Rough and Tender 18
นั่งโล่งอกไปได้ไม่นานก็ต้องเหงื่อแตกอีกรอบ เพราะเมื่อถึงห้อง กรก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากหันมาถอดเสื้อยืดเขาออก “พี่กรจะทำอะไรน่ะ...อ๊ะ”
แทนคำตอบ ริมฝีปากเขาก็โดนบดขยี้ทันที ปลายลิ้นร้อนอ่อนนุ่มแทรกเข้ามาอย่างดึงดัน กวาดไล้ไปทั่วโพรงปากและบังคับให้ตอบสนองจนจุมพิตดูดดื่มขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
จังหวะลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น มือใหญ่เริ่มลูบคลำไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าและลัดเลาะลงต่ำ ปรามอาการขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าและจุมพิตที่ดุดันมากขึ้น เรียกร้องยิ่งกว่าเดิม
ขอบฟ้าเบือนหน้าหนีริมฝีปากที่ตามรุกไล่ เกร็งตัวเมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนกดให้นอนลงกับโซฟา
อาจเป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมา กรไม่เคยแสดงออกด้านความต้องการทางร่างกาย จนขอบฟ้านึกว่ากรคงเริ่มเบื่อแล้วก็เป็นได้ แต่จากสัมผัสหยาบกระด้างเรียกร้องล้วนบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันผิด
“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน” ด้วยความตื่นตระหนก เขาพยายามยกมือดันบ่ากว้างเพื่อหวังเป็นอิสระ หากข้อมือกลับถูกยึดไว้และโดนก้มลงกัดตรงบ่าโดยแรง “โอ๊ย!”
“อย่าดื้อสิ” คนสั่งเสียงพร่าเลียลงตรงรอยกัด กดจูบหนักๆ ลงบนต้นคอ “ยอมอดทนมาตั้งหลายวันแล้วนะ วันนี้ขอเถอะ”
การเล้าโลมกินเวลาไม่นาน คงเพราะชายหนุ่มรีบร้อนแต่จะเข้ามาภายในตัวเขา หลังจากเตรียมพร้อมด้วยการชักนิ้วซึ่งเคลือบเจลหล่อลื่นไว้เข้าออกไม่กี่ครั้งก็ถูกแทนที่ด้วยแก่นกายซึ่งขยายตัวเต็มที่ ขอบฟ้าครางฮือด้วยความเจ็บเมื่อถูกสอดใส่เข้ามาทั้งที่ยังไม่พร้อม
“อย่าเกร็ง” กรลูบใบหน้าชื้นเหงื่อด้วยฝ่ามือหยาบกระด้าง “มึงเจ็บ กูก็เจ็บเหมือนกันล่ะน่า”
ขอบฟ้าขมวดคิ้ว ดวงตาพร่ามัวเห็นสายตาอีกคู่ซึ่งกำลังจับจ้องบ่งบอกอารมณ์คุกรุ่น คิดว่ายังไงเสียกรก็คงไม่หยุด จึงหลับตาลงรอรับความเจ็บปวดที่จะตามมา ทว่าริมฝีปากที่แนบลงมานั้นกลับอ่อนหวานเสียจนไม่น่าเชื่อ มือใหญ่ที่ฉุดกระชากเอาแต่ใจตัวเมื่อครู่ยังลูบไปทั่วร่างกายสั่นเทาอย่างปลอบประโลม พาลให้รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เพียงพอจะให้ร่างที่ทาบทับด้านบนเริ่มขยับ
“อืม...” ปลายนิ้วขาวซีดจิกยึดกล้ามเนื้อต้นแขนที่เกร็งเป็นมัดด้วยอาการออกแรงขยับโยก “อื้อ...ช้าหน่อยครับ”
ร่างสูงลดจังหวะลงตามคำขอเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนกระทำตามใจอยาก กระแทกกระทั้นความต้องการอย่างเร่งร้อน ทั้งกอดทั้งจูบจนแทบจะกลืนกินลงไปทั้งตัว กระทั่งถึงจุดสุดยอดของอารมณ์ ร่างชื้นเหงื่อจึงสะท้านเยือก ครางเสียงแหบพร่าด้วยความอิ่มเอมแล้วทิ้งตัวลงหอบหายใจกับซอกคอร่างข้างใต้ซึ่งแทบจะหลอมละลายจากแรงอารมณ์เช่นกัน
ริมฝีปากสวยได้รูปพรมจูบไปตามขมับใบหน้าแดงก่ำและเลยไปกระซิบตรงริมหู “พรุ่งนี้...ไปบอกเลิกกับไอ้พลเสีย”
คนหลับตาแน่นตั้งแต่หลังถึงจุดสุดยอดติดๆ กันถึงกับลืมตาโพลง “ว่า...ว่าไงนะ”
“กูเบื่อ...” กรพลิกตัวออก นอนหงายมองเพดาน ไม่ได้สังเกตอาการตัวแข็งทื่อของอีกฝ่าย “ทำไมกูต้องแบ่ง ในเมื่อมึงเป็นของๆ กูแท้ๆ”
“ผมไม่ใช่...”
“ไม่ใช่อะไร ไม่ใช่เมียกูงั้นเหรอ มึงกล้าพูดเหรอ” หัวเราะเสียงหยันขณะป่ายมือมาลูบคลำร่างกายคนนอนตัวแข็งอย่างสบายอารมณ์ “กูจะบอกให้นะ ถ้ามันรู้ว่ามึงนอนกับกูไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแบบนี้ คงโกรธตาลายที่มึงกล้าสวมเขาให้มันตั้งนานสองนานแล้วรับรองว่า ทันทีที่ตั้งตัวได้ ไอ้พลมันคงสะบัดมึงทิ้งเหมือนรองเท้าแตะเก่าๆ แน่”
กรหัวเราะราวกับขบขันสิ่งที่คาดเดาล่วงหน้า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย ขอบฟ้านอนฟังเสียงน้ำอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยลุกจากเตียง หามุมสงบและนั่งใช้ความคิดเงียบๆ
ความเห็นแก่ตัวของเขาที่ไม่อยากปล่อยพลชนะไป กลายเป็นการทำให้ฝ่ายนั้นดูเหมือนคนโง่อย่างนั้นเหรอ นี่ยังไม่นับจากครั้งล่าสุดที่เขาทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยหน่ายอีกต่างหาก พลชนะเป็นดนดี ดีเกินกว่าจะบอกเลิก ดีเกินกว่าจะทิ้งขว้างเขาได้ เขาสิที่เห็นแก่ตัว ทั้งๆ ที่รู้มาตลอดว่าตนไม่มีค่าอะไรไปคู่ควร ก็ยังเอาแต่บอกว่าเดี๋ยวก่อนๆ
เสียงประตูเปิดออก กรในสภาพมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวเดินผิวปากมาเปิดตู้เย็น เอ่ยถามขณะก้มๆ เงยๆ มองของด้านใน “หิวหรือเปล่า ทำอะไรให้กินเอาไหม”
“...ผมจะเลิก” พูดไปแล้ว เขาก็ใจหายเสียเอง “ผมควรจะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พี่พลเป็นคนดี เขาคงหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก”
ร่างสูงที่เดินมาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้คว้าต้นแขนเขาบีบแน่นจนขอบฟ้าหน้านิ่ว คิดจะอ้าปากถามว่าโมโหอะไรอีก กรก็เขย่าตัวเขาพร้อมถามร้อนรน “จริงนะ มึงพูดจริงแน่นะที่บอกว่าจะเลิก”
“อะ...ก็ใช่มั้ง” มองอาการมุมปากกระตุกแล้วเขาจึงรีบเสริม “ผมคงต้องโทรนัดก่อน เผื่อพี่พลอาจจะไม่ว่าง”
“มึงควรจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว หัวช้าได้ตลอด” สั่งสอนเสร็จ กรก็คลี่ยิ้ม “แล้วนี่ไม่อาบน้ำไม่เหนียวตัวหรือไง เมื่อกี๊กูเสร็จข้างในด้วย มา กูพาไปอาบน้ำ จะล้างให้”
ไม่ต้องบอกว่าขอบฟ้ายื้อตัวแข็งแค่ไหน แม้ว่าตอนหลังเขาจะลงเอยด้วยการโดนแบกเข้าห้องน้ำก็ตาม อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้พยายามลองขัดขืนแล้วบ้างละกัน
++++++++++
เนื่องจากเมื่อคืนโดนกวนจนกว่าจะได้เข้านอนจริงๆ ก็ล่วงเข้าเช้าวันใหม่ไปแล้ว ขอบฟ้าที่เริ่มรู้สึกตัวสะลึมสลือขึ้นจึงตั้งใจจะหลับต่อแต่เพราะนึกรำคาญอะไรที่มันขยุกขยิกอยู่แถวๆ ท้องจึงยกมือปัด
ขอบฟ้าลืมตาโพลง หายง่วงในชั่วพริบตาเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่ปัดไปโดนคือหัวคน
ผีหลอก แต่ก่อนที่จะนึกออกว่าเจอผีเขาให้ทำยังไง เสียงงึมงำคุ้นหูก็ดังขึ้นเสียก่อน “ขี้เซานะมึง กูปลุกมาตั้งนานแล้ว”
“พะ พะ พะ...” เขาติดอ่างขณะจ้องตาเหลือก “พี่กรทำอะไร”
ร่างสูงชะงัก เงยหน้าขึ้นจากบริเวณหน้าท้องของเขาเพื่อสบตา “ทำกับข้าวมั้ง”
หน้าตื่นกับคำตอบนิดหนึ่งก่อนจะรู้ว่าโดนประชด ขอบฟ้าขมวดคิ้ว เอ็ดเบาๆ “ไม่ตลกนะ”
“หึหึ ไม่ตลกก็ไม่ตลก” ตอบตามน้ำง่ายๆ แล้วเจ้าตัวก็ดึงขอบกางเกงนอนเขาลงต่ำ เอ็ดเมื่อโดนยึดยื้อไว้ “ฮื้อ ปล่อยมือสิวะ”
“ไม่เอา ไม่ต้อง” เพราะพอจะคาดได้ว่ากรคิดจะทำอะไร ขอบฟ้าซึ่งตอนนี้หน้าแดงก่ำจึงรีบปฏิเสธพัลวัน “อย่า มันสกปรก อ๊ะ...”
คำสุดท้ายคือเสียงอุทานเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะฟังคำพูดของเขาสักนิด ทีแรกเขาตื่นตระหนกจนทำอะไรแทบไม่ถูก แต่ไม่นาน อารมณ์ก็เริ่มปั่นป่วน รู้สึกไม่ผิดอะไรกับถูกโยนขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเหมือนจะจับไข้
ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสอดนิ้วเข้าสู่ร่างกายเขา เสียงครางแปลกๆ ยิ่งหลุดรอดจากปากอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับตัวเขาไม่ใช่ตัวเขาอีก แม้กระทั่งมือที่เคยผลักไสก็กลายเป็นจิกขยุ้มเส้นผมบนศีรษะของชายหนุ่มที่ยังคงฝังใบหน้าอยู่บริเวณหว่างขาเพื่อมอบความสุขสมให้ และไม่ด่าว่าหรือหยุดชะงักด้วยซ้ำเมื่อเขาเผลอกดศีรษะนั้นลงยามลืมตัว ตรงกันข้าม กลับยิ่งเพิ่มแรงดูดกลืนหนักหน่วงคล้ายกับจะรู้ว่าเขากำลังจะไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งอารมณ์เต็มทน พร้อมกับที่จำนวนนิ้วที่เพิ่มมากขึ้นและขยับเข้าออกกระชั้นถี่ตามไปด้วย
แม้จะเคยปลดปล่อยความต้องการมากี่ครั้ง แต่ไม่เคยสักครั้งที่ขอบฟ้าจะถึงจุดสุดยอดจนสั่นเยือกไปทั้งตัว ราวกับจะเห็นดวงดาวเต้นยิบอยู่ใต้เปลือกตา ทั่วร่างยังชาดิกจนพูดไม่ออก ได้แต่นอนหอบหายใจหนักหน่วง เหม่อมองชายหนุ่มจัดการไล้เลียสิ่งที่เขาปลดปล่อยออกมาโดยไม่มีทีท่ารังเกียจแม้แต่น้อย
เมื่อร่างสูงขยับขึ้นมาทาบทับไว้ทั้งร่าง ขอบฟ้าจึงได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่ของอีกฝ่ายแสดงถึงอารมณ์ที่พุ่งสูงไม่แพ้กันและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ล้วนแสดงว่าคิดไม่ผิดจริงๆ
ทว่าก่อนที่เขาจะผล็อยหลับด้วยความเพลียไปอีกรอบ กลับโดนลากลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ พอเห็นท่าทางมึนๆ ของเขามากเข้า กรก็จัดแจงอาบน้ำให้โดยไม่ได้ร้องขอด้วยความรวดเร็ว เรียกว่าเสร็จก่อนที่จะทันรู้สึกกระดากอายเสียอีก
“ชักช้าว่ะมึง ไม่อยากโทรศัพท์แล้วหรือไง”
ตาสว่างขึ้นทันใด ขอบฟ้าเอ่ยอย่างดีใจ “พี่จะให้ผมใช้โทรศัพท์จริงเหรอ”
“จริงดิวะ” ไม่รู้ทำไม พอเห็นมุมปากกรกระดกยิ้มอย่างร้ายๆ ขอบฟ้าก็เริ่มสังหรณ์ไม่ดีและนึกอยากให้ตัวเองเดาผิดเมื่อฟังคำพูดที่เหลือ “กูจะให้มึงโทรเรียกไอ้พลออกมาบอกเลิกให้เรื่องมันจบๆ สักที”
++++++++++
สิ่งที่ต้องการมาตลอดอยู่ในกำมือแล้ว แต่เขายังทำได้แต่จ้องมันเฉยๆ
“จ้องหาหวยหรือไงวะ เอามานี่ กูกดให้”
“ไม่ ไม่ ไม่ได้ ผมกดเอง” ขอบฟ้ารีบซุกหูโทรศัพท์หลบทันที ไม่ยอมให้กรคว้าไปได้ ผลคือโดนตบหัวแบบไม่เบาไม่แรง คิดว่าคงออมมือให้แล้ว
“ก็โทรเสียทีสิ ถ้าไม่กล้าพูด กูพูดให้ยังได้” กรที่ทู่ซี้มายืนเบียดเขาในตู้โทรศัพท์แคบๆ หน้าคอนโดเอ่ยเร่งแบบไม่ได้ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นเลยสักนิด “เร็ว กูร้อน”
เพราะเขายืนยันไม่ยอมใช้โทรศัพท์ของกร เนื่องจากกลัวว่าถ้าชื่อของกรไปโชว์หราบนโทรศัพท์ของพลชนะทั้งที่เขาเป็นคนพูดสายคงดูไม่ค่อยดีนัก
“มึงมีเวลาอีกสิบวินาที ถ้ายังไม่โทร กูจัดเอง”
ด้วยความรีบ ดังนั้นเมื่อพลชนะรับสาย เขาจึงลืมคำพูดที่เตรียมเอาไว้ “ออกมาเจอกันหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย”
ปลายสายเงียบกริบไปอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่พลชนะจะเอ่ยคล้ายไม่แน่ใจ “...ฟ้าเหรอ”
“อะ เอ่อ ใช่ครับ ผมเอง” รู้สึกเก้อเขินนิดหน่อยที่อีกฝ่ายจำไม่ได้ “พี่พลพอจะมีเวลา...”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน! ห้าหกวันที่ผ่านมานี่ฟ้าหายไปไหนมา! รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงแทบบ้า! ไหนจะคนที่บ้านเรา...”
ด้วยความตกใจ รู้สึกตัวอีกที ขอบฟ้าก็พบว่าตนกระแทกหูวางไปเสียแล้ว หันหน้าตาตื่นมาปะเข้ากับสายตาดุๆ ที่จ้องอยู่
“วางหูทำไมวะ มึงนัดกันแล้วเหรอ กูไม่เห็นได้ยิน”
“ยังไม่ได้นัด ผมตกใจ ฟังดูเหมือนพี่พลจะโกรธ...”
“อะไรวะ มึงนี่ไม่ได้เรื่อง มันโกรธแล้วโผล่หัวมากัดมึงได้ไหม ยืดยาดนักก็หลีกทาง กูโทรเอง” ดันหัวเขาหลบไปด้านข้าง แล้วกรก็แสดงน้ำใจในเวลาที่ไม่มีใครต้องการด้วยการกดต่อสายให้แบบไม่รอคำอนุญาต กระทั่งขอบฟ้าตะกุยตะกายจนแทบจะปีนขึ้นไปขี่คอนั่นล่ะ กรจึงยอมส่งหูโทรศัพท์ให้ด้วยความรำคาญ
“ฮัลโหล พี่พลครับ” เขาทักด้วยความสุภาพเพื่อหวังชดเชยความไร้มารยาทเมื่อครู่ “ได้ยินผมไหมครับ”
“ใจเย็นๆ พี่ไม่ดุเราแล้ว อย่าวางหูนะ” สุ้มเสียงพลชนะเหมือนกล่อมคนเมายาบ้ามากกว่ากำลังคุยกับเขา “ฟ้าบอกว่าอยากเจอพี่ใช่ไหม ได้สิ จะให้พี่ไปหาฟ้าที่ไหน”
เขาบอกเวลากับสถานที่ไปแล้วเอ่ยขอ “อย่าเพิ่งบอกที่บ้านผมนะครับ ผมอยากคุยกับพี่พลให้เรียบร้อยก่อน”
“ถ้าฟ้าต้องการอย่างนั้น พี่ก็ไม่ว่า” และเอ่ยต่อก่อนที่ขอบฟ้าจะตัดบทวางสาย “ฟ้า...ปลอดภัยดีใช่ไหม ไม่ได้บาดเจ็บอะไรใช่ไหม”
“อื้ม ผมสบายดี” แต่ถ้ายังคุยต่อ อาจจะไม่ค่อยสบาย เขาคิดขณะลอบชำเลืองกรที่ยืนเหงื่อหยดติ๋งๆ หน้าบูดหนักขึ้นทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป “ไว้ค่อยคุยกันนะครับ”
“ฟ้า พี่...” ไม่รู้ว่าพลชนะจะพูดอะไรต่อเพราะเขาสะดุ้งโหยงเมื่อกรเตะตู้โทรศัพท์ดังโครม สีหน้าแววตาพร้อมจะปล่อยแสงแปลงร่างได้ทุกเมื่อ
“ผมต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะครับ” รีบวางหูโดยไม่รอคำตอบ นึกปลงว่าอยู่กับคนแบบกร เขาเลยชักกลายเป็นคนมารยาททรามขึ้นทุกวันๆ ไปด้วย
เขาอิดออด ทำอะไรเชื่องช้ากว่าที่เคย จนกรแทบจะหมดความอดทน แต่สุดท้าย ขอบฟ้าก็มาถึงสถานที่นัดหมายตรงเวลาจนได้
“พี่กรห้ามเข้าไปจริงๆ นะ” ขอบฟ้าหันมาย้ำกับคนขับ “ผมจัดการเอง ขืนพี่เข้าไปคงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”
“พูดมากว่ะมึง” กรเอ็ดขึ้นบ้างหลังจากอดทนฟังคำพูดซ้ำๆ เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้โดยที่ตบะยังไม่แตกได้อย่างน่าประหลาด
“รีบไปจัดการให้เสร็จๆ ซะ เดี๋ยวกูจะพาไปฉลอง เร็ว กูชักจะหิวแล้ว”
จะฉลองทำไม นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าฉลองนะ... ขอบฟ้านึกโต้เถียงอยู่แค่ในใจขณะผละจากร่างสูงและรีบเดินไปยังร้านกาแฟ ภายในร้านมีคนนั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะ รวมถึงโต๊ะซึ่งพลชนะกำลังนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวายด้วย
“ฟ้า! พี่คิดว่าฟ้าจะไม่มาซะแล้ว” กล่าวพลางรีบลุกมาหาทันที พลชนะกรากเข้ามาจับบ่าเขาไว้แน่นโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง “ฟ้าหายไปไหนมา รู้ไหมว่า...”
“เบาหน่อยครับ” ขอบฟ้ายิ้มแหย ชำเลืองมองบางโต๊ะที่เริ่มหันมา “เราไปคุยที่โต๊ะดีกว่าครับ”
พลชนะลากเขาไปที่โต๊ะ รอจนพนักงานรับออเดอร์เสร็จแล้วเดินจากไปจึงค่อยพูด “เกิดอะไรขึ้น ฟ้า ทำไมอยู่ๆ ถึงหายไปจากบ้าน ที่บ้านฟ้าเขาวุ่นวายกันแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า ฝนเล่าให้พี่ฟังว่าแม่ของฟ้าอยากไปแจ้งตำรวจแต่พี่ชายของฟ้าห้ามเอาไว้ เพราะเห็นว่าฟ้าเก็บกระเป๋าไปด้วย น่าจะไปหาเพื่อนหรือแอบไปเที่ยวมากกว่า”
ฟังจากที่พลชนะเล่า เขาน่าจะดีใจที่คนที่บ้านเป็นห่วง แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าความคิดหนีออกจากบ้านเป็นความคิดที่งี่เง่าจริงๆ ทำให้คนอื่นเป็นห่วงแล้วไม่รู้สึกดีสักนิด มีแต่ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจ
“มันเกิดอะไรขึ้น ฟังที่น้องฝนเล่า ดูเหมือนฟ้าจะหายไปตั้งแต่คืนที่เรากลับจากไปเที่ยว” มือที่กำๆ คลายๆ ของพลชนะดูคล้ายอาการร้อนรน เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาก่อน “เพราะพี่หรือเปล่า เป็นเพราะที่พี่พูดกับเราใช่ไหม”
ขอบฟ้ามองสบตาผู้พูด กล่าวเสียงเบา “ไม่ใช่หรอกครับ มันไม่ใช่แค่นั้น”
พอดีกับที่พนักงานนำเครื่องดื่มมาวาง เขาพึมพำขอบคุณ นึกอยากกลับบ้าน
“ฟ้าไม่โทษพี่หรอก คนอย่างฟ้าไม่เคยคิดจะโทษคนอื่น พี่รู้” หัวเราะเสียงแห้งพร้อมกับที่มือใหญ่เอื้อมมากุมมือเขาที่จับแก้วกาแฟอยู่ “พี่รู้สึกแย่มากหลังจากที่พูดออกไป เอาแต่ด่าตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมถึงพูดกับฟ้าแบบนั้น พี่ขอโทษ... ฟ้าจะยกโทษให้พี่ได้ไหม”
“ไม่... ผม...คือ...” นึกไม่ออกว่าทำไมการสนทนามาถึงจุดนี้ได้ หรือเป็นเพราะเขายังไม่ได้พูดแบบเต็มๆ ประโยคสักที “พี่พล ผมอยาก...”
สายตาตื่นๆ ของขอบฟ้าจ้องค้างไปยังร่างที่เดินดุ่มๆ ตรงเข้ามา เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเหมือนเลือดในตัวจะเย็นเยียบเยือกแข็งในพริบตา เขาสูดหายใจลึก กลัวจนไม่กล้าขยับทั้งที่อยากแทรกแผ่นดินหนีหายไปจากตรงนี้เมื่อกรมาหยุดยืนข้างโต๊ะ
“ปล่อยมือเมียกูได้แล้ว ไอ้พล”
++++++++++++