+++++ ตอนที่ 17 (ต่อ) ++++
“อิง...” หลิวเฉินซางนั้นพอฟื้นขึ้นมาก็พบกับมู่อิง ยามนี้เขาไร้เรี่ยวแรง แม้แต่มือยังยกไม่ขึ้น ผมสีเงินสยายทั่วแผ่นหลัง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียว ดูราวกับคนอมโรคที่ใกล้สิ้นใจ แต่ลักษณะเช่นนี้ทำให้คนแทบอยากประคองเขาไว้บนฝ่ามือ ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ แม่แต่ยามป่วยไข้ยังสามารถล่อลวงหัวใจของเหล่าสตรีให้ไหวเอน
“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้น” คิ้วที่ขมวดของมู่อิงคลายลง ยามนี้ใบหน้าของท่านจอมมารดูอ่อนโยน ราวกับสายลมที่ทั้งเย็นสบายและอบอุ่น “ฉางเอ๋อที่สองไปตามเฉียนหลีมา บอกเขาว่าประมุขหลิวฟื้นแล้ว”
“ข้าบาดเจ็บ?”
“เจ้าใกล้ตายแล้ว ดีที่ข้าพามาถึงมือเฉียนหลีทัน ตาแก่ของพรรคเจ้าเห็นแล้วน่ารำคาญตาข้าเลยให้พวกเขาทั้งหมดกลับไป” มู่อิงไม่ได้บอกว่าตนเอง ‘ไล่’ ผู้อื่นไปอย่างเผด็จการเพียงไร ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนนั้นต้องกลืนความไม่พอใจลงท้อง แล้วพาคนกลับไปอย่างอย่างคับข้องใจ ถึงแม้พรรคมารจะมีหมอฝีมือร้ายกาจเพียงใด แต่หลิวเฉินซางเป็นประมุขพรรคเรือนเมฆา จะพาคนกลับพรรคยังต้องดูสีหน้าจอมมารอีกหรือ เรียกว่าในท้องท่านผู้อาวุโสย่อมต้องเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“อืม...ข้าโคจรลมปราณไม่ได้” หลิวเฉินซางขมวดคิ้วเล็กน้อย สภาพที่ทำอะไรไม่ได้เช่นนี้ เขาไม่ชอบใจนัก หากแต่พอมองดูมู่อิงที่แข็งแรงดี นับว่าบาดเจ็บครั้งนี้ไม่เลวร้ายเกินไปนัก ที่สำคัญดูเหมือนมู่อิงจะมิได้ทำเช่นเขาเป็นคนนอกอีก นับว่าน่าพอใจ... ไม่ขาดทุนแม้แต่อีแปะเดียว
มู่อิงเดินไปรินน้ำชาให้หลิวเฉินซาง หากเขาเห็นสายตาราวสุนัขจิ้งจอกยามที่เหยื่อตกอยู่ในอุ้งมือของหลิวเฉินซางยามนี้ มิรู้ว่าจะเอาน้ำชาสาดหน้าคนป่วยหรือไม่ เมื่อมู่อิงหันกลับมาสายตาของหลิวเฉินซางก็กลับมาสงบราบเรียบราวกับคนป่วยใกล้ตายดังเดิม
“เส้นชีพจรเจ้าเสียหาย ภายในสามเดือนห้ามใช้กำลังภายในโดยเด็ดขาด” มู่อิงประคองหลิวเฉินซางขึ้นมาดื่มน้ำชา เพียงแค่คนป่วยบอกว่าร้อนไป เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงนำน้ำชาถ้วยนั้นกลับมาแล้วก้มลงเป่าให้ ท่าทางตั้งอกตั้งใจเช่นนี้ทำเอาหลิวเฉินซางจ้องมองไม่วางตา รู้สึกหวานล้ำไปทั้งใจ
ดังนั้นเมื่อมู่อิงนำถ้วยน้ำชากลับไปเก็บหลิวเฉินซางจึงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอด ได้แต่เจ็บใจที่ไม่มีแรงมากกว่านี้อีกเล็กน้อยจะได้กอดท่านจอมมารได้แน่นกว่าเดิม ขอบคุณสวรรค์ยิ่งนักที่เขายังฟื้นขึ้นมาเห็นหน้ามู่อิง...
ยามที่เขาสลบไปนั้นสิ่งที่กังวลที่สุดก็คือการไม่อาจพบกับมู่อิงอีกครั้ง
“เจ้าทำบ้าอะไร”มู่อิงที่โดนผู้อื่นรวบไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวได้แต่ตวาดเบาๆ เขาไม่กล้าลงมือกับคนเจ็บ เพียงแค่หลิวเฉินซางฟื้นขึ้นมาเขาก็มิรู้ว่าโล่งใจเพียงไรแล้ว อีกทั้งการที่อยู่ในอ้อมกอดของคนผู้นี้ก็ทำให้ใจของทั้งจอมมารทั้งสงบและเป็นสุข ความรู้สึกเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย ถึงเจ้าปีศาจห่มจีวรจะล่วงเกินตนเองไว้มากมายเพียงไรยามที่เห็นหลิวเฉินซางนอนนิ่งราวกับคนตายเช่นนี้มู่อิงไม่อยากเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกยามนั้นเขาไม่ต้องการสัมผัสอีกต่อไป ดังนั้นมู่อิงจึงขยับตัวเล็กน้อยให้หลิวเฉินซางกอดได้สะดวกสบายมากขึ้น
บรรยากาศหวานล้ำในห้องยามนี้มิทราบว่าทำให้เทพเซียนอิจฉา สวรรค์ริษยาเพียงไร
“แม่นางซูข้ามิรู้ว่าตนเองควรเข้าไปดูคนป่วยดีหรือไม่”เฉียนหลีหันไปปรึกษาซูปี้ฮวาที่ยืนอยู่ข้างๆ ยามเขามาถึงหน้าประตูพร้อมกับนาง ท่านประมุขก็ตกอยู่ในอ้อมกอดประมุขหลิวเรียบร้อยแล้ว ยามนี้ผ่านไปครึ่งเค่อเขาควรบอกท่านประมุขหรือไม่ว่าถึงพวกท่านจะมีใจให้กัน แต่ประมุขหลิวบาดเจ็บหนัก ไม่ควรนั่งนานๆ ที่สำคัญบุรุษสองคนกอดกันกลมเช่นนี้... ถึงจะไม่ดูขัดตา แต่ชื่อเสียงของท่านประมุขจะเสียหายเอาได้...ถึงแม้ชื่อเสียงของท่านประมุขจะไม่อาจเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้วก็ตาม
“เช่นนั้นเชิญคุณชายเฉียนเชิญเข้าไปก่อน” ซูปี้ฮวาบอกอย่างมีมารยาท นางไม่รู้ว่าควรเข้าไปขัดบรรยากาศอันซาบซึ้งของท่านประมุขดีหรือไม่ เช่นนั้นควรให้เฉียนหลีเข้าไปก่อน
“แม่นางซูอย่าได้เกรงใจ เจ้าเป็นสาวใช้ประจำตัวท่านประมุข เชิญเจ้าก่อน”
“คุณชายเฉียนเป็นหมอควรรีบเข้าไปก่อน ข้าน้อยเป็นสาวใช้เดินตามถือว่าถูกต้องแล้ว”
“แม่นางซู...”
“เข้ามาได้แล้ว!!! พวกเจ้าใครเข้ามาก่อนก็เหมือนกัน” เห็นสองคนเกี่ยงกันไปมาเช่นนี้ มิรู้หรือไรว่ามู่อิงรู้ตัวตั้งแต่พวกเขามาถึงแล้ว หากแต่การอยู่ในอ้อมกอดหลิวเฉินซางก็สบายไม่น้อย เขาจึงใช้เวลานานสักหน่อยเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++
เจอกันอีกที หลังวันที่ 10 มีนาคมนะคะ
ช่วงนี้คนเขียนยุ่งมากจริงๆ คาดว่าหลังวันที่สิบมีนา
น่าจะเคลียร์งานเสร็จ มีเวลามาเขียนนิยายบ้างอะไรบ้าง