ตำนานรัก
✿✿ดอกตีนเป็ด✿✿
โคตรแย่ เป็นคืนวันศุกร์ที่บัดซบที่สุดเท่าที่นายจิณณวัตรเคยพบเจอมา เสียงเพลงจาดในผับดังแว่วออกมาถึงข้างนอก บริเวณที่เขาอยู่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารที่เปิดเกือบถึงเช้าและผับ บาร์ หลายแบบ เขาสูดแท่งนิโคตินเข้าปอด และพ่นออกมาเป็นสีขาวลอยกลางอากาศและท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาบ้างเหมือนจะอยู่เป็นเพื่อนผู้ชายงานยุ่งที่ถูกเพื่อนลากมาดื่มทั้งๆที่เจ้าไม่อยาก เขาปล่อยควันออกจากปากอีกครั้งก่อนจะทิ้งบุหรี่ที่เหลือเกินครึ่งลงพื้นและให้ปลายเท้าขยี้ดับไฟ ลมเอื่อยๆของกรุงเทพยามค่ำคืนทำเขาเหนียวตัวและอยากหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด ติดตรงที่เขาถูกเพื่อนจับยัดใส่รถของเพื่อนอีกที สรุปแล้วรถเขาจอดอยู่ที่บริษัท และเพื่อนที่มาด้วยกันก็เมามันส์กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากสีหลากรสชาติ พ่วงด้วยสาวๆนุ่งสั้นกันอย่างบันเทิงอารมณ์ จะกลับแท็กซี่กระเป๋าเงินก็ดันโดนพวกเพื่อนเวรโยนทิ้งไว้ในรถ ติดกระเป๋ามาแค่บุหรี่แบบ Compact ที่เหลือเพียงสองมวนในซอง เรื่องน่าเศร้ายิ่งกว่าคือเขาสูบหมดแล้ว
เขาไม่ได้เป็นพวกสิงรมควัน ตั้งแต่ที่รู้ว่าบุหรี่ยี่ห้อ Winston ที่เขาสูบมีแบบ Compact ก็เปลี่ยนจากมวนใหญ่ปกติมาสูบแบบ Compact แทน คิดว่าตัวเองคงจะสูบคุ้มเงินที่เสียไปมากกว่าแบบใหญ่เท่าเก่า แต่ไม่เลย เขายังสูบน้อยเหมือนเดิม แต่ก็เลิกไม่เสียที เคยตั้งแต่เคี้ยวหมากฝรั่งจนปวดกราม ยันหักดิบไม่สูบติดกันสามวันก็ป่านจะขาดใจ ประหนึ่งว่ามันคือสิ่งจำเป็นของชีวิตตอนเรียนมหาลัยเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรสของนิโคตินที่ผู้ใหญ่หลายๆคนที่เขาในวัยเด็กชอบสูบเป็นครั้งแรก เพราะความเครียดจากเรื่องเรียนทำให้เขาต้องการที่ระบาย จิณณวัตรไม่ชอบดื่ม นานๆครั้งพอหอมปากหอมคอพอได้ แต่จะให้ดื่มเป็นจริงเป็นจังแก้เครียดเหมือนที่สูบบุหรี่ก็ไม่ไหว ฝืดคออย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่สำหรับเขาความรู้สึกของเหล้า เบียร์ก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับการสูบบุหรี่ซักเท่าไหร่ หลังจากที่มีครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆไป แต่เขาก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะสูบแก้เครียดเท่านั้น
สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าเตะกรวดบนพื้น ความเบื่อหน่ายส่งผลให้เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกออกมาเฮือกใหญ่ เข้าไปตอนนี้ภาพที่เห็นคงเป็นหน้าระรื่นอารมณ์ดีของเพื่อนชายทั้งหลาย เสียงที่ได้ยินคงเป็นเสียงเพลงที่ดังหนวกหู
อยากกลับบ้านเป็นบ้า...."นี่" เขาหันไปตามเสียง ไม่รู้ว่าได้เรียกเขาหรือเปล่า แต่เมื่อครู่ที่มาถึงตรงนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียว เมื่อหันกลับไปก็พบกับผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเขาประมาณห้าเซน รูปร่างดี โครงหน้ารูปไข่ แต่คิ้วที่ขมวดแน่นนั่นทำเอาเขาต้องขมวดตามไปด้วย
"อะไร"
"มาทำอะไรแถวนี้" จิณณวัตรเลิกคิ้วสงสัย เขาเคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อนงั้นหรือ? ทำไมจู่ๆก็ชวนคุยเหมือนเป็นคนสนิทกันเสียอย่างนั้น
"นายเป็นใคร"
"แถวนี้มันเป็นที่ดินส่วนตัวนะ คนนอกห้ามเข้า" อีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม
"นายเป็นใคร" จิณถามซ้ำ
"ระวังเจ้าของเขาออกมาว่าล่ะ"
"นายเป็นใคร" น้ำเสียงของชายหนุ่มวัยทำงานกระด้างขึ้น มือใส่กระเป๋ากางเกงในตอนแรกตอนนี้กำลังกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้น เขาไม่มีอารมณ์มาฟังใครกวนประสาทในเวลาเกือบตีสองแบบนี้หรอก ถ้ายังกวนไม่เลิกมีสิทธิ์ใช้กำปั้นอัดหน้าเข้าที่หล่อๆนั่นซักที
แม่ง!"ออกจากที่นี่กันเถอะ" เขาถูกลาก.... อีกแล้ว! ชีวิตนายจิณณวัตรจะไม่เป็นของตัวเลยหรือไงวันนี้น่ะ! ตั้งแต่เช้าก็โดนลูกน้องลากไปนั่นมานี่ด้วย พอตกเย็นแทนที่จะได้กลับบ้านก็โดนลากมาผับ นี่ขึ้นวันใหม่แล้วยังจะโดนลากอีกงั้นเหรอ!?
"นายเป็นใคร"
"พูดเป็นประโยคเดียวเหรอ?"
"แล้วนายเป็นใคร ปล่อยแขนฉันได้แล้ว!" อีกคนปล่อยมือจากข้อมือของเขา มันแดงเป็นรอยนิ้ว จิณเห็นดังนั้นก็อยากกจะร้องไห้ รอยที่เพื่อนลากมายังปวดอยู่ นี่มีเพิ่มอีกแล้ว อะไรนักหนาวะเนี่ย
"ถ้าไม่ดึงออกมาคุณก็ยืนอยู่ที่นั่นต่อน่ะสิ"
"แล้วตอนนี้เราพ้นที่ดินส่วนตัวนั่นหรือยังล่ะ"
"เอ.... เหมือนผมจะมาผิดทางแหะ"
"อะไรนะ!!!" จิณณวัตรแหวดังลั่น เขามองไปรอบๆตัวก็พบกับความว่างเปล่า เห็นผับในระยะหลายร้อยเมตร เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าพื้นดินที่เขาเหยียบอยู่เป็นที่ว่างโล่ง ไม่ค่อยได้มาผับแถวนี้จึงไม่ค่อยคุ้นที่ทางนัก "ทำไมถึงที่โล่งทั้งๆที่มีผับมีบาร์เปิดอยู่ใกล้ๆตั้งหลายร้าน" ชายหนุ่มพึมพำ
"ก็เจ้าของที่นี่ไม่ยอมขายไง"
"แล้วจะไม่ได้ยินเสียงหนวกหูพวกนั้นเลยเหรอ"
"คงได้ยินบ้างมั้ง ไม่รู้สิ"
"แล้วนายเป็นใคร" ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขายิ้มขำ ส่งเสียงหัวเราะเบาๆเป็นมารยาท ถ้าให้เดาก็คงอยากหัวเราะให้ดังลั่นลานกว้างนี่แข่งกับเสียงเพลงแบบรู้แล้วรู้รอดไปเลย
"ผมชื่ธิ"
"ทิ?"
"ใช่ธิ"
"กะทิน่ะเหรอ?" เป็นอีกครั้งที่จิณณวัตรได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ลักยิ้มตรงข้างแก้มบุ๋มลงลึกจนคนไม่มีลักยิ้มอย่างเขานึกอิจฉา นั่นน่ะเขาโคตรอยากมีเลยนะ แต่ดันได้พ่อมาพวกที่มุมปากจะยิ้มตลอด เขาภูมิใจกับส่วนนี้ของร่างกายไม่น้อย มานึกอิจฉาคนมีลักยิ้มก็ตอนเห็นหมอนี่นี่แหละ!
"ธิ ธ.ธงน่ะ"
"อ๋อ" จริงอยากจะพูดต่อว่าชื่อแปลกดีก็กลัวเป็นการเสียมารยาท เห็นเขาแบบนี้เรื่องมารยาทล่ะก็มีเต็มเปี่ยมเลยล่ะ
"เดินกลับกันเถอะ" ธิจับแขนเขาเบาๆแล้วดันให้เขาเดินตรงไปทิศของผับ จิณไม่ค่อยชอบการสกินชิพและการถึงเนื้อถึงตัวของคนเพิ่งรู้จักซักเท่าไหร่ แต่เพราะมารยาทที่มีจนล้นของเขาจึงไม่กล้าพอที่จะสะบัดแขนออก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะหลุดตะโกนใส่อีกฝ่ายเสียงดังก็เถอะ
"กลิ่นอะไรน่ะ" เขาพูดขึ้นระหว่างเดินกลับ ทางเดินไม่มืดมากเพราะพระจันทร์วันนี้ได้รับแสงของพระอาทิตย์แบบเต็มดวง จิณหันไปมองรอบๆก็ไม่เห็นที่มาของกลิ่น เขาจึงหันกลับมามองคนที่จับแขนเขาอยู่
"เหี้ย!!!" จิณณวัตรสบถเสียงดังลั่น ยกมือกุมหัวใจที่เต้นเร็วจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา คนที่โดนคำสบถหยาบคายใส่หัวเราะจนหน้าแดง ปล่อยมือจากแขนเขาเอาไปกุมท้องหัวเราะ แอบเห็นน้ำตาด้วย
มึงเป็นใครกันแน่วะ!!"ขอโทษๆ แค่อยากแกล้งน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" คำขอโทษนั่นไม่เข้าหู อยากจะสัดหน้าหล่อๆที่มีลักยิ้มนั่นซักทีให้หายแค้นที่ทำเขาตกใจจนเกือบหัวใจวายเมื่อครู่ ใครเล่นให้แม่งซ่อนตาดำแล้วแลบลิ้นใส่เขาในเวลาแบบนี้กันล่ะ!? ตีสองนะเว้ยไม่ใช่สี่โมงเย็น พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น ฟ้าสว่างก็จริงแต่ก็ไม่ถึงขนาดจะทำให้หายหลอนกับสิ่งที่มองไม่เห็นในโลกนี้ได้นะ!
"เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!" จิณว่าเสียงดัง นั่นยิ่งทำให้ธิหัวเราะมากกว่าเดิม อีกคนยกมือปาดน้ำตาที่ใกล้จะไหล รวบรวมสติกลับมายืนตรงอีกครั้ง ค่อยๆยื่นมือมาจับแขนเขาให้เดินต่อ แต่จิณสะบัดมันออก
ไม่สนแม่งแล้วมารยาท คนแบบนี้ให้ไปก็เสียแรงเปล่า!"ผมขอโทษจริงๆ พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าคุณยายเคยเล่าให้ฟังเรื่องทักน่ะ"
"ทักอะไร"
"เดินไปคุยไปดีกว่ามั้ย อยู่แบบนี้ผมก็ชักกลัวๆขึ้นมาเหมือนกัน" ธิว่าพลางเอามือถูแขนสองข้างทำท่ากลัวอย่างที่ปากบอก จิณเห็นแบบนั้นก็เริ่มกลัวตาม เขายอมให้อีกฝ่ายจับแขนเหมือนเดิม แต่คราวนี้เขาก้าวขาช้าลงจนเดินเสมอกันกับคนเพิ่งรู้จัก ธิหันมายิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเอ่ยปากเล่า....
"คนโบราณเขาถือน่ะ เรื่องทัก"
"ทักอะไรล่ะ"
"แบบถ้าไปไหนมาไหนตอนกลางคืน ถ้าเห็นอะไร ได้กลิ่นอะไร สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก็อย่าทัก ไม่งั้นเจ้าของสิ่งนั้นอาจจะตามเรามา" จิณณวัตรไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน อาจเป็นเพราะเขาไม่สนิทกับญาติผู้ใหญ่คนไหนเลยนอกจากพ่อกับแม่ตัวเอง ถึงไม่เคยได้ยินเรื่องที่คนโบราณเขาถือกัน อีกอย่างพ่อแม่เขาก็พวกหัวสมัยใหม่สุดๆ ตอนเด็กๆถ้าเขาดื้อไม่มีหรอกขู่ตุ๊กแกกินตับหรือคนมาจับไป นู่นกวนเขาจนไม่ได้นอนบ้าง ยึดของเล่นบ้าง ไม่ให้ทานของโปรดบ้าง สารพัดวิธีกำหราบเด็กดื้อฉบับคุณแม่ขาโหดของแม่เขาน่ะใช้ได้ยันโตเลยด้วยซ้ำไป
"อ่า งั้นเหรอ" ชายหนุ่มตอบรับเรื่องเสียงเบา เบียดเขาหาอีกฝ่ายมากขึ้นเล็กน้อย ไม่เคยเจอผี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลัวไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?
"แต่ว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ดูหน้าคุณก็คงไม่อยากกลับไปที่ผับเท่าไหร่ ผมเองก็เหมือนกัน ลองเดินตามหาที่มาของกลิ่นกันมั้ยล่ะ?"
"ว่าไงนะ!?"
"ไปกันเถอะ" พูดจบอีกคนก็ดึงแขนเขาไปตามทิศของกลิ่นซึ่งตรงข้ามกับทางไปผับ อะไรของผู้ชายคนนี้วะ!
"เฮ้ย เดี๋ยว เดี๋ยว! คุณธิ!! ไม่ไป ไม่!!"
"ผมว่าไม่ใช่กลิ่นของอะไรพวกนั้นหรอก"
"ไหนว่าเป็นที่ดินส่วนตัวไง"
"ตอนนี้เขาคงไม่ตื่นมาหรอก หมาก็ไม่มี เยี่ยมชมนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร" ธิพูดเข้าข้างความคิดตัวเองแบบสุดกู่ โทษตัวเองอยู่ในใจว่าไม่ควรโดนลากมาตั้งแต่แรก เรี่ยวแรงที่มีก็หายไปกับการลากของลูกน้องจนเกือบหมด แถมตอนนี้เขาก็ง่วง ง่วงมาก ทำไมจิณณวัตรคนเก่งของแม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยครับ.... "ว่าแต่คุณชื่ออะไร" คนโดนถามจ้องตากับอีกฝ่าย
"จิณ"
"โอ้ ชื่อเพราะนะ"
"แม่ตั้งให้ก็งี้แหละ"
"ของผมก็แม่ตั้งให้"
"ผมว่าเรากลับกันเหอะ" เขาขัด ถ้าให้เลือกระหว่างเดินที่ลานกว้างตามหากลิ่นกับธิสองคน กับกลับไปหาเพื่อนที่เมาเละในผับ เขาเลือกที่จะกลับเข้าไปในผับแล้วดื่มเงียบๆมองดูเพื่อนเอาเหล้ากรอกปากกันเองจะดีกว่า
"ได้กลิ่นมั้ย มันชัดขึ้นแล้วนะ" ธิไม่พูดเปล่า เลื่อนมือลงจากต้นแขนไปจับตรงข้อมือแบบตอนแรกแต่เบากว่าเดิม ก้าวขาเร็วขึ้น กลิ่นมันชัดเจนมากกว่าเมื่อครู่ จนกระทั่งพวกเขาเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่กลางลานกว้าง และมันก็เป็นที่มาของกลิ่นที่จิณทัก
"ต้นอะไร?" จิณถาม
"ต้นตีนเป็ด" "แล้วมันยังไง"
"ก็คุณจิณสงสัยไม่ใช่เหรอ ผมก็สงสัยไปด้วย เลยอยากรู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร"
"แสดงว่าคุณก็ได้กลิ่น"
"ได้สิ แรงขนาดนี้" เขาและธิเงยหน้ามองต้นตีนเป็ด กิ่งก้านของมันแผ่ขยายเป็นวงกว้าง เกือบทุกปลายยอดของต้นปรากฏให้เห็นดอกไม้สีขาวอมเขียวขนาดเล็กอัดกันเป็นกลุ่ม กลิ่นของดอกนั้นคงลอยไปตามลมที่เกิดขึ้นแล้วไปแตะจมูกเขาเข้า จิณณวัตรไม่มีความรู้เรื่องต้นไม้ แยกว่าอันไหนเป็นดอกเข็ม อันไหนเป็นดอกมะลิได้นี่ก็เก่งแล้ว
"เหม็น" พอมายืนใกล้ๆ จากกลิ่นที่หอมเย็นแปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่แรงและเหม็นแทน
"ใช่เหม็น อุ๊บ!"
"คุณธิเป็นไร?"
"ผมว่าเรารีบเดินกลับผับกันดีกว่า" ธิเดินนำเขาไป จิณไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย แปลกจนเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ จู่ๆก็เข้ามาทัก ลากเขาเดินไปทั่วที่ดินของคนอื่น พาตามหาที่มาของกลิ่น พอเจอก็ชวนกลับกะทันหันซะแบบนั้น
"คุณธิไม่เป็นไรแน่นะ" เจ้าของชื่อเดินเร็วจนเหมือนวิ่ง และก็วิ่งจริงๆด้วย จิณก็วิ่งตามเพราะความตื่นตระหนก เสียวข้างหลังวูบวาบกลัวมีสิ่งเร้นลับตามมาเหมือนในหนัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ วันอาทิตย์จะทำบุญให้ครับ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรลูกช้างเลย....
พวกเขาสองคนหอบแห่ก เอามือเท้าเข่า หายใจแรงระบายความเหนื่อย จิณเห็นว่าสีหน้าของธิยังไม่ดีขึ้นก็เริ่มเป็นห่วง
"คุณธิ เอาอะไรมั้ย"
"ไม่ครับ ไม่เป็นไร"
"แต่ผมว่า..."
"ไม่ๆ ผมว่าคุณจิณรีบไปเถอะ" ธิโบกมือไล่ ความเป็นคนดีของจิณจึงพุ่งพรวดขึ้นมา เกิดจู่ๆตายขึ้นมาแล้วตามไปหลอกเขาทำไงล่ะ ตอนนี้ช่วยได้ก็ต้องทำ
"ไม่ครับ"
"ไปเหอะนะ ผมขอร้อง" ธิยกมือปิดปาก
"คุณธิเป็นอะ....-" ยังไม่ทันถามจบประโยค สิ่งที่ซ้ำเติมว่าวันนี้ของเขามันแย่ก็ประทับตราตรึงอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของเขา จิณไม่อยากก้มมองเพราะเกรงว่าตนจะทำตามแบบที่ธิทำ เขากำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆก็ไม่ได้ เนื่องจากอากาศตรงนี้ ตรงที่มีเขายืนอยู่มันไม่บริสุทธิ์
ไม่บริสุทธิ์เลย...."ผมขอโทษ" ธิกล่าว หน้าตาแสดงความสำนึกผิดอย่างเต็มที่ ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น รู้งี้ไม่ลากไปตามหากลิ่นหรอก
"....." จิณณวัตรยืนเงียบ จะบอกว่าไม่เป็นไรก็กลัวบาปเพราะโกหกตัวเอง เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า สบตากับพระจันทร์ตอนตีสองกว่าด้วยใบหน้าที่อยากปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเต็มทน แม่ง ไอ้คุณธิ คนที่แม่งเจอกันครั้งแรก!!
มัน! อ้วก!! ใส่!!! เขา!!!!"ผมพาไปล้างดีกว่า" ธิพาจิณไปที่ห้องน้ำ เห็นมือเช้ามือกลางวันและมื้อเย็นของตัวเองบนเสื้อของจิณก็อยากจะอาเจียนออกมาอีกรอบ สงสารเจ้าของเสื้อจับใจไม่รู้จะขอโทษยังไงให้จิณยอมเอ่ยปากพูดกับเขาเหมือนก่อนหน้านี้ "คือผมไม่คิดว่าแค่ได้กลิ่นดอกตีนเป็ดระยะใกล้แบบนั้นผมจะอ้วกออกมา....." คนเพิ่งรู้จักของจิณณวัตรพูดเสียงแผ่วพลางซักเสื้อของเขาที่เลอะอ้วกของตัวเองในอ่าง
ดีจริงๆที่ใส่เสื้อกล้าม...."ไม่รู้ว่าตัวเองแพ้กลิ่นเหรอ"
"จะว่าไงดีล่ะ ที่บ้านต่างจังหวัดผมก็ปลูก แต่ไม่ได้กลับไปหลายปีแล้วเลยจำกลิ่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมแพ้หรืออะไร ปกติถ้าได้กลิ่นอย่างมากก็เวียนหัวแล้วไปนอน ไม่คิดว่าพอมาได้กลิ่นระยะใกล้อีกทีมันจะ.....ส่งผลรุนแรงขนาดนี้" จิณกุมขมับ
"โอเค ไม่เป็นไร"
"ให้ผมไปส่งที่บ้านมั้ย"
"ไม่เป็นไร"
"อ่า งั้นออกค่าแท็กซี่ให้มั้ย ผมมองคุณตั้งแต่สูบบุหรี่แล้ว ท่าทางคุณจิณคงอยากจะกลับบ้าน ถือว่าขอโทษเรื่องที่อ้วกใส่..." ธิยิ้มแหยแต่ก็ยังมีลักยิ้มข้างแก้มเหมือนเดิม จิณณวัตรพยักหน้าตกลง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อ กระเป๋าตังค์ก็ไม่มีอะไรนอกจากเงิน พวกบัตรต่างๆเขายัดใส่เคสโทรศัพท์หมด ไว้ค่อยให้เพื่อนมาคืนทีหลังได้ไม่มีปัญหา แถมตอนนี้เขาโคตรอยากกลับบ้าน
เหม็นอ้วกสัสๆ!!จิณณวัตรกลับบ้าน ก่อนหน้าจะขึ้นแท็กซี่ก็แว่บไปบอกเพื่อนซักคนนึงที่มีสติที่สุด ธิเอาเงินค่าแม็กซี่ให้เขาเกินจำนวนจริงที่ต้องจ่าย ตอนนี้เงินของธิอยู่กับเขาสามร้อยบาท ไม่อยากติดหนี้ใคร แต่แม่งจะไปคืนที่ไหนล่ะวะ! ชื่อจริงก็ไม่ได้ถาม หน้าถึงจะจำได้แต่ก็ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆเสียที่ไหน ชายหนุ่มขยี้หัวตัวเองหลังจากอาบน้ำเสร็จ เก็บเงินสามร้อยบาทไว้ในเคสโทรศัพท์ ปิดไฟในห้องแล้วเข้าสู่นิทรา เจอเมื่อไหร่ก็คืนเมื่อนั้นแล้วกัน
.
.
โคตรแย่เป็นอีกวันศุกร์หนึ่งที่แม่งโคตรบัดซบ งานเข้าจิณณวัตรตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าบริษัท วิ่งวุ่นกับลูกน้องในแผนก ทั้งส่งงานให้ลูกค้าและทำรายละเอียดของงานใส่แฟ้ม กว่าจะได้พักก็เลยเที่ยงไปสามชั่วโมง จิณทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขกที่ล็อบบี้อย่างหมดแรง หลับตาและควบคุมจังหวะการหายใจ เขาฝากลูกน้องให้ซื้อข้าวมาให้ ภาวนาอย่างใจจดใจจ่อว่ารถอย่าติด เขาหิวจนแทบจะกินตึกบริษัทเข้าไปได้ทุกตึก
ผ่านมาสามอาทิตย์สำหรับประสบการณ์
'โดนอ้วกใส่ครั้งแรก' จิณณวัตรก็ยังไม่เจอเจ้าของเงินสามร้อยบาทนั่นซักที คิดถึงแล้วก็อดขำไม่ได้ วันนั้นตัวเขากลืนเหล้าเข้าปากแค่ไม่กี่แก้ว ยังไม่สะกิดต่อมสติหลุดของเขาเลยแม้แต่น้อย ไหงถึงยอมโดนลากไปมาบนที่ดินของคนอื่นเสียจริงจัง แถมยังหลุดสบถถึงสัตว์เลื้อยคลานสี่ขาใส่คนที่เพิ่งรู้จักกันอีก ใบหน้าของธิในความทรงจำเริ่มเลือนรางตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ติดตาเขาจนถึงตอนนี้คือลักยิ้มบุ๋มของแก้มทั้งสองข้าง
"คุณจิณ" เจ้าของชื่อลืมตา มองหาต้นเสียงก็พบกับหนึ่งในผู้บริหารของบริษัท
"ครับคุณสุ" หน้าที่การงานของเขาก็อยู่ในระดับผู้บริหาร แต่คุณสุแกอายุมากกว่า รุ่นน้องพ่อเขาประมาณห้าปีเห็นจะได้ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่จิณก็ไม่เคยละทิ้งมารยาทที่แม่พร่ำสอนมาตลอดชีวิต ขืนไม่ทำตามเขาโดนฝ่ามือพิฆาตของจอมเผด็จการในบ้านประทับกลางศีรษะแน่ๆ
"ตอนนี้คุณสะดวกคุยมั้ยครับ เหมือนคุณจิณดูเหนื่อยๆ"
"ได้ครับ ไม่เป็นไร"
"มีงานให้ทำแหนะ เรื่องนี้ผมไม่ถนัด คงต้องรบกวนคุณจิณแล้วล่ะ" ชายอายุมากยิ้มให้เขา จิณลุกจากโซฟา ขยับเนกไทให้เข้าที่แล้วเดินตามคุณสุไป "เขาเป็นลูกค้าเก่าเรา พอดีว่าอยากจัดงานเลี้ยงโดยใช้สถานที่ในเครือบริษัทเรา คุณจิณเป็นคนคุมงานนี้ได้มั้ยครับ"
"งานเมื่อไหร่เหรอครับ"
"อีกสามเดือนข้างหน้าล่ะมั้งครับ"
"โอ้ งานใหญ่งั้นสินะครับ"
"ครับ คุณธิแกมาดูงานเองเลย คงเป็นงานใหญ่ไม่น้อยทีเดียว"
"คุณธิ?"
"ครับ ลูกค้าเราชื่อธิ เขารออยู่ที่ห้องผมน่ะ"
"ครับ" จิณพยักหน้า ในใจคิดว่าคงไม่ใช่ธิเดียวกับที่อ้วกใส่เขาเมื่อเดือนก่อนแน่ เพราะธิคนนั้นดูยังไงก็ไม่มีมาดนักบริหารเลย
หรือเปล่า?สุเปิดประตูให้เขาเข้าห้อง แผ่นหลังกว้างของลูกค้าคนเก่าที่จิณไม่เคยร่วมงานด้วยดูคุ้นตา ขนาดมันพอๆกับแผ่นหลังของคนที่วิ่งนำเขากลับผับ แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง
"นี่คุณธิ ธนวิชญ์ คุณธิครับ นี่จิณ จิณณวัตร คนที่จะมาคุมการจัดงานของคุณครับ" จิณยกมือไหว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบลักยิ้มคุ้นตาบนแก้มทั้งสองข้าง ธิส่งยิ้มให้ นั่นทำเขายืนนิ่งสนิทระคนตกใจ "งั้นผมขอไปดูลูกน้องก่อนนะครับ ขอตัว" ธิยกมือขอบคุณคุณสุ ในห้องทำงานของสุมีเพียงจุณและคุณธิ ที่เคยอ้วกใส่เสื้อของเขา
"ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณจิณ" ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาฉีกยิ้ม ยิ้มเก่งจนอยากจะถามว่าออกมาจากท้องแม่ก็ยิ้มให้หมอเลยหรือเปล่าด้วยซ้ำ
"เช่นกันครับ"
"เสื้อคุณตัวนั้นไม่ใส่แล้วเหรอ"
"มันเป็นคราบ"
"ขอโทษจริงๆนะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่ เขาหยิบเงินออกจากเคสโทรศัพท์ เงินทอนค่าแท็กซี่" ธิมองเงินที่อีกฝ่ายยัดใส่มือด้วยรอยยิ้ม
"คุณสุบอกว่าคุณจิณยังไม่ได้ทานข้าว สนใจไปทานมื้อเที่ยงกับผมมั้ยครับ"
"แต่ผมให้ลูกน้องซื้อมาให้แล้ว...." จริงๆคือเขาไม่อยากนั่งรถแล้วรอกินอีก
หิวจะแย่!"โทรไปยกเลิกก็ได้นี่ครับ"
"เฮ้ย! คุณธิ!!"
การเจอกันครั้งที่สองระหว่างจิณณวัตรกับธนวิชญ์จบลงที่จิณโดนธิลากไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันข้างนอก.
.
รถของธิจอดสนิทที่ร้านอาหารใกล้บริษัทจิณ บรรยากาศโดยรอบถือว่าร่มเย็น พวกเขาสองคนก้าวขาออกจากรถ จิณมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเดินตามธิไปก็พบกับโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่มีคนนั่ง ธิเห็นท่าทีของคนที่พามาก็ยิ้มขำ ก่อนจะผายมือให้จิณนั่งลงบนเก้าอี้ที่คู่กับโต๊ะ
"โต๊ะใคร?"
"ผมโทรมาจองแล้วก็สั่งอาหารไว้เลย พอมาถึงจะได้ลงมือกินเลยไงครับ ไม่ดีเหรอ?"
"แล้วรู้ได้ไงว่าคนที่จะมาด้วยเป็นผม" จิณถามอย่างหวาดระแวง
"ต่อให้ไม่ใช่คุณผมก็กะจะพาออกมาอยู่แล้ว"
"ข้าวเที่ยงตอนบ่ายสามเนี่ยนะ? วันนี้คนที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงนอกจากผมและลูกน้องในแผนกก็ไม่มีใครแล้วนะ" ธิไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มกลับมา จิณเห็นดังนั้นจึงไม่พูดอะไร ยอมนั่งบนเก้าอี้ และธิก็เดินไปนั่งที่ตรงข้ามกัน
จิณณวัตรมองกับข้าวบนโต๊ะแล้วเลิกคิ้ว พวกนี้มันของโปรดเขาทั้งนั้น แบบนี้จะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไง?
"แล้วสั่งกับข้าวเยอะขนาดนี้ไม่กลัวว่าผมจะแพ้อะไรบ้างเหรอ" เขาถามลองเชิงขณะตักข้าว นายธนวิชญ์คลี่ยิ้ม
ฉลาดไม่เบาเลย..."ความลับครับ"
"ไม่ใช่ว่ากำหนดกับคุณสุไปเหรอ เรื่องให้ผมเป็นคนจัดงานให้คุณเนี่ย" จิณสบตากับลูกค้ารายสำคัญ ธิยิ้ม เท้าคางกับโต๊ะ และขยับปาก
"แล้วถ้าเป็นแบบนั้นคุณจิณจะขอเปลี่ยนมั้ยครับ" เจ้าของชื่อหยิบจานอีกฝ่ายมาตักข้าวให้
"ต้องอยู่ที่คุณธิ"
"ยังไง?"
"ว่าคุณธิคิดจะอะไร" จิณพูดอย่างรู้ทัน เขายักคิ้วให้คนตรงข้าม ส่งจานข้าวคืนให้และลงมือทานมื้อเที่ยงตอนบ่าย "ถ้าคิดจะทำงานอย่างเดียวก็โอเค แต่ถ้ามีอย่างอื่นแอบแฝงมาด้วยผมคงต้องขอเวลาคิด"
"รู้เหรอว่าผมมีอะไรแอบแฝง" จิณณวัตรไม่ใช่คนโง่ หลายครั้งที่เขาสามารถแย่งลูกค้าจากบริษัทคู่แข่งมาได้เพราะความทันคนของตัวเอง เคยโดนลูกค้าหยอดก็บ่อย แต่เขาก็รำคาญเกินกว่าจะเล่นด้วย เลยปฏิเสธไปในแบบของตัวเอง ถ้าธนวิชญ์คิดจะ 'จีบ' เขาอย่างเป็นทางการ เขาจะลงไปเล่นด้วย คนตรงหน้าน่าสนใจไม่หยอก แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาคือข้ออ้าง
ที่จริงแล้วเขาหลงเสน่ห์ลักยิ้มนั่นต่างหาก"ว่าไง คุณธิ คุณคิดจะทำอะไร"
"ผมอยากทำงานให้ดี" ธิเว้นช่วง... "อยากเป็นเจ้านายที่ดี และก็เป็นลูกค้าที่ดี" จิณพยักหน้ารับรู้ ตักกุ้งหวานใส่จาน ก้มหน้าก้มตาทานมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย ถึงเขาจะชอบลักยิ้มของคุณธิ แต่เวลาหิวลักยิ้มนั่นก็ไม่สามารถทำให้เขาอิ่มได้ ไม่สนใจหรอก
"อะไรอีก"
"การเจอกันครั้งแรกของคุณกับผมอาจจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่"
"ไม่ประทับใจมาก" จิณพูดทับ ธิเสมองไปด้านนอกร้าน ร้านอาหารนี้ติดคลอง ฝั่งตรงข้ามกันมีต้นตีนเป็ดต้นใหญ่ยืนต้นอยู่ มันออกดอกเหมือนต้นเมื่อคืนนั้น โชคดีที่ร้านติดกระจก ถ้าเป็นแบบโอเพ่นแอร์เขาคงได้ปล่อยอ้วกอีกรอบแน่
"วันนี้ผมเลยตั้งใจจะมาขอแก้ตัว"
"แก้ตัวเรื่อง?"
"หลังจากนี้ให้ผมเป็นคนเดียวที่สร้างเรื่องประทับให้คุณจิณได้มั้ยครับ?" คนโดนขอยอมละจากอาหารตรงหน้า จิณณวัตรจ้องตากับอีกฝ่าย เขายิ้มมุมปาก ธิเห็นแบบนั้นก็ยิ้มตาม
"ถ้าคุณคิดว่าทำได้"
"ผมทำได้แน่นอน" ธนวิชญ์มั่นใจ เขาชอบจิณณวัตรตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายยืนสูบบุหรี่อยู่นอกผับ ละทิ้งเพื่อนฝูงที่มาด้วยกัน ลากอีกคนไปนั่นมานี่แถมยังอ้วกใส่ ถึงจิณจะไม่ประทับใจ แต่นั่นเป็นความประทับที่ไม่รู้ลืมของเขา และสิ่งที่ยิ่งกว่าประทับใจคือมุมปากที่ยกขึ้นตลอดเวลาจนเป็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย
พูดง่ายๆว่าไม่ใช่แค่จิณณวัตรหลงเสน่ห์ลักยิ้มของธนวิชญ์ ตัวธนวิชญ์เองก็หลงรักรอยยิ้มที่มุมปากของจิณณวัตรเหมือนกัน .
.
หนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ที่จิณโดนธิอ้วกใส่ ในที่สุด หลังจากที่ตามหยอดตามจีบมาหนึ่งปีเต็ม จิณก็ขอธิเป็นแฟน อ่านไม่ผิดหรอก จิณเป็นคนขอ แต่คนจีบน่ะเขา เป็นความประหลาดที่น่าขำ พอถามเหตุผลว่าทำไมจิณถึงไม่ยอมตกลงคบกันตั้งแต่แรกที่เขาขอ ทั้งๆที่จูบกันไปแล้ว อีกฝ่ายก็ตอบกลับพร้อมกับยิ้มเต็มแก้ม
"จะรอให้ถึงวันนี้"
"วันที่ธิอ้วกใส่เนี่ยนะ?"
"แล้วไม่ดีเหรอ? วันที่เราครบรอบก็จะตรงกับวันที่ธิอ้วกใส่จิณไง"
"กะจะให้ธิจำจนตายเลยใช่มั้ยเนี่ย"
"จิณแค้นนานนะบอก" จิณณวัตรยิ้ม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ที่ทำงานธิที่มีต้นตีนเป็ดปลูกไว้เต็มไปหมด ธนวิชญ์ไม่อ้วกแบบเมื่อก่อนแล้ว แข็งแรงขึ้นเยอะ เพราะจิณเอาต้นตีนเป็ดไปปลูกที่บ้านเขา ภูมิต้านทานกลิ่นต้นตีนเป็ดจึงกลับมา แต่มันก็ยังทำให้เขาเวียนหัวได้อยู่ดี
อากาศเริ่มเย็นลง กลิ่นดอกตีนเป็ดอบอวลไปทั่วสวน พวกเขาสองคนที่เดินข้างกัน มองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลาขอบโลก ธนวิชญ์ไม่รู้จะขอบคุณต้นตีนเป็ดยังไง ที่ทำให้เขาได้จิณมาเป็นคู่ชีวิต และวันครบรอบก็ตรงกับวันที่เขาแพ้ภัยเจ้าพวกดอกสีขาวอมเขียวเล็กๆนี่ อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ? เล็กพริกขี้หนูหรือเปล่า??
ธิยกมือขึ้นโอบไหล่คนข้างตัว จิณไม่ขัดขืน ปล่อยให้ธิทำตามใจตัวเอง จู่ๆธิก็ก้มตัวไปหยิบพวงดอกตีนเป็ดที่หล่นมาทั้งพวงไว้ในมือ แล้วยื่นให้
"อะไร?"
"คำตอบตกลงของธิไง ที่จิณขอธิเป็นแฟน"
"ดอกตีนเป็ด?"
"ก็นี่ทำให้เราได้รักกันเลยนะ"
"โอ้ จิณต้องขอบคุณมันด้วยสินะ" ธิกดจมูกลงที่ขมับของคนในอ้อมแขน
"ต้องขอบคุณมันเยอะๆเลย"
"ขอบคุณโดยการซื้อมันไปปลูกที่บ้านธิแล้วกัน"
"โถ่ที่รัก เดี๋ยวผมก็อ้วกใส่อีกรอบหรอก"End.
Talk : สะ สะ สะ สวัสดีค่ะ ไม่ได้ลงนิยายในเล้านานมาก ._____.
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเราเวียนหัวจากกลิ่นดอกตีนเป็ดที่บ้าน กลิ่นแรงมากค่ะ *ร้องไห้*
เลยคิดว่าแต่งนิยายที่พระเอกของเรื่องอ้วกใส่นายเอกเพราะกลิ่นต้นตีนเป็ดบ้างก็น่าจะดี 5555555555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และก็พื้นที่เล้าที่ให้ลงนิยายนะคะ!
little2413 ♥