ตอนที่19
การแข่งขันกีฬาเฟรชชี่ดำเนินมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว ไอ้ผมที่ตกรอบแรกเลยค่อนข้างว่างงานมีเวลาไปเชียร์คนนั้นคนนี้ได้ เมื่อวานทีมบาสของไอ้ซังเจอกับสถาปัตย์เล่นกันสูสีหืดขึ้นคอแต่ก็ชนะผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาได้ ตอนแรกผมกะว่าจะไปเชียร์มันนะ แต่ว่า...
“แฮ่ๆ ไอ้ซัง เย็นนี้มึงมี...แข่งกี่โมงเหรอจ๊ะ”ผมถามเสียงอ่อย เพื่อนรักเงยหน้าขึ้นมาจากชามก๊วยเตี๋ยวก่อนตอบเสียงดังให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะว่า
“หกโมงเวลาเดียวกับผัวมึงเตะ!!”มันพูดเสร็จก็ยักคิ้วกวนตีนกินอาหารของตัวเองต่อส่วนพวกที่เหลือตั้งแต่ไอ้โจ้ยันแม่แก้วก็พากันมองหน้าผมแบบล้อๆ
แม่แก้วที่นั่งฝั่งตรงข้ามช่วยถามต่อกันผมเก้อว่า”วันนี้ฟุตซอลก็รอบชิงแล้วใช่ไหม ครอสต้องเจอกับใครเหรอเพลิน”
“อ่า...วิศวะ”ผมยังกังวลเรื่องที่เจอร์มันพูดทิ้งไว้เมื่อวันนั้นอยู่เลย ถึงแม้จะผ่านมาสองสัปดาห์แล้วก็ตามแต่ลางสังหรณ์ของผมบอกว่ามันจะลงมือวันนี้แหละ
“งั้นเดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จเพลินจะไปที่สนามเลยไหม”แม่แก้วนางเอกประจำกลุ่มยังคงถามต่อไปด้วยความหวังดี
“อืม...เสร็จแล้วเนี่ย ซังจ๋า เพื่อนขอไปดูไอ้ครอสมันแข่งได้ป่าว”
“ไปเล๊ยยยย ใช่ซี่ กูมันแค่เพื่อนหนิ จะไปสู้ว่าที่ผัวมึงได้ไง”
มันไม่ใช่ปั๋วเก๊าสักหน่อย
ผมจัดการกับอาหารเย็นจนเสร็จ เย็นวันนี้ที่โรงอาหารกลางมีนักศึกษาอยู่เยอะพอสมควรเพราะการแข่งขันหลายชนิดกีฬามีรอบชิงวันนี้หลายคนจึงอยู่เชียร์
“สู้ๆนะมึง”ผมให้กำลังใจไอ้ซังก่อนพวกเราจะแยกกัน หวาน แม่แก้วกับพวกโจ้เลือกไปดูบาสของไอ้ซังเพราะเป็นกีฬาชนิดเดียวของคณะที่ได้เข้ารอบชิง มิหนำซ้ำรอบรองยังเอาชนะคณะสถาปัตย์ว่าที่เจ้าเหรียญทองปีนี้ได้อีก
ได้ยินมาว่าคณะวิศวะได้เป็นเจ้าเหรียญทองมาห้าสมัยซ้อนโดยมีคณะสถาปัตย์เป็นคู่แข่งไล่จี้ทุกปี และปีนี้เป็นปีแล้วที่จำนวนเหรียญสะสมของสถาปัตย์ขึ้นนำ ผมไล่คิดไปพลางเดินเข้ามายังสนามบอลเล็กหลังหอหก
หากพูดถึงกีฬายอดนิยมใครๆก็คงคิดถึงฟุตบอลแต่เนื่องจากฟุตบอลมันใช้ทั้งคนและเวลาเยอะเกินไปเฟรชชี่เกมส์จึงไม่มีเจ้ากีฬาที่ว่า ดังนั้นฟุตซอลซึ่งเปรียบเสมือนสนามประลองฟุตบอลขนาดย่อมจึงเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
ทีแรกนึกภาพไว้ว่าในสนามจะเต็มไปด้วยเสียงเชียร์กู่ก้อง...
ทว่า...สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือความเงียบ
กองเชียร์ทั้งในทั้งนอกคณะมากันเต็มแสตนด์แล้วก็จริงแต่แทบไม่มีเสียงพูดคุยเลย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”ผมหันไปถามเด็กผู้หญิงคนนึงใกล้ตัว
“อุ๊ย เพลิน”เธอหันมาเห็นผมแล้วก็รองอุทาน”มาเชียร์ครอสเหรอจ๊ะ”สงสัยเธอจะเป็นสาววายนะดูรอยยิ้มนั่นสิ
“อืม”ผมรัคำกวาดสายตามองหาคนที่มาเชียร์ มันยืนรวมกลุ่มกับคนในทีมตรงอีกฟากกของสนาม สีหน้าคร่ำเคร่งกันมากทั้งๆที่
เหลืออีกแค่ห้านาทีก็ได้เวลาแข่งแต่ยังไม่มีใครเข้าประจำที่เลย
หรือจะวางแผนกันอยู่?
“คืองี้นะ ปีนี้น่ะสถาปัตย์ได้เป็นเจ้าเหรียญทองแน่ๆแล้วพวกวิศวะเค้าเลยอารมณ์ไม่ดีกันเท่าไหร่”
“เห แต่การแข่งยังไม่หมดเลยนะ”พรุ่งนี้ยังมีรอบชิงอีกตั้งสามเหรียญ
“ก็นั่นแหละ เมื่อกี้คาราเต้วิศวะเพิ่งแพ้ให้สถาปัตย์มา ตอนเด็กวิ่งเอาข่าวมาบอกพวกรุ่นพี่ก็เครียดกันเป็นแถบเลยเพราะต่อให้ชนะ
การแข่งที่เหลือทั้งหมดแต่ยังไงก็ตามไม่ทันแล้ว...”
“อ๋อ กำลังเศร้ากันอยู่นี่เอง”ผมพยักหน้าหงึกหงักทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ เธอน่าจะอยู่คณะพยาบาลนะดูจากลายปักบนถุงผ้าที่ถืออยู่
“ไม่ๆตรงกันข้ามเลยล่ะ ฮึกเหิมสุดๆเลยต่างหาก!”
อ้าว ทำไมวะ
“เพราะสุดยอดแห่งกีฬาก็คือฟุตบอลใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยก็ต้องเอาเหรียญจากกีฬานี้ให้ได้! เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย!! อะไรประมาณนั้นน่ะ”
อย่างงี้นี่เอง...
ผมพยักหน้าหงึกหงักๆๆๆ เนื่องจากเริ่มเข้าฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วจากตรงที่ผมนั่งอยู่มีลมพัดมาหวิวๆชวนขนลุก หนาวชะมัด อยู่คนเดียวเหงาด้วย ไอ้ซังจะโกรธป่าววะ แต่ถ้าไอ้เจอร์มันไม่พูดทิ้งท้ายไวแบบนั้นผมก็กะจะไปดูไอ้ซังแข่งสักสองควอเตอร์อยู่หรอก
“เพลิน!! มานี่ๆๆ”ไอ้คนที่ผมมาเชียร์มันเห็นผมนั่งเด๋อๆอยู่คนเดียวเลยวิ่งข้ามสนามมาหา หยุดยืนเรียกชื่อผมอยู่ล่างแสตนด์ชวนให้คนหันมามองผมกันพรึบพรับ
ไม่ต้องเผื่อแผ่ความเด่นมาให้กูก็ได้นะ
ผมเดินกระโดกกระเดกแหวกทางผู้คนลงไปหามัน”มีไรวะ”
“ไปนั่งตรงนั้นดิ ข้างบนมันหนาวนะ อ่ะนี่...”ร่างสูงฉุดแขนผมพาไปนั่งข้างสนาม ดึงเก้าอี้พลาสติกตัวนึงมาให้นั่ง ไอ้ผมก็นั่งอย่าว่าง่าย”มาคนเดียวเหรอ แล้วพวกซังล่ะ”
“ไอ้ซังมันแข่งบาส พวกที่เหลือเลยไปเชียร์”
ยิ้มทำไม ไอ้ซังมีแข่งบาสมีอะไรน่าดีใจเรอะ!!
“งั้นนี่ก็ทิ้งเพื่อนมาหากูดิ”
“เออ!!”
แม่งงง รู้อยู่แก่ใจไม่ต้องมาพูดซ้ำได้ป่าววะ
“ไปเข้าที่มึงเถอะ กูมารอเก็บศพมึงโน่น ดูหน้าวิศวะแต่ละคนดิไอ้ห่าทำหน้าเข้มเหมือนมาแข่งมวย”ผมบุ้ยหน้าไปทางสนาม
นักกีฬาทยอยเข้าประจำตำแหน่งกันเกือบครบ เหลือแค่มันนั่นแหละมายืนอ้อล้ออยู่ข้างสนาม กรรมการกับเพื่อนร่วมทีมก็มองแรงแล้วมองแรงอีกมันยังไม่สำนึกยืนค้ำหัวคุยกะผมอย่างสบายใจ
“ฮ่าๆๆ ก็ทางนั้นเขาโดนรุ่นพี่กดดันมาหนักนี่นะ ยังไงถ้าแพ้ก็เลี้ยงปลอบใจด้วยแล้วกัน แต่ถ้าชนะขอเป็นแฟนนะ”
“ไม่ต้องเลยไอ้ห่า กูรู้ กูดูการ์ตูนมาไอ้พวกตัวละครที่พูดแบบนี้ก่อนแข่งแม่งแพ้ทุกรายอ่ะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไอ้ป๋า กูฝากดูเพลินด้วยนะเว้ย!”
ดูมันยังอารมณ์ดีได้ เดี๋ยวจะยิ้มไม่ออกนะมึง ไอ้ป๋าที่ว่าก็คือเพื่อนมันที่ผมเคยเจอตอนไปหาที่คณะนั่นแหละ ไอ้ป๋ามันยืนตีกลอง
อยู่ข้างๆผมนี่เอง มันก็พยักหน้ารับคำ พอไอ้ครอสเดินเข้าสนามเขาก็ได้ฤกษ์เริ่มแข่งกันสักที
แค่ฟุตบอลผมก็เล่นไม่เป็นแล้ว ปีกเปิกอะไรก็ไม่รู้แล้วนี่ให้มานั่งดูฟุตซอล ไม่รู้เรื่องหนักเลยไอ้ห่ะ จะถามไอ้ป๋ามันก็เอาแต่ตีกลองร้องเพลงสันไม่กล้ารบกวน
ด้วยสนามที่เล็กล่ะมั้งก็เล่นเร่งจังหวะกันเร็วกว่าฟุตบอล แถมยังไม่ใช่พื้นหญ้าอีก วิ่งสลับกันให้ควั่ก ลูกบอลน้อยก็โดนเขาเตะไปทางโน้นทางนี้
แม้จะไม่เคยดูแต่ผมก็มองออกว่างานนี้มีคนเล่นแรง
ก็วิศวะทั้งทีมนั่นแหละ จากห้าคนได้ใบเหลืองไปแล้วสอง เพิ่งเริ่มมาแค่สิบนาทีเอง
ไอ้ครอสโดนย่ำตีนไปเต็มๆหนึ่งครั้งแต่กรรมการไม่เห็น
“โกงว่ะ แม่ง...”ไอ้ป๋าก็คิดแบบเดียวกับผม พวกเราสบตากันแบบเครียดๆ”รอดูท่าทีอีกนิดละกัน ตอนนี้ฝ่ายเรายังได้เปรียบอยู่ไม่อยากขัดกระแสเกมส์”
จะว่าไปฝั่งมนุษย์ศาสตร์ก็เป็นฝ่ายคุมเกมส์จริงๆนั่นแหละ เพราะลูกจะวนอยู่แถวประตูวิศวะมากกว่า มีโอกาสทำประตูเยอะกว่าด้วย โดยเฉพาะไอ้ครอส ผมว่ามันเก่งนะ เก่งจริงไม่ได้อวย แต่โกลด์ฝั่งนั้นเหนียวมากไม่ยอมปล่อยหลุดเลย
“สู้เว้ย สู้ๆๆๆๆๆๆ”ไอ้ป๋ามันฮึดกว่าคนแข่งอีก ตีกลองแหกปากจนหน้าดำหน้าแดง
“ครอสสู้ๆๆๆๆๆๆ”ระลอกนี้เป็นของสาวๆต่างคณะครับ ส่งเสียงวี๊ดว๊ายกันใหญ่ไม่ได้ดูเล้ยว่าไอ้ที่เชียร์มาน่ะมีแต่ไปกระตุ้นไฟริษยาของพวกวิศวะ
“เพลินก็ช่วยเชียร์ด้วยดิ ตะโกนเร็ว สู้ๆนะพวกมึ๊งงงงงงงงงง ชนะให้ได้!! กีฬาชนิดอ่อนแพ้มาเยอะแล้ว แต่แค่นฟุตซอลเท่านั้น ชนะแล้วเดินเย้ยได้ทั้งมหาลัยเลยนะเว้ยยยยยยย!!!”ป๋ามันอินจัด
“ตะโกนสิเพลิน!”ผมหันกลับมามองสนามแต่กลับถูกคนข้างตัวเอ่ยเร่ง
อย่ารบกวนดิวะ คนกำลังลุ้น!
“เหยดดดดดดดดดดดดดด นั่นๆๆๆๆ”ไอ้ป๋ากรีดร้องเมื่อเห็นฉากที่ไอ้ครอสมันเลี้ยงลูกหลบแปดเสต็ปก่อนส่งลูกต่อให้เพื่อนร่วมทีม ฟุบฟับๆๆ จนมาถึงหน้าโกลด์ลูกก็มาอยู่ในเท้าไอ้ครอสอีกครั้ง
โกลด์พุ่งตัวแต่ไอ้ครอสแค่ง้างเท้าหลอกโกลด์เลยออกตัวล้อฟรี
“จังหวะนี้แหละ!!”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย ลุ้นฉิบหาย!! ผมแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
ผลั่ก!!
“โอ๊ยยย!!”
ชั่วพริบตานั้น...เสียงเฮของทั้งสนามก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
บอลที่ควรเข้าไปอยู่ในโกลด์กระดอนเด้งออกนอกสนาม
คนที่ควรทำประตูแรกของนัดชิงได้ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
ร่างสูงกุมข้อมือซ้ายด้วยสีหน้าเจ็บแค้น
เมเจอร์ที่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลยตั้งแต่เริมเกมส์ค่อยๆยืนขึ้น จากมุมนี้ผมไม่รู้ว่าไอ้เจอร์ทำหน้าแบบไหน แต่ที่รู้คือไอ้ครอสกำลังโกรธจัด!!
“อะ...อะไรน่ะ”ผมลุกขึ้นยืนมองหน้าไอ้ป๋าเลิ่กลั่ก เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อกี้ตอนไอ้ครอสจะยิง จู่ๆไอ้เจอร์ก็โผล่มาจากมุมไหนก็ไม่รู้ มันพุ่งตัวเข้ามาสกัดลูกจนล้มกลิ้งทั้งคู่และไม่รู้ว่าทำอีท่าไหน...คนเจ็บถึงมีแค่ไอ้ครอส
กรรมการรีบวิ่งเข้าไปดู เพื่อนรวมทีมเองก็มายืนออกอยู่รอบตัวครอส มันลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ยังกุมข้อมือขวาเอาไว้
จากตำแหน่งที่ผมนั่งทำให้ได้ยินเสียงคุยในสนาม
“กูไม่เป็นไร...”ไอ้ครอสพูดทั้งๆที่สีหน้าแม่งบอกชัดมากว่าโคตรเป็นเลย
“หึ! ไม่ไหวก็อย่าฝืน”
“!!”
คนพูดคือเจอร์!
มันยังหันหลังให้อยู่ผมเลยไม่รู้ว่ามันทำหน้าแบบไหนแต่ไม่ว่ามันจะทำหน้าแบบไหนการพูดประโยคนั้นในสถานการณ์แบบนี้คนได้ยินทุกคนย่อมตีความว่าคือการหยาม!
“เห้ย! มากไปป่าววะมึงอ่ะ ไม่ขอโทษเพื่อนกูสักคำแล้วยังพูดจาอวดดีอีก!?”
“ใจเย็นพวก ใจเย็นๆ คนของเราไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ตั้งใจก็ขอโทษมาดิ เล่นสกปรกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะพวกมึง แต่อันนี้มันแรงไปว่ะ”
“สกปรกเหี้ยไร พวกกูก็เล่นตามกติกา ทำไม!? พวกมึงเห็นกูใช้มือเดาะบอลรึไงสัส!”
“ไอ้เหี้ยยังมาปากดีอีก!?”
คราวนี้เป็นศึกระหว่างนัดเตะคนอื่นๆ เพื่อนไอ้ครอสกับเพื่อนไอ้เจอร์จ้องตาคุมเชิงกันเขม็ง บรรยากาศตึงเครียดโคตรๆ
ชั่วขณะที่การปะทะฝีปากย่อมๆดำเนินอยู่นั้นเอง ไอ้เจอร์ตัวต้นเรื่องก็เดินเข้าไปกระซิบบางอย่างกับครอส
บางอย่าที่ผมไม่ได้ยิน
“...”
“มึง!!”ครอสมันคงสะกดอารมณ์อะไรไม่ไหวแล้วมันจึงถลาเข้าใส่ร่างสูงโปร่งของคู่กรณี ใช้มือข้างที่เหลือกระชากคอเสื้อ พริบตา
นั้นเหมือนมีระเบิดลงในสนามอ่ะ คนนู้นคนนี้วิ่งกรูเข้าไปแยกมวยคู่เอกกันชุลมุน
“ไอ้เหี้ยเจอร์!! ไอ้สันดาน!! พวกมึงปล่อยกู!! กูจะไปต่อยมัน!!”ครอสทั้งดิ้นทั้งสะบัดจนตัวโยน โกรธจนเส้นเลือดแทบแตก
“เพลิน!! ให้ไปห้ามเร็ว”ไอ้ป๋าพูดขึ้น
“กูเหรอ!!”ผมชี้หน้าตัวเองเหรอหรา ในสนามบอลที่ใกล้วางมวยเปิดศึกสองคณะกันนั่นอ่ะนะ!?
เออ กูก็ได้ว่ะ
" " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " "
วันนี้ลองค้นหาคำว่า 38 องศาในทวิตเตอร์ด้วยความหวังว่าจะมีคนพูดถึงนิยายเรามั้ยน้า~~
ปรากฏว่าเจอแต่คนบ่นอากาศร้อน 
ถ้าใครอยากพูดถึงนิยายเราก็ใช้ #38องศา แล้วกันนะคะ เราจะได้ตามไปส่องง่ายๆ