เสียงร้องเพลงในร้านยังคงดังกึกก้องไปทั่วเหมือนทุกคืน ผมรู้สึกราวกับว่าเพลงที่แขกขอมากันในวันนี้ดูจะเป็นเพลงเศร้ามากกว่าทุกคืนที่ผ่านมาก เสียงร้องของผมยังคงขับขานออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าวันนี้จะเจอเรื่องหนักหนาแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่องานที่ผมสามารถพูดได้ว่า"รัก"แล้วนั้น ผมก็ยังคงมีพลังในการร้องเพลงต่อไปได้เสมอ
หลังจากที่ผมร้องเพลงได้สักระยะ รุ่นพี่เจ้าของร้านก็ได้เข้ามาพูดกับผมข้างเวทีว่าวันนี้มีคนรู้จักอยากจะขึ้นมาร้องเพลงขอโทษคนรักบนเวที ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆกับความน่ารักนั้น คนบางคนรักใครแล้วก็ยังคงดูแลคนที่เค้ารักเสมอแม้เวลาที่ทะเลาะกัน ผมได้แต่ยิ้มและรู้สึกยินดีไปกับพวกเขาด้วยที่ได้เจอกับคนที่เขารักแล้วทำดีให้กันได้ทุกอย่างขนาดนี้
"เพลงต่อไปจะเป็นเพลงพิเศษที่แขกของเราอยากจะขึ้นมาร้องให้แฟนเขานะครับ น่าอิจฉาจริงน้า..."ผมพูดติดตลกออกไมค์ แขกหลายคนก็หัวเราะและยิ้มน้อยๆตามคำพูดที่ผมพูดไป
"ถ้าผมมีคนร้องเพลงให้บนเวทีแบบนี้นะ ผมจะรีบหายโกรธเลย"ผมพูดต่อ"รีบๆให้อภัยเขาได้แล้วนะครับ ผมอิจฉา..."ผมพูดเล่นอย่างเฮฮา แต่ถ้าทำให้พวกเขาสามารถกลับมารักกันได้ผมก็ยินดี
"แขกท่านที่จะขึ้นมาร้องเพลง เชิญขึ้นมาได้เลยนะครับ"ผมประกาศก่อนเหลือบมองไปรอบร้าน ผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมากจากที่นั่งเดินตรงมาที่เวที
เขา... อีกแล้วเหรอ...
"ขอบคุณคุณนักร้องด้วยนะครับสำหรับคำอวยพร"
เขายิ้มกว้างก่อนเปล่งเสียงร้องเพลง
_________
ในเวลานี้ผมอยากจะถอนคำพูดที่ผมประกาศออกไมค์ไปเป็นอย่างมากจนสามารถใช้วลีว่า "กัดลิ้นตาย" ตายได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างยิ่งจนน่าขำ ผมต้องนั่งอยู่ข้างๆคนตัวสูงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เวทีนี้ที่ผมเคยมีความสุขเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วกลายเป็นดินแดนลับแลไปในชั่วพริบตา แม้ว่าผมจะพยายามไม่ฟังเสียงร้องของเขามากเท่าไร เสียงของเขาก็ยังคงดังก้องอยู่ข้างหูของผมอย่างช่วยไม่ได้
เพลงที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังขับร้องอยู่นั้นช่างไพเราะจนยากต่อการปฏิเสธ น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาช่างทุ้มกังวาลจนนักร้องมืออาชีพอย่างผมยังนับถือ เขาร้องราวกับนักร้องที่ผ่านการฝึกฝนมานานแรมปี บทเพลงที่เขาเลือกมามีเนื้อหาเกี่ยวกับความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและแสดงถึงการขอโทษคนที่ตนรักอย่างตรงไปตรงมา เขาสามารถเข้าถึงบทเพลงได้อย่างน่าทึ่ง ดวงตาของเขาคอยมองมาที่ผมเป็นระยะสลับกับคนดูตลอดบทเพลง ความสามารถรวมกับอารมณ์ร่วมที่เขาสื่อออกมานั้นทำให้บทเพลงดูจะยิ่งไพเราะมากขึ้นเป็นทวีคูณ
นาย... ต้องการอะไรกันแน่...
เมื่อเขาร้องเพลงจนจบท่อนสุดท้าย เสียงปรบมือจากทั่วทุกสารทิศก็ดังขึ้นพร้อมๆกันอย่างมิได้นัดหมาย แขกบางคนส่งเสียงกล่าวชมพลางให้กำลังใจกันอย่างไม่หยุดปาก เขายิ้มน้อยๆและลูบหัวตัวเองเบาๆแสดงความเขินอายก่อนกล่าวขอบคุณ สายตาของเขาหันมากระทบกับผมพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นจนผมรู้สึกหวิวภายในอก
ผมไม่รู้ว่าผมสบตากับเขายาวนานเท่าไหร่ แต่สำหรับผมนั้น ผมรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน
คนๆนี้ ช่างหาเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริงๆเลยน้า...
__________
เมื่อผมลงจากเวทีหลังร้องเพลงเสร็จ ผมก็นั่งลงที่นั่งประจำของผม ก่อนสั่งเบียร์และยกขึ้นดื่มแก้วต่อแก้วราวกับน้ำเปล่า ปัญหามากมายที่ผ่านเข้ามานั้นดูจะค่อยๆเลือนรางไปเรื่อยๆ ผมยังคงยกแก้วขึ้นดื่มไม่ยั้งด้วยความรู้สึกประหลาดที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ
"ดื่มเยอะอีกแล้วนะครับ"เสียงทุ้มดังก้องขึ้น คนตัวสูงพูดก่อนนั่งลงข้างๆตัวผมอย่างไร้ความเกรงใจ เขายิ้มน้อยๆขณะมองหน้าผม มือและแขนของเขาวางราบยาวไปกับพนักโซฟาทั้งสองตัว มืออุ่นของเขาเอื้อมมาโดนไหล่ผมอย่างไม่ตั้งใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะถอนมือออกไป ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก
"นายมันเป็นผู้ชายนิสัยเสีย!"ผมตะโกนเสียงกร้าวใส่คนตรงหน้า เขามีสีหน้าตกใจก่อนแววตาจะค่อยๆปรับกลับมาเป็นดวงตาที่อ่อนโยนและมองผมด้วยแววตาที่อบอุ่นพลางยิ้มเยาะ
"คุณเมาแล้วหล่ะ ผมว่าคุณขึ้นไปนอนดีกว่านะ หน้าคุณแดงมากแล้วด้วย"เขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง นัยตาของเขาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย
คนๆนี้ช่างเป็นคนที่แสดงออกทางดวงตาเสียจริง...
"ไม่ได้เมาซะหน่อย! เลิกทำตัวแบบนี้เสียทีเถอะ!"ผมต่อว่าเขาอย่างรุนแรง น้ำเสียงของผมนั้นเต็มไปด้วยโทสะ "ทำตัวเหมือนคนอื่นไม่ได้หรือไงกัน! มีอะไรกันแล้วก็น่าจะพอแล้วนี่! จะเอาอะไรอีกหล่ะ!"ผมพูดเสียงดัง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาพร่าลายคล้ายจะหมดสติ
"คุณ! ไหวหรือเปล่า! เดี๋ยวผม..."ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเขา ผมก็รู้สึกได้ว่าตนเองประคองสติไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ผมเห็นแต่ใบหน้าที่ตื่นตกใจของเขาเท่านั้น...
__________
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างประหลาด ร่างกายของผมถูกนอนกอดด้วยอ้อมแขนที่อบอุ่น ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาพบคนตรงหน้า เขาดูมีสีหน้าที่เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ผมค่อยๆพิจารณาใบหน้าและร่างกายของเขาเหมือนครั้งก่อน ทุกสัดส่วนยังคงดูดีเหมือนที่ผมมองเขาก่อนหน้านี้เว้นเสียแต่เสื้อผ้าของเขาที่ยังอยู่ครบ
นี่คือสิ่งที่แตกต่างสินะ...
ผมลอบยิ้มน้อยๆอีกครั้งกับความคิดของตนเอง ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่างจากรุ่นพี่ให้ลงไปช่วยงาน ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นเงียบๆโดยไม่ให้เขารู้ตัวและเดินลงไปยังชั้นล่าง
"สภาพแบบนี้จะช่วยอะไรได้กัน"รุ่นพี่ผมส่งเสียงออกมาจากเคาท์เตอร์บาร์ทำให้ผมต้องหันมามองสภาพร่างกายของตนเอง
ไม่แปลกใจเลยที่เขาทักผมแบบนั้น...
ผมยิ้มก่อนค่อยๆเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าบาร์และพิงหัวลงกับเคาท์เตอร์อย่างอิดโรย
"นี่ก็เป็นปีแล้วสินะที่นายมาทำงานที่นี่ นับตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้น..."รุ่นพี่พูด น้ำเสียงของเขาเบาลงและทอดถอนหายใจแรง
นั่นสินะ นับจากเรื่องนั้น... ก็น่าจะปีนึงแล้วสินะ...
ผมคิดพลางนึกถึงเรื่องนั้นที่ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ...
ผมย้ายออกมาจากหอพักและย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ปีนึงแล้ว...
สาเหตุหน่ะหรือ... ก็เพราะผมไปหลงรักเพื่อนที่นอนอยู่หอด้วยกันทุกคืนหน่ะสิ...
เขากับผมย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันหลังจบมัธยมปลาย...
เขาเป็นเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันแต่ดันเกิดหลังผมปีนึง...
ใช่แล้วหล่ะ เพื่อนของผมที่เข้าเรียนก่อนเกณฑ์...
และเป็นรุ่นพี่ในคณะของคนที่นอนอยู่ข้างบนห้องผมนั่นแหละ...
ที่ผมไม่เข้าไปขอโทษเขาตอนนั้นก็เพราะเขาเล่นบาสอยู่กับ "เพื่อน" ของผมหน่ะสิ...
ผมอิจฉาคนที่นอนข้างบนที่เป็นเด็ก... พาลให้ผมนึกไปถึงสมัยก่อนที่ผมและเขาสนิทสนมกันได้อย่างสนิทใจ...
เพราะแบบนี้จึงไม่แปลกที่เมื่อคนบนห้องสารภาพรักแล้วจะทำให้ผมรู้สึกอยากจะหนีออกไปจากตรงนั้นซะ...
เพราะว่า "เพื่อน" ของผมเขามองมาทางผมอย่างไม่ละสายตายังไงหล่ะ...
"เรื่องมันนานมาแล้ว เลิกเก็บมาคิดมากได้แล้วน่า"รุ่นพี่พูดเบาๆก่อนมองมาทางผม สายตาที่เอ็นดูของเค้าทำให้ผมกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
"แล้วคนที่นอนอยู่ข้างบนหล่ะ? ไม่ชอบเขารึ? พี่ว่าเขาชอบแกนะ"รุ่นพี่พูดพลางยิ้มกว้าง
"พี่รู้เรื่องด้วยเหรอ? พี่รู้จักเขารึ?"ผมถามอย่างสงสัยปนตกใจ
"ถ้าไม่รู้จักจะให้ขึ้นไปร้องเพลงรึ"ทำไมผมถึงไม่นึกสงสัยมาก่อนนะ เขาเป็นรุ่นพี่ในคณะของ"เพื่อน"ผม เท่ากับว่าคนบนห้องก็เป็นรุ่นน้องคณะเขาเหมือนกัน
"แกเองยังเคยเมาแล้วเดินไปคุยกับเขาเลย จำไม่ได้หรือ?"รุ่นพี่พูดทั้งใบหน้ายิ้มแย้ม ผมได้แต่นึกสงสัยว่าผมไปทำเรื่องแบบนั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"ให้โอกาสเขาหน่อยเถิดน่า แล้วแกเอง... ก็ให้โอกาสตัวเองบ้าง"รุ่นพี่พูด น้ำเสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน
"ขึ้นไปนอนเถอะ! อยู่ตรงนี้คงช่วยอะไรไม่ได้!"เขาพูดเสียงดังพลางหัวเราะอย่างมีความสุข ผมได้แต่มองเขาก่อนยิ้มกว้างกับคำพูดของเขา รุ่นพี่ของผมที่เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน
นี่คงถึงเวลาแล้วสินะ...
ผมได้แต่คิดในใจ...
_________
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้ายังคงส่องลงมาจากหน้าตาใบเดิม ต่างกันตรงที่ในครั้งนี้มีชายหนุ่มผู้แสนอบอุ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่าง ใบหน้าได้รูปกับคิ้วหนานั้นสะท้อนกับแสงแดดขับให้ใบหน้าของเขายิ่งชวนมอง ในมือของเขามีถ้วยกาแฟใบหนึ่งซึ่งสร้างไอร้อนสีขาวจางๆออกมา ดวงตาคู่นั้นมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"ตื่นแล้วหรือ?"ผมส่งเสียงออกไปทักเขา และแทบจะในทันทีที่เขาเองก็หันมามองทางผมด้วยแววตาสื่อความนัย รอยยิ้มของเขาในตอนนี้เหมือนกับว่ามันพยายามจะสื่อความหมายที่แตกต่างออกจากที่ผมเคยเห็นทุกครั้ง
ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวเล็กฝั่งตรงข้ามเขาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ตัวเขาเองก็ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งเช่นเดียวกันกับผม
"ผมหน่ะ... เคยมีผู้หญิงที่คบด้วย ผมเคยรักเค้ามากจนคิดว่าผมคงจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกถ้าได้อยู่กับเค้าตลอดไป..."ชายนิรนามกล่าว ดวงตาของเขามองเหม่อออกไปเบื้องหน้าอย่างโหยหา
"แต่เค้าหน่ะ... ชอบผมแค่เพราะผมให้ทุกอย่างที่เค้าต้องการได้ วันนึง... พอผมเลือกที่จะปฏิเสธเค้า เค้าก็ไปจากผมไปหาอีกคน... โดยที่ไม่มีความลังเลเลย..."ใบหน้าหล่อเหลานั้นบอกถึงความเศร้าที่คั่งค้างอยู่ในใจได้เป็นอย่างดี
"พอเกิดเรื่องขึ้นวันนั้น ผมก็มากินเหล้าที่ร้านนี้ ก็คงเหมือนคนอื่นๆหล่ะนะ... ที่อยากมาเพื่อให้ลืมเรื่องที่ไม่อยากจำออกไปจากสมอง"เขายิ้ม"แล้วผมก็มาเจอพี่..."เขาเบนสายตาจากภาพนอกหน้าตามาหาผม
"พี่หน่ะเมาไม่รู้เรื่องจนผมรำคาญเลยหล่ะตอนแรก จนพี่มาชนแก้วกับผม...แล้วก็ร้องเพลงให้ผมฟัง"เขาอมยิ้ม
"เราร้องเพลงอะไรไปหรือ?"ผมอมยิ้มและหันมาสบตากับเขา
"ผมไม่บอกพี่หรอก อยากรู้ก็นึกให้ออกสิ ใบ้ให้แค่ว่ามันแทบจะทำให้ผมลืมเรื่องเศร้าทั้งหมดไปได้ในชั่วพริบตาเลยหล่ะ"เขายิ้มกว้างและจ้องหน้าผมไม่หยุด
ผมนี่มันแย่จริงๆ เรื่องสำคัญแบบนี้ก็จำไม่ได้...
ผมหัวเราะเบาๆกับคำพูดของเขา
"ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็รู้สึกคุ้นหน้าพี่มาก จนมารู้ว่าพี่เป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ผม จะไม่ให้นึกออกได้อย่างไรกันหล่ะ รุ่นพี่ผมแทบพูดถึงพี่ตลอดเวลาเลยหล่ะ ผมฟังเขาพูดบ่อยจนผมรู้สึกได้เลยหล่ะว่า ผมอยากอยู่ข้างๆคนๆนี้และมีความสุขไปด้วยกันกับเขา"เขาพูดติดตลก"แต่เค้าบอกว่ามีปัญหากับพี่นิดหน่อย... เค้ารู้สึกผิดเลยไม่กล้าเข้าไปคุยกับพี่"เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
ถึงจะไม่ได้คุยกัน... แต่เพื่อนของผมก็ยังสร้างปัญหาให้ผมไม่หยุดหย่อนเลยสินะ...
เพราะเขาเค้าดันส่งเจ้าหนุ่มคนนี้มาแทนนี่สิ...
ผมได้แต่ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ มันช่างเป็นความรู้สึกดีใจปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก...
"เราหน่ะ... ก็เคยรักคนๆหนึ่งถึงขั้นที่คิดว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้วเหมือนกัน... ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ... อยู่กันมาตั้งเป็นสิบปี... จะให้ไปมองใครที่ไหนได้หล่ะ..."ผมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง"แต่คนๆนั้นเขามีอะไรกับเราครั้งเดียวก็เลิกคุยกับเราไปเลยหล่ะ..."ผมยังคงพูดต่อไปแม้จะรู้สึกเจ็บในอก"เค้าไม่อยากมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน"ผมได้แต่ทำหน้าเศร้า ผมคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้คงรู้สึกถึงได้เหมือนกัน
"ผู้ชายคนนั้นขี้ขลาดนะ..."เขาเอ่ยขึ้น"ไม่กล้าแม้แต่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองด้วยซ้ำ"เขายังคงพูดต่อไป สายตาของเขาจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา
"ถ้าผมเป็นคนๆนั้น... ผมคงไม่มีวันปล่อยพี่ไปแน่"
ผมรู้สึกหัวใจมันเต้นแรงอย่างผิดจังหวะ ไม่รู้เพราะความเจ็บปวดหรือสุขสม เหมือนกับว่าความรู้สึกของผมมันเอ่อล้นออกมาจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาที่เคยควบคุมมันได้มาโดยตลอดกลับไหลรินออกมาอาบสองข้างแก้ม
"นายนี่ตลกดีนะ... ทำเราขำจนน้ำตาไหลได้เลย..."ผมยิ้มขึ้นมาอย่างจริงใจ
กับคนตรงหน้านี้... ผมคงไม่ต้องเสแสร้งทำตัวเข้มแข็งสินะ...
เค้าค่อยๆเอื้อมมือใหญ่ของเขามาจับมือผม สัมผัสที่อบอุ่นราวกับจะปลอบประโลมจิตใจนั้นช่างมีพลังที่แสนมหัศจรรย์เหลือเกิน
"เราคุยอะไรกันมาตั้งนานแล้ว เรายังไม่รู้จักชื่อของนายเลย"ผมยิ้มกว้างถามคำถามที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคำถามแรกที่ผมควรถามตั้งแต่เจอกันครั้งแรกด้วยซ้ำ
ผมคิดว่า... พวกเราสองคนนั้น... ข้ามขั้นตอนมามากเกินกว่าจะกลับไปได้อีกแล้วหล่ะ...
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเรานั้นส่งเสียงดังไปทั่วห้อง กลิ่นอายแห่งความสุขดูเหมือนจะค่อยๆห้อมล้อมตัวของพวกเราสองคนอย่างช้าๆ ผมไม่รู้ผมพูดคุยกับเค้าเนิ่นนานเพียงไร และผมเองก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันว่าต่อไปพวกเราจะเป็นอย่างไร พวกเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนจบของ "เรา" นั้นจะเป็นอย่างไร
แต่ผมเชื่อว่า... "ผม" และ "เขา" คงจะสามารถมีความสุขกันต่อไปได้...
และผมเชื่อว่า... "เรา" จะไม่กลับไปเศร้าเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนอย่างแน่นอน...
Finn.
Link ของเรื่องสั้นอื่นๆ:
(เรื่องสั้น) Chain: พันธนาการ... (จบบริบูรณ์)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45384.new;topicseen#new