ตอนที่ 3 : ลับหลัง
ผมยืนมองห้องเช่าแคบๆ ของตัวเองด้วยความรู้สึกที่แปลกไป
คงเพราะไม่ได้กลับมานอนที่นี่ติดต่อกันสองคืนแล้ว ทุกครั้งที่มาก็มักเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับออกไปทำงาน ยิ่งเปรียบเทียบกับห้องคอนโดแบ่งเป็นสัดส่วนของนาย ห้องของผมคงไม่ต่างกับรูหนู
เพราะเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย เลยไม่เดือดร้อนกับห้องเช่าราคาถูกที่มีกลิ่นเก่าและรอยแตกตามกำแพง ถ้าไม่นับเตียงนอนที่หันมาทางประตูเพราะไม่มีห้องแยกแล้ว ก็มีส่วนครัวตรงระเบียงแคบที่ผมซื้อเตาไฟฟ้ามาใช้กับกระทะทรงโค้งสารพัดนึกที่ทั้งผัดทั้งต้มทำได้หมดเนี่ยล่ะ ที่พอนับเป็นเครื่องเรือนได้บ้าง
ตู้เสื้อผ้าของผมเป็นโครงเหล็กหุ้มผ้าใบรูดซิบเปิดปิดที่สามารถพับเก็บเคลื่อนย้าย กระจกเพียงหนึ่งเดียวอยู่ในห้องน้ำที่มีแค่ชักโครกและฝักบัว ผมซื้อพรมปูไว้กันลื่น ไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเติม
แตกต่างกับนายราวฟ้ากับเหว
ผมก้มเก็บเสื้อผ้าใส่แล้วโยนในตะกร้าตั้งใจเอาไปซักเพราะค้างไว้หลายวัน ใจหนึ่งเผลอคิดว่าถ้าเอาเสื้อไปทิ้งไว้ในห้องนายสักตัวเขาจะด่ามั้ย เพราะนายเป็นพวกไม่ยึดติดผูกพันกับใครเป็นพิเศษ ยิ่งใครแสดงความเป็นเจ้าของ แสดงสิทธิ์รุกล้ำเขตของเขาเกินที่ตั้งเอาไว้ นายก็จะยิ่งหงุดหงิด
เอาใจยากจริงๆผมฮัมเพลงขณะเดินลงไปข้างล่างพร้อมเหน็บตะกร้าผ้าไว้กับเอว อีกข้างยกปิดปากหาว รู้สึกง่วงหน่อยๆ เพราะเมื่อคืนต้องแอบกอดนายลับๆ ใกล้เช้าค่อยเปลี่ยนเป็นให้นายพาดแขนกับตัวของผม พอเขาตื่นมาเห็นท่าทางที่ถูกเตรียมไว้ก็ค่อนข้างพอใจไม่สบถเหมือนเคย
“พี่เอก”
เก่ง เพื่อนร่วมตำแหน่งอัศวินที่อายุน้อยมากกว่ายืนดักอยู่ตรงบันไดทางลง ห้องเช่าของผมไม่มีลิฟต์หรอก มีแค่สี่ชั้นเตี้ยๆ เท่านั้น และผมก็อยู่ที่ชั้นสอง
“มีอะไรรึเปล่า” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ยังกวักมือเรียกให้รุ่นน้องเดินตามไปห้องซักผ้าหยอดเหรียญซะด้วยซ้ำ
“เมื่อวาน...ผมเห็นนะ” เก่งเอ่ยอย่างลังเล “ผมเห็นพี่ขึ้นรถไปกับ...ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่แค่ผม พี่แว่นก็เห็น”
ผมครางในลำคอ รู้สึกลำบากใจนิดหน่อยที่ความแตกเร็วกว่าที่คิด กับเก่งน่ะไม่เท่าไหร่ เขาเป็นคนซื่อตรงจริงจัง แม้จะใจร้อนแต่ก็รักพวกพ้องบ้าลำดับชั้นในคลับ ถ้าผมบอกว่าเป็นเรื่องงานเขาก็พร้อมจะปิดปากเงียบ แต่ปัญหาก็คือ...แว่นเนี่ยล่ะ
แว่นมีอายุงานเท่ากับผม เป็นคนที่มองภายนอกแล้วคงเดาไม่ออกว่าจะทำงานผิดกฎหมาย เพราะเขาดูสะอาดสะอ้านแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพวกขายประกันซะมากกว่า แถมยังสวมแว่นกรอบเหลี่ยม เป็นคนคิดละเอียดรอบคอบถี่ถ้วน แล้วยัง...ฉลาดมีไหวพริบสมตำแหน่งบิชอป
อ้างเรื่องงานกับเก่งน่ะพอรอด แต่กับแว่นยังไงก็โดนรู้ทัน
“ผมมาหาพี่ตั้งแต่เช้า แต่พี่เพิ่งกลับมาตอนบ่ายโมง พี่เอก...พี่นอนกับผู้ชายคนนั้นเหรอ”
เก่งทำหน้าเหมือนไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่ นายสร้างเรื่องไว้มาก เหล่าระดับสูงในคลับที่เผชิญเหตุการณ์มาด้วยกันล้วนเกลียดขี้หน้านาย
อันที่จริงผมก็ควรเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าไม่ติดว่าดันรู้จักประวัติเขามาก่อนละก็นะ
เอาไงดีล่ะผมเทเสื้อลงในถังซักผ้า ใส่ผงซักฟอก เติมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก่อนจะหันไปแลกเหรียญสิบกับเก่งเพราะมีแต่แบงก์ยี่สิบ รุ่นน้องจ้องตาเขม็งแม้จะยอมยื่นเศษเหรียญให้ เขาคงกลัวว่าผมจะทรยศคลับ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดกรณีเข้าใจผิดแบบเดียวกัน ล่อซะแทบแย่
ถ้าให้อธิบายเรื่องนาย ก็ต้องย้อนไปถึงอดีตของควีน แต่ในเมื่อควีนก็ไม่เคยคิดจะเล่าให้พวกเราฟัง หากผมออกปากเองก็ไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดถึงซะด้วยสิ
“พี่กำลังคบกับนายน่ะ”
ผมตัดสินใจทิ้งระเบิด
“ฮะ!!!!” เก่งอ้าปากค้าง
“มันคือรักแรกพบ อืม...และก็เป็นรักต้องห้าม เพราะอย่างนี้ละนะเก่ง วานปิดให้พี่หน่อย พี่ไม่อยากมีปัญหากับบอส แล้วก็...กับ
ควีน"
“ผมบอกพี่แว่นได้ใช่มั้ย”
ผมหลุดหัวเราะ ไม่เคยคาดหวังว่าเก่งจะเก็บความลับกับแว่นได้หรอก
“ได้สิ”
และไม่เคยกลัวว่าแว่นจะเปิดปากบอกใครด้วย ขนาดจะชวนคุยยังยากเลย ยิ่งเมื่อเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคลับ แว่นก็คงไม่คิดจะยุ่ง
“แล้ว...” เก่งยังดูไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ต้องขอบคุณที่รุ่นน้องคนนี้ถนัดใช้กำลังมากกว่าสมอง “ปิดบอสจะดีเหรอพี่”
“บอสไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวของลูกน้อง ขอแค่ยังทำหน้าที่ไม่บกพร่องก็พอ”
เก่งพยักหน้ารับ
“แต่ควีน...”
นั่นล่ะตัวดี
ควีนชอบนักเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในคลับ ถึงขนาดช่วยจับคู่ให้คนอื่นไปทั่ว
“ผู้ชายคนนั้นมีปัญหากับควีน ถ้าควีนรู้คงเข้าหน้ากันยาก เก่งช่วยพี่ได้ใช่มั้ย”
“น่าจะได้มั้งครับ” เก่งไม่ค่อยมั่นใจว่าจะรับมือกับควีนไหวรึเปล่า “แต่เมื่อวานควีนยังมาขอเบอร์ผู้ชายคนนั้นกับพี่แว่นอยู่เลย สรุปแล้ว...”
“เก่ง” ผมตัดสินใจปาระเบิดลูกที่สอง “เมื่อวานกลับพร้อมแว่นเหรอ”
ได้ผล อัศวินเลือดร้อนหน้าแดงก่ำไปถึงหู ท่าทางสงสัยกลายเป็นอาการอ้ำอึ้งน้ำท่วมปาก
“คือ...คือว่า...”
เก่งน่ะแอบรักแว่นมาหลายปี รักษาระยะห่างดีเยี่ยม แต่ช่วงหลังมานี้ก็เริ่มรุกเข้าหาผิดวิสัย ที่น่าแปลก คือแว่นก็คล้ายจะยอมใจอ่อน
“เป็นสัญญาณดีนี่” ผมเดินไปตบไหล่รุ่นน้องที่ยังอ้าปากพะงาบๆ เชื่อสิว่าคงลืมเรื่องของผมไปหมดแล้ว “แล้วไปส่งแว่นถึงที่บ้านรึเปล่าล่ะ”
“คือ...ผมส่งถึงข้างหน้านะพี่ ผมไม่ได้เข้าไป! ผมเปล่านะ!”
นี่มันร้อนตัวชัดๆ
“ว่าแต่เก่งเริ่มไปส่งแว่นตั้งแต่วันไหน พี่ไม่เห็นรู้เลย”
“เอ่อ...ผม...” เก่งขยับตัวยุกยิกอยู่ไม่สุก “ผมมีธุระ ผมขอตัวก่อนนะพี่เอก!”
ผมโบกมือลารุ่นน้องที่รีบวิ่งฉิวออกไป แถมยังสะดุดขาตัวเองเกือบล้มอีกต่างหาก
จัดการตัวปัญหาได้หนึ่ง
ที่เหลือ...ก็คงเป็นแว่น รายนั้นไม่เปิดปากเองก็จริงอยู่ แต่ถ้าควีนถามขึ้นมาก็ตอบทุกคำ
ใช่ ปัญหาน่ะไม่ใช่แว่น แต่ยังเป็นคนคนเดิม
...ควีน
เป็นที่แน่นอนว่าวันนี้ควีนเก็บตัวอยู่ในห้องออฟฟิศชั้นสอง ป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ผมรู้สึกโล่งอกโล่งใจมาก ถ้าไม่นับบอสแล้ว ก็มีควีนเนี่ยล่ะที่ไม่รู้จักรับมือยังไง
“พี่เอก!”
ผมเงยหน้า เห็นเก่งยืนส่งสัญญาณให้จากชั้นสอง พอผมพยักหน้ารับ ร่างของลูกค้าในสภาพเมามายก็ถูกโยนให้กลิ้งตกบันไดลงมา อย่าหาว่าพวกอัศวินบ้าพลังเลย แต่ชั้นสองน่ะวุ่นวาย มีแต่คนคุยไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นการพาท่องบันไดจะช่วยเรียกสติได้ประมาณสองส่วน
ผมเดินไปหิ้วหลังคอคนที่นอนเปื่อยอยู่ปลายบันไดให้นั่งนิ่งๆ
“ค่าเสียหายสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้คือ xx,xxx ไม่ทราบว่าจะจ่ายบัตรหรือเงินสดครับ”
กฎของคิงส์คลับ คือการปรับสองเท่าหากทำข้าวของเสียหาย ฉะนั้นลูกค้าเวลาได้ฟังทีไรก็อยากจะสลบเหมือดทุกที
เพราะไม่มีคำตอบ ผมเลยจัดการยึดบัตรก่อนจะดึงลูกค้าให้ลุกขึ้นแล้วต่อให้เบี้ยที่ยืนเข้าแถวเป็นระเบียบยาวไปจนถึงหน้าประตู พวกเราทำงานอย่างเป็นทีมเวิร์ก ถ้ามีคนก่อเรื่องที่ชั้นสอง เก่งจะจับแยก โยนลงมาให้ผมคิดเงิน จากนั้นผมก็จะจัดส่งออกนอกคลับ ซึ่งจะมีเบี้ยคอยช่วยเรียกรถรับส่งอยู่ด้านหน้าไม่ให้เกะกะที่ แน่นอนว่าลูกค้าต้องไปจ่ายเงินปลายทางเอาเอง
กิจกรรมที่ไม่ค่อยสนุกนี้มักจะเกิดหลังช่วงตีหนึ่งเป็นต้นไป ช่วงที่ชั้นหนึ่งซึ่งผมดูแลอยู่เริ่มซบเซาเพราะเล่นได้เล่นเสียหลายตา แตกต่างกับชั้นสองลิบลับ
ผมนวดบ่าเล็กน้อยหลังจัดการส่งต่อลูกค้าสามรายที่ต่อยกันเองจนตาปูด คงไม่พ้นเรื่องแย่งคู่ขาตามเคย ลูกค้าชั้นหนึ่งเองก็เคยชิน และการทำแบบนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าโกงต่อหน้าอัศวินอย่างผมด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
“เรียบร้อยนะ”
“เรียบร้อยดีครับพี่”
เบี้ยที่กระจายตัวรอบๆ คลับเพื่อความปลอดภัยและสอดส่องพฤติกรรมลูกค้ารายงานหลังทำความสะอาดขั้นบันไดให้สะอาดเอี่ยม ผมพยักหน้ารับก่อนจะไปยืนประจำข้างประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่คุยค้างไว้ขึ้นมาดู
- ทำอะไรอยู่ –
- อย่าเงียบใส่ฉัน –
- เอก –ผมหลุดยิ้ม ให้รู้สึกเหมือนมีคนตามหึงหวง ทั้งที่ความจริงแล้ว...ผมคุยค้างกับนายเรื่องควีนที่เก็บตัวเงียบ คงจะไม่มีรูปถ่ายส่งไปในวันนี้ เขาเลยลนลานเกินกว่าเหตุ
- ผมจัดการคนเมานิดหน่อย เมื่อกี้เราคุยถึงไหนนะ –
- ...ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าก็ไม่ต้องมา –ผมมองข้อความนั้นแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
ความสัมพันธ์ที่ขึ้นอยู่กับบุคคลที่สามนี่มันไม่สนุกเลยจริงๆ
- ตีหนึ่งแบบนี้คุณจะไปหาคู่นอนจากไหน –
- อย่างน้อยก็ง่ายกว่ารอแกถึงตีสามแล้วกัน –ผมนิ่งไปอีกครั้ง ปัญหาสำคัญอีกอย่าง คือเวลาของพวกเราไม่ตรงกัน
และเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ซะด้วยสิ
- ตามใจคุณ –นายอ่านแล้วไม่ยอมตอบ เขาคงคิดว่าไม่จำเป็นต้องคุยกับผมอีกเมื่อหมดธุระ
แต่ผมไม่ใช่คนยอมแพ้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอก
เพราะมาหานายสองคืนติด ตอนผมเดินเข้าในคอนโดหรูช่วงตีสามกว่าๆ พนักงานจึงต้อนรับทันทีเพราะคิดว่าผมเป็นแขกคนสำคัญของลูกค้าวีไอพีที่สุดแสนจะเอาใจยาก
ผมเคาะประตู ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนมาเปิด ป่านนี้นายคงจะหลับสนิทไปแล้ว
คงต้องโทรเรียกล่ะนะ
แต่ไม่ทันหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดประตูก็เปิดออก
เป็นเด็กผู้ชายวัยสิบห้าสิบหก รูปร่างผอมบางตัวเล็กกว่านาย ผิวขาวสะอาดสะอ้านไว้ผมยาวระบ่า แบบเดียวกับที่นายชอบ
“เอ่อ...เป็นแขกของนายเหรอครับ”
“ใช่” ผมตอบ มองจากสภาพของเด็กนี่ที่สวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำที่นายมีเก็บไว้เต็มลิ้นชัก ด้วยสภาพโทรมๆ เพิ่งอาบน้ำ คงจะเอาเสร็จกันไปแล้ว
ก็ดี ถือว่าผมไม่ได้มาขัดจังหวะนาย
“ตอนนี้นายนอนหลับอยู่ คือ...”
“ไม่เป็นไร” ปากตอบไป แต่ตัวน่ะเดินเข้าในห้องอย่างแนบเนียนเหมือนรู้จักกับนายเป็นเวลานาน เด็กคนนี้คงจะกลัวกับภาพลักษณ์ของผมที่ดูเป็นนักเลงหน่อยๆ ก็เลยไม่กล้าห้ามปราม “ให้เรียกรถไปส่งมั้ย”
“ครับ?”
เด็กนั่นเบิกตากว้างเมื่อผมหันมาถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนชวนคุย
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยสิ”
“แต่...นายบอกให้ผมอยู่”
“ไปแต่งตัว” น้ำเสียงผมเข้มขึ้น รอยยิ้มหายไปเหลือแค่ใบหน้านิ่งและสายตาข่มขู่ ไอ้เด็กนั่นกลัวจนตัวสั่น รีบวิ่งแจ้นเข้าไปในห้องหยิบเสื้อผ้าออกมาสวมแทบไม่ทัน
“มีเงินค่ารถมั้ย” ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“อ่า...ครับ”
“งั้นก็กลับดีๆ”
ผมยืนรอที่หน้าห้องจนกระทั่งเด็กนั่นเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงปิดประตูล็อกกลอนเสร็จสรรพ ก่อนจะแง้มประตูห้องนอนของนาย พอเห็นเขาขยับตัวกระสับกระส่ายก็หลุดยิ้มน้อยๆ ออกมา ก่อนจะเดินไปอาบน้ำและสวมเสื้อคลุมที่วางเรียงในลิ้นชักอย่างเป็นระเบียบ
อืม...ผมเริ่มคิดจริงจังที่จะทิ้งชุดนอนไว้ในห้องนายซะแล้วสิ
ผมผูกเชือกตรงเอวขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ ทุกการกระทำเป็นไปอย่างเงียบกริบโดยไม่ต้องเปิดไฟ ผมเข้าไปแทรกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกับนาย ก่อนจะยกศีรษะของเขาขึ้นให้ซบบนต้นแขนตัวเอง อย่างที่ทำมาตลอดสามคืน
นายที่นอนไม่ค่อยสนิทนักพูดงึมงำในลำคอ พลิกตัวมาโอบรอบตัวผม พอได้ไออุ่นก็หลับเป็นตาย ไม่สนว่าเป็นใครกันแน่
คนคนนี้นี่น้า...
ผมปัดปอยผมที่ปรกหน้าอีกฝ่าย มองไปสักพักก็เริ่มง่วงจึงยกแขนออก ทำตัวนิ่งเป็นหมอนข้างไร้ชีวิต ป้องกันไม่ให้ตื่นเช้ามาแล้วเจอน้ำเสียงหงุดหงิดของนาย
เอ่อ...ซึ่งพรุ่งนี้น่าจะเข้าขั้นโมโห
แต่ไม่เป็นไรหรอก ก็ผมมีไม้ตายอยู่นี่นา
--------
อย่าแปลกใจทำไมพี่เอกมีแค่เก่งกับพี่แว่น ไม่มีเบอร์หนึ่ง ต้องอธิบายว่าพี่แกสนิทกับเก่งเพราะอยู่ตำแหน่งเดียวกัน ส่วนพี่แว่นนั้นเริ่มงานมาด้วยกันเลยนับว่าพอสนิทอยู่ แต่เบอร์หนึ่งเพิ่งเข้ามาได้หนึ่งปี คุมระหว่างคลับและผับ วิ่งไปวิ่งมา ในพาร์ทพี่เอกเลยไม่ค่อยได้เจอเบอร์หนึ่งสักเท่าไหร่ค่ะ รวมถึงพี่หมอบซึ่งอยู่แต่ฝั่งผับด้วย
เพจนักเขียนที่กิ๊วก๊าวกับพี่เอกภาคไล่เด็กเนียนๆ 555ปล.ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งๆ ค่ะ วันหยุดเลยถือโอกาสปั่นมาลง แต่สั้นมาก...ถือว่าพอกิ๊บก๊าวแก้คิดถึงนะคะ <3