[36]
“ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยรอน” รามเดินมาตบไหล่ของโขนเบาๆด้วยท่าทีเป็นมิตรจนรอนถึงกับอ้าปากค้าง
“รอนเจ็บตรงไหนรึเปล่า” กั้งถาม รอนส่ายหน้า
“ทำไมไอ้เมืองแมนมันถึงยอมร่วมมือกับนาย จะไว้ใจมันได้จริงเหรอ” รามถามโขนด้วยท่าทีปกติ เห็นรอนทำหน้าเหรอหราก็นึกขำ คงคิดว่าเขามาหาเรื่องโขน รามยอมรับว่าหากเขาไม่รู้เรื่องจากโขนมาก่อนก็คงไม่ได้มายืนเฉยๆแบบนี้แน่ คงไม่ใครกับใครก็ตายกันไปข้างหนึ่ง
“ถ้าไว้ใจมันไม่ได้ มันคงไม่โทรมาบอกว่ารอนอยู่กับมัน แล้วมันก็คงไม่ช่วยรอนหรอก แต่ถึงยังไงก็ฉันก็ยังไม่ไว้ใจมันซะทีเดียว ตอนนี้พามันไปซ่อนจากชีวาแล้ว” โขนพูดจบก็เดินไปหยิบผ้าที่เปียกน้ำหมาดๆส่งให้รอน
รอนถอดเสื้อออกแล้วใช้ผ้าลบรอยแดงตามตัว ไม่นานร่างกายของรอนก็ปราศจากร่องรอยแดงช้ำนั้น เพราะมันเป็นเพียงเครื่องสำอางที่ถูกแต่งแต้มให้เหมือนจริง เหลือแต่รอยที่คอเพียงรอยเดียวที่ชีวาทำเอาไว้ รอนรู้สึกรังเกียจจนอยากเฉือนเนื้อตรงนี้ทิ้งไป แต่ก็ได้แต่ทำใจ รอดชีวิตมาจากไอ้โรคจิตนั้นได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว
“สรุปว่าพี่สองคนร่วมมือกันเหรอครับ พี่รามรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ” รอนถามโขนกับราม รอนนึกว่าแผนนี้จะเป็นของโขนคนเดียว ไม่คิดว่าพี่ชายของตัวเองจะรับรู้ด้วย ก็คนไม่กินเส้นกันมาตลอด มันยากที่จะเชื่อว่ายอมสงบศึกมาร่วมมือกัน
รอนนึกย้อนไปถึงเมื่อวานนี้ รอนตกใจมาเมื่อตอนที่รู้สึกตัวแล้วพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าอยู่จนไม่สามารถขยับตัวได้ รอนมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะว่าถูกถุงผ้าคลุมศีรษะจนมืดมิด จนกระทั่งมีคนมาเอาผ้าคลุมออกให้ รอนจำได้ว่าชายคนนั้นคือนายเมืองแมนที่เป็นผู้จัดการของอาโป นายเมืองแมนบอกรอนว่าจะช่วย ทีแรกรอนก็ไม่เชื่อใจเพราะหมอนี่เป็นคนใส่ความลุงอาทิตย์กับพี่โขนให้แก่พี่รามและเนตรอัปสรฟัง รอนพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ จนเมืองแมนต้องต่อสายให้รอนได้คุยกับโขน โขนบอกให้รอนทำตามที่เมืองแมนบอก พร้อมกับยินยันว่าเมืองแมนจะช่วยรอนกลับบ้านโดยปลอดภัย รอนจึงยอมเชื่อใจเมืองแมนในที่สุด
เมืองแมนแกะเชือกที่มัดรอนออกจนเป็นอิสระ จากนั้นก็สั่งให้รอนเปลี่ยนเสื้อผ้าออก ใส่แต่ผ้าขนหนูก้พอ ทีแรกรอนจะไม่ยอมทำตาม แต่เมื่อเมืองแมนถามว่าไม่เชื่อใจเขาก็ขอให้เชื่อใจโขน รอนถึงได้ยอม จากนั้นเมืองแมนพาผู้ชายอีกคนที่รูปร่างพอๆกับรอนเข้ามา เมืองแมนให้ชายคนนั้นใส่เสื้อผ้าของรอนและสวมผ้าคลุมที่ศีรษะและมัดมือมัดมือเท้า จากนั้นก็พารอนไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าแล้วก็ล็อกเอาไว้จากด้านนอก
ตอนที่รอนหลบอยู่ในตู้ รอนพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเพื่อจะฟังว่าเมืองแมนจะทำอะไรแล้วมีใครร่วมมือด้วยหรือเปล่า สักพักหนึ่งรอนถึงได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้อง แต่รอนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดกับเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าของใครบางคน แต่เพียงครู่เดียวก็เงียบไปเหมือนเดิม จนกระทั่งเมืองแมนมาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าให้ รอนออกมาก็รีบสำรวจไปทั่วๆ รอนผู้ชายคนที่เมืองแมนพาเข้ามาในตอนแรกนั่งอยู่บนเตียง ที่น่าตกใจคือร่างกายของผู้ชายคนนั้นมีรอยช้ำเต็มตัวไปหมด ดูน่ากลัวมาก เมืองแมนหยิบเงินให้ชายคนนั้นไป
แล้วเมืองแมนก็ให้รอนนั่งนิ่งๆ ก่อนจะพาผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งเข้ามาจัดการใช้เครื่องสำอางค์แต่งแต้มร่างกายของรอนให้มีรอยเหมือนกับผู้ชายคนนั้น จากนั้นเมืองแมนก็ให้รอนใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็มัดมือมัดเท้าพร้อมกับใส่ผ้าคลุมศีรษะให้รอนเหมือนเดิม สั่งให้รอนนอนนิ่งๆให้ดูเหมือนว่ายังไม่ได้สติ
รอนนอนนิ่งๆอยู่นานพอสมควร ทั้งกลัวทั้งอึดอัด นึกถึงภาพรอยช้ำของผู้ชายคนนั้นแล้วอยากจะร้องไห้ จนได้ยินเสียงใครอีกคนเข้ามาแล้วพูดคุยกับเมืองแมน รอนจำเสียงมันได้ เสียงนี้คือเสียงคนขับรถของพี่โขน คนที่มันพารอนเข้าไปรอในห้องของพี่โขน พอรอนกินน้ำกับผลไม้ที่มันเอามาให้รอนก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
มันถามเมืองแมนว่าผมรู้สึกตัวบ้างรึยัง เมืองแมนตอบไปว่าเหมือนจะรู้สึกตัวบ้าง ดีที่มีถุงคลุมหัวอยู่ แต่กลัวมันร้องโวยวายเลยจำต้องให้ยาสลบไปอีกรอบแต่ด้วยความกลัวโดนจับได้เลยให้ยาแรงไปหน่อยอาจจะหลับยาว รอนได้ยินเสียงคนขับรถของพี่โขนต่อว่าเมืองแมนอย่างหัวเสียว่า ถ้ารอนตายแผนจะเสียกันหมด แล้วรอนก็ถูกพากลับมาที่คอนโดของพี่โขนอีกครั้งอย่างที่พี่โขนบอกไว้ไม่มีผิด
รอนต้องแกล้งหลับให้แนบเนียนที่สุดเพราะกลัวว่ามันจะจับได้ ตอนที่มันจับรอนแก้ผ้าแล้วให้มานอนข้างพี่โขน รอนอยากจะลุกขึ้นมาฆ่ามันให้ตาย แต่ก็ได้แค่คิด เพราะมันตัวสูงใหญ่ รอนคงสู้มันไม่ไหวเลยจำต้องแกล้งหลับเหมือนตาย จนกระทั่งมนออกจากห้องไป รอนถึงได้ลุกขึ้นมาเรียกพี่โขน แต่พี่โขนก็ไม่ตื่น รอนอยากจะออกไปหาคนมาช่วย แต่เมืองแมนกำชับรอนแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่คอนโด ขอให้รอนแกล้งสลบไม่ได้สติจนถึงเช้า และพอเช้าให้รอนแกล้งทำว่าตกใจจริงๆหากต้องพบว่าตัวเองนอนอยู่กับโขน เมืองแมยบอกว่ารอนต้องอดทนทำเพื่อตัวเองและเพื่อนโขน รอนเลยจำต้องอดทนทำตามแผนของเมืองแมนจนเผลอหลับไปจริงๆ
พอรุ่งเช้า..รอนตื่นมาอีกทีก็ตกใจมากที่ดันเผลอไปกอดก่ายพี่โขนทั้งที่ตัวเองยังล่อนจ้อนอยู่ รอนนึกในใจว่าถ้าตัวเองตื่นมาพบว่าข้างๆเป็นผู้หญิงสวยสักคนก็คงดีกว่านี้ แต่นี่ดันเป็นผู้ชายอกสามศอก แถมเขาอาจจะเป็นพ่อแท้ๆของรอนอีกด้วย รอนเลยได้แต่เซ็งแผนบ้าๆของเมืองแมน แต่ที่รอนต้องตกใจกว่าการตื่นมานอนแก้ผ้าข้างๆพี่โขนก็คือการออกจากห้องมาแล้วเจอพี่บัว รอนสงสารพี่บัวที่อาจจะต้องมาเข้าใจว่ารอนมีอะไรกับพี่โขน..คนที่พี่บัวรัก และคนที่อาจจะเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของรอน พี่บัวคงจะช็อกและเสียใจมากแน่ๆ
“เราน่าจะบอกความจริงกับบัวนะพี่โขน กั้งกลัวว่าบัวจะพลาดท่ามัน” กั้งบอกกับโขน
“พี่ว่าอย่าเพิ่งเลย รออีกสักหน่อยให้มันตายใจ เราต้องไม่พลาด ต้องรีบรวมหลักฐานสิ่งที่มันทำเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนจะแจ้งตำรวจ เพราะถ้าเราพลาด หลักฐานที่มีอ่อนเกินที่จะเอาผิดมัน มันอาจจะได้รับโทษแค่กลับไปเข้าไปรักษาตัวในฐานะคนที่มีจิตไม่ปกติ ซึ่งก็ยังไม่ปลอดภัยสำหรับทุกคนอยู่ดี พี่ว่าคนอย่างชีวาอาจจะทำอะไรที่เราคิดไม่ถึงมากกว่านี้หากทุกอย่างไม่เป็นตามที่มันต้องการ” โขนพูดให้กั้งเข้าใจ ไม่ใช่ว่าโขนไม่อยากบอกบัว เขาห่วงบัวมากกว่าอะไร เขาแค่กำลังเล่นตามเกมของชีวา อยากให้ชีวาเข้าใจว่าบัวกำลังผิดใจและผิดหวังในตัวของเขา ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของบัว ยิ่งบัวไม่ระแวงมันและเชื่อใจมัน มันก็คงจะไม่ทำร้ายบัว
เมื่อนึกถึงชีวา..โขนเอะใจเรื่องของชีวามานานแล้วจนต้องสั่งให้โต้งคอยจับตาดู แล้วโต้งก็ไปพบว่าชีวาลอบพบกับเมืองแมนบ่อยๆตั้งแต่อยู่ที่บ้านสวน แต่คนที่ทำให้โขนค่อนข้างมั่นใจว่าชีวาเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจก็คือไนยโรจน์ เพราะไนยโรจน์เข้ามาบอกเรื่องสำคัญกับเขาเมื่อไม่นานมานี้เอง ไนยโรจน์เคยเก็บบัตรคนไข้ของชีวาได้หลังจากที่ชีวาชนเข้ากับกั้งจนทำบัตรหล่นเอาไว้ที่โรงพยาบาล แม้ไนยโรจน์จะคืนบัตรคนไข้ของชีวาให้กับเจ้าหน้าที่ไปแล้วแต่ไนยโรจน์จำใบหน้าบนบัตรได้ดี เมื่อมาเจอชีวากำลังขึ้นลิฟต์มาชั้นเดียวกับเขาและบอกว่าเป็นคนขับรถให้โขน แต่บุคลิกของชีวาดูไม่น่าไว้วางใจ เขาจึงได้โทรกลับไปหาอาของเขาที่เป็นผู้อำนวยการอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นเพื่อให้ช่วยเช็คประวัติของชีวาว่าป่วยเป็นอะไร จนได้ทราบว่าชีวาคือผู้ป่วยทางจิต แต่ได้รับการรักษาและถูกประเมินว่าสามารถไปใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว ทางโรงพยาบาลถึงได้อนุญาตให้ชีวาออกจากโรงพยาบาลได้มาหลายปีแล้ว อาของไนยโรจน์บอกว่าชีวาเข้ามารับยาและการตรวจอย่างต่อเนื่องตามที่หมอนัด หมอที่รักษายืนยันว่าชีวาดูเป็นปกติดีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นไนยโรจน์คิดว่าชีวาก็ยังดูไม่น่าไว้วางใจอยู่ดีถึงได้มาเตือนให้โขนรับรู้ หลังจากวันนั้นโขนจึงต้องขอความร่วมมือกับคนหลายคนเพื่อช่วยกันจับตาดูทีท่าว่าชีวาเข้ามาหาบัวเพื่อต้องการอะไร
“แล้วตอนนี้เมืองแมนอยู่ที่ไหน” รามถามโขน เขายังไม่ไว้ใจเมืองแมนอยู่ดี ตอนที่มันเอาข้อมูลของอาทิตย์มายั่วยุให้เขาทะเลาะกับอาทิตย์และโขน รามยอมรับว่าเมืองแมนมันกระล่อนและเจ้าเล่ห์ พูดจาหว่านล้อมเก่งน่าดู
“อยู่กับพ่อของกั้งแล้ว คราวนี้ปลอดภัยแน่ ลุงชีวาคงตามหาไม่เจอเหมือนตอนอยู่ที่ไร่ของแม่แน่ๆครับ” กั้งบอก พ่อของกั้งใจนักเลงและลูกน้องเยอะแยะ แถมคนระแวกนั้นรักและนับถือพ่อมาก เชื่อว่าอิทธิพลของพ่อคงจะดูแลเมืองแมนให้ปลอดภัยได้
“แล้วจะทำยังไงต่อไป จะให้พี่บัวอยู่กับคนน่ากลัวอย่างนั้นเหรอครับ” รอนนึกห่วงบัว กลัวว่าบัวจะถูกทำแบบตัวเองและผู้ชายคนนั้น แม้ชีวาจะเป็นลุงของพี่บัวก็ตาม ใครจะไปรู้ คนโรคจิตที่ชอบมีอะไรกับคนในครอบครัวมีให้เห็นบ่อยจะตาย
“หลังจากนี้กั้งต้องคอยอยู่กับบัวตลอดเวลานะ พี่ไม่อยากให้บัวอยู่กับมันตามลำพังอีก ระหว่างนี้พี่ขอหาตามหาคนที่ทำร้ายมาสะให้เจอก่อน รวมถึงต้องรอให้มาสะฟื้นด้วย ทั้งสองคนนี้จะเป็นพยานคนสำคัญ แต่ตอนนี้เรามีพนักงานที่ดูแลที่นี่ เขาจะช่วยเป็นพยานให้ มีภาพกล้องวงจรปิดตอนที่มันอุ้มรอนออกไปและตอนที่มันอุ้มรอนเข้ามา รวมถึงภาพในกล้องวงจรปิดในห้องของพี่ตอนที่มันกำลังจัดฉากให้รามมาเข้าใจผิดพี่ พี่แอบให้ไนยโรจน์ช่วยมาติดเอาไว้ตอนที่ไม่มีใครอยู่” โขนบอก กั้งถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วกล้องวงจรปิดของคอนโดยังทำงานได้ และพี่โขนก็ฉลาดที่เตรียมหลักฐานเอาไว้ป้องกันหากภาพของพี่โขนกับรอนหลุดออกไปจนเป็นข่าว
“ยิ่งกว่าละครอีกนะครับเนี่ย ผมตื่นเต้นมากตอนที่ดูภาพในกล้องวงจรปิด หมอนั่นดูโรคจิตสุดๆ” ไนยโรจน์ออกความเห็นบ้างหลังจากที่เงียบมานาน โขนบอกให้เขาคอยดูผ่านกล้องว่าชีวาทำอะไรบ้าง ไม่ว่าชีวาจะทำอะไร โขนจำต้องเล่นตามบทที่ชีวาอยากให้เป็น โขนบอกกับไนยโรจน์ว่ามันคงต้องการทำลายชื่อเสียงโขนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หากมันคิดทำร้ายจนถึงตาย ไนยโรจน์จะได้เข้ามาช่วยได้ทันเวลา
“บัวไปส่งมันที่ห้องแถวไม่ไกลจากบ้านของน้าทิตย์” โขนอ่านข้อความของมิตรที่ส่งมารายงาน
“ถ้าอย่างนั้นกั้งกลับเลยดีกว่า จะไปรอบัวที่บ้าน” กั้งร้อนใจห่วงเพื่อน
“รอนกลับบ้านกับพี่นะ” รามพูดกับรอน รอนยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า รามแสดงออกว่าดีใจมากที่รอนยอมกลับไปด้วย
“ผมไปส่งกั้งนะ” ไนยโรจน์รีบเสนอตัวกับกั้ง
“ไม่ต้อง ผมไปส่งกั้งเอง ทางผ่าน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” รามหันไปพูดกับไนยโรจน์ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก ทั้งสองคนจ้องตากันไปมาจนกั้งถอนหายใจ
“ไม่ต้องมีใครไปส่งทั้งนั้นแหละ กั้งจะกลับเอง จบนะ แยกย้าย” กั้งถอนหายใจอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องของโขนไป โดยมีไนยโรจน์และรามเดินตามออกไปติดๆ
“พี่โขน..รอน..คือ..ถ้าสรุปแล้วเราสองคนไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน คือ..” รอนอ้ำๆอึ้งๆ
“ที่นี่ยินดีต้อนรับรอนเสมอนะ” โขนยีผมรอน รอนยิ้มออกก่อนจะยกมือไหว้โขนแล้วรีบเดินตามรามออกไป แค่นี้ก็พอแล้ว แค่รู้ว่ายังมีที่ๆต้อนรับตัวเองอยู่รอนก็อุ่นใจแล้ว
....
“ลุงไม่อยากเป็นต้นเหตุให้บัวต้องทะเลาะกับโขนเลย” ชีวาเอ่ยปากกับบัวด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่สบายใจเอามากๆหลังจากที่บัวมาเช่าห้องแถวระแวกบ้านของอาทิตย์ให้ชีวาอยู่ชั่วคราวไปก่อน
“ลุงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ บัวไม่คิดว่าพี่โขนจะมีอะไรกับรอน บัวมั่นใจในตัวพี่โขนครับ” บัวตอบ
ดวงตาของชีวากระตุกวูบและใบหน้าที่แสร้งว่ารู้สึกผิดเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดหลังจากที่ได้ยินบัวพูด ก่อนจะพยายามปรับให้เป็นปกติตอนที่บัวเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ลุงเห็นบัวดูโกรธเขา” ชีวาลองถามเพื่อดูปฏิกิริยาของบัว
“บัวไม่ได้โกรธ บัวแค่เสียใจ”
“เสียใจเรื่องอะไร” ชีวาถาม บัวจ้องตาชีวาก่อนจะถอนหายใจ
“ลุงอยากให้บัวโกรธพี่โขนไหมครับ” บัวไม่ได้ตอบแต่ถามตรงๆจนชีวาอึ้งไปเล็กน้อย
“ลุงบอกแล้วไง ว่าลุงไม่อยากเป็นต้นเหตุให้บัวผิดใจกับโขน แล้วลุงจะอยากให้บัวโกรธเขาทำไม” ชีวาตีหน้าซื่อ
“แต่ลุงโกรธพี่โขนไม่ใช่เหรอครับ ลุงบอกว่าพี่โขนทำร้ายร่างกายของพ่ออาโป ลุงอยากมาทวงความยุติธรรม ลุงเชื่อว่าพี่โขนเป็นคนไม่ดี”
“บัวก็ได้อ่านที่อาโปเขียนระบายลงในกล่องไม้แล้วไม่ใช่เหรอ หรือบัวคิดว่าลุงใส่ความโขน” ชีวาถามเสียงเข้ม
“บัวเชื่อว่าพ่ออาโปเป็นคนเขียนบันทึกพวกนั้นครับ แต่..” บัวพูดค้างเอาไว้
“แต่อะไร” ชีวาเริ่มไม่พอใจที่บัวดูจะปกป้องโขน
“แต่พ่ออาโปไม่ได้บอกว่าคนที่พ่ออาโปรักและยอมทุกอย่างที่จะทำให้คนๆนั้นมีความสุขคือพี่โขน บัวจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่พ่ออาโปรักคือพี่โขน พ่ออาโปอาจจะรักใครสักคนอย่างหมดใจแต่ใครคนนั้นอาจจะไม่ใช่พี่โขนก็ได้ครับ” พอบัวพูดจบชีวาอึ้งไป ยิ่งชีวาเห็นดวงตาของบัวที่จ้องมาก็อดที่จะนึกถึงคนที่จากไปไม่ได้
‘ดวงตาที่เหมือนกันกับอาโป..แต่แววตากลับไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว แน่ล่ะ..เด็กคนนี้จะไปเหมือนอาโปได้ยังไง ในเมื่อเด็กคนนี้มันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง แววตาที่ดูเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งแบบนี้เหมือนกันกับแววตาของเขาไม่มีผิด’ ชีวาคิดอยู่ในใจ
“หนูเหมือนพ่อของหนูมากรู้ไหมบัว” ชีวาพูดออกมาพร้อมกับใช้สองมือประคองใบหน้าของบัว แม้แววตาของบัวจะเหมือนเขา แต่เครื่องหน้าสวยได้รูปเหมือนเหมยอยู่มาก ผิวของบัวก็ดูสะอาดสะอ้าน ชีวามองไปที่ลำคอขาวเนียนของบัว
‘หอมไหมนะ จะหอมเหมือนกลิ่นของอาโปรึเปล่า’ ชีวาคิดแล้วใจเต้นรัว ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกรุนแรงได้อย่างนี้เลยตั้งแต่อาโปตาย เขาอยากจะใช้ฟันของเขาขบลงบนเนื้อนุ่มๆนี่เหลือเกิน
“แต่บัวว่า..บัวไม่เหมือน
พ่อหรอกครับ” บัวพูดขึ้นมา ชีวาชะงักไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะละมือออกมาจากใบหน้าของบัวเมื่อเห็นบัวเน้นคำว่าพ่อ
“ทำไมถึงคิดว่าไม่เหมือน”
“ก็พ่ออาโปหล่อกว่าบัวตั้งเยอะ แถมแสดงละครก็เก่ง มีแต่คนบอกว่าพ่ออาโปใจดีใจกว้าง แต่บัวทั้งงกทั้งเค็ม แสดงละครก็ไม่ได้เรื่อง วันแรกที่ไปลองคัดตัวก็เผ่นกลับบ้านแล้วครับ” บัวพูดจบก็หัวเราะ คิ้วที่ขมวดมุ่นของชีวาคลายลง ความสงสัยว่าบัวอาจจะไปรู้อะไรมาคลายลงไป เด็กใสซื่ออย่างบัวจะไปตามใครทัน ชีวายิ้มพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆให้กับความคิดมากของตัวเอง
“เอาจริงๆ..อาโปแสดงละครไม่เก่งเลย ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด” ชีวานึกถึงน้องชายตัวดี ดวงตาของชีวาดูหม่นลงไปจนบัวสัมผัสได้
“ถ้าพ่ออาโปมาได้ยินคงเคืองลุงนะครับ พ่ออาทิตย์เล่าว่าพ่ออาโปได้รางวัลตั้งเยอะ แต่ลุงมาบอกว่าพ่ออาโปแสดงละครไม่ได้เรื่อง ดีไม่ดีพ่ออาโปอาจจะเอาถ้วยรางวัลไปขายประชดลุงเสียเลย” บัวหัวเราะร่วน ชีวาขยี้ผมบัวเบาๆ รู้สึกแปลกใจตัวเอง ไอ้อารมณ์ที่อยากกระทำกับบัวเมื่อครู่ลดหายไปง่ายๆ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้เข้ามาแทนที่
“บัวกลับบ้านไปเถอะ ลุงเพลีย อยากพักผ่อนสักหน่อย ไม่ต้องห่วงลุงนะ” ชีวาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเปิดประตูห้องให้บัว บัวลุกเดินตามออกมา
“ไม่ห่วงไม่ได้หรอกครับ เราคือครอบครัว พักผ่อนเยอะๆนะครับลุง พรุ่งนี้เช้าบัวจะมาหาลุงแต่เช้า เราไปใส่บาตรให้พ่ออาโปกัน” บัวบีบมือชีวา ชีวาพยักหน้าให้
พอบัวไปแล้ว ชีวาก็ยกมือของตัวเองที่ถูกบัวบีบเมื่อครู่ขึ้นมาดู มือของชีวาสั่นเทา เขาใช้มือนั้นปาดน้ำตาที่อยู่ๆก็ไหลออกมาทั้งที่ชีวาไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้ว
“ทำไมน้องต้องไปจากพี่ด้วย..อาโป ทำไมทิ้งพี่เอาไว้ ไหนบอกกับพี่ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะมีกันและกัน ทำไม ทำไม” ชีวาพรั่งพรูออกมาก่อนจะชกไปที่ประตูอย่างแรงจนเกิดแผลถลอกที่กำปั้น เลือดค่อยๆไหลซึมออกมา แต่ความเจ็บปวดนั้นกลับไปเล่นงานที่หัวใจแทน
ส่วนบัวขับรถออกมาจากบริเวณห้องแถวที่เช่าให้ชีวาอยู่ได้สักพักก็ต้องจอดรถเข้าที่ข้างทาง บัวเอามือทาบหัวใจตัวเอง ก่อนจะมองหน้าของตัวเองในกระจกส่องหลัง สีหน้าของบัวซีดและรู้สึกได้ว่ามือของตัวเองนั้นสั่นจนขับรถต่อไปไม่ไหว บัวไม่ได้ป่วยด้วยโรคภัย แต่บัวแค่กำลังรู้สึกกลัว..กลัวจนแทบจะลืมหายใจ เสียงโทรศัพท์ของบัวดังจนเจ้าตัวสะดุ้ง บัวรีบตั้งสติแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เมื่อเห็นว่าเป็นกั้งที่โทรมาบัวรีบกดรับ
“ว่าไงกั้ง..อ๋อ..ฉันใกล้ถึงบ้านแล้ว แล้วนายไปไหนมา ฉันจะบอกว่าเจอรอนแล้วนะ ปลอดภัยดี อยู่กับพี่โขน โอเค เดียวเจอกัน” บัววางสายจากกั้งแล้วก็ถอนหายใจ เอามือตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติให้ตัวเองก่อนจะพรูลมหายใจแล้วขับรถกลับบ้านต่อไป
..
บัวกลับมาถึงบ้านแล้ว รู้สึกว่าบ้านเงียบเหงากว่าแต่ก่อนมาก คงเพราะเกิดเรื่องอะไรมากมายจนตั้งตัวกันแทบไม่ทัน บัวเดินไปถึงในครัวก็เห็นเอมอรยืนร้องไห้ไปทำกับข้าวไป บัวรีบเดินเข้าไปสวมกอดแม่จากทางด้านหลัง เอมอรรีบเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นลูกชายกลับมาแล้ว เธอหันหน้ามายิ้มให้บัว
“วันนี้แม่ทำต้มซุปเปอร์ขาไก่ให้ บัวรีบไปอาบน้ำให้สดชื่นนะลูก จะได้ลงมากิน” เอมอรตีมือบัวที่กอดเอวเธออยู่เบาๆเป็นการหยอกล้ออย่างเคย
“แม่...ทำไมแม่ไม่เรียกว่าตีนไก่ แม่รู้ไหม เวลาบัวพูดกับเพื่อนว่าอยากกินต้มซุปเปอร์ขาไก่ มันก็บอกว่าเขาต้องเรียกว่าตีนไก่” บัวถามเอมอร
“ก็มันสุภาพไงบัว เพื่อนเขาอยากเรียกแบบนั้นก็ปล่อยเขาไป แต่บัวเรียกแบบที่แม่สอนนี่แหละ เข้าใจไหม” เอมอรสอนลูกชาย
“บัวเข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น..บัวก็อยากให้แม่เข้าใจเหมือนกัน”
“เข้าใจอะไร ไหนบอกแม่มาซิ”
“บัวอยากให้แม่เข้าใจว่า..แม่สอนบัวมาดีที่สุดในโลกแล้ว แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกของบัวเลยนะ เพราะฉะนั้นแม่อย่าร้องไห้อีก อย่าโทษตัวเอง แม่อย่าโกรธพ่อเลยนะครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน แบบที่พี่อิสพูดไง รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราเจ๊งกะบ๋ง” บัวพูดติดตลกจบก็หอมแก้มเอมอร
เอมอรถึงกับหัวเราะทั้งน้ำตา ตอนยังเด็ก บัวชอบหาศัพท์สำเนียงที่ฟังแล้วขำมาทำให้เธอหัวเราะเวลาจะโดนเธอทำโทษ เรื่องที่บัวมักจะโดนทำโทษก็คือชอบปีนป่ายต้นไม้และซนตามประสาเด็กผู้ชาย แต่ไม่เคยทำให้เธอหนักใจหรือผิดหวังเลยสักครั้ง เธอรักบัวมงคลเพราะบัวมงคลเป็นเด็กดีและสมควรได้รับความรัก เอมอรถึงได้เสียใจที่สามีของเธอมีความเห็นแก่ตัวกับบัวมงคลได้ขนาดนี้
“แม่ขอโทษนะบัว ขอโทษแทนพ่อ ฮึก..” เอมอรกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่
“บัวอุตส่าห์เล่นมุกแล้วนะแม่ แม่ดราม่ามากๆเดี๋ยวบัวร้องตามเลยนะ” บัวแกล้งทำหน้างอ เอมอรเลยต้องรีบเช็ดน้ำตา
“ไปอาบน้ำเลยไอ้ตัวแสบ ไม่ต้องแกล้งเบะปาก” เอมอรหมุนตัวมาแล้วตีก้นบัวเบาๆก่อนจะหัวเราะที่บัวทำท่าสะดุ้ง บัวเห็นเอมอรเริ่มหัวเราะได้ก็โล่งใจ
“แล้วพ่อไปไหนครับแม่”
“อยู่แต่ในห้องทำงานไม่ยอมออกมาเลย”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวบัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วจะได้ลงมาเรียกพ่อไปทานข้าวด้วยกัน”
“อืม..ไปเถอะลูก”
“แม่..บัวก็ต้องขอโทษแม่ด้วยนะครับ” ก่อนบัวจะไปก็อยากจะขอโทษแม่กับเรื่องที่ยังติดค้างในใจของตัวเอง เรื่องที่อาจจะทำให้แม่ผิดหวัง
“ขอโทษเรื่องอะไร..เรื่องโขนนะเหรอ” เอมอรถามเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้ บัวพยักหน้าหงอยๆแทนการยอมรับ
“เดี๋ยวเรียกค่าสินสอดแพงๆดีไหม จะได้เอาไปช่วยพ่อใช้หนี้” เอมอรกระซิบ บัวหน้าเหวอก่อนจะหน้าแดง ไม่คิดว่าแม่จะมามุกนี้
“แม่อ่า บัวไปอาบน้ำดีกว่า” บัวเดินเข้าไปหอมแก้มเอมอรอีกทีก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไป
เอมอรมองตามลูกชายไปก่อนจะถอนหายใจแรงๆเพื่อระบายความทุกข์ที่อัดแน่นอยู่ในใจ เธอรู้ดีว่าบัวมงคลกำลังอดทนต่อความเสียใจ ทำเป็นร่าเริงเพื่อความสบายใจของคนในครอบครัว เธอจะมาร้องไห้เพื่อสร้างความทุกข์ให้บัวอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ลูกชายคนนี้ทำให้เธอคิดได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องยากที่ทุกคนในครอบครัวจะผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ หากแต่ต้องผ่านมันไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่ใครเพียงคนเดียวที่ต้องพยายาม
..
กั้งมาถึงที่บ้านของบัวหลังจากที่บัวมาถึงสักพัก เมื่อขึ้นมาบนห้องก็เห็นบัวกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นว่าบัวดูเป็นปกติก็โล่งใจ นึกว่าจะกลับมาเห็นบัวร้องไห้จนตาแดงบวมปูดจากเรื่องของรอนและพี่โขน กั้งยังหนักใจอยู่เลยว่าถ้ามาเห็นบัวร้องไห้จะปลอบยังไง เพราะกั้งต้องทำเป็นว่าไม่รู้ว่าบัวไปเจอกับอะไรมา การต้องปิดบังเพื่อนรักอย่างบัวทำให้กั้งไม่สบายใจเอามากๆ แต่เหตุผลของพี่โขนก็น่าเห็นด้วย บัวเป็นคนซื่อ หากรู้แผนอาจจะเก็บเอาไว้ไม่ได้ อาจจะใจอ่อนสงสารลุงชีวา หรือดีไม่ดีอาจจะเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อปกป้องทุกคนอีก
“กั้ง ยืนมองอยู่ได้ มีอะไร” บัวถามเมื่อเห็นว่ากั้งยืนจ้องบัวอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร
“อ๋อ เอ่อ..คือ ก็คิดอะไรนิดหน่อย แล้วแกไปไหนมา” กั้งตะกุกตะกัก ตั้งแต่รู้จักกับบัวมาไม่เคยมีเรื่องปิดบังกัน
“อ๋อ..ก็ไปตามหารอนไง เห็นเมื่อคืนแกบอกไม่เจอรอน”
“แล้วรอนไปไหนมา ได้บอกรึเปล่า ทำไมทำโทรศัพท์หล่นทิ้งไว้แล้วหายไป” กั้งแกล้งถามเพื่อให้แนบเนียน บัวไม่สบตากั้ง ทำเป็นสนใจโทรศัพท์แทน ไม่อยากบอกกั้งว่าตัวเองไปเจออะไรมา
“ลืมถาม มัวแต่ดีใจที่เจอน้อง” บัวตอบเพียงแค่นี้
“เออ บัว ฉันเห็นกล่องไม้ที่ต้นเอามาให้ แกได้เปิดดูรึยัง” กั้งรีบเปลี่ยนเรื่อง ในเมื่อกั้งยังบอกความจริงเรื่องของรอนกับพี่โขนไม่ได้ก็ไม่อยากให้บัวนึกถึง
“เออ ลืมไปเลย” บัวทำท่านึกขึ้นได้ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องไม้มาวางที่เตียง แล้วก็ถอดสร้อยที่คล้องกุญแจกล่องไม้ทั้งสองอันออกมาจากคอ บัวเลือกหยิบดอกหนึ่งมาไข
“ไม่เห็นมีอะไรเลย” กั้งชะโงกมาดูแล้วพบว่าในกล่องไม้มีแต่ความว่างเปล่า
“กล่องนี้ต้องเป็นกล่องที่ลุงชีวาเขียนให้พ่ออาโปอ่าน แสดงว่าลุงชีวาอาจจะไม่ได้เขียนอะไรไว้” บัวตอบก่อนจะปิดกล่องไม้ลงเหมือนเดิม แต่กั้งกลับไม่คิดแบบนั้น กั้งจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่รูกุญแจยังมีเศษกระดาษอุดอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วและบัวก็ไขมันอย่างง่ายดาย กั้งคิดว่าบัวกำลังมีอะไรปิดบังกั้งเช่นกัน
“อยากเจอลุงชีวาของแกจัง ไม่เคยเจอสักที” กั้งทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆบัว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปหาลุงชีวาแต่เช้า ชวนลุงไปใส่บาตรให้พ่อ ถ้าแกอยากเจอก็ไปด้วยกันก็ได้” บัวชวน
“โอเค ไปด้วย แกไปไหนฉันไปด้วย” กั้งรีบบอก
“มีอะไรรึเปล่า” บัวถามด้วยความข้องใจ เพราะกั้งมีท่าทีแปลกๆตั้งแต่มาถึงแล้ว
“ฉันแค่อยากอยู่เคียงข้างแกตอนที่แกต้องเผชิญปัญหาไง” กั้งรีบบอก นึกตำหนิตัวเองที่มีพิรุธให้บัวสงสัย
“ขอบใจนะกั้ง ขอบใจจริงๆ วันนี้ค้างด้วยกันนะ”
“ค้างอยู่แล้ว ฉันตั้งใจมาอยู่กับแกถาวรเลยเนี่ย ขี้เกียจไปๆกลับๆ เหนื่อย” กั้งชูกระเป๋าเสื้อผ้าที่ขนมาให้ดู
“งั้นไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้ลงไปกินข้าวพร้อมกัน แต่เดี๋ยวฉันลงไปก่อนนะ ว่าจะไปหาพ่อก่อน แกเสร็จแล้วก็ตามไปนะกั้ง”
“โอเค” กั้งรับคำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
บัวเห็นกั้งเข้าห้องน้ำไปแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ พิมพ์ข้อความก่อนจะกดส่งไป เมื่อข้อความถูกส่งไปแล้วบัวก็กดลบประวัติการสนทนาจากนั้นถึงได้เอาโทรศัพท์วางไว้ในลิ้นชักหัวเตียง บัวเอากล่องไม้ไปเก็บที่เดิมแล้วถึงได้เดินลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าอาทิตย์เป็นอย่างไรบ้าง
***โปรดติดตามตอนต่อไป***ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อัพให้ติดๆกันเป็นของขวัญวันปีใหม่