เสียงแว่วครั้งที่ 7 : เสียงเพลงแผ่วเบา
ครืนนน
เมฆฝนครึ้มบุกรุกฤดูใบไม้ผลิอย่างกะทะหัน กลิ่นฝนเจือจางในอากาศผสมกับกลิ่นดิน เซนทอร์หนุ่มที่พอดูสภาพอากาศเป็นรีบอุ้มตัวอลันควบไปหาที่หลบฝนใกล้ๆ
นึกสบถในใจถึงเมฆฝน
อากาศเย็นแบบนี้ มีหวังอลันได้ป่วยกว่าเดิมแน่
สเวนเหลือบมองร่างในอ้อนแขนที่ยังคงหอบหายใจเสียงเบาอยู่ แต่อาการของอลันก็ดีขึ้นเป็นพักๆ เมื่อสิ่งที่กินเข้าไปออกฤทธิ์
อย่างน้อยอาการอลันก็ดีขึ้น
แค่นี้ก็ทำให้ใจข้าชื้นมากแล้วล่ะ
ถ้ำโปร่งถูกสเวนใช้เป็นพื้นที่ในการหลบฝน ซึ่งด้วยความโปร่งของถ้ำและสว่างเกินกว่าจะมีค้างคาวมาชุมนุมตั้งสมาคมอยู่กัน ทำให้ถ้ำค่อนข้างที่จะสะอาดเหมาะแก่นอนพัก
“ ถ้ำนี่สวยดีนะ ” อลันกวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงแม้มันจะไม่มีหินงอกหินย้อยอะไรทำนองนั้น แต่ไม้เลื้อยที่เลื้อยไปตามแนวถ้ำชวนให้นึกถึงโปสเตอร์หนังที่เคยดู
เหมือนกับภาพวาดของจิตรกรชั้นเอก
ถ้ำนี่อยู่ค่อนข้างสูงทำให้วิวทอดลงไปเป็นป่าไม้ขึ้นชุกชุมสีเขียวตลอดแนวเห็นเส้นขอบฟ้าอยู่ไกลๆ ลำธารเล็กแทรกตัวไปทั่ว นกบินขึ้นสูงสลับกับบินไปเกาะไปตามแนวกิ่งไม้
“ สวยสิ ก็ข้าชอบมานอนเล่นที่นี้ ” สเวนค่อยๆ ปล่อยอลันนั่งลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
“ รสนิยมดีไม่เบา ” อลันเลิกคิ้วหัวเราะ
อาการหอบดีขึ้นมากหลังจากกินยาแก้แพ้เข้าไปรวมถึงผืนแดงตามตัวที่ไม่ค่อยคันเพราะทายาดักเอาไว้ก่อน
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะรับมือกับโรคที่ตัวเองประสบได้ไว
มันเลยไม่อยู่คุกคามนานเหมือนทุกครั้ง
อาจจะเพราะม้าบ้านี่ก็ได้มั้ง ?
ไหนๆ ก็ไหนๆ ดูเหมือนว่าสเวนจะชอบฟังเพลงที่เขาร้อง
ลองให้รางวัลเป็นเพลงสักหน่อยจะเป็นอะไร
“ อยากฟังเพลงไหม ฉันจะร้องให้นายฟังสักเพลง ” อลันถอดกระเป๋าโยนลงบนพื้นเอนมันต่างโซฟานุ่ม
สเวนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
มีเพลงเพราะๆ ที่เขาชอบมาเสนอทั้งทีใครจะกล้าปฏิเสธ
อลันมองหน้าสเวนพลางครุ่นคิด “ อา.. ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้จักชื่อเพลงนี่เนอะ เอาเหอะ เดี๋ยวฉันเลือกให้สักเพลงล่ะกัน ” และเลือกเพลงที่ตัวเองชอบที่สุด
น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปาก
คำบางคำที่ถึงแม้ไม่เข้าใจถึงความหมายแต่สเวนก็รู้สึกไหลลื่นไปกับเนื้อเพลง
จังหวะเนิบช้า
เนื้อเพลงที่กล่าวถึงความรักที่ไม่สมหวัง
สลับกับท่อนแร็ปแพรวพราวที่อลันร้องด้วยจังหวะสนุก
สเวนรู้สึกสนุกไม่น้อยกับการร้องเพลงของอลัน
ช่วยไม่ได้
เซนทอร์ไม่ได้เกิดมาพร้อมทักษะการร้องเพลงสักหน่อย
จะให้ข้าร้องแบบเสียงนกน้อยก็คงไม่เหมาะหรอกมั้ง ?
“ จบแล้ว เพลงเดียวพอ ฉันคอแห้ง ” อลันยิ้มเมื่อผู้ฟังอย่างสเวนดูตั้งใจฟังดี แล้วยังดูชอบเพลงที่เขาร้องด้วย ไม่เหมือนพวกเพื่อนเขาที่หัวเราะเยาะกับในวันสอบ
น่าเจ็บใจชะมัด
สเวนรู้สึกอยากให้เวลาในตอนนี้ยืดยาวยิ่งกว่านี้
เขาชอบที่จะเห็นอลันเยิ้มร่าเริงแบบนี้
ไม่มีความเศร้าเจือปนอย่างทุกครั้ง
แค่เห็นอลันมีความสุข สเวนก็พลอยรู้สึกมีความสุขไปด้วย
ข้าชอบอลันจริงๆ นะ
สีหน้าพวกนั้น ทุกอย่างที่เป็นอลัน
ข้าชอบมัน
ข้าไม่เคยชอบใครมาก่อน ระยะเวลาที่ยาวนานที่ดำรงอยู่ ข้าเคยพบมนุษย์หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขายื่นมือไปช่วยหรือแม้แต่จะให้ความสนใจ
อลันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ข้าจะสนใจ
“ ข้าชอบเพลงที่เจ้าร้อง ฟังแล้วรู้สึกดี ” สเวนฉีกยิ้มประกอบ
อลันเลิกคิ้ว มองเม็ดฝนที่ดูเม็ดใหญ่ขึ้นตกหนักกว่าเดิมข้างนอก เสียงเปาะแปะดังกระทบหูแต่ไม่ชวนให้รำคาญ เหมือนเป็นบทเพลงธรรมชาติที่มีอยู่โทนเดียวให้ฟัง หรือถ้าอยากได้โทนสูงต่ำก็ต้องรอนักร้องยิ่งใหญ่มาร่วมวงอย่างพวกกบอะไรพวกนั้น
ได้ฟังเป็นวงโอเปร่าเลยล่ะ ถ้าโชคดี
“ ชอบก็ดี ถ้านายชอบฉันก็จะร้องให้ฟังบ่อยๆ แล้วกัน ” ถ้าได้แจกลายเซ็นกับสเวนก็คงจะสนุกไปอีกแบบเหมือนกัน
แปลว่าข้าอาจจะได้ฟังเพลงที่ข้าชอบสิ
สเวนคิดอย่างดีใจ
ข้าไม่ต้องลอบแอบฟังเหมือนทุกครั้งอีกต่อไปแล้ว
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
ยิ่งเห็นสีหน้าอีกฝ่ายตอนที่ร้องเพลงไม่ใช่แผ่นหลังเหยียดตรงยิ่งทำให้สเวนดีใจจนเนื้อเต้น
ระหว่างที่ปล่อยให้สเวนคิดอารมณ์ดีอะไรไปพลางๆ อลันก็ถามไปเรื่อยเปื่อย “ สเวน นอกจากนายแล้วยังมีเซนทอร์คนอื่นอีกหรือเปล่า ? ”
“ ไม่มี หรือถ้ามีข้าก็ไม่เคยเจอ ”
แปลว่าสเวนที่ฉันเจอก็เป็นของหายากระดับตำนานเลยงั้นสิ
อลันมองหน้าสเวนคิดในใจ
“ แล้วนายเกิดมาก็โตเลยงั้นเหรอ ”
สเวนหยุดคิดไปพักใหญ่ๆ “ ไม่รู้สิ ข้าจำไม่ได้ ”
อลันกลอกตา เป็นเซนทอร์ที่งี่เง่าสิ้นดี “ อยากลองกินอาหารมนุษย์ดูไหม ฉันเอามาเยอะเลยล่ะ ” พูดพร้อมเปิดกระเป๋า ปลากระป๋องยังเหลืออีกมากกว่าครึ่งเพราะอลันกินอย่างละเมียดละไม อลันตัดสินใจหยิบแครกเกอร์แข็งๆ กลิ่นช็อกโกแลตออกมาแกะ
“ เอาสิ ข้าเห็นเจ้ากินดูน่าอร่อย ข้าอยากลองกินบ้าง ” สเวนนนอนลงข้างตัวอลัน ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกับเด็กเจ็บแปดขวบรอแม่ตักข้าวเช้าใส่ถ้วยให้กิน
อลันหลุดขำ เมื่อเห็นตาเป็นประกายของสเวนตอนที่มองซองขนมในมือ
กลิ่นแปลกๆ นั่นหอมชะมัด
รสชาติก็ประหลาดด้วย
แต่มันก็อร่อยมากเลยล่ะ
สเวนเคี้ยวไปได้สองสามกรุบก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกคล้ายเคี้ยวหินกรวดแข็งตามพื้นปรากฏขึ้นในหัว เหมือนกับกำลังกินหินคลุกกลิ่นประหลาดอะไรสักอย่าง “ มันคืออะไร ”
“ แครกเกอร์กลิ่นช็อกโกแลตน่ะ ” อลันรู้สึกดีที่เห็นสเวนดูชอบมัน ยิ่งสีหน้าหลังจากกินทำให้รู้สึกอยากกินบ้าง “ เอามากินบ้าง ” ยื่นมือไปหาสเวนหมายจะขอถุงแครกเกอร์คืน
สเวนหันหน้าหนีเคี้ยวกรุบๆ อย่างหวงแหน
มันคือของล้ำค่า
แครกเกอร์ช็อกโกแลต !
มือหนาพยายามยืดหนีมืออลันที่ไล่ชิงซองแครกเกอร์คืน
“ เฮ้ ม้าบ้า เอามาแบ่งกันมั้งสิ ” อลันโวยวาย
“ ไม่ เจ้าให้ข้ากินแล้ว ” สเวนหัวเราะ ร่างเดิมที่ทิ้งร่างบนพื้นยืนเต็มความสูง ทำให้อลันทำได้เพียงเบ้หน้าใส่ เมื่อเขาหยิบมันใส่ปากเคี้ยวกรุบล้อๆ
“ เวร ” อลันสบถ
เซนทอร์หนุ่มเห็นอารมณ์ของอลันที่เริ่มจะไม่ค่อนดีก็หยิบแครกเกอร์ออกมาชิ้นนึงจ่อมันเข้าที่ปากอลัน
อลันเหลือบมองหน้าสเวน
ดวงตาสีฟ้าจองอลันไม่ได้เจือความหงุดหงิดอะไรอย่างที่สเวนคิด
เพียงแค่ไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
แต่นัยน์ตาสีทองที่จับจ้องคืนเต็มไปด้วยคำง้องอนทั้งที่ไม่ได้เอ่ยปาก
แฝงไว้เต็มไปหมด
อลันสบมันนิ่ง
ก่อนจะยอมกัดมันทั้งคำ
เสียงกรุบดังขัดกับเสียงฝนที่ยังคงลงเม็ดอย่างหนักหน่วง
เมฆครึ้มดูจะลำพองใจกว่าทุกวันบดบังดวงอาทิตย์ที่เป็นที่พึ่งของทุกชีวิต
ความมืดโรยตัวไปตามทางแม้ดวงตะวันยังคั่งค้างอยู่บนท้องฟ้า
อากาศหนาวเหน็บพยายามขยับขยายพื้นที่ของมันตามละอองฝนที่กระเด็นไป
“ หนาวชะมัด ” อลันบ่น ดึงเสื้อโค้ทที่ถูกยัดในกระเป๋าตั้งแต่ที่เขาหอบออกมาใส่ เหลือบมองร่างสัตว์ในเทพนิยายที่ดูจะเพลิดเพลินกับการกินแครกเกอร์ซะเหลือเกิน
ถ้าบอกว่าไอ้ม้านี่มันเป็นพวกเทพธิดาฟันน้ำนมยังดูเข้าท่ากว่าเลย
“ ไม่หนาวรึไง สเวน ” เรียกชื่อย้ำอีกครั้งเพื่อให้หันมาสนใจ
“ ไม่หนาว แค่นี้เทียบกับตอนฤดูหนาวไม่ได้หรอก ” สเวนยักไหล่ ในหัวเกิดกรรมวิธีในการกินร้อยแปดนอกจากหยิบใส่ปากเฉยๆ อย่างการเอาไปกินคู่กับผลไม้ เนื้อสัตว์อะไรทำนองนั้น
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่เสื้อส่วนบนแท้ๆ
อลันนึกอิจฉาอยู่ในใจที่ไม่ต้องมากังวัลกับสภาพอาหารหนาวเย็น มือของอลันเริ่มจะเย็นขึ้นมานิดๆ ตามสภาพอากาศ อลันเป็นคนที่มือเย็นและซีดง่ายมาก อลันมองสเวนกินขนมทีละชิ้นก็รู้สึกเพลิน
เผลอยิ้มตามสเวนไม่รู้ตัว
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นงุนงง
เมื่อสเวนทำสีหน้าเศร้าสุดซึ้ง
“ นายเป็นอะไร ? ” อลันตกใจที่จู่ๆ เซนทอร์เซื่องซึมไปกะทันหัน
“ มันเหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว ” สเวนยังคงไม่เลิกทำหน้าเศร้า
อมแครกเกอร์ชิ้นสุดท้ายในปาก
หวังจะซึมซับถึงรสชาติอย่างที่สุด
กลิ่นแปลกๆ ที่ข้าชอบกำลังจะหมด
สเวนรู้สึกถึงความเศร้าที่กำลังกู่ร้องอยู่ในหัว
ข้าไม่อยากกลืนมันเลย
อลันถอนหายใจเสียงดัง
รู้สึกเสียดายเวลาที่ตกใจ เป็นห่วงจริงๆ
“ ไว้ถ้านายทำตัวดี ฉันจะให้กินอีกแล้วกัน ” อลันตบกระเป๋าเชิงว่าในนี้มีอีกเยอะ แต่เยอะที่ว่ามันก็มีไม่ถึงร้อยหรอกนะ เหลือๆ อยู่ห้าหกซองเท่านั้น
เพราะอลันไม่ได้ชื่นชอบมันสักเท่าไหร่
สเวนกลืนทันทีเมื่อรู้ว่ายังเหลืออีกมากในกระเป๋าของอลัน นึกภาวนาให้อลันอารมณ์ดีแบ่งมันให้เขากินอีก อาหารของมนุษย์อร่อยกว่าผลไม้ที่ข้าเก็บกินมาก “ ปกติข้าก็ดีกับเจ้าอยู่แล้ว อลัน ” สเวนยิ้มจริงใจ
ข้าไม่เคยดีกับมนุษย์คนไหนเท่าเจ้าจริงๆ นะ
อลันรู้สึกอึดอัดประหม่าน้อยๆ กับสายตาที่ทอดมองมา
ก็รู้อยู่ว่าเจ้าม้านี่มันดีกับเขาจริง
แต่ไม่เห็นต้องมองกับด้วยสายตาหวานซึ้งเหมือนคู่รักก็ได้นี่หว่า
อลันหลบสายตาไปมองอย่างอื่นแทน ร่างขาวนอนเอนทับกระเป๋าตัวเองอีกรอบมองท้องฟ้าสีดำภายนอกถ้ำเบื่อๆ เมฆฝนนี่ทำให้การเดินทางของเขาช้าลงแต่ก็ทำให้ความคิดของเขาช้าลงเช่นกัน
มีเวลาให้ไตร่ตรองความคิดที่ยุ่งเหยิง
“ แค่เพียงขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ถึง ” ร่างครึ่งอาชานอนแผละข้างๆ อลัน เอาหัวเบียดซุกแย่งเนื้อที่กระเป๋าที่ถูกใช้แทนโซฟา
อลันมองสเวนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร
แต่ก็เผลอยิ้มออกมา
อย่างที่ม้าบ้านี่ว่า
เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงเอง
ฉะนั้นเขาก็ควรเลิกกังวลเรื่องงี่เง่าอย่างระยะทางได้แล้ว คิดไปมีแต่จะทำให้เครียดซะเปล่าๆ
อลันหลับตาแต่ไม่ได้หลับเพียงแค่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับบรรยากาศ
นอกจากจะนอนกับคุย
ตอนนี้จะทำอะไรได้ล่ะ ?
อีกอย่างม้าบ้าก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยถ้าจะนอนต่ออีกสักรอบ
“ เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวความรักที่เป็นไปไม่ได้ไหม ? ”
เซนทอร์หนุ่มมองหน้ามนุษย์ที่ตัวเองหลงใหลขณะที่พูด
ถ้าหากอลันลืมตาขึ้นมาตอนนี้พอดี
จะเห็นสีหน้าคาดหวังเต็มเปี่ยมของเซนทอร์หนุ่ม
อลันหยุดคิดไปสักพักเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่ โจทย์ที่ให้มันกว้างเกินไปตีความได้หลายความหมายเลยทีเดียว
“ เป็นไปไม่ได้ยังไง อย่างพวกเทวดารักกับปีศาจอะไรแบบนี้เหรอ ”
“ อืม แบบนั้นแหละ เจ้าเชื่อไหมว่าพวกเขาจะรักกันได้ ”
อลันหัวเราะเบาๆ “ ได้สิ ความรักมันไม่ใช่เรื่องจำกัดเผ่าพันธุ์หรอกนะ ถ้ารักก็รักสิ ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นตัวอะไร ”
สเวนยิ้มกว้าง
งั้นข้าก็มีความหวังสิ !
แต่ข้ายังให้มันค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
ฉะนั้นข้าจะยังไม่บอกอลัน
ว่ามีเซนทอร์คิดไม่ซื่ออยู่
“ แล้วถามทำไม ”
สเวนสะดุ้ง เพราะไม่ได้เตรียมคำตอบในส่วนนี้ “ ข้าถามเฉยๆ น่ะ ”
อลันครางในลำคอเชิงรับรู้ เริ่มรู้สึกง่วงนิดๆ “ ฉันนอนต่อดีกว่า ถ้าฝนหยุดตกปลุกด้วยแล้วกัน จะได้ไปกันต่อ ” ขยับตัวอีกครั้งซุกหน้าลงกระเป๋าไม่สนใจจะรับรู้อะไรต่อ
“ ได้เลย เจ้านอนเถอะ ” สเวนลุกออกจากกระเป๋า ปล่อยให้กระเป๋าใบโตกลายเป็นหมอนของอลันไปเพื่อให้อีกฝ่ายจะได้นอนสบาย เพราะโอกาสนานครั้งที่จะแวะเวียนมา
การนอนที่ไม่มีโรคร้ายมารบกวน
เซนทอร์หนุ่มนั่งใกล้อลัน ฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอที่ดูจะผิดจากเนื้อเพลงไปมากโข
ทอดสายตามองมนุษย์อ่อนแอ
ด้วยสายตาอ่านยาก
ยิ้มมุมปากเมื่อลมหายใจราบเรียบ
สีหน้าผ่อนคลาย
สเวนขยับเข้าไปใกล้อลัน ลอบลูบผมนุ่มมือเบาๆ พุ่มไม้สีน้ำตาลที่ถูกหิมะเกาะไปบางส่วน
ข้าจะช่วยเจ้าสุดความสามารถ
อลัน
ต่อให้ต้องเสียขาไปสักข้าง ข้าก็จะพาเจ้าไปถึงที่นั่นให้ได้
ข้าสัญญา
“ อลัน ”
อลันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคุ้นเคย
“ อลัน !! ”
เสียงนั้นตะคอกเข้าที่ข้างหูจนอลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาตาเบิกกว้างและยิ่งกว้างกว่าเดิมเมื่อเจ้าของเสียงไม่ใช่ที่ไหนไกล
ลุงวิลเลียม !
“ ละ ลุงวิลเลียม ” อลันเรียกเสียงสั่นแววตาอ่อนไหว ความรู้สึกผิดในใจถาโถมเข้ามาทันที สิ่งที่ฉายในหัวเหมือนหนังฟิล์มเก่าๆ ที่พังแล้วเอาแต่ฉายซ้ำไปมา อลันกัดปากตัวสั่น
“ เรียกฉันทำไม หืม ? ”
“ ผะ ผมขอโทษ ” อลันสบกับดวงตาที่ฉายชัดถึงความผิดหวัง ร่างขาวกุมหัวซุกตัวลงกับเข่า น้ำตาคลอ
ถ้อยคำตำหนิติเตียนพร่ำอยู่ข้างหู
แกมันไอ้ขี้ขโมย ! ไอ้ขี้โรค
เห็นเงียบๆ นึกว่าจะนิสัยดี แต่มันเลวถึงขนาดว่าทรยศความไว้ใจลุงวิลเลียมเลยว่ะ
สารเลว !
“ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน อลัน ” น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาบนหัว
อลันขยี้ตาเงยหน้าขึ้นมอง ตาแดงก่ำ
คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะฟังคำแก้ตัวของตัวเอง
แต่แรงตะคอกกลับกลบความความหวังของอลันจนหมด
“ แกทำมันลงไปได้ยังไง ! นี่มันเสื้อโค้ทที่แม่ฉันที่เสียไปแล้วซื้อให้ในวันเกิด ! ” ตะคอกเสียงดังดวงตาแดงก่ำ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ กำหมัดแน่น บนขมับมีเส้นเลือดปูด
อลันถอยกรูด ปัดกระเป๋าทิ้งไม่รู้ตัว น้ำตาอาบแก้ม
ความรู้สึกผิดกระโจนเข้ากัดอลันจนเป็นแผลใหญ่
รอยเลือดคำขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยลากตามทาง
ร่างที่เคยอุปถัมภ์อลันหยุดยืนตรงหน้าอลัน มองอลันด้วยสายตาดุดัน “ ฉันถาม !! ”
อลันไม่กล้ารับรู้อะไรอีกต่อไป ซุกหัวอยู่กับเข่าเอามือปิดหู
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เสียงตะคอกถามดังก้องในหู
อลันไม่ตอบเพียงนิ่งงันไม่ตอบสนองอะไร
มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบจนกางเกงเปียกเป็นวงกว้าง
“ อลัน ! อลัน ”
สเวนตกใจจนแทบสิ้นสติอาการง่วงหายไปทันควัน
อย่างที่รู้ว่าสัตว์โลกต้องพักผ่อนนั่นก็รวมถึงเซนทอร์อย่างเขาด้วย
จนกระทั่งเบลอๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น
ก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอลันพูดคนเดียว ถอยหลังติดผนังถ้ำ น้ำตาอาบใบหน้า
เซนทอร์หนุ่มรวบตัวอลันมากอดแน่นลูบหัวลูบหลังพยายามปลอบ “ อลัน เจ้าเป็นอะไร คุยกับข้าก่อน ”
สติกระจัดกระจายของอลันถูกเสียงเซนทอร์ดึงกลับมาเข้าที่
ร่างของลุงวิลเลียมหายไปถูกแทนที่ด้วยร่างเซนทอร์หนุ่มแทน
อ้
อมกอดอุ่นๆ ทำให้ร่างเย็นเฉียบของอลันอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
อลันกอดกลับเต็มแรง
ซุกหน้าลงกับตัวสเวน
ไม่สนใจจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
“ ฉันแค่เห็นภาพหลอนน่ะ ไม่มีอะไร ร้ายแรงหรอก ”
แต่แรงกอดของอลันนั้นสวนทางกลับที่พูด
ในใจอลันกลายเป็นรอยแหว่ง
สเวนถอนหายใจ ดึงแขนของอลันออก
อลันงุนงงแต่ไม่พูดอะไร ก้มหน้าต่ำ
“ มองหน้าข้าอลัน ”
สเวนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาหยิบมือของอลันมากุมแน่น บีบเบาๆ ให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง
อลันเงยหน้าขึ้นสบตาสเวน
สีหน้าของอลันซีดจนสเวนรู้สึกจุกในอก
เจ้าเห็นอะไรกัน ?
บอกเซนทอร์คนนี้ได้หรือเปล่า
สเวนเพียงแค่คิดแต่ไม่พูดออกไป กลัวว่าจะทำให้ร่างตรงหน้าร้องไห้หนักกว่าเดิม
เรื่องราวในอดีตไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมา
รังแต่จะทำให้ทุกฝ่ายเจ็บปวดเปล่าๆ
“ เจ้าลืมแล้วเหรอ ว่ายังมีข้าอยู่ ”
สเวนยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่แฝงไปด้วยความรวดร้าวในใจ
“ ไม่นะ ไม่ ฉันไม่ได้ลืมนาย ” อลันตกใจบีบมือสเวนกลับแรง ตาสีฟ้าสั่นระริกเหมือนกลัวสุดหัวใจว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
อลันในตอนนี้อ่อนแอ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แต่ไม่ได้ทำให้อลันเข้มแข็งขึ้นมาแต่อย่างใด
เป็นสาเหตุที่ทำให้สเวนยิ้ม
“ ถ้ายังไม่ลืมข้า ก็จงอย่าร้องไห้ อลัน ” สเวนใช้มือเกลี่ยน้ำตาของอลันออกอย่างแผ่วเบา
อลันปาดน้ำตัวเองลวกๆ ออก พยายามฝืนยิ้มให้
“ อย่ายิ้มแบบนั้นสิ ” สเวนขมวดคิ้วตำหนิ
อลันหน้าเจื่อนลงกะทันหัน
“ เจ้าจะร้องไห้อีกกี่ครั้งก็ได้ แต่อย่าลืมว่ามันทำให้เซนทอร์อย่างข้าต้องเสียใจ ” สเวนยิ้มฝืดๆ
อลันรู้สึกผิดต่อสเวนจนพูดอะไรไม่ออก
ทั้งๆ ที่สเวนอยู่ข้างๆ เขา
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเข้มแข็งขึ้น
ทำไมเขาถึงเอาแต่อ่อนแอแบบนี้วะ
“ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สเวน ” อลันกอดสเวนแน่นซุกหน้าลงกับตัว
ขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้อลันรู้สึกอุ่นใจแปลกๆ
กวางบาดเจ็บที่หาสิงโตเป็นที่พึ่ง
“ ฉันจะพยายาม ”
ให้คำมั่นกับอีกฝ่าย
ก่อนจะเลียแผลด้วยน้ำตา
สิงโตตัวย่อมคอยเฝ้าระวังภัย
จนกระทั่งกวางกลับมาหายดีอีกครั้ง
-----------------------
นิยายเรื่องนี้มีแต่บรรยากาศหน่วงๆ ปนหวานซะส่วนใหญ่ คงจะหาอะไรที่หวานล้วนยากค่ะ
5555
ตอบคอมเมนต์ ~
คุณ เหนือฟ้ายังมีจักรวาล : ดีใจที่ชอบค่ะ ><
คุณ sinyou : เรื่องนี้แต่งจบแล้วค่ะ ไม่ยาวมาก เลยลงได้ทุกวัน ส่วนบทกระต่ายน้อย...
คงจะเจอในตอนพิเศษแทนค่ะ 55555 หมดบทบาทซะแล้ว เนื่องจากระยะทางที่สเวนกับอลันไปกันมันเกินกว่าที่กระต่ายจะตามทัน
คุณ Celestia : มาลุ้นกันค่ะ
คุณ paojijank : นิยายเรื่องนี้แฟนตาซีอยู่แค่สเวน 55555
คุณ Mouse2U : คนเขาเกิดมาคู่กัน อิอิ
คุณ Minnie~Moo : อลันไม่ได้เป็นเทพค่ะ
เนื่องจากตอนที่แล้วมีคนทักมาว่าสีผมอลันน่าจะเป็นลูกครึ่งเทพ เราเลยหยอกเล่น แต่เป็นเทพก็ดีน้า น่ารัก แต่เรื่องนี้แต่งจบแล้วสิ
คุณ lizzii : เรื่องนี่อ่านต้องทำใจค่ะ ต้นเรื่องมุ้งมิ้งปลายเรื่องหน่วง เกือบทุกตอน