บทที่ 13 Crash
[/b]
หลังจากหัวฟูกับการสอบวิชากลาง และปั่นชิ้นงานอาร์ตสรุปในแต่ละลายวิชาจนหัวฟูชนิดที่ว่าต้องละเว้นกิจกามบนเตียงกันเกือบสองอาทิตย์ พรุ่งนี้ช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมของผมก็มาถึง ผมนะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้เรนี่สิมันอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสได้จากบรรยากาศอึมครึมรอบๆ ตัวมัน
"อื้อ ไอ้เชี่ยเร ขอกูนอนเถอะ" ผมบ่นขณะที่นอนแผ่หราบนเตียงนุ่มหลังกลับมาจากคณะ อดนอนมาหลายคืนง่วงเป็นบ้า แต่จมูกโด่งยังคลอดเคลียแก้มผมไม่เลิก ผมก็อมนุษย์นะแต่ทำไมถึงผอมแห้งแรงน้อยไม่ต่างจากมนุษย์ ผิดกับไอ้แฝดนรก แม้การสอบและชิ้นงานปลายภาคจะมากมายแค่ไหน แต่พวกมันกลับมีพลังงานเหลือเฟือไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
"อืมมมม..."มันฟังผมซะที่ไหน ริมฝีปากร้อนประทับจูบอ้อยอิ่งแล้วดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปไกล ไอโฟนที่รักได้ช่วยชีวิตผมไว้ ร่างสูงฮึมฮัมอย่างขัดใจ
"ฮัลโลคร๊าบบบบบ"
"เหอะ...ลืมป๋าไปแล้วใช่ไหมบักหำน้อย" เสียงบิดาบังเกิดเกล้าดังขึ้นจากปลายสาย
"มีนเปล่าลืม ปั่นงานท้ายเทอมส่งอาจารย์ไงป๋า" ผมแถ
"ไม่ใช่มีแฟนแล้วลืมป๋าหรอกนะ" ใครลืม...ผมไม่เค้ย ไม่เคย ลืมท่านจะเอาตังไหนใช้(รู้สึกตัวเองชั่ว)
"โถ...มีนจะไปลืมป๋าได้ยังไง เนี่ยปิดเทอมแล้วมีนว่าจะกลับบ้านอยู่เนี่ย" ผมอ้อน ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้กลับหนองคายเลย
"ก็ดี ย่าเอ็งถามหาอยู่เนี่ย" น้ำเสียงผู้เป็นพ่อฟังระรื่นขึ้นทันตา "แล้วจะมาวันไหน"
"ก็ว่าจะออกพรุ่งนี้แหละป๋า..." พ่อถามมาแบบนี้เลยรู้สึกอยากเดินทางซะเดี๋ยวนี้ "แต่มีนขอแวะเที่ยวก่อนได้ไหม อ่านจะสองสามวันถึงไปบ้านอะ แล้วมีนจะอยู่ยาวๆ เลยเนอะ"
"เออ เออ ยังไงก็ตามใจแกเถอะ ถ้าแวะปากช่องอย่าลืมของฝากป๋าละ" พ่อผมจะอยากได้อะไรถ้าไม่ใช่ เหล้าอุ(เป็นไหที่ยัดสมุนไพรเวลาจะทานก็แค่เติมเหล้าขาวลงไปแล้วทิ้งไว อธิบายง่ายๆ ก็ยาดองประเภทหนึ่งนั่นแหละครับ)
"ได้เลย" พูดถึงอุแล้วเปรี้ยวปาก
"ว่าแต่ไอ้ลูกเขยมันมาด้วยหรือเปล่า" บางทีพ่อผมก็ใจง่ายไปนะ ยอมรับไอ้เรเป็นลูกเขยซะแล้ว ผมหันไปมองหน้ามันเพื่อขอคำตอบ มันหูดีได้ยินอยู่แล้วละ
"ไปสิ...จะไปสู่ขอ"...ฉ่า หน้าผมแดงจนแทบไหม้ ได้ยินป๋าหัวเราะลั่นจากอีกฝั่ง
"บอกมันเตรียมตังมาเยอะๆ แค่นี้แหละ ขับรถกันดีๆ...
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด" ท่านก็ทิ้งระเบิดแล้วจากไป
"เก็บกระเป๋ากัน" ผมออกปาก...รีบหาเรื่องอื่นให้ทำเดี๋ยวโดนมันปล้ำ
"ค่อยเก็บ" แต่มีหรือมันจะยอมเมื่อไอ้เรเล่นกอดผมแน่นหมายจะสานต่อเหตุการณ์เมื่อครู่...คือ ถ้ายอมมัน คืนนี้ยาวได้หลับบนรถแน่ หลับไปตามทางคงอดถ่ายรูปวิวรอบๆ แถมปวดเมื่อยอีกต่างหาก
"เร..." ผมเรียกมันเสียงนิ่งทำเอาเจ้าตัวชะงัก "กูตามใจมึงก็ได้นะ แต่หลังจากนี้ยันเปิดเทอมงดไปเลย เอาปะ" ไม่ใช่แค่ขู่นะ ไอ้มีนเอาจริง หน้าตาผมก็คงจะเอาจริงคนตัวโตถึงกับยกมือขึ้นเหนือหัวท่ายอมแพ้ "แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...ฮิฮิ" แซวเองเขินเอง
พวกผมเปล่าทิ้งไอ้แฝดน้องไว้ลำพังนะครับ แถมเจ้าตัวยังอาสาทำงานแทนพี่ ทั้งงานล่า ทั้งเข้าสภา คือมันขยันผิดปกติ แว่วๆ มาว่า มันตามจีบคนในนั้นอยู่ จากแต่ก่อนชอบง้องแง้งว่าพวกผมไม่สนใจมัน ตอนนี้กลายเป็นมันไม่สนใจพวกผมแทน ฮ่าๆ...บางครั้งก็หายหัวไปค้างที่อื่น ไม่มีมันมากวนคอนโดก็เงียบลงไปเยอะ เพราะเรมันก็ไม่ได้ช่างพูดอะไรมากมาย
เราออกเดินทางแต่เช้าโดยมีท่อนไม้เป็นสารถี สาเหตุที่ไม่นั่งเครื่องบินเพราะผมอยากแวะเที่ยวตามทาง นานๆ หยุดยาวที เป้าหมายแรกของทริปนี้คงจะเป็นฟาร์มแถวปากช่อง ก่อนจะแวะพักกันตรงเขาใหญ่ จะสโสลไลฟ์ซึมซับบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่นี่ซักสองคืน ก็นั่นมันคือแผน ตอนนี้ผมกำลังนั่งง่วนอยู่กับการหาที่พัก ดีหน่อยที่ไม่ใช่ไฮซีซั่นห้องว่างเยอะแต่ราคานี่สิ ข้อยเวียนหัวเลย
"แม่งแพง" บ่นครับ...ดูราคาที่พักแล้วหน้ามืด คือตรงใกล้ๆ เขาใหญ่คืนละสามสี่พัน เข้าใจว่าบรรยากาศมันดี วิวงามแต่มันไม่แพงไปหน่อยหรอวะ "เข้าเมืองไปซื้อเต้นท์เถอะเรกูว่า"
"สวยไหม" ดูมัน ไม่ตอบ ถามกูกลับเฉย
"ถ้าหมายถึงรีสอร์ทที่ดูอยู่อะ สวย ในรีวิวคนก็ชมเยอะ" ว่าพลางโชวไอแพตในมือให้มันดู
"แล้วชอบไหม"
"ก็ต้องชอบสิ" ไอ้นี่ถามไม่คิด
"ก็ไป เดี๋ยวกูจ่าย" เหอะไอ้คนรวยใช้เงินไม่รู้จักคิด
"เย้...ขอบใจมึง" ก็บ่นมันในใจไปงั้น ใครจะไปปฏิเสธละ
มาถึงเป้าหมายในช่วงสายๆ เพราะไอ้เรมันพวกตีนหนักขับรถไวผมนี่หัวใจจะวายตาย เข้าเขตเขาใหญ่อากาศที่นี่แตกต่างจากกรุงเทพอย่างสิ้นเชิง จนอดไม่ได้ที่จะลดกระจกรถลงสูดอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นนำพาจิตใจให้ผ่อนคลาย เรลดความเร็วรถลงอย่างรู้งาน คว้ากล้องมาเก็บภาพไปพลาง สีเขียวของป่าแบ่งเขตชัดเจนกับท้องฟ้าแจ่มใส ให้ภาพถ่ายเบลอบ้างชัดบ้างแต่ได้อารมณ์ดี
"มึงเคยมาเที่ยวที่นี่เปล่าวะ" ผมถามเมื่อรถมาจอดยังรีสอร์ท... ที่ดูไว้
"เคย" มันตอบแค่นั้นพลางหยิบกระเปาเสื้อผ้าของเราออกจากเบาะหลัง ส่วนผมหอบกระเป๋ากล้อง กระเป๋าเลนและอุปกรณ์ยิบย่อยออกมาแต่ไอ้เรมันแย่งไปถือจนที่ตัวเหลือแค่กล้องโปรตัวเดียว
ตัวอาคารล๊อบบี้สร้างจากไม้ผสมคอนกรีตดูกลมกลืนกับวิวเขาด้านหลังแต่ยังคงความหรูหราได้อย่างน่าทึ่ง แต่ที่ถูกใจสุดๆ คงเป็นทางเดินระแนงไม้หน้ารีเซฟชั่นที่ด้านล่างเป็นบ่อน้ำ มีพืชน้ำแซมตกแต่ง ราวกับกำลังเดินบนลำธาร ทุกการออกแบบคือแบบว่าสวยเว่อร์ แถมยังมีสนามกอล์ฟ และกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ สมราคาแพงๆ ของมันนั่นแหละ
"มากี่ท่านค่ะ" พนักงานต้อนรับทักทายเสียงหวาน ก็เห็นอยู่เดินมาสอง
"สองครับ" ผมตอบ
"แล้วได้จองล่วงหน้ามาหรือเปล่า" พนักงานสาวคนเดิมถามต่อแต่สายตากับจดจ้องอยู่ที่ร่างสูงข้างตัวบอกให้รู้ว่าเธอจงใจถามใคร
"เปล่าครับ ดูรีวิวในเว็บมาเลยสนใจ" ไม่ได้เสือกนะครับ คุณคิดว่าเรมันจะตอบหรอ
"เอ่อ นี่คือรายการห้องของเราค่ะ แต่ตอนนี้ในส่วนห้องธรรมดาเต็มแล้วค่ะ จะเหลือก็แต่ที่เป็นฮอริซอนวิวสองห้อง เทอเรนสูทสำหรับที่เป็นครอบครัว แล้วก็เต็นท์ วิลล่า อันนี้จะมีแค่สี่หลังนะค่ะและมีสระว่ายน้ำส่วนตัว" พนักงานอีกคนยื่นโบวชัวร์ให้เรา บางที่ยื่นให้อ่านเอง แต่สาวเจ้าเล่นอธิบายยาวซะ รู้สึกหมั่นไส้นิดๆ กับอาการยิ้มเขินตอนมองหน้าไอ้เรของเหล่าพนัก แต่กับผมแม้จะแค่แวบเดียวแต่ก็แอบเห็นสายตาจิกๆ เหลือบมองผมก่อนที่นางจะปั้นยิ้มต่อ
ฮึ่ยยยยยย!!!! เกิดมาหล่อน้อยกว่ามัน แค้นวะ
"มึงคิดว่าไง" ผมรับมาอ่านเห็นราคาแล้วตกใจ หันไปมองหน้าคนจ่ายแบบขอความเห็น กูนอนข้างทางก็ได้มั้งถ้าจะคืนหลักหมื่นขนาดนี้ ไอ้เรชี้ที่รูปสุดท้าย "จะดีหรอวะ..."
"ส่วนตัวดี"
"เอ่อ...งั้นก็เต็นท์วิลล่าแล้วกันครับ" เอาเถอะ ซื้อความสุขครั้งหนึ่งในชีวิต "สองคืนครับ เพิ่มยังไงเดี๋ยวแจ้งอีกที"
"รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ สนใจชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสดค่ะ" เรเอี้ยวตัวให้ผมหยิบกระเป๋าตังในกระเป๋าหลังกางเกงยีนมัน รื้อเลยครับเงินของเรก็คือของมีนเงินของมีนก็คือของมีนนะครับ...เขาบอกผู้ชายที่ดีควรให้เมียเก็บตัง กรอกรายละเอียดจ่ายตังเสร็จสรรพ แต่ยังไม่ทันจะออกเดิน พนักงานกลับถามขึ้น
"คือ ห้องมันเป็นเตียงคู่นะค่ะ คือถ้ากลัวไม่สะดวกยังไง เราเปลี่ยนเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียงให้ได้นะค่ะ" เอ่อ...มันเปลี่ยนได้ด้วยหรอวะ คือเลิกพยายามเถอะคนงาม ถามให้ตายไอ้เรมันก็ไม่คุยด้วยหรอก "จะได้นอนสบายๆ ไง" เธอยิ้มอย่างรอคำตอบ แล้วก็เรก็หันไปยิ้มตอบ
"ไม่เป็นไรครับ มากับแฟนสะดวกดี" คือถ้าผมหัวเราะมันจะเสียมารยาทเปล่าวะ...ก็สองสาวทำหน้าเหวอซะขนาดนั้น มันตลกซะผมลืมเขินเลย แต่พอหันมาเจอสายตาคิมกริบที่ไอ้เรมองผมถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาขวากระตุกสงสัยคืนนี้จะเสียตัว
"เร็วดิวะเร ไปถ่ายรูปเล่นกัน เดี๋ยวมืดก่อน" ผมเร่งเรที่เปลี่ยนไปเสื้อกล้ามกางเขงขาสั้นสบายๆ ก่อนจะจูงมือมันให้เดินตาม ทิวเขาตรงนั้นก็สวย สระว่ายน้ำตรงที่พักก็งาม ดูสวนนั่นสิ...ชักจะจิตหลุดไปไกล รู้ตัวอีกทีพากันมาเดินเล่นอยู่ริวรั้วของตัวรีสอร์ท
"
เฮ้ย!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ไอ้เรก็ช้อนอุ้มในท่าเจ้าสาว "คือ...มะ มีอะไร ปล่อยกูลงเลย...เชี่ย" แล้วจู่ๆ มันก็พาผมทะยานขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำของมัน พื้นหญ้าที่ดูห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาใจหายวาบ คือกูกลัวความสูง แง...ได้แต่ซุกหน้ากับอกแกร่งพร้อมกอดคอมันแน่นเพราะกลัวตก ไม่มงไม่มองแล้วครับอย่าพาไปตายพอ
"ถึงแล้ว..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมปล่อยผมลงเบาๆ พื้นหญ้านุ่มทำให้ใจชื้นพอจะเงยหน้ามองไปรอบตัว หนองน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า กับทุ่งหญ้าและแมกไม้ของป่าเบญจพรรณทำเอาดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นตะลึงยิ้มกว้างอย่างหุบไม่อยู่
"สวย..." พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะหันมามองเรอย่างขอบคุณ ใบหน้าคมยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมาจูบเบาๆ ให้เขินเล่น
กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศไป บ้างก็ถ่ายรูปไอ้เรตอนเผลอ แฟนใครวะเท่สัดๆ ตลกตัวเองมาก ร้อยวันพันปีไม่เคยพิศวาสในตัวผู้ชายแล้วไงถึงมาตกลงปลงใจกับไอ้เรเวนตนนี้ได้ บริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น แต่เจอแดดจ้าฟ้าใสยามบ่ายก็ไม่ไหวเหงื่อเริ่มมา มองดูหนองน้ำกว้าง มันใสซะจนมองเห็นกรวดข้างใต้ เห็นแล้วอยากลงไปว่ายดูจัง ตั้งแต่กลับจากทะเลผมลองกลายร่างเป็นเงือกบ้าง ในอ่างที่คอนโดแต่ยังมีปัญหากับการคืนร่าง แต่ก็สามารถตั้งสมาธิทำได้เองในบางครั้งแต่นั่นก็ยังทำให้ผมคิดหนักว่าจะลงเล่นน้ำดีหรือเปล่า
"อยากเล่นก็เล่น แถวนี้ไม่มีคน" ไอ้เรบอกพลางถอดเสื้อกล้ามวางรองพื้นก่อนจะดึงกล้องจากมือผมไปวาง ตามด้วยแว่น โทรศัพท์และกระเป๋าตัง
"เอ่อ...หันไปทางอื่นหน่อยดิ" ผมจะถอดเสื้อผ้าไง แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นกลับเอาแต่จ้องจนรู้สึกประหม่า "หันไปๆ กูอายย" เดาว่าหน้าผมคงแดงแปรดเลยตอนนี้
"ทำอย่างกับกูไม่เคยเห็น หึๆ"
"กูไม่ได้หน้าด้านแบบมึง!!!!" ยัง...มันยังจะยิ้ม คนด่าไม่ได้รู้สึกเลย "เร...งือ ขอร้องเหอะ..." แล้วมันก็ยอมหันไป ถอดไปแอบมองมันแบบระแวงไป พอหมดพันธนาการผมรีบกระโจนลงน้ำในทันที
น้ำเย็นสดชื่ออย่างที่คิด ความรู้สึกเจ็บปลาบแผ่กระจายเพราะร่างกายที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหางซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีมุกแวววาวสะแสงอาทิตย์ ผมดำผุดดำว่ายเพื่อให้ชินกับการบังคับร่างกาย รู้สึกอิสระเป็นบ้าเลย ผมว่ายไปยังโขดหินกลางน้ำที่มีมอสปกคลุมก่อนจะยกตัวขึ้นนั่งตีหางกับน้ำเล่น...หันไปมองเรที่ตอนนี้กำลังสนอกสนใจภาพในกล้องสลับกับมองตามผม ไอ้ท่าทางนิ่งๆ นั่นชวนให้นึกอะไรเจ๋งๆ ได้
"เฮ้ย!!! เร มาดูนี่ดิ" ผมตะโกนข้ามไป ทำท่าถืออะไรไว้ในมือ แสร้งมองมืออย่างสนอกสนใจ ใจผมนะอยากให้มันโดดลงน้ำว่ายมาดูแต่พี่ท่านกลับกางปีกบินมาหา "เนี่ยดู..." พอมันเข้าใกล้พอเอื้อมดึงผมจัดการคว้าแขนมันลากลงน้ำไปด้วยกัน
ตูม!!!! ซ่า!!!!! เราทั้งคู่เอนตกลงไปในน้ำ เรดูตกใจเล็กน้อยแล้วทำท่าเหมือนนึกได้จึงยิ้มออก ผมว่ายวนรอบๆ ตัวมัน หยอกล้อ ให้มันว่ายตาม แขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอวเมื่อมันไล่ทัน หมุนตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้า นันย์ตาสีน้ำเงินจ้องลึกลงมาทำเอาผมหยุดชะงัก ไม่ว่ากี่ครั้งดวงตาของมันก็สะกดผมได้เสมอ ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจทุกความรู้สึกของเรถูกถ่ายทอดผ่าแก้วสีน้ำเงินล้ำลึกลงสู่ใจ เมื่อรวมกับบรรยากาศรอบตัวซึ่งงดงามราวกับเทพนิยาย แผ่นน้ำ ผืนป่า และทิวเขา หยุดเวลาของเราไว้ตรงนี้
"ขอบคุณนะ..." ผมบอกเสียงแผ่ว คิ้วหน้าเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยแต่ก็ยิ้มรับ ในหัวมันว่างเปล่าจนนึกไม่ออกว่าอยากขอบคุณมันเรื่องอะไร...หรืออาจจะเป็นทุกๆ เรื่องที่มันทำให้ "เร..."
"กูก็ ขอบคุณ" มันพูดออกบ้าง มือกร้านเกลี่ยเบาๆ ที่ข้างแก้มจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า "ที่เข้ามาในชีวิตกู" ก่อนที่มันจะดึงผมเข้าไปจูบ ริมฝีปากร้อนบรรจงจูบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนิบช้าแต่ดูดดื่ม จิตใจล่องลอยไปไกลกับความอ่อนหวานของมัน แขนแกร่งโอบเอวไว้หลวมๆ เผลอโอบแขนคล้องคอมันอย่างลืมตัว ไอ้เรเริ่มจะซนแต่การประคองตัวให้ลอยบนผิวน้ำมันจึงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากลูบไล้ไปตามแผ่นหลังให้ผมสยิวเล่น ริมฝีปากร้อนถอนจูบอย่างเสียดายไม่วายพรมจูบไปทั่วหน้าทิ้งท้ายก่อนจะยอมผละออกแต่โดยดี
อย่าคิดว่าคนอย่างเรจะหยุดแค่นี้ ร่างสูงรั้งกายขึ้นนั่งบนโขดหินกลางน้ำแล้วดึงผมตามขึ้นไปนั่งบนตักมัน ไม่รู้ว่าตัวผมเบาหรือมันแรงควายถึงได้ถูกมันจับอุ้มราวกับตุ๊กตา แขนแกร่งกอดเอวผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างเชยคางผมให้เงยขึ้นรับจูบเร่าร้อนเอาแต่ใจของมัน จูบเก่งนักใช่ไหม...หึ ดวลกันซักหน่อยเหอะ ถึงผมจะไม่ได้เทพ แต่คนเรามันต้องเรียนรู้ ลิ้นร้อนหยอกล้อในเรียวปาก เกี่ยวกระหวัดราวกับกระหายในตัวของกันและกัน มือกร้านที่บีบคลึงสะโพกหนักเตือนถึงห้วงอารมณ์ของมันที่เลยเถิดมาไกล
"เร...นี่มัน กลางแจ้งเลยนะเว้ย" ผมดันอกแกร่งออกอย่างตระหนกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
"ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอกน่า...ไม่มีคนเห็นหรอก" มันแย้ง
"แต่มึง...แบบว่ามัน..."
"เมื่อคืนมึงยังใจร้ายกับกูไม่พอหรอ ฮึ" เสียงทุ้มตัดพ้อ ดูทำหน้าเข้าสิ ผมควรรู้สึกผิดไหม
"มึงหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า" ผมแขวะอย่างนึกหมั่นไส้
"หึ...ก็อยากเฉพาะกับมึงเท่านั้นแหละ" ใบหน้าคมยิ้มร้ายพลางไล้มือไปบนแผ่นอกผมเบาๆ ให้สะท้านเล่น "ก็มึงน่ากินขนาดนี้ กูทนไม่กดมึงจนหมดช่วงสอบได้นี่สุดๆ แล้ว สงสารผมเถอะนะ ที่รัก"
อ๊ากกก...แล้วทำไมต้องมากระซิบข้างหูด้วยเสียงเซ็กซี่แบบนั้นด้วยเล่า ปกติถามคำตอบคำที่ไอ้เรื่องอย่างว่านี่มึงขยันต่อรองจังนะ
"มึงนี่...แม่ง...." ไม่รู้จะด่าคำใด จึงได้แต่เงียบหลบตามัน
"มีนครับ" ไม่ต้องมาพูดเพราะเลย "นะครับ" คิดว่าจะใจอ่อนหรอ "ไม่ตอบกูปล้ำแล้วนะครับ"
"เชี่ย...จะทำอะไรก็ทำ จะเย็นแล้วเนี่ย เดี๋ยวมืดก่อนหรอก" ผมวีน
ผมตั้งสติเปลี่ยนหางให้กลับคืนร่างเดิมจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันไว้ในตอนนี้ บทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้งจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามตัว บ้างขบเม้ม กดจูบทิ้งรอยไว้ทั่ว ลมหายใจของผมสะดุดในทุกครั้งที่ถูกสัมผัส เผลอครางชวนให้รู้สึกกระดากจนต้องกัดริมฝีปากห้ามเสียงไว้ ทอดมองลำตัวหน้าลูบไล้ไปตามอกแกร่งอย่างหลงใหลและชื่นชม ลูบต่ำลงผ่านกล้ามท้องที่เรียงตัวกันดูสวยงามจนนึกอิจฉา ก่อนจะดึงรั้งขอบกางเกงขาสั้นและกางชั้นในของร่างสูงลงให้ความแข็งแกร่งปรากฏต่อสายตา ผมได้แต่มองเรน้อยอย่างอึ้งๆ เมื่อนึกถึงยามที่มันอยู่ในร่างของผมแล้วอารมณ์มันขึ้น มีนหัดเป็นคนจังไรตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
"หึๆ...อย่าเอาแต่มองสิ" เรว่าขำๆ พร้อมดึงมือผมไปรวบของเราทั้งคู่แลวบังคับให้ขยับรูด
"อ๊ะ...เร" เสียวสัด รู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติส่วนหนึ่งเพราะเราอยู่ในที่โล่ง ทำไอ้ใจเต้นแรงแทบทะลุจากอก ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวสอดลึกเข้ามาในกาย หมุนวนกดเค้นอย่างรู้จุดทำเอาผมร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่
"ขอโทษนะ"
???? "โอ๊ย...เร อ๊ะ เบา...ฮึก" ผมร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาร่วงด้วยความทรมานเมื่ออีกฝ่ายขยับกายอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บ ทั้งเสียว เหมือนทุกความรู้สึกมันโถมเข้ามาจนเกินจะครองสติได้ ถึงอากาศจะเย็นแต่ภายในกลับร้อนรุ่มจนเหงื่อโทรมกายสองมือไขว่คว้าร่างหนามากอดไว้เป็นหลักยึด ท่อนเนื้อร้อนที่เสียดสีด้านใน กระแทกย้ำๆ ตรงจุดกระสันจนต้องจิกข่วนแผ่นหลังของเรเพื่อระบายอารมณ์ เสียงทุ้มครางต่ำที่ข้างหูกระตุ้นความอยากจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าเรจะทำให้ผมจมดิ่งได้ขนาดนี้ หรือเพราะเรากำลังทำกับคนที่รักมันจึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกเติมเต็มทั้งกายและใจ เหมือนที่เขาว่าเซ็กซ์กับเมคเลิฟนั้นต่างกัน
"เร...อ๊ะ" ร่างทั้งร่างสั่นเกร็งเพราะความรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อเอวหนากระแทกกระทันเร็วรัวจนร่างสั่นคลอนไปตามแรง มือทั้งสองที่บดขยี้ยอดอกจนผมบิดเร่าอย่างซาบซ่าน
"พร้อมกัน....อา..." เรพรมจูบไปทั่วหน้าก่อนจะจบที่ริมฝีปากผมด้วยจูบหนักๆ เร่งเร้าทุกสัมผัสจนพาเรามาถึงจุดสิ้นสุดพร้อมๆ กัน ภายในเต็มตื้นจนเอ่อล้น ผมฟุบหน้าลงกับไหล่หนา หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เรจูบขมับ แล้วนิ่งกอดผมไว้อยู่แบบนั้น
"อ๊ะ" แก่นกายถูกถอนออกพร้อมอะไรๆ ที่ไหลเลาะตามมา
"มึงโอเคไหม" มันถามอย่างนึกห่วงพลางลูบหัวผมเบาๆ
"กูเหนื่อย...พักแปป"
"กลับไหม เย็นแล้วเดี๋ยวจะมืดก่อน" มองฟ้า พระอาทิตย์เริ่มตกดิน คงใกล้เวลากลับอย่างมันว่า แต่สายตาที่มึงมองมานี่สิ
"เร...กูรู้นะมึงคิดอะไร" โอ๊ย... ...งือ...เขินจะตายอยู่แล้วเนี่ยเหนื่อยแถมเริ่มหิวแล้วด้วย
"หรือเมียอยากจะเอาท์ดอร์ อีกซักรอบ"
"ไอ้จังไร...ทะลึ่งวะ...ไอ้ๆ..." ผมวักน้ำใส่หน้าคมที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้ ไอ้ที่หน้าแดงเนี่ยไม่รู้โมโหหรืออาย "กลับสิ...แม่ง" มืดแล้วยุงจะเยอะ ยิ่งผิวบางๆ แค่รอยจูบมึงกูก็ลายทั้งตัวแล้วเนี่ย....อยากจะร้องไห้
"หึๆๆ" มึงจะหัวเราะเพื่อ!!?
เรพาผมกลับมาถึงรีสอร์ทก็มืดพอดี เราตัดสินใจจะสั่งอาหารมาทานที่พักเพราะผมขี้เกียจ ที่นี่มีห้องอาหารญี่ปุ่นระดับห้าดาว ส่วนตัวคิดว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศแห่งขุนเขาดีนะ แบบทานอาหารแล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติตามปรัชญาเซน ผมสั่งปลาซาบะย่างซีอิ้ว ปลาดิบรวมเซตใหญ่ แซลมอนยำ ไข่ปลาแซลม่อนห่อสาหร่าย ปลาโอ แล้วก็สารพัดเมนูปลา จนไอ้เรแซวว่าผมทรยศต่อเผ่าพันธุ์ ก็คนมันชอบทำไงได้
เราใช้เวลาวันที่สองทำโน่นเล่นนี่ เป็นกิจกรรมที่มีให้บริการในรีสอร์ท ปั่นจักรยานไปรอบๆ หัดขี่ม้า เก็บผลไม้สดๆ จากไร่มากินเอง โดยรวมก็สนุกดี ส่วนตอนกลางคืนเป็นคิวของคุณชายท่านเล่นผมซะหนำใจ ทริปนี้ไอ้เรเวนหื่นเปลืองตัง ส่วนน้องมีนผู้น่าสงสารเปลืองตัว...คิดซะว่ามาฮันนีมูน...เรมันว่างั้น
เราออกเดินทางต่อในเช้าวันที่สาม ผมมีบ้านอยู่สองหลังครับ หลังหนึ่งอยู่ในตัวอำเภอตรงที่พ่อเปิดร้านขายอะไหล่ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านพักต่างอากาศอยู่ริมโขง ในวันหยุดยาวผมมักใช้เวลาที่บ้านหลังนั้นเพราะผมชอบว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าจะแวบไปให้ปู่ย่าเห็นหน้าพอหายคิดถึง อ้อนป๋า พาไอ้เรเที่ยวในเมือง แล้วค่อยหลบไปทำตัวอาร์ตที่บ้านริมโขง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับบนรถเพราะสูญสิ้นพลังงานไปมากเมื่อคืน แรงกระชากของรถทำผมสะดุ้งตื่น
"อะไร!!!!" ผมหันไปถามคนขับอย่างตกใจ
"มีคนตามเรามา" เรบอกพลางเพ่งมองถนนพร้อมเพิ่มความเร็วจนหลังผมติดเบาะ หันไปมองด้านหลังรถแวนสีดำสองคันกำลังไล่หลังมาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน กระทิงดุควบทะยานไปตามถนนโดยมีแรนโลเวอร์สองคันเกาะตามมาติดๆ ใกล้พ้นเขตทางเลี่ยงเมืองซึ่งข้างหน้าเป็นทางหลวงชนบน แม้จะลาดยางแต่ก็โค้งงอจนหน้าตกใจ
"พวกไหน"
"เดาว่า ซาโตนี่...จับดีๆ นะมีน"
"เร! ระวัง" ผมร้องลั่นเมื่อสิบล้อเลนตรงข้ามขับแซงขึ้นมาเลนเรา ตายๆๆๆ ผมเบิกตามองก้อนโลหะขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งมาหาเราอย่างตื่นกลัว ด้วยความเร็วกว่าสองร้อยไม่มีทางที่จะเบรกทันแน่ เรหักหลบลงข้างทาง
"
มีน!!!!" ไวเกินความคิดเมื่อเรปลดเข็มขัดตัวเองและผมออกจากที่นั่งแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้รถเราพลิกคว่ำลงข้างทางจนร่างของเรากระแทกแรงภายในห้องโดยสารโดยมีตัวของเรรองรับร่างผมเอาไว้
ปัง!!!! เสียงปะทะดังสะนั่นเมื่อตัวรถกระแทกเข้ากับต้นยางใหญ่ข้างทางจนยับเยิน แรงกระแทกละแรงเหวียงทำเอาสมองพล่าเบลอ รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง หากไม่มีเรโอบกอดไว้ผมแหลกเป็นชิ้นๆ
"เร..." ใบหน้าคมที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดมองตอบผมแต่มันช่างพล่าเบลอ
"กู...ไม่เป็นไร" เสียงมันสั่นและดูฝืนเต็มที
"เร...เร" ผมพยายามฝืนเรียกอีกคนแม้สติจะเรือนราง กลัวจับใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หากผมต้องหลับไป
"ไม่ต้องกลัวนะ กูไม่ทิ้งมึงหรอก" แต่เหมือนร่างกายไม่ฟังคำสั่งใด เพระทุกอย่างดับวูบไปเมื่อสิ้นคำพูดของมัน
Talk Talk
[/b]
-ขอประทานอภัยที่หายหน้าไปเนื่องจากงานรับปริญญา หมดแรง หมดตัง หมดตัวเลยทีเดียว และมันยังเป็นผลต่อเนื่องไปจนถึงงานที่กองเต้มโต๊ะเจียนจะเป็นลมเนื่องจากลาหลายวัน

เค้าขอโทษจริงๆ สำหรับความล่าช้านี้

-ขอไถ่โทษด้วยรูปแฝดน้องแล้วกันเนอะ

-เลิฟ เลิฟ มาหลายตอนเข้าโหมดจริงจังกันซักที

-สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ และอย่าลืมไปเยี่ยมชมนิยายเรื่องแรกของเราได้ที่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47290.0กับเรื่อง Night Knight อัศวินรัติกาล
-ปีใหม่นี้สมหวังในทุกอย่าง พอใจกับสิ่งที่เป็น แล้วความสุขจะมาเอง สำหรับคนที่มีความฝัน อยากทำอะไรทำซะ ต่อให้ถูกด่าว่าไร้สาระ จงศรัทธา และเชื่อมั่นในเป้าหมายตน ไม่มีใครชอบเหมือนเราทุกคน ทำให้ดีที่สุด YOLO every one