❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92657 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 2 ✢ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ



เจ้าน้องชายของผมนอนหลับปุ๋ยบนเตียงอย่างสบายไปแล้ว กว่าจะได้นอนก็คุยกันซะดึกเลย แถมผมยังต้องทำหน้าที่คอยปลอบคนอกหักอีกด้วย แม้จะเหนื่อยแต่ผมก็ยินดีที่จะทำอะไรก็ได้เป็นการไถ่โทษที่ผมเคยทิ้งน้องไป ยังไม่ได้ถามหรอกว่าน้องชายผมเลิกกับแฟนทำไม เอาไว้ให้สงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยถามดีกว่า ถามตอนนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นซ้ำเติมให้เสียใจไปใหญ่

จู่ๆ ผมก็นึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เลิกผ้าห่มตรงปลายเท้าของนัทขึ้นอย่างช้าๆ นัทใส่กางเกงขาสั้นนอนผมจึงมองเห็นสิ่งที่ผมอยากเห็นได้ทันที อย่าเพิ่งคิดไปไกล ผมแค่อยากดูแผลเป็นรอยเขี้ยวหมาบนน่องขาของนัทเท่านั้น สรุปว่ารอยแผลเป็นก็ยังอยู่เหมือนเดิม แผลนี้นี่แหละที่ทำให้ผมกับนัทได้รู้จักกัน

ผมดึงผ้าห่มกลับที่เดิมแล้วก็นั่งมองนัทนอนหลับปุ๋ย คงจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากสินะน้องพี่ ต่อไปนัทไม่ต้องกลัวแล้ว พี่อยู่นี่ทั้งคน จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องของพี่อีก

ผมไม่เคยลืมหรอกว่าผมเคยรักน้องคนนี้มากแค่ไหน รักจนน้องสาวแท้ๆ ของผมยังเคยบ่นน้อยใจ นัทชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรส ผมก็เลยมักจะเจียดเงินค่าขนมของตัวเองมาซื้อไอศครีมให้นัทกินบ่อยๆ ซื้อให้บ่อยกว่าซื้อให้น้องสาวของตัวเองเสียอีก เห็นนัทกินไอศครีมอย่างมีความสุขแล้วผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ยอมอดกลืนน้ำลายมองนัทกินไอศครีมบ่อยๆ

มีอยู่วันหนึ่งผมขี่จักรยานไปส่งนัทที่บ้าน ร่ำลาแล้วก็ขี่จักรยานออกไปอย่างเคย สักพักก็ได้ยินเสียงนัทร้องไห้วิ่งตามมา ผมจอดรถหยุดหันไปมองก็เห็นนัทถูกแม่ไล่ตีมาแต่ไกล นัทวิ่งมากอดผมไว้ น้านวลก็เลยไม่กล้าตีเพราะกลัวโดนผมไปด้วย ถามไปถามมาก็ได้ความว่านัทลืมเอาเงินค่าขนมให้นิว แถมยังเอาไปซื้อไอศครีมกินจนหมด พอนิวไปฟ้องแม่นัทก็เลยโดนไม้เรียวจนต้องวิ่งมาให้ผมช่วย นึกถึงแล้วขำไม่หาย

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้ว่ารักน้องคนนี้มากแค่ไหน เกิดขึ้นตอนก่อนที่ผมจะไปเรียนที่กรุงเทพอีกไม่กี่เดือน ตอนนั้นนัทไม่สบาย ผมกลัวนัทเป็นไข้เลือดออกเพราะช่วงนั้นกำลังระบาดหนัก พยายามบอกให้น้านวลพานัทไปหาหมอแต่น้านวลก็ไม่ยอมไปเพราะคิดว่านัทแค่เป็นหวัดเฉยๆ กินยาก็หายแล้ว ผมเป็นห่วงนัทมาก กลัวว่านัทจะตาย ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยไปขอให้พ่อกับแม่ผมมาช่วยคุยกับน้านวลอีกคน น้านวลถึงได้ยอม พ่อของผมเป็นคนขับรถพานัทไปส่งโรงพยาบาลในตัวอำเภอด้วยตัวเองในวันนั้น นัทจึงรอดตายมาได้

ผมจำได้ว่าผมขี่จักรยานไปเฝ้านัททุกวัน ตอนที่นัทออกจากโรงพยาบาลมา ผมก็กลายเป็นคนที่หวงน้องมาก คอยดูแลนัทตลอด ใครมาทำอะไรนัทไม่ได้เลย แตะนิดแตะหน่อยได้มีเรื่องกับผมแน่

ทั้งหมดนี้เริ่มมาจากความอยากมีน้องชายของผมนั่นแหละ เผอิญแม่ทำหมันแล้วก็เลยไม่มีน้องอีก นัทเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี ผมจึงรักนัทมากเหมือนน้องที่คลานตามกันมา น้านวลยังบ่นบ่อยๆ เลยว่าผมตามใจนัทมากเกินไป

น่าเสียดายที่ผมต้องทิ้งความผูกพันทั้งหมดไว้ข้างหลังจากความจำเป็นของครอบครัว ตอนไปเรียนกรุงเทพใหม่ๆ ผมเคยขอพ่อกลับมาที่เพชรบูรณ์หลายครั้ง แต่เพราะความขัดแย้งเรื่องธุรกิจกับคนที่นี่ของพ่อ พ่อจึงสั่งห้ามไม่ให้ผมกับน้องสาวมาเหยียบที่นี่อีก รวมทั้งเหตุผลบางอย่างนั้นด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป ความคิดถึงและความผูกพันค่อยๆ ลบเลือนเจือจาง สิ่งแวดล้อมใหม่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ พอรู้ตัวอีกทีก็แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมน้องที่ผมรัก ทุกครั้งที่หยิบรูปของนัทขึ้นมาดูหรืออ่านการ์ดที่นัทเขียนให้ ผมก็รู้สึกผิดในใจเสมอ ผมรู้ว่านัทรักและผูกพันกับผมมาก น้องคงคิดถึงและเฝ้าคอยให้ผมกลับไปหา แต่ผมก็ไปหาไม่ได้

ตั้งแต่นั้นมา ผมกลายเป็นคนเก็บตัวพอสมควร ไม่ค่อยคบใครเป็นเพื่อนจริงจัง ไม่สนใจแม้กระทั่งเรื่องมีแฟนด้วยซ้ำ แฟนคนแรกของผมที่คบมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนถึงปัจจุบัน เป็นเพียงเพราะเธอมีนิสัยบางอย่างคล้ายนัท เธอชอบกินไอศครีมมาก กินได้แทบทุกรสเหมือนนัทเลย ผมจึงสนใจและลองจีบเธอดู นับว่าผมโชคดีที่ได้เจอคู่รักที่พอเข้ากันได้ แม้ว่าจะทะเลาะหรืองอนกันบ้างตามประสา แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีตลอด จนกระทั่งเราตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน อีกไม่กี่เดือนผมกับเพียวก็จะเป็นคู่ชีวิตกันโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ทุกอย่างก็เริ่มต้นมาได้เพราะเพียวชอบบางอย่างเหมือนนัท

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้ทันทีว่านัทมีอิทธิพลกับชีวิตผมมาโดยตลอดโดยที่ผมไม่รู้ตัว แม้กระทั่งเลือกแฟนก็ยังเลือกเพราะมีอะไรคล้ายกัน แล้วนัทล่ะ นัทเลือกคบผู้หญิงคนเมื่อกี้ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับผมหรือเปล่า ?

ผมมองดูนัทที่นอนหลับสบายพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แม้ว่าเพิ่งผ่านเรื่องเจ็บปวดมา แต่นัทก็คงรู้ว่าปลอดภัยแล้วเมื่อพี่ชายคนนี้กลับมาหา อดนึกไม่ได้ว่าถ้านัทไม่เจอผมในช่วงเวลานี้ ใครกันหนอจะช่วยดูแลปลอบใจน้องชายที่น่าสงสารของผม ใครกันจะรักและเป็นห่วงนัทได้เท่ากับพี่คนนี้

ผมเผลอยิ้มและนึกขำตัวเองที่นั่งอยู่บนพื้นข้างๆ เตียงนัทได้เป็นชั่วโมงๆ โดยไม่เบื่อเลย นัทหลับไปแล้วก็ยังนั่งมองไม่ไปไหน ผ่านมาสิบสามปีแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ กลับฟื้นคืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าเราแค่จากกันไปไม่กี่วัน นัทกับผมเชื่อมต่อกันได้ไวมากเพราะสายสัมพันธ์เดิมที่ฝังลึกในใจ

น่าแปลกจริงๆ ยิ่งผมมองดูก็ยิ่งรู้สึกอยากทะนุถนอม อยากกอด อยากปกป้อง อยากดูแล อยากทำอะไรก็ได้ให้คนๆ นี้มีความสุขมากที่สุด ให้เหมือนหรือมากกว่าที่ผมเคยทำตอนเด็กๆ ผมดีใจเหลือเกินที่น้องที่แสนรักกลับมาหาผมอีกครั้ง ต่อจากนี้ไป ผมจะดูแลคนๆ นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้ ผมจะไม่ยอมสูญเสียนัทไปอีกแล้ว

นี่ผม...กำลังรู้สึกอะไรกับนัทกันแน่!?

แล้วเพียวล่ะ!?

พอถึงตอนนี้แล้ว ผมก็ชักสงสัยว่าผมรักเพียวเพราะเธอมีเงาของนัทซ้อนทับอยู่หรือเปล่า ผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าไม่เจอคนที่ชอบบางอย่างเหมือนนัทเสียก่อน ผมก็คงอยู่เป็นโสดจนถึงทุกวันนี้

แน่แล้ว...เงาของนัทซ่อนอยู่ข้างหลังและติดตามผมไปตลอดเวลาโดยที่ผมไม่เคยรู้ตัวเลย

พอรู้แล้ว ผมก็ตกใจมากจนต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะฟุ้งซ่านมากกว่านี้ ไม่หรอก...ผมคงแค่มีความสุขที่ได้เจอนัทอีกครั้ง ผมแค่ดีใจที่ได้ของรักกลับคืนมา แต่เป็นของรักแบบไหนนี่สิที่มันช่างน่าสงสัยเหลือเกิน!?

... ... ...

"พี่แฟรงค์ นัทอยากกินน้ำ"

ตื่นขึ้นมาปุ๊บนัทก็อ้อนผมทันที พี่ชายที่แสนดีอย่างผมมีหรือจะปฏิเสธ ผมรีบเดินไปที่ตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้นัทที่นั่งรออยู่บนเตียง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั้นทำให้ผมอดขำเบาๆ ไม่ได้

"น้ำ"

ผมบอกสั้นๆ แล้วก็ส่งแก้วน้ำให้นัทรับไป นัทดื่มจนหมดแก้วภายในเวลาไม่กี่วินาที

"เอาอีกไหม"

นัทส่ายหัวแล้วก็หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังห้องด้านหนึ่ง

"จะเก้าโมงแล้ว พี่แฟรงค์จะไปทำงานสายหรือเปล่า นัทขอโทษนะ ทำให้พี่แฟรงค์สายเลย"

นัททำหน้ารู้สึกผิด ผมจึงยิ้มให้นัทสบายใจ

"ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปทำงานสายหน่อยก็ได้ ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรมาก"

ผมบอกนัทไปแล้วว่าเรากำลังจะปิดปรับปรุงรีสอร์ท ว่าจะปลี่ยนชื่อด้วยเพราะชื่อ "เรือนแพ" นั้นปู่เป็นคนตั้ง ดูไม่เข้ากับยุคสมัยแล้ว ช่วงนี้เราแค่ดูแลแขกที่จองล่วงหน้าไว้ก่อนเท่านั้น ไม่รับลูกค้าเพิ่ม พอนัทเริ่มเข้าทำงาน เราก็คงต้องช่วยกันวางแผนการปรับปรุงสถานที่ การสร้างแบรนด์ การตลาด การพัฒนาคนทำงานและอีกหลายเรื่อง หวังว่าทุกอย่างจะเสร็จทันช่วงที่ผมแต่งงานนั่นแหละ

"ดีจังเลยนะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนที่นัททำงานนะ ตื่นเช้าแล้วก็ต้องรีบหัวซุกหัวซุนเลย"  นัทพูดพลางขำ

"ตอนเที่ยงๆ ไปกินไอติมกันไหม"  ผมตั้งใจถามเพื่อที่จะรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่างของเรากลับคืนมา

"พี่แฟรงค์ยังจำได้อีกเหรอ" 

ผมพยักหน้า แล้วสีหน้าของนัทก็เปลี่ยนเป็นเศร้า

"แต่ตอนนี้...นัทไม่ค่อยชอบกินแล้ว กินทีไรก็นึกถึงแต่พี่แฟรงค์ นัทไม่อยากเศร้าไง ก็เลยไม่ได้กินไอติมบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน"

ผมนั่งลงข้างๆ นัทบนเตียงแล้วก็ดึงนัทมากอดไว้ ยิ่งรับรู้เรื่องราวของนัทมากขึ้น ผมก็ยิ่งตระหนักว่าตัวเองได้ทำร้ายหัวใจดวงน้อยของเด็กคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับผมให้เจ็บปวดมากเหลือเกิน ช่างน่าเศร้าที่ผมได้ทิ้งความทรงจำที่เจ็บปวดไว้ในใจของนัทตั้งหลายปี ยิ่งนึกถึงตอนที่นัทร้องไห้โฮกอดผมแน่นก่อนจะไปเรียนที่กรุงเทพ ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าหลังจากนั้นนัทจะคิดถึงพี่ชายคนนี้สักแค่ไหน

"พี่ขอโทษนะนัท"

น้ำตาผมไหลอีกจนได้ ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกที่ผมจะร้องไห้และอ่อนไหว เพิ่งเป็นอย่างนี้ตอนที่ได้เจอนัทนี่แหละ

"ไม่เป็นไร ไปกินอีกก็ได้ นัทก็ยังชอบกินไอติมนะ แต่ตอนนั้นกินแล้วมันเศร้าไงก็เลยไม่อยากกิน ตอนนี้...นัทไม่เศร้าแล้ว ไปกินได้"

"นัทน้องพี่"

ผมสะท้อนใจตัวเองจนต้องกอดนัทแน่นขึ้น สงสารน้องรักจับจิตจับใจ นัทกอดตอบผมเบาๆ ผมรู้ว่านัทรู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่กับพี่ชายคนนี้อีกครั้ง ผมจึงทิ้งเวลาให้เนิ่นนานจนพอใจ ก่อนจะปล่อยนัทเป็นอิสระ และสงบจิตสงบใจ

"เสื้อนัทสวยดีนะ รู้จักเลือกเหมือนกันนะเนี่ย"  ผมหยอกพลางก้มมองดูเสื้อของนัทที่ผมเอามาใส่

"พี่แฟรงค์ชอบตัวนี้เหรอ นัทมีอีกตัวสวยกว่านี้อีก เดี๋ยวไปเอามาให้นะ"

พอขาดคำนัทก็ลุกจากเตียง วิ่งเอาแก้วน้ำไปเก็บแล้วก็ไปค้นดูตู้เสื้อผ้า แล้วก็กลับมาพร้อมกับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวตัวหนึ่ง ดูดีทีเดียว

"ถอดเสื้อตัวนี้ออกดิ ใส่ตัวนี้ดีกว่า" นัทบอก

ผมยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน คล้ายกับว่ารู้สึกเขินที่จะถอดเสื้อต่อหน้านัท

"อายเหรอ อายทำไม"

"เปล่าๆๆ"

ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวันแล้วก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ออกทีละเม็ด เสร็จแล้วก็ถอดออกวางไว้บนเตียง อวดท่อนบนเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตานัทกันเลยทีเดียว

"เดี๋ยวนัทใส่ให้นะ"

"แฟรงค์ใส่เองก็ได้" ผมรีบแย้ง

"น่า...อยู่เฉยๆ"

นัทกล้าสั่งว่าที่เจ้านายเสียด้วย แล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม จับไหล่เสื้อเชิ๊ตสีขาวทาบกับไหล่ผมทั้งสองข้างทางด้านหลังไว้เพื่อวัดขนาดไหล่

"ใส่ได้ๆ พี่แฟรงค์กับนัทตัวเท่ากันเลย"

นัทบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ไม่เหลือเค้าความเจ็บปวดบนใบหน้าจนผมอดแปลกใจไม่ได้

"พี่แฟรงค์สอดแขนขวาเข้าไปก่อนนะ แล้วค่อยสอดแขนซ้าย อย่างงั้นแหละ"

ผมอดขำไม่ได้ที่นัทสอนผมเหมือนคนใส่เสื้อผ้าเองไม่เป็น

"เดี๋ยวนัทติดกระดุมให้นะ"

ผมยังไม่ทันอนุญาตนัทก็จัดการติดกระดุมให้ผมซะแล้ว ใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ และกลิ่นเฉพาะของผิวกายทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่น้อย ยิ่งนัทติดกระดุมเลื่อนต่ำลงไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมคงไม่ได้คิดอะไรบ้าๆ กับน้องรักของตัวเองหรอกนะ

"เสร็จแล้ว อ้อ...เหลือกระดุมตรงแขนเสื้อ"

นัทพูดเองและจัดการเองเสร็จสรรพตามเคย แต่ผมก็รู้สึกดีชะมัด มันต่างจากตอนที่เพียวดูแลผมเยอะเลย

"พี่แฟรงค์ต้องเอาเสื้อเข้าในกางเกงด้วยใช่ไหม"

คำถามของนัททำให้ผมเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ความคิด ก็เลยตกใจนิดหน่อย

"อ้อๆ เดี๋ยวแฟรงค์จัดการเอง"

ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วก็จัดการยัดชายเสื้อเข้าไปในขอบกางเกง ขืนช้ากว่านี้นัทคงช่วยจัดการให้อีก คราวนี้อารมณ์บางอย่างอาจพุ่งทะลุปรอทไปเลยก็ได้

เสร็จแล้วนัทก็ลุกขึ้นจากเตียงมายืนมองผมอย่างชื่นชม

"โห...หล่อมาก เห็นมั้ย...นัทบอกแล้วว่าตัวนี้ดีกว่า เดี๋ยวนัทช่วยจัดให้เรียบร้อยอีกทีนะ"

ดูเหมือนนัทจะสนุกมากที่ได้ช่วยใส่เสื้อผ้าให้ผม ผมไม่รู้ว่าตัวผมสนุกหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีท่าทีขัดขืน ปล่อยให้นัทช่วยจัดการเสื้อผ้าของผมจนเข้าทรงดี ผมมีความสุขเหลือเกินที่ตอนนี้มีนัทคอยอยู่ใกล้ๆ

"หล่อจังพี่ชายผม"

นัทยืนยิ้มชื่นชมกับฝีมือของตัวเองด้วยสีหน้าภูมิใจ

"เดี๋ยวนัทไปอาบน้ำก่อนนะแฟรงค์ แฟรงค์รอนัทแป๊บนึงนะ นัทอาบน้ำไม่นานหรอก"

ผมเออๆ ออๆ รับคำแล้วก็ยืนยิ้มมองดูนัทวิ่งจู๊ดไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วก็จัดการถอดเสื้อผ้าให้ผมดูตรงนั้นแหละ ดีว่ามีผ้าเช็ดตัวพันไว้อยู่ ไม่งั้นผมก็คงไม่รู้อีกเหมือนกันว่าผมจะรู้สึกแปลกๆ อะไรอีก

แล้วนัทก็เดินแกมวิ่งกลับมาหาผม พอมาถึงก็ถกชายผ้าเช็ดตัวขึ้นเล็กน้อยให้ผมดูรอยเขี้ยวหมาที่ยังเป็นแผลเป็นอยู่บนน่องซ้ายของตัวเอง

"พี่แฟรงค์จำได้เปล่า เป็นแผลเป็นไม่หายเลย"

ผมก้มดูตามแล้วก็พยักหน้า ความจริงก็ดูไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ

"จำได้สิ เราสองคนต้องไปขอบคุณหมาตัวนั้นนะนัท ถ้าไม่ใช่เพราะมัน บางทีแฟรงค์กับนัทก็อาจจะไม่รู้จักกันหรอก"

คราวนี้นัทหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

"จริงด้วยสิ แต่มันคงตายไปนานแล้วล่ะ ไม่รู้จะไปขอบคุณมันยังไง เอาไว้ขอบคุณมันตอนที่ไปทำบุญที่วัดละกันนะแฟรงค์"

"อืมๆ ไปอาบน้ำเหอะ อาบเสร็จแล้วมากินข้าวเช้ากับแฟรงค์นะ"

"ข้าวเช้าอะไร"

นัทถามแล้วก็หันไปมองตรงบริเวณที่ใช้ทำอาหารในห้องของตัวเอง ผมทอดไข่เจียวง่ายๆ และหุงข้าวไว้ให้แล้ว

"ถึงว่าล่ะนัทได้กลิ่นไข่เจียว นึกว่าจมูกเพี้ยนซะอีก พี่แฟรงค์น่ารักอ้ะ"

ที่ผมเคยรักน้องคนนี้มากก็เพราะนัทเป็นคนขี้อ้อนและชอบเอาใจนี่แหละ แต่บางครั้งก็เอาแต่ใจด้วยเหมือนกัน

"ดูน่ากินนะ นัทไปอาบน้ำดีกว่า จะได้มากินข้าวกับแฟรงค์"

ว่าแล้วนัทก็วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไว ผมส่ายหัวแล้วก็ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู ไม่รู้ว่านัทจะกินอาหารที่ผมทำได้หรือเปล่าเพราะผมไม่ได้ทำอาหารนานแล้ว หลังๆ มานี้มีคนจัดการให้ตลอด แต่ด้วยความที่อยากดูแลน้อง ผมก็เลยต้องตื่นแต่เช้ามาลองทำดู ก็คงไม่แย่ถึงขั้นต้องเทให้หมากินหรอก

... ... ...

ผมไม่รู้ว่าตัวเองได้กินข้าวอย่างมีความสุขอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ไม่ใช่เพราะว่าชีวิตผมมีแต่ความระทมทุกข์อะไรหรอก ผมมีความสุขดีเลยล่ะ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกมีความสุขกับการกินข้าวมากกว่าครั้งไหนๆ มีใครเคยพูดว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเรากินข้าวกับอะไร แต่สำคัญว่ากินกับใครต่างหาก ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

นัทตักกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ชวนผมคุยสารพัดเรื่อง ผมก็คุยกับนัทได้ทุกเรื่องเหมือนกัน แปลกนะ นี่ผมอยู่กับนัทมาเกือบจะหนึ่งวันเต็มๆ โดยที่ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลย แล้ววันนี้ก็จะอยู่ด้วยกันทั้งวันหรืออาจจะอีกคืนด้วยซ้ำ

"แฟรงค์เก็บเสื้อผ้าให้นัทแล้วนะ"

"หา! จริงเหรอ! พี่แฟรงค์เก็บให้หมดแล้วเหรอ!" นัทถามด้วยสีหน้าตกใจ

"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าตกใจล่ะ"

"กกน. ด้วยเหรอ" นัทถามเสียงเบาๆ ดูเหมือนจะเขินๆ ด้วย

"อืม...ก็ทั้งหมดที่นัทต้องใช้นั่นแหละ"

"ทีหลังพี่แฟรงค์ไม่ต้องทำให้นัทขนาดนี้ก็ได้" นัททำหน้าเกรงใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายด้วยหรือเปล่า

"ไม่ต้องคิดมาก สิบสามปีแล้วนะที่แฟรงค์ไม่เคยมาดูแลนัทเลย แฟรงค์ก็แค่อยากจะชดเชยเวลาที่มันหายไปให้นัทเท่านั้นแหละ"

นัทนิ่งไป สักพักก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ เมื่อคืนผมเสนอนัทว่าให้นัทย้ายไปอยู่ที่รีสอร์ทของผมก่อน พักห้องที่ผมเอาไว้พักเวลาทำงานดึกๆ แล้วไม่อยากกลับบ้านนั่นแหละ ผมไม่อยากให้นัทอยู่ที่นี่คนเดียวในสภาพจิตใจอย่างนี้ นัทก็เลยตกลง ตอนเช้าผมก็เลยเก็บเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าให้นัทก่อน เหลือแค่ของใช้ส่วนตัวอีกเล็กๆ น้อยๆ อีกไม่กี่อย่างก็จะพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว

ผมหยุดมองนัทกินข้าวแล้วก็นึกถึงเรื่องที่คิดค้างไว้เมื่อคืน ความเจ็บปวดที่ต้องพลัดพรากจากคนที่ผูกพันทำให้ผมฝังใจกับบางสิ่งบางอย่างโดยไม่รู้ตัว แล้วนัทล่ะ ผมอยากรู้เหลือเกินว่านัทเลือกผู้หญิงคนนั้นด้วยเหตุผลที่คล้ายกับผมหรือเปล่า

"นัท...นัทมีความสุขไหม"

ผมถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ นัทหยุดกินข้าวแล้วก็พยักหน้า

"นัทโชคดีนะ มีเจ้าของรีสอร์ทแถมยังเป็นว่าที่เจ้านายมาช่วยดูแล ทำกับข้าวให้ เก็บเสื้อผ้าให้"

เห็นนัทพูดตลกๆ ได้ผมก็เลยรู้ว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่

"ช่วยปลอบคนอกหักด้วย"

ผมเสริมให้อีกเรื่อง แต่ดูเหมือนจะผิดกาละเทศะไปหน่อย นัทนิ่งอึ้งและหน้าสลดเหมือนถูกแทงใจดำเข้าให้

"นัท...พี่ขอโทษ"

ผมรีบบอกไปเมื่อรู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว

"ไม่เป็นไร"

นัทยิ้มเศร้าๆ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วก็หยุดกินข้าว ผมก็เลยต้องลุกจากเก้าอี้ไปยืนข้างๆ นัท ดึงศีรษะน้องรักมาซบที่ลำตัวแล้วก็คอยลูบผมเบาๆ ปลอบใจ

"พี่ขอโทษนะนัท นัทอย่าโกรธพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"

ความสงสารแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจเมื่อผมรู้ว่านัทอยากจะร้องไห้แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ อยากตบปากตัวเองเสียจริงที่พูดอย่างนั้นออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องกำลังเจ็บหนักอยู่ ผมจำความหมายของคำที่นัทพูดเมื่อคืนนี้ได้ดี ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรหนอถึงทำให้นัทเจ็บขนาดนี้ เจ็บขนาดที่ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว

"นัทไม่โกรธพี่แฟรงค์หรอก"

ในที่สุดนัทก็พูดออกมาแล้วก็กอดผมเบาๆ ช่วยให้ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

... ... ...

บ่ายคล้อยแล้ว แม้จะเป็นช่วงปลายฝนแต่อากาศก็ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ ดีที่ว่าความร่มรื่นในรีสอร์ทช่วยคลายความร้อนไปได้มากทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ผมร้อนในตอนนี้ไม่ใช่อากาศหรอก คนสองคนตรงหน้าที่ต่างก็บอกว่าชอบกินไอศครีมด้วยกันทั้งคู่นี่ต่างหากล่ะ

วันนี้ผมนัดเพียวไว้ที่รีสอร์ท แล้วก็ว่าจะออกไปข้างนอกด้วยกันตอนเย็นๆ ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมก็เลยพาเพียวกับนัทมากินไอศครีมด้วยกันที่ร้านอาหารกลางน้ำในรีสอร์ทของผมด้วยกันเสียเลย จะได้รู้จักกันไว้ แต่พอผมเห็นสองคนอยู่ด้วยกันแล้วผมกลับบอกไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกยังไง

"นัทรู้จักกับพี่แฟรงค์ตั้งแต่เด็กๆ เลยเหรอ"

แฟนสาวของผมเอ่ยถามในขณะที่กินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆ ผม ส่วนนัทนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ผมเหมือนเคยเสียแล้ว แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ตรงนี้ควรเป็นของใคร

"นัทเรียนอนุบาลถึงปอหกที่โรงเรียนเดียวกับแฟรงค์ แต่สนิทกันจริงๆ ก็ตอนที่เรียนปอสาม"

"เหรอ...ดีจัง ยังอุตส่าห์จำได้ เพียวจำเพื่อนสมัยประถมได้ไม่กี่คนเอง ตอนนี้ก็หายกันไปหมดแล้ว"

ผมสังเกตว่าเพียวกับนัทคุยกันได้อย่างเป็นกันเองดี คงเป็นเพราะไม่มีช่องว่างระหว่างวัย

"แล้วเพียวเจอกับแฟรงค์ตอนไหนล่ะ"

"เจอตั้งแต่ปีหนึ่งมั้ง แต่เริ่มคบกันก็ตอนที่เพียวอยู่ปีสาม ตอนนั้นแฟรงค์อยู่ปีสี่แล้ว แฟรงค์เค้าตลกนะ เขาบอกเพียวว่าเขาชอบคนกินไอติม ที่เป็นแฟนกันเนี่ยก็เพราะเพียวชอบกินไอติมนี่แหละ พอถามว่าทำไมชอบคนกินไอติม แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก นัทรู้ไหมว่าทำไม แฟรงค์เคยบอกนัทหรือเปล่า"

เพียวหัวเราะสนุก นัทหันมามองหน้าผมแล้วก็นิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิด

"ไม่รู้เหมือนกัน นัทไม่ได้เจอแฟรงค์ตั้งสิบกว่าปี นัทไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฟรงค์ช่วงหลังๆ แล้วล่ะ"

นัทตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ จนดูเหมือนไม่มีความรู้สึก ผมไม่ค่อยเห็นนัททำหน้าแบบนี้เลย

"ว้า...เสียดายจัง เพียวอยากรู้มากเลย พี่แฟรงค์ก็ไม่ยอมบอก"

เพียวหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าอ้อน

"พี่แฟรงค์ไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอคะ"

"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกเพียว"

ผมพูดตัดบทไปโดยที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้นัทรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า คงจะมีส่วนอยู่บ้างไม่มากก็น้อยเพราะนัทหยุดกินไอศครีมไปดื้อๆ แถมยังดูเงียบและพูดคุยน้อยลงด้วย

ผมกลับเข้ามาทำงานที่ค้างไว้อยู่อีกเล็กน้อย ปล่อยให้เพียวกับนัทเดินเล่นในรีสอร์ทและพูดคุยทำความรู้จักกันไป จนกระทั่งเย็นผมจึงพาเพียวออกไปข้างนอก ดูเหมือนนัทจะรู้ดีว่าเพียวคงต้องการเวลาส่วนตัวที่จะอยู่กับผมจึงไม่ได้ขอตามมาด้วย ผมไม่ห่วงนัทเรื่องข้าวปลาอาหารหรอกเพราะที่รีสอร์ทของผมมีให้กินไม่ขาด แต่กลัวว่านัทจะน้อยใจเสียมากกว่า แต่จะทำยังไงได้ ผมมีแฟนแล้วก็ต้องให้เวลากับแฟนเป็นธรรมดา

ผมรู้ดีว่าออกไปกับเพียวเย็นนี้แล้วสุดท้ายเราจะไปจบกันที่ไหน ก็คงเหมือนกับหนุ่มสาวสมัยใหม่ยุคนี้ที่ไม่แคร์เรื่องอยู่ก่อนแต่งนั่นแหละ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่อยากทำอย่างนั้นเลย จึงเร่งให้นัดครั้งนี้เสร็จโดยเร็วที่สุดจนเพียวคงนึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามว่าทำไม พอเสร็จสมกันทั้งสองฝ่าย ผมจึงรีบไปส่งเพียวที่บ้าน ก่อนบึ่งรถกลับมาที่รีสอร์ททันที

จิตใจผมร้อนรุ่มไปหมด อยากให้ถึงรีสอร์ทไวๆ แต่วันนี้ถนนสุวินทวงศ์ก็มีรถมากเหลือเกิน ไม่เป็นใจให้ผมเลย แต่นั่นก็ยังไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมผมอยากเจอนัท อยากคุยด้วย อยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ อยากคอยดูแลเอาใจ อยากเห็นนัทยิ้มและหัวเราะ แล้วก็...อยากกอดนัทไว้ในอ้อมแขน

ผมคงจะบ้าไปแล้วที่อยู่ดีๆ ก็เกิดคิดถึงน้องชายบุญธรรมของตัวเองขึ้นมา แถมยังไม่ใช่การคิดถึงกันอย่างพี่น้องทั่วไปเสียด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ทุกอย่างดูเร็วไปหมดจนผมเองก็ตามความรู้สึกของตัวเองไม่ทัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงจะพาผมมาไกลถึงขนาดนี้

ผมมาถึงที่รีสอร์ทหลังสี่ทุ่มไปแล้ว มาถึงก็ตรงดิ่งไปหานัทที่ห้องผม แต่ปรากฎว่านัทไม่อยู่ ผมเดินถามพนักงานที่ทำงานกะดึกก็ไม่มีใครรู้ว่านัทไปไหน ก็เลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ สงสัยว่านัทคงจะปิดเครื่อง นัทไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ผมเป็นห่วงจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว ผมเดินตามหานัทไปทั่วรีสอร์ทราวกับคนเสียสติ แต่ก็ไม่เจอนัทเลย หรือว่านัทออกไปข้างนอก นัทบอกว่ามีเพื่อนอยู่แถวๆ นี้ หรือว่าเพื่อนคนนั้นจะมารับนัทไป แล้วทำไมนัทถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ ผมถามตัวเองวุ่นไปหมด

ผมเดินมาไกลจนกระทั่งถึงอีกด้านหนึ่งของบ่อตกปลา แถวนี้ไม่มีบ้านพักแต่ก็ยังมีแสงไฟติดไว้ตามทางเดินอยู่ ปกติผมไม่ค่อยมาแถวนี้เท่าไหร่เพราะค่อนข้างไกลและไม่มีอะไรให้ต้องทำหรือดูแลมาก

ในที่สุดผมก็ได้เจอนัทเสียที นั่งอยู่ตรงมุมมืดๆ บนม้านั่งที่จัดไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจนั่นเอง ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเหนื่อยจนหอบเพราะเดินมาไกลหลายกิโล เหงื่อเปียกโชกไปทั้งตัวเลย

"นัท"

ผมเรียกด้วยเสียงหอบเหนื่อย นัทหันมามองว่าใครเรียก พอเห็นผมก็ลุกขึ้นยืนมองพลางยิ้มให้ ผมสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้แล้วนัทก็ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

"พี่แฟรงค์วิ่งมาเหรอ"

"อ๋อ...ใช่" ผมตอบไปอย่างงงๆ และยังหอบอยู่

"มีอะไรเหรอ" นัทยังไม่วายสงสัย

"อ๋อ...เปล่า...ไม่มีอะไร"

"เปียกหมดเลยพี่แฟรงค์ เกิดคึกอะไรถึงได้ออกกำลังกายตอนดึกๆ ล่ะ"

นัทถามพลางขำ ทำให้ผมพอสบายใจขึ้นมาได้บ้างว่านัทยังอารมณ์ดีอยู่ เมื่อกี้ผมกลัวไปหมดเลยว่านัทจะเศร้าใจที่ถูกแฟนทิ้งจนคิดสั้น

"เปล่า...พี่ตามหานัทนั่นแหละ ไม่รู้ว่านัทอยู่ตรงนี้ โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด"

"อ๋อ แบ็ตมันหมดแล้ว นัทลืมเอาสายชาร์จมาจากคอนโดก็เลยไม่ได้ชาร์จ ว่าจะขอยืมของพี่แฟรงค์พรุ่งนี้นั่นแหละ แล้วเพียวล่ะ"

นัทถามพลางมองหาใครอีกคน

"กลับบ้านไปแล้ว" ผมตอบเสียงเบา

"เหรอ แล้วไปเที่ยวกันมาสนุกไหม"

"ก็โอเค แล้วนัทกินข้าวหรือยัง" ผมรีบพาไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากคุยเรื่องเพียวกับนัทเท่าไหร่

"กินแล้ว นัทนึกว่าพี่แฟรงค์จะกลับบ้านไปซะอีก ทำไมกลับมาอีกล่ะ ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ"

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากเย็น อาการเหนื่อยหอบหายไปแล้ว แต่กลับมีอาการประหม่าเข้ามาแทน

"เปล่า...แฟรงค์ทำงานเสร็จหมดแล้ว"

นั่นก็ยิ่งทำให้นัทสงสัยใหญ่

"อ้าว...แล้วแฟรงค์กลับมาทำไมล่ะ นัทช่วยดูให้หมดแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว วันนี้ลูกค้าก็ไม่เยอะด้วย"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก" ผมรีบแย้ง เกาหัวแกรกๆ พร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ

"แล้วอะไรล่ะ"

ผมคงจะเข้าตาจนแล้วล่ะ โกหกไปโกหกมาผมก็กลัวจะพูดไม่เหมือนเดิมให้นัทจับได้ ผมเขยิบเข้าใกล้นัทอีกหน่อย แล้วก็รวบตัวคนที่ผมแสนจะคิดถึงมาไว้ในอ้อมแขนทั้งๆ ที่ตัวเปียกและเหม็นเหงื่อ ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว

"พี่คิดถึงนัทไง...ก็เลยมาหา"


TBC

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 12:35:23 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
รู้สึกหน่วงๆ อยู่ลึกๆ ความรักนี้มันเข้าใจยากจริงๆ รู้ว่ารักแต่อุปสรรคคือคำว่าเพศ ..แถมต่างคนกมีแฟนถึงนัทจะเลิกกับแฟนแล้วก็ตาม และพี่แฟรงก็มีแฟนอยู่แล้วด้วยแค่ต่างคนต่างหาแฟนที่มีบุคลิกคล้ายๆกับคนที่มีใจผูกผัน
ชอบแนวการแต่งของนักแต่งจังมันละเอียดอ่อนมาก..อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกๆของตัวละคร   :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ทางแฟรงก์หนักกว่าค่ะ
มากจนเจ้าตัวเริ่มกังวลและคิดหนักแล้ว
อาจจะเริ่มจากการรักน้องแล้วข้ามมาเป็นอย่างอื่น
อาจจะเพราะอ่านจากมุมมองของแฟรงก์ก็เลยเหมือนกับว่านัทยังไม่อะไรมาก
คบใครเพราะเงาคนอื่นนี่ไม่จีรังหรอกค่ะ
แฟรงก์รีบเร่งขนาดที่มีความใกล้ชิดทางกาย
เซ็นส์ผู้หญิงแรงนะ  ระวัง
ตอนที่เล่าถึงนัทกับไข้เลือดออกนี่ซึ้งมากค่ะ
แฟรงก์ดีขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่นัทจะฝังใจ
แต่อาการที่ว่าลืมเลือนไปตามเวลานี่จริงนะ
ไม่ลืมแต่ก็ไม่ได้ฝังใจอีกต่อไปแล้ว

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
แฟรงค์เขาเห็นเพียวเป็นตัวแทนนัทอะ 555 แสดงว่าติดใจนัทตั้งแต่เด็กฮ่าๆ คนอ่านเห็นเค้ารางเรื่องวุ่นๆล่ะ แฟรงค์จะทำไงต่อไปอะ รอ รอลุ้นตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านถึงตอนที่แฟรงค์ไปเที่ยวกับแฟนและนอนด้วยกันแล้วทำไมเราถึงรู้สึกเจ็บๆ ปวดๆ หน่วงๆ ในใจจัง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นธรรมดาของคนคบกันก็ไม่รู้

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เพิ่งเข้ามาอ่าน แบบว่าพี่แฟรงค์ ดูอบอุ่นอะ แต่มีแฟนแล้ว ฮือๆ

ชอบตอนที่บอกว่า มาทำงานกับพี่นะ แอบยิ้มตามเลย

ตอนล่าสุดนี่ รู้สึกแปลกๆ แฟรงค์คิดเกินน้องไปแล้วรึเปล่า แต่ตัวเองมีแฟนแล้ว
จะทำไงต่อไปนี่..

อยากรู้ละสิว่าจะดำเนินไปยังไง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เวลาผ่านไป ชีวิตก็ผ่านประสบการณ์มากมาย
ยิ่งเป็นเด็ก ยิ่งยากที่จะจดจำได้มากมาย

ความผูกพันของสองคนนี้น่ารักนะ เราสัมผัสได้ว่าตอนเด็ก ๆ มันคือความรัก ความปรารถนาดีแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น

พอโตขึ้นความซับซ้อนของจิตใจมากขึ้น ความรักที่มีความลุ่มหลง ความรู้สึกทางเพศมาเจือปนแบบแยกกันไม่ออกก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ

นี่ไม่ได้หมายความว่าสองคนนี้ลุ่มหลงกันนะ เพียงแต่ความจริงก็คือ ความรู้สึกดี ๆ ย่อมสามารถเติบโตไปเป็นความรักได้ไม่ยาก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จากบทนำ--เริ่มต้นได้อบอุ่นมากเลยคะ ทำให้คิดถึงสมัยเรียนประถมที่ต้องจากเพื่อนและคนที่ผูกพันธ์หลายๆ คน แอบนึกถึงหนังแนวย้อนยุคขณะอ่านตอนที่นัทนึกย้อนกลับไปในอดีต คลาสสิคจริงๆ +เป็ดคะ

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จากตอนที่ 1 --  ในบางอารมณ์ก็ยังรู้สึกว่า เข้าไม่ถึงห้วงอารมณ์ที่สับสนของนัท แต่ในตอนท้ายกลับเข้าใจทุกอย่างทุกคำพูดของนัท ทั้งความขมขื่น ความเหงา ความโหยหา และความหวาดระแวง ขณะได้อ่านตอนที่นัททราบว่าแฟรงค์มีคนรักไม่รู้ทำไทถึงมีความรู้สึกเจ็บปวดและสูญเสียขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนัทที่โดนแย่งของรักของห่วงเสียอย่างงั้น ชอบบรรยากาศเวิ้งว้างในอารมณ์ของนัทนะคะ +เป็ด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
พออ่านจบบทที่ 2 รู้สึกว่ากำลังจมดิ่งลงไปในมหาสมุทรแห่งห้วงอารมณ์ อารมณ์มาเต็มมาก ไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดในประเด็นย่อยๆ อย่างเรื่องเพียวกับแฟรงค์ หรืออื่นๆ เพราะมุมมองส่วนตัวบางอย่าง แต่หลังจากอ่านตอนนี้จบบอกได้เลยว่า กำลังเสพติดอารมณ์อยู่ รอตอนต่อไปแทบไม่ไหว +เป็ด คะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
รู้สึกตะหงิดๆ เหมือนเพิ่งค้นพบใจตัวเองซินะ
แต่พี่แฟรงค์ก็จะแต่งแล้ว ถึงจะรู้ว่ารักคนอื่น เรื่องก็คงไม่ง่าย
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เรื่องต้นสนความผูกพันตั้งแต่วัยเด็ก สภาพแวดล้อมแบบปิดทำให้ทั้งคู่รักกัน แต่เรื่องนี้แฟรงค์กับนัทดูเหมือนจะเป็นโชคชะตาความผูกพันแต่ชาติปางก่อนเลยน่ะเนี่ย เพียงแต่เพศเป็นตัวขีดกั้นโดยไม่รู้ตัวเลยน่ะ แฟรงค์รู้ตัวเร็วมาก ๆ เลยน่ะเนี่ย ก้อดีจะได้กลับลำทันไม่งั้นจะมีเรื่องกับฝ่ายหญิงมากกว่านี้ ไม่อยากจะคิดเลย  :mew5: แล้วนัทล่ะ เราว่าก้อน่าจะมีคิดบ้างน่ะ ไม่งั้นคงไม่อึ้งไปเลยแหละ แล้วอาจจะหวงแฟรงค์ด้วยน่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านแล้วรู้สึกอยากจะอ่านต่อจัง...อ่านแล้งรู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่อง..คุณวางพ๊อตเรื่องได้ดีมาก..ไม่ว่าการบรรยายอารมณ์ บุคคลิกลักษณะตัวละครได้ดี ชื่นชมจริงๆ   o13 o13 o13  ดราม่าแต่ไม่น่าเบื่อที่จะติดตาม การเดินเรื่องดีมากทำให้ไม่อยากพลาดสักตอนสงสัยต่อไปนี้คงต้องคอยอัพดูตลอด

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ทบทวนให้ดีๆ นะคะแฟรงค์ว่าตัวเองต้องการใครกันแน่ ตอนนี้มันยังไม่สายไปหรอกค่ะ จริงๆ นะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly

ตอนที่ 3 ✥ ในจินตนาการของพี่ชาย



ไม่รู้ว่านัทเป็นอะไรถึงไม่ยอมกอดผมตอบ ก็เลยกอดนัทเก้อฝ่ายเดียว จะบอกให้นัทกอดผมบ้างก็ไม่กล้าพูดตรงๆ จนชักลังเลว่าจะกอดต่อหรือปล่อยดี เมื่อยังตัดสินใจไม่ได้ก็เลยต้องปล่อยให้ตัวเองเก้ๆ กังๆ ไปก่อน

"ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวมืดๆ ล่ะ" ผมถามอย่างเป็นห่วง

"อ๋อ...นัทออกมาดูความเรียบร้อย ก็เลยเดินเล่นไปด้วย"

"ฉีดสเปรย์กันยุงหรือเปล่า เดี๋ยวเป็นไข้เลือดออกเหมือนตอนนั้นนะ"

ผมย้ำเตือนความจำให้นัทอีกเรื่อง คิดว่านัทคงพอจำได้

"ฉีดแล้ว" นัทขำเบาๆ

"แฟรงค์ไม่อยู่...นัทเหงาหรือเปล่า"

เจ้าตัวส่ายหัวไปมาเบาๆ พอรู้สึกได้

"เหงาทำไม แฟรงค์เพิ่งออกไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง"

"จริงด้วยสิ" ผมขำตัวเองเบาๆ

"แฟรงค์ก็ลืมไป แต่...แค่ไม่กี่ชั่วโมงแฟรงค์ก็คิดถึงนัทนะ"

ผมย้ำคำว่าคิดถึงเป็นรอบที่สอง ถ้านัทไม่สะดุดใจกับคำๆ นี้ก็ให้มันรู้ไป

"เหม็นเหงื่อน่ะ"

ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยเฉยเลย แต่อย่าคิดว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆ

"รังเกียจแฟรงค์เหรอ"

"เปล่า..."

"แล้วทำไมไม่กอดแฟรงค์ล่ะ"

ผมกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด นัทคงจะอึ้งไปเหมือนกันก็เลยยืนนิ่งๆ ไม่โต้ตอบด้วย

"นัท...ไม่ได้ยินที่แฟรงค์พูดเหรอ"

ผมหน้าด้านถามไปอีกรอบ ไม่รู้ล่ะ ยังไงๆ ก็จะให้นัทกอดตอบผมให้ได้  นัทจึงกอดผมทั้งที่ตัวเปียกและเหม็นเหงื่อ สัมผัสจากอ้อมแขนของนัทนั้นทำให้ผมรู้สึกดีเหลือเกิน ร่างกายและจิตใจของผมดูจะตอบสนองต่อสัมผัสนี้ได้ไวและรุนแรงกว่าปกติ ผมไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลย นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่ผมตามหามาทั้งชีวิต

"จำได้มั้ย...ทุกครั้งที่นัทต้องการให้ใครช่วยปกป้อง นัทจะวิ่งมาหาพี่ ขนาดโดนแม่ตีนัทยังวิ่งมาหาพี่เลย"

ผมอดที่จะขำเบาๆ ไม่ได้เมื่อย้อนนึกถึงภาพเด็กน้อยโดนแม่ไล่ตี แล้วก็วิ่งมาหาผมให้ช่วย

"อือ..."

นัทตอบเบาๆ ในลำคอ แม้จะกอดผมไว้แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความไม่ผ่อนคลาย ดูเหมือนจะระวังตัวพอสมควร

"นัท...วันนี้นัทน้อยใจแฟรงค์หรือเปล่า"

นัทเงียบและไม่ตอบ แสดงว่าคงคิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่กล้าพูด

"บอกแฟรงค์มาตามตรงเหอะ"

นัทนิ่งไปอีกพัก ในที่สุดคนปากแข็งก็พยักหน้าหงึกๆ ผมยิ้มพอใจแล้วกระชับอ้อมแขนขึ้นอีกนิด นัทจะได้รู้ว่าผมแคร์ความรู้สึกของนัทมากแค่ไหน

"อย่าน้อยใจแฟรงค์นะ นัทเป็นคนสำคัญของแฟรงค์ที่หนึ่งเลยรู้มั้ย"

นัทพยักหน้าหงึกๆ อีกรอบ ผมจึงยิ้มอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พอได้กอดจนพอใจจึงค่อยๆ ปล่อยนัทให้เป็นอิสระ แล้วนัทก็ย่นจมูกทำเสียงฟุดฟิด

"ตัวเม้นเหม็น สงสัยนัทต้องอาบน้ำอีกรอบแล้ว"

ผมก็เลยหัวเราะร่วนอย่างเอ็นดู ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า

"ดีเลย แฟรงค์ก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน อาบพร้อมแฟรงค์เลยมั้ย"

ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงผมถึงได้ใจกล้าหน้าด้านพูดเล่นไปอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพูดเล่นกับผู้ชายที่ไหนอย่างนี้

"เรื่อง"

ไม่รู้ว่านัทเขินหรืออะไรกันแน่ พูดจบก็เดินแกมวิ่งหนีไปซะอย่างนั้น ผมหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วก็วิ่งตามไป

"ทำไมล่ะ ทีเมื่อก่อนยังแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ได้เลย"

"ก็ตอนนั้นนัทยังเด็กนี่" นัทหันมาตอบแล้วก็วิ่งต่อ

"โตแล้วก็อาบน้ำด้วยกันได้ จะได้ระลึกความหลังด้วยกันไง"

ไปๆ มาๆ ผมก็ชักสนุกกับการเล่นอย่างนี้ไปซะแล้ว

"ไม่เอาหรอก ไม่อยากดูของพี่แฟรงค์"

พอตามทันแล้วผมก็กอดคอนัทไว้ นัทหยุดวิ่งแล้วเราก็เดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ ตอนเด็กๆ ผมกับนัทชอบเดินกอดคอกันบ่อยๆ อย่างนี้แหละ

"ไม่อยากรู้เหรอว่าของแฟรงค์ต่างจากตอนเด็กๆ หรือเปล่า" ผมพูดหยอกเล่นสนุก

นัทยกมือขวาขึ้นมาแล้วก็ชูนิ้วก้อยให้ผมดู แล้วก็รีบวิ่งหนีไปอีกพร้อมกับหัวเราะชอบใจใหญ่

"ล้อพี่เหรอนัท เดี๋ยวเตะก้นเลย"

ผมขู่แล้วก็วิ่งไล่ตามน้องชายตัวดีไปอย่างสนุกสนาน ดึกดื่นคืนนี้ เสียงหัวเราะของเราสองคนคงดังไปไกลทั่วคุ้งน้ำให้ใครต่อใครสงสัย บรรยากาศแห่งความสุขอย่างนี้ห่างหายไปจากชีวิตผมนานแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ฟ้าดินคงมีเจตนาบางอย่างสินะถึงได้นำเราสองคนมาเจอกันอีก นอกจากจะได้ของเดิมกลับมาแล้วก็ยังแถมของใหม่มาให้ด้วย บางทีอาจจะเป็นของใหม่กระมังที่ทำให้ผมมีความสุขและวาบหวามใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

... ... ...

ทันทีที่ศีรษะของใครบางคนสัมผัสกับตักของผม ความรู้สึกหวงแหน อยากทะนุถนอมและปกป้องก็พลันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในความรู้สึก ท่าทีที่สบายและผ่อนคลายของเราสองคน ช่วยทำให้บรรยากาศก่อนนอนคืนนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความอบอุ่นและผูกพันทั่วห้อง

คืนนี้นัทตัดสินใจแล้วว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นให้ผมฟัง ผมแทบจะอดใจรอฟังไม่ไหวเลยล่ะ อยากรู้เหลือเกินว่านัทจะเป็นเหมือนที่ผมเป็นหรือเปล่า

"ถ้าร้องไห้...ใช้เสื้อแฟรงค์ซับน้ำตาก็ได้นะ" ผมสัพยอกก่อนที่นัทจะเริ่มต้นเล่าเรื่อง

"ไม่พอหรอก สงสัยต้องเตรียมผ้าขนหนูไว้ข้างๆ อีกผืนแล้วล่ะ"

นัทพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี แต่หลังจากนี้อารมณ์จะเป็นแบบไหนก็ยังไม่อาจรู้ได้

"ขนาดนั้นเลย" ผมขำเบาๆ

"ไม่ต้องใช้ผ้าขนหนูหรอก แฟรงค์อยู่ทั้งคน แฟรงค์ไม่ปล่อยให้นัทร้องไห้เสียใจขนาดนั้นหรอก"

แม้จะพูดทีเล่นทีจริง แต่มันก็พอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่าผมพร้อมที่จะดูแลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนัท

"แล้วนัท...เจอกับเค้าได้ยังไง"

ผมถามเพื่อช่วยให้นัทรู้จุดที่จะเริ่มต้นเรื่องง่ายขึ้น ดูเหมือนสีหน้าของนัทจะเครียดแล้ว แต่ผมก็เชื่อว่านัทเข้มแข็งมากพอที่จะเล่าให้ผมฟังได้

"นัททำงานอยู่แผนกเดียวกับเค้า เค้าชื่อ...ต้องตา มาทำงานที่โรงแรมก่อนนัทได้สักพักแล้วล่ะ"

"เจอแล้วก็ชอบกันเลยเหรอ" ผมสงสัย

"เปล่า ผมเริ่มจีบเค้าหลังจากที่ทำงานไปได้หลายเดือนแล้ว ไม่ใช่รักแรกพบหรอก"

ผมพยักหน้ารับรู้

"แล้ว...มีอะไรที่ทำให้นัทรู้สึกสนใจในตัวเค้าล่ะ"

นัททำท่าครุ่นคิด คงพยายามหาทางสื่อสารให้ตรงจุดประสงค์บางอย่างให้มากที่สุด แต่อาจไม่ตรงกับใจก็ได้

"เค้าสวยแล้วก็น่ารักมั้งครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม..." แล้วนัทก็แค่นหัวเราะ

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เชื่อในสิ่งที่นัทพูดเลย ไม่รู้สิ ผมเชื่อว่าต้องมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นแน่นอน แต่นัทคงไม่อยากเล่าให้ผมฟังตรงๆ นัทรู้แล้วว่าจุดเริ่มต้นของผมกับเพียวเป็นมายังไง แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือสิ่งที่นัทคิดในใจหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้นั่นแหละ ความรู้สึกนั้นหรือเปล่าที่ทำให้นัทไม่ยอมเล่าอะไรบางอย่างให้ผมฟัง นัทดูเหมือนคอยระวังจนผมพอรู้สึกได้

"แค่นั้นเองเหรอ"

นัทพยักหน้าช้าๆ เมื่อนัทไม่อยากบอกตรงๆ ผมก็เลยไม่คิดที่จะเซ้าซี้อีก ปล่อยให้นัทเล่าไปอย่างที่นัทอยากเล่าละกัน สรุปตามที่ผมเข้าใจแล้วก็คือว่า...

นัทกับต้องตาทำงานในฝ่ายขายเหมือนกัน หลังจากที่คบหาเป็นแฟนกันแล้ว นัทก็รักและหลงผู้หญิงคนนี้มาก ต้องตามักจะขอให้นัทช่วยทำงานหรือขอไอเดียจากนัทบ่อยๆ แรกๆ นัทก็ไม่รู้สึกหรอกว่าตัวเองถูกขโมยผลงาน แถมไอเดียดีๆ หลายอย่างที่ต้องตาได้ไปนั้นก็ไม่เคยมีใครรู้ว่ามาจากนัท พอทำงานไปทำงานมา ต้องตากลับดูเหมือนก้าวหน้ามากกว่า ในขณะที่นัทกลับมีปัญหากับหัวหน้างานบ่อยๆ เวลาประชุมหรือคุยงานกัน ต้องตามักจะคอยขัดความคิดหรือโจมตีข้อเสนอของนัท เคยโกรธกันเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ต้องตามักอ้างว่าทำไปเพราะงานเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คนที่เป็นมืออาชีพไม่เอางานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน

หลังจากนั้นอีกปีเศษๆ ต้องตาก็ชวนนัทลงทุนเปิดร้านกาแฟ นัทก็อุตส่าห์เอาเงินเก็บจากการทำงานมาช่วยลงทุนด้วย ต้องตาขอเปิดบัญชีคนเดียวนัทก็ยอม นัทไม่เคยได้เห็นเลยว่ามีรายได้เข้ามาในบัญชีนั้นเท่าไหร่ ต้องตาบอกเพียงว่าจะเก็บเงินเอาไว้เพื่ออนาคตของนัทกับเธอ ร้านที่เปิดก็มีชื่อของต้องตาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่นัทก็ไม่เคยหวาดระแวงสงสัย เชื่อใจต้องตาทุกอย่าง วาดฝันไว้สวยหรูว่าจะได้แต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกัน ขนาดว่ามีคนเตือนนัทยังไม่เชื่อเลย

สุดท้าย นัทก็เริ่มระแคะระคายจนได้ เริ่มตั้งแต่บังเอิญรู้ว่าต้องตาแอบใส่ร้ายตัวเองกับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายบ่อยๆ บางเรื่องที่นัทไม่อยากให้ใครรู้ก็มีคนรู้ จนเป็นเหตุให้ตัวเองมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและโดนเจ้านายเขม่น ปัญหาความความสัมพันธ์เริ่มร้าวฉานมากขึ้น เมื่อนัทรู้ว่าต้องตากับหัวหน้าแผนกคนนั้นมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน นัทจึงรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้มาตลอด เมื่อมองหน้าใครในที่ทำงานไม่ติดนัทจึงต้องลาออก เสียรัก เสียงาน เสียเงินและเสียความรู้สึกดีๆ ไปมากมาย

ต้องตาเพิ่งขนของออกไปจากห้องของนัทเมื่อไม่นานนี้ ก่อนไปยังไม่วายพูดทิ้งทวนให้เจ็บจนวินาทีสุดท้ายว่า

"ก็โง่เอง ช่วยไม่ได้"

พอได้ฟังทั้งหมดแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจนักหรอกที่นัทจะพูดประโยคนั้นกับผมว่า จะไม่เอาหัวใจไปให้ใครทำร้ายอีก ถ้าผมเป็นนัทก็คงเจ็บปวดน่าดูเหมือนกัน

"นัทโง่เองแหละพี่แฟรงค์"

น้ททำท่าคล้ายจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกสงสารน้องจนต้องคอยลูบผมปลอบใจเป็นระยะๆ

"แม่กับพี่นิวยังด่านัทว่าโง่เลย เค้าก็เตือนนัทแล้วล่ะ แต่นัทไม่เชื่อเอง"

จะว่าไปผมก็แปลกใจที่นัทรักและหลงผู้หญิงคนนั้นมากจนไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก มันช่างน่าสงสัยเหลือเกินว่าต้องตาคงทำบางอย่างที่ทำให้นัทหวนนึกถึงผม แล้วมันก็กลายเป็นจุดอ่อนให้ต้องตานำมาใช้หลอกนัทจนตายใจ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้อยู่กับนัทในช่วงหลังๆ อาจจะมีหลายอย่างที่ผมเดาผิดหรือไม่รู้ก็ได้

เอาเถอะ ถึงนัทจะไม่ยอมบอกหรือยังไม่อยากบอก ผมก็จะหาทางรู้ให้ได้ เพราะผมอยากรู้จริงๆ ว่านัทกับผมเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า

นัทค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและหันมาสบตากับผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ เห็นหน้าเศร้าๆ ของนัทแล้วผมก็ยิ่งสงสาร ผมน่าจะได้มาอยู่กับนัทในช่วงนั้นบ้าง เผื่อว่าจะช่วยอะไรน้องได้ แม้เพียงนิดหน่อยก็ยังดี

"ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกันนะนัท"

นัทพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆให้กับผม

"พี่แฟรงค์ว่านัทโง่หรือเปล่า"

ผมรีบส่ายหน้าทันที สงสัยคงมีคนมาว่านัทแบบนี้บ่อยๆ จนนัทคิดว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นไปแล้วแน่ๆ เลย

"ไม่ใช่เรื่องโง่หรือไม่โง่หรอกนัท นัทก็แค่ยังไม่มีประสบการณ์เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้นัทก็รู้แล้วนี่ คนเราถ้ายังไม่รู้จะเรียกว่าโง่ได้ยังไง จริงมั้ย"

พอผมพูดจบ นัทก็ท่าท่าจะร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ

"ไม่เห็นมีใครพูดกับนัทเหมือนพี่แฟรงค์เลย มีแต่คนด่าว่านัทโง่ทั้งนั้น"

แม้จะร้องไห้ แต่ผมก็เห็นแววตาขี้อ้อนของนัทซ่อนอยู่ ผมยังพอจำได้ว่านัทเคยทำแบบนี้ตอนที่อยากให้ผมโอ๋ ก็คงต้องโอ๋คนเก่งของผมซะหน่อย

ผมอ้าแขนออก นัทรีบโผเข้ามากอดทันทีเหมือนกับรอท่าอยู่แล้ว

"ไม่เป็นไรแล้วนะนัท น้องพี่เป็นคนเก่งนะ เจอเรื่องร้ายๆ แค่ไหนก็ยังผ่านมาได้ นัทเข้มแข็งแล้วนะ นัทไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนโง่ด้วย"

ผมอดที่จะแอบยิ้มกับตัวเองไม่ได้ที่ทำเหมือนกำลังโอ๋เด็กน้อยขี้แงคนหนึ่งอยู่ ยิ่งรู้ว่าผมเอาใจนัทก็ยิ่งกอดผมแน่น

"พี่แฟรงค์ ฮือๆ"

นัทพูดเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าลงกับอกผม ผมเกือบจะหลุดหัวเราะแล้วเชียวที่เห็นนัทอ้อนผมเหมือนตอนเด็กๆ

"เริ่มต้นใหม่นะนัท นัทมาอยู่กับพี่แล้ว พี่จะไม่ให้ใครมาหลอกน้องของพี่อีก ถ้าใครมาทำนัทนะ ได้เห็นดีกับพี่แน่ คอยดูสิ"

"นัทรักพี่แฟรงค์นะ อยากให้พี่แฟรงค์อยู่เป็นพี่ชายนัทนานๆ พี่แฟรงค์อย่าทิ้งนัทไปอีกนะ"

นัทรักพี่แฟรงค์เหรอ!? รักแบบไหนล่ะ!?

จริงสิ...นัทก็พูดอยู่ว่ารักอย่างพี่ชาย ผมนี่ชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่

"พี่ไม่ไปไหนหรอก พี่ก็รักนัทนะ นัทไม่ต้องกลัว นัทจะเห็นหน้าพี่จนเบื่อเลย"

ผมก้มลงไปดมกลิ่นหอมอ่อนๆ บนศีรษะนัทอย่างลืมตัว นัทยังคงกอดผมแน่น สัมผัสใกล้ชิดนั้นกระตุ้นให้บางอย่างในร่างกายผมเริ่มประจานเจ้าของเสียแล้ว ผมตกใจจนต้องรีบใช้มืออีกข้างดึงผ้าห่มมาปิดมันไว้ก่อนที่นัทจะเห็น

"นัท...นอนเถอะ ดึกแล้ว"

แม้ว่าอยากจะกอดน้องปลอบใจ แต่ผมก็กลัวนัทจะสัมผัสส่วนนั้นของผมเข้าจนได้ เดี๋ยวจะตกใจไปกันใหญ่ ก็เลยต้องหาทางยุติโดยเร็ว

นัทค่อยๆ ผละตัวออก ดูท่าจะเสียดายอยู่หน่อยๆ พอเห็นผลงานของตัวเองที่เสื้อผม เจ้าตัวก็หัวเราะขบขันทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง

"เสื้อพี่แฟรงค์เปียกหมดเลย จะเปลี่ยนใหม่มั้ย เดี๋ยวนัทเอามาให้"

"ไม่เป็นไร เปิดแอร์อยู่ เดี๋ยวก็แห้งแล้ว นัทนอนเถอะ"

ผมรีบร้องห้ามก่อนที่นัทจะลุกออกไป พอก้มมองดูเสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่อยู่ก็เห็นรอยเปียกเป็นดวงๆ เต็มไปหมด แต่ผมกลับชอบที่ได้เป็นที่พึ่งของนัท

"ไม่กลัวหนาวเหรอ"

ผมส่ายหน้า "ไม่หนาวหรอก ห่มผ้าก็หายหนาวแล้ว อ้อ...นัทไปปิดไฟให้แฟรงค์หน่อยได้มั้ย"

นัทคงงงเพราะปกติผมมักเป็นฝ่ายเสนอตัวดูแลหรือคอยให้บริการเกือบทุกครั้ง แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะบอกยังไงด้วย ขืนลุกไปตอนนี้นัทคงได้เห็นของที่ไม่ควรเห็นแน่ๆ

"ได้ๆ"

พูดสั้นๆ แล้วนัทก็ค่อยลุกจากเตียงไปจัดการตามที่ผมบอก นั่นแหละผมจึงพอโล่งอกไปได้

สัมผัสจากนัทเมื่อครู่นี้เล่นเอาผมแทบทนไม่ไหว ยิ่งนึกถึงตอนที่ผิวกายเบียดสัมผัสเสียดสีและแนบชิดกัน อีกทิ้งกลิ่นหอมยวนใจจากผิวกายที่ยังติดอยู่ปลายจมูก แรงปรารถนาของผมก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเราสองคนไม่ได้สัมผัสตัวกันเพราะเรื่องนั้นเลย

พอนัทหลับไปแล้ว ผมจึงหลบตัวเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ตัวเองจะเผลอทำอะไรบ้าๆ กับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ถึงกระนั้น ในจินตนาการของผมระหว่างนั้นก็มีแต่ภาพของนัทในท่วงท่าต่างๆ เต็มไปหมด ผมหายใจแรงด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งปลดปล่อยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แล้วก็นึกขอโทษนัทอยู่ในใจที่ล่วงเกินในจินตนาการโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย

ผมหอบเหนื่อยอย่างสุขสมเมื่อพาตัวเองมาถึงจุดหมาย พอได้เห็นสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แม้เพียงเสพสมในจินตนาการ ผมยังรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ผมคงไม่พ้นหัวใจวายคาอกนัทเป็นแน่

ต่อไปคงต้องเลี่ยงที่จะอยู่ในห้องนอนกับนัทสองต่อสองแล้วล่ะ เพราะผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน!!!

... ... ...

จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเริ่มงานอาทิตย์หน้า พอมาอยู่ที่รีสอร์ทผมได้ไม่กี่วัน นัทก็เริ่มไฟแรงอยากทำงาน ผมจึงให้นัทเริ่มด้วยการสำรวจรีสอร์ทอย่างละเอียด จากนั้นก็ทำเป็นข้อมูลนำเสนอว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง พอได้เห็นงานของนัทแล้วผมก็รู้ทันทีว่าความสามารถของนัทนั้นดูจะเกินความต้องการของเราไปมากทีเดียว

รีสอร์ทของผมแม้ว่าจะมีพื้นที่เยอะ แต่ก็เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว ไม่มีระบบซับซ้อนมากเหมือนโรงแรมหรือบริษัทใหญ่ๆ หรอก แต่ความรู้และประสบการณ์ที่นัทได้จากการทำงานในระบบมืออาชีพก็มีประโยชน์มาก แม้บางอย่างจะใช้กับที่นี่ไม่ได้ แต่ก็มีหลายอย่างที่ผมน่าจะลองทำดูได้บ้าง

ผมใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ คุยงานกับนัทและปรับแก้กันจนพอใจ จากนั้นจึงนัดกับพ่อว่าจะให้พนักงานคนใหม่เข้าไปนำเสนอแผนการปรับปรุงรีสอร์ทที่บ้าน ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าผมเจอนัทแล้ว ผมก็จะถือโอกาศนี้นี่แหละเซอร์ไพรส์ทุกคนซะเลย

พอถึงวันนัด ผมก็แนะนำให้ทุกคนในครอบครัวรู้จักนัทในชื่อ "ธนวรรธน์ โฆษะนาม" เพราะรู้ว่าที่บ้านผมไม่มีใครรู้ชื่อจริงของนัทหรอก ยกเว้นน้องสาวของผม แต่ตอนนี้ไม่อยู่เพราะกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่เมืองนอก

"ผู้จัดการใหม่ของแฟรงค์หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออก"

พ่อผมปรารภด้วยขณะที่นัทกำลังเสียบสายโปรเจ็กเตอร์เข้ากับแม็คบุ๊คของตัวเองเพื่อเตรียมตัวนำเสนอ ผมได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร วันนี้แม่ของผมเข้ามาฟังด้วย ยกเว้นปู่ที่ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ที่บ้านผมมีห้องประชุมเล็กๆ อยู่หนึ่งห้อง มีเครื่องฉายโปรเจกเตอร์พร้อม เอาไว้สำหรับประชุมงานเล็กๆ กันที่บ้าน พออุปกรณ์และคนพร้อมแล้ว นัทก็เริ่มการนำเสนอแผนปรับปรุงรีสอร์ทตามที่เราคุยกันให้พ่อกับแม่ผมฟัง

"อย่างตรงร้านกาแฟ นัท...เอ๊ย...ผมมองว่าน่าจะต้องปรับปรุงให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดครับ ถ้าดูจากรูปจะเห็นว่ามันมีแค่โต๊ะเล็กๆ ให้คนมานั่งกินกาแฟแค่สองโต๊ะเอง ลูกค้าจะไม่ค่อยอยากเข้ามานั่งเพราะกลัวคนเต็มและไม่เป็นส่วนตัว ยิ่งถ้าสองโต๊ะนี้เต็ม เราก็จะยิ่งเสียโอกาสที่จะดึงลูกค้าคนอื่นๆ เข้ามา ถ้าปรับเป็นลานให้กว้างขึ้นหน่อย ตามตัวอย่างในภาพนี้ ร้านกาแฟจะมีลูกค้าเยอะขึ้นครับ ตรงนี้บรรยากาศดี วิวสวย มองเห็นทะเลสาบได้ ใครๆ ก็อยากมานั่งจิบกาแฟยามบ่ายตรงนี้"

พ่อกับแม่ของผมฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ่งเห็นภาพตัวอย่างที่นัทเลือกมาให้ดูแล้วก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เมื่อกี้นัทก็เกือบทำความแตกซะแล้ว

"ส่วนเรื่องชื่อ ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นชื่อที่ทันสมัยมากก็ได้ครับ ควรจะเป็นชื่อที่เหมาะกับโลเคชั่น ตรงนี้เป็นเขตหนองจอก ถ้าเราเปลี่ยนชื่อเป็นหนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค ก็จะทำให้คนจำง่ายและรู้ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าเสิร์ชหาข้อมูลโรงแรมหรือรีสอร์ทในเขตนี้เราก็จะขึ้นอยู่อันดับต้นๆ แต่อันนี้ก็น่าจะต้องคุยกับสำนักงานเขตด้วยครับเพราะว่าเป็นชื่อเดียวกัน น่าจะต้องมีการขออนุญาตใช้ก่อน ผมว่ารีสอร์ทที่นี่โดดเด่นแล้วก็สวยมาก เป็นหน้าเป็นตาให้เขตนี้ได้อยู่แล้วครับ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องขออนุญาตใช้ชื่อ ส่วนชื่อเดิม เป็นชื่อที่คลาสสิคดีครับ ความจริงมันก็เหมาะกับบรรยากาศของที่นี่อยู่ แต่ตอนที่ผมได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก ผมก็นึกว่ารีสอร์ทนี้อยู่แถวๆ กาญจน์ คิดว่าลูกค้าคนอื่นๆ ก็น่าจะคิดคล้ายๆ กัน"

พ่อกับแม่ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยครับ คงจะถูกใจผู้จัดการคนใหม่มากทีเดียว ก็จะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ ดูคล่องแคล่วฉะฉาน นำเสนอข้อมูลอย่างมืออาชีพแถมไอเดียก็เจ๋งหลายอย่างซะขนาดนั้น นึกว่ากำลังจะทำโรงแรมห้าดาวกันเลย ป๋าดันอย่างผมก็ยิ่งปลื้มหนักกว่าใคร แก้มจะแตกอยู่แล้ว

หลังจากที่จบการนำเสนอและซักถามข้อมูลกันเป็นที่เรียบร้อยจนพอใจ ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ผมนัดเพียวมากินข้าวกลางวันด้วย แต่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับเธอไว้ว่าให้เรียกนัทว่าคุณธนวรรธน์ชั่วคราว เพียวไม่มีปัญหาอะไรและยินดีทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี

"ไม่มีใครสงสัยเลยเหรอครับว่าคุณธนวรรธน์เป็นใคร"

ผมเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอย่างออกรสออกชาติ ดูๆ ไปคุณธนวรรธน์ก็ได้รับความสนใจจากพ่อกับแม่ผมมาก คุยกันไม่หยุดเลย

"อ้าว แล้วเป็นใครล่ะแฟรงค์ แต่แม่ว่าหน้าคุ้นๆ มากเลย เหมือนแม่เคยเห็นที่ไหน เอ๊...คุณธนวรรธน์ เราเคยเจอกันที่ไหนมั้ยคะ"

แม่ผมหันไปถามนัทที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม ส่วนคนที่นั่งข้างๆ ผมนั้นคงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากเพียว

"นั่นน่ะสิ พ่อก็ว่าคุณธนวรรธน์นี่หน้าคุ้นๆ มาก"

พ่อผมก็ทำท่านึกด้วยอีกคน ผมสบตากับนัทแล้วก็แอบยิ้มด้วยกัน

"พ่อกับแม่จำนัทได้หรือเปล่าครับ"

ในที่สุดผมก็เฉลยซะทีหลังจากที่ปล่อยให้พ่อกับแม่สงสัยมาตั้งแต่เช้า

"นัทเหรอ!" พ่อกับแม่ผมพูดขึ้นพร้อมกัน มองหน้ากันเองแล้วก็หันไปมองนัท

"อ๋อ!" พ่อผมอุทานขึ้นมาเป็นคนแรก "นัทลูกน้านวลที่ทำขนมจีนเส้นสดอร่อยๆ ขายในตลาดใช่มั้ย"

พ่อผมมองหน้านัทอย่างเพ่งพิศ พอรู้ว่าใช่อย่างที่สงสัยก็ยิ้มดีใจ

"ใช่จริงๆ ด้วยแม่ นี่มันนัทจริงๆ ด้วย" พ่อผมพูดอย่างตื่นเต้น

"แม่ก็ว่าแล้วทำไมหน้าคุ้นๆ ชื่อก็ติดอยู่ที่ปาก แฟรงค์นี่...แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ว่าเป็นน้องล่ะ ปล่อยให้สงสัยอยู่ตั้งนาน"

แม่หันมาว่าผมซะอย่างงั้น ผมก็เลยได้แต่หัวเราะแหะๆ เพียวอดขำไม่ได้จนต้องหัวเราะไปด้วยอีกคน

แม่ผมพลิกตัวนัทให้หันมามองหน้ากันตรงๆ เพราะอยากดูให้ชัดๆ และแน่ใจ เห็นรอยยิ้มของพ่อกับแม่แล้วผมก็รู้ว่าท่านทั้งสองดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอนัทอีกครั้ง

"นัทเป็นไงบ้าง สบายดีนะลูก ตายแล้วลูกเอ๊ย นี่พ่อ...เราไม่ได้เจอนัทมานานกี่ปีแล้วล่ะพ่อ"

นัทยังไม่ทันได้ตอบ แม่ผมก็หันไปถามพ่อซะแล้ว พ่อผมนั่งนับนิ้วแล้วจึงบอกแม่ไป

"สิบสามปีแล้วแม่"

"แล้วนัทมาเจอกับแฟรงค์ได้ไงล่ะลูก"

แม่ผมหันมาทางนัทอีก คาดว่าคราวนี้นัทน่าจะได้ตอบคำถามสักคำถามบ้างแล้ว

"มีเพื่อนบอกให้นัทมาสมัครงานที่เรือนแพรีสอร์ทน่ะครับ ผมสนใจก็เลยมา ก็เลยได้เจอแฟรงค์"

"โลกกลมจริงๆ เลย พวกเราคิดถึงนัทมากรู้มั้ยลูก โดยเฉพาะแฟรงค์ ตอนแฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพใหม่ๆ เห็นนั่งหงอยทุกวันเลย ป้าเห็นแล้วก็สงสาร ดีแล้วลูกได้กลับมาเจอกับพี่เค้า มาช่วยพี่แฟรงค์ทำงานนะลูก ถือซะว่าเป็นรีสอร์ทของนัทไปเลยละกัน เดี๋ยวจะให้แฟรงค์เพิ่มเงินเดือนให้อีกหน่อย ก็แหม...บ้านเราน่ะกินขนมจีนน้านวลมาฟรีๆ ตั้งหลายปี"

แม่ผมพูดติดตลกในตอนท้าย แล้วก็หันไปชมนัทต่อ

"นัทเก่งมากเลยลูก เมื่อกี้ลุงกับป้านั่งฟังอ้าปากค้างกันเลย นัทนำเสนอได้มืออาชีพมาก ข้อมูลก็แน่น แผนก็ดี ช่วยพวกเราได้เยอะเลยลูก ปกติรีสอร์ทของเราไม่ค่อยมีคนดีกรีระดับนี้มาสมัครงานหรอก ส่วนมากเค้าก็ไปทำบริษัทใหญ่ๆ กันหมด ขอบใจมากลูกที่มาช่วยพวกเรา อย่าลืมนะแฟรงค์ ดูแลน้องดีๆ ล่ะ"

แม่หันมากำชับผมในตอนท้าย ผมกับนัทสบตากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้มเหมือนรู้ๆ อะไรกันอยู่สองคน

"เอ...ลุงจำได้ว่านัทชอบกินไอติมใช่มั้ยลูก เดี๋ยวๆๆ มีใครอยู่ตรงนี้บ้าง ให้ใครไปซื้อไอติมมาให้นัทหน่อยสิ"

ว่าแล้วพ่อผมก็หันไปเรียกแม่บ้านให้มาหา ขาดคำของพ่อ เพียวก็หันมาจับจ้องผม ผมแทบจะทำตัวไม่ถูกจนต้องหลบสายตาที่มีคำถามนับร้อยนับพันของเธอ

"นัทเขาชอบกินไอติมเหรอคะคุณพ่อ" เสียงเพียวฟังดูธรรมดา แต่แววตากลับขุ่นข้องสงสัย

"ใช่ลูก เมื่อก่อนเฟิร์นมาฟ้องพ่อบ่อยๆ ว่าพี่แฟรงค์ชอบเอาเงินค่าขนมตัวเองไปซื้อไอติมให้นัทกิน นัทเค้าชอบกินไอติม แฟรงค์ก็เลยซื้อให้กินบ่อยๆ ไม่ค่อยซื้อให้น้องตัวเองหรอก เฟิร์นน้อยใจพี่จนพ่อต้องคอยให้เงินไปซื้อไอติมต่างหาก"

พ่อผมเล่าไปก็ขำไป แต่ผมนี่สิชักร้อนๆ หนาวๆ เสียแล้ว

"จริงเหรอคะ"

ผมไม่รู้ว่าเพียวถามคำถามนั้นกับพ่อผม กับตัวเอง หรือกับใคร สีหน้าของเธอดูซีดเผือดจนผมอดที่จะสงสารไม่ได้ ส่วนนัทเองก็นั่งเงียบ คอยลอบสังเกตดูผมกับเพียวตลอดเวลา

"มีอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมนั่งเงียบกันไปหมดล่ะ"

แม่ผมถามด้วยความสงสัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครกล้าตอบคำถามเลย ได้แต่มองหน้ากันไปมา

"พ่อคะ แม่คะ เดี๋ยวเพียวขอตัวก่อนนะคะ พอดีเพียวเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปธุระด่วนน่ะค่ะ อาจจะต้องกลับเลย"

เพียวพูดแล้วก็ทำท่าจะลุกหนีไป ผมจึงรีบดึงมือเธอไว้ก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิเพียว"

เพียวพยายามจะสะบัดมือออก แต่ก็ไม่กล้าทำโจ่งแจ้งเพราะกลัวพ่อกับแม่ผมสงสัย

"อ้าว...มาไม่ทันไรก็จะไปแล้วเหรอลูก ไม่กินข้าวก่อนล่ะ เพียวมีธุระแถวไหน กินข้าวก่อนแล้วค่อยให้แฟรงค์ไปส่งก็ได้" พูดแล้วพ่อก็พยักพเยิดมาทางผม

"ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เพียวขับรถมา เดี๋ยวเพียวไปเองก็ได้ค่ะ แฟรงค์จะได้กลับไปทำงานต่อ ขอตัวก่อนนะคะ เพียวรีบจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งนึกได้กะทันหัน"

เพียวบอกพ่อผมแล้วก็หันมามองมือผมที่จับมือของเธอไว้อยู่ ถึงจะไม่บอกตรงๆ ว่าให้ปล่อย ผมก็รู้ว่าต้องปล่อยมือเธอแล้วล่ะ

"เพียว..."

ผมเรียกแฟนสาวเสียงเบา พ่อกับแม่เริ่มจับตามองอย่างสงสัยว่าเราอาจจะกำลังทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า

"เพียวไปก่อนนะคะพี่แฟรงค์ แล้วเจอกันค่ะ ไม่ต้องเดินไปส่งนะคะ"

เพียวลุกขึ้นสวัสดีพ่อกับแม่ผมที่รับไหว้อย่างงงๆ แล้วเธอก็เดินไปหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้ที่โซฟา ก่อนจะเดินออกไปอย่างร้อนรน

"ไม่ไปส่งน้องล่ะแฟรงค์"

แม่มองผมด้วยสายตาตำหนิ แต่ผมก็นั่งเงียบ สบตากับนัทแล้วก็เห็นความกังวลในดวงตาคู่นั้น


TBC

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 12:36:34 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านช่วงแรกๆ เพลง ความทรงจำสีจางๆ ลอยเข้ามาในห้วเลยค่ะ

ให้บรรยากาศแบบ แฟนฉัน มากเลย  :L2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เพียวคงจะรู้แล้วล่ะ แต่จะรับได้มั้ยนี่ล่ะซิปัญหา

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
เริ่มแล้ว พายุโซนใหญ่ก่อตัวขึ้นแล้ว แฟรงค์จะทำยังไงต่อ บทสรุปของทั้งสามคนจะออกมาแบบไหน รอลุ้น

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
กรุ่นกลิ่นมาม่า.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
น่าเห็นใจทุกฝ่ายมากๆ เลยคะตอนนี้ มันไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอก มีแต่คนที่เจ็บปวดมาก หรือ เจ็บปวดน้อยเท่านั้น คิดว่า ลึกๆ ทั้งนัทและแฟรงค์คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับอีกฝ่าย แต่อาจจะยังไม่อยากยอมรับ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีและอยากให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับตัวเองให้นานอีกหน่อย อ่านไปหลายๆ ช่วงก็แบบฟินตาม แฟรงค์เค้าขยันหยอด หุหุหะ +กบ จ้า

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    แฟรงค์จะทำยังไงต่อดีล่ะ เพียวต้องรู้แน่ๆว่าแฟรงค์คบเพียวเพราะนัทชอบกินไอติมเหมือนๆกัน ๕๕๕
นัทคงเห็นเค้ารางร้ายแน่ๆ แต่ก็ดีนะที่แฟรงค์จะได้บอกรักนัทเร็วๆ 
รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับว่าจะเป็นยังไงต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2015 23:23:31 โดย GuoJeng »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ว๊าว ตอนนี้ฟินจริง ๆ เลยอ่ะ  :mew3: แฟรงค์แบบเร็วมากจนไม่น่าเชื่อ แต่ก้อดีแล้วล่ะ โตขนาดนี้แหละ แต่เราเริ่มเห็นเค้าดราม่ามาใกล้ตัวแล้วเชียว งานนี้พ่อแม่จะมาเป็นคีย์หลักรึเปล่าเอ่ย  :mew5: หวังว่าคงจะไม่ใช่น่ะ  :katai1: งานนี้สงสารเพียวจริง ๆ เลยอ่ะ คงช็อคไปแล้ว แล้วงานนี้เธอจะทำอย่างไรล่ะเนี่ย คงไม่ได้พลิกตัวเองกลายเป็นนางร้ายหรอกน่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ใจแฟรงค์แล้วล่ะค่ะ แค่อย่าหลอกตัวเองว่ารักอีกคนแต่ภาพในใจดันเป็นอีกคนก็พอ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เคลียร์แฟนตัวเองให้เรียบร้อยเลยก็ดีนะ แฟรงค์ จะได้เดินหน้าจีบนัทได้เต็มตัว อิอิ เชียร์เต็มที่ครับ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ว่าแล้วเซ็นส์ผู้หญิงมันแรง

ความรู้สึกแฟรงก์ก็รุนแรงจริงๆ
เราว่านัทก็รู้สึกนะ  แต่ก็อาจจะพยายามปัดๆไป
เพิ่งอกหักมาอย่างร้ายกาจด้วย

ผู้หญิงอย่างต้องตานี่มีจริงนะ
เดี๋ยวก็ดูไปแล้วกันส่วนมากจะไม่ค่อยได้จบดีนักหรอก
เริ่มต้นยังสาวอยู่ก็หลอกหนุ่มอย่างนัท
จากนั้นก็ไปหาต้นไม้ต้นที่ใหญ่กว่าเพื่อเกาะแล้วดูด
สักพักก็หมดความสวยที่จำเป็นในการใช้หาเหยื่อ

จะดราม่าหนักไหมเนี่ย?
พ่อแม่จะรับกันได้หรือเปล่าหนอ?
ไม่ใช่พ่อแม่แยกกันสมัยเด็กเพราะเห็นสนิทกันเกินด้วยหรือเปล่า?

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
เชื่อไหมครับว่าผมแก้ตอนนี้มากกว่า 200 รอบ
เริ่มเขียนเมื่อวานตอนเช้า เกลาไปสองสามรอบแล้วจึงลงตอนเย็นๆ คิดว่าพอใจแล้ว ต่อพออ่านอีกก็แก้อีก
แก้จนเที่ยงคืนกว่า รู้สึกไม่ไหวเลยต้องนอน ตื่นขึ้นมาตอนตีห้า แก้ต่อจนถึงแปดโมงเช้า
แต่ก็โคตรคุ้มค่า ที่ผมได้อย่างนี้มา

อ้างถึง
สัมผัสจากนัทเมื่อครู่นี้เล่นเอาผมแทบทนไม่ไหว ยิ่งนึกถึงตอนที่ผิวกายเบียดสัมผัสเสียดสีและแนบชิดกัน อีกทิ้งกลิ่นหอมยวนใจจากผิวกายที่ยังติดอยู่ปลายจมูก แรงปรารถนาของผมก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเราสองคนไม่ได้สัมผัสตัวกันเพราะเรื่องนั้นเลย

พอนัทหลับไปแล้ว ผมจึงหลบตัวเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการภารกิจสำคัญเร่งด่วน ก่อนที่ตัวเองจะเผลอทำอะไรบ้าๆ กับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ถึงกระนั้น ในจินตนาการของผมระหว่างนั้นก็มีแต่ภาพของนัทในท่วงท่าต่างๆ เต็มไปหมด ผมหายใจแรงด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งปลดปล่อยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แล้วก็นึกขอโทษนัทอยู่ในใจที่ล่วงเกินในจินตนาการโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย

ผมหอบเหนื่อยอย่างสุขสมเมื่อพาตัวเองมาถึงจุดหมาย พอได้เห็นสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แม้เพียงเสพสมในจินตนาการ ผมยังรู้สึกรุนแรงถึงเพียงนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ผมคงไม่พ้นหัวใจวายคาอกนัทเป็นแน่

ต่อไปคงต้องเลี่ยงที่จะอยู่ในห้องนอนกับนัทสองต่อสองแล้วล่ะ เพราะผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน!!!

ถามว่าดราม่ามากมั้ย ขอตอบว่า...
เราจะไม่ได้ยินประโยคเช่น "เรารักของเรามาเป็นสิบๆ ปี ไม่มีความหมายะไรเลย" (จำได้แม่นเลยนะประโยคนี้)
หรือ "สนคิดถึงต้นจะตายอยู่แล้ว แม่พาสนไปหาต้นหน่อย"

จาก 5 คะแนนเต็ม ช่วงที่ดราม่ามากๆ น่าจะอยู่ที่ 4 แต่ดราม่าทั่วไปน่าจะอยู่ที่ 3
แต่โทนเรื่องโดยรวมจะอยู่ที่ 0-3 ปนๆ กันครับ (ตั้งแต่เขียนเรื่องวิทยาศาสตร์ ก็เลยต้องให้ข้อมูลเป็นวิทยาศาสตร์หน่อย อิๆ)

ขอบคุณที่ทุกคนมาติดตามนะครับ มาหาคำตอบของนัทกับแฟรงค์ไปด้วยกัน มีเซอร์ไพรส์แน่ๆ

:) Sarawatta :)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เดี๋ยววววววววววววก่อน

ทำไมพระเอกเรื่องนี้มีพันธะอีกแล้วววววววววววววว  :ling1:

หวังว่าหนูเพียวจะรับได้แล้วล่าถอยไปนะ ปล่อยหนุ่มๆเขาไปเถอะ T^T

(เขียนคู่ให้หนูเพียวก็ดีนะคะ สงสารนาง 5555)


ดูเหมือนเรื่องจะไม่มาม่ามาก ถ้าแม่นางรับได้

แต่บุพการีจะเป็นเหมือนต้นสนหรือเปล่านะ?? แต่ถ้าประเด็นเดียวกัน มันก็เหมือนอ่านต้นสนวนอีกรอบป่ะคะ??

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
หวังว่าเพียวคงเข้าใจในความรักแบบนี้นะ..แต่พ่อแม่ของแฟร้งซิจะเข้าใจหรือเปล่า..เหมือนจะเริ่มหนักและหน่วงขึ้นเรื่อย
และเพียวจะยอมเปิดทางให้หรือว่าจะดึงดันต่อไปแอบกลัวใจนาง...  :mew6:
แฟร้งคงรู้แล้วซินะว่าไม่มีใครแทนใครเป็นตัวแทนใครได้....

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
แฟรงค์เริ่มแสดงออกชัดเจนอะ ในเรื่องความรู้สึกที่มีต่อนัท

แอบสงสารนัทอะ โดนทำร้ายจิตใจมาขนาดนั้น
ต้องตานี่แบบร้ายกาจมาก เป็นผู้หญิงที่...
แต่ในตอนนี้ก็มีพี่แฟรงค์อยู่ดูแลทั้งคน เดี๋ยวก็หายเนอะ สู้ๆ


ส่วนเพียว คงรู้แล้วแน่ๆ ว่าที่แฟรงค์คบด้วยเพราะอะไร
หวังมาคงรับมือกับปัญหาต่างๆที่กำลังจะเข้ามาได้นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด