★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58  (อ่าน 55945 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
จงตอบเยสสส


ปอลอ ใครโพสต์ข้อความนั่นนิ เป็นการกล่าวถึงคนอื่น แต่ดีคิดไปเองว่าเค้าว่าตัวดีป่ะคะ?

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตกลงนะดีๆๆๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 21)



บทที่ 21 ถ้า
   




“ที่พี่ไปหาดีบ่อยๆ ที่คอยหยอดให้เขิน ที่พูดบ่อย ไม่รู้ว่าดีจะเชื่อหรือเปล่า แต่จะพูดอีกครั้ง ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าดีไม่ตอบพี่คงไม่ไปรบกวนดีอีก...


พี่ชอบดี เป็นแฟนพี่นะครับ”






น้ำยิ้มบางๆ ที่มุมปากหลังจากได้กล่าวคำสารภาพออกไป
   





ช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้นไม่นานแต่ในความรู้สึกของเขานั้นยาวนานพอๆ กับที่ได้รู้จักกับคนตรงหน้า
    



ตึก!




ตึกตัก!



ตึกตัก!  ตึกตัก!


เสียงก้อนเนื้อในอกค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นจนดังระรัวก้องอยู่ภายทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น้ำพูดจบ




สมองของเขาไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัวแต่กลับประมวลเหตุการณ์ทุกฉากทุกตอนที่ผ่านมา ทุกเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับกับผู้ชายที่ชื่อน้ำไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิด






ในวันที่เขาเลิกเรียนค่ำ ก็มีคนๆ นี้นั่งรออยู่เพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อถามว่ามารอทำไม น้ำไม่ตอบอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าจากการเรียนและการทำงานของเขาเบาบางลงไป คงเพราะไม่เคยมีใครมานั่งรอเขาอย่างนี้ เขาเลยรู้สึกประทับใจน้ำขึ้นมานิดหน่อย


แค่นิดหน่อยนะ จริงๆ





ตึกตัก!





ในวันฝนตก ระหว่างติดฝนอยู่ใต้อาคารเรียนและนึกเซ็งตัวเองที่ดันลืมหยิบร่มมาด้วยทั้งๆ ที่ยัยซีกำชับหนักหนา คนๆ นี้โผล่มาจากไหนไม่ทราบ ถือร่มคันใหญ่พร้อมส่งรอยยิ้มกว้างซึ่งเริ่มคุ้นตามาให้ ความหนาวเย็นจากละอองฝนก็ถูกรอยยิ้มอบอุ่นนั้นขับไล่แทบจะหายไปทันที

ภายใต้ร่มเดียวกันคำถามว่า 'ทำไม' ถูกถามออกไปจากปากของเขาอีกครั้ง



“คิดไว้แล้วว่าต้องลืมร่มแน่ๆ พี่เลยพกร่มคันใหญ่มารับดีกลับด้วยกันนี่แหละ”




ตึกตัก!
   



มันเป็นเพราะไม่เคยมีใครคิดถึงเขามากขนาดน้ำมาก่อน เวลานั้นหัวใจของเขาจึงเต้นผิดจังหวะ สะดุดกับถ้อยคำที่แสดงความห่วงใยนั้นเหลือเกิน






ในวันแดดร้อน คนตัวสูงกว่าพยายามเดินนำหน้าเขาตลอด ไม่เดินข้างกันเหมือนเคย เมื่อถามว่าทำไมรีบเดิน คำตอบนั้นสะท้อนก้องกลับไปมาในความทรงจำ




“เงาของพี่จะได้บังแดดให้ดีไง”





ตึกตัก!




นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นรัวดังก้องในหูแล้ว อากาศวันนั้นต้องร้อนมากแน่ๆ น้ำจึงคว้าแขนเขาให้หยุดพักดื่มน้ำ เอาสมุดออกมาพัด และเอื้อมมือมาวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเขาพลางบ่นว่าไม่น่าชวนออกมาเลย เขาคงแพ้แดดแรงๆ แน่ ตอนนี้ใบหน้าของเขาร้อนเห่อและแดงก่ำไปหมด




ตึกตัก!




ตึกตัก!   ตึกตัก!




ตึกตัก!  ตึกตัก!   ตึกตัก!







เสียงหัวใจที่เต้นรัวในวันนี้ตอนนี้ดังกว่าทุกครั้งที่เคย จนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเอาง่ายๆ
เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของของตนร้อนเห่อและคงจะแดงก่ำราวกับเป็นไข้






ตึกตัก!




ตึกตัก!   ตึกตัก!



ตึกตัก!  ตึกตัก!   ตึกตัก!




หัวใจคงเต้นรัวไม่หยุด เจ็บจนต้องยกมือทั้งสองข้างกดเอาไว้ ด้วยเกรงว่าจะกระดอนออกมาเสียก่อน






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘รู้’ ว่าสิ่งที่น้ำทำมาตลอดคืออะไรก็คงโง่เต็มที






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘รู้สึก’ อะไรกับสิ่งที่น้ำทำหัวใจก็คงจะด้านชาเกินไป






ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘มองหา’ เมื่อคนตรงหน้าหายไปก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘เป็นห่วง’  ..พี่น้ำ.. วันที่เขากระวนกระวายเมื่อไม่เจอหน้ากันในเวลานัดคืออะไร





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘ไว้ใจ’ การที่เขาไปไหนมาไหนด้วยตามลำพักเสมอในช่วงหลังๆ คืออะไร





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘สนใจ’ คนตรงหน้า แสดงเขากำลังโกหก





ถ้าบอกว่าไม่เคย ‘คิดถึง’ คนๆ นี้ ยัยซีคงตะโกนใส่หน้าเขาว่า ‘ขี้จุ๊’





มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองเสียที





เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะสูญเสีย






และสำหรับ ‘พี่น้ำ’ เขาคงไม่มีวันพร้อม





“...ดี”


น้ำเอ่ยชื่อคนที่กำลังหน้าแดง ยกสองมือขึ้นกดหน้าอกด้านซ้ายของตนเองไว้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเว้าวอน


ท่าทางของดีบอกเขาว่าเขาจะไม่ได้รับการปฏิเสธ ใช่ไหม



“...ดีครับ”



ดีไม่ตอบทำเหมือนไม่ได้ยิน




“น้องดี”




“..ครับ”  ใบหน้าแดงนั้นทวีความแดงขึ้นไปอีก ดีคิดว่าเลือดทั้งหมดในตัวเขาคงไหลไปกองรวมกันบนหน้าแห่งเดียวเป็นแน่
น้ำยิ้มกว้างจนดีที่เหลือบสายตามองนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด



“จะเป็นไรไหม ถ้าพี่จะถือว่า ครับ เมื่อกี้คือคำตอบของคำถาม”



“เฮ้ย...เล่นงี้เลยอะนะ”

พอแล้ว! หมดเวลาเขิน ไอ้พี่น้ำเจ้าเล่ห์เกินไปไหม


“นะ ถึงยังไงก็ไม่ปฏิเสธให้พี่เสียใจอยู่แล้วใช่ป่าว”


“ใครบอก”

ดีเลิกก้มหน้างุด ใบหน้าที่แดงกำเมื่อครู่หายวับไป มองคนสูงกว่าตาขวาง





“หัวใจบอก...คนที่ใจตรงกันเข้าใจกันเสมอแหละดี”

ตาของน้ำพราวระยับ ยิ้มกว้างชนิดที่ถ้าหวานมาเห็นคงบอกว่า ‘ปากจะฉีกถึงหู’



“กล้ามาก”



“ครูไม่เคยสอนหรือไง”

น้ำตีหน้าดุใส่คนที่ยังมองเขาตาขวาง

“อะไร”



“อายครูไม่รู้วิชา...อาย ภะ..” ก่อนที่น้ำจะพูดจบดีกระโดดเอามือปิดปากไอ้พี่น้ำทันใด

   
“เงียบไปเลย”  ใบหน้าแดงก่ำกลับมาสู่สายตาของน้ำอีกครั้งราวกับเปิดสวิตช์

   
“อื้อ...”  น้ำทำตาละห้อย ดีจึงปล่อยมือทั้งสองข้างออก

“ห้ามพูด”  ดีกำชับเมื่อเห็นว่าน้ำขยับริมฝีปาก

“...”

คนตัวผอมกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ สูดหายใจลึก แล้วจึงเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจแต่ในเมื่อเลือกที่จะยอมรับความรู้สึกของตนเองแล้ว เขาก็เดินหน้า

“พี่น้ำ...” น้ำตาโตเมื่อได้ยินดีเรียกชื่อของตนเอง จะอ้าปากดีก็บอกให้เงียบ เขาจึงรอ คอยฟังสิ่งที่ดีจะพูด


“กู...เออ...ดีเป็นคนยังไงพี่น้ำก็คงรู้แล้ว ถ้าดีเป็นอย่างนี้ต่อไป จะยังรับได้ไหม...ดีเป็นเด็กมีปัญหา ต้องการความรักความอบอุ่น ... เคยถูกทิ้งมาแล้ว มันยากที่จะเชื่อใจใครอีกสักครั้ง...ดีแค่กลัว...พี่น้ำจะรับได้ ไม่ทิ้งกันไปใช่ไหม...ดีขี้หวง ไร้เหตุผลจะทนได้ใช่ไหม...ถ้าดีเอาแต่ใจกว่านี้ นิสัยแย่สุดๆ กว่านี้จะยังเข้าใจอยู่ไหม...ถ้าดีงี่เง่า จะไม่ตะโกนใส่ แล้วก็เดินหันหลังจากไปใช่ไหม...จะยังห่วง จะยังดูแล จะยังรักดีแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า...”


ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ที่ปกติน้อยคำนักจะเปล่งเสียงออกมา ดวงตาของดีมองตรงมาที่เขามีน้ำตาคลอน้อยๆ
 
คนได้ยินไม่เคยรู้เลยว่าท่าทีนิ่งสนิทของดีมีอะไรซ่อนอยู่
ในหัวเล็กๆ นั่น คิดอะไรมากมายขนาดไหน

อดีตที่ผ่านมาของสองพี่น้อง เขารับรู้จากคำบอกเล่าของหวานที่ฟังมาจากซีอีกที

หัวใจของดีเคยได้รับความเจ็บปวดมามากมายเพียงใด ... เขาไม่เคยรู้เลย



“เวลาที่เรารู้จักกันอาจไม่มากพอที่พี่จะแสดงให้ดีเห็นความรู้สึกของพี่ที่มีต่อดี วันนี้ดีอาจจะยังไม่พร้อมที่จะตกลงเป็นแฟนกัน พี่จะไม่เร่งรัดดีหรอกนะ ขอเวลาให้พี่มากกว่านี้ จนวันที่ดีพร้อมแล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ก็ได้ พี่รอดีได้เสมอนะ”


รอยยิ้มของน้ำยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันจนถึงวันนี้ ที่เขาได้พูดความรู้สึกของตนเองออกมา เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยบอกกับใครแม้แต่กับซี แต่เขาก็รู้ว่าทั้งเขาและซีนั้นมีความรู้สึกเหล่านี้ร่วมกันมาตลอด เพียงแต่หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเท่านั้น



ดีสูดลมหายใจเข้าลึก

ถ้าเขาพูดไปขนาดนี้แล้ว...ยังจะเป็นคนดีได้อีก



“พี่น้ำ...เป็นแฟนดีเนี่ย ไม่ต้องเป็นคนดีสมชื่อขนาดนั้นก็ได้”



“..อื้ม ครับ... เอ้ย... ดีพูดว่าไงนะ”


“ไม่ได้ยินก็รอต่อไปเถอะ ไอ้พี่น้ำ”  ดีหมุนตัวหันหลังหมายจะเดินกลับไปตลาดที่เดินข้ามถนนมา สองสาวยืนจ้องพวกเขาอย่างไม่ปิดบังความอยากรู้เลยสักนิดโบกไม้กลักมือเรียกหยอยๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม





“เดี๋ยวสิดี”  น้ำเดินตามเขามาติดๆ




ด้วยความรีบร้อนน้ำจึงข้ามถนนตามคนผอมมาติดๆ โดยไม่ได้มองซ้ายขวา





“พี่น้ำ ระวัง!!!!”





สองสาวตะโกนออกมาพร้อมกันเสียงดัง จนดีตกใจหันกลับไปมองคนที่เดินตามมา






หัวใจที่กำลังเต้นรัวของเขาสะดุด
ราวกับจะหยุดเต้น 







To be continued...
------------------------------------------
[27/11/2558]
คุณ BlueCherries  o13
ไม่กล้าตอบเลย 5555

น้องดีก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้วสิเนอะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
 :mew1:
Lavender's blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:49:57 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :serius2: ม่ายยยยยย

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เอร้ยย เป็นแฟนหมาดๆ
พี่น้ำอย่าเป็นอะไรไปนะ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :sad4: :sad4: พี่น้ำอย่าเป็นอะไรนะ 

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 22)



ตอนที่ 22 ฝันร้าย (1)




“พี่น้ำ ระวัง!!!”







โครม!!





รถมอเตอร์ไซด์ที่จู่ๆ ก็โผล่มาด้วยความเร็วล้มลงไปพร้อมกับน้ำที่ถูกชนเข้าอย่างจัง



เขานึกว่าหัวใจจะหยุดเต้นเสียแล้ว


.

.

.


โรงพยาบาลยังคงวุ่นวายเหมือนทุกครั้ง ยิ่งภายในห้องฉุกเฉินด้วยแล้วคนชุดขาวเดินไปมาจนน่าเวียนหัว เตียงพยาบาลเตียงแล้วเตียงเล่าถูกเข็นผ่านพวกเขาไป 

กลิ่นคาวเลือด กลิ่นยา ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลมหายใจติดขัด

ความเจ็บปวด ความโศกเศร้าพัดผ่านเขาไปเป็นละลอก แล้วเวียนกลับมาปะทะอีกซ้ำไปมา


เขาไม่ชอบโรงพยาบาลเอาเสียเลย







“พี่ดี นั่งก่อนไหมคะ”

หวานถามคนที่ยืนอยู่ น้ำโดนรถมอเตอร์ไซด์เฉี่ยว ล้มหัวแตก และมีบาดแผลตามตัวอีกเล็กน้อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตกลงเรื่องอุบัติเหตุกับคู่กรณีได้อย่างราบรื่น พวกเขานั่งรอน้ำทำแผลที่หน้าห้องฉุกเฉิน ซีนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกข้างๆ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ ขบริมฝีปากจนห้อเลือด ท่าทางเหมือนกับพี่ดีไม่ผิด

“...พี่ยืนรอดีกว่า” ใบหน้าของพี่ดีที่หวานเห็นซีดกว่าปกติ เธอที่เป็นน้องสาวของน้ำยังไม่แสดงอาการห่วงพี่ชายเหมือนที่ทั้งสองคนทำอยู่เลย ...คงจะเป็นห่วงพี่น้ำกันมาก

“ซี...” หวานเห็นเพื่อนนิ่งผิดปกติจึงเอื้อมมือไปจับตัว

“ตายแล้ว ทำไมตัวเย็นอย่างนี้...ซี...ซี” หวานร้องออกมาเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายของเพื่อนสนิท เขย่าตัวซีเบาๆ พร้อมเรียกชื่อ


ดีหันขวับแล้วรีบเดินเข้ามาใกล้ทำท่าให้หวานหยุดแล้วโน้มตัวลงกอดน้องสาว กระซิบพูดเสียงอ่อนหวานอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเบาๆ ตรงข้างขมับ

“พี่อยู่นี่ซี... พี่ดีของซีอยู่กับซีตรงนี้...ซีไม่ได้อยู่คนเดียวนะ...พี่น้ำไม่ได้ไปไหน ไปหาหมออยู่ เดี๋ยวก็มา...ซีกลับมา...กลับมาอยู่กับพี่นะ...อย่าทิ้งพี่...ซีจ๋า...ซีครับ...พี่ดีรอซีอยู่นะ...พี่กอดซีแน่นๆ อย่างนี้ไม่มีใครอะไรซีได้หรอก...โอ๋ๆ น้องซีของพี่ดีนะ...อุ่นขึ้นหรือยัง...ซีจ๋า เดี๋ยวพอพี่น้ำกลับมาแล้วเจอซีเป็นอย่างนี้แล้วพี่น้ำจะไม่สบายใจนะ ...เห็นไหมหวานก็เป็นห่วงซีนะ...ซี พี่น้ำ พี่ดีแล้วก็หวานรักซีนะ...ไม่ทิ้งซีไปหรอก...ซีกลับมาอยู่ด้วยกันนะ...ซี”

พี่ดีพูดกับซีเสียงอ่อนโยนพร้อมกับกอดซีแน่นแล้วโยกตัวคนในอ้อมกอดไปมาเหมือนกล่อมเด็กน้อย เพื่อนของเธอเหมือนจะรู้ตัวกอดตอบพี่ชายของตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่นานเสียงสะอื้นที่แทบจะไม่ได้ยินก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโฮมาพร้อมกับน้ำตาจำนวนมาก

เธอที่ยืนดูอยู่สัมผัสได้ถึงความปวดร้าวจากสองพี่น้อง สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือเข้าไปกอดพี่ดีและซีด้วยอีกคน ทั้งสามคนกอดกันกลม จนรู้สึกตัวอุณหภูมิของซีกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวก็หัวเราะออกมาเบาๆ ปนน้ำตา

“หัวเราะได้แล้วใช่ไหม ตัวยุ่ง” พี่ดีคลายอ้อมกอด มือลูบหัวน้องสาวแผ่วเบา

“ขอบคุณนะพี่ดี...ซีกลัว กลัวว่าพี่น้ำจะเป็นอะไร”  หวานยังคงกอดแขนซีไว้ไม่ปล่อย เพื่อนสนิทที่เธอคิดว่าเข้มแข็งมาตลอดในวันนี้กลับมีน้ำตาเพราะความเป็นห่วงพี่ชายของเธอ ทำให้เธอซาบซึ้งในความห่วงใยเหลือเกิน

“พี่น้ำไม่เป็นไรสักหน่อย หมอก็บอกแล้วว่าหัวแตกนิดหน่อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” หวานไม่ได้บอกความรู้สึกของเธอออกไปแต่กลับเลือกที่จะปลอบใจแทน พลางเช็ดน้ำตาให้เพื่อน

ทั้งที่คราบน้ำตาเต็มแก้ม  ดวงตาของซีเปล่งประกายระยับ กลับมาเป็นซีคนร่าเริงอีกครั้ง




“พี่ดีนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหวานพาซีไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย พี่ดีหิวไหมเดี๋ยวซื้อขนมมาให้”
ดีส่ายหน้า หวานจึงเดินจูงมือซีออกไป

เขามองสองสาวเดินไป รอยยิ้มบางเบาเกิดขึ้นที่มุมปาก ซีกลับมามีชีวิตชีวาเพราะเพื่อนคนนี้ เขาไม่รู้จะขอบคุณหวานอย่างไรกับมิตรภาพที่เธอมอบให้น้องสาวของเขา และยังความห่วงใยที่มีเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย

เมื่อทราบว่าน้ำไม่ได้รับอันตรายอย่างที่เป็นกังวลเขาก็โล่งใจขึ้นมาก
ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวคือรอคอยเท่านั้น...ที่เขาไม่ชอบยิ่งกว่าโรงพยาบาล








“สวัสดีน้องดี”


ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งมาหยุดตรงหน้าคนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ ดีเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับรอยยิ้มอ่อนโยน อบอุ่น สว่างไสวเจิดจ้าเหมือนกับเสื้อคลุมสีขาวที่เขาสวมอยู่

“คุณหมอ สวัสดีครับ” หมอรับไหว้ดี ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ดีไม่มาหาหมอบ้างเลย”

“...เอ่อ...พอดีว่า...”  เขายิ้มค้าง มันเป็นอารมณ์กึ่งยินดีกึ่งหวาดกลัว

“ฮ่าๆ  ไม่เป็นไรหรอกหมอล้อเล่น...คนที่สบายดีจะมาหาหมอได้ไงจริงไหม...ว่าไปแล้วหมอดีใจนะที่หมอไม่เจอดีอีก...สบายดีแล้วใช่ไหมเรา แล้วมาทำอะไรที่นี่ละ”

ดีระบายลมหายใจที่เผลอกลั้นไว้อย่างแผ่วเบา คุณหมอคงจะรู้ว่าเขาไม่อยากพูดถึงอดีตที่ผ่านมาเลยเปลี่ยนเรื่องให้เขาไม่ต้องอึดอัดใจ

“สบายดีครับ เพื่อนถูกรถเฉี่ยวครับ ตอนนี้กำลังทำแผลอยู่”

“อ่าไม่ได้หนักใช่ไหม แล้วตอนนี้ดีทำอะไรอยู่” คุณหมอระบายยิ้มอีกแล้ว มันเป็นยิ้มที่ทำให้คนเห็นสบายใจ รู้สึกอยากบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง แต่ไม่ใช่กับเขาที่คุ้นเคยกับมันมาก่อน

“เรียนอยู่ปีสี่แล้วครับ ปีสุดท้ายแล้ว”

“ยินดีด้วยนะ เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้นแล้วหรือเนี่ย แล้วน้องสาวล่ะ เป็นไงบ้าง”

“..สบายดีครับ ซีก็เรียนปีสามแล้ว เอ่อ..คุณหมอไม่รีบไปไหนหรอครับ” ดีขยับตัวอย่างอึดอัด

“อ่า จริงสิ ว่างๆ แวะไปหา ไปคุยกับหมอได้เหมือนเดิมนะ อย่าคิดว่าเป็นคนแปลกหน้ากันเลย ทั้งดีและซีเลยนะ หมอเป็นห่วงเราสองคนจริงๆ...”

“ได้ครับ ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” ดียกมือไหว้ขอบคุณ

คุณหมอลุกขึ้นตบบ่าเขาเบาๆ ยิ้มกว้างให้อีกครั้งแล้วเดินไป



 

คุณหมอใจดีเดินห่างไปแล้ว ดีระบายลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ยาวเหยียด


...เขาไม่ได้กลัวหรือไม่ชอบคุณหมอหรอกนะ อดีตที่ทำให้เขาได้มารู้จักหมอคนนี้ต่างหากที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงทุกวันนี้...



.

.

.



“เรียบร้อยแล้ว สองสาวไปไหนละ” 

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง น้ำก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน

ดีไม่ได้ยินคำถามเพราะเอาแต่จ้องไปยังศีรษะของน้ำที่มีผ้าทำแผลขนาดประมาณสองนิ้วปิดไว้

“แผลนิดเดียว เดี๋ยวก็หายแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”  น้ำโน้มตัวเอียงบาดแผลให้ดีมองใกล้ๆ เพื่อยืนยันความมั่นใจ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น


“ขอโทษนะ...พี่น้ำ”  ดีพูดเสียงเบา

“ว่าไงนะ ไม่ได้ยินเลย”  ดีก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนข้างตัว


“ขอโทษ” 


“หืม ไม่เหมือนเมื้อกี้ พูดใหม่สิ” 


“ขอโทษนะ พี่น้ำ” ดียังคงก้มหน้า กล่าวแสดงความเสียใจอีกครั้ง


“ชื่นใจ” 

“อะไร”  ดีเงยหน้าขึ้นมาพบกับรอยยิ้มกว้าง และดวงตาเป็นขีดของคนตรงหน้า


“เรียกว่า พี่น้ำ ตลอดไปเลยนะ ...นะ”  หางเสียงอ่อนออดอ้อน

“...อืม”  ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที


น้ำหัวเราะเบาๆ กับอาการของคนตรงหน้า แล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง

“เมื่อกี้ก่อนพี่มา ดีคุยกับใครอยู่เหรอ”

ดีชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ “คุณหมอที่รู้จักน่ะ”

“แล้วสองสาวไปนานหรือยัง ทำไมยังไม่กลับมา เราไปนั่งรอที่ร้านกาแฟกันไหม” 




ร้านกาแฟมีคนนั่งอยู่บางตา ทั้งสองพบสองสาวกำลังนั่งคุยกันอยู่ ซีและหวานนั่งหันหลังให้กับประตูจึงไม่เห็นพวกเขาเข้ามา น้ำเดินไปสั่งกาแฟที่เคาเตอร์ ดีเดินเรื่อยๆ ไปที่โต๊ะ หวานทักขึ้นมาก่อน

“พี่ดี พี่น้ำทางนี้ค่ะ”  ดีนั่งลงข้างซีที่กำลังจิบโกโก้ร้อน

“วันนี้ซีจะไปนอนคอนโดกับหวานนะคะ” หวานพูดขึ้น พอดีกับน้ำที่ถือแก้วน้ำและขนมมาเต็มสองมือ

“เราจะไปเฝ้าพี่น้ำกัน พี่ดีมาด้วยกันสิ” ซีชวนดี เธอไม่อยากให้พี่ชายอยู่บ้านคนเดียว แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนที่ต้องเฝ้าพี่ชายคนเดียวเหมือนกัน

“ใช่ๆ พี่ดีมานอนด้วยกันสิคะ พี่น้ำจะได้ไม่ต้องงอแง” หวานพูดเย้า หลิ่วตาให้กับน้ำอย่างรู้กัน น้ำยิ้มกว้างให้น้องสาว

“นะ นะ นะ” ซีอ้อนดีอีกคน สองมือกำแขนพี่ชายแกว่งไปมาเบาๆ


“ไม่ได้หรอก ต้องดูเหมียวเล็กนะ”


“หรืองั้นซีอยู่บ้านแล้วให้พี่ดีมานอนคอนโด” ซีลองเสนอทางเลือก

“ไม่ได้ ซีจะอยู่บ้านคนเดียวได้ไง” น้ำขัดขึ้นมา

“พี่ไม่เป็นไรสักหน่อย  ซีไม่ต้องมานอนเฝ้าหรอก”

“แต่ว่า...ซีต้องทำรายงานกับหวานนะ” หวานบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา

“งั้นก็ตามเดิมนั่นแหละ ซีไปทำรายงานกับหวาน พี่อยู่บ้านได้ พี่น้ำก็ไม่เป็นไรมากหรอก” ดีสรุปกับทุกคน






ทั้งสี่คนกลับมาที่บ้านของสองพี่น้องซีดีอีกครั้งเพื่อให้ซีเก็บของ แล้วจึงให้หวานขับรถกลับคอนโดไปทั้งสามคน
ก่อนจะขึ้นรถซีจ้องหน้าดีด้วยแววตาคาดคั้น สองพี่น้องสื่อสารกันทางสายตาสักครู่ ดียกมือขยี้ผมน้องสาวเบาๆ แล้วพูดว่า

“ไม่ต้องห่วงน่า พี่อยู่คนเดียวได้” ซีจึงยอมผละขึ้นรถไป










ไฟท้ายรถที่หวานเป็นผู้ขับหายไปเมื่อเลี้ยวออกไปจากซอย มุ่งตรงไปสู่ถนนใหญ่เพื่อกลับคอนโดที่พัก ดียืนนิ่งมองถนนตรงหน้า รถมอเตอร์ไซด์ขับผ่านไปสองสามคัน บ้านตรงข้ามที่เป็นสองสามีภรรยาหนุ่มสาวเปิดไฟสว่าง อาแปะบ้านทางขวาเข้านอนไปแล้วปิดเงียบ



ทันใดนั้นเองดีรู้สึกถึงสายตาจ้องมองเขาจากบ้านซ้าย ขนอ่อนบริเวณคอของเขาลุกชัน
เขาหันไปมองพบกำแพงสูงกั้นระหว่างสองบ้าน ไม่พบสิ่งมีชีวิตใด


...ความรู้สึกนี้ เขาไม่ชอบมันเสียเลย









“เหมี๊ยวววว”  เหมียวเล็กเข้ามาคลอเคลีย พันแข้งขา



“เหมียวเล็ก” ดีก้มลงอุ้มเจ้าแมวตัวอ้วน ปิดประตูรั้วแล้วรีบเดินเข้าบ้านไป







เมื่อเข้ามาในบ้าน ดีเข้าไปเปิดไฟทุกดวง บ้านทั้งหลังสว่างไสว พร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์และเพิ่มเสียงขึ้นอีกนิด เหมียวเล็กกระโดดลงจากอ้อมอกขึ้นไปนั่งบนโซฟาที่ประจำ
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เฟสบุ๊คของหวานมีภาพทั้งสามคนกำลังนั่งทานขนมอยู่หน้าโทรทัศน์ ยัยซีเทคชื่อของเขาไว้ เขาจึงไปกดไลค์ เลื่อนลงมามีข้อความของแชมป์บ่นเรื่องการเมือง ท็อปแชร์เพลงใหม่ของวงโปรด เก่งถ่ายรูปเค้กพร้อมหน้าตัวเองมาอวดเขา


ตึ่ง!
คำแจ้งเตือนล่าสุด
 
Narut Kitchareon ...ดีครับ ถึงไม่ได้มาเฝ้า ส่งใจมาได้ตลอดนะ :) ...

ไอ้พี่น้ำตั้งสถานะของตัวเอง พร้อมทั้งอัพรูปชูสองนิ้ว ยิ้มตาเป็นขีด ที่หัวยังมีผ้าทำแผลปิดอยู่  ทำเอาคนมองยิ้มเขิน ค้างหน้าจอทิ้งไว้

Notthatbad Sirichai ...<3…



ตึ่ง    ตึ่ง    ตึ่ง
ไม่ถึงนาทีเสียงเตือนดังรัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เขาโพสตอบ

Sweetie Chonlada …ฮิ้วววววววว...

Sea See C ...แหนะ เปิดเผยขนาดนี้ เปลี่ยนสถานะเลยยยยย คุริคุริ...

Wisit Top of the world ...ตอนนี้ส่งใจ อีกหน่อยก็ส่งตัวนะเฮีย รอหน่อย 555 ...

Champion Wanasarnn ...เฮียน้ำเจ๋ง...

Krit Thebest  ...เพื่อนกูออกสื่อเว่ยเฮ้ย...





ดียิ้มเขินอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ อารมณ์ดีมากขนาดที่เลื่อนไปเจอโฆษณาครีมความงามทั้งหลายเขายังไม่หยุดยิ้ม
แต่มาสะดุดกับสถานะของรุ่นน้องในคณะ




...ถูกเขาหลอกก็ยังไม่รู้ตัว ยิ้มเข้าไปสิ เดี๋ยวจะร้องไห้ไม่ออก...


ดีหุบยิ้ม มือกดเข้าไปดูในเฟสบุ๊คดังกล่าว




...ไปทำเขาก่อน ระวังจะโดนเอาคืน...


เขาหรือเปล่าที่น้องกำลังพูดถึง




...บางคนทำทุกอย่างตามใจตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น...



ต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่น้องกำลังด่า ใช่ไหม





รอยยิ้มของดีหายไปแล้ว ไหล่ของเขาไหวน้อยๆ มือสองข้างสั่น ฟันกระทบกับดังกึกๆ
สติของเขากำลังจะหายไป แต่ภาพคุณหมอใจดีที่ได้เจอเมื่อตอนกลางวันแวบเข้ามา พร้อมกับเสียงอบอุ่นคุ้นหู


‘ถ้ารู้สึกแย่ให้สูดหายใจลึกๆ ผ่อนลมหายใจช้าๆ  หายใจเข้าลึกๆ... ดีมาก หายใจออกยาวๆ... เก่งครับ...ไม่ต้องคิดอะไร ฟังแต่หมอ ได้ยินแต่เสียงหมอนะดี’


ดีทำตามเสียงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อหยุดสั่นแล้วเขาจึงปิดคอมพิวเตอร์ นั่งพักหลับตาครู่หนึ่งเพื่อทำสมาธิจากนั้นจึงขึ้นไปอาบน้ำ



เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้อง ดีหลับตาปล่อยสายน้ำไหลผ่านร่างกาย ภาพเหตุการณ์วันนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง




...ถ้าเพียงแต่เขาไม่เดินหนีข้ามถนนมา น้ำคงไม่ถูกรถชน...



เพราะเขาทำให้น้ำต้องไปโรงพยาบาล



ทำให้ซีต้องตกใจจนเกิดอาการช็อคอ่อนๆ



เขาทำให้น้องนึกถึงเรื่องร้ายๆ ที่สมควรถูกลืมไปแล้ว



เพราะเขา










ทั้งหมดเป็นเพราะเขา   




ความรู้สึกผิดกระแทกเข้ามาเต็มอก มันจุกจนเขายืนไม่ไหว ดีค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น
เสียงน้ำกระทบกระเบื้องยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับนำความทรงจำที่เขาซุกซ่อนไว้สุดหัวใจกลับมาอีกครั้ง





‘พวกแกสองพี่น้องมันตัวซวย’




‘มึงมันไม่ได้ดีสมชื่อเลย ไปไหนก็ไปไป๊’





‘คนอะไรชื่อโชคดี ตลกชะมัด’






‘ไอ้ตัวดี บอกให้ทำงานบ้านให้เรียบร้อยก่อนไปเล่นไง แล้วนี้อะไร ห๊ะ! มาให้ตีซะดีๆ’





‘หมาหัวเน่า ไอ้ลูกไม่มีแม่’




 ‘บอกให้รีดเสื้อให้เรียบร้อยไง เย็นนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามากินข้าวนะ’







บนทางเดินที่มืดมิดนั้นไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็มีเสียงต่อว่าดังก้องขึ้นมาทุกครั้ง เขาหันซ้าย เสียงตะโกนก็ดังมาทางซ้าย เขาหมุนตัวหนีวิ่งไปทางขวา เสียงก็ดังขึ้นมาอีก






มันเป็นเพราะเขา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขา

มันเป็นเพราะเขาเป็นต้นเหตุ



เพราะเขา






“ไม่!!!”







ดีลืมตาตะโกนออกมาสุดเสียง คำว่า ‘ไม่’ สะท้อนก้องไปทั่วห้องน้ำมันดังซ้ำๆ กันหลายรอบกลบเสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้อง ชายหนุ่มรีบออกจากห้องน้ำ แต่งตัวอย่างรวดเร็ว ลงไปข้างล่าง ปิดประตูบ้าน ปิดหน้าต่าง รูดม่านมิดชิด ปิดโทรทัศน์ ปิดไฟทุกดวง อุ้มเหมียวน้อยขึ้นแนบอก ปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน




“เหมียวน้อย...อย่าทิ้งกันไปอีกคนนะ...”



…To be continued…
------------------------------------
[28/11/2558]
พี่น้ำสบายดีค่า ทำแผลเสร็จยังกลับมาหยอดน้องได้เหมือนเดิมเลยนะ
มาถึงตอนนี้ทราบตัวคนร้าย (?) ในโลกออนไลน์กันหรือยังคะ
ความจริงคุณ BlueCherries ก็เฉลยให้แล้วนะคะ #เย้ ปรบมือ :D
ถ้าใครยังงงเดี๋ยวมีอธิบายเพิ่มในตอนพิเศษค่ะ
ลองมาเดาโรคของสองพี่น้องกันไหมคะ ว่าเป็นโรคอะไร
(จะมีคนตอบไหม 5555)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 14:57:14 โดย Wendy »

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หวาดระแวง

มองแง่ลบ คิดแง่ลบ*20 เท่า

อาการทางจิต น้องไม่บำบัดต่อเนื่องเหรอคะ มันถึงยังเป็นอยู่ แถมมาถี่ด้วยนะ  :ruready


ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 23)



บทที่ 23 ฝันร้าย (2)
   
   


แม้ว่าดีจะยืนยันกับน้องสาวหนักแน่นว่า ‘ไม่ต้องห่วง อยู่บ้านคนเดียวได้’ ซีก็ยังอดห่วงพี่ชายไม่ได้จึงตื่นแต่เช้า บอกลาเจ้าของบ้านที่ยังคงนอนหลับสนิท ขึ้นรถเมล์กลับบ้านไม่สนคำทักท้วงของสองพี่น้องเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย

เธอไม่สบายใจเอาเสียเลยที่ทิ้งพี่ชายอยู่คนเดียวทั้งที่เพิ่งผ่านเรื่องหนักๆ มา




รถเมล์จอดลงที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ซีรีบก้าวลงจากรถก่อนรถเมล์คันดังกล่าวจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว เธอแวะซื้อโจ๊กเจ้าอร่อย พร้อมปาท่องโก๋แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในซอยด้วยความคุ้นเคย



ประตูรั้วหน้าบ้านปิดสนิท ซีมองผ่านรั้วเข้าไป หน้าต่างบานเล็กของห้องนั่งเล่นผ้าม่านสีครีมผืนใหญ่ที่ปกติไม่เคยถูกใช้กลับถูกดึงปิดหน้าต่างทั้งบาน เธอจึงเร่งไขกุญแจรั้วและวิ่งเข้ามาไขประตูบ้านพร้อมกระชากประตูให้เปิดออก


แสงสว่างที่ลอดเข้ามาจากประตูที่ถูกกระชากอย่างแรงนั้นส่องให้เห็นถึงสภาพห้องนั่งเล่น หมอนอิงบนโซฟาตกลงมาอยู่บนพื้น หน้าต่างทุกบานถูกผ้าม่านปิดมิดชิด แม้กระทั่งช่องลมเหนือหน้าต่างมีกระดาษหนังสือพิมพ์ปิดไว้ หนังสือบนชั้นถูกรื้อกระจัดกระจาย อยู่บนโซฟาบ้าง หล่นอยู่บนพื้นบ้าง


ซีกลั้นหายใจเมื่อเดินมาถึงห้องน้ำใต้บันได กระจกบานเล็กแตกกระจายเต็มพื้น เลือดหยดเป็นทาง เธอไล่ตามรอยนั้นไป ขึ้นบันไดมาชั้นสอง รอยเลือดหายไปหลังบานประตูห้องนอนของพี่ชายนั่นเอง





“พี่ดี”  ซีเรียกเสียงเบา



“...พี่ดี” เธอเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น




“ปังๆๆ พี่ดี ซีเอง ซีมาแล้ว เปิดประตูหน่อย” เมื่อเธอได้สติจึงตบประตูพร้อมตะโกนเรียกคนในห้อง



“พี่ดี...พี่ดี...ซีกลับมาแล้ว เปิดประตูที...” เธอตะเบ็งเสียงเรียกดีซ้ำๆ อย่างนั้น สองมือเล็กเขย่าลูกปิดประตูไปด้วย






กริ๊ก!


ประตูเปิดออก ซีกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง แต่ต้องชะงัก


“...เหมี้ยว...” 

เหมียวเล็กกระโดดออกจากห้องและหายลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว







หมับ!


ปัง!!




ซีสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ คนในห้องก็คว้าข้อมือเธอลากเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างแรง


“ซี มึงเข้ามามึงเห็นใครไหม”

ดีจับต้นแขนทั้งสองข้างของซีเขย่า พลางถามเสียงดัง

“มะ..ไม่เห็นใครนะ” ตอบตะกุกตะกัก


“มึงอย่างมาโกหก บอกกูมาเถอะ ใครที่ว่ากู ใครด่ากู เนี่ยเมื่อคืนนะ มันแอบมองกูตอนกูดูทีวีอยู่ ซี บอกกูมา เร็ว ใคร!”


แรงบีบที่แขนเพิ่มมากขึ้น แรงเขย่ามากขึ้น ซีกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เธอพยายามขืนตัว มองเข้าไปในดวงตาของดี ทำตามคำแนะนำอย่างที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง



‘ถ้าคนไข้เกิดอาการอย่างนี้ คุณจะต้องใจเย็นๆ มองตาเขา พยายามพูดกับเขาเพราะๆ อย่าใช้อารมณ์’



“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละพี่ดี...พี่ดีใจเย็นๆ ก่อนนะ...ซีกลับมาแล้ว..พี่ดีไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว...เช้าแล้วนะพี่...สว่างแล้ว...ไม่มีใครว่าพี่ดีของซีหรอก...ไม่มีจริงๆ นะ”



‘แสดงความจริงใจออกมาให้เขาเห็น พูดปลอบใจ พยายามทำตัวสบายๆ ให้เขาเชื่อใจคุณให้ได้’



“ไม่มีจริงนะ...ไม่หลอกนะ”


แรงบีบที่แขนลดลง ดีหยุดเขย่าตัวน้องสาวแล้ว พี่ชายของเธอยังคงมองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง



‘ถ้าคนไข้เริ่มสงบ กอดเขาให้แน่ๆ เหมือนปลอบเด็กๆ คนไข้ต้องการความเข้าใจ ความรัก ความอบอุ่นมากนะครับ’



“ไม่มีใครหรอกพี่ดี...ซีไม่หลอกพี่ดีหรอกน่า...”

วงแขนเล็กๆ ของซีโอบรอบพี่ชาย ดียกมือกอดตอบน้องสาวแน่น
เธอรู้ว่าพี่ดี ‘เหงา’ ….. ไม่สิ ทั้งพี่และเธอ เราเหงาด้วยกันทั้งคู่
ความอบอุ่นจากร่างกายของน้องสาวค่อยๆ ดึงสติของพี่ชายกลับมา



“ทำไมซีไม่อยู่กับพี่”



ดีเอ่ยเสียงอู้อี้กับบ่าเล็กๆ ของน้องสาว เขาอยากจะเข้มแข็งไม่อยากให้น้องเป็นห่วง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองจะผ่านค่ำคืนหลังจากเกิดเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจมาได้ด้วยตนเอง แต่กลับไม่ใช่เลย

เขาไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยคนเดิมที่เอาแต่นั่งร้องไห้กอดตัวเองอยู่ตรงมุมห้องเมื่อสิบกว่าปีก่อนเลย




“ซีขอโทษนะ...ซีจะไม่ทิ้งพี่ดีไว้คนเดียวอีกแล้ว”



ฝ่ามือเล็กๆ ลูบแผ่นหลังของพี่ชายไปมา ทั้งคู่ปล่อยน้ำตาให้รินไหลอย่างที่คุณหมอใจดีเคยย้ำอยู่เสมอเมื่อตอนเข้ารับการบำบัด




‘ดีกับซีร้องไห้กันบ้างหรือเปล่า อย่าไปคิดนะว่าคนร้องไห้คือคนอ่อนแอ หมอจะบอกอะไรให้นะ คนที่ร้องไห้น่ะคือคนที่เข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญมากเลย เขากล้าที่จะยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง และเข้มแข็งพอที่จะระบายความรู้สึกออกมาไงล่ะ’
 






นาทีนี้เธอกับพี่ชายเข้มแข็งและกล้าหาญอย่างที่คุณหมอบอกแล้วนะ








น้ำตาแห่งความทุกข์โศกจากไปพร้อมกับแสงสว่างจ้าของดวงตะวันยามสาย ซีชวนพี่ชายทานข้าวส่วนเธอก็เริ่มลงมือจัดการกับข้าวของที่ถูกรื้อออกมาเกลื่อนกลาด เมื่อเห็นว่าพี่ชายทานข้าวเสร็จแล้ว ซีหยุดงานแล้วจึงลากพี่ชายมานั่งตรงโซฟาด้วยกัน

“พี่ดี ไหนขอดูมือหน่อย”

“กระจกบาดนิดเดียว ไม่เป็นไรมากน่า” พี่ดีตอบเสียงอ้อมแอ้ม พยายามซ่อนมือทั้งสองข้างไว้ อิดออดไม่ยอมให้ดูแผล เธอหรี่ตามอง

“ขอดูหน่อย เอามือมา” พูดเสียงเข้มขึ้น ดีบ่นงึมงำ แต่ก็ยอมส่งมือมาให้ดูแต่โดยดี ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง

“โอ๊ยยย! เชี่ย เจ็บ!!”

ซีจิ้มลงไปบนรอยบาดขนาดประมาณห้าเซนติเมตรบริเวณหลังมือของดีอย่างแรง แผลรอยใหญ่ที่สุดนั้นไม่ลึกมากแต่เป็นรอยยาวและรอยบาดขนาดเล็กกว่าอีกหลายรอย ดูจากความเสียหายแล้ว ดีคงชกกระจกเหนืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำด้านล่างของบ้านหลายครั้ง ใช่ว่าพี่ชายของเธอจะไม่เคยทำ แต่เคยสัญญากันไปแล้วนะ เห็นแล้วมันน่า...

“อ้าว ไหนว่านิดเดียว ไม่เจ็บไง สมน้ำหน้า คราวหลังจะทำอะไรก็คิดด้วยนะ เมื่อคืนไม่เห็นเลือดใช่ไหมเลยไม่เป็นลมไป นี่แนะ จิ้มอีก”

ตอนเดินลงมาห้อง ดีได้เห็นสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก็จะร้องไห้ออกมาอีก หันไปเห็นเศษกระจกกับรอยเลือดดวงใหญ่น้อยเป็นทางก็กล่าวขอโทษขอโพยไม่หยุด ถึงจะรู้ว่าที่พี่ชายทำลงไปเพราะไม่ได้สติก็เถอะ


“พอแล้ว! เจ็บนะ จิ้มมาได้ ยัยบ้าเอ้ย” ดีโวยวายแต่ก็ยอมให้น้องสาวจิ้มแผลบนหลังมือตัวเองอย่างนั้น แกล้งสะบัดมือไปมาพอขัดขืน 

“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวทำแผลให้ แล้วคราวหลังไม่ต้องทำแล้วนะ ไหนๆ บ้านก็รกแล้ววันนี้ช่วยกันทำความสะอาดให้ผ่องเลยนะ แล้วก็...” ซีเหลือบตามองดีก่อนจะเอ่ยว่า

“พี่ดี...เราไม่ได้เป็นเด็กๆ แล้วนะ...โตแล้ว...เรื่องที่มันนานแล้ว...พี่ดีก็อย่าไปคิดถึงมันเลยนะ...”

“อื้อ” พยักหน้าตอบ

“แล้วก็..” ซีเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้มาตลอดตั้งแต่ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

“อะไร”

“พี่น้ำขอเป็นแฟนเหรอ” ถึงจะถามพี่น้ำมาเมื่อคืนแล้วแต่ก็ยังอยากจะได้ยินจากปากพี่ชายสุดซึนของตัวเองอยู่ดี

“...เออ!” กระแทกเสียงตอบ แน่ะ ถึงจะทำเสียงไม่พอใจ แต่แก้มแอบแดงนะพี่ดี กิ๊วๆ

“อยากมีพี่เขยไวๆ  รีบตอบตกลงรับพี่น้ำเป็นแฟนได้แล้ว!!!” ซีกำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผล บอกพี่ชายเสียงเข้ม

“ไอ้จืดมันบอกอย่างนั้นเหรอ”

“อะไร” คราวนี้เป็นซีเองที่งงกับคำตอบของพี่ชาย ตอนแรกคิดว่าจะโวยวายบ้านแตกอย่างเคยเสียอีก

“ที่ว่ายังไม่ตกลงอะ”

“ฮะ นี่หมายความว่า...” พี่น้ำบอกว่าพี่ดียังไม่ตกลงแต่พี่ชายเธอทำเหมือนกับตกลงไปแล้วเลย หรือว่าจะ... พอจะถามออกไป ดีเอานิ้วจุ๊ปาก บอกให้เงียบๆ แล้วทำท่าให้ซีขยับเข้ามาใกล้ แต่แล้วคนเป็นพี่ก็หายใจเข้าลึกจนแก้มป่อง จากนั้นจึง

พู่!!! เป่าลมเข้าหูไอ้ตัวยุ่งสุดแรง น้องสาวร้องออกมาอย่างตกใจ

“ยังไม่ตกลงไง ฮ่าๆ ” พูดเสียงดังกรอกหูซ้ำอีกรอบ

“จิ๊! …พี่ดี ตอนนี้น่ะ...เราไม่ได้มีกันสองคนเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ...จะเป็นไรไหมถ้าซีจะนับพี่น้ำกับหวานด้วย"


ซีเอ่ยถามผู้เป็นพี่ด้วยความจริงจัง  สองคนนั่นทั้งพี่น้ำและหวาน พี่ชายของเธอเปิดใจยอมรับ สองพี่น้องหรือยัง
ดีเงียบเสียงหัวเราะ แล้วจึงยิ้มกว้างให้น้องสาว

“คิดว่าไงล่ะ”







เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เป็นซีที่เห็นคนที่กำลังเอ่ยถึงก่อนเพราะหันหน้าออกไปทางประตูบ้าน ขณะที่ดีนั่งหันหลัง ก้มหน้าดูมือที่น้องทำแผลให้แล้วยังไม่รู้ตัวยิ้มกริ่มหมายจะแกล้งน้องสาวต่อไป

ซีพยักหน้าเป็นสัญญาณให้สองคนเข้ามาในบ้าน จุ๊ปากให้สองคนเงียบๆ ไว้ ทำเป็นพูดกับพี่ชายต่อไป

“คิดว่าคนดีๆ อย่างพี่น้ำเนี่ย สมควรที่สุดแล้วที่จะมาเป็นพี่เขยซี ฮ่าๆ”

“เหอะ...ดีตรงไหนวะ...ขี้แกล้งจะตาย..”

ดีค้านซีเสียงดัง และคงจะบ่นออกมาอีกเยอะ ถ้าไม่มีเสียงทุ้มๆ คุ้นหูแทรกขึ้น



“เพราะ ‘รัก’ หรอก...จึงหยอกเล่น”




ดีหันไปตามเสียง แล้วก็อุทานเสียงดัง


“เชี่ยยยยยยยยย พี่น้ามมมมมมมมม”


สองสาวประสานเสียงหัวเราะกันคิกคัก
แล้วจึงตามด้วยเสียงทุ้มลึกของน้ำและเสียงแหบห้าวของดี








ความมืดที่น่าหวาดกลัวของค่ำคืนค่อยๆ หายไป
ถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างของดวงตะวันในเช้าวันใหม่








เมื่อได้รู้จัก พี่น้ำ และ หวาน
ซีเองก็ได้แต่หวังว่า ฝันร้าย จะไม่เกิดขึ้นกับเธอและดีอีกต่อไป




To be continued…
-----------------------------------
[29/11/15]
พี่ดีกับน้องซีเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ก่อนจะมากขึ้นจนพี่ดีกลายเป็นโรคกลัวสังคม (Social Phobia) อ่อนๆ ค่ะ อาการของโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคคลซึ่งอาการของพี่ดีนี้ในเรื่องมาจากคนใกล้ตัวเราเองค่ะ
เราเขียนเรื่องนี้เพราะอยากจะให้คนในโซเชียลเน็ตเวิร์คลดการใช้ hate speech ลงบ้าง เพราะเราไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะมีใครได้รับผลกระทบจาก 'การระบายอารมณ์' ของเราไปบ้าง

ตอนหน้าจะเป็นตอนจบแล้ว และมีตอนพิเศษอีกหลายๆ ตอน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L2:
Lavender's blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 15:02:52 โดย Wendy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เจ็บยิ่งกว่าโดนรถเฉี่ยวชะอีก

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 24 จบ)




บทที่ 24 Love me, Love my cat
   







“ขยับเด้”
   


เขาบอกไอ้คนที่นั่งเอกเขนกเต็มโซฟาบ้านคนอื่นหน้าตาเฉยด้วยเสียงห้วนสั้น ไอ้คนที่เคยผมยาวจนต้องไปจิ๊กกิ๊ฟติดผมน่ารักๆ จากน้องสาวมาใช้เป็นประจำตอนนี้มันไปตัดผมมาแล้ว



ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบอกมันให้ไปตัดผมเอง ทำไมถึงได้หงุดหงิดเองก็ไม่รู้


ชิ!


ก็ถ้ารู้ว่าตัดผมแล้วออร่ามันจะเด้งออกมาอย่างนี้ จะให้มันไว้ผมซกมกอย่างเดิมแหละดีแล้ว



วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เจ้าซีและเจ้าหวานเรียกว่า ‘วันครอบครัวสุขสันต์’
เหอะ! ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นสักนิด อย่างน้อยก็วันนี้แหละ
สองสาวหายเข้าไปในห้องเช่นเคย ทิ้งเขาไว้กับน้ำสองคน
 

‘ไอ้พี่น้ำจืด’ มาถึงก็อุ้มเหมียวเล็กไว้บนตัก คุยกันเสียงหงุงหงิง ไม่สนเจ้าของบ้านที่ยืนเคว้งอยู่กลางบ้านสักนิด
แค่จะพูดด้วยสักคำยังไม่มีเล้ยยยย 

ไม่สุขสันต์เว้ย!!





ไอ้พี่น้ำจืดเหลือบตามองเขาไม่ถึงวินาที ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองกันเต็มตาด้วยซ้ำ ก่อนจะขยับไปอยู่อีกด้านของโซฟา

“วันก่อนปะป๊าไปเจอปลอกคอแมวมาด้วย น่ารักมากเลย เหมียวเล็กอยากได้ไหมครับ”

นั่น เหมียวเล็กอย่าไปอ้อนมัน ลุกออกมาจากตักมันเดี๋ยวนี้
ส่งสายตาพิฆาตไปแล้วไม่ได้ผล เหมียวเล็กเอียงคออ้อนมืออุ่นๆ ของไอ้จืดต่อไป


“อื้อ เหมียวเล็ก ทานอะไรหรือยัง ปะป๊าพาไปกินอาหารเม็ดดีกว่าเนอะ” พยักหน้าหงึกหงักกับแมวแล้วน้ำจึงอุ้มเหมียวเล็กไปหลังบ้าน



อย่า! อย่านะเหมียวเล็ก อย่าเห็นแก่กินนะเว้ย


“เหมียวเล็กค่อยๆ กินช้าๆ ก็ได้ ชอบรสนี้หรอ เดี๋ยวจะซื้อมาฝากบ่อยๆ นะ”


คนอะไรคุยกับแมวก็ได้ เจ้าของแมวนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ ไม่พูดด้วย
หงุดหงิดชะมัด!!!
 


เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นอีกด้วยต้องการจะกลบเสียงที่ทำให้ตนเองหงุดหงิด



ไม่สนก็ไม่สนสิ
อยู่กับแมวไปเลย ไอ้จืดเอ้ยยยยยยยยยย !!






ทางด้านสองสาวที่หายขึ้นไปชั้นบน ทั้งคู่แอบมองเหตุการณ์ด้านล่างอยู่บนระเบียงชั้นสอง ซีหัวเราะกับท่าทางของพี่ชายตนเองคิกคัก ผิดกับหวานที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ซี พี่ดีจะโกรธเฮียไหม” หวานถามอย่างเป็นห่วงพี่ชาย

“โอ้ย ไม่หรอกน่า คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้น ให้พี่น้ำดัดนิสัยซะบ้างก็ดี” ซีดึงหวานเดินเข้ามาในห้องปิดประตู ปล่อยให้พี่น้ำจัดการต่อไป

“แต่ว่ามันจะทำให้พี่ดีคิดมาก แล้วจะ...ไม่สบายอีกหรือเปล่า”

ซียิ้มกว้าง รับรู้ความเป็นห่วงของเพื่อน “ไม่หรอก พวกเราไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

“ก็เราเป็นห่วงพี่ดี ตั้งแต่เจอหน้ากันพี่น้ำยังไม่คุยกับพี่ดีสักคำเลยนะ”

“ก็ใครใช้ให้ทำเป็น ‘ซึน’ อยู่นั่นเล่า สมควรแล้ว”

หลายครั้ง หวานได้แต่สงสัยว่า ตกลงแล้วใครเป็นพี่น้องกับใครกันแน่ บางที ซีอาจเป็นน้องของน้ำที่คอยแกล้งพี่ชายของตนเองตลอดเวลา และเธออาจเป็นน้องของดีที่คอยแต่จะเป็นห่วงพี่ชายอยู่ร่ำไปก็ได้

“เถอะน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงที่ทำไปก็เพราะ ‘รัก’ พี่ดีนั่นแหละ ถึงเจ้าตัวจะงี่เง่าอยู่ก็เถอะนะ”
“ไปว่าพี่ดีอีกแล้ว...”
“ก็จริง ถ้าเราเป็นพี่น้ำนะ ไม่มาใจเย็นอย่างนี้หรอก จับแม่งปล้ำไปนานล่ะ”
“จุ๊ๆ ซีพูดเบาๆ ดิ”
“เอ้า..ก็จริงอะ พี่ดีดื้อจะตาย”
“พูดยังกับตัวเองไม่ดื้อนะ”

ซีรู้ว่าเถียงไม่ได้จึงจี้เอวเพื่อนสาว หวานจึงจี้เอวคืนบ้าง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลงมาถึงชั้นล่าง  ซึ่งนั่นทำให้ดีหัวเสียยิ่งกว่าเดิม

สุขสันต์กันจริงๆ นะ ให้ตายสิ !!










แม้ว่าสองตาจะยังคงจ้องโทรทัศน์ แต่สองหูกลับจดจ่ออยู่กับเสียงคุยหงุงหงิงของคนตัวโตกับแมว  นั่น เดินกลับมากันแล้ว

“เหมียวเล็กกินข้าวพุงป่องเลยนะ”  ไอ้พี่น้ำจืดเดินผ่านไป สองมืออุ้มเหมียวเล็กที่ตอนนี้พุงป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด “สงสัยพ่อเขางอนปะป๊าเลยพาลให้เหมียวเล็กอดข้าวแน่เลย”



อะไร ไหน ใครงอน ไม่มีเฟ้ย!!

เขาได้แต่ตะโกนตอบเสียงดังในใจ ไม่ได้ ไอ้น้ำจืดไม่พูดกับเขาก่อน อย่าหวังเลยว่าเขาจะทำ เสียฟอร์มแย่สิ


ไอ้จืดจับเหมียวเล็กพาดบ่า ตบตูดเบาๆ “ดูสิ นั่งทำหน้างอนอยู่นั่น”



ใครงอนไม่มีอะ ดูทีวีอยู่ไม่เห็นหรอ
จี้จัง น่ารักที่สุด



“ทำคนอื่นงอนแล้วไม่ง้อ ยังไปงอนเขาอีกเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะครับ เหมียวเล็กอย่าทำอย่างพ่อนะรู้ป่าว”



แล้วเส้นความอดทนเขาของขาดผึงเหมือนเส้นด้ายที่ถูกกระชากสุดแรง
เขาตะโกนออกไปก่อนจะทันรู้ตัวอย่างเสียงดังว่า




“เออ ก็นิสัยไม่ดีไง ไม่ชอบก็ไปเลยไป”



สิ้นเสียงพูดของเขา ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมห้องนั่งเล่น น่าแปลกที่แม้แต่เสียงโทรทัศน์ก็เงียบไป คนเล่นแมววางเหมียวเล็กลง แล้วหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ แววตาสุกใสเปล่งประกายขี้เล่นหายไป เหลือเพียงดวงตาสีดำสนิทราบเรียบราวกับผิวน้ำยามค่ำคืน



“ที่พูดออกมานี่ คิดดีแล้วหรือยัง”



เสียงทุ้มห้วนที่เจ้าตัวเปล่งอออกมาทำเอาคนฟังกัดริมฝีปาก เสียงจะแข็งไปไหน สายตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมอ่อนข้อ คนที่รู้ตัวว่าผิดก็ยอมเอ่ยปากแต่ก็ยังไว้เชิง



“ก็ใครบอกให้กวนก่อนล่ะ”


เขารู้ว่าน้ำเป็นคนใส่ใจในทุกเรื่องเสมอ พวก ‘คิดแล้วพูด’ ไม่ใช่พวก ‘พูดไม่คิด’ แบบเขา แต่ก่อนน้ำอาจไม่สนใจกับคำพูดสารพัดของเขา แต่ตอนนี้สถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว 


“พี่กวนตรงไหน”


น้ำยกมือขึ้นกอดอก พิงสะโพกตรงขอบโซฟา มองคู่สนทนาด้วยสายตานิ่งเรียบ น้ำอดทนกับคำพูดที่ไม่คิดอะไรของคนรักหลายหนแล้วและครั้งนี้เขาคิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายปรับปรุงนิสัยแย่ๆ นี้เสียที


“...คุยกับเหมียวเล็ก”

น้ำเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแปลกใจในเหตุผลของดี “คุยกับเหมียวเล็กแล้วยังไง”




คนที่เอาแต่กัดปากยิ่งหงุดหงิด นี่ยังไม่เข้าใจอีกนะ ต้องให้บอกให้ได้เลยใช่ไหม ไอ้พี่น้ำ


“ก็ไม่คุยกับนี่อะ!!” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองตอนพูดว่า 'นี่'



มีรอยยิ้มในแววตาของน้ำ พร้อมกับริมฝีปากที่ยกขึ้นบางๆ มันปรากฏเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหายไป ดีที่กำลังโมโหสุดๆ ไม่สังเกตเห็น


“ทีดียังไม่เห็นทักพี่สักคำ...พี่ก็ต้องคุยกับเหมียวเล็กสิ”


เจ้าของแมวหลายคนบอกว่าการเลี้ยงแมวต้องใช้ความอดทนมาก แต่พอได้เลี้ยงจริงๆ แล้ว น้ำไม่เห็นด้วยเลยเพราะ ‘พ่อแมว’ น่ะ เลี้ยงยากว่าตั้งเยอะ 


“ไม่ได้!!”


ดีโต้กลับเสียงดัง เขาไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ เลยด้วย


“ทำไมละ” น้ำยังคงถามหน้าตาเฉยแม้ว่าในใจจะเต้นเร่าเพราะนึกเหตุผลของอีกฝ่ายออกแล้ว




ยิ่งเห็นหน้าเฉยๆ เหมือนไม่รู้อะไรแล้ว เขายิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“ไอ้พี่น้ำ!!”

“ครับ” ขานรับเสียงดังฟังชัด แม้รู้ว่าจะทำให้อีกคนโกรธมากขึ้นก็ตาม


“เป็นแฟนดี ดีก็ต้องสำคัญที่สุดสิ!!”


ใช่แล้ว เขาต้องสำคัญที่สุด ไม่ชอบเลยที่โดนเมิน ไม่สนใจกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สนใจ ใส่ใจเรามาตลอด อย่างไอ้พี่น้ำคนนี้


“แล้วพี่สำคัญกับดีที่สุดหรือเปล่า”


“อ้าว ก็ต้องสำคัญสิ แฟนดีทั้งคนนะ...เฮ้ย”


เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ ยังพูดไม่ทันจบก็โดนคว้าไปกอดหมับ นี่เข้ามาอยู่ใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สองมือโดนรวบจนแทบขยับไม่ได้ ใบหน้าของน้ำโน้มลงมาใกล้จนนับเส้นขนตาได้ ดวงตาพราวระยับทอประกายอ่อนหวาน

นี่เขาโดนอำอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย !!!



พอรู้ตัวสะบัดหยุกหยิกคนขี้แกล้งจึงลงโทษ

ฟอด! แก้มซ้ายโดนหอม

ฟอด! แก้มขวาโดนหอม

“อื้อ...” 

ปิดท้ายด้วยจุ๊บที่ปากหนักๆ





แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว

หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะร้อค

เขิน

เขินโคตรๆ

เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ขอมุดกับอกกว้างๆ ของไอ้คนตัวโตนี่ก่อนละกัน




“ไม่น่าเชื่อว่าปากอย่างนี้ก็หวานเนอะ”



โอ้ยยย จะพูดให้เขินใช่ไหม นี่เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้วเนี่ย
ขอสักหมัดแก้เขินได้ไหม



“คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องมีฟอร์มหรอกนะดี คิดอย่างไรก็พูดก็บอกกันได้ ถ้าพี่งอนแล้วต้องคอยให้ดีง้อตลอดดีจะชอบไหม”

เขาสั่นหัว ซบอยู่กับบ่าของน้ำอยู่อย่างนั้น ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา แม้น้ำจะย้ายตัวลงนั่งมาบนโซฟาคลายแขนสองข้างที่เมื่อครู่กกกอดเขาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็ตาม


“พี่ก็เหมือนกัน ถ้าดีชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอกนะ” พยักหน้า เอียงแก้มแนบกับซอกคอของเก้าอี้พิเศษ

"แล้วระวังคำพูดด้วย อย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองจะเสียใจทีหลังออกมา ไหนบอกสิว่างอนพี่เรื่องอะไร เราถึงไม่คุยกับพี่เนี่ย”

มือของน้ำลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ พร้อมทั้งโยกตัวราวปลอบประโลม หน้าของดียังคงแดงระเรื่อแก้มอุ่นแนบอยู่กับต้นคอ เจ้าตัวเม้มปาก ยังคงไม่ยอมพูด




“นับสาม ยังไม่พูดจะจัดอีกชุดนะ”
น้ำขู่เร่ง อีกชุดที่ว่าคือ แก้มซ้าย แก้มขวาและปากแดงๆ นี่ละ กระชับแขนโอบเอวเมื่อเห็นว่าคนนอนนิ่งจะขยับหนี




“หนึ่ง”


“..ก็..กะ”



“สอง”


น้ำขยับเข้ามาใกล้




“สะ..”



“วันศุกร์ พี่ไปคุยกับพี่แนน”



“อ๋ออออ” จำเลยจำเป็นร้องออกมาเสียงยาว



ดีเขม่น ยังมีหน้ามาร้อง อ๋ออออ


วันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง เขาไปรอไอ้พี่น้ำตามปกติ ...เออ ก็ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็กลับบ้านพร้อมกันไง อย่ามายิ้มนะ คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ยัยซีกับยัยหวานยังเลิกแซวแล้วเลย


แต่วันศุกร์ที่แล้วไอ้พี่น้ำมาช้า ทั้งที่ปกติมีน้อยครั้งมากที่จะมาช้ากว่า แล้วปล่อยให้รอ เขาเลยลองเดินไปรอที่คณะบ้าง
นั่งรอใต้ม้าหินอ่อนสักพักเห็นน้ำกำลังเดินออกมา แล้วอยู่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวิ่งมาคว้าแขนยื้อยุดกันอย่างสนิทสนม พูดกันอยู่สักพัก ไอ้พี่น้ำล้วงกระเป๋าแล้วยื่นบางอย่างให้ ผู้หญิงคนนั้นชื่อ พี่แนน เขารู้จักนะ

พี่แนนดีใจยิ้มกว้างจนตาเป็นขีด ไอ้พี่น้ำก็หัวเราะยิ้มกันสองคนดูมีความสุขมาก

แล้วไงต่อเหรอ มันก็เดินออกมาเจอกัน แล้วเราก็กลับบ้านตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือจากวันนั้นจนมาเจอกันวันนี้ เขาไม่พูดกับมัน มันก็หาว่าเขางอนอยู่นั่นแหละ บอกเลยนะว่าไม่ได้งอน


อะไรนะ

เขาไม่ได้งอน ใช่แล้วไง

แต่ เขา ฮะ! ตลกน่า

เขาเนี่ยนะ หึง 

ผม หึง หรอ

ไม่ใช่หรอก

แค่หมั่นไส้ คนที่ปล่อยให้เขารอเฉยๆ 

ปล่อยให้คนอื่นรอที่แท้ตัวเองก็ไปยิ้มกับสาว

มันใช่ไหมเล่า



“ชิ!”


“มีงานกลุ่ม ไอ้แนนมันมาทวงเงิน” น้ำอธิบายแล้วก็ส่งยิ้มกว้าง 


“แน่นะ” พ่อแมวหรี่ตามอง พยายามทำหน้าดุเพื่อคาดคั้น

“แน่ครับ” เสียงหนักแน่นกับรอยยิ้มอบอุ่น ไม่รู้ว่าน้ำจะรู้ไหมว่าเขาชอบรอยยิ้มแบบนี้และน้ำเสียงอย่างนี้ที่สุด




จุ๊บ!



ยื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางไอ้พี่น้ำแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นขยับตัวลงจากตักอุ่นคว้ารีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อย แก้มร้อนจนต้องยกมือขึ้นมาพัด






คนโดนขโมยจุ๊บยังคงไม่ทันรู้ตัวได้แต่นั่งกะพริบตาปริบกับคนตัวเล็ก พอเริ่มดึงสติกลับมาได้ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน




“เมี้ยววววว”




เหมียวเล็กนั่นเอง เจ้าแมวตัวอ้วนเดินมาอ้อนพันแข้งขา น้ำกำลังจะก้มตัวลงไปหมายจะอุ้มเหมียวเล็กขึ้นนั่งตัก ก็โดนมือผอมๆ แย่งอุ้มไปเสียก่อน



“เหมียวเล็กมาอยู่กับพ่อดีกว่า”



น้ำอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจนั้น เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงหูแดงก็ไม่คิดจะเอ่ยแซวอะไรอีก พอเอื้อมมือไปเกาคอให้แมวอ้วนที่นอนบนตักเจ้าของอย่างสบายอารมณ์ก็โดนบัดออก ได้แต่เลิกคิ้วมองคนขี้หวง



“ไม่ให้เล่นเหมียวเล็กแล้ว เดี๋ยวจะรักมากกว่าดี”



น้ำหัวเราะออกมากับเหตุผลที่ช่างจะไม่มีเหตุผลของคนรักเอาเสียเลย แต่กลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างหัวใจพองโต เมื่อไม่ให้อุ้มเหมียวเล็ก ก็อุ้มขออุ้มพ่อเหมียวเล็กแทนละกัน ว่าแล้วก็คว้าเอวหมับ ลากขึ้นนั่งตัก


“เฮ้ย” คนไม่ทันตั้งตัวตกใจอุทานเสียงดัง

“น่า อย่าดิ้น เดี๋ยวเหมียวเล็กตกนะ”

ริมฝีปากของน้ำคลอเคลียกับพวงแก้มสีระเรื่อ

“อื้อ...”

“ไม่ต้องกลัวไม่รักหรอกนะ เด็กดื้อ” กระซิบข้างขมับแล้วกดจมูกหนักๆ ลงแก้มซ้ายของคนที่พยายามดิ้นดุ๊กดิ๊ก





“แมวกับคน ก็ต้องรักแมวมากกว่าอยู่และ..โอ้ย”





ดีทุบลงบ่าคนที่ตัวเองนั่งตักอยู่อย่างแรง เขารู้อยู่เต็มอกว่าถูกแกล้งแต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี แล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายแนบริมฝีปากลงไปบริเวณกิ่งปากกึ่งจมูกกดแช่ค้างไว้ สองมือกุมใบหน้าของน้ำ


“ไม่ได้นะ” กระซิบงึมงำใกล้ริมฝีปาก



“ทำไมครับ”



ดีขยับใบหน้าออกห่าง






ยิ้มใส่ตาคนตัวโต




ยิ้มอย่างที่น้ำเคยบอกว่า เห็นแล้วก็ตกหลุมรัก







รอยยิ้มพิฆาต






“เพราะว่า...ดีกว่านี้ ไม่มีแล้วล่ะ”




ยิ้มหวานๆ อีกครั้ง

น้ำยิ้มกว้าง ก่อนริมฝีปากของทั้งคู่จะกลืนกินกันและกัน











เหมียวเล็กขยับตัวกระโดดลงจากตัก ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเงยหน้ามองเจ้านายสองคนบนโซฟา คนหนึ่งไล่เรื่อยริมฝีปากเข้าหาอีกคน คนหนึ่งก็พยายามเอี้ยวตัวหนีอย่างขลุกขลักเพราะโดนกักตัวไว้บนตักกว้าง เหมียวเล็กสงสัยเหลือเกินว่าเจ้านายตัวผอมจะหนีทำไม เพราะไม่นานปากเล็กก็ถูกยึดครองวนเวียนอย่างนี้จนสุดท้ายแมวอ้วนก็เป็นฝ่ายจากมา





เพราะเจ้านายทั้งสองคนนั้นไม่สนใจมันเลย   





…The End…



[1/12/58]
จะยังมีตอนพิเศษอีกแปดตอนตามมาค่ะ
คุณ B52 มาคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเลย ขอบคุณนะคะ  :mew1:

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

:กอด1:
Lavender's blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 15:12:07 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ดีคนซึน ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆเลยเนอะ หึงก็บอกหึง ห่วงก็บอกห่วงสิ ให้พี่น้ำเขาได้ดีใจหน่อย
หาคนดีๆที่รักจริงให้สองสาวหน่อยเร็วตอบแทนที่ช่วยใหพี่ชายมีแฟน

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :-[ สนุกจัง รอตอนพิเศษหวานๆเลยจ้า

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
?... แล้วคนที่ด่าน้องดีล่ะ เรื่องมันยังไงหว่า

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
อ่านรวดเดียวเลยย น่ารักดีๆๆ ยังมีปมๆคนที่มาด่าเนอะ หรือ มันเป็นอค่เรื่องที่น้องดีคิดไปเอง ที่จริงไม่เกี่ยวข้องอะไรน้อ รออ่านตอนพิเศษจ้าาาา

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:


ขอตอนพิเศษๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พี่น้ำนี่คุมดีอยู่หมัดเลย ไม่งอแงแล้ว :)

*****

“พี่ดี ทำอะไรน่ะ” ยัยหวานพูด ข้างๆ แก้มมีเศษแตงโมติดอยู่ ซีเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากให้ หวานชะงัก แล้วก้มน้ากัดแตงโมต่อ ลืมที่ตนเองเพิ่งพูดไปสนิท
ู^ อันนี้มีวี่แววคู่เลสในเรื่องไหมคะ มันส่อมากกกกกกจริงๆนะ  :ling1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2015 12:03:08 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
จบแล้ววววววววว
รอตอนพิเศษ อิอิ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 1)





ตอนพิเศษ : คนผิด

 
 

Sweetie Cholada … แก้มเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ...

Sea see C … เค้าเรียกอ้วนปะตะเอง ... 
Narut Kitchareon ...อิ่มเอิบ...
Sea see C …แหนะ @Narut Kitchareon อวยน้องตลอด @Notthatbad Sirichai เอาไปเก็บที
Notthatbad Sirichai … -*- …
Krit Thebest... หนูดีเล่นเฟสแว้ววววว คุริคุริ ...
Champion Wanasarn... สวัสดีมึง...
Wisit Top of the world … พรุ้งพริ้ง สวีทวี่วิ้ว นะแจ๊ะ กิกิ...
Sweetie Cholada … ใจเย็นนะคะทุกคน …
Notthatbad Sirichai …สัด...
Narut Kitchareon ...พูดไม่เพราะ 1 จุ๊บนะดี… ถูกใจ 6 คน
Sea see C …ขอร้อยไลค์เม้นท์บน กรี๊ดดดดด...
Krit Thebest ...กิ้วๆ...
Notthatbad Sirichai …@ Wisit Top of the world เอา @Krit Thebest ไปเก็บ สลัด! ...
Krit Thebest ... ไม่ต้องเขินนะจ๊ะหนูดี ฟามร๊ากกกกเป็นสิ่งสวยงามมมมมม…
Sweetie Cholada …ความจริงหนูก็ชอบพวกพี่มากนะ แต่ไปเกรียนที่อื่นเถอะค่ะ... ถูกใจ 1 คน


 


ให้ทายว่าคอมเม้นท์สุดท้ายของหวานใครเป็นคนกดไลค์
ผมเองแหละ สุดยอดจริงๆ ที่หวานทำให้เพื่อนผมเลิกเกรียนได้ สมกับที่เป็นน้องของพี่น้ำจริงๆ







เวลาเที่ยงวันอาทิตย์ หวานและซีเริ่มทดลองสูตรอาหารแปลกๆ โดยมีผมและพี่น้ำเป็นหนูทดลอง การทดลองผ่านไปอย่างเรียบร้อยในด้วยการทำอาหารถึงสามรอบ อย่าให้บอกเลยว่ารอบแรกรสชาติเป็นอย่างไร ถถถถถถถถถ


 
เมื่อทำอาหารเสร็จสองสาวดี้ด๊าถ่ายรูปแชร์ลงเฟสบุ๊คแล้ว ทุกคนก็เข้าสู่โหมดก้มหน้าคุยกัน จนเกิดเป็นกระทู้กลายพันธุ์ข้างต้น



ก็นั่งด้วยกันตั้งสี่คน ทำไมไม่คุยกันว่ะ แม่งงงงง ผมฮึดฮัดในใจ ลุกจากโต๊ะทานข้าว เดินไปนั่งโซฟาที่ห้องนั่งเล่นทันที เหมียวเล็กที่คอยท่าอยู่แล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก เบียดหูเบียดหางให้เกาอย่างเคย



เอาจริงๆ แล้ว ยอมรับเลยว่าเกลียดมาก



เฟสบุ๊ค...โซเชียลมีเดียทั้งหลายที่ทำให้เราติดต่อกับใครหลายคนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
พูดคุยกับเพื่อนโดยไม่เสียตังค์ (ซี: แต่เปลืองไฟ)
ทำงานกลุ่ม (หวาน: เรื่องเรียนสำคัญนะคะ ยิ้ม)
ใครบางคนเอาไว้แอบส่องคนที่ชอบหรือคนที่เกลียด (สองสาว: ส่องคู่จิ้นด้วย!)
เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่พบเจอในชีวิต ทั้งตลก แปลก เศร้า
ให้ข้อคิด แบ่งปันเหตุการณ์ ความรู้สึกดีๆ
เรียกได้ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และน้ำตา



ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดเฟสบุ๊ค แต่สิ่งที่ผมเกลียดคือการที่หลายคนใช้เฟสบุ๊คเป็นเครื่องระบายอารมณ์ บ่นเช้าบ่นเย็น นินทาคนโน้น ด่าคนนี้ไปทั่ว แรกเริ่มก็ไม่ได้สนใจข้อความเหล่านั้นเท่าไหร่ แต่เมื่อเสพมากไปก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ‘เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า’ ‘คนนี้กำลังว่าเราอยู่ใช่ไหม’ ผนวกกับรูปแปลกๆ น่ากลัวทั้งหลายที่หลายคนกดแชร์อย่างไม่คิดอะไร ทำให้ผมคิดมาก จากที่เป็นคนเก็บกดจากทั้งเรื่องครอบครัว ชีวิต การเรียน การเงิน เลยยิ่งคิดมาขึ้นไปอีก ทั้งยังมี ‘โรค’ ที่รักษาไม่หาย


เฟสบุ๊คกลายเป็นอาวุธที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากที่สุด

 


 
...คิดว่าเป็นใคร เรียนปีสูงแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ...

 

เป็นผมแน่ๆ เลยใช่ไหม ปีสี่ก็สูงที่สุดเลยนิ

 
 

‘กูไม่รู้ว่ากูไปทำอะไรให้’ จนทนความอึดอัดไม่ไหว ไประบายให้ยัยซีฟัง
‘คิดมาก เค้าไปด่าพี่หรอกน่า เดี๋ยวนี้ใครก็บ่นในเฟสไปทั่วแหละ’ ยัยซีบอกไว้อย่างนั้น

 
 

… รำคาญไอ้พวกเรียกร้องความสนใจ ...




 
ผมก็ไม่พยายามไม่คิดมากตามคำแนะนำของน้องสาว โหมทำงานหาเงิน สนใจแต่เรื่องเรียน ทำโปรเจ็คส่ง จนร่างกายไม่ไหว เครียดลงกระเพาะ ความอ่อนแอที่ถูกกดอยู่ลึกสุดใจก็ค่อยๆ แสดงตัวออกมา


หลายต่อหลายคืนที่คำผรุสวาทด่าทอต่างๆ นานาที่ผมเคยได้ยินแต่เด็กวนเวียนเข้ามาในหัวยามหลับซ้ำไปซ้ำมาราวกับไม่มีวันจบสิ้น

ทั้งเสียงด่าทอ เยาะเย้ย และเหยียดหยาม
 



‘หมาหัวเน่า ไอ้ลูกไม่มีแม่’



‘ให้ที่ซุกหัวนอนแล้วยังขี้เกียจอีกนะ เด็กบ้า’



 ...ถูกเขาหลอกก็ยังไม่รู้ตัว ยิ้มเข้าไปสิ เดี๋ยวจะร้องไห้ไม่ออก...
 



‘พวกแกสองพี่น้องมันตัวซวย’



‘เนรคุณ!!’




‘บอกให้รีดเสื้อให้เรียบร้อยไง เย็นนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามากินข้าวนะ!!’
 



...บางคนทำทุกอย่างตามใจตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น...
 




‘มึงมันไม่ได้ดีสมชื่อเลย ไปไหนก็ไปไป๊’





‘คนอะไรชื่อโชคดี ตลกชะมัด’





‘ไอ้ตัวดี บอกให้ทำงานบ้านให้เรียบร้อยก่อนไปเล่นไง แล้วนี้อะไร ฮะ! มาให้ตีซะดีๆ นะ’

 



 
ผมเครียด อึดอัด และกดดันจนทำให้อาเจียนออกมาไม่หยุด




ทั้งๆ ที่ร่ำไห้ ขอร้อง อ้อนวอน ทว่าเสียงเหล่านั้นก็ยังคงดังก้องซ้ำไปมาอยู่ในหัว ซ้ำยังเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ






 
ทันใดนั้นเอง สายตาคู่หนึ่งที่ใครสักคนแชร์ในเฟสบุ๊คก็แวบเข้ามาในหัว สายตาคู่นั้นจ้องมองตรงมาที่ผม



มองทำไม

มองเพราะรู้อะไรหรือเปล่า

มองเพราะจะจับผิด ด่าว่า เอาเรื่องของเขาไปนินทาอีกหรือเปล่า

 





อย่า! ไม่เอา!! อย่ามองนะ!!

 



ผมปัดมือไม้ไปในอากาศด้วยหวังว่าจะทำให้สายตาคู่นั้นหายไปแทนที่จะเป็นดังหวังกลับรับรู้ได้ถึงจำนวนสายตาอีกหลายคู่ที่จ้องมองมาที่ผม จ้องดูทุกการกระทำของผม

 


ทำไงดี ทำไงดี ห้ามมอง อย่ามองนะ

 



ผมตะเกียดตะกาย พยายามทรงตัวขึ้นไปปิดไฟด้วยหวังว่าความมืดจะอำพรางตัวเองเอาไว้





เปล่าเลย ความมืดไม่ได้ช่วยอำพรางตัวผม ความมืดช่วยทำให้สายตานับร้อยนับพันที่จ้องมองผมอยู่นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น มันเปล่งประกายแวววาวในความมืด และสะท้อนแสงทุกครั้งที่กะพริบตา

 

ไม่! หายไปซะ! หายไปนะเว้ย!! อย่ามองกู!

 





อย่ามายุ่งกับกู!!!

 





ซี อยู่ไหน








พี่น้ำ




พี่น้ำ ช่วย.. ช่วยด้วย!!




 

…………………………………….





………………………





………………….






…………….





………..





……..





…..





...





..




.

 

 

รู้ตัวอีกที ผมก็ตื่นขึ้นมาพบกับแสงสีขาวสว่างจ้าจนตาพร่า มองไปรอบห้องก็พบว่าทุกอย่างล้วนเป็นสีขาว กลิ่นสะอาดแทงเข้ามาในจมูกจนต้องนิ่วหน้า

ผมอยู่ที่โรงพยาบาล



เมื่อเริ่มขยับตัวก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาหา สองสาวส่งรอยยิ้มแบบดีใจสุดขีดมาให้ ซีถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา พี่น้ำ กับรอยยิ้มเจิดจ้าอบอุ่นพอเห็นผมพยายามลุกขึ้นนั่งก็คว้าตัวไปกอดไว้แน่น กวาดสายตามองคนรอบกายแล้วก็ได้แต่พึมพำขอโทษ

 




แสงสว่าง...มันอบอุ่นแบบนี้เอง

 

 

 

‘พี่ดี  อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย’ ซีเข้ามาบอก พร้อมกอดผมแน่น



‘คนใจร้ายพวกนั้น เป็นอดีตไปแล้วพี่ดีอย่าคิดมากเลยนะคะ’ หวานแทรกตัวเข้ามากอดอีกคน




‘เฟสบุ๊คก็เล่นให้น้อยๆ หน่อย อย่าไปจดจ่อกับมันมากรู้ป่าว’ น้ำสำทับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 



‘อื้อ อันนี้จริงที่สุด เห็นด้วยกับเฮีย คนบางคนก็ทำอะไรตามใจไม่คิดนึกอะไร อยากจะโพสอะไรก็โพส อารมณ์เสียด่าว่าใครก็ทำ ระบายอารมณ์จนทำให้เสียบรรยากาศหมด พี่ดีอย่าเก็บเอามาคิดเลย’ หวานพูดอู้อี้





‘ใช่ๆ ใครเค้าจะว่าจะด่าอะไร ถ้าไม่ได้เมนชั่นถึงพี่ดี เข้ามาด่าในวอล์ล หรือส่งข้อความมาว่าตรงๆ ก็ห้ามคิดว่าเขาว่าตัวเองเด็ดขาดนะ’




‘อื้อ’ น้องสาวสำทับมาอีกที ผมพยักหน้าส่งเสียงตอบเบาๆ

 






‘ถึงใครจะไม่รัก...ก็ขอให้รู้ว่า พี่รักดี นะ’

 




คนตัวสูงขยับแนบหน้าเข้ากับแก้มตอบ ไรหนวดทำเอาคนป่วยนิ่วหน้า ลังเกตจากท่าทางแล้วคงเป็นพี่น้ำนี่แหละที่มานอนเฝ้าทั้งคืน


ตามหมอด่วน มาด่าไอ้พี่น้ำที คนเพิ่งหายป่วยมาทำอันตรายต่อหัวใจ
แน่นอนว่าตามสเตปแล้วสองสาวมันจะต้อง...



‘กรี๊ดดดดด’

‘กิ้วๆ’

‘เฮี้ยยยยย หวานตลอดๆ’

‘พี่ดีก็เขินตลอดๆ’




ผมคงจะโดนแซวมากกว่านี้ถ้าหมอไม่เปิดประตูเข้ามาดูอาการ ห้องพักถึงได้เงียบสงบได้ระยะหนึ่ง ค่อยสบายหูหน่อย





‘พี่ดี’ พอหมอออกจากห้อง ปิดประตูปั๊บ เจ้าซีก็ต่อทันที



‘จะบอกว่า นอกจากพี่น้ำที่รักพี่ดีม้ากมากแล้วเนี่ย ซีก็รักพี่ดีนะ’ ยัยซีพูดจบก็เดินหนีเข้าไปในห้องน้ำ ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็เขินเหมือนกันแหละว้า



‘หวานด้วยๆ หวานก็รักพี่ดีนะคะ’ ยัยหวานเข้ามากอดอีกรอบแล้วเดินไปตามซีในห้องน้ำไปอีกคน









‘มีแต่คนรักคนหลงแบบนี้ มีอะไรดีครับเนี่ย บอกหน่อยสิ’ น้ำเอ่ยยิ้มๆ เมื่อเห็นดีนั่งเขิน ทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเตียง



หน่อยแน่ เห็นว่าป่วยคิดว่าจะแกล้งกันได้ฝ่ายเดียวสินะ




‘......’




‘อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย’ น้ำพูดพลางเดินเข้ามาชิดตัวคนไข้




‘น้ำดี’ ดีกระซิบ





‘น้ำไหนดี’ ดวงตาพราวระยับ





‘น้ำนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว’





นิ้วมือขาวขยับไปจิ้มที่อกข้างซ้ายของน้ำ



น้ำคว้ามือเล็กมากุมไว้ ทอดสายตามองไปที่หลังมือไล้ปลายนิ้วกับรอยช้ำสีม่วงเขียวเหนือสายน้ำเกลือ เมื่อคืนซีโทรหาเขากลางดึกบอกพี่ชายละเมอเพ้อไม่ได้สติ เมื่อไปถึงช่วยกันพาคนป่วยขึ้นรถมาส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเลเพราะดีเอาแต่ดิ้นไม่ยอมท่าเดียวจนสองสาวสู้แรงไม่อยู่ เขาต้องเป็นฝ่ายกอดรัดดีมาตลอดทาง


เห็นอาการของคนรักแล้ว ทั้งเขา หวานและซีต่างก็น้ำตาคลอ ช่วยกันปลอบขวัญด้วยวิธีต่างๆ นานา เมื่อดีเริ่มสงบเขาสบตาเข้ากับสายตาหวาดหวั่นของซี ดวงตากลมโตคู่นั้นคลอดด้วยหยาดน้ำตา เขามองเห็นความลังเลอยู่ภายใน



น้ำส่งยิ้มให้น้อง แล้วจึงเอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อข้างขมับของคนในอ้อมแขน กดปลายจมูกย้ำกับหน้าผากมน พูดออกมาให้ทั้งดีและสองสาวได้ยิน ถ้าหากคำพูดของเขาจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับซีได้บ้าง



‘ถ้าคนในฝันไม่ใช่พี่ ก็ตื่นนะดี แม้แต่ในฝันพี่ก็ไม่ยอมให้ดีคิดถึงคนอื่น’



และราวกับได้ยิน ดีก็ส่งเสียงสะอื้นฮักใหญ่ผล็อยหลับไป รถยนต์ก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี





สัมผัสอุ่นในมือตอนนี้ทำให้น้ำส่งยิ้มกว้างอบอุ่น เจิดจ้า จนตาเป็นขีดโค้ง
 


‘น้ำดีเพราะได้รักน้องดีต่างหากเล่า’



การกระทำของเขาอาจยังไม่ชัดเจนพอที่จะให้ดีมั่นใจ เขาก็พร้อมที่จะเอ่ยความรู้สึกออกมาให้มากขึ้นเพื่อคนนี้

 



คนป่วยแก้มแดงจัด จนน้ำที่ยืนอยู่ใกล้รู้สึกถึงไอร้อนที่ออกมาจากแก้มแดงๆ นั้น
แล้วคนตัวสูงก็ต้องมีแก้มเป็นสีกุหลาบเช่นกันเพราะคนตัวผอมยื่นปากเข้ามาจุ๊บแก้ม

 





‘ขอบคุณมาก ...แล้วก็...รักพี่น้ำนะ’



 



Fin
--------------------------------------
[2/12/58]
ตอนนี้เราคิดนานมากเพื่ออธิบายเรื่องเฟสบุ๊คที่ดีเปิดเจอ อ่านแล้วเข้าใจกันมากขึ้นไหมคะ หรืองงกว่าเดิม// ความจริงตอนนี้ควรเป็นตอนที่ 25 หรือเปล่า 5555

เรื่องก็คือในเฟสไม่มีใครว่าน้องดีหรอกค่ะ ดีเจอสเตตัสของคนอื่นแล้วก็คิดไปเองว่าเขาด่าตัวเอง น้องดีเป็นคนคิดมากเกิดจากปมที่โดนด่าว่าในอดีตนั่นเองค่ะ ความเครียดจากเรื่องการเรียน การงาน การเงิน สารพัด เลยทำให้คิดมาเข้าไปใหญ่ จนป่วยหนักอย่างที่เป็น

โรคของดีเป็นแล้วไม่หายนะคะ มีแต่อาการดีขึ้น โรคทางใจเป็นโรคที่พร้อมจะกำเริบอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไม่แปลกเลยที่น้องจะอาการกำเริบบ่อยๆ จะว่าไปก็เป็นเด็กมีปัญหา ต้องการความรักความอบอุ่นคนหนึ่งนั่นเองค่ะ *ตัดมาจาก talk ที่เคยโพสที่อื่น
ส่วนสองสาวนั้นเป็นคู่จิ้นเราเองค่ะ 555555 *ดีใจมีคนอื่นมาจิ้นด้วย

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :mew1:
Lavender’s blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 15:18:35 โดย Wendy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เข้มแข็งเข้าไว้

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
จริงๆถ้าคุณบลูยังเขียนไม่จบ กะจะยุให้เขียนต่อ เพิ่มคู่น้องหวานซีเข้าไป  :impress3:


ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ :)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องดีสู้ๆ นะ ยังไงก็ยังมีพี่น้ำอยู่เคียงข้าง

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อย่างน้องน้องดีก็ดีขึ้นเนอะ
เล่นได้แต่ก็อย่าเอามาเป็นประเด็นให้ตัวเองคิดมาก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เราจะรอตอนพิเศษตอนต่อๆไปนะนะ
พี่น้องซีดีน่าสงสารอ่ะ พี่น้ำดูแลดี ดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 2)



ตอนพิเศษ: พุง



ปลายเดือนธันวาคม สองสาว ซีและหวานเข้ามาขออนุญาตพี่ชายทั้งสองไปเที่ยวช่วงปิดเรียนเทศกาลปีใหม่กับเพื่อนๆ
คำว่า ‘ขออนุญาต’ คงใช้ได้กับหวานคนเดียว ยัยซีน่ะ ใช้คำว่า ‘บอกให้รู้’ จะเหมาะสมกว่านะฟังจากที่มันมาบอกเขาสิ


“พี่ดี ช่วงปิดสิ้นปี ซีจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับหวานนะ”


น้องสาวเอ่ยขึ้นขณะที่ครอบครัวสุขสันต์อันได้แก่ ผม นายโชคดี สุดหล่อของบ้าน เหมียวเล็ก ยัยซี ยัยหวาน และ...อีกคน เออ เรียกว่า พี่น้ำ ก็ได้ นั่งดูโทรทัศน์กันในช่วงเช้าวันอาทิตย์


“อือ”


แม้ว่าช่องหลายสีจะเอาพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พ็อตเตอร์มาฉายรอบที่แปด ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากหน้าจอโทรทัศน์ได้ จึงส่งเสียงอืออาตอบยัยซีไป


“ไปวันไหน”  น้ำที่นั่งบนโซฟาถัดจากเขากำลังเกาคอเจ้าเหมียวเล็กและดูโทรทัศน์ไปด้วยถามขึ้น

“ไปวันศุกร์เย็นเลยเฮีย รถออกสี่ทุ่ม” หวานตอบพี่ชาย

“นั่งรถทัวร์ไปอะพี่น้ำ เนี่ยซีจองที่พัก วางแผนไว้เรียบร้อย” ยัยซีที่นั่งกับพื้นเยื้องไปข้างหน้าโทรทัศน์ เอาแขนเท้ากับโต๊ะญี่ปุ่น หันหน้ามาคุยกับน้ำ บนโต๊ะมีหนังสือท่องเที่ยวที่เจ้าตัวไปยืมมาจากหอสมุดของมหาวิทยาลัยกางอยู่หลายเล่มภาพดอกไม้รูปร่างแปลกตา ป่าสนและเมเปิ้ลแดงต่างเป็นสิ่งที่ยัยซีหามา ‘หลอกล่อ’ ให้เพื่อนสนใจ


แม้ว่าตาของเขาจะมองโทรทัศน์ไม่กะพริบแต่หูก็ยังทำงาน คอยฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา
อย่าคิดว่าจะนินทากันระยะเผาขนนะเฟ้ย



“จะไปที่ไหน”


“ภูกระดึงเฮีย” หวานขยับเข้ามาลูบเจ้าเหมียวเล็กที่ย้ายลงจากตักน้ำมานอนบนพื้นใกล้ๆ เท้าของดี

“พี่น้ำเคยไปไหม” ซีหมดความสนใจกับรูปภาพในหนังสือ หันมาพูดกับน้ำเต็มตัว

“ตอนปีหนึ่งมั้ง ไปทริปกับอาจารย์ที่คณะ สวยมาก”

“ใช่ไหม เห็นปะหวาน ขนาดพี่น้ำยังบอกเลยว่าสวย” ซียิ้มร่า



อันนี้แอบได้ยินสองสาวเค้าคุยกันหลายครั้งแล้วน่ะ ยัยซีอยากไปแต่เหมือนยัยหวานจะไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ดูลังเลอยู่ แต่ถ้าขนาดซีบอกจองรถ จองที่พักแล้วก็คงปฎิเสธไม่ได้ชัวร์ อย่าว่าแต่หวานที่เป็นเพื่อนเลย ขนาดเขาพี่ชายแท้ๆ ยังไม่เคยปฎิเสธมันได้ นิสัยเหมือนไอ้คนนั่งข้างกันชะมัด บางทีมันอาจจะเป็นน้องไอ้พี่น้ำแล้วถูกสลับตัวอย่างในละครก็ได้นะ
โอเค บางทีเขาก็เลอะเทอะไปหน่อย



“เค้าก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่สวยสักหน่อย ซีก็ แค่กลัวจะเดินไม่ไหวเองอ่า”
หวานแก้ตัวเสียงอ่อย แน่นอนว่าสองพี่น้องถูกเลี้ยงมาต่างจากเขากับซีที่ต้องปากกัดตีนถีบด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก น้ำที่เป็นผู้ชายอาจไปได้ถูกพ่อกับแม่คอยดูแลประคบประหงมเท่าไหร่ แต่จากกริยาท่าทางของหวานแล้ว ดูยังไงคนนี้ก็ไข่ในหินชัดๆ ยัยซีก็ยังจะลากเอาเพื่อนตัวเองไปสมบุกสมบันอีก เชื่อเขาเลย!


“เหลือเวลาอีกอาทิตย์กว่าๆ ไปออกกำลังกายก่อนไปเที่ยวสิ” น้ำให้คำแนะนำ เอื้อมมือไปหยิบหนังสือท่องเที่ยวมาเปิดดู   

“ทางเดินลำบากมากปะพี่น้ำ” เจ้าซีถามต่อไป

“ก็เดินขึ้นภูประมาณ...เกือบ 9 โลมั้ง” น้ำนึกแล้วทำท่าเป็นลักษณะทางเดินขึ้นเขาประกอบ

“หวานตายแน่เลยเฮีย” เสียงโอดครวญจากสาวหวาน

“ถึงได้บอกไปออกกำลังกายไง” ได้ยินไอ้พี่น้ำย้ำอีกครั้งเขาก็แปลกใจตอนแรกนึกว่าจะหวงน้องสาวไม่อยากให้ไปลำบากซะอีก

“แกก็ไปออกด้วยดิ ไอ้ซีอ้วน”

เขาอดที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ใช้คำว่าแสดงความคิดเห็นนะครับ ไม่ได้สอดนะ อย่าเข้าใจผิด หาเรื่องแหย่คนพูดมากได้แล้ว เรื่องอ้วนน่ะของจริง ช่วงนี้เจ้าซีบ่นทุกครั้งหลังอาหารว่าเริ่มอ้วนเพราะสองพี่น้องช่างขยันหาอาหารมาขุนพวกเขาเสียจริง เห็นมันบ่นทุกครั้งแต่ก็กินหมดทุกครั้งนะ


“โด่ อย่ามาว่าซีนะ พี่ดีก็มีพุงแล้วเหอะ” ซีสวนกลับมาทันที


“มึงอย่ามั่ว ไม่มีเหอะ ออกจะฟิตขนาดนี้” ชะ ยัยซีอย่ามาพูดมั่วๆ นะเว้ย ขนาดกล้ามเนื้อยังไม่มีเลย จะไปมีพุงได้ไงว่ะ 


“หลงตัวเอง” นั่นดูมัน ว่าได้แม้กระทั่งพี่ตัวเอง


“ไม่มีหรอกพุง ถ้าก้างก็ว่าไปอย่าง”  เสียงทุ้มๆ ของน้ำดังขัดจังหวะการปะทะของสองพี่น้อง


“เห็นไหม พี่น้ำพูดถูก” ความจริงก็คือความจริงวันเย็นค่ำนะน้องสาว ขนาดพี่น้ำยังอยู่ข้างเดียวกะเขาเลย เหอะ เดี๋ยวนะ ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินประโยคนี้ก็เป็นประโยคธรรมดา แต่นี่มันสองสาววายนะเฟ้ย


ไอ้พี่น้ำมึงพลาดแล้ว!!



ซีกับหวานชะงักไปกับคำพูดของพี่ชายครู่หนึ่ง หันมามองหน้ากัน เป็นซีที่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อน

“จริงเหรออออ แล้วพี่น้ำรู้ได้ไงอะ” สายตาวิบวับแบบนั้นไปหันมาจากไหน น่าเอานิ้วจิ้มให้ตาบอดชะมัด

“พี่ดีผอมจริงหรอคะพี่น้ำ” ยัยหวานอีกคน เอาความหวานความน่ารักไปซ่อนไว้ที่ไหนหมดฮะ! มาดคุณหนูหน่อมแน้มกลัวเดินขึ้นภูไม่ไหวเมื่อกี้เอาออกมาใช้สิ


เหมือนเทอร์โมมิตเตอร์ที่ถูกจุ่มลงไปในน้ำเดือด ใบหน้าของดีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวอ้าปากพะงาบๆ สูดหายใจรวบรวมสติก่อนจะโวยวายเสียงดัง



“หยุ้ดดดดดด หยุดๆ ๆ ๆ พอเลย ห้ามตอบ ห้าม ห้าม ห้าม”



สองมือหันไปห้ามสองสาวที่จ้องตาเป็นมันเหมือนตอนเหมียวเล็กได้กลิ่นปลาทูที่พี่น้ำมักจะซื้อมาฝาก เมื่อเห็นน้ำอ้าปากจะตอบคำถามสองสาว ดีก็ขยับตัวเอามือผอมๆ นั้นมาปิดปากเขาไว้ น้ำได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในคอ


“ฮั่นแน่ พี่ดีเขินอะไรอยู่จ๊ะ” ซีลุกขึ้นยืนเอื้อมมือมาจิ้มๆ แก้มแดงๆ ของพี่ชาย


“ไม่ได้เขินเว้ยยยย” มือหนึ่งปิดปากพี่น้ำ มือหนึ่งปัดมือน้องสาว หน้าแดงๆ นั้นเริ่มงอ มัวแต่สนใจเรื่องที่ตนเองจะโดนแกล้งมากกว่าสัมผัสที่เริ่มจะแนบชิดขึ้นทุกทีจากคนข้างกาย


“ถ้าอยากรู้ว่ามีพุงไหมนี่ต้องทำไงอะซี” หวานพูดแหย่มาอีกคน

“อ๋อออ ถ้าเป็นเราอะนะ คงต้อง....” ซีเหลือบมองพี่ชาย


“ต้องอะไร ไม่ได้ทำไรกันทั้งนั้นแหละเว้ย” ดีรีบบอกสองสาว ความสนใจมุ่งไปตรงหน้ากับคู่สนทนา จนไม่รู้สึกตัวเมื่อเอวเล็กถูกเจ้าของปากที่ตัวเองพยายามใช้สองมือผอมปิดรวบโอบไว้เต็มสองแขน


“ทำอะไรอะพี่ดี ฮ่าๆ พี่ดีลามกว่ะ” ซีหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นพี่ชายร้อนตัว ยักคิ้วให้พี่น้ำที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างพี่ชายตัวเองทั้งยังกระชับมือที่เกี่ยวเอวแน่นขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่ทันสนใจเพราะมัวแต่เถียงน้องสาวหน้าแดงอยู่


“ฮ่าๆ พี่ดี ตลกจัง” หวานฉีกยิ้ม


“ซีจะบอกว่า ‘แค่ดูที่พุง’ ก็รู้แล้วว่ามีพุงไหมเอ้งงงง ทำไมร้อนตัวไปได้นะเนี่ย” ลากเสียงยาวล้อคนที่ร้อนตัว


“แล้วพี่น้ำรู้ได้ไงคะว่าพี่ดีไม่มีพุง” หวานยังคงพยายามเปิดโอกาสให้พี่ชายซึ่งตอนนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากพยายามรวบเอวดีที่ดิ้นไปมาไว้ เหมียวเล็กละความสนใจมนุษย์ทั้งสี่เดินหายไปทางหลังบ้าน สะบัดหางไปมาราวกับรำคาญเสียงเอะอะโวยวาย


“พี่ก็...” สายวิบวับนั้น อยากถามจริงว่าไปสอนยัยซีมันทำหรือเปล่า ถึงได้เหมือนกันเป๊ะขนาดนี้

“ก็อะไร” ดีหันขวับไปมองหน้าน้ำทันที พร้อมพูดเสียงเข้ม อย่าพูดอะไรน่าขายหน้านะเฟ้ยยยยย



“กอดดีแน่นๆ อย่างนี้ไงเล่าถึงรู้”



น้ำยกคนทำตาดุขึ้นตักแรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นทำให้คนในอ้อมแขนยิ่งดิ้นหนัก เมื่อไม่ได้ผลก็บอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ เต็มสองรูหู


“ปล่อยยยยยยยเว้ยยยยยยยย”



สองสาวหัวเราะกับท่าทางของทั้งคู่ แทนที่จะช่วยดันส่งเสียงหัวเราะขำกันเสียอีก ยัยหวานส่งเสียงเชียร์พี่ชาย

“เฮียกอดแน่นๆ เลย ฮ่าๆ”
“พี่ดีอย่าดิ้นดิ อยู่นิ่งๆ แปบ ...นั่นแหละ ท่าสวยมาก”


ยัยซีคว้ามือถือมากดถ่ายภาพอย่างรวดเร็วแล้วคว้ามือเพื่อนสนิทวิ่งขึ้นห้องโดยมีเสียงโวยวายของพี่ชายและเสียงหัวเราะขำของพี่น้ำไล่ตามหลัง


“ไอ้ซี มึงเลวววววว ลบรูปเดี๋ยวนี้นะ!!!”

“จุ๊ๆ ดีนิ่งๆ น่า ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เฉยๆ ไว้” คนที่กอดตัวเองแน่นบอกหลังจากควบคุมเสียงหัวเราะได้


“ไอ้พี่น้ำ ความผิดพี่คนเดียวเลย ถ้าซีมันอัพรูปลงเฟสบุ๊คอีกทำไงวะ” ดียังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนต่อไป รับรู้ถึงปลายจมูกโด่งวนเวียนอยู่แถวๆ ขมับ




“เดี๋ยวพี่เข้าไป “กด’ ...คนแรกเลย”

ใบหน้าที่เริ่มเป็นปกติของดีกลับแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง

“กดอะไรพูดดีๆ นะเว่ย”

เมื่อเห็นว่าความพยายามที่จะหลุดจากวงแขนนี้เป็นลบ งั้นหันหน้ามาคุยกันดีๆ ก็ด้ายยยยยยย นี่น่ะ บีบจมูกแม่งงงง หมั่นไส้ ดั้งโด่งเกินไปแล้ว





“จุ๊บ”



ริมฝีปากอุ่นแนบลงฝ่ามือผอมที่เมื่อกี้แกล้งปิดปากเขาบ้าง บีบจมูกบ้าง พร้อมทำเสียงประกอบ



“เฮ้ย!”


น้ำมองหน้าเหวอๆ ของคนในอ้อมแขนแล้วส่งยิ้มกว้างจนตาเป็นขีดโค้งให้แล้วจึงตอบว่า



“ไม่ ‘กด’ ไลค์อะคนนี้  ‘กด’ เลิฟ”



ดีเบือนหน้าไปยิ้มเขินกับโทรทัศน์ แล้วความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวทุยๆ รอยยิ้มปีศาจผ่านแวบไปในแววตา ยื่นหน้าไปกระซิบข้างแก้มของคนที่โอบรัดเขาอยู่ด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังมองหน้าคนพูดตาโต โน้มหน้าเข้ามาใกล้พึมพำชิดริมฝีปากดีว่า

“..ปากดี”


แล้วปิด ‘ปากดี’ นั้นด้วยริมฝีปากของตนเองหนักหน่วงทว่าอ่อนโยน








ประโยคแสนร้ายกาจนั้น คือ




“กดไม่กลัว กลัวไม่กด”


Fin
--------------------------
[3/12/58]
ดีใจที่มีคนชอบค่ะ *ยิ้มแก้มแตก*
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :L2:
Lavender’s blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 15:24:29 โดย Wendy »

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
สองสาวไปเที่ยวกันนี่เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้พี่เค้าสองคนป่าวคะ อิอิ :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่น้ำอย่าปล่อยให้ดีลูบคมดีบอกแล้วว่ากดไม่กลัวกลัวไม่กด
ดังนั้นพี่น้ำกดดีเลยรออะไรอยู่ ยกมือสนับสนุนให้ดีโดนกดอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ฮ่าๆ อารมณ์แบบครอบครัวสุขสันต์มากเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โอกาสนี้ต้องรีบฉวยนะพี่น้ำ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด