ตอนที่ 23
ภวังค์ความคิดของต๋อง กำลังนึกถึงภาพเหตุการณ์ในโรงภาพยนตร์ที่ได้ไปชมกับกล้วยในวันนี้ ย้อนปรากฏเป็นภาพขึ้นมาในห้วงความคิดของต๋องอีกครั้ง..
. . . .
ทั้งเขาและกล้วย กำลังดื่มด่ำกับภาพบนจอภาพยนตร์ในฉากที่สุดแสนจะซาบซึ้งที่พระเอกและนางเอก ซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ กำลังจุมพิตกันอย่างดูดดื่มภายใต้แสงดาวอันสุดแสนจะโรแมนติก เขาและกล้วย รู้สึกเคลิบเคลิ้ม วาบหวาม ความรู้สึกอินตามไปกับอารมณ์ในจอภาพยนตร์ จนทั้งคู่กุมมือกันแน่นบริเวณกล่องข้าวโพดคั่วขนาดใหญ่ และเอนศีรษะมาอิงกันตั้งแต่เมื่อไรโดยไม่รู้ตัว จวบจนกล้วยเริ่มรู้สึกตัวและเอ่ยกระซิบเบาๆแก่เขาขึ้นมาว่า..
“ เอ่อ.. ต๋อง.. นาย.. เอ่อ.. จับมือเราอยู่ ตรง.. เอ่อ.. ตรงข้าวโพดคั่วอ่ะ ”
จากเสียงเอ่ยทักขึ้นมาของกล้วย ทำให้เขาตื่นขึ้นจากภวังค์แห่งความเคลิบเคลิ้ม เมื่อเขารู้สึกตัว.. เขาก็เห็นว่า.. กล้วยกำลังเอาหัวอิงไหล่เขาอยู่ และในขณะเดียวกันเขาก็กำลังกุมมือกล้วยแน่นอยู่เช่นกัน เขารู้สึกเขินจนหน้าแดงวูบ เขาเอ่ยเบาๆ ตอบแบบอ้อมๆแอ้มๆว่า..
“ อ่า.. จริงสิ โทดที เราว่าจะหยิบข้าวโพดกินอ่ะ พอดีดูหนังเพลิน เลยลืมตัวไปหน่อย แหะๆ ว่าแต่.. เมื่อกี้ในหนังเขาจูบกันด้วย นักแสดงเขาแสดงเหมือนจูบกันจริงๆเลยเนอะ ได้อารมณ์จังเลย แหะๆ เอ่อ.. กล้วย.. เอ่อ.. คือว่า.. นาย.. ดูเหมือน.. นาย.. กำลังซบเราอยู่อ่ะ อ่า.. ”
กล้วยดูเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว เขารีบผละออกในทันที แล้วเอ่ยแก้ตัวด้วยเสียงเขินๆว่า..
“ อุ๊บ.. พอดี.. เอ่อ.. เรา.. เอ่อ.. เราคงเมื่อยคอน่ะ เลยเผลอไปซบไหล่นายเฉยเลย ขอโทษทีน้า แหะๆ ”
กล้วยพูดจบ ก็คว้าข้าวโพดคั่วมาใส่ปากตุ้ยๆ ยัดเอา ยัดเอา จนแก้มพองตุ่ย ด้วยคงจะเขิน ตาก็จ้องเขม็งมองไปที่จอหนัง และยุติการสนทนาลงแต่เพียงแค่นั้น ส่วนทางด้านต๋อง ก็เอาแต่ดูดน้ำจ๊วบๆ จนน้ำแห้งแก้วแล้วก็ยังจะดูดต่อดังโครกๆไม่ยอมหยุด ตาก็จ้องเขม็งมองไปที่จอหนัง และยุติการสนทนาลงแต่เพียงแค่นั้นเช่นกัน ทั้งคู่ต่างคน ต่างนิ่งเงียบกันไป แล้วจดจ่ออยู่แต่กับภาพในจอภาพยนตร์ แต่ในใจต่างคนต่างก็คิดกันไปเลยจนเถิด ก็.. โถ.. หนังออกจะหวานซาบซึ้ง พระเอกนางเอกในหนังก็เป็นหนุ่มสุดหล่อด้วยกันทั้งคู่ แล้วหนังก็แสนจะโรแมนติกขนาดนั้น ใครจะอดใจไม่เคลิบเคลิ้มตามไปได้ล่ะ? จริงไหม?
. . . .
..ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
“ น้องต๋องคับ มีเพื่อนมาหาแน่ะลูก ตัวเปียกซ่กมาเลย ลงมาหาเพื่อนหน่อยสิลูก ”
“ คร้าบแม่ ”
ความคิดของต๋องสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู และเสียงเรียกของคุณแม่ของต๋อง เขาขานตอบรับพลางนึกในใจว่า..
.. เพื่อน? ใครกันหนอที่มา? แล้วทำไมไม่โทรมาก่อน? แต่.. ช่างเหอะ เดี๋ยวลงไปดูก็รู้..
เมื่อเขาลงมาถึงข้างล่าง จึงได้พบว่า.. ผู้ที่มาหาเขา ก็คือ..
“ อ้าวกล้วย.. เรานึกว่า.. แท็กซี่ไปส่งนายจนกลับถึงบ้านไปแล้วนี่นา แล้วตอนนี้.. เสื้อผ้านายก็ยังเปียกอยู่เลย ที่ย้อนแวะกลับมาหาเราที่บ้านเนี่ย มีไรเหรอกล้วย? ”
“ คือ.. รถแทกซี่ไปส่งถึงหน้าบ้านเราแล้วแหละกำลังจะจ่ายตังค์ แล้วก็ลงรถเข้าบ้าน พอดี เราเห็นว่านายลืมหนังสือที่นายอยากได้เหมือนเรา แล้วไปแวะซื้อมากันคนละเล่มวันนี้ด้วยกันไว้บนรถ เราเลยบอกให้ลุงที่ขับแทกซี่ ให้ขับย้อนมาบ้านนายอีกที เพื่อจะได้เอามาให้นายไงต๋อง ”
“ เออ.. จริงสิ ขอบใจนะ ว่าแต่.. นายไม่น่าลำบากเลย เอาไว้โทรบอกเรา แล้วค่อยเอาไปให้เราที่โรงเรียนวันพุธก็ได้นี่นา ”
“ ไม่เป็นไรหรอก เราเห็นว่า.. ยังได้หยุดอีกตั้ง 3 วัน แล้วนายก็อยากอ่านเรื่องนี้มากๆด้วย อุตส่าห์ไปแวะซื้อมาด้วยกันคนละเล่ม นายจะได้อ่านในช่วงวันหยุดไง? ”
“ โห.. เกรงใจจังเลย แต่ก็ขอบใจมากๆเลยนะ แล้วจ่ายค่ารถเพิ่มไปอีกเท่าไร? เดี๋ยวเราจะจ่ายคืนให้ นายอุตส่าห์มีน้ำใจ อุตส่าห์ย้อนกลับเอามาให้เราถึงที่บ้านนี่นา ”
“ ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเพื่อนกันนี่นา แค่นี้นิดหน่อยเอง แล้วบ้านเราก็ไม่ไกลจากบ้านนายเท่าไรด้วย อยู่อีกหมู่บ้านถัดไปนี่เอง เดี่ยวขากลับ เรานั่งรถอีกแปบเดียวก็ถึงแล้วหละ พอดีที่เราย้อนกลับมาบ้านนายแล้วมาถึงช้า ก็เพราะรถมันติดเพราะฝนตกหนักน่ะ ”
“ อ่า.. งั้นเหรอ? เออ.. จริงสิ นี่นายคงจะหนาวแน่เลย ดูดิ.. เสื้อผ้าเปียกหมดเลย งั้น.. เดี๋ยวนายไปเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้งแล้วเปลี่ยนเอาเสื้อผ้าของเราใส่ไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวนายจะไม่สบายเอา..
. . . .
แม่ครับ เดี๋ยวต๋องขอพาเพื่อนเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ ต๋องจะให้เขายืมของต๋องใส่ไปก่อนน่ะครับ ”
“ เอาสิลูก ตามสบายนะกล้วย หนูนี่มีน้ำใจกับเพื่อนดีจังเลย ช่างเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ ต๋องนี่มีเพื่อนดีจังเลย ว่าแต่.. เห็นหนูบอกว่าบ้านอยู่ไม่ไกล อยู่แค่อีกหมู่บ้านถัดไปนี่เอง ถ้างั้น.. เดี่ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะจ๊ะ ตอบแทนน้ำใจน่ารักของหนูที่มีต่อเพื่อน นี่ป้ากำลังทำกับข้าวอยู่จวนเสร็จแล้วจ้ะ แล้ว.. ขากลับเดี๋ยวให้ต๋องเขาถีบจักรยานไปส่งหนูที่บ้านก็แล้วกัน คิดว่า.. ถึงตอนนั้นฝนคงจะหยุดแล้วนะลูก ”
“ ขอบพระคุณครับคุณป้า ”
กล้วยกล่าวกับคุณแม่ของต๋องพร้อมกับพนมมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็หันมากล่าวกับต๋องว่า..
“ ขอบใจนะต๋อง เราเกรงใจเลย ”
“ เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า ไปเหอะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย เดี๋ยวเสร็จแล้วกินข้าวด้วยกัน แม่เราทำกับข้าวอร่อยน้า นายต้องกินจนพุงกางแน่เลย อิอิ เดี๋ยวขากลับเราจะถีบจักรยานไปส่งนายที่บ้านเอง เห็นนายบอกว่า.. นายอยู่อีกหมู่บ้านถัดไป? ถ้างั้น.. นายอยู่หมู่บ้านสมฤดีใช่ไหม? น่าจะใช่นะ เราเคยถีบจักรยานไปหาเล่นเกมส์ร้านคอมฯแถวนั้นตอนคอมฯเราบ๊งง่ะ ก็ไม่ไกลมากเท่าไร แค่นี้สบายมาก คงแค่พอเหงื่อซึมๆ มา ไปเหอะ ขึ้นไปห้องเรา ”
“ อ่า.. ก็ได้ ขอบใจนะต๋อง ”
แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปที่ห้องของต๋องด้วยกัน ห้องของต๋องเป็นห้องขนาดกลาง ตบแต่งด้วยภาพโปสเตอร์สวยๆของตัวเอกในเกมส์ดังต่างๆ ทั้งยังประดับประดาด้วยตัวตุ๊กตาโมเดลของตัวการ์ตูนมากมาย แต่ก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี โดยรวมแล้ว.. ห้องของต๋องก็ดูน่ารักสไตลล์เด็กผู้ชาย เข้ากับบุคลิกกวนๆจอมแก่นของนายต๋องได้ดีทีเดียว
“ ห้องของนายนี่ดูน่าสบายดีจังเลยเนอะต๋อง เราชอบตัวตุ๊กตาโมเดลพวกนี้จังเยอะแยะไปหมดเลย แต่ตัวก็น่ารักดี นี่คงจะเป็นของสะสมของนายเนอะ ”
“ อืม.. หึ หึ เออนี่.. กล้วย นี่ชุดนี้นะ เปลี่ยนได้เลย แล้วก็นี่ก็ผ้าเช็ดตัว ว่าแต่.. กล้วย นายจะอาบน้ำก็ได้นะ จะได้สบายตัว ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนเรา ตรงนั้นไง ไปถอดผ้าในห้องน้ำก็ได้ ถ้านายอายนะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก งั้น.. เราถอดตรงนี้นี่แหละว่าจะเอาใส่ถุงก่อน เออ.. ต๋อง ขอถุงใบนึงสิ เราจะเอาใส่เสื้อผ้าเราไปซักที่บ้านน่ะ ตอนนี้.. เรากำลังอยากอาบน้ำอยู่พอดีเลย งั้นเราขออาบน้ำด้วยก็แล้วกันนะ ”
กล้วยถอดเสื้อ กางเกงออกจนเหลือแค่กางเกงใน แล้วเขาก็เอ่ยขอถุงเพื่อใส่เสื้อผ้า ต๋องเหลือบมองกล้วยพลางคิดในใจว่า..
.. เจ้ากล้วยเป็นคนขี้อายนี่นา ไหง..คราวนี้มันดันใจถึง ถอดผ้าพรวดๆจนเหลือแค่กางเกงในได้หว่า? ไม่ยักอายแฮะ สงสัยมันคงจะแบบแมนๆ คงจะแบบว่า.. เห็นเป็นเพื่อนผู้ชายด้วยกัน ก็เลยไม่ค่อยคิดอะไร? อืม..ว่าแต่.. ดูตอนมันใส่ชุดนักเรียน มันก็ดูตัวเล็กๆผอมๆนี่นา แต่พอได้มาเห็นมันถอดเสื้อแบบนี้ กลับดูไม่ยักผอมแห้งแฮะ รูปร่างกำลังพอดีๆเลย ผิวก็ข้าวขาวดีจัง น่าฟัดจริงๆเลย แต่.. คงฟัดมันไม่ได้หรอก เพราะมันคงไม่ยอม แล้วก็.. แม่ก็อยู่ด้วย เง้อออ..
ต๋องลอบมองกล้วยไปพลาง แอบคิดไปพลาง แล้วก็ค้นตู้กุกกัก จากนั้นก็เอ่ยบอกกับกล้วยว่า..
“ เออ.. กล้วย นายก็ไปอาบน้ำก่อนเหอะ เรากำลังหาถุงให้อยู่ เดี๋ยวถ้าหาเจอแล้วเราจะเอาใส่ถุงให้ มายืนนุ่งกางเกงในตัวเดียวแบบนี้อยู่ได้ เดี๋ยวก็หนาวจนไข้ขึ้นหรอก ไปเหอะ ตามสบายนะ ”
“ อ่า.. ได้ๆ ”
แล้วกล้วยก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่ต๋องเตรียมให้มานุ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็มีเสียงซู่ซ่าในห้องน้ำ จวบจนผ่านไปพักใหญ่ๆ กล้วยเปิดประตูห้องน้ำ เดินตัวหอมกรุ่นออกมา จากนั้นเขาเช็ดตัวจนแห้งแล้วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของต๋องที่เตรียมไว้ให้ ซึ่งก็เป็น.. เสื้อยืด กับกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ ระหว่างนั้นกล้วยก็เอ่ยพูดคุยกับต๋องไปด้วย ซึ่งนายต๋องที่ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วมองดูกล้วยซึ่งกำลังจัดการธุระกับตัวเองอย่างเพลิดเพลินสายตา ในช่วงหนึ่งของการสนทนากัน กล้วยได้เอ่ยถามขึ้นว่า..
“ ต๋อง.. เวลานายอยู่บ้าน นายชอบแต่งตัวสบายๆแบบนี้เหรอ? เราเห็นนายใส่เสื้อกล้าม กางเกงบ๊อกเซอร์อ่ะ ดูเหมือนว่า.. นายจะไม่นุ่งกางเกงในด้วยน้า อิอิ ”
“ อ่า.. ก็ใช่นะ ว่าแต่.. นายรู้ได้ไง? ว่าเราไม่นุ่งเกงใน อันนั้นของเรา.. มันโผล่ออกมามาให้นายเห็นเรอะ? ”
“ ป่าวหรอก อิอิ ไม่โผล่น้า เพียงแค่เราเห็นว่า.. เวลาตอนที่นายกำลังเดิน ตรงเป้ามันจะดูแกว่งๆอ่ะ อิอิ ”
“ กรรม.. เหอะๆ ตาดีเหลือเกิน ช่างสังเกตุจริงนะ ว่าแต่.. เออ.. นี่กล้วย นายเคยเห็น.. ตรงนั้นของผู้ชายคนอื่นบ้างป่าว? ไม่ใช่แบบของเด็กเล็กๆนะ แต่.. แบบว่า.. เอ่อ.. ของคนที่อายุเท่าๆกันอ่ะ เหอะๆ ”
“ ไม่เคยน้า.. จะไปเคยเห็นของใครเขาล่ะ? ก็.. เคยเห็นแต่แค่.. ของตัวเองเท่านั้นง่า แล้วนายเคยเห็นตรงนั้นของเพื่อนคนอื่นเหรอ? ”
“ ไม่เคยเว๊ย บ้าเหรอ? แต่.. เรากำลังคิดว่าตอนนี้.. เราจะขอดูของนายนี้แหละ มาๆ ขอดูหน่อยดิ อิอิ ”
“ ต๋องจะดูจริงๆเหรอ? เฮ้ย.. ไอ้ต๋องบ้า เราอายน้า ใครจะไปให้ดู จะบ้าเหรอ? ”
“ แหนะๆ ทีงี้มาทำเป็นอาย เราพูดแหย่เล่นอ่ะ แล้ว.. ทีเมื่อกี้ นายถอดผ้านุ่งเกงในตัวเดียวเฉยเลย ทำไมไม่อายวะ? ”
“ โห.. ก็มันยังมีกางเกงในห่อปิดอยู่นี่นา ไม่ได้แก้ล่อนจ้อนผ้าซักกาหน่อย ”
“ แหมๆ ล้อเล่นโว๊ย ว่าแต่.. ถ้านายให้ดูเราก็ดูน้า อิอิ เออนี่.. นายแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้อากาศก็เย็นๆหนาวๆด้วย นายก็มานั่งใกล้ๆกันตรงนี้ดิ อุ่นดี มาดูหนังสือที่ซื้อมาด้วยกัน เราอยากอ่านมาตั้งนานแล้ว อุตส่าห์อดใจไม่ไปยืมที่ห้องสมุดมาอ่าน รอซื้อมาอ่านเป็นเจ้าของเอง เนี่ย.. กว่าจะพิมพ์ชุดใหม่ออกมา รอตั้งน๊านนานแหนะเนอะ ”
กล้วยเดินมานั่งข้างๆต๋องแล้วก็เปิดหนังสือดูด้วยกัน แล้วก็คุยกันถึงเนื้อหาเรื่องราวในหนังสือกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน ระหว่างที่คุยและดูหนังสือกัน ต่างคนต่างก็อยากกอดกันจะแย่ แต่ก็ไม่.. คงทำแค่เพียง นั่งเบียดๆกัน ก็เท่านั้น จวบจนเวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ คุณแม่ของต๋องก็มาเคาะเรียกให้ทั้งคู่ไปร่วมรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ช่วงเวลานั้นก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว ฝนที่ตกก็หยุดสนิทแล้ว ทิ้งไว้เพียงอากาศเย็นๆชื้นๆที่กำลังน่าสบาย ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินลงไปรับประทานอาหารเย็นกันข้างล่าง ต๋องก็เอ่ยกับกล้วยว่า..
“ เออ.. กล้วย ไม่รู้ว่านิคเป็นไงบ้างเนอะ เป็นห่วงจัง ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากไหม? เห็นนัทบอกว่านิคท้องเสีย ตอนก่อนที่นายจะแวะเอาหนังสือมาให้เรา เราก็โทรไปหานัทนะ แต่มันโทรไม่ติด ไม่รู้ว่ามันปิดเครื่อง หรือเพราะฝนกำลังตกเลยคลื่นสัญญาณไม่ดี? แต่.. เราก็โทรไปที่บ้านมันอีกนะ ก็ไม่มีใครรับสายว่ะ สงสัยไม่มีคนอยู่ แล้วนี่.. มันจะเป็นไงกันบ้างว้า ”
“ นั่นสิ.. เราก็โทรนะ เมื่อตอนที่อยู่บนรถแท็กซี่ ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน ไม่รู้ว่า.. นิคถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลป่าวไม่รู้ น่าเป็นเป็นห่วงจังเลยง่ะ ”
ทั้งคู่ต่างคาดเดาต่างๆนานาด้วยความห่วงใยเพื่อน โดยที่ไม่รู้ความจริงเลยว่า.. นัทได้พูดปดว่านิคป่วย และท้องเสีย จริงๆแล้ว ทั้งนัทและนิคในตอนนี้กำลังอยู่ที่ห้องทดลองส่วนตัวของ ดร. นพคุณ และกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างร่างกายใหม่ให้นิค เจ้าหุ่นน้อยเสมือนมนุษย์ ซึ่งเพื่อนรักของทั้งต๋องและกล้วย.. ที่กำลังรู้สึกห่วงใยเขาในตอนนี้นั่นเอง..