
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
สองคืนก่อนหน้า...
ร่างสูงใหญ่ชัดเจนขึ้นในความมืดจับจ้องไปที่เตียงคนไข้ หญิงชรานอนขดตัวดูเปราะบางน่าสงสาร ความสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงเสียนัก เหรียญกษาปณ์อันเก่าเปล่งประกายสีแดงฉานบนพื้นในห้องพักผู้ป่วย
“เล็ก” ร่างใหญ่ส่งเสียงเรียก “ตื่นเถอะลูก” หญิงชราค่อยๆลืมตาขึ้น มองร่างใหญ่ช้าๆก่อนจะยิ้มออกมาราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน
“ฟังพ่อนะ...”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมเงียบจังเลย” นาวาจับมือคนนั่งข้างๆมาจับ แต่ถูกชักหนีแทบจะทันใด “ตื่นเต้นเหรอครับที่จะได้เข้าบ้านพี่เป็นครั้งแรก” เงียบ ไม่มีการตอบรับใดๆจากคนที่ถูกถาม
“สอง เป็นอะไรไปครับ” นาวาเริ่มใจเสีย สองเมืองนิ่งเงียบมาตั้งแต่อยู่ในงานศพ ถามอะไรก็ไม่ตอบ นิ่งเงียบมาตลอดทาง คืนนี้นาวาย้ายข้าวของมาพักที่บ้านตามคำขอร้องของผู้เป็นมารดาแทน
“พี่มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ อะไรก็ได้ที่พี่ยังไม่ได้บอกผม” สองถามเสียงเย็นเยียบ นาวาทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะตอบว่า ไม่มี
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันครับ ขับรถไปเถอะ” สองแสร้งปิดตา คำพูดของพ่อเลี้ยงสิงห์คำยังก้องในหัว นาวาจอดรถข้างทางที่มีแต่ความมืดและป่ารกชัฏ
“พี่รู้ว่าเรายังไม่นอนนะ เป็นอะไรหรือเปล่า บอกพี่มาเถอะ อย่าเงียบแบบนี้เลย” นาวาคาดคั้น สองถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เรื่องราวมันตีกันพัลวันในหัวของเขา
“วันนี้ผมเจอพ่อเลี้ยงสิงห์คำ” นาวาขนลุกซู่ สิ่งที่เขากลัวมาตลอดมาถึงแล้วใช่ไหม วันที่สองรู้ความจริงคือวันนี้อย่างนั้นหรือ เขาขบคิดหาคำแก้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ทำสัญญาบ้าๆนั่นจนกระทั่งวันนี้ ยังไม่มีคำพูดไหนฟังขึ้นสักประโยค
“ก่อนที่สองจะพูดหรือจะว่าอะไร สองฟังพี่ก่อนนะครับ” นาวาจับมือของอีกคนหนึ่งไว้ พยายามยืดยุดกันอยู่นานจนสองยอมแพ้ แสงจันทร์ภายนอกสุกประกายเปล่งปลั่ง “สัญญาที่เราทำกันนั้น ในทางกฎหมายมันใช้ไม่ได้..” นาวาสารภาพ เขากลัวเหลือเกินว่าการเก็บงำเรื่องนี้ต่อไป มันจะยิ่งบานปลาย
สองอ้าปากจะพูด แต่ถูกนายอำเภอห้ามเสียก่อน “ฟังพี่ให้จบนะครับ...”
สองนิ่งและสูดลมหายใจช้าๆเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เย็นลง “มันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่พี่รักสองตั้งแต่วันแรกที่พบกัน รู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด อยากได้สองมาครอบครองเสียเดี๋ยวนั้น”
“แต่มันยากเหลือเกิน เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชาย” สองบีบมือนาวาแน่น เข้าใจประโยคนี้อย่างล้นเหลือ การมีคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องน่าอาย ให้ผู้ใดรู้ไม่ได้ ญาติโกโหติกาของเขาก็ไม่มีใครรับรู้ ทุกคนเข้าใจแค่ว่านายอำเภอจ้างเขาไปช่วยดูแลบ้านในฐานะ “คนใช้” แบบที่คุณหญิงรัมภาพรปรามาสไว้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ระหว่างที่นายอำเภอไปธุระข้างนอกวันหนึ่ง คุณหญิงรัมภาพรได้ตื่นมาเจอกับเขาด้วยสีหน้าไม่ประหลาดใจสักเท่าใดนัก
“นายสองใช่ไหม” น้ำเสียงเย็นชานั้นแสดงอำนาจเพื่อควบคุมบทสนทนา
“ใช่ครับ”
“ชั้นรู้นะ ว่านายกับตาใหญ่เป็นอะไรกัน ชั้นไม่ได้โง่นะ อยู่ไกลแค่ไหนชั้นก็รู้เรื่องราวของลูกชายชั้นได้” สองหน้าซีด เขารับรู้ถึงความไม่เป็นมิตรของสตรีเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี
“เรา...เอ่อ..”
“ที่ชั้นไม่ทำอะไรเป็นปีๆไม่ใช่เพราะชั้นยอมรับนายหรอกนะ ชั้นรู้นิสัยลูกชายชั้นดี” คุณหญิงขยับตัวจะลุก สองเข้าไปประครอง “ไม่ต้อง” น้ำเสียงปฏิเสธเด็ดขาด สองจึงนั่งที่เดิม
“แต่นายคิดเหรอ ว่าเป็นแบบนี้มันจะจีรังยั่งยืน คิดเหรอว่าลูกของนายเขาจะภูมิใจที่มีพ่อเป็นพวกลักเพศ” สองหน้าชา วาจาเชือดเฉือนนั้นไม่ต้องแปลความใดๆ คุณหญิงพูดตรงประเด็นเพราะเธอรู้ว่าสองคงไม่เข้าใจศัพท์แสงแบบผู้รากมากดี
“ออกไปจากชีวิตลูกชายชั้นเถอะนายสอง ชั้นสัญญาว่านายอยากได้อะไร ชั้นจะยอมนายทุกอย่าง...ถือว่าทำเพื่อนาวานะ” คุณหญิงน้ำเสียงอ่อนลงในช่วงท้าย สองกำมือแน่น ความเครียดแตะตึงไปทั่วร่าง
“พี่ไม่ขอให้สองเชื่อ...แต่ตอนเห็นเราครั้งแรก พี่รู้สึกถูกชะตา ผูกพันอย่างบอกไม่ถูก เสียงในหัวพี่บอกว่าอย่าปล่อยสองไปเด็ดขาด” นาวาจ้องตาสอง มันแวววับฉายประกายความจริงใจแม้อยู่ในความมืดมิด สองดึงสติของตัวเองกลับมา ทั้งคำพูดของคุณหญิง ทั้งคำพูดของพ่อเลี้ยง และคำพรั่งพรูจากปากของคนข้างหน้าทำให้เขาสับสน
“จนพี่รู้เรื่องที่ดิน..พี่รู้ว่าพี่คิดบ้าๆ...พี่รู้ว่าพี่หลอกเรา แต่พี่ทำไปเพราะพี่ไม่อยากปล่อยให้เราไป” นาวาเน้นคำพูดสุดท้าย
“สองอาจจะคิดว่ามันบ้า แต่สองก็น่าจะรู้ว่าพี่เข้าไปจีบเราอย่างคู่ชายหญิงไม่ได้ สองเป็นผู้ชาย พี่ก็ผู้ชาย คงไม่มีใครบ้ารับรักพี่หรอก แม้แต่สองเองก็ตาม”
“พี่เลยสร้างสัญญานี้ขึ้นมา” สองพูดในที่สุด
“ใช่ครับ” นาวารับคำแทบจะทันที “พี่ขอโทษที่ทำแบบนี้” นาวานั่งนิ่ง ประเมินคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ความมืดมิดและความเงียบของสอง ทำให้เขาไหวหวั่น
“ผม...” สองไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหน เขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ถูกหลอก แต่กลับรู้สึกดีที่นายอำเภอหนุ่มทำแบบนี้
“สำหรับพี่ ถึงแม้จะมีสัญญานั้นหรือไม่ก็ตาม พี่ก็รักเรานะครับ พี่อาจจะบ้าเองที่ทำแบบนั้น แต่...”
“พอเถอะครับ” สองห้ามนายอำเภอ ทุกอย่างมันเยอะจนเขาคิดตามไม่ทัน “พี่รักผมจริงหรือเปล่า?”
นาวามองหน้าสอง เขารู้สึกตกใจที่อยู่ๆผู้ชายแบบสองถามคำถามนี้ ใบหน้าของสองดูนิ่งเฉย แต่แววตากลับฉายแววของความสับสนราวกับมีเรื่องมากมายในหัว สองมือนั้นกุมแน่นราวกับมีเรื่องกังวลมหาศาล เขาแกะมือนั้นออกและจับมันไว้ ก่อนจะโน้มตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด “รักสิ พี่รักเรามากนะครับ”
“ถ้างั้น พี่ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ผมเข้าใจแล้ว” สองหลับตา กลิ่นกายอุ่นอวลของนาวาปะทะจมูก เขารู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในอ้อมกอดนี้ ถึงแม้คำพูดของคนอื่นจะถาโถมจนเขาแทบจะทรุดไปกองที่พื้น แต่เมื่อเลือกที่จะเป็นหิน ถึงแม้มันจะไร้ค่า แต่เขาจะต้องแข็งแกร่ง
“หือ! เข้าใจแล้ว หมายความว่าไง สองไม่โกรธใช่มั้ย ไม่เกลียดพี่ใช่มั้ย” นาวาดีใจเสียงเต้น ก่อนพรมจูบหอมจนสองหลบไม่พ้น
“พี่ พอแล้ว ผมช้ำหมดแล้วเนี่ย”
นายอำเภอหนุ่มไม่หยุด พรมจูบทั่วใบหน้า สูดกลิ่นผู้ชายเบื้องหน้าที่ซอกคออย่างหื่นกระหาย “ช้ำๆสิดี จะได้หวาน”
“ผมไม่ใช่กระท้อนนะพี่ จะได้ตีก่อนแล้วค่อยกิน”
“พี่รู้ แต่พี่ทนไม่ไหวแล้ว...” สองทำหน้าเหวอ เขารู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว เพราะเบาะนั่งถูกเอนไปข้างหลังจนสุด นายอำเภอร่างยักษ์คร่อมเขาไว้เสียแทบมิด
“พี่ นี่มันในรถนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่สามารถ” สองไม่อาจตอบโต้อะไรได้อีก ด้วยถูกนาวาจู่โจมปิดปาดบดเบียดควานควักหาความหวาน ในยามดึกดื่นยามนี้ หากมีใครผ่านมาพบ จะเห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งจอดข้างสุมทุมพุ่มไม้ใต้แสงจันทร์อร่าม และรถคันนั้นเคลื่อนไหวได้ ราวกับมีคนกำลังเขย่ามันด้วยแรงที่หนักหน่วง...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
นาวาคือนาวา โคตรจะหื่น
