ตอนที่ 16 : สิ่งที่ซ่อนอยู่
คุณนิดมาที่คลับอีกแล้ว
พร้อมกับสมร
ทั้งคู่ไม่ได้ขึ้นไปหาบอสเพราะเมื่อวานทำสัญญากู้เงินแล้ว วันนี้เลยมานั่งเล่น...ไม่สิ นั่งดูคนเล่นพนันที่ชั้นหนึ่งอย่างสนุกสนาน คุณนิดยังคงใช้เทคนิคพราวเสน่ห์อันร้ายกาจในการขอให้ผู้ชนะเลี้ยงเครื่องดื่ม ด้วยยามสกุลเด่นดังและหน้าตาที่จัดได้ว่าน่ามอง ทำให้ไม่มีใครติดใจสักคนว่าเจ้าตัวถังแตกขนาดไม่มีเงินจ่าย
ดูสีหน้าไร้พิษภัยนั้นแล้วก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ตวาดใส่สมร
“พี่เอก คุณนิดอะไรนี่คงไม่ได้มาจีบไอ้คิงหรอกนะ”
“ไม่หรอกครับ ถ้าไม่มีธุระที่นัดหมายไว้ล่วงหน้าต่อให้เป็นลูกค้าเก่าก็เข้าพบบอสไม่ได้”
ผมคิดว่าคุณนิดไม่ได้จริงจังกับบอสหรอก เขาเพียงพยายามใกล้ชิดกับคนที่ดูมีเงินเพื่อจะเกาะแบบเนียนๆ ก็เท่านั้น และบอสของคิงส์คลับก็ไม่เคยติดกับดักใครซะด้วยสิ เวลาเจอหน้าเลยชอบชม้อยตาให้ท่าอยู่บ้าง เขาหวังอยากได้อำนาจของคลับมาช่วยเหลือปัญหาด้านการเงิน แต่พอบอสมีควีนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา ก็เหมือนดับฝันไปดื้อๆ
“ไม่รู้ทำไม แต่พอเห็นหน้าคุณนิดอะไรนั่นแล้วตาขวาผมกระตุกถี่ยิบๆ เลย”
“...ควีนดูคนเก่งไงครับ”
ผมพูดตามจริง ลังเลว่าควรจะบอกเขาดีรึเปล่าว่าคุณนิดเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนาย
“แล้วไอ้สมรนั่นล่ะ มันยังจ้องพี่เอกไม่หยุดเลย พี่แน่ใจนะว่าไม่ไปเผลอเหยียบเท้ามันเข้า”
ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอเป็นคำตอบ ไม่ยอมปริปากให้ควีนรู้สาเหตุอย่างแน่นอน
“พี่เอกช่วยผมหน่อยสิ”
“ครับ?”
“ถึงผมจะไม่เก่งไพ่โป๊กเกอร์ แต่ถ้าเป็นโป๊กเกอร์เฟสล่ะก็...หึ” ควีนเอ่ยเป็นนัยก่อนจะเดินเข้าหาคุณนิดซึ่งกำลังนั่งเล่นรูเล็ตหลังจากเชียร์ลูกค้ากลุ่มหนึ่งจนได้ชิปมากองโต และเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาบังเอิญบอกใบ้ให้พนันถูกเลข ก็เลยแบ่งชิปจำนวนหนึ่งมาให้
ผมเดินตามหลังควีนไปโดยเว้นระยะห่างอย่างพอเหมาะ สายตาสอดส่องจับจ้องที่สมรเป็นพิเศษ แม้ว่าหมอนี่จะฝากปืนก่อนเข้าคลับแล้วแต่ผมก็ยังไม่วางใจกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ สักเท่าไหร่
“อ้าว คุณนิด” ควีนเข้าไปแตะไหล่อย่างสนิทสนม “เจอกันอีกแล้วนะครับ”
คุณนิดที่กำลังเก็บความดีใจหลังได้ชิปฟรีๆ แอบเหวอเล็กน้อยเมื่อเจอรอยยิ้มเป็นมิตรจนน่าสยอง
แต่ไม่นานก็ตีหน้าอย่างแนบเนียน
“นั่นสินะครับ เมื่อวานผมไม่ได้มีโอกาสไปทักทายควีนคนใหม่ของคลับเลย ยังคิดอยู่ว่าจะเป็นการเสียมารยาทรึเปล่า แต่ดูเหมือนควีนจะไม่ถือสา...น้ำใจดีสมกับที่มาจากบ้านนอกเลยนะครับ”
น้ำเสียงของเขาสร้างความฮือฮาให้กับคนของคลับไม่น้อย เพราะหลายคนไม่รู้ว่าควีนเป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วทำไมล่ะ การเป็นคนรักของบอสไม่ได้วัดจากฐานะการเงินหรือสกุลสักหน่อย
แต่คำพูดของคุณนิดก็เหมือนดิสเครดิตควีนดีๆ นี่เอง ราวกับต่อว่าเป็นแค่คนธรรมดาแท้ๆ แต่เดินกร่างในคลับราวสูงส่งนักหนา
ควีนยังยิ้ม เขาเก็บสีหน้าได้ดีเสมอ
“แหม จะให้เปรียบกับคุณนิดที่มีหน้ามีตาในแวดวงไฮโซผมก็เหมือนเด็กบ้านนอกจริงๆ นั่นแหละ งั้นเพื่อให้สมฐานะของคุณนิด...ผมจะเรียกชิปเพิ่มให้แล้วกัน”
คุณนิดเหมือนโดนแช่แข็งในชั่วพริบตา
“อ้อ ไม่ต้องกลัวนะครับว่าต้องใช้เงินสด ผมจะจดในบัญชีของคุณนิดเอง ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกไงครับ ยังไงกับแค่ชิปไม่กี่กองขนหน้าแข้งคุณนิดก็ไม่ร่วงอยู่แล้ว ใช้ชิปคนอื่นเล่นจะสนุกอะไร ของแบบนี้ต้องกล้าได้กล้าเสียสิถึงจะสมเป็นคิงส์คลับ” ควีนกวาดชิปกองเก่าของคุณนิดคืนให้เจ้าของอย่างแนบเนียน ก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกให้เบี้ยขนชิปมาอีกกองใหญ่ตั้งเรียงอยู่หน้าคุณนิด ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินก็เหยียบหมื่น แถมลูกค้าหลายรายก็ป้องปากอย่างเห็นด้วยอีกต่างหาก
“ส่วนเรื่องเมื่อวานความจริงผมน่ะลืมไปแล้ว แต่ในเมื่อคุณนิดกลัวจะเสียมารยาท ไอ้ผมต่อให้ไม่อยากถือสาก็ต้องถือเพื่อให้เกียรติคุณสักหน่อย งั้นคุณนิดเลี้ยงเครื่องดื่มผมสักแก้วเป็นการชดเชยแล้วกัน ดีมั้ยครับ”
คุณนิดรีบลุกแล้วเดินออกจากคลับทันที ไม่แม้จะแตะต้องชิปหรือตอบรับควีนทั้งสิ้น ร้อนจนสมรที่ผมคอยดูทีท่าไม่ให้กระโดดเข้ามาบีบคอควีนรีบก้าวตามหลังแทบไม่ทัน
“หึ”
ผมคล้ายจะเห็นควีนแค่นยิ้มเยาะ แต่ก็เพียงพริบตาเดียวก่อนที่ควีนจะหันมายิ้มหวานให้ลูกค้าคนอื่นเพื่อเล่นพนันกันต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ควีนรู้ได้ยังไงครับว่าคุณนิดเล่นทริค”
ถ้าผมไม่ได้สืบมาก่อนก็คงไม่ทันสังเกต แต่ควีนลงมาดูแค่แป็บเดียวก็จับได้แล้ว แถมยังเอาคืนได้ครบถ้วนกระบวนความอีกต่างหาก ถ้าเป็นนักมวยบอกได้เลยว่า...โดนน็อคคาที่!
“ผมเป็นใคร? นิลกาฬเชียวนะ! กับอีแค่ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้เคยทำมาไม่รู้กี่รอบแล้วทำไมจะดูไม่ออกล่ะ จะหวังเล่นฟรีกินฟรีในคลับของนิลกาฬ คิดง่ายไปแล้วไอ้น้อง เฮอะ”
...คุณนิดอายุมากกว่าคุณนะครับควีน“เมื่อกี้สมรหมายตาควีนด้วย”
“ผมก็ให้พี่เอกไปกันแล้วไง” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ ผมล่ะกุมขมับ สงสัยต้องรายงานบอสซะแล้วว่าสมรไม่ใช่คนธรรมดาที่แค่เหยียบเท้าบอกขอโทษแล้วจะหาย
รายนั้นเชื่อฟังคำคุณนิด และคุณนิดเองก็เจ้าคิดเจ้าแค้น ในเมื่อทั้งคู่ตั้งใจจะเล่นงานผมโดยเกรงกลัวคลับอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มควีนคนเก่งมาสักคนจะเป็นไรไป
เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากนิลกาฬรู้เรื่อง แต่ต่อให้ไม่บอก เขาก็ขยันหาเรื่องอยู่ดี
ถ้าแค่ผมคนเดียวน่ะสบายมาก ส่วนนายยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะตราบใดที่ผมถือแต้มต่อมีแหล่งกบด่านของพวกนั้นพร้อมลุย ย่อมไม่มีใครพาเขาไปจากผมได้แน่ๆ
แต่ตอนนี้...
ให้ตายสิ คุณจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้เลยสินะครับควีน!
แล้วมีหรือจะรอด
ผมเลียริมฝีปากที่มีรอยเลือดจากที่โดนบอสต่อยเบาๆ โทษฐานดึงตัวอันตรายมาที่คลับจนควีนไปหาเรื่องเข้า ฟังแล้วไม่ค่อยจะยุติธรรมสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยอมรับว่าเป็นความผิดผมเอง คุณนิดไม่เคยมาคลับสองวันติด เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขาจงใจมาสังเกตการณ์ผมโดยเฉพาะ ส่วนเรื่องกินฟรีคือผลพลอยได้
ผมก็เลยซวยไปด้วยนี่ไง
เวลาตีสาม ลูกน้องเริ่มแยกย้ายกลับบ้าน ผมเดินเอื่อยเฉื่อยไปที่มอเตอร์ไซค์พลางคิดหาวิธีจัดการคุณนิดและสมร ตอนนี้ก็รวบรวมข้อมูลมาได้พอประมาณ แต่ดันขาดปัจจัยหลักอย่างต้นตอซะนี่ เรื่องนี้ถ้าไม่ไปง้างปากเองก็คงจะยาก หรือผมจะลองเสี่ยงแอบเข้าคฤหาสน์อีกครั้งแล้วลองค้นห้องคุณนิดดี?
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็ยังได้อยู่ ยิ่งรู้จักศัตรูมากก็ยิ่งกำจุดอ่อนได้มาก แต่ตอนนี้ควีนเข้ามาเอี่ยว ผมก็ประวิงเวลาชักช้าไม่ได้แล้ว เกิดสมรหน้ามืดตามัวไปเล่นงานทางนั้นผมต้องโดนบอสกระทืบแน่ๆ
คิดแล้วก็ชักเหนื่อย ความคึกคักเริ่มจะลดเลือนลง
แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่...ครับ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ผมกำลังสนุก
ผมไม่เคยกลัวตาย อย่างน้อยก็ไม่กลัวว่าจะถูกสมรฆ่าตาย ฉะนั้นจึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการกลั่นแกล้งหรือหาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น กลับกัน ผมค่อนข้างจะครึ้มอกครึ้มใจใจด้วยซ้ำที่มีคนเกี่ยวข้องกับนายปรากฏตัวขึ้นมา แม้จะไม่ชอบใจว่าทำไมมันต้องการตัวนาย แต่ถ้ามั่นใจซะอย่างว่าปกป้องเขาได้ แล้วผมจะกลัวอะไร
สองคนนั้นไม่มีอะไรให้ผมกลัวเลย
ถ้านายคือคนเดียวที่ทำให้คนเฉื่อยชาอย่างผมรู้สึกอยากจะทำอะไรเพื่อเขา เรื่องนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมกระตือรือร้นอย่างหาได้ยาก แต่ในเมื่อโดนควีนป่วนก็...เอาเป็นว่าโยนความคึกคักนั่นทิ้งไปก่อน
“พี่เอก กลับดีๆ นะพี่”
“อืม”
ผมโบกมือลากรที่จอดมอเตอร์ไซค์ข้างๆ ผมและกำลังขับออกไปรับแฟนหน้าผับ พอไม่มีใครอยู่ผมก็ก้มดูสภาพลูกรักตัวเอง...ปลอดภัยหายห่วง ก็ดีแล้ว ผมยังไม่อยากโมโห
ผมขึ้นคร่อมรถขณะจุดบุหรี่สูบ กะว่าจะขอแค่ครึ่งมวนให้หายอยากแล้วค่อยกลับไปหานาย เพราะถ้ามีกลิ่นนิโคตินในห้องเมื่อไหร่นายจะเริ่มฟ้อนเล็บทันที
“เฮ้อ กลับดีกว่าเรา”
ไม่ทันถึงครึ่งมวนผมก็ตัดสินใจดับบุหรี่โดยใช้เท้าขยี้ ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม แต่ใครจะทันคิดว่าจังหวะนั้นมอเตอร์ไซค์ของผมจะถูกเตะจนล้มโครมไปพร้อมคนขี่ หมวกกันน็อคที่ใส่ได้แค่ครึ่งเดียวหลุดกระเด็นออกมา
ไม่บอกก็รู้ว่าใคร สมรรอจังหวะที่ผมไม่ทันระวังตัวเล่นงานโดยแอบอยู่ในถังขยะ มันจะลงทุนเกินไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจกับเรื่องประเภทนี้ ผมว่ามันน่าจะเป็นคนคิดน้อยหรือไม่ก็ไม่คิดอะไรเลย
ผมโดนลากออกจากรถมอเตอร์ไซค์เพราะโดนทับ อย่าหาว่าผมสำออยเชียว ลองโดนบิ๊กไบก์ทับบ้างจะรู้สึก ขาผมชาไปวูบหนึ่งเลยทีเดียว แต่พอขยับตัวได้ผมก็ล้วงเอามีดผีเสื้อที่พกติดตัวเสมอสะบัดใบมีดขึ้นมาเฉือนข้อมือสมรอย่างไม่ลังเล
“โอ๊ย!”
“อย่าคิดจะหยิบปืนขึ้นมาเด็ดขาด” ผมยังไม่เหี้ยมขนาดตัดเส้นเลือดใหญ่ แค่ปาดให้พอเลือดซิบดูน่าสยดสยองหน่อยก็เท่านั้น จะเรียกว่าเป็นการขู่ขวัญก็คงได้ สมรพยายามจะผละห่างเพื่อล้วงปืนซึ่งเหน็บไว้หลังกางเกง จุดประจำของบอดี้การ์ดเกือบทุกคน แต่พอมันขยับ ผมก็โถมตัวเองใช้ศอกกระแทกอกจนสมรกระเด็นชิดกำแพง ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวผมควงใบมีดให้คว่ำลงแล้วปักบนต้นขาสมรจนมิดด้าม มันสะดุ้งเฮือก แต่ก็ร้องออกมาไม่ได้เพราะโดนผมปิดปาก
ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบกับพื้นทันที
กฎของนักเลงคือห้ามเผยช่องโหว่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็มีแต่โดนสวนกลับ ประสบการณ์การเป็นอัศวินร่วมสี่ปีทำให้ผมเจนสนามมากพอจะกะได้ว่าตรงไหนคือกล้ามเนื้อและทำร้ายคนโดยไม่ต้องห่วงว่าอีกฝ่ายจะพิการจนถูกเรียกร้องค่ารักษาชดเชยในภายหลัง
ผมเป็นอัศวินที่มีคุณภาพน่า
“คุณนิดกลับไปแล้วใช่มั้ย มึงมาดักรอคนเดียวใช่มั้ย”
ผมควงใบมีดพลิกกลับมาจ่อคอสมร ไม่ลืมเขี่ยปืนของมันไปแถวถังขยะเพื่อความปลอดภัย
“ใช่ก็พยักหน้า ไม่ต้องพูด!”
สมรพยักหน้าช้าๆ แต่การกระทำนั้นมองยังไงก็เหมือนจงใจเอาคางไปปาดกับใบมีดด้วยตัวเอง
ทั้งที่ความจริงแล้วถูกผมบังคับ
ก็แค่เล่นแง่นิดหน่อยน่า
มันมองผมอย่างหวาดกลัวราวเห็นสัตว์ประหลาด กุมแผลที่มือ ดูท่าสติสตางค์จะกลับมาเป็นด้านเจียมเนื้อเจียมตัวแล้วสินะ
“นี่เป็นคำสั่งคุณนิดหรือมึงตัดสินใจเอง ถ้าเป็นคำสั่งให้ส่ายหน้า ถ้าตัดสินใจเองก็พยักหน้า”
สมรพยักหน้าอีกครั้งอย่างระมัดระวังสุดขีด แสดงว่าคุณนิดยังไม่กล้าพอจะเล่นงานควีนของคลับ หรือไม่ก็ตกใจที่โดนตอกหน้าจนหนีกลับไปตั้งหลักก่อน
“ทำไมถึงเล่นงานกู ไม่ต้องพูด เขียนมา”
ผมหยิบกระดาษที่เตรียมไว้พร้อมปากกายัดใส่มือสมร มันมองผมอึ้งกว่าเก่า คาดไม่ถึงว่าผมจะรู้วิธีสื่อสารเบื้องต้นระหว่างมันกับคุณนิดด้วย นี่ล่ะครับข้อได้เปรียบของการรวบรวมข้อมูลของศัตรู ยิ่งรู้มากก็ยิ่งข่มให้อีกฝ่ายหวาดกลัวมากขึ้น
“เขียนสิ!”
สมรลังเล แต่สุดท้ายคล้ายกับว่าต้องการระบาย มันเขียนเต็มหน้ากระดาษ ลายมือโย้เย้เหมือนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี หรือไม่ก็สมองทำงานเร็วกว่าร่างกายจะตามทัน ตัวอักษรถึงได้ลากยาวเป็นพรืดโดยแทบไม่ยกปากกาขึ้นมาเลย
สมรหอบหายใจหนักอย่างอัดอั้น มันมองผมก่อนจะยัดกระดาษใส่อกกลับ ถ้าไม่ติดว่ากลัวตายมันคงซัดผมไม่เลี้ยงไปแล้ว ผมหยิบกระดาษขึ้นมากวาดสายตาคร่าวๆ เพราะถ้าตั้งใจอ่านจะเปิดช่องให้มันเล่นงานกลับได้
เนื้อความในนั้นทำให้ผมทั้งโกรธทั้งตะลึงจนไม่รู้จะทำยังไง
“วันนี้กูจะปล่อยไปก่อน ไปรักษาตัวซะ ตอนนี้มึงสู้กูไม่ได้หรอก”
ผมผละออกมาโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากสมรเพื่อกดดันมันเอาไว้ สมรเองก็เหมือนจะไม่ค่อยมีใจ เล่นโดนผมดักแทบทุกทางแถมยังรู้เรื่องการสื่อสารผ่านกระดาษอีก มันคงกลัวขนหัวลุกไปหมดแล้วว่าผมรู้จากไหน
“แล้วอย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ตรงนี้มีกล้องวงจรปิด คลิปที่มึงเจาะถังน้ำมันกูเอาไปแจ้งความได้ แค่ตอนนี้กูยังไม่ทำก็เท่านั้น”
“คะ...คิดว่ามีคนเดียวรึไง”
ผมเลิกคิ้ว เหมือนฟังคำขู่ของเด็กน้อยไร้ทางสู้คนหนึ่ง
มันสู้ในถิ่นผมแล้วจะหวังเอาหลักฐานอะไรมาเล่นงาน
“ทิ้งปืนไว้ ไป!”
สมรมองผมอย่างอาฆาตแค้นครู่หนึ่งก่อนจะยอมเดินกะเผลก มันคงรู้ดีอยู่แล้วว่าสู้ผมในสภาพนี้ไม่ไหวจริงๆ
ผมยืนรอจนกระทั่งมันเรียกรถไปโรงพยาบาลแล้วค่อยไปเก็บปืน ก่อนจะมาดูมอเตอร์ไซค์สุดที่รักว่ามีรอยขีดข่วนตรงไหนรึเปล่า โชคดีที่รถล้มทับผมก็เลยไม่มีรอยถลอกใหญ่ๆ แต่ก็เล่นเอาใจหายเหมือนกัน
ผมสวมกันน็อคใหม่อีกครั้ง ก่อนจะพับกระดาษเก็บอย่างดีเพื่อเอาไปให้นาย
วันนี้เราคงต้องคุยกันยาว
“กลับดึกขนาดนี้แกจะ...เอก!!”
นายเงยหน้าอย่างตกใจเมื่อเห็นผมแบกหน้าบวมๆ เข้ามาในห้อง เป็นอะไรที่ชุ่มชื่นหัวใจเมื่อนายทิ้งงานแล้วปราดมาจับแก้มผม แต่นายครับ...แค่แตะเบาๆ ก็พอไม่ต้องจิ้ม คุณนี่ไม่รู้จักคำว่าถนอมเลยใช่มั้ยเนี่ย
“อย่าบอกนะว่าวิธีจัดการของแกคือไปท้าต่อยกับสมรเหมือนเด็กๆ แล้วนี่กลิ่นอะไร แกไปฟัดกับหมารึไง”
“สมรซ่อนตัวในถังขยะแล้วเล่นงานผม” ผมพูดกึ่งอ้อน พยายามเลี่ยงเรื่องหน้าเพราะไม่ให้นายเข้าใจบอสผิด แต่ดันโดนเขามองอย่างกับว่าเป็นคนเอาตัวไปคลุกขยะซะนี่
“ไปอาบน้ำค่อยมาคุย”
“งั้นคุณอ่านนี่ก่อนแล้วกัน” ผมหยิบกระดาษส่งให้นาย เขาเอานิ้วคีบรับอย่างขยะแขยง พอเห็นลายมือไก่เขี่ยไร้ระดับก็ยิ่งรังเกียจ
“สมรเป็นคนเขียน เกี่ยวกับคุณ”
“ว่าไงนะ”
“ผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ”
ผมรีบถอดเสื้อไปซักน้ำเปล่าในห้องน้ำก่อนรอบหนึ่ง เพราะนายคงไม่ยอมให้ผมเอาผ้าไปรวมในตระกร้าของเขาทั้งสภาพนี้แน่ๆ พอจัดการเรียบร้อยก็รีบสระผมล้างตัว จงใจประวิงเวลาให้นายค่อยๆ อ่านและทำความเข้าใจ
เนื้อความในจดหมายคืออะไรน่ะเหรอครับ...
ก่อนจะขึ้นมาบนห้องผมอ่านละเอียดไปรอบหนึ่งแล้ว ฉะนั้นจะเล่าอย่างย่อพร้อมเสริมความคิดเห็นบางส่วนให้ฟัง
สมรหลงรักนาย...รักมานานตั้งแต่ตอนเด็กๆ มันเคยเป็นบอดี้การ์ดให้นายช่วงหนึ่งในระยะสั้นๆ แต่เหมือนนายจะไม่ทันสังเกตความผิดปกติของมัน (ซึ่งน่ามาจากไม่อยากจะสนใจใครเลยมากกว่า) และปฏิบัติกับมันอย่างคนทั่วไป (หรือก็คือให้ฟังคำด่าอย่างเดียว) มันเลยคิดว่านายทำดีด้วย มันจึงคิดทำดีกับนาย
แต่นายออกจากบ้านไปซะก่อน
สมรรักนาย และคุณนิดก็รู้เรื่องนี้ แต่ทั้งคู่อยู่เมืองหลวง ส่วนนายไปต่างประเทศ ไม่รู้จะทำยังไงดี พอเขากลับมาก็ดันไปตั้งบริษัทที่ต่างจังหวัด อาศัยที่ดินฝั่งแม่อีก จนกระทั่งนายขึ้นมากรุงเทพเพราะเรื่องของสมยศ ทั้งคู่จึงเริ่มวางแผน แต่นายไปพัวพันกับคิงส์คลับซะได้ ทำให้คุณนิดบอกให้ยกเลิกแผนไปก่อน
จนกระทั่งผมคบกับนาย
สมรตามติดนายมานาน มันรู้กระทั่งเรื่องนายรักควีน และเคยควงคู่นอนสลับเปลี่ยนไปหลายต่อหลายคน มันไม่เคยออกหน้า แต่ครั้งนี้เกิดความหึงหวง ไม่คิดฟังคำคุณนิดอีก มันตัดสินใจเองเพื่อที่จะจัดการผม และรอจังหวะพาตัวนายมาที่คฤหาสน์ คุณนิดจะทำตัวเป็นน้องแสนดีโดยขอส่วนแบ่งทรัพย์สินบ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนมันก็จะได้เคียงข้างนายอีกครั้ง สมรหวังเพียงแค่นี้ แถมยังรับปากจะปกป้องนาย สรุปแล้วไม่ใช่แผนลักพาตัวขู่ขวัญทำร้ายร่างกายอะไรเลย
เพราะอย่างนี้ไงผมเลยปล่อยสมรไปก่อน
เห็นท่าทางซื่อตรงใสซื่ออย่างจริงใจขนาดนั้นแล้ว...ผมที่กลับกลอกวางแผนเข้าหานายก็คล้ายจะเป็นตัวร้ายขึ้นมาทันที
ผมสวมกางเกงนอนโดยคล้องผ้าเช็ดผมพาดรอบคอ ตอนออกมานายก็ปาก้อนกระดาษใส่ผมอย่างฉุนเฉียว ไม่บอกก็รู้ว่ากระดาษก้อนนั้นเดิมทีเป็นของใคร
“เล่าเรื่องแกเจอสมรให้ฉันฟังซิ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“กระดาษมีรอยเลือด”
“อ้อ...” ผมใช้ผ้าเช็ดข้างแก้มเพื่อปกปิดสีหน้า จะบอกเขาไม่ให้ตกใจยังไงดีล่ะว่าผมกรีดข้อมือ เอามีดปักขา และใช้ของมีคมจ่อคอสมรบังคับให้เขาทำร้ายตัวเองจนเลือดซิบ “สมรยังไม่ตายหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”
“อย่าเฉไฉ”
ผมมองสายตาคาดเค้นแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง
“แล้วไม่ต้องปั้นเรื่องหลอกฉันด้วย”
ถูกดักขนาดนี้แล้ว...ยิ่งประวิงเวลามากก็ยิ่งเสียเรื่อง ผมเลยยอมเล่าตามจริง โดยเพิ่มความน่าสงสารของตัวเองไปด้วยว่าโดนรถล้มทับและถูกกระชากออกมาอย่างโหดร้ายขนาดไหน แต่เหมือนนายจะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ ออกแนวจับผิดซะมากกว่า
“สุดท้ายผมก็ปล่อยสมรไป...เรื่องก็มีเท่านี้ล่ะคุณ” ผมพูดแล้วก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงชอบกล “คุณล่ะ...อ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้วรู้สึกยังไง”
“จะให้ฉันรู้สึกอะไร ฉันไม่รู้จักมัน และไม่เคยทำดีกับมันด้วย”
ผมล่ะสงสารสมรจับใจเลยที่หลงรักคนแก่ใจร้ายคนนี้
“คุณอยากให้ผมทำอะไรมั้ย อย่าง...ข่มขู่คุณนิดให้ล้มเลิกแผนการบ้าๆ นั่น”
“แล้วสมรล่ะ”
“หมอนั่นทำอะไรผมไม่ได้”
นายมองผมที่เอ่ยอย่างมั่นใจด้วยสายตาเยาะเย้ย ก่อนจะตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“แผนการบ้าๆ นั่นก็ทำอะไรฉันไม่ได้เหมือนกัน”
เห็นความถือดีที่น่าหมั่นไส้นั่นแล้วผมก็อดใจไม่ไหวโน้มตัวไปจูบ นายเผยอปากให้สอดลิ้นเข้าไป ผมเอียงคอเล็กน้อยเพื่อความแนบแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะผละออกมา ตำแหน่งจากตรงนี้ทำให้เห็นรอยคล้ำใต้ตาของนายอย่างชัดเจน
ผมใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ อย่างนึกสะท้อนในใจ
“คุณเหนื่อยมั้ย...ที่ต้องรอผมทุกวันอย่างนี้”
เวลาที่ไม่ตรงกันของเราทำให้เขาต้องคอยถ่างตาจนดึกดื่น แม้ว่านายจะแอบงีบก่อนผมกลับบ้าง แต่พอเวลาไม่มีใครเขาก็นอนกระสับกระส่าย เหมือนแค่พักสายตามากกว่าพักผ่อน
วัยนี้ควรนอนให้ครบแปดชั่วโมงสิ
“แล้วจะให้ฉันทำไง เรียกพัทรมานอนด้วยงั้นซิ”
“ผมไม่ยอม”
“แล้วแกจะถามทำไม” นายมองผมเหมือนมองเด็กงอแงคนหนึ่งที่พูดไม่รู้เรื่อง อย่างกับถูกไม้แสกหน้า ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ขณะโอบกอดนายหลวมๆ พร้อมคลอเคลียเหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
“งานที่บริษัทของคุณยุ่งมากเหรอ” เป็นครั้งแรกที่ผมถามเรื่องส่วนตัวของเขา นายนิ่งไปชั่วอึดใจ แต่เพราะถูกผมตะกองกอดเอาไว้เลยจำใจเอ่ยออกมา
“ก็ไม่มากหรอก...เริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”
เป็นคำตอบกำกวมที่แฝงความกีดกันอย่างชัดเจน
ผมวางคางบนศีรษะของนาย ก่อนจะเอ่ยเสียงเนือยอย่างจำยอมทุกสิ่งอย่าง
“อย่าระแวงขนาดนั้นสิ ผมไม่แสดงความเห็นหรือพูดแทรกให้คุณอารมณ์เสียหรอก แม้เราจะมีข้อตกลงไม่ก้าวก่ายเรื่องการทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพูดถึงไม่ได้” ว่าพลางก้มสูดกลิ่นหอมผ่านเส้นผมของเขาอย่างผ่อนคลาย “ผมเป็นผู้ฟังที่ดีได้เหมือนกันนะ”
นายนิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะตอบในคำคอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจนใจสั่น
“อืม...”
----------
ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เรียนรู้กันนะนายนะ ความจริงนายก็อ่อนให้พี่เอกเยอะแล้ว แต่เพราะทิฐิและยังระแวงพี่เอกก็เลยยังดูแข็งๆ อยู่บ้าง
ส่วนสมร...โดนพี่เอกเล่นซะยับเลยนะเรา โธ่ๆ แต่ไม่ว่าจะโดนตื้บท่าไหน พี่เอกที่เดี๋ยวคูลเดี๋ยวฮอตก็เท่บาดจิตบาดใจเหลือเกิน
เพจนักเขียนที่อยากเป็นมอเตอร์ไซค์จะได้ล้มทับพี่เอกสักครั้งในชีวิต อั๊ยย๊ะ!