(ต่อค่า)
ตามที่อานโน่ว่าวันที่สามของงานเทศกาลผมก็ต้องยอมลงจากห้องมายังงานด้านล่างแค่มองจากที่ไกลๆเสียงก็ดังมาถึงตรงที่ยืนถ้าเข้าไปใกล้คงไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงเจี๊ยวจ๊าวแน่
“เสียงดังจัง”คนข้างกายบอกพรางยกมือปิดหูทั้งสองข้าง
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามา”
“แต่...”
“แต่อะไร?”
“อยากมาเดินเที่ยวงานสักครั้งนี่นา...นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มางานแบบนี้”อีกฝ่ายบอกเสียงอ่อย
“ไม่เคยเลยเหรอ?”ผมไม่อยากจะเชื่อว่าจะโตมาโดยไม่เคยมางานเทศกาลมาก่อน
อย่างน้อยๆตอนปี1ก็น่าจะมีประสบการณ์มาบ้างสิ
“ไม่เลย”
“เฮ่อ...งั้นค่อยๆเดินละกัน”เสียงถอนหายใจดังยาวก่อนจะคว้ามือคนข้างกายแล้วเดินเข้าไปในงานที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนอันล้นหลาม
นี่ขนาดมาวันที่3ยังเยอะขนาดนี้ถ้าวันแรกหรือวันสุดท้ายคงไม่ต้องมีที่เดินกันแล้ว
งานเทศกาลของมหาวิทยาลัยนั้นเริ่มจัดซุ้มและบูธต่างๆตั้งแต่ทางเข้ายาวไปตลอดทางเดินและภายในตึกต่างๆก็จะมีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหารหรือแม้แต่พวกเกมส์ต่างๆอยู่เต็มไปหมด ผมพาอานโน่เดินดูตั้งแต่ด้านบนที่ใกล้จากหอไล่ลงไปด้านล่างโดยเว้นงานที่จัดบนตึกเพราะถ้าขึ้นไปดูด้วยใช้เวลาทั้งวันก็ไม่หมด
“เชส...นี่อะไร?”แขนผมถูกดึงไปตามแรงของอานโน่โดยลากไปหน้าร้านหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมมากแต่ไกล
“ทาโกะยากิไง”ผมบอกชื่อของอาหารตรงหน้าไป ของทานเล่นของประเทศเล็กๆที่อยู่ตรงทะเลที่เรียกว่าญี่ปุ่น
“ทาโกะยากิ...อร่อยไหม?”คนด้านข้างถามต่อ
“อืม...ก็ใช้ได้”
“งั้นกินกันนะ”ดวงตาสีแดงอ่อนที่ถูกสวมทับด้วยคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเงยขึ้นมาสบด้วยรอยยิ้ม
“เอาสิ”มาเดินแบบนี้ก็ต้องหาอะไรกินอยู่แล้ว
ไม่นานทาโกะยากิถาดหนึ่งที่มี6ลูกก็มาอยู่บนมือของอานโน่...ควันร้อนๆลอยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมที่ทำให้คนข้างกายสูดดมไปหลายครั้ง
“กินสิ”
“เดินกินได้เลยเหรอ?”อีกฝ่ายหันมาถาม
“ได้สิ”
“งั้นก็...”
“เดี๋ยว...”อานโน่หันไปมองทาโกะยากิในมือก่อนจะหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วอ้าปากเอาทั้งลูกเข้าไปผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปห้ามแต่...
“...ฮ่า!...ร้อน!...ร้อน...เชส...อ่า!...”คนที่กินของร้อนเข้าไปทั้งชิ้นถึงกับร้องไปเต้นไปโชคดีที่ผมคว้าถาดใส่ทาโกะยากิไว้ได้ทันไม่งั้นเละแน่
“ใจเย็นๆ...เดี๋ยวไปหาน้ำให้”ผมว่าก่อนจะเดินไปซื้อน้ำที่ร้านข้างๆแล้วส่งให้คนที่กำลังพ่นลมออกจากปากเพื่อคลายความร้อน
“...แฮ่ก...ขอบคุณ”อีกฝ่ายรับไปแล้วกระดกน้ำดื่มจนหมดขวด
“ไม่ยอมฟังกันก็แบบนี้แหละ”อดไม่ได้ที่จะบ่น
“นายบอกช้าไปต่างหาก”
“โทษกันนี่”
“ใช่...โอ๊ย...ร้อนปาก”อานโน่บ่นพร้อมกับใช้มือเช็ดที่ปากตัวเองแรงๆ
“อย่าเช็ดแบบนั้น...ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หาย”ผมบอกพร้อมใช้นิ้วมือเกลี่ยที่ริมฝีปากที่แดงก่ำตรงหน้าอย่างเบามือ
“ขอบคุณ...”
แชะ!
เสียงของชัตเตอร์ทำให้เราสองคนหันไปหาต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเจอกับกลุ่มผู้หญิงที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพพวกเราทั้งคู่ไว้
“ทำอะไร?”ผมถามพวกเธอเสียงเข้ม
“กรี๊ดดด...พี่เชสพูดด้วยล่ะ?...เสียงหล๊อหล่อ”สาวคนนึงพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เสียงตอนพูดกับพี่อานโน่อ่อนโยนสุดๆเลย”คนต่อไปว่า
“จริงด้วยๆแถมยังเกลี่ยปากให้...โอ๊ย...ฉันฟินนนน”
“นี่มันคู่จิ้นในตำนานชัดๆ”
เหล่าหญิงสาวต่างตะโกนคุยกันด้วยความเมามันปล่อยให้ผมและอานโน่มองไปอย่างงงๆ...เมื่อเห็นว่าอยู่ต่อคงไม่ได้คำตอบเลยพาอานโน่ไปเดินเข้าไปข้างในตึกที่อยู่ใกล้ที่สุด
“รุ่นน้องพวกนั้นเป็นอะไรกันน่ะ?”เสียงของคนที่เดินตามมาถามขึ้น
“ไม่รู้สิ”และไม่อยากรู้ด้วย
ตึกที่เราเข้ามาเหมือนจะเป็นตึกของพวกสายกีฬาที่บอกว่าภายในตึกจะจัดกิจกรรมอะไรสักอย่างขึ้น...ผมฟังมาแบบผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่เลยไม่รู้รายละเอียด
“เฮ้ย...อานโน่นี่หว่า!”เสียงตะโกนเรียกผมและเจ้าของชื่อให้หันไปก่อนจะพบกับชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่ไว้ผมสีน้ำตาลประบ่า ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเพื่อนของอานโน่ที่ชื่อ...
“เจฟ!”อานโนเรียกอีกฝ่ายก่อนจะเข้าไปหา
“ไงเพื่อน...นึกว่าจะนอนอยู่ห้องจนวันสุดท้ายสักอีก”คำพูดที่เหมือนรู้ดีนั่นแทงใจผมอย่างบอกไม่ถูก
นอนอยู่ห้องจนวันสุดท้ายมันผิดตรงไหนกัน?
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“จริงสิ...ไหนๆก็มาเป็นคู่แล้ว...”สายตาของคนชื่อเจฟจ้องมาที่ผมและอานโน่สลับกันก่อนจะยิ้มร้ายๆออกมา
รอยยิ้มนั่นไม่น่าไว้ใจสักนิด
“มาร่วมเล่นกิจกรรมกันเถอะ”
“ห๊ะ?...กิจกรรมอะไร?”อานโน่หันไปถามเพื่อนร่วมห้อง
“น่าๆ...ตามมาเลย...นายด้วยนะเจ้าชายน้ำแข็ง”อีกฝ่ายบอกก่อนจะลากอานโน่ให้เข้าไปยังห้องห้องหนึ่งโดยมีผมที่ถอนหายใจเฮือกแล้วเดินตามเข้าไป แค่ได้ยินเสียงจากข้างนอกก็รู้แล้วว่าข้างในกำลังมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น
“คู่สุดท้ายของเรามาแล้วว!”เสียงตะโกนของเจฟทำให้คนทั้งห้องเงียบกริบก่อนจะระเบิดเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นผมเดินมาอยู่ข้างๆอานโน่
“กรี๊ดดดด”
“วิ๊วว!...นี่มันอะไรกัน...เจ้าชายน้ำแข็งออกมาเดินดูงานด้วยวุ้ย”เสียงแซวต่างๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอานโน่ที่ยืนข้างๆเงยหน้าขึ้นมาแหล่ผม
“อะไร?”ผมถามกลับ
“นายนี่ดังขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ก็อย่างที่เห็น”
“อ้าวๆ...อย่าพึ่งเข้าโลกส่วนตัวกันสิทั้งคู่...เรามาเริ่มกิจกรรมกันดีกว่าตอนนี้เรามีผู้ร่วมกิจกรรมอยู่5คู่ด้วยกันต่อจากนี้ทุกคู่ต้องวิ่งไปยังฐานทั้งหมด3ฐานเพื่อร่วมรวมสัญลักษณ์ที่ประจำอยู่แต่ละฐานใครที่สามารถรวบรวมได้เร็วที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ...”
“และผู้ชนะนั้นจะได้รับของรางวัลสุดพิเศษสำหรับคู่รักคือตั๋วกินข้าวฟรีตลอด1อาทิตย์”สิ้นเสียงตะโกนของเจฟทั้งห้องก็กลับมาครึกครื้นตามเดิมยกเว้นผมที่กำลังทำหน้าเซงโลก
แค่ตั๋วกินข้าวฟรีทำไมต้องขนาดนี้ด้วย
“ว้าว...ตั๋วกินข้าวฟรีเหรอ?...อยากได้จัง...สู้สุดใจเลยนะเชส”เสียงนุ่มด้านข้างดูจะตื่นเต้นจนผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซงๆ
“ถ้าอยากมากเดี๋ยวฉันเลี้ยงให้ก็ได้”
“ไม่เอา...เราต้องได้มาด้วยตัวเองสิมันถึงจะมีคุณค่า”ดวงตาสีน้ำตาลนั่นจ้องมาอย่างจริงจังจนผมต้องถอนหายใจอีกรอบ
คนที่ชอบอ้อนให้ผมเลี้ยงข้าวมีสิทธิพูดด้วยรึไง
“ตามใจ”
“งั้นเราจะแจกแผนที่ให้พร้อมกับสัญลักษณ์ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมนะครับ”พูดจบแผนที่ก็ถูกยื่นมาให้พร้อมกับกำไลข้อมือผ้าอันหนาและใหญ่สีน้ำเงินเข้ม
“ขอให้ทุกคู่ใส่กำไลที่ให้ไปด้วยแล้วมาเข้าจุดสต๊าทได้เลยครับ”
“ไปกันเชส”
“ดูท่านายจะอยากเล่นนะ”ผมพูดลอยๆ
“อืม...น่าสนุกดีนี่แถมยังได้เล่นกับเชสด้วย”รอยยิ้มที่ถูกส่งมาทำให้ผมยิ้มตามก่อนที่พวกเราจะไปที่จุดเริ่มของกิจกรรม
“เอ้าล่ะ...3...2...1...ไปได้!”สิ้นเสียงตะโกนทุกคู่ก็วิ่งกันออกจากห้องแล้วตรงไปยังฐานแรกที่อยู่ข้างราวบันได
เท่าที่เห็นโต๊ะกับลูกโป่งที่วางกองอยู่ก็พอจะเดาได้แล้วว่ากิจกรรมของฐานนี้คืออะไร
“เอาล่ะค่ะ...ให้ทุกคู่หยิบลูกโป่งมาคู่ละลูกแล้วให้นำลูกโป่งลงไปที่ชั้น1โดยห้ามใช้มือนะคะ”คำอธิบายถูกบอกอย่างรวดเร็วก่อนที่คู่อื่นๆจะเริ่มทยอยหยิบลูกโป่ง
“เชสเราเอาไงดี”อานโน่หันมาถาม
“อะไร?”
“ก็เราจะเอาลูกโป่งไปโดยไม่ใช้มือยังไงดี?”
“ก็วางไว้ตรงหน้าอกแล้วก็ค่อยๆเดินลง”
“ถ้าแบบนั้นก็ช้ากว่าคู่อื่นสิ”
“เป็นพวกที่ชอบการเอาชนะเหรอ?”ผมถามโดยมองอานโน่ที่กำลังหยิบลูกโป่งมามองซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด
“แน่นอนสิ...เชสไม่อยากชนะเหรอคนที่ได้คะแนนที่1ในทุกๆด้าน...งานนี้ก็ควรเป็นที่1ด้วยจริงไหม?”คำพูดนั่นเหมือนทำให้ผมเหมือนกำลังถูกท้าทาย
“หึ...มาลองกันสักตั้ง”
สุดท้ายพวกเราก็วางลูกโป่งไว้ที่หน้าผากก่อนจะวิ่งลงไปด้านล่างด้วยความที่ลูกโป่งนั้นไม่ได้ใหญ่มากแถมทุกๆครั้งที่วิ่งลูกโป่งก็จะเถิบขึ้นเรื่อยๆทำให้ใบหน้าของพวกเราขยับเข้าใกล้กันทีละนิดจนจมูกของเราเริ่มสัมผัสกันเบาๆ ความร้อนของลมหายใจของพวกเราทำให้ผมรู้สึกแปลกๆเหมือนหัวใจเริ่มเต้นแรงแต่นั่นอาจเป็นเพราะความเหนื่อยก็ได้
“นี่คือสัญลักษณ์ของฐานแรกค่ะ”หญิงสาวคนหนึ่งยื่นไพ่สีฟ้าส่งมาให้อานโน่รับก่อนจะคว้ามือผมแล้ววิ่งต่อไปยังฐานสองที่อยู่บริเวณบูธด้านนอก
“ตรงนั้นไงเชส”อานโน่บอกพร้อมชี้นิ้วไปยังสนามวิ่งขนาดกลาง
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าฐานนี้ต้องออกกำลังกันนะ?
“ฐานนี้ให้ฝ่ายชายอุ้มฝ่ายหญิงแล้ววิ่งผ่านสิ่งกีดขวางกลับมายังจุดเริ่มถือเป็นอันเสร็จสิ้นครับ”พิธีกรประกาศ
“แล้วถ้าเป็นผู้ชายทั้งคู่ล่ะ?”อานโน่ยกมือถาม
“เอ่อ...แล้วแต่ทั้งคู่เลยครับ”
“เชสเดี๋ยวฉันอุ้มนายเองเรื่องกำลังน่ะฉันถนัด...เฮ้ย!...”ผมไม่รอให้อานโน่พูดมากกว่านี้เลยจัดการอุ้มร่างของอีกฝ่ายขึ้นแล้วออกตัววิ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่สนร่างที่ดิ้นไปมาในอ้อมแขนเลยสักนิด
ใครจะยอมเป็นฝ่ายถูกอุ้มกัน
ไม่มีทาง!
แค่ครั้งเดียวในชีวิตก็มาเกินพอแล้ว!
จริงอยู่ที่อานโน่หนักแต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่อุ้มไม่ไหว
“เชส...ปล่อยนะแบบนี้มันไม่ถูก”
“อะไรไม่ถูก?”
“ฉันแข็งแรงกว่าดังนั้นให้ฉันอุ้มสิ”
“ไม่ล่ะ...เกาะดีๆจะเร่งเท้าแล้ว”ผมบอกก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นจนในที่สุดเราก็นำเป็นที่1
ไพ่สีชมพูถูกนำใส่กระเป๋ารวมกับไพ่สีฟ้าก่อนจะวิ่งไปยังฐานสุดท้าย...ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าอานโน่วิ่งเร็วขึ้นมากกว่าเดิมอีก เพียงไม่กี่นาทีฐานสุดท้ายที่อยู่ตรงร้านอาหารพวกเราก็มาถึงจนได้
“สำหรับฐานสุดท้ายเป็นการช่วยกันกินราเม็งชามยักษ์นี่ใครกินหมดก่อนก็ได้ไพ่สีส้มนี่แล้ววิ่งไปยังเส้นชัยได้เลยครับ”สิ้นเสียงพิธีกรราเม็งชามยักษ์ก็ถูกวางตรงหน้าพวกเรา
การที่วิ่งมาแทบจะตลอดทำให้ผมไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิดแค่เห็นก็จะอ้วกแล้ว
“น่ากินชะมัด”
“ห๊ะ?”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างตื่นตะลึง
น่ากิน?
“น่ากินเนอะ...มากินกันเถอะ”พูดจบอานโน่ก็หยิบตะเกียบแล้วจัดการเส้นที่อยู่ในชามอย่างรวดเร็วแค่ดูภายนอกชามราเม็งนี่ก็น่าจะใช้ประมาณ5-6คนกินจะให้กินกันแค่สองคนมันก็ออกจะ...
“เฮ้ย!”ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเผลอไปไม่กี่นาทีราเม็งกว่าครึ่งก็ได้หายไปแล้ว
นี่ผมลืมไปได้ยังไงกันว่ารูมเมทตัวเองกินจุสุดๆ
ผมนั่งมองอีกสักพักก่อนจะเริ่มช่วยอานโน่จัดการในไม่กี่นาทีราเม็งชามยักษ์ก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้ำท่ามกลางความมึนงงของคนที่อยู่โดยรอบ...อย่าว่าแต่คนอื่นเลยขนาดผมยังอดไม่ได้ที่จะอึ้ง
หุ่นก็แค่นั้นเอาของที่กินไปไหวไหนหมดเนี่ย?
“ขออีกชาม”เสียงนุ่มตะโกนขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ยังจะกินอีกเหรอ?”ผมถามอย่างอึ้ง...พ่อครัวที่เป็นคนทำเองก็มองมาอย่างไม่เชื่อสายตาเหมือนกัน
“อืม...ขออีก2ชามแล้วพอเลย”สองนิ้วที่ชูขึ้นทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปบอกให้พ่อครัวจัดมาอีกสองชามตามที่อานโน่ต้องการ
ทั้งที่เรากินไปตั้งสามชามแต่ก็ยังเร็วกว่าคู่อื่นที่กินแค่ชามเดียวอยู่มากพอดู...
และแล้วกิจกรรมก็สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของผมและอานโน่...บัตรกินข้าวฟรีถูกมอบพร้อมกับคนมากมายที่เข้ามาขอถ่ายรูปถ้าเป็นปกติผมคงเดินหนีแต่ครั้งนี้ถูกคนที่มีอิทธิพลอย่างอานโน่รั้งเลยต้องอยู่อย่างช่วยไม่ได้กว่าจะเสร็จก็ปาไปช่วงเย็นนั่นทำให้พวกเราหยุดที่จะไปเดินที่ไหนต่อแล้วกลับห้องอย่างเร็ว
“เฮ่อ...เหนื่อยจัง”รูมเมทเพียงหนึ่งเดียวทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะปาดเหงื่อที่อาบหน้าผาก
“บอกแล้วว่าอย่าไป”ผมบอกแล้วนั่งลงบนเตียงบ้าง
“แต่ก็ก็สนุกนี่...เชสไม่สนุกเลยเหรอ?”
“ไม่นี่...ถอดคอนแทคเลนส์ได้แล้ว”ผมพูดแล้วถอดเสื้อคลุมออกโยนไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกล
“โกหก”เสียงเสียงใสดังขึ้นก่อนจะถอดคอนแทคเลนส์ออกจนเห็นดวงตาสีแดงอ่อนที่ทอประกายเหมือนรู้ทันทุกครั้ง
“หึ...”ในเมื่อรู้คำตอบแล้วก็คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย
ถ้าอยู่กันสองคนผมมักจะบอกให้อานโน่ถอดคอนแทคเลนส์ออกทุกครั้ง...ดวงตาสีแดงอ่อนนั่นดูเหมาะกับคนตรงหน้าซะจริงๆและอีกอย่างคือการที่ได้เป็นคนเดียวที่รู้ความจริง...
มันรู้สึกดีสุดๆ
.................................................................................
สวัสดีค่า
มาต่อแล้ว
ขออภัยที่มาช้านะคะ
แบบว่าพึ่งกลับมาจากทำธุระ
ตอนนี้เชสได้เอาคืนโดยการอุ้มอานโน่กลับแล้วค่า(555)
ตอนนี้เป็นอีกตอนที่อ่านสบายๆไม่มีไดโนเสาร์ออกมา
แต่สำหรับตอนหน้านั้น...
จะสปอยดีไหมเนี่ย?
เอาเป็นว่าตอนหน้าอานโน่ร้องไห้?!
ถึงจะบอกว่าร้องก็แค่นิดหน่อย...อย่าพึ่งเครียดกันไป(ฮ่า!)
บอกแล้วว่าทุกเรื่องที่เราแต่งมิมีดราม่า อย่ากังวลเลยเนอะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า
ปล.อาจมีคำผิดเยอะขออภัยด้วยเน้อ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪