๆเนอะ สู้ๆๆๆๆ

ปล. พอฉากหลังเป็นออสฯ นี่ทำเราคิดถึงติ่มซำที่ไชน่าทาวน์ ช๊อคโกแลตที่ max brenner งืออออออ และเพนกวิ้นน้อย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :3123: :L1:

เราเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ รอดตาไปได้ไง ฮื่ม
ชอบมากๆอ่านรวดเดียวจบเลย

แรกๆก็ขัดใจต้นตะวัน ตอนนี้เครียแล้ว วิทก็มีงอนแต่พองาม55
ขอบคุณมากที่แชร์ผลงานดีๆ :L2:

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ตอนพิเศษ -เรื่องของถัง-

"ถัง ถังต้องสัญญากับแม่และพ่อนะลูก ว่าลูกจะไม่ลืมวันนี้ ลูกจะต้องไม่เป็นแบบพี่ชายของลูก"

"ครับ”

"คุณไปพักเถอะเดี๋ยวผมดูลูกเอง"

“ถังฟังพ่อนะ แม่เขาเหลือเราเพียงคนเดียวแล้ว พ่อหวังว่าลูกจะไม่ทำให้แม่เขาต้องผิดหวังซ้ำสองนะ”

วันนี้เป็นวันสวดวันสุดท้ายของพี่ชายของถัง ถังยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่างานศพคืออะไร สิ่งที่ถังรับรู้ก็คือพี่ชายที่ใจดีของเขาหลับอยู่ข้างในกล่องสี่เหลี่ยมนั้น ไม่ยอมตื่นมาเล่นกับเขา ที่เขาต้องขาดพี่ชายคนนี้ไปก็เพียงเพราะพี่ชายของเขาไปมีความรักกับผู้ชายอีกคน

"แม่วันนี้ถังไปบ้านเพื่อนนะ"

"ไปบ้านใครผู้หญิงผู้ชาย"

"เป็นบ้านเพื่อนผู้ชาย แต่มีเพื่อนผู้หญิงไปด้วยครับ"

"ไม่ได้ แม่ไม่ให้ไป เคยบอกแล้วไงว่าถ้าจะทำรายงานหรือทำอะไรให้มาที่บ้านเรา”

"แต่แม่ถังแค่..."

"ถังไม่รักแม่เหรอลูก แม่ไม่อยากเสียงถังไปเหมือนพี่ของเรา ถังก็รู้ว่าแม่รักถังมาก"

"ครับ"

ถังรู้ว่าแม่ไม่ได้อยากบังคับเขาแบบนี้แต่เพราะแม่กลัวว่าถังจะมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนพี่ของเขา
 แม่บอกเสมอว่าความรักแบบพี่ของเขามันไม่ดี มันทำลายชีวิตของพี่ ทำลายครอบครัวและนั้นก็เป็นสิ่งที่ถังฟังและเชื่อมาโดยตลอด

“น้องเป็นอะไรรึเปล่า?”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ตะวันน้องเข่าเลือดออกขนาดนี้ พาน้องไปห้องพยาบาลเถอะ”

ถังเลือกเกษตรเป็นวิชาเลือกเพราะถังชอบต้นไม้ การที่ถังได้ใช้เวลาเพื่อเฝ้าดูการเจริญเติบโตเป็นสิ่งที่ถังชอบมากที่สุด แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้าง ตอนที่เขากำลังขุดดินเพื่อที่จะเอาต้นไม้ลง ถังกะแรงผิดไป ทำให้ตอนที่ต้องดึงจอบขึ้นถังเกิดเสียหลักล้มเข่ากระแทกไปกับพื้น

“พี่ทำแผลให้เสร็จแล้ว แต่อย่าลืมกลับบ้านแล้วทำความสะอาดแผลอีกครั้งด้วยละ”

“ขอบคุณครับ”

ถังไม่รู้จักพี่ที่ทำแผลให้เขารู้แต่ว่าพี่คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ตะวัน ถังรู้จักพี่ตะวันเพราะอยู่ชมรมกีฬาด้วยกัน
พี่ตะวันใจดีรู้ว่าเขาไม่ชอบวิ่งก็จะให้เขาเลือกหน้าที่อื่นแทนเช่น เช็ดอุปกรณ์หรือเก็บของตอนชมรมเลิกแล้ว

“เป็นไงเราแผลหายยัง?”

“ดีขึ้นแล้วครับ”

“อ้าวๆ ดีขึ้นแบบนี้ก็วิ่งได้แล้วสิ อยากลองลงไปซ้อมวิ่งสัก 3รอบไหม?”

“โอ้ยพี่ อยู่ๆ ก็เจ็บแผลขึ้นมาเลย”

“ทันทีเลย นั่งเล่นอยู่แถวนี้แล้วกันรอเวลาเลิกชมรม”

“คร้าบบบ”

นับจากวันนั้นถังก็รู้สึกสนิทกับพี่ตะวันมากขึ้น พี่ตะวันใจดีกับเขาเหมือนพี่ชายของเขาที่จากไป และความใจดีนี้ก็ทำให้ถังรักพี่ตะวันเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเขาอีกคน

“เฮ้ย ถังพวกกูถามอะไรหน่อยสิ?”

“อะไร?”

“พี่ตะวันคนที่มึงสนิทอะ เขาเป็นแฟนกับพี่คนนั้นใช่ไหม? ที่เดินด้วยกันบ่อยๆ”

“ไม่ใช่!!! ข่าวมั่วแล้วมึง”

“จริงเหรอวะ? แต่ใครๆ เขาก็บอกกันว่าเห็นพี่สองคนนั้นกอดกันกลมดิกในโรงเรียน”

“ใช่ๆ มึงบอกคนเห็นเขาจูบกันด้วยนะโวย”

ถังก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นยังไง และถังก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะถามพี่ตะวันออกไป ถังจึงได้แค่ฟังข่าวจากคนโน้นคนนี้อยู่เงียบๆ

“พี่ตะวันโอเคไหม?”

“พี่โอเค ขอบใจมากถัง”

แต่หลังจากที่ข่าวนั้นกระจายออกไป พี่ตะวันของถังก็ยิ่งซึมไม่ร่าเริงอย่างแต่ก่อน หงุดหงิดง่ายแถมยังมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นจนเข้าฝ่ายปกครองอยู่บ่อยๆ ส่วนเพื่อนสนิทของพี่ตะวันก็ไม่ยอมมาที่ชมรม หรือ บางวันที่มาก็มาแอบดูแต่ไม่ยอมเข้ามาในโรงยิม หลายครั้งที่ถังเห็นพี่คนนั้นต้องแอบนั่งร้องไห้ที่ข้างๆ โรงยิมเพียงคนเดียว

“แม่งเอ้ย”

แม้ชมรมจะเลิกแล้วแต่ถังก็ยังเห็นพี่ตะวันเอาแต่แตะอัดลูกบอลที่กำแพงหนักเข้าก็เอาลูกบาสมาปาจนเกลื่อนโรงยิมไปหมด
เหตุการ์ณยิ่งแย่ลง จู่ๆ เพื่อนของพี่ตะวันคนนั้นก็หายไปจากโรงเรียน ตัวพี่ตะวันเองก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และในที่สุดพี่ตะวันก็ขอลาออกจากชมรมกีฬา

“พี่ตะวัน”

“ว่าไงเรา”

แม้พี่ตะวันจะยังยิ้มยังพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แต่พี่ตะวันจะไม่ยอมแตะตัวลูบหัวถังเล่นเหมือนเมื่อก่อนด้วยเหตุผลที่ว่า “เดี๋ยวคนอื่นจะว่าถังได้ว่าถังเป็นตัวประหลาด”

“เพราะพี่กับเพื่อนพี่คนนั้นเป็นแฟนกันใช่ไหม พวกพี่เลยต้องเป็นแบบนี้?”

“ใช่ ที่เป็นแฟนกัน แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่ระวังไม่มากพอ”

แล้วมันจะต่างกันตรงไหน เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการที่พี่ทั้งสองคนเป็นแฟนกันก็คือความเจ็บปวด ก็เหมือนกับที่พี่ของเขาต้องเจ็บปวดจนจากไปนั้นแหละ

“ผมจะปกป้องพี่เองพี่ตะวัน”

“ขอบใจไอ้น้อง”

เขาจะปกป้องจริงๆ เขาจะไม่ให้พี่ตะวันต้องเจ็บปวดอีกแล้ว แค่พี่ตะวันไม่ต้องมีแฟนเป็นผู้ชายก็แค่นั้นเอง ถังจะไม่มีวันเสียพี่ตะวันไปอีกคนแน่นอน

เอาตอนพิเศษมาลงเพิ่มหนึ่งตอนค่ะ เป็นตอนของน้องถังของเรา

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยค่ะที่เข้ามาเม้นท์มาอ่านกัน เห็นแล้วยิ้มแก้มปริเลยค่ะ


มาครั้งนี้มาตอนพิเศษพร้อมแจ้งข่าวค่ะ

เราจะพิมพ์เรื่องนี้ไว้เป็นที่ระลึกที่เป็นเรื่องแรกที่เราเขียนค่ะ

ใครสนใจ อยากร่วมระทึก เอ่ย ระลึกด้วยกันติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยนะคร่าาา

ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยค่ะ

ปล ครั้งนี้เราไม่ได้พูดคุยกับทุกคอมเม้นท์เพราะไม่ได้พิมพ์ผ่านคอมเราขอโทษนะคะ  เดี๋ยวพอมีคอมจะรีบมาคุยด้วยเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด