บทที่ 8
What’s on your mind?
Oatmeal
Bangkok
วันนี้จะน่าเบื่อเหมือนวันก่อน ๆ ไหมนะ เมื่อไหร่ชีวิตจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเสียที จะได้รู้สึกว่าอยากมีชีวิตอยู่หน่อย
Like – Comment – Share
“คุณโอ๊ต มีฝรั่งมาค่ะ”
พัดชาโผล่หน้าเข้ามาบอกข้าวโอ๊ตในห้อง
เมื่อมีแขกที่เป็นคนต่างชาติมาที่ออฟฟิศในตอนเช้าและออกัสยังไม่มาทำงาน แม่บ้านประจำออฟฟิศก็จะวิ่งมาบอกเขาแทน
ข้าวโอ๊ตลุกออกจากห้องโดยไม่อิดเอื้อน ไม่ทำหน้าเซ็งเมื่อต้องทำงานแทนคนอื่น ชายหนุ่มกำลังอารมณ์ดีเพราะเมื่อสักครู่นี้คาริน่าโทรศัพท์มาลาป่วย เท่ากับว่าวันนี้เขาจะได้พักหูหนึ่งวัน ไม่ต้องผจญกับเสียงตะโกนของยายเจ๊ประจำออฟฟิศ
แขกที่มาตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเข้างานยืนหันหลังอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์รีเซปชั่น เป็นผู้ชายรูปร่างสูงน่าจะเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร กำลังสนใจอ่านประกาศที่ติดอยู่บนกระดานข่าวที่ผนัง
“Guten Morgen. Was kann ich für Sie tun?“
เมื่อได้ยินเสียงทักทายอย่างสุภาพของข้าวโอ๊ต เด็กหนุ่มคนนั้นก็หันมาและส่งยิ้มให้
ข้าวโอ๊ตรู้สึกว่าหัวใจของเขากระตุกเพราะรอยยิ้มนั้น
“สวัสดีครับ ผมชื่อคาร์ล โฟลลันด์ เป็นนักศึกษาที่จะมาฝึกงานที่นี่ครับ”
เด็กหนุ่มแนะนำตัว พร้อมกับยื่นมือให้ ข้าวโอ๊ตยื่นมือไปจับด้วย แต่ท่าทางเงอะงะเล็กน้อย เพราะคิดไม่ถึงว่านักศึกษาฝึกงานที่ทุกคนกำลังรออยู่จะหน้าตาดีขนาดนี้
คาร์ลเป็นเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบต้น ๆ ใบหน้าของเขาค่อนข้างยาว หน้าเข้มคล้ายพวกสเปน ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ผิวค่อนข้างคล้ำซึ่งดูแล้วน่าจะเพราะออกกำลังกายหรือไม่ก็เป็นคนที่ชอบอยู่กลางแจ้ง เด็กหนุ่มนักศึกษาฝึกงานคนใหม่นี้ท่าทางจะเป็นคนที่อารมณ์ดีมากด้วยเพราะเขายิ้มอีกแล้ว ยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่เมื่อเห็นข้าวโอ๊ตจ้องเขาตาโต
ข้าวโอ๊ตรู้สึกตัวจากรอยยิ้มครั้งหลังนี้เอง เขารีบดึงมือกลับทันที
“อ้อ ครับ งั้นเชิญทางนี้เลย” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินนำเขามาที่ห้องทำงานเล็ก ๆ ซึ่งเป็นห้องแรกทางด้านขวามือ อยู่เยื้อง ๆ กับห้องทำงานของทีโมน
ข้าวโอ๊ตเปิดไฟในห้อง แล้วหันมาบอกว่า
“นี่ห้องทำงานของคุณ คุณนั่งรอในห้องนี้ไปก่อนนะครับ ทีโมน รองผู้อำนวยการคนที่จะต้องสอนงานคุณยังไม่มาทำงานเลย”
คาร์ลพยักหน้ารับพร้อมกับมองสำรวจไปทั่วห้องทำงานที่เป็นห้องทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีแต่ช่องกระจกที่มองลอดออกไปเห็นเคาน์เตอร์รีเซปชั่นด้านหน้าและห้องครัวด้านหลัง
“ห้องครัวอยู่ตรงนั้น ถ้าคุณอยากจะดื่มน้ำหรือกาแฟก็เชิญนะครับ ตามสบาย”
“ขอบคุณมากครับ” คาร์ลยิ้มให้เขาอีก แล้วถามต่อว่า
“คุณชื่ออะไรครับ”
ข้าวโอ๊ตเดินเหมือนเท้าไม่ติดพื้นกลับห้องทำงานของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีกันนะที่เขารู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงกว่าที่เคย ออฟฟิศที่มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีเข้ามาทำงานนี่มันให้บรรยากาศที่แตกต่างจริง ๆ นั่นแหละ
และไม่เฉพาะแต่เขาที่ตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มหน้าตาดีจะทำให้คนอื่น ๆ ในออฟฟิศตื่นเต้นเช่นกัน ออกัสถึงกับโทรศัพท์เรียกข้าวโอ๊ตให้ออกมาหาที่โต๊ะเพื่อที่จะคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะทีเดียว
“หล่อว่ะ อยากรู้ว่าใครเลือกมา ฉันจะได้ไปกราบขอบพระคุณ”
ข้าวโอ๊ตฟังแล้วหัวเราะชอบใจ สนองตอบทันทีว่า
“เนอะ หน้าตาดีเชียว กระดูกอ่อนกรุบกรอบ แลดูน่ากิน”
“กินเลย น้องเขาอยู่สองเดือนแค่นั้น ต้องรีบนะ เดี๋ยวไม่ทัน” ออกัสได้ทีรีบยุ แต่ข้าวโอ๊ตกลับส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า กลัวเด็กตกใจ ให้น้องเขาได้ไปเจอสิ่งดี ๆ ในชีวิตเถอะ”
“ก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่ยอมจีบใครสักที แล้วจะมีแฟนได้ยังไงล่ะ” ออกัสพูดด้วยความขัดอกขัดใจ
“ถึงจีบไปก็ไม่มีประโยชน์นี่ น้องเขาคงไม่เอาแฟนที่มีออปชั่นพ่อพ่วงมาด้วยอย่างเราหรอก”
“ก็ไม่ต้องจริงจังก็ได้ คุยเล่นสนุก ๆ แก้เหงาไง ดีจะตาย นายเองก็พูดภาษาเยอรมันได้ พูดจาภาษาเดียวกันน่าจะสนิทกันได้เร็วนะ”
“รู้สึกจะเชียร์ออกนอกหน้าเหลือเกินนะ”
“ก็อยากให้เพื่อนหายเหงา” ออกัสรีบพูดทันที ก่อนจะกระแซะถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่า
“ตกลงจีบใช่ไหม”
ข้าวโอ๊ตได้แต่ยิ้ม ไม่ยอมปฏิเสธหรือว่าตอบรับให้เข้าตัว
ระหว่างนั้น ญาดาเดินออกจากห้องของตัวเองมาสมทบด้วยอีกคน หล่อนเห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทั้งสองคนอยู่กันพร้อมหน้าจึงได้โอกาสพูดเรื่องงานที่บริษัทกำลังจะจัด ออกัสให้รายชื่อโรงแรมที่เหมาะสำหรับการจัดงานแก่หล่อนมาแล้วและเมื่อหล่อนส่งต่อให้ทีโมน รองผู้อำนวยการก็มีประกาศิตให้หล่อนไปดูสถานที่กับเขาทันที หญิงสาวไม่อยากไปกับชายหนุ่มสองต่อสองจึงมาชวนข้าวโอ๊ตและออกัสให้ไปด้วยกัน
ออกัสไม่มีปัญหา แต่ข้าวโอ๊ตยังเป็นกังวล
“คาริน่าจะยอมเหรอ รายนั้นยิ่งไม่ชอบให้ใครออกไปข้างนอกออฟฟิศโดยไม่จำเป็นอยู่ด้วย ถ้าพรุ่งนี้เราหายไปกันหมด ไม่มีใครอยู่รับโทรศัพท์ แม่ปรี๊ดแตกแน่นอน”
สำหรับบริษัทอื่น ชายหนุ่มไม่รู้ แต่ออฟฟิศของเขาประหลาด พนักงานในออฟฟิศไม่ได้รับอนุญาตให้ไปติดต่องานที่ไหนโดยไม่จำเป็น คาริน่าจะเดือดร้อนเอามาก ๆ หากไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศและไม่มีใครอยู่คอยรับโทรศัพท์ จะมีก็แต่ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเท่านั้นที่ไปไหน ๆ ได้ตามชอบใจ ออกัสเคยออกปากด้วยความหงุดหงิดว่า คาริน่านึกว่างานทุกอย่างสามารถทำผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์ได้หรืออย่างไรถึงไม่ให้พนักงานออกไปเห็นแสงเดือนแสงตะวันบ้าง แต่ข้าวโอ๊ตรู้ดีว่าเพราะหญิงสาวรายนั้นกลัวว่าจะต้องเสียค่าเดินทางให้พนักงานมากกว่า เพราะตามกฎของบริษัท พนักงานสามารถเบิกค่าเดินทางหรือค่าน้ำมันรถได้ หากออกไปทำงานให้บริษัท
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พี่จัดการเอง” ญาดาให้คำรับรอง ในฐานะที่หญิงสาวเป็นพนักงานอาวุโส คาริน่าจึงยังพอจะเกรงใจหล่อนอยู่บ้าง แม้กระทั่งในเวลาที่ด็อกเตอร์แฮร์มันน์ไปพักร้อนหนึ่งเดือนและคาริน่าแผ่อำนาจคับออฟฟิศอยู่อย่างตอนนี้ก็ตาม ถ้าหล่อนยืนยันจะเอาข้าวโอ๊ตกับออกัสไปด้วยให้ได้ในวันพรุ่งนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หรือถ้าจะมี หล่อนก็จะชนให้ดู
“พรุ่งนี้ก็ให้มิคกี้มานั่งแทนออกัส เราไปแค่ครึ่งเช้าเท่านั้น กลับมาไม่เกินบ่ายโมง ไม่น่าจะมีอะไร” หญิงสาวกะการณ์
“พอดูโรงแรมครบทั้งสามที่ เราก็ปล่อยทีโมนกลับมาก่อน ส่วนพวกเราก็ไปกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารอิตาเลียนที่โรงแรมริมน้ำ ดีไหมครับ เซลส์โรงแรมเขาให้บัตรลดมา ผมดูรีวิวแล้ว น่าสนใจมากเลย” ออกัสเสนอ
“ฟังดูดีเหมือนกันนะ” ข้าวโอ๊ตเองก็สนใจ ชายหนุ่มเบื่ออาหารจากร้านตามสั่งจะแย่อยู่แล้ว หลัง ๆ นี่เขาเอาปิ่นโตมาเองก็พอจะช่วยให้หายเบื่อไปได้ แต่ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ทำอาหารเก่งมากนัก บางทีเขาก็รู้สึกว่าการทำอาหารแล้วกินคนเดียวมันเสียเวลาเกินไป
“ถ้าพรุ่งนี้กำจัดทีโมนไปได้ เราก็ไปกินกัน” ญาดาไม่มีอะไรขัดข้อง
วงสนทนาชะงักไปนิดเมื่อคาร์ลเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา เด็กฝึกงานคนใหม่ของบริษัทเห็นเพื่อนร่วมงานยืนเกาะกลุ่มคุยกันอยู่ก็ยิ้มให้อย่างสดใสก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว ข้าวโอ๊ตมองตามโดยอัตโนมัติและก็ไม่รอดสายตาของออกัส ชายหนุ่มสะกิดญาดาทันที ฝ่ายหลังก็เอ่ยลอย ๆ ว่า
“เด็กคนนี้หน้าตาดีนะ นิสัยก็น่าจะดีด้วย ตอนโดนใช้งานก็ไม่ชักสีหน้า ยิ้มตลอดเลย”
“ขนาดพี่หญ้ายังชม แสดงว่าของจริง อย่างนี้นายช้าไม่ได้แล้วนะ เราเห็น คนอื่นก็ต้องเห็นเหมือนกัน เดี๋ยวก็มีคนมาคว้าไปหรอก” ออกัสได้ทีรีบยุส่งมาอีกครั้ง แต่ข้าวโอ๊ตก็ยังแค่ยิ้มเฉย เพราะญาดารวมกลุ่มอยู่ด้วย ชายหนุ่มสงวนท่าทีเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวรุ่นพี่ เขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่า ถึงแม้ญาดาจะมีทีท่าเข้าข้างน้อง ๆ ในออฟฟิศ แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ หญิงสาวก็ไม่เคยปกป้องใครได้เลย
“ใครจะคว้าไปล่ะ” ข้าวโอ๊ตแกล้งถาม “นายเหรอ”
“ก็ถ้านายไม่สน มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ” ออกัสพูดหน้าตาเฉยเช่นกัน
หนุ่มน้อยที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาเดินออกมาจากครัวพร้อมถ้วยกาแฟในมืออย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วเมื่อทุกคนหันมามองเขา เด็กหนุ่มก็ยิ้มให้อีกครั้ง
“ชอบดื่มกาแฟเหรอคาร์ล” ออกัสถาม ถ้าเขาจำไม่ผิด กาแฟถ้วยนี้เป็นถ้วยที่สามของวันแล้ว
“ใช่แล้วครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้ารับ และด้วยความเป็นคนช่างคุยอยู่เป็นทุน คาร์ลจึงหยุดยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วยทันที
“เมื่อวานผมได้ลองดื่มกาแฟเย็นรถเข็นด้วยนะ ตกใจมากเลยตอนที่เห็นคนขายใส่นมข้นหวานลงไปด้วย ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน แต่พอลองดูมันก็อร่อยดีนะครับ ถึงจะหวานไปสักหน่อยก็เถอะ”
“ถ้าชอบกาแฟอย่างนี้ก็เหมาะเลย คุณโอ๊ตรู้จักร้านกาแฟเยอะแยะ ให้พาไปชิมสิ”
ข้าวโอ๊ตหันขวับไปมองหน้าออกัสทันที ฝ่ายหลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าเตะมาก ในขณะที่คาร์ลหันมามองเขาอย่างคาดหวัง
“จริงเหรอครับ อย่างนี้ผมคงต้องขอรบกวนสักหน่อยแล้วล่ะ”
คล้อยหลังนักศึกษาฝึกงานคนใหม่ ออกัสก็ขยิบตาให้ข้าวโอ๊ต
“ได้โอกาสแล้วนะ”
“เล่นอะไรของนายเนี่ย ตกใจหมด แล้วเราไปรู้จักร้านกาแฟเยอะแยะตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าเกิดมาก็ไม่เคยชอบดื่มกาแฟสักที”
ถึงเสียงจะดุ แต่ในใจของข้าวโอ๊ตกลับรู้สึกดีใจอยู่นิด ๆ ออกัสก็พอจะเดาออกเพราะคนอย่างเพื่อนร่วมงานของเขาคนนี้ไม่ใช่คนอ่านยากอะไรเลย ชายหนุ่มจึงถือโอกาสกระทุ้งอีกสักนิด
“ของอย่างนี้มันเปลี่ยนแปลงกันด้าย” เขาแกล้งลากเสียงยาวล้อเลียนเพื่อน “ตกลงไปเย็นนี้เลยไหมจะได้ไม่เสียเวลา ปกตินายก็ไม่มีนัดตอนเย็นอยู่แล้วนี่”
“นัดน่ะไม่มีก็จริง แต่ร้านกาแฟดี ๆ นี่ไม่เคยมีอยู่ในเซลสมองสักร้าน ต้องขอหาข้อมูลก่อน นายก็ดันไปอ้างอะไรบ้า ๆ”
“เดี๋ยวเราช่วยหาอีกแรง เอาที่บรรยากาศดี ๆ เลยเนอะ กาแฟจะได้ยิ่งอร่อยขึ้น” ออกัสยังแซวไม่ยอมหยุด ส่วนญาดาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ มาตั้งแต่ต้นเห็นว่าเรื่องที่คุยกันชักจะไปไกลขึ้นทุกทีจึงดึงกลับมาที่เรื่องเดิมด้วยการย้ำกับชายหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองคนว่า
“ตกลงพรุ่งนี้เราจะไปกันทั้งสามคนนะ ให้มิคกี้นั่งแทนออกัสครึ่งวัน เดี๋ยวพี่จะเป็นคนบอกมิคกี้เอง อ้อ เรื่องที่เราจะไปกันทั้งหมด อย่าเพิ่งบอกใคร ห้ามบอกทีโมนด้วย เดี๋ยวมันโยกโย้ ตกลงตามนี้นะ”
ทั้งสองคนไม่มีอะไรขัดข้องและทีโมนก็ไม่รู้เรื่องจนกระทั่งถึงเวลาที่จะไปดูสถานที่กันในวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มไม่พอใจเลยเมื่อรู้ว่าข้าวโอ๊ตและออกัสจะไปด้วย มีคนไปกันหลายคนขนาดนี้เขาจะหยอดจีบใครก็ทำไม่ได้ถนัดและไม่ต้องพูดถึงแผนที่เขาวางไว้ว่าจะตะล่อมญาดาขึ้นไปดูห้องสวีทของโรงแรมเลย พังหมดตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม
ญาดาแอบอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของทีโมน สายตาของหล่อนมองเลยไปที่เสื้อเชิ้ตลายตารางที่มีรอยยับย่นและเนกไทลายทางที่สุดแสนจะไม่มีรสนิยมของชายหนุ่ม มุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มสะใจก็เปลี่ยนเป็นความสมเพช คนบางคนนี่ก็มั่นใจไร้สติจริง ๆ
“เราไปกันเลยดีกว่านะ ข้าวโอ๊ตกับออกัสนั่งข้างหลังกับทีโมน พี่ขอนั่งข้างหน้ากับพี่รุง”
หญิงสาวพูดจบก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับทันทีโดยที่ไม่รอให้ใครมีโอกาสได้ทัดทาน