คือ...ดิฉันอยากฆ่าตัวตายมากๆเลยค่ะ ดิฉันคิดว่าตัวเองอาจเป็นโรคซึมเศร้า เเต่ไม่อยากไปหาหมอเลยค่ะ เพราะไม่บอกที่บ้านว่าตนเองเป็นอะไร แต่รู้สึกว่าช่วงนี้อาการหนักมากขนาดที่อยู่คนเดียวทีไรมักจะคิดเรื่องฆ่าตัวตายตลอด อย่างเมือวานก่อนถูกตำหนิเพราะโดนมีดบาดก็เฝ้าด่าเฝ้าตำหนิตัวเองว่าทำไมเป็นอีโง่แบบนี้ ดิฉันอายุ19ค่ะ ย่าง20 เพิ่งซิ่วจากที่เรียนมหาลัยมา จากที่ปกติเป็นคนเครียดอยู่แล้วรู้สึกช่วงนี้จะเครียดมากขึ้นอีก จนกลายเป็นหวาดระแวงและวิตกกังวลมากเลย ได้ยินเสียงหัวเราะพ่อแม่และน้องชายดังขึ้นมาถึงข้างบนบ้าก็คิดไปค่างๆนาว่าเขาคงกำลังเยาะเย้ยเราแน่ๆ(ดิฉันเป็นพี่คนโตถูกไล่ให้ไปอยู่อีกบ้านคนเดียว) ดิฉันรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าตอน มัธยมปลายค่ะ ประมาณม.4เพราะดิฉันโดนกดดันและถูกบังคับให้เลิกเรียนเสีย ตอนนั้นดิฉันร้องไห้และขอร้องยายว่า 'อย่าให้เขาเอาอนาคตหนูไปเลยหนูจะไม่เกเรหนูจะตั้งใจเรียน'. จำได้ว่าช่วงนั้นดิฉันกลายเป็นเด็กเก็บตัวมากชอบเหม่อลอยแล้วก็มองท้องฟ้าไปเรื่อย จนยายทนไม่ไหวไปพูดกับแม่. พ่อเลี้ยงที่เป็นแฟนใหม่แม่ก็ช่วยพูดกับแม่ด้วย จนแกยอมรับและยอมให้ดิฉันเรียนต่อ แต่ให้เรียนโรงเรียนวัดที่อยู่ต่างอำเภอ แม่เอาฉันไปฝากไว้กับป้า. ป้าเป็นเเม่ค้าขายส้มตำอยู่ในตลาดใกล้ๆโรงเรียน วันเเรกที่ไปอยู่แกก็พูดดีด้วยค่ะ ดิฉันก็คิดว่าคงจะดีแน่ๆที่ได้มาอยู่กับแก ช่วงนั้นเป็นยังเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ ดิฉันจึงต้องช่วยป้าขายด้วย แต่ดิฉันเป็นคนขยับตัวช้าบวกกับช่วงนั้นมีอาการเหม่อลอยเป็นพักๆ ตอนแรกแกก็แซวๆว่าคิดถึงแฟนหรือเปล่า แต่พอนานเป็นอาทิตย์เข้าดิฉันเริ่มถูกด่าทอ แต่ดิฉันก็เอาแต่ขอโทษแกอยู่รำ่ไป ดิฉันพยายามทำตัวให้ดีขึ้นแต่ก็เหมือนจะไม่ถูกใจแก ตอนเย็นแม่ก็โทรมาด่าทอฉันอีก ดิฉันรู้สึกเครียดมากจึงหาทางออกด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้องและร้องไห้อย่างเดียว ตื่นเช้ามาตาบวมมากเลยค่ะ แต่พอนานวันเข้าดิฉันก็กลายเป็นชินชา. ดิฉันมักโดนตำหนิเสมอๆ ดิฉันไม่ค่อยยิ้มและไม่ค่อยมีเพื่อน ตอนนั้นดิฉันได้รู้จักกับเว็บไทยบอยเลิฟนี้เป็นครังแรก การอ่านนิยายนั้นทำให้ฉันเริ่มยิ้มได้ดิฉันเริ่มคุยกับคนอื่นมากขึ้น ช่วงนั้นเหมือนจะดีค่ะ แต่สุดท้ายดิฉันก็ต้องกลับมาเป็นอิหน้าเดียวเหมือนเดิม เพราะยายเสียค่ะเมื่อไม่มียายก็เหมือนแม่จะดุด่าฉันมากขึ้นมากขึ้น ฉันไม่รุ้จักพ่อของตัวเองและไม่รู้จักญาติๆเลยนอกจากป้า เหมือนฉันตัวคนเดียวมากค่ะ ฉันมีความคิดจะฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนนั้น เห็นมีดแล้วเหมือนในหัวมันสั่งให้หญิบมาเชือดคอสะ หยิมมากรีดข้อมือสะ แบบนั้นตลอด ครั้งนึงดิฉันทนไม่ไหวเพราะทะเลาะกับแม่และป้าก็เอาแต่ด่าทอ ดิฉันหยิบมีดขึ้นมาและกรีดลงไปบนแขนซ้าย แต่มีดไม่คมค่ะ เลยเป็นรอยขีดๆนิดเดียว ตั้งแต่นั้นเหมือนดิฉันไม่เปิดใจและไม่รับรู้อะไรเลยค่ะ ปิดเทอมกลับบ้านไปโดแม่ด่าทอและทำร้ายร่างกายก็แค่ทำหน้านิ่งๆ ส่วนพ่อเลี้ยงและน้องชาย(ลูกใหม่ของแม่และพ่อเลี้ยง)ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไร แล้วยังชอบใช้งานเราเหมือนเป็นขี้ข้าเขาเลย เราก็ทำค่ะ เพราะยายชอบสอนเราเสมอว่าให้ทำดีกับเขาเพราะเขาหาเลี้ยงเรา. เราจำคำนั้นใส่หัวมาตลอดและไม่เคยเถียงไม่เคยบ่น เราเป็นคนไม่ค่อยพูด เพราะเราไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดกลัวเขาจะลำคาญ ทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวไปซื้อของเขาไม่เคยพาเราไปด้วยเลยค่ะ จะไปกันแต่สามคนพ่อแม่ลูก ส่วนเราก็อยู่บ้านค่ะ เขาไม่เคยเรียกเรากินข้าวเลยค่ะ เท่าที่จำได้มีอยู่ครั้งเดียวมั้งตอนญาติพ่อเลี้ยงมาบ้าน เราก็ต้องไปค่ะเพราะรู้ว่าถ้าไม่ไปคงโดนฟาดแน่ๆ ดิฉันไม่ผูกพันธ์กับแม่เลยอาจเป็นเพราะแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเราไม่ได้คลุกคลีกับเราเท่ายาย ดิฉันจึงไม่ผูกพันธ์กับเขาเท่าไหร่ จนสันหนึ่งในช่วงปิดเทอมของม.6. ดิฉันแตกหักกับพวกเขารุนแรงมาก เพราะพวกเขาบังคับให้ดิฉันไปทำงานเละไม่ให้เรียนต่อทั้งๆที่ดิฉันสอบได้แล้วในมหาลัยที่อยู่ค่อนข้างใกลจากจังหวัดที่อยู่พอควร ดิฉันที่เคยเงียบมาตลอดเถียงกลับเขาทั้งนำ้ตา จนสุดท้ายเขาอาจสงสารหรือสมเพชจึงส่งฉันไปทำงานเก็บเงินก่อนเปิดเทอม ได้ประมาณหมื่นกว่าบาท. แต่อนิจจาโรคที่ฉันเป็นมันกระทบกับชีวิตประจำวันฉันทำให้ฉันไม่มีใครคบ มีงานมีการที่มหาลัยดิฉันมักได้ทำคนเดียวเสมอ ไหนจะต้องทำงานตอนเย็นทำให้เวลาเรียนไม่พอจึงคิดว่าไม่ไหวแล้จึงซิ่วออกมา ก็ถูกเขาด่าดูถูกดูหมิ่นไปตามระเบียบจนคิดตลอดว่าจะอยูไปทำไม สู้ตายๆไปซะดรกว่า
พิมพ์ในมือถืออาจผิดๆถูก ขอโทษด้วยแล้วกกันนะค่ะ
ขนาดพิมพ์ในมือถือยังยาวขาดนี้