๔๑ห้าปีก่อน ... รพีพันธ์ เดินทางมาที่จังหวัดนี้ นั่งฟังการบรรยายในการสัมมนา เรื่องหมู่บ้านจันทรา
ห้าปีก่อน ... ในเวลา และสถานที่เดียวกัน จันทิรักษ์ ได้เห็นชายหนุ่ม เห็นการเปลี่ยนแปลงของ ‘สัญลักษณ์’ กลางหน้าอกของเขา พร้อมกันนั้น ‘สัญลักษณ์’ กลางหน้าผากของเด็กหนุ่ม ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ห้าปีก่อน .. สัญลักษณ์ทั้งสอง อาจจะส่งสัญญาณร้องเรียกหากัน เมื่อรู้ว่าได้มาอยู่ใกล้กัน
นั่นคงเป็นแรงผลักดันให้กงล้อแห่งชะตากรรม ที่หยุดนิ่งอยู่ ให้เริ่มทำงานตามหน้าที่ของมัน
กงล้อแห่งชะตากรรม ที่นำพาให้ชายหนุ่มถูกส่งตัว ... หรืออาจจะถูกดึงตัว กลับไป ... สู่อดีต
... อดีตอันมีผลให้เกิดปัจจุบัน
อดีต ที่เขามักจะถูกมองด้วยสายตาอันอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยความรัก
ปัจจุบัน เขาปรารถนาจะใช้ดวงตาของเขามองคนตรงหน้า เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นและรู้สึกได้จากแววตานั้น
อดีต ที่เขาถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกอันอันอบอุ่น และถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในยามค่ำคืน
ปัจจุบัน เขาปรารถนาจะใช้วงแขนของเขา โอบกอดคนตรงหน้านี้ ให้ได้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เหมือนที่เขาเคยได้รับ
“ไอ้ติก มึงเป็นอะไรวะ เอาแต่จ้องพี่เค้าแล้วหน้าบูดเป็นหมาเน่าแบบเนี๊ย” ปอน กระซิบถาม
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือแพ ที่กำลังล่องช้าๆอยู่ในทะเลสาบ รพีพันธ์ กำลังชี้ชวนให้ จันทิรักษ์ ดูสภาพอันสวยงามในมุมต่างๆ
“กูไม่ค่อยสบายใจหว่ะ” ติก ตอบกลับเบาๆ
“ทำไมวะ มึงยังไม่เลิกหึงอีกเหรอไง” ปอนพูดแล้วก็อดขำไม่ได้
ผั๊วะ ... ติก ตบลงไปบนศรีษะของ ปอน แรงพอดู แต่ ปอน ไม่กล้าโวยวาย ได้แต่เบ้หน้า แล้วคลำศรีษะบริเวณที่ถูกตบป้อยๆ
“ไม่ใช่เว๊ย เอ็งทำเป็นลืมรึไงวะ ไอ้ทิ น่ะ มันมีปานที่หน้าผาก”
“แล้วไงวะ”
“เชี๊ยะนี่ ... ต้องให้บอกละเอียดทุกเรื่องเลยหรือไงวะ คิดต่อเองมั่งดิ๊”
“มึงก็บอกๆมาให้หมดสิวะ ขยักไว้ทำไม ต้องให้กูคิดอีก ... เสียเวลา” ปอม ไม่ลดละ
“ปานของ ไอ้ทิ มันเป็นรูปจันทร์เสี้ยว มันเกิดวันพระจันทร์เต็มดวง ตรงกับวันลอยกระทงพอดี ก็เป็นเพ็ญแรกของฤดูหนาว แล้วตอนนี้มันอายุ๒๐ ... มึงต้องให้กูบอกอีกมะ ว่ากูกลัวอะไร”
“กร๊าก ...” ปอม หัวเราะเสียงดัง “นั่นมันตำนานนะเว๊ย เหมือนพวกตำนานท้าวผาแดงกับนางไอ่ ตอนนี้มึงลองไปจับกระรอกมากิน บ้านมึงจะโดนน้ำถล่มมะ”
“แล้วไง ... ยังไงกูก็กลัวหว่ะ แล้วที่กูหงุดหงิดเนี่ย เพราะกูไม่เข้าใจทำไมกูถึงกลัว ทั้งๆที่กูก็คิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน”
“ใช่มันเป็นแค่ตำนาน” อัศวิน เดินเข้ามากอดคอเพื่อนทั้งสองคนไว้ ลากตัวไปใกล้ รพีพันธ์ กับ จันทริ “ใช่ป่ะพี่ ตำนานมันก็เรื่องเก่า มันผ่านไปแล้ว แล้วก็คงไม่เกิดซ้ำอีก ไม่งั้นมันก็ไม่เรียกว่าตำนาน ปัจจุบันก็อีกเรื่อง จันทราในตำนานน่ะ ตายเพราะใช้พลังไปกับการช่วยเหลือหมู่บ้าน จนหมดพลังชีวิต ในเวลาที่สมควร แต่นี่ ไอ้ทิ”
อัศวิน คลายวงแขนจากเพื่อนทั้งสอง เดินมาโอบไหล่ฝาแฝดแทน จันทิรักษ์ เองก็โอบเอว อัศวิน เอาไว้ ด้วยรอยยิ้ม
“แต่ไอ้นี่น่ะ” อัศวินชี้หน้าน้องชาย “ไอ้ม๋ากะทิ ไม่เห็นมันทำอะไรได้เลย นอกจากกินกับนอน มันไม่เป็นอะไรหรอก ยังอยู่ให้เอ็งปกป้องไปอีกหลายปี ไม่ต้องห่วงหรอกเว๊ย ไอ้เสือ” คำสุดท้าย อัศวิน ยื่นหน้าเข้าไปหา ติก พลางทำตาโตใส่ ทำเอา ติก ถึงกับหน้าแดงขึ้นมา
“ไอ้นี่น่ะ ไอ้เสือไงพี่” อัศวิน หันไปยิ้มให้ รพีพันธ์ “ชื่อจริงมันชื่อ พยัคฆินทร์ บางทีพวกเราเลยเรียกมัน ไอ้เสือ”
“ไอ้เสือ !!!” ชายหนุ่มทวนคำ พลางขมวดคิ้ว ยังไม่ค่อยแน่ใจในความหมายที่ อัศวิน บอก
“ใช่พี่ ไอ้เสือตัวนั้นน่ะแหละ” พูดแล้ว อัศวิน ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
รพีพันธ์ แทบไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ... ติก คือ พยัคฆา เสือโคร่งตัวมหึมา ที่รักและปกป้อง จันทริ ราวกับเป็นลูก ...
ชายหนุ่มหันไปมอง ติก ซึ่งกำลังงงว่าสองคนนี้พูดถึงอะไรกันแน่ เช่นเดียวกับสายตาของ จันทิรักษ์ ที่หันไปมองหน้าพี่ชาย เพราะสงสัยในสิ่งเดียวกันกับ ติก
............................................................................
...............................
“พี่ทิตย์ ครับ พรุ่งนี้เช้าพี่ก็กลับแล้ว ผมคืนสร้อยให้พี่นะครับ” จันทิรักษ์ ทำท่าจะถอดสายสร้อยสีแดงออกจากลำคอ
“ไม่ต้องหรอกครับ” รพีพันธ์ ห้ามแล้วยกมือจับจี้ที่ร้อยอยู่กับสายสร้อย ลูบคลำอย่างแผ่วเบา
จันทิรักษ์ นั่งพิงหลังอยู่แนบอกของ รพีพันธ์ เหมือนเมื่อคืนนี้ ในบริเวณสนามหญ้าแห่งเดิม ช่วงเวลาเดิม
“พี่อยากให้ น้องทิใส่ไว้” รพีพันธ์ บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แต่มันเป็นของสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ครับ เป็นของสำคัญมาก แต่ น้องทิ คงจำไม่ได้ มันเป็นของสำคัญของ น้องทิ ก่อนที่จะมาอยู่กับพี่”
“เอ๊ะ...จริงเหรอครับ ทำไม ทิ จำไม่ได้” จันทิรักษ์ขมวดคิ้ว หันหน้ามาถามชายหนุ่ม
“จำ ‘เรื่องในอดีต’ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ถือซะว่าพี่เอามาคืนให้แล้วกัน น้องทิ ต้องรักษามันไว้ดีๆ สัญญากับพี่นะครับ” รพีพันธ์ มองตาเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ครับ” จันทิรักษ์ พูดได้แค่นั้น รู้สึกเขินอายจนต้องก้มหน้าลง เมื่อสบตากับชายหนุ่ม
รพีพันธ์ เบี่ยงตัวให้นั่งอยู่ด้านข้างของ จันทิรักษ์ แล้วเอื้อมมือไปเชยคางของเด็กหนุ่มให้เงยขึ้น วงหน้าที่แดงเรื่อ ดวงตาของ จันทิรักษ์ หลุบต่ำ ชายหนุ่มค่อยๆเคลื่อนใบหน้าลงไป
จันทิรักษ์ หลับตาพริ้ม เรือนร่างสั่นน้อยๆ ด้วยความอุทัจ
ริมฝีปากของชายหนุ่มประทับลงไปบนริมฝีปากบาง สัมผัสได้ถึงความสั่นไหว
ชายหนุ่มประทับจูบไว้ นิ่ง นาน
เมื่อถอนริมฝีปากออก ก็รวบร่างบางเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
“น้องทิครับ พรุ่งนี้พี่กลับไปก่อน แล้วอีก ๒-๓ วันเราเจอกันนะครับ”
“ครับ”
“พี่จะไปรับออกมาเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ พี่จะดูแล น้องทิ ให้ดีที่สุด พี่สัญญา”
“ครับ”
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ”
คราวนี้ไม่มีเสียงตอบ แต่แขนบอบบางยกขึ้นกอดเอวของร่างหนาไว้หลวมๆ รพีพันธ์ รู้สึกได้ว่าบริเวณหน้าอก ถูกสัมผัสด้วยริมฝีปากนุ่ม ชายหนุ่มจึงกระชับอ้อมแขน กอดร่างบางไว้แนบแน่น แล้วจูบลงไปบนจันทร์เสี้ยวกึ่งกลางหน้าผากของ จันทิรักษ์ อย่างแผ่วเบา
จบบริบูรณ์
...................................................................................
...........................................
.............
....