(ต่อนะคะ)
วันรุ่งขึ้นผมพาเชสมายังสถานที่ที่ใช้จัดการสอบภาคทฤษฏีของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเนื่องจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษเปรียบเหมือนหน่วยป้องกันภัยทำให้มีตึกเป็นของตัวเองแถมไม่ใช่ตึกเล็กอย่างสำนักงานรักษาความปลอดภัยทั่วไปแต่เป็นตึกขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า8ไร่
แม้จะมีคู่ที่คอยปฏิบัติงานแค่คู่ของพี่บราว พี่โชและคู่ฝึกหัดอีกไม่กี่คู่แต่การจะจัดการแต่ละภารกิจให้เรียบร้อยนั้นต้องมีคนที่คอยทำงานเบื้องหลังให้อีกหลายคน ทั้งฝ่ายติดต่อสื่อสารที่คอยรับสายที่โทรมาแจ้งและนำไปบอกกับพี่บราวซึ่งเป็นหัวหน้าเพื่อจะได้ออกไปจัดการได้ถูก
รวมทั้งยังต้องมีฝ่ายประสานงานพ่วงด้วยฝ่ายงบประมาณที่ต้องจัดการความเสียหายที่เกิดจากการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างไดโนเสาร์กับไดโนเสาร์ ถึงคนที่ต้องออกเงินมากที่สุดจะเป็นฝ่ายที่ทำไดโนเสาร์หลุดก็ตามแต่ก็ถือว่าทางหน่วยก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
บางทีก็คิดนะว่าพวกเราช่วยปกป้องมนุษย์ขนาดนี้แล้วยังต้องจ่ายค่าเสียหายอีกงั้นเหรอ?
แต่เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่
ตึกสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ด้านหน้าสุดหรือก็คือทางเข้านั่นเอง...ประตูชนิดพิเศษมีถึงสองชั้น ชั้นที่1สามารถสแกนร่างกายของคนที่ผ่านได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องมีใครคุมถ้าในกรณีที่มีความผิดปกติประตูชั้นที่สองจะไม่เปิดออกจนกว่าจะได้รับการอนุญาต
“คนดูไม่ค่อยเยอะเลยนะ”เสียงทุ้มของเชสดังขึ้นระหว่างที่เดินไปยังห้องสอบ
“แค่ตรงทางเดินเท่านั้นแหละ”ผมบอกก่อนจะก้าวนำไปยังประตูห้องโถงขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ามีพนักงานที่คอยตรวจเอกสารต่างๆก่อนจะให้ผู้เข้ารับการสอบเข้าไปด้านใน
กลิ่นของมนุษย์ที่อยู่ด้านในอย่างต่ำๆก็น่าจะเกิน200คนได้
“ด้านในคงมีอีกเยอะละสิ”เชสพูดลอยๆพร้อมยื่นเอกสารที่เตรียมไว้ให้พนักงาน
“ก็ลองเข้าไปดูละกัน”
“เอาสารเรียบร้อยค่ะคุณได้หมายเลข268กรุณานั่งตามเลขที่จัดไว้ด้วยนะคะ”พนักงานอธิบายพร้อมกับยื่นป้ายหมายเลขให้เชส
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวค่ะ”พวกเราที่เตรียมจะเข้าไปด้านในถึงกับชะงักแล้วหันหลังไปมองตามเสียงเรียก
“มีอะไรครับ?”ผมเป็นฝ่ายถามพนักงานคนเดิม
“คุณอาคริวจะเข้าไปเหรอคะ?”
“ใช่ครับ”ไม่แปลกที่พนักงานที่นี่จะรู้จักผม...ยังไงคงเป็นแม่ที่ส่งข้อมูลมาบอกว่าผมจะมานี่
“ถ้าจะเข้าไปกรุณาใส่ป้ายสต๊าฟด้วยแล้วก็ห้ามบอกคำตอบของข้อสอบให้คนที่มาด้วยรู้นะคะ”คำพูดของเธอทำให้ผมถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเหล่มองคนข้างกายที่คิ้วกระตุกเพราะคำพูดดูถูกนั่น
คำพูดเธอเหมือนจะบอกว่าเชสไม่มีทางสอบได้ถ้าผมไม่บอกคำตอบ
สำหรับคนที่ชอบการเอาชนะแบบเชสคงจะทำให้ตื่นตัวพอดูเลยล่ะ
“คิก...เข้าใจแล้วครับ...ถึงผมจะบอกเขาก็ไม่มีทางฟังหรอกไม่ต้องห่วง”ป้ายสต๊าฟถูกแขวนไว้ที่คอก่อนที่จะผลักประตูไม้สีน้ำตาลตรงหน้าเข้าไปด้านใน บรรยากาศหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้าปะทะล่างอย่างรวดเร็วจนผมต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆขนาดใส่เสื้อแขนยาวแล้วยังหนาวเลยจะเปิดแอร์ทำไมเนี่ย?
นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิก็จริงแต่อากาศก็ยังหนาวอยู่ควรจะเปิดฮีทเตอร์สิ
“ไหวไหมอานโน่?”เชสหันมาถาม
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ชิน”ผมตอบกลับก่อนจะสังเกตว่าเสียงคุยซอกแซ่กเงียบลงอย่างรวดเร็วพอหันไปมองก็พบว่าผู้เข้าสอบกว่า200ชีวิตหันมามองที่ผมกันหมด
ไม่แปลกหรอก...ด้วยรูปลักษณ์ของไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่มีเส้นผมสองสีอันแปลกตานั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้เป็นจุดเด่นได้ง่าย
“นั่นไดโนเสาร์ที่ว่าสินะ...สีผมแปลกชะมัด”
“ยังดูเด็กอยู่เลยแบบนั้นจะไหวเหรอ?”
“ท่าทางอ่อนแอสุดๆ”
“อย่าบอกนะว่าถ้าสอบได้จะให้คู่กับเด็กนั่นน่ะ?...ไม่เอานะเว้ย!”
เสียงคำสบประมาทมากมายเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่องทำให้ผมถึงกับคิ้วกระตุกด้วยความหงุดหงิด...ได้ทีละพูดกันใหญ่เชียวถึงจะสอบได้คิดว่าผมจะเลือกรึไงล่ะ
เห็นแบบนี้ก็เลือกคนนะครับ
“ฉันก็ไม่เอามนุษย์อย่างนายเหมือนกัน”สุดท้ายก็อดใจทำนิ่งไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ
“...ห๊ะ?...ว่าไงนะแก?”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นพร้อมกับก้าวมาใกล้ด้วยท่าทางที่หาเรื่อง
“บอกว่าถึงนายจะสอบได้ฉันก็ไม่มีวันเลือกนายไง”ผมพูดย้ำพร้อมเดินไปเผชิญหน้ากับชายกล้ามปูตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง ตอนแรกเชสใช้มือกันผมไว้แต่ผมก็จับมือเชสให้หลีกไป
โดนดูถูกแบบนี้มันไม่สบอารมณ์
“แก...เป็นแค่เด็กแท้ๆ”
“หึ...เด็กแล้วไงเก่งกว่าคนที่เอาแต่พูดละกัน”
“ว่าไงนะแก!”อีกฝ่ายที่ทนคำยั่วยุไม่ไหวพุ่งเข้ามาพร้อมยกหมัดขึ้นเตรียมชกผมเต็มแรงแต่เพราะการเคลื่อนไหวที่ช้าเป็นเต่าเลยไม่จำเป็นต้องออกแรงมากแค่ขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อยและรอจังหวะจับแขนที่เข้ามาชกไว้แน่นก่อนจะตวัดทุ่มชายที่ร่างใหญ่กว่าตัวเองอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
“โอ๊ย!...”เสียงร้องโอดคราวที่หลังกระแทกกับพื้นดังลั่นจนคนที่อยู่รอบๆถึงกับเงียบกริบ
“อย่ามาดูถูกกัน...มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและเป็นได้แค่อาหารที่เดินได้ในสายตาเราเท่านั้น ถ้าไม่อยากตายก็ช่วยรู้จักการวางตัวสักนิด...กฎที่ห้ามฆ่ามีอยู่ก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะฝ่าฝืนไม่ได้นะ”ทันทีที่พูดจบผู้คนกว่าครึ่งก็กรีดร้องพร้อมกับวิ่งหนีออกไปทางประตูกับเกือบหมดขนาดเชสยังเกือบหลบฝูงคนไม่ทันเลย
ให้ตายสิแค่หยอกหน่อยก็กลัวซะแล้วแบบนี้ถึงผ่านทฤษฏีไปได้ก็ต้องตกรอบอื่นอยู่ดี
“พอแค่นั้นแหละอาคริว เบนซ์ ฟงเซ่”เสียงทุ้มที่เรียกชื่อทำให้สถานการณ์เริ่มกลับสู่ปกติพร้อมกับชายที่แต่งกายด้วยชุดสูทเดินเข้ามาใกล้
“ผมแค่ช่วยคัดกรองคนเท่านั้น”
“วิธีโหดไปหน่อยนะ...แต่เอาเถอะก็ดีแล้วขืนให้พวกอ่อนๆเข้ามาคงมีแต่เสียเวลา...คนที่เหลืออยู่ไปนั่งประจำเลขซะอีก5นาทีเราจะเริ่มการสอบภาคทฤษฏี!”เขาตะโกนก่อนจะเดินกลับไปยังด้านหน้าที่เป็นเวทีขนาดใหญ่
“เบนซ์ ฟ่งเซ่?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยของเชสทำให้ผมหันกลับไปมอง
“อะไรเหรอ?”
“นั่นนามสกุลนาย?”
“ใช่...เอ่อ...โทษทีนะไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหรอก”ผมบอกไปตามตรง ความจริงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังจริงอย่างที่พูดแต่เพราะเชสไม่เคยถามก็เลยลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้บอก
ถึงไม่ต้องอธิบายอะไรเชสก็คงจะวิเคราะห์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“คนที่ช่วยติวคงเป็นดร.ไทแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่กับดร.ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่สินะ”
“ใช่”อย่างที่ว่าเลย...แค่ข้อมูลเล็กน้อยเชสก็สามารถวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว
“มีอะไรที่ปิดบังอีกไหม?”
“คิดว่าไม่มีแล้ว”ใบหน้าผมส่ายไปมาพร้อมกับพูดออกไป
“คิดว่า?”
“บางทีฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ...เอาเป็นว่าถ้านายอยากรู้อะไรก็ถามมาตอนนี้ฉันจะไม่โกหกหรือตอบเลี่ยงแน่”
“ก็ดี...การสอบนี่ฉันผ่านไปได้แน่”แววตาที่จริงจังนั่นทำให้ผมส่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้าส่งไปให้...เชสมองหน้าผมสักพักก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่มีเลขของตัวเองติดอยู่
ถึงจะมีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่าคนอื่นอยู่มากแต่ด้านการวิเคราะห์โจทย์และการตอบปัญหาไม่มีใครเอาชนะเขาได้หรอก
แต่ที่ทำให้ผมกังวลน่ะคือต่อจากนี้ต่างหาก เมื่อผ่านภาคทฤษฏีไปได้สิ่งที่รอยู่คือการสอบภาคปฏิบัติทั้งทักษะการป้องกันตัว...
ทักษะการใช้อาวุธ...
และด่านสุดท้ายที่หินที่สุดสำหรับการสอบ...
การต่อสู้จริงกับไดโนเสาร์!
..................................................................................
:มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์:
อาร์คีออปเทอริกซ์ (อังกฤษ: Archaeopteryx, เสียงอ่านอังกฤษ: /ˌɑrkiːˈɒptərɨks/) หรือที่รู้จักกันในนามของ “Urvogel” (ออกเสียง:อูร์ฟอเกิล) ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่านกต้นกำเนิดหรือนกชนิดแรก เป็นนกรุ่นแรกสุดที่มีความเก่าแก่โบราณที่สุดเท่าที่รู้จักกันมา ชื่อมาจากภาษากรีกโบราณ ἀρχαῖος(archaios) หมายถึง “เก่าแก่โบราณ” และ πτέρυξ(pteryx) หมายถึงขนหรือปีกอาร์คีออปเทอริกซ์มีชีวิตอาศัยอยู่ในช่วงปลายของยุคจูแรสซิกหรือประมาณ 150-145 ล้านปีมาแล้ว ในสถานที่ที่ปัจจุบันอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ในช่วงเวลาที่ยุโรปมีสภาพเป็นหมู่เกาะ เป็นทะเลตื้น ที่มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน และอยู่ใกล้กับแนวเส้นศูนย์สูตรมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก :
http://www.trueplookpanya.com/true/blog_diary_detail.php?diary_id=12890..............................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพแบบยาวๆ
ตอนนี้แต่งเองตื่นเต้นเองแต่คาดว่าตอนหน้าน่าจะตื่นเต้นกว่านี้แน่นอน
ฉากบู๊ตอนนี้อาจไม่มากเท่าไหร่นะคะ...รอฉากบู๊ต่อไปอีกไม่นานเกิดรอค่ะ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจนคนนอกยังรู้ว่านี่ไม่ใช่เพื่อนแล้วอานโน่ผู้ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้จึงยังคงไม่รู้ถึงความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเชส
ขอบอกอะไรไว้สักเล็กน้อยเพราะอาจมีคนสงสัยนะคะ
ที่อานโน่พูดถึงคนที่ให้บัตรสีดำแทนที่จะเป็นสีเงินนั้น ไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรืออะไรนะคะเรียกว่าเป็นกฏดีกว่าค่ะ ทางผู้ออกบัตรจะกำหนดความสามารถของผู้มาเข้ารับการทดสอบโดยจะไม่ให้บัตรในขั้นที่สูงไปกับคนที่ยังไม่ได้ทำผลงาน จริงอยู่ที่อานโน่มีความสามารถแต่เพราะยังไม่มีคู่หูทำให้ไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจังที่ไหนทางคนออกบัตรเลยให้เป็นบัตรสีดำก่อนเมื่อมีคู่หูก็จะได้เปลี่ยนเป็นบัตรสีเงินทีหลัง
อธิบายไปๆมาๆก็เริ่มงงเอง เอาเป็นว่าประมาณนี้นะคะ
ช่วงนี้ยุ่งมากกับหลายๆอย่างโดยเฉพาะการสอบที่กำลังจะมาถึง สอบเสร็จเมื่อไหร่ก็จะได้พักยาวก่อนจะขึ้นปี3ค่ะ 555
ระหว่างที่พักยาวกะจะแต่งเรื่องนี้ให้จบเลย อิอิ
ตอนหน้าเตรียมพบกับความมันส์และเหตุการณ์ที่นักอ่านทุกคนจะคาดไม่ถึง
ไม่มีทางเดาออก ฟันธงๆ 55
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบายค่ะ^^
ปล.ขอบคุณคุณ cristal de sang สำหรับรูปอานโน่ด้วยนะคะ (ขอเอามาอวดสักหน่อย อิอิ)
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪