【嫦娥 ลิขิตจันทรา】[พีเรียดจีนโบราณ] ตอนที่๑๓ ๔/๔/๕๙
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【嫦娥 ลิขิตจันทรา】[พีเรียดจีนโบราณ] ตอนที่๑๓ ๔/๔/๕๙  (อ่าน 57319 ครั้ง)

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
รักเรื่องนี้มากมายเลยคะ
ชอบมากบรรยายดี มากเลยคะ
ภาษาสวยชอบๆๆ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
คุณชายรองนี่มันพระรองชัดๆ :hao5: 
น้องดำน่าย้ากกกกก

ชอบมากค่า รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ José_Gil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบโมเม้นลี่ฉางกับเจ้าดำ
ขอเจ้าดำเป็นพระเอกได้มั้ย ฟิน //โดนนายเอกตบ

ออฟไลน์ PapermintReal

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-13
หลังจากรอจนรากงอกยึดดินแล้ว  :katai1:
คนเขียนก็มาต่อ  :heaven
........ทามมายมานนนอ่านจบเร็วอย่างงี้~   :hao5:
มาต่อเลยค้าบบ ค้างอย่างรุนแรง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ถอนหายใจหนักหน่วง

สนุกจนต้องกลับไปอ่านซ้ำ ๆ ลดอาการอยากอ่านต่อ

ซีหยางน่ารักนะ ลี่ฉางใจอ่อนและอ่อนใจซ้ำซ้อนเลยทีเดียว

ออฟไลน์ Lili405

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อ่านทันแล้ว :katai2-1:
อยากบอกว่าเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกก ชอบมากจริงๆค่ะ
สงสารทั้งลี่ฉาง ทั้งน้องกระต่าย(ขอเรียกน้องกระต่ายตามนะ 5555)
อ่านแล้วอินมากเลยค่ะ ชอบที่สุดตรงมีเชิงอรรถ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ ><

ออฟไลน์ duaenmaysa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


บทที่ ๑๒ หนึ่งศรไม่ย้อนกลับ


ภาษิตโบราณว่าไว้...หนึ่งลูกศรเมื่อถูกแผลงออกไป ย่อมไม่หวนคืน

 

ข้าเอนกายนั่งจิบชาอยู่บนตั่ง  ม่านลูกปัดไม้โรยตัวเป็นเส้นสายอันสวยงามปิดบังสายตาคนภายนอก  ขันทีน้อยผู้คุ้นหน้าคุ้นตาคุกเข่าอยู่เบื้องล่างกล่าวรายงานอย่างไม่กล้าปิดบังเช่นที่เคยทำอยู่เป็นประจำเมื่อครั้งข้าอยู่ในร่างเดิม

 

“เช่นนั้นฝ่าบาทบรรทมหลับไม่สนิทมาหลายคืนแล้ว?” แกว่งถ้วยชาเบาๆสูดดมกลิ่นหอมจรุงแล้วจึงคลี่ยิ้มออกมาคราหนึ่ง  เด็กผู้นั้นคุกเข่าอย่างเรียบร้อยตอบรับอย่างสุขุมสมที่หอเบญจมาศฝึกฝนมาอย่างดี  หมดเรื่องรายงานเขาจึงปลีกตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ  ข้าปลดหน้ากากเงินออกหยิบบานกระจกข้างหมอนอิงขึ้นมาพิจารณาใบหน้าตอนนี้อย่างถ้วนถี่

 

“ช่วงนี้โชคดีจริงที่อาจารย์ออกนอกวังหลวง  มิทราบท่านได้บอกพี่หรือไม่จะกลับมาอีกครั้งยามใด” เอ่ยถามออกไปกับอากาศอันว่างเปล่า  พลันบุรุษผู้คุ้นเคยก็ปรากฏที่ปลายตั่งดั่งสายหมอก  สีหน้าราบเรียบดุจทะเลไร้คลื่นลม แต่กระแสเสียงอบอุ่นยิ่ง

 

“นายท่านเหมยคงไม่อาจกลับมาได้ในเร็ววัน  สองปีที่ผ่านมาหอเหมยปิดกิจการแต่มีบางคนยังอาศัยช่วงที่เราย้ายไปยังหังโจวลักลอบเปิดโรงพิษ” ข้าพลันนิ่วหน้าคราหนึ่ง  ในหมื่นวสันต์กฎเกณฑ์เข้มงวดมีน้อยคนนักที่ขวัญกล้าทำเรื่องเช่นนี้อยู่ใต้จมูก 

 

“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอาจารย์คงไม่อาจปล่อยผ่านได้โดยง่าย  เห็นทีคงใช้เวลาจัดระเบียบหอเหมยอยู่นานทีเดียวกระมัง  อีกอย่างช่วงนี้จิ่นสือหวาดระแวงในตัวเขายิ่งนัก  จะอย่างไรก็ไม่อาจรั้งอยู่ในวังหลวงได้”

 

ถอนหายใจคราหนึ่งเพ่งมองใบหน้าของผู้ที่อยู่ในกระจก  รอยพุพองบนใบหน้าเริ่มจางหายบ้างแล้วเห็นเค้าลางความเยาวว์วัยของร่างนี้  ดูๆไปร่างของหลิวซีหยางก็ไม่แย่นักดอก  เด็กผู้นี้ชั่วดีอย่างไรก็เคยเป็นเด็กรับใช้ในบ้านเศรษฐี  ดังนั้นผิวพรรณจึงไม่นับว่าเลวร้าย  มือแม้จะกร้านด้วยทำงานหนักแต่ก็ไม่กระด่างกระดำ  ดวงตาชั้นเดียว  จมูกโด่งเล็กน้อย  ปากเล็กนิดหน่อย ทุกอย่างบนใบหน้าเขาล้วนกระจุ๋มกระจิ๋มจนธรรมดาไปเสียหมด



แต่เมื่อลองคลี่ยิ้มดูกลับพบว่าเด็กคนนี้มีรอยยิ้มที่ไม่อาจละสายตา  รอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มพริ้มพรายพาล่มเมือง  ยิ้มอีกคราก็ไม่สามารถล่มแผ่นดินได้  แต่เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้เบิกบานประหนึ่งโลกทั้งใบสดใสแช่มชื่น  ผู้ใดหนอตั้งชื่อให้เขาว่าซีหยาง[ตะวันรอน] สมควรตั้งว่ายวี้ชู[อรุโณทัย]จึงจะเหมาะ

 

พูดถึงเด็กผู้นั้นนับว่าทำงานได้ดีกว่าที่คาด  ไม่คิดว่าเด็กขี้ขลาดราวกับกระต่ายน้อยจะกล้ายัดกล่องของขวัญใส่มือหม่ากงกงผู้เป็นหัวหน้าขันทีประจำตัวจิ่นสือ  ไม่ทันหนึ่งก้านธูปคนผู้นั้นก็ปรากฏตัวหน้าตำหนักมีถุงหอมผูกติดกับตัว  ส่วนเจ้ากระต่ายตัวนั้นก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนสร้างความงุนงงให้ผู้คนอย่างยิ่ง  กระนั้นหนึ่งรอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเขาก็ทำให้ข้าเปี่ยมสุขและขมขื่นยิ่งนัก  ไตร่ตรองดูแล้วรู้สึกว่ารสชาติความรักนั้นขมกว่ายาที่รสชาติขมที่สุดในหอเหมยหลายเท่านัก

 

ภายในกล่องไม้สลักกล่องนั้นมีถุงหอมอันงามวิจิตรอยู่ถุงหนึ่ง เขาย่อมรับมันไปใช้โดยปราศจากความลังเล  ไม่สนใจตรวจสอบเครื่องหอมที่บรรจุอยู่ด้านในให้ถ้วนถี่  คิดดูแล้วไม่ทราบข้าหรือเขาผู้ใดเป็นผู้งมงายในความรักมากกว่ากัน  ตัวเขาจะรู้สึกเช่นไรยามทราบว่าความรักซึ่งไร้ความหวาดระแวงเป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับในหลายคืนมานี้  แม้ฤทธิ์ของถุงหอมนี้ไม่นับว่าร้ายแรงอะไร  เพียงแต่ทำให้อ่อนเพลีย สมองไม่แจ่มใส และบางคราเกิดภาพหลอน

 

"พี่จื่อหรง ไม่ทราบกำยานที่ให้จัดเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่"



"เรียบร้อยแล้วนายน้อย"



ข้าพยักหน้าคราหนึ่งลุกขึ้นจากตั่งผลัดเปลี่ยนชุดขาวอันสมถะเรียบง่ายไปเป็นชุดสีกลีบบัวอันปักลายวิหคน้อยบนกิ่งเหมยอย่างประณีต  ลูบผ่านผืนผ้าไหมแล้วพลันสะท้านในหัวใจ  ในคราแรกที่พบกับจิ่นสือข้าเป็นเด็กน้อยแสนซนผู้หนึ่ง  ในตอนนั้นมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นชมชอบสะสมหนังสืออาทิตย์เบญจมาศยิ่งนัก  คืนก่อนปีใหม่จึงลอบไปเอาหนังสือเล่มใหม่จากฐานลับภายในสวนที่มักนัดพบปะทำการค้ากับคุณหนูเบญจมาศผู้นั้นอยู่เสมอๆ

 

ไม่คาดว่าจะได้พบกับเขาเป็นคราแรก  บุรุษผู้มีดวงตาแดงก่ำคมกริบประดุจดาบร้ายกาจดุจราชสีห์   ทั้งร่างของเขามีแต่กลิ่นอายห้าวหาญอย่างคนที่เพิ่งกลับมาจากสมรภูมิ  ผิวดำคล้ำไว้หนวดเคราน่าหวาดกลัวยิ่งนัก  ใบหน้าของเขาแดงจัดด้วยแรงกามา แม้แต่เด็กอย่างข้ายังทราบว่าเรื่องนี้ผิดปกติอย่างยิ่ง  หากเป็นบุรุษอื่นเกิดความต้องการย่อมตัดสินใจปลดเปลื้องกับเหล่านางงามในหอเบญจมาศ  แต่เขากลับกระเสือกกระสนหนีมาซ่อนในสวน  ดูท่าแล้วเขาคงถูกคนชั่วช้ากลั่นแกล้งมากระมัง    ในตอนนั้นข้าพลันเกิดความรู้สึกเวทนาสงสารเขาขึ้นมาจับใจ

 

“ข..ขอ..ข้าได้หรือไม่” คนผู้นั้นแม้ดวงตาแดงก่ำ  หยาดเหงื่อโซมกายแต่ยังคงวอนขอด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีถึงเพียงนั้น  หากเป็นบุรุษอื่นข้าอาจไม่รอดพ้นได้โดยง่ายกระมัง  เพียงแต่เขาคือจิ่นสือ แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าไร้รอยด่างพร้อยแต่ก็ไม่ถูกย่ำยีจนยับเยิน

 

คืนนั้นเขาบอกจะรับผิดชอบข้า  จะแต่งข้าเป็นภรรยา  ข้าพลันรู้สึกขบขันอย่างยิ่ง  บุรุษในแผ่นดินต้าหลงมีผู้ใดกล้าแต่งบุรุษด้วยกันเป็นภรรยา  อย่างดีก็เป็นได้เพียงนายบำเรอที่ถูกซ่อนไว้ในจวน  ฐานะต่ำเสียยิ่งกว่าทาส  เพียงแต่ไม่คาด...เรื่องราวของข้าและเขาจะดำเนินต่อจากนั้นมาถึงเจ็ดปี 

 

ช่วงเวลาที่มองแผ่นหลังเขาบนม้าห่างไกล  ทิวธงรบปลิวไสวหัวใจข้าสะท้านยิ่งนัก  ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใดกันแน่ดวงใจดั่งถูกมือยักษ์จับเขย่า  หรือเพราะตั้งแต่คืนนั้นนามหลงจิ่นสือก็ประทับตราตรึงในหัวใจของข้าเสียแล้วกระมัง    ยามเขาหวนคืนเมืองหลวงกลายเป็นแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกร  ข้ากลับกลายเป็นเหวินฉีลี่ฉาง ผู้เลิศล้ำแห่งหมื่นวสันต์ไปเสียแล้ว  แม้รับรู้ถึงสายตาของเขาที่คอยจ้องมอง แต่ทำได้เพียงเชิดหน้าไว้อย่างหยิ่งยโส

 

กระทั่งหวงช่างประทานสมรสพระราชทานแก่เขา  ข้าพลันรู้สึกปวดแปลบในใจ   ในตอนนั้นบอกตัวเองแต่เพียงว่าดีเสียอีก รำคาญเขาจะแย่  แต่งกับกุลสตรีบ้านไหนหรือหมูหมากาไก่ก็รีบแต่งไปเถิด  แต่ในคืนสมรสของเขาไม่ทราบคิดอันใดจึงหยิบชุดแดงอันงามบาดตาชุดหนึ่งมาสวม   หิมะแรกโปรยปรายข้าร่ายรำอยู่ในสวนเหมยร่ำสุรานารีแดง[1]เมามายอยู่ใต้แสงจันทร์  กลีบดอกเหมยแดงพร่างพรูลงบนดินสลับกับปุยหิมะขาวประดุจฝนโลหิตจากสวรรค์หยาดรินสู่โลกหล้า  เขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในชุดเจ้าบ่าวสีแดง  ใบหน้าแดงก่ำคงเพราะรีบเร่งมาหาข้ากระมัง

 

“คืนแต่งงานเจ้าบ่าวกลับไม่อยู่ห้องหอ  นี่ไม่น่าขันไปหน่อยหรือ” ข้าเหยียดยิ้มเย็นชาแต่ในใจกลับบังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้น  ความหนาวจากหิมะพลันหายไปเป็นความอบอุ่นสายหนึ่งแทรกแซงเข้ามา

 

“ลี่ฉาง ข้าเคยบอกแก่เจ้าจะแต่งเจ้าเป็นภรรยา  วันนี้ข้าไม่อาจหลีกหนีการแต่งงานต้องไหว้ฟ้าดินกับผู้อื่นแต่ให้เจ้าจำไว้ ผู้เดียวที่ข้าถือเป็นภรรยาก็มีแต่เจ้าเท่านั้น” สายตาซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาของเขาทำให้ข้าต้องหันหลังหนีสูดลมหายใจคราหนึ่ง  อยู่ๆที่ดวงตาก็รู้สึกระคายเคืองจนต้องกระพริบถี่ๆไล่น้ำตาที่เอ่อคลอนี่คงโดนลมเหมันต์พัดฝุ่นละลองเข้าตาแล้วกระมัง



 มาคิดดูแล้วเขาเป็นคนที่ยึดติดเสมอต้นเสมอปลายอย่างยิ่ง  เสียดายแต่ตอนนั้นโง่งมแลมากด้วยทิฐิจนไม่รู้หัวใจตนเองจนตัดรอนเขาด้วยคำพูดร้ายกาจยิ่งนัก

 

“หลงจิ่นสือ วันนี้ท่านแต่งสตรีผู้หนึ่งเป็นชายาเพราะคำสั่งบิดา วันหน้าท่านคิดหรือว่าจะแต่งข้าเป็นภรรยาได้ดั่งใจ  คนเช่นท่านหรือจะปกป้องดูแลข้าเอาไว้ได้  ในอนาคตหากพี่ชายน้องชายท่านขึ้นครองบัลลังค์พาข้าเข้าวังหลังหน้าอย่างท่านจะมีปัญญาทัดทานเขาได้หรือ”

 

ดวงตาอันแห้งผากของเขาในตอนนั้นข้าจดจำได้แม่นยำ  ปลายนิ้วที่เอื้อมมาหากลับถูกปัดออกอย่างไร้เยื่อใย  ในตอนนั้นข้าคงกำลังหึงเขาอยู่กระมัง  เรื่องราวในอดีตยิ่งทบทวนยิ่งรู้สึกว่าตัวช่างโง่เขลายิ่งนัก   ดังนั้นในปัจจุบันข้าจะไม่ยอมโง่เขลาเช่นเดิมอีกแล้ว






ข้ากระชับเสื้อคลุมสีดำให้แน่นขึ้น  เดินก้าวเข้าไปในศาลาแปดเหลี่ยมซึ่งซ่อนตัวอยู่ไกลจากสายตาผู้คน ศาลาแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยจื่อเถิง[2]สีม่วงออกดอกบานสะพรั่งระย้าย้อยงดงามประหนึ่งม่านน้ำตกขวางกั้นแดนสุขาวดีแลโลกียสถาน  ศาลาที่ทาสีแดงสวยสดจางลงตามกาลเวลาผันผ่านยังปรากฏรอยสลักอันประณีตบรรจง

 

กลิ่นหอมของกำยานมอมวิญญาณที่ถูกจุดผสมกลิ่นบุปผาชวนให้เคลิบเคลิ้ม แม้ภายนอกจะมีสายลมกลางคืนพัดแต่ไม่อาจกล้ำกรายมาภายในได้เพราะม่านบุปผาควันกำยานลอยฟุ้งประดุจเมฆหมอก  หากไม่ดื่มยาแก้มาก่อนแม้แต่ยอดยุทธ์ก็ไม่อาจแข็งขืนสู้ฤทธิ์กำยานนี้ได้    ข้าลูบเบาๆบนเลาขลุ่ย  ค่อยๆหลับตาลงจรดเซียว[ขลุ่ยยาวของจีน]ลงที่ริมฝีปากเป่าลำนำโบราณขึ้นมาเพลงหนึ่ง  เพลงขลุ่ยแห่งความคะนึงหาดังคลอเคล้ากับสายลมใบไม้ผลิที่กรีดหวีดหวิวเป็นบทเพลงบาดจิตบาดใจล่องลอยไปไกลสุดรู้

 

ยามลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า  ดวงตาทรงอำนาจกร้าวแกร่งปรากฏรอยหวั่นไหว เสียงขลุ่ยจางหายไปแล้วแต่อารมณ์คนยังคงอยู่  ความอ่อนหวานยังอวลอายอยู่ในอากาศ  เสียงหัวใจที่เต้นรัวนี้ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นของผู้ใดกันแน่  มือที่จับศาสตรามาทั้งชีวิตเลื่อนมาปลดชุดคลุมสีดำของข้าออกด้วยความนุ่มนวลอย่างยิ่ง  นิ้วอันแข็งแกร่งลูบบนชุดสีกลีบบัวแผ่วเบา  แล้วเลื่อนขึ้นมาลูบบนหน้ากากสีเงินอันเย็นเยียบ  ดวงตาคู่นั้นพลันสั่นระริกดุจคลื่นน้ำ

 

“บอกข้าสิ..เจ้าคือฉางเอ๋อร์” เสียงนั้นดังราวกับเสียงกระซิบ  ข้าคลี่ยิ้มจ้องมองเขาแน่วแน่มั่นคง

 

“จิ่นสือ..เป็นข้า ฉางเอ๋อร์ของท่านอยู่ตรงนี้แล้ว”

 

“ใช่ ข้ารู้ต้องเป็นเจ้า..ลี่ฉาง” รอยยิ้มแลอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้เป็นของข้า  อ้อมกอดที่เปรียบประดุจกำแพงอันแข็งแกร่งขวางกั้นภยันตราย แม้แต่ลมวสันต์ก็มิอาจกล้ำกราย  เขาคือคนผู้เดียวที่ข้าคิดจะฝากฝังใจแลกายไว้ในอุ้งมือ  เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยข้าออกจากอ้อมกอดแต่สุดท้ายก็ถูกอุ้มไปนั่งบนตักเขาอยู่ดี  ดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนเกินจะกล่าว

 

“ใยเจ้าจึงใจร้ายนักฉางเอ๋อร์  ” คำตัดพ้อของเขากระซิบอยู่ข้างหู  คนที่ดุประหนึ่งเสือก็มีด้านที่ขี้อ้อนประดุจแมวได้เช่นนี้เอง  “เจ้าชังข้าถึงเพียงไหน  จึงได้เลือกทางตายมากกว่าเป็น”

 

“ตอนนั้นข้าไม่รู้ใจตัวเอง  แต่ตอนนี้ทราบแล้วถึงได้ดิ้นรนมาหาท่านนี่ไง” ข้าคลี่ยิ้มอิงแอบกับร่างเขา  ภาพเราในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากยวนยางคู่หนึ่ง  นิ้วมือเขาลูบอยู่บนฝ่ามือข้าดึงมันขึ้นมาพรมจูบแผ่วเบา

 

“วันนั้นที่เจ้าจากข้าไป  ข้าจึงได้ทราบว่าชีวิตตัวเองไร้ความหมายอย่างยิ่ง  ทั้งที่มีแผ่นดินกว้างใหญ่ในมือแต่กลับรู้สึกว่างเปล่ายิ่งนัก” ดวงตาของเขาอ้างว้างเสียจนข้าต้องกอดเอวสอบนั้นไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม   

 

จิ่นสือไร้มารดา  บิดาก็ไม่แยแส  พี่น้องรังเกียจชิงชัง  เขาเคยเยาะหยันตัวเองบ่อยครั้งว่าตนเป็นดั่งอีกาที่หลงมาร่วมวงศ์หงส์  ทั้งที่เขาเคยย้ำกับข้าหลายคราแสดงออกอยู่บ่อยครั้งว่าข้าเป็นสิ่งเดียวในชีวิตเขา  แต่ข้ากลับเลือกใช้วิธีการอันโหดร้ายที่สุดมาลงโทษเขา



ข้าคลี่ยิ้มให้เขาจุมพิตที่ข้างแก้มแผ่วเบา “ข้าจะไม่มีวันจากท่านไป  ข้าสัญญา”



ไม่มีวัน....ต่อให้ต้องตกตายอีกกี่ร้อยครั้งก็จะไม่มีวันปล่อยมือจากท่านอีกแล้ว จิ่นสือ

 


เชิงอรรถ

[1] สุรานารีแดง (女儿红-หนี่ว์เอ๋อร์หง) -   นารีแดง เป็นเหล้าฮวาเตียวที่ขึ้นชื่อของอำเภอเส้าซิง มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “เหล้าบุตรสาว” (女儿酒) ประกอบด้วย 6 รสชาติ ได้แก่ หวาน ฝาด เปรี้ยว ขม ร้อน และกลมกล่อม ในบันทึกตำราสมุนไพรแดนใต้ 《南方草木状》 สมัยราชวงศ์จิ้นได้ระบุไว้ว่า ในอดีตเมื่อคุณหนูสกุลสูงศักดิ์จะออกเรือน จะมีการนำเหล้านารีแดงเตรียมไว้ให้เจ้าสาวนำติดตัวไปด้วย
[2] ดอกจื่อเถิง (紫藤) - http://www.askthemonsters.com/wp-content/uploads/2016/02/Wisteria-Flower-Tunnel-Japan.jpg


คุยกับนักอ่าน
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน  รู้สึกเหมือนไม่ได้คุยกับนักอ่านมานานมากกกกก  คิดถึงจังเลย  หวงช่างของเรามีบทบาทแบบจริงๆจังๆซักทีตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตอนสุดท้าย  จิ่นสือเป็นตัวละครที่เขียนแล้วสนุกมากทั้งเรื่องนิสัย แบ็คกราวด์และจุดเปลี่ยนมีเรื่องให้เล่นเยอะ  แต่ที่ผ่านมาเน้นอยู่ที่ลี่ฉางจนหวงช่างไม่เอาท์สแตนดิ้ง  ส่วนลี่ฉางไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล งัดแผนการมาใช้สารพัด จะออกหัวออกก้อยค่อยมาลุ้นกัน 5555
 เห็นนักอ่านบางท่านทักเรื่องคำภาษาจีนในเรื่อง  จริงๆตอนเขียนแรกๆเลยเราอยากใช้สำนวนจีนในการแทนตัวเอง เช่น เจิ้น, หวงช่าง, หนูไฉ่, หนูปี้ แต่กลัวจะยิ่งสับสนงงกันใหญ่   ตอนนี้พยายามปรับคำที่พอจะอธิบายได้จะใส่ไว้ในวงเล็บ  ส่วนไหนที่ต้องอธิบายมากหน่อยจะใส่ไว้ในเชิงอรรถเพื่อความสะดวกของนักอ่าน จะได้ไม่ต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงกันด้วยแบบนี้ดีมั้ยคะ หรือถ้าเกะกะรกตา คิดเห็นยังไงบอกได้นะคะจะได้นำมาปรับปรุง^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2016 00:50:07 โดย duaenmaysa »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

จิ่นสือรู้ความจริงแล้วววววงวววววววววววว!
................ใช่มะ?(อ้าว ยังไงแน่?)

คงไม่ใช่วางแผนใช้ฤทธิ์กำยานทำเขาเคลิ้มจนนึกว่าเป็นแค่ความฝันไรงี้หรอกนะ?

คือรักกันในร่างนี้ไปก่อนก็ได้ แต่ต้องรักโดยรู้ว่าข้างในเป็นฉางเออร์นะ
เพราะถ้าไม่งั้นจะกลายเป็นว่าจิ่นสือหลายใจ5555555

แต่ถึงจะพูดงั้น ตอนท้ายก็อยากให้ได้ร่างเดิมคืนนะ เพราะยังไงร่างที่ทั้งคู่อยู่ในตอนนี้ก็ไม่ใช่ของตัวเองอยู่ดี

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ทั้งสนุก ทั้งเศร้า ชอบที่ค่อยๆเผยเรื่องในอดีตของทั้งคู่ออกมาเรื่อยๆแบบนี้ ยิ่งทำให้อินกับความรู้สึกลึกซึ้งของคนทั้งคู่ อยากติดตามว่า ทำไมตอนหลัง ลี่ฉางจึงคิดว่า ตัวเองเกลียดจิ่นสือมาก และ จิ่นสือก้อทำรุนแรงกะลี่ฉางมาก ติดตามค่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lili405

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คำไหนใส่วงเล็บได้ก็ดีนะคะจะได้ไม่ต้องเลื่อนมาอ่านทีเดียวตอนจบ
เคยแอบคิดเหมือนกันว่าคำจีนมีเยอะมากแต่ยังดีที่มีแปลให้ค่ะ บางเรื่องนี่ไม่แปล ก็งงกันไป TT

เฮ้อ เมื่อไรลี่ฉางจะคืนร่างเดิมได้น้า ท่าทางจะอีกสักพักเลย ไหนจะมีการเมืองมาเกี่ยวข้องอีก
อยากเห็นจิ่นสือกับลี่ฉางมีความสุขสักที
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราโอเคกับศัพท์จีนค่ะ ชอบด้วย

ตามใจผู้เขียนนะคะ

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
งะ กลับมาแล้วว จุดพุฉลองง :heaven
คือลี่ฉางใช้กำยานใช่ป่ะ ฝ่าบาทเลยเป็นแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นเขายังไงกันต่ออ่ะ :impress2:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
จิ่นสือรู้แน่จริงๆใช่มะว่าเป็นลี่ฉาง กลัวจะเป็นเพราะฤทธิ์กำยานกับถุงหอม ฮือออออ
เอาศัพท์จีนมาเยอะๆก็ได้ค่ะ ชอบบบบบบบ เป็นเชิงอรรถเหมือนเดิมก็ได้ค่ะ เราว่ามันได้อรรถรสดี

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ฤทธิ์กำยานหรือเปล่า

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
เชิงอรรถดีมากค่ะชอบ เนื้อเรื่องก็ดีงามเลิศล้ำ แต่ไม่ดีอย่างเดียวคือตอนเลื่อนลงมาแล้วเจอคำว่า"เชิงอรรถ" โฮ สั้นเกินไปแล้วววววววววว
ปล.เมื่อเช้าคิดอยู่เลยว่าจะมาโพสถามตอนต่อพอเปิดบอร์ดมาก็เจอเลย ชีวิดตี~~~ แต่รู้สึกเดจาวูกับอาทิตย์ที่แล้วเลยค่ะ5555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อาศัยอาการหลอนจากกำยานหรือเปล่า

ออฟไลน์ Umiko

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชอบเรื่องนี้จัง....สนุก...

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จิ่นสือรู้จริง ๆ หรือเมาฤทธิ์กำยาน?

เรื่องอธิบายศัพท์ ทำแบบที่ทำมาดีแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Autonomyz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
รอฉางเอ๋อร์คนดี มาต่อไวๆนะ
เขียนให้จบนะคะ เรารอเอาใจช่วย
เราเป็นหนึ่งคนที่ชอบแนวนี้มากกกกกกกกกกก
อ่านไฮกุ อ่านวรรณกรรมจีน วรรณกรรมพีเรียดแบบนี้
ของโปรดเราเลย
อ่านแล้วมีความสุขมากอ่ะ ชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไม่รกตาเลยค่ะ ชอบเวลาใช้ศัพท์จีนทับคำด้วย บางคำพอใช้คำไทยพูดในประโยคก็ไม่อินเท่าน่ะค่ะ
ชอบลี่ฉางมากกกกกกกกกก ไม่เคยเห็นนายเอกคนไหนมั่นหน้าขนาดนี้มาก่อน นางพร้อมจะสู้เพื่อสิ่งใดๆที่นางต้องการ ขนาดอุปสรรคใหญ่สุด ร่างกาย... ยังขวางนางไม่ได้ :hao7:

ออฟไลน์ duaenmaysa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0



ตอนที่ ๑๓  หมอกจางลางเลือน


“ข้าเกลียดท่าน! ข้าชังท่าน!!”

 

เฮือก!

 

ข้าสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นความมืด  เพดานลวดลายเก้ามังกรสลักเสลาดุจมีชีวิตฝังไว้ด้วยมุกราตรีส่องแสงให้เห็นภายในห้องกว้างนี้เงียบเหงาดุจไร้ผู้คน  พลันเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาก็ดังขึ้นในความเงียบงัน

 

“หวงช่าง ฝันร้ายอีกแล้วหรือพะย่ะค่ะ” ข้าส่งเสียงตอบรับในลำคอคราหนึ่ง  ลูบใบหน้าสลัดภาพฝันอันปวดร้าวนั้นออกไปจากหัว  ความฝันเมื่อครู่คล้ายกับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน  เสียงเกรี้ยวกราดสาปแช่งของคนผู้นั้นดังก้องไปก้องมาครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาหงส์อันงามเป็นเอกมีแต่ความเกลียดชังลึกล้ำ  ประดุจทะเลน้ำหมึกที่ไร้ก้นบึ้งที่ลึกสุดหยั่ง

 

“เช่นนั้นให้กระหม่อมตามหมอหลวง..” โบกมือคราหนึ่ง  หม่ากงกงที่รี่เข้ามาข้างเตียงก็สงบปากสงบคำถอยห่างออกไป

 

“ตามหมอหลวงมากี่คนก็มิใช่บอกว่าข้าพักผ่อนน้อยไปหรอกหรือ” หลายวันมานี้ฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนยากสงบใจ  ร่างกายรู้สึกตึงเครียดอ่อนเพลีย  พวกหมอหลวงเฒ่าเหล่านั้นล้วนวินิจฉัยไปในทางเดียวกันทั้งสิ้น   น่าตลก...ตอนอยู่ในสมรภูมิคืนไหนเล่าได้หลับสบาย  หรือว่าร่างกายหย่อนการฝึกฝนเกินไปจึงอ่อนแอได้ง่ายถึงเพียงนี้?

 

  ข้าหลับตาลงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง  คืนนี้ไม่อาจข่มตาหลับได้โดยง่าย  จิบชาที่ยังอุ่นร้อน  ความรู้สึกที่ยังหลงเหลือจากไหนฝันจึงค่อยมลายหายไป  ยกถุงหอมที่คนผู้นั้นให้มาขึ้นดมจิตใจสงบลงบ้างเล็กน้อย

 

“นี่ยามใดแล้ว?”

 

“ยามโฉ่ว[1.00-2.59 น.] พะย่ะค่ะ  ฝ่าบาทบรรทมไปได้เพียงชั่วยามเดียว[2 ชั่วโมง] เท่านั้นเอง”  ข้าพยักหน้ารับรู้ ช่วงนี้นอนวันละหนึ่งชั่วยามจนกลายเป็นเรื่องปกติ  หากจะนอนต่อก็รู้สึกไม่ง่วงแล้ว  ยังไม่ทันจะเอ่ยปากให้เขาจุดเทียนเตรียมชุด  หม่ากงกงผู้แต่ไหนแต่ไรสงบปากสงบคำอย่างยิ่งกลับเอ่ยคำชี้แนะขึ้นมาเสียก่อน

 

“ฝ่าบาทเสด็จเยือนตำหนักหลวงดีหรือไม่พะย่ะค่ะ”  ข้าเลิกคิ้วนิ่งพิจารณากงกงชราตรงหน้า  หม่ากงกงอุทานขออภัยลนลานคุกเข่าตบปากตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า  นั่งมองเขาตบปากไปสองสามครั้งแล้วจึงหัวเราะออกมา

 

หัวเราะครั้งที่หนึ่งด้วยความขันเนื่องจากมองเขาที่ใต้ตาดำคล้ำประดุจตัวสงเมา[หมีแพนด้า] หลายวันมานี้ทั้งองครักษ์แลขันทีทั้งหลายคงอยู่ไม่เป็นสุขนอนหลับไม่สนิทกันเลยกระมัง  ช่วงนี้ถึงดูเหนื่อยล้าไม่กระฉับกระเฉงใต้ตาดำกับเป็นแถบ

 

หัวเราะครั้งที่สองเพราะว่าความใจกล้าของเขา  หลายวันมานี้มีใครกล้าเอ่ยปากพูดถึงตำหนักหลวง  ใครหรือกล้าหาญเอ่ยนามคนผู้นั้นออกมาให้ข้าได้ยิน  พวกเขาล้วนแต่มีความสุขกับการจัดหาฤกษ์งามยามดีคัดเลือกพระสนมใหม่เข้ามาในวังหลังหรือมิใช่   เพียงแต่คนผู้หนึ่งแม้ไม่เอ่ยถึงกลับยิ่งคะนึงหา  คนผู้หนึ่งแม้ทำเป็นลืมกลับยิ่งจดจำ

 

หัวเราะครั้งที่สามเพราะนึกเย้ยหยัน  หากข้าเป็นเพียงองค์ชายเจ็ดเช่นดั่งแต่ก่อนมีหรือจะทำข้าบาทเหล่านี้หวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้  ตั้งแต่ยังเยาว์เหล่าขันทีที่กรมพิธีการจัดหามาให้ล้วนแต่เป็นตัวบัดซบทั้งสิ้น  พวกมันล้วนแต่ไม่เคยเห็นข้าเป็นองค์ชายลงมือกลั่นแกล้งรังแกอย่างไม่ปราณี  พอโตมาต้องแยกตำหนักออกไปนอกราชวังเงินเบี้ยหวัดต่างๆถูกเบียดบังไปจำนวนมาก  ความเป็นอยู่กระเบียดกระเสียรอย่างยิ่ง

 

ความทุกข์ยากในยามนั้นทำให้ข้าในวับสิบสี่ละทิ้งตำแหน่งองค์ชายจอมปลอม  หันหลังให้ความตลบตะแลงของวังหลวงมุ่งสู่สมรภูมิ   ในทัพแนวหน้าที่อันตรายที่สุดข้าเฝ้ามองเหล่าศัตรูดาหน้าถาโถม  หนึ่งคมกระบี่วาดออกไปปลิดชีวิตนับร้อยพัน

 

 ยิ่งเข่นฆ่าความรู้สึกขมขื่นก็ปลาสนาการหายไปสิ้น  รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ   เบื้องหน้าถูกชื่นชมว่าเป็นเทพสงครามเบื้องหลังถูกเรียกขานว่าปีศาจบ้าเลือดบ้างคนเถื่อนบ้าง  เหล่านี้ล้วนไม่ระคายความรู้สึกข้าแม้เพียงนิด

 

มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ใจที่ตายด้านกลับเต้นขึ้นมาอีกครั้ง  นัยน์ตาหงส์งามพิลาสคู่นั้นในราตรีที่สวนเบญจมาศ  เพียงคนผู้เดียวที่ทำให้ข้าไม่อาจลืมเลือน  ภาพอันงดงามของเขาตราตรึงทั้งยามฝันแลตื่น  เคยคิดว่าชีวิตนี้สามารถละทิ้งได้อย่างไม่อาลัยกลับไม่สามารถทำได้โดยง่ายเช่นแต่ก่อน  แม้แต่ในยามที่บาดเจ็บหนักคิดว่าไม่อาจรอดแล้วแต่ในฝันกลับมีรอยยิ้มพริ้มพรายของเขา  เช่นนี้ข้าจะจากไปได้อย่างไร

 

เมื่อข้ากลับคืนเมืองหลวงอีกครั้งพร้อมกับเกียรติยศชื่อเสียง  เคยหวังว่าจะไปไถ่ตัวเขาออกมาจากสถานที่แห่งนั้นเป็นอันดับแรก  เขาคงประหลาดใจน่าดูที่บุรุษท่าทางป่าเถื่อนในคืนนั้นกลับเป็นองค์ชายผู้หนึ่ง  มิคาดกับเป็นตัวข้าเองที่ต้องประหลาดใจ

 

“คนผู้นั้นคือเหวินฉีลี่ฉางผู้เลิศล้ำแห่งหมื่นวสันต์อย่างไรเล่าน้องห้า”  ซานเกอ[พี่สาม]กระซิบบอกข้ายามที่คนผู้นั้นเดินลงมาจากหอสูง  เพียงแต่ซานเกอไม่ทราบว่าที่ข้าทำจอกสุราหลุดมือนั้นไม่ใช่เพียงเพราะตะลึงในความงามนั้น   

 

เหวินฉีลี่ฉาง...สองนามอันเป็นมงคล

..หยกเลิศ จันทร์เพริศพริ้ง..

 

นามนี้ทั้งไพเราะแลอหังการ์  จะมีผู้ใดในแผ่นดินขวัญกล้าเอานามเทพเซียนมาใช้โดยเฉพาะนามของฉางเอ๋อร์ เทพีแห่งจันทราผู้งามเลิศ  เพียงแต่..เพราะคนผู้นั้นคือเหวินฉีลี่ฉาง  ประโยคนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนอย่างยิ่ง ยังต้องการเหตุผลอื่นใดไหนอีก

 

เขาถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าองค์ชายและคุณชายพระประยูรญาติ   ใบหน้างดงามแลเยาว์วัยไม่มีท่าทีขลาดเขินเช่นในราตรีนั้น  เหลือแต่เพียงท่าทีหยิ่งยโสและความเย็นชาดุจดอกเหมยแดงที่เบ่งบานบนยอดสูงลิบ ณ เหมันตฤดู   หนึ่งสายตาของเขาที่ชายมามองทำให้ข้าหัวใจสั่นไหว  แต่ท่าทีห่างเหินเช่นคนไม่รู้จักกัน...หรือว่าเขาจะลืมข้าไปแล้วจริงๆ..

 

เสียงหัวเราะครั้งที่สี่นี้มอบให้กับเรื่องราวในอดีต  ความรักอันโง่งมของบุรุษผู้งมงาย  แต่หากให้ย้อนเวลากลับไปข้าก็จะตกหลุมรักเขาอยู่เช่นเดิม  เสียงขลุ่ยอันคุ้นเคยดังแว่วมาทำให้ข้าหยุดคิดถึงเรื่องราวในอดีตไม่ทราบพาตัวเองเดินมาถึงอุทยานตั้งแต่เมื่อไหร่ 

 

เหม่อมองไปยังศาลาเบื้องหน้า  ศาลาแห่งนี้อยู่ใกล้สระบัวใหญ่และมีต้นหลิวอายุนับร้อยปีแผ่กิ่งก้านบดบังจึงไม่เป็นที่สังเกต   ตัวศาลาถูกดอกจื่อเถิงเติบโตคลุมจนเห็นด้านในได้เพียงเลือนราง  แต่สถานที่ที่เหล่าสนมบอกว่าน่ากลัวกลับเป็นที่โปรดปรานของคนผู้นั้นอย่างมาก

 

เขามักจะเอนกายอยู่ในศาลา  นัยน์ตาหงส์เหม่อลอยไปแสนไกล  กลิ่นชาหลงจิ่ง[สระมังกร]สงบรื่นรมย์  สีสันในถ้วยชาดุจดั่งสระมรกตอันเรียบนิ่งไร้ระริกคลื่น  ข้านั่งลงตรงข้ามนึกอยากเอ่ยถามอยู่บ่อยครั้งว่าร่างกายเขาอยู่ตรงนี้แล้วจิตใจเขาเล่าเหม่อลอยไปถึงผู้ใด

 

เสียงขลุ่ยนั้นยังไม่หยุดเพรียกหา  ข้าขมวดคิ้วปวดหัวมากจนแทบระเบิด  กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งโชยมาจากด้านในศาลา  เสียงขลุ่ยนั้นเงียบลงแล้ว  เห็นแต่เพียงชายชุดสีแดงที่กำลังพลิ้วไหว  ร่างเล็กร่างหนึ่งกำลังร่ายรำอยู่ข้างใน  ท่าทางอันคุ้นตาทำให้ยิ่งรู้สึกปวดหัวจนต้องสะบัดเศียรแรงๆอีกหลายครั้ง

 

คนผู้นั้นสวมชุดสีแดงสดดุจดอกเหมยแดงที่สะพรั่งบานเต็มต้น  ในคืนนั้นหิมะโปรยปรายเขาร่ายรำอยู่ใต้ต้นเหมย  ดวงหน้างามพิลาศเย้ยจันทราเยียบเย็นดุจหิมะ  อ้างว้างดุจสายลมราตรี   กลีบดอกเหมยปลิดปลิวลอยละล่อง  ทุกคราที่เขาขยับตัวเป็นเส้นสายอันสวยงามยากละสายตายิ่งทำให้ใจของข้าเต้นแรงอีกเท่าทวี

 

ตอนนี้ข้ากำลังตกอยู่ในความฝันหรือ?  หรือว่าเรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง?  คนที่อยู่ตรงหน้าหน้าคือเขาใช่หรือไม่? หรือว่าเป็นปีศาจจำแลงกายมาหลอกล่อ?

 

เขาหยุดร่ายรำลงเสียแล้ว  ข้าพลันอยากเอ่ยปากร้องขอให้เขาอย่าหยุด  เพียงแต่ริมฝีปากแห้งผากแลสั่นระริกจนไม่อาจขยับได้  ใบหน้าอันเป็นปริศนาถูกซ่อนไว้ใต้หน้ากากเงินอันเย็นชา  ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นคลี่ยิ้มออกมา  ..รอยยิ้มของเขาข้าจะลืมเลือนไปได้อย่างไร

 

“จิ่นสือ..” เขาเรียกข้าได้อ่อนหวานถึงปานนี้ ? ที่แท้ข้าก็ยังอยู่ในความฝันอย่างไม่ต้องสงสัย  นิ้วเล็กๆนั้นมาลูบไล้ที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยน  ดวงตาคู่งามนั้นหวานเชื่อมประดุจน้ำผึ้ง  นี่ข้าคงฝันดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง

 

“จิ่นสือ..” ข้าดึงเขามาไว้ในอ้อมกอด  เอวเล็กคอดยิ่งเล็กลงกว่าเดิมจนน่าใจหาย  มองหน้ากากอันเย็นชานั้นอย่างขัดใจแต่เมื่อจะดึงมันออกเขากลับดึงมือของข้าไว้จรดจุมพิตบนนิ้วมืออย่างนุ่มนวล

 

“ฉางเอ๋อร์..นี่ข้าฝันไป?” เขาตอบคำถามข้าด้วยรอยยิ้มลึกลับ  ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ถูกดันให้นั่งลงบนเก้าอี้ส่วนร่างเล็กๆของเขาอยู่บนตักข้า  ความมืดมิดเข้ามาเยือนเพราะถูกคนซุกซนผู้นั้นปิดตาไว้

 

“ฉางเอ๋อร์ เจ้าจะ..”

 

ความนุ่มหยุ่นชนิดหนึ่งโฉบลงมาบนริมฝีปาก  นุ่มนิ่มดุจสายไหม  หวานดุจน้ำผึ้งยามคิมหันต์   ข้าคำรามในลำคออย่างพอใจจุมพิตตอบกลับด้วยความเร่าร้อนชนิดหนึ่งที่หลอมละลายสายไหมอันหอมหวานนี้จนกลายเป็นน้ำตาลเชื่อม    เขาตอบสนองข้าดุจผู้รู้ใจ บนสมรภูมิรักแห่งนี้มีขุนทัพผู้ใดเล่าจักยอมแพ้พ่ายให้ขายหน้า

 

การโรมรันชนิดนี้ดุจไฟที่ถูกจุดด้วยน้ำมันกลายเป็นเพลิงลุกโหมกระหน่ำแลไม่อาจดับได้โดยง่าย  หลายครั้งหลายคราเราทั้งสองจุมพิตกันโดยไม่อาจหยุด  ไม่อาจกล่าวคำว่าพอเพียง  ไม่ใช่จูบที่ห่างเหินเย็นชาเพียงผิวเผินแต่เป็นจูบที่สนิทสนมดุจคู่รัก  ไม่ได้เติมเพียงความกระหายอยากแต่มันเติมเต็มจิตวิญญาณข้างในข้าให้รู้สึกอิ่มเอมยิ่ง

 

“จิ่นสือ..” เสียงกระซิบเรียกหาดังอยู่ข้างหู  เป็นเสียงอันอ้างว้างโหยหา  ข้าพลันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจดึงเขามากอดแนบแน่นจนไร้ช่องว่างใดระหว่างเราสอง

 

“ฉางเอ๋อร์..ข้าอยู่นี่แล้ว”

 

มันเป็นฝันที่เกินกว่าจินตนาการไว้มากมาย  ข้าลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานลายเก้ามังกรอันสลักเสลาอย่างประณีตงดงาม  แสงอาทิตย์อุ่นๆของฤดูชุนเทียนลอดผ่านหน้าต่างส่องให้เห็นห้องกว้างซึ่งเต็มไปด้วยตำราแลฎีกาอยู่ฝั่งหนึ่ง  หม่ากงกงรอรับใช้อยู่ข้างเตียงเหมือนทุกวัน

 

การปรนนิบัตรยามเช้าผ่านไปอย่างที่เคยเป็น  แต่มีบางสิ่งที่รู้สึกแปลกไป...ฝันเมื่อคืน..ข้าฝันถึงอะไรกันแน่  มันเป็นฝันแสนสุขจนไม่อยากลืมตาตื่น  รู้สึกอิ่มเอมราวถูกเติมเต็มในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญญาณ  ความนุ่มนวลอ่อนหวานชนิดหนึ่งคล้ายยังติดอยู่บนริมฝีปาก  แต่ขบคิดเท่าไหร่กลับคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในความฝัน

 

“ทูลหวงช่าง  แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ข้าพยักหน้าดุจคำตอบรับ  ในใจยังไม่คลายสงสัยจากเรื่องในความฝัน  กลีบดอกเหมยแดงปลิวว่อน  หิมะโปรยปราย     คนผู้นั้นร่ายรำอยู่ในสวนเหมย...ไม่สิ..หรือว่าเขาร่ายรำอยู่ในศาลากันแน่  ข้าขมวดคิ้วสะบัดศีรษะอีกหลายคราปัดเรื่องที่ฟุ้งซ่านออก

 

พี่รองเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบเร่งอย่างเคย  วันนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนอีกวัน  ข้าหยิบถุงหอมขึ้นมาจรดยังปลายจมูกกลิ่นหอมอย่างสงบสุขุมนั้นทำให้รู้ผ่อนคลายอย่างยิ่ง  มองฝีเข็มบนถุงหอมแล้วจึงยิ้มออกมาจางๆ  คนผู้นั้นไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะปักเป็นลวดลายก้อนหินหรือพระจันทร์  ดูก้ำกึ่งแต่กลับสวยงาม  แต่ไม่เป็นไรรอเขาพร้อมที่จะคุยกับข้าเมื่อไหร่  เมื่อนั้นคงได้ทราบว่าที่แท้บนถุงหอมนี้เป็นลวดลายใดกันแน่..



 

 

คุยกับนักอ่าน

ตอนเขียนตอนนี้รู้สึกมึนๆ  ไม่รู้จิ่นสือมึนตามคนเขียนหรือคนเขียนมึนตามจิ่นสือ 55555  ตอนนี้มีคิสซีนด้วย แหะๆๆ  นานทีจะมีเลิฟซีนรู้สึกมีความสุข  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากนะคะ  อ่านทุกคอมเม้นท์แต่ยังไม่มีโอกาสได้ตอบเลย T_____T  คอมเม้นท์เป็นกำลังใจสำคัญในการปั่นจริงๆค่ะ 555

  ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนแล้วค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2016 01:35:13 โดย duaenmaysa »

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
งะ รู้สึกว่าสั้้น ฝ่าบาทน่าจะจำได้เนอะ อยากให้เริ่มรักลี่ฉางที่อยู่ภายในเด็กน้อยทีละน้อย อย่างน้อยในความฝันตื่นมาก็น่าจะจำได้บ้าง นี่ไม่เห็นหนทางเลย จิ่นสือหายใจเจ้าออกก็ลี่ฉาง ที่มีรูปร่างเป็นลี่ฉางอะ ไม่นึกสงสัยอะไรเลย ถ้าไม่กลับคืนร่าง แล้วจะรักกันยังไงน้ออ  :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน กระพริบตาเดียวตอบตอนซะแล้ว  :serius2:

ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
สงสารจิ่นสือ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ฮึ่ยย่ะ ได้อ่านพาร์ทจิ่นสือแล้ว ดีงามมมมมม สงสารเล็กน้อย โดนลี่ฉางปั่นหัวนิดๆ สู้ๆนะ ทางพิชิตคนงามย่อมยากเย็นเสมอ ฮิ้ว~

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เลื่อนอ่านๆไปกำลังดื่มด่ำกับเนื้อหาพอเลื่อนมาเจอ คุยกับนักอ่านละเหมือนโดนปลุก ฮือออสั้น
สรุปจิ่นสือก็คิดว่าเรื่องคืนนั้นฉันคิดว่าฝันไป...อ๋อยยย

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ไม่รู้จะสงสารใครดี อ่านกี่ครั้ง
ก็ยังสงสาน จิ่นสื่อ กับหลีฉาง
ตลอดเลยอ่ะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ดีใจที่ได้อ่านพาทจิ่นสือบ้าง รู้สึกสงสาร คิดว่า จิ่นสือเศร้ากว่าลี่ฉางเสียอีก เพราะรัก และรู้สึกไม่มั่นคงมาโดยตลอด ผิดกับลี่ฉางที่มีจิ่นสือคอยรักและเอาใจตลอดเวลา เอาใจช่วยให้ได้ กลับมารักกันจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด