The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Queen number one เพราะผมเป็นราชินีแวมไพร์ ตอนที่9 [13/11/2015] 100%  (อ่าน 9234 ครั้ง)

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...............................................................


   สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ นี่เป็นเรื่องแรกของแมว ฝากฝังไว้ด้วยนะคะ 



บทนำ



  คุณรู้จักรุกและรับมั้ยถ้ารู้จักคุณก็ต้องรู้จัก King และ Queen ไม่ต้องสงสัยว่ามันต่างกันยังไงเพราะ King หมายถึงรุกและ Queen หมายถึงรับ แต่...มันพิเศษมากกว่านั้นเพราะกลุ่มคนทั้ง King และ Queen มีความพิเศษในแต่ละคนไม่เหมือนใครเป็นสิ่งที่โลกแห่งความเป็นจริงสัมผัสมันไม่ได้แต่คน 2 กลุ่มนี้กลับทำมันให้เป็นจริงได้

   หลายๆคนคงรู้จักตำนานล้านปีตลอดกาลของแวมไพร์ บุคคลที่มีเขี้ยวแหลมยาว 1 คู่เพื่อใช้ดูดเลือดที่แสนหอมหวานของมนุษย์ ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติไม่มีวันแก่ลงตามวัยไม่ว่าจะผ่านไปเป็นพันๆปีก็ยังคงความเยาว์วัยไว้ ผิวขาวซีดไร้ชีวิตชีวา หัวใจที่หยุดเต้นไร้ความรู้สึกใดๆ และพละกำลังที่แข็งแกร่งยากจะต้านทาน นี่แหละสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าแวมไพร์แต่ความอัศจรรย์นี้ถูกมนุษย์พากันรังเกียจและกลัวว่าแวมไพร์นั้นจะนำมาซึ่งการนองเลือด กลัวที่จะถูกบุคคลนี้กัดกิน สูบเลือดสูบเนื้อจนหมดสิ้น กลัวว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกกำจัดเพราะมนุษย์นั้นไม่มีพละกำลังจะต่อกรกับแวมไพร์ ดังนั้นมนุษย์จึงพากันเข่นฆ่าแวมไพร์ทุกตนเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์มีจำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆจนหมดสิ้นไป

   ในปัจจุบันนี้ในโลกสมัยใหม่ เทคโนโลยีล้ำหน้ากระโดดไปได้ก้าวไกล สิ้นของมนต์ขลัง เวทย์มนต์ ไสยศาสตร์ ก็ได้กลายเป็นแค่ความเชื่อของคนภูมิปัญญาท้องถิ่นไปเพราะปัจจุบันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เหตุและผลทางวิทยาศาสตร์เพื่อคัดกรองความเป็นจริง อะไรที่ใช้หลักการทางวิทยาศาตร์ไม่ได้ก็เป็นแค่ความเชื่อลมๆแล้งๆแม้แต่แวมไพร์ที่สูญสิ้นไปจากโลกตั้งแต่ยุคโบราณกาลก็เป็นแค่ตำนานที่ปากเล่าต่อๆกันมา

   บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้และไม่มีอยู่จริงอาจจะมีอยู่จริงก็ได้ใครจะไปรู้...สิ่งมหัศจรรย์เหล่านั้นอาจจะหลบซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ดูธรรมดาทั่วไปแต่อาจจะซ่อนความลับบางอย่างไว้ก็เป็นได้ ถ้ามันไม่มหัศจรรย์จริงๆ คำๆนี้ คำว่า มหัศจรรย์ จะมีขึ้นมาไว้ทำไมกันละ? จริงมั้ย?
.
.
.
   เด็กชายตัวเล็กหน้าสวยดุจเทวดาตัวน้อยวิ่งร่าอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยเด็กน้อยวัยใสมากมายและผู้ปกครองที่มาดูแลลูกๆของตน สถานที่แห่งนี้เป็นที่เจาะจงสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะเพราะสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ติดข้างๆนี้เอง ทำให้ตอนเย็นเด็กๆจะพากันมาวิ่งแถวนี้เพื่อรอพ่อแม่มารับกลับบ้าน

   "เอวา แม่มารับแล้วนะกลับกันเถอะจ้ะ"

   หญิงสาวหน้าอ่อนวัยยิ้มรับเมื่อลูกของตนหันมาหาเธอแล้วยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้เห็นแม่ของตนที่นานๆทีจะว่างมารับต้องให้พี่ชายคนโตมารับเกือบทุกวันที่เธอมารับลูกคนสุดท้องไม่ได้เพราะส่วนใหญ่เธอเอาแต่ทำงานส่งเสียลูกทั้งสามให้ได้ร่ำเรียนด้วยตัวคนเดียวส่วนคนเป็นพ่อนั้นได้ลาลับไปจากโลกนี้ไปตั้งแต่เอวาเกิดได้เพียงสามเดือนด้วยโรคหัวใจระยะสุดท้ายทิ้งให้ภรรยาแบกรับหน้าที่ทั้งหมดอย่างยากลำบากแต่เธอก็ไมาเคยย่อท้อ

   "คุณแม่เหนื่อยมั้ยครับ"

   เด็กชายเอวากอดแม่แล้วถามไถ่อย่างนึกเป็นห่วง ตัวน้อยแค่นี้อยู่แค่อนุบาล 3 แต่สมองนั้นเกินวัยไปมากด้วยความฉลาดเหมือนเป็นดั่งพรสวรรค์ หากเป็นเด็กคนอื่นคงไม่ถามอะไรที่เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แต่อย่างน้อยเด็กชายตัวน้อยก็ยังคงความเป็นเด็กสมวัยมีความนึกคิดแบบเด็กๆอยู่ดี

   "เห็นหน้าลูกแม่ก็หายเหนื่อยแล้วจ้ะ"คุณแม่ยิ้มอ่อนแล้วจูงมือเด็กน้อยออกจากสวนสาธารณะหลังจากที่ร่ำลาเพื่อนวัยเดียวกันเสร็จ

   "งั้นพรุ่งนี้แม่ก็มารับเอวาอีกสิครับจะได้เห็นหน้าเอวาแล้วหายเหนื่อย"

   "ไม่ให้พี่อดัมมารับแล้วหรือไง"พูดพลางลูบหัวเด็กน้อยช่างพูดอย่างเอ็นดู

   "เห็นหน้าพี่อดัมเกือบทุกวันเอวาเบื่อจะแย่แล้ว"เด็กน้อยยู่หน้าเมื่อพูดถึงพี่ชายคนโตที่เรียนจบแล้วมีงานมีการทำแล้วอย่างอดัม

   "งั้นแม่ให้อีฟมารับดีไหมหนอ"

   "เห พี่อีฟกลับจากอเมริกาแล้วหรอครับ"เด็กชายตัวน้อยเบิกตาโพลงอย่างดีใจเมื่อนึกถึงพี่สาวคนรองที่ไปเรียนต่ออเมริกาได้ 3 ปีแล้ว

   "ยังจ้ะแต่แม่คาดว่าน่าจะกลับมาเร็วๆนี้แหละจ้ะ"

   "คิดถึงพี่อีฟจังเลย"หน้าสวยหวานซึมลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นรถไอติมอยู่ตรงหน้า

   "อยากกินหรอจ้ะ"คุณแม่แย้มยิ้มถามเมื่อเห็นแววตาวิบวับของเด็กน้อย เอวาพยักหน้าหัวสั่นจ้องไปที่รถไอติมไม่วางตา เธอเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู

   เมื่อได้สิ่งที่ต้องการเอวาก็ตั้งใจกินอย่างเอร็ดอร่อย เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นไอติมรสสตอเบอรี่ให้ผู้เป็นแม่แต่เธอก็ส่ายหน้ายิ้มรับบางเบาจูงมือเด็กน้อยไปที่รถเพื่อกลับบ้าน

   "กินดีๆอย่าให้หกใส่รถนะลูกแล้วก็มารยาทที่ดีห้ามกินมูมมามนะจ้ะ"

   "ครับแม่"

   รถยนต์เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนผ่านตึกมากมายแล้วเข้ามาในเขตชนบทห่างไกลความวุ่นวายรอบข้างมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าให้ความร่มเย็นมีบ้านปลูกเป็นหลังๆเพียงน้อยนิดจนมาถึงบ้านเกือบท้ายซอยริมสุดที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมากมาย บ้านสองชั้นที่มีสวนอยู่หน้าบ้านมีต้นไม้เล็กใหญ่ให้ความร่มรื่นแก่คนอยู่อาศัย เมื่อรถจอดสนิทเด็กชายก็วิ่งลงจากรถแล้วเข้าไปหาน้ำหาท่าให้แม่ของตนอย่างที่ทำเป็นประจำ

   "กลับมาแล้วหรอคะคุณอิ้ง น้องเอวา ให้ป้าจัดสำรับอาหารขึ้นโต๊ะเลยมั้ยคะหรือรอคุณอดัมก่อน"

   หญิงวัยใหญ่อายุเยอะออกมาจากห้องครัวตามเด็กชายตัวน้อยมาติดๆมองเอวาวิ่งดุ๊กๆไปหาแม่ด้วยความเอ็นดูทุกครั้งที่มักจะทำตัวน่ารักเป็นเด็กดีอยู่เสมอ

   "รอเจ้าอดัมก่อนแล้วกันค่ะป้าจัน...แล้วนี่ลุงเทิ้มไปไหนหรือคะ"

   หญิงสาวรับแก้วน้ำจากลูกมาดื่มแล้วถามไถ่ถึงลุงเทิ้มสามีป้าจันที่ทำงานเป็นคนสวนและช่วยดูแลความปลอดภัยของบ้าน

   "เห็นว่าจะไปดูเมล็ดดอกไม้น่ะค่ะ ประเดี๋ยวคงกลับมา"

   "ดีจังค่ะ บ้านเราจะได้ดอกไม้หอมๆสวยๆเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ป้าจันคะ ฝากเอวาไปอาบน้ำหน่อยนะคะเดี๋ยวอิ้งจะเข้าห้องไปทำงานนิดหน่อย"

   "ได้ค่ะคุณอิ้ง...ไปกันน้องเอวา"ป้าจันรับคำก่อนจะจูงเด็กน้อยให้ขึ้นไปบนห้อง

   ถึงเวลาอาหารค่ำเด็กน้อยที่เล่นตุ๊กตาอยู่บนห้องก็ลงมาตามเสียงที่ป้าจันเรียกมีคุณแม่นั่งรออยู่แล้วที่หัวโต๊ะ ตอนนี้จึงเหลือแค่พี่ชายคนโตอย่างอดัม

   "เจ้าอดัมวันนี้กลับช้าจัง มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหนอยู่กันเนี่ย...เห้อ"หญิงสาวบ่นด้วยความเป็นห่วงอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเริ่มเย็น เด็กน้อยก็ได้แต่มองกับข้าวตรงหน้าตาละห้อยยังกินไม่ได้หากคนยังมาไม่ครบ

   "คุณอดัมมาแล้วค่ะคุณอิ้ง"ป้าจันวิ่งเข้ามาที่โต๊ะอาหารพร้อมชายที่เดินตามมาข้างหลังติดๆ

   "สวัสดีครับแม่อิ้ง ว่าไงตัวเล็ก"ชายหนุ่มนั่งตรงกันข้ามกับเอวา ใบหน้าหล่อคมคายยิ้มเริงร่าอย่างคนอารมณ์ดีแต่ร่าเริงกว่าปกติ

   "ทำไมวันนี้กลับช้าละพี่อดัม อารมณ์ดีกว่าปกติด้วย"เด็กน้อยเอวาถามแทนผู้เป็นแม่ที่ข้องใจเหมือนกัน

   "ช่างพูดเหมือนเดิมเลยนะตัวเล็ก...พี่กลับช้าก็เพราะไปเจอของถูกใจมาน่ะสิ หึหึ"

 "เห้อ ลูกคนนี้นี่นิสัยเสียจริง"หญิงสาวถอดถอนใจกับนิสัยเห็นคนอื่นเป็นของเล่นของลูกตนเองนึกหวังไว้ว่าจะมีใครสักคนมาสยบลูกตัวแสบให้อยู่หมัด

   "อย่าถอนหายใจบ่อยสิครับ เดี๋ยวแก่ไวน้า"อดัมยิ้มกริ่มจิ้มแขนแม่เพื่อไม่ให้เครียด เธอปรายสายตามองอย่างดุๆจนอดัมหน้าหงอยลงไปถนัดตา

   "เอวาหิว"

   เด็กน้อยงึมงำพร้อมเสียงโครกครากท้องร้อง เอวาหลุบตาต่ำหน้าแดงแจ๋จนทุกคนหัวเราะ หญิงสาวหัวโต๊ะพยักหน้าให้เริ่มลงมือทานกันได้เด็กน้อยก็รีบทานอย่างหิวโหยลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารที่แม่สอนไปชั่วคราว

  จัดการอาหารตรงหน้าจนอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ครอบครัวก็คุยกันบนโต๊ะอาหารถึงเรื่องราวต่างๆนาๆให้หายคิดถึงกันโดยไม่ลืมสไกป์ไปหาอีกคนที่อยู่เมืองหนาวอย่างอเมริกา ลูกสาวคนรองสวยเฉี่ยวได้โคลงหน้ามาแบบคนเป็นพ่อเต็มๆ อีฟน้ำตาคลอคิดถึงครอบครัวที่อยู่เมืองไทย เธอเล่าถึงชีวิตที่อยู่อเมริกาที่ทั้งสุขและทุกข์ โหยหาที่จะกลับบ้านแต่ต้องอดทนอีกแค่ปีเดียวเธอก็จะได้กลับสักที ถึงเวลาเข้านอนทุกคนก็บอกรักและคิดถึงอีฟแล้วปิดสไกป์พากันแยกย้ายไปนอน ชั้น 2 มี 4 ห้องด้วยกัน ห้องแรกริมขวาสุดคือห้องของผู้เป็นแม่ ถัดมาก็ห้องของอดัมแล้วก็ห้องของอีฟห้องสุดท้ายริมซ้ายสุดคือห้องของเอวา อิ้งจะเข้าห้องเอวาไปอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังเสมอ วันนี้ก็ด้วย

   Next Reply


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2015 19:10:48 โดย nekozaa »

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
  "เอาละ วันนี้แม่ซื้อนิทานเรื่องใหม่มา...แวมไพร์ผู้กล้าหาญกับรักนิรันดร์ กาลครั้งนานมาแล้ว..."

   หญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องถึงแวมไพร์ที่เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่หาใครเปรียบ เขาเป็นท่านเคาท์แห่งปราสาทที่ไม่มีผู้ใดกล้าย่างเท้าเข้าไปแต่แล้ววันหนึ่งก็มีหญิงสาวสวยนางหนึ่งเข้าไปเพื่อหลบพายุฝนที่โหมกระหน่ำแล้วไปเจอเข้ากับแวมไพร์ตนหนึ่งที่กำลังกระหายเลือดอย่างรุนแรง นางตกใจวิ่งหนีแต่เมื่อหันกลับมามองก็เห็นท่านเคาท์ต่อสู้กับแวมไพร์ตนนั้นที่จะเข้ามาขย่ำคอของนาง ท่านเคาท์เสียหลักถูกตบจนเซล้มลงไป แวมไพร์ตนนั้นจึงพุ่งเข้าใส่หญิงสาวอย่างบ้าเลือด ตอนนั้นเองที่นางเกือบจะโดนกัดท่านเคาท์ก็เข้ามาบังตัวนางไว้แล้วหันไปจ้วงหัวใจของแวมไพร์เสียสติตนนั้นจนกลายเป็นขี้เถ้าลอยไป นางจึงหลงรักท่านเคาท์ที่ช่วยชีวิตนางไว้และยอมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแวมไพร์เพื่อจะอยู่กับท่านเคาท์ตลอดกาลปาวศาล...

   "แม่ครับ แวมไพร์คือคนไม่ดีหรอครับ"นั่นคือคำถามแรกหลังจากหญิงสาวเล่านิทานจบ

   "แม่คิดว่าแวมไพร์ก็มีทั้งดีและไม่ดีแหละจ้ะแต่ลูกก็รู้แล้วจากนิทานนี้ว่าแวมไพร์ที่ดีเขาจะปกป้องเราส่วนแวมไพร์ที่ไม่ดีเขาจะทำร้ายเราอย่างบ้าคลั่ง"

   "แวมไพร์ดูดเลือดคน เอวากลัว...มันน่ารังเกียจ"

   "ไม่ได้นะจ้ะ แวมไพร์ก็คนเหมือนกัน จำไว้นะถึงเขาจะกินเลือดเป็นอาหารดูไม่มีจิตใจแต่เขาก็มีความรู้สึกนึกคิด ลูกจะว่าเขาไม่ได้ ดูสิอย่างในนิทานเรื่องนี้ท่านเคาท์น่ะปกป้องหญิงสาวตัวเล็กๆยอมฆ่าพวกเดียวกันแถมยังมีความรักให้หญิงสาวอีก...อย่าดูถูกแวมไพร์เพียงเพราะเขากินเลือดเป็นอาหารสิจ้ะ คุณค่าของแวมไพร์ไม่ได้อยู่ที่การกินเลือดคนแต่มันอยู่ตรงนี้...ที่หัวใจ"หญิงสาวชี้นิ้วไปจิ้มตรงอกซ้ายของเด็กน้อย

   จากที่กลัวแวมไพร์จนหน้าซีดตัวสั่นเด็กน้อยก็ยิ้มกว้างประกายตาแพรวพราวสดใส

   "เอวาเข้าใจแล้วครับแม่ เอวาอยากเป็นแวมไพร์จังครับเอวาจะได้ปกป้องแม่จากคนไม่ดี"

   "ฮ่ะๆๆ นอนได้แล้วเจ้าตัวยุ่ง...ฝันดีจ้ะ"หญิงสาวก้มตัวลงจูบหน้าผากเด็กน้อยอย่างรักใคร่

   "ฝันดีครับแม่"ดวงตาสดใสปิดลงเรื่อยๆแล้วหลับใหลไปในที่สุด หญิงสาวปิดไฟแล้วค่อยๆปิดประตูอย่างเบามือเดินกลับห้องตัวเองไป




   "วันนี้แม่คงไปรับไม่ได้นะจ้ะ ให้พี่อดัมไปรับนะเอวา"ก่อนจะลงจากรถไปเข้าโรงเรียนหญิงสาวก็พูดอย่างเร่งรีบเมื่อนึกขึ้นได้

   "ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ"เด็กน้อยรับคำแล้วลงจากรถรอให้รถวิ่งผ่านลับสายตาไปก็เดินเข้าห้องเรียนไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วไปที่ไม่อยากมาโรงเรียนหรืออยากจะให้แม่ไปส่งถึงที่

   เด็กๆอย่างเอวาก็เรียนอะไรไม่ได้นอกจากท่อง-เขียน-อ่าน ก ไก่ถึงฮนกฮูก A ถึง Z แต่สมองฉลาดหลักแหลมอย่างเอวาล้ำหน้าไปมาก การศึกษาของเอวาสมารถข้ามไปเรียนประถมตอนปลายได้เลยแต่ถึงเด็กชายจะเก่งแค่ไหนก็ต้องทบทวนและอ่อนน้อมถ่อมตนไม่อวดฉลาดเกินเด็กอนุบาลเกินไป

   ถึงเวลาเลิกเรียนเอวาก็ออกไปรอที่สวนสาธารณะเหมือนทุกครั้ง เล่นกับเพื่อนๆรอจนเพื่อนค่อยๆกลับไปทีละคนๆกระทั่งเหลือเอวาเป็นคนสุดท้าย ปกติเอวาจะต้องกลับก่อนใครเพื่อนแต่วันนี้รอจนแล้วจนรอดพี่ชายก็ไม่มารับสักที รอไปเรื่อยๆจนค่ำไร้ผู้คนและเด็กๆ เด็กน้อยนั่งไกวชิงช้าอยู่คนเดียวอย่างใจที่อดทนรอถึงแม้จะกลัวและอยากร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้

   แซ่ก แซ่ก เสียงพุ่มไม้ขยับไหวทำให้เด็กน้อยตกใจสะดุ้งตัวโยนหันไปมองที่พุ่มไม้เมื่อกี้นี้ที่เหมือนมีอะไรอยู่ตรงนั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กทำให้ขาทั้งสองก้าวไปที่พุ่มไม้นั้น ทุกย่างก้าวที่เดินไปใจก็เต้นสั่นระรัวอย่างหวดกลัว เด็กน้อยหยุดขะงักกึกแล้วหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้นเพราะความกลัวมากกว่าความอยากรู้อยากเห็น

   "...เจ็บ...หิว...ละ เหลือเกิน"

   เด็กน้อยหยุดเท้าไว้แล้วหันเดินไปที่หลังพุ่มไม้นั่นอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงคนเหมือนต้องการความช่วยเหลือ

   "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เอ่อ...อึก"

   สภาพร่างของคนที่นอนขดตัวอยู่ทำให้เด็กน้อยผวา เลือดที่เปรอะตามเสื้อเชิ้ตสีขาว ใบหน้าก็ซีดเผือดและนัยต์ตาแดงก่ำอย่างกับสีเลือดจ้องมองเด็กน้อยอย่างหิวโหย เขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากเรียวนั้น

   "คะ คุณเป็น...แวมไพร์!!"

   จากนิทานที่แม่ของตนเล่าตรงตามผู้ชายตรงหน้าทุกอย่างที่สำคัญชายตรงหน้าเป็นแวมไพร์ที่กำลังหิวโหยเลือดอย่างบ้าคลั่ง เอวาเตรียมท่ากำลังจะวิ่งหนีจากตัวอันตรายคนนี้แต่ก็ถูกมือหนาจับข้อเท้าเล็กจนหกล้มหน้าคะมำ

   "ขอ...เลือด"ชายหนุ่มลากขาเด็กน้อยที่ขัดขืนสุดชีวิตให้มาอยู่ใต้ร่างหนาของตน

   "ไม่ ปล่อยผมนะ...ทะ ท่านเคาท์ช่วยเอวาด้วย...ท่านเคาท์ออกมาสิ"

   ด้วยความตกใจทำให้เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกคนที่อยู่ในนิทาน มือไม้ก็พยามผลักดันหนุ่มแวมไพร์ตรงหน้าออกแต่ไม่เป็นผลเลย

   "ข้านี่แหละ...ท่านเคาท์"

   เด็กชายชะงักนิ่งมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ท่านเคาท์จะต้องปกป้องสิไม่ใช่บ้าคลั่งกระหายเลือดแบบนี้ เมื่อเห็นเด็กชายนิ่งไป ชายหนุ่มก็พุ่งจู่โจมเข้าที่ซอกคอเล็กของเอวาแล้วฝังเขี้ยวอย่างรุนแรง

   "ม่ายยยยย"

   เด็กชายกรีดร้องอย่างเจ็บปวด รู้สึกได้ถึงของเหลวในตัวถูกดูดดึงกลืนกิน ร่างกายที่พยายามต้านทานขัดขืนอ่อนแรงลงเหมือนเลือดถูกสูบไปจนหมด สติที่มีเริ่มพร่าเลือนจนชายหนุ่มดึงคมเขี้ยวที่ฝังคอออกแล้วมองเด็กชายอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรลงไป เด็กชายน้ำตาไหลพรากหอบหายใจรวยรินลมหายใจก็เริ่มติดขัดเหมือนหัวใจจะเต้นช้าลงๆ

   "ข้าให้เจ้าตายไม่ได้ เจ้าเป็นเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์และยังช่วยข้าไว้แม้ข้าจะทำผิด"

   ชายหนุ่มกัดข้อมือตัวเองจนเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาก่อนจะจ่อไปที่ปากของเด็กน้อยที่หายใจรวยริน เอวากลืนเลือดของชายตรงหน้าลงไปเพราะนึกว่าเป็นน้ำ

   "อ่ะ...อึก...แฮ่กๆ"

   ร่างกายของเด็กชายร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟแผดเผา ร่างเล็กเกร็งตาเหลือก สติพร่าเลือนจนดับวูบลงไปก่อนหลับเสียงทุ้มนุ่มก็บอกบางอย่างกับเด็กน้อย

   "แล้วเจอกัน...คู่หมั้น"

TBC.
หมดไป2ชั่วโมงกับการนั่งแต่งยังไม่ได้กินข้าวเลย แต่งเสร็จไปตอนหนึ่งก็ชงไชโยโห่ฮิ้วเลยค่ะ แมวฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ จะขยันมาต่อให้นะคะ ถ้าได้กำลังใจจากคนอ่านจะดีมากเลยค่ะ แมวจะได้ขยันปั่นเนอะ 555 ขอบคุณมากนะคะที่กดเข้ามาอ่านกัน ติชมได้นะคะมีอะไรขัดข้องก็บอกแมวได้เลยค่ะ...รักคนอ่าน ชอบคนบวกเป็ด รักมากคนคอมเม้น...

ออฟไลน์ baipai_bamboo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
คู่หมั้นนนนน

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โชตะค่อนใช้มั้ยท่านเคาท์ กินเด็กอนุบาลเลย >.,<

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 1 กำเนิดราชินี


   11 ปีผ่านไปไวราวกับเรื่องโกหก ผมเติบโตใช้ชีวิตตามปกติแม้จะไม่ปกติขึ้นเรื่อยๆทุกวัน สงสัยเป็นเพราะผมไม่ได้กินยามานานหลังจากที่ผมหาย

   อืม...ผมเป็นอะไรน่ะหรอ ก็ตั้งแต่ 6 ขวบหลังจากฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งผมก็สติแตกกรีดร้องแล้วก็เอาแต่พูกว่าแวมไพร์ แวมไพร์ แม่ก็เลยจำเป็นต้องจับผมส่งไปที่โรงพยาบาลคนป่วยทางจิต หมอโรคจิตเขาทำอะไรกับผมไม่รู้ รู้แค่ว่าผมเกิดประสาทหลอนขึ้นมาคิดว่าสัตว์ป่าแถวนั้นเป็นแวมไพร์ที่ไม่มีจริง อีกอย่างแม่บอกผมว่าไปเจอผมสลบที่สวนสาธารณะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ผมคงหลอนไปเองจริงๆ นับแต่นั้นผมก็เลยเกลียดแวมไพร์เข้าไส้ถึงแม้จะไม่มีจริงก็เถอะ

   "แม่ครับ อีกสองวันผมก็อายุสิบแปดแล้วผมจะโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับ"ผมพูดแล้วมองรูปที่อยู่ในกรอบบนหัวเตียง แม่ที่กำลังคลี่ยิ้มสดใสมองผมเหมือนจะบอกแสดงความยินดี แม่ผมจากไปได้ 2 ปี ด้วยโรคทับถมเยอะๆมากเข้าจนทนไม่ไหว

   ผมคิดถึงแม่จัง ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากเลยครับ แม่ก็ตายจาก ป้าจันกับลุงเทิ้มก็ชราภาพจนเดินไม่ไหวต้องให้ลูกหลานเลี้ยง พี่อดัมก็หมกมุ่นกับงานที่บริษัทเพราะได้เป็นรองประธาน พี่อีฟกลับมาจากอเมริกาแทนที่จะทำงานดีๆแต่ดันแปลสภาพเป็นนักเขียนนิยายทุกรูปแบบ

   และผมก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป หน้าตาตอนนี้ผมสวยขึ้นมากทั้งที่เป็นผู้ชาย บางคนเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นผู้หญิงเลยละครับผมเลยถูกโลกทางโซเชียลเน็ตเวิร์คโหวตให้เป็นผู้ชายที่สวยที่สุดในโลก ผมควรจะดีใจมั้ยเนี่ยผมอยากหล่อมากกว่านะ แล้วร่างกายผมก็เปลี่ยนไปเร็วมากช่วงนี้ทั้งพละกำลังที่แข็งแรงทั้งที่หุ่นผมบอบบางน่าถนุถนอม ฟีโรโมนที่มันพลุ่งพล่านเรียกเพศผู้และเพศหญิงทั้งหลายให้เข้ามารุมตรอม ผิวก็ซีดขึ้นเมื่อเจอแดดเป็นเวลานาน ผมโคตรเกลียดแดดเลยมันทำให้หงุดหงิดงุ่นง่านแต่ทั้งหมดนี้ผมก็คิดแค่ว่าเป็นเพราะผมกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
 "รุณหวัดจ้าเอวา"สาวสวยร่างอรชรใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารเช้าให้พี่อดัมและผม

   "พี่อดัมละครับพี่อีฟ"

   "นั่งทำงานอยู่ข้างบนน่ะสิ ไปเรียกลงมาทานข้าวหน่อยสิเอวา"

   "ครับ"ผมรับคำแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของพี่ชายที่เมื่อ 6 ปีที่แล้วไปรับผมช้าทำให้ผมเกิดประสาทหลอนในวันนั้น

  ก๊อก ก๊อก
 
  "พี่อดัม"หลังจากเคาะประตูผมก็เรียกคนข้างใน

   "รู้แล้วๆเดี๋ยวตามลงไป ขอห้านาที"

   อีกแล้วครับ มาเรียกเวลาทำงานทีไรชอบขอต่อเวลาทุกทีต่อเวลาตามที่กำหนดน่ะไม่ว่าอะไรหรอกครับแต่พี่แกนี่ชอบเลยเวลาทุกทีครั้งนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นอีก

   ก๊อกๆๆๆๆๆ

   ผมก็เคาะประตูรัวเลยครับขืนเออออห่อหมกตามเดี๋ยวจะเสียนิสัย ยิ่งพี่อดัมเป็นคนเอาแต่ใจด้วยเนี่ยต้องยิ่งดัดนิสัย

   "เคาะหาไรนักหนาวะไอ้เด็กบ้านี่"

   และแล้วการเคาะประตูรัวจังหวะกลองของผมก็สำเร็จเมื่อไอ้พี่บ้างานเปิดประตูออกมาอย่างหัวเสีย

   "จะแดกมั้ยอ่ะข้าว ไม่แดกจะเอาไปให้ชมพู่กิน"พูดจบผมก็เดินลงไปที่ห้องครัวพี่อดัมก็เดินตามมาติดๆกลัวว่าข้าวเช้าจะถูกชมพู่หมาพันธุํไซบีเรียฮัสกี้คาบไปกิน

   "อีฟ ได้ข่าวว่าร้านบาร์ของแกมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งท่าทางแปลกๆหรอวะ"

   นั่งกินข้าวไปได้สักพักพี่อดัมก็เปิดประเด็นขึ้นมาเกี่ยวกับร้านบาร์ที่พี่อีฟเป็นเจ้าของ

   "ก็ไม่เชิงว่าแปลกหรอกน่าจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนไม่ธรรมดามากกว่า"

   ระหว่างนั่งกินข้าวผมก็เงียบกินข้าวทำเป็นไม่สนใจแต่หูผึ่งฟังทั้งสองพี่น้องคุยกันอย่างสนอกสนใจ

   "ไม่ธรรมดายังไง"พี่อดัมถาม นั่นสิ ไม่ธรรมดายังไงพิเศษใส่ไข่หรือเปล่า

   "ก็กลุ่มนี้มีอยู่ห้าคนแต่ละคนแซ่บเว่อ หล่อมาก รวยมาก แซ่บมาก ที่สำคัญใหญ่มากกก"

   อา...ดูจากหน้าพี่อีฟที่ฟินเว่อขนาดนั้นคงจะแซ่บอย่างที่พี่แกบอก น่าสนเนอะ ว่างๆต้องไปนั่งส่องบ้างละ เกย์อย่างผมจะพลาดของดีแบบนี้ได้ไง คิคิ

   "หุบปากหน่อยเอวา น้ำลายหกหมดแล้ว"พี่อดัมพูดปุ๊บผมที่รู้ตัวว่าทำหน้าแบบไหนไปรีบหุบปากปั๊บแล้วหันไปสนใจกินข้าวต่อ

   "สนใจหรอน้องสาว คิคิ"

   ผมหันควับไปเขม่นตาใส่พี่อีฟทันที ผมเป็นผู้ชายนะจะเรียกน้องสาวทำไมถึงหน้าตาผมจะเหมาะกับการเป็นน้องสาวมากกว่าก็เหอะแต่ผมก็ยังไม่แต๋วแตกขนาดนั้นนะยังคงความเป็นชายไว้อยู่เฟ้ย

   "อีกสองวันวันเกิดเอวานี่ แกก็จัดให้มันหน่อยละกัน"

   พี่อดัมส่งเสริมยุแยง ขอบคุณครับพี่จัดมาเลยครับห้าคนเอวาคนนี้ก็รับไหว เอิ๊กๆ ล้อเล่นน่ะผมยังไม่เคยถูกช่วงชิงความบริสุทธิ์ไปเลยจะให้ถูกรุมห้าคนน่ะไม่ไหวหรอก คนเดียวก็เกินพอแต่ขอหล่อมากที่สุดนะ

   "เอาเป็นว่าอีกสองวันเจอกันที่ร้านพี่นะจ้ะ จะจัดปาร์ตี้วันเกิดใช่มั้ยละ"
   "ใช่ครับพี่อีฟก็เหมือนเดิมทุกปีแหละ"พูดเหมือนจัดวันเกิดที่บาร์มาตั้งแต่เกิดแต่เปล่าเลยครับเพิ่งเริ่มมาจัดตั้งแต่ผมอายุ 15 เอง

   หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยผมก็บึ่งมาโรงเรียนทันที ผมมีรถขับเองแล้วนะครับพี่อดัมซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้วเจ้ารถออดี้สีแดงดุจเลือดคู่ใจไม่รู้ทำไมแหะชอบสีแดงมากซะจนอยาก...เอิ่ม ช่างมันเถอะครับ

   "หวัดดีเอวา"

   "วันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยนะครับ"

   "น่ารักจังเอวา"

   "เป็นแฟนผมเถอะเอวา"

   เหล่าคำทักทายสารพัดมากมายที่ผมได้ยินเกือบทุกวันบวกกับแดดร้อนเปรี้ยงปร้างในยามเช้าทำให้ผมหงุดหงิด ผมเลยส่งสายตาปานเชือดเฉือนให้ไป ประมาณว่า มึงอย่าเข้ามาใกล้กูถ้าไม่อยากถูกกระโดดกัดคอ ช่วงนี้ผมเป็นอะไรไม่รู้ด้วยสิรู้สึกอยากไซร้คอแล้วฝังเขี้ยวลงไปแรงๆ หรือจะเป็น...ความต้องการทางเพศ?

   "เอวาทางนี้โว้ย"เสียงแหลมตะโกนมาแต่ไกลผมมองไปยังต้นเสียงที่คุ้นเคยกันดีมันนั่งอยู่กับเพื่อนผมอีก 3 คน

   ผมมองไปที่กลุ่มผมทีไรก็มีแต่ความแปลกให้เป็นคำจำกัดความทุกครั้งก็แปลกจริงอ่ะแหละสำหรับคนอื่นที่มองมาอ่านะแต่สำหรับผมมันคือสิ่งพิเศษและมหัศจรรย์พันลึกมีแต่ผมเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าพวกมันพิเศษใส่ไข่ยังไง

   "มองทีไรก็ไม่เคยเบื่อจริงๆกูชอบสีตามึงจังข้างซ้ายสีฟ้าข้างขวาสีเหลือง"ผมพูดพลาบลูบไล้ใบหูและหางที่มีขนปกคลุมเป็นสีขาวอ่อนนุ่ม

   แปลกงั้นหรอ อืม...ก็เจ้าผู้ชายประหลาดนี่ที่มีรูปร่างเหมือนแมวชื่อเปอร์เซียชื่อเหมือนสังกัดพันธุ์มันนั่นแหละ ตอนที่พบเปอร์เซียที่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้มันเลยเพราะข่าวและช่องบันเทิงตามโทรทัศน์บอกว่าเปอร์เซียไม่ใช่สิ่งประหลาดอะไรทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุแล้วว่าเป็นแค่เนื้องอก งอกพ่องงอกแม่งสิถึงงอกได้ขนาดนี้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่ทางวิทยาศาสตร์บอกเพราะมันมีเหตุผลแต่ผมไม่เชื่อตามเพราะเปอร์เซียมันพิเศษจริงๆมีแต่ผมและคนในกลุ่มที่รู้กัน

   "ลำบากชะมัด...เห้อ"อีกคนถอนหายใจ ดูเหม่อลอยคิดอะไรๆจนคนข้างๆที่นั่งเงียบหน้าเย็นชาอยู่ถึงกับต้องเอ่ยคำพูดสะดุดใจ

   "เมื่อวานข้าวหอมไปลากพี่ชายที่เอาแต่เมาไม่รู้เรื่องที่บาร์พี่ของเอวาแล้วเกือบโดนพวกผู้ชายในบาร์รุมข่มขืนแต่มีผู้ชายที่น่าสนใจคนหนึ่งช่วยเอาไว้ได้แต่ก็เกือบโดนผู้ชายคนนั้นข่มขืนซะเอง"ไอ้คนหน้าเย็นพูดเป็นต่อยหอยเลยครับแต่มันก็มีหน้าที่อ่านใจคนอย่างข้าวหอมที่ชอบเก็บความเครียดไว้กับตัวเอง

   "ดีนะที่รอดกลับมาได้ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยข้าวหอม"ผมพูดถามด้วยความเป็นห่วงเจ้ามดลูกน้อย มันก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มให้ผมเหมือนเห็นผมเป็นพี่ชายที่ห่วงน้องชาย
   แปลกใช่มั้ยครับข้าวหอมผู้น่ารักมีฟีโรโมนต่อเพศผู้รุนแรงมากเป็นฟีโรโมนที่ดึงดูดให้มามีเพศสัมพันธ์กันและถ้าปล่อนในตัวข้าวหอมจะทำให้ท้องได้ในทันที ผมไปเจอข้าวหอมที่เกือบถูกพวกผู้ชายที่โรงเรียนจะข่มขืนผมเลยไปช่วยไว้และลากข้าวหอมมาให้อยู่ในกลุ่มพวกเราเพื่อความปลอดภัย

   ส่วนอาใจเพื่อนผู้นิ่งและเย็นชาที่สุดในสามโลกมีความสามารถที่น่าทึ่งคืออ่านใจคนได้ไม่รู้ทำได้ยังไงมันไม่ยอมบอกมันบอกสั้นๆง่ายๆเพียงว่า ไม่บอก กวนอวัยวะเบื้องล่างมากไอ้อาใจแข็ง

   "แล้วนี่เฌอแตมไปไหนอีกแล้ว"เมื่อกี้ยังเห็นนอนหลับอยู่บนโต๊ะอยู่เลย

   "นู่น ไปคุยกับสิงสาราสัตว์ญาติมันนู่น"ผมมองไปตามนิ้วที่เปอร์เซียชี้ไป เฌอแตมกำลังคุยสนุกร่าเริงกับนกทั้งสามตัวครับโดยมีผู้คนที่มองพลางซุบซิบนินทาเป็นแบล็คกราวพื้นหลัง

   ผมเลยต้องไปลากคอเฌอแตมกลับมานั่งที่โต๊ะก่อนจะถูกคนอื่นหาว่าบ้าไปมากกว่านี้ ก็มีแต่พวกผมที่รู้ว่ามันมีความพิเศษสื่อสารกับสัตว์ได้ตั้งแต่เกิดแต่ส่วนใหญ่สัตว์ที่มันเจอจะเป็นสัตว์ปีศาจที่มาจากนรกมาคอยคุ้มกันมัน กลุ่มผมนี่แฟนตาซีหลุดโลกได้อีก ยกเว้นแต่ผมที่ไม่มีอะไรเลยยกเว้นหน้าตาที่สวยเกินชายกับเสน่ห์มัดใจคนที่พบเห็นและเผลอมองสบเข้าไปนัยต์ตาสีรัตติกาลคู่นี้

      "เอวาอ่า คุณนกอุส่ามาบอกข่าวให้แตมยังไม่ทันบอกลาเลย...อ๊ะ บ๊ายบายคุณนก"เจ้าเตี้ยหน้าหวานหันมาต่อว่าผมก่อนจะโบกมือหยอยๆส่งให้คุณนกพิราบที่บินขึ้นฟ้าไป

   "กูว่าจะจัดวันเกิดวันนี้ว่ะจัดยันเที่ยงคืนก็วันเกิดกูพอดี"เมื่ออยู่กันครบหน้าผมก็เปิดประเด็นทันทีไม่ให้เสียเวลา

   "ก็ดีนะ จัดภายในใช่มั้ยจะได้ปลอดภัย"ข้าวหอมถามอย่างระแวง ปีที่แล้วจัดแบบใครมาก็ได้นี่ทำเอาวุ่นเลยข้าวหอมโดนลากเข้าม่านรูดดีนะพวกผมไปช่วยได้ทัน

   "ก็มีแค่พี่อดัม พี่อีฟ พวกมึงแล้วก็คนสนิทของพวกมึงก็ได้แล้วแต่เลย"

   "แล้วพี่พอชที่ตามจีบแกทุกวี่ทุกวันไม่ย่อท้อละ เจ้าพกไปด้วยมั้ย"

   แมวน้อยเปอร์เซียหรี่ตายกยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ คนที่พูดถึงคือพี่พอชที่เรียนมหา'ลัยปี3 แต่มาหาผมถึงที่โรงเรียนทุกวันเพื่อตามจีบ ผมนับถือพี่แกเป็นพี่ชายเฉยๆเพราะเห็นเป็นรุ่นน้องพี่อีฟ

   "ไม่รู้สิ แต่เดี๋ยวพี่แกก็มาได้เองแหละ"

   "ก็พี่อีฟเปิดประตูต้อนรับขนาดนั้นละเรอะ พี่พอชทั้งหล่อ รวย ใจดี น่ารัก เพอเฟคที่สุด"ตาเยิ้มน้ำลายหกเลยนะเฌอแตมระวังเถอะลูซิเฟอร์จะส่งสัตว์นรกมากระชากแกลงดิน

   "อยากได้ก็เอาไปสิ กูไม่ชอบยังไม่ที่สุดกูไม่เอา"ผู้ชายที่ผมจะเปิดใจยอมรับด้วยต้องที่สุดของที่สุดเท่านั้น...หรือผมกำลังรออะไรวะ?

   "นี่พวกมึงรู้อะไรมั้ยพวกเรามีชื่อกลุ่มกันแล้วนะ...พวกคนอื่นเขาเรียกกลุ่มเราว่า..."จู่ๆเปอร์เซียก็พูดขึ้นมาพวกผมก็ตั้งใจฟังอย่างลุ้นระทึก เอ จะถูกเรียกว่ากลุ่มแปลกประหลาดชาติเจริญเปล่านะ

   "The Queen!"เสียงเย็นๆของอาใจเอ่ยออกมาเรียบๆเมื่อเห็นว่าเปอร์เซียเว้นความระทึกไว้นานเกินไปจนน่ารำคาญ

   "เหมือนจะเคยได้ยินเหมือนกันนะ ข้าวหอมเป็น The Queen number three ละ"

   "The Queen number four"อาใจเอ่ยออกมาเรียบๆเป็นการบ่งบอกว่ากูนี่แหละนางสาวไทยหมายเลย 4

   "ของกู The Queen number two"เปอร์เซียพูดต่ออย่างภาคภูมิใจ มันมีอะไรให้น่าภูมิใจกันนะ

   "คุณกระรอกบอกข้าวหอมว่าข้าวเป็น The Queen number five แหะๆ"เหลือตำแหน่งเดียวสินะ ทุกคนถึงกับจ้องมองผมด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ผมนี่นะ...

   "The Queen number one?"ผมชี้จิ้มอกตัวเองอย่างไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเพราะพวกเพื่อนๆพยักหน้ารู้เห็นเป็นใจกันอย่างพร้อมเพียง 

  "อ่ะแฮ่ม คุณสมบัติของการเป็นเดอะควีนคือหน้าตาอันดับแรกความพิเศษอันดับสอง"เปอร์เซียเฉลยข้อข้องใจเมื่อเห็นผมทำหน้างงเป็นตูดหมา

   "ในกลุ่มเราเอวาสวยสุดและพิเศษสุดน่ะ"คำพูดคำชมของข้าวหอมทำให้ผมงงขึ้นไปอีก กูเนี่ยนะพิเศษใส่ไข่เยอะสุด

   "เอวาอาจจะไม่รู้ตัวว่าความพิเศษของเอวาน่ะสุดยอดมากเลยนะ แตมก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไรแต่เพื่อนๆของแตมบอกมาว่า...อุ๊บ"คำพูดของเฌอแตมหยุดชะงักเมื่อกระรอกโผล่มาตะปปปากจากไหนไม่รู้ สงสัยลูซิเฟอร์ไม่อยากให้บอกละมั้ง

   "ช่างมันเถอะ นี่ก็จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว"

   บทสนทนาจบลงผมกับเพื่อนๆพากันเข้าห้องเรียน พวกเราเป็นจุดเด่นมากนักเรียนและครูต่างเหลียวตากันมามองแทบทะลุ คำทักทายระหว่างเดินจากนักเรียนไม่มีขาดสายจนกระทั่งเข้าห้องเรียน ผมลืมบอกใช่มั้ยว่านี่คือโรงเรียนชายล้วน พวกผู้ชายที่เป็นเกย์ส่วนใหญ่เลยจับจ้องพวกเราเป็นพิเศษแต่คนที่ไม่ได้เป็นเกย์ยังมองเลยแหะ
 Next Reply

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
   "เอ่อ เอวา"

   เมื่อนั่งที่กันเรียบร้อยก็มีผู้ชายใจกล้านายหนึ่งเดินเข้ามาทักผมที่หันหน้าไปทางหน้าต่างชมวิวทิวทัศน์ ผมเหล่ตามองเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปสนใจวิวต่อ

   "เอวาครับคือ...พวกเราขอไปงานวันเกิดเอวาได้มั้ย"นานใจกล้าถามขึ้นมือไม้อยู่ไม่เป็นสุกบิดงออย่างขวยเขินช่างน่าขัดหูขัดตา

   "..."ผมก็เงียบสิครับ เรื่องอะไรจะให้ไปกันละมันวุ่นวายน่ารำคาญจะตาย

   "เอวา..."นายใจกล้าก็ยังคงเรียกขอร้องผมแต่ผมก็ไม่สนใจ

   "นี่นาย เอวาไม่อยากให้ไปก็ตามตื๊ออยู่ได้ เอาเวลาไปนั่งสนใจการเรียนไม่ดีกว่าหรอ"ปรี๊ดแตกแล้วครับเพื่อนผม เปอร์เซียมันไม่ชอบเสียงดังน่ะครับมันบอกกระทบกับประสาทการรับรู้ทางใบหูแมวของมัน

   "อย่าเสือกสิไอ้เนื้องอก"ผมหันควับไปมองนายใจกล้าทันควันมันว่าเพื่อนแมวน้อยที่น่ารักของผมงั้นหรอ!! ผมจะฆ่ามัน!!

   เพียะ! หน้าของนายใจกล้าหน้าด้านหันไปตามแรงตบของเฌอแตมผู้ใจดีและเรียบร้อย เอาล่ะสิวะ ขนาดเฌอแตมยังโกรธจนเผลอเผยอารมณ์ดิบออกมา ผมคงต้องห้ามไม่ให้เฌอแตมกระทืบมันจมดินตายจริงๆ

   "ไอ้สวะ ถ้าวันนี้นรกไม่ลากมึงลงนรกกูเนี่ยแหละจากส่งมึงไปเอง"โหดแท้เฌอแตมเอ๋ยนี่ถ้าฆ่ามันแล้วไม่ถูกโยนเข้าซังเต(คุก)นะ ผมจะร่วมด้วยช่วยกันเตะโด้งมันส่งนรก

   "สัส..."นายใจกล้าด่าและทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเฌอแตม

   เพียะ! โดนเฌอแตมจัดไปอีกดอกจนเลือดกลบปากเลยมึง สมน้ำหน้า แต่กลิ่นเลือดมันโชยเตะจมูกผมเลือดสีแดงสดที่มุมปากของนายใจกล้าไหลลงมาเป็นภาพสโลว์โมชั่น ผมมองแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกรู้สึกคอแห้งผาก ตาลายคล้ายจะเป็นลม รู้สึกถึงบางอย่างที่แหลมคมอยู่ในปากผม ระหว่างที่พวกนั้นกำลังทะเลาะกันผมก็เดินตัวลอยไปหากลิ่นเลือดนั้น ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนายใจกล้า ดูมันจะชะงักและตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็นผม ผมใช้นิ้วโป้งปาดเลือดที่มุมปากออกแล้วดูดนิ้วโป้งตัวเองที่มีเลือดมันติดอยู่ อา...อย่างกินมากกว่านี้จัง

   "เอวา"คนที่ไม่ค่อยมีบทบาทอย่างอาใจกระชากแขนผมอย่างแรงให้รู้สึกตัว ผมมองเพื่อนๆและเหล่านักเรียนที่มองมาที่ผมอย่างหลงใหล โดยเฉพาะนายใจกล้า

   "กะ เกิดอะไรขึ้น"ผมหันไปถามเพื่อนของผมที่มองเหตุการณ์ที่ผมกระทำอย่างตกใจ

   "นี่พวกเธอนั่งที่ได้แล้ว"ยังไม่ทันได้รู้อะไรคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาไล่เด็กนักเรียนให้กลับเข้าที่

   ส่วนนายใจกล้าและผองเพื่อนก็พากันเดินตัวลอยกลับห้องเรียนของตัวเองไป แล้วเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงไปกินเลือดมันอย่างนั้นละ?
   "วันนี้จะมีนักเรียนใหม่เข้ามานะ...เคาท์เข้ามาได้จ้ะ"เคาท์หรอชื่อคุ้นๆนะชื่อเหมือนในนิทานแวมไพร์ที่แม่เคยเล่าให้ฟังเลย

   ขายาวก้าวเข้ามาในห้องจากที่ห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยก็ต้องหยุดลงดั่งมนต์สะกดเมื่อชายหนุ่มที่เข้ามานั้น...หล่อโฮกกกกกกก ใบหน้าที่นิ่งเย็นราวกับเจ้าชายน้ำแข็ง ดวงตาที่เป็นสีรัตติกาลดำสนิทเหมือนของผม ริมฝีปากกระจับสีเลือดหมูน่าลิ้มลอง ผมสีดำเงายาวถึงกลางหลังมัดหลวมๆ ร่างกายกำยำสูงสง่าดุจราชสีห์ ผิวขาวผ่องดุจใยไหม คนๆนี้หล่อราวเทพบุตรซาตานซะจนสามารถฆ่าใครหลายๆคนได้เพียงตวัดตาสวยคู่นั้นมอง ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าเขามองจ้องมาที่ผมแล้วแสยะยิ้มนิดๆแหละ

   "แนะนำตัวสิจ้ะ"คุนครูเกวลินยิ้มส่งตาหวานเยิ้ม ครูครับนั่นลูกศิษย์นะครับอย่าเพิ่งคิดไม่ดีงาม นั่นน่ะของผม ผมจอง คิคิ

   "วิลเลี่ยม เคาท์ มองซิเอิร์ล เกรสัน"สาบานสิว่านั่นชื่อคน แม่งยาวเป็นหางว่าวเลยสงสัยจะมีเชื้อพระวงศ์ด้วยละมั้งนั่นทำไมตระกูลผู้ดีสุดติ่งถึงต้องมาเรียนที่นี่ด้วยละแทนที่จะเรียนอยู่ในวังอะไรเถือกนี้

   "จ้ะ เคาท์อยากนั่งตรงไหนจ้ะ"ครูเกวยังคงมองเคาท์ด้วยสายตาหวานเยิ้ม เคาท์ไม่ตอบครับเดินสง่างามมาทางผม อย่าบอกนะว่า

   "ผมจะนั่งตรงนี้"เคาท์เดินมาหยุดตรงโต๊ะที่เปอร์เซียนั่งแล้วกดดันเปอร์เซียทางสายตาว่า กูจะนั่งตรงนี้นะเพราะฉะนั้นมึงไสหัวแมวๆไปซะ

   "ดะได้สิ ตามสบายนะ"เจ้าแมวเปอร์เซียก็เป็นไปกับเขาด้วยแหะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันทำหน้าหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายกับเขาสักที คนๆนี้ต้องมีอะไรที่พิเศษแน่นอน

   เคาท์นั่งลงข้างๆผมส่วนเจ้าแมวน้อยไปนั่งกับเฌอแตม ผมปรายตามองคนข้างๆแวบหนึ่งก็เจอะเข้ากับนัยน์ตาลุ่มลึกชวนน่าหลงใหล ทำไมกันนะผมรู้สึกคุ้นหน้า ผูกพันและเกลียดไปในตัวกับคนๆนี้เหมือนเคยมีความหลังกันมาก่อน ผ่านไปหลายนาทีกว่าผมจะตั้งสติดึงตัวเองออกจากห้วงแปลกๆเมื่อสบกับตาสีมืดของคนตรงหน้า

   "ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง...เอวา"เสียงทรงเสน่ห์ของเคาท์เอ่ยทักทายผม อีกครั้งงั้นหรอ เราเคยพบกันหรือไงถ้าเคยผมก็ต้องจำได้สิคนหล่อลากกระชากน้ำขนาดนี้

   "เราเคยรู้จักกันหรอ"

   "นานแล้วละแต่เดี๋ยวเธอก็จำได้เอง"พูดจบเคาท์ก็ยิ้มมุมปากให้ผมทำไมมันเหมือนการแสยะยิ้มสยองขนมากกว่าวะ รู้สึกเกลียดขี้หน้ามันว่ะ

   ผมไม่ยิ้มตอบรับไมตรีอีกต่อไปหันกลับไปสนใจที่ครูเกวกำลังสอนแต่คนข้างๆเอาแต่มองผมจนรู้สึกสยองแปลกๆ ขนกูลุกชันหมดแล้วหยุดมองเหอะเหมือนมันจะรู้ว่าผมขนลุกกับการจ้องมองของมัน เคาท์เลยหันไปสนใจครูเกวพล่ามน้ำหมากหกแทน

   ระหว่างครูสอนผมก็ไม่มีสมาธิเลยเอาแต่คิดว่าเคยรู้จักมักคุ้นกับเคาท์ตอนไหนแล้วไอ้ความรู้สึกผูกพันแต่ก็เกลียดนี่มันคืออะไร ร่างกายผมก็ร้อนเหมือนโดนไฟราคะเผาเมื่อจ้องมองไปนัยน์ตาของเคาท์ ยิ่งมองยิ่งต้องการอะไรบางอย่าง ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน

วลาเดินผ่านไปไวจนกระทั่งเลิกเรียนเวลาเที่ยง อ่อ โรงเรียนผมพิเศษหน่อยคือเรียนตั้งแต่ 7โมงถึงเที่ยงครึ่ง ดีมั้ยละแต่เนื้อหาการเรียนเข้มข้นกว่าของโรงเรียนอื่นนี่สิดีนะที่ผมไอคิว 200 เลยไม่เป็นปัญหา

   "แล้วเจอกันตอนสี่ทุ่มนะเปอร์เซีย ข้าวหอม เฌอแตม อาใจ"ก่อนที่ผมจะได้เดินไปก็มีมือเล็กของอาใจยื้อไว้ (กลุ่มผมตัวเล็กทุกคนยกเว้นผมที่สูง 177 ที่เหลือ 170ลงไป)

   "เขามาตามทวงสัญญาแล้วนะ"

   คำพูดเรียบเชียบที่เอ่ยออกมาไม่บ่อยนักของอ่าใจเอ่ยขึ้น ผมก็งงสิวะ ใคร อะไร สัญญาตอนไหน แต่ก็งงได้แค่นั้นเพราะอาใจจะไม่ตอบอะไรอีกปล่อยให้เป็นปริศนาให้คนที่ถูกมันพูดกำกวมหาคำตอบเอง

   "เอวาเป็นคนที่พิเศษมากนะ"และตบด้วยคำชมของเฌอแตมให้ยิ่งคิดเข้าไปอีก อิสองตัวนี้นี่มันความลับเยอะเว้ย เอวาเซ้งเซง

   ผมก็นั่งขับออดี้และคิดตามที่เพื่อนทั้งสองพูดตลอดทางระหว่างกลับบ้านแต่ก็หยุดความคิดต่างๆนานาไปเมื่อคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกแถมทำให้ปวดกระบาลตุบๆ พอถึงบ้านผมก็ต้องสงสัยเมื่อเห็นรถแลมเบอกินี่สีดำทะมึนจอดอยู่ตรงที่จอดรถว่าง ใครมาเยี่ยมบ้านเรานะ ปกติไม่เคยเห็น

   "กลับมาแล้วหรอน้องรักพี่จะแนะนำคนคนหนึ่งให้รู้จักเขาจะมาอยู่กับเราในฐานะคู่หมั้นจ้ะ"หืม พี่อีฟมีคู่หมั้นตอนไหนทำไมกูไม่รู้เลยฟะ แอบกั๊กไม่ให้น้องรู้ได้ไง

   ผมเดินตามพี่อีฟไปห้องรับแขกต้อยๆนึกสนใจคนที่ทำให้ไอ้พี่บ้านิยายคนนี้สนใจได้

   "วิลเลี่ยม เคาท์ มองซิเอิร์ล เกรสัน"พี่อีฟผายมือไปทางคนที่นั่งไขวห้างจิบชาอยู่อย่างใจเย็น มันจะไม่แปลกเลยถ้าไอ้คู่หมั้นที่ว่าไม่ใช่เคาท์คนนี้

   "นี่พี่อีฟหมั้นกับเด็กมอปลายเนี่ยนะ"หน้าผมคงเหวอมากเจ้าบ้านเคาท์นี่ชอบทำให้แปลกใจอยู่เรื่อย

   "คู่หมั้นพี่ที่ไหน...คู่หมั้นแกต่างหาก เอวา"

   ห้ะ!!!! นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกแหกโลกอะไรกันวะเนี่ย


   TBC.
โอ๊ยตายแล้ว พอกลับมาท่านเคาท์ก็รุกเอาๆรุกไม่ทันให้เอวาของเราได้ทันตั้งตัว เขามาทวงคทนความเป็นคู่หมั้นแล้วนะจ้ะเอวา จะทำยังไงละเนี่ย คนเขียนยังตื่นเต้นแทน อยากอ่านตอนต่อไปก็คอมเม้นให้กำลังใจกันหน่อยเนอะ คิคิ ขอไปพักและจะมาปั้นให้ต่อนะคะ
:bye2: :-[

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เอวางงเลย 5555 นางน่ารักดีนะ เชิดๆ ระวังตัวอย่าให้โดนจับกินล่ะเอวา อิ้อิ้

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คู่หมั้นมาหา แต่อารมณ์เหมือนมีเจ้าหนี้มาตาม 555555

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 2 วันเกิดมาพร้อมกับความพิเศษ


   [Wiliame Count]

   ดวงตาที่แดงก่ำ เขี้ยวที่แหลมคม ผิวที่ซีดเผือด พละกำลังที่มีมากมายเป็นล้นพ้น และหัวใจที่หยุดเต้นมาพันกว่าปี ใช่แล้วครับผมคือ แวมไพร์ ที่เหลือรอดเป็นตนสุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของญาติสนิทมิตรสหายอย่างลูซิเฟอร์ จ้าวแห่งภพภูมิโลกันย์

   พันกว่าปีแล้วที่ผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตายไม่ได้ที่จริงผมจะตายเมื่อไรก็ได้แค่เอาเงินแท้มาตอกลิ่มที่หัวใจของผมแต่ที่ผมยังอยู่มาทุกวันนี้ก็เพราะผมอยากอยู่ใช้ชีวิตดูความหายนะจุดจบของมนุษย์ที่ไล่เข่นฆ่าพวกพ้องของผมและเหตุผลสำคัญที่ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนหัวใจผมกำลังรออะไร?

   ตลอดเวลาที่ผมใช้ชีวิตในวงสังคมโลกมนุษย์ผมต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมีความรัก ครอบครัว หรือเพื่อนไม่ได้เพราะผมเคยทำแบบนั้นมีความรัก มีครอบครัว มีเพื่อนแต่พวกเขาที่เป็นมนุษย์ก็ตายก่อนและทิ้งผมให้อยู่เดียวดายกับความเสียใจที่สูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป ผมจะต้องเปลี่ยนที่อยู่ทุก 50 ปี หากผมอยู่กับที่จนผ่านไปนานแล้วถูกสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่แก่เลยถ้าถูกล่วงรู้ว่าผมเป็นแวมไพร์พวกมนุษย์ก็จะฆ่าผม ผมอยากอยู่อย่างสงบ

   จนมาถึงตอนนั้นตอนที่ผมได้เจอกับนักล่าของแปลกมันรู้ว่าผมเป็นอะไรตอนที่ผมเผลอกินเลือดจากห้องบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล(เพื่อความสะดวกในอาหารการกินเลยทำงานเป็นหมอ)ผมลืมล็อคประตูทำให้ไอ้นักล่านั่นอยากได้แวมไพร์อย่างผมไปเป็นของเก็บสะสม เราต่อสู้กันผมพลาดท่าถูกมันทำร้ายแต่โชคดีที่ผมหนีรอดมันมาได้หนีไปเรื่อยๆจนหมดแรงอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผมเสียเลือดมากผมต้องการเลือดเพื่อช่วยในการฟื้นฟูบาดแผลแล้วจู่ๆเด็กหน้าตาสะสวยคนหนึ่งก็โผล่มาเด็กคนนั้นมีกลิ่นเลือดที่หอมหวานมากกว่ามนุษย์คนไหนมันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เผลอดูดเลือดที่แสนอร่อยจนหมดเมื่อผมรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคร่าชีวิตน้อยๆที่สวยงามและบริสุทธิ์ผมก็ไม่มีเวลาตัดสินใจรีบให้เลือดตัวเองไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กคนนี้และผลลัพธ์ที่เด็กคนนี้จะได้หลังจากถูกผมกัดและให้ดื่มเลือดผม เด็กคนนั้นจะกลายเป็นแวมไพร์!

   ผมไม่อยากให้เด็กคนนั้นเป็นอมนุษย์ที่ไม่มีวันแก่ตายแบบผมแต่ผมไม่มีทางเลือก ผมฆ่าเด็กที่บริสุทธิ์คนนั้นไม่ได้และผมก็รู้สึกผูกพันแปลกๆเมื่อสบตาหวานสวยคู่นั้น หัวใจที่ตายไปนานแล้วกลับเต้นอีกครั้งความรู้สึกที่ห่างหายไปนานก็กลับมามีชีวิตชีวา

   และเพื่อเป็นการทดแทนที่เอวาจะต้องกลายเป็นแวมไพร์เมื่ออายุครบ 18 ถึงเวลานั้นผมจะมารับในฐานะ คนรักของผม...

   [Eva]

  "คู่หมั้นพี่ที่ไหน...คู่หมั้นแกต่างหาก เอวา"

   ห้ะ!!!! นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกแหกโลกอะไรกันวะเนี่ย

   "นี่มันเรื่องอะไรกัน เคาท์จะเป็นคู่หมั้นผมได้ไงเราเพิ่งรู้จักกันวันนี้แถมผมยังเป็นผู้ชาย"

   "พูดอะไรเจ้าเด็กโง่นายกับวิลเลี่ยมรู้จักกันตั้งแต่เด็กโตมาด้วยกันจนแม่ของวิลเลี่ยมมาขอหมั้นไว้แม่กับนายก็ตกลงที่จะหมั้นตอนนายอายุสิบแปดนี่...จำไม่ได้หรอ"

   ใช่ จำไม่ได้และไม่มีทางที่ผมกับเคาท์จะโตมาด้วยกันและแม่ก็ไม่เคยให้ผมไปหมั้นกับผู้ชายคนนี้ พี่อีฟสมองกลับไปแล้วรึไงหรือนี่เป็นเซอร์ไพรส์วันเกิด ผมไม่ขำเลยนะ

   "เอวาคงจำไม่ได้...แต่คืนนี้น้องจะจำได้เองแหละครับ"เคาท์เอ่ยและมองมาทางผมด้วยแววตากระหายอะไรบางอย่าง

   "เคาท์นายต้องการอะไร"เมื่อคุยกับพี่อีฟไม่รู้เรื่องผมก็เลยหันไปคาดคั้นเจ้าชายน้ำแข็งที่นั่งจิบชาไม่รู้ร้อนรู้หนาวแทน

   "บอกแล้วไงเดี๋ยวคืนนี้ก็รู้เอง"

   คำตอบเดิมๆทำให้ผมหงุดหงิดเดินปึงปังเข้าห้องนอนเพื่อเข้าไปสงบสติอารมณ์และคิดถึงเรื่องของเคาท์ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวมาแบบฉุกละหุก คิดไปคิดมาผมก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

   ครืด~ ครืด~

   โทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้ดังอยู่หัวเตียงผมลืมตาช้าๆมือก็ควานหาโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด หน้าจอแสดงชื่อเปอร์เซียผมเลยกดรับทันที

   [เห้ยเอวา เกิดเรื่องใหญ่แล้วว่ะ]

   "เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ"

   [ก็ปาร์ตี้วันเกิดมึงที่บาร์พี่มึงอ่ะคนมากันเต็มเลยว่ะ นักเรียนโรงเรียนเราก็มี]

   "ไอ้พี่เวร"ผมบ่นถึงพี่อีฟกับพี่อดัมที่ชอบเปิดตัวน้องชายอย่างผมเห็นแบบนี้พี่ผมน่ะโคตรเห่อน้องเลยยิ่งมีน้องหน้าตาสวยโดดเด่นแบบผมด้วยเนี่ยสิ

   [ยังไงมึงก็รีบมาหน่อยนะ พวกแม่งถามหาแต่มึงกูรำคาญ]

   "เออ มึงก็ไปบอกให้พี่อีฟเปิดห้องวีไอพีแล้วกันเสียงพวกนั้นจะได้ไม่กระทบหูมึง"

   [เออๆ...ติ๊ด]

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงเอื่อยเฉื่อยอีกต่อไปผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแต่ก็นานอยู่ดีวันเกิดทั้งทีต้องให้หล่อหน่อย เอ่อ สวยก็ได้

   เมื่อมาถึงบาร์ของพี่อีฟผมก็ต้องตกใจเพราะคนเยอะจริงๆเยอะกว่าปีที่แล้วมาก ปีนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษมันมีอะไรหรือเปล่าวะ

   "วันนี้สวยมากกว่าทุกวันเลยนะเอวา"เสียงทุ้มเข้มทักทายผมอย่างสนิทกันดีผมยิ้มทักทายเขาอย่างทุกครั้งที่เจอไม่ได้โปรยเสน่ห์แต่อย่างใด เชื่อผมสิ

   "พี่พอชมานานแล้วหรอครับ"

   "สักพักนั่นแหละมายืนรอเอวาให้เข้างานด้วยกัน...สุขสันต์วันเกิดนะครับ"

พี่พอชพูดพร้อมกับยื่นช่อดอกกุหลาบสีแดงให้ผม ผมก็รับมาชื่นชมแต่โดยดีผมไม่ชอบดอกไม้หรอกครับชอบสีของมันมากกว่า สดเหมือนเลือดดี อ๊ะ นี่ผมคิดอะไรเนี่ย

   "ขอบคุณครับ เข้างานกันดีกว่า"สะบัดหัวไล่ความคิดที่ชักจะแปลกขึ้นไปทุกทีและเชื้อเชิญแขกคนสำคัญสำหรับพี่อดัมให้เข้างาน

   ก้าวขามาถึงงานทุกคนก็หันมามองยังผมกันให้พรึ่บไม่มองก็แปลกแล้วล่ะครับก็เจ้าของงานวันเกิดนี่นา เที่ยงคืนนี้ผมก็อายุ 18 ละ เวลานี่ผ่านไปไวจริงๆ

   "สุขสันต์วันเกิดนะเอวา"

   "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะเอวา"

   "สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เอวา"

   "ยินดีด้วยอายุสิบแปดแล้วนะน้องเอวา"

   หลายเสียงต่างเซ็งแซ่พูดสุขสันต์วันเกิดให้ผม ผมก็ยิ้มหวานที่จะไม่ค่อยได้ยิ้มให้เป็นการตอบแทนแค่นั้นก็ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะชายหญิงอ่อนระทวยละลายไปกองกับพื้นกันแล้วล่ะและจะได้สะดวกสบายในการเดินขึ้นชั้น2ไปห้องวีไอพีที่เพื่อนผมอยู่โดยไม่ต้องมีใครมาเดินชวนคุยให้เป็นการเสียเวลา ผมเดินผ่านคนพวกนั้นที่ทำหน้าตาเคลิ้มๆอย่างชิลชิลพลางเหลืองมองรอบงานที่ตกแต่งด้วยสีแดงที่ผมชอบ ลูกโป่งสีแดงบ้างสีดำบ้าง ป้ายแฮปปี้เบิร์ดเดย์ขนาดใหญ่ นักร้องชื่อดังที่มาร้องเพลงให้ ทุกคนใส่เสื้อสีแดง อืม ผมชอบนะคงเป็นความคิดพี่อีฟแน่นอน ให้บรรยากาศงานเลี้ยงสยองขวัญมากกว่างานวันเกิดอีก ฮ่าๆ

   "เอ่อ จะไม่อยู่ข้างล่างหรอครับพี่เอวา"

   พอจะก้าวขาขึ้นบันไดก็มีรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนหนึ่งถามผม ผมจำน้องคนนี้ได้นะชื่อนิลเป็นเอฟซีผมถึงกับตั้งเพจแฟนคลับเอวาให้ผมเลยล่ะน้องก็น่ารักดีนะ

   "เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาพวกเพื่อนพี่ก่อนน่ะ ยังไงเดี๋ยวพี่จะลงมานะครับ รอพี่ได้มั้ยครับน้องนิล"ว่าแล้วก็โปรยรอยยิ้มหวานบาดตาไปให้เยอะๆ

   "ดะ...ได้...ได้ครับ...สะ...สำหรับพี่เอวา...พะ...พะ พวกเรารอได้"น้องนิลพูดกระตุกกระตักหน้าแดงแปร๊ดลามไปถึงหูถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นลมไปแล้วก็รอยยิ้มผมมันดาเมจแรงสูงขนาดนี้แต่เด็กนิลนี่ก็ภูมิต้านทานเยอะดี ผมชอบ

   "พี่พอช พี่พอชครับ"คนนี้ก็โดนดาเมจรอยยิ้มของผมไปด้วยยืนนิ่งตาเคลิ้มเลยครับ

   "คะ ครับ"
   แล้วผมก็ก้าวขาขึ้นบันไดปูพรหมแดงที่เลี้ยวคดจนไปถึงชั้น2บ่งบอกถึงความหรูหราของบาร์แห่งนี้ที่นี่ไม่ใช่บาร์ที่ใครจะเข้ามาก็ได้แต่ต้องเป็นคนที่มีฐานะและการวางตัวที่ดีพวกเซเลบ คุณชาย คุณหนูก็ชอบมาที่บาร์แห่งนี้เพราะความดูดีมีระดับที่พี่อีฟทุ่มแรงกายแรงใจสรรค์สร้างขึ้นมา ที่นี่จึงไม่มีการใช้ความรุนแรงของพวกป่าเถื่อน การแอบค้าขายสิ่งเสพติด การค้าขายประเวณี บาร์แห่งนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นให้เกิดเป็นมลทินเลย

   "ปล่อยระเว้ยยย ไอ้เหี้ย"

   ยังไม่ทันถึงห้อง VIP ผมก็ได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดของเจ้าแมวเปอร์เซีย นี่มันมีเรื่องอะไรกันอีกนะเนี่ย

    "เงียบน่าแมวน้อย"

   ชายท่าทางดูดีมากๆคนหนึ่งอุ้มเปอร์เซียพาดบ่าแล้วเดินมาทางผม เมื่อเห็นหน้าเต็มๆบอกเลยว่าโคตรหล่อ ใบหน้าคมคายที่ดูเจ้าเล่ห์ ท่าทางเพลย์บอยไม่เบา ผมไม่ควรจะมายืนชื่นชมไอ้หล่อที่กำลังอุ้มแมวน้อยของผมสิ

   "นายจะพาเพื่อนฉันไปไหน"(ปกติเป็นคนพูดเพราะ พูดมึงกูเฉพาะกับเพื่อน)ไอ้หล่อก็หยุดกึกแล้วมองหน้าผมเหมือนถูกใจ เห้ยๆ อย่ามองมันสยิวไอ้นี่แม่งเพลย์บอยตัวจริง

   "นายก็ถูกใจฉันนะแต่วันนี้ขอฉันจัดการแมวน้อยก่อนแล้วกัน"

   "เอวา ช่วยกูด้วย"

   เจ้าแมวน้อยไม่พูดเปล่าแต่เล็บมือที่แหลมคมของมันก็ขีดข่วนหลังไอ้หล่อนี่แต่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยกลับยิ่งยิ้มชอบซะอีก หล่อแล้วเสือกโรคจิตอีก

   "ปล่อยเปอร์เซียซะ อย่าให้ต้องใช้กำลัง"พี่พอชก้าวมายืนประจัญหน้ากับไอ้หล่อที่สูงกว่า ดูเตี้ยไปเลยนะครับพี่จะสู้เขาไหวหรอ

   "เสือก"

   "มึง!"พี่พอชโกรธหน้าดำหน้าแดงง้างมือขึ้นเตรียมจะตั๋นไอ้หน้าหล่อ

   "เห้ย มีเรื่องอะไรกัน"และแล้วเสียงนางฟ้าก็มาโปรดห้ามทัพระหว่างทศกัณฑ์หน้าหล่อกับหนุมานหน้าลิง(ก็ลิงป่ะวะ)

   "พี่อีฟช่วยเซียด้วย ไอ้เหี้ยนี่จะลากผมไปแร่เป็นเนื้อแมว"

   เปอร์เซียดิ้นกระแด่วๆบนบ่าของไอ้หล่อที่ทำหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนมารหลายคนมาขัดความสุขที่จะได้ข่มขืนแมวน้อยของผม ถึงพี่อีฟไม่มาช่วยผมก็ไม่ยอมให้แมวที่น่ารักไปตกอยู่ในกำมือยักษ์หรอกนะ

   "แอรีสปล่อยน้องลงเถอะจ้ะถือว่าพี่ขอขอร้อง"คนอย่างพี่อีฟถึงกับเอ่ยปากขอร้องแสดงว่าไอ้หล่อนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

   "ก็ได้ครับ"

   ก็เชื่อฟังดีนี่นาว่าแต่ชื่อแอรีสหรอชื่อเหมือนผู้หญิงแถมยังเหมือนชื่อเทพเจ้ากรีกแอรีสเทพแห่งสงครามอีกด้วยเข้ากับหน้าตาดีนะชอบทำสงคราม(ประสาท)

   "เอาละ เข้าห้องกันดีกว่าจ้ะจะได้แนะนำกันให้รู้จัก...พอช ไอ้อดัมให้ไปหาที่ห้องทอคชั้นสามแหนะ"

   ห้องทอค(Talk)คือห้องสำหรับคุยธุรกิจครับ บาร์พี่อีฟนี่เจ๋งเนอะมีหลายห้องหลายแบบไปถึงชั้น 10 ยังกับโรงแรมแหนะ

   "ครับ...เดี๋ยวพี่มานะเอวา"ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงรับไม่อยากยิ้มให้ครับเดี๋ยวพี่แกไม่เป็นอันทำอะไร

   พี่อีฟก็เริ่มต้อนพวกเราให้เข้าคอก เอ้ย เข้าห้อง VIP สายตานับ 8 คู่ก็หันมองผมเลยครับ เพื่อนผมทั้ง 4 คนผมก็รู้จักดีเลยยิ้มให้แต่อีก 4 คนที่เหลือ เองคือใครข้าไม่รู้จักแต่พอเห็นหน้าหล่อๆพอกับแอรีสแล้วอยากรู้จักมักจี้เลยครับยกเว้นไอ้คนที่นั่งหน้านิ่งแต่ตาแพรวพราวนี่ผมไม่อยากรู้จักเท่าไร เคาท์เจ้าเก่านั่นเองเห็นหน้ามันแล้วนึกถึงตอนบ่ายที่มันมาบ้านผมแล้วบอกว่าผมคือคู่หมั้นมัน

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อยากอ่านต่อออออ สนุกกกกมากกก

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
   "มากันครบแล้วนะ นี่คือเจ้าของวันเกิด ชื่อเอวาเป็นน้องสาวเอ้ยน้องชายพี่เอง"ผมก็ส่งยิ้มให้ฝั่งหนุ่มหน้าหล่อทั้งหลายยกเว้นเคาท์กับแอรีสเพราะผมไม่ชอบขี้หน้ามัน

   "เอ้า พวกนายแนะนำตัวให้พวกพี่ๆเขารู้จักสิจ้ะ"แล้วพี่อีฟก็หันไปพูดกับเพื่อนผมที่นั่งหน้าบูดอยู่ยกเว้นเจ้าชายหน้านิ่งอย่างอาใจ

   "อาใจครับ"ยกมือไหว้งามๆ

   "เฌอแตมครับ"ยกมือไหว้แล้วหันไปทำหน้าบูดใส่ไอ้คนหัวแดงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม รู้จักกันหรอหรือนี่คือลูซิเฟอร์(ก็ว่าไปนั่น)

   "ข้าวหอมครับ"ไม่ไหว้แหะเอาแต่ก้มหน้าลงอย่างกลัวๆ ไม่แปลกครับข้าวหอมจะกลัวคนแปลกหน้าเพราะกลัวปล่อยฟีโรโมนจนถูกปล้ำ

   "หึ"สงสัยแมวน้อยจะโกรธแค้นมาก เชิดใส่ไม่ยอมบอกชื่อตัวเองอยากรู้จักผมพลาดอะไรไป

   "อ่ะแฮ่ม"พี่อีฟกระแอมพร้อมทำสายตาดุๆ เจ้าแมวหน้าจ๋อยลงเล็กน้อยก่อนจะเชิดขึ้นใหม่

   "เปอร์เซีย"พูดพร้อมกับแกว่งหางฟูนุ่มนั่นอย่างไม่พอใจ น่ารักอ่า

   "โอ๊ะ หางกับหูนั่นของจริงหรอนึกว่าคอสเพลย์ซะอีก"แอรีสพูดอย่างตื่นเต้นแล้วยิ้มระริกระรี้เหมือนเห็นของเล่นที่ถูกใจ

   "ไม่ใช่ของจริงหรอกจ้ะ นี่น่ะ..."

   "พี่อีฟครับ"เมื่อพี่อีฟกำลังจะพูดคำสะเทือนใจผมเลยเรียกชื่อพี่ปรามมห้หยุดพูดทางสายตา พี่อีฟก็ยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าเชิงขอโทษ

   "งั้นหนุ่มๆแนะนำตัวกันหน่อยสิจ้ะ"

   "พี่ชื่อวิลเลี่ย..."

   "ขอชื่อสั้นๆได้ป่ะ อย่าเยอะ"พอเคาท์จะพูดชื่อเต็มผมก็เลยรีบห้ามทันที ขี้เกียจฟังมันยาว

   "เพื่อน้องเอวาก็ได้ครับ พี่ชื่อเคาท์แต่อยากให้เรียกว่าวิลเลี่ยมมากกว่าเพราะชื่อเคาท์ให้คนพิเศษเรียกได้เท่านั้น"เคาท์พูดพลางมองหน้าผมและเน้นคำว่าคนพิเศษผมรีบผลุบตาลงกลั้นความรู้สึกบางอย่าง

"พี่ชื่อแอรีสนะครับน้องๆที่น่ารักโดยเฉพาะเปอร์เซีย"ยิ้มแพรวพราวส่งให้แมวน้อยที่เบ้หน้าหยะแหยง

   "พี่ชื่อไอริสครับ"พูดนิ่งๆแล้วมองข้าวหอมแวบหนึ่ง ว่าแต่พี่ไอริสหน้าตาเหมือนไอ้แอรีสเลย(เนื่องจากแอรีสจะกระทำชำเราแมวน้อยที่น่ารักของผม ผมเลยไม่นับถือมัน)

   "สองคนนี้เป็นฝาแฝดกันน่ะแอรีสเป็นพี่ไอริสเป็นน้อง"พี่อีฟไขข้อข้องใจให้ผมที่จ้องหน้าพี่ไอริสเขม็ง พ่อแม่ช่างตั้งชื่อเนาะ คนพี่แอรีสเทพแห่งสงครามคนน้องไอริสเทพแห่งความบาดหมาง(ตำนานกรีกแอรีสกับไอริสเป็นพี่น้องกัน)

   "เหนือฟ้าครับ"พี่คนนี้หน้าดีเลยครับหล่อแบบเทพบุตรของแท้แต่ทำไมต้องใส่แว่นตากรองแสงด้วยวะ ตาบอดหรอหรือกลัวความมืดในห้องวีไอพีรอยยิ้มประดับประดาอยู่บนใบหน้าก็หล่อเทพๆจะดีมากถ้าถอดไอ้แว่นนี่ออก ดูเหมือนอาใจจะสนใจพี่เหนือฟ้านะครับถึงหน้าจะนิ่งแต่ผมดูออก

   "พี่ชื่อลูซครับ"แล้วก็แสยะยิ้มให้เฌอแตม ทำไมหน้ากลัวงะเหมือนเห็นเขาจอมมารอยู่บนหัวเลย

   "รู้จักกันแล้วนะ พี่ว่าเดี๋ยวพี่ไปดูอดัมกับพอชก่อนดีกว่า อย่ากัดกันในนี้นะทำตัวดีๆเข้าใจมั้ย"พี่อีฟพูดส่งท้ายยิ้มๆแต่ตาไม่ยิ้มให้พวกผมก่อนจะออกไป

   "เอวาเราย้ายห้องกันเถอะ กูไม่อยากอยู่ใกล้เสนียด"ไอ้ตัวเสนียดที่ว่าลุกผึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ พี่อีฟเพิ่งบอกแหมบๆว่าอย่าทะเลาะกัน เอวาคนนี้ก็ต้องเคลียร์ตลอด

   "อย่ามาจับนะ"อีกคู่ละครับพี่ลูซกับเฌอแตม

   "ทำไมผมถึงอ่านใจพี่เหนือฟ้าไม่ได้กันนะ"คู่นี้สงบนิ่งดีนะแต่เห้ยพี่เหนือเมฆจับก้นเองอยู่นะอาใจ เห็นหล่อๆเทพบุตรแต่ในใจนี่น้ำนิ่งไหลลึกใช่มั้ยเนี่ย

   "พี่อยากกินข้าวหอมจัง"
"พี่ไอริสก็เข้ามานั่งข้างๆข้าวหอมที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือ เห็นนิ่งๆแต่นิสัยหื่นกามก็เหมือนพี่ชายตัวเองเลยนะ

   เสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนผมหงุดหงิด แม่ง มาทะเลาะอะไรกันวันเกิดผมวะ

   แว้ดๆๆๆ

   "เงียบ"เงียบ 1

   แว้ดๆๆ

   "เงียบ"เงียบ 2

   แว้ดๆๆๆ
 
   "เงียบสิ"เงียบ 3

   แว้ดๆๆๆ

   "เงียบบบบบบ!!"เมื่อสุดจะทนผมเลยว้ากลั่นห้องทำเอาทุกคนเงียบกริบ อึ้งครับอึ้ง ผมคงตะโกนดังมากและหน้าผมตอนนี้คงเหมือนจะเข้าไปแดรกหัวใครที่มันบังอาจยังแว้ดต่อ

   "นั่งลงกับที่แล้วสงบสติซะ!!"ทุกคนปฏิบัติกันพรึบพรับ หงอลงกันไปเลยครับเจอผมมาดนี้เข้าไป

   "อ่ะ เอ่อ...สุขสันต์วันเกิดนะเอวา"ข้าวหอมที่ตั้งสติได้ดีที่สุดพูดกับผมพร้อมยื่นกล่องของขวัญให้ ผมก็รับมา อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่จึงเย็นลง

   "สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก"แล้วแมวน้อยก็ให้ของขวัญผมอีกคนผมนั่งลงแล้วเอาของขวัญวางไว้ที่ตัก

   "สุขสันต์วันเกิดเอวา"ข้าวหอมก็ยื่นกล่องของขวัญให้

   "สุขสันต์วันเกิดที่มาพร้อมกับสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตเอวาไปตลอดกาลนะ"คนสุดท้ายอย่างอาใจทำเอาผมขมวดคิ้ว เอาอีกแล้วชอบพูดกำกวมให้ผมปวดหัวอยู่เรื่อย พวกผู้ชายฝั่งนั้นมองอาใรกันให้พรึ่บเลย

   "อาใจอ่านใจคนได้สินะ"พี่เหนือฟ้ารู้หรอ เป็นไปได้ไงอาใจไม่เคยบอกใครนอกจากพวกเรา

   "ครับพี่เหนือฟ้า ผมจะไม่ถามว่าพี่รู้ได้ไงแต่ผมจะถามว่าพี่เป็นอะไร"

   "พี่จะบอกก็ต่อเมื่อรู้ว่าพวกนายมีสิ่งพิเศษอะไรอยู่ในตัว"

   "ไม่..."เปอร์เซียกำลังจะปฏิเสธแต่อาใจก็ขัดขึ้นมา

   "เปอร์เซียถูกสาปให้เป็นแมวกลายร่างเป็นแมวได้เมื่อต้องการ"เห้ย ทำไมผมไม่รู้ อาใจแม่งขายเพื่อนนี่หว่า เจ้าแมวน้อยอ้าปากเหวอก่อนจะมองอาใจอย่างโกรธๆ

   "เฌอแตมคุยกับสัตว์ได้และยังเป็นคนของลูซหรือลูซิเฟอร์จากนรก"พวกผมพร้อมใจกันมองหน้าเฌอแตมสหรับกับหน้าเหี้ยมๆของพี่ลูซ เหยดแหม่ ท่านจอมมารหน้าตาเป็นงี้หรอ ผมควรจะกลัวสินะ

   บอกเลยว่า นี่มันอเมซิ่งมหัศจรรย์พันลึก! สิ่งที่ไม่มีจริงไม่เป็นไปได้มันเป็นจริงแล้วเว้ย

   "ข้าวหอมมีฟีโรโมนเรียกเพศผู้ให้เข้ามาปล้ำและอสุจิของเพศผู้ทำให้ข้าวหอมท้องได้"เบาหน่อยอาใจจอมขายเพื่อนข้าวหอมจะร้องไห้แล้ววว

   "ส่วนเอวาคนนี้เป็น..."

   "โอ๊ยยยยยย"ยังไม่ทันที่อาใจพูดจบผมก็มีอาการแปลกๆมันร้อนไปทั้งตัว ร้อนเหมือนร่างกายจะถูกเผาให้ตายทั้งเป็น ผมกรีดร้องแล้วทรุดตัวลงกับพื้นตัวงอ มือก็กอดแขนตัวเองอย่างเจ็บปวด นี่มันอะไรกัน

"ถอยห่างออกจากเอวาก่อน"เสียงเคาท์เข้ามาในประสาทผม รอบตัวผมวุ่นวายเพื่อนๆพากันจะเข้ามาช่วยผมแต่ถูกเพื่อนของเคาท์กักตัวไว้

   "ปล่อยกู กูจะไปดูเพื่อนกู"เปอร์เซียโวยวาย


   "ทำตามที่วิลเลี่ยมบอกเถอะ"อาใจที่เหมือนจะรู้อะไรจับบ่าแมวน้อยห้ามไว้

   ตอนนี้ผมไม่สนเสียงรอบข้างอีกแล้วรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คอแห้งผาก ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วสนแค่ต้องการ ต้องการเลือด เลือกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคน

   "เอวา เอวาเป็นอะไร"สายตาพร่าเลือนผมเห็นพี่พอชวิ่งเข้ามาประคองตัวผมขึ้นแล้วผลักเคาท์ออก

   "เลือด"เสียงแหบพร่าของผมพูดออกมาผะแผ่วพี่พอชที่ไม่ได้ยินก็ก้มหน้าเข้ามาใกล้ผม

   "ว่าไงนะครับเอวาเป็นอะไร"ไม่พูดอะไรอีกผมรีบพุ่งตัวไปหาซอกคอของพี่พอชแต่ก็ถูกแขนแกร่งคว้าเอวไว้จนหลังผมชนกับอกของเคาท์

   "จงลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้แล้วหลับซะ"ผมเห็นลางๆว่าพี่เหนือเมฆถอดแว่นแล้วจ้องตากับพี่พอชก่อนที่พี่พอชจะฟุบหลับ

   "ฮึ่มม ปล่อย"เสียงเคาท์เข้ามาในประสาทผม รอบตัวผมวุ่นวายเพื่อนๆพากันจะเข้ามาช่วยผมแต่ถูกเพื่อนของเคาท์กักตัวไว้

   "ปล่อยกู กูจะไปดูเพื่อนกู"เปอร์เซียโวยวาย


   "ทำตามที่วิลเลี่ยมบอกเถอะ"อาใจที่เหมือนจะรู้อะไรจับบ่าแมวน้อยห้ามไว้

   ตอนนี้ผมไม่สนเสียงรอบข้างอีกแล้วรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คอแห้งผาก ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วสนแค่ต้องการ ต้องการเลือด เลือกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคน

   "ฮึ่มม ปล่อย"ผมสะบัดจนเคาท์ปลิวไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนกำแพงร้าวแล้วพุ่งออกจากห้อง VIP ไปหาเหยื่อที่จะมาสังเวยเลือดให้ผม

   "เอวา"เพื่อนๆเรียกผมแต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ร่างกายผมมันเรียกร้องหาแต่เลือดเพื่อทำให้ความร้อนที่แผดเผาผมอยู่นี้หายไป

   ก่อนที่ผมจะได้ลงไปข้างล่างที่มีกลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งกันเต็มไปหมดผมก็ถูกบางอย่างล็อคตัวไว้ เมื่อมองดีๆมันคืองูยักษ์ 3 หัว ผมดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด

   "ดิ้นไปก็เท่านั้นนี่คืองูกากีนรกที่แข็งแกร่งมาก"พี่ลูซแสยะยิ้มหน้ากลัวอีกครั้งแต่ผมไม่กลัวอีกต่อไปผมใช้กำลังที่มีทั้งหมดดันเจ้างูน่าเกลียดออกจนร่างมันแตก พี่ลูซที่ยิ้มก็หน้านิ่วคิ้วขมวด

   "ลูซระวังเล็บ"แอรีสโผล่มาอีกคน

   "ไม่ทันแล้วล่ะ"สมทบด้วยไอริส

   สองพี่น้องฝาแฝดมองเห็นอนาคตได้งั้นหรอถึงรู้ว่าผมจะกรีดเนื้อพี่ลูซให้สมกับที่บังอาจมาหยุดยื้อผมที่กำลังกระหายเลือด

   "โอ๊ยยยยย"ผมร้องอีกครั้งเมื่อความร้อนมันกำลังรุมเร้าผมขึ้นอีก


   "กินซะ"กลิ่นเลือดที่หอมหวานจากแก้วไวน์ในมือเคาท์ทำให้ผมรีบตะครุบมาดื่ม

   เพล้ง

   แก้วไวน์ในมือร่วงลงพื้นเมื่อผมดื่มหมดพร้อมกับความทรงจำในวัยเด็กผมเผยออกมาในหัวเป็นฉากๆผมทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วเอามือกุมหัว ผมกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวูบหมดสติ

   "เอวาเป็นแวมไพร์หรอ"ข้าวหอมถามอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อออกมาเห็นเพื่อนตัวเองดื่มเลือดของวิลเลี่ยมที่รีดใส่แก้วไวน์ให้

   "อืม"อาใจตอบสั้นๆ

   "ฝากจัดการที่นี่ด้วยนะ"วิลเลี่ยมหันมาบอกแอรีสกับไอริสก่อนจะอุ้มเอวาที่นอนหมดสติไป

   "จะพาเพื่อนกูไปไหน"เปอร์เซียถามอย่างร้อนรน

   "วิลเลี่ยมเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับเอวาไม่ต้องห่วงเขาจะดูแลเอวาเป็นอย่างดี"เหนือฟ้าที่ใส่แว่นตาเหมือนเดิมบอกแทนเพื่อนตัวเอง

   ทุกคนมองแผ่นหลังของวิลเลี่ยมที่เดินจากไปช้าๆอย่างนึกเป็นห่วงเอวาที่ตื่นขึ้นมาแล้วจะทำใจรับได้ไหมกับสิ่งที่จะต้องเผชิญ




TBC.
งงกันไหมคะกับเรื่องราวชวนแฟนตาซีขนาดนี้น่ะ 555 เรื่องนี้แต่งเพื่อสนองนี้ดตัวเองด้วยค่ะ สนุกดีสำหรับคนแต่งไม่รู้คนอ่านจะสนุกหรือเปล่า 555 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่นะคะ
:hao6: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2015 06:36:50 โดย nekozaa »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ชอบบบบ เป็นอะไรที่รักมาก
เอวานางดูเป็นราชินีดี แบบว้ากที่หงอทั้งห้อง
สะใจ แอบชอบเปอร์เซียอ่ะ แบบว่านั้ลล๊ากกกกพอม่คู่กับแอรีสนี่แทบกรี้ดเลย คนอ้าร้ายย ดูเลวได้อีก5555

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 3 ราชินีแวมไพร์

   "อย่าเข้ามานะ"

   "เลือดดด"เสียงคำรามดังกึกก้องดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

   "ไม่"

   "เลือดดด"

   "ม่ายยยย"

   ผมสะดุ้งเฮือกดีดตัวขึ้นมาจากเตียง ความฝันนั้นช่างน่ากลัวแต่มันไม่ใช่ความฝันมันคือสิ่งที่ผมพบเจอเมื่อ 11 ปีก่อนตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมเจอเคาท์ที่เป็นแวมไพร์แถมยังบอกว่าผมคือคู่หมั้นหลังจากสูบเลือดผมจนตาย

   "ตื่นแล้วหรอ"เสียงคุ้นเคยที่ผมจดจำได้ดีเอ่ยออกมาก่อนจะเดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียง

   ผมถอยหลังกรูดอย่างหวาดกลัวคนตรงหน้าใครไม่กลัวสิแปลก แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมผมถึงกระหายเลือดแบบนั้นมันเหมือนกับนิทานที่แม่เล่า ระ หรือว่าผมจะเป็น...

   "เธอกลายเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์แล้วนะ"

   ไม่จริง! ไม่ใช่แน่ นี่มันต้องเป็นเรื่องผิดพลาดอะไร ผมก็แค่หิวน้ำแดงเท่านั้นเองหิวจนควบคุมตัวเองไม่ได้

   "อย่ามาแตะ"ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาลูบไล้ใบหน้าผม ผมปัดออกอย่างแรงจนมือหนาถลอกเลือดซิบ

   กลิ่นเลือดลอยมาเตะจมูก เอาอีกแล้ว ผมต้องการเลือดของเคาท์

   "เอาสิ ทำตามใจเธออยากเลยเอวา"ใบหน้าหล่อเหลาเอียงเล็กน้อยเผยคอระหงอวดหราผม เส้นเลือดที่อยู่ตรงคอเต้นตุบๆเรียกร้องให้ผมเข้าไปใกล้

   ผมคลานไปนั่งบนตักแกร่งของเคาท์ผมก้มหน้าซุกคอขาวซีดใช้ลิ้นไล้เลียซอกคอเบาๆก่อนจะแยกเขี้ยวฝังเข้าไปในเส้นเลือดของเคาท์ที่ลูบบั้นท้ายผมอยู่ ผมเก็บเกี่ยวเลือดหวานทุกหยาดหยดให้ไหลรินเข้ามาในร่างกายผม ความหอมหวานของเลือดเคาท์ทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม

   ไม่รู้ว่ามือหนาเลื่อนเข้ามาในเสื้อผมตั้งแต่ตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายผมเปล่าเปลือยไปหมดไม่มีเสื้อผ้าปกปิดตัวสักชิ้น

   "อ๊ะ ทำอะไร...อื้ม"มือหนาลูบไล้หน้าอกผมพาดผ่านตุ่มไตจนมันแข็งขืนสู่มือ ผมดันไหล่กว้างแต่ก็สู่แรงไม่ได้

   ลิ้นร้อนก้มฉกเม็ดทับทิมสีชมพูสดของผม ผมกัดปากกลั้นเสียงครางจนปากแตก ความต้องการลุกฮือผงาดตั้งชันจนน่าอาย ผมกอบกุมส่วนอ่อนไหวปิดซ่อนไว้แต่มือหนาจับออกแล้วกดผมลงกับเตียง ใบหน้าหล่อเหลาของเคาท์ก้มลงมาใกล้หน้าผม รอยยิ้มนุ่มลึกแสยะยิ้มแล้วเลียเลือดที่ติดริมฝีปากของผม ตาคมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มจ้องมองผมไปด้วย

   "ไม่เอา อื้ม"ปากหนาประกบริมฝีปากผมแล้วดูดดึงไล้เลียอย่างเอาแต่ใจ

   "เธอก็ต้องการขนาดนี้แล้วไม่ใช่หรอ"ไม่พูดเปล่ายังจับส่วนอ่อนไหวของผมแล้วชักมือขึ้นลงจนผมเผลอร้องครางออกมา ผมหันหน้าหนีเพื่อหลบหน้าแดงๆที่เห่อร้อนขึ้นมา

   "ผมเกลียดแวมไพร์อย่างคุณ"เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคาท์เคยทำกับผมไว้มันไม่น่าให้อภัย แวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์อย่างคนคนนี้จะเชื่อได้ยังไง คงกำลังสนุกที่ได้เห็นผมเป็นแบบนี้

   "ฉันต่อชีวิตให้เธอ"

   "คุณฆ่าผมต่างหาก"

   "ก็จริงแต่ยังไงเอวาก็เป็นคู่หมั้นพี่แล้ว"

   "ผมรับไม่ได้หรอกนะที่ตัวเองเป็นแวมไพร์แถมยังเป็นคู่หมั้นบ้าบอของคุณอีก"

   "อยู่กันไปเดี๋ยวเธอก็จะยอมรับมันเอง"

   "ไม่มีทาง"ว่าแล้วก็สะบัดหน้าผลกอกคนข้างบน คราวนี้หลุดไปได้ง่ายๆผมเลยรีบคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาใส่
 
   "จะไปไหน"เสียงนิ่งๆของเคาท์พูดขึ้นมาหลังจากที่ผมกำลังจะออกจากห้องนอน คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นคฤหาสน์ของเคาท์นะเพราะขนาดห้องนอนยังดูหรูหรามีระดับอย่างกับพระราชวังแวซาย

   "กลับบ้านสิมีรถมั้ยยืมหน่อย"พูดพลางแบมือกวักหยอยๆพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ อุตส่าห์สงบความต้องการได้ พอผมมีอารมณ์ขึ้นมาผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกทีและไม่ใช่บ่อยๆที่ผมจะมีอารมณ์วาบหวามแบบนั้นดีที่ผมมีจิตใต้สำนึกว่าไม่ควรเสียประตูหลังให้ไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์นี่

   "ที่นี่คือบ้านของเธอ"เคาท์พูดแล้วยกยิ้มมุมปากแต่หน้านิ๊งนิ่งจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก

   "นี่บ้านคุณไม่ใช่บ้านผม...ผมกลับเองก็ได้"เมื่อไอ้คนที่ทำหน้านิ่งยิ้มกริ่มอยู่ไม่ตอบสนองผมก็หมุนตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปจากสถานที่แห่งนี้

   พอมองรอบตัวดีๆ โอ้โห พระเจ้านี่มันพระราชวังยุคโบราณดีๆนี่เอง นี่คงเป็นชั้น 2 เพราะเดินยาวเป็นกิโลไปอีกหน่อยก็จะเป็นตัวบันไดพรหมสีแดงสด ตามผนังตรงราวบันไดก็มีรูปของเหล่าขุนนางยศฐาบรรดาศักดิ์สูงๆเรียงรายกันอยู่ ลูกตาที่มองตรงมาทำให้รู้สึกว่ามีคนจับจ้องอยู่ น่าขนลุกชะมัด แต่ละคนนี่หน้าซีดบ่งบอกถึงความเป็นแวมไพร์ได้ดีเลย ที่นี่หรูหรามากให้คุณลองนึกถึงพระราชวังปราสาทแบบหนังเก่าๆนะครับแบบนั้นเลยเพียงแต่ที่นี่มันดูเป็นปราสาทเขย่าขวัญมากกว่าปราสาทที่งดงามแบบการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ พอลงไปชั้นล่างก็จะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่เหมือนไว้ใช้เป็นที่จัดเลี้ยงงานเต้นรำอะไรเถือกนั้น

   ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกมือบางของผมผลักออกเพื่อเปิดไปสู่โลกกว้าง ผมจะได้ออกไปจากที่ที่น่ากลัวนี่เสียที

   แอ๊ด

   สวัสดี...ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนทำไมธรรมชาติช่างสวยสดงดงามราวกับอยู่ในป่าหิมพานต์เยี่ยงนี้แล ดูนั่นสิไม่ว่าจะมองซ้ายมองขวาก็เห็นแต่ป่าไม้รกครึ้มอยู่เบื้องล่าง โอ้ นี่คงเป็นปราสาทที่อยู่บนเนินเขาสุดลูกหูลูกตา สวยงามจริงๆ

   ...

   นี่มันใช่เวลามาสูดดมความงามของธรรมชาติที่ไหนเล่า นี่มันที่ไหนกันเนี่ยยยยย เมืองหายไปไหน คนหายไปไหน บ้านกูอยู่หนายยยย

   "หึหึ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคู่หมั้น"เมื่อผมเดินปึงปังกระทืบส้นเท้ากลับเข้ามาหาไอ้แวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์มันก็ยิ้มแป้นแล้นอยู่อย่างสดชื่น ไอ้สาสสส(ขอด่าแปป)

   "ที่นี่มันที่ไหนไอ้แวมไพร์กะล่อน"ผมกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด ทำไมช่วงนี้ผมหงุดหงิดบ่อยจัง หรือว่าเมนส์ไม่มา

   "เรียกว่าพี่เคาท์ก่อนสิพี่ถึงจะบอก"

   "ไม่เรียก"เชิดหน้าแล้วเหล่ตามองอย่างเหยียดๆ

   ฟรึบ

   "จะเรียกไม่เรียก"

   เห้ย เมื่อกี้มันคืออะไร เคาท์ที่ยืนอยู่ห่างๆไปหลายเมตรเมื่อกี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วนรวบเอวไว้ สุดยอดอยากทำได้บ้างแต่ต้องเก็บความชื่นชมไว้ก่อนขอเจ้เคลียร์กับมันก่อน

   "คุณบังคับผมไม่ได้หรอก"ผมจ้องตาสีรัตติกาลกลับอย่างไม่เกรงกลัวแม้ใจลึกๆจะหวั่นกลัวมากก็เถอะ กลัวโดนฆ่าแต่เห้ยผมก็เป็นแวมไพร์แล้วนะจะกลัวทำไมล่ะเออ

   "งั้นเรามาสู้กันไหมใครชนะสามารถขออะไรก็ได้กับผู้ที่แพ้"น่าสนแต่มันไม่แฟร์อ่ะ

   "คุณเป็นแวมไพร์มาพันๆปีมีความสามารถเยอะกว่าผมที่เป็นแวมไพร์ได้เพียงวันเดียว โกงกันเห็นๆ"

   "งั้นพี่ต่อให้เอวา พี่จะอยู่เฉยๆไม่ตอบโต้กลับแต่เอวาสามารถสู้ได้เต็มที่ถ้าทำพี่บาดเจ็บได้เพียงนิดเดียวเอวาก็เป็นฝ่ายชนะไปพี่ให้เวลาก่อนตะวันจะตกดินเมื่อความสว่างลับฟ้าไปแล้วถือว่าพี่ชนะ"

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงตอบตกลงผมก็ใช้โอกาสนี้เล่นงานเคาท์ไม่ให้ตั้งตัวแต่ดูเหมือนมันจะความรู้สึกไวมากไมาปล่อยเนื้อปล่อยตัวรีบหลบการโจมตีของผมที่ใช้เล็บแหลมคมยามตวัดใส่ด้วยสัญชาตญาณผมโจมตีเรื่อยๆไม่เว้นระยะให้พักหายใจพยายามใช้แรงและความเร็วที่มีฟาดฟันเคาท์แต่มันก็หลบได้ทุกครั้งด้วยหน้าตาที่สบายอารมณ์เหมือนกำลังหลบเต่าที่คลานมา

   "แฮ่กๆๆ...อ่า"เหนื่อย! โจมตีมาหลายชั่วโมงจนตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วยังไม่โดนสักแอะ ไอ้ขี้โกง

   "ตะวันจะตกดินแล้วนะครับ ยอมแพ้แล้วหรอ"

   "ฮึ่ม ใครจะยอมกันละ"

   ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปหาทันทีกะจะกอดไว้แล้วฝังเขี้ยวแม่งเลยแต่ดันถูกกอดไว้ซะเอง ผมดีดดิ้นอย่างแรงพยายามสะบัดอ้อมแขนออกเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าจะมืดแล้ว

   "ไม่ทันซะแล้ว"เสียงนุ่มลึกกระซิบอยู่ข้างหูผมจากที่ดิ้นแด่วๆอยู่ก็หยุดแล้วก้มหน้าลงอย่างพ่ายแพ้ บางทีผมก็อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆนะ

   แคว่ก

   ผมหันไปตวัดเล็บขูดไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์จนเสื้อขาดไม่ใช่อะไร แพ้แล้วพาลเคาท์มองผมนิ่งๆไม่ได้ว่าอะไรแล้วรอยเล็บที่ผมกระทำเมื่อกี้ก็ค่อยๆจางหายไป เพิ่งรู้ว่าแวมไพร์มีพลังในการรักษาตัวด้วย อึ้งอีกครั้งวันนี้นี่อึ้งหลายรอบแล้วครับ

   "ขอมาเร็วสิ"หายอึ้งแล้วผมก็เร่งคนตรงหน้า

   "พี่จะขอ..."ผมรู้ว่าเคาท์จะขออะไร คงขอให้เรียกว่าท่านเคาท์ผมก็จะเรียกแล้วถามทางกลับบ้านแล้วชิ่งหนีซะเลย

   "พี่เคาท์ โอเค เรียกแล้วแล้วบอกทางกลับบ้านมาซะ"

   "พี่จะขอให้เอวาทำตามคำสั่งพี่ทุกคำสั่งต่างหาก"ผมรีบหันควับมองไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์ที่ยืนยิ้มอย่างผู้มีชัยผมก็หวอสิครับหน้าแตกแหกโค้งแถมยังขออะไรที่ขี้โกงอีก

   "ขี้โกง อย่างนี้ผมก็เสียเปรียบน่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก"

   "ถ้าเอวาทำตามคำสั่งพี่จนครบหนึ่งเดือนพี่จะปล่อยให้เอวากลับบ้านแต่ถ้าไม่พี่จะไม่ปล่อยเอวาไปจากที่นี่แน่"

   "ก็ได้แต่ต้องเป็นคำสั่งที่ผมทำได้นะ"วินาทีนี้ก็ยอมๆมันไปก่อนละกันขืนเล่นตัวคงไม่ได้กลับบ้านไปเจอหน้าพี่อดัม พี่อีฟและเพื่อนๆของผมอีก อย่าให้เผลอนะเคาท์กูเนี่ยแหละจะแทงข้างหลังมัน

   "คำสั่งแรกเรียกพี่ว่าพี่เคาท์"ผมก็พยักหน้าเออออรับ

   "แค่นี้ใช่มั้ย"

   "ยังมีอีกครับแต่เก็บไว้ก่อน"

   ผมก็พยักหน้ารับไม่อยากคุยด้วย เซง ตอนแรกก็เกลียดนะพอตอนนี้เกลียดมากกว่าเดิมเพราะเคาท์ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ผมรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากสงสัยเพราะใช้กำลังเยอะเลยอ่อนแรง

   "เสียเหงื่อเยอะเลยนะเอวา งั้น...อาบน้ำกันเถอะ"ไม่พูดเปล่าแต่อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง

   "หวอ ปล่อยนะไม่เอาไม่อาบ ง่วง"

   "ก็ได้ตามใจเอวา"ขาที่ก้าวจะไปห้องน้ำก็หันไปที่เตียงนอนแทน แบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางมันใหญ่สิ อัดอั้นมานานรึไงวะ หื่นอย่างเดียวเลย

   "ไม่ง่วงแล้วจะอาบน้ำ จะอาบเองคุณ...พี่เคาท์ก็อาบทีหลังสิ"

   "อาบด้วยกันนี่คือคำสั่ง"แล้วผมจะโต้ตอบอะไรได้ล่ะครับ ฮือออ

   พอเข้ามาในห้องน้ำแล้วผมนี่ตะลึงงันเลยครับ กว้างใหญ่มากโดยเฉพาะบ่ออาบน้ำที่เป็นน้ำแร่จากธรรมชาติ สุดยอดมากเห็นแล้วอยากจะปล่อยกายปล่อยใจลงไปแช่ในบัดดลแต่มีแวมไพร์หื่นกามอยู่ทำให้ผมระริกระรี้ไม่ได้

      เคาท์วางผมลงแล้วถอดเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนๆเรียงตัวกันสวยงาม ผิวกายขาวซีด ขนหน้าท้องรำไรนั่นทำใจผมสั่น เห็นแล้วน้ำลายสอเลย นี่ผมแค่อิจฉาจนน้ำลายหกหรอกนะอย่าเข้าใจผิด เจ้าตัวมองผมยิ้มๆก่อนจะถอดกางเกงออกผมนี่รีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันแต่ก็ผู้ชายเหมือนกันมีไอ้นั่ยเหมือนกันจะกลัวทำไม ว่าแล้วก็เชิดหน้ามองเคาท์ที่ยังคงยิ้มอยู่ ปกติแวมไพร์ต้องเย็นชาหน้านิ่งเป็นคอนเซ็ปไม่ใช่หรอทำไมไอ้บ้านี่ไม่เป็นแวมไพร์แบบนั้นฟระ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2015 22:25:07 โดย nekozaa »

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
   "ถอดสิครับ"

   "หันไป...อย่าแอบมองนะ"ใครจะมองว่าผมเป็นเด็กขี้อายก็ช่างลองมาถูกมองตอนที่ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดบ้างสิจะได้รู้ว่ามันน่าอายมากแค่ไหน

   เมื่อเคาท์หันหลังให้ผมก็รีบถอดเสื้อผ้าทันทีแล้วกระโจนลงน้ำดังตูม เคาท์หันหน้ามาแล้วเดินลงน้ำตามผมพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ขำไรวะ

   "หายกลัวพี่แล้วใช่มั้ย"เคาท์เอนหลังพิงกับขอบบ่อแล้วหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย

   "ผมไม่กลัวพี่เคาท์หรอกแม่ปกป้องผมอยู่พี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก"ผมยิ้มเมื่อพูดถึงแม่ผู้เป็นฮีโร่

   "แม่ครับน้องเอวาดื้อให้ผมจัดการได้เลยใช่มั้ยครับ อ่อครับ ผมจะจัดการดูแลแทนแม่เอง"

   "อย่ามาขี้จุ๊นะ"คนอะไรพูดเองเออเอง

   "ยังไงพี่ก็ต้องดูแลปกป้องเอวาอยู่แล้วก็เอวาเป็นราชินีแวมไพร์ของพี่นี่นา"รอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวลส่งผ่านมาให้ผม เมื่อรู้ตัวว่าหน้าแดงสั่นไหวกับคำพูดนั้นผมก็ดำน้ำลงไปครึ่งหน้าแล้วว่ายน้ำไปอีกฟากของบ่อน้ำแร่

   "พี่เคาท์อายุเท่าไร"ผมตะโกนถาม

   "สิบแปดทุกวัน"ทางนั้นก็ตอบกลับมาเสียงเท่าเดิมแต่ผมได้ยิน สงสัยประสาทหูแวมไพร์ดีงั้นไม่ต้องตะโกนละ

   "ไม่ใช่สิ หมายถึงอยู่มาเท่าไรแล้ว"

   "พันหนึ่งร้อยสี่สิบหกปี"หู้ย โคตรแก่อ่ะแค่อายุนะแต่หน้าตายังคงหนุ่มอยู่เหมือนเดิมไม่มีริ้วรอยตีนกาหนังก็ไม่เหี่ยวย่นนี่สินะข้อดีแต่ข้อเสียคือความเป็นอมตะอยู่อย่างคนเหงาๆอยู่กับความเดียวดาย

   ผมได้ยินตำนานขานเล่าต่อๆกันมาว่าสมัยก่อนมีแวมไพร์อยู่ร่วมกับมนุษย์แต่เพราะความแข็งแกร่งและความเป็นอมตะของแวมไพร์ทำให้มนุษย์กลัวและหาทางกำจัดแวมไพร์ด้วยการตอกลิ่มเงินแท้ตรงหัวใจของแวมไพร์เหตุนี้จึงทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์สูญสลายไปจนเหลือเพียงแค่ตำนานที่เล่าขานต่อกันมาแต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าแวมไพร์มีอยู่จริงไม่ใช่เพียงตำนานเรื่องเล่า เหลือเพียงเขาที่ยังรอดมาได้คิดดูแล้วพี่เคาท์ก็ช่างน่าสงสารที่ต้องอยู่บนโลกนี้เพียงแต่ผู้เดียวมาตั้งพันกว่าปี ผมกำลังเกลียดพี่เคาท์ไม่ลง

   "ทำไมพี่เคาท์ยังมีชีวิตต่ออยู่อีกล่ะ เอ่อ คือแบบว่าพวกพ้องครอบครัวพี่ก็ถูกพวกมนุษย์ฆ่าพี่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ต่อไปเป็นพันปีทั้งที่ก็ยอมตายดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ดีกว่าหรอ"หวังว่าคำถามนี้จะไม่จี้ใจดำพี่นะก็ผมอยากรู้อยากเสือก

   "ตอนแรกพี่ก็อยากตายตามพวกพ้องพี่นะแต่จิตใต้สำนึกพี่บอกให้อยู่ต่อเพราะคนคนหนึ่งคนที่จะทำให้ชีวิตอมตะของพี่มีความหมายคนที่ทำให้หัวใจที่ตายไปแล้วของพี่อบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...คนคนนั้นอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว"แล้วพี่เคาท์ก็วาบกายมาอยู่ตรงหน้าผมอย่างใกล้ชิดผมก็เริ่มชินแล้ว

   ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาปากสวยจุมพิตหน้าผากผมเบาๆแล้วไล้ลงมาเรื่อยๆ

   "เอ่อ ทำไมผมถึงเป็นแวมไพร์ได้เพราะถูกกัดงั้นหรอ"รีบหาเรื่องคุยเพื่อเวอร์จิ้นประตูหลังโดยเฉพาะ ผมยังไม่พร้อมจะพลีกายผมต้องเล่นตัวให้มีคุณค่ามากกว่านี้แม่สอนไว้

   "ถูกกัดอย่างเดียวกลายเป็นแวมไพร์ไม่ได้หรอกต้องดื่มเลือดของแวมไพร์ที่กัดด้วย"ได้ผล พี่เคาท์หยุดโลมเลียผมแล้วตอบคำถาม

   "แล้วทำไมผมถึงไมากลายเป็นแวมไพร์เลยล่ะ"ถามต่อซะเลย

   "คำตอบแลกกับหนึ่งจูบ"

   "เอ๊ะ...อื้ม"ไม่ทันจะท้วงแวมไพร์เจ้าเล่ห์ก็ฉวยโอกาสฉกชิมความหอมหวานจากปากผม

   "เป็นแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์การเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์จะต้องอายุครบสิบแปด"มิน่าล่ะผมถึงสวยวันสวยคืนแข็งแรงเกินคนเกลียดแดดเปรี้ยงปร้างและเสน่ห์เหลือล้นที่เกิดจากพลังบางอย่างของแวมไพร์

   ...

   อยากถามต่อแต่กลัวโดนลวนลาม

   "สอนผมให้เป็นแวมไพร์แบบพี่เคาท์หน่อยสิ"อันนี้ไม่ใช่คำถามคงไม่โดนจูบ

   "มีข้อแลกเปลี่ยน"มันต้องเป็นเรื่องใต้สะดือแน่เลยไอ้แวมไพร์นี่มันคิดแต่เรื่องหื่นๆเป็นอย่างเดียวแหละ

   "ไม่ต้องแล้วก็ได้"เรียนรู้เองก็ได้วะ

   "ข้อแลกเปลี่ยนคือนอนด้วยกันนะ...นอนเฉยๆ"

   "ถ้านอนเฉยๆไม่ทำอะไรแบบนั้นก็ตกลง...ถ้าทำอะไรมากกว่านอนผมจะตอกลิ่มตัวเองให้ตายเลย"พูดไปงั้นแหละไม่กล้าบ้าบิ่นขนาดฆ่าตัวตายหรอก

"ครับ"พูดยิ้มๆแล้วผละออกจากการลวนลามผมก่อนจะเอนกายผิงโขดหินใกล้ๆ

   ผมได้เวลาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง น้ำแร่ทำให้ผมผ่อนคลายมากหรือนี่จะเป็นน้ำแร่วิเศษสำหรับแวมไพร์เพราะดูพี่เคาท์ก็ผ่อนคลายสบายใจเหลือเกิน

   ผมเริ่มชินกับการรับรู้ว่าตัวเองเป็นแวมไพร์คงเพราะเป็นมาก่อนหน้านั้นแล้วความเป็นแวมไพร์มันอยู่ในจิตสำนึกลึกๆทำให้ตอนที่รู้ว่าผมกลายเป็นอะไรไม่ค่อยช๊อคเท่าไรและตอนนี้ผมกำลังรู้สึกสนุกที่ได้เป็นแบบนี้ร่างกายผมก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมากรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งในร่างกาย

   ไหนๆผมก็เป็นแวมไพร์ไปแล้วแทนที่จะเสียใจนั่งเป็นทุกข์ก็ทำให้มันเป็นเรื่องสนุกไปดีกว่า

   ...ผมจะเป็นราชินีแวมไพร์ที่แข็งแกร่งให้ก็ได้พี่เคาท์...

   ป่านนี้พวกนั้นจะเป็นไงบ้างนะ คงกระวนกระวายเรื่องผมอยู่แน่แล้วพี่อดัมกับพี่อีฟจะตามหาผมอยู่หรือเปล่า

   "ไม่ต้องห่วงเรื่องพี่ของเธอหรอก พี่บอกพวกเขาแล้วว่าจะพาเธอมาฮันนีมูน"

   "พี่รู้ได้ไงว่าผมกำลังคิดถึงพี่ผมอยู่ แวมไตอ่านใจได้ด้วยหรอ"

   "อ่านใจไม่ได้หรอกเพียงแต่ใจเราสื่อถึงกันน่ะเลยรู้ทุกความสงสัยและกังวลของเอวา"มีงี้ด้วยหรอ

   "อธิบายให้มันชัดๆหน่อยสิ"บอกเลยว่าขนาดไอคิว 200 อย่างผมยังงง

   "เรื่องแบบนี้มันใช้หลักการอะไรแบบนั้นอธิบายไม่ได้หรอกนะครับ"

   "แล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นของพี่เคาท์บ้างละ พี่ไม่มีความรู้สึกหรอ...เห้ย ไม่เอา ไม่อยากรู้แล้ว"ไม่น่าถามเลยพอถามนี่กะจะฉกปากผมอย่างเดียว ฮึ่ม

   "หึหึ"ยังจะมาหัวเราะกวนส้นอีกไอ้แก่พันปีเอ้ย

   เราแช่น้ำแร่กันอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรอีกจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปื่อยเลยออกมาแต่งตัวก่อน ท้องก็ร้องโครกครากแล้ว อ้าว แวมไพร์ต้องกินเลือดนี่นาว่าแต่กินข้าวไม่ได้หรอถ้าถามจะถูกจูบมั้ยวะ ไม่เสี่ยงจะดีกว่า

   ตัดสินใจแล้วยังไงข้าวก็ดีกว่าเลือด (มั้ง)

   เวลานี้ผมกำลังลั้ลลาปาท่องโก๋ทำอาหารอยู่ในห้องครัวหรูหราครับ เครื่องมือพร้อมทุกอย่างของสดก็มีพี่เคาท์ต้องทำกินเองบ้างแน่เลย พอนึกถึงคฤหาสน์แบบปราสาทแห่งนี้แล้วทำไมกันนะถึงดูยังใหม่สะอาดฝุ่นไม่เกาะแถวนี้ก็เป็นป่าเหมือนไม่มีคนอยู่เลยด้วยซ้ำหรือมีแต่ผมไม่เห็น ว่างๆลองไปสำรวจเส้นทางซะหน่อยแล้วกัน

   "ทำอะไรอยู่ครับเอวา"ทำอาหารไปเรื่อยพี่เคาท์สวมกอดผมจากด้านหลังเกือบหั่นนิ้วตัวเองเพราะตกใจ

   "ปล่อยก่อนครับผมทำอาหารไม่ถนัด"

   "หิวก็ดื่มเลือดพี่สิไม่ต้องกินข้าวหรอก"

   "แต่ก็กินได้นิข้าวน่ะ"แอบหลอกถามไปในตัว

   "กินได้ ทำเผื่อพี่ด้วยนะ"นั่นไงกินได้ด้วย

   "ไปนั่งรอเถอะครับ"บอกอีกนัยคือเกะกะครับผมมม

   อาหารเสร็จพร้อมเสิร์ฟผมยกกับข้าวสองสามอย่างไปไว้บนโต๊ะแล้วตักข้าวให้พี่เคาท์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ กับข้าวไทยๆตัดกับบรรยากาศและสถานที่โดยสิ้นเชิงผมเป็นคนไทยก็ต้องกินของไทย ใช้ของไทย เที่ยวในไทยสิครับ

   "อร่อยดีนะแต่ไม่อิ่มหรอก ใช่มั้ย"ก็จริงครับ เห้อ ยังไงก็ไม่พ้นต้องกินเลือดสินะ

   "ให้กินเลือดพี่เคาท์ทุกวันแบบนั้นไม่ไหวหรอกครับ"เสี่ยงต่อความบริสุทธิ์ที่ผมเก็บไว้มานานปีด้วย

   พี่เคาท์ไม่พูดอะไรเดินฉับๆไปเปิดตู้เย็นใหญ่ข้างในมีถุงสีแดงสดที่ดูท่าว่าจะเป็นเลือดอยู่เต็มหลายถุง ผมเห็นแล้วกลืนน้ำลายหลายอึกเลยทั้งที่กินข้าวไปเยอะแล้วแต่พอเห็นเลือดก็หิวขึ้นมาดื้อๆ

   แก้วไวน์ที่มีของเหลวสีแดงสดของเลือดยื่นมาให้ผม ผมก็รับมาดื่มกินอย่างหน้ามืดตาลายควบคุมตัวเองไม่อยู่แต่รสชาติมันไม่อร่อยหอมหวานเหมือนเลือดของพี่เคาท์เลย

   "ที่พี่ต้องบังคับให้เอวาอยู่ที่นี่ก็เพราะเธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้หากได้กลิ่นเลือดเพราะฉะนั้นพี่เลยให้เธออยู่ที่นี่เรียนรู้การควบคุมตัวเอง"ผมก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วยเพราะเมื่อพอผมได้กลิ่นเลือดผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที

   เลือดในแก้วไวน์หมดแล้วความหิวของผมก็ทุเลาลง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีดำแพรวระยับใกล้มาก มากขึ้นจนหน้าผากแตะกัน ถูกนัยน์ตาคู่นั้นสะกดเอาไว้อีกแล้ว ลิ้นร้อนไล้เลียริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออก

   "เลือดติดปากแหนะ"

   ทำไมแวมไพร์เจ้าเล่ห์นี่ชอบทำผมเขินทุกทีสิน่า น่ารักแบบนี้ยอมเป็นราชินีแวมไพร์ให้ก็ได้ เชอะ



TBC.
จันทร์ถึงศุกร์จะเอามาลงให้ช่วงกลางคืนนะคะ แต่งสดนานหน่อยเพราะคิดแล้วคิดอีก 555 เหนื่อยจังเลยแต่ก็ยอมเหนื่อยเพื่อคนที่ติดตามอ่านค่ะ ติชมได้นะคะ
เอวาจะเชิดก็ไม่เชิดนะคะแต่อย่าให้เอวาปรี๊ดนะนางจะแข็งแกร่งกว่าเคาท์อีก :fire: คอมเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยนะคะ
:monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2015 22:26:28 โดย nekozaa »

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ

อันนี้อารมณ์ประมาณว่าเรียกชื่อแบบตกใจค่ะ เอวา!! เอวาเป็นอะไร ค่ะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ baipai_bamboo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รออ่านนะคะ ชอบมากกกกกกกกก(ก ไก่ล้านตัว)

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกกกกกก ชอบมากด้วยค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ><

ปล. มีตรงที่ลงซ้ำนะคะ ตรง "เอวา เอวาเป็นอะไร" เห็นมีสองรอบอ่ะ

อันนี้อารมณ์ประมาณว่าเรียกชื่อแบบตกใจค่ะ เอวา!! เอวาเป็นอะไร ค่ะ ฮ่าๆ

เง้อออ เค้าไม่ได้หมายความ่ายังงั้นน ไม่ได้หมายความว่าพิมพ์ชื่อซ้ำนะ T^T
หมายถึงหลังจากนั้นคนเขียนลงซ้ำไปหลายประโยคเลยค่ะ ลองอ่านดูดีๆ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ยอมเป็นง่ายจัง
ได้คู่หมั้นน่ารักขนาดนี้หาที่ไหนได้เอวา

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อ่านแล้วสนุกดีค่าา

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 4 จิน



   เมื่อคืนหลังจากกินข้าวกินเลือดเสร็จผมก็เข้านอนเลยแต่ไอ้แวมไพร์เจ้าเล่ห์ก็ก่อกวนผม แทะเล็มลวนลามไม่เลิก

   'ไหนบอกว่าจะนอนเฉยๆ ห้ะ'

   'ก็ไม่ได้บอกว่าห้ามแตะต้องตัวเอวานิ'

   เถียงกลับมาหน้าด้านๆจนผมต้องใช้อำนาจมืดในการขู่พี่เคาท์ให้หยุดกระทำการลวนลาม

   'ถ้ายังไม่หยุดผมจะไม่พูดด้วยเลย'

   'ยังไงเอวาก็ต้องพูดกับพี่อยู่ดี'

   'ถ้าพี่เคาท์ยอมนอนอยู่เฉยๆ...ผมจะให้ดูดเลือดผม'เห็นว่าชอบเลือด

   'ข้อเสนอน่าสนใจ'

   'ตกลงมั้ยครับ'

   'ครับ'

   เท่านั้นแหละพี่เคาท์ก็ฝังเขี้ยวแหลมคมที่ซอกคอผม ตอนแรกที่กดเขี้ยวลงซอกคอผมเจ็บแปล๊บแต่สักพักก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกมันเหมือนกับล่องลอยอยู่ในห้วงอารมณ์ เสียงดูดเลือดจ๊วบจ๊าบดังอยู่ข้างหูผมยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบได้ดี มือหนาลูบไล้เข้าไปในสาบเสื้อของผมแต่ผมก็มีสติพอที่จะห้ามไว้ เกือบไปแล้ว!

   'นอนเถอะ ผมง่วงแล้ว'

   'น่าเสียดายจัง'

   แล้วคืนนั้นผมก็หลับสบายโดยไม่โดนก่อกวนอีกแต่ตกดึกผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบกอดผมอยู่ผมก็รู้ว่าถูกพี่เคาท์กอดแต่ก็ไม่ได้ผลักไสแต่อย่างใด น่าแปลกที่แวมไพร์ 2 ตนที่ปกติผิวกายจะเย็นเชียบ กอดกันแต่กลับอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
.
.
.   
   รอยกัดที่คอผมสมานกันแล้วจางหายไป แวมไพร์ใหม่ๆความสามารถทางการรักษาร่างกายตัวเองจะล่าช้า ผมนั่งมองคนข้างกายที่หลับตาพริ้มอยู่ตอนหลับดูน่ารักมากกว่าตอนตื่นแล้วทำหน้าตากรุ่มกริ่มเสียอีก

   เช้านี้ผมว่าจะสำรวจบริเวณพื้นป่าแถวนี้ก่อนแล้วก็ฝึกเคลื่อนที่ตัวเองเร็วๆผมพอจะรู้บ้างก็ผมเป็นแวมไพร์ก็ต้องมีสัณชาตญาณบ้างไรบ้าง

   ผมอาบน้ำแล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุดที่มีเสื้อผ้าแขวนเรียงรายกันเป็นแนวยาวไปสุดลูกหูลูกตา รองเท้าก็อยู่ในตู้ขนาดใหญ่ เซตเครื่องประดับวางเด่นหราระยิบระยับอยู่ในตู้กระจกนี่มันห้องแต่งตัวในฝันของใครหลายๆคนเลยนะเนี่ย ผมเลือกชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงหนังสีน้ำตาลขาสั้นตบท้ายด้วยรองเท้าบูธสีน้ำตาลเข้มเพื่อลุยป่า

   ที่นี่น่าจะมีห้องเก็บอุปกรณ์ล่าสัตว์นะก็เป็นคฤหาสน์แบบปราสาทขนาดใหญ่แถมยังอยู่ท่ามกลางป่าไม้และสิงสาราสัตว์ ผมเลยเดินเปิดดูทุกห้องจนครบทุกห้องในชั้น 2 ส่วนใหญ่เป็นห้องนอน มีห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีบันไดขึ้นไปอีกด้วย หนังสือเยอะแยะมากมายผมต้องหาเวลามานั่งอ่านบ้างแล้วล่ะแต่ละเรื่องที่เห็นผ่านๆนี่เป็นหนังสือเก่าๆระดับมหายุคทั้งนั้น มีห้องซ้อมต่อสู้ด้วยแต่มีแต่ดาบซามูไร กระบอง อะไรต่างๆนานาที่ผมใช้ไม่เป็น ผมใช้เป็นแต่ธนู ปืน และมีดสั้นเท่านั้นซึ่งผมกำลังมองหาสิ่งเหล่านั้นอยู่

   ในเมื่อไม่มีสิ่งที่ผมต้องการผมก็เดินไปดูที่ชั้นล่างซึ่งมีแต่ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องดนตรีที่มีเครื่องดนตรีอยู่ทุกชนิดยกเว้นเปียโนที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่ห้องโถงที่นี่มีอะไรให้ทำตั้งเยอะ เดี๋ยวมาเล่นเปียโนดีกว่า บางห้องผมก็เปิดไปดูไม่ได้เพราะมันล็อคอยู่แล้วผมก็ไปดูข้างนอกที่มีโกดังอยู่ข้างๆดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บของ

   "แค่กๆ"เปิดประตูเข้าไปฝุ่นที่อยู่ข้างในก็กระจายตัวออกมาจนผมต้องปิดจมูก ข้างในไม่ถึงกับเก่าคร่ำครึแต่ก็ยังมีฝุ่นจับอยู่

   ห้องเก็บของเก่างั้นหรอแต่ละอย่างผมไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างเคยเห็นแต่ในหนังสือบ้าง ผมมองสิ่งเหล่านั้นอย่างหลงใหลมันดูมีมนต์ขลังจนอยากใช้นิ้วมือสัมผัสลูบไล้แต่ไม่สามารถทำได้เพราะมันเหมือนของมีค่าที่กลัวว่าจับแล้วจะเสียหาย

   แล้วก็เดินมาเจอธนูคันหนึ่งแขวนอยู่บนผนังโดดเด่นกว่าใครเพื่อน มันดูใหม่แต่ก็เก่า อยากได้จังแต่มีเจ้าของแล้ว เสียดายอ่า (เป็นคนจำพวกไม่ใช้ของมือสอง)

   "อยากได้หรือ"เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผมรีบหันไปมองคนแปลกหน้าอย่างตกใจ

   รูปร่างสูงใหญ่กำยำผิวสีแทนเข้มหน้าตาเข้มๆหล่อเหลาแบบชาวเอเชีย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง แถวนี้มีคนอยู่ด้วยหรอ

   "ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครหรอ...เอ่อ ผมชื่อเอวานะเป็นน้องของเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้"

   "ข้าชื่อจิน...ท่านเคาท์มีน้องด้วยหรือ"คนคนนี้รู้จักพี่เคาท์ด้วยแหะ เขารู้จักถึงขั้นไหนกันนะแล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่เคาท์เป็นแวมไพร์

   "ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดคุณจินคงไม่รู้ว่าพี่เคาท์มีน้องชาย พี่ไม่ได้บอกคุณจินหรอครับ"

   แถเอาตัวรอดไปก่อนใครจะยอมรับล่ะว่าเป็นคู่หมั้นไอ้แวมไพร์หื่น เป็นราชินีแวมไพร์กับเป็นคู่หมั้นนี่มันต่างกันนะ สรุปคือผมไม่ยอมเป็นคู่หมั้นให้พี่เคาท์หรอก รอให้ผมแข็งแกร่งก่อนเถอะจะเชิดให้ดู

   "เรียกผมว่าจินเถอะครับ แล้วคุณหนูเอวามาทำอะไรที่นี่หรือครับ"หลังจากพี่จินรู้ว่าผมเปนใครการพูดการจาจากที่แข็งๆก็อ่อนนุ่มลง

   "ผมอยากไปสำรวจป่าแถวนี้หน่อยน่ะครับแล้วก็อยากได้ธนูหรือมีดเล่มเล็กไว้ป้องกันตัวครับ"

   "คุณหนูก็เลยสนใจธนูคันนี้สิน่ะครับ"

   "เอ่อ ใช่ครับ...มันดึงดูดใจมากเลย"พูดพลางมองธนูสีเงินเงางามวับอย่างหลงใหล

   "เป็นธนูที่สมกับประวัติแวมไพร์มากเลยล่ะครับ"

   "ประวัติอะไรหรอ"ว่าแล้วว่าธนูคันนี้ไม่ธรรมดา

   "ธนูคันนี้เป็นของตกทอดของตระกูลผมครับเป็นธนูที่สามารถใช้ฆ่าแวมไพร์ได้..."เอ้าเวร กูไปหลงใหลได้ปลื้มกับธนูที่สามารถฆ่าผมได้ไงเนี่ย

   "...ปู่ของผมเล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วนับพันปีมีหญิงสาวที่งดงามมากกว่าหญิงคนไหนๆ มีนามว่าแอนเดรียเป็นคนรักของแวมไพร์หนุ่มเธอปกป้องคนรักของเธอให้พ้นจากการถูกนักล่าแวมไพร์ตระกูลของผมฆ่า เธอเอาตัวเองมาบังร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของคนรักจนธนูปักเข้าที่หัวใจเธอพุ่งเข้าใส่นักล่าแล้วดึงศรธนูมาแทงนักล่าจากนั้นเธอก็ตายจมกองเลือด เลือดของแอนเดรียไหลรินไปโดนคันธนูจนคันธนูกลายเป็นสีแดงฉาน"

   "แล้วรู้ได้ไงครับว่าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้จริงๆในเมื่อนักล่าแวมไพร์ตระกูลพี่จินถูกแทง หรือว่ารอดมาได้"

   "รอดมาได้ครับเพราะมีคนมาช่วยไว้ทันและนำเอาธนูสีแดงคันนั้นไปด้วยส่วนคฤหาสน์ที่แอนเดรียและคนรักที่เป็นแวมไพร์อาศัยอยู่ก็ถูกชาวบ้านที่มาช่วยนักล่าเผาไปพร้อมกับแอนเดรียและแวมไพร์ของเธอ"ทำไมมนุษย์ใจร้ายใจดำอำมหิตแบบนี้วะ จิตใจทำด้วยอะไร

   "แล้วทำไมตอนนี้ธนูถึงเป็นสีเงินล่ะครับ"

   "ปู่บอกว่าใช้เงินแท้เคลือบไว้อีกทบครับแต่หลังจากนั้นธนูคันนี้ก็ไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ตัวไหนได้อีก คงเป็นเพราะคำสาปจากเลือดของแอนเดรีย"

   ได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจหายห่วงไม่น่าละผมถึงรู้สึกว่าธนูคันนี้เหมือนมีมนต์ขลังที่แท้ก็เป็นเพราะความบริสุทธิ์ของความรักที่แอนเดรียมีต่อแวมไพร์หนุ่มคนนั้นก่อนตายเธอคงขอให้ธนูคันนี้ไม่สามารถฆ่าแวมไพร์ตนไหนได้อีก

   "แล้วทำไมธนูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ"

   "ก็พี่ชายของคุณหนูขอซื้อมาจากตระกูลผมน่ะครับ"

   "อ๋อ"

   "คุณหนูอยากได้ธนูกับมีดสั้นใช่มั้ยครับ ที่บ้านผมทำขายอยู่สนใจไหมครับ"

   "สนใจสิ"ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันควัน

   "ถ้างั้นเราเข้าหมู่บ้านกันเถอะครับบ้านผมอยู่ที่นั่น ผ่านป่าไปสี่ห้ากิโล"

   "แถวนี้มีหมู่บ้านด้วยหรอ"ทำไมผมไม่เห็นเลยนะต้นไม้คงบังหมูบ้านไว้มิด

   "ครับ"พี่จินพูดพลางผายมือให้ผมเดินก่อนจะเดินตามผมมาแล้วปิดประตูลงกลอนให้

   "พี่จินมาทำอะไรที่นี่หรอ"มาลักลอบแอบฆ่าพี่เคาท์หรือเปล่าแต่ดูจากลักษณะท่าทางเหมือนจะไม่รู้ว่าพี่เคาท์เป็นแวมไพร์เลยแคมยังเรียกว่าท่านเคาท์

   "พี่เอาสินค้ามาส่งน่ะ ท่านเคาท์เป็นลูกค้ารายใหญ่ของหมู่บ้านเราน่ะของที่จำเป็นท่านเคาท์จะสั่งซื้อแล้วให้เอามาส่งที่นี่ทุกเดือน ผมเป็นตัวแทนรวบรวมสินค้ามาส่งแล้วพอดีจะเข้ามาดูธนูก็เจอคุณหนูเอวานี่แหละครับ"ไม่น่าถึงมีของสดในตู้เต็มเพราะช่วยอุดหนุนหมู่บ้านให้มีรายได้นี่เอง ก็เป็นตาแก่ที่ดีนี่นา

   "อ๋อครับ ไปกันเถอะ"อะไรนะ หาว่าผมใจง่ายยอมไปกับคนแปลกหน้างั้นหรอ ผมว่าเขาดูไม่มีพิษสงอะไรนะครับออกจะเป็นคนดีขยันขันแข็งาุภาพบุรุษอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับไอ้แวมไพร์หื่นที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง(มั้ง)

   "เดี๋ยวผมไปเอาม้ามาให้นะครับ"ว่าแล้วพี่จินก็เดินไปหลังโกดังแล้วเดินกลับมาพร้อมกับม้าสีดำสวยสง่าตัวหนึ่ง

   "ม้าพี่จินสวยจังเลยนะครับ"

   พี่จินจูงมันมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมสบตาสีดำของมันก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวมันสะบัดหน้าหนีนิดนึงผมก็ตามไปลูบหัวมันจนสำเร็จผมลูบมือขึ้นลงเบาๆพร้อมสบตามันไปด้วยให้มันเชื่อใจผม(ทริคในการขึ้นขี่ม้าครั้งแรกโดยไม่โดนพยศใส่)

   "ไม่ใช่ม้าผมหรอก ม้าของท่านเคาท์น่ะ"

   "ครับ"ผมขานรับพี่จินแล้วพินิจม้าสีดำสวยตรงหน้า อืม ให้ชื่อนิลมังกรแล้วกัน อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยครับผม

   "ขึ้นเลยครับเดี๋ยวพี่จับให้"

   ผมพยักหน้าน้อยๆก่อนจะอ้อมไปข้างตัวนิลมังกร(ทางที่ดีต้องกระโดดขึ้นจากตูดม้านะครับถ้าอยากโดนดีด 555)ผมเหยียบที่เหยียบขึ้นคร่อมนิลมังกรสำเร็จแล้วครับจากที่ตอนแรกๆเงอะงะจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ ก็ครั้งแรกนี่หว่า ม้าก็ไม่ใช่ตัวเตี้ยๆนะ

   "ขี่ม้าไม่เป็นสินะครับ ทำตามที่ผมบอกนะ"

   "อ่าครับ"ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเอวาหรอกฉลาดและเรียนรู้เร็วเชื่อสิสอนแปปเดียวผมก็จะขี่ม้าคล่องปรื๊อเลย

   "จับเชือกไว้เพื่อควบคุมม้านะครับตวัดเชือก..."

   ไหนตวัดซิ

   "เหี้ยยยยยยย"

   เพียงแค่ตวัดเชือกแรงๆม้านิลมังกรของผม(ตอนนี้)ก็กระโจนวิ่งทะยานสะท้านนรกลงเนินเขาไปอย่างเร็วแรงแซงทางโค้งยิ่งกว่าฟาสเจ็ดผมที่ตั้งตัวไม่ทันกับความเร็วไวแสงในการวิ่งควบกรับกรับของนิลมังกรเกือบหล่นไปคลุกขี้ดินดีที่ว่าผมคว้าอานมันได้ สภาพตอนนี้ของผมเลยอุบาว์ทเกินคำบรรยาจนต้องขอเซนเซอร์ภาพไว้ไม่ให้ออกอากาศ ผมกำลังห้อยหัวโตงเตงดมไข่เจ้านิลมังกรอยู่ครับ ฮือออออ

  พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย ไข่ม้ามันตีหน้าผมอยู่ ช่างอัปยศอดสูนัก :o12:
 

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
   ผมได้ยินเสียงร้องตกใจของพี่จินเดาว่าพี่แกคงกำลังรีบควบม้าตามมาแต่คงต้องควบเบาๆเพราะพี่แกนั่งเกวียนไง ซวยล่ะสิ ผมคงต้องช่วยตัวเองไม่ใช่ช่วยตัวเองแบบนั้นนะครับใครจะบ้ามาช่วยตัวเองในสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานขนาดนี้

   เคยอ่านหนังสือคู่มือการขี่ม้าอยู่ครับเขาให้กระตุกเชือกแต่มือผมไม่ว่างไงจับอานม้าประทังชีวิตอยู่ แล้วต้องทำไงละวะเนี่ยคู่มือก็ช่วยไรไม่ได้เลยแต่เอ๊ะ ผมเป็นแวมไพร์นี่หว่าเคยดูหนังเรื่องแดร๊กคิวล่าอยู่แล้วมันเหมือนแวมไพร์ป่ะวะ เออช่างมันเถอะ แวมไพร์ = ค้างคาว ผมจะแปลงร่างแล้วนะครับแต่ต้องแปรงบนด้วยเดี๋ยวฟันผุ ขำๆแก้เครียดเนอะ มันใช่เวลามานึกมุขตลกที่ไหนล่ะ

   อืม...หลับตาลงแล้วนึกถึงค้างคาว จงแปลงเป็นค้างคาวซะ!

   ผ่านไปสัก 3 วิ ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา โป๊ะเชะ! ไม่ได้ผลครับพี่น้องข้าน้อยยังห้อยหัวดมกลิ่นไข่ดำของเจ้านิลมังกรมันอยู่ ที่ไม่ได้ผลเพราะผมลืมท่องคาถาประจำตัวเวลาแปลงร่างงั้นสินะ เอาใหม่

   อืม...พลังแห่งแวมไพร์ จงสำแดงฤทธาเป็นค้างคาว ณ บัดนี้(ลิขสิทธิ์จากเซเลอร์มูน)

   ค่อยๆลืมตาอีกทีปรากฎว่าได้ผลแหละ

   ...

   ซะที่ไหน มันไม่ได้ผลเลยแสดงว่าหนังมันหลอกแวมไพร์แปลงร่างไม่ได้ งือ ทำไงดีละเนี่ยอุส่าห์ยอมทำตัวปัญญาอ่อนไปเมื่อกี้ ภาพพจน์ที่ดีงามในตอนแรกตอนนี้ทุกคนคงเห็นผมเป็นไอ้บักควายปัญญาอ่อนไปแล้วแน่

   แต่เห้ย เดี๋ยวนะผมเป็นแวมไพร์ที่สามารถรักษาตัวเองได้ทำไมไม่ยอมปล่อยมือให้ตกๆไปจะได้เจ็บตัวนิดเดียวจบเรื่องดีกว่าทนดมไข่ม้าแล้วถ้ามีแผลก็จะสมานเอง ทำไมผมถึงเพิ่งคิดได้วะ ผมไอคิว 200 นะเว้ย กะอีแค่เรื่องเล็กประจิ๋วหลิวดั๊นนนคิดไม่ได้

   พอผมจะปล่อยมือเท่านั้นแหละไอ้ม้านิลมังกรก็หยุดกึกแล้วเดินจ๊อกกิ้งไปเล็มหญ้ากิน อิม้าเลวววว อิม้าชั่วววว แล้วผมก็คลานดึ๊บๆออกมาจากไข่นิลมังกรพลางยืนขึ้นสูดอากาศสดชื่นเต็มปอดทดแทนมลพิษที่ผมสูดดมไข่ม้า

   ผมมองไปรอบตัวที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดแต่ละต้นสูงเสียดฟ้ากันทั้งนั้นบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และไม่มีใครบุกป่าเข้ามาทำลายก็คงจะมีแต่ชาวบ้านที่บุกเข้ามาเก็บสมุนไพรเก็บผักผลไม้ไปทำมาหากิน ที่นี่จึงสวยยิ่งกว่าป่าไหนๆ (เพราะฉะนั้นเราควรอนุรักษ์ธรรมชาติกันไว้นะครับ)

    "คุณหนูเอวา"เสียงพี่จินตะโกนมาแต่ไกลพี่จินนั่งรถม้าลากเกวียนเร่งเครื่องมาหาผมแต่ก็เร่งได้แค่เต่าตงคลาน

   "เป็นอะไรมั้ยครับ"เป็นสิเป็นมากด้วย ลองมาดมไข่ม้าบ้างมั้ยล่ะ

   "ไม่เป็นอะไรครับ"โกหกเพื่อความสบายใจของพี่จินเพราะหน้าพี่แกก็เสียขวัญมากพอแล้ว

   "ทีหลังรอฟังผมพูดจบก่อนนะครับทำแบบนั้นมันอันตรายถ้าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมาท่านเคาท์เอาผมตายแน่"ก็รู้นะว่าพี่เคาท์โหด(หื่น)แต่คงไม่ขนาดเอา(กัน)จนตายเลยมั้ง

   "ผมก็ไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง เราไปหมู่บ้านกันเถอะ"

   "ครับ"พี่จินคลายหน้าเครียดให้อ่อนลงผมจึงขี่ม้าอีกครั้ง คราวนี้จะไม่อวดเก่งแล้วครับ เข็ดแล้วเจ็บแล้วจำครับ คติใหม่ผมคือ เจ็บแล้วคลำคือคนเจ็บแล้วดมคือควายย

   "ต้องทำยังไงบ้างครับ"

   "จับเชือกไว้ให้มั่นแล้วแตะส้นเท้ากับท้องม้านะครับถ้าจะให้เลี้ยวกระตุกเชือกข้างนั้นเบาๆนะครับถ้าจะให้หยุดก็ดึงเชือกครับ"

   ผมก็ค่อยๆทำค่อยเป็นค่อยไป คราวนี้ผมทำได้ เย้ๆ นิลมังกรก็เดินกระย่องกระแย่งเรื่อยๆครับผมหยุดและรอให้พี่จินนำหน้าไปก่อนแล้วตีฝีเท้านิลมังกรให้เดินเหยาะๆเลียบข้างพี่จิน

   "เก่งมากเลยคุณหนู เรียนรู้ได้ไวมากเลยครับ"ผมก็ยิ้มรับคำชมอย่างภาคภูมิใจ

   "เอ่อ คุณหนูยิ้มสวยมากเลยนะครับตอนแรกที่เห็นผมนึกว่าคุณหนูเป็นผู้หญิงซะอีก

   "พี่จินเกาคอเก้อเขินเมียงมองใบหน้าของผมไปยันส้นเท้าแล้วกลับมามองหน้าผม ลวนลามทางสายตารึเปล่าเนี่ย

   "ฮ่ะๆ แล้วภรรยาพี่จินไม่มาด้วยกันหรอครับ"

   "ผมไม่มีเมียหรอกครับ"คงอยากมีผัวสินะครับ คิคิ

   "อ๋อครับ"

   "แต่ถ้าคุณหนูไม่ใช่น้องชายท่านเคาท์ผมก็คงจะจีบมาเป็นแม่ของลูก"

   "ถ้าเป็นพี่จินผมก็ยอมให้จีบนะครับ"ไม่ได้อ่อยนะครับแค่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ

   "แต่ผมก็ไม่คู่ควรกับคุณหนูหรอกครับ"แค่ร่างกายเราเข้ากันได้ก็พอ(อุ้ย แรงงงงส์)

   "มันไม่ได้อยู่ที่ชนชั้นหรือตัดสินไปเองว่าไม่คู่ควรหรอกครับพี่จินมันอยู่ที่ตรงนี้"แล้วผมก็ชี้ไปที่อกซ้ายของพี่จินที่มีหัวใจเท่าฝ่ามือเต้นตึกตักอยู่ อิจฉาพี่จินที่หัวใจยังเต้นแต่ของผมมันตายไปตั้งแต่คืนนั้นแล้ว

   "ผมขอเรียกคุณหนูว่าเอวาได้มั้ยครับ"

   "ได้อยู่แล้วครับ"

   "เอวานี่เป็นเด็กดีจังเลยนะครับ...พี่ชอบ"นี่คือคำสารภาพรักหรือเปล่า อะไรกันๆเจอแค่วันเดียวก็ชอบผมซะแล้ว ผมนี่เสน่ห์แรงดีไม่มีตก

   "แหะๆ"ไม่น่าอ่อยเล่นๆเลย ดูพี่จินจะรุกผมน่าดู

   แล้วเราก็คุยนั่นนี่กันตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน พี่จินถามผมไม่หยุดอยากรู้เรื่องของผมเกินหน้าเกินตาผมก็แถสิครับมีเรื่องจริงอยู่แค่ 1 ส่วน 100 % เท่านั้นที่เหลือกูด้นสดครับ

   ทั้งวันมานี้ผมเกือบลืมเจ้าแวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์ไปเลย ป่านนี้จะตื่นแล้วรึยังถ้าตื่นมาแล้วไม่เห็นผมจะทำยังไง คงไม่เป็นอะไรหรอก
     

   


   TBC.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หักมุมแล้วหักมุมอีกนะคะ สปอยเท่านี้พอเนอะ
แมวเป็นอีกคนที่เกลียดมาม่ามาก อ่านนิยายที่มีมาม่าทีไรน้ำตาไหลพรากทุกที เรื่องนี้เลยจะไม่มีมาม่า
ปล.อย่าเชื่อคนแต่งมากค่ะเพราะเราจะหักมุม ก๊ากกกฮ่าๆๆๆ :laugh: 
ปล.2 ขออภัยอย่างแรงสูงต่อ nekodollzz นะคะ มันซ้ำจริงด้วย แฮร่ ขอบคุณนะคะ >< (ชื่อไอดีเราคล้ายกันเลย อิอิ)
:ruready

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อิมเมจเคาท์ค่ะ

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อิมเมจเอวาค่ะ

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอวาาา ไปแกล้งอ่อยคนอื่นแบบนี้ระวังจะโดนหึงโหดนะ
จัดหนักๆเลยท่านเคาน์ 5555

ปล.แรงสูงเลยหรอคะ 555
ไม่เป็นไรค่ะคนเขียน เค้าแค่กลัวกลับมาอ่านแล้วงงๆอีก เลยอยากให้แก้ง่ะ

ออฟไลน์ nekozaa

  • I want to you read me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ 5 ข่มขืน



   และแล้วเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านของชาวพื้นเมืองที่อาศัยอนู่ในเกาะแห่งหนึ่ง หมู่บ้านจันทราเป็นหมู่บ้านเล็กมีชาวพื้นเมืองอยู่ไม่ถึง 100 คน บ้านปลูกตามข้างทางตรงกลางเป็นถนนดินขนาดเล็กให้เกวียนผ่านไปได้ ข้างทางมีร้านค้าต่างๆนานาเล็กน้อยผมควบม้าตามพี่จินระหว่างทางเหล่าชาวบ้านก็ทักทายปราศรัยกับพี่จินแล้วถามว่าผมเป็นใครพอพี่จินตอบว่าผมเป็นน้องพี่เคาท์เหล่าชาวบ้านก็มองผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนทักทายผมเล็กๆน้อยๆผมก็ยิ้มรับ

   ควบนิลมังกรมาเรื่อยๆจนถึงท้ายหมู่บ้านก็ถึงบ้านของพี่จินที่เป็นร้านขายอุปกรณ์ล่าสัตว์และร้านตีเหล็ก บ้านของพี่จินมี 2 ชั้นเป็นบ้านไม้ที่ดูเก่าแก่ไม่เหมือนบ้านของคนอื่นๆในที่นี้ที่จะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว

   "นิลมังกรแกอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันกลับมาหา"สั่งเสียกันเรียบร้อยผมก็เดินตามพี่จินเข้าบ้าน

   "นั่นใครกันหรือจิน"เสียงอ่อนหวานดังขึ้นเมื่อผมเข้ามาในห้องรับแขกที่มีเตาผิงให้ความอบอุ่น

   "นี่เอวา น้องชายท่านเคาท์ครับแม่"ผมโค้งตัวลงให้คนที่แก่กว่าที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของพี่จิน

   "หืม แล้วคุณเอวามากับเองได้ยังไง เองไปลักตัวคุณเขามารึเจ้าเด็กบ้านี่"มือบางฟาดไปที่หลังของพี่จินเบาๆ

   "โถ่แม่ เห็นผมเป็นคนยังไง...น้องเอวาอยากได้คันธนูไปล่าสัตว์ผมเลยพามาอุดหนุนร้านเราต่างหาก"ผมหัวเราะให้กับท่าทางออดอ้อนของพี่จิน มันดูน่ารักดีนะครับถ้าพี่เขาจะตัวเล็กน่ารักกว่านี้

   "เอ้า แล้วทำไมเองไม่รีบบอกข้าให้เร็วกว่านี้ เห็นมั้ยเจ็บตัวเลย...@#*$€฿๏€@&"แล้วคำพูดสมัยพ่อขุนรามที่ผมไม่รู้เรื่องก็พ่นออกมาจากปากของแม่พี่จิน ชาวพื้นเมืองที่นี่คงจะล้าสมัยมาก

   "เหมี่ยว เธอจะเสียมารยาทกับแขกกิตติมศักดิ์ของเราแบบนี้ไม่ได้นะ"

   ชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายพี่จินเดินออกมาจากประตูบานหนึ่งที่ข้างในน่าจะเป็นคลังเก็บอาวุธเพราะผมเห็นดาบวางประปรายอยู่ข้างใน

   "อ่ะจริงสิ ดิฉันของโทษคุณเอวาด้วยนะคะ"คุณแม่หน้าอ่อนหันมาขอโทษขอโพยผมที่ยืนเหรอหราอยู่

   "เรียกผมว่าเอวาอย่างเดียวเถอะครับ คุณแม่อายุเยอะกว่าผมอีก"สั้นๆง่ายๆคือแม่แก่อ่ะครับ

   "เอางั้นรึ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ประเดี๋ยวข้าไปเอาน้ำมาให้เองก่อนแล้วกัน เชิญเองนั่งเลย"

   ข้ามขั้นไปไกลแล้วนะครับแม่ เรียกผมซะสนิทสมนมอย่างกับคุยกับลูกชายตัวเอง เห็นหน้าตาอ่อนโยนแต่กลับเซี้ยวเอาเรื่อง ผมก็เดินไปนั่งตรงโซฟาหนังสัตว์ใกล้ๆเตาผิง อุ่นดีครับหลังจากหนาวมานานก็ไม่หนาวหรอกก็ผมเป็นแวมไพร์หนังหนานี่

   "ข้าชื่อเผ่าเป็นพ่อของไอ้จินมัน"พอแม่พี่จินเดินหายไปในห้องครัวหลังบ้านพ่อเผ่าก็แนะนำตัวเอง มองใกล้ๆแล้วหน้าตาคล้ายลูกชายตัวเองมาก ไม่สิ ต้องบอกว่าพี่จินได้รูปร่าง หน้าตาของพ่อมาหมดเลย

   "ผมชื่อเอวาเป็นน้องของพี่เคาท์ครับ"

   "ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากได้ธนูไปล่าสัตว์สินะ"ก็ไม่เชิงล่าสัตว์หรอกครับแค่อยากได้ไว้ป้องกันตัวหากจะมีสัตว์ดุร้ายมาคุกคามอาจจะป้องกันตัวเองจากเจ้าแวมไพร์จอมหื่นด้วย

   "ใช่แล้วครับพ่อ"พี่จินตอบแทน

   "ข้าไม่ได้ถามเองไอ้จิน อย่าสอด"อุ้ย พี่จินโดนพ่อหาว่าเสือกหน้าพี่แกนี่แหยลงเลย

   "ครับ ผมอยากได้ธนูกับมีดสั้นน่ะครับ"แต่ผมต้องซื้อนิหว่าไม่ใช่ของฟรี ประเด็นคือผมไม่มีตังค์ครับลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย คงต้องชวดไปก่อนวันนี้ก็กลับไปขโมยเงินพี่เคาท์พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อก็คงไม่เสีนหลาย

   "เจ้าไม่ต้องซื้อหรอกเอวา ข้าให้"พ่อท่านบอกอย่างใจดีของฟรีทั้งทีไม่รีบตะครุบไว้ก็โง่เต็มทรแล้วครับ ใครว่าของฟรีไม่มีในโลก มีอยู่นี่ไง

   "ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจไม่อยากรับของใครมาฟรีๆ"เล่นตัวหน่อยดีกว่าเดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเห็นแก่ของฟรี

   "ฟรีคืออะไรหรือน้องเอวา"พี่จินถามพร้อมทำหน้างง

   "หมายความว่าของที่ให้โดยไม่รับสิ่งตอบแทนครับ"

   "อย่างนั้นเองหรือ เป็นคำที่แปลกดีนะครับว่ามั้ยพ่อ"หันไปขอแนวร่วมช่วยความแปลกของคำเล็กๆคำหนึ่ง

   "เออ"พ่อเผ่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

   เอ่อ...อยู่ที่นี่คงดักดานมากสินะก็อย่างว่าแหละที่นี่อย่างกับยุคสมัยก่อนที่ไม่มีเทคโนโลยี ไฟบ้านก็ไม่มีต้องใช้ตะเกียงจะพูดคุยกันไกลๆก็ใช้จดหมายเขียนถึงกันเอา ไฟฟ้าอะไรก็ไม่มี น้ำอาบก็ต้องตักมาจากแม่น้ำเอาแต่ผมก็ชอบอะไรแบบนี้นะครับที่นี่ไม่มีมลพิษเลยต่างจากที่ที่ผมอยู่มาก ผู้คนของชาวพื้นเมืองที่นี่ก็รักใคร่สามัคคีกันทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง

   "ที่ข้าอยากให้เพราะข้าอยากตอบแทนที่พี่ชายของเจ้าช่วยเหลือเกื้อกูลหมู่บ้านจันทราของเราไว้ต่างหาก"

   "แต่..."

   "หรือเจ้าจะปฏิเสธความหวังดีของข้า"ไม่ได้จะปฏิเสธซะหน่อยก็แค่เล่นตัวพอเป็นพิธีเท่านั้นเอง

   "ก็ได้ครับ"บารมีของพี่เคาท์นี่มันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย

   "ประเดี๋ยวข้าจะออกไปทำธุระ เจ้าอยู่รอก่อนได้ใช่ไหม"

   "ได้ครับ"

   พ่อเผ่าพนักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบถุงใบใหญ่แบกไว้บนบ่าเดินออกจากบ้านไป

   "พ่อน่ะชอบพูดไว้แบบนี้แล้วก็หายไปเลย ครั้งนี้ก็คงไม่กลับมาหรอกกว่าจะกลับก็ตีสองตีสามนั่นแหละ"พี่จินพูดกลั้วหัวเราะ

   "อ้าว แล้วงี้ผมจะทำยังไงอ่ะครับ"

   "อย่างนั้นอยู่ทานข้าวเย็นกับพี่ก่อนนะแล้วเดี๋ยวพี่พาไปดูอาวุธที่เอวาอยากได้"อยากจะอยู่ต่อสักหน่อยนะแต่นี่ก็จะมืดแล้ว ป่านนี้พี่เคาท์จะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้ อ๊ะ นี่ผมไม่ได้ห่วงมันหรอกนะแค่คิดว่าจะแอบไปขโมยเงินมันยังไงก็แค่นั้น

   "คงไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวพี่เคาท์เป็นห่วงผม"

   "นะครับ พี่ขอ"และผมจะขอยืนยันคำเดิมครับว่า...

   "ก็ได้ครับ"เห็นสายตาอ้อนวอนแบบนั้นแล้วใจอ่อนยวบครับผมแพ้สายตาแบบนี้ยกเว้นสายตาอ้อนวอนของจอมหื่นอย่างพี่เคาท์ขืนยอมให้ผมก็ถูกกินน่ะสิ

   "แม่แล้วน้ำที่จะต้องเอามาให้น้องเอวาล่ะครับ"พี่จินที่เห็นแม่เดินมาหาไม่มีแก้วน้ำในมือก็ถาทไถ่ไตร่สวน

   "ตายจริง ข้าลืมประเดี๋ยวข้าไปเอามาให้ใหม่"โถ่ถังกะละมังแตก คุณแม่เป็นอัลไซเมอร์ไปซะแล้วหน้าตาก็ยังไม่แก่ผมหงอกก็ยังไม่ขึ้นแต่ความจำปลาทองเหมือนคนวัยชรา

   "ไม่ต้องแล้ว ตั้งโต๊ะทานข้าวเย็นกันเถอะ พ่อไม่อยู่แต่มีคนมาแทนที่แล้ว"

   "ใครหรือ"เทพบุตรครับนั่งเปร่งออร่าอยู่นี่ไง

   "น้องเอวาครับ"

   "วิเศษ! มื้อนี้ข้าจะทำสุดฝีมือเลย"คุณแม่เหมี่ยวยิ้มอย่างดีใจทำหน้าตาหมายมั่นเอาจริงเอาจังซะผมอดขำไม่ได้

   "เดี๋ยวผมช่วย"ไม่ใช่เสียงผมอาสาหรอกครับ เสียงพี่จินนั่นแหละสงสัยกลัวแม่จะลืมอีกว่าต้องทำข้าวเย็นกินกัน

   "อย่ามาเกะกะข้าละกัน"

   "ครับๆ"มือหนาของพี่จินโอบแขนแม่แล้วพากันเดินไปที่ห้องครัว ลืมผมไปอีกคนด้วยหรอพี่จิน ไม่สนใจกันเลย ชิ

   เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงตะวันที่คอยให้แสงสว่างก็ตกลงสู่พื้นดินเปลี่ยนเป็นพระจันทร์สีนวลสว่างที่ขึ้นมาแทน ท้องฟ้ามืดครึ้มเห็นดาวระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าได้ชัดเจนยิ่งกว่าอยู่ในเมือง ผมร้อนใจอยากกลับจะแย่แต่ก็เสียมารยาทไม่ได้หากจะกลับก่อนโดยไม่ร่วมกินมื้อเย็น(ที่กลายเป็นมื้อค่ำ)สัญญาไปแล้วด้วยว่าจะร่วมวงกินอาหารฝีมือตะหลิวปลายจวักของแม่เหมี่ยวด้วย

   "เสร็จแล้วน้องเอวา มาทานกัน"ใบหน้าหล่อเหลาของพี่จินโผล่มาจากขอบประตูห้องครัว ผมที่เหม่อลอยอยู่ก็ลุกขึ้นพรวดตามกลิ่นอาหารไปทันที ไม่ได้หิวหรอกครับมันหอมดี กินอาหารพวกนี้ไปก็ไม่อิ่มอยู่ดี ตอนนี้ผมก็ไม่ได้หิวอยากเลือดด้วย ดีแล้วล่ะ

   "ทานเยอะๆเลยนะ"เมื่อผมนั่งลงแม่เหมี่ยวก็ตักนู่นตักนี่ให้ผมอย่างเอาใจส่วนลูกแท้ๆก็นั่งทำหน้าตาบูดเบี้ยวงอนง้อไม่เข้ากับหนังหน้า

   "นี่ครับพี่จิน"ผมเลยเอาใจกับเขาบ้างเมื่อแม่เหมี่ยวไม่ตักอะไรให้ลูกจอมขี้น้อยใจบ้าง

   "ขอบคุณครับ"พูดแล้วก็ยิ้มกว้างยีฟันขาวๆโชว์ผม

   ระหว่างทานอาหารแม่เหมี่ยวกับพี่จินก็พูดคุยกันไปตามประสามีบ้างที่หันมาพูดคุยกับผมเป็นระยะๆแต่ส่วนใหญ่ผมก็เอาแต่ง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้ารีบกินให้มันหมดๆถึงอาหารจะอร่อยถูกปากแต่ไม่ถูกใจ เลือดยังอร่อยกว่านี้อีก นี่ผมคงกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วจริงๆสินะถึงคิดว่าเลือดคาวๆอร่อยกว่าอาหารหลากรส

   "ผมขอลาเลยแล้วกันครับ"เมื่อจัดการอาหารบนโต๊ะกันเสร็จผมก็เอ่ยปากเซกู๊ดบายทันที

   "บ้านข้าไม่มีลาหรอกนะมีแต่ม้ากับไก่เองจะเอาไหมละ

   "ไม่ใช่ลาครับแม่น้องหมายถึงจะกลับครับ"ขอบพระคุณที่แก้ข่าวให้นะครับพี่จิน พี่นี่เหมือนล่ามแปลความหมายดีๆนี่เอง

   "งั้นหรือ ข้าว่านี่ก็ดึกแล้วป่าข้างนอกยามค่ำคืนมันอันตรายสัตว์ป่าดุร้ายมักจะหากินยามค่ำคืน...ข้าว่าเองพักที่นี่ไปก่อนแล้วตอนเช้าตรู่ข้าจะให้ไอ้จินไปส่งเอ็งที่ปราสาทท่านเคาท์"

   ผมว่าสัตว์ป่าพวกนั้นต่างหากที่ต้องกลัวผมแต่ผมก็กลัวเจ็บอยู่ดี นอนที่นี่สักคืนเดียวคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้งยืดเวลาที่จะถูกพี่เคาท์งาบได้ไปอีกวันด้วย

   "ครับ"ผมพยักหน้าแอบเห็นพี่จินยกยิ้มอย่างพอใจ จะแอ้มผมหรอฝันไปเถอะลองย่องเข้ามาสิ พ่อจะกัดคอให้



   (เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะคะ ปวดหัวมากเลยไม่สบายค่ะ :katai4: :z3:)

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านชื่อตอนแล้ว... ใครกับใครเนี่ยยย
คงไม่ใช่จินเอวาหรอกนะ = ="
ง่าา มาให้อยากแล้วจากไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด