(เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3  (อ่าน 3030 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
(เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3
« เมื่อ26-02-2016 19:11:21 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



นิยายเรื่องอื่น
เรื่องสั้น จบแล้ว



นิยายเรื่องยาว






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-02-2016 20:10:47 โดย Dreams of Flowers »

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/2
«ตอบ #1 เมื่อ26-02-2016 19:28:54 »


‘แล้วพบกันใหม่นะ’

.

 


 

แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ?

 

จะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ?

 
.

 

 

เมื่อไหร่ ?

 
.





 


            ร่างบอบบางอ้อนแอ้นเกินกว่าผู้ชายทั่วไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงสีขาวบริสุทธิ์โดยมีผ้าห่มคลุมถึงอกมือข้างซ้ายก่ายหน้าผากพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดนั้นของชายผู้เป็นที่รัก เขามักจะเกิดคำถามภายในใจอยู่เสมอ

 

            ‘พบกันใหม่งั้นเหรอ....’

 

            แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ ? ...

 

            หากคิดจะไม่มาหากันอีกจริง ๆ

 

            จะมาพูดให้ความหวังทำไม ?

 

            .

 

            .
 

            .

 


            ทำไม ?

 


            ทำไมถึงไม่นึกถึงคนที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ารออย่างผมบ้าง ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอไปวัน ๆ หวังว่าวันนี้คุณจะมาหาผม หวังว่าวันนี้จะได้พบคุณจริง ๆ


 

            แต่สุดท้าย...

 

            ก็ไม่...

 


            วันแล้ว วันเล่า ได้แต่เฝ้ารอ....

 


            รอ

 

            รอ

 

            รอ

 

 
            และรอ สุดท้ายก็ไม่มา ทำไมถึงไม่มา ? ต้องให้ผมเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ถึงจะพอใจคุณ หึ! คุณคงจะสะใจใช่ไหมที่เห็นผมเป็นแบบนี้ สะใจที่เห็นผมร้องไห้ฟูมฟายเพราะคิดถึงมากมายอย่างนี้ คุณคงตั้งใจทรมานผม เพื่อแก้แค้นผมล่ะสินะ ใช่สิผมมันชั่ว ผมมันเลวเป็นคนรักที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เป็นคนรักที่ให้ได้แค่ปัญหาและความลำบากใจ เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องแถมเอาแต่ใจ เป็นคนรักที่ไม่สามารถทำให้คุณภูมิใจในตัวผมได้เลยสักครั้ง

 

 
            ถึงกระนั้น...

 

            ผมไม่เคยรักใครนอกจากคุณเลย

 

            ไม่เคยเลยจริง ๆ

 


            และแล้วน้ำตาชุดใหญ่ก็ไหลรินอาบแก้มผมมาอีกครั้ง ทำไมผมถึงต้องมารักคุณ ทั้งที่ตั้งใจจะไม่รักใครไปตลอดชีวิต ตั้งใจจะอยู่คนเดียว แก่คนเดียว และตายไปคนเดียวแท้ ๆ หากสุดท้ายต้องลงเอยด้วยความเจ็บระทมจะมาทำให้ผมรักคุณมากมายขนาดนี้ทำไม ?

 
 

            เพื่ออะไร ?

 

 
            ความรักที่มาทำให้หัวใจผมบอบช้ำ หากรู้ว่าเป็นอย่างนี้คงไม่มีมันตั้งแต่แรก

 

 
            ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนที่เคยเจ็บปวดเพราะความรักต่างก็ต้องคิดแบบนี้

 


            หากรู้ก็คงไม่รัก

 


            แต่เพราะรักไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้

 


            เริ่มรัก เริ่มแรก เริ่มจีบทุกอย่างก็ดีหมด ดูแลส่งข้าวส่งน้ำมาถึงที่ทำงานถึงบ้านผมทุกวัน โทรหาส่งข้อความมาไม่ขาด เป็นไข้ปวดหัวมีดบาดสะดุดล้มก็ห่วงอย่างกับจะเป็นจะตาย นิดหน่อยก็จะพาไปหาหมอ บังคับให้กินยาโน่นนี่นั่นวุ่นวายไปหมด น่ารำคาญแต่ยอมว่าผมรู้สึกดี แต่ก็แค่ ‘รู้สึกดี’ ไม่ใช่ ‘รู้สึกรัก’

 


            เรื่องอย่างนี้ก็ยังไม่ทำให้ผมพิศวาสเขาได้หรอก ด้วยนิสัยผม ความคิดความอ่านไม่ค่อยจะเหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่ เคยมีคนมาจีบอยู่หลายครั้ง แป๊ปเดียวพวกเขาก็ถอดใจออกไปกันหมด และเขาก็เช่นกันสักวันคงจะเบื่อและถอดใจไปเอง ผมเฝ้านับถอยหลัง นับวันว่าเมื่อไหร่เขาจะเบื่อผม เฝ้ามองจับผิดทุกการกระทำว่าเมื่อไหร่เขาจะเปลี่ยนไป


 

            ผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน ...

 


            ผ่านไปครึ่งปี

 


            สุดท้ายก็ผ่านไปปีนึง

 


            ผมก็เป็นแบบเดิมของผม กับเขาที่ยังทำแบบเดิมทุกอย่าง หลายครั้งผมก็ทำตัวร้าย ๆ เอาแต่ใจ น่าแปลกที่เขาไม่ยักจะเบื่อผมสักกะที

 
 
            เพราะเขาเป็นอย่างนี้จากที่เคยรู้สึกดีมันจึงพัฒนาเป็นความรู้สึก ‘ชอบ’

 

            1 มกราคมปีที่แล้ว ที่เขาขอคบ ผมนับถือในความพยายามของเขาวันเดียวกันปีนั้น เราฉลองด้วยกันอยู่ในห้องของผมสองคน เราคุยเรื่องทั่วไปอย่างสนุกสนาน และจู่ ๆ ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าผมกำลังคิดอะไร อาจเป็นเพราะผมเริ่มชอบเขาขึ้นมาแล้วหรือเปล่า ถึงได้พูดขึ้นมาว่าเรื่องที่คุณเคยสารภาพมา...หากยังยืนยันคำเดิม..

 
 

            ผม.... ‘ตกลง’

 


            คุณเชื่อไหมว่าแค่สองพยางค์สั้น ๆ ที่เอ่ยไป ทำให้เขาซึ่งกำลังนั่งขัดสะหมาดมือหนึ่งเท้าพื้นเอนตัวไปด้านหลังหันหน้าเข้าทีวี อีกข้างกระดกแก้วน้ำหวานพลางดูข่าวนั้นชะงักค้าง สายตาเหล่มองผมอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าผมทำหน้าอย่างไร แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวแก้วในมือของเขาก็ได้หล่นลงมาหกใส่กางเกงจนเปียกไปหมด

 


            เขามองผมนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ เห็นแบบนั้นมันทำให้ผมอายจนลนลาน ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงเลยบอกกับเขาไปว่าจะไปเอาผ้ามาเช็ดให้นะ สิ้นคำก็เตรียมตัวจะลุก แต่ไม่ทันได้ลุกไปไหน มือหนาได้ฉุดมือผม และดึงตัวไปซุกไว้ในอ้อมกอด

 


            เขากระชับแน่นหน้าซุกลงบนบ่า กอดผมอยู่อย่างนั้นเป็นสิบกว่านาที เขาไม่ยอมพูดอะไรออกมาเช่นเดิม ถึงกระนั้นผมรู้สึกว่าเขากำลังดีใจอยู่มากแน่ ๆ สิ่งพิสูจน์ก็คือหยดน้ำตาซึ่งกำลังไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่มีเสียงสะอื้น

 
 

            มีความอุ่น และความเปียกชื้นเท่านั้น


 

            สุดท้ายเขาก็เผลอหลับไปในอ้อมกอดของผม เมื่อเห็นเช่นนั้นผมพยายามจะดันตัวเขาออก แต่พยายามเท่าไหร่ ก็ไร้ผล ตัวเขาที่ใหญ่กว่าผมพอสมควรบวกกับอ้อมแขนซึ่งกระชับแน่นทำเอาเกือบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ โชคดีที่คืนอากาศไม่หนาวมากเราจึงพากันนอนหน้าทีวีจนถึงเช้า

 


            ซึ่งมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น

 


            หากผมไม่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง เข้ามาเมื่อไหร่ ถูกพามานอนตอนไหนผมเองก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้วกลิ่นหอมอบอวลของอาหารซึ่งลอยมากระทบจมูก

 


            นั่นคือสิ่งที่ปลุกผม..

 
 

            ผมเดินออกมาจากในห้องนอนโดยที่สภาพยังคงงัวเงีย ย่ำก้าวไปทางห้องครัว เห็นชายซึ่งกำลังทำอาหารอย่างสนุกสนานไปพร้อมกับการฮัมเพลงที่ผมชอบฟังอย่างมีความสุข หยิบอันโน่นอันนี้ใส่ในกระทะที ปรุงรสอันนั้นทีอันโน่นที บางครั้งก็โยกไปมาตามจังหวะของเพลง ผมยืนกอดอกอิงประตูอดที่จะอมยิ้มตามไม่ได้และเขาไม่รู้ถึงการมาของผม


 

            กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อตอนที่ทำเสร็จจัดวางโต๊ะเรียบร้อย คงตั้งใจจะไปปลุกผมนั่นแหละ แต่หันกลับมาเห็นผมยืนอยู่ที่ประตูก็อายหน้าแดงเสียยกใหญ่ ระหว่างทานเขาไม่ถามอะไร ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อคืน ไม่ถามย้ำว่าผมพูดจริงหรือเปล่า หรือบอกว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะอะไรทำนองนี้ หากมองดูตามนิสัย ผมคิดว่าเขากลัว...กลัวว่าหากถามอีกรอบแล้ว..

 


            ผมจะเปลี่ยนใจ..

 

            จึงกลายเป็นว่าเราทั้งคู่รู้ด้วยบรรยากาศ รู้ด้วยคำพูดท่าทีของผมและเขาว่าตอนนี้

 

            ความสัมพันธ์ของเราได้เปลี่ยนไปแล้ว...

 

 
            จากที่เขาไม่ค่อยกล้าจะเข้ามาสัมผัสร่างกายของผม ในเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เริ่มแรกก็เกร็งนิดหน่อย แต่พอหลายครั้งเข้าก็กลายเป็นเรื่องปกติ บางทีอยู่ดี ๆ ก็เข้ามากอด มาจูบ เขาชอบมาสัมผัสตัวนัวเนียเหมือนลูกหมาลูกแมว แถมยังชอบให้ผมลูบหัวให้ในเวลาที่นอนหนุนตักผมอีกด้วย และผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังคิดว่าน่ารักดีเพราะในเมื่อเราคบกันเรื่องพวกนี้ก็ไม่เห็นจะแปลก


 

            ผ่านไปสี่ปีไวเหมือนโกหก ผมก็ไม่คิดว่าจะคบกันมานานได้ขนาดนี้เ เหนือความคาดหมายในหลายอย่าง ๆ ในขณะผมก็เป็นแบบเดิม เขาก็ยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่อให้ผมผิดเขาก็เป็นฝ่ายง้อ


 

            จนทำให้ความรู้สึก ‘ชอบ’ ที่ผมมีกลายเป็นความรู้สึก ‘รัก’


 

            จากที่ผมไม่เคยแคร์เขา ผมก็เริ่มแคร์เขามากขึ้น จากไม่เคยเป็นฝ่ายโทรก่อน ก็เริ่มโทรหาก่อน จากไม่มีของขวัญในวันเกิดหรือวันครบรอบของทุกเดือนที่คบกัน ก็เริ่มคิดบ้างแต่ไม่ได้ให้เป็นบางเดือน

 
 

            ‘Sex’ ก็มีบ้างเป็นครั้งคราว อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง หรือนาน ๆ ครั้ง เพราะเขาไม่อยากจะทำให้ผมเจ็บ ไปอยากเป็นภาระให้กับร่างกายของผม เขาบอกว่าแค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุข

 
 

            เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมเลยจัดให้... แค่อยู่ด้วยกันใช่ไหม...

 
 

            ได้..  ผมก็เลยตอบเขาไปว่า....

 
 

            งั้นมาอยู่ด้วยกันเลยซะสิ...

 
 

            เหมือนกับวันแรกที่ผมตอบตกลง เขาหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจอีกครั้ง พูดพร้อมน้ำเสียงสะอึกสะอื้นในขณะที่ซุกหน้าลงว่าคำพูดของผมเหมือนกำลังขอเขา ‘แต่งงาน’ เลย


 

            ผมขำเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบ.. หากถ้าขอแต่งงานจริงมันก็ต้องมี ‘แหวน’ สิ

 
 

            ‘นั่นน่ะสินะ’ เขาเอ่ยพลางขำออกมาแกน ๆ

 
 

            ‘ปล่อยก่อน วันนี้วันเกิดคุณใช่ไหม ผมมีของขวัญมาให้’ ผมกล่าวในขณะที่ดันตัวเขาออกอย่างเบาแรง เขาผละตัวค่อย ๆ คายวงแขนทันที

 
 

            เรานั่งกันหน้าทีวีเฉกเช่นวันนั้น ที่แปลกกว่าเดิมคือหน้าทีวีผมมีโซฟา เป็นของขวัญจากเขาเมื่อเดือนที่แล้ว ขนาดผมบ่นลอย ๆ อย่างไม่จริงจังว่าอยากได้โซฟาเอาไว้นอนเล่น พอวันที่หนึ่งของเดือนถัดไปเขาก็ซื้อให้ เขาบอกหากให้เฉย ๆ กลัวผมจะไม่รับเลยซื้อในวันครบรอบของเราแทน

 


            เขาให้หลายสิ่งหลายอย่างกับผมมามากมาย กว่าจะรู้สึกตัวก็ตั้งผ่านมาตั้งห้าปีหากนับปีแรกที่เริ่มจากผมด้วย ว่าผมควรจะให้อะไรกับเขาบ้าง ไม่ให้ก็ยังไม่หนักเท่ากับทุกปีก่อนหน้านี้ที่ผมมักจะลืมวันเกิดของเขา เขาก็จะยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผมงานยุ่งเขาเข้าใจ การให้ความสำคัญระหว่างผมกับเขามันผิดกันอย่างเห็นได้ชัด..กับเขาที่จัดเซอร์ไพรส์ให้ผมทุกครั้งไม่ว่าจะวันครบรอบของทุกปี หรือวันสำคัญของเราก็ตาม


 

            ผมยกมือขึ้นมาเข้าไปสัมผัสพลางให้หัวแม่มือปราดน้ำตาบนใบหน้าของเขา สีหน้าเขาดูแปลกใจเล็กน้อยเมื่อผมเอ่ยถึง คงไม่คิดว่าผมจะจำได้ล่ะสิ เพื่อให้เขาแปลกใจมากยิ่งขึ้นผมจึงบอกให้เขาหลับตาก่อน เขายอมทำตามอย่างงว่าง่าย ผมชักมือออกก่อนจะหันไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดกะทัดรัดออกมาจากในกระเป๋าสีดำที่อยู่ข้างโซฟา ผมมักใช้ใส่ของไปทำงานทุกวัน

 


            เปิดกล่องหยิบสิ่งของที่อยู่ภายใน ซึ่งเป็นแหวนทองประดับเพชรสไตล์เรียบง่าย มีรูปหัวใจคั้นตรงกลางระหว่างชื่อผมและเขา โดยชื่อผมนำหน้าตามด้วยรูปหัวใจและชื่อเขาตามหลัง ในบรรยากาศซึ่งมีเพียงเสียงทีวีช่องอะไรสักอย่างคลอเบา ๆ ผมเอื้อมไปจับมือซ้ายของเขาก่อนจะเลื่อนไปสัมผัสเพียงปลายนิ้วทั้งสี่

 


            โน้มตัวแนบริมฝีปากทรงกระจับของตนลงบนหลังฝ่ามืออย่างละมุน เขาสะดุ้งเฮือกนิดหน่อย คงจะคาดไม่ถึงสินะ ว่าคนที่ไม่เคยแคร์เขา คนที่ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างผมจะทำแบบนี้ ผมค้างไว้ประมาณสี่ถึงห้าวิ ก่อนจะถอนออกอย่างช้า ๆ และปล่อยนิ้วทั้งสามลง มีเพียงนิ้วเดียวที่เหลืออยู่


 

            มือข้างหนึ่งประคองนิ้วนั้นไว้ มืออีกข้างค่อย ๆ สวมใส่สิ่งของวงกลมเข้าไปจนสุดนิ้วนางข้างซ้ายของเขา ในขณะที่ผมกำลังสวม เขาคงรู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไร หยดน้ำจากดวงตาจึงไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ

 
 

            ไหลทั้ง ๆ ที่เปลือกตายังคงหลับนิ่งสนิท เขาไม่ลืมจนกว่าผมจะอนุญาต เพราะรู้ว่าเป็นเช่นนั้น ผมจึงบอกให้เขาลืมตาหลังจากนี้อีกสิบนาทีให้หลัง ผมเขินหากบอกให้ลืมในทันทีคงจะเห็นสภาพหน้าผมซึ่งแดงก่ำไปทั่วแน่ ผมจึงแอบไปล้างหน้า ยกเค้กซึ่งนำไปแอบซ้อนไว้อย่างมิดชิดออกมาจุดเทียน ก่อนจะปิดไฟหมดทุกดวงภายในบ้างชั้นเดียวใจกลางเมือง

 
 

            ผมกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง และบอกกับเขาว่าลืมตาได้ ผมเชื่อว่าเขาคงไม่แอบลืมตาเพื่อดูแหวนหรอก เปลือกที่เคยนิ่งสนิทค่อย ๆ ขยับและเปิดลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้ากับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล

 


            เมื่อตาลืมขึ้นมาพบกับเค้กที่อยู่ตรงหน้าและผมกำลังยิ้มร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ยิ่งทำให้เขาร้องไห้ไปกันใหญ่ จนต้องยกมือทั้งสองนำมาปิดหน้าเอาไว้ ครั้งแรกที่ผมเซอร์ไพรส์ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ดีใจถึงขนาดนี้ เมื่อเพลงจบเขาจึงปล่อยมือลง เป่าเทียนในขณะที่หน้านั้นเละเทะไปหมด  น้ำมงน้ำมูกไหล เห็นแล้วก็อดที่จะอดขำไม่ได้ ขำออกมาทั้งที่ก็ผมกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน

 


            ดีใจและมีความสุข เพราะความรู้สึกนี้ น้ำตาจึงได้ไหลอย่างไม่รู้ตัว

 
 

            เขาเป่าเสร็จเรียบร้อยผมจึงใช้ไฟมือถือนำทางเพื่อไปเปิดไฟ พอเดินกลับมาก็เห็นเขาหมุนมือซ้ายของตัวเองไปมา พลิกไปพลิกมาอยู่หลายครั้ง จนผมกลับมานั่ง เขาก็ยังทำแบบเดิม จนผมถามเขาว่า ‘ชอบไหม’ เขาจึงหยุด ก่อนจะตอบโดยพยักหน้ารัว ๆ


 

            ผมยื่นกล่องกำมะหยีไปให้เขาพร้อมกับพูดว่า..

 
 

            ‘สวมให้ผมบ้างสิ’

 
 

            อีกข้างนึงยื่นกล่อง อีกข้างยกขึ้นมาให้เลยพร้อมสวม ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องนั่งคุกเข่าหรืออะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมีคนมาแสดงความยินดีนับแสน ไม่ต้องบอกว่ารักผมรักผมเท่าฟ้า เท่าชีวิต ไม่ต้องทำอะไร เพราะที่ทำให้ผมตลอดเวลาที่ผ่านมา ด้วยความคงเส้นคงว่า แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เขาไม่รอช้าที่จะสวมให้แหวนคู่ที่เหมือนกัน ต่างก็แค่...สลับชื่อเขากับผม

 
 

            พอสวมเรียบร้อยเขาไม่ได้พูดอะไร หลายอย่าง ๆ ในคืนนี้อาจจะทำให้จุกอกจนพูดไม่ออก เค้กยังวางอยู่ที่เดิม แต่ตัวผมกับเขาย้ายที่มาจบลงที่เตียง

 


            เขาทำไป..พลางพูดว่ารักผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  รักมากแค่ไหน เรียกชื่อผมย้ำ ๆ กอดแน่นราวกับกลัวผมจะเลือนหายจนเราผล็อยหลับไปในที่สุด

 

 
            กลิ่นอาหารเช้าปลุกผมอีกครั้ง แถมยังเป็นสิ่งที่ปลุกเกือบทุกวัน เหมือนเดิมผมหยิบเสื้อของเขาใส่มาเพียงตัวเดียว ก่อนจะเดินไปที่ครัว เขาตัวสูงกว่าผมค่อนข้างมาก เสื้อนอนของเขากลายเป็นชุดนอนยาวถึงน่องของผมไปโดยปริยาย และส่วนล่างไม่ได้ใส่อะไร เนื้อตัวผมสะอาด เขาคงเช็ดตัวแต่ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าเพราะกลัวผมจะตื่นเมื่อคืนค่อนข้างหนักพอสมควร จึงอยากให้ผมได้พักอย่างเต็มที่  เมื่อมาถึงผมแอบดูเขาทำอาหารอีกตามเคย

 


            แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือในขณะที่เขาจะหยิบจับอะไรระวังตัวกว่าเดิมมาก แหวนบนนิ้วมือไปกระทบกับอะไรนิดหน่อย ยกขึ้นมาดูปัก ๆ เป่า ๆ เช็ด ๆ หมุนไปมา เมื่อเห็นชื่อบนแหวนก็เกิดอาการยิ้มกรุมกริมอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า

 

 
            ทำให้ขำไม่ใช่น้อย เขาหันมาตามเสียง และหันกลับไปทันทีในสภาพหน้าที่แดงถึงคอ

 


            ผมเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ผมไม่เคยทำ เขาจึงยืนแข็งทื่อไปเลย

 


            เห็นเช่นนั้นทำเอาผมขำออกมาอีกครั้ง...ก่อนจะผละออกและไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เขาเดินตามมาพร้อมกับนมอุ่น ๆ ผสมโอวันติลซึ่งอยู่ในมือ พูดกับผมโดยที่ไม่มองหน้าผมว่ารอเดี๋ยวนะครับอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว

 
 

            จากวันนั้นสามวันของทุกของเขาก็มาอยู่ในบ้านผมแต่ก่อนก็มักจะมาค้างบ้านผมเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก ก็เปลี่ยนแค่จากที่เขาเคยไปกลับ ก็กลายมาเป็นอยู่ถาวร เราอยู่ช่วงข้าวใหม่ปลามัน จากที่เขาเคยดีอยู่แล้วกลายเป็นดีมาก

 


            มาก


 

            มาก

 
 

            จนทำให้ความรู้สึก ‘รัก’ ของผมกลายเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รักมาก’

 


            จนไม่เผื่อใจเอาไว้ ผมเปลี่ยนเป็นคนละคน จากเคยโทรหาแบบนานครั้ง กลายเป็นแทบจะโทรหาทุก ๆ สิบนาที จากที่ไม่เคยตื่นเช้าทำกับข้าวกลายเป็นทำ อาหารรสชาติจะแย่แค่ไหนเขาก็ยังชมว่าอร่อย

 


            มีความสุขจริง ๆ

 


            จากที่ไม่เคยมองเขาอย่างจริงจัง ก็กลายเป็นถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น

 


            ผมเพิ่งสังเกตเมื่อไม่นานมานี้ ว่าเวลาที่เราไปไหนด้วยกันมักจะตกเป็นเป้าสายตาอยู่เสมอ

 


            หงุดหงิดในเวลาที่เขาคุยกับคนอื่น หงุดหงิดที่มีคนโทรหาเขาในเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะคนจากที่ทำงาน หรือเพื่อนในบริษัท

 


            ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ แรก ๆ เราก็บอกน่ารัก พอนานไปผมเริ่มดูออกว่าเขารำคาญ

 


            ไม่คิดเลยว่าผมจะกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้

 


            เขางานยุ่งงานหนักผมก็รู้ ต้องมีสังคมของเขาบ้างผมก็รู้ เลื่อนตำแหน่งใหม่มันทำให้งานหนักกว่าเดิมผมก็รู้ บางวันเราแทบจะไม่เจอหน้าเลยสักครั้ง เขาเก็บเงินเพื่อผม เพื่อให้ผมได้กินอยู่สบาย ให้ออกจากงานเพื่อไม่อยากให้ผมต้องเหนื่อย กลับกลายเป็นว่าเขาต้องเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว


 

             ผ่านไปอีกสองปีเขาก็ยังดีอยู่ ยิ่งทำให้ผมเริ่มรักเขามากขึ้น ถึงไม่ค่อยมีเวลาแต่ก็ดูแลผมเหมือนเดิมทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังสำคัญ

 
 

            และสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือตัวผมเอง...

 


            ผมตามหึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา แค่ชมดาราก็ทำให้ผมงอนได้ กับเขาที่ได้ออกไปเจอผู้คน กับผมที่ไม่ได้ออกไปไหน จากที่เคยโทรทุก ๆ สิบนาทีกลายเป็นว่าหากโทรไปไม่รับ ผมโกรธ รับแล้วห้ามวาง ไม่งั้นผมโกรธ กลับบ้านช้าเกินหนึ่งนาทีผมโกรธ จะกลับช้าโดยที่ไม่ขอพร้อมบอกเหตุผลผมโกรธ ออกไปไหนโดยไม่มีผมไปด้วยต้องคอยรายงานโดยส่งรูปมาทุก ๆ ห้านาที ไม่งั้นผมโกรธ

 


            ถึงผมเป็นแบบนี้เขาก็ยังทำตามเพื่อให้ผมสบายใจ ว่าเขาไม่คิดที่จะมีใครนอกจากผมจริง ๆ

 


            ผิดกับผมที่เบื่อตัวเองในสภาพแบบนี้... ก็เลยลองออกไปเจอผู้คนบ้างเผื่อหยุดคิดเรื่องเขาได้ ไปนั่งร้านกาแฟ ไปเดินเที่ยวห้างคนเดียว เดินไปเดินมาโดยไม่ได้ซื้ออะไร แต่บางครั้งก็ซื้อ

 


            จากไปนั่งร้านกาแฟบางวัน กลายเป็นนั่งทุกวัน และแหวนที่เคยสวมทุกวันแต่วันนั้นผมดันลืมใส่...

 


            จนกลายจุดเริ่มต้นของหักแตกหัก

 

 
            ด้วยเรื่องที่คล้ายกับสิ่งที่เรียกว่า...การนอกใจ..

 
 

            และเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง…

 


            คนเดียว...



-TBC-


 

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3
«ตอบ #2 เมื่อ27-02-2016 09:29:35 »

ตามไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะ

น่าจะเอามาลงต่อในทู้นี้เลยเนอะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3
«ตอบ #3 เมื่อ14-04-2016 23:27:37 »

ดูหนักจริงๆ

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 2/3
«ตอบ #4 เมื่อ08-07-2018 08:08:50 »

พบกันใหม่ 2/3

           ทุกอย่างมันกลายเป็นจังหวะเหมาะ เขากลับมาบ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือเห็นแหวนวางทิ้งไว้บนขอบอ่างล้างหน้า และตัวผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ผมเคยบอกว่า ผมชอบไปนั่งที่ร้านกาแฟที่หน้าห้างหากกลับมาแล้วไม่เจอให้ไปหาที่นั่นได้ ด้วยความสงสัยเขาจึงตามไปดูราวกับจับผิด ดันเห็นผมนั่งคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง

 

          ผมเจอเธอเป็นประจำ นานเข้าจนกลายเป็นความสนิท เธอมีหลาย ๆ อย่างซึ่งคล้ายคลึงกับผม จนกลายเป็นว่าเรากลายเป็นเราคุยกันถูกคอ ในขณะที่เรากำลังคุยเกี่ยวกับละครเมื่อคืนอย่างสนุก ผมนั่งหันหน้าไปทางประตูจึงเห็นผู้คนเข้าออก แน่นอนผมเห็นเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางขมึงตึง ผมยิ้มให้โบกมือเรียก แต่เขาไม่ยิ้มตอบ



            เขาเดินมาถึงโต๊ะฉุดกระชากข้อมือของผมให้ลุกขึ้นพร้อมตะคอกเสียงแข็งว่าให้กลับบ้าน เขาที่ไม่เคยทำรุนแรงกับผม ทำเอาผมตกใจไม่ใช่น้อย ทั้งเธอและผมต่างพากันงง ผมพยายามสะบัดมือออก แต่ไม่เป็นผลเพราะแรงเขาเยอะกว่ามาก ท้ายที่สุดผมจึงถูกพาให้เดินออกไปจากร้านด้วยแรงดึงของเขาท่ามกลางสายตาผู้คน



            ข้อมือก็เจ็บ แถมยังต้องอาย เขาโกรธอะไรมา ผมทำผิดอะไร ทีแรกผมยังเดาไม่ออก พอกลับมาถึงบ้านเขาพาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าทีวี เขาควักแหวนออกมาจากในกระเป๋ากางเกงที่สวมใส่แบมือให้ผมดูพลางถามว่า ‘ถอดออกทำไม’ ด้วยท่าทางน้ำเสียงซึ่งกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผมก็ถึงบางอ้อ อ่า...เรื่องนี้เองเหรอ ผมเลยตอบไปตามความจริงที่ถอดออกเพราะล้างหน้า ก่อนออกจากบ้านเลยลืมใส่ ด้วยน้ำเสียงเรียบโดยส่วนตัวผมคิดว่านี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่และผมคิดว่าเขาคงเชื่อผมแน่



            ‘โกหก’  แต่เมื่อคำนี้ได้หลุดมาจากปากของเขาทำให้รู้ว่าผมคิดผิด ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกนี่อยู่กันมาตั้งขนาดนี้ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมเป็นคนยังไง คิดว่าผมเป็นคนขี้โกหกอย่างนั้นเหรอ หรือคิดแบบนี้มาตลอด ?


 
            ‘คุณถอดแหวนเพราะอยากจะโสดใช่ไหม ออกไปร้านกาแฟทุกวันเพื่อไปหานางนั่นใช่ไหม ที่ไม่ค่อยสนใจผมเหมือนเมื่อก่อนเพราะนางนั่นใช่ไหม’



            เมื่อผมนิ่งเงียบเขาจึงรัวคำถามออกมาชุดใหญ่ เขาที่เคยสุภาพแทบไม่เหลือเคล้าความสุภาพเหลืออยู่ การทะเลาะกันโดยที่เขาเป็นฝ่ายโกรธนี่คือครั้งแรก ผมจึงไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร เพราะในเมื่อผมพูดความจริงไปตั้งแต่แรก เขาคือรักแรกของผม เพราะฉะนั้นผมไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ผมจึงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง


 
            เห็นผมนิ่งเขาจึงกำแหวนไว้ในมือ ก่อนจะยกมือทั้งสองมาจับที่ต้นแขนของผม อย่าเรียกว่าจับเลย ‘บีบ’ น่าจะถูกกว่า แรงบีบอย่างคาดคั้นที่ทำให้ผมเจ็บแต่เก็บอาการไม่แสดงให้เห็นว่าผมกำลังเจ็บอยู่ ความเจ็บทั้งกายและใจ

 

            ‘อย่านิ่ง อยากจะเลิกกับผม อยากจะไปกับนางนั่นก็พูดมา’ คราวนี้ไม่พูดเปล่าเขาออกแรงเขย่าตัวของผมโยกไปมาระรัว

 

            จนผมทนไม่ไหวจึงตะเบ่งเสียงออกไปว่า ‘ใครกันแน่ที่อยากเลิก’ ทุกอย่างหยุดลงคำพูดของผมทำให้เขาชะงักค้างไปในทันควัน


 
            ‘ท...ทำไมถึงคิดแบบนั้น’ ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเครือ คิ้วย่นจนแทบจะติดกัน

 

            ‘ก็ผมแค่ลืมแหวน ผมพูดความจริงไปแล้ว ..ละ แล้วคุณยังจะโกรธผมอีกทำไม คุณคงคิดแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นภาระ ที่เอาแต่พล่านเงินคุณ งี่เง่าเอาแต่ใจ ขี้หึง นิสัยไม่ดี ขี้เกียจ ชอบทำบ้านรก จนคุณต้องมาเก็บกวาด เสื้อผ้าก็ไม่เคยซักให้ จนคุณต้องมาซักเอง กับข้าวก็ทำไม่อร่อย ไม่มีอะไรดีสักอย่าง คุณเองนั้นแหละอยากเลิกแล้วไปเจอกันใหม่ที่ดีกว่าใช่ไหม อึก’ 

 

            ผมร้องไห้จนได้บ้าชะมัด

 

            ‘ท...ทำไมถึงคิดแบบนั้น’ เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจุกอยู่ในลำคอ พร้อมกับมือที่เริ่มคายออก

 

            ‘คุณคิดบ้างหรือเปล่า ว่าผมเฝ้าใฝ่ฝันในตัวคุณมานานแค่ไหน ผมรักคุณมานานแค่ไหน ก่อนจะตัดสินใจมาจีบคิดคุณว่าผมแอบรักคุณมานานเท่าไหร่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้ต้องใช้เวลามานานเท่าไร เคยคิดบ้างไหม ไม่ล่ะสิ ก็แน่ล่ะเพราะคุณไม่เคยแคร์ ไม่เคยสนใจผมเลย ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตา คุณไม่เคยบอกรักคุณเลยสักครั้ง ทุกวันนี้ก็ยังมีเพียงผมที่รักคุณอยู่ฝ่ายเดียว’



            ครั้งที่สามที่ผมเห็นเขาร้องไห้ แต่ครั้งที่ไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่เป็นความอัดอั้นตันใจที่เขากดเก็บมันไว้มานานแสนนาน



            “ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นภาระ ไม่เคยคิดเลย ผมดีใจมากเสียอีก ที่คุณยอมออกจากงานที่คุณรัก เพื่อความเอาแต่ใจของผม ทำอะไรไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ผมทำเป็นเพราะฉะนั้นผมจะทำให้ทุกอย่าง ขอแค่เพียงมีคุณอยู่ข้าง ๆ ก็พอ ทั้งชีวิตผมต้องการเพียงเท่านี้’

 

            ผมได้แต่ยืนแน่นิ่งไม่พูดอะไรปล่อยให้เขาระบายออกมาจนหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องเจ็บปวดเพราะผมมามากขนาดนี้ โดยที่ผมไม่รู้ตัว ไม่เอะใจ หากเขาคิดแบบนั้นคงจะถูกอย่างที่เขาว่า  แต่ที่ผมโทรจิก หึงหวงไปเสียทุกอย่างแบบนี้ไม่เรียกว่าไม่แคร์ ไม่สนใจเหรอ แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าแคร์ ว่าสนใจสำหรับเขากันล่ะ เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ซุกศรีษะลงที่อกของผม



            ‘ขอร้องล่ะ.. หากไม่มีผมไปด้วย ช่วยอย่าออกไปไหนเลยได้ไหม ได้โปรด ทุกครั้งที่คุณออกไปผมกังวลจนแทบจะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ใบหน้ารูปไข่ นัยน์สีน้ำตาลอ่อนดูมีเสนห์ สีผมดำขลับยาวถึงคอ ปากกระจับชมพูระเรื่อ หุ่นก้านราวกับผู้หญิง ใครเห็นเป็นต้องรักคุณทั้งนั้น คุณสวยมาก จนผมกลัว กลัวว่าจะมีคนมีแย่งคุณไป กลัวว่าจะถูกใจใครคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ผมไม่อยากให้คุณมองใครนอกจากผม กลัวคุณเห็นผู้หญิงดีกว่าผม ผมกลัวการที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้คุณจะเห็นเป็นสิ่งที่ผิด...ผมกลัว’

 

            ร่างกายเขาสั่นเทา อย่าบอกนะที่ให้ผมออกจากงานเพราะสาเหตุพวกนี้เหมือนกัน หากเป็นอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ละนะ

 

            ‘ได้สิ’  หากถ้าทำแล้วจะทำให้คุณสบายใจก็ย่อมได้ ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวเขาอย่างแผ่วเบาก่อนจะพูดแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่เขาเข้าใจผิด

 

            ‘ผู้หญิงคนนั้นที่คุณเห็นเขามีสามีแล้ว และเป็นเพียงแค่เพื่อน เราเจอและแค่คุยกันถูกคอ เธอทำอาหารและงานบ้านเก่งผมเพียงอยากจะให้เธอสอนเท่านั้นไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิด หากวันไหนที่คุณเกิดสงสัยในความรู้สึกของผม ให้มองสิ่งที่สลักอยู่บนแหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่สวมอยู่ ตั้งแต่ที่ผมสวมให้หัวใจผมได้มอบให้คุณตั้งแต่วันนั้นและจากนี้และตลอดไป คุณจะเป็นเพียงรักเดียวและสุดท้ายของผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอยากขอให้คุณจำเอาไว้’

 

            ได้ยินเช่นนั้นเขาปล่อยโฮออกมาพร่ำขอโทษเป็นร้อยครั้ง ผ่านไปสักพักผมยังคงลูบหัวเขาอยู่อย่างนั้น เขาค่อย ๆ ผละตัวออกก่อนจะนำสิ่งของสำคัญซึ่งกำอยู่ในมือมาบรรจงสวมให้กับผมพร้อมกับกล่าวเหมือนขู่



            ‘อย่าลืมอีกนะ หากคุณเผลอลืมอีก ครั้งหน้าผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง’

 

            สิ้นคำเขาจุมพิตอย่างอ่อนโยนบนปลายเล็บ ไม่กี่วินาทีก็กุมมือผมไปแนบไว้ที่แก้มถูไปถูมาคล้ายกับแมวที่ชอบเดินพันแข้งพันขา เปลือกตาเริ่มหย่อนลงจนหลับพริ้มเขาทำราวกับอยากซึมซับความอบอุ่นไว้ให้นานเท่าที่จะนานได้ด้วยสีหน้าสบายใจ ภายในบ้านที่เงียบสงัดเหมือนกับโลกมีเพียงเราสองคน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ คงจะดีไม่ใช่น้อย คงไม่มีเรื่องหึงหวงให้รำคาญใจ

 

            ผ่านไปไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เราหยุดการกระทำต่าง ๆ  เขารับสายพร้อมกับเปิดลำโพงคุยกันได้ประมาณห้านาที ผมได้ยินกราย ๆ เพราะไม่ได้สนใจฟัง แต่ก็จับใจความได้ว่า ใกล้จะประชุมแล้วให้รีบมาที่บริษัท 

 

            หลังจากวางสายท่าทางเขาดูไม่อยากไปสักเท่าไหร่ ผมยืนส่งเขาที่หน้าบ้าน เขาบอกทำงานเสร็จจะรีบกลับมานะ อยากได้อะไรไหมจะซื้อมาฝาก ผมจึงตอบว่าไม่ล่ะ ขอให้คุณกลับมาเร็ว ๆ ก็พอ เขินเหมือนกันที่พูดแบบนี้ แต่ดีหน่อยที่ผมไม่ได้เขินแค่คนเดียว เพื่อแก้เขินเขาจึงรีบพูดว่าไปแล้วนะ ผมจึงรั้งไว้แล้วถามว่าลืมอะไรหรือเปล่า เขาทำหน้าฉงน เห็นเช่นนั้นผมจึงดึงเนคไทของเขาให้โน้มตัวลงมา...

 

            และประกบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากของเขา ค้างอยู่สองสามวิก่อนจะถอนออกมา เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผมจึงถือโอกาสเอ่ยปากไล่ว่าไปได้แล้ว ไปดีมาดีนะพร้อมกับดันตัวเขาออกจากบ้านพร้อมกับปิดประตูใส่ทันที

 


            อ๊าก! อยากจะบ้าทำไปได้ไงนะเรา เขินจนหน้าแทบไหม้ ในขณะที่เดินกลับเข้ามาภายในบ้านระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงสตาร์ทเร่งเครื่องและขับออกไป แต่ทำไมยิ่งเดินเข้ามา ก็ยิ่งรู้สึกว่าพื้นมันเอียง ๆ รู้สึกมึนแบบแปลก ๆ เพราะเขินเกินไปหรือเปล่า ร่างกายเซไปมาเริ่มเสียการทรงตัวขึ้นเรื่อย ๆ

 

            อ่า...แย่ล่ะ ล้มแน่

 

            เสี้ยววินาทีก็ได้เกิดเสียงดังโครมสนั่นไปทั่วบ้าน ทุกอย่างเหมือนจะดีแต่กลับไม่ดี พอเราใจตรงกัน สื่อความรู้สึกถึงกันได้อย่างแท้จริง ดันมีอุปสรรคเข้าแทรก ทำไมอาการถึงต้องทรุดลงตอนนี้ อยากจะลุกก็ลุกไม่ไหว จนกลายเป็นหมดสติไปในที่สุด ทั้งที่คิดว่าต่อจากนี้จะต้องมีความสุขมากกว่าเดิมแน่ ๆ  ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้... เบอร์ที่ผมโทรครั้งสุดท้ายเพื่อขอความช่วยเหลือก่อนจะหมดสติแทนที่จะเป็นเขาที่เป็นคนรักแต่ผมกลับเลือกโทรหาเธอคนนั้น 'ผู้หญิง' ที่เจอกันร้าน 'กาแฟ'

 
 

-TBC-

 

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 3/3 (จบ)
«ตอบ #5 เมื่อ08-07-2018 08:10:01 »

         
พบกันใหม่ 3/3 (จบ)


           ผมตื่นขึ้นมาอีกที แน่นอนสถานที่ที่ผมอยู่ก็ต้องเป็นโรงพยาบาล ผมกรอกสายตาไปทั่วห้องแต่ไม่พบผู้หญิงคนนั้น อยากจะขอบคุณเสียหน่อย สิ่งมีชีวิตที่เห็นก็มีเพียงเขาซึ่งนั่งก้มหน้ามือประสานกันอยู่ข้างเตียง สีหน้าทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส เขาคงจะรู้ถึงสิ่งที่ผมพยายามปกปิดเอาไว้ ก็คิดอยู่แล้วสักวันเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมตรองอยู่หลายครั้ง ว่าจะบอกเขาดีหรือไม่

 

            แต่พอนึกถึงความฝันของเรา ผมก็กลืนความลับลงคอไปโดยปริยาย

 

            ‘ปิดบังมานานเท่าไหร่’

 

            เขาเอ่ยถามอย่างใจเย็น มือของเขาที่กำลังกุมประสานกันเริ่มบีบแน่นราวกับควบคุมอารมณ์ซึ่งใกล้จะระเบิดออกมาเต็มที เขาไม่ถามผมว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ แต่ถามปิดบังมานานเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าความลับแตกแล้วจริง ๆ

 


            ‘นานแล้ว’


 

            ผมตอบไปเพียงสั้น ๆ ละสายตาที่มองเขา ไปมองยังเพดานสีขาวที่มีไฟประมาณสามสี่ดวง


 

            ‘โธ่...ที่รักครับ..นานแล้ว ? ไอ้คำว่านานแล้วของคุณ มันนานแค่ไหนกันล่ะ’

 
 

            น้ำเสียงเริ่มประชดประชันเล็กน้อย

 

            ‘กลางปีที่ผ่านมา’ ผมตอบ


 

            ‘เกือบปี นี่ผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรมาเกือบปี หลอกให้ผมพยายามอย่างหนักราวกับคนบ้า...เพื่ออะไร’

 
 

            มือที่ประสานกันเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อเริ่มมีเลือดออก ทำให้รู้ได้ว่าเขากำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน

 
 

            ‘เพื่อความความฝันของเราไง’ ผมตอบพลางระบายยิ้มที่มุมปาก

 
 

            ‘ความฝันของเรา ? หึ! แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าในวันนั้นคุณไม่อยู่ด้วย คุณน่ะมันคนใจร้าย ปั่นหัวผม หลอกให้ผมดีใจ หลอกให้ผมมีความสุข หลอกให้ผมฝันหวานโดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือความสุขจอมปลอม’


 

            และหุบไปในทันควันเมื่อได้ยินคำพูดที่เพิ่งจะออกมาจากปากของเขา เขาจะคิดแบบนี้ก็คงไม่แปลกเพราะส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของผม ทั้งที่อยากโกรธ ผมไม่มีแม้สิทธิ์ที่จะโกรธอะไรเลยด้วยซ้ำ

 
 

            ‘ขอโทษนะ’ คำเดียวที่รู้สึกในตอนนี้...ทุกอย่างมันคือความผิดของผมคนเดียว คนเดียวเท่านั้น

 
 

            ‘อึก.....ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้..’  ผมทำให้เขาร้องไห้อีกแล้ว ความสุขในตอนนั้นราวกับเรื่องโกหกไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดขึ้นในวันเดียวกัน

 


            ‘บอกเร็วหรือช้ามันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก ผลลัพธ์ที่ได้ยังไงก็เหมือนกัน’

 


            เขานิ่งเงียบไป

 


            ‘ต่างสิ ผมจะได้ดูแลคุณให้ดีกว่านี้ไง ใช้เวลาอยู่กับคุณให้นานกว่านี้ เอาใจใส่ให้มากกว่านี้’

 
 

            ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยคำพูดที่เขาเหมือนตรึกตรองมาดีแล้ว อาจจะจริงอย่างที่เขาว่า แต่มันจะพาลไปทำให้เราทั้งคู่เป็นทุกข์ แทนที่ผมจะทุกข์คนเดียวและที่ผ่านมาก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการให้ดีกว่านี้แล้วล่ะ


 

            ‘เราอย่ามานับถอยหลังไปพร้อมกันเลย’

 
 

            ‘แต่ผมอยากนับถอยหลังไปพร้อมกับคุณ ทำไมถึงไม่โทรหาผม ทำไมถึงโทรหาผู้หญิงคนนั้น ถ้าเธอไม่โทรมาตามคิดจะปิดบังไปจน...เอ่อ...จนนั่นเลยใช่ไหม’

 


            ก็ถูกนั่นแหละ ที่โทรหาเธอเพราะต้องการจะปิดบังไปจนตาย แต่ดันทรุดลงไปก่อน ทว่าก็ยังมีอีกเหตุผลสำคัญไม่แพ้กัน

 


            ‘ใช่...อีกอย่างเพราะคุณมีประชุม’

 
 

            ‘แค่นี้ ?’ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

 


            ‘คุณคิดว่าประชุมนั่นมันสำคัญคุณเหรอ’ เขาย้ำ ผมพยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันคำตอบเดิม แต่คราวนี้ผมเสริมเหตุผล

 


            ‘ถ้าคุณประชุมและนำเสนองานสำเร็จ มันก็สามารถซื้อความฝันของเราให้เป็นจริงได้ เ้พราะงั้นผมจึง...’

 


            ‘แต่คุณสำคัญกว่า สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด’

 


            ผมยังไม่ทันได้พูดจบ เขาเอ่ยสวนทันควัน ผมพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง เนื่องจากเห็นเลือดที่มีของเขาเริ่มไหลออกมามากขึ้นทุกที ทว่าลุกได้ง่าย ๆ เสียที่ไหน แต่สงสัยความพยายามของผมจะเสียงดังเกินไป เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ในที่สุดก็ได้สบตากันสักที เพราะทั้งหมดทั้งมวลที่พูดคุยตั้งแต่ผมฟื้น เขาไม่ยอมสบตาผมเลยสักครั้ง

 
 

            ‘ไหวไหม…’

           
 

            ในขณะที่เอ่ยเขาคายมือออกโดยอัตโนมัติ ถึงนั่งไม่ได้แต่ความพยายามก็เป็นผลละนะ ผมพยักหน้าพร้อมระบายยิ้ม เขาปาดน้ำตา จ้องมองผมก่อนจะตัดสินใจลุกออกจากเก้าอี้ และขึ้นมานั่งบนเตียงแทน  สายตาแน่วแน่ราวกับจะพูดเรื่องสำคัญ

 
 

            มือที่เอื้อมเข้ามาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา

 


            ‘ไม่ต้องห่วงนะคุณจะต้องหาย หมอบอกเชื้อยังรามไปไม่เยอะ’

 


            เขายิ้มอ่อน ๆ หายงั้นเหรอ คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมเป็นโรคอะไร ระยะที่เท่าไหร่ เปอร์เซ็นต์รอดมีมากน้อยแค่ไหน คุณก็รู้อยู่แก่ใจแท้ ๆ

 


            ‘เปล่าประโยชน์’ คำพูดของผมทำให้เขาชะงักไปชั่วครู่


 

            ‘ไม่!!!!ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร เสียอะไรไปเท่าไหร่ผมจะต้องรักษาคุณให้หายให้ได้’


 

            สิ้นคำเขาชักมือกลับไปพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่ฟังคำพูดอันใดจากผมอีก ดื้อจริง ๆ ไม่ว่ายังไงก็จะรักษาผมให้ได้ใช่ไหม

 
 

            หลังจากนั้นไม่นานนักประมาณสองสามวันผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล เธอมาเยี่ยมผมเป็นบางครั้ง แต่เขามาเฝ้าผมนอนทุกวัน และทุกครั้งที่มีเวลาว่างจากการทำงานหรือพักเที่ยงเขาก็จะมาหาผม พอกลับมาอยู่บ้านก็เทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เงินที่มีก็ร่อยหรอไปกับการรักษาทั้งที่เปอร์เซ็นรอดไม่ถึงหนึ่ง


 

             การทำคีโมผลข้างเคียงทำให้ผมร่วงหมดหัว จนผมต้องใส่วิก ร่างกายผอมลง เนื่องจากไม่ค่อยออยากจะกินอะไร หน้าโทรมอย่างกับเป็นคนละคน  แต่เขาเป็นกำลังใจที่ดี ทำให้ฮึกสู้ขึ้นได้ ถึงช่วงหลังจะอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าบ้าน เพราะการผ่าตัดในส่วนเชื้อรามไปก็เถอะ

 


            จนในที่สุดสิ่งที่พยายามมาตลอดหนึ่งปีในการรักษาเพื่อจะให้ผมหาย กลับได้ผลตรงกันข้าม อาการผมทรุดลง จึงต้องไปนอนโรงพยาบาลราวกับบ้านหลังที่สอง เงินเก็บที่มีแทบไม่เหลือ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่นานนักเขายังจะมาโดนไล่ออกจากบริษัท เนื่องจากเป็นห่วงผมจนทำงานไม่ได้เต็มที่ หน้าที่การงานที่เคยดีหายวับไปกับตา

 


            การหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย การศึกษา ประสบการณ์เขามีทุกอย่างที่ดีหมด การสมัครรอบแรกเขามักจะผ่านเสมอ แต่พอถึงขั้นสัมภาษณ์เขาก็ตกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเพราะอะไร รู้ๆกันอยู่ว่าต้องเพราะผม เงินเก็บหมดที่นี้เขาไม่สนว่าจะเป็นงานแบบไหน สิ่งที่ทำให้เขาได้เงินก็ทำหมดยกเว้นการขายตัว

 
 

            วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เขาได้นอนเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น และทำแบบนี้ติดต่อกันมา หนึ่งปีเต็ม นอนที่บ้าน นอนที่โรงพยาบาลสลับไปมาอยู่แบบนี้ ผมบอกเขาว่าไม่ต้องพยายามทำอะไรอีกแล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างไปเป็นธรรมชาติ เขารั้น และยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ยอมเสียผมไปเป็นอันขาด ร่างกายเขาสูบผอมลงทุกวัน ของที่อยากกิน สิ่งที่อยากได้ เสื้อผ้าไม่เคยซื้อใหม่ ครีมบำรุงผิวไม่ซื้อใช้ ประหยัดเท่าที่จะประหยัดได้ เพื่อจะนำเงินทั้งหมดมารักษาผม

 


            ผมทรุดลงหนักกว่าเดิมเชื้อร้ายดันไปผุดในส่วนสำคัญต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หมอบอกให้ทำใจอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ดี ในขณะที่เขายังไม่หมดลมหายใจเขาจะไม่ยอมหมดหวังเด็ดขาด เขาจะคิดบ้างไหม ว่าผมทรมานแค่ไหนที่เขาพยายามจนตัวเองต้องเป็นแบบนี้ จากที่เคยนอนวันละสองชั่วโมง กลายเป็นชั่วโมงเดียว และกลายเป็นว่าแทบจะไม่ได้นอนเลย

 

            เกิดมาผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ก็เมื่อตอนที่ได้อยู่กับเขา จากที่ไม่เคยดีใจที่ตัวเองเกิดมา เขามาทำให้ผมรู้จักคุณค่าของตัวเอง เขาคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดในโลก และเป็นคนที่ทำให้ผมเจ็บปวดขนาดนี้

 


            ด้วยคำที่บอกว่า ‘แล้วพบกันใหม่นะ’

 


            จากนั้นเขาก็ไม่ได้มาหาผมอีกเลย ปกติก่อนจะไปทำงานเขามักจากพูดเดี๋ยวมานะ อยู่คนเดียวได้ไหม ไปแปปเดียวอะไรทำนองนี้ ผมควรจะเอะใจตั้งแต่แรกจากคำพูดที่เปลี่ยนไปของเขา ผมร้องไห้ทุกวัน ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ผมพยายามคิดในแง่ดีว่างานเขายุ่ง วันนี้เขาเลยมาหาผมไม่ได้ วันถัดมาที่มาไม่ได้เพราะงานยุ่งเช่นกัน และวันถัดถัดไปก็เช่นกัน เขากำลังทำเพื่อผมอยู่ ผ่านไปหนึ่งเดือนผมพยายามข่มใจเก็บความสงสัยไว้และคิดแบบเดิม ต้องอยู่ถึงวันนั้นให้ได้วันที่เขาจะมาหาผม

 


            ปลายเดือนที่สองผมเริ่มคิดแบบเดิมไม่ไหว เริ่มคิดแต่เรื่องที่บั่นทอนจิตใจ ร่างกายยิ่งแย่ลงขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นเธอก็ยังมาเยี่ยมผมเป็นครั้งคราว ผมถามเรื่องเขากับเธอ แต่เธอบอกไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นพบเขาเลย ผมคงต้องทำใจ แต่อีกใจก็ยังหวังว่าเขาจะมาอยู่

 


            ผมอยู่ไปวัน ๆ นั่งนับวันเวลา นั่งเฝ้ามองที่หน้าต่างตั้งแต่เช้ายันเย็นเผื่อว่าจะเห็นเขามาหาผม ผ่านไปเกือบจะหมดเดือนที่สาม ผมคงต้องทำใจว่าเขาทิ้งผมไปแล้วจริง ๆ

 
 

            ‘พบกันใหม่งั้นเหรอ....’ ผมนึกทวนคำพูดนี้อีกครั้ง

            แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ ? ...

            หากคิดจะไม่มาหากันอีกจริง ๆ

           จะมาพูดให้ความหวังทำไม ?

 

         

            ทำไม ?


            ทำไมถึงไม่นึกถึงคนที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ารออย่างผมบ้าง ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอไปวัน ๆ หวังว่าวันนี้คุณจะมาหาผม หวังว่าวันนี้จะได้พบคุณจริง ๆ

 
 

            แต่สุดท้าย...

 

            ก็ไม่...

 

            วันแล้ว วันเล่า ได้แต่เฝ้ารอ....

 
 

            รอ


            รอ

 
            รอ

 
 

            และรอ สุดท้ายก็ไม่มา ทำไมถึงไม่มา ? ต้องให้ผมเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ถึงจะพอใจคุณ หึ! คุณคงจะสะใจใช่ไหมที่เห็นผมเป็นแบบนี้ สะใจที่เห็นผมร้องไห้ฟูมฟายเพราะคิดถึงมากมายอย่างนี้ คุณคงตั้งใจทรมานผม เพื่อแก้แค้นผมล่ะสินะ ใช่สิผมมันชั่ว ผมมันเลวเป็นคนรักที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เป็นคนรักที่ให้ได้แค่ปัญหาและความลำบากใจ เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องแถมเอาแต่ใจ เป็นคนรักที่ไม่สามารถทำให้คุณภูมิใจในตัวผมได้เลยสักครั้ง

 


            ถึงกระนั้น...

            ผมไม่เคยรักใครนอกจากคุณเลย

            ไม่เคยเลยจริง ๆ

 


            อ่า....ก็นั่นน่ะสิ ทำไมผมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกว่า...เขาคงจะเหนื่อยที่ต้องมาดูแลผม เขาคงจะเหนื่อยที่ต้องมาดูแลคนป่วยที่แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างผม เขาคงจะเบื่อที่ต้องทิ้งความสุขส่วนตัวเองเพื่อคนอย่างผม แต่ก็ดีแล้ว หากเขาได้ไปมีชีวิตที่ดีกว่า และทำให้เขามีความสุขได้งั้นก็คงจะดีแล้วล่ะ

 

            ผมละสายตาจากหน้าต่างและหันไปมองที่เก้าอี้ข้างเตียงที่เขามักจะนั่งเป็นประจำ เก้าอี้ยังอยู่ที่เดิม ทุกอย่างของเขายังอยู่ที่เดิม  หัวใจผมก็เป็นของเขาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาไม่ได้อยู่ข้างกายผมแล้ว ไม่มีแล้ว

 


            ไม่มี...

 

            ไม่มีกำลังใจเพียงหนึ่งอยู่เคียงข้างผมก็ไม่รู้ว่า...

 

 

            “ได้เวลาทานอาหารแล้วค่ะ”

 

            เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูและเสียงพยาบาลซึ่งเข็นรถที่มีถาดหลุมอาหารสำหรับผู้ป่วย แก้วน้ำ ยาวางอยู่ข้างกัน ผมมองไปทางหล่อนแล้วยิ้มด้วยความขอบคุณสุดซึ้งที่ตลอดมานี้หล่อนดูแลผมอย่างดี หล่อนยิ้มตอบอย่างงุนงง  ในระหว่างที่ผมรู้สึกถึงจังหวะของหัวใจซึ่งเริ่มจะเต้นช้าลงเข้าไปทุกที

 

     



             หายใจเริ่มติดขัด

 


            เปลือกตาค่อย ๆ หย่อย


 

            ภาพตรงหน้าเลือนลาง พยาบาลพยายามร้องเรียกชื่อผม


 

            เมื่อไม่มีคนที่รักอยู่เคียงข้างผมก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...

 

 

 

 

 

            ลมหายใจแผ่วลง.....

 

         



            ในที่สุดเปลือกตาผมก็ได้ปิดอย่างสนิทไปพร้อม ๆ กับหัวใจที่นิ่งสนิทเช่นกัน...

 



 

 

 

            “คุณหมอคะ.....คนไข้ห้อง 444 ชีพจรหยุดเต้นและได้หยุดหายใจไปแล้วค่ะ”

 


            ผมยืนมองพยาบาลซึ่งกำลังทำสีหน้าตื่นตระหนกในระหว่างคุยกับหมอ ไม่นานหมอที่หล่อนเรียกก็เข้ามาภายในห้องด้วยอาการเหนื่อยหอบ ตรวจร่างกายผมในทุกส่วนที่จำเป็นต้องตรวจก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ เดิมทีผมก็เป็นคนที่หมดหวังที่จะรอด อยู่ได้นานขนาดนี้ก็ถือว่าดีเท่าไหร่

 


            หมอกับพยาบาลเรียกคนโน่น คนนี้เข้ามาในห้องที่กำลังวุ่นวายกันยกใหญ่ หญิงร้านกาแฟเธอก็อยู่ด้วยพร้อมกับสามีของเธอ แถมร้องไห้ฟูมฟาย ผมก็ยังคงยืนมองเหตุการณ์ต่าง ๆ สลับกับมองร่างอันไร้วิญญาณของตัวเอง ผ้าที่ห่มจนคุมหน้า ผมหันไปมองยังเก้าอี้ที่เขาเคยนั่งนั้นอีกครั้ง

 



 

            “ไง....”

 

 

            ไม่จริงน่า...


 

            อึก...ฮือ

 
 

            ไม่อยากจะเชื่อเลย

 

            ผมปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นบุคคลที่ผมรอมาตลอดกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมส่งเสียงทักพลางยิ้มกว้างมาทางผม

 

 

            “ผมอยู่ข้างคุณเสมอ ยังนั่งอยู่ที่เดิม เพียงแต่คุณมองไม่เห็นผมเท่านั้น.. ผมไม่เคยคิดจะทิ้งคุณเลย ไม่เคยเลย  ขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ ผมพยายามจะบอกคุณ แต่คุณไม่ได้ยินเสียงผมสักครั้ง ผมขอโทษจริง ๆ ”

 


            ได้ยินเช่นนั้นทำให้ผมถึงกับทรุดนั่งไปร้องไห้อยู่ที่พื้น...ก่อนจะได้ยินเสียงหมอกับพยาบาลคุยกันดังขึ้นมาแว่ว ๆ

 
 

            “น่าเสียดายจริง ๆ นะคะ คุณหมอ อยู่ได้มานานแบบนี้ทั้งที่เป็นระยะสุดท้าย”

 

            “ใช่ครับ...ส่วนหนึ่งก็คงต้องขอบคุณกำลังใจจากแฟนของเขาที่เสียไปเพราะอาการช็อคจากการโหมงานหนักเมื่อสามเดือนที่แล้วนั่นด้วย”

 

 

             สามเดือนก่อน... งั้นที่เขาหายไป...ก็คงเป็นเพราะ....และเป็นเพราะผมเขาจึงต้อง...

             

 


              "ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ที่ผมทำทั้งหมดผมยินดีที่จะทำ..เพราะงั้นคุณต้องมานึกเสียใจอะไรทั้งนั้น ดีเสียอีกเพราะคราวนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถพรากเราออกจากกันได้ ไปกันเถอะไปอยู่ในที่ที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันชั่วนิรันด์" 

 

 
           เขาเอ่ยราวกับกำลังอ่านใจของผม ผมเงยหน้าขึ้นตามเสียงเห็นรอยยิ้มอันแสนจะอ่อนโยนพร้อมฝ่ามือที่ยืนเข้ามาใกล้  ผมยิ้มรับ..ก่อนจะจับมือเขาไว้และทรงตัวลุกขึ้นยืนพลางหันไปสบตากับเขา ใบหน้าที่คุ้นเคย ร่างกายทุกอย่าง คือเขาคนเดิม ทั้งเขาและผมอยู่ในสภาพที่เหมือนเดิม เหมือนกับวันแรกที่เราคบกัน มือที่กำลังจับถึงแม้ผมจะไม่รู้สึกถึงความอุ่นของอุณหภูมิร่างกาย แต่ใจของเรารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในความรักของกันและกันอย่างแน่นอน

 
 

          "อืม....เราไปกันเถอะไปอยู่ในที่..ที่ทำให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้......."

 


           เราจะไม่มีวันแยกออกจากกัน...

 

 

 

 

         ...  ชั่วนิรันด์....

 

 
 

-END-

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: (เรื่องสั้น) พบกันใหม่ 1/3
«ตอบ #6 เมื่อ22-06-2019 11:57:36 »

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด