Just Love ❤ รักนะครับ22
“ผมรักพี่ว่ะ ... พี่กาย” ความรู้สึกมันเหมือนกำลังเต้นๆ อยู่ในเธคแล้วไฟก็ดับ พรึ่บ!
เสียงไอ้ซันบอกอะไรสักอย่างแว่วราวกับดังมาจากที่ไกลทั้งที่มันนั่งอยู่ข้างกายแล้วทุกอย่างก็เงียบไป
“ผมพูดจริงๆ นะ”
ไอ้เด็กกะล่อนพูดต่อตอนที่เรายังสบตากัน แววตาสีดำสนิทดูจริงจังเหมือนตอนที่มันทำหน้าที่ประธานชมรมฟุตบอล
“พี่กาย... ได้ยินไหม...พี่”
ผมหลบตา ไม่ตอบคำถาม ตั้งใจจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ แต่ก่อนที่จะคว้าได้นั้นก็ถูกมือดีมาแย่งไปเสียก่อน
“เฮ้ย ทำไรมึงเนี่ย เอารีโมทมา” สองตามองดูรายการสารคดีสัตว์โลกในโทรทัศน์ ตั้งใจอย่างแน่วแน่นว่าไม่มีทางละสายตาไปไหนเด็ดขาด
“สนใจผมสักนิดไม่ได้เหรอครับ”
“.................”
“ปลานีโม่มาเป็นฝูงเลยเว้ย...หน้าตาเหมือนกันหมดแบบนี้จะจำได้ไงว่าตัวไหนพ่อวะ ไอ้แมนมึงว่านีโม่มันตามหาพ่อมันถูกได้ไงวะ”
“...สักนิดก็ไม่ได้เหรอครับ”
แม้ไม่หันไปมองก็รู้ว่าสายตาของไอ้แมนยังคงจ้องมาที่ผม
คำขอร้องของมันสั่นเครือ ไม่ร้องนะเว้ย ไม่เอาดราม่า!
“..ฮึก... ผมชอบพี่จริงๆ นะ พี่กาย ..”
ผมหันขวับไปมองมันทันทีที่ได้ยินเสียงสะอื้น ใบหน้าเกรียมแดดนั้นนองด้วยน้ำตา ไอ้แมนกัดหลังมือตัวเองไว้กั้นเสียงสะอื้น มือขวาเช็ดน้ำตาตัวเองปอยๆ
เฮ้ย! คือร้องจริง
“............”
ตัดสินใจอยู่นาน ยื่นมืออกไปแล้วเก็บกลับมาไม่รู้กี่รอบ จนในที่สุดฝ่ามือของผมก็เอื้อมไปสัมผัสหัวเกรียนๆ ของคนที่นั่งร้องไห้จนได้
ไอ้กายเงยหน้าขึ้นมามองทันที ผมหันกลับไปมองทีวี แต่มือยังคงลูบหัวกลมๆ นั้นไม่หยุด
ปึก!
“อะไรมึง!”
ไอ้แมนปัดมือผมทิ้ง ตาสองข้างของมันแดงก่ำ น้ำตายังคงไหลลงมาเป็นสาย ริมฝีปากสั่นระริก
“..เพราะพี่ทำแบบนี้ไง ... ผม..”
“ทำไม กูทำอะไร”
“..พี่ทำแบบนี้ตลอดอะ...ถ้าไม่สนใจก็บอก ก็ไล่สิวะ...อย่าทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยังดีกับผมได้ไหม...”
“...........”
“พี่ทำแบบนี้...มันเจ็บกว่าโดนปฏิเสธอีก” เสียงสะอื้นหายไปแล้ว เหลือเพียงน้ำจากดวงตาทั้งสองข้างที่ยังไม่ยอมหยุด
“...........”
“...........”
ผมนั่งเงียบอย่างไม่พูดอะไร ปล่อยให้ไอ้แมนร้องไห้จนมันหยุดไปเอง
ลุกไปรินน้ำใส่แก้วยื่นให้ เมื่อไม่มีคนรับก็เอาวางลงกับโต๊ะเตี้ย
เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะก้องไปในความเงียบระหว่างเราสองคน
“มึงรู้จักไข่มุกหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมถึงเปิดปากเล่าเรื่องที่มีแค่ไอ้ซันกับเพื่อนสนิทอีกสองสามคนให้ไอ้เด็กกะล่อนฟัง
“...ไข่มุกเหมือนมึงเลยไอ้แมน... มาชอบคนอย่างกู” ไม่รอให้มันพูดตอบรับอะไร ผมเล่าต่อไป
“ตอนช่วงรับน้องใหม่ คนก็แซวกันไป กูก็ไม่คิดอะไร...จนวันหนึ่งไข่มุกก็มาบอกรักกู” เล่ามาถึงตรงนี้ ผมยิ้มออกมาบางๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องในอดีต
หญิงสาวตัวผอมบาง รวบผมม้า เดินเข้ามาสารภาพรักกับผมกลางคณะ ใบหน้ามนแดงปลั่งอย่างเขินอาย ดวงตาใสแจ๋วราวกับลูกแก้วนั่นเต็มไปด้วยความหวัง
“..เดินมาบอกรักกูกลางคณะเลยมึงคิดดูไอ้แมน ..คนงี้โห่กันสนั่น..หึหึ”
“..............”
“กูตกใจมาก...บอกปฏิเสธไป.....”
“กูจำได้ติดตาเลยว่า ไข่มุกร้องไห้โฮ แล้ววิ่งหนีไป”
‘กาย...เรา...เอ่อ..ไข่มุกชอบกายนะ’
‘เฮ้ย! จริงดิ’ ‘............’ หญิงสาวไม่ตอบ แต่พยักหน้าน้อยๆ แก้มสองข้างซับสีเลือด ผิดกับทุกวันที่เคยขาวซีด
ตอนนั้นเป็นเวลาพักกลางวัน ผมกำลังนั่งทานข้างอยู่ในโรงอาหารประจำคณะ ไอ้พวกรุ่นพี่ทั้งหลายที่ได้ยินก็ส่งเสียงโห่แซว บ้างก็ทำท่าร้องไห้เสียใจ บ้างก็ทำท่าโกรธโมโหกันอย่างสนุกสนานด้วยไม่คิดว่าน้องใหม่หน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้จะใจกล้ามาสารภาพรักอย่างโจ่งแจ้ง
‘เราขอโทษวะไข่มุก...เราไม่ได้ชอบเธอว่ะ’
‘...ฮึก! .. ขอโทษนะกาย’ ทั้งที่น้ำตานองหน้า เธอยังหันมาบอกขอโทษก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีหายไป
“.... ตั้งแต่วันนั้น กูก็ไม่เจอเขาอีกเลย”
“..พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่าพี่กาย”
“..อืม”
หน้าไอ้แมนจากที่แดงเพราะร้องไห้กลับซีดขาวทันทีราวกับถูกป้ายสี
“..พี่เขา... ตะ—ตายเหรอพี่กาย”
“โอ้ย!” โบกหัวเกรียนๆ ของไอ้แมนได้ยินเสียงดังเพี๊ยะ
“ไอ้เชี่ย ไม่ตายเว้ย..มาแช่งเพื่อนกู”
“อ้าว ...” ไอ้กายทำท่าจะเดาเหตุการณ์ต่อไปแต่ผมชิงพูดขึ้นมาก่อน กลัวว่ามันจะพูดอะไรแย่ๆ อีก
“ย้ายไปเรียนเมืองนอกเว้ย...ไอ้ห่าเพื่อนกูนอนสะดุ้งอยู่แหงตอนนี้”
“............”
“กูยังจำหน้าไข่มุกได้อยู่เลย”
ทั้งสีหน้าและแววตาแสนเศร้า
“ถ้าไปรักใครแล้วจะเศร้าขนาดนั้น...กูว่าไม่รักคงดีกว่าละมั้ง”
“......................”
“.........................”
ไอ้แมนฟังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเลย มันกลับไปตอนสามทุ่มกว่าๆ
ห้องที่เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบกว่าเดิม
ผมนั่งอยู่ที่เดิมบนโซฟาครุ่นคิดกับตัวเอง
ถึงแม้ใครหลายคนจะบอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามแค่ไหน
สำหรับผมแล้วมัน...ไม่ใช่เลย
พ่อยอมออกจากบ้านหลังใหญ่มาอยู่บ้านเช่าเล็กเก่าโทรมตอนมีผมเพราะไป ‘รัก’ กับแม่ ‘ผู้หญิงที่ไม่คู่ควร’ จากผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำงานอย่างขยันขันแข็งกลายมาเป็นคนติดเหล้า การงานไม่ทำ นั่งคิดถึงแต่เรื่องในอดีตที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในปัจจุบัน
แม่ต้องกลั้นน้ำตาทุกครั้งที่คุณย่าจากบ้านใหญ่แวะเวียนมาด่าว่า แม่ได้แต่หมอบอยู่บนพื้น ฟังถ้อยคำเสียดสี ถ้อยคำร้ายกาจต่างๆ โดยไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ แม่กลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลทั้งพ่อและผม ทำงานอย่างหนักไม่เว้นวัน เพราะ ‘รัก’ ครอบครัวของเรา ครอบครัวที่มีพ่อขี้เหล้าและลูกชายคนเดียว
ไข่มุกที่ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้กับผม คนที่ปฏิเสธเธอท่ามกลางคนนับร้อย เพราะ ‘รัก’ ผม
เห็นไหมว่า ‘ความรัก’ มันไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ
ทุกครั้งที่พอรู้ตัวว่าเริ่มชอบใครมากเกินไปแล้วละก็ ... ผมจะรีบถอยห่างคนนั้นทันที ผมคงรับไม่ไหวถ้าวันหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบไข่มุก แม่ หรือพ่อ
.
.
.
.
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้คนที่นอนหลับสนิทบนเตียงสะดุ้งพรวด
พลิกตัวขึ้นมาจากกองผ้าห่ม คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา
06.09
ให้ตายสิ! ใครมาปลุกแต่เช้าวะเนี่ย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
กลัวจะไปรบกวนห้องข้างๆ เข้า เลยรีบเดินไปเปิดประตู
“มาแล้วคร้าบบบบ”
“พี่กาย อรุณสวัสดิ์ครับ!” ไอ้แมนยืนส่งยิ้มกว้างมาให้ รอยยิ้มที่สว่างไสวขนาดนั้นทำเอาผมตาพร่า ได้แต่ยืนกะพริบตาปริบปล่อยให้มันเดินเข้ามาในห้องได้อย่างง่ายดาย
“พี่กาย ทานข้าวกัน ผมซื้อโจ๊ก น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋มาด้วย”
ผมเดินตามมา กวาดสายตาไปบนโต๊ะกินข้าวแล้วก็พบว่าอาหารเช้าที่มันบอกถูกจัดใส่จานชามเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกัน”
“ทานก่อนเถอะครับ เดี๋ยวเย็นหมดนะ”
“อืม”
แมนส่งยิ้มกว้างมาให้อีกครั้ง พอผมนั่งลงก็จัดแจงเลื่อนถ้วยน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ และชามโจ๊กมาให้อย่างเอาใจ
“พี่ใส่ขิงกับต้มหอมไหมครับ” เลื่อนถ้วยผักเล็กๆ มาให้
“อืม”
“ซีอิ๊วหน่อยไหม ผมว่ามันจืดไปนิดนะ” ขวดซีอิ๊วถูกวางลงใกล้มือ
“อืม... มึงกินบ้างสิ มานั่งมองกูทำเชี่ยไร”
“ครับๆ”
“อร่อยจังเลยเนอะพี่” ไอ้แมนที่ทานโจ๊กหมดพูดขึ้นมา ผมพยักหน้า
“ไม่ใช่ว่าโจ๊กอร่อยนะ แต่กินกับพี่ต่างหากที่ทำให้โจ๊กอร่อย” ยิ้มอีกแล้ว ขยันยิ้มจริงๆ
“กูไปอาบน้ำละ ...มึงไม่ต้องล้างก็ได้ เก็บไว้ในอ่างก็พอเดี๋ยวเย็นๆ กูล้าง”
มันอุตสาห์ซื้อมาให้กินแล้วยังให้มันเก็บล้างอีกก็เกินไปหน่อย
“ครับๆ พี่ไปแต่งตัวเถอะ”
ท่าทางเริงร่าราวกับคนละคน
บางทีมันอาจจะคิดได้
เรื่องเมื่อคืนมันก็แค่เรื่องล้อเล่นขำๆ เท่านั้นแหละ
ระหว่างการเดินทางมากหอพักมาถึงคณะ ผมไม่ได้พูดกับมันสักคำ แม้ว่ามันจะบ่นหงุงหงิงอ้อนตีนโดดซ้อนรถมอเตอร์ไซค์มาด้วยโดยอ้างเหตุผลสุดแสนจะรักษ์โลกว่า ประหยัดน้ำมันและลดโลกร้อนก็ตาม
หลังจากจอดรถ ไอ้แมนหันมาพูดกับผมก่อนจะเดินแยกไปเรียน
“ตอนเย็นพี่ไปชมรมด้วยนะ ผมรออยู่”
ผมเดินขึ้นห้องเรียน เจอไอ้ซันนั่งหน้ามึนๆ เหมือนเดิม แต่ที่แปลกไปคือรอบตัวมันเหมือนมีรังสีแห่งความสุขกระจายออกมา ทั้งที่แม่งก็นั่งทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแท้ๆ
“ไง” พอนั่งลงข้างได้ไอ้ซันหันมาทัก
“...........” ผมไม่ตอบแต่แกล้งกวนตีนมันด้วยการลุกขึ้น เอียงหน้าทำหน้าทำตาเคร่งเครียด ก้มๆ เงยๆ มองมัน 360 องศา
“ไม่ต้องหา มุมไหนก็หล่อ” ไอ้ซันพูดขึ้นพร้อมยกยิ้มมุมปากโชว์ลักยิ้มแก้มซ้าย
“สัดดดดดด!” ช่างกล้า ถีบขาเก้าอี้ได้ยินเสียงเก้าอี้ครูดพื้น ไอ้ซันแค่หัวเราะหึหึ กลับมา
“มีความสุขสิมึง”
“มาก”
เหอะ หมั่นไส้วุ้ย!
ไม่ทันได้ตอบโต้ อาจารย์ก็เริ่มคลาสเรียนเสียก่อน
ตกเย็น ผมโดนไอ้ซันลากมาชมรมด้วย แต่ไม่ได้ทำไร นั่งดูเด็กๆ มันซ้อม กลับกันกับไอ้ซันที่วันนี้มันลงไปโค้ชน้องๆ
“ดีใจจังที่พี่มา” เสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันไปมีขวดน้ำเย็นส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มกว้างจากไอ้ซัน
“อืม” เอื้อมมือออกไปรับแต่มันกลับขยับมือหนี ตอนแรกยังไม่รู้แต่พอคว้าอีกครั้งที่สองมันดึงขวดน้ำกลับไปกอดเฉย
“พี่กาย ... ถ้าเอาไปแล้วอย่าคืนนะครับ”
“อะไรมึง จะให้ก็เอามา ร้อนชะมัด”
ไม่พูดเปล่า คว้าแฟ้มในกระเป๋าที่ถูกวางไว้ข้างๆ มาพัดจนผมกระจาย
ไอ้แมนเงียบไปสักอึดใจ ก่อนจะพูดกับตัวเองเสียงเบา
“ผมไม่รู้ว่าพี่จะเข้าใจไหม หรือต้องบอกตรงๆ ดีวะพี่”
“พูดอะไรมึง เอามาเด้!”
เอาน้ำมาให้ก็เอาสักทีเถอะ พิธีอะไรของมันเยอะแยะ
“ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหมือนพี่ตอนนี้เลยพี่กาย”
“ฮะ ทำไมมึงหิวน้ำเหรอ ทำไมไม่เอามาอีกขวดเล่า จะมาแย่งกูเนี่ยนะ” ผมลดมือลงหลังจากที่ยื่นมาไปรอรับขวดน้ำจากมันหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ยังไม่ส่งให้อยู่ดี
“เหมือนจะให้ก็ไม่ให้ พอเข้าใกล้ก็ไม่ชอบแต่ถอยห่างออกไปก็ไม่ชอบอีกเหมือนกัน เหมือนจะชอบก็ไม่ชอบ โคตรงงเลยว่ะพี่ ผมไม่รู้จะทำไงดี”
“เลิกเพ้อเจ้อไร้สาระแล้วเอาน้ำมาให้กูได้ละ มึงได้ไปต่อถ้าทำตามที่กูบอก”
“ผมก็กลัวนะ ถ้าให้ไปแล้วพี่จะดูแลไหม ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นนะ”
“แค่ขวดน้ำกินหมดแล้วก็ทิ้งเด้ จะดูแลไรนักหนา”
เอาน้ำให้กินนี่ต้องคิดมากขนาดนั้นเลยหรือไงวะ แต่เหมือนกับคำพูดของผมเป็นเชื้อเพลิงที่เข้าไปแหย่เปลวไฟ ไอ้แมนอยู่ๆ ก็โยนขวดน้ำให้แทบจะกระแทกเข้าหน้า ก่อนจะตะโกนขึ้นมาเสียงดังที่สุดเท่าที่ประธานชมรมฟุตบอลอย่างมันจะทำได้
“ก็มันไม่ใช่แค่ขวดน้ำไงพี่ หัวใจของผมต่างหากเล่า โว้ย!!! ไอ้เชี่ยพี่กาย ทำไมกูต้องมารักมึงด้วยวะเนี่ย” ไอ้แมนพูดจบก็สะบัดตูดหายไป ได้ยินเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ก่อนจะเครื่องยนต์จะเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว
พวกที่ซ้อมบอลกันอยู่ในสนามยังหยุดเล่น หันมามองที่ผมเป็นตาเดียว ไอ้ซันที่ตะโกนโหวกเหวกข้างสนามได้สติก่อนใครเพื่อน ตะโกนบอกให้เล่นต่อก่อนมันจะเดินตรงมาที่ผม
"ทะเลาะอะไรกัน"
เพื่อนสนิทถามหน้าตาเคร่งเครียดผิดกับตอนเช้าลิบลับ
“ไม่รู้ น้องมึงแม่งบ้า เอาน้ำมาให้กู แล้วก็ไม่ให้ พูดอะไรเพ้อเจ้อแล้วก็มาด่ากู นี่ขับมอเตอร์ไซค์ไปไหนแล้วไม่รู้เนี่ย”
โยนให้เป็นน้องไอ้ซันซะเลย อยู่ๆ มาตะโกนใส่กูเพื่อ!!
ไอ้ซันไม่สะทกสะท้านกับคำพูดโวยวายของผม มันจ้องหน้าผมนิ่งๆ สายตาคมนั้นราวกับเครื่องแสกนทำให้ผมอดเกรงขึ้นมาบ้างไม่ได้
“มึงเป็นห่วงมันหรือเปล่า”
“ไม่” ขับรถออกไปเอง เดี๋ยวแม่งก็กลับมาเองแหละ
“ไม่กลัวมันเกิดอุบัติเหตุอะไรเลย?”
ทันทีไอ้ซันพูดจบก็มีเสียงฟ้าร้องครืนๆ พร้อมกับฟ้าแลบ กลิ่นดินฟุ้งขึ้นจมูก ลมแรงพัดมาจนใบไม้ส่ายไหว คนที่ซ้อมบอลอยู่วิ่งกรูเข้ามาที่ร่มกันก่อนจะแยกย้ายกลับกันไป
ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่า ไม่ ไอ้ซันก็รีบสำทับขึ้นมา “คิดดีๆ ก่อนจะตอบนะมึง ถ้าไม่ห่วงมึงก็กลับห้องไปนอนให้สบายใจ แต่ถ้ายังห่วง ยังแคร์มันอยู่ก็รีบตามหามันแล้วคุยกันให้รู้เรื่องซะ”
“กูจะบอกมึงอีกรอบ ถ้ามึงไม่ได้ทำตามที่มึงต้องการตอนนี้ มึงจะเสียใจไหม”
มันเห็นว่าผมยังเงียบเลยพูดย้ำอีกรอบว่า
“ทำตามใจมึงบ้างเถอะ”
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ลมพัดแรงมาอีกระรอก ความสับสนในใจของผมพัดแรงพอๆ กับใบไม้ที่แกว่งไกวตามแรงลม
“แล้วถ้ามันไม่เวิร์คล่ะ... กูคงทนไม่ไหวว่ะซัน”
“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่เวิร์ค” ไอ้ซันถามทันทีที่ผมพูดจบ “มึงยังไม่ทันจะเริ่มเลย รู้ได้ไงว่าไม่รอด”
“ดูก็รู้แล้ว กูกับมันเนี่ยนะ ผู้ชายนะเว้ย” ผู้ชายตัวควายๆ สองคนเลยนะเว้ย
“งั้นกูกับเดือนก็ไม่รอดสิ”
“มันไม่เหมือนกัน มึงกับคุณมันไม่เหมือนกู”
“อย่ามาแถไอ้สัด กูกับเดือนก็ผู้ชายเว้ย ตรรกะผู้ชายคบกันไม่รอดของมึงตัดออกไปได้ ยังมีอะไรอีกฮะ ถ้ามึงจะไปไม่รอดมึงก็คุยกันสิ ไม่พอใจอะไรกันตรงไหนคุยกันก่อน จนถ้ามันสุดทางจริงๆ แล้วมึงค่อยยอมแพ้ ไม่ใช่จะยอมตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้”
ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ กลายเป็นสีเทาเข้ม กลุ่มเมฆสีดำสนิทเคลื่อนที่เข้ามาปกคลุมท้องฟ้าเหนือหัว หมู่เมฆสีดำลอยตัวต่ำคาดว่าคงกลั่นตัวเป็นหยาดฝนในอีกไม่ช้า
“ฝนจะตกละเชี่ยกาย มึงจะทำไงเรื่องของมึงละกันกูไปรับเดือนล่ะ คิดดีๆ อย่ามานั่งเสียใจทีหลัง” คงเห็นว่าผมหง่อยลงไปถนัดมันเลยเดินตามตบไหล่เบาๆ สองสามทีก่อนจะรีบร้อนไปรับคุณ
ผมถอนหายใจออกมา ขณะที่ยังลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรนั้น ฟ้าร้องครืนก่อนจะผ่าลงมาดังเปรี้ยง ได้ยินดังนั้นก็รีบขับมอเตอร์ไซค์ออกมาอย่างรวดเร็ว
ขับวนไปทั่วมหาวิทยาลัยอย่างไม่มีจุดหมาย สายตากวาดไปเรื่อยๆ จนเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท เมฆสีดำกลั่นตัวเป็นหยาดฝนพร่าพรมเบาบาง ก่อนจะกระหน่ำตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา
ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความระมัดระวังจนถึงหอพัก ทั้งร่างสั่นระริกด้วยความหนาวเย็น
“พี่!!!”
ตอนที่กำลังจะไขประตูนั้น ประตูถูกเปิดจากด้านใน พร้อมกับตัวควายๆ ของไอ้แมนเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัว
“ผมมารอพี่ตั้งนาน ทำไมเปียกแบบนี้ นึกว่าพี่จะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก” มันพูดอู้อี้กับบ่าผม เห็นว่ามันห่วงขนาดนั้นเลยกอดมันตอบเบาๆ ตัวมันนี่อุ่นจนเกือบร้อนเลย
“ทำไมตัวเย็นงี้อะพี่ รีบเปลี่ยนชุดเร็ว”
มันประคองผมที่ตอนนี้ตะคริวกินไปครึ่งตัวช้าๆ เข้ามาในห้อง ลากไปห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นแล้วค่อยๆ ใช้ฝักบัวรดไปตามแขนและขา
“ดีขึ้นไหมพี่”
“อืม ...โอ้ย” ผมลองขยับขา ตะคริวยังไม่หายไป
“ถอดเสื้อผ้าก่อนดีกว่าพี่ น้ำอุ่นจะได้รดทั่วๆ” ไม่พูดเปล่า มันเอาฝักบัววางคืนที่ แล้วใช้สองมือปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผม
ในห้องน้ำเต็มไปด้วยไอน้ำสีขาวจากน้ำอุ่นที่เปิดไว้ มือของไอ้แมนแตะที่ขอบกางเกง มันสบตากับผม ดวงตาสีดำสนิทมีหลากหลายความรู้สึกอยู่ภายใน ไม่รู้ว่าไอ้แมนอ่านสายตาของผมว่าอย่างไร มันถึงได้ค่อยๆ โน้นใบหน้าเข้ามาใกล้จนเห็นขนตาเรียงกันเป็นแพล้อมดวงตาคมเข้ม
“เป็นแฟนกันนะพี่กาย”
ไม่รู้ว่าเป็นผมหรือมันที่เริ่มก่อน ริมฝีปากของเราเคลื่อนเข้าหากัน ไอน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำอุ่นค่อยๆ ทำให้อาการตะคริวของผมหายไป มือของแมนค่อยบีบนวดมือผมช้าๆ เริ่มจากปลายนิ้วไล่ขึ้นมาถึงต้นแขน เมื่อครบทั้งสองข้างริมฝีปากของเราก็บรรจบกันพอดี
เราไม่ได้ละสายตาจากกันไปสักวินาที ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการกระทำของมันอยู่ในสายตาและการรับรู้ของผม
อาจเป็นเพราะตัวผมเย็นเลยรู้สึกว่าลิ้นของไอ้เด็กนี่ร้อนมาก ความร้อนไล่เรื่อยไปตามริมฝีปากจนเมื่อผมยอมเปิดปากออกก็เข้าชอนไชไปตามแนวฟัน ดูดวนกระพุ้งแก้ม น้ำอุ่นจากฝักบัวบนผนังกระทบเข้ากับหน้าของเราเต็มๆ กลบเสียงดังของการดูดดึงริมฝีปากไว้หมด ลิ้นของผมถูกดึงไปทักทายริมฝีปากหนา เกี่ยวพันดูดดึงกันแนบแน่น บางครั้งก็อ่อนหวานบางครารุนแรง จนผมเริ่มจะเป็นตะคริวขึ้นมาอีกรอบนั่นแหละ เจ้าเด็กกะล่อนถึงยอมถอนริมฝีปากออก
“เป็นแฟนกันแล้ว อย่าทิ้งผมนะพี่กาย”
ไอ้แมนเอามือเหี่ยวย่นเพราะโดนน้ำเป็นเวลานานของมันลูบริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนจะกดแนบริมฝีปากลงมาแผ่วๆ ขณะที่มันกำลังปิดประตู ผมได้สติ คว้าขวดแชมพูใกล้มือเขวี้ยงตามหลัง ขวดกระแทกประตูดังปัง!
“มึงต่างหากอย่าทิ้งกู ไอ้แมน”
เหอะ! พูดมาได้ว่าอย่าทิ้งมัน มันควรจะบอกตัวเองดีกว่าไหม จูบคนอื่นคล่องขนาดนี้
ไอ้เด็กกะล่อนเอ้ย!!
-----------------------------------------
[24/01/2559]
จิ้มน้องแมน พี่กายปากแข็งไหมน้อ 55555
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ *ได้ไอเดียตอนพิเศษเพิ่มแล้ว *จะไหวหรือเปล่าขอดูงานอาทิตย์นี้อีกทีนะคะ แฮ่ XD
อีก 2 ตอนจะจบแล้วค่ะ
Lavender’s blue