ตอนที่ 20
เย็นมากแล้ว ภายในบริเวณโรงเรียนดูเงียบสงบ เพราะเลยเวลาเลิกเรียนมาพอควร บรรดาเหล่านักเรียนก็ได้ทะยอยกันกลับบ้านจนเกือบหมดแล้ว.. นัททำหน้าเหนื่อยหน่าย และพูดเหมือนบ่นๆกับนิค ในระหว่างเดินออกมาจากโรงเรียน เพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้านกัน
“เฮ้อออ.. เซ็งจัง ต้องกลับบ้านเย็นแบบนี้อีกนานแค่ไหนเนี้ยยยยยย อาจารย์วิษณุก็ใจร้ายจัง ให้เรากับนายอยู่ติวพิเศษวิชาภาษาอังกฤษกับอาจารย์ทุกวันเลยอ่า เบื้อเบื่อ.. ไม่เห็นจะติวอะไรมากเท่าไรเลย เห็นส่วนใหญ่เอาแต่ถามๆคุยๆอะไรไม่รู้ ไม่รู้จะสนใจอยากรู้อะไรเกี่ยวกับนายและเรานักหนานะ ”
“ นั่นสินัท ต้องกลับบ้านเย็นแบบนี้เกือบทุกวันเลย เราก็รู้สึกเบื่อๆเหมือนกันนะ แต่ก็เพื่อความรู้ ก็ควรต้องอดทนนะนัท ”
“ ช่ายยย เออ.. ว่าแต่นะ อาจารย์วิษณุนี่ก็แปลกๆนะ เพิ่งจะย้ายมาได้ไม่นาน แล้วก็ อยู่ๆมาสอนภาษาอังกฤษแทนอาจารย์วิภาเฉยเลย พอมาเริ่มสอนก็ให้ทำข้อสอบทดสอบอะไรไม่รู้ จริงๆแล้วเราว่าไม่ยากเลย เราทำได้นะ นายเองก็ยังบอกว่าทำได้ไม่ยากด้วยไม่ใช่เหรอ? แต่ไหงคะแนนออกมาดันต่ำ ทีนายต๋องกับนายกล้วยบ่นๆว่ายาก ทำไม่ค่อยได้ แต่.. ผลคะแนนออกมาดันกลับดีกว่าเรา 2 คนซะงั้นได้ เง้อ.. งงหว่ะนิค ดูดิ๊ อาจารย์บอกว่า.. คะแนนของเรากับของนายย่ำแย่มาก ควรอยู่เย็นติวเพื่อปรับความรู้พื้นฐานใหม่ แล้วเรา 2 คน ก็ต้องมารับกรรมแบบเนี้ยอ่า เอ.. หรือว่า.. อาจารย์จะเป็น.. เอ่อ.. แล้วแอบมาชอบเรา 2 คน เลยหาเรื่องให้เราอยู่เย็นกัน เพื่อจะได้ใกล้ชิดสนิทสนม อิอิ จะว่าไป อาจารย์ก็หน้าตาหล่อดีเหมือนกัน สงสัยจะเป็นลูกครึ่งเนอะนิค แล้วนายว่าที่เราคิดเนี่ยมันเข้าเค้าไหม? ที่ว่า.. อาจารย์ อาจจะเป็น.. เอ่อ.. ”
“ ไม่รู้สินัท เราก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ เราก็พยายามประมวลผลข้อมูล เพื่อหาเหตุผล สรุปออกมาก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร? คงต้องวิเคราะห์ต่อไปอีกหน่อย ”
“ แหม.. หมู่นี้สมองทื่อจังนะ เจ้านิคหุ่นตุ๊ด งั้น.. ตอนนี้เรากลับบ้านกันเหอะ นี่ก็.. เย็นมากแล้วด้วย ชักจะหิวๆข้าวแล้วละ ”
“ เดี๋ยวก่อนนัท ”
“ มีไรเหรอ? ”
“ เรา.. อ่า.. เหยียบขี้หมาน่ะ เต็มรองเท้าเลย เหม็นจัง ”
“ ก๊ากกก ไอ้บ้า แล้วเวลาเดินทำไมไม่ดู อี๋ยยย์ ดูดิ๊ ฉึ่งเลยหว่ะ ฮ่าๆๆ มิน่า.. ว่าทำไมเรารู้สึกเหม็นๆขี้หมา ที่แท้.. นายเดินเหยียบมานี่เอง ฮ่าๆๆๆ ”
“ อย่าหัวเราะสินัท ตอนนี้ทำไงดี เหม็นไปหมดเลย อยากล้างรองเท้าจัง ”
“ เออ.. โทดที แหะๆ งั้น.. เอางี้.. ตรงโน้นมีแอ่งน้ำอยู่ เดี๋ยวไปเอารองเท้าแกว่งๆน้ำซะหน่อยก็แล้วกัน มา.. ไปเหอะ ”
แล้วนัทก็พานิคเดินตรงไปยังแอ่งน้ำ ระหว่างที่นิคกำลังแกว่งรองเท้าเพื่อล้างอยู่นั้น ทั้งคู่ก็มีความรู้สึกตรงกันว่า.. ในขณะนี้ ได้มีมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ กำลังคำราม ขู่ แง่งๆๆๆ อยู่ทางด้านหลัง พอทั้งคู่เหลียวหลังหันไปมอง ก็พบว่า..
“ นิคคคคค ไอ้หมาบ้าตัวนี้ไง ที่จะไล่กัดเรา จนทำให้เราโดนรถชนตอนนั้น ทำไงดี? มันต้องกัดเราแน่ๆเลย ไม่รู้จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหน? เง้อออ เราต้องเป็นอันตรายแน่นอน นายรีบใช้โหมดอัจฉริยะจัดการซัดมันให้กลิ้งไปเลย ทำให้มันเข็ดชนิดที่ว่า ไม่ต้องมาตอแยกับเราอีกเลย จัดการมันเลยนิคคคค ”
“ ถ้าจะให้เราทำร้ายมัน เราคงทำไม่ได้นะนัทเราไม่อาจทำร้ายสิ่งมีชีวิตไม่ว่าทั้งคนและสัตว์ให้ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บได้ เราถูกบรรจุข้อมูลมาแบบนี้ เราจึงไม่อาจทำร้ายมันไม่ได้นะนัท ”
“ เฮ้ยยยย ไหงเงี้ยอ่า แต่เราจะเป็นอันตรายน้า เผลอๆนายก็อาจโดนมันขย้ำเอาด้วย ดูดินิค มันทำท่าจะเข้ามาฟัดแล้ว ตายแน่เลย ถ้าเผ่นตอนนี้ มันจะตามฟัดเราทันไหมเนี่ย เสียวเว๊ย เวรกรรม ”
“ ประมวลผลข้อมูล นัทอยู่ในข่ายเสี่ยงอันตราย อาจได้รับบาดเจ็บจากการกัดของหมาตัวนี้ โหมดอัจฉริยะเริ่มทำงาน นัท ถือกระเป๋าให้เราหน่อย แล้วขึ้นมาขี่หลังเราเดี๋ยวนี้เลย กอดเราไว้แน่นๆด้วยนะ เร็วหน่อย เดี๋ยวไม่ทันการณ์ ”
นัทรีบทำตามในทันที แม้จะรู้สึกสงสัยนิดหน่อยว่า.. นิคจะทำให้เขารอดพ้นสถานการณ์นี้ไปได้แบบไหน? แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้ได้สงสัยนาน ทันทีที่เขารับกระเป๋าเป้หนังสือจากนิคมาคล้องไหล่ซ้อนกับเป้ของเขาแล้วกระโดดขึ้นขี่หลังนิค เขาก็รู้สึกวูบ เหมือนว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนจรวดที่มีควมเร็วสูง เขาหลับตาปี๋โอบกอดนิคแน่น มันรวดเร็วมากเสียจนเขารู้สึกได้ว่า.. นี่นิคคงกำลังวิ่งโดยมีเขาขี่อยู่บนหลังด้วยความเร็วที่มากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั้วโมงกระมัง?
แล้วนิคก็วิ่งช้าลง ช้าลง จนกระทั่งหยุดสนิท เมื่อวิ่งมาได้ระยะทางที่ไกลพอควร นัทลงจากหลังนิคด้วยอาการแข้งขาสั่นๆ เหมือนหัวใจจะวาย เขาส่งกระเป๋าเป้คืนให้นิค แล้วเอ่ยกับนิคด้วยเสียงสั่นๆว่า..
“ เอ้า.. นี่กระเป๋านาย โอยย.. จะเป็นลม หัวใจจะวาย เหลือเชื่อเลย เมื่อกี้นึกว่ากำลังนั่งอยู่บนจรวดซะอีก โห.. เร็วสุดยอดไปเลย เฮ้อออ ”
“ ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนัท เราพ้นรัศมีของหมาตัวนั้นแล้ว มันคงตามมากัดเราไม่ได้แล้วนะ ”
“ เออ.. คิดว่า.. ก็คงงั้น ว่าแต่.. นี่นายวิ่งพาเรามาถึงไหนเนี่ยยยยยย แล้ว.. ที่นี่มันที่ไหนวะ เรามากันไกลขนาดไหนแล้วเนี่ยยย แถวนี้ก็เปลี่ยวๆไงไม่รู้ ”
“ เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะนัท ”
“ อ่าว.. เฮ้ย.. เจ้าบ้า ไหงพูดง่ายแบบนี้เลยเรอะ? นี่นายพาเราวิ่งหนีมาอย่างไม่มีจุดหมายแลยเรอะ คราวหลังก็ให้มีจุดหมายปลายทางบ้างดิ อย่างน้อยก็ให้เป็นทางที่ดูคุ้นๆหน่อย จะได้กลับบ้านถูกไง? แล้ว..เง้อ.. แล้วนี่เราจะกลับบ้านกันไงเนี่ยยยย ”
นัทบ่นกระปอดกระแปดกับนิค แล้วพานิคเดินมองสำรวจเส้นทางเพื่อหาทางที่จะกลับบ้านกัน ในบริเวณนั้นดูช่างไม่คุ้นตานัทเอาเสียเลย มันอยู่ห่างจากชุมชนพอควร บ้านเรือน 2 ข้างทางก็ปลูกกันห่างๆสลับกับทุ่งหญ้ารกๆ ดูเงียบๆเปลี่ยวๆชอบกล ระหว่างนั้น.. นัทเหลือบไปเห็นบางอย่าง เขาก็รีบสะกิดนิดแล้วเอ่ยอย่างระล่ำระลักว่า..
“ เฮ้ยนิค ดูนั่นดิ.. ดูกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น เหมือนๆว่ากำลังเดินตรงเข้ามาหาเราหว่ะ ท่าทางนักเลงด้วย จะมาหาเรื่องเราป่าวเนี่ย มีตั้งหลายคนด้วย ท่าทางโหดๆไงไม่รู้ อย่าบอกนะ ว่า.. นี่เรา.. หนีเสือปะจรเข้? ”
กลุ่มวัยรุ่นท่าทางกุ๊ยๆขี้ยาเดินออกมาจากป่าละเมาะ หญ้ารกๆข้างทาง 5 คน ทั้งหมดคงไปแอบทำอะไรไม่ดีๆกันมาแน่ๆ อาทิ.. พี้ยา หรืออาจรุมโทรมผู้หญิงมา พอพวกนั้นเห็นนัทและนิค ยืนเก้ๆกังๆ ทำหน้าตาหวาดๆ ก็พากันดิ่งตรงมาหาในทันที หนึ่งในจำนวนนั้นก็แสดงท่ากร่าง แล้วก็ตะโกนขู่โพล่งออกมาว่า..
“ เฮ้ย.. ไอ้น้อง มาจากไหนกันวะ รู้ไหม? นี่ถิ่นใคร? ไหนๆ เอาตังมาให้ใช้หน่อยดิ๊ ล้ำถิ่นแบบนี้ต้องจ่ายนะโว๊ย ”
“ เอ่อ.. พี่ครับ พวกผมไม่มีเงินเลยนะครับ ปล่อยพวกผมไปเหอะครับ พวกผมไม่ได้ตั้งใจมาแถวนี้เลยครับ พอดีหลงทางมาอ่ะครับ ”
“ อย่ามาตอแห- ว่าไม่มีเงินนะโว๊ย ถ้ากูค้นตัวมึงเจอจะว่าไง? ว่าไง.. จะจ่ายดีๆ หรือจะจ่ายแบบน้ำตา ถ้ากูค้นเจอเงินในตัวมึงนะ มึงโดนกระทืบแน่ แค่นั้นยังไม่พอ กูจะจับพวกมึงแก้ผ้าด้วย จะดูดิ๊ ว่าพวกมึงจะกลับบ้านกันได้ยังไง? อย่ามาทำเป็นงก จ่ายมาเลยเดี๋ยวนี้ มีเท่าไรเอามาให้หมด ”
“ แบบนี้มันปล้นกันชัดๆเลยนี่พี่ พวกผมจะมีเงินเยอะกันได้ยังไง? พวกผมยังเด็กๆกันอยู่เลยนะครับ ที่พอมีนิดหน่อยตอนนี้ ก็มีแค่พอค่ารถกลับบ้านกัน ถ้าให้พี่ไปแล้ว พวกผมจะกลับบ้านกันยังไงครับ? ”
“ ปากดีนัก วอนจ็บตัวซะแล้วนะพวกมึง มาทำเป็นงกนักเหรอ? ท่าทางลูกคุณหนูแบบพวกมึงนี่คงพกเงินฟ่อนแน่ ดูจากชื่อย่อของโรงเรียนมึงก็รู้แล้ว ว่านี่เป็นโรงเรียนดังที่มีแต่ลูกคนรวยๆไปเรียนกันเยอะ มึงต้องมีแน่ๆ กระทืบแม่งซะดีมั๊ยเนี่ย ปากดีนักไอ้เวรนี่ ”
“ นิคคค ทำไงดี? ซวยแล้ว ตายแน่เลย ”
นัทเอ่ยกระซิบระล่ำระลักตรงข้างหูนัทด้วยน้ำเสียงระทึกที่ดูตื่นตระหนกเต็มที่ นิคไม่กล่าวอะไร เขาส่งกระเป๋าเป้ให้นัทถือ แล้วก็พยักหน้าน้อยๆ ให้พอรู้เป็นที่เข้าใจกัน 2 คน ทันทีที่นัทขึ้นขี่หลังนิคและกอดนิคไว้อย่างแนบแน่น นิคก็.. ใช้โหมดอัจฉริยะ สปีดวิ่งจากจุดที่มีกลุ่มวัยรุ่นนักเลง จากไปด้วยความเร็วสูงปานลมพัด จนมองตามแทบไม่ทัน
..ฟิ้วววว วูบบบบบบบบบบบบ..
“ เฮ้ยยยยยย.. นี่มันอะไรกันวะเนี่ยยยยย กูตาฝาดเพราะเมายาที่พี้เมื่อกี้ หรือว่า.. ไอ้เด็ก 2 คนนั้นมันไม่ใช่คน? มันทำได้ไงวะ? พวกมึงเห็นแบบเดียวกะกูรึเปล่า? ”
ไม่มีเสียงตอบจากกลุ่มวัยรุ่นที่เหลือ คงเพราะกำลังงงัน กับสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่ มันเหลือเชื่อ และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนปกติจะสามารถทำดังนี้ได้..เมื่อผ่านระยะทางมาได้ไกลพอควร จากนั้น.. นิคเริ่มวิ่งช้าลง และช้าลง จนหยุดสนิท นัทรู้สึกว่าบริเวณนี้เป็นซอยเปลี่ยวที่ 2 ข้างทางไม่มีบ้านเรือน มีแต่ป่าหญ้ารกๆ แต่ดูเหมือนว่า.. จะเป็นสถานที่ดูคุ้นตามากกว่าสถานที่แรกที่เจอกลุ่มวัยรุ่นอันธพาล เพราะดูเหมือนจะอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนของทั้งสองเท่าไรนัก มองออกไปทางต้นซอยลิบๆ ก็จะเห็นถนนใหญ่ที่มีรถราพลุกพล่าน..
ทันทีที่นัทลงจากหลังนิค นิก็ตัวอ่อนหงายหลังตึงทรุดฮวบลงไปนอนกองที่พื้นในทันที นัทเห็นดังนั้น เขารู้สึกตกใจมากจนหน้าตาตื่นตระหนก เขารีบนั่งลงประคองนิคในทันที และเอ่ยด้วยน้ำเสียงระล่ำระลักว่า..
“ นิคคคค นายเป็นอะไร? นี่เกิดอะไรขึ้นกับนาย? ”
“ นัท พลังงานเรากำลังจะหมด เราใช้โหมดอัจฉริยะที่ต้องใช้พลังงานมหาศาลติดกันถึง 2 ครั้ง ตอนนี้เราแทบไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย มีเพียงพลังงานสำรองที่คอยหล่อเลี้ยงสมองกลอยู่เท่านั้น ซึ่ง.. มันก็กำลังจะหมดในไม่ช้านี้แล้วด้วยนะนัท ”
นิคเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหย ร่างกายอ่อนปวกเปียก จนดูเหมือนแทบไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“ แล้ว.. จะเป็นไง? ถ้าพลังงานนายหมด? ”
“ เราก็.. จะหยุดทำงาน สมองกลก็จะไม่มีพลังงานมาคอยหล่อเลี้ยง เมื่อสมองกลที่มีวงจรละเอียดอ่อนไม่มีหลังงานมาคอยหล่อเลี้ยง ก็จะหยุดทำงานด้วยเช่นกัน ”
“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้ว.. นายจะตายไหมนิค? ”
“ เรา.. เรา.. ก็ไม่รู้.. เหมือนกันนะนัท ”
นัทได้ยินดังนั้น เขารู้สึกตกใจ เป็นห่วง และหวาดกลัวว่านิคอาจตายได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาคงเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขอบตาของเขาร้อนผ่าวน้ำตาปริ่มจนเอ่อตา เขารีบกระชับกอดนิคแน่นขึ้น แล้วเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า..
“ เราต้องรีบเติมพลังงานให้นาย ต้องรีบหาอะไรให้นายกินเพื่อสังเคราะห์เป็นพลังงานด่วนเลย ทางต้นซอยลิบๆโน้น เราเห็นป้ายร้าน 7-eleven อยู่ เดี๋ยวเราจะพานายไปเอง เราจะพยุงนายขึ้นขี่หลังเรานะ อดทนไว้ก่อนนะนิค ”
นัทรีบพยุงร่างปวกเปียกของนิคขึ้นขี่หลังแล้วลุกยืนด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของความห่วงใยจนสุดที่จะอดกลั้นเอาไว้ได้ เขาเริ่มเดินแบบรีบๆ ดิ่งไปยังร้าน 7-eleven ที่เห็นลิบๆทางต้นซอย ดูจากระยะทางแล้วจัดว่าไกลพอควร ผ่านไปได้สักพัก นัทก็เริ่มหอบเบาๆด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหงื่อออกเต็มเสื้อเขาจนเปียกโชก แต่.. เขาก็ไม่หยุด แม้จะหนักและเหน็ดเหนื่อยสักเพียงไรก็ตาม เขาก็ยังคงเดินแบบรีบๆอยู่เช่นนั้น นิคในยามนี้แม้จะอ่อนแรง กระปรกกระเปรี้ย แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของนัท เขารู้สึกผิดที่ต้องมาเป็นภาระ ทั้งยังตื้นตันในการแสดงออกซึ่งความห่วงใยอย่างจริงใจของนัทที่มีต่อเขาในเวลานี้ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยบางสิ่งออกมา แม้ว่าในตอนนี้จะอ่อนแรงสักเพียงไรก็ตาม เขาเอ่ยกับนัทเบาๆอย่างอ่อนระโหยน้ำเสียงสั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยว่า..
“ นัทคงเหนื่อยมาก มันไกลมากเลย นัทหยุดพักก่อนเถิดนะ ”
“ นายไม่ต้องพูดอะไรนะนิค อยู่เงียบๆสงวนพลังที่เหลืออยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ แค่นี้เราไม่เป็นไรมากหรอก ตอนนี้เราต้องรีบที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ไม่งั้นมันอาจสายไป ถ้านาย.. หมดพลังงาน และ.. นาย.. นาย.. อาจ.. อาจจะตาย ถ้าเป็นแบบนั้น เราคงทนไม่ได้ อดทนก่อนนะนิค นายต้องไม่ทิ้งเราไปนะ ”
นัทเอ่ยตอบด้วยน้ำตานองหน้า แล้วรีบดิ่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายที่ดูเหมือนว่ายังอีกไกลพอควร นิคได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่พูดอะไรอีก เขาหลับตาลงแล้วค่อยๆซบหน้าลงอย่างเงียบๆที่แผ่นหลังของนัท เขารู้สึกตื้อ ตื้นตัน จน.. น้ำตาของเขาเอ่อ และไหลรินผสมไปกับเหงื่อที่ชุ่มโชกบนเสื้อของนัท.. นัทจะรู้ไหม? ว่านิคกำลังร้องไห้ นิค.. หุ่นน้อยเสมือนมนุษย์ กำลังร้องไห้เป็นครั้งแรกในชีวิต ร้องไห้เพื่อนัท คนที่เขารักอย่างสุดหัวใจ มันไม่ใช่รักแบบโดยการใส่ข้อมูลมาให้รักนัทในสมองกล แต่มันเป็นความรักที่ก่อเกิดขึ้นมาจากหัวใจของเขาจริงๆ หัวใจที่เป็นกลไก แต่.. กลับมีความรู้สึกดุจดังมนุษย์